[คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 38 - บทสุดท้ายของภาค 1 - "เปลี่ยน" - 17/10/11 - 11.50  (อ่าน 231572 ครั้ง)

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #150 เมื่อ15-03-2011 18:50:18 »

ไอ้พ่อเลี้ยงนั้นต้องทำเรื่องผิดกฎหมายแน่ๆเลย

nuewanda

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #151 เมื่อ15-03-2011 22:00:02 »

มารอตอนต่อไปของคืนนี้ รอวันเสาร์ไม่ไหาน๊าาาา  คนอ่านขาดใจก่อน ฮ่าๆๆๆ

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #152 เมื่อ15-03-2011 22:26:30 »

อุปสรรคไหลมาไม่หยุด
+1

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #153 เมื่อ15-03-2011 23:10:08 »

บรรยากาศของคุณชาย :laugh:
แต่ของน้ำ :monkeysad:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #154 เมื่อ16-03-2011 03:12:37 »

หลงรักนทีเข้าเต็มเปาเลยครับ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #155 เมื่อ16-03-2011 16:07:15 »

 :call:รีบมาต่อนะครับ

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #156 เมื่อ16-03-2011 17:38:23 »

 o18

เพิ่งมาอ่านจนถึงปัจจุบัน

เนื้อเรื่องดราม่าดีอ่ะ แต่อย่ามาม่างี่เง่าก็พออ่ะ อ่านแล้วอึดอัดๆ 555

คุณชายคงสุภาพน่าดู

แต่เนื้อเรื่องแบบนี้แนวนี้อยากเห้นนายเอกแอบร้ายบ้าง 555

คงมันส์น่าดู

Mio

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #157 เมื่อ16-03-2011 21:28:39 »

สนุกมากค่ะ

อยากให้รักกันเร็วๆ   คงหวานน่าดู  :-[

Rawint_PK

  • บุคคลทั่วไป
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #158 เมื่อ17-03-2011 01:41:06 »

สวัสดีคุณฟ้าม่วงนะครับ
ตามมาอ่านจากปางบรรพ์
.
.
.
.
อย่างที่คุณฟ้าม่วงบอกครับ
ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่ในความไม่มีอะไร
ก็แอบลุ้นอยู่เหมือนกันนะ
อย่างที่นทีถามนั่นแหละ
ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย
ทำไมถึงช่วย
.
.
.
.
.

รอลุ้นต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #159 เมื่อ19-03-2011 11:58:24 »

มารอคุณชายค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
« ตอบ #159 เมื่อ: 19-03-2011 11:58:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 736
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #160 เมื่อ19-03-2011 13:36:48 »

คุณชายมาเร็วๆนะคับ

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
Re: [คุ ณ ช า ย] : บทที่ 9 - 14/03/11 - 20.40
«ตอบ #161 เมื่อ19-03-2011 22:06:25 »

10

     นที ตื่นก่อนภาสกร
    เพียงแสงแรกของวันสาดมากระทบดวงหน้าขาวเนียนนั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น ด้วยความเคยชิน เจ้าตัวพลิกตัวไปทางขวาซึ่งเป็นทิศของประตูทางไปห้องน้ำที่บ้านของเขา แต่ไม่ทันจะพลิกไปได้ความเจ็บแปลบที่ขาก็ทำเอาชายหนุ่มตาสว่าง เขาไม่ได้นอนอยู่ที่บ้าน หากแต่อยู่ที่โรงพยาบาลต่างหาก
    ความเจ็บปวด เตือนชายหนุ่มให้รู้ตัวว่า แม้เพียงแต่พลิกตัวยังทำไม่ได้ หากจะให้เดินเหินไปมา ทำอะไรที่ต้องการ ก็คงยิ่งกว่าไม่ได้เสียอีก เพียงเท่านั้น ความจริงที่ว่าเขาถูกรถชน จนบาดเจ็บ ขาขวาหัก แขนซ้ายหัก และศีรษะแตกก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มตระหนักถึงพระคุณของผู้ที่นอนอยู่บนโซฟารับแขก หันหน้ามาทางเขา ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
    นทีลอบมองดวงหน้าหล่อเหลาคมคายนั้น ก็อดนึกไม่ได้ว่า ใครที่บอกว่าความบังเอิญไม่มีจริงบนโลก คงจะคิดผิดอย่างมหันต์จริงๆ
    ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ก็กลับเป็นคนที่มีพระคุณต่อเขา พึ่งพาได้มากกว่าพ่อเลี้ยงที่จ้องแต่จะทำลายเขาตลอดเวลาเสียอีก ถ้าหากไม่เป็นเพราะ คุณอดิสรณ์นี้แค่คนเดียว ชีวิตของเขาก็คงจะดีกว่านี้มาก ตั้งแต่พ่อ แม่เสีย อดิสรณ์ก็ออกลายให้เห็นมาตลอด ก็เป็นเพราะอดิสรณ์นี่แหละที่ทำให้เขาต้องหนีออกมาจากบ้าน จนถูกรถชนมานอนซมอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างนี้ และถ้าไม่มีคุณภาสกร ที่นอนอยู่ตรงข้ามเขาคนนี้ ป่านนี้ นทีก็คงเป็นผีอยู่ข้างถนนสุขุมวิทไปเสียแล้ว
     นทียิ้ม
    เพียงชั่วข้ามคืนความรู้สึกของเขาต่อผู้ชายคนนี้ก็เปลี่ยนไปได้มากจนเขาเองก็ตกใจ นทีคิดมาตลอดว่าคนรวย ยังไงเสียก็ยังเป็นแบบที่เขาว่ากัน คือหยิ่ง เอาแต่ใจ ทะนงในเงินทองของตนว่าซื้ออะไรก็ได้ แม้แต่ชีวิตคน พอฟื้นขึ้นมาแล้วรู้ว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย ไม่ได้มีความผูกพัน เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย แต่กลับมาช่วยชีวิต เสียเงิน เสียทองให้เขาได้รักษาในโรงพยาบาลแพงๆ แบบนี้ นทีก็คิดไปว่าที่ภาสกรทำไปทั้งหมด ก็เพียงประกาศ ศักดาว่ารวย จะทำอะไรก็ได้ ให้สังคมชั้นสูงยอมรับนับถือ หรือชื่นชมในสปิริต
    แต่พอมาคุยกันแม้เพียงไม่นานนัก นทีก็พอจะรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ มีความอ่อนโยน และห่วงใยเขามากกว่าที่เขาคิดว่าภาสกรจะมี
    …จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือครับ
    การที่คนช่วยคน การที่คนช่วยสิ่งต่างๆรอบตัว
    มันต้องมีเหตุผลด้วยหรือครับ…
    ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดของอีกฝ่ายขึ้นมาได้ ก็ยิ้มขึ้นด้วยความตื้นตันใจ หมดความสงสัยใดๆ ในตัวภาสกรไปหมดสิ้น

    ประมาณแปดโมงกว่า ภาสกรก็ตื่น เพราะแสงที่แยงตาเขามาตั้งแต่ราวๆหกโมง ค่อยๆเพิ่มความจ้า และความร้อนมากขึ้นจนทนไม่ไหวต้องลืมตาแล้ว ยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ พอหันไปมองก็พบนที ที่กำลังนอนจ้องหน้าเขาอย่างแปลกๆ
    “อรุณสวัสดิ์ครับ หน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอ”
    ภาสกรพูดขึ้นก่อนที่จะยิ้ม ค่อยๆลุกขึ้นนั่งหันมาทางเด็กหนุ่ม ที่นอนยิ้มให้เขาเช่นกัน คนบนเตียงหัวเราะเบาๆก่อนจะพูดขึ้น
    “อรุณสวัสดิ์ครับ เปล่าหรอก ผมแค่นึกไม่ออกจริงๆนะ ว่าเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อน”
    ภาสกรเลิกคิ้วเป็นคำถาม จำได้ว่านทีก็ทำแบบนี้เมื่อคืนตอนสงสัยเช่นกัน ก็ขยี้ผมที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งมากขึ้นไปอีกด้วยความอาย ก่อนจะรีบตอบปัดๆแบบขอไปที “แหม จะเห็นที่ไหนล่ะครับ ก็ที่นี่เมื่อวานนี้ไง”
    ทั้งคู่หัวเราะเสียงดัง จนภาสกรต้องบอกว่า หัวเราะยามเช้าจะทำให้ปอดแข็งแรง และสดชื่นอีกด้วย เด็กหนุ่มจึงอดหัวเราะอีกครั้งไม่ได้
    “คุณจะแปรงฟันไหมครับ เดี๋ยวผมช่วย”
    นทีพยักหน้าเบาๆ แล้วภาสกรก็พาเด็กหนุ่มมายืนแปรงฟันที่หน้ากระจกในห้องน้ำ เขายืนกอดอกมองนทีก็พบว่าที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มไม่มีหนวดเคราเลยสักเส้นต่างจากเขาที่แม้เพิ่งโกนไปเมื่อวานก็กลับมาเขียวครึ้มได้อีกแล้ว จนต้องบ่นเบาๆ “คุณนี่ดีนะครับ ไม่มีหนวดไม่มีเคราเลยผมละก็ต่อให้โกนตอนเช้า ตอนเย็นก็เขียวครึ้มแล้ว”
    “ไม่ดีหรอกครับ หน้าแบบนี้ คนชอบคิดว่าเป็นผู้หญิง ตอนเด็กๆ ไปไหนมาไหนมีแต่คนเรียก ยายหนูๆ คุณแม่ต้องรีบแก้เสียทุกครั้งว่า เปล่าค่ะ ตาหนู ต่างหาก”
    ภาสกรหัวเราะ เด็กคนนี้ทำเขาหัวเราะเป็นครั้งที่สองของวันแล้ว ทั้งที่เพิ่งตื่นไม่นาน แต่ก็ไม่ได้หัวเราะนานนัก เมื่อต้องพยุง “ตาหนู” กลับไปที่เตียง กลิ่นเปเปอร์มินต์ จากยาสีฟัน หอมสดชื่น เมื่อต้องแนบชิดกัน ประคองเขากลับไปที่เตียง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ปราศจาก หนวดเคราแม้เพียงเส้นเดียว บวกกับริมฝีปากบางแดงราวกับหญิงสาวแรกรุ่น เพราะเพิ่งแปรงฟันมาเมื่อครู่ ผมยาวลงมาปิดคิ้วหนาที่ดูเป็นผู้ชายเพียงอย่างเดียวบนใบหน้าของเขา ทำให้ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือน ผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ เนื้อตัวก็นุ่มนิ่มไปหมด ไม่ได้มีกล้ามแข็งแกร่งแบบของเขา ภาสกร อดนึกถึงโคลงซอนเน็ต บทหนึ่งของเชคสเปียร์ไม่ได้...


    A woman's face with nature's own hand painted,
    Hast thou, the master mistress of my passion…
    โฉมเฉลาราวสาวนาง ธรรมชาติสร้างบรรจงปั้น
     คือพักตร์ของเจ้านั้น ชายผู้เป็นเจ้าของใจ
    
    นที งามเหมือนหญิงสาวที่ธรรมชาติบรรจงสร้างขึ้นมาจริงๆ เพียงแต่เขาไม่ใช่ “ผู้เป็นเจ้าของใจ” ของภาสกรสักหน่อย แถมยังไม่ใช่ “สาวนาง” ด้วย ชายหนุ่มสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัว เขาไม่ได้ชอบผู้ชายนะ ทำไมนึกถึงโคลงที่ชมความงามของหนุ่มน้อยที่งามดุจสตรีด้วยความรัก แบบนี้ขึ้นมาได้เล่า
    ทันทีที่ เขาช่วยประคองนทีให้อยู่ในท่ากึ่งนั่ง กึ่งนอน เอนหลังสบายอยู่บนเตียงแล้ว ภาสกรก็ขอตัวลงไปซื้อที่โกนหนวด โดยเปลี่ยนเสื้อกางเกงเป็นเสื้อตัวบางแขนสั้น และ กางเกงขาสั้นลายสก็อตใส่แบบลำลอง ลากรองเท้าแตะลงไปซื้อของที่ร้าน เซเว่น ข้างล่างโรงพยาบาล
    นี่ก็เป็นอีกข้อที่นทีประหลาดใจ คนรวยก็แต่งตัวสบายๆได้เหมือนกัน
    
    ภาสกรกลับมาอีกที นทีก็เปิดรายงานข่าวทางโทรทัศน์ดูเสียแล้ว ภาสกรกลับมาพร้อม โจ๊กหมู สองถุงใหญ่ เขาโชว์ให้นทีดูก่อนจะจัดแจงแกะใส่ถ้วยให้หนุ่มน้อยทาน เป็นอาหารเช้า
    “เจ้านี้ อร่อยมาก ผมเคยซื้อขึ้นมาฝากคุณฝ้าย คุณฝ้ายชอบเสียอย่างกับอะไร ไม่รู้คุณจะชอบหรือเปล่า แต่รับรองนะว่าต้องถูกใจแน่ๆ” เขาว่าพลางปรุงรสชามของตน “ใส่ขิงกับผักชีไหมครับ”
    “ใส่ครับ ขอบคุณมาก” นทีตอบพลางยิ้มไปพลาง เสร็จเรียบร้อย ภาสกรก็ยื่นชามให้นที
    “ผมแบ่งหมูไปให้คุณ ทานโปรตีนเยอะๆ ร่างกายจะได้แข็งแรงไวๆ”
    “ขอบคุณครับ” เขาว่า พลางชิมโจ๊กไปคำหนึ่ง “อร่อยจริงๆ เนื้อข้าว เนียนเชียวครับ”
    “อื้ม หมูร้านนี้ก็อร่อยนะ ไม่เด้งน่ากลัวเหมือนบางร้าน อย่างกับกินบอแรกซ์มากกว่ากินหมูเสียอีก”  ภาสกรตอบ พลางหัวเราะ หันไปมองนทีก็เห็นว่าฝ่ายนั้น กินเอาๆ อย่างถูกใจ “ชอบหรือครับ”
    “ครับ ชอบ ผมชอบทานข้าวที่สุด ใครจะชอบขนมปัง หรือชอบก๋วยเตี๋ยวก็ชอบไป ผมชอบ ข้าวต้ม โจ๊ก ข้าวผัด อะไรพวกนี้ครับ ถ้ามีกับก็ต้องทานข้าวมากกว่า”
    “อืม เหรอ เห็นไหม เดาใจคุณถูกด้วย วันหลังผมจะซื้อให้ทานอีก ข้าวต้มปลา แถว... แถวบ้านผมงี้ อร่อยมาก ขายตอนดึกๆ ผมชอบออกมาทานตอนสี่ ห้าทุ่ม คนเยอะเชียว แทบจะต้องแย่งเขากินทุกครั้งที่ไป”
    “คุณนี่ ท่าทางจะเก่งเรื่องของกินนะครับ”
    “แหม” เขาว่า หลังจากกลืนโจ๊กคำโตลงคอไปแล้ว “ถ้าไม่ทำธุรกิจต่อจาก พ่อ ผมก็ว่าจะเปิดร้านอาหาร ผมชอบทานอาหารอร่อย จะถูกจะแพง ขออร่อยอย่างเดียว อ้อ แล้วก็สะอาด อีกอย่างนึง ผมไม่เกี่ยงหรอกครับ ร้านข้าวต้มข้างทาง หรือภัตตาคารหรู ถ้าอร่อยเสียอย่าง ผมกินได้ทั้งนั้น”
    นทียิ้ม
    “เนี่ย ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว มีโอกาสผมจะพาคุณตระเวน ชิมร้านเด็ดๆ ในกรุงเทพ รับรอง อร่อยทุกร้าน” ภาสกรยังชวนคุยต่อ นทีกินหมดแล้วแต่ดูท่าจะยังไม่อิ่ม เขาเป็นคนกินเยอะแต่กินให้ตายก็ไม่อ้วน “อ้าว กินหมดแล้วหรือ อิ่มหรือเปล่าครับ”
    เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ
    “ก็... อิ่มครับ”
    “ไม่อิ่มแน่เลย” ภาสกรลุก ไปแบ่งโจ๊กของตัวเองให้นทีอีกครึ่งหนึ่ง “เอ้า กินของผมไปก่อน เดี๋ยวผมออกไปข้างนอก จะซื้อของกินมาตุนไว้ให้เยอะๆ”
    “ขอบคุณครับ แหม เกรงใจจัง”
    “ไม่เป็นไรหรอก” เขาว่า คุยกันสัพเพเหระ ก็วนมาเรื่องที่คุยค้างไว้เมื่อวาน อีกจนได้ คราวนี้ ภาสกรถามก่อนเหมือนเดิม “ที่คุณบอกเมื่อคืนว่าคุณชอบวาดรูป วาดพวก สี หรือว่า ดรออิ้ง แบบใช้ดินสอล่ะครับ”
    นทีเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ รายละเอียดยิบย่อยแบบนี้ ภาสกรยังอุตส่าห์จำได้อีกนะ
    “ก็ได้ทั้งสองอย่างแหละครับ ส่วนใหญ่ก็แบบ ดรออิ้ง ถ้าจะเป็นสี ผมชอบสีน้ำ พวกสีโปสเตอร์ สีอะคริลิก ไม่ค่อยถนัด ส่วนใหญ่ถ้าระบายสีน้ำ ก็ต้องวาดภาพธรรมชาติอย่างนั้นล่ะครับ”
    ภาสกรยิ้มให้เด็กหนุ่ม เขาทานโจ๊กหมดแล้ว นทีก็เช่นกันเขาจึงอาสาเก็บชามไปล้างให้อีกตามเคย พอล้างชามเสร็จแล้ว ภาสกรก็เข้าห้องน้ำ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดสบายๆ คล้ายชุดที่ใส่ลงไปซื้อโจ๊ก แม้จะโกนหนวดเสร็จแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังดูมีไรหนวด เคราเขียวๆ ให้เห็นบ้างอยู่ดี เขาเช็ดผมให้แห้ง แต่ไม่ได้เซ็ทเป็นทรงด้วยเจล หรือแวกซ์ ดูก็รู้ว่าไม่ได้ไปงานแบบเมื่อวาน กว่าจะรู้ตัวนทีก็ถามออกไปเสร็จสรรพแล้ว ว่าภาสกรจะไปไหน
    “อ้อ” เจ้าตัวแปลกใจเล็กน้อยที่นทีถาม เพราะเขาเองก็กำลังจะบอกอยู่พอดี ว่าจะเดินทางไปไหน “ผมจะไปทำธุระนิดหน่อย จะไปเอาอะไรมาให้คุณ รับรองว่าถูกใจแน่นอน”
    “อะไรหรือครับ ไม่ต้องลำบากหรอกครับ...”
    “เอาน่า รับรองว่าคุณต้องชอบ ไม่ชอบผมให้ถีบเลยจริงๆ”
    นทียิ้มให้กับชายหนุ่มที่เปิดประตูออกจากห้องไป ไม่ทันจะได้บอกว่า จะถีบเขาได้อย่างไรเล่า ในเมื่อขาเจ็บอยู่แบบนี้ จะยกขาซ้ายถีบ ขาขวาที่เจ็บอยู่ก็คงรับน้ำหนักไม่ไหว จะยกขาขวาถีบกระดูกคงร้าวมากกว่าเดิม ทีนี้หมดสิทธิ์กลับไปเดินได้อีกครั้งแบบถาวร
 
   ปกติ ร้าน รชตานันต์ อัญมณี ก็เปิดแต่เช้าตั้งแต่ เก้าโมงอย่างนี้ทุกวัน เพียงแต่ไม่ค่อยมีลูกค้าคนไหนมาใช้บริการ ตั้งแต่กลับป้ายร้าน จากปิด เป็น เปิด แบบนี้มาก่อน ดลนภาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็น ร่างระหง เดินลงจากรถเบนซ์สีเทาบรอนซ์ ตรงมายังร้านของท่านชายเรืองเดช ตั้งแต่เช้า
    ปากแดง เข้ากันกับเสื้อตัวนอกที่สวมทับ ชุดเกาะอกสีดำอย่างกับเทียบสีกันก่อนซื้อ หน้าที่แต่งจัดดูสวย หากแต่กับดลนภาที่รู้ไส้รู้พุงสาวที่อยู่ข้างหน้า ก็อดคิดไม่ได้ว่าใบหน้าสวยๆ แบบนี้ เหมาะจะไปอยู่กับคนที่จิตใจดีกว่านี้มากกว่า
    คำแรกที่ทิฆัมพร กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนใจแทนคำสวัสดี ก็คือ
    “พี่ชายมาที่นี่หรือเปล่า”
    ดลนภา ได้กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกมาแต่ไกล จะย่นจมูกแสดงท่าทีรังเกียจก็ทำไม่ได้ จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก็ฝืนใจตัวเองไม่ไหว หล่อนจึงตอบคำถามของทิฆัมพรด้วยท่าทางที่ก้ำกึ่ง จนดูน่ารำคาญในสายตา หญิงสาว
    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณทิฆัมพร” เลขานุการสาวเน้นเสียงที่ต้นประโยค ราวกับจะบอกเป็นนัยๆว่า เวลาคนเขาเจอกันน่ะ เขาต้องทักทายกันอย่างไร “คุณชายภาสกรไม่เข้าค่ะวันนี้”
    “เอ๊” ทิฆัมพรขมวดคิ้ว “ไม่เข้าได้ไงล่ะยะ วันนี้วันศุกร์พี่ชายต้องทำงาน ฉันโทรไปถามหม่อมแม่แล้ว หม่อมบอกว่าพี่ชายมาทำงานอยู่พัทยาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ถ้าไม่มาที่นี่ จะให้พี่ชายไปทำงานที่สุขุมวิทหรอยะ”
    ดลนภาจะตอบว่า จะไปรู้เหรอยะ บ้างก็กลัวจะถูกตบตรงนั้น จึงกัดฟันตอบไป ว่า “ไม่ทราบค่ะ คุณชายไม่ชอบทำงานในออฟฟิส สมองจะไม่ปลอดโปร่ง”
    “อ้าว งั้นพี่ชายไปทำที่ไหนล่ะ บอกมาซี หล่อนนี่ บื้อชะมัด”
    “ไม่ทราบค่ะ” ดลนภานับ หนึ่ง ถึง ยี่สิบในใจ ไม่ให้เผลอพูดจาไม่ดีกับทิฆัมพรไป
    “ไม่ทราบได้ไงล่ะยะ ก็หล่อนน่ะเป็นเลขาฯ ของพี่ชายไม่ใช่หรือ”
    “ก็เพราะเป็นเลขาฯนี่ล่ะค่ะ” หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าเสียงของตน จะแข็งขึ้น แข็งขึ้นเรื่อยๆแล้ว “ไม่ใช่พี่เลี้ยงนี่คะ ถึงจะต้องไปตามรู้ว่าคุณชายจะไปอยู่ที่ไหนเวลาไหน”
    ทิฆัมพร เหมือนจะกรี๊ดแต่ก็กรี๊ดไม่ได้ ตอนนั้นเองที่พนักงานต่างก็ออกมาอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ รวมถึงผู้คนย่อมเดินผ่านไปมาหน้าร้านแล้ว หญิงสาวจึงสงบสติอารมณ์กลับเข้าบทหญิงสาวผู้เรียบร้อย สร้างภาพให้ดูเป็นที่ชื่นชมของผู้อื่นทันที
    “แหม ดลนภาละก็ ฉันถามดีๆ เธอก็ไม่น่าอารมณ์เสียใส่ฉันนะจ๊ะ” หญิงสาวทำเสียงน่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เอาล่ะ เธอไม่ทราบก็ไม่เป็นไร แต่ฉันขอถามอีกสองสามคำถามเถอะ จะไม่รบกวนเวลางานของเธอแล้ว”
    ดลนภายืนนิ่ง เบื่อกับการเข้า ออก บทของนักแสดงคนนี้เสียเต็มทน แต่จะทำอย่างไรได้ หม่อมวิไลวรรณ ถึงหางอยู่แบบนี้ เกิดมีเรื่องกันขึ้นมา หล่อนคนเดียวนี่แหละที่จะต้องเสีย
    “คือ เมื่อวาน เพื่อนของฉันเห็นคุณชายซื้อของเยอะแยะ กลับบ้าน ฉันเลยอยากรู้ว่า หม่อมแม่ มาที่วังพัทยานี่ด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”
    “ไม่ค่ะ” ดลนภารีบตอบ รีบจบๆ เรื่องไป “หม่อมวิไลวรรณ ไม่ได้มาที่นี่ แต่เอ๊ะ คุณทิฆัมพร บอกว่าโทรหาหม่อมท่านไม่ใช่หรือคะ ถ้าโทรทำไมไม่ถามมาเลยล่ะคะ ว่ามาอยู่วัง หรือเปล่า”
    แหม ฉันถามแล้วย่ะ นังโง่ แต่ฉันอยากจะเมคชัวร์ว่า คุณชายซุกเมียไว้ที่บ้านหรือเปล่าน่ะซียะ
    อยากจะพูดแบบนี้ก็พูดไม่ได้เพราะคนเยอะ หญิงสาวจึงถามใหม่
    “แหมก็ฉันไม่แน่ใจ ถ้าหม่อมไม่มา แล้วคุณชายจะซื้อของไปฝากใครล่ะ ดลนภา พอจะรู้หรือเปล่า”
    “ไม่ค่ะ” เลขานุการสาวตอบ “ไม่ทราบ คุณชายไม่ได้แจ้งไว้ค่ะ”
    “หรือจ๊ะ แหม ถ้าเป็นหม่อมแม่ หรือ ท่านชาย เรืองเดชละก็ จะได้ไปกราบเสียหน่อย เพราะฉันก็เผอิญมาพักผ่อนกับเพื่อนๆที่นี่พอดีน่ะจ้ะ”
    พักผ่อนกับเพื่อน หรือมานอนกกผู้ชายคะ ดลนภาอยากจะสวนกลับไปแบบนี้ ก็ในเมื่อเห็นๆอยู่ว่าในรถที่หล่อนเพิ่งเดินลงมาเมื่อกี้นี้ คนขับเป็นผู้ชาย แถมหล่อนยังนั่งข้างคนขับอีกซะขนาดนั้น เลขานุการสาว นับเลขในใจ ก่อนจะพูดตัดบทขอกลับไปทำงาน แต่ทิฆัมพรก็ชิงถามขึ้นอีกครั้ง
    “คำถามสุดท้ายแล้วล่ะจ้ะ ดลนภา” ทิฆัมพร ปั้นหน้ายิ้มอย่างแสร้งทำเต็มที “คือเมื่อวานเพื่อนฉัน คนเดียวกันนี่แหละจ้ะ เห็นว่าคุณชาย ไปนั่งทานข้าวริมทะเล กับผู้หญิง สวยๆ ใส่ชุดสีเหลืองๆทั้งตัวน่ะ ใครหรือจ๊ะ ลูกค้า หรือเพื่อน ดลนภาพอจะรู้ไหม”
    ด้วยความปากไวใจไว หญิงสาวจึงตอบคำถามของทิฆัมพรไปหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ถ้าคิดดีๆก็คงไม่ตอบ แกล้งทำไม่รู้ดีกว่า แต่ก็รู้ดีว่าหากตอบแบบนี้ คำตอบคงสร้างความไม่พอใจให้กับทิฆัมพร ไม่มากก็น้อย ดลนภา ตัดสินใจพูดออกๆไปว่า
    “แหมคนนั้นหรือคะ ก็คุณหญิงดาริกา ธิดาของท่านหญิง ทิพยวรรณไงคะ คนอะไรทั้งสวยทั้งเก่ง ผู้หญิงทำงานนะคะ ดูคล่องทีเดียวมาคุยธุระกับคุณชายเรื่องงานแฟชั่นโชว์ แต่ก็แหม คนเราอัธยาศัยดี เสียอย่างใครๆก็อยากอยู่ด้วยนานๆใช่ไหมคะ คุณชายเธอเลยชวนไปเลี้ยงข้าวเสียเลย แหมดิฉันไม่รู้นะคะว่าไปร้านริมทะเล นึกว่าจะพาไปภัตตาคารหรูๆ เสียอีก ดูคุณชายเธอ ชอบคุณหญิงมากเลยนะคะเนี่ย” จบประโยค ด้วยเสียงหัวเราะ ที่กรีดลึกลงไปในใจของผู้ฟัง
    เป็นถึงคุณหญิงเสียด้วย แถมสวยอีกต่างหาก แล้วยังต้องร่วมงานกันอีก ไม่ไหวละ หากปล่อยไว้อย่างนี้ ตำแหน่งภรรยาคุณชาย ต้องถูกเทคโอเวอร์ไปเป็นของ ยัยคุณหญิงแน่ๆ
    ทิฆัมพร กระฟัดกระเฟียดกลับไปยังรถที่จอดรออยู่ โยนตัวขึ้นนั่ง ไม่กี่นาทีก็แล่นออกไปจากร้านนั้น ด้วยรู้ตัวนี้ว่าหากอยู่ที่นั่นต่อไป หล่อนต้องคุมคุมสติไม่อยู่ หลุดโวยวายจนเสียภาพพจน์แน่ๆ

     ดลนภา ส่ายหน้า นึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไป แถมยังเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งแบบนี้ ทำไมนะ หม่อม วิไลวรรณถึงมองหล่อนไม่ออก ทั้งยังไว้เนื้อเชื่อใจ หมายมั่นปั้นมือ จะตบแต่งให้เป็นภรรยาคุณชายอีก เลขานุการสาวกุมขมับ เดินกลับไปที่หลังเคาน์เตอร์เครื่องประดับของหล่อน ชั่งใจว่าจะโทรหาคุณชาย รายงานให้ทราบเรื่องนี้ดีไหม
    แต่คิดอีกที จะรบกวนสมองคุณชายด้วยเรื่องแค่นี้ทำไมกัน เห็นเมื่อวานคุณชายก็มีความสุขดีนี่นา... ดลนภาอดอมยิ้มไม่ได้ มีความสุขเพราะเจอคนสวย อย่างคุณหญิงดาริกาแน่ๆ
    ถ้าใครสักคนจะแต่งงานกับคุณชายละก็ คุณหญิงดาริกานี่แหละ เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด แม้ทิฆัมพรก็เทียบไม่ติด

***********************************************************************

ผมกลับมาจากที่ไปเที่ยวแล้วครับ ดีใจที่หลายๆคนยังรออยู่นะครับเลยรีบมาต่อเลย + ต่อทางสามสายให้ด้วยครับอย่าลืมไปอ่านนะ
ตอนหน้า คุณชายจะมีทำเซอร์ไพรส์นทีด้วย อย่าลืมติดตามวันจันทร์นะครับ : ]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2011 22:11:27 โดย Purple_Sky »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เดาว่าเป็นอุปกรณ์วาดรูป  แก้เซ็งระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
คุณชายอย่าหายไปนานนะครับ คนอ่านคิดถึง

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
คิดเหมือนรีบนโน้นนนน ว่าน่าจะซื้ออุปกรณ์มาให้วาดรูป :o8:
คุณชายน่ารักเนอะ แต่ไม่ชอบเวลาโกหกเลยจริงๆ บอกความจริงไปเค้าก็ไม่ว่าอะไรหรอก(มั้ง555)
ถ้าน้ำไปรู้ตอนหลังถึงไม่โกรธ เค้าก็คงจะเสียความรู้สึกมาก :เฮ้อ:
ปล. คุณฟ้าม่วงรักษาสุขภาพด้วยนะคะ ช่วงนี้อากาศย่ำแย่
ปลล. ไปเที่ยวไหนมา ไหนอ่ะของฝาก o11 o11

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
 :เฮ้อ: การโกหกนี่ก็เป็นปมให้คนอ่านเหมือนกัน

ดีใจนะที่เริ่มรู้สึกดีๆต่อกัน แต่อยากให้รู้ความจริงก่อนที่จะรัก :o11:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
มีคนเข้าข้างคุณหญิงดาริกาอีกคน

ยังไม่เจอน้ำตะหากล่ะ ถึงยังไม่เห็นใครเหมาะสมกะคุณชายเท่า

เหอๆ

แต่เบื่อนางร้ายค่ะ ชีจะแรงไปไหน

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
คุณชายน่ารักเนอะ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
คุณชายเริ่มหลงรักนทีแบบไม่รู้ตัวแล้วนะ 555

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักค่ะ รออ่านค่ะ
 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ naja-kitase

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
นทีปลื้มคุณชายแล้ว อยากให้ถึงตาคุณชายปลื้มนทีแบบจริงจังบ้าง

รอ รอ รอ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ชอบคุณหญิงดาริกา!

เรื่องนี้ท่าทางมาม่าหลายห่อ ง่ะ ไมเอาน๊า OTT_TTo

nuewanda

  • บุคคลทั่วไป
คุณชายค่ะ อย่าแสนดี อย่าเพอร์เฟคไปกว่านี้อีกเลย ยิ่งแสนดีเท่าไหร่ ต่อไปนทีก็จะยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น และอีกอย่าง เค้าเริ่มจะสับสนว่าฑิฆัมพรหรือเค้ากันแน่ที่จะเป็นตัวร้ายจ้องแย่งคุณชายจากนที ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
อยากรู้เร็ว ๆ ว่าน้ำโดนพ่อเลี้ยงทำอะไรถึงได้กลัวขนาดนั้น...คิดไว้ในใจแย่มาก ๆ เลยอ่ะ (อย่าถึงขั้นนั้นเลยนะ) :sad4:

ออฟไลน์ Purple_Sky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +354/-1
11
[/B]

     ทิฆัมพรอารมณ์เสียมาก แม้อีริค จะพยายามเกลี้ยกล่อมชักจูงหล่อนว่าจะพาไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ พาไปเลี้ยงเหล้าตามผับตามบาร์อย่างไร ทิฆัมพรก็ไม่อาจปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ หลังจากโยนตัวนั่งลงบนเบาะข้างคนขับแล้วหญิงสาวก็แผดเสียงแหลมใส่ชายหนุ่มที่นั่งไม่รู้อิโหน่ อิเหน่อะไรข้างๆ
    “หน็อย นังดลนภานั่นมันคิดว่ามันเป็นใคร ทำคอแข็งเชิดหน้า ถามคำตอบคำไม่เล่าอะไรให้ฟังบ้างเลย”
    “แหม ก็เขาจะไปพูดอะไรได้ล่ะครับ เขาก็เป็นแค่ลูกจ้างนี่นา ขืนพูดอะไรเกินกว่าที่ควรจะพูด คุณชายก็คงไม่เก็บเขาไว้ในบริษัทอีกหรอกครับ”
    อีริคตอบแบบทีเล่นทีจริงทำเสียงหัวเราะไปอย่างนั้นให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้น กระนั้นหล่อนก็ยังไม่เลิกทำหน้างอบ่นอะไรไปตลอดทาง หลังจากเล่าเรื่องเหตุการณ์ในร้านอย่างละเอียดราวกับเล่นละครเดี่ยวอยู่อย่างไรอย่างนั้น จนชายหนุ่มรู้สึกเหมือนว่าเขาเองกำลังนั่งอยู่ในร้านนั้นด้วย
    “มาทำเป็นบอกว่าดูคุณชายเธอจะชอบคุณหญิงมากเลยนะคะเนี่ย เชอะพี่ชายนะหรือจะชอบยัยคุณหญิงนั่น ฟ้าเคยเจอตามงานสังคม ทื่อเป็นสากกระเบือ พูดอะไรเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ ทำตัวเป็นสาวหวานเลี่ยนเสียไม่มี”
    “แต่คุณหญิงอะไรนั่นก็สวยไม่ใช่หรือจ๊ะ เท่าที่ฟ้าเล่า”
    ทิฆัมพรมองชายหนุ่มตาขวาง
    “ก็สวยน่ะซีถึงกลัว เกิดพี่ชายไปชอบแม่นั่นขึ้นมาถึงขั้นตบแต่งกัน ฉันก็ซวยซี” เสียงแหลมยังดังไปเรื่อยไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ถ้าเป็นภาสกร ชายหนุ่มคงทำหน้างอ ไม่โต้ตอบ ไม่แสดงความคิดเห็น หรืออย่างมากหน่อยก็พูดตัดบททำนองว่า
    ‘พี่ปวดหัวเธอหยุดพูดหน่อยซี ทิฆัมพร’
    แต่นี่เป็นอีริค หนึ่งในบรรดาหนุ่มๆ ที่มาติดพันหล่อน เขาฉลาดพอที่จะทำเป็น ‘นิ่งเสียตำลึงทอง’ อย่างที่รู้ดีว่าทิฆัมพรชอบ เวลาหล่อนจะบ่นหรือเล่าอะไร หากทำหน้าตาสนใจ พูดเข้าข้างบ้างตามโอกาสแล้ว คนอย่างทิฆัมพรย่อมสงบลงได้มากกว่า ไปพูดกล่อมให้หล่อนสงบ ทีนี้สักยี่สิบนาทีหรือน้อยกว่านั้นหญิงสาวก็จะเงียบและเปลี่ยนเรื่องไปเอง
    แต่คราวนี้ต่างออกไปตรงที่ชายหนุ่มไปสะดุดหูคำว่า ฉันก็ซวยละซี เข้า ทิฆัมพรจะซวยเรื่องอะไรในเมื่อหล่อนเองก็มิได้สนใจคุณชายอะไรอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่เกาะแกะกันมา คุณชายทำได้อย่างมากก็ซื้อโน่น ซื้อนี่ให้หล่อน จะ  ‘สนอง’ สิ่งที่หล่อนต้องการได้หรือก็หาไม่ ตาคุณชายไก่อ่อนนั่น ต่อให้หล่อนยั่วแล้วยั่วอีกอย่างไร ก็หาทางหลีกเลี่ยงไปได้ทุกครั้ง ก็มีบรรดานายตำรวจ นายทหาร หรือ นายแบบ แบบอีริค หรือหนุ่มอื่นๆที่หล่อนเคยลงไป ‘คั่ว’ ด้วยเท่านั้นที่จะ  ‘สนอง’ หล่อน ‘แบบนันสต็อป’ ได้ แต่ทิฆัมพรก็ฉลาดพอที่จะ ป้องกัน ไม่ให้อะไรเกิดขึ้นมากไปกว่า มีเพื่อนร่วมเตียง เช้าแล้วก็แยกกันไป จะให้มีมารหัวขนมาให้หล่อนกับคุณชายแตกแยกกันไม่ได้อยู่แล้ว
    อีริคเข้าใจตามประสาเขาว่าทิฆัมพร คงคบกับคุณชายเพื่อหวังเงินเท่านั้น ส่วนตัวจริงก็คงเป็นเขาที่อยู่ในข้อยกเว้นของทฤษฎี เช้าแล้วก็แยกกันไป ของทิฆัมพร เพราะหญิงสาวกับเขาก็ยังมาเจอกันได้บ่อยๆแม้จะ เช้าด้วยกันมากี่เช้าแล้วก็ตาม
    แล้วทิฆัมพรจะมาซวยถ้าคุณชายแต่งกับหญิงอื่นได้อย่างไร
    เขาถามหล่อนไปอย่างที่เขาถามตัวเอง คราวนี้ทิฆัมพรไม่มีคำตอบให้อย่างเคยมีแต่ เสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจในลำคอเท่านั้น นายแบบเลือดละตินจึงต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
    “หรือฟ้าคบผมฆ่าเวลา จริงๆแล้ว ฟ้ารักไอ้คุณชายอะไรนั่นใช่ไหมครับ ผมก็แค่ทางผ่านใช่ไหม”
    “จะบ้าหรือคะ” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก หล่อนชอบเวลามีคนพูดเพราะๆ เอาใจหล่อนให้หล่อนเห็นว่าตัวเองมีค่า เท่านี้ทิฆัมพรก็สงบลงได้ อีริคจี้หล่อนเข้าถูกจุดพอดีแบบนี้อีกแล้ว เพราะอย่างนั้น หล่อนจึงโอนอ่อนให้นายแบบหนุ่มคนนี้ เหนือ กิ๊ก คนอื่นๆมากเป็นพิเศษเสมอ “ฟ้าน่ะก็ทำตามคุณพ่อ คุณแม่ ไม่ให้มีเรื่องบาดหมางกันกับบ้านคุณชาย จะให้ฟ้ารักหรือไม่มีทางเสียหรอก คนอย่างนั้น จูบยังจูบไม่เป็นเลย จะทำอย่างอื่นไหวหรือคะ”
    หล่อนพูดอย่างนี้เสมอ ให้บรรดากิ๊กๆ ของหล่อนฟัง เนื่องจากยังแค้นไม่หาย เกี่ยวกับเรื่องในคืนที่หล่อนพยายามโน้มน้าวให้ชายหนุ่มติดกับ รวบหัวรวบหางเขาเร่งฤกษ์แต่งงานให้เร็วขึ้น แต่จูบกันได้เพียงปากประกบปาก ภาสกร ก็ถอนริมฝีปากขึ้นไม่ต่างจากโดนไฟฟ้าช็อต ‘อย่าทำอย่างนี้เลยนะ ทิฆัมพร’
    ดึงตัวเองกลับมาในปัจจุบัน หญิงสาวก็ได้ยินอีริคพูดอะไรสักอย่างข้างหู ทำนองว่ารอให้ถึงโรงแรมก่อน จะทำอย่างอื่นสนองเสียให้ลืมคุณชายไปเลย  เท่านั้นเองทิฆัมพรก็นึกอะไรขึ้นมาได้
    “อีริค พาฟ้าไปส่งที่...”

    บ้านพักตากอากาศ ของคุณชาย หรือจริงๆแล้วก็คือวังของท่านชายเรืองเดชที่พัทยานั้น ขนาดเล็กกว่าวังผกากรองพอสมควร เพราะไม่มีบริเวณบ้านกว้างขวางอย่างวังผกากรอง เป็นเพียงบ้านขนาดสี่ห้องนอน สามห้องน้ำ ธรรมดาๆ เท่านั้น เพราะเป็นเพียงตำหนักที่ท่านชายเรืองเดช ทรงซื้อเอาไว้เพื่อมาพักผ่อนหย่อนใจ นานๆเสด็จมาที ไม่ได้ใช้เป็นที่ประทับถาวร แบบวังผกากรองที่ต้องกว้างขวาง ตกแต่งสวยงามหรูหรา สมกับเป็นวังของท่านชาย บ้านหลังนี้อยู่ติดทะเล เป็นหาดส่วนตัวที่ไม่มีนักท่องเที่ยว เพราะแถวนี้ไม่มีสถานบันเทิงนัก มีแต่หาดทรายขาว กับทะเลเท่านั้น หน้าบ้านหันเข้าถนน หลังบ้านเป็นลาน ปูด้วยไม้เป็นซี่ๆ มีบริเวณกว้างพอๆกับห้องนั่งเล่นมองไปเห็นน้ำทะเลสีครามอยู่ไม่ไกล เดินลงไปก็ถึงแล้ว
    ที่ว่าเดินลงไปเพราะตัวบ้านยกขึ้นจากทะเล เวลาน้ำขึ้น น้ำจะอยู่เกือบชิดกับบริเวณบ้าน ถ้าน้ำลงในตอนเช้า ก็จะเห็นหาดทรายค่อนข้างกว้าง อยู่ติดกัน เดินลงบันไดหินจากตัวบ้านลงไปไม่กี่ขั้นก็ถึงชายหาด ขาวสะอาดแล้ว
    ห้องนอนในบ้านนี้ ชั้นบนมี 3 ห้อง ชั้นล่างมีห้องเดียว เป็นห้องพักของแม่นมของเขา และบรรดาสาวใช้ในกรณีที่ติดตามมาดูแลเวลาท่านชายเสด็จมาประทับที่นี่ ชั้นบนมีห้องบรรทมของท่านชายห้องหนึ่ง ห้องของภาสกรห้องหนึ่ง และห้องพักแขกห้องหนึ่ง ห้องนอนของภาสกรอยู่ฝั่งที่มองไม่เห็นทะเล ด้วยความจำเป็นต้องยกห้องฝั่งติดทะเลให้ท่านพ่อของเขา และเผื่อไว้ให้แขกสำคัญนอนชมทะเลด้วยห้องหนึ่ง แต่วันไหนที่ไม่มีแขก ภาสกรจะไปนอนห้องฝั่งนั้นก็ได้
    ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่า ห้องยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี เหมือนก่อนที่เขาจะไปนอนค้างที่โรงพยาบาล ภาสกร ไม่เสียเวลามากนัก เพียงหยิบของที่เขาต้องการ เป็นของที่เขาซื้อมาไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้ใช้เพราะยังไม่มีอารมณ์ นี่ละ ของที่เขาจะเซอร์ไพรส์ นที ชายหนุ่มต้องเดินสองรอบ เพราะของที่ว่านั้น บางชิ้นใหญ่ไป ไม่สามารถขนรวมกันไปทีเดียวได้
    ชายหนุ่มดื่มน้ำแก้วเดียวก็ปิดบ้าน ขึ้นรถขับกลับไปหานที
    ภาสกรออกจากบ้านอย่างรีบร้อน เขาต้องกลับไปถึงโรงพยาบาลให้ทันก่อนเที่ยง เพราะไม่อย่างนั้น แดดจะร้อนเกินไปของที่เขาจะเอาไปให้นี้ก็จะหมดความหมายไปเลย ชายหนุ่มจึงไม่ทันได้สังเกต รถยนต์ที่ไม่คุ้นตา จอดห่างจากบ้านของเขา เยื้องไปทางปากซอยเล็กน้อย พอเห็นชายหนุ่มขับรถผ่านไปแล้ว รถคันนั้นก็ขับตามหลังไป โดยที่ ภาสกรมิได้รู้ตัวเลย
    เพราะชายหนุ่มกำลังคิดถึงแต่เด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ห่างกันไม่กี่สิบกิโลเมตรโดยที่ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้จนแล้วจนรอดว่า คิดถึงอะไรในตัวเด็กคนนั้นกันแน่

    “คุณจะพาผมไปไหนครับ” เขาถามเป็นครั้งที่สี่ หลังจากภาสกรเข็นเก้าอี้เข็นเข้ามาในลิฟต์แล้ว
    พอกลับมาถึงโรงแรม ภาสกรก็ประสานงานกับพยาบาลที่เขารู้จักและเตรียมสถานที่เอาไว้แล้วอย่างดี เขาเรียกเก้าอี้เข็นสำหรับผู้ป่วยขึ้นมาที่ห้องจัดแจงกึ่งอุ้มกึ่งประคองนทีขึ้นนั่งเก้าอี้เข็น ตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มถามขึ้นครั้งแรกว่าจะพาไปไหน ภาสกรพบว่า ชายหนุ่มตัวเบากว่าที่คิด เมื่อเขาได้ประคองนทีขึ้นเก้าอี้เข็น พอเขากล้าที่จะจับตัวเด็กหนุ่มเต็มที่โดยไม่เคอะเขิน นทีก็ดูเหมือนแทบจะไม่เบี่ยงตัวหนีอย่างเกรงใจอีกต่อไป
    พอภาสกรบอกพยาบาลว่าเขาจะเข็นเก้าอี้ไปเอง นทีก็ถามขึ้นมาอีกอย่างคนขี้สงสัยว่า ‘ตกลงคุณจะพาผมไปไหนเนี่ย’ ภาสกรไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้เท่านั้น นทีก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ภาสกรจึงต้องหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ให้คำตอบเขาเพียง ‘ผมไม่พาคุณไปฆ่าไปแกงหรอกน่า’ กระทั่งชายหนุ่มพาเขามายืนรอหน้าลิฟต์ เขาก็ถามขึ้นเป็นครั้งที่สาม ภาสกรก็ไม่ตอบอีกตามเคย
    จนกระทั่งอยู่ในลิฟต์กันสองคนแล้ว เขาจึงตอบคำถามครั้งที่สี่ของนทีว่า “ถ้าบอก จะเรียกว่าเซอร์ไพรส์หรือ”
    พอลิฟต์เปิดที่ชั้นที่ภาสกรต้องการแล้วเขาก็กระซิบบอกชายหนุ่มเบาๆ
    “เอาล่ะจากตรงนี้คุณต้องหลับตาแล้ว”
    นทีอยากจะถามสวนไปว่า “นี่คุณเล่นอะไรของคุณ” แต่ก็ไม่ได้ทำลงไป เขาไม่อยากชวนทะเลาะ นานๆทีจะมีคนมาทำดีกับเขา ตามใจเขาบ้าง นทีก็ไม่อยากจะปฏิเสธ จึงตัดสินใจทำตามอย่างว่าง่าย หลับตาลงให้ภาสกรพาเขาออกจากลิฟต์ตัวนั้น
    ภาสกรออกจากลิฟต์ เลี้ยวขวา พานทีผ่านผู้คนมากมาย ที่ส่งเสียงจอแจ ทั้งเป็นภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ หลายชาติ หลายภาษา ความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำให้ผิวของเด็กหนุ่มลุกขึ้นเป็นตุ่ม แต่ไม่ทันไร เสียงจอแจเหล่านั้นก็หายไป ภาสกรเข็นเขาช้าลง อย่างระแวง ระวัง ไม่นานความเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็หายไปด้วย กลายเป็นความอบอุ่นของอากาศภายนอก เท้าซ้ายของนที เรี่ยไปกับพื้นอย่างตั้งใจเพื่อให้รู้ว่า เขาออกมาข้างนอกแล้วจริงๆหรือ ก็พบว่า เท้าของเขากำลังสัมผัสกับยอดหญ้าอย่างแน่นอน
    เขาออกมาข้างนอกแล้ว
    ลมพัดมาตลอดเพราะเป็นเมืองชายฝั่ง หากอยู่ที่กรุงเทพ คงร้อนกว่านี้มาก ภาสกรคิดอย่างสบายใจ แล้วก็กระซิบให้เด็กหนุ่มลืมตาได้เสียที
    นทีสำรวจสถานที่ก่อนสิ่งอื่นใด ตรงนั้นเป็นสวนหย่อมลอยฟ้าเล็กๆของโรงพยาบาล มีการปลูกต้นไม้ไว้สวยงาม ดอกไม้ที่ขึ้นอยู่แต่งแต้มสีสัน ให้กับนทีที่ได้แต่มองเพดานขาวๆมาเป็นเวลานาน ที่นั่งพักมีอยู่ตามจุดต่างๆในสวนหย่อมนั้น ทางเดินทำไว้อย่างดี ทำให้ภาสกรพานทีไปดูจุดต่างๆ ได้อย่างถูกใจ สระน้ำเล็กๆ และน้ำพุ ทำให้นทีรู้สึกสบายใจ ทั้งๆที่มองไปไกลหน่อย เกือบสุดสายตาไปนิด ก็จะเห็นทะเลแล้ว นทีหันไปยิ้มให้กับภาสกร
    “คุณภาสกร ขอบคุณมากนะครับ” เขายิ้มดวงตาใสเป็นประกายราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่ “สวนสวยมาก ผมชอบมากครับ ขอบคุณจริงๆ ที่พามา”
    ภาสกรไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มให้เท่านั้น เขาเข็นเก้าอี้ พา นทีดูโน่นดูนี่สักพัก ก็เข็นรถไปทางศาลาขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้ชนิดต่างๆ และดอกไม้สวยประดับไว้ ตรงกลางศาลา นั้นเองมีกระดาษติดกับ ขาตั้งวางเอาไว้ นทีหันหน้ามามองภาสกร ราวกับต้องการย้ำความเข้าใจว่าเขาเข้าใจถูกตามที่ภาสกรต้องการหรือเปล่า
    “ผมจำได้ว่า คุณพ่อคุณชอบพาคุณไปวาดรูปวิวจากบนดอยคุณก็เลยชอบวาดรูป ผมเลยถามเมื่อเช้า รู้ว่าคุณชอบดรออิ้ง ก็เลยไปเอากระดาษ กับดินสอ EE มาให้เผื่อคุณจะอยากวาดรูป แต่ก็มีสีน้ำถ้าคุณอยากระบายสีวิวเผื่อไว้ด้วย” ภาสกรอธิบายรวดเดียวจบ คนฟังก็เป็นปลื้มที่ได้ยินคนที่จำเรื่องราวเล็กน้อยของตนได้
    “ระบายสีน้ำ ยุ่งยากต้องใช้อุปกรณ์เยอะ ผมวาดดินสอธรรมดาดีกว่า” นึกอะไรได้ นทีก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดต่อไปอีก “คุณเป็นแบบให้หน่อยซี”
    “หา” ภาสกรร้อง “ผมเนี่ยนะเป็นแบบให้คุณ บ้าเหรอไม่เอา”
    “อ้าว ก็ถ้าวาดวิวมันต้องใช้สี ถึงจะสวยกว่า ถ้าวาดดินสอ ผมก็อยากวาดคน จะให้ผมไปขอนายฝรั่งคนนั้น มาเป็นแบบหรือไงล่ะครับ”
    ‘นายฝรั่งคนนั้น’ คือชายหนุ่มร่างสูงราวกับนายแบบจริงๆ หน้าตาดูคล้ายคนไทย แต่ก็มองออกว่าคงมีเชื้อสายทาง เม็กซิโก หรือ เปอร์โตริโกมากกว่า ไม่ใช่คนเชื้อสายเดียวกับเขาหรือนทีแน่นอน แม้จะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่แต่ก็มีบ้างที่ชำเลืองมองมาทางเขาสองคน
    ภาสกรไม่เคยเห็นนายคนนี้มาก่อน แต่ก็มีความรู้สึกว่าคน คนนี้น่าจะเคยเห็นเขา ไม่อย่างนั้น จะเหลือบตาขื้นจาก บางกอกโพสต์ ขึ้นมามองเขาทำไมบ่อยๆ ไม่แน่หนุ่มคนนี้อาจจะเคยเห็นเขา จากหน้าหนังสือพิมพ์บ้างก็ได้ ภาสกรไม่แน่ใจในข้อนี้ จึงไม่ได้หลบหน้าให้ยิ่งน่าสงสัยไปใหญ่ เท่าที่ทำได้ คือหันหลังให้ชายหนุ่มคนนั้นเสีย แล้วพูดกับนที
    “คุณจะเรียกนายฝรั่งนั่นก็ตามใจคุณซี”
    “แหม” นทียิ้ม กรุ้มกริ่ม “ให้ผมวาดคุณภาสกรเถอะ เอาไว้ดูเป็นที่ระลึก เผื่อไม่ได้เจอกันแล้ว จะได้ไม่ลืมกัน”
    ภาสกรประหลาดใจแต่ก็มิได้ยิ้ม หรือขมวดคิ้วให้เห็นอีก เขาได้แต่ฟังคำแนะนำของนทีให้นั่งพิงเสาของศาลา หันข้างให้จิตรกรหนุ่มน้อย ที่กำกับให้วางขาซ้ายแนบไปตามความยาวของที่นั่งศาลา ยกเข่าขวาขึ้น วางแขนพาดลงไป ราวกับนายแบบในนิตยสาร มีพื้นหลังเป็นต้นไม้นานาชนิด และบางส่วนของโรงพยาบาล จะติดนายฝรั่ง ก็ติดมาเพียงนิดเดียว
    นทีลงมือร่างก็ พอดีที่ภาสกรเห็นใบไม้บนหัวของเด็กหนุ่ม จึงขยับตัว อย่างลืมตัว หยิบใบไม้ออกจากผมยาวๆของหนุ่มน้อย
    “ใบไม้ติดผมเดี๋ยวใครก็มองว่าเป็นช่างวาดภาพทาร์ซานหรอก นที”
    เด็กหนุ่ม หน้าแดง ใจเต้นระรัวแปลกๆเมื่อภาสกรเข้ามาใกล้ถึงเพียงนี้ ห่างเพียงไม่เท่าไร มีเพียง กระดาษบนขาตั้งไม้เท่านั้นที่อยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้น เขาจะพลอยคิดว่าอยู่กับภาสกรสองคนเหมือนในห้องพักผู้ป่วยแล้ว
    จะกลบเกลื่อนท่าทีที่เขินอาย ก็ทำได้เพียงดุเท่านั้น
    “ขยับแบบนี้ ผมจะวาดคุณได้อย่างไรล่ะ” เขาว่า แม้ยังหน้าแดงอยู่ “เดี๋ยวกว่าจะเสร็จก็เย็นพอดี”
    ภาสกรหัวเราะร่า มองหนุ่มน้อยหน้าใสได้ก็เพียงตาเดียวเท่านั้น เพราะเขาต้องหันข้างให้ กระนั้น ใบหน้าสวยราวกับเด็กหญิงก็พลันให้เขานึกถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ... คิดถึง ดาริกา บางส่วนในดวงหน้าของ หล่อน และ นทีคล้ายกันทีเดียว ปากบางเล็ก จมูกโด่งยาว แต่ไม่เป็นสันจนดูเหมือนฝรั่ง เวลายิ้ม ก็ยิ้มทั้งหน้า จนดวงตาสดใสเป็นประกาย
    ภาสกรใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีก จนต้องถอนสายตาจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่จะอดคิดถึงคุณหญิงไม่ได้ จนต้องโทรศัพท์หา
 
   ‘นายฝรั่งคนนั้น’ ลุกออกจากเก้าอี้ พอห่างไปได้สักพัก ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชั่งใจ ว่าจะโทรหาทิฆัมพรดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากเล่าสิ่งที่ได้เห็นมาด้วยความสนุกปาก อีกใจหนึ่งก็ยังลังเล ว่าสิ่งที่เห็น เป็นสิ่งที่ควรเล่าหรือเปล่า เขามองท่าทีของผู้หญิงหลายล้านคนในประเทศได้ว่า เมื่อมีความรู้สึกหลงรักชายหนุ่มนั้น ผู้หญิงจะแสดงออกอย่างไร พอๆกับที่เขารู้ดีว่า เวลาชายหนุ่มหลงรักหญิงสาวนั้น เขาจะแสดงออกอย่างไร ก็ในเมื่อเขาเป็นผู้ชายที่มีผู้หญิงมาปลื้มเขาหลายคน
    แต่ผู้ชายที่กระมิด กระเมี้ยนมองผู้ชายด้วยกัน แล้วหลบตาต่ำ หน้าแดงเขินแบบนั้น เพิ่งเห็นใกล้ๆ ก็วันนี้เอง มันไม่ต่างจากหญิงสาวมองชายหนุ่มเท่าไหร่นัก ไอ้หนุ่มน้อยที่ชื่อ นที นั่น หน้าก็สวยคล้ายผู้หญิง ยิ่งมีจริตเขินอาย ก็ยิ่งดูคล้ายผู้หญิงเข้าไปกันใหญ่ เขาไม่อยากคิดว่าคุณชาย ภาสกร รชตานันต์ หนุ่มหล่อ ที่สาวๆเกือบทั้งประเทศต้องการได้มาเป็นพ่อของลูก จะมาอยู่กับคนแบบนี้
    ไหนจะท่าปัดใบไม้ออกจากผม
    ไหนจะสายตาของ เจ้าหนุ่มนั่นที่มองคุณชาย
    ไหนจะ ท่าทางของคุณชายที่หลบตาเด็กหนุ่มคนนั้นอีก
    อีริค ไม่อยากจะคิดเลย หรือว่าคุณชายที่ทิฆัมพร หมายมั่นจะแต่งงานด้วย มีรสนิยม รักเพศเดียวกัน!

    ไม่ทันจะได้ตัดสินใจ ว่าจะโทรหรือไม่โทรดี ทิฆัมพร ก็โทรศัพท์เข้ามาหาเขาก่อน เสียงจากปลายสายทำให้รู้ว่าเจ้าหล่อนดูร้อนใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับตวาดเขาลั่น แบบเมื่อเช้า
    “อีริค คะ เป็นอย่างไรบ้าง เจอหรือเปล่า”
    “เจอครับ ตอนแรกก็หาอยู่นานว่าไปชั้นไหน คลาดกันตอนเขาขึ้นลิฟต์ไปก่อน ไม่รู้ไปชั้นไหน ผมเลยเดินเซ็งๆอยู่พักหนึ่งก็เห็นเขาเข็นเก้าอี้เข็นผ่านไปพอดี” ชายหนุ่มตอบ
    “เข็นเก้าอี้เข็น หรือ”
    เท่านั้น ชายหนุ่มก็เลยต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง พอได้ยินคำว่า แขนหัก ขาหัก ก็พอจะอนุมานได้ว่า เป็นชายหนุ่มที่รถชนคนนั้นแน่ๆ หญิงสาวเลิกคิ้ว ให้กับกระจกรถที่หล่อนนั่งอยู่ด้านล่าง ราวกับชายหนุ่มที่กำลังคุยด้วยนั่งอยู่ตรงนั้น เห็นไหมเล่า ในที่สุดหล่อนก็รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้มันเป็นอย่างไร คำอธิบายของทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่ม นายแบบเล่าให้ฟัง
    คุณชายเป็นเกย์ นั่นเอง

    ภาสกร เริ่มกระสับกระส่าย แดดร้อนขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับเวลาที่ผ่านไปมากขึ้น นทีวาดโครงร่างอย่างคร่าวๆ ก่อนจะค่อยๆลงรายละเอียดของ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าทีละส่วนๆ เขากำกับภาสกร หันซ้ายหันขวาตามที่เขาพอใจ แต่เป็นเพราะความร้อนของประเทศไทยเวลาใกล้เที่ยง ทำให้ภาสกร ถึงกับต้องออกปากบ่น
    “นทีไม่ร้อนหรือ ผมร้อนจะแย่อยู่แล้ว พอก่อนได้ไหมครับ ไว้ค่อยวาดต่อพรุ่งนี้นะ”
    นทีหัวเราะลงลูกคอเบาๆ
    “นี่ยังไม่ทันได้วาดเลยนะครับ ทนต่ออีกนิดละกัน”
    ภาสกรบ่นพึมพำ ทำนองว่า ใครจะไปรู้ว่าเป็นแบบวาดภาพ มันต้องเหนื่อยขนาดนี้ ทั้งต้องเกร็ง ต้องอยู่นิ่งๆ เมื่อยก็เมื่อย เหงื่อก็ออกมากไปหมด ทำเอาคนฟังอย่างนทีขำขึ้นมาอีก
    “โธ่ นะ นทีพักทานข้าวกันก่อนก็ได้ ผมเมื่อยไปทั้งตัวแล้ว”
    หนุ่มน้อยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นั่งวาดรูปต่อไป ฝ่ายนายแบบแทนที่จะโกรธกลับนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กับท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้า กระนั้น ภาสกรก็ยังไม่อยู่นิ่ง ถ้าไม่เกานั่น ขยับนี่ ก็ชวนคุยพูดมากไปไม่จบ ไม่นานนัก นทีก็ยอมแพ้ วางดินสอลง แบมือสองข้างแบบ ทำอะไรไม่ได้
    “เอาเถอะครับ ทั้งๆที่คุณเป็นคนพาผมมาวาดรูปแท้ๆ แต่ถ้าร้อนนักก็พักเสียก่อน” ภาสกรยิ้มออกจนได้ในที่สุด
    “โอ๊ย เหงื่อออกจนอยากอาบน้ำ คุณนั่งรอผมที่นี่ไหม เดี๋ยวลงไปซื้ออะไรง่ายๆมากินกันตรงนี้”
    “ไม่เป็นไรครับผมอยากขึ้นห้องมากกว่า คุณอยากอาบน้ำก็อาบบนห้องก็ได้ เดี๋ยวผมทานอาหารโรงพยาบาลก็ได้ครับ”
    “แล้วผมจะทานอะไรล่ะ ไม่เอาหรอกอาหารโรงพยาบาลคุณทานได้ไม่อร่อย ผมลงไปซื้อข้าวหมูแดงแถวนี้มาให้ อร่อยมากเลยนะ ผมเคยผ่านมา แวะทานแล้วติดใจเลย อร่อยกว่าเจ้าประจำที่กรุงเทพอีก คุณไปรอผมที่ห้องจะได้เย็นๆ ผมรับรองว่าไปเดี๋ยวเดียวกลับ”
    
    ด้วยเหตุนี้ นทีถึงต้องอยู่ในห้องพักผู้ป่วยคนเดียว แต่ภาสกรก็คือภาสกร เขาบอกว่าไปเดี๋ยวเดียวกลับก็คือ เดี๋ยวเดียวกลับจริงๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงภาสกรก็ชูถุงใส่ข้าวหมูแดงสองห่อให้นทีดู สองหนุ่มยิ้มให้กันก่อนที่ภาสกรจะบ่นว่าร้อนอีกครั้ง
    “ไม่ไหวเลย ถ้าเมืองไทยร้อนกว่านี้แค่ห้าองศาเท่านั้นผมคงเกรียมละครับ นี่เหงื่อออกแล้ว เหงื่อออกอีก”
    “ร้อนก็อาบน้ำก่อนซีครับ”
    “คุณไม่หิวหรือ”
    “ยังไม่หิวครับ ผมรอคุณก่อนก็ได้” นทีว่า ภาสกรจึงตัดสินใจเดินเข้าห้องอาบน้ำไปก่อน สิบกว่านาทีต่อมากภาสกรก็ออกจาห้องแต่งตัวใส่เพียงกางเกงขาสั้น และมีผ้าเช็ดตัวผาดอยู่บนไหล่เท่านั้น ท่อนบนเปลือยเปล่า ยังมีหยาดน้ำเกาะอยู่บนผิวกายเนียนละเอียด ผิวไม่ขาวสะอาดเท่ากับนที หากแต่เนียนสวย ดูออกว่าได้รับการดูแลมาอย่างดี
    “ผมหยิบเสื้อที่ใช้แล้วเข้าไปน่ะครับ ก็เลยไม่ได้เปลี่ยนในห้องน้ำ” เขาแก้ตัว กระนั้น นทีก็ยังรู้สึกวูบๆในท้อง ราวกับมีอะไรวิ่งวนอยู่ในนั้น ภาสกรหยิบเสื้อในกระเป๋าเดินทางออกมาสวม หลังจากเช็ดตัวจนแห้งสนิทแล้ว มีเวลาพอให้นทีเห็นรูปร่างที่สวยงามอยู่ระหว่างความผอมเพรียว กับ ความแข็งแกร่งกำยำ เป็นหุ่นดีที่นทีแอบคิดว่าอยากมีบ้างเท่านั้น
    เขาประหลาดใจเมื่อภาสกร ถืออ่างพลาสติกใบเล็กใส่น้ำ และผ้าขนหนูผืนเล็ก เหมือนผ้าเช็ดเหงื่อออกมาด้วย
    “นั่นไว้ทำอะไรน่ะครับ”
    ภาสกร ก้มมอง ก็รู้ว่าที่ชายหนุ่มถามไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เพื่อขอให้เขาย้ำให้มั่นใจมากกว่า เขาจึงเพียงตอบสั้นๆให้เข้าใจ
    “ก็เช็ดตัวให้คุณไง”
    “หา”
    “หาอะไรล่ะครับ ผมอยู่นี่แล้ว ก็คุณไปวาดรูปตากแดดเสียเหงื่อออกขนาดนั้น รอพยาบาลมาเช็ดตัวตอนเย็น เดี๋ยวกลากขึ้นพอดีมาผมจะเช็ดตัวให้”
    “เอ่อ...” นทีหน้าแดงพยายามจะหาทางหลีกเลี่ยง ภาสกรเห็นเข้าก็ขำ กับท่าทางของหนุ่มน้อย
    “แหมทีพยาบาลสาวๆ ให้เช็ดได้ ผมเป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณจะอายทำไมล่ะครับ ลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวผมช่วยถอดเสื้อ” แล้วภาสกรก็ประคองนทีลุกขึ้น ก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อของโรงพยาบาล แล้วลงมือเช็ดตัวให้ อย่างทะนุถนอม กลัวว่าเนื้อขาวบางตรงหน้าจะช้ำไป หากเขาลงมือแรงสักเพียงนิดเดียว

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
>//< คุณชายน่าร๊ากกกกกกกกก

เดี๋ยวมารก็จะมาผจญแล้วสิ เซ็งๆๆๆ

บวกๆ ค่ะ

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
  :-[
และใครก็ได้ช่วยจับชะนีงี่เง่าไปไกลๆ หน่อย :serius2:
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2011 21:37:19 โดย Little Devil »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
งานงอกอีกแล้วนทีของเรา  คุณชายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก  เขายังมีสิ่งดี ๆ ชดเชยในชีวิตอีกมากมาย
แต่นทีนี่สิ  อะไรชีวิตจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้  แม่คุณเล่นให้คู่นอนตามจิกคุณชายถึงโรงพยาบาลเลย
อยากรู้ซะจริงเรื่องของคนอื่น  ทีเรื่องสำส่อนของตัวเอง .. เรื่องเล็ก .. เหมาะกับอีริกจริง ๆ พ่อคนใจกว้าง  เฮ้อ
...
ปล. ฟ้าม่วงอย่าลืมโครงการรวมเล่มปางบรรพ์น๊า  พี่รออยู่

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
คุณชาย แค่เช็ดตัวให้อย่างเดียวนะอย่าทำอย่างอื่นเชียวละเดี๋ยวเป็นเรื่อง

nuewanda

  • บุคคลทั่วไป
ไรกัน มีเช็ดตง เช็ดตัว
คนอ่านเขิลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลอ่ะ  :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด