หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18  (อ่าน 18870 ครั้ง)

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮื้อออ ทิคต้องหึงแน่ๆเลย อย่ากลับไปโหดอีกนะสงสารบาสแล้วว

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
27..ความลับจะถูกเปิดเผยหรือเปล่า


“ถ้ามีปัญหาอะไรอยากให้รีบบอกนะเพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วมันจะเสียทั้งเวลาแรงและทรัพยากร”

ตรืด!

แรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้บาสที่กำลังตั้งใจฟังหัวหน้าเอ็นจิเนียร์พูดต้องละมาสนใจมันแทนแต่ก็ไม่ได้อะไรเพราะกำลังอยู่ในเวลางาน

ตรืด!

ตรืด!

คิดว่ามันจะเงียบไปแต่ไม่ใช่ กลับยิ่งสั่นรัวๆจนบาสต้องเงยหน้ามองบรรยากาศรอบข้างเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังให้ความสนใจคนพูดบาสจึงวางปากกาลงกับแฟ้มที่ถืออยู่แล้วแอบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู

สาเหตุของแรงสั่นคือการแจ้งเตือนของไลน์และไม่ใช่จากใครที่ไหน

TIK01

(กินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ)

บาสอ่านแล้วเงยหน้ามองเจ้าของข้อความที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาขุ่นๆ

มันใช่เวลาไหมเนี่ย!

ทิคกำลังยืนอยู่หลังมานพเหมือนที่เขายืนอยู่หลังบงกช รายนั้นพอเห็นบาสมองก็ยักคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบส่งมา บาสมองรอบข้างเมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองมาจึงแอบกดข้อความส่งกลับไป

B_Bas

(รอดูงานก่อน)

กดตอบแบบสั้นๆรีบๆแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง

ตรืด!

แต่ยังไม่ทันได้จับปากกาเลยโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีก บาสถอนหายใจแล้วหันไปหาทิคที่ส่งสายตากวนมา

TIK01

(ไอ้งานมันเป็นใครทำไมต้องรอดูมัน?)

ได้อ่านข้อความแล้วต้องรีบกดตอบเร็วๆด้วยความโมโหในความกวน

B_Bas

(ไปคุยกับขี้ไป!)

TIK01

(พูดจาไม่เพราะเลย)

ไอ้ข้อความกวนๆนะไม่เท่าไร แต่ไอ้สติ๊กเกอร์รูปหมีน้อยหน้าตาน่าสงสารที่ถูกส่งมาทิ้งท้ายนี่สิมันทำให้อารมณ์พุ่ง

B_Bas

(เลิกกวนตั้งใจฟังเขาดิ๊!)

TIK01

(ก็กูเก่งอยู่แล้วจะให้ฟังไปทำไมพูดก็พูดเรื่องเดิมๆ)

(จดอะไรไปทำไมเยอะแยะไก่กาเห็นนานละไม่รู้อะไรก็บอก)

(จะพาไปติวที่..บ้าน)

ข้อความถูกส่งมารัวๆจนหาจังหวะแทรกไม่ได้แต่เมื่อได้อ่านแล้วบาสถึงกับต้องหันมองทิคชูโทรศัพท์ในมือให้ทิคดูแล้วเก็บมันลงกระเป๋าอย่างไม่ใยดีด้วยสายตาชนะแล้วหันไปสนใจฟังงาน

ฝั่งทิคเห็นท่าทางที่บาสจงใจแสดงให้เห็นแล้วถึงกับต้องแสยะยิ้มมองแล้วเก็บโทรศัพท์บ้าง

“งั้นวันนี้พอแค่นี้ ยังไงฝากทุกคนด้วยนะ”

เสียงปิดท้ายการพูดคุยสิ้นลงเสียงพูดคุยจึงดังขึ้นแทน เป็นเสียงของการพูดคุยหารือถึงสิ่งที่ได้พูดคุยกันวันนี้นั้นเองทุกคนต่างพากันแยกย้ายแตกกลุ่มเสียงดังจอแจ

บาสก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังจะกลับแอสตัวเองเพราะบงกชล่วงหน้าไปแล้วแต่แรงกระชากที่แขนแรงจนเกือบทำแฟ้มตกทำให้ต้องนิ่วหน้าหันมอง

“เจ็บหรอ ขอโทษ”

ทิครีบปล่อยมือแล้วพูดขอโทษด้วยเสียงอ่อนและหน้าตารู้สึกผิดลืมนึกไปว่าบาสเพิ่งหายป่วย ส่วนบาสตอนแรกก็กะจะหันไปว่าแต่เมื่อเห็นว่าเป็นทิคและหน้าตารู้สึกผิดของทิคเห็นแล้วต้องเปลี่ยนเป็นยิ้มให้

เดี๋ยวนี้ทิครู้จักห่วงความรู้สึกคนอื่นมากขึ้น แค่นี้ก็เป็นสัญญาณที่ดีแล้ว

“ไม่ได้เจ็บแค่ตกใจ”

หน้าตาทิคดูคลายความเครียดลงเมื่อได้ยินและยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลมาให้บาส

“อะไร”

“วิตามินซี อาหารเสริม แคลเซียม เยอะอะไรเขาว่าดีกูเอามาหมดแหละ”

บาสเงยหน้าจากถุงตรงหน้าขึ้นมองทิคทันที

“เอามาให้ทำไมเยอะแยะเปลืองตัง”

“เปลืองอะไรพี่กูเป็นหมอเขาเอามาให้”

คิดไว้แล้วแหละว่าบาสต้องพูดเรื่องนี้แต่เสียใจทั้งหมดนี้ไปปล้นมาจากพี่สาวจริงๆนะอะไรเขาว่าดีเอามาให้หมด

“แผลเป็นไงบ้าง”

ทิคถามหลังจากเห็นแผลเมื่อบาสยื่นมือมารับถุงยาไป

“ดีขึ้นแล้ว ทู้กกกกอย่างในตัวดีหมดแล้วไม่ต้องห่วง”

บาสพูดลัดแบบล้อเลียนคิดว่าทิคต้องถามนู่นถามนี่อีก

“ใครบอกว่ากูห่วงมึง”

แต่คำพูดที่ได้กลับมาทำให้หน้าแตกยิ่งกว่าแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นจนต้องทำหน้าเจือนๆแก้เก้อทันที

“กูหวงต่างหาก”

นี่มันตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ บาสเผยยิ้มแทบจะหุบไม่ทันมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่นถึงจะทำเป็นพูดเบาๆลอยๆแต่ก็รู้นะว่าจงใจให้ได้ยิน

“กินข้าวให้ตรงเวลากูต้องไปล่ะ”

ทิคพูดแล้วยิ้มให้มองดูรอบๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงรีบยื่นมือมาวางลงบนหมวกบาสแล้วขยี้เบาๆสองสามครั้งแล้วรีบเดินจากไป

บาสยืนยิ้มบางๆกับสิ่งที่ถูกกระทำเมื่อครู่หันไปมองตามทิคที่เดินกึ่งวิ่งออกไปแล้วหันกลับมามองถุงยาในมือ

“เป็นเพื่อนกันหรอครับ”

!

เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้บาสตกใจหันกลับไปมอง ใครก็ไม่รู้ที่กำลังยืนมองมา

“คุณ หมายถึงใครหรอครับ”

“คุณกับทิค”

เขาพูดแล้วหันไปพยักหน้าทางทิคที่เดินจากไปแล้วไกลๆ

รู้จักทิคด้วย ไม่ได้ใส่ชุดพนักงาน แล้วเป็นใคร

“ครับ”

แต่ถึงจะงงงวยขนาดไหนก็ตอบคำถามที่เขาถามออกไป คนแปลกหน้าพยักหน้ารับรู้

“ผมมาร์คนะ”

เขาแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือมาหา บาสจึงยื่นมือไปจับและแนะนำตัวตามมารยาทกลับ

“ผมบาสครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เดี๋ยวเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น”

“คะ.ครับ”

ตอบรับไปแบบงงๆคืองงได้อีก อะไรของเขาตั้งแต่มาจนจากไปก็ยังคงทิ้งความค้างคาใจให้ไม่เลิก


ขณะกำลังเลิกงานจะกลับบ้านสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่มานพกำลังยืนคุยอยู่กับคนที่เข้ามาแนะนำตัวกับเขาเมื่อเช้า บาสเพ่งสายตามองดูจนแน่ใจว่าใช่แต่ก็ไม่ได้อะไรหันกลับมาสนใจเดินไปที่รถซึ่งทิคกำลังรออยู่ เขาต้องไปล้างแผลที่คลินิกจนกว่าแผลจะแห้งตามคำบอกของหมอนั้นเอง ทิคจึงอาสาเป็นคนไปส่งทุกครั้ง

“อ่ะ”

พอปิดประตูรัดเข็มขัดบาสก็ยื่นน้ำผลไม้กระป๋องที่เปิดให้เรียบร้อยให้ทิคซึ่งเขาแวะกดจากตู้กดน้ำที่มีอยู่ทั่วโรงงานของคนญี่ปุ่นเสร็จแล้วก็หยิบของตัวเองขึ้นมาเปิดดื่มบ้าง

“อื้ม เมื่อเช้ามีคนมาถามด้วยว่าเราเป็นเพื่อนกันหรอ”

ยกดื่มไปได้อึกหนึ่งบาสก็พูดเรื่องที่นึกขึ้นได้เล่าให้ทิคฟัง

“หรอ”

“เขารู้จักมึงด้วยนะ”

“ใคร”

ทิคถามแบบไม่ได้มองเพราะกำลังให้ความสนใจเลี้ยวรถออกจากที่จอดรถ

“เขาบอกชื่ออยู่ แต่กูจำไม่ได้ อะไรน๊า”

ทิคแสยะยิ้มเสียงดังแล้วพูดออกไป

“กูเห็นประโยชน์จากยาที่กูขนมาให้มึงวันนี้ลางๆแล้วละ”

“กวนละๆ”

บาสว่ากลับเมื่อรู้ว่าทิคกำลังพูดว่าตนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อหันมาสนใจเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ส่วนทิคก็ขับรถ



หลังจากโทรไปกำชับไอ้เบอะให้กินยากินข้าวให้ตรงเวลาเสร็จทิคจึงวางสายเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วถือแฟ้มออกจากห้องพร้อมไปลุยงานวันนี้

“ทิค”

แต่ยังไม่มันจะได้เดินเข้าไปในไลน์ก็ถูกเรียกซะก่อนจึงต้องหันกลับไป

“ครับพี่มานพ”

“เดี๋ยววันนี้จะมีเอ็นจิเนียร์คนใหม่ที่จะมาอยู่กับเรามาดูงานนะ จริงๆก็มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วละแต่พี่ยังไม่ได้พาเข้าแอส ยังไงพี่ฝากทิคช่วยดูแทนพี่ด้วยนะวันนี้พี่ยุ่งคงได้เข้าแอสเย็นๆเลย”

“ได้ครับ”

ทิคยิ้มรับคำสั่ง มานพยื่นมือมาตบไหล่ ทิคเป็นลูกน้องที่สั่งงานแล้วได้ดั่งใจที่สุดและไม่เคยทำพลาดสักครั้ง

“พูดถึงก็มาพอดี มาร์คทางนี้”

มานพเอนสายตาไปตะโกนมองจากด้านหลังเขา ทำให้ทิคต้องหันมองตาม

!!!

หันไปมองก็แทบช็อค

คนที่กำลังเดินมาแต่ไกลทำให้ทิคแทบจะหยุดหายใจเมื่อรู้ว่าใช่แน่ๆชาตั้งแต่หัวยันเท้าเมื่อได้เจอสิ่งที่ไม่อยากเจออีกมาตลอดชีวิต

ต่อให้เห็นแค่ปลายเล็บเขาก็จำได้

จำได้ไม่มีวันลืม


ไอ้มาร์ค


“สวัสดีครับพี่มานพ สวัสดีครับ..ทิค”

คนมาใหม่หันไปกล่าวสวัสดีผู้มีตำแหน่งสูงกว่าแล้วหันมาหาทิคที่ยืนนิ่งอยู่ ทิคแอบกำหมัดแน่นเก็บอารมณ์เมื่อคิดว่าตัวเองมีสติพอแล้วจึงเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้านิ่งๆ

“วันนี้พี่ติดธุระพี่ฝากมาร์คให้ทิคช่วยดูแลแล้วไม่ต้องห่วงนะทิคเป็นคิวซีเอ็นจิเนียร์มือหนึ่งของโรงงานเลยก็ว่าได้”

มานพว่าอย่างภูมิใจในตัวลูกน้องที่ตัวเองปลุกปั้นขึ้นมาให้คนใหม่ฟัง

“ผมเชื่อครับ...เพราะผมรู้จักมานาน”

“อ้าว รู้จักกันหรอ”

มานพถามด้วยสีหน้าแปลกใจมองทั้งสองคนสลับไปมา

ทิคเอาแต่ยืนเงียบไม่ตอบคำถามผู้เป็นหัวหน้าไม่แสดงอาการอะไรร่วม มาร์คมองยิ้มมุมปากแล้วเป็นฝ่ายพูดออกไป

“เปล่าครับ ผมหมายถึงผมพอจะรู้จักคนที่ทำงานเก่งแบบคุณทิคมาเหมือนกัน”

มาร์คพูดพร้อมกับมองหน้าทิคที่ยืนก้มหน้าไปด้วยแล้วหันไปยิ้มให้มานพ

“งั้นขอให้ทุกคนตั้งใจพี่ต้องไปแล้ว”

มานพเงยหน้าจากนาฬิกาข้อมือขึ้นยิ้มให้ทั้งคู่แล้วเดินจากไป มาร์คหันไปมองส่งตามมารยาทแล้วหันกลับมาหาคนที่ยืนนิ่งอยู่

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..เพื่อนรัก”

“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

ทิคไม่สานต่อคำพูดของมาร์ครีบตัดบทแล้วเดินไปทันที

“อย่ามายุ่งกับกู!”

ทิคหันกลับไปตะคอกเสียงแข็งแบบกดๆกัดฟันกรอดๆเก็บอารมณ์
เมื่อแขนถูกดึงไว้

“ทำไมต้องเสียงดังวะเพื่อนหรือว่า...ยังไม่หายหรอ”

“ไอ้มาร์ค!”

ทิคเรียกชื่อเสียงแข็งมองคนตรงหน้าเหมือนจะฆ่าให้ตายตรงนี้ แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนที่จะทนไม่ไหว

เขารีบเดินกลับไปที่ห้องทำงานเปิดลิ้นชักด้วยมือสั่นๆจนของตกระเนระนาดควานหาตลับยาที่พี่สาวจัดมาให้เมื่อเจอแล้วก็รีบเปิดฝาเทมันลงบนฝ่ามือส่งเข้าปากแล้วรีบกลืนลงคอคว้าขวดน้ำที่วางไว้มากระดกลงคอจนเกือบหมดขวด แล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานตรงไปที่ห้องน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


“มึงยังไม่หายจริงๆด้วย”

มาร์คพูดกับตัวเองด้วยใบหน้านิ่งไร้ความรู้สึกหลังจากที่แอบมองการกระทำของทิคอยู่ห่างๆ



ซ่า!!!


น้ำจากก๊อกของอ่างล้างหน้าถูกเปิดและถูกกวักขึ้นใส่หน้าแรงๆไปหลายครั้งจนเปียกไปถึงผม ทิคมองตัวเองในกระจกเมื่อเริ่มสงบลงชุดทำงานเปียกไปครึ่งตัวเพราะน้ำเขากำหมัดแน่นไม่ใช่เพราะโกรธแค้นอะไรแต่ทำเพื่อเก็บอารมณ์

มาทำไม!

มันมาทำอะไรที่นี่ ในเมื่อก็รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่

ต้องการอะไร!

มาอยู่ด้วยกันเขาจะเก็บอารมณ์ไว้ได้นานแค่ไหนสักวันมันต้องระเบิดออกมาและคนทั้งโรงงานต้องรู้

บาสก็จะรู้ด้วย

ไม่ได้!

ไม่ได้เด็ดขาด!

เขาต้องจัดการเรื่องนี้ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่องว่ามันต้องการอะไร



“ทิค”

“.........”

“ทิค”

เสียงเรียกครั้งที่สองทำให้คนที่นอนเอาแขนรองหน้าตัวเองอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหลังอาคารลืมตาขึ้นมองเมื่อเห็นว่าเป็นบาสที่ยืนมองอยู่จึงค่อยๆเหยียดตัวขึ้นไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนรู้แค่มึนเพราะฤทธิ์ยาแน่ๆ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า”

ทิคยิ้มจางๆให้เมื่อบาสมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง

“ทำไมหน้าซีดๆวะทิค”

บาสถามด้วยสีหน้ากังวลอีกครั้งเมื่อมองดีๆหน้าทิคซีดจนเห็นได้ชัด

“วิ่งงานในไลน์ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยถึงให้มึงซื้อมาให้กินไง”

ทิคยิ้มให้อ้อนๆดึงแขนบาสให้นั่งลงแล้วเปิดถุงที่บาสซื้อมาดู

“ไหนได้ไรมากิน”

“ให้กูเดินมาหาเนี่ยคิดว่ากูเหนื่อยไหม แอสมึงกับแอสกูห่างกันเป็นประเทศ”

ปากบ่นมือก็แกะกล่องข้าวไปด้วย ทิคมองบาสยิ้มๆแล้วยื่นมือไปรับช้อนส้อมที่บาสแกะยื่นมาให้

“แล้วก็แสดงว่าห่วงกูยังงั้นห่วงกูยังงี้เพราะป่วยอยู่ แต่ให้กูเดินข้ามประเทศมาหา”

ยัง ยังไม่เลิกบ่น แต่ปากบ่นมือก็ทำให้ทุกอย่างอยู่ดีขวดน้ำถูกเปิดฝาพร้อมหลอดส่งมาให้

“กูก็ป่วยนะ”

ทิคพูดเสียงเบาบ่นลอยๆ

“หรอ ป่วยเป็นอะไร”

บาสถามสีหน้าหาเรื่องว่าคุณชายจะมาไม้ไหน

“ก็เพราะหิวข้าวไง”

ทิคพูดออกไปแล้วตักข้าวขึ้นกิน บาสเบ้หน้าให้เมื่อได้ยินคำตอบหันมากินของตัวเอง

ทิคแอบเงยหน้ามองคนข้างๆที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยใบหน้านิ่งๆเผลอมองนานจนบาสหันมาเจอ

“ข้าวไม่อร่อยหรอ กูไม่รู้ว่ามึงจะกินอะไรอะ”

“เปล่า อร่อยมาก เป็นข้าวมื้อที่กินแล้วมีแรงที่สุดเลย”

ทิคพูดจากความรู้สึกจริงๆแต่บาสคิดว่าทิคพูดเล่นจึงส่ายหัวเอือมๆให้

“ถ้ามันอร่อยมากขนาดนั้น งั้นก็กินๆเข้าไป”

บาสว่าแล้วไสของทุกอย่างบนโต๊ะไปหาทิคยังไม่พอตักผัดกระเพราของตัวเองให้ทิคอีก เล่นกันหัวเราะไปมาจนเลิกเล่นไปไหนที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้นทิคก็ยังไม่เลิกแอบมองบาสอยู่ดี


รู้ว่าไกล รู้ว่าเหนื่อย ขอโทษนะ

แต่อยากให้มาอยากเจอหน้าขอต่อกำลังพอให้พ้นวันนี้ไปก็พอ

กูป่วยจริงๆนะบาส กูไม่ได้พูดเล่น...


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตัวละครใหม่มาอีกละ ทิคมีเรื่องอะไรเป็นความลับนะ
มาต่อเร็วๆ เลย ทำให้คนอ่านกังวล
 :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หวั่นใจกับตัวละครใหม่จัง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao4:


ตัวละครลับมาอีก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คงจะเป็นโจทก์เก่าสินะ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทิคป่วยเป็นอะไรอยากรู้ มาร์คมาร้ายแน่ๆเลย

ออฟไลน์ ปูนา555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นโรคซึมเศร้าแน่เลยอั

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
มาร์คเพิ่มสีสันในด้านร้าย ให้คู่รักซิเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
สาเหตุทีาทิคป๋วยเพราะมาร์คใช่ไหมท่าทางมาร์คคงนิสัยแย่ขี้แย่งแน่เลย

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
28..เงาตามตัว

กว่าจะผ่านวันนี้ไปได้แทบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่มาร์คไม่ได้พูดกวนประสาทหรือทำอะไรให้ แต่แค่เห็นหน้า แค่ได้ยินเสียง คนมันไม่ชอบมันก็ไม่ชอบทั้งนั้น มันอึดอัดและน่าขยะแขยงที่ต้องทำเป็นยินดีปรีดาที่ได้ร่วมงานกันต่อหน้าคนอื่น ทั้งที่ในใจรู้ดีว่ารู้สึกยังไงต่อกัน

การโกหกบุพการีไม่ดีสิ่งนั้นเขารู้ หลังๆมานี่เขากลับมาอยู่บ้านตามคำขอแม่แต่ความรู้สึกแย่ๆวันนี้ทำให้ไม่มีความอยากอาหารจนต้องโกหกว่าทานมาจากข้างนอกแล้ว ได้แต่บอกว่าวันนี้เหนื่อยเลยขออาบน้ำนอนเร็ว


อึก

เฮือก

จากที่นอนดิ้นขยับตัวไปมาเฉยๆตอนนี้เริ่มดิ้นแรงจนผ้าห่มหลุดออกจากตัว มือยกขึ้นจับหัวตัวเองเสียงครวญครางดังขึ้นเรื่อยๆเพราะสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัว


“ทิค”

“ทิค!”

“โอ้ย อึก ไม่ ไม่!”

“ทิค ลืมตา!”

“ไม่ได้ทำ ไม่!”

“ทิค!”


เสียงเรียกชื่อครั้งสุดท้ายดังจนทำให้ลืมตาไม่รู้ว่าเสียงจากความคิดหรือจากไหน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นคนที่รู้ว่าอยู่ด้วยแล้วจะปลอดภัยก็ทำเอาต้องซุกตัวเข้าหา

“พ่อ”

“ใช่ พ่อเองลูก พ่อเอง”

คนเป็นพ่อดึงลูกชายเข้ามาไว้ในอกแน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้พร้อมกับลูบหัวปลอบ

“ทิคไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำจริงๆ”

คำพูดปนเสียงสะอื้นดังออกจากอกทั้งที่ตายังหลับอยู่แต่มีน้ำตาคลออยู่ตรงหางตาสภาพลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตอนนี้ทำให้คนเป็นแม่ที่ยืนกุมมือข้างซ้ายลูกชายอยู่ต้องร้องไห้ตามเมื่อเห็นลูกเจ็บปวด คนเป็นหัวหน้าครอบครัวทำได้แค่ดึงคู่ชีวิตมากอดไว้อีกคนทั้งที่อกยังคาลูกชายอยู่

“ไม่เป็นไร ลูกไม่เป็นไร”

ได้ยินสามีพูดแบบนั้นน้ำตาก็ยิ่งไหล เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นประจำที่กลางคืนจะมีเสียงโหยหวนทรมานถ้าทิคกลับมานอนบ้านนี่คือเหตุผลที่อยากให้กลับมาอยู่บ้านด้วยกันกลางคืนถ้านอนฝันร้ายจะมีใครปลอบอยู่ที่นี่ยังมีเธอและสามีคอยปลอบแต่ลูกชายก็ยังยืนยันจะออกไปอยู่คนเดียวโดยอ้างว่าโตแล้วอยากลองใช้ชีวิตเองแต่ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกชายไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องมารับรู้เรื่องแบบนี้เพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองอ่อนแอและน่าสมเพชนี่คือความคิดของลูกชายเธอรู้ดี

“คุณไปนอนเถอะเดี๋ยวผมอยู่กับลูกเอง”

คนเป็นสามีพูดขึ้นหลังจากที่ลูกสงบไปแล้ว

“ฉันอยากอยู่กับลูก”

เธอสบตาสามีแล้วหันมามองลูกชายที่ถูกสามีกอดไว้คาอก คนเป็นสามีพยักหน้าเห็นด้วยแล้วค่อยๆดึงตัวลูกออกจากอกนอนลงกับหมอนช้าๆทั้งคู่นอนคนละฝั่งโดยที่ลูกนอนอยู่ตรงกลางคนเป็นพ่อหันไปปิดโคมไฟคนเป็นแม่ก็จับมือลูกไว้ไม่ปล่อย


“ทิค”

“ทิค ตื่นเถอะลูก”

เสียงเรียกพร้อมกับแรงจับที่แขนทำให้คนที่กำลังจมอยู่ในห้วงนิทราลืมตาขึ้นกระพริบตามอง

“ไหวไหมลูกหยุดพักสักวันไหม”

แม่ก้มลงถามเสียงแผ่วพร้อมกับใช้มือเสยผมลูกชายขึ้นอย่างเบามือ ทิคส่ายหัวไปมาปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรแม่ ทิคไหว”

แม่มองด้วยสายตาเป็นห่วงแต่ก็ไม่อยากขัด

“งั้นเดี๋ยวแม่ลงไปต้มข้าวต้มให้ กินอะไรร้อนๆจะได้มีแรง”

ทิคพยักหน้า แม่ยิ้มให้ทิ้งท้ายแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินออกจากห้องไป

คนอยู่บนเตียงดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างถอนหายใจออกยาวเหยียด แล้วหันกลับมาหย่อนขาลงลุกขึ้นจากเตียงตรงเข้าห้องน้ำ



“สวัสดีค่ะ”

ทิคที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินไปแอสต้องเงยหน้าขึ้นกล่าวคำทักทายกลับเมื่อมีคนกล่าวทักทายมา

“สวัสดีครับ”

เมื่อยิ้มให้กันพอเป็นพิธีเสร็จแล้วต่างฝ่ายต่างรีบเดินต่อ มือหนึ่งถือแฟ้มมือหนึ่งก็ยกขึ้นจับท้ายทอยตัวเองบีบเพื่อหวังว่าจะทำให้คลายความกังวลลงบ้างแต่อยู่ดีๆก็มีกาแฟปริศนาแก้วหนึ่งยื่นมาตรงหน้าจนทำให้ต้องหยุดเดินแต่เมื่อหันมองที่มาก็ทำเอาคิ้วทิคขมวดทันที

“มาทำงานสายแบบนี้ได้กาแฟสักแก้วจะได้ตื่น”

“ไม่จำเป็น!”

ทิคปัดแก้วกาแฟในมือมาร์คออกห่างจนมันตกลงพื้นมาร์คมองกาแฟของตัวเองที่หกอยู่ที่พื้นและมือตัวเองที่ถูกกาแฟร้อนๆลวกแล้วตวัดตามองตามทิคที่กำลังจะเดินหนีด้วยความโกรธ

“ทำไมพนักงานดีเด่นถึงมาทำงานสายละหรือว่า...เครียดจนโรคกำเริบ”

ทิคหยุดเดินหันกลับไปมองมาร์คด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวมาร์ค

“หุบปากหมาๆของมึงเดี๋ยวนี้!”

“หึ”

มาร์คสถบเสียงขึ้นจมูกแล้วจ้องทิคกลับด้วยสายตายิ้มแย้มและเป็นมิตร

“ก็แค่เป็นห่วงเห็นเพื่อนร่วมงานป่วยจนหน้าตาทรุดโทรม ก็แค่นั้น”

“มึงต้องการอะไรมึงพูดมาเลยดีกว่าไอ้มาร์ค!”

ทิคถามออกไปเสียงแข็งอย่างเหลืออดเขาทนเล่นสงครามประสาทกับมาร์คไม่ไหวแล้วร้ายใส่กันตรงๆสิมาทำดีใส่เพื่ออะไร ต้องการอะไร

มาร์คยิ้มมองกลับด้วยใบหน้าเป็นมิตร แต่มันกลับค่อยๆจางลงและหายไปในที่สุดและเปลี่ยนมาเป็นใบหน้านิ่งไร้ความรู้สึกและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“บอกไปมันก็ไม่สนุกสิ สู้สะกิดมึงทีละนิดให้มึงอยู่ไม่สุขสนุกกว่าตั้งเยอะ”

ทิคดึงคอเสื้อมาร์คทันทีพร้อมกับอ้ามือที่กำหมัดพร้อมต่อยขึ้น แต่ก็ชะงักไว้แค่นั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังหลงกลมาร์คจึงได้แต่ค้างมือไว้กลางอากาศและกัดฟันด้วยความโกรธ

มาร์คเห็นแบบนั้นก็ยิ้มเยาะเย้ยเมื่อทิคทำอะไรตัวเองไม่ได้เขายกมือขึ้นจับแขนทิคที่จับคอเสื้อเขาไว้ออกสะบัดเสื้อตัวเองที่ยับให้เข้าที่แล้วเดินยิ้มจากไป ทิคทำได้แค่มองตามกำหมัดแน่นโกรธจนตัวสั่นกับสิ่งที่ถูกกระทำเมื่อครู่แต่เมื่ออยู่ในที่ทำงานก็ต้องเก็บเรื่องส่วนตัวไว้จึงรีบปรับอารมณ์ให้เข้าที่แล้วเดินต่อ

“ไหวเปล่ามึง ทำไมไม่หยุดไปเลยวะ”

ทันทีที่ถึงห้องทำงานตี๋กับนนก็ปรี่เข้ามาหาและถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อรู้จากมานพเมื่อเช้าว่าทิคจะเข้าโรงงานสายเพราะไม่ค่อยสบาย

“โอเคแล้ว”

ทิคยิ้มให้เพื่อนแล้วหันกลับไปสนใจเอกสารค้างบนโต๊ะ

“โอเคแน่นะ ช่วงนี้มึงดูซึมๆไปนะทิค”

นนถามเป็นคำถามที่ทำเอาทิคชะงักนิดๆ แต่ก็ปรับสถานการณ์กลับไปยิ้มให้เพื่อน

“โมเดลใหม่ทำพิษเฉยๆไม่มีไร พวกมึงจะสันนิษฐานโรคให้กูอะไรกันนักเนี่ย”

ทิคปัดมือตี๋ที่กำลังจับหน้าเขาหันไปมาออกพร้อมกับโบกมือไล่

“ไปทำงานไป”

“เออ พวกกูอุตสาห์เป็นห่วง อย่ามาตายทิ้งงานให้พวกกูแล้วกัน”

“ไม่ได้ห่วงกูเลย”

ทิคส่ายหัวยิ้มๆให้เพื่อนทั้งสองแต่ระหว่างที่กำลังเล่นกันอยู่นั้นประตูก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับคนมาใหม่ที่ทำให้รอยยิ้มบนหน้าหายไปทันที

“ผมซื้อกาแฟมาฝากครับ”

“ขอบคุณครับ ไปช่วยเขาถือดิไอ้นน”

ตี๋ยิ้มแป้นให้มาร์คแล้วสะกิดนนที่ยืนเฉยอยู่ข้างๆให้ไปรับกาแฟสามแก้วจากมือมาร์คมา

“เกลือแร่ของคุณทิคนะครับ”

มาร์คพูดถึงหนึ่งในสามแก้วที่แตกต่างนนมองแก้วในมือตัวเองที่มีแก้วหนึ่งเป็นน้ำสีเหลืองแล้วเข้าใจเดินเอาไปให้ทิคที่นั่งนิ่งหันหลังให้อยู่

“ใส่ใจเพื่อนร่วมงานดีจังเลยนะครับขนาดเพิ่งมาใหม่แท้ๆ”

ตี๋พูดพร้อมกับยิ้มให้ มาร์คจึงยิ้มตอบแบบเขินๆจากนั้นต่างก็แยกย้ายกัน

ทิคกำปากกาในมือแน่นหลับตาข่มอารมณ์กับสิ่งที่มาร์คกำลังแสดงละครเป็นคนแสนดี

“รีบๆกินนะครับเดี๋ยวไม่มีแรงสู้”

ทิคหันขวับไปตามเสียง

“งาน”

รอยยิ้มบนหน้ามาร์คที่ส่งมามันแสนจะเสแสร้งจนน่าขยะแขยงสิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือออกไปจากที่ๆน่าอึดอัดนี้คิดแค่นั้นทิคก็คว้าแฟ้มประจำตัวแล้วลุกออกจากห้องไป



“จริงๆถ้ามันไม่ได้เคลื่อนจากค่าเดิมมากก็พอทำต่อได้นะครับแต่ไม่ควรเกินสิบเครื่อง”

“ครับ แต่บางทีมันก็กลับไปค่าเดิมแล้วน็อตก็ลงไม่ตรงล็อกบ่อยๆ”

“อืม”

บาสลากเสียงเมื่อฟังปัญหาจากพนักงานประจำจุด

“เครื่องนี้ปัญหาเยอะเกินแล้วต้องให้วิศวะเครื่องมาดูให้แน่ชัดอีกที”

บาสจดรายงานปัญหาลงแฟ้มที่ถืออยู่แล้วเดินแยกออกมาหลังจากเคลียร์ปัญหาเสร็จ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องแปลกใจเมื่อเจอทิคยืนอยู่ไกลๆมองมาเขาจึงยิ้มให้แล้วเดินเข้าไปหา

“มาทำไร”

“มาหา”

บาสขมวดคิ้วมองทิคทันที

“กูหรอ”

“อื้ม”

ทิคตอบสั้นๆแล้วยิ้มให้ บาสจึงคลายคิ้วในตอนแรกแล้วยิ้มตอบถามอีกรอบ

“มีอะไร”

“อยากเห็นหน้าเฉยๆ”

ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันจนทิคพูดขึ้น

“ได้เห็นแล้ว กลับละ”

พูดเสร็จก็ยิ้มให้แล้วหันหลังเดินกลับออกไป

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

เท้าหยุดเดินทันทีที่ได้ยินคำถาม ทิคตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งถึงหันกลับไปหาบาสรอยยิ้มเสแสร้งที่สร้างขึ้นมาค่อยๆหุบลง เขาพยักหน้ายอมรับคำถามช้าๆถ้าเป็นเมื่อก่อนคนหยิ่งทะนงไม่ให้ใครเห็นว่าตัวเองอ่อนแออย่างเขาคงปฏิเสธไปแล้วแต่ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่กำลังเจอมันไม่ไหวจริงๆ

“แย่มากเลยหรอ”

บาสถามอีกครั้ง ทิคพยักหน้าเป็นคำตอบก้มหน้ามองต่ำด้วยใบหน้าซึมๆบาสรับรู้ถึงความทุกข์ความกังวลของทิคทันทีว่าคงมากเกินรับไหวจริงๆเพราะทิคไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

อยากจะจับมือมาบีบแรงๆให้กำลังใจก็ทำไม่ได้เพราะสถานที่ๆอยู่ตรงนี้มันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนคุยอยู่ห่างๆเหมือนเพื่อนร่วมงานทั่วไป

“ทนให้พ้นวันนี้ไปได้ไหม”

ทิคเงยหน้าขึ้นมองบาสที่กำลังส่งยิ้มบางๆมาให้ถึงจะไม่ใช่ยิ้มแป้นตาหยีแต่ก็เป็นยิ้มที่รู้ว่าบาสกำลังให้กำลังใจเขาอยู่

“ทำให้กูได้หรือเปล่า”

บาสถามอีกครั้งมองทิคไม่ละสายตา

“ได้ กูทำได้”

ทิคพูดจบรอยยิ้มก็ปรากฏบนหน้าคนทั้งสองแต่ยิ้มให้กันได้ไม่นานก็ต้องละจากเมื่อเสียงบงกชเริ่มดังมาแต่ไกลบาสหันไปมองแล้วหันกลับมาหาทิคมองตาก็รู้กันเขาค่อยๆถอยหลังที่ละก้าวโดยที่สายตายังไม่ละจากทิคเดินถอยหลังไปได้สี่ห้าก้าวถึงหันกลับไปเดินเต็มตัวแล้ววิ่งไป

ทิคมองตามหลังบาสแล้วยิ้มบางๆกับตัวเองจนบาสหายไปจนสุดสายตาถึงหันกลับไปเดินบ้างแต่เมื่อกลับมาแอสตาก็เหลือบไปเห็นมาร์คกำลังคุยอยู่กับพิมพ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยมีตี๋และนนอยู่ด้วย

ทุกคนดูมีความสุขเมื่ออยู่กับมาร์คมากกว่าเขาเสียอีกอยู่กับเขาคงจริงจังเรื่องงานมากเกินไปบางทีเพื่อนเล่นมาก็ไม่เล่นกลับอยู่ในโหมดส่วนตัวของตัวเองประจำ แต่สำหรับมาร์ค มาร์คดูเข้าได้กับทุกคนและเหมือนทุกคนจะรักมาร์คแล้วถึงจะมาได้ไม่นาน

ในใจทิคเริ่มหวั่น ว่ามาร์คจะพูดเรื่องของเขาให้ทุกคนรู้ความกลัวเริ่มเข้ามาปกคลุมเป็นเหมือนเงาคอยตามตัวเขาตลอดเวลามาร์คคุยหรืออยู่กับใครทำอะไรเขาก็กังวลไปหมดจนไม่มีสมาธิกับงาน


“กูโอเคขึ้นแล้ว”

(ไม่เป็นอะไรแน่นะ)

“อื้ม”

(งั้นก็ดีแล้วได้ยินแบบนี้กูก็หายห่วง)

“ขอบคุณนะ”

(เออ รีบกลับไปพักผ่อนละ)

“มึงเหมือนกัน”

(อื้ม กลับดีๆ)


ทิคทิ้งโทรศัพท์ออกจากหูเมื่อวางสายจากบาส เขายังไม่กล้าพอที่จะให้บาสรับรู้เรื่องราวของเขา เขาจึงเลือกที่จะโกหกอีกครั้งและอีกครั้ง ทิคไม่ได้กลับบ้านอย่างที่บอกบาสเขาตรงไปโรงพยาบาลที่พี่สาวทำงานอยู่ต่างหาก

แต่ถึงจะมาถึงแล้วแต่เพราะพี่สาวติดคนไข้ทิคจึงต้องมารอในห้องทำงานของพี่สาวรอ

“ว่าไงคุณน้องชายลมอะไรหอบมา”

ผู้เป็นพี่เปิดประตูเข้ามาในห้องก็ร้องถามทันทีเพราะนานๆทีน้องชายจะมาหาถึงที่

“ทับ”

“ว่า”

คนเป็นพี่ตอบรับคำเรียกจากน้องชายทันที

“ไอ้มาร์คมันกลับมา มันไปทำงานกับเราที่โรงงานทำยังไงดี ทำยังไงดีทับ”

“ใจเย็นทิค”

ผู้เป็นพี่พูดเบรกน้องชายที่กำลังพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาตื่นตระหนก

“มันต้องคิดจะทำอะไรแน่ๆ”

ทิคพูดด้วยหน้าตาตึงเครียดจนผู้เป็นพี่ต้องยื่นมือไปจับมือน้องชาย

“มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะทิคอย่าเพิ่งคิดไปก่อนเลย”

“มันถามว่าเรายังไม่หายใช่ไหม มันว่าเรายังไม่หายบ้าทับ มันว่าเรา มัน..”

“ทิค”

ทับทิมร้องเรียกชื่อน้องชายเมื่อเห็นหน้าตาเหมือนจะร้องของน้อง เธอดึงหัวน้องชายเข้ามาตรงท้องกอดไว้แล้วลูบหัวปลอบ

“มันเล่นสงครามประสาทกับเราจนเราจะเป็นบ้าแล้วทับมันตีสนิทกับทุกคน มันเข้ากับทุกคนได้เรากลัวมันบอกคนอื่น...เรากลัว”

ทับทิมกระชับกอดทิคแน่นขึ้นอีก

“ถ้าใครเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเราแล้วเขารับไม่ได้ทั้งที่เราทำดีกับเขามาตลอดทิคก็อย่าเอาความรู้สึกไปผูกกับเขาเลยแสดงว่าเขาไม่ได้จริงใจและมองตัวตนจริงๆของทิค มีครอบครัวเราที่รักทิคก็พอแล้วต้องแคร์ใคร”

“เราไม่อยากเจอมัน เราไม่อยากเจออะไรที่ทำให้เรากลับไปรู้สึกแบบเดิมอีก”

“เราไม่ได้...บ้านะทับ”

ทิคพูดด้วยเสียงติดขัดจะร้องแต่ข่มไว้กระชับกอดเอวพี่สาวแน่น

“เราปกติเหมือนคนอื่น เราเหมือนคนอื่น”

“พี่รู้ พ่อก็รู้แม่ก็รู้”

ผู้เป็นพี่พูดแล้วดึงน้องชายที่กำลังกอดเธอออกจากเอวแล้วก้มลงไปมองหน้าน้องชาย

“อย่าอ่อนแอให้เขาเห็นเขาจะทำอะไรทิคไม่ได้ถ้าทิคเข้มแข็ง สติเท่านั้นทิค วันนี้ทิคยังทำได้เลยทำไมวันต่อๆไปทิคจะทำไม่ได้ จริงไหม”

ทับทิมใช้มือทั้งสองข้างของเธอจับหน้าน้องชายให้สบตาเธอยิ้มให้กำลังใจแล้วดึงเข้ามากอดอีกรอบ เธอรู้ว่าน้องชายตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้างความทุกข์ของน้องมันมากจนถ้ารับมาไว้กับตัวเองได้เธอก็อยากรับมันมาไว้เอง ตัวตนที่แท้จริงทิคเป็นเด็กน่ารักแต่ที่ต้องทำตัวร้ายแข็งกระด้างไม่สนใจโลกก็เพราะอยากปิดปมด้อยของตัวเอง ภายนอกดูร้ายแต่ใครจะรู้ว่าข้างในน้องชายเธออ่อนไหวยิ่งกว่าปุยนุ่น ภายนอกดูเพียบพร้อมยิ่งกว่านิยายใครจะรู้ว่าภายในน้องชายเธอโดดเดี่ยวเหมือนยืนอยู่ริมหน้าผาคนเดียวนั้นคือสิ่งที่เธอรับรู้มาตลอด


“บาส”

เจ้าของชื่อที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องๆหนึ่งไม่ได้หันไปหาคนเรียก จนคนเรียกต้องเดินเข้ามาหา

“แม่ตามหาตั้งนาน มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ลูก”

“บาส”

“.......”

“บาสลูก”

บาสสะดุ้งหันมองเมื่อแม่เรียกอีกครั้งพร้อมกับยื่นมือมาจับแขน

“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”

แม่ถามด้วยความสงสัยเมื่อบาสไม่ตอบอะไรเลยเอาแต่ยืนนิ่งจนดูแปลกไป

“เปล่าครับ”

บาสตอบเสียงเรียบมองแม่แล้วถามกลับ

“แม่เสร็จแล้วหรอ”

“จ้ะ กลับกันเถอะ”

บาสพยักหน้าให้แม่แล้วรับถุงยาในมือแม่มาถือแม่ยิ้มให้แล้วจับมือลูกชายเดินออกมา

บาสหันกลับไปมองห้องๆนั้นที่เขาจากมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องหันกลับมาเมื่อแม่ชวนคุยจนไม่ได้หันกลับไปมองอีกเลย...



ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ขอให้บาสรับได้ด้วยเถิดทคเป็นคนน่าสงสาร

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สู้ๆทิค  :L2:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โอ้ยยย อยากอ่านต่อแล้ว เรื่องมันเป็นมายังไงนะ
น่าสงสารทิคมาก ว่าแต่บาสจะเข้าใจผิดหรือเปล่านะ
ที่เห็นทิคอยู่กับพี่สาว
 :hao4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

บาสคงเห็นทิคเดินเข้าไปในห้องหมอ (ซึ่งเป็นพี่สาว) สินะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai1:

ขอสักคน

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เชื่อว่าบาสจะต้องเยียวยาจิตใจของทิคให้หายได้ สู้ๆ :hao7:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
มาร์คมันทำอะไรให้ทิคต้องผวาอยากรู้จริง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 28..เงาตามตัว 09/08/18
« ตอบ #139 เมื่อ: 10-08-2018 00:36:25 »





ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บาสต้องอยู่ข้างๆทิคนะ

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #141 เมื่อ15-08-2018 00:22:37 »

29..ภาพจำ

“ยังหาชุดไม่ได้เลยอะ เลิกงานแล้วพาไปหาหน่อยนะ”

“ใส่ชุดไหนก็เหมือนๆกันแหละ”

“ก็ต้องสวยที่สุดไหม ปีนี้ฉันจะเอาดาวเด่นฝ่ายหญิงให้ได้”

สองสาวเอ็นจิเนียร์ที่กำลังกดน้ำจากตู้พูดคุยกันดังจนคนที่กดอยู่ตู้ข้างๆได้ยิน คงไม่พ้นเรื่องงานปาร์ตี้ในเครือเอ็นจิเนียร์ประจำปีที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้

“พรุ่งนี้ไปไหมนิ”

ทันทีที่เดินกลับมาแล้วยื่นกาแฟกระป๋องให้คลังก็ถามขึ้นทันทีไม่ต้องถามก็รู้ว่าเรื่องอะไร

“ไม่ว่ะ”

ทิคตอบอย่างไม่ต้องคิดเปิดกาแฟกระป๋องขึ้นดื่มแล้วเดินแยกออกมา ทุกปีที่อดทนอยู่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เพราะคนอื่นบังคับโดยอ้างว่ามีปีละครั้งถึงได้ยอมอยู่ไม่ชอบงานครื้นเครงคนเยอะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแย่ปีนี้มีคนที่ไม่อยากเห็นหน้ามาร่วมด้วยยิ่งไปกันใหญ่

“ปีหนึ่งหนหนึ่งนะ นี่กูมาหามึงเพราะจะมาชวนให้ไปงานเลยนะ”

คลังเดินตามไปพูดติดๆ

“กูตัดสินใจแล้ว กลับไปทำงานไป”

ทิคเลี้ยวเข้าแอสตัวเองคลังจะเดินเข้าตามก็ถูกมือทิคดันหน้าไว้แล้วผลักออกจนเจ้าตัวผงะ

“เมียก็ไม่เอา สังคมก็ไม่เข้า ระวังสมองแตกตายคาโรงงานแล้วกัน ไอ้เพื่อนเวร!”

เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ทำได้แค่ตระโดนด่าตามหลัง เมื่อเห็นมือของทิคโบกไล่ทั้งที่ไม่หันหน้ามาคลังถึงกับต้องเบะปากมองตาม


“ตามนี้เลยนะครับ”

ทิคพูดจบก็ยื่นแฟ้มให้ฝ่ายตรวจสอบแล้วเดินแยกออกมาแต่แรงสั่นของโทรศัพท์ประจำตำแหน่งในกระเป๋าเสื้อทำให้ต้องหยิบออกมากดรับ

“ทิคครับ”

(ยุ่งอยู่หรอ)

แค่ได้ฟังเสียงก็รู้ว่าใครอย่างไม่ต้องถาม

“เปล่า”

(หรอ...)

(คลังมันกลับมาบ่นให้ฟังว่าอุตส่าห์ไปชวนถึงแอสให้ไปงานเอ็นปีนี้แต่มึงไม่ไป)

“ขี้ฟ้องจริงๆ”

ทิคเผยยิ้มมุมปากตาก็มองแฟ้มในมือไปด้วยระหว่างเดินคุย

(ทำไมไม่ไปละปีหนึ่งมีครั้งหนึ่งนะถือโอกาสคลายเครียดที่ทำงานหนักมาตลอดเลยด้วยไง)

“ไอ้คลังมันไปเป่าหูให้มึงมาโน้มน้าวกูใช่ไหม”

(ไม่ใช่ กูมาพูดเองคนอื่นเขาไปหมดจะไม่ไปมันก็ดูไม่เหมาะนะหัวหน้าเราก็ไปอีกกูก็ไม่ค่อยอยากไปแต่ก็ต้องไป)

บาสพูดยาวเหยียด ทิคฟังถึงตรงนี้ก็ละความสนใจจากแฟ้มในมือหยุดเดินแล้วคุยดีๆ

“มึงจะไปหรอ”

“อื้ม”

“กูจะไป”

ทิคพูดออกไปเสียงจริงจัง ถึงจะไม่อยากไปเจอหน้ามาร์คก็จริงแต่ยิ่งบาสไปแล้วมาร์คก็ไปยิ่งน่าห่วงมาร์คอาจจะใช้โอกาสนี้เข้าหาบาสก็ได้มาวันแรกก็เข้าไปถามเลยว่าเป็นเพื่อนกันหรอแสดงว่ามาร์ครู้อะไรมาพอสมควร ไม่ได้ จะปล่อยโอกาสให้มาร์คไม่ได้


“พรุ่งนี้จะไปงานหรือเปล่า”

เสียงจากด้านหลังทำให้ทิคตกใจนิดๆหันกลับไปมอง มาร์คที่ในมือถือแฟ้มเหมือนเขากำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ช่างน่าสะอิดสะเอียนสิ้นดี

“คิดว่าไงละ”

ทิคถามกลับด้วยตาหน้าไม่เป็นมิตรแสดงออกชัดเจนจนมาร์คเห็นแบบนั้นถึงกับต้องกระตุกยิ้มแล้วพูดต่อ

“คิดว่าสมควรไปนะ”

“กูก็คิดว่า...ควรจะไป”

ทิคพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งชัดมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วเดินแยกออกไป มาร์คมองตามทิคด้วยใบหน้านิ่งจนดูน่ากลัวเช่นกัน



“ใครมาถึงแล้วก็มาลงชื่อไว้ด้วยนะครับ เดี๋ยวจะพลาดของรางวัลสุดพิเศษจากเรา”

เสียงพิธีกรของงานประกาศออกไมค์เสียงดังก้องไปทั่วทั้งงานคนในงานกำลังคุยกันอย่างออกรสไม่มีแบ่งแยกแอสเพราะนี่ถือเป็นโอกาสที่จะได้พบปะกันวันนี้ต่างสวยหล่อกันจัดเต็มมากเพื่ออีกรางวัลคือรางวัลดาวเด่นของงานที่จะได้รางวัลสุดพิเศษจากหัวหน้าเอ็นจิเนียร์ใหญ่สุดของโรงงาน

“นั่งได้ไม่ต้องแบ่งแอสเลยครับวันนี้เราจะเป็นหนึ่งอันเดียวกัน เอาเป็นว่าชอบใครรักใครเล็งใครเข้าไปนั่งกับเขาเลยครับ ถ้าเจ้าของเขาไม่อยู่ในงาน”

เสียงหัวเราะดังขึ้นทั้งงานหลังจากได้ยินประโยคสุดกวนของพิธีกรทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างออกรสถือว่าเป็นวันปลดปล่อยขนาดคนเคร่งขรึมอย่างบงกชยังดูสนุกกับวันนี้เลย


รถดับไฟลงเมื่อเข้ามาถึงบริเวณโรงแรมที่เป็นที่จัดงานแต่เจ้าของรถยังคงนั่งอยู่ในรถไม่ยอมลง ทิคนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงว่าต้องเข้าไปเจอกับอะไรบ้างยกนาฬิกาข้อมือดูก็พบว่าเลยเวลางานมานานแล้วปล่อยให้เจ้านายรอนานไปไม่ดีจึงยอมลงจากรถเพราะมัวแต่เดินก้มหน้าดูโทรศัพท์พอเงยหน้าขึ้นมาเจอคนที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าก็ต้องแปลกใจจนถามออกไป

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”

“รอมึงนั้นแหละ”

บาสพูดยิ้มอ่อนๆให้ทิคจึงยิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปจับมือบาสเดินเข้าไป ได้แค่นี้ก็เอาถึงด้านในค่อยปล่อยก็ได้

“ทิค”

เสียงเรียกทำให้ทิคหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปหามองด้วยสีหน้าถามว่ามีอะไร บาสมองนิ่งอยู่อย่างนั้นจนทิคต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“วันนี้มึงหล่อมากเลยนะ”

คิ้วที่เลิกค้างอยู่ถูกคายลงและแทนที่ด้วยรอยยิ้ม ทิคก้มดูชุดตัวเองแล้วเงยหน้ายิ้มให้บาสชุดแบบนี้เขาไม่ค่อยได้ใส่เท่าไรเสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำเงินขาวกับกางเกงสแลคขาเก้าส่วนแบบที่เกาๆเขาใส่กัน พี่สาวเขาซื้อให้นานแล้วเพราะพี่อยากเห็นน้องใส่อารมณ์ค้างจากซีรี่ย์แล้วมาลงที่น้อง เพราะไม่คิดจะมาไม่ได้เตรียมชุดไว้เลยหยิบมาใส่

“เป็นครั้งแรกเลยนะที่มึงชมกูว่าหล่อ ทุกครั้งมีแต่กูชมตัวเองให้มึงฟัง”

ทิคพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆมองตา บาสมองตาทิคกลับแล้วพูดออกไป

“อะไรที่ไม่เคยพูดออกไปไม่ใช่ว่าไม่คิดนิ”

“งั้นแสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มึงคิดว่ากูหล่อมาตลอดอะดิ”

“ใช่”

ทั้งที่ทิคถามแบบขำๆแต่บาสกลับตอบจริงๆจนเจ้าตัวต้องชะงักแล้วยิ้มกว้างออกมา บาสปล่อยมือจากการจับกุมของทิคแล้วเดินหนีเข้างานไปก่อนจนทิคได้แต่มองตามยิ้มๆ

“ไอ้คุณชาย ไหนมึงบอกจะไม่มาไง!”

ทันทีที่เข้ามาในงานก็ถูกคลังวิ่งเข้ามาหาแล้วถามด้วยน้ำเสียงสีหน้าเอาเรื่องทิคได้แต่ทำหน้านิ่งใส่อย่างไม่แยแส

“ก็มึงไม่สำคัญ”

“เหยด”

คลังสถบตามหลังทิคที่เดินหนีไปด้วยสีหน้าเหลือเชื่อปากบิดปากเบี้ยวมองตาม เชื่อเขาจริงๆเลยคนชื่อทิคเนี่ย

“ทิค”

เสียงเรียกชื่อทำให้ทิคที่กำลังยืนมองคนอื่นกำลังสนุกหันมองตี๋กำลังโบกมือให้อยู่ที่โต๊ะๆหนึ่ง

แต่คนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับพวกตี๋ทำเอาทิคไม่อยากไปเพราะยืนอยู่กับที่อยู่อย่างนั้นจนตี๋ต้องเดินมาหาเองแล้วลากแขนทิคให้ไปที่โต๊ะ

“ทำไมวันนี้มึงหล่อจังวะ”

นนถามทันทีเมื่อได้ทิคมานั่งร่วมโต๊ะ

“มันก็หล่อทุกวันอยู่แล้วไหมวะ”

ตี๋สวนขึ้นแล้วดันทิคให้นั่งลงกับเก้าอี้แต่ดันเป็นที่ข้างๆมาร์คจะพูดหรือแสดงออกอะไรออกไปก็ไม่กล้าไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกไม่ดีจึงได้แต่จำนน

“เฮ้ยๆน้องฟ้าแอสสองมาแล้วไปๆ”

ตี๋พูดเสียงตื่นเต้นตาลุกวาวลากนนที่นั่งเอ๋ออยู่ให้ลุกขึ้นตามแล้วเดินออกจากโต๊ะไปเพราะดาวเด่นของงานวันนี้กำลังเดินเข้างานมา

เมื่อขาดตัวสร้างสีสันโต๊ะก็เงียบขึ้นทันทีเหลือแค่ทิคกับมาร์คที่นั่งเงียบมองไปคนละทางเหมือนไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกันทิคยกแก้วเหล้าที่ตี๋ชงไว้ให้ขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้วและชงมันขึ้นใหม่จนมาร์คที่นั่งอยู่กระตุกยิ้มมุมปาก

“กูดีใจนะที่มึงมา”

ประโยคแรกออกจากปากมาร์คที่พูดแบบไม่มองมาทางทิคแต่มองไปข้างหน้า ทิควางแก้วเหล้าที่เพิ่งดื่มไปหมดแก้วที่สองกับโต๊ะแล้วพูดตอบแบบไม่มองไปทางมาร์คเช่นกัน

“อยู่สองคนเลิกแสดงเหอะ กูสะอิดสะเอียน”

“หึ”

เสียงสถบจากมาร์คดังขึ้นหลังจากได้ยินประโยคตอบกลับของทิค

“อย่ารีบเมาไปเลย”

มาร์คพูดทั้งที่ตามองการแสดงบนเวทีเมื่อทิคดื่มไม่หยุด แต่หันไปมองเมื่อจะพูดประโยคถัดมา

“คืนนี้มีอะไรที่น่าตื่นเต้นอีกเยอะรออยู่”

มาร์คพูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินจากไป ทิคมองตามมาร์คที่เดินเข้าไปหาเอ็นจิเนียร์จากแอสอื่นหัวเราะชอบใจกันอย่างถูกคอ มาไม่กี่วันก็เข้ากับคนได้หมดแล้ว เก่งจริงๆ


“เอาละครับ ในเมื่องานก็ดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาประกาศผู้ชนะดาวเด่นฝ่ายชายและฝ่ายหญิงของงานในค่ำคืนนี้กันเลยดีกว่า”

เสียงพิธีกรดังขึ้นอีกครั้งเรียกความสนใจจากทุกคนในงานที่กำลังสนุกสนานกันอยู่ให้หันไปสนใจได้เป็นอย่างดีเสียงพูดคุยดังขึ้นเพราะต่างพากันพูดว่าใครจะได้ตำแหน่งไป

“ผลอยู่ในมือผมแล้วครับ”

พิธีกรพูดพร้อมกับโชว์ซองกระดาษในมือโบกไปมาทำท่าทางและเสียงน่าตื่นเต้นให้ดูลุ้นแล้วค่อยๆเปิดซองออกมา

“มึงว่าใครจะได้วะ”

ปิงถามขึ้นช่วงที่พิธีกรกำลังทำท่าทางจะประกาศแต่ไม่ประกาศสักที

“ทิคดิจะใคร”

ลูปตอบกลับทันที เมื่อได้คำตอบจากลูปแล้วปิงจึงหันไปหาคลังบ้างเพื่อขอความเห็น

“ไอ้ทิค”

คลังตอบแบบไม่ต้องคิดเพราะทุกปีก็ทิคอยู่แล้วและวันนี้ทิคก็หล่อและดูดีสุดในงานด้วย

“มึงละไอ้บาส”

และมาจบที่บาสที่นั่งเงียบอยู่

“ก็อย่างที่คิดกันนั้นแหละ”

บาสตอบแล้วหันไปมองเวที ตอนนี้ทุกคนต่างรอผลที่จะออกมา

“และดาวเด่นฝ่ายชายได้แก่”

“ทิค!”

“พี่ทิค!”

“น้องทิค!”

เสียงตะโกนดังขึ้นต่างเป็นเสียงเดียวว่าอยากให้ใครได้ พิธีกรเปิดซองออกมาดูยิ้มแป้นแล้วประกาศผลออกไป

“ทิคจากแอสห้าคร้าบ”

ผลถูกประกาศออกไปสร้างเสียงฮือฮาและเสียงปรบมือได้เป็นอย่างดีเมื่อผลออกมาตามที่ทุกคนคิด

“ไปเร็วมึง!”

ตี๋ดันทิคให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อเพื่อนเอาแต่นั่งนิ่งเหมือนไม่ดีใจอะไรเลยที่ตัวเองได้รางวัล

ทิคมองไปรอบๆก็เห็นทุกคนกำลังมองมาที่ตนเขาจึงต้องจำใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปที่เวทีอย่างจำใจ ไม่ได้อยากได้ ไม่ได้ดีใจ ไม่อะไรเลย

“ทู้กปี หล่อจริงอะไรจริงครับคนนี้”

เมื่อขึ้นไปยืนบนเวทีพิธีกรก็พูดด้วยใบหน้าชื่นชมทิคทำแค่ยิ้มบางๆออกมาตามมารยาทอยากลงจากเวทีเต็มแก่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมึนเพราะฤทธิ์เหล้าที่ดื่มไปพอสมควรแล้วเหมือนกัน

“ในเมื่อได้ฝ่ายชายมาแล้วเราก็ควรประกาศฝ่ายหญิงใช่ไหมครับ”

“ใช่!”

หวี้ด!

เสียงฮือฮากรี๊ดร้องดังขึ้นอีกรอบเมื่อพิธีกรพูดถึงดาวเด่นฝ่ายหญิงพิธีกรเปิดซองออกดูช้าๆคนเดียวแล้วปิดมันลงพร้อมกับยิ้มแป้นแล้วพูดออกไมค์

“ฝ่ายหญิงได้แก่...”

“น้องฟ้า!”

“ฟ้า!”

ตี๋ก็ร่วมตะโกนกับเขาด้วย

“น้องพราวจากแอสสามคร้าบบบ”

เฮ้!

หวี้ด!

“น้องใหม่สดๆร้อนๆเลย เชิญบนเวทีเลยครับ น้องพราวครับ”

ทุกสายตาต่างมองหาเจ้าของชื่อเสียงฮือฮายังคงดังอยู่และทางมุมซ้ายสุดของห้องจัดเลี้ยงค่อยๆแหวกทางออกเมื่อคนที่ทุกคนรอกำลังจะเดินออกมา ทิคที่ไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกว่าจะเป็นใครหันไปมองตามคนอื่นแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

แต่...

ใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ร่วมตลอดเวลาที่อยู่บนเวทีหายไปทันทีเมื่อสายตาเขาไปกระทบเข้ากับแสงจากวัตถุบางอย่างที่กำลังส่งแสงระยิบระยับเพราะสะท้อนกับไฟในงาน

ดวงตาทิคเบิกกว้างมองสิ่งๆนั้นไม่ละสายตาเมื่อยิ่งมาใกล้ ยิ่งชัด ใจยิ่งเต้นเร็ว

เธอคนนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆทุกแสงสว่างต่างสาดไปที่เธอพร้อมกับเสียงฮือฮาชื่นชมตลอดทางจนเธอได้แต่ใช้มือทัดผมตัวเองกับหูด้วยความเขินอาย


กิ๊ฟดอกแก้วบนผมข้างขวาของเธอ

กับชุดเดรสสีครามน้ำทะเลชุดนั้น


หญิงสาวมองของในมือชายตรงหน้าที่ยื่นมาให้ค้างอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย

“อะไรหรอ”

“เปิดดูสิ”

แต่เมื่อไม่ได้คำตอบที่ถามเธอจึงมองคนตรงหน้าด้วยสายตาสงสัยแบบตลกๆแล้วทำตามคำสั่งหยิบกล่องสีขาวที่มีโบว์ติดอยู่บนกล่องจากมือคนตรงหน้ามาแต่เมื่อเปิดดูก็ต้องตกใจตาโตแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า

“สุขสันต์วันเกิด”

ชายตรงหน้าพูดแล้วยิ้มให้ เธอค่อยๆคลายใบหน้าตกใจลงแล้วเผยยิ้มออกมาแทนแล้วก้มลงหยิบของในกล่องขึ้นมามองมันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“จากนี้ต่อไปขอให้ส่องแสงสวยงามเหมือนดอกแก้วดอกนี้นะ”

หญิงสาวกำกิ๊ฟรูปดอกแก้วสีเงินที่มีเพชรระยิบระยับในมือแน่นมองมันแล้วน้ำตาคลอเบ้าออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ขอบคุณนะทิค เราชอบมาก ชอบมากจริงๆ เราจะติดมันไว้กับตัวตลอดเลย”

พูดจบเธอก็ติดมันไว้ที่ผมข้างๆหูข้างขวาทันทีเรียกรอยยิ้มให้กับคนให้ได้เป็นอย่างดี


“ทิคชอบสีอะไรที่สุด”

“สีม่วง”

คนถูกถามตอบแบบไม่ได้มองหน้าคนถามเพราะกำลังสนใจบรรจงสีลงในกระดาษที่กำลังเรียนอยู่

“เราชอบสีน้ำเงิน”

เธอพูดทั้งที่ไม่ได้ถามแล้วใช้พู่กันจิ้มสีน้ำเงินกับสีม่วงมาผสมกันวนๆมันจนกลายเป็นอีกสีหนึ่ง

“แต่ต่อไปนี้เราจะชอบสีคราม”

เธอพูดขึ้นหลังจากสีที่เธอวนพู่กันไปมาผสมกันจากสองสีกลายเป็นสีเดียวแล้วหันไปมองคนที่กำลังสนใจอยู่กับการระบายสีของตัวเองด้วยใบหน้าเคร่งเครียดจนเธอได้แต่แอบยิ้มมอง


“บัวแก้ว”


ทิคพูดคำๆหนึ่งออกไปอย่างแผ่วเบากับตัวเอง มองคนที่กำลังเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยใจสั่นไหวเธอหันมาสบตาเขาเมื่อมาถึงบันไดทางขึ้นเวทีแล้วส่งยิ้มมาให้

เสียงไมค์ที่เคยดังจนแสบแก้วหูเสียงผู้คนพูดจาจนน่ารำคาญที่รู้สึกมาตลอดหายไป มีเพียงเสียงหวี้ดๆอยู่ในหูเหมือนหูดับไปชั่วขณะเหมือนตอนนี้ในห้องนี้มีแค่เขากับเธอที่กำลังเดินยิ้มเข้ามาหาเขาแค่สองคน เธอยิ้มมาตลอดระยะทางที่เดินเข้ามาหาและหยุดลงตรงหน้าเขาแต่รอยยิ้มยังคงถูกส่งมาให้


ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้าง ไม่รู้ว่าเขาให้อะไร ให้ถ่ายรูปกับใคร ให้ไปยืนตรงไหน เขาเหมือนไม่มีวิญญาณอยู่กับตัวจิตใจมันล่องลอยไร้ที่ยึดเหนี่ยวเหมือนทุกอย่างดับลงไปหลังจากเห็นเธอ สายตาเขามองอยู่แค่ที่เธอคนเดียวถึงจะไม่มีสติอะไรเลยก็เถอะเขามองเธอยิ้ม มองเธอหัวเราะ มองเธอเขินอาย มองเธอใช้มือทัดผมกับหูข้างขวาแบบที่ชอบทำ สายตาเขาอยู่แค่กับสิ่งพวกนั้น

สติเริ่มจะกลับมาเมื่อเธอคนนั้นกำลังจะลงไปจากเวทีเขามองและจะตามไปแต่ถูกกักตัวไว้ถ่ายรูป

เธอเริ่มออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆจนเขากลัวว่าเธอจะหายไปจนต้องทิ้งทุกอย่างไปอย่างไม่แยแสแล้วรีบวิ่งลงจากเวทีตามเธอไป

แสงสว่างจากเพชรกิ๊ฟดอกแก้วที่กระทบไฟยังคงส่องแสงให้เขาเดินตามไปเรื่อยๆเดรสสีครามตัวนั้นยังคงพริ้วไหวตามแรงลมเขาเดินตามเธอออกไปเรื่อยๆเรื่อยๆและเรื่อยๆอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมือข้างขวาถูกยื่นออกไปหมายจะจับเธอให้หยุดเดินแล้วหันกลับมาหาเขา


“ทิค”


แต่มือข้างซ้ายกลับถูกจับไว้พร้อมกับเสียงเรียกชื่อ

แต่ไม่ได้ทำให้เขาหันกลับไปสนใจได้เลยเมื่อจิตใจเขาจะตามเธอไปอย่างเดียวเขาแกะมือที่จับมือเขาอยู่สะบัดออกแรงๆทั้งที่ไม่หันกลับไปมองสายตาจับจ้องตามเธอคนนั้นแล้วเดินตามไป

“ทิค”

ชื่อถูกเรียกอีกรอบแต่เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี รีบก้าวเท้าให้ยาวขึ้นเพื่อหวังจะตามเธอให้ทัน

“ทิค!”

ครั้งนี้ชื่อถูกเรียกดังกว่าทุกครั้งพร้อมกับแรงกระชากที่มือให้หันกลับไปแรงจนเขาต้องหันตามแรงกระชาก

“บัว กูจะไปหาบัว”

ทิคพูดกับบาสที่มองตาเขาอยู่ด้วยน้ำเสียงสั่นๆน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวเขาแกะมือบาสที่จับมือตัวเองอยู่ออกแล้วหันกลับไปเดินตามเธอคนนั้นบาสมองตามทิคด้วยใจสั่นไหวแล้วเดินตามเข้าไปดึงทิคให้หันกลับมา

“ปล่อย”

ทิคพูดทั้งที่ไม่หันกลับไปมองแกะมือบาสออกจากมือตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จจนต้องตะคอกออกไป

“บอกให้ปล่อยไง!”

“มีสติหน่อยสิวะ!”

แต่กลับถูกบาสตะคอกกลับแล้วดึงมือไว้จนทิคเงียบมองตาบาสที่กำลังจ้องตาเขาอยู่กลับด้วยสายตาอ้อนวอนขอร้อง

“ปล่อยกูเถอะบาส ขอร้อง กูต้องไป กูต้องไปหาบัว กูต้องขอโทษบัว ต้องขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจกู...”

ประโยคถูกกลืนไปแล้วแทนที่ด้วยเสียงร้องไห้น้ำตาไหลออกมาเป็นทางบาสทนเห็นทิคตอนนี้ไม่ได้จนต้องดึงเข้าไปกอดแน่น

“แล้วกูละทิค ไม่รักกูแล้วหรอ”

ประโยคคำถามของบาสทำให้น้ำตาทิคยิ่งไหลเสียงร้องไห้ของชายผู้แข็งแกร่งดังไปทั่วบริเวณ

“อย่าไป...กูขอร้อง”

เสียงบาสติดขัดเมื่อรู้สึกขมคอแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัวเขากระชับกอดทิคแน่นขึ้น

“เขาไม่มีอยู่จริงทิค...เขาไม่มีอยู่จริง”

สิ้นคำพูดของบาสทิคหันกลับไปมองอีกครั้ง แต่ความว่างเปล่าทำให้เขาต้องรีบหลับตาลงหนีมัน ไม่มีใคร ไม่มีเธอคนนั้น ไม่มีอย่างที่บาสบอก

เสียงร้องไห้ทิคดังขึ้นพร้อมกับกระชับกอดบาสแน่น บาสทำได้แค่กอดทิคกลับไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้และเขาจะไม่ปล่อยจนกว่าทิคจะเป็นฝ่ายอยากจะปล่อยจากเขาไปเอง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2018 00:27:39 โดย Vermilion Bird »

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #142 เมื่อ15-08-2018 01:00:52 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #143 เมื่อ15-08-2018 01:02:44 »

จะรอตอนต่อไปชอบมากเรื่องนี้บัวแก้วคงเป็นรักแรกสินะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #144 เมื่อ15-08-2018 01:08:41 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

คืออะไร ยังไง?

สรุปมีผู้หญิงคนนั้นไหม?

หรือทิคตาฝาดมโนไปเอง?

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #145 เมื่อ15-08-2018 01:12:20 »

แงๆ ปมแน่นจัง ยังไม่ชัดเจน ขอบคุณน้องบาสที่อยู่เคียงข้างทิค

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #146 เมื่อ15-08-2018 01:14:42 »

 :katai1:


ทำไมถึงทำกันได้ขนาดนี้

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #147 เมื่อ15-08-2018 01:23:25 »

บัวแก้วตายเพราะทิคหรอ?

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #148 เมื่อ15-08-2018 01:51:38 »

 :ling1: :ling1: :ling1: ฮือออมันยังไง อยากรู้ว่าทิคเคยทำอะไรไว้คนที่ชื่อบัวยังมีชีวิตอยู่ไหมนะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #149 เมื่อ15-08-2018 08:19:53 »

โอ้ยยย ปมเยอะจัง แต่ก็น่าติดตามนะ อดีตของทิคเริ่มเผยมาเรื่อยๆ สู้ๆ น้าาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด