▓▒░ อุบัติรักเร็วเกินเหตุ ░▒▓ ตอนที่ 4
แม่กำลังยัดเยียดผมให้อยู่ในเงื้อมือของนินจา
จริงๆนะ มันทำให้ผมรู้สึกสับสนมาก
คุณนายกาญจนาเดินเข้าบ้านมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเฉิดฉาย ผมถูกดัดให้เป็นลอนสยายทั่วทั้งแผ่นหลัง มีน้ำหนักและขยับขึ้นลงตามจังหวะที่ก้าวเดิน เป็นม่ายสาวพราวเสน่ห์ที่สวยมากจริงๆ แต่แม่ก็ไม่เคยเปิดใจให้ใครเลย ไม่ว่าจะมีใครเข้ามาจีบแม่ก็ได้แค่รับไมตรีเขาไว้อย่างเพื่อนหรือคนรู้จักเท่านั้น แต่ทำไมแม่ถึงได้อยากให้ผมคบกับไอ้นินจาเข้าใจยากนั่นก็ไม่รู้ มีอะไรกันแค่ครั้งเดียวเอง
“เป็นอะไรอะเมต ท้องผูกเหรอ”
“ท้องผูกอะไรกันล่ะแม่ ลูกเขยสุดหล่อของแม่อะ โผล่มาตอนแม่ไปร้านเสริมสวยอะดิ” แม่เลิกคิ้วสูง แทบจะลืมไปเลยว่าเพิ่งไปร้านเสริมสวยมา แม่ทิ้งข้าวของทุกอย่าง รวบชายกระโปรงแล้วนั่งยองๆตรงหน้าผม ไม่ได้ตกใจจนกระโดดหนีกับท่าทีของแม่หรอก ผมชินแล้ว
“หรรษากลับมาหาแกเหรอ เห็นมะ แม่ว่าแล้วมันต้องติดใจ ของสดๆใหม่ๆ ใครๆก็ชอบ แล้วไง เมตเล่นตัวเปล่า”แม่ตบเข่าฉาดถามผมแบบลุ้นๆ คือลุ้นมาก จนมากเกินไปด้วยซ้ำ
“ติดใจอะไรกันล่ะแม่ มันมาขอข้าวกินน่ะสิไม่ว่า นี่เมตยังโกรธตัวเองอยู่เลยนะที่ดันเชื่องเจียวไข่เพิ่มให้มันอะ”
“ต๊าย เห็นมั้ยพอเมตเริ่มมีใครเมตก็จะเรียนรู้การใช้ชีวิตไปอีกขั้น มีเป้าหมายอยู่ที่ใครสักคน นี่ขนาดวันแรกลูกก็เริ่มจะเป็นแม่บ้านแล้วเห็นมั้ย รู้งี้แม่หาใครให้เมตตั้งนานแล้ว ไม่ต้องให้ลูกไปลำบากลำบนหาเองหรอก”
“เว่อร์ไปแล้วคุณนายกาญจนา เมตไม่ได้รู้สึกอย่างที่แม่ว่าเลย เมตแค่รู้สึกว่ามันเป็นแขก เราทำให้มันตกใจจนเสียขวัญนะแม่ อีกอย่างเมตก็เป็นคนไปลากตัวมันมาอะ แล้วแม่ก็ทำกับข้าวไว้แค่อย่างเดียวเองเมตเลยทำเพิ่มไปอีกอย่าง เดี๋ยวจะหาว่าบ้านเราไม่เอาไหน”
“หรรษาต้องประทับใจลูกแน่ๆเลยใช่มั้ย สงสัยแม่คงต้องไปหาผ้ามาไว้เตรียมซับกระไดหน้าบ้านแล้วล่ะ มันต้องเปียกโชกตลอดเวลาแน่ๆเลยเมต”
“ประทับใจอะไรกันล่ะแม่ มันด่าเมตเปิงเลยสิ มันว่าบ้านเราอะไม่ใช่ลูกเจ้าขุนมูลนายอะไร ทำไมเมตถึงได้ทำตัวสูงส่งจนทำอะไรไม่เป็น”
“อ้าวๆ นี่มันหลอกด่าลูกกระทบว่าแม่ไม่สั่งสอนเลยนะเนี่ย ได้ไงวะ ใครจะไปรู้ว่าลูกชั้นจะต้องตกเป็นเมียใครกันล่ะ ถ้ารู้ว่ามันจะหาผัวนะ แม่จะสอนงานบ้านงานเรือนตั้งแต่สามขวบแล้ว”
“แม่ มันไม่ได้ทำให้เมตดูดีขึ้นเลยนะแม่” ผมเศร้าใจจริงๆนะ
“อ้าวเหรอ อย่าคิดมากเลย แล้วเมตทำยังไงให้เค้าด่าได้ละลูก”
“เมตเจียวไข่ไหม้ข้างนึงเกือบดิบข้างนึงเองแม่”
“ของง่ายๆอย่างไข่เจียวเนี่ยนะ ทำไมเป็นงี้ละลูก”
“ก็เมตกะไม่ถูกอะ ไม่เคยทำ นี่เปิดแก๊สได้ก็เก่งแล้วแม่”
“ใจเย็นๆๆนะเมตนะ เดี๋ยวแม่สอนให้ เอาให้เจียวไข่ขั้นเทพไปเล้ย คอสเดียวมัดใจ”
“ไม่เอาแล้ว เมตไม่ทำแล้วแม่ พอกันที อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะได้กินฝีมือเมตอีก”
“อ้าว แล้วกัน”
“มันคงแค่กลับมาดูมั้งแม่ ว่าเราเป็นยังไงหลังจากที่มันปฏิเสธแม่ไปอะ มันคงกลัวเราคิดสั้นแล้วเดือดร้อนถึงมันมั้ง”
“งั้นเหรอ เสียดายนะ หรรษาหล่ออะ ถูกสเปคแม่”
“มันเจ้าชู้นะแม่ เป็นคนดังด้วย ใครๆก็สนใจมันอะ เมตไม่ชอบ”
“ไม่ชอบแล้วทำไมถึงได้ตามเค้าไปง่ายๆล่ะ”
“ก็เมตเมาอะแม่ นี่เมตจะไม่ไปร้านเดิมแล้วนะ”
“กลัวเมาแล้วพลาดอีกหรือไง ไปร้านอื่นแล้วมันก็พลาดได้เว้ยไอ้เมต ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ร้าน มันอยู่ที่แกอะอ่อนเองเข้าใจมั้ย”
“เมตก็จะไม่กินให้เมาแล้วไง ตอนนั้นเมตแค่อยากลองเฉยๆ กินไปนิดเดียวเอง”
“ไม่นิดหรอกมั้งคุณลูก เมาถึงได้ขนาดได้คนแปลกหน้าเป็นสามีนี่แม่ว่าเมตต้องเมาอย่างหมาแน่เลย” แม่พูดอย่างกับมองเห็นภาพ ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนี่น่ากลัวจริงๆนะ
“เราหยุดพูดเรื่องนี้กันเถอะนะแม่ เมตไม่อย่างบังคับใครอะ เมตรู้แหละว่าที่ทำไปมันไม่ดี แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ต่อไปนี้เมตจะระวังตัวนะแม่นะ”
“ไอ้ที่แม่ทำอะ ไม่ใช่แค่แม่อยากสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้เมตแค่คนเดียวหรอกนะ คนทุกคนต้องมีบทเรียนในชีวิตกันทั้งนั้น การที่แม่ทำแบบนี้มันสอนคนได้ถึงสองคนนะลูก”
“แล้วทำไมแม่ถึงได้เลือกหรรษาล่ะครับ มันเป็นนักเลงนะแม่ แม่เห็นมันมั้ยล่ะ มันไม่กลัวใครเลยนะ มันเถื่อนจะตาย”
“มันไม่ใช่ว่าเพราะหรรษาแม่ถึงเลือกหรอกนะ แต่เพราะเค้าคือคนที่ก้าวเข้ามาทำให้ชีวิตลูกแม่เปลี่ยนต่างหากล่ะ”
“เปลี่ยนตรงไหนแม่ อาโกวหน้าปากซอยยังเรียกเมตว่าไอ้เตี้ยอยู่เลยนะ ทุกอย่างปกติมากเหอะ”
“เอางี้แล้วกันนะ ถ้ามันไม่มีการสานต่อ เราจะลืมเรื่องนี้กัน”
“ครับแม่ เราอยู่กันสองคนก็ดีแล้ว ก็มีความสุขดีแล้วนี่นา ใช่มั้ยคุณนายกาญจนา”
“มันก็ใช่ แต่เมตไม่เข้าใจหรอก แม่ไม่มีวันจะอยู่กับลูกได้ตลอดชีวิต แม่เกิดก่อนลูกตั้งนาน แม่ก็ต้องตายก่อน แล้วชีวิตที่เหลือของเมตล่ะ เมตก็ต้องมีใครสักคน”
“เรื่องนี้ปล่อยผ่านนะครับแม่ เศร้าไป”
จะว่าผมหนีปัญหาก็ได้นะ จะว่าผมไม่ยอมรับความจริงก็ถูก แต่มันหดหู่ใช่มั้ยล่ะเมื่อคิดไปถึงวันเวลาที่ต้องจากกัน ทุกครั้งที่ผมคิดว่าสักวันหนึ่งผมเองก็ต้องตาย แล้วตอนนั้นผมจะไปอยู่ที่ไหน ไปเจอแม่มั้ย ผมจะจำเรื่องราวตอนที่มีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ คิดถึงทีไรใจมันก็ห่อเหี่ยว ผมเป็นคนที่ชอบความสุขและจะไขว่คว้าสิ่งนี้อยู่เสมอ ผมเลยทิ้งส่วนของความทุกข์ไป จริงๆมันก็คล้ายกับการซุกขยะไว้ในพรมนั่นแหละ แต่ผมก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะเผชิญกับมันจริงๆ ผมรับมือกับมันไม่ถูก
วันจันทร์ต่อมา ผมไปเรียนตามปกติ ด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้ลืมชาร์ตโทรศัพท์ เลยไม่ได้เข้าโลกโซเชียลทุกประเภท จริงๆผมก็ดูจะเห็นแก่ตัวนะ เพราะไม่ได้ถามเลยว่าคืนนั้นเพื่อนที่ไปด้วยกันเป็นไงบ้าง แต่พอเห็นพวกมันนั่งหน้าสลอนกันอยู่ที่หน้าคณะผมก็โล่งใจ
“ไงจ้ะพ่อหล่อเลือกได้ เลือกซะพระเอกของร้านเลยนะยะ” โมเมทักผมขึ้นมาคนแรก สายตาสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบยิ้มๆ
“พวกมึงอะทิ้งกู” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“ทิ้งเหี้ยไรคะ มึงอะเดินตามผู้ชายไปไม่หันมามองกูเลยว่าจะเอาชีวิตรอดกันยังไง”
“ขอโทษนะเม กูเมามากจริงๆ เมาจนไร้สติอะ ได้แต่เดินตามแรงลากไปนั่นแหละ แล้วพวกมึงเป็นไงกันบ้างล่ะ”
“ก็พอมึงถูกลากไปจากร้านใช่มะ พวกกูก็เริ่มสร่างแล้วล่ะ ก็เริ่มรู้ว่าเราหลุดเข้าไปในดงมัจจุราช พวกในร้านนะมึง มองตากันประมาณว่าจะเอายังไงกับพวกเราที่เหลืออยู่ดี กูอะได้ยินคนในร้านคนหนึ่งพูดว่า พวกเราเป็นเพื่อนมึง มึงเป็นเด็กหรรษา เพราะฉะนั้นถ้าทำอะไรพวกกู พวกมันอาจจะซวยได้ มันไม่อยากมีเรื่องกันเองอะ ไอ้เป๋งนะ พอมันเริ่มได้สติ มันก็เข้ามาประคองกู แล้วบอกว่า กลับกันเถอะ ยังแพ้ท้องอยู่รึเปล่า ลูกดิ้นอยู่มั้ย พวกแม่งก็แหวกทางให้พวกกูเฉยเลย เออเว้ย นักเลงก็มีจรรยาบรรณเหมือนกันอะมึง”
“ก็โชคดีไปนะ โชคดีกว่ากูมากอะแหละ” ผมว่าผมพูดเบาๆนะ จริงๆกะพูดกับตัวเองนี่แหละ แต่โมเมแม่งเสือกได้ยิน
“มึงล่ะเมต เป็นไงบ้าง พออยู่บนเตียงปุ๊บ เค้ายังเป็นซาตานอยู่หรือแปลงร่างเป็นเทพบุตรวะ” มันถามซะตรงดิ่งเลย
“ไม่รู้สิ กูเมามึงก็รู้ กูจะไปจำอะไรได้” จริงๆจำได้ทุกช็อตแหละ แต่พูดไม่ได้ รู้สึกอายๆที่ปลายลิ้นอะ
“แล้วครั้งแรกนี่ประทับใจป่าววะ” มันยังอยากรู้อีกนะ
“ประทับใจมากเลย ประทับใจจนลืมไม่ลงอะมึง”
“เฮ้ยย เค้าเด็ดอย่างที่ร่ำลือกันจริงๆด้วย มึงรู้เปล่า คืนนั้นนะ ใครๆก็เหล่แต่หรรษา กูเห็นทั้งหญิงทั้งเกย์ยกแก้วเหล้าค้างกันไว้ตอนหรรษาเดินผ่านทั้งนั้นแหละ กูยังงงนะที่คืนนั้นเค้าเลือกมึงอะ”
“กูก็งง แต่ที่งงร้ายแรงกว่านั้น แม่กูดันจะให้เค้ามารับผิดชอบกู โอ้ยกูุจะบ้าตาย แม่เข้าใจว่ากูถูกข่มขืน”
“หา แม่มึงอะนะ แล้วเค้าว่าไงวะ ห่าเมต ไม่ใช่วันนี้เค้ายกพวกมาตีพวกเรานะมึง ของฟรีมีให้หรรษากินถมไปเรื่องอะไรต้องมาข่มขืนมึงยาไส้วะ”
“มึงอย่าขู่ดิ กูก็ไม่รู้อะ มันก็งงแหละ คงไม่เคยเจออะไรแบบนี้มั้ง แม่งอึ้งแล้วเดินออกจากบ้านกูไปเลย แล้วพักใหญ่ๆก็กลับมา มาขอข้าวกิน บอกว่าหิวข้าว กูเลยเอาข้าวให้กิน เจียวไข่ให้ด้วย ทีนี้คงหายไปเลยตลอดกาลละมั้ง”
“จุดเลวร้ายมันอยู่ที่ตรงไหนวะมึง”
“กูเจียวไข่ไหม้ข้างนึง ส่วนอีกข้างพอกินได้ แต่คงพอกระเดือกลงไปมั้ง”
“แล้วถ้าเกิดเค้านึกบ้าจี้ตามที่แม่มึงขอล่ะเมต”ที่นี้ไอ้เป๋งถามขึ้นมาบ้าง
“ไม่รู้สิ กูยังคิดอะไรไม่ออกหรอก”
“แต่กูว่ามึงต้องรีบคิดนะ เพราะมหาลัยเราไม่มีชอปน้ำเงินใช่มะ แต่กูว่ากูเห็นเค้าเดินมาไกลๆนะ” โมเมพูดทำน้ำเสียงสยดสยอง ผมมองตามมันก็เห็นอย่างที่มันว่าจริงๆ
หรรษามาที่นี่ทำไมวะ?
ผมพยายามมองว่ามันมากันกี่คน พกอาวุธอะไรมาบ้าง แต่ยิ่งใกล้เข้ามาก็ยิ่งมั่นใจว่าหรรษามาคนเดียว
มันคงคิดว่าน้ำหน้าอย่างผมแล้ว มันคงเดียวก็คงเอาอยู่สินะ
นี่ใช่ปะที่เค้าว่ากันว่า มีผัวผิดคิดจนตัวตาย
“เมตมึงเหม่ออะไร” เหมือนมีใครมาเขย่าตัวผม แต่ผมล่องลอยมากเลย หรือว่าผมตายไปแล้ว
เอ๊ะ!! ทำไมผมตายง่ายยังวะ
มันฆ่าผมด้วยวิธีไหน อาวุธอะไรที่ทำให้ผมตายโดยไม่รู้ตัวเลย แค่ผมไปถึงถิ่นมาเพื่อขอให้มันรับผิดชอบ มันถึงกับต้องโกรธกันจนฆ่าแกงเลยเหรอ
‘โอ๊ะ’
ผมรู้สึกเจ็บ มีคนถ่างตาผมเหมือนไม่อยากให้ผมนอนตายตาหลับ แม่งโคตรใจร้าย คนตายไปแล้วยังจองเวรกันอยู่ได้
“มึงจะยืนหลับตาทำบ้าอะไร เห็นกูเป็นหมีเหรอถึงได้ทำแกล้งตายใส่กูเนี่ย” ชัดมาก เสียงไอ้หรรษา ผมเบิกตาโพลงเลย
“มาทำไมเหรอ” ผมให้เกียรติมันนะเนี่ย ไม่ได้กลัวมันแต่อย่างใด แต่ตัวยังสั่นใจยังเต้นตุบๆอยู่เลยที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเจอหน้ามันแบบชัดๆ
“มาหามึงแหละ”
มันจิ้มหน้าผากผม ไม่ๆ เรียกว่าผผลักเลยดีกว่า หน้าแทบหงายอะ แล้วมันก็มองเพื่อนผมทุกคน ไม่มีการทักทาย เหมือนกวาดตามองไปงั้นๆ สังเกตสิ่งรอบตัวประมาณนั้น ในขณะที่เพื่อนผมกึ่งไม่พอใจแล้วก็กึ่งกลัวมันจะทำร้ายเอาเหมือนกันเลยได้แต่หยุดอยู่กับที่มองหรรษาเหมือนหยั่งเชิง หรือไม่ พวกมันตั้งใจจะวิ่งเอาชีวิตรอดแหละ แต่ทำไม่ทัน
“เพื่อนมึงมองอย่างกับกูเป็นฆาตรกรงั้นแหละ มึ่งเล่าอะไรเกี่ยวกับกูให้เพื่อนฟังเกินจริงไปป่าวเนี่ย”
“กูก็เล่าไปตามความจริงแหละ” ยังไม่ทันจะเล่าอะไรเลย เพิ่งเกริ่นไปนิดเดียวเองนะ มันแหละมาขัดจังหวะซะก่อน
“เรื่องที่มึงกระโดดขึ้นที่นอนก่อนกูแล้วยกขาให้กูก่อนอะเหรอ แล้วเล่าให้เพื่อนฟังป่าว ว่ามึงทำอย่างนั้นแล้วมึงก็วิ่งไปฟ้องแม่ว่าถูกกูข่มขืน ให้กูรับผิดชอบมึง ไม่รับเงินแต่ต้องการความรับผิดชอบ มึงเล่าปะ”
เพื่อนมองหน้าผมสลับกับหน้ามันแล้วก็ตาค้าง ภูผาเพื่อนผมอีกคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ในคืนนั้นอ้าปากเหมือนอยากถามอะไรอีกหลายครั้งแต่มันก็ไม่กล้าถามออกมา
ส่วนผมรู้สึกว่าเลือดขึ้นหน้า ความซับซ้อนทางความคิดของผมหรือว่าแม่เองก็น่าจะน้อยกว่าความคิดของมันเสียด้วยซ้ำ เหมือนมันกำลังจะปั่นหัวผม เพื่อสั่งสอน เพื่อแก้แค้น หรือเพื่ออะไรก็ตามแต่ผมตีความว่ามันกำลังดูถูกผมอย่างร้ายกาจ สิ่งที่มันป่าวประกาศออกมานั้นจงใจทำลายผมชัดๆ ผมรู้สึกว่าอย่างนั้น และนั่นทำให้ผมกล้าพอที่จะแหวกวงสนทนาออกมาเพื่อตั้งสติ
ถ้าเป็นอย่างนี้ให้มันยกพวกมาตีผมให้หายแค้นซะยังจะดีกว่า
“เดินหนีกูทำไม ตอนไปตามกูมึงกล้าเข้าไปถึงถิ่นกู พากูไปพบแม่มึงได้ พอวันนี้กูมาหามึงถึงที่บ้าง ทำไมมึงถึงเดินหนีกูล่ะ มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ”
“มึงอยากได้คำตอบของคำถามไหนก่อนล่ะ” ผมกลั้นใจพูด พยายามเป็นตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุด มีสติที่จะเผชิญหน้ากับมัน
“ทำไมมึงกับเพื่อนถึงได้ทำเหมือนกลัวกู คนที่ควรรู้สึกอย่างนั้นควรเป็นกูไม่ใช่หรือไง”
“ก็มึงเป็นเด็กช่างอะ เป็นใครๆจะไม่กลัววะ”
“เด็กช่างแล้วยังไง ต่างจากเด็กมหาลัยอย่างพวกมึงตรงไหน”
“ตรงที่พวกมึงห่ามไง ป่าเถื่อน ยกพวกตีกัน ตัดสินอะไรด้วยอารมณ์ ไม่แคร์กฎหมายบ้านเมือง ไม่สนใจสังคม วัฒนธรรม อะไรนิดอะไรหน่อยก็จะยำตีนใส่ก่อนตลอด หน้ามืด ไม่ฟังเหตุผล ไม่สนใจใคร ไม่......”
“พอๆ เยอะไปแล้ว”มันปรามผมเลยหุบปากเงียบ ไม่คิดเหมือนกันว่าความโกรธจะทำให้ผมกล้าพูดกับมันได้ขนาดนี้
ผมสับสน กำลังปรึกษากับความคิดของตัวเองอย่างหนักหน่วง สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนผมหาเรื่องใส่ตัว ตอนแรกรู้สึกผิดที่ทำไรห่ามๆไปอย่างนั้น แม้จะโวยวายว่าแม่ทำเกินไป แต่ผมก็พอรู้ว่าแม่ไม่ใช่คนไร้เหตุผลซะทีเดียว เค้ามีเหตุผลของเขา เพียงแต่วันนี้ผมยังไม่เข้าใจสิ่งที่แม่กำลังสื่อกับผมก็เท่านั้น
การที่มันปะทะกับแม่แล้วผลุนผลันออกไปอย่างนั้นก็นำพาทั้งความโล่งใจและหนักใจมาให้ผมในเวลาเดียวกัน แล้วการที่มันกลับมาอีกครั้งแล้วทำเหมือนเรารู้จักกันมาแล้วพักใหญ่ๆ มาทำให้รู้สึกว่าเป็นกันเองแม้มันจะพูดจาร้ายๆ แต่ผมก็เข้าใจไปเองว่ามันทำใจได้แล้วซะอีกถึงได้แกล้งทำฟอร์มมาขอข้าวกินแก้เก้ออย่างนั้น
แต่พอเจอมันในวันนี้รู้สึกว่ามันไม่ใช่ วันนั้นเป็นเพียงการลองใจอะไรสักอย่าง ตั้งแต่นี้ต่อไปต่างหากคือความจริงที่ผมต้องเผชิญ
“แล้วไม่อยากรู้แล้วเหรอว่ากูมาที่นี่ทำไม” มันท้วงเสียงเรียบ ผมก็ลืมไปเลยว่าถามมันเอาไว้ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาเจอหน้ามัน
“ไม่แล้ว” มันจะมาทำไมเพื่ออะไรก็เรื่องของมันแล้วล่ะ ผมเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว
“งั้นไปด้วยกันหน่อยสิ” ผมมองมันแทบไม่เชื่อสายตา มันชวนให้ไปด้วยกันเนี่ยนะ
“ไปไหน”
“เออน่า กูบอกให้ไปก็ไป อย่าถามเยอะ”
“ตอนกูเดินตามไม่ถามอะไร มึงก็ว่ากูง่าย พอกูถาม มึงก็หาว่ากูเยอะ มึงจะเอาไงกับกูอะ”
“นี่มึงแค่งอนหรือว่าโกรธเนี่ย” ทั้งสองอย่างปั่นรวมกันอยู่ในอกกูเนี่ย ผมคิดใจในใจ
“เรื่องของกู”
“ไม่บอกก็เรื่องของมึงเถอะ ไปกันได้แล้ว”มันเร่งยิกๆทำหน้าหงิกใส่ผมอีกต่างหาก
“จะให้กูไปไหน ลวงกูไปกระทืบในถิ่นมึงเหรอ” ผมกลัวนะไม่ใช่ไม่กลัว
“อยากให้คนอื่นมองมึงในแง่ดีอะ มึงต้องหัดมองคนอื่นในแง่ดีก่อนนะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองแหละ ถามมาก แม่มึงให้กูรับผิดชอบมึงเองนะ เป็นไรมากปะ พอกูรับผิดชอบแล้วมางี่เง่าใส่กูเนี่ย” อ๊ะ!! นี่ผมหูไม่ฝาดไปใช่มะ มันบอกว่ามันกำลังรับผิดชอบ
โอว!! คุณพระคุณเจ้า พฤติกรรมมันสื่อไปในทางรับผิดชอบจนขนลุกเลย
“กูมีเรียน”
“สำคัญมากปะเรียนของมึงอะ” ผมสะบัดหน้าไปมองมันเลยนะพอมันสวนมาแบบนี้
“แล้วมึงว่าสำคัญมั้ยล่ะ เกือบยี่สิบปีในชีวิตของคนเราเค้าวางแผนให้ต้องเรียนหนังสืออะ มึงคิดว่าสำคัญมั้ย” ผมไม่ได้คิดว่าผมกำลังสั่งสอนอะไรมันเลยนะ แค่พูดความจริง แต่พอมันจ้องผมตาเขียวผมถึงระลึกได้ว่า ผมอาจจะลามปามมากไปแล้วมั้ง หงอเลย
“งั้นมึงก็ไปเรียนก่อนไป เดี๋ยวมีปัญหาขึ้นมาก็มาว่ากูอีก แถมด่าเหมารวมความเลวของคนหนึ่งคนว่าเป็นสันดานเด็กช่างอีก” มันเองก็อ่อนไหวกับคำจำกัดความของคำว่าเด็กช่าง เด็กอาชีวะ เด็กเทคโนเทคนิคอยู่เหมือนกันนะ เท่ากับว่านี่ผมพูดแทงใจดำมันไปหลายครั้งแล้วสิ ไม่ได้ตั้งใจเลยนะ แต่ก็สะใจเล็กๆแหละที่ลดทอนอารมณ์เชี่ยวกรากของมันได้
“มึงจะรอเหรอ”
“ถามแปลกๆ กูแถกเหงือกมาตั้งไกล มาด่ามึงแล้วกลับมั้ง”
“จอดรถไว้ไหนล่ะ” ผมเห็นมันเดินเข้ามานะ ที่คณะผมก็มีที่จอดรถนี่นา หรือว่าจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้เรื่องนี้
“กูมารถเมล์”
“อ้าว” ลงทุนจนเหลือเชื่อเลยนะเนี่ย
“ทำไม นั่งรถเมล์ไม่ได้รึไง” ยังไม่ทันว่าอะไรเลย แค่สงสัยเฉยๆ ผมเงียบ หยิบหนังสือเรียนได้แล้วก็สบตากับเพื่อนที่ตอนนี้ถอยไปยืนดูผมอยู่ห่างๆ
“เดี๋ยวกูมานะ” ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดกับมันไปอย่างนั้นทำไม ไม่ได้ดีใจที่มันมาหา แต่ผมก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะปฏิเสธอะไรมันเหมือนกัน หรือว่าจริงๆแล้วผมเองก็ง่ายเกินไปในทุกๆเรื่องจริงๆอย่างที่ใครๆว่า
ผมหันหลังกลับมามองมันที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมที่ผมเพิ่งจากมา มันพาดขาบนโต๊ะ สีหน้ามันครุ่นคิดและดูสับสนเหมือนๆกับที่ผมเองก็สับสน
เราสับสนในเรื่องเดียวกันหรือเปล่านะ
แล้วทำไมคนที่แข็งกร้าวอย่างมันถึงยอมทำตามความต้องการของแม่ผมได้นะ มันไปถึงบ้านผมแล้ว มันก็น่าจะรู้ดีว่าแม่ผมทำได้แค่ขู่อย่างเดียวจริงๆ แม่คงไม่มีปัญญาตามไปเอาเรื่องมันได้หรอก
หรือว่าที่มันมาหาผมเสียเองอย่างนี้ ดูมีศักดิ์ศรีและเสียหน้าน้อยกว่าที่ผมไปหามัน
ผมนั่งเรียนโดยไม่มีอะไรแทรกซึมเข้ามาในหัวเลย
ตอนนี้ทุกพื้นที่สมองมีแต่คำว่าหรรษาและคำถามที่ว่าจะทำยังไงกันดีกับความอยากรู้อยากลองของตัวเอง หรือจริงๆแล้วมันก็เป็นบทเรียนๆหนึ่งที่จะสอนผมว่า รักสนุกมีแต่ทุกข์ถนัด
“เมต มึงมองหน้าต่างหรือมึงมองคนนอกหน้าต่างคนนั้นวะ” ภูผาถามขึ้นมาเพราะมองผมอยู่สักพักแล้วเหมือนกัน
“กูไม่ได้มองเว้ย” ไม่ได้มองตรงๆแค่เหลือบๆมองเอา บอกไม่ถูกเลยว่าที่จ้องออกไปมองหรรษานั้นกำลังลุ้นให้มันรออยู่หรือลุ้นให้มันกลับไปกันแน่
“ตกลงมันยังไงกันแน่วะมึง คือไอ้เด็กช่างคนนั้นเค้าตั้งใจจะมารอมึงหรือตั้งใจมาหาเรื่องมึงวะ ตกลงมันยังไงกัน” โมเมเสียงสูง
“กูก็ไม่รู้ว่ะ เหมือนมันไม่ได้เล่นด้วยกะแม่กูนะทีแรก โวยวายกลับด้วยซ้ำ แต่ที่มันทำตรงข้ามกันแบบนี้กูก็ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่เหมือนกัน”
“มึงจะไปกับมันเหรอเมต” คราวนี้กุ้งนางถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้แกมเป็นห่วงผมนิดๆ จริงๆกุ้งนางเป็นคนเลือกร้านนั้นเพราะกุ้งนางเคยมีแฟนเป็นคนดูแลร้านนั้นอยู่พักนึง หลังจากเลิกกันไปแล้วก็ไม่เคยไปที่นั่นอีกเลย จนวันที่กุ้งนางทำใจได้แล้วเลยตัดสินใจชวนพวกเราไปที่นั่นเพราะกุ้งนางคุ้นเคยสถานที่ คืออย่างน้อยในกลุ่มมีสักคนนึงที่พอรู้ที่รู้ทางสักคนก็ยังดี
“ก็ตอนกูบุกไปหามัน มันก็ยอมไปกับกูนะ”
“มันไม่เหมือนกันนะเว้ยไอ้เมต หรรษาอะมันเอาตัวรอดได้ แต่มึงน่ะ แม่งเอ้ย ติดปีกพั่บๆแค่คืนเดียวได้เรื่องเลย ได้ผัวมาเชยชมเลย กูล่ะยอมรับมึงจริงๆ กูกับกุ้งนางนะ ตั้งใจโปรยเสน่ห์เต็มที่เล้ยยยย ถ้ากูเอาเสน่หฺ์ไปฟาดหน้าหรรษาได้นะ กูทำไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะชอบผู้ชายอะ” โมเมโวยวาย
“แต่เท่าที่กุ้งนางรู้นะ เค้าได้ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายแหละ แล้วแต่ว่าเค้าสนใจใคร” กุ้งนางเพิ่มเติมข้อมูลให้
“นี่กุ้งนาง มึงพูดให้ไอ้เมตไขว้เขวหรือมึงตั้งความหวังให้ตัวเองวะ ผัวเพื่อนนะเว้ยผัวเพื่อน”
“กุ้งนางแค่บอกในสิ่งที่รู้ หรรษาอะเจ้าชู้จะตาย กุ้งนางจะบอกให้นะ ยิ่งหรรษาทำตัวเหมือนเลวหรือระยำยังไงยิ่งมีคนเข้าหาอะ เห็นควงคนไม่ค่อยซ้ำหน้าหรอก เปลี่ยนคนควงบ่อยจะตาย” กุ้งนางพูดต่อ ผมนี่เริ่มสยองคุณสมบัติสามีคืนเดียวของตัวเองแล้วนะเนี่ย
“มึงอธิบายซะยาว บอกมาคำเดียวว่ามันมั่วก็จบแล้ว” ภูผาเสริมให้
“ไอ้เมตติดโรคมาหรือเปล่าวะ” คราวนี้คนที่ขรึมที่สุดในแก๊งค์อย่างนิวพูดขึ้นมาบ้าง ผมนี่ฟังแล้วอยากจะร้องไห้ เพื่อนพูดแต่สิ่งดีๆของหรรษาทั้งนั้นเลย มีแต่คุณนายแม่นั่นแหละคิดต่างอยู่คนเดียว
“มึงมองข้ามเรื่องโรคไปก่อนเหอะนิว ตอนนี้กูอยากรู้ว่าจริงๆแล้วมึงเป็นเกย์ใช่มั้ยเนี่ยเมต” ภูผาเขย่าตัวผมแล้วถาม
“เออว่ะ กูเป็นป่าววะ แต่กูก็ชอบมองผู้หญิงสวยๆนะ กูแค่คิดว่าสนุกๆเอง ไม่ด้จริงจังขนาดนั้น เหมือนขึ้นครูอะมึงเข้าใจมั้ย ผู้ชายเราเวลาโตเป็นหนุ่มก็ต้องไปขึ้นครูไม่ใช่เหรอวะ กูก็แค่เปลี่ยนจากผู้หญิงเป็นผู้ชายเอง”
“ก็จริงของมึงนะ เรียกว่าเปิดหูเปิดตาเปิดโลกกว้างก็จะสบายใจขึ้นใช่ปะเมต” แหม โมเมรู้ใจ
“เหี้ยเหอะ เค้าเรียกว่าปลอบใจตัวเองเว้ยแบบนั้น แล้วแม่มึงยอมมั้ยล่ะ ทำเรื่องเล็กของมึงเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แถมตอนนี้เหมือนหรรษามันจะเล่นด้วยกะแม่มึงนะ” นิวกระชากผมลงมาให้พบกับโลกแห่งความจริงที่แสนจะโหดร้าย น้ำตาตกในเลยนะเนี่ยตอนเนี๊ย
“ก็นั่นน่ะสิ กูนี่ทำตัวไม่ถูกเลย” ผมกลุ้มจริงๆนะ ไม่รู้จะต้องวางตัวยังไงกับหรรษาดี
“หรือว่าพอหรรษาเห็นแม่มึงแล้วแอบชอบวะ ไม่แน่นะเมต ผู้ชายที่โตมาแบบขาดความอบอุ่น ขาดแม่อะ เค้าก็จะโหยหาความรักแบบนี้เอาจากคนอื่นนะเว้ย” โมเมออกความเห็นได้น่ากลัวมากเถอะ
“ถ้ามึงพูดงี้นะเม ไอ้เมตเองก็พอกันอะ มันก็ขาดพ่อ งั้นที่มันนอนอ้าขาให้หรรษานั่นก็เพราะมันขาดความรักจากพ่อเลยมาหาเอาจากผู้ชายด้วยกันเหรอวะ” นิวสวนมาแค่นี้วงสนทนาก็แตกกระเจิง ผมเหลือบมองไปที่หรรษารออยู่อีกทีก็เห็นมันยังนั่งอยู่
สิ่งหนึ่งที่ผมไม่คิดว่าจะมีในตัวของหรรษาก็คือความรับผิดชอบ เหมือนมันยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องนี้มาก ผมหาเหตุผลอื่นไม่เจอเลยเมื่อเห็นว่ามันมาหาผมถึงที่นี่ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าหรรษาจะรับผิดชอบแบบไหน
ผมเองก็ดันอยากรู้อยากลองเหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไงเมื่อคนที่เหมือนอยู่กันคนละโลกอย่างผมกับมันต้องมาคบหากันแบบแฟน
ผมที่ไม่เคยคบใครแบบคนรักมาก่อนเลย
ส่วนมันคงคบใครมาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คนและผมก็ไม่รู้ว่ามันเคยรักใครสักบ้างหรือเปล่า
แล้วถ้าผมตกหลุมรักมันจริงๆขึ้นมาล่ะ
ผมจะทำยังไง
ผมยังเป็นมือใหม่อยู่นะครับ
โปรดติดตามตอนต่อไป