11
อยู่ดีๆ ก็โดน ‘กลั่นแกล้ง’
[/size]
ขวัญนพัตยืนนิ่งๆ ด้วยท่าทางเหยียดตรงสง่าผ่าเผย ที่แขนขวามีผ้าสีขาวพาดอยู่ ตอนนี้ตัวเขาทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านคอยดูแลเจ้านายเวลารับประทานอาหารด้วยความคุ้นเคยเพราะผ่านการฝึกฝนแบบนี้ซ้ำๆ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาลอบมองที่โต๊ะอาหารอยู่เป็นระยะๆ เผื่อว่าคุณหญิงน่านฟ้าต้องการอะไรหรือแขกต้องการอะไรเพิ่มเติม
ทุกอย่างก็ราบรื่นดี บรรยากาศเป็นไปตามมารยาทอันพึงควร ล่ะมั้ง
เพล้ง!
“อ๊ะ ขอโทษค่ะคุณหญิงแม่ เข็มไม่ค่อยสบาย มือไม้ไม่ค่อยมีแรง รบกวนขวัญช่วยเปลี่ยนส้อมให้อีกทีสิคะ”
“ได้ครับ”
ขวัญนพัตทำตามที่แขกกิตติมศักดิ์ต้องการโดยไม่อิดออดหรือมีสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิด แม้จะรู้สึกตงิดๆ ใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะมันคือหน้าที่ของเขา
“ขอบคุณจ๊ะ”
เขาแค่ยิ้มรับตามมารยาทเท่านั้นไม่ได้ตอบกลับอะไร เพราะตอบกลับมาหลายรอบแล้ว! ใช่ หลายรอบแล้ว ไม่ใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขมินทราทำอะไรหล่น
มันก็ไม่ได้ติดขัดอะไรนักหรอกถ้าเขาไม่ได้เปลี่ยนส้อม เปลี่ยนช้อน เปลี่ยนมีดให้กับเขมินทราสามรอบแล้ว ไม่รู้ว่ามือไม้อ่อนอะไรนักหนา ทำตกอยู่นั่นแหละหรือปกติเป็นคนซุ่มซ่ามอยู่แล้วก็ไม่รู้ ขวัญนพัตได้แต่ถอนหายใจเบาๆ อย่างไม่ผิดสังเกต ทว่าคนในห้องก็รู้ดีว่าเขมินทราตั้งใจ
คุณหญิงน่านฟ้าเองก็ชักสีหน้าเล็กน้อย เด็กในอุปการะกำลังโดนกลั่นแกล้งแน่ๆ ถึงเธอจะเป็นเพื่อนกับมารดาของเขมินทรามาตั้งแต่สมัยเรียนและมีความเอ็นดูลูกสาวของเพื่อนอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้มากกว่าเด็กที่เธออบรมเลี้ยงดูมาจนโตแบบขวัญนพัต
หน้าที่ของขวัญนพัตคือดูแลลูกชายของเธอ ขึ้นชื่อว่าคนของท่านอัศม์แม้เป็นคนขับรถก็สูงส่ง อย่าว่าแต่เป้นคนของลูกชายเลย หากคนที่ถูกปลูกฝังมีดีๆ ก็ย่อมให้เกียรติคนที่ด้อยฐานะกว่า อย่างเธอเองแม้เป้นถึงคุณหญิงคุณนายแต่ก็ไม่เคยกดขี่ข่มเหงคนใช้ในบ้าน ทั้งยังช่วยเหลือให้เกียรติอยู่เสมอ
เห็นทีว่าเวลามีแขกจะให้ขวัญนพัตออกมารับแบบพร่ำเพรื่อไม่ได้
“ขวัญ ให้กล้วยมาทำแทน เรามานั่งกินข้าวซะ คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องมาทำแบบนี้อีก คอยดูแลแค่ตอนตาอัศม์อยู่ก็พอ”
สิ้นคำพูดของน่านฟ้า เขมินทราก็ทราบได้ทันทีว่าตนได้ทำพลาดแล้ว หลังจากนี้คุณหญิงแม่คงมองเธอในอีกด้านหนึ่งอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้มันไม่ได้ผิดที่เธอนะ เด็กคนนี้ต่างหากที่บังอาจมาแย่งความสนใจจากทุกคนไปจากเธอ
ก็แค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่โชคดีเท่านั้น!
“ครับคุณหญิง”
เมื่อเป็นคำสั่ง ขวัญนพัตที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาตลอด ว่าไม่ควรโต้แย้งหรือขัดใจ ต้องทำตามทุกคำสั่งไม่ว่าตัวเองจะรู้สึกไม่อยากทำก็ตาม
ขวัญนพัตพยักหน้าให้กล้วยที่เดินมาทำหน้าที่แทนตนเล็กน้อยก่อนจะเอาผ้าที่พาดแขนอยู่ไปพับเก็บไว้ แล้วเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ กับมธุรดา เกรงว่าไปนั่งข้างๆ กับเขมินทราแล้วจะโดนกลั่นแกล้ง
เฮ้อ...ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าตัวเองโดนแกล้ง
กล้วยเดินมาตักข้าวให้กับขวัญนพัต ชายหนุ่มหันมายิ้มแล้วพูดขอบคุณเบาๆ จากนั้นก็เริ่มทานอาหารตรงหน้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่วมโต๊ะอาหารกับผู้เป็นนาย
“บางครั้งขวัญก็จะนั่งร่วมโต๊ะกับพวกแม่น่ะ เด็กคนนี้ไม่ใช่ ‘คนใช้’ แค่ถูกฝึกมาเพื่อให้รับใช้ตาอัศม์ได้ทุกอย่าง”
คุณหญิงน่านฟ้าเน้นคำว่าคนใช้เพื่อตอกย้ำว่าที่สะใภ้ทั้งสองคนให้เข้าใจถึงความสำคัญของเด็กคนนี้ เธอเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กแต่น้อยประหนึ่งลูกของตน เอาความสนิทสนมก็มากกกว่าสะใภ้ทั้งสองคนอยู่ดี
“ค่ะ” สองสาวขานรับคำสั้นๆ ใบหน้ายิ้มหวานประจบเอาใจ
มธุรดาลอยมองเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าข้างกายเล็กน้อย แล้วถอนหายใจเบาๆ เริ่มรู้แล้วว่านอกจากครอบครัวของคู่หมั้นแล้ว คนที่ต้องให้ความสำคัญก็มีน้องชายคนนี้ของคู่หมั้นด้วย
เธอไม่ได้ไม่ชอบขวัญนพัต แต่มันเป็นศักดิ์ศรีในวิชาชีพมากกว่า พอโดนอัยยวัฒน์เปรียบเทียบตนให้ด้อยกว่าขวัญนพัตอยู่เสมอ เธอก็น้อยใจและอยากจะรู้ว่าที่อัยยวัฒน์อวยเอาไว้มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็เท่านั้น
“คุณหญิงแม่ตักปลาราดพริกถึงไหมคะ เข็มตักให้”
“ก็ดีจ้ะ”
เขมินทราที่ได้เอาใจน่านฟ้าก็เริ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้น ไม่วายตวัดสายตาไปมองขวัญนพัตอย่างไม่พอใจด้วย ทั้งยังเลยมามองมธุรดาด้วย
ว่าที่สะใภ้เล็กเองก้ชักจะฉุน เธอไปทำอะไรให้ทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วย
“หลังอาหารกลางวัน พวกหนูจะอยู่ร้อยพวงมาลัยกันไหม พรุ่งนี้วันพระแม่จะร้อยถวายประจำ”
“หวานสะดวกค่ะคุณหญิงแม่ ไม่ได้ทำมานานแล้วเหมือนกัน”
“เข็มเองก็สนใจนะคะ แต่ทำไม่เป็นเลย คงต้องให้คุณหญิงแม่ช่วยสอน”
“ได้สิหนูเข็ม แต่ครั้งแรกคงมีเจ็บนิ้วกันบ้างนะ ช่วงที่ขวัญหัดตอนห้าหกขวบน่ะ มีแผลที่นิ้วเต็มเลย แม่ล่ะสงสารนักเชียว” คุณหญิงน่านฟ้าดึงขวัญนพัตมาในหัวข้อสนทนาอีกแล้ว
เขมินทราใจกระตุก อิจฉาริษยา ส่วนมธุรดากลับตื่นเต้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นฝีมือของขวัญนพัตก็ได้ เลยถามออกมาอย่างไม่ระงับอารมณ์
“น้องขวัญล่ะคะ ร่วมด้วยไหม เผื่อช่วยแนะนำอะไรพวกพี่ได้บ้าง”
“ผมต้องร่วมอยู่แล้วล่ะครับ พอดีว่าต้องทำแทนคุณหญิงย่า ท่านจะต้องถวายพระตลอด” ขวัญนพัตปริปากพูดเป็นครั้งแรก
เด็กหนุ่มรู้สึกผวาไปกับสายตาเปล่งประกายของมธุรดา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมองไม่ออกอยู่เลยว่ามธุรดามีความคิดอย่างไร คงเป็นเพราะว่า ในเรื่องที่สนใจ มธุรดาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ล่ะมั้ง
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ ทุกคนก็ย้ายไปที่ศาลากลางน้ำ มุมพักผ่อนมุมโปรดของทุกคนในคฤหาสน์ อัศม์เดชยามอยู่บ้านก็จะมาอยู่ที่นี่ ขวัญนพัตที่มาทำงานเสาร์อาทิตย์ก็จะหลบมาอ่านหนังสือหรือทำการบ้านที่นี่เหมือนกัน แต่พอประมุขของตระกูลกลับมา ก็ไม่กล้ามาใช้อีกเลย
“ที่นี่ลมเย็นสบายดีมากเลยนะคะ” มธุรดาเอ่ยขึ้น
“ตาอัศม์ชอบ มุมโปรดของเขา” น่านฟ้าตอบยิ้มๆ
“เข็มก็ชอบนะคะ น่าสร้างไว้ที่บ้าน”
“เอาสิ ให้คนเข้ามาดูได้ แม่อนุญาตให้ทำตาม”
“ขอบคุณนะคะ”
สักพักแม่บ้านก็ทยอยเอาดอกไม้ที่ซื้อจัดใส่พานมาวางไว้ตรงหน้าของแต่ละคนเป็นชุดๆ พร้อมกับอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ขวัญนพัตตรวจดูดอกไม้เล็กน้อยก็เริ่มหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาร้อย ทางด้านคุณหญิงน่านฟ้าเองก็ทำตาม ส่วนมธุรดาไม่ได้ร้อยบ่อยแต่ก็มีพื้นฐาน แค่มองดูตังอย่างก็เริ่มได้แบบไม่ติดขัดอะไร แต่คนที่ลำบากคือสาวทำงานอย่างเขมินทราที่จับกระดาษปากกามาตลอด
“สมศรี ช่วยสอนคุณเข็มหน่อยนะ”
“ค่ะคุณหญิง”
สมศรีขยับไปนั่งช่วยสอนงานให้กับเขมินทรา ส่วนมธุรดาก็ทำไปสลับกับแอบมองขวัญนพัตที่ก้มหน้าก้มตาร้อยพวงมาลัยโดยที่ไม่มองใครเลย ซึ่งเจ้าตัวก็ทำเสร็จพวงแรกในที่สุด ขณะที่เธอยังไม่ถึงครึ่งทาง
“ทำเร็วขึ้นเรื่อยๆ นะ” คุณหญิงชมอย่างภาคภูมิใจ
หากพูดถึงลูกศิษย์ที่เธอเคยสอนมา ขวัญนพัตเป็นลูกศิษย์ที่เธอภาคภูมิใจที่สุดแล้ว
“เพราะได้ฝึกอยู่ตลอดน่ะครับ พี่เพ็ญฝากด้วยครับ” มือขาววางพวงมาลัยพวงสวยลงบนพานแล้ววานให้แม่บ้านซึ่งเป้นพี่คนสนิทเช่นกันนำไปให้คุณหญิงน่านฟ้าตรวจอย่างที่ทำประจำ
“ฝีมือดี ไม่มีตก สมบูรณ์แบบ”
“ขอบคุณครับคุณหญิง”
ได้ยินคำชมแบบนั้นขวัญนพัตก็ดีใจมีความสุข เริ่มที่จะร้อยพวงต่อไปทันทีอย่างชำนิชำนาญ มธุรดาที่ได้เห็นฝีมืออย่างมืออาชีพก็ได้แต่มองอย่างตะลึงอึ้งค้างไป
ขณะที่เขมินทราเริ่มรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจ เหมือนตัวเองพ่ายแพ้เด็กผู้ชายคนหนึ่ง!
ผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง ขวัญนพัตกับคุณหญิงน่านฟ้าก็ร้อยพวงมาลัยครบตามจำนวนที่ต้องทำพอดี จึงให้คนเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็น แล้วหันมาช่วยสอนช่วยแนะนำหญิงสาวทั้งสองแทน
“หนูเข็มไม่ต้องเครียด ตอนที่ขวัญฝึกน่ะ พวงแรกออกมาแย่มากเลยนะ ของหนูนี่ถือว่าพอได้เลย” น่านฟ้าให้กำลังใจ มองสภาพพวงมาลัยที่บิดๆ เบี้ยวแล้วยังช้ำจนเละแล้วยิ้มไปไม่ถึงดวงตา
ที่ว่าขวัญนพัตแย่กว่าก็เป็นความจริง แต่นั่นมันเด็กห้าขวบ...
การทำงานฝีมือทายนิสัยคนเราได้นะ มันบ่งบอกว่าเขมินทราไม่ใช่คนอ่อนโยนและไม่ละเอียดอ่อน หากคนอ่อนโยนแม้จะไม่เคยทำมาก่อน พวงมาลัยไม่มีทางช้ำได้แบบนี้แน่นอนถึงมันจะไม่สวยก็ตาม
“ของพี่เป็นยังไงบ้างคะน้องขวัญ” มธุรดาหันมาถามเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
“สวยครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณหวานจะไม่ค่อยได้ทำ”
“มือพี่คงเบาน่ะ”
ของมธุรดาแม้จะเทียบกับของขวัญนพัตไม่ได้ แต่ก็ห่างชั้นจากผลงานของเขมินทราอยู่หลายขั้นเลยทีเดียว มีช้ำเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนแบบก็ไม่ได้ยากอะไร
“ไม่หรอกครับ ฝีมือของคุณหวานดีต่างหาก”
“ขอบคุณนะที่ชม รู้สึกดีจริงๆ เลย”
มธุรดาพูดอย่างจริงใจ เรื่องร้อยพวงมาลัยเธอยอมรับอย่างแฟร์ๆ เลยว่าสู้ไม่ได้ ส่วนเรื่องของขวานกับขนมนั้น ต้องได้เห็นฝีมือจริงก่อน เธอถึงจะยอมรับ
ไม่งั้นก็เสียชื่อเจ้าแม่ขนมหวานหมดน่ะสิ!
เขมินทรารู้สึกเหมือนโดนถากถาง เสียหน้า อับอายจนไม่รู้ว่าจะปั้นหน้ายังไง แต่แล้วเธอก็ได้แต่ฉีกยิ้มหวาน กัดฟันถามขวัญนพัตอกกมา
“แล้วน้องขวัญคิดว่าผลงานชิ้นแรก ครั้งแรกของพี่เป็นยังไงคะ”
เอาสิ...จะตอบยังไงล่ะ หึ!
“ถ้าเทียบตอนที่ผมฝึกเมื่อตอนหกขวบแล้ว คุณเข็มทำออกมาได้สวยกว่าอีกครับ ตอนนั้นอย่าว่าเป็นรูปทรงเลย แค่จับดอกไม้ก็ช้ำไปหมด บางดอกก็เละเลยนะครับ”
“แหม...ตอนนั้นน้องขวัญยังเด็กนี่คะ ถ้าได้ลองหัดช่วงวัยประมาณนี้ก็คงจะออกมาดูดีกว่าพี่แล้วล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ราวกับว่าขวัญนพัตจงใจเปรียบเทียบตนว่าฝีมือดีกว่าเด็กหกขวบแค่นิดเดียว
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะครับ คนเรามีความถนัดและความสนใจแตกต่างกัน ลองให้ผมไปทำงานแบบคุณเข็มดูก็ทำออกมาได้ไม่ดีหรอกครับ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เสียงานด้วยซ้ำ”
เด็กคนนี้มันเอาตัวรอดเก่งเหมือนกัน!
“จ้ะ พี่ก็ขอบคุณมาก อย่างน้อยก็สบายใจขึ้นแล้ว ถูกอย่างที่น้องขวัญพูด พี่เป็นผู้หญิงทำงาน เหมาะกับเจรจาธุรกิจมากกว่างานบ้านงานเรือนแบบนี้ อย่างพี่เนี่ยช่วยพี่อินทร์เรื่องธุรกิจกิจการของตระกูลได้ ใช่ไหมคะคุณหญิงแม่”
เขมินทราหาแนวร่วมโดยไม่สังเกตสีหน้าและแววตาของคุณผู้หญิงของบ้านเลยสักนิด น่านฟ้าไม่พอใจอย่างมากที่เขมินทราพูดแบบนั้น ซึ่งก็เท่ากับพูดกระทบเธอด้วย น่านฟ้าแต่งให้พ่อของท่านอัศม์ก็ไม่ได้ช่วยงานในพรรคหรือบริษัทเลย เป็นแต่งานเรือนคอยปรนนิบัติสามีและออกงานสังคมเท่านั้น
วันนี้เขมินทราทำอะไรไม่เข้าหูเข้าตาเธอหลายอย่าง
“แม่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะจ้ะ เดี๋ยวจะออกมาคุยด้วย”
“หวานไปด้วยค่ะคุณหญิงแม่”
“จ้า”
น่านฟ้ากับมธุรดาเดินออกไปจากศาลากลางน้ำ โดยมีคนรับใช้คนสนิททั้งสองคนของน่านฟ้าเดินตามไปด้วย บนศาลจึงเหลือแค่ขวัญนพัต เพ็ญ และเขมินทราที่หน้าเสียเนื่องจากคุณหญิงน่านฟ้าไม่ตอบรับเธอ
ซึ่งเธอก็เอาความผิดทุกอย่างมาลงที่ขวัญนพัตผู้ซึ่งไม่รู้อะไรด้วยเลย
“ฉันอยากดื่มน้ำส้มคั้นเย็นๆ ช่วยไปเอามาให้หน่อยได้ไหม” เขมินทราหันไปพูดบอกเพ็ญ หญิงสาวมองหน้าขวัญนพัตอย่างเป็นห่วงเพราะไม่มีใครที่จะดูไม่ออกว่าเขมินทราไม่ชอบขวัญนพัตเลยสักนิด
ใบหน้าหวานพยักหน้ายิ้มๆ เพ็ญจึงรับคำสั่งแล้วเดินออกจากศาลาไป ตอนนี้จึงมีแค่เขมินทราที่กำลังชักสีหน้าอย่างไม่เสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไปให้กับเขา
“แค่เด็กกำพร้าที่โชคดีหน่อย ก็เทียบระดับฉันได้งั้นสิ!”
“ผมก็ไม่เคยคิดแบบนั้นนี่ครับ” ขวัญนพัตยังคงยิ้มโต้ตอบอย่างสงบนิ่ง
“การมีแกอยู่มันขวางหูขวางตาฉันมาก วันนี้คุณหญิงแม่ดูไม่พอใจฉัน ปกป้องยกยอแก ก็แค่ลูกคนงานในบ้านแล้วคุณสันต์ธรรับเป็นลูกบุญธรรมเท่านั้น มีดีอะไรนักหนา เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า!”
“คุณสืบเรื่องของผมมาเยอะพอสมควรนี่ครับ มีคนที่นี่เป็นสายให้อย่างนั้นหรือ?”
เขมินทรานิ่งไปเมื่อโดนถามกลับมา หลบสายตาดูพิรุธ ก็แน่นอนล่ะ เรื่องพวกนี้มีแค่คนที่คฤหาสน์เท่านั้นที่จะรู้ เพราะสันต์ธรไม่ได้ป่าวประกาศถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง
“พูดอะไรของแก”
“ก็มีแค่คนที่นี่เท่านั้นที่รู้เรื่องผม อีกทั้ง...คนที่นี่มีกฎให้ซื่อสัตย์เก็บความลับ ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า คนที่ทำให้คุณรู้เรื่องได้เนี่ย ทำผิดกฎแล้วหนึ่ง แน่นอนว่าผมก็ชักเริ่มสงสัย และจะเริ่มหาตัวคนผู้นั้นให้เร็วที่สุดด้วย เพราะการที่มีคนข้างนอกรู้ความเป็นไปในคฤหาสน์ได้มักจะไม่ค่อยปลอดภัยต่อเจ้านายทุกคน”
เขมินทราเม้มปากอย่างเจ็บใจ ตนทำงาน เจอคนมาหลายรูปแบบแล้ว แต่กลับมาพลาดท่าให้กับเด็กอายุไม่ถึงสิบแปดแบบนี้มันเสียหน้ามาก
หากเรื่องนี้หลุดไป ทุกคนจะรู้ว่าเธอใช้เงินซื้อคนที่นี่ให้ส่งข่าวให้ และแน่นอนว่าการกระทำนี้มันไม่น่าไว้ใจ ตำแหน่งสะใภ้คงจะห่างไกลไปในทันที
“แกกำลังขู่ฉัน!”
“ผมเปล่า แต่คุณทำตัวเอง ผมทำตามหน้าที่ สำหรับผมที่กำลังฝึกงานในพรรคอยู่ อนาคตต้องทำงานข้างกายท่าน จะให้ผมละเลยเรื่องพวกนี้ผมทำไม่ได้หรอกนะครับคุณเขมินทรา”
“ฉันแค่สืบเรื่องของนายกับพี่อินทร์เท่านั้น ไม่ใช่สืบความเป้นไปของตระกูล”
“ก็ไม่ถูกอยู่ดีนั่นแหละครับ คนมีสองนายมักไม่ใช่คนที่ซื่อสัตย์ ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครก็ได้ แต่คุณต้องบอกว่าซื้อข่าวมาจากใคร”
“แกคิดว่าฉันจะโง่เหรอ? เหอะ! ถ้าฉันบอกแกไปแล้วจะทำอะไรได้ จะหาเหตุผลมาไล่คนนั้นออกยังไง ก็ต้องเอาฉันไปเป็นเหตุผลอยู่แล้ว ฉันเกิดมาก่อนแกกี่ปี อย่าคิดหลอกกันง่ายๆ” สาวสวยสะบัดหน้าเชิดๆ
ขวัญนพัตถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แล้วคุณคิดว่าคนแบบนั้นจะทำผิดแค่เรื่องซื้อขายกับคุณอย่างเดียวหรือไง คนที่มันไม่ซื่อสัตย์ ให้ตายยังไงมันก็ทำอีก ของคุณไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ารับเป็นสายให้ศัตรูด้วย คุณคิดว่าผมทำผิดไหมล่ะครับ”
“แก...”
“พูดไม่ออก เพราะมันจริงใช่ไหมครับ ผมไม่เถียงหรอกว่าคุณโตกว่า จบสูง และทำงานแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่โตกว่าจะพลาดไม่เป็นนะครับ และไม่ได้หมายความว่าคนอายุน้อยกว่าจะต้องด้อยไปกว่าคนอายุมากกว่าทุกคน”
“ดีจริงๆ เด็กในอุปการะของคนบ้านนี้พูดจาไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่ กล้าสั่งสอนกระทั่งฉันที่เป็นคู่หมั้นของพี่อินทร์ จำไว้เลยนะ ฉันไม่เคยคิดไม่ดีกับที่นี่”
ร่างโปร่งบางถอนหายใจ ผู้หญิงคนนี้ฟังที่เขาพูดบ้างไหม ทำไมเข้าใจยากเย็นขนาดนี้ สำหรับคนทำงานแล้วมีวุฒิภาวะแค่นี้เองหรือ หรือว่าเธอจะเป้นโรคหลงตัวเอง?
“ผมก็ไม่ได้หมายถึงคุณ แต่คุณมั่นใจได้ยังไงว่าคนที่รับจ้องคุณจะไม่ไปรับจ้างผู้อื่นด้วย แต่เอาเถอะครับ ถึงคุณจะไม่บอกผมก็ไม่เป็นไร ยังไงซะก็ต้องโผล่หางออกมาสักวัน”
เขมินทราโมโหหน้าดำหน้าแดง ผุดลุกขึ้น พุ่งมาหวังจะทำร้าย แต่คนที่ผ่านการฝึกศิลปะการต่อสู้แบบพื้นฐานมาแล้วย่อมมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่า การตอบสนองเลยรวดเร็ว
“แก!!!”
ขวัญนพัตขยับหลบลุกขึ้นแล้วหลบ นั่นทำให้หญิงสาวที่ตั้งใจเข้ามาตบพลาดถลาไปข้างหน้า ก่อนจะสะดุดขาตัวเองล้มหน้ากระแทกกับม้านั่งหน้าผากแตก
“กรี๊ดดดดด!!!”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น มันประจวบเหมาะกับน่านฟ้า มธุรดาที่กำลังเดินมาพอดี ทั้งสองคนได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบเดินเร็วๆ มายังศาลา
ถาพที่เห็นคือเขมินทราล้มอยู่ที่พื้นมือกุมหน้าผาก ร้องไห้เสียงดัง ขวัญนพัตที่ตั้งสติได้ก็ขยับมาจะช่วยพยุง แต่กลับถูกปัดมือออก
เพี๊ยะ!!!
“อย่าเอามือสกปรกมาแตะฉัน!”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะขวัญ” น่านฟ้าถามเสียงเครียด “ไปช่วยพยุงคุณเข็มเร็ว” แล้วสั่งคนสนิททั้งสองให้ไปช่วยเหลือหญิงสาวที่นั่งหน้าผากแตกอยู่ที่พื้น
“คือว่า...” เด็กหนุ่มอ้าปากเตรียมอธิบาย แต่เขมินทราก็แทรกขึ้นมาก่อน
“ก็น้องขวัญน่ะสิคะ คนของคุณหญิงแม่ขัดขาเข็มจนหน้าคะมำ ฮึก แตกเลยค่ะ” หญิงสาวเล่าทั้งน้ำตา มือบางยังคงกุมหน้าผากที่แตกเอาไว้
“ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ เผื่อมีอะไรอันตราย”
“ดิฉันจะไปบอกให้คนรถเตรียมตัวนะคะ” คนสนิทคนหนึ่งรีบวิ่งออกไป คุณหญิงม่านฟ้ารีบปรี่เข้ามาดูและถามไถ่ลูกสาวของเพื่อนอย่างเป็นห่วง
ตอนนี้แม้จะไม่เชื่อหรอกว่าขวัญนพัตเป็นคนทำ แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับคนเจ็บก่อน
“เป็นไงบ้างหนูเข็ม”
“เจ็บค่ะคุณหญิงแม่ ฮึก เข็มเจ็บมากเลย” เธอร้องไห้จริง
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้แผลร้ายแรงขนาดนี้มาก่อนเลย นี่เป้นครั้งแรกที่เธอเจ็บได้ขนาดนี้ คิดภาพกลับไปแล้วก็อับอายขวัญนพัตนัก ตั้งใจจะไปทำร้ายมันแท้ๆ ดันมาพลาดท่าเสียเอง
แต่ในความอับอายยังมีโชค เธอก็ฉวยโอกาสนี้แหละทำให้ขวัญนพัตได้รับโทษ เป็นบทเรียนที่ริอ่านมาตีเทียบเธอ ทำให้คนที่เกิดในตระกูลไฮโซอย่างเธอรู้สึกด้อยกว่า
“ให้หวานกดแผลก่อนนะคะพี่เข็ม”
“จ้ะ เบาๆ นะน้องหวาน”
ม่านฟ้าขยับออกห่างให้มธุรดาเข้าไปช่วยใช้ผ้าเช็ดหน้ากดแผลเอาไว้ คุณหญิงหันมาสบตากับขวัญนพัตเล็กน้อย เห็นสีหน้าราบเรียบของอีกฝ่าย ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความกังวล
เด็กคนนี้จะไปทำร้ายคนได้ยังไง ยิ่งผู้หญิงด้วยแล้ว...
“ขวัญ ไปเตรียมของให้ฉัน เราจะไปโรงพยาบาลด้วยกัน”
“ครับคุณหญิง”
ร่างโปร่งบางมองเขมินทราเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากศาลากลางน้ำไปทันทีเพื่อไปเตรียมกระเป๋า ชุดคลุมสำหรับออกข้างนอกให้กับคุณหญิงน่านฟ้า...
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขมินทราก็ถูกนำตัวไปทำแผลและทำการแสกนสมองเพื่อเช็กให้รอบคอบว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ซึ่งนอกจากที่ต้องเย็บแผลแล้วก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น
เขมินทรามีสีหน้าไม่พึงพอใจมากยามที่เห็นขวัญนพัตอยู่ในห้องพักผู้ป่วยด้วย ซึ่งการแอดมิดครั้งนี้ เขมินทราต้องการเพื่อความสบายใจทั้งๆ ที่ความจริงกลับบ้านเลยก็ได้
“ผลตรวจก็ไม่มีอะไรมาก หนูเข็มพักผ่อนเยอะๆ นะจ้ะ”
“ขอบคุณนะคะคุณหญิงแม่ คุณหญิงแม่ต้องให้ความยุติธรรมกับเข็มด้วยนะคะ” เธอทำสีหน้าเศร้าสร้อย มธุรดาที่ยังไม่กลับก็ได้แต่มองอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก
“แม่ต้องให้ความยุติธรรมอยู่แล้วจ้ะ”
ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย...
“ขอบคุณค่ะ น้องขวัญ พี่ก็ไม่โกรธเราหรอกนะ แต่ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมาพี่ยังไม่ได้ยินคำขอโทษจากปากน้องเลยนะคะ ไม่สิ มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุก็ได้สินะ” เขมินทราแสร้งยิ้มฝืนๆ เรียกความน่าสงสาร
แต่คำพูดเหล่านั้นทำให้ม่านฟ้าพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว คนอย่างขวัญนพัตที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีนั้น หากผิดก็ยอมรับผิด แต่ถ้าไม่ผิดแล้ว เจ้าตัวจะไม่ยอมพูด เพราะนี่คือกฎที่เธอตั้งให้กับเด็กคนนี้เอง
เนื่องจากอดีต ไม่ว่าจะผิดจะถูก ขวัญนพัตชอบพูดขอโทษออกมาเสมอ เธอไม่อยากให้ใช้พร่ำเพรื่อ จึงได้บังคับเรื่องนี้เอาไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ สวัสดีค่ะคุณหญิงน่านฟ้า คุณหวาน เอ่อ คุณขวัญ ดิฉันดารารัศมิ์หรือดาวเป็นน้องสาวของพี่เข็มค่ะ คุณพ่อให้มาเป็นตัวแทนของท่าน”
สาวสวย ร่างเล็ก ผิวขาวเนียนของดาราสาวมาแรง เธอเข้ามาในห้องแล้วทักทายทุกคนด้วยกิริยาที่ถูกสอนมาอย่างดี ไหว้งามสง่าอย่างไทย ร้อยยิ้มหวานๆ ของเธอสวยจนขวัญนพัตใจกระตุก ไม่ใช่อาการตกหลุมรัก แต่เป็นความรู้สึกประทับใจต่างหาก
“หนูดาวนั่นเอง” น่านฟ้ายิ้มรับแกนๆ เพราะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก
แม้จะรู้ว่าเพื่อนของเธอเป็นฝ่ายแย่งพ่อของเธอมา แต่ว่าการที่ไม่ยอมจบกับผู้หญิงคนเก่าต่อให้รักมากแค่ไหนก็เป็นการกระทำที่เธอไม่ชอบใจนัก และแม่ของดารารัศมิ์ที่ยอมเป็นเมียน้อยจนท้องออกมาก็เป็นผู้หญิงประเภทที่เธอเกลียดชังอย่างมากด้วย นั่นจึงทำให้น่านฟ้าอคติกับหญิงรุ่นลูกคนนี้ไปด้วย
“พี่เข็ม เป็นยังไงบ้างคะ”
“แกไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นห่วงฉันหรอก ไม่ตายให้แกครองสมบัติง่ายๆ แน่”
ดารารัศมิ์หน้าเสีย ไม่คิดว่าจะถูกพูดแบบนี้ใส่ต่อหน้าคนอื่น หากไม่มีคนอยู่ด้วยเธอคงไม่รู้สึกอะไรเพราะได้ยินมาจนชินแล้ว ทว่าครั้งนี้กลับมีคนอื่นมากมาย พี่สาวคนนี้จงใจหักหน้าและใส่ความเธออย่างที่เคยทำมาตลอดแน่ๆ
“พี่เข็ม...”
ยังไม่ทันที่ดารารัศมิ์จะพูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คราวนี้เป็นสองแฝดพี่น้องของตระกูลเตชโรจนโสภณ อินทร์ธรและอัยยวัฒน์นั่นเอง
“คุณแม่ น้องหวาน” อัยยวัฒน์ทักทายมากดาก่อนแล้วจึงหันไปยิ้มให้แฟนสาวที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวเร็วๆ นี้อย่างมธุรดา ส่วนอินทร์ธรนั้นทักทายแม่เสร็จสายตาก็มองอยู่ที่ร่างบอบบางของน้องสาวคนเจ็บ มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย ไม่มีคนทันเห็นแต่ขวัญนพัตเห็น
เรื่องคงไม่ยุ่งไปกว่านี้หรอกมั้ง แต่คุณดาวสวยตรงสเปกของพี่อินทร์จริงๆ นั่นแหละ...ขวัญนพัตคิดอยู่ในใจ
“พี่อินทร์ขา เข็มเจ็บจังค่ะ”
“ครับ เดี๋ยวก็หาย พี่คุยกับหมอเมื่อสักครู่แล้ว”
เขมินทราหน้าเจื่อน เพราะคู่หมั้นไม่ได้สนใจอะไรเธอเลยสักนิด ดารารัศมิ์เองก็ไม่กล้าหันไปมองคนที่มาใหม่เท่าไหร่ จึงดูเป็นการเสียมารยาท ทั้งที่ความจริง เธอติดรถของอินทร์ธรมา แต่เขาให้เธอขึ้นมาก่อน ส่วนตัวเองก็รออัยยวัฒน์จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง
“มันเกิดอะไรขึ้นครับ” อัยยวัฒน์เป็นคนถามขึ้นมา
เขมินทราได้โอกาสก็จัดการเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาเองให้ทุกคนฟัง บอกว่าเธอลุกขึ้นจะเดินไปดูรอบๆ ศาลากลางน้ำ แต่ก็รู้สึกว่าขัดเข้ากับขาใครสักคนก็เลยล้มคะมำลงไป แถมยังบอกอีกว่าตอนนั้นมีแค่เธอกับขวัญนพัตแค่สองคนเท่านั้น
“ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ”
ทุกคนหันมามองหน้าขวัญนพัตกันทันทีไม่เว้นแม้แต่ดารารัศมิ์ก็มองด้วยเช่นกัน ทางฝ่ายตระกูลเตชโรจนโสภณไม่ปักใจเชื่ออยู่แล้วว่าขวัญนพัตทำ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันอีกด้วย
“แบบนั้นทางเราก็ต้องรับผิดชอบ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่อินทร์ แค่คำขอโทษก็พอ นอกนั้นเข็มไม่ติดใจเอาความค่ะ” เขมินทราเอ่ยอย่างคนจิตใจดี
“อืม...แต่ผมสงสัยอยู่อย่างนะ ถ้าแค่เดินเล่นจริง ก็ไม่น่ารุนแรงขนาดที่จะหน้าผากแตกได้เลยนะครับ” อัยยวัฒน์พูดข้อสงสัยขึ้นมา
ขวัญนพัตหันหน้าไปสบตาอย่างขอบคุณ คนเป็นพี่อย่างอัยยวัฒน์เห็นท่าทางแบบนั้นก็เชื่อแล้วว่าน้องชายคนน่ารักของตนกำลังถูกปรักปรำ
“พี่อัยย์คิดว่าเข็มโกหกหรือคะ” หญิงสาวถามเศร้าๆ “ความจริงมันก็คงเชื่อยากนั่นแหละค่ะ ช่างมันก็ได้ เข็มไม่ติดใจอะไรแล้ว”
“ไม่ได้ พี่รับรองว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการคลี่คลาย”
อินทร์ธรพูดออกมาเสียงเข้ม เขมินทรารู้สึกลำคอแห้งผาก ทำไมถึงรู้สึกกังวลได้ขนาดนี้กันนะ ไม่จริงน่า...ตอนแรกที่ไล่ให้คนไปเอาน้ำส้มก็มั่นใจว่าไม่มีกล้องแน่ๆ แล้วนะ
หรือคิดจะช่วยไอ้เด็กเหลือขอนี่ หึ! ประคบประหงมกันดีนักนะ...
+ + + + + To be continue + + + + +
เอาแล้วๆ อยู่ดีๆ อยู่เฉยๆ ก็มีคนหมั่นไส้และเกลียด
เข็มเป็นผู้หญิงเพอร์เฟ็กนะ แต่ยามอยากเอาชนะจะไร้เหตุผลสุดๆ
แกล้งขวัญเพราะหมั่นไส้และไม่ชอบใจล้วนๆ จ้า
ไม่มีเรื่องกันมาก่อนแต่อย่างใดเลย ^^
เจอกันพฤหัสหน้านะคะ สวัสดีจ้า