Rule#1 Let him be your everything, but be nothing to him.
“คุณทำได้ดีมากในช่วงทดลองงานที่ผ่านมา” มธุวันเอ่ยขึ้นในวันสุดท้ายของการทดลองงานของขวัญข้าว ร่างโปร่งยังคงก้มหน้าก้มตาทำเอกสารเฉกเช่นทุกวัน ผิดกับขวัญข้าวทีดีใจจนเนื้อเต้นที่จะได้เริ่มงานจริงๆเสียที แต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่จะไม่ได้อยู่ในความดูแลของมธุวันแล้ว “จากวันจันทร์เป็นต้นไป ทางฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะเป็นคนจัดการว่าคุณจะได้ทำงานให้ใคร ขอให้โชคดีนะครับ”
“ขอบคุณครับคุณมธุวัน”ขวัญข้าวยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง
“แล้วก็...”เสียงของเลขารุ่นพี่ที่อบรมสั่งสอนเขาอย่างตั้งใจว่าตลอดสามเดือนอ่อนลงเล็กน้อย “ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ถามผมได้นะ”
คุณมธุวันใจดีจัง
ขวัญข้าวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง เขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้พบเจ้านายคนใหม่
คุณชาญชัย...
ร่างเล็กพยายามนึกใบหน้าของเจ้าของชื่อทันทีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลบอกเขาเรื่องรายละเอียดงาน กรรมการบริหารร่างท้วมอายุหกสิบปลายๆแต่ยังไม่ยอมเกษียณคนนั้นน่ะเหรอ?
ร่างเล็กนึกถึงข่าวลือที่พี่ๆในออฟฟิศซุบซิบกันเกี่ยวกับเรื่องการถูกชายคนนั้นทำเรื่องไม่สมควรในสถานที่ทำงานแล้วขนลุกซู่ แต่รีบเรียกสติของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้นะ เราจะปล่อยให้อคติครอบงำจิตใจไม่ได้!
ขวัญข้าวตบแก้มตัวเองเบาๆเรียกสติ นึกถึงคำสอนทุกอย่างที่คุณมธุวันสอนเขาไว้ แล้วเตรียมพร้อมกายใจสำหรับการเผชิญหน้ากับเจ้านายคนใหม่ของตน
"วันนี้เลขาใหม่จะมาทำงานวันแรกเหรอครับลุง?"
"ใช่ ได้ข่าวว่ามธุวันเป็นคนเทรนเองกับมือ จริงๆไม่น่าลำบากเล้ย แค่หาเลขาสาวๆสวยๆมาเป็นกำลังใจเวลาลุงทำงานก็ชื่นใจแล้วแท้ๆ"
"โธ่ ลุงครับ เลขานะครับไม่ใช่อย่างอื่น หาคนเก่งๆมาก็ดีแล้วนี่ครับ"
เสียงของคนที่เขามักจะแอบมองอยู่ห่างๆดังขึ้น จากด้านในห้อง ขวัญข้าวลังเล ไม่มั่นใจว่าตัวเองควรจะเข้าไปตอนนี้หรือไม่ แต่เขาไม่ได้มีเวลาตัดสินใจมากนัก เพราะประตูห้องของคุณชาญชัยดันเปิดพรวดออกมาพร้อมกับร่างสูงของจอมทัพที่ชนเข้ากับเขา...อีกแล้ว
"โทษทีๆ เป็นอะไรรึเปล่า"
ชายหนุ่มขอโทษขอโพย จับร่างเล็กบิดซ้ายทีขวาทีเพื่อสำรวจบาดแผล ขวัญข้าวส่ายหน้าพรืด
"ไม่...ไม่เป็นไรครับ"
"เหรอ...ดีจัง" จอมทัพยิ้มอย่างโล่งใจ ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังชะเง้อมองเลขาคนใหม่ของตนแล้วยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
"ไม่เลวๆ ผู้ชายก็ใช้ได้นะถ้าแบบนี้ ถึงจะผอมไปหน่อยก็เถอะ"
ขวัญข้าวพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หันหลังแล้ววิ่งหนีไป แต่ปฎิกิริยาของร่างกายที่ขยับหนีชายแก่ตรงหน้าเล็กน้อยยังคงไม่อาจรอดพ้นสายตาของจอมทัพไปได้ ร่างสูงก้มมองร่างเล็กที่ผอมบางเสียจนเขาสามารถเอาตัวบังจนมิดได้โดยไม่ต้องพยายาม แล้วหันไปหาผุ้อาวุโสที่เขาให้ความเคารพพอสมควร
"ลุงครับ จริงๆถ้าลุงอยากได้สาวๆสวยๆ ผมได้ยินว่าคุณเจนจิรากำลังเทรนเลขาฝึกหัดเหมือนกัน.... ผมว่าลุงรอเลขาของทางนั้นดีมั้ยครับ?"
"อ้าว แล้วลุงจะบอกฝ่ายบุคคลว่าไงล่ะ?" ชาญชัยเลิกคิ้ว
"บอกว่าผมถูกใจเลขาคนนี้ ขอแซงคิวลุงไปก่อนก็ได้ครับ" จอมทัพยิ้มให้ชายชรา "เพราะผมว่า...เด็กคนนี้น่าจะเข้าทางผมมากกว่าลุงนะครับ"
ขวัญข้าวสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายโอบไหล่ แต่ไม่กล้าขยับหนี จึงได้แต่ยืนใบ้อยู่ในอ้อมแขนของจอมทัพ
อุ่นจัง...
หอมด้วย....
ชาญชัยยิ้มอย่างรู้ทัน ส่ายหน้าให้กับคนอายุน้อยกว่า
"ว่าแล้ว เห็นตะแง้วๆว่าจะจีบมธุวันมาหลายเดือน สุดท้ายก็ดีแตกจนได้ไอ้จิ้งจอก"
จอมทัพเพียงแต่หัวเราะตาม ไม่ปฎิเสธหรือแก้ตัวใดๆทั้งนั้น
"แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าจะให้แกคบกับพายุน้ำแข็งเดินได้นั่น เด็กนี่ยังเจริญหูเจริญตากว่าเยอะ" ชาญชัยโบกมือไล่ทั้งสองคน
"ไปๆ ลุงจะทำงานทำการ ตอนเย็นมีนัดไปส่องสาว..เอ๊ย! สังสรรค์กับเพื่อน เดี๋ยวเสร็จไม่ทัน"
"ขอบคุณมากครับลุง" จอมทัพยิ้มแป้น รีบดึงร่างที่เขายังคงโอบไหล่ไว้ให้เดินตามมาอย่างรวดเร็ว
แต่เอ๊ะ...คุณเจนจิราไม่ได้กำลังฝึกเลขาทดลองงานอยู่นี่นา....
ขวัญข้าวที่ไม่มีปากมีเสียงอะไรอะไรเลยกับการตัดสินใจของคนทั้งคู่เดินตามมาเงียบๆ เขาไม่มั่นใจว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจอมทัพถึงกล้าโกหกกรรมการบริหารอาวุโสเพียวเพื่อพาเขาออกมาแบบนี้
"ขอโทษนะ ที่จู่ๆก็ลากเธอออกมาแบบนี้ คงสับสนแย่เลย"
จอมทัพเอ่ยขอโทษอีกครั้งเมื่อพวกเขามาถึงห้องทำงานของชายหนุ่ม ร่างสูงจูงเขามาที่โซฟาแล้วดึงให้ขวัญข้าวนั่งลงข้างกาย
"จริงๆลุงชาญเขาเป็นคนดีนะ มีแค่เรื่องนั้นนั่นแหละที่ทำให้คนอื่นปวดหัวตลอด"
"ครับ" ขวัญข้าวพยักหน้า ถึงแม้จะไม่เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็ตาม
"อืม...เอายังไงดี ถ้าอย่างนั้นมาแนะนำตัวกันก่อน ฉันชื่อจอมทัพ ยินดีที่ได้รู้จัก"
ร่างสูงยื่นมือมาตรงหน้าเขาพร้อมรอยยิ้ม แต่แววตาของอีกฝ่ายบ่งบอกว่าจำไม่ได้เลยว่าเคยเจอเขามาก่อน ขวัญข้าวยกมือขึ้นพนมที่อกแล้วก้มหน้าลง
"สวัสดีครับคุณจอมทัพ ผมชื่อขวัญข้าวครับ"
คนที่ยื่นมือค้างรีบเปลี่ยนเป็นยกมือรับไหว้ จอมทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดเล็กน้อย
"ไม่ต้องไหว้ก็ได้ เห็นฉันแก่ขนาดนั้นเลยรึไง"
"ขอโทษครับ" ขวัญข้าวรีบกล่าวขอโทษเมื่อเห็นว่าการกระทำของตนส่งผลในด้านลบเสียอย่างนั้น มือเรียวเตรียมยกขึ้นไหว้อีกครั้งแต่นึกขึ้นได้ จึงโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายอย่างสำนึกผิดเอง จอมทัพยิ้ม รู้สึกเอ็นดูร่างเล็กตรงหน้าขึ้นมาถนัดตา
"ขวัญ...ฉันเรียกขวัญได้มั้ย?" เสียงทุ้มที่เรียกขื่อของเขาที่ไม่มีใครเคยเรียกทำเอาร่างเล็กใจเต้นไม่เป็นส่ำ ปกติแล้วคนอื่นจะเรียกเขาว่าข้าว ตามชื่อจริงและชื่อเล่น เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งรอคำตอบอย่างใจเย็น ขวัญข้าวจึงพยักหน้า พยายามก้มไม่ให้อีกฝ่ายเห็นแก้มที่ขึ้นสีเลือดอย่างรวดเร็ว "ต่อไปนี้ขวัญเป็นเลขาของฉันแล้วนะ เดี๋ยววันนี้ฉันจะเอาเอกสารมาให้ลองแก้ดู ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจถามฉันได้เลยนะ"
รอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายทำให้ขวัญข้าวยิ่งรู้สึกผิดกับความคิดเกินเลยที่วนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่วันแรกที่ได้รับดอกไม้ช่อนั้น ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ใช่ของของเขาแท้ๆ
ขวัญข้าวอดคิดไม่ได้ ว่าที่จอมทัพช่วยเขาออกมาในวันนี้ เป็นเพราะอีกฝ่ายอาจจะ...
"นี่ คุณหมอกเป็นคนเทรนขวัญจริงๆเหรอ?" จอมทัพถามเขาอย่างกระตือรือร้น "ถ้าอย่างนั้นก็สนิทกันมากน่ะสิ คุณหมอกเคยบอกมั้ยว่าเขาชอบคนแบบไหน..."
ตอนนั้นเองที่ขวัญข้าวตัดสินใจว่าเขาไม่ควรคิดอะไรกับความใจดีของร่างสูง
เพราะคนอย่างเขา ไม่มีทางสู้คุณมธุวันได้ และตราบใดที่จอมทัพยังคงไม่ตัดใจจากร่างโปร่ง สิ่งที่เขาทำได้ มีเพียงช่วยเหลือเท่าที่กำลังของเขาจะอำนวยเท่านั้น
“หน้าที่อีกอย่างของพวกเรา คือการหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเจ้านาย ถึงแม้บางครั้งนั่นจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการก็ตาม”
ครับคุณมธุวัน
ผมจะเป็นสุดยอดเลขา ที่ทำให้พวกคุณทั้งสองรักกันให้ได้ครับ!
หลังจากวันนั้น ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว
อย่าว่าแต่รักกันเลย ขวัญข้าวคิดว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ร่างโปร่งไม่ถีบจอมทัพกระเด็นไปคงเป็นเพราะยังไม่อยากมีปัญหากับบอร์ดบริหาร แต่กระนั้นคุณจอมทัพก็ยังคงตื้อร่างโปร่งที่ไม่แม้แต่จะชายตามองเขาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
โดยมีเลขาอย่างเขาเป็นลูกสมุนคอยคาบข่าวมาบอกอย่างต่อเนื่อง
"คุณจอมทัพ ตื่นรึยังครับ"
ขวัญข้าวเคาะประตูห้องนอนในคอนโดของจอมทัพ ขณะนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงตรง ก่อนเวลาตื่นปกติของร่างสูงครึ่งชั่วโมง แต่จอมทัพไม่ใช่คนตื่นยาก ขวัญข้าวถึงกล้ามายืนเคาะประตูห้องเสียงดังแบบนี้
อันที่จริงจอมทัพให้กุญแจสำรองเขาไว้ทั้งของห้องและของห้องนอน รวมถึงเอกสารสำรองทั้งหมดและกุญแจรถถึงแม้ร่างเล็กจะขับไม่เป็น เรียกได้ว่าถ้าขวัญข้าวเป็นมิจฉาชีพ คุณจอมทัพคงไม่เหลือแม้แต่เหรียญติดตัว แต่ขวัญข้าวยังคงเคารพความเป็นส่วนตัวของเจ้านายมากพอที่จะรอให้อีกฝ่ายลุกมาเปิดให้เขา
"อือ ตื่นแล้ว..."
เจ้าของห้องเปิดประตูออกด้วยสีหน้างัวเงีย ร่างสูงกึ่งเปลือยหาวหวอดพร้อมกับยกมือขยี้ผม มืออีกข้างกำชายผ้าห่มที่จอมทัพนำมาพันรอบเอวเพื่อไม่ให้เกิดภาพอุจาดตา
"วันนี้เลื่อนประชุมเช้าขึ้น จำได้มั้ยครับ? รีบหปอาบน้ำเถอะครับ" ขวัญข้าวเตือน แทรกกายผ่านร่างสูงเข้าไปในห้องนอนที่รกเละเทะทั้งที่เขาเพิ่งเข้ามาเก็บให้เมื่อสามวันก่อน ร่างเล็กเปิดประตูตู้เสื้อผ้าบิวท์อินแล้วหยิบเอาชุดทำงานของร่างสูงออกมาเลือก ฝ่ายคนเพิ่งตื่นก็กระดื้บเข้าไปในห้องน้ำตามที่เลขาของตนบอกอย่างเชื่องช้า ขวัญข้าวยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ
"คุณจอมทัพ ผมวางชุดไว้บนเตียงนะครับ"
ร่างเล็กเอ่ยผ่านประตูที่ปิดไว้แล้วออกมาจากห้อง พับแขนเสื้อขึ้นเตรียมจัดการอาหารเช้าให้เจ้านายของตน ในตู้เย็นของจอมทัพมีแค่ของสดที่เขาซื้อมาให้และอาหารที่ขวัญข้าวเป็นคนทำแล้วแช่แข็งไว้ให้อุ่นเท่านั้นชายหนุ่มไม่เคยคิดจะซื้ออะไรเข้ามาเองนอกจากเบียร์กระป๋องกับขนมถุงเป็นครั้งคราวเวลาดูฟุตบอล อันที่จริง ข้าวของในห้องนี้หลายชิ้นก็เป็นของที่ขวัญข้าวเลือกเองกับมือ
"หอมจัง..."
จอมทัพเดินออกมาจากห้องนอน ทำจมูกฟุดฟิดตามกลิ่นอาหารเช้ากับชาคาโมมายหอมกรุ่น ร่างสูงไม่ค่อยดื่มกาแฟ ขวัญข้าวจึงสลับชนิดชาตามเห็นสมควรให้ จอมทัพยกชาขึ้นจิบด้วยสีหน้าเหมือนตนเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก
"ขวัญเนี่ย รู้ใจฉันตลอดเลยน้า"
"ไม่หรอกครับ ผมแค่เดาเก่ง" ขวัญข้าวยิ้มรับคำชม ผ่านมาหนึ่งปี ภูมิต้านทานของเขาต่อรอยยิ้มละลายใจเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่นั่นก็ยังไม่มากพอให้แก้มของเขาไม่ขึ้นสีเลือดจางๆเวลาได้รับคำชม
จอมทัพตักอาหารเช้าเข้าปาก ร่างสูงเรียนรู้จากการทำงานด้วยกันมาเป็นปีเช่นกันว่าขวัญข้าวทานข้าวเช้าตั้งแต่เช้ามืด จึงไม่เคยนั่งกับเขา เวลาที่ร่างสูงนั่งทานอาหารเลขาตัวน้อยของเขาก็จะจัดการกับจานชามในอ่างล้างและทำความสะอาดรอบห้อง
"อร่อยจัง~" ขวัญข้าวอมยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินคำชม "ฉันอยากให้ขวัญอยู่ทำอาหารให้ฉันกินไปตลอดชีวิตเลย"
ถึงแม้จะดีใจ แต่ทุกครั้ง คำพูดให้ความหวังนั้นก็กัดกินหัวใจของคนที่รู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสจนแทบทนพิษบาดแผลไม่ไหวเช่นกัน
"ถ้าคุณจอมทัพอยากให้ผมอยู่ ผมก็จะอยู่ครับ" ขวัญข้าวตอบโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย เริ่มดูดฝุ่นห้องของร่างสูงอย่าง
ขะมักเขม้น
แต่ถ้าวันไหนที่คุณไม่ต้องการผมแล้ว...
ไม่ต้องออกปากไล่นะครับ...เพราะผมจะเป็นคนที่หายไปเอง
ผมจะจากไปอย่างเงียบเชียบ จนคุณไม่สังเกตว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ข้างๆคุณแล้ว
เพราะการรับรู้ถึงสิ่งที่เจ้านายต้องการได้ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว เป็นหน้าที่ของเลขาที่ดี จริงมั้ยครับ?
---------
มาแบบตอนสั้นๆละกัน5555