[ 12 ]
รเณศยืนมองร้านขายยาที่เสร็จสมบูรณ์ตรงหน้าแล้วหวนนึกถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา ช่วงสองสามเดือนมานี้เขาพบเจอกับเรื่องราวมากมายในที่ผ่านเข้ามา อย่างการแยกจากเตวิชซึ่งเป็นเรื่องทุกข์เรื่องหนึ่งในชีวิต และการได้หวนคืนมาที่บ้านของแม่ที่ทำให้เขาได้พบกับความสุขที่สุดในชีวิตเช่นกัน
เภสัชกรหนุ่มเหลือบตามองเด็กน้อยแก้มใสที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในรถเข็นข้างกาย แก้มสีแดงก่ำนั่นบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงจะร้อนไม่น้อย เขาจึงตัดสินใจอุ้มเด็กน้อยไปหลังร้านที่ทำเป็นห้องพักเผื่อวันไหน รเณศอาจจะต้องนอนพักที่นี่ ก่อนจะเปิดแอร์ให้หนูน้อยได้นอนสบายตัวมากขึ้น คนเมืองกดจูบที่แก้มอวบอูมนั่นก่อนจะผละออกไปหน้าร้านที่เปิดขายอย่างเป็นทางการแล้ว
เนื่องจากเมื่อเช้าที่ผ่านมาป้าอนงค์แกนิมนต์พระท่านมาฉันเพลและทำบุญเปิดร้านใหม่ รเณศถึงกับยิ้มแก้มปริเพราะวันนี้ทั้งป้าอนงค์และป้าสมัยอุตส่าห์ตื่นแต่ดึกมาช่วยงาน พอทำบุญเสร็จตอนสายๆ เจ้าเปลวก็รับอาสาขับรถพาทั้งป้าทั้งสองไปดูตลาดผลไม้ในเมืองต่อ แก้มใสซึ่งถูกบิดาอุ้มมาช่วยงานแต่เช้าตรู่จึงงอแงตามประสา รเณศจึงรับอาสาดูแลหนูน้อยให้
“ยาอมกับยาพาราอย่างละแผงจ๊ะพี่เนตร”
รเณศพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันไปยิ้มให้กับลูกค้าคนหนึ่งซึ่งยืนรอท่าอยู่ เภสัชกรหนุ่มเหลือบตามองแผงยาซึ่งผู้ช่วยสาวช่วยหยิบมาคิดเงินให้
“ขอบคุณครับ”
คนเมืองยกมือไหว้ลูกค้าซึ่งจำหน้าได้ว่าป้าแกเป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่งละแวกนี้
“ค้าขายดีๆ นะลูกนะ”
ป้าแกให้ศีลให้พรเพราะช่วงที่ต่อเติมร้านนั่นรเณศแทบจะไปฝากท้องที่ร้านป้าแกทุกวัน
“ขอบคุณครับป้า”
“หนูเช็ครายการยาเสร็จแล้วนะจ๊ะพี่เนตร”
รเณศที่มองตามหลังลูกค้าไปจนลับตาหันมายิ้มให้กับผู้ช่วยสาวซึ่งเด็กสาวที่ว่านี่เป็นลูกสาวคนงานในไร่ป้าอนงค์นั่นแหละ ท่าทางขยันขันแข็งและดูกระตือรือร้นที่จะช่วยงานนั่นถูกชะตารเณศไม่น้อย เด็กสาวที่ทำงานพิเศษหาเงินค่าเทอมส่งตัวเองเรียนแบบนี้ เขาจึงอยากสนับสนุนเลยเอ่ยปากบอกขอให้มาช่วยหยิบจับและดูร้านช่วยกัน
“งั้นเดี๋ยวพี่เช็คอีกที”
รเณศพยักหน้าหงึกหงัก “ยังไงฝากเราแวบไปดูน้องแก้มใสที่หลังร้านที เสร็จแล้วออกมาช่วยขยับตู้มุมนั้นช่วยพี่หน่อยนะ”
“จ๊ะพี่เนตร”
เด็กสาวรับคำก่อนจะผละไปหลังร้าน ระหว่างนั้นรเณศจึงหันไปสนใจเช็คใบรายการยา
กรุ๊งกริ๊ง!
เสียงโมบายที่แขวนไว้ตรงหน้าประตูกระจกร้านดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน รเณศซึ่งกำลังก้มหน้าเช็ครายการยาอยู่จึงส่งเสียงทักทายออกไปโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกค้าตรงหน้านั้นเป็นใคร
“รับอะไรดีครับ”
“รับดูแลเจ้าหน้าที่ป่าไม้สักคนมั้ยครับ”
หือ?
รเณศมุ่นหัวคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ภาพใบหน้าคมสันในชุดเครื่องแบบลายพรางที่ปรากฏตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก แต่อากัปกิริยานั่นทำเอาคนเมืองนึกเก้อกระดากอย่างบอกไม่ถูก ในเวลาแบบนั้นเขายังอุตส่าห์นึกถึงบทสนทนาวันนั้นขึ้นมา
‘เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็เป็นหมอได้นะ...หมอรักษาป่าน่ะ เคยได้ยินมั้ย’บ้าเอ๊ย!
ประโยคนั่นเล่นเอาเขานอนไม่หลับมาเป็นสัปดาห์เลยให้ตายเถอะ
“ผมมาแสดงความยินดี”
“มาอะไรเอาป่านนี้” รเณศบ่นพึมพำ “จนร้านจะปิดอยู่แล้ว”
เภสัชกรหนุ่มแกล้งค้อนให้
“มาช้าดีกว่าไม่มา”
เพลิงพูดยิ้มๆ ขณะที่คนที่อยู่ในเสื้อกาวน์แบบสั้นมองซ้ายมองขวาสำรวจไปทั่วร่างกายอีกฝ่าย
“หาอะไร”
“ไหนล่ะ ของแสดงความยินดี”
รเณศแบมือมาตรงหน้า
“ไม่มี”
เพลิงส่ายหัวไปมา
“อ้าว”
“ไม่มีหรอกครับของที่ว่า..” เพลิงมองหน้าเขาตรงๆ “มีแต่คำยินดี”
รเณศแกล้งยืนกอดอกทำหน้านิ่ว
“พูดมาสิตั้งใจฟังอยู่”
เพลิงมองหน้าเขานิ่ง
“ขอให้การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณที่นี่มีแต่ความสุข”
“งานแบบใหม่ๆ ด้วย”
รเณศสำทับ
“อืม งานใหม่ๆ คนใหม่ๆ”
คนฟังพยักหน้าหงึกหงัก
“...ใหม่”
หือ?
รเณศมุ่นหัวคิ้วเมื่อได้ยินประโยคนั้นไม่ชัดเจนนัก
“ว่าไงนะ”
“แฟนใหม่”
“...”
“มีแต่อะไรใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต แล้วไม่สนใจมีแฟนใหม่บ้างเหรอ”รเณศอ้าปากพะงาบๆ ใบหน้าร้อนเห่อยิ่งสบเข้ากับแววตาพราวระยับนั่นด้วยแล้ว
“ผมหมายถึงพัดลม”
“...”
“แฟน พัดลมน่ะ”
ปลายนิ้วเรียวแต่แข็งแรงชี้ไปที่พัดลมติดผนังซึ่งค่อนข้างเก่าเนื่องจากรเณศอยากจะช่วยป้าอนงค์ประหยัดงบประมาณค่าต่อเติมจึงขอติดพัดลมผนังอันเก่าที่ติดไว้ตั้งแต่ห้องแถวยังไม่ปรับปรุง
“คุณ”
รเณศหน้าดำหน้าแดงเสียงเขียว
“พัดลมน่ะเก่า”
“แต่ผมอ่ะยังใหม่”
“อะไร”
รเณศหน้าร้อนวูบวาบ
“ผมหมายถึงชุดลายพรางที่ใส่วันนี้อ่ะ เป็นตัวใหม่”
เพลิงแกล้งหยอกก่อนจะชี้ไปที่เครื่องแบบซึ่งยังสีสดอยู่แสดงว่าเป็นของใหม่จริงๆ
“แม่ง”
รเณศบ่นงึมงำในลำคอ
“เสื้อใหม่ เป้ใหม่ และอาจจะมีแฟนใหม่เร็วๆ นี้”
“...”
“อ่อ ผมหมายถึงจะซื้อพัดลมใหม่เร็วๆ น่ะ”
“ไอ้คุณเพลิง”
รเณศแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเดินตึงตังไปที่มุมหนึ่งของห้องแล้วคว้าเอากล่องยาสามัญสามสี่กล่องมายื่นกระทกอกอีกฝ่าย
“เอาไป”
เพลิงยิ้มน้อยๆ ตอนที่เอื้อมมือไปรับกล่องยาเหล่านั้น เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเอ่ยปากอยากขอซื้อยาสามัญทั่วไปและให้เภสัชกรหนุ่มเตรียมกล่องยาสามสี่กล่องนี่ให้หน่อย เนื่องจากเพลิงและเจ้าหน้าที่ป่าไม้คนอื่นๆ จะเข้าไปที่หมู่บ้านท้ายเขาเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับชาวบ้านและสำรวจหมู่บ้านนี้ด้วย
“ขอบคุณครับ”
“กองไว้ตรงนั้นแหละ”
รเณศเชิดหน้าสูงขึ้น
“ผมจะเอายาพวกนี้ไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่นั่นน่ะ”
รเณศหูผึ่งขึ้นมาทันที
“เห็นเจ้าเปลวบอกว่าคุณไม่คิดเงิน เพราะอยากบริจาคยาพวกนี้ให้ฟรี”
รเณศพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
“ขอบคุณมาก” เพลิงพูดยิ้มๆ “คุณรู้มั้ยว่ายาพวกนี้มันมีประโยชน์มหาศาลมากนะกับคนที่นั่น”
“เอ่อแล้ว...คุณจะเข้าไปที่หมู่บ้านท้ายเขานั่นเมื่อไหร่”
รเณศเอ่ยถาม
“มะรืนนี้”
“ผมไปด้วย”
คนเมืองโพล่งขึ้นมานั่นทำเอาร่างสูงใหญ่มุ่นหัวคิ้ว
.
.
รเณศทำหน้ามุ่ยทันทีเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธเสียงแข็ง คนเมืองทำหน้าไม่สบอารมณ์นักขณะที่อีกฝ่ายยืนกอดอกหน้านิ่งมองเขาอยู่อีกฝั่ง บรรยากาศมาคุนั่นส่งผลให้บุคคลที่สามซึ่งเปิดประตูเข้ามาในร้านยาถึงกับชะงักกึก
เปลวเกาหัวแกรกๆ มองคนโน้นทีคนนี้ทีก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย
“มีอะไรกันเหรอครับ”
รเณศหน้างอเป็นจวัก
“เปล่า”
“ถามพี่เนตรนายดูสิเปลว”
เปลวหันกลับมามองใบหน้าขาวในชุดกาวน์สั้นอีกครั้ง
“ก็แค่อยากไปหมู่บ้านท้ายเขาด้วย”
“หือ?”
“ซูเนียนเขาเคยชวนไปเที่ยวบ้าน”
รเณศทำเสียงอุบอิบในลำคอ นึกถึงบทสนทนาตอนที่เขาไปเยี่ยมซูเนียนหลังคลอดเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วฝ่ายนั้นเอ่ยชักชวนเขาไปเที่ยวบ้านเจ้าตัวซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านท้ายเขา แน่นอนว่ารเณศหูผึ่งและหมายมาดเอาไว้แล้วว่าจะไปยลความสวยงามตามธรรมชาติที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ให้ได้
ป้าอนงค์เคยเล่าว่าที่นั่นแม้จะเป็นที่ทุรกันดารเพราะมีแค่ทางลูกรังเข้าไปถึงตัวหมู่บ้านเพียงทางเดียวนอกจากทางเข้าผ่านป่าลึกไปยังท้ายหมู่บ้านซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้ในการลาดตระเวน แต่ที่นั่นกลับมีธรรมชาติและทัศนียภาพที่สวยงามน่าไปสัมผัสยิ่งนัก
นอกจากนี้แล้วรเณศอยากไปเห็นวิถีชีวิตของคนที่นั่นด้วย เพราะบทสนทนาที่คุยกับแม่ลูกอ่อนชาวป่านั่นบ่งบอกว่าคุณภาพชีวิตที่นั่นมันไม่ดีนักหรอก เห็นว่ายาที่ได้จากการบริจาคบางตัวก็เก็บไว้กินกันตั้งหลายปีโดยที่ไม่รู้ว่ามันหมดอายุแล้วด้วยซ้ำ ได้ยินแบบนั้นเขาจึงอดห่วงชาวบ้านแถวนั้นไม่ได้จริงๆ
“ให้พี่เนตรไปด้วยก็ดีนะพี่เพลิง”
เพลิงมุ่นหัวคิ้ว
“การที่มีคนอื่นๆ นอกจากเจ้าหน้าที่เข้าไป บางทีอาจจะทำให้ชาวบ้านเขาไว้วางใจพวกเรามากขึ้นนะพี่”
ร่างสูงในชุดลายพรางคิดตามเพราะสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดมาเป็นจริงทุกอย่าง การที่เจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ที่มีความเปราะบางอาจทำให้คนในพื้นที่หวั่นเกรงและไม่ให้ความร่วมมือ แต่การที่มีคนอื่นนอกจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นคนนอกอาจเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างเจ้าหน้าที่และคนในพื้นที่ได้
เพลิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ยิ่งสบเข้ากับดวงตาใสแจ๋วตรงหน้าที่เขาถึงกับพูดไม่ออก การที่รเณศร่วมเดินทางไปด้วยย่อมเป็นผลดี แต่การที่คนเมืองอย่างหลานป้าอนงค์นี่จะทนลำบากไปยังหมู่บ้านแห่งนั้นให้ตัวเองเหนื่อยยากนั่นทำให้เขานึกห่วง
รเณศจะทนลำบากได้อย่างไร ในเมื่อการเดินทางไปที่นั่นมันไม่ใช่เรื่องสนุก ซ้ำอาจทำให้คนเมืองเจ็บไข้ขึ้นมาก็ได้
‘ห่วง’ เพลิงยอมรับว่าห่วงคนตรงหน้าไม่น้อย
“คุณ..”
รเณศทำตาปริบๆ มองใบหน้าคมคายอย่างมีความหวัง
“เฮ้อ”
“...”
“ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไหว”
“เย่”
รเณศร้องดีใจเป็นเด็กๆ ชายหนุ่มยิ้มเสียกว้างให้คนในชุดลายพรางกว่าจะรู้ตัวว่าเผลอยิ้มให้เขาอย่างเผลอตัวไป เพลิงก็กดยิ้มมุมปากมองเขาดูแววตาที่แปลกไปแล้ว จนรเณศต้องแกล้งเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยใบหน้าร้อนผ่าว
เปลวมองสองคนเบื้องหน้าสลับไปมาก่อนจะกดยิ้มมุมปาก สงสัยว่าการเข้าไปหมู่บ้านท้ายเขาในอีกไม่กี่วันนี่จะมี ‘เรื่องสนุกๆ’ ไปคุยกับพี่พล พี่เกิ้งและไอ้เต็งอย่างแน่นอน
เฮ้อ ทะแม่งๆ ว่าจะเป็นเรื่องคนรักกันว่ะ!
☘☘☘☘
50%
ขออนุญาตมาครึ่งนึงก่อนนะคะ ครึ่งหลังยังไม่ได้รีไรท์ ฮือออ แต่อยากลงให้สักครึ่งก่อนเพราะหายไปนาน
สัปดาห์ที่แล้วติดแพ็คหนังสือจ้า เมื่อวานนี้ที่บ้านเจอพายุฤดูร้อน ต้นไม้ล้มกับป้ายเลขที่บ้านปลิว 555555
ส่วนวันนี้สดๆ ร้อนๆ ขับรถชนขอบปูนที่ยื่นเลยถนนมาจนหน้ารถยุบ โทรตามประกันวุ่นวายทั้งวัน ฮืออออ
**ขอติดครึ่งหลังที่น้องเนตรจะเข้าป่าไปสัปดาห์หน้านะคะ**
ใครหวีดในทวิตรบกวนติดแท็ค #ป่าห่มรัก ให้ด้วยเด้อ