✿ c h a p t e r 12
เมื่อคืนจาริญนอนไม่หลับ ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้จริงๆ ในหัวคิดไปต่างๆนาๆถึงกระทั่งว่าอันดาและจิณณ์แอบนัดแนะไปทำอะไรกันลับหลังเขา นอนพลิกตัวไปมาทั้งคืนจนถึงเช้า จะมีเผลอหลับไปบ้างก็แค่ไม่ถึงสองชั่วโมงแต่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความรู้สึกไม่สบายใจ
เหลียวมองคนข้างกายเห็นยังนอนหลับสบายอยู่เลย ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าทำให้เขาคิดมากขนาดไหน จาริญทอดสายตามองใบหน้าสวยๆนั่นแล้วอยากจะฟัดให้ช้ำโทษฐานที่ทำตัวไม่น่ารัก และเขาคงจะเผลอจ้องนานไปคนหลับถึงได้รู้สึกตัว เปลือกตาสีมุกค่อยๆเปิดขึ้น นัยน์ตาเรียวกระพริบถี่
“ทำไมรีบตื่นจัง วันนี้ไม่มีเรียนนะ” อันดาพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ทำท่าจะหลับต่อเลยซุกใบหน้าลงกับหมอน แต่เสียงของจาริญทำให้ต้องฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะอันดา”
“เธอ เราง่วง”
อันดาครางประท้วง ไม่พร้อมคุยตอนนี้เพราะอยากจะนอนมากกว่า แต่จาริญบทจะดื้อก็ไม่ใช่เล่นๆ อยากจะได้อะไรก็ต้องได้เดี๋ยวนั้น
“ถ้าเธอไม่อยากให้เราไม่สบายใจก็ลุกขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้”
จาริญตัดสินใจแล้วว่าจะถามให้ชัดๆไปเลย อย่างน้อยถ้าจะต้องมีเรื่องให้ผิดใจกันจริงๆ การทะเลาะกันเพราะความจริงคงจะดีกว่าปล่อยให้บานปลายจนกลายเป็นสงครามประสาทเพราะไม่เปิดอกคุยกัน ในเมื่อคบหากันแบบผู้ใหญ่ก็ควรจะคุยกันด้วยความเป็นจริงและเหตุผล จาริญคิดแบบนั้น
“ขอเราอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วออกไปคุยกันข้างนอกได้ไหม คุยบนเตียงมันง่วง”
คนน่ารักพยักหน้า เห็นใจคนง่วงที่นั่งแทบไม่ตรงเลยยอมอนุโลมให้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกันจนเรียบร้อยทั้งคู่ก็มานั่งมองหน้ากันที่โซฟาในห้องนั่งเล่น กาแฟร้อนๆหอมกรุ่นที่จาริญชงมาไม่ได้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ซ้ำยังทำให้รู้สึกถึงความอึดอัดที่ลอยวนอยู่รอบๆอีกต่างหาก
อันดาก้มลงจิบกาแฟในแก้วด้วยความประหม่าเพราะคนที่บอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยไม่ยอมเปิดประเด็นเสียที ถึงจะไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรผิด แต่จาริญโหมดนี้เขาก็ไม่เคยชินเสียที เจอทีไรเป็นต้องกลัวจนหน้าซีดผากคอแห้งผากตลอด
ถึงใบหน้าน่ารักจะดูเหมือนแมว แต่เวลาไม่พอใจขึ้นมาจาริญก็ไม่ต่างจากเสือที่พร้อมจะใช้กรงเล็บตะปบและฉีกเหยื่อให้ขาดเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ
“เราไม่รู้หรอกนะว่าอันคิดจะทำอะไร” ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง อันดาช้อนสายตาขึ้นมองโดยที่ริมฝีปากยังครอบแก้วกาแฟอยู่
“แต่เราไม่สบายใจเลยที่อันโกหกเรา มีเรื่องอะไรทำไมถึงไม่บอกกันตรงๆ”
อันดาก้มหน้างุด รู้สึกเหมือนตนเองตัวเล็กลีบกว่าเดิม ตอนนี้เขาไม่ต่างจากเด็กที่กำลังโดนผู้ปกครองดุ จาริญเวลาโกรธน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เลยต้องรีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบ อันดาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะก่อนจะกุมมือบางขึ้นมาแนบแก้ม ช้อนสายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาสำนึกผิด
“เราขอโทษ จูนอย่าโกรธเราเลยนะ ที่เราทำไปเพราะเรามีเหตุผล” อันดาพูดเสียงเบา ไม่บ่อยนักที่จะโดนจาริญดุอย่างจริงจังแบบนี้ พอเจอเข้าเลยไร้ภูมิต้านทานโดยสิ้นเชิง น้ำตาคลอเบ้าจะไหลอยู่รอมร่อ อีกทั้งริมฝีปากบางยังเบะลงเหมือนจะร้องไห้
“เหตุผลอะไร ?”
“จูนอย่าดุเรา”
จาริญเป็นคนใจอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนเจอผู้ชายตัวโตๆอ้อนยังใจอ่อนยวบยาบไม่เป็นท่า นับประสาอะไรกับคนตัวเล็กหน้าสวยอย่างอันดา แค่เบะปากทำเสียงสั่นความโกรธก็อันตธานหายไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะยังมีความรู้สึกขมุกขมัวในใจอยู่บ้าง แต่เห็นหน้าอันดาแล้วโกรธไม่ลงจริงๆ
“เธอดื้อว่ะ อยากตี”
“อย่าทำหน้าดุซี่ ~ วันนี้จะไปเที่ยวกันนะ เราไม่อยากให้งานกร่อย”
จาริญพยักหน้าถึงจะยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย อันดาคงสัมผัสได้เลยประคองใบหน้าเขาด้วยสองมือและจูบเบาๆที่หน้าผาก
“ขอแค่จูนแค่เชื่อใจเราว่าเราไม่มีวันทำให้จูนเสียใจ เท่านั้นก็พอ”
“อื้อ เราเชื่อใจอันดา”
รอยยิ้มน่ารักปรากฏบนใบหน้าหวาน ในเมื่ออันดาบอกเช่นนั้นจาริญก็จะเชื่อ เพราะไม่อยากเก็บเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทะเลาะกันเสียเปล่าๆ หลังจากปรับความเข้าใจกันได้ก็ต้องมาเถียงกันเรื่องเสื้อผ้าที่จะเอาไปเที่ยวทะเลอีก อันดาทำหน้าบึ้งมองเสื้อผ้าสองสามชุดของตนเองที่ถูกร่างบางเก็บเข้าตู้
“จูนอ่ะ!”
“ห้ามเอาเสื้อสีขาวไป กางเกงขาสั้นก็ห้าม”
จาริญยัดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นที่อีกฝ่ายบอกว่าจะเอาไปสำหรับใส่เล่นน้ำเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าให้หมด และหยิบเสื้อแขนยาวสีเข้มกับกางเกงขายาวเลยเข่าออกมาแทน อันดาเห็นถึงกับเบ้ปากรีบแย้งทันที
“ใครเค้าจะใส่เสื้อแขนยาวเล่นน้ำทะเลบ้างเนี่ยจูน”
“อาจจะมีเธอคนแรก”
อันดาขี้เกียจจะเถียงเลยยอมตามใจปล่อยให้จาริญเป็นคนเก็บเสื้อผ้าให้ ระหว่างรอก็กดโทรศัพท์มือถือหาจิณณ์ที่ตอนนี้คงกำลังจะออกจากบ้านแล้ว กำชับเรื่องที่คุยกันไว้ว่าอย่าให้มีอะไรผิดพลาดซึ่งอีกฝ่ายก็รับคำอย่างดี ไม่ลืมที่จะบอกเพื่อนสนิทของจาริญอีกสองคนและณภัทรเพื่อนสนิทของตนเองที่แอบชวนไว้เมื่อสองวันก่อนด้วย
ดวงตาเรียวลอบมองคนที่นั่งอยู่บนพื้นจัดของใส่กระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ จาริญก็ยังคงเป็นจาริญที่ละเอียดอ่อนและคอยดูแลเขาเป็นอย่างดีมาเสมอ ถึงเวลาแล้วที่เขาจะทำให้จาริญมั่นใจว่าเราสองคนจะสามารถยืนอยู่เคียงข้างกันได้อย่างสนิทใจเสียที
“อย่าลืมอาหารของลูน่าด้วยนะจูน”
“หืม อันดาจะให้ลูน่าไปด้วยเหรอ ?”
จาริญถามอย่างแปลกใจ คิดว่าอาจจะพาลูน่าไปฝากไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์เพราะไม่คิดว่าอันดาจะยอมให้เจ้าตัวเล็กไปด้วย
“พาไปด้วยน่ะดีแล้ว ลูกจะได้ไม่เหงา”
“อันน่ารัก ~ เค้ารักตายเลยแบบนี้” ร่างบางปิดกระเป๋าหลังจากเก็บของจนเรียบร้อยดีแล้ว ก่อนจะขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน โถมตัวกอดคนที่นั่งอยู่จนล้มลงนอนด้วยกันทั้งคู่ อันดาหัวเราะพลางลูบผมนิ่มของคนน่ารักที่นอนทับอยู่บนตัว
“เหรอคะ รักมากขนาดไหน”
“รักเท่าโลก ~”
จาริญกางแขนออกกว้างตอบอย่างน่ารัก คนสวยหมั่นเขี้ยวเลยกอดหมับและฟัดหอมแก้มเสียหลายฟอด อันดาจรดหน้าผากกับหน้าผากของอีกฝ่าย จ้องมองดวงตาสวยของกันและกันเนิ่นนานก่อนจะกอดกันแนบแน่น จาริญเอ่ยบอกทั้งที่ยังแนบใบหน้าอยู่กับอกของอันดา
“รักเธอจัง”
“เค้าก็รักเธอ”
*****
“ถ้าง่วงก็นอนไปก่อน” จาริญบอกกับคนที่นั่งประจำเบาะข้างคนขับ เพราะตื่นเช้าอันดาเลยแอบหาวหลายรอบแต่พอบอกให้นอนก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
“เราอยากอยู่เป็นเพื่อนจูนขับรถ”
“ลูน่าก็อยู่”
จาริญพยักเพยิดไปเบาะหลังที่ลูน่าส่งเสียงเมี้ยวตอบรับ แต่อันดาไม่ค่อยอยากไว้ใจปล่อยให้แมวอ้วนที่อีกไม่นานคงจะนอนหงายผึ่งแอร์หลับสนิทอยู่เป็นเพื่อนจาริญตามลำพัง
“ลูกกับผัวไม่เหมือนกันนะจูน”
“ยังจะกล้าพูดอีกนะ”
ร่างบางหรี่ตามองพลางยิ้มมุมปาก อันดาอ้าปากเหมือนจะเถียงแต่สุดท้ายก็หุบปากฉับเพราะเถียงไม่ออก จาริญหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจ เหลือบมองคนที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นไปด้วย เห็นแล้วอดที่จะบ่นไม่ได้
“อย่าเล่นมือถือบนรถ มันจะเวียนหัว”
“บ่นจังเลย” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่อันดาก็ยอมเก็บโทรศัพท์มือถือและเอื้อมมือมาเปิดเพลงในรถแทน บ่นได้บ่นไปเถอะนะจาริญ ไปถึงหัวหินเมื่อไหร่จะทำให้พูดไม่ออกเลยคอยดู
*****
เกือบห้าโมงเย็นกว่าจะมาถึงบ้านพักส่วนตัวของคุณอาของอันดา เมื่อรถจอดเทียบที่หน้าบ้านจาริญถึงกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรถคันคุ้นตาจอดอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหวานหันมองคนข้างกายทันที
“ทำไมรถอันถึงมาอยู่ที่นี่ ไหนบอกว่ารถเสียไง ?”
อันดาไม่ตอบอะไรนอกจากจับมือคนที่อุ้มเจ้าลูน่าด้วยมือเพียงข้างเดียวเดินเข้ามาในบ้าน ภายในบ้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน รอบๆบ้านเป็นกระจกทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างชัดเจน เสียงคลื่นที่สาดกระทบและกลิ่นอายของทะเลช่วยให้ผ่อนคลาย
ถึงแม้จาริญจะข้องใจเอามากๆก็เถอะว่ารถของอันดามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง กำลังจะถามย้ำอีกรอบแต่ก็ถูกดันหลังให้เดินขึ้นมายังชั้นสอง จาริญตกใจจนเผลอปล่อยลูน่าให้กระโดดลงจากอ้อมแขน จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่งอันดาก็จับมือบางขึ้นมากุมไว้
“เรามีอะไรจะให้”
“อะไร ?”
จาริญยังจับต้นชนปลายไม่ถูกพลันต้องสะดุ้งเมื่อสองมือของอันดาเลื่อนขึ้นมาปิดตา ด้วยความตกใจเลยตีแขนคนเล่นไม่รู้เรื่องเป็นพัลวัน
“เล่นอะไรเนี่ยเธอ!”
อันดาไม่ตอบนอกจากหัวเราะเบาๆ พาร่างบางเข้ามาในห้องที่ปิดไฟและดึงม่านลงจนมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวจากไฟกระพริบที่ประดับกับบอลลูนสีเงินที่เรียงรายกันติดอยู่บนผนัง อันดาปล่อยมือออกและเปลี่ยนมากอดอีกฝ่ายจากด้านหลังแทน
คนตัวเล็กกำลังจะบ่นใส่อีกรอบ แต่กลับหาเส้นเสียงของตนเองไม่เจอไปเสียดื้อๆเมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง บอลลูนที่ติดกับผนังเป็นรูปร่างตัวอักษรที่สามารถอ่านออกได้อย่างชัดเจน จาริญอ้าปากค้างกระพริบตาถี่ด้วยความตกตะลึง วินาทีถัดมาขอบตาก็ร้อนผ่าว
จาริญพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นหลายนาที อ้อมกอดของอันดากอดแน่นขึ้น เสียงหวานนุ่มน่าฟังกระซิบบอกชิดใบหู
“เซอร์ไพรส์ค่ะ ที่รัก”
“บ้า…บ้าไปแล้ว”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสั่นเล็กน้อยเพราะความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาจุกอก น้ำตาของจาริญหยดลงข้างแก้ม ขณะที่ไล่สายตาอ่านจับใจความตัวอักษรเหล่านั้นอีกครั้ง
ไม่ใช่น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความเสียใจ แต่มันคือน้ำตาแห่งความตื้นตันและดีใจต่างหากจาริญไม่เคยถูกทำให้เซอร์ไพรส์แบบนี้มาก่อน คนรักคนก่อนไม่ใช่คนละเอียดอ่อนขนาดนี้ แต่เพราะคนที่กอดเขาอยู่ตอนนี้คืออันดา ภาพสวยงามที่เห็นอยู่ตรงหน้าถึงได้ประจักษ์แก่สายตา มือบางยกขึ้นปิดปากตนเองเพื่อกลั้นสะอื้น ความหมายของตัวอักษรนั้นยิ่งทำให้น้ำตาไหลพร่างพรู
เป็นแฟนกันนะ คือตัวอักษรที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากบอลลูนสีเงินสวยอันดาได้ยินเสียงสะอื้นจากคนในอ้อมกอดเลยยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู พลิกตัวของแมวน้อยที่กำลังร้องไห้กลับมามองสบตากัน ดวงตาเรียวมองใบหน้าหวานท่ามกลางแสงไฟสีส้มสลัว
“จูน”
“อือ”
อีกฝ่ายเพียงขานรับเพราะยังพูดอะไรไม่ออก หยดน้ำตาที่คลอนัยน์ตาสวยยิ่งทำให้จาริญสวยงามน่าทะนุถนอม อันดาประทับริมฝีปากที่หน้าผากนูนเบาๆก่อนจะถาม
“ตกลงไหมคะ ?”
“ถามอะไรของเธอ เราไม่รู้เรื่อง”
จาริญแกล้งบอกปนสะอื้น อยากจะตอบว่าตกลงตั้งแต่เห็นบอลลูนพวกนั้นแล้ว แต่ยังอยากจะได้ยินจากปากของอันดาอีกครั้งมากกว่า
“โธ่ จูนคะ”
“ขอเราดีๆก่อน”
น้ำเสียงเอาแต่ใจแบบนั้น อันดารู้ได้ทันทีว่าโดนแกล้งคืนเข้าให้แล้ว แขนเรียวโอบเอวบางเข้ามาใกล้ แตะหน้าผากกับหน้าผากของคนตัวเล็กกว่า แก้มของอันดาขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขิน แต่ก็ยอมพูดออกมาในที่สุด
“เป็นแฟนกันนะจูน”
“ไม่ได้ยิน พูดอีก”
เจ้าแมวน้อยเอาแต่ใจแผลงฤทธิ์ใส่อันดาไม่หยุด คนสวยหมั่นเขี้ยวเลยงับปลายจมูกรั้นเบาๆ ใบหน้าเคลื่อนเข้ามาใกล้จนริมฝีปากแทบจะสัมผัสกัน ในตอนที่อันดาขยับปากพูดเลยทำให้กลีบเนื้อนุ่มสัมผัสกันอย่างช่วยไม่ได้
“เป็นแฟนกับอันดานะคะจาริญ”
จาริญกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ เป็นฝ่ายบดเบียดริมฝีปากเข้าหาคนตรงหน้า จูบแช่ค้างไว้เนิ่นนานก่อนจะผละออกมายิ้มให้และตอบในสิ่งที่อันดาปรารถนาจะได้ยินมากที่สุด
“อื้ม เป็นแฟนกันแล้วนะ”
อันดายิ้มกว้างอย่างดีใจ กอดรัดร่างบอบบางแนบแน่นจนล้มลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดง จาริญหัวเราะกอดตอบคนที่นอนทับอยู่ด้านบนเช่นกัน กลิ่นหอมๆของดอกกุหลาบอบอวลไปทั่วท้องผสมกับกลิ่นกายของอันดา ร่างบางเผลอสูดเข้าเต็มปอด จนถึงตอนนี้ก็ยังยิ้มไม่หุบ
“จูนชอบเซอร์ไพรส์ของเราไหม” อันดาถามพลางใช้นิ้วม้วนเส้นผมของอีกฝ่ายเล่น จาริญพยักหน้า มือบางลูบแก้มแฟนหมาดๆอย่างเบามือ
“เราชอบทุกอย่างที่อันทำให้ ขอบคุณนะ” นับว่าเป็นเซอร์ไพรส์ครั้งแรกในชีวิตของจาริญ เขาทั้งตกใจประหลาดใจและดีใจผสมปนเปกันไปหมด ไม่คิดมาก่อนเลยว่าอันดาจะทำอะไรแบบนี้ให้ และเพราะเป็นอันดาถึงได้ทำอะไรก็น่ารักไปหมด
“ว่าแต่ไปแอบทำไว้ตอนไหน ?”
“หลายวันแล้ว”
อันดาตอบยิ้มๆ เพราะอยากทำให้จาริญประทับใจเลยปรึกษากับจิณณ์ว่าอยากจะทำเซอร์ไพรส์ ใช้เวลาเตรียมการอยู่ตั้งหลายวันกว่าจะออกมาลงตัว ทั้งเตรียมของและสั่งดอกไม้ หวิดทะเลาะกับจาริญอยู่แล้วเพราะกลับห้องดึกหลายวัน พอสุดท้ายออกมาดีตามที่หวังก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“ที่หายไปหลายวันเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม จริงๆเลยนะ” จาริญตีแขนเพื่อทำโทษข้อหาทำให้เขาคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย อันดาบอกขอโทษพลางถูจมูกกับซอกคอขาวไปมา ร่างบางเอียงคอหนีเพราะจั๊กจี้แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเปิดทางให้ทั้งจมูกโด่งและริมฝีปากบางซุกไซร้ได้ถนัดยิ่งขึ้น
หลังจากลวนลามคนน่ารักจนพอใจอันดาก็จูบปากอิ่มซ้ำๆหลายหน จนใบหน้าหวานต้องเบือนหนีเพราะเริ่มเจ็บปาก ปลายจมูกของอันดาสัมผัสกับกลีบกุหลาบอย่างพอดิบพอดี ร่างบางหยิบมันขึ้นมาหนึ่งดอกแตะจมูกดมกลิ่นหอมอย่างที่ชอบ
“ดอกกุหลาบเต็มไปหมดเลย ทั้งหมดกี่ดอกเหรออัน ?”
“หนึ่งพันกับอีกหนึ่งดอก”
ดอกกุหลาบพันดอกพวกนี้ขนมาโดยจิณณ์และเพื่อนของจาริญที่นำใส่รถของเขามา ช่วยกันจัดวางลงบนเตียงและบางส่วนอยู่ในตะกร้าที่วางอยู่บนพื้น
“มีความหมายหรือเปล่า”
“ต้องมีสิ”
อันดาตอบยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรอฟังอยู่เลยกุมมือบางขึ้นมาจูบ ก่อนจะบอกด้วยแววตาทอประกายสดใสบอกให้รู้ว่าตอนนี้กำลังมีความสุขมากขนาดไหน
“ความหมายของดอกกุหลาบหนึ่งพันหนึ่งดอกหมายถึงความรักของอันดาจะมีให้จาริญเพียงคนเดียวตลอดไป”
คนอ่อนไหวน้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ จาริญตีไหล่อีกฝ่ายด้วยแรงอันน้อยนิดจนแทบไม่รู้สึกเจ็บอะไร เพียงแค่อยากระบายความรู้สึกตื้นตันที่ล้นปรี่บ้างเท่านั้น
“เธอมันบ้า ทำอะไรก็ไม่รู้ เหนื่อยไหมเนี่ย ฮึก แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องๆ เค้าเต็มใจทำ ไม่เหนื่อยเลย เธอชอบก็ดีแล้วไง”
อันดากอดคนขี้แยพลางโยกไปมาเหมือนปลอบเด็ก ปลอบกันอยู่นานสองนานจนกระทั่งจาริญหยุดร้องไห้ ก่อนที่อันดาจะดึงมือคนน่ารักให้ลุกจากเตียง ใบหน้าหวานฉายแววงุนงงเล็กน้อย
“เค้ายังมีของจะให้เธออีก”
จาริญยังไม่ทันได้ถามว่าของที่ว่านั่นคืออะไร อันดาก็เดินไปเปิดไฟจนห้องสว่างจ้า ร่างบางหรี่ตาเล็กน้อยเพราะยังไม่คุ้นกับแสง มองคนที่เดินไปอุ้มกล่องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ตรงมุมห้องและนำมาวางบนตักของเขา น้ำหนักพอประมาณของกล่องทำให้จาริญต้องประคองกล่องบนตักไว้ ฝากล่องที่แง้มไว้เล็กน้อยทำให้ต้องก้มมองอย่างสงสัย
“ไม่ใช่กล่องระเบิดใช่ป่ะ”
“จะบ้าเหรอ ลองเปิดดูสิ”
มือบางเปิดฝากล่องที่ประดับด้วยริบบิ้นสีชมพูออก ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหวานเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กสีขาวที่นอนขดอยู่ภายในกล่องที่รองพื้นไว้ด้วยผ้า จาริญค่อยๆอุ้มลูกแมวเปอร์เซียตัวน้อยขึ้นมาอย่างเบามือ จ้องมองดวงตาสีฟ้าใสแจ๋ว
เหมือนลูน่าย่อส่วนเลย น่ารักจัง ~
“น่ารักจังเลย ตัวเล็ก” จาริญถูไถแก้มนุ่มลงกับขนฟูๆของลูกแมว อันดามองภาพนั้นแล้วหุบยิ้มไม่ได้เลย จูนเหมือนแม่แมวจริงๆให้ตายเถอะ
“เห็นจูนบอกว่าอยากให้ลูน่ามีเพื่อน แต่เราเลือกแมวไม่เป็นเลยต้องให้จินไปช่วยเลือก ชอบไหมคะ”
“เราชอบ ~ น้องน่ารัก ฮื่อ ลูกจ๋า”
อันดาชักจะอิจฉาแมวขึ้นมาเสียแล้วสิ เพราะคนน่ารักทั้งกอดทั้งหอมไม่หยุด แต่หลังจากฟัดเจ้าแมวน้อยจนหนำใจแล้วจาริญก็ปล่อยให้มันเล่นอยู่บนเตียงก่อนจะเดินเข้ามาหา สวมกอดอันดาและหอมแก้มซ้ายขวา
“ขอบคุณนะ เธอทำให้เค้าเยอะแยะไปหมดเลย ทั้งที่แพ้ขนแมวแท้ๆแต่ก็ยังจะซื้อลูกมาให้เลี้ยงเพิ่มอีก”
“ไม่เป็นไร เค้ารักเธอ แพ้ขนแมวเรื่องเล็ก เค้ากินยาแก้แพ้เอาก็ได้”
อันดาพูดติดตลก กำลังจะได้จูบริมฝีปากแดงๆของจาริญอยู่แล้วเชียวถ้าเสียงเคาะประตูไม่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนเข้ามา
“ตกลงเป็นแฟนกันเรียบร้อยหรือยังพี่ ผมหิวแล้วนะ!”
จาริญผละออกจากคนรัก ตวัดสายตามองไปที่บานประตู จะเป็นเสียงใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่น้องชายแท้ๆของเขาที่ทำตัวมีพิรุธจนเขาเกือบจะคิดว่าลักลอบไปทำอะไรกันกับอันดาอยู่แล้ว ต้องจัดการเสียให้เข็ดโทษฐานที่ทำให้คิดมาก
“จิณณ์! มานี่เลยนะไอ้ตัวดี!”
อันดาได้ยินเสียงจิณณ์ร้องโวยวายเมื่อโดนจาริญไล่ตีว่าทำไมโดนอยู่คนเดียว เขาเป็นคนต้นคิดแท้ๆแต่กลับไม่โดนตีบ้าง และคำตอบของจาริญก็ทำให้คนสวยยิ้มอย่างพอใจ แถมยังแอบยักคิ้วให้น้องชายของแฟนที่มองมาอย่างขอความช่วยเหลืออีกต่างหาก
“พี่จูนไปฟาดพี่อันดาบ้างดิวะ คนต้นคิดเลย โอ๊ยๆ ผมเจ็บนะเว้ย!”
“อันดาเป็นแฟนพี่ คนนี้ห้ามแตะ ส่วนแกน่ะมารับโทษเสียดีๆ ไอ้น้องบ้า!”
คนต้นคิดที่ตอนนี้ลอยตัวไม่ต้องรับโทษได้แต่หัวเราะชอบใจ จาริญเป็นแฟนที่น่ารักขนาดนี้อยากจะจัดรางวัลให้ชุดใหญ่จังเลยน๊า ~
tbc.
น้องๆเป็นแฟนกันแล้ว ~ น่าจะเป็นตอนที่คนอ่านรอคอยมานาน5555
พอเป็นแฟนกันแล้วมันจะยังไม่ใช่ตอนจบ แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของหลายๆอย่าง
#กุหลาบแดงกับแมวขาว