<เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <เรื่องสั้น และ นิยาย> เด็กฝึกงาน  (อ่าน 148387 ครั้ง)

ออฟไลน์ abacus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #360 เมื่อ29-05-2010 22:34:39 »

ความรักที่แจ๊กรอคอย

น่ารักมากๆเลยยยยยย แอบเชียร์ แจ๊ก สู้ๆ

แต่ก็ยังเชียร์ หยก เล็กๆ -*-

ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ลุ้นๆๆ

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #361 เมื่อ29-05-2010 22:53:02 »

น้องพี น้องลืมพี่หยกจริงๆแล้วหรือเนี้ย ถ้าเป็นอย่างนี้คงต้องรอให้มีปาฏิหาร์ยซะแล้วล่ะมั่ง

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #362 เมื่อ29-05-2010 23:10:00 »

มันถึงเวลาที่ศิลาต้องยอมปล่อยมือจากน้องพีร์แล้วแหล่ะ...

คุณแจ็คสู้ๆๆๆ รุกอีกนิด หยอดบ่อยๆหน่อย...

Lucio

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #363 เมื่อ29-05-2010 23:25:43 »

พีควรจะตัดสินใจได้แล้วนะ
ระหว่างพี่หยกที่พียังรักอยู่ แต่เป็นความรักที่อยู่ในเงาไม่มีทางได้เห็นแสง
กับ แจค ที่เดินจับมือเคียงค้างกันใต้แสงตะวัน

เอาใจช่วยพีและคนแต่งคับ ^^

wisa

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #364 เมื่อ30-05-2010 15:01:08 »

 :o8: :impress2:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #365 เมื่อ30-05-2010 21:50:09 »

อิจฉาพีร์อ่ะ

เห้ออออ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #366 เมื่อ30-05-2010 21:53:26 »

นึกถึงคำว่า คู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันหรอก ถ้าแจ๊คคือคนที่ใช่ ของพีร์ อย่างไงมันก็ใช่อยู่ดี

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #367 เมื่อ30-05-2010 22:06:27 »

มารอเฮียแจ็คสุดที่เลิฟ :L2: :L2:

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #368 เมื่อ31-05-2010 14:06:33 »

มารอเฮียแจ็คสุดที่เลิฟ :L2: :L2:
มาแล้วค่ะ คุณ Nilirin ขอบคุณนะคะที่มารอเชียร์เฮียแจ๊คของเรา (ชอบที่คุณ Nolirin เรียกว่า เฮียแจ๊คจังเลย ฟังดูเหมาะกับตัวของแจ๊คดี)  

และก็ขอบคุณทุก ๆ คนมากนะคะ

ภาคต่อ ตอนที่ 29


  พีร์ที่เห็นพลกฤษณ์ยืนเหมือนลังเลอะไรอยู่ในโรงรถก่อนไปทำงาน เขาจึงถามอีกฝ่ายขึ้นมาว่า
“เป็นอะไรไปอ่ะคุณแจ๊ค”
พลกฤษณ์พลางกวาดตามองไปรอบ ๆ รถทุกคันที่จอดเรียงรายอยู่  ก่อนจะตอบแบบกรุ่นคิดจริงจังว่า
“ผมกำลังเลือกอยู่ว่าวันนี้จะขับคันไหนไปหน่ะสิ”  
พีร์มองหน้าชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้ เพราะส่วนตัวเขาก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องยวดยานเท่าไหร่อยู่แล้ว และยิ่งมาเจออาการแบบนี้จากการที่มีรถเยอะ เลยทำให้ยิ่งหมั่นไส้ชายหนุ่มเข้าไปใหญ่
“ขับ ๆ ไปเถอะน่า คันไหนมันก็ไปถึงเหมือนกัน”
พลกฤษณ์มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะบอกว่า “ไม่หรอก มันไม่เหมือนกันหรอก รถแต่ละคันมันต่างกันนะ”
“งั้นก็เชิญเลือกไปเถอะ ผมนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้..” พีร์สะบัดออกไป ทำให้พลกฤษณ์รีบขึ้นMercedes Benz S class สีน้ำเงินคันที่อยู่ตรงหน้าแล้วขับตามร่างอวบออกไปทันที
“เฮ้!..คุณ..” เขาเรียกตามพีร์ที่กำลังจะเดินออกไปจากบ้านพร้อมกับบีบแตรตาม
“คุณ..ขึ้นมาเถอะน่า..” พลกฤษณ์ชะลอรถตาม เขาคิดในใจ  “เอาล่ะเว้ย งานเข้าแต่เช้าเชียว”
“น่าจะงอนอะไรผมแต่เช้า”
พีร์มองหน้าอีกฝ่ายเหวี่ยง ๆ ด้วยความขัดใจ
“มาเถอะน่า นั่งแท็กซี่ไปก็เปลืองเปล่า ๆ นะ เลิกงอนแล้วขึ้นมาได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายนะ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็หันมามองพลกฤษณ์ที่ส่งสายตาขอร้อง “น่า ขึ้นมาเถอะ” เขากวักมือเรียกเด็กหนุ่มขึ้นมา พีร์เห็นอย่างนั้นก็เดินอ้อมรถเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างหน้ากับเขาจนได้
พลกฤษณ์ทำหน้าโล่งใจ ที่คนแสนงอนขึ้นมานั่งกับเขาจนได้ เขาจึงขับรถออกไปจากประตูบ้านทันที

“นี่คุณแจ๊ค”  อยู่ดี ๆ พีร์ก็ถามขึ้นมาขณะอยู่ในรถ
“หืมม มีอะไร”
“ผมไม่เข้าใจจริง ๆ เลย คุณจะมีรถเยอะ ๆ ไว้ทำไมให้ปวดหัว”
 พลกฤษณ์ทำหน้ายิ้มรับ เขาคิดในใจ “ว่าแล้วว่าต้องถามอะไร”
“รถมันก็เหมือน ๆ กันไม่ใช่เหรอ ขับได้ถึงที่หมายก็น่าจะพอแล้ว”
“มันไม่เหมือนกันหรอก” เขาตอบนิ่ง ๆ “รถแต่ละรุ่นแต่ละคันมันแตกต่างกันนะ เครื่องยนต์กลไกของ แต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกัน”
“แล้วมันขับไปถึงที่หมายเหมือนกันป่ะล่ะ” ร่างอวบไม่ยอมแพ้
“มันก็ใช่..แต่ว่าระหว่างทางหน่ะ รถแต่ละคันมันให้ความรู้สึกที่ต่างกันในการขับขี่เพราะสมรรถนะและองค์ประกอบของเครื่องยนต์มันไม่เหมือนกัน  คุณไม่ชอบเรื่องนี้คุณไม่รู้หรอก”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็จับโยงทันที
 “อ๋อ ที่คุณชอบคบหลาย ๆ คนนี่ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันใช่มั๊ย”
พลกฤษณ์ทำหน้าปวดหัว ที่เด็กหนุ่มพูดมามันก็ใช่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาพูดอะไรกันตอนนี้
พีร์มองหน้าเขาอย่างคาดคั้น ส่วนพลกฤษณ์หมดความพยายามที่จะต่อเถียง เขากรอกตาไปมาอย่างปวดหัวกับความเจ้าแง่แสนงอนของคนข้าง ๆ เสียจริง
“อ่าว ก๊อเป็นอะไร ทำหน้ายังกับไปโดนใครต่อยซ้ำมางั้นหล่ะ” ศุภกฤษณ์ถามพี่ชายที่เพิ่งลงมาจากรถ
“มีเรื่องนิดหน่อยว่ะ”
“อะไรอ่ะ อย่าบอกนะว่า แฟนก๊อตัวแม่แต่เช้าเลย”
“เออ..”
“โห เรื่องอะไรอ่ะ”
“ก็เถียงกันเรื่องรถนี่หล่ะ แต่เค้าพาเข้าเรื่องของก๊อจนได้”
“ยังไงก๊อ”
“ก็เค้าบอกว่าที่ก๊อมีรถเยอะ ๆ ก็เหมือนที่ก๊อชอบมีเด็กเยอะ ๆ ใช่ไหมไง”
“แล้วมันจริงอย่างที่เค้าว่าป่ะล่ะ”
พลกฤษณ์ลูบหัวตอบเก้อ ๆ “เอ่อ...จริง”
“ฮ่ะ ๆๆๆๆ” คนเป็นน้องชายหัวเราะออกมาอย่างตลกพี่ตัวเอง
“นั่นมันก็เมื่อก่อน แต่รถกับคนมันต่างกันนะโว้ย  รถมันผลิตออกมาสนองความต้องการของคน แต่แฟนเนี่ยะเค้าไม่ได้มีไว้ตอบสนองเราอย่างเดียวเหมือนรถหรอก”
“อืม ก็ใช่ ว่าแต่น้องเค้าไปไหนแล้วหล่ะ”
“งอนก๊อไปทำงานแล้ว”
“แล้วก๊อจะทำไงเนี่ยะ”
“ทำงานก่อนว่ะ เดี๋ยวลูกค้ามารับรถตอนเก้าโมง ก๊อต้องไปดูก่อนล่ะ ที่เหลือค่อยคุยกันทีหลัง”
“อ่าครับ ฮ่ะ ๆๆ”
“ไปทำงานไป มายืนขำ เดี๊ยะ!” เขาผลักน้องชายตัวเองเบา ๆ เพื่อไล่ให้ไปทำงาน ชายหนุ่มก็หวังว่าพีร์เองก็คงจะหายงอนเขาเร็ว ๆ เพราะเขาเองก็คงไม่มีเวลาไปง้อในตอนทำงานเหมือนกัน

“น้าพีค๊าบบ น้าพีงอนอะไรอาแจ๊คหรือเปล่าคับเนี่ยะ” เด็กน้อยสังเกตุเห็นร่างอวบนั้นไม่ค่อยพูดกับพลกฤษณ์ขณะที่มารับหลานชายด้วยกัน ด้วยความเป็นเด็กช่างสังเกต
พลกฤษณ์มองหน้าหลานชายแบบขอบใจ พีร์เองก็มองพลกฤษณ์ก่อนจะตอบไปว่า
“ไม่มีอะไรหรอกคับน้องพอล น้าพีแค่เหนื่อย ๆ นิดหน่อย”
“เหรอคับ อาแจ๊คทำอะไรน้าพีเหรอครับถึงได้เหนื่อย”
เด็กน้อยถามแบบซื่อ ๆ ออกไปทำให้พลกฤษณ์หลุดขำออกมาไม่ได้ ส่วนก็พีร์มองคนที่ขับรถอยู่ดุ ๆ
“เปล่าคับ แจ๊คจะทำอะไรน้าพีได้ล่ะ น้าพีเค้าไม่ยอมหรอก ใช่ไหมน้าพี”
พีร์หน้าตึงทันทีเมื่ออีกฝ่ายหยอกล้อเรื่องนี้ ส่วนพอลก็มองพีร์อย่างสงสัยว่าพีร์หน้าตึงเพราะอะไร
“น้าพีเป็นอะไรไปเหรอคับ”
“ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไรนะน้องพอล” เขาตอบหลานตัวน้อยอย่างใจดี แต่ใจใจนี่สิก็อดหมั่นไส้คนเป็นอาไม่ได้

คืนนี้พอลไม่รบเร้าให้เขาเล่านิทานให้ฟังเหมือนทุกวัน เขานึกแปลกใจอยู่นิดหน่อย แต่ก็คิดว่าอาแจ๊คของอีกฝ่ายคงจะทำหน้าที่นี้แทนแล้ว เขาจะปิดไฟนอนแต่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ จึงรีบออกไปเปิดทันที ก็พบว่าพลกฤษณ์นั้นมากับหลานชายตัวน้อยที่เหมือนจะมาอ้อนอะไรเขา
“น้องพอล...” พีร์คุกเข่าลงคุยกับหลานชายตัวน้อย  “มีอะไรหรือเปล่าคับ”
“น้าพีคับ คืนนี้น้าพีไปนอนกับพอลได้มั๊ยครับ”
“ได้สิครับ แล้วอาแจ๊คให้น้องพอลนอนคนเดียวเหรอ” เขาถามอย่างนั้นพลางมองไปที่คนเป็นอาอย่างสงสัย เพราะว่าเห็นชายหนุ่มบอกว่าคืนนี้จะนอนเป็นเพื่อนหลานชาย
“เปล่าคับน้าพี คือ น้องพอลอยากให้น้าพีมานอนกับพอลด้วย”
“หืม นอนกับน้องพอล ยังไงคับ”
“น้องพอลอยากให้น้าพีกับอาแจ๊คนอนเป็นเพื่อนน้องพอลอ่าคับบ”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกตกใจและประหม่าเล็กน้อย ส่วนคนเป็นอานั้นก็ยิ้มขำกับหลานชายตัวเล็ก พีร์มองหน้าเขาแบบคาดคั้น ส่วนพลกฤษณ์เองทำหน้าแบบไม่รู้เรื่องกับความต้องการของหลานชายนี้
“น้องพอลอยากให้น้าพีไปนอนด้วยจริงเหรอคับ” เขามองเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อยอย่างพิสูจน์
“จริงคับ” เด็กน้อยตอบใสซื่อออกมา
“น่า ไปนอนกันเถอะ อย่ามัวแต่ซักไซ้อะไรพอลเลย” คนเป็นอาได้ทีสมทบ
“นะคับน้าพี” หลานชายตัวน้อยเข้ามากอดร่างอวบแบบอ้อน ๆ
“โอเคคับน้องพอล น้าพีไปนอนกับน้องพอลก็ได้”
“เย้ ๆๆ” เด็กน้อยเข้าไปกอดพีร์ และให้พีร์อุ้มพายังห้องนอนของพลกฤษณ์
พีร์นั้นรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่อยู่ดี ๆ จะไปนอนห้องเดียวกับนายเพลย์บอย แต่เขาก็คงคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะว่างานนี้มีพอลอยู่ด้วยทั้งคน
“อ่ะ เข้ามาสิ” พลกฤษณ์เปิดประตูให้พีร์นั้นอุ้มเด็กชายตัวน้อยเข้ามา  เขาค่อยวางพอลลงบนกลางเตียงขนาด 6 ฟุต แล้วก็จะเตรียมตัวนอน แต่เด็กน้อยพูดอะไรออกมาก่อน
“น้าพีคับ ลืมอารายรึเปล่า”
“ครับ มีอะไรเหรอน้องพอล”
เด็กน้อยเอียงแก้มให้พีร์หอม พีร์เห็นอย่างนั้นก็เข้าไปหอมแก้มเด็กน้อยทั้งสองข้าง เด็กน้อยเองก็หอมแก้มนุ่มของพีร์เช่นกัน ทำให้คนเป็นอาที่มองอยู่แอบมองด้วยความอิจฉา
“น้องพอล ไม่หอมอาแจ๊คมั่งเหรอ”
“ไม่เอาอ่าคับ อาแจ๊คมีหนวด จักจี๊”
“โอเค ๆ งั้นมานอนกันได้แล้ว” เขารวบรัดตัดความ ก่อนละล้มตัวลงนอนทางด้านซ้ายของเตียงซึ่งมีพอลนอนตรงกลาง และพีร์นอนทางด้านขวา
  พอลนั้นรู้สึกอบอุ่นที่สุด เพราะตามความรู้สึกของเด็ก การได้นอนโดยที่มีพ่อแม่เคียงข้างเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เมื่อพอลคิดว่าคนทั้งสองเป็นเหมือนพ่อแม่ของเขา เขาจึงอยากให้พีร์กับพลกฤษณ์นั้นมาอยู่ใกล้ ๆ เขาในยามนิทรานี้
   สักพักพีร์และพอลก็หลับไป ส่วนพลกฤษณ์ที่ยังไม่หลับนั้นมองสองน้าหลานอย่างมีความหมาย
เขารู้สึกดีใจเหลือเกินที่ได้นอนร่วมเตียงกับพีร์เป็นครั้งแรก ชายหนุ่มมองใบหน้าของพีร์ยามหลับอย่างเอ็นดู พลกฤษณ์นั้นรู้สึกถะนุถนอมร่างอวบ เขาไม่กล้าที่จะแตะต้องพีร์เลยแม้กระทั่งยามหลับ
  ตามปกติในด้านความสัมพันธ์ของเขากับคู่ขาคนอื่นแล้ว ก็ต้องมี “เรื่องอย่างว่า” ตามมาในหัวอยู่เสมอ
แต่กับพีร์นี้เขาไม่เคยคิดอะไรในด้านนั้นเลย เขารู้สึกว่าพีร์ช่างน่าถะนุถนอม น่าดูแลเอาใจใส่มากกว่า
เขาหลับตาลงพร้อมใบหน้าที่ระบายยิ้มอย่างมีความสุขไม่แพ้น้องพอลเช่นกัน

และวันเดินทางไปบ้านของพีร์ก็มาถึง พีร์นั้นเลือกเดินทางโดยรถไฟ แต่เป็นรถไฟชั้น 3 โดยพีร์นั้นอยากจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายอย่างพลกฤษณ์จะอดทนกับความลำบากในรถไฟชั้น 3 นี้อย่างไรบ้าง
  แถมระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ เสียด้วย เขาอยากจะรู้นักว่าพลกฤษณ์จะเป็นอย่างไรกับการเดินทางในครั้งนี้

เขาเลือกเดินทางตอนเย็นเพื่อจะได้ถึงปลายทางที่ชุมทางรถไฟหาดใหญ่ในเช้าวันรุ่งขึ้น หัวค่ำนี้ก็เพิ่งเข้าเขตประจวบคีรีขันธ์เอง พีร์ที่นั่งมองนอกหน้าต่างอยู่รู้สึกตัวว่าพลกฤษณ์ที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามนั้นมองเขาอยู่ เขาจึงค่อย ๆ หันมาคุยกับชายหนุ่มที่แอบมองเขาอยู่
“มีอะไรเหรอครับคุณแจ๊ค”
“เปล่าหน่ะ”
“แล้วมองผมอ่ะ มีอะไรเหรอ”
“เปล่า...ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณกลัวมั๊ย”
พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็มีสีหน้ากังวลอย่างที่ชายหนุ่มถามมาเล็กน้อย พลกฤษณ์เห็นอย่างนั้นเลยย้ายไปนั่งข้าง ๆ พีร์
“ไม่ต้องกลัวนะ...” ชายหนุ่มจับมือพีร์ขึ้นมาพร้อมบอกกับพีร์ด้วยเสียงอบอุ่นและแววตาอ่อนโยน
“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไม่ทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”
“อืม..” พีร์ตอบรับ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นจากคำพูดของชายหนุ่มที่ให้กำลังใจ
คำว่า “ไม่ต้องกลัวนะ” ที่พลกฤษณ์บอกมานั้น ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“คุณแจ๊ค ๆๆ” พีร์ปลุกชายหนุ่มที่หลับอยู่ “คุณแจ๊ค ถึงหาดใหญ่แล้วนะ”
พลกฤษณ์ลืมตาขึ้นมองหน้าพีร์ทันที เขามองไปรอบตัวก็พบว่าเป็นสายของวันใหม่แล้ว เขาจึงหยิบหมากฝรั่งที่เขาพกไว้ระงับกลิ่นปากขึ้นมาเคี้ยว ก่อนจะไปหยิบสัมภาระที่อยู่ชั้นข้างบนตามพีร์ลงไปที่ชานชาลา

“อืม..” เขาเหลียวมองดูรอบตัว นี่เป็นครั้งแรกของเขาจริง ๆ ที่ได้เดินทางมาที่นี่โดยรถไฟ
แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาสำหรับรถไฟชั้น 3 อย่างแน่นอน
“เป็นไงมั่งคุณแจ๊ค” พีร์ถามยิ้ม ๆ พลกฤษณ์รู้ทันทีเลยว่าหนุ่มน้อยหมายถึงอะไร
“การเดินทางอะเหรอ” เขาหันไปถามและตอบยิ้ม ๆ “ก็โอเคหนิ ทำไมเหรอ”
“เปล่า ๆ คือ..”
“คิดว่าผมจะทนไม่ได้ล่ะสิ” พลกฤษณ์ตอบแทนอย่างเสร็จสรรพ ทำให้พีร์หน้าตึงทันที เพราะชายหนุ่มรู้ทันเขาอีกแล้ว  เขาทำหน้าแบบไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะถามเข้าเรื่อง
“นี่..แล้วไปบ้านคุณยังไงเนี่ยะ”
“อืม นั่งสองแถวไป”
“อืม ไปสิ” เขาตอบรับและเดินตามพีร์ไปขึ้นรถสองแถวเพื่อต่อเข้าไปในตัวตลาดเพื่อจะไปบ้านของพีร์

  เมื่อคนทั้งสองลงจากรถ พีร์นั้นยืนอยู่หน้าบ้านตัวเองอย่างกล้า ๆ กลัว โดยมีพลกฤษณ์มองเขาอย่างให้กำลังใจ เขาเข้าใจดีว่า สำหรับคนเป็นลูกอย่างเขาและพีร์เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย เขาเคยผ่านเรื่องนี้มาแล้วใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันลำบากใจเพียงไหนที่ต้องเผชิญหน้า
  “คุณโอเคมั๊ย” เขาถามพีร์อย่างเป็นห่วง
พีร์พยักหน้าช้า ๆ ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างเตรียมตัว และก็ก้าวเข้าไปในบ้านที่เขาคุ้นเคย
ที่ซึ่งวันนี้เป็นที่ที่ลำบากใจมากที่สุดสำหรับเขา
“อ้าว น้องพี” ลูกจ้างคนหนึ่งในร้านออกมาต้อนรับ
“สวัสดีครับพี่ป๋อง ป๊ากับม้าอยู่ไหนอ่ะคับ” ถึงจะเป็นลูกจ้างของพ่อกับแม่ แต่หนุ่มน้อยก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“อ่อ เสี่ยกับซ๊ออยู่ในครัวหน่ะ เดี๋ยวพี่ไปเรียกให้นะ” ลูกจ้างหนุ่มรับคำ แต่ก็ช้ากว่าพีร์ที่บอกว่า
“ไม่เป็นไรคับ เดี๋ยวผมไปเรียกเองดีกว่า”
“อ่าได้ ๆ” เขามองไปยังพลกฤษณ์อย่างวางตัวลำบาก “เอ่อ น้อง น้องเป็นแฟน น้องพีใช่มั๊ย”
“ครับพี่ สวัสดีครับ” พลกฤษณ์เองก็ยกมือไหว้ลูกจ้างหนุ่มเช่นกัน
“โหย ไม่ต้องยกมือไหว้พี่หรอกน้อง” เขาเกรงใจ “มา ๆ เดี๋ยวเสี่ยกับซ๊อก็ลงมาแล้ว นั่งรอก่อนนะ”
“ขอบคุณครับพี่”

พีร์นั้นเข้าไปในครัวเพื่อหาพ่อกับแม่ของเขา และเมื่อคนทั้งสองมองเห็นลูกชายคนเล็กกลับมาบ้าน ความรู้สึกต่าง ๆ นา ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้นทันที
“ป๊ากับม้าสวัสดีครับ” พีร์ยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเองอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกของเขาจริง ๆ ที่เจอหน้าพ่อกับแม่หลังจากที่พ่อกับแม่เขารู้เรื่อง
เหมือนเขาเองเป็นคนใหม่ที่ต้องแนะนำตัวเองให้พ่อกับแม่รู้จัก
คนทั้งสองรับไหว้ลูกตัวเองพร้อมยิ้มเศร้า ๆ เพราะก็ไม่รู้จะทำยังไงเช่นกัน
“เอ่อ ป๊ากับม้ากินข้าวอยู่เหรอคับ”
“ใช่จ้ะ พีเพิ่งมาใช่มั๊ยหะ กินข้าวมาหรือยังล่ะลูก มาเหนื่อย ๆ เนี่ย แล้วนี่....” คนเป็นแม่ตอบรับ พร้อมกับทำหน้ามองหาพลกฤษณ์ที่บอกจะมาด้วย
“แล้วแจ๊คล่ะลูก” เธอตามลูกชายออกไปตรง ๆ
“อ่อ อยู่ข้างนอกอ่ะคับม้า”
คนเป็นแม่ทำหน้าโล่งใจ เพราะอย่างน้อยชายหนุ่มคนนี้ก็พูดจริงทำจริงในระดับหนึ่ง ส่วนคนเป็นพ่อนั้นเงียบอย่างกรุ่นคิด
“มา กินข้าวกัน เรียกแจ๊คเค้ามาด้วยนะ” เธอยิ้มรับ และนึกอยากเจอตัวจริงของชายหนุ่มที่เธอเคยคุยด้วยทางโทรศัพท์หลายครั้ง ทำให้คนเป็นพ่อหันมามองอย่างสงสัย
หลังจากครั้งแรกที่คุยกันกับพลกฤษณ์ ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เธอจึงขอเบอร์ของชายหนุ่มไว้เพราะเธอคิดว่าชายหนุ่มคงจะอยู่กับลูกชายเธอเกือบตลอดเวลาอย่างแน่นอน เธอพบว่าชายหนุ่มที่มีภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยวและดูเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินตามที่สื่อเสนอนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเคยเห็นในข่าวเลย พลกฤษณ์นั้นดูเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ และมีความรับผิดชอบสูงในสายตาของเธอ
 เมื่อลูกออกไปเธอจึงบอกกับสามีว่า “จำไม่ได้เหรอป๊า ที่เราเคยคุยกับเค้าไง”
“เราที่ไหน หงีคนเดียวที่คุยต่างหาก”
“เอาน่า ๆ ไหงเชื่อใจเค้าละกัน คิดดูสิ ไม่งั้นเค้าจะกล้ามาหาเราเหรอ”
คนเป็นพ่อพยักหน้า และอยากจะพิสูจน์เหมือนกันว่าชายหนุ่มคนรักของลูกจะเป็นยังไง
แล้วพีร์ก็พาพลกฤษณ์เข้ามาในครัว เขายกมือไหว้พ่อกับแม่ของพีร์อย่างนอบน้อม คนเป็นแม่นั้นลุกไปหาชายหนุ่มอย่างดีใจที่เห็น
“หวัดดีจ้ะ ได้เจอตัวจริงซะทีนะ” เธอยิ้ม ๆ และเข้าไปจับไหล่ของร่างสูงใหญ่อย่างดีใจ
“ครับ คุณน้า ผมก็ดีใจครับ” เขายิ้มรับ
“มา กินข้าวกันก่อนนะจ๊ะ” เธอเชิญชายหนุ่มนั่งกินข้าวด้วยอย่างใจดี ส่วนคนเป็นพ่อนั้นยังพิจารณาชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าด้วยสายตา
“แล้วนี่มาบ้านพีนี่ลางานมาหรือยัง” คนเป็นพ่อถามขึ้นมา  
“ลาเรียบร้อยแล้วครับ”
“ดี มาอยู่บ้านนี่ใช่ว่าผมจะให้อยู่เฉย ๆ นะ มีอะไรช่วยได้ก็ช่วย ทำอะไรได้ก็ทำ”
“ครับ” พลกฤษณ์ตอบรับอย่างไม่ย่อท้อ ส่วนพีร์กับแม่นั้นมองหน้ากันอย่างเป็นห่วงชายหนุ่ม
“บ้านผมเป็นร้านขายของนะ ห้องหับมันก็ไม่เยอะ จะมาอยู่รวมกับลูกผมหน่ะไม่ได้ คืนนี้คุณนอนกับไอ้ป๋องก็ละกัน”
“ครับ” พลกฤษณ์ก็ตอบรับแบบไม่คิดมากเช่นเคย  
“กินข้าวเถอะจ้ะ” เธอเร่งให้ชายหนุ่มกิน ก่อนจะหันไปดุสามี “ป๊า บอกกับกีทีหลังก็ได้นี่นา”
“บอกไว้ก่อน จะอยู่บ้านเรา มานอนสบาย ๆ ไม่ได้ก็เท่านั้น”
คนเป็นแม่ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ ส่วนพีร์เองได้แต่ก้มหน้ากินข้าวเงียบ ๆ รู้สึกเห็นใจพลกฤษณ์ขึ้นทันที
เขาคิดว่า นี่เขากำลังพาชายหนุ่มมาลำบากด้วยแท้ ๆ เลย...

ปล. หงี แปลว่า เธอ ในภาษาจีนฮักกา ค่ะ
     ไหง แปลว่า ฉัน ในภาษาจีนฮักกา เช่นกันค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2010 14:45:20 โดย น้ำพริกแมงดา »

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #369 เมื่อ31-05-2010 14:12:52 »

มาขอจิ้ม :z13: คนเขียนก่อน
อิอิ
--------------------------------

 :laugh: โดนว่าที่พ่อตาทดสอบเอาแล้วไงเฮียแจ็ค
แล้วที่พีร์พูดเรื่องรถกะคนเนี้ย
 เฮียก็ไม่รู้ซะเล๊ยยยยย  :m16:ว่าพีร์เค้าบอกเปงนัยๆว่าให้เลิกซะ ไอ่มีหลายๆคนเนี้ย

ปล.“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไมทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”มันหมานความว่าไงอ่ะคุงน้ำพริก
     คนอ่านคิดมากไปเอง :haun4: หรือคนเขียนๆให้คิดละเนี้ย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2010 14:40:40 โดย nolirin »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
« ตอบ #369 เมื่อ: 31-05-2010 14:12:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #370 เมื่อ31-05-2010 14:30:40 »

ว่าที่พ่อตา กะ ว่าที่ลูกเขย เริ่มแล้วเว้ย  :laugh: โช้งเช้งๆๆๆ

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #371 เมื่อ31-05-2010 14:43:59 »

มาขอจิ้ม :z13: คนเขียนก่อน
อิอิ
--------------------------------

 :laugh: โดนว่าที่พ่อตาทดสอบเอาแล้วไงเฮียแจ็ค
แล้วที่พีร์พูดเรื่องรถกะคนเนี้ย
 เฮียก็ไม่รู้ซะเล๊ยยยยย  :m16:ว่าพีร์เค้าบอกเปงนัยๆว่าให้เลิกซะ ไอ่มีหลายๆคนเนี้ย

ปล.“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไมทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”มันหมานความว่าไงอ่ะคุงน้ำพริก
     คนอ่านคิดมากไปเอง :haun4: หรือคนเขียนๆให้คิดละเนี้ย



หมายถึงว่า พลกฤษณ์จะบอกว่า พีร์ก็คงไม่ถูกพ่อแม่ของตัวเองตั้งป้อมรังเกียจและทดสอบแบบทรหดอย่างที่ตัวเฮียแจ๊คจะเจอ ไงคะ (คนเขียนเขียนซับซ้อนไปหรือเปล่าเอ่ย เหอะๆๆ)

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #372 เมื่อ31-05-2010 15:09:47 »

พี่แจ๊ครักจริงหวังแต่ง อย่าได้เปลี่ยนใจทำน้องพีร์ช้ำนะตัวเอง
+ 1 ให้คนเขียน

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #373 เมื่อ31-05-2010 16:13:18 »

เพ่แจ้คลงทุนยอมฝ่าด่านพ่อตา  จะสำเร็จหรือเปล่านะ 
แต่ดูเหมือนแม่ยายจะแอบช่วยนิดๆ   5555555

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #374 เมื่อ31-05-2010 17:22:57 »

วันนี้ลงสองตอนค่ะ เนื่องจากว่าเมื่อวานไม่ได้มาลง แฮ่ะ ๆๆ

มีเนื้อเรื่องตอนนึงเข้ากับวันงดสูบบุหรี่โลกพอดีเลยค่ะ ก็เลยเอามาลงให้เข้ากับวันนี้ที่เป็นวันงดสูบบุรุษ เอ๊ย บุหรี่โลก ค่ะ

ขอบคุณทุกคนนะคะ
ภาคต่อ ตอนที่ 30

“น้องแจ๊ค เป็นไงมั่ง” ลูกจ้างที่ชื่อป๋องเข้ามาถามขณะที่เสร็จจากการทำงานในวันแรกที่พลกฤษณ์มาบ้านพีร์ตามเงื่อนไขของคนเป็นพ่อที่ให้เขาช่วยทำงานที่ร้าน โดยเขานั้นต้องมาพักอาศัยอยู่กับห้องเช่าเล็ก ๆ ของลูกจ้างหนุ่มไม่ไกลจากร้านของพ่อพีร์ ซึ่งก็เป็นแหล่งที่พักของบรรดาลูกจ้างคนงานในหาดใหญ่  เขาจัดวางกระเป๋าสัมภาระก่อนจะตอบว่า
“ก็ดีคับพี่”
“โหย ตอบมาตามตรงดีกว่า พี่ไม่เชื่อเลยว่าหนุ่ม ๆ สำอาง ๆ อย่างเราจะทำงานแบบนี้ได้” เขาพูดตามตรง แต่ก็อดทึ่งไม่ได้ที่เห็นพลกฤษณ์จะหนักเอาเบาสู้ขนาดนี้ เพราะเห็นเถ้าแก่ใช้งานชายหนุ่มไม่หยุดหย่อนเลยตั้งแต่กินข้าวเสร็จ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกคับ ผมก็เข้าใจเสี่ยเค้า” ชายหนุ่มตอบไปทำให้ลูกจ้างหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ
“ก็อย่างงี้หล่ะนะ พี่ก็เห็นใจเสี่ยเค้าเหมือนกัน ว่าแต่น้องนี่ หน่วยก้านไม่เบานะ ว่าแต่น้องจบช่างกลมาเหรอ” เขาถามไปซื่อ ๆ
“ก็ ครับ ทำนองนั้น” พลกฤษณ์ยิ้มรับ ไม่ถือสา เพราะงานหนักขนาดนี้เขาก็เคยผ่านมาแล้วมากมาย นับประสาอะไรกับแค่เรื่องดูแลอะไหล่รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์แค่นี้
“เออ มิน่าล่ะ แหม ๆ น้องพีนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้น้องเป็นแฟน” เขาชื่นชม “เออ แล้วว่าแต่ ไปเจอกันได้ยังไงล่ะเนี่ยะ”
“ก็ เรื่องมันยาวหน่ะครับพี่ เอาไว้ผมเล่าให้ฟังทีหลังนะคับ” เขาผัดผ่อนเพราะเริ่มง่วงนอนแล้ว เขาหยิบเสื่อที่วางไว้มุมห้องมากางแล้วก็ตามด้วยหมอนกับผ้าห่ม
“เฮ้ยย ๆ ไอ้น้อง มานอนข้างบนก็ได้” คนเป็นลูกจ้างตกใจ
“ไม่เป็นไรครับพี่ ห้องพี่หนิครับ ผมนอนข้างล่างดีกว่า”  
ป๋องทำหน้าคิดได้ตามที่ชายหนุ่มบอก “เออ เอางั้นก็ได้ น้องนี่ช่างคิดจริง ๆ”
พลกฤษณ์ล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้าจากการเดินทางเมื่อคืน และประกอบกับการทำงานหนักในวันนี้ แต่เขาก็อดเป็นห่วงพีร์ไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับพ่อและแม่หลังจากที่คนทั้งสองนั้นได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของลูกตัวเอง
 
“พี เล่าให้ม้าฟังได้มั๊ยลูกว่าเจอกับแจ๊คได้ยังไง” เธอถามลูกชายเพื่อให้แน่ในว่าสิ่งที่พลกฤษณ์ให้สัมภาสน์มาเป็นความจริงหรือเปล่า ขณะที่เธอกับสามีนั้นจับเข่าคุยกับลูกเรื่องนี้โดยเฉพาะ
“ก็เจอกันตอนพีร์ไปเดินห้างหล่ะม้า เค้าเข้ามาถามพีเรื่องหนังสือนู่นนี่ แต่พีร์ก็ไม่สนใจนะตอนแรก” พีร์ตอบไปอย่างที่ชายหนุ่มเตี๊ยมไว้ให้เขา
“เหรอ...แล้วยังไงต่อล่ะ”
“ก็ เค้าก็ตามมาดักรอพีที่บริษัท พีก็รำคาญนะแรก ๆ ก็เลยคุยกับเค้าดูอ่ะ”
“อืม..แล้ว พีมีแฟนมาก่อนจะเจอกับแจ๊คหรือเปล่า” คนเป็นแม่ถามออกมาอย่างยากลำบาก “ม้าหมายถึง แฟนที่เป็นผู้ชายนะ”
พีร์ทำหน้าไม่กล้าเมื่อได้ยินอย่างนี้ “ไม่ต้องกลัวนะ ม้าไม่ว่าอะไรพีหรอก”
“ก็..เคย” เขาตอบออกไปเพื่อไม่ให้พลกฤษณ์ต้องเข้าสู่ข้อหาชักจูงให้เขามาทางนี้  
“พจใช่มั๊ยลูก” เธอนิกถึงศิริพจน์ ที่เคยพามาแนะนำให้รู้จัก
“ไม่ใช่นะม้า” เขาปฎิเสธทันทีเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มเดือดร้อน “พจเค้าเป็นเพื่อนพีจริง ๆ เนี่ยะ ปลายเดือนนี้เค้าจะหมั้นแล้ว เค้ายังชวนพีไปเลย”
“เหรอ ที่ไหนล่ะลูก” คนเป็นแม่ตื่นเต้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“สิงคโปรคับม้า พจไปทำงานและมีแฟนเป็นผู้หญิงสิงคโปร์”
“เหรอ แล้วเพื่อนแกรู้มั๊ยว่าแกชอบผู้ชาย” คนเป็นพ่อถามขึ้นมา
“รู้คับ”
“แล้วเค้าไม่ว่าอะไรแกมั่งเลยเหรอ”
“ก็ไม่หนิคับ”
“อืม คนสมัยนี้หน่ะใจกว้างจริง ๆ เลย” เขารำพึงออกมา
 “แล้วนี่แกเคยนอนกับผู้ชายหรือยังหะ” คนเป็นพ่อถามไปตรง ๆ แต่จากที่เห็นกับพลกฤษณ์แล้ว เขาแน่ใจว่าลูกเขากับชายหนุ่มยังไม่มีอะไรกันแน่นอน
“ยังคับ พีก็กลัวเหมือนกันนะ”
“กลัวอะไรล่ะพี” คนเป็นแม่ถาม
“ก็ พีก็ไม่อยากจะเป็นอย่างนี้หรอกนะคับป๊าม้า ป๊ากับม้ารู้มั๊ยว่าพีเสียใจที่สุดเลยที่เป็นอย่างนี้” เขาเริ่มร้องไห้ออกมา “พีไม่อยากให้ป๊ากับม้าต้องผิดหวัง”
คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นก็เข้ามากอดลูกไว้อย่างปลอบโยน ส่วนคนเป็นพ่อก็พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“พี ป๊าจะบอกอะไรให้นะ ไม่ใช่ว่าป๊ากับม้าไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไร” เขามองหน้าลูกตรง ๆ แล้วพูดต่อ “ป๊าก็คิดอยู่ว่าสักวันเราต้องคุยกันเรื่องนี้ เพราะบางทีป๊าก็คิดนะว่า เฮ้ย กูคิดไปเองป่าววะ ลูกเรามันเป็นเด็กผู้ชายนี่นา”
คนเป็นแม่สมทบขึ้นมา
 “ใช่ลูก แต่ตั้งแต่ลูกเข้ามหาลัย ม้าก็แน่ใจแล้วหล่ะว่าลูกของม้าไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นแน่นอน”
เขาร้องไห้ออกมาทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “พีขอโทษ ฮือ ๆๆๆ”
คนเป็นแม่ลูบหัวปลอบโยน “ไม่เอาน่าลูก คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ลูกก็ไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย นะ”
“ใช่ ม้าพูดถูก อย่าคิดมากเลยนะพี ป๊ากับม้าดีใจนะที่เราคุยเรื่องนี้กันตรง ๆ” คนเป็นพ่อเข้ามลูบหัวลูกชายเช่นกัน เขาสมทบต่อ
“ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ป๊ากับม้าก็รักลูกเหมือนเดิมนะ”
“ป๊ากับม้าไม่โกรธพีเหรอ”
“ตอนแรกก็นิดหน่อย แต่พอม้าคุยกับแจ๊คแล้วม้าก็เข้าใจอะไรมากขึ้น” คนเป็นแม่พูดออกมา “เมื่อข้าวสารมันกลายเป็นข้าวสุกไปซะแล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะ”
“อีกอย่างนะ แจ๊คเค้าก็บอกว่าเค้าจะรับผิดชอบในตัวลูก ม้าก็รู้สึกว่าสิ่งที่ลูกเป็นมันไม่ได้แย่อะไรมากมาย”
“ม้า..”
“เลิกเศร้านะลูก กลับมาเป็นพีคนเดิมของป๊ากับม้านะลูกนะ” คนเป็นแม่บอกลูกอย่างนั้น ทำให้ลูกชายกอดแม่แน่นด้วยความรัก คนเป็นพ่อกับแม่มองหน้ากันอย่างเข้าใจในกันและกันมากขึ้น  

   พลกฤษณ์มาทำงานที่บ้านพีร์พร้อมกับป๋องในเช้าวันใหม่ เขาเหมือนรู้หน้าที่ของตัวเองคือทำงานอย่างขันแข็ง ในยามนี้เขาสวมเสื้อผ้าที่เก่าด้วยคราบเขม่าและน้ำมันเครื่อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รัศมีความหล่อของเขานั้นลดลงไปได้เลย ลูกค้าบางคนเหมือนจะรู้ว่าเขาเป็นใครก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่ได้เห็นคนดังอยู่ในร้านนี้
 การทำงานทั้งหลายของพลกฤษณ์นั้นอยู่ในสายตาของพ่อพีร์เสมอ บางครั้งที่เขาเห็นชายหนุ่มโดนลูกค้าต่อว่า เขาก็คิดว่าชายหนุ่มจะไม่อดทน แต่ที่ไหนได้ พลกฤษณ์นั้นกลับอดทนและขอโทษขอโพยลูกค้าเป็นการใหญ่ แถมพลกฤษณ์เองก็ไม่ย่อท้อกับการซ่อมแซมอะไหล่ต่าง ๆ อย่างไม่ห่วงหล่อ  แต่คนเป็นพ่อก็ยังไม่ใจอ่อนให้พลกฤษณ์มาพักอาศัยด้วยกันที่บ้าน ยกเว้นให้กินข้าวเย็นร่วมโต๊ะก็เท่านั้น

“พี่ป๋อง ๆๆ” เสียงร้องเรียกจากผู้หญิงคนหนึ่งที่เคาะประตูห้องเช่าอย่างร้อนรนในเช้าวันต่อมา ทำให้พลกฤษณ์นั้นออกไปเปิดรับทันที
“มีอะไรหรือครับ” เขาถามหญิงผิวคล้ำสวมฮิญาบวัยเดียวกับเขาตรงหน้า ที่เหมือนจะมาขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“พี่ป๋องไปไหนเหรอคะ”
“อ่อ ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดหน่ะฮะ มีอะไรเหรอครับ”
“คือ โต๊ะเป็นลมค่ะ คุณคะ! ช่วยโต๊ะด้วยนะคะ”
“ครับ ๆๆ” ถึงแม้เขาไม่เข้าใจคำว่าโต๊ะหมายถึงอะไรแต่ก็ตามผู้หญิงที่มาขอความช่วยเหลือเขาออกไปทันที
เธอพาเขามาที่ห้องเช่าใกล้ ๆ กัน ก็พบร่างหมดสติของหญิงชราที่สวมผ้าคลุมผมนอนอยู่บนพื้น เขาจับชีพจรบนข้อมือและลำคอก่อนจะหันมาบอกกับหญิงที่พาเข้ามาว่า
“ตอนนี้คุณยายหมดสติไปเพราะความดันต่ำนะครับ เดี๋ยวผมพาคุณยายไปส่งโรงพยาบาลเอง”
“คือ..” เธอทำหน้าลังเล เพราะเกรงใจคนแปลกหน้าคนนี้
“นะครับ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ไปเรียกรถรับจ้างหรืออะไรก็ได้มาก่อนนะครับ”
เธอรับคำและวิ่งหายไปเรียกรถรับจ้างมาพาหญิงชราไปที่โรงพยาบาล พอรถมาเขาก็อุ้มหญิงชราขึ้นไปและคอยดูแลอย่างเป็นห่วง สักพักก็มีคนโทรหาพลกฤษณ์
“ฮัสโหล น้องแจ๊ค หายไปไหนเนี่ยะ ทิ้งห้องไว้ได้ไง”
“ขอโทษพี่ คือ คนข้างห้องเค้ามาขอความช่วยเหลือ หน่ะครับ คุณยายเค้าเป็นลม ผมกำลังพาคุณยายไปส่งโรงพยาบาลอยู่เนี่ยะ”
“เหรอ โต๊ะฮะห์เป็นอะไรไปอีกแล้วเหรอ”
“เอ่อ ผมไม่ทราบว่าคุณยายคนนี้ชื่ออะไรอ่ะครับ แต่ตอนนี้คุณยายความดันต่ำมาก ถ้าไม่ถึงมือหมอผมก็ไม่รับรอง”
“เออ ๆ ดีมากน้องแจ๊ค อยู่ดูยายแกไปก่อน เดี๋ยวทางนี้พี่บอกเสี่ยให้”
“ครับ ๆ ขอบคุณครับ” เขาวางสายและมองดูหญิงชราอย่างเป็นห่วง

“อ่าว ไอ้ป๋อง วันนี้ไงมาคนเดียวล่ะนี่” พ่อของพีร์ทักทายลูกน้องอย่างนั้นเพราะไม่เห็นพลกฤษณ์มาด้วย “แล้วไอ้หนุ่มนั่นล่ะ”
“อ่อ น้องแจ๊คพายายข้างห้องไปส่งโรงพยาบาลหน่ะครับเสี่ย เดี๋ยวคงตามมา”
“งั้นเหรอ” พ่อของพีร์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะคิดไม่ถึงว่าพลกฤษณ์จะมีจิตใจดีขนาดนี้ เขาไม่ตอบอะไรนอกจากเดินออกไปทำงานของเขาต่อ

รถรับจ้างพาพวกเขามาถึงโรงพยาบาล พนักงานที่อยู่ฝ่ายฉุกเฉินนั้นออกมารับช่วงต่อโดยการพาหญิงชราไปยังห้องฉุกเฉินอย่างทันท่วงที  คนเป็นหลานมองตามเข้าไปอย่างเป็นห่วง พลกฤษณ์เห็นว่าสายมากแล้ว จึงจะขอตัวไปก่อน ก่อนไปเขาไม่ลืมที่จะไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มมาให้หญิงสาวผู้เป็นหลานไว้
“ผมคงต้องไปก่อนนะครับ” เขาบอกอย่างนั้น “อ่ะ นี่ครับ สำหรับค่ารักษาของคุณยาย”
เธอทำหน้าตกใจ จะไม่รับธนบัตรสีเทาสามใบที่ชายหนุ่มยื่นให้
“นะครับ ถือซะว่าผมช่วย รับไว้ก่อนนะครับ” เขาเห็นอย่างนั้นจึงจับใส่มือของเธอเอง
“ขอบคุณคุณมากเลยนะคะ อัลเลาะหฺคุ้มครองนะคะ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างซาบซึ้ง
“ครับ ผมขอตัวนะครับ เย็น ๆ ผมจะมาเยี่ยมใหม่” เขาพูดจบและก็วิ่งออกไปขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างทันที

พลกฤษณ์มาถึงที่บ้านของพีร์อย่างหืดหอบจากการรีบมาทำงาน เพราะว่าเขาเองอยู่ที่เยอรมันนีหลายปี การตรงต่อเวลาสำหรับเขานั้นถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ในจิตสำนึก เมื่อมาถึงผู้เป็นเจ้าของร้านก็ออกมาหาเขา ไม่ทันที่จะพูดอะไร พลกฤษณ์ก็บอกว่า
“ผมขอโทษครับ” พร้อมกับยกมือไหว้และเดินออกไปช่วยลูกจ้างคนอื่นทำงานอย่างขันแข็งตามเดิม เพราะเขากะจะถามชายหนุ่มว่ากินข้าวเช้ามาหรือยัง แต่ดูเหมือนว่าพลกฤษณ์จะพุ่งตรงไปที่หน้าที่ของเขาจริงจัง ผู้เป็นพ่อของพีร์มองตามชายหนุ่มอย่างทึ่ง ๆ ใครจะไปเชื่อล่ะว่าท่าทางสำอางโฉบเฉี่ยวอย่างนี้จะมีความรับผิดชอบสูงเกินคาด  
 “มีอะไรเหรอป๊า” พีร์ที่ช่วยคนเป็นแม่ทำเรื่องการเงินอยู่ในร้านออกมาถามพ่อตัวเอง เพราะเขาก็เห็นว่าพลกฤษณ์นั้นมาทำงานสายเช่นกัน
“เปล่า ๆ ไม่อะไร” คนเป็นพ่อตอบได้แค่นั้นก่อนจะขอตัวไปทำงาน ทิ้งให้พีร์งงกับพ่อตัวเอง

“ม้า ม้าว่าป๊าจะชอบคุณแจ๊คมั๊ยอ่ะ” พีร์เข้ามาถามคนเป็นแม่ที่กำลังดีดลูกคิดอยู่
“ทำไมล่ะพี”
“ก็ มะกี๊พีเห็นคุณแจ๊คมาทำงานสาย แล้วเหมือนป๊าคุยอะไรกับเค้าไม่รู้”
“เหรอ อันนี้ม้าก็ไม่รู้นะ แต่เท่าที่ม้าดูแล้ว สองวันมานี้แจ๊คเค้าก็ใช้ได้นะ”
“จริงเหรอม้า”
“อืม ม้าดูคนไม่ผิดหรอก” เธอตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับมองทะลุกระจกไปนอกร้านเพื่อดูพลกฤษณ์ที่กำลังขะมักเขม่นซ่อมมอเตอร์ไชค์อยู่ ส่วนพีร์เองก็งง กับท่าทีของพ่อกับแม่ตัวเอง

เลิกงานในเย็นวันนี้ พลกฤษณ์ขอตัวไม่อยู่กินข้าวเย็นกับครอบครัวของพีร์ เขาไม่ได้บอกอะไร ชายหนุ่มกลับชวนป๋องไปเยี่ยมอาการของหญิงชราที่เขาพาไปส่งโรงพยาบาลเมื่อเช้าด้วยกัน
“โต๊ะ ๆ มีคนมาเยี่ยมหน่ะ” หลานสาวคนเดิมบอกคุณยายที่นอนอยู่บนเตียงในห้องรวมของโรงพยาบาล
หญิงชราลืมตาขึ้นมาก็พบชายหนุ่มแปลกหน้าผิวพรรณขาวสะอาดยกมือไหว้เขาอยู่ เธอเองงง ๆ หลานสาวจึงบอกว่า
“ก็คุณคนนี้เค้าพาโต๊ะมาส่งโรงบาลเมื่อเช้าไง”
หญิงชราทำท่าจะยกมือไหว้ แต่พลกฤษณ์บอกว่า
“อย่าเลยครับคุณยาย เดี๋ยวผมอายุสั้นกันพอดี”
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ ขออัลเลาะหฺคุ้มครองนะลูก” หญิงชรากล่าวอย่างนั้น
“อ่า นี่อุสนา น้องแจ๊คเค้าซื้อของมาเยี่ยมโต๊ะหน่ะ” ป๋องพูดพร้อมหยิบกล่องเครื่องดื่มรังนกแบบขวดให้หญิงสาว
“โห คุณ ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเกรงใจ แล้วนี่คุณยายทานข้าวหรือยังครับ”
“แล้วจ้ะ พ่อหนุ่มล่ะ”
“เดี๋ยวจะไปหาร้านแถวนี้ทานหน่ะครับ”
“เหรอจ๊ะ แล้วพ่อหนุ่มเป็นใครล่ะเนี่ยะ เป็นญาติเจ้าป๋องมันเหรอ”
“โต๊ะ คุณเค้า เอ่อ..” หญิงสาวพอรู้เรื่องมาบ้างจึงจะบอกคนเป็นยาย “เค้าเป็น เอ่อ..”
พลกฤษณ์ชิงตอบ “เป็นลูกจ้างของเสี่ยกวงหน่ะครับ”
“อ่อ จ้ะ แต่ก็ขอบคุณมาก ๆ เลยนะจ๊ะที่ช่วยกี”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” เขารับคำก่อนจะหันไปมองคนทั้งสองที่มองเขาด้วยสายตาแบบมีคำถาม

“น้องแจ๊ค ทำไมน้องแจ๊ค บอกโต๊ะไปอย่างนั้น” ป๋องถามชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่สิ คุณแจ๊ค คุณก็จะมาเป็นญาติกับเค้าจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ”
พลกฤษณ์ได้ยินอย่างนั้นก็บอกว่า “ อย่าเลยครับ เสี่ยเค้าคงไม่อยากนับญาติกับผมหรอก” เขาตอบไปตรง ๆ อย่างเข้าใจ “บอกไปอย่างนั้นเดี๋ยวเค้าก็หาว่าผมแอบอ้างพอดี”
“อืม ๆ พี่เข้าใจล่ะ” ป๋องพยักหน้าเออออ ก่อนจะขอตัวลาหญิงสาวที่มาส่งเพื่อไปหามื้อเย็นกินกันและกลับที่พัก

“น้องแจ๊ค ยังไม่นอนอีกเหรอ” ป๋องออกมาตามพลกฤษณ์ที่นั่งคนเดียวอยู่ที่โต๊ะม้าหินข้างนอกห้อง
“ยังครับพี่”
ป๋องมานั่งข้าง ๆ และยื่นบุหรี่ให้ชายหนุ่ม “สักตัวมั๊ย”
พลกฤษณ์ส่ายหน้าฎิเสธ “ไม่ล่ะครับพี่”
“นี่มาจากมาเลย์เลยนะ นุ่มใช้ได้ หอมดีเหมือนกัน ไม่ลองหน่อยเหรอ ”
“ไม่ล่ะครับ ผมเลิกนานแล้ว” เขาตอบยิ้ม ๆ
“หะ น้องแจ๊คทำได้ไงเนี่ยะ” ป๋องถามชายหนุ่มอึ้ง ๆ
“ก็คิดว่าจะไม่สูบ ผมก็ไม่สูบหน่ะครับพี่” เขาเล่าขยายความกลัวป๋องงง “คือ เมื่อก่อนผมก็ยอมรับนะว่าติด และก็สูบจัดตอนที่อยู่เยอรมัน”
“หะ น้องแจ๊ค เคยไปอยู่เยอรมันมาเหรอเนี่ยะ” ป๋องอึ้ง
“ครับ อยู่เกือบ 10 ปี หน่ะครับ ก็ผมสูบมาตั้งแต่อยู่มัธยม ก็ไม่ได้ติดอะไรมากอ่ะครับตอนวัยรุ่น แต่ไปเรียนที่นู่นใคร ๆ ก็สูบกันเป็นเรื่องปกติ และบ้านเขาก็เป็นเมืองหนาวด้วย ต่อให้สูบโหดยังไงก็เลยไม่ค่อยเป็นอะไร  จนผมกลับมาเมืองไทย ก็เริ่มเจ็บหน้าอกหน่อย ๆ ผมเลยคิดได้ว่า อยู่เมืองร้อนถ้าขืนยังสูบบุหรี่จัดผมคงต้องตายเร็วแน่ ๆ ผมบอกกับตัวเองว่า “กูจะไม่สูบบุหรี่อีกแล้ว” และก็โยนซอง,ไฟแช็ก และก็ที่เขี่ยบุหรีทิ้งซะแค่นั้นหล่ะครับ”  
“จริงนะพี่ ตั้งแต่วันนั้นมาผมก็ไม่กลับไปสูบอีกเลย”
“เจ๋งว่ะ!” ป๋องชื่นชมหนุ่มรุ่นน้องจากใจ “นับถือว่ะน้องแจ๊ค”
“อย่าเลยครับ” เขายิ้ม ๆ
“เออ แล้วนี่ น้องแจ๊คคิดว่าเสี่ยเค้าจะทำไงต่อไป”
“เรื่องของผมอ่ะเหรอฮะ”
“ใช่”
“ไม่รู้ล่ะฮะ ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ เค้าจะคิดว่าผมโอเคพอกับลูกเค้าไหม ผมก็ไปคิดแทนเค้าไม่ได้”
“อืม ๆ พี่ก็อยากให้เสี่ยเค้าโอเคซะทีนะ น้องแจ๊คเป็นคนดี พี่ไม่อยากให้เสี่ยมองข้าม”
“ครับ ขอบคุณพี่ป๋องนะครับ”
“อืม ๆ” เขาพยักหน้ากับชายหนุ่ม และก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเมื่อไหร่เถ้าแก่ของเขาจะยอมรับในตัวพลกฤษณ์

“ป๊า วันนี้ มีอะไรกันเหรอคับ” พีร์ถามคนเป็นพ่อ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ก็ที่ เอ่อ แจ๊คเค้ามาสายอ่ะ มีอะไรกันเหรอคับ”
“อ่อ ไม่มีอะไร เห็นป๋องมันบอกว่าแจ๊คพาคนข้างห้องเจ้าป๋องไปส่งโรงพยาบาลเลยมาสายหน่ะ”
“แล้วป๊าพูดอะไรกับเค้าเหรอ” พีร์เห็นพลกฤษณ์ทำหน้าตาเหมือนรู้สึกผิดมาก และยกมือไหว้คนเป็นพ่อเขา
“อ่อ ป๊าไม่ได้พูดอะไรเลย จะเข้าไปถามว่ากินข้าวมาหรือยัง แต่แจ๊คเค้าก็ขอโทษป๊าที่มาทำงานสาย”
“เหรอคับ”
“อืม...เออ พี แจ๊คนี่เค้าทำงานทำการอะไรเหรอลูก”
“อ่อ คุณแจ๊คทำธุรกิจโชว์รูมรถนำเข้าหน่ะป๊า”
“เหรอ อายุแค่นี้อ่ะนะ” เขาถามอย่างไม่เชื่อ
“ครับป๊า”
“เออ แล้วกีเรียนจบอะไรมาล่ะ”
“อ่อ เค้าจบวิศวะจากเยอรมันครับ”
“จบวิศวะเลยเหรอ”คนเป็นพ่อถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินอย่างนั้น เพราะเขาคิดว่าจะชายหนุ่มจะไม่เรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนลูกคนรวยทั่ว ๆไป
“ครับป๊า ทั้งตรีและโท"
“ไอ่หยา...” เขาอุทานออกมาอย่างตกใจ “กีจบปริญญาโทเลยเหรอ”
“ครับป๊า” พีร์ตอบไป เพราะเขาเคยเห็นรูปและใบปริญญาของพลกฤษณ์มาแล้ว “กีเคยทำงานที่เยอรมันก่อนจะกลับมาเมืองไทยด้วยนะป๊า”
“มิน่าหล่ะ กีถึงขอโทษป๊าใหญ่ตอนที่มาสาย” คนเป็นพ่อพูดออกไป
“ทำไมล่ะป๊า”
“อ่าว ก็คนเยอรมันหน่ะ เข้มงวดเรื่องเวลาจะตายไป”  เขามองหน้าลูกชาย “โอเค งั้นป๊าก็ไม่แปลกใจแล้วหล่ะ ไปนอนได้แล้วไปพี พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้าอีก”
“ครับป๊า”
คนเป็นพ่อกรุ่นคิด ถึงชายหนุ่มของลูกชายตัวเอง เขาพยักหน้ายอมรับเหมือนจะได้คำตอบในเรื่องนี้แล้ว


ปล. โต๊ะ เป็นคำเรียกแปลว่าย่ายาย แบบมุสลิมหน่ะค่ะ
ส่วน กี ที่พีร์กับครอบครัวใช้คุยกัน หมายถึงสรรพนามบุรุษที่ 3 ในภาษาจีนฮักกาหน่ะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-06-2010 17:00:26 โดย น้ำพริกแมงดา »

ออฟไลน์ JAROEN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-9
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #375 เมื่อ31-05-2010 18:40:59 »

มาต่ออีกนะครับ

กำลังสนุกเลย

คุณพ่อใกล้ยอมรับแล้ว

ว่าแต่ตกลงคุณแจ็คไม่ได้กินข้าวเช้านะ

คงหิวแย่เลยนะครับ :impress3:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #376 เมื่อ31-05-2010 20:28:56 »

พี่แจ๊คสุดยอด o13
ใกล้แล้วน้าาา  ใกล้ชนะใจคุณป๊าแระ อิอิ
รออ่านตอนต่อไปเน่อ :กอด1:

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #377 เมื่อ31-05-2010 22:11:58 »

คุรแจ็คอย่าเพิ่งท้อเน้อ...ท่าทางอาป๊าก็พอจะเข้าใจและยอมรับแล้ว...

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #378 เมื่อ01-06-2010 00:12:03 »

อาแจ็ค สู้ๆ

ออฟไลน์ abacus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #379 เมื่อ01-06-2010 01:11:48 »

ว้าว...  การทดสอบโหดของพ่อตาน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีนะครับเนี๊ย

อยากมีอย่างนี้ที่บ้านซักคนจัง  เหอะๆ!!

เอาใจเชียร์แจ๊ก สู้ๆ      วู้วู้วู้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
« ตอบ #379 เมื่อ: 01-06-2010 01:11:48 »





ash

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #380 เมื่อ01-06-2010 14:23:46 »

พ่อตาลูกเขย ก็ต้องมีทดสอบบ้าง

ออฟไลน์ น้ำพริกแมงดา

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +272/-0
    • เข้ามาเป็นคุยกันกับ "น้ำพริกแมงดา" ใน facebook page นะคะ
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #381 เมื่อ01-06-2010 15:00:26 »

ภาคต่อ ตอนที่ 31

“ฮัลโหล คุณแจ๊ค” พีร์นึกเป็นห่วงชายหนุ่มเลยโทรหา
“ว่าไง” ถึงแม้เขาจะเริ่มง่วงแล้วแต่ก็ดีใจเมื่อรู้ว่าพีร์โทรมา
“คุณแจ๊ค เป็นไงมั่งอ่ะ ผมขอโทษที่ไปหาคุณไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอก..”
“แล้วนี่ คุณอยู่ได้ใช่ไหม” พีร์รู้สึกแย่ที่ต้องพาชายหนุ่มมาลำบาก เขาคิดว่าลำบากแค่ตอนเดินทางก็น่าจะพอแล้วกับชายหนุ่ม
“อืม ไม่มีปัญหา”  
“จริงเหรอ”
“จริงสิ ธรรมดาน่าเรื่องแค่นี้”
“คุณแจ๊ค ผมต้องขอโทษแทนป๊าด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ท่านก็ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ผมเข้าใจพ่อคุณน่า”
“อืม..”
“แล้วว่าแต่คุณเถอะ เป็นไงมั่ง ป๊ากับม้าคุณโอเคมั๊ย”
“อืม ๆ ก็เปิดใจคุยกันหน่ะ” พีร์เว้นวรรค แล้วพูดต่อ “ป๊าม้าผมบอกว่าเค้ารู้มาตั้งนานแล้วหล่ะว่าผมไม่ค่อยเหมือนคนอื่น”
“อืม ดีแล้วหล่ะ เรื่องของผมมันเล็กน้อย แต่ผมเป็นห่วงคุณมากกว่าหน่ะ”
พีร์แอบดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงผม”
“อืม ๆ เออ ผมขอนอนก่อนละกัน ง่วงแล้วหล่ะ ก็ เจอกันนะคับ”
“คับ”
พีร์กดวางสายไปอย่างอดเป็นห่วงพลกฤษณ์ไม่ได้ เขารู้สึกเห็นใจชายหนุ่มที่ต้องมารับเคราะห์เพราะเขาในเรื่องนี้
ถึงแม้ตอนแรกเขาจะแกล้งให้พลกฤษณ์มาเจอความลำบากระหว่างเดินทาง แต่ในตอนนี้เขาก็คิดว่าพลกฤษณ์ไม่ควรจะมาเจออะไรลำบาก ๆ อย่างนี้เลย

  วันต่อมาในขณะที่ใกล้จะพักเที่ยง พ่อของพีร์เห็นหญิงสาวสวมฮิญาบที่ประคองหญิงชรามาด้อม ๆ มอง ๆ ที่หน้าร้านจึงออกไปดู
“มีอะไรเหรอครับ”  
หญิงสาวคนเป็นหลานตอบเถ้าแก่ “เอ่อ คุณแจ๊คอยู่มั๊ยจ๊ะ”
“แจ๊คเหรอ..มีอะไรรึเปล่า”
“อ่อ ชั้นให้อุสนาพามาขอบคุณเค้าหน่ะ เด็กคนนี้พาชั้นไปส่งโรงพยาบาลเมื่อวาน” หญิงชราตอบไป
“ใช่ ๆ เถ้าแก่ เมื่อวานคุณแจ๊คพาโต๊ะไปส่งโรงพยาบาล วันนี้โต๊ะแข็งแรงแล้วเลยให้ชั้นพามาขอบคุณเค้าที่นี่ แล้วเค้าอยู่หรือเปล่าจ๊ะ”
“อ่อ แป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมไปเรียกให้”

“แจ๊ค ๆ”
“ครับ” พลกฤษณ์ที่กำลังถ่ายน้ำมันเครื่องมอเตอร์ไชค์อยู่รามือเมื่อได้ยินพ่อพีร์เรียก
“มีคนมาหาหน้าร้านหน่ะ” คนเป็นพ่อบอกด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าวันแรก ๆ
“ครับ ๆ” เขารับคำและเช็ดมือก่อนจะรีบออกไป ก็พบหญิงสาวกับหญิงชรายิ้มรอเขาอยู่ ส่วนคนเป็นเจ้าของร้านนั้นยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“สวัสดีครับ” พลกฤษณ์ยกมือไหว้หญิงชรา และหันไปถามหลานสาว “โต๊ะหายแล้วเหรอครับคุณอุสนา”
“ค่ะ พอออกจากโรงพยาบาลปุ๊บ โต๊ะก็ขอให้ชั้นพามาหาคุณที่นี่เลย”
“โต๊ะจะมาขอบคุณพ่อหนุ่มหน่ะจ้ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มีอะไรเราก็ช่วย ๆ กันดีกว่านะครับนะ อย่าเกรงใจเลย” เขาถ่อมตัว
หญิงสาวยิ้มรับ และหยิบเงินสามพันบาทที่เขาให้ไว้เมื่อวาน
“ชั้นคงรับเงินคุณมาไม่ได้หรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าผมช่วย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เงินตั้งเยอะขนาดนี้ชั้นไม่อยากรับไว้หน่ะค่ะ แค่คุณช่วยโต๊ะเมื่อวานชั้นก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”
หญิงชราจับมือเขาแล้วคืนเงินที่หลานสาวถือไว้ให้
“โต๊ะขอร้องนะพ่อหนุ่ม อย่าให้โต๊ะต้องเกรงใจไปมากกว่านี้เลย”
“ครับ ๆ” เขารับคำอย่างเสียไม่ได้ “ถ้ามันทำให้โต๊ะสบายใจผมก็ยินดี”
คนทั้งสามยิ้มให้กันและกัน หญิงชรานั้นจับมือชายหนุ่มและกล่าวเบา ๆ “ขออัลเลาะหฺคุ้มครองนะลูก”
“ขอบคุณครับ” ถึงแม้พลกฤษณ์จะเป็นคริสต์ชน แต่เขาก็ยิ้มรับความปรารถนาดีจากคนต่างศาสนาเสมอ ส่วนคนเป็นพ่อของพีร์นั้นยิ้มน้อย ๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า

“พี ไปบอกแจ๊คด้วยว่าเย็นนี้ให้อยู่กินข้าวกันก่อน” คนเป็นพ่อเอ่ยเข้ามาบอกกับลูกชายที่ช่วยคนเป็นแม่ทำบัญชีอยู่ในห้อง  พีร์ได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้ากับคนเป็นแม่อย่างดีใจ  
“แล้วทำไมป๊าไม่บอกเองล่ะ” แม่ของพีร์ถาม
“เรื่องอะไร มันเป็นแฟนลูกเราก็ให้ลูกเราคุยกันเองสิ”  คนเป็นพ่อพูดได้แค่นั้นก็ออกไปทำงานต่อ ทิ้งให้พีร์กับแม่หัวเราะกันคิกคัก
“ในที่สุดป๊าเราก็ยอมรับแจ๊คเค้าได้ซะทีนะลูก”
“อืม..แล้วม้าว่าไงอ่ะ”
“ก็ ต้องดูกันต่อไปว่าป๊าเค้าจะทำยังไงล่ะ” เธอมองไปที่ชายหนุ่มข้างนอก “เฮ้ออ มาอยู่ที่นี่มอมแมมจนแทบจำไม่ได้เลย พ่อแม่เค้าเห็นเข้าจะว่าไงเนี่ยะ เหอะๆๆ”
“อืม ก็ไม่ต่างกับตอนอยู่อู่ที่โชว์รูมหรอกม้า แต่นั่นก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนี้” พีร์สมทบและหันมายิ้มกับแม่ ก่อนจะออกไปบอกข่าวดีกับชายหนุ่มด้วยตัวเอง

พลกฤษณ์ที่กำลังหันหลังซ่อมอะไหล่อยู่ตกใจเมื่อรู้สึกตัวว่ามีมือกำลังสะกิดเขาอยู่ข้างหลัง เขาจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นพีร์ที่ยืนส่งยิ้มให้เขาอยู่
นี่เป็นการเห็นหน้ากันครั้งแรกของเขาและพีร์ตั้งแต่มาที่นี่
ชายหนุ่มดีใจอย่างบอกไม่ถูก ส่วนคนงานคนอื่นได้แต่แอบยิ้มและย้ายตัวเองออกไปเพื่อให้คนทั้งสองได้คุยกันอย่างสะดวก
“คุณแจ๊ค ป๊าบอกว่า เย็นนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะ” พีร์มองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ทั้งเห็นใจ ทั้งนับถือในตัวชายหนุ่มและทั้งขบขันที่ตอนนี้เนื้อตัวขาวสะอาดของเขานั้นมอมแมมไปด้วยคราบดำ ๆ จากน้ำมันเครื่อง และจาระบี
“อืม ได้สิ” เขายิ้มรับ และมองพีร์ด้วยความคิดถึงเช่นกัน
“ผมไปก่อนนะ”
พลกฤษณ์พยักหน้าและยิ้มให้ พีร์ค่อย ๆ หันหลังกลับไปอย่างตื่นเต้น เหมือนว่าเขาคงรู้สึกดีกับพลกฤษณ์มากขึ้นด้วยตัวเองแล้ว

“อืม แจ๊ค มานั่งด้วยกันสิ” คนเป็นพ่อเรียกพลกฤษณ์ที่เพิ่งล้างหน้าล้างมือก่อนกินข้าวมานั่งข้าง ๆ เขาในโต๊ะกลมที่ใช้เป็นโต๊ะกินข้าวของบ้าน คนเป็นแม่มองหน้ากับพีร์อย่างมีลุ้น
“ครับ ขอบคุณครับ” เขารับคำและนั่งลงตามที่พ่อของพีร์บอก
บรรยากาศตลอดมื้ออาหารนั้นไม่ตึงเครียดเหมือนวันแรกที่ชายหนุ่มมา คนเป็นพ่อคุยกับพลกฤษณ์ดีขึ้นในเรื่องของงานที่เขาทำ และเรื่องที่เขาเคยเรียนและทำงานที่ต่างประเทศ คนเป็นพ่อพบว่าพลกฤษณ์ไม่ได้อวดอ้างในความเป็นนักเรียนนอกหรือความเป็นคนมีฐานะของเขาเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งคนเป็นพ่อถามขึ้นมา
“แจ๊ค คุณรักลูกผมจริงหรือเปล่า” คำถามนี้ทำเอาสองแม่ลูกถึงกับตกตะลึงใน แต่ก็รอฟัง โดยเฉพาะพีร์
“ครับ ผมรักพี”
“คุณกล้ารับปากผมมั๊ยว่าคุณจะไม่ทิ้งลูกผม และจะดูแลลูกของผมไปตลอดชีวิต”
“ครับ ผมรับปาก”
“ดี งั้นบอกพ่อแม่คุณมาคุยกับผมได้เลย” คนเป็นพ่อรวบรัดตัดความ เพราะเขาก็อยากจะรู้จักครอบครัวของชายหนุ่มเหมือนกัน
“ครับ ขอบคุณครับ” พลกฤษณ์ยกมือไหว้คนเป็นพ่อของพีร์ ส่วนพีร์นั้นนั่งเขินอยู่โดยมีแม่เขานั่งยิ้มข้าง ๆ ที่สามีของเธอก็ยอมรับและมองเห็นความดีใจตัวชายหนุ่มเหมือนที่เธอมองเห็น  
ส่วนพลกฤษณ์เองก็ดีใจที่คนเป็นพ่อของพีร์ยอมรับในชีวิตของลูกชายที่จะมีเขาเป็นคนคอยดูแลนับจากนี้ไป...

“ฮัลโหล ป๊าครับ”
“ว่าไงแจ๊ค เป็นไงมั่ง” คนเป็นพ่อรับสายและถามลูกชายอย่างเป็นห่วงเล็ก ๆ โดยเปิดระบบลำโพงให้คนเป็นแม่ฟังด้วย
“ก็ดีครับป๊า”
“อืม บ้านน้องพีเค้าเป็นไงกับลูกมั่ง”  คนเป็นแม่ถามมา
“ก็ เป็นไปตามคาดครับ แต่ก็มีอะไรเกินคาดหลายอย่าง”
“ยังไงล่ะ”
“คือ..” เขาจึงเล่าเรื่องตั้งแต่มาถึงบ้านพีร์วันแรกให้พ่อของเขาฟัง พ่อของเขาฟังจบก็ถามต่อ
“เหรอ เออ แล้วตอนนี้เป็นไงมั่งล่ะ”
“ก็ ป๊าของพีบอกว่า ให้ป๊ากับม้าลงมาคุยกับเค้าอ่ะคับ”
“เฮ้ยยย อย่างนี้ก็ดีล่ะสิ” เขาหันไปพูดกับภรรยา “เจนนี่ เธอได้ยินมั๊ยว่าลูกบอกว่าบ้านของพีให้เราลงไปคุยกับเค้าเลย”
“จริงเหรอ ดีเลย งั้นไปพรุ่งนี้เลยดีมั๊ย” คนเป็นแม่ของพลกฤษณ์ตอบมาตามสไตล์วัยรุ่นใจร้อน
“เอางั้นเลยเหรอครับม้า”
“เอางี้เลยแหล่ะลูก เดี๋ยวเค้าเปลี่ยนใจไม่คุยกับป๊าม้าขึ้นมาล่ะก็แย่เลย”
“อืม ป๊าก็ว่างั้น เอาอย่างนี้ เดี๋ยวป๊าจะจองตั๋วเครื่องบินไปหาดใหญ่คืนนี้เลย แล้วพรุ่งนี้ป๊าถึงแล้วจะโทรหา โอเคป่ะ”
“ครับ ๆ” เขาตอบรับยิ้ม ๆ ส่วนป๋องเองเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็หันมาบอกกับชายหนุ่มอย่างดีใจด้วย
“ดีใจด้วยนะน้องแจ๊ค ในที่สุดเสี่ยก็ยอมรับน้องแจ๊คแล้ว”
“ไม่หรอกครับ ต้องรอพ่อแม่ผมมาคุยกันก่อน”
“ขนาดนี้แล้วยังจะมาพูดอีก เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้น้องแจ๊คก็คงไปนอนที่บ้านเสี่ยได้แล้วมั๊ง”
พลกฤษณ์ยิ้มรับลูกจ้างหนุ่มอย่างขอบคุณ เขานึกขึ้นได้จึงกดโทรศัพท์ไปหาอีกคนที่เขาอยากจะบอกเรื่องนี้

“ฮัลโหลเจ้าพจ”
“อ่าว พี่แจ๊ค” ชายหนุ่มรับโทรศัทพ์ด้วยน้ำเสียงดีใจ “มาบ้านพีหรือยังคับ”
“มาแล้ว เนี่ยอยู่มาสี่วันแล้วว่ะ”
“เหรอครับเป็นไงมั่ง”
“ก็...” เขาเล่าเรื่องทั้งหมดอีกครั้งให้ชายหนุ่มฟัง ศิริพจน์ก็ตอบมาว่า
“โห พี่แจ๊ค พี่เจ๋งมากเลยนะครับเนี่ยะ”
“ไม่หรอก เราบริสุทธิ์ใจซะอย่าง ไม่ได้อวดอ้างหรือทำอะไรมากซะหน่อย”
“ก็นั่นหล่ะครับ พี่สุดยอดไปเลยรู้ป่ะ”
“อืม ไม่ต้องชมมากไอ้พจ ฮ่ะ ๆๆ เออ แล้วนี่แกเป็นไงมั่ง งานหมั้นของแกนี่ว่าไง”
“วันศุกร์นี้แล้วพี่ ผมกับแคทบอกกับผู้ใหญ่แล้วว่าไม่อยากให้มีอะไรมากอ่ะครับ”
“ยังไงวะ”
“ก็แค่ จัดเล็ก ๆ ก็พอ”
“เออ ก็ดีแล้ว งานนี้พี่ก็ดีใจนะที่แกกับน้องแคทมีส่วนร่วมบ้าง”
“ก็ครับ..แล้วพี่จะมามั๊ยครับเนี่ยะ”
“อืม ตอนนี้ดูก่อนละกันนะ พี่ก็อยากไป แต่ก็ดูก่อนละกันนะพจ เดี๋ยวพี่โทรบอกอีกที”
“ครับ”
“เออ งั้นแค่นี้ก่อนละกันนะพจ พี่ง่วงว่ะ ทำงานมาทั้งวัน”
“ครับ ๆ ผมดีใจกับพี่จริง ๆ นะครับ”
“ขอบใจแกนะที่ไว้ใจพี่”
“ครับ ผมดีใจนะครับที่พีจะได้อยู่กับพี่จริงๆ”
“อืม นะ โอเค งั้นแค่นี้ก่อนละกัน”
“ครับ สวัสดีครับ”
เขาวางสายไปด้วยความสบายใจ ที่ให้ศิริพจน์ได้รับรู้ในทุกสิ่งที่เขาทำ ให้สมกับที่หนุ่มรุ่นน้องคนนี้ ไว้ใจเขาที่จะดูแลพีร์ต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2010 15:34:41 โดย น้ำพริกแมงดา »

Lucio

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #382 เมื่อ01-06-2010 15:08:25 »

รักพี่แจคที่สุดดดดด

มาให้จุ๊บทีนึงงง   :กอด1:

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #383 เมื่อ01-06-2010 15:16:15 »

ดีใจด้วย......ในที่สุดป๊าน้องพีก็ยอมรับคุณแจ็คซักที
ป๊าม้าคุณแจ๊คนี่วัยรุ่นใจร้อนจริงๆแหล่ะ..หุหุ น้องพีจะมีความสุขจริงๆแล้วชิมิ ดีใจๆๆ

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #384 เมื่อ01-06-2010 17:12:23 »

มาขอจิ้ม :z13: คนเขียนก่อน
อิอิ
--------------------------------

 :laugh: โดนว่าที่พ่อตาทดสอบเอาแล้วไงเฮียแจ็ค
แล้วที่พีร์พูดเรื่องรถกะคนเนี้ย
 เฮียก็ไม่รู้ซะเล๊ยยยยย  :m16:ว่าพีร์เค้าบอกเปงนัยๆว่าให้เลิกซะ ไอ่มีหลายๆคนเนี้ย

ปล.“ยังไงซะผมก็เชื่อว่าพ่อแม่คุณก็คงไมทำอะไรคุณมากเท่าผมหรอก”มันหมานความว่าไงอ่ะคุงน้ำพริก
     คนอ่านคิดมากไปเอง :haun4: หรือคนเขียนๆให้คิดละเนี้ย



หมายถึงว่า พลกฤษณ์จะบอกว่า พีร์ก็คงไม่ถูกพ่อแม่ของตัวเองตั้งป้อมรังเกียจและทดสอบแบบทรหดอย่างที่ตัวเฮียแจ๊คจะเจอ ไงคะ (คนเขียนเขียนซับซ้อนไปหรือเปล่าเอ่ย เหอะๆๆ)

ไม่ซับซ้อนหรอกจ้า คนอ่านพาหื่นไปเอง เอ๊กๆๆ :laugh:
ป๊ากะม๊าเฮียแจ็คใจร้อนเปงวัยรุ่ยเลย น่ารักที่ซู๊ดดดดดด

ปล.คุณน้ำพริกเปงเด็กใต้รึป่าวเอ๋ย??
  +1 กะความพยายามของเฮียแจ็คสุดที่เลิฟ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #385 เมื่อ01-06-2010 21:36:01 »

โย่วๆๆๆ ฝ่าด่านอรหันต์ทองคำได้แล้วเว้ย  :mc4:  :mc4:

ออฟไลน์ JAROEN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-9
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #386 เมื่อ02-06-2010 03:14:57 »

น่ารักมากเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #387 เมื่อ02-06-2010 11:39:33 »

หาเเบบนี้ได้ที่ไหนบ้างคะ จะเดินหาให้ได้สักคน

เฮ้อๆ

อิจฉาพีร์เสียจริง

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #388 เมื่อ02-06-2010 13:28:12 »

อ่านๆไปชักไม่ชอบพีร์  :angry2:

sodium_lows

  • บุคคลทั่วไป
Re: <เรื่องสั้น> เด็กฝึกงาน
«ตอบ #389 เมื่อ02-06-2010 14:25:47 »

       555555555555

       กดไม่ติดล่ะ ขอซักนิด

         สงสัยรีบนอิจฉาพีร์ ที่เจอแต่ผู้ชายดีๆอย่างในนิยาย  :m20:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด