ขวัญข้าวก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง นึกสงสัยว่าทำไมน้องแว่นถึงได้ยังมาไม่ถึงเสียทีิทั้งที่เกือบจะถึงเวลานัดแล้ว ร่างเล็กหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาคนที่ขอความช่วเหลือจากเขา สายตาก็สอดส่องหาเด็กหนุ่มร่างเล็กตัดผมทรงกะลาใส่แว่นหนากลมเป็นระยะ
“ฮัลโหล พี่ข้าว พี่ที่มาส่งเขาขับรถหลงทางน่ะครับ กำลังหาที่กลับรถอยู่ แต่ตอนนี้รถติดมากเลย ขอโทษนะครับ”เสียงปลายสายขอโทษก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรเสียอีก
“ไม่เป็นไรๆ พี่ยืนรออยู่ตรงนี้แหละ” ขวัญข้าวเอ่ยอย่างไม่ซีเรียส นี่เพิ่งเริ่มพักเที่ยง เขามีเวลาอีกชั่วโมงครึ่งกว่าจะต้องกลับเข้าไปทำงาน
“ขอบคุณมากนะครับพี่ข้าว”
ขวัญข้าวกดตัดสาย ยืนรอน้องชายอยู่ริมถนนท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุต่อไป ร่างเล็กยืนนิ่งรอจนกระทั่งรู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่
“หือ? คุณมธุวัน?!”
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อเห็นว่าคนที่สะกิดเขาจากด้านหลังเป็นใคร ร่างโปร่งในชุดสูทสีอ่อนมองเขานิ่ง ทั้งที่แดดแผดเผาจนแทบลมจับ แต่ร่างของชายหนุ่มกลับดูเหมือนแผ่รังสีความเย็นออกมาได้ หากไม่เคยทำงานกับคุณมธุวันมาก่อน ขวัญข้าวคงวิ่งหางจุกตูดหนีไปแล้ว
“มาทำอะไรตรงนี้?”
ร่างโปรงเลิกคิ้วถาม ในมือถือกาแฟเย็นแก้วโตที่พร่องไปเกือบครึ่ง
"เอ่อ ญาติผมเขานัดครูของน้องไว้มาคุยเรื่องการเรียนน่ะครับ แล้วนัดกันที่ร้านกาแฟ แต่น้องเขากลัวหลง ผมเลยมารอพาเข้าไป"
ขวัญข้าวไม่รู้ว่าตัวเองใส่รายละเอียดมากเกินไปหรือไม่ คุณมธุวันจ้องหน้าเขาอยู่พักหนึ่งด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วตบบ่าเขาเบาๆ
หือ?
อะไรอ่ะ?
ขวัญข้าวทำหน้างุนงงกับท่าทีที่แปลกไปของเลขารุ่นพี่ ถึงแม้จะอายุมากกว่าแค่ปีเดียว แต่มธุวันมีบรรยากาศรอบกายที่มักจะทำให้เขาชอบรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนญาติผู้ใหญ่มากกว่าเพื่อนร่วมงาน แต่ถ้าเขาเผลอหลุดพูดไป เขาอาจจะโดนแช่แข็งด้วยสายตาก็เป็นได้
"ผมต้องขอโทษแทนน้องชายด้วย เด็กนั่นมัวแต่กังวลว่าจะไม่ได้มาหาผมจนไม่ได้คิดถึงความสะดวกของผู้ปกครองเลย"
เด็กนั่น?
หรือว่าอาจารย์ของน้องเลนส์จะเป็น....
"ไม่...ไม่เป็นไรครับ จริงๆคุณน้าเขาก็เคยมาทานร้านนี้กับผมเลยมาถูก แต่เหมือนวันนี้จะติดธุระเลยให้ลูกมาแทน เลยหลง คุณครูไม่ไม่ผิดหรอกครับ"
เอาจริงๆ หลังจากรู้ว่าอาจารย์ประจำชั้นของน้องเลนส์เป็นใคร ถึงคุณครูจะผิดเขาก็ไม่กล้าเอาเรื่องหรอก เขายังอยากมีงานทำอยู่นะ
"คุณมีรูปของน้องคุณมั้ย?"
ถึงจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายถามทำไม แต่สัญชาตญาณที่ถูกคนตรงหน้าสั่งจนทำตามโดยอัตโนมัติทำให้เขายกรูปในมือถือให้มธุวันดูอย่างว่าง่าย ดวงตาสีเทาอมฟ้าเขียวเหลือบมองเพียงครู่เดียวก่อนจะเอ่ยขึ้น
"เข้าไปรอในร้าน ถ้าน้องคุณมาแล้วผมจะพาเข้าไปเอง" มธุวันเสนอตัว เขาเห็นแก้มที่แดงก่ำและหน้าผากชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกใจไม่ค่อยดี กลัวว่าคนตัวเล็กจะล้มพับไปเสียก่อน และหากเป็นเช่นนั้นมันจะเป็นความผิดของเขาด้วยที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นต่อหน้าต่อตา
"ไม่...ไม่รบกวนหรอกครับ" ขวัญข้าวส่ายหน้าพรืด แต่มธุวันใช้สายตาเย็นเยียบจ้องคนตรงหน้าจนหงอลงไป
"ผมไม่ได้ขอ"
ฮือ...แม่จ๋า หนูกลัว
และนั่นทำให้เขายอมเดินเข้ามาในร้านกาแฟหน้าตาน่ารักบรรยากาศสบายๆอย่างจำยอม ภายในตัวร้านแทบไม่มีคนนั่งอยู่
เนื่องจากสาวๆในออฟฟิศส่วนใหญ่ซื้อกลับไปทานที่บริษัทกัน ขวัญข้าวเคยมาทานอาหารและขนมที่นี่ จัดว่าเป็นร้านที่อร่อยร้านหนึ่งเลยทีเดียว
ที่มุมติดหน้าต่างมีร่างสูงที่ดูจะอายุพอๆกับเขาในชุดทำงานผูกเนคไทค์เรียบร้อยนั่งอยู่ เรือนร่างสมส่วนที่ถูกอำพรางไว้ด้วยเสื้อแขนยาวสีครีมตัดกับผิวสีน้ำผึ้งได้เป็นอย่างดี เส้นผมตัดสั้นเรียบร้อยและใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่มุมปากตลอดเวลาช่างแจชตกต่างจากพี่ชายจนขวัญข้าวสงสัยว่าตนกำลังจะทักคนผิด แต่แฟ้มที่มีตราโรงเรียนเด่นหราทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคุณครูประจำชั้นของน้องเลนส์
บอกว่าเป็นญาติคุณจอมทัพเขายังจะเชื่อมากกว่า
ถึงแม้เฉดสีผิวของอาจารย์จะเข้มกว่าคุณจอมทัพหลายขุมและโครงร่างเพรียวกว่าจอมทัพอยู่มาก อีกทั้งโครงหน้าที่ไม่แทบไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่ถ้าหากให้เขาเลือกว่าคนคนนี้เป็นญาติของใครโดยไม่มีข้อมูล ยังไงเขาก็เลือกคุณจอมทัพอยู่ดี
"เอ่อ...อาจารย์ของน้องเลนส์...น้องนรวีร์รึเปล่าครับ?"
"ครับ คุณนรธีร์ใช่มั้ยครับ?" ร่างสูงมีท่าทีงุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นพนักงานบริษัท ไม่ใช่นักศึกษาอย่างที่เขาเข้าใจ
"เปล่าครับ ผมเป็นญาติของเขา คือตอนนี้น้องเลยที่นี่ไป เลยน่าจะมาช้าหน่อย ต้องขอโทษแทนน้องด้วยนะครับ" ขวัญข้าวกล่าวด้วยสีหน้าสำนึกผิด
"ไม่เป็นไรครับ ผมก็มีส่วนผิดที่นัดที่ที่มายากขนาดนี้ โดนพี่ชายดุยกใหญ่เลย" ชายหนุ่มหัวเราะแห้งๆ "ผมแดนดินครับ"
"ขวัญข้าวครับ" ร่างเล็กยิ้ม รู้สึกผ่อนคลายกับความเป็นเป็นมิตรของอีกฝ่าย "ถ้าอย่างนั้น ก่อนที่น้องผมจะมา ขอนั่งด้วยคนนะครับ"
ขวัญข้าวไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์
แต่ถ้าเขาสามารถล้วงข้อมูลของมธุวันจากคนที่น่าจะรู้จักอีกฝ่ายดีที่สุดได้ ในที่สุดจอมทัพจะได้ตีตื้นทำคะแนนขึ้นมาได้เสียที
"เอ๊ะ คุณมธุวันน่ะเหรอครับชอบชีสเค้ก?"ขวัญข้าวถามด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงกาแฟเย็นแก้วโตหน้าตาหวานเลี่ยนเมื่อครู่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงไม่สังเกตมาก่อน
"ครับ ยิ่งถ้าเป็นบลูเบอร์รี่นะ กินได้เป็นถาดเลย"แดนดินหัวเราะ "พี่หมอกเคยทำเก็บไว้กินเป็นอาทิตย์ จนแม่ทนไม่ไหวต้องแอบเอาไปแจกคนข้างบ้านเพราะกลัวพี่เป็นเบาหวาน"
ไม่อยากเชื่อว่าคนที่ดูเหมือนรูปสลักน้ำแข็งแบบนั้น จะมีมุมแบบนี้กับเขาด้วย
"แล้ว...คุณมธุวันนี่เขามีคนที่ชอบมั้ยครับ?" ร่างเล็กกลั้นใจถามออกไป ใจหนึ่งก็อยากจะได้ยินคำตอบว่าไม่ แต่อีกใจกลับภาวนาให้ชายหนุ่มคบหากับใครซักคนอยู่
เผื่อว่านั่นจะทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลงกับความรู้สึกที่เขามีต่อเจ้านายของตัวเอง
"อืม...ผมก็ไม่มั่นใจนะครับ หลังจากที่เลิกกับแฟนเก่าเมื่อสามปีก่อน พี่หมอกก็ไม่เคยพูดถึงใครอีก"แดนดินไหวไหล่ ยกกาแฟขึ้นดื่มอึกใหญ่แล้ววางลงบนจานรองอย่างเดิม "คนเรานี่ก็แปลก คบกันมาตั้งสี่ปี บทจะเลิกก็เลิกง่ายๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
จริงเหรอ?
เวลาตั้งสี่ปีไม่เปลี่ยนอะไรคนคนนึงซักนิด มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?
"แล้ว...แฟนเก่าคุณมธุวันนี่เป็นคนยังไงเหรอครับ?" ร่างเล็กไม่ได้อยากละลาบละล้วง แต่ความอยากรู้อยากเห็นเอาชนะความรู้สึกผิด เขาอยากรู้จริงๆว่าคนที่สามารถครอบครองหัวใจของคนอย่างมธุวันได้จะต้องเป็นคนแบบไหน
"ก็...เงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่ก็เป็นคนที่อัธยาศัยดีคนนึง ผมเคยเจอตอนพี่หมอกพามาบ้านแค่ครั้งเดียวเลยไม่ค่อยรู้อะไร
มาก....อ๊ะ ดูเหมือนคุณนรธีร์จะมาแล้วนะครับ"
ขวัญข้าวหันกลับไปทางประตูร้าน มธุวันเดินนำน้องชาของเขากับชายหนุ่มร่างสูงอีกคนเข้ามาในร้าน ขวัญข้าวก้มมองนาฬิกา ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับร่างสูงอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าตนนั่งอยู่ที่นี่นานพอสมควรแล้ว
ว่าแต่...ถ้าซื้อชีสเค้กกลับไปตอนนี้คุณมธุวันจะสงสัยมั้ยนะ?
-----------------------]
อาจารย์แดนดินของเราออกโรงซะที