No broken Heart ,Non broken Glass. ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมกรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติ หาได้มีความจริงสักนิดไม่ ^^
No broken Heart ,Non broken Glass.
ตอนที่ 1 ร้านหนังสือ “นายรักอ่าน” ไม่ได้เป็นกิจการที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเหมือนเซเว่นที่อยู่ถัดออกไปติดถนนใหญ่
ไม่ใช่ร้านใหญ่ สาขามาก หรือมีสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง
ในทางตรงข้ามร้านหนังสือร้านนี้ออกจะเงียบเหงา
เหงามาตลอด
ตอนที่อยู่บนถนนสายเก่า ย่านการค้าดั้งเดิม นายรักอ่านเป็นเพียงห้องแถวไม้ขนาด 2 ชั้น ที่ชั้นบนคือที่พักของครอบครัวมาตั้งแต่รุ่นปู่ จนมาถึงรุ่นพ่อ กระทั่งนายรักอ่านคนปัจจุบันเข้ามารับช่วง ถึงได้ย้ายร้าน
แต่จะที่ไหนก็เงียบอย่างนี้แหละ
ถ้าจะวิเคราะห์ว่าเพราะตำแหน่งของร้านความสูง 3 ชั้น 1 ชั้นลอยนี้ ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ นั่นก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถึงจะต้องเดินเข้าซอยมาเล็กน้อย แต่นายรักอ่านเขาก็เป็นโฮมออฟฟิศหรูเชียวนะ มีที่จอดรถ 1 คันกับรั้วระดับเข่าแบ่งแยกพื้นที่กับร้านข้างๆ ถัดไปซ้ายมือนี่เขาเป็นสำนักงานทนายความ อีกด้านคือร้านทำผมระดับห้าดาว สามเอ ฝั่งตรงข้ามคือร้านอาหารฝรั่งเศส เห็นไหมออกจะเลิศหรู
หรือว่านายรักอ่านเขามาอยู่ผิดที่ผิดทางหว่า
ไม่น่า..
เพราะถัดไปอีกนิดเขาเป็นสถาบันกวดวิชา “ครูเอ” ที่ได้รับความนิยมจนต้องจองที่เรียนล่วงหน้า และทำให้มีโรงเรียนกวดวิชาของครูนิด กับครูเก่งตามมาอีก 2 แห่ง ตั้งอยู่ถัดไปอีกล็อค เดือดร้อนคนที่อยู่ทาวน์เฮ้าส์ กับบ้านจัดสรรด้านใน ที่มาร้องเรียนว่า การเดินทางช่วงเสาร์อาทิตย์ช่างยากลำบาก เพราะมีแต่รถผู้ปกครองมารอรับลูกหลาน
แล้วก็ยังมีร้านกิ๊ฟช็อปด้วยนะ เด็กนักเรียนนักศึกษาเพียบ
ใช่ผมบอกไปแล้วว่านายรักอ่านเขาอยู่อย่างเงียบเหงา
เมื่อมองเข้าไปในร้าน อย่าว่าแต่คุณจะประหลาดใจเลย ผมเองจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่า ปู่กับพ่อ เก็บหนังสือมากมายเหล่านี้ไว้ยังไง เพราะตอนที่วางแผนย้ายร้านกันเนี่ย มีการออกแบบกันไว้ว่าชั้นลอยจะเป็นที่สำหรับหนังสือเก่า ชั้นล่างมีหนังสือใหม่ กับมุมกาแฟ
ก็ของในร้านเก่าเป็นแค่ห้องแถวเล็กๆ เก่าๆนี่นา
ส่วนร้านใหม่เนี่ย เฉพาะชั้นล่างก็ใหญ่โตกว้างขวางกว่าร้านเดิมถึง 3 เท่าแล้ว
พื้นที่ว่างเหลือเฟือ งานนี้จิ๊บๆ ขอบอก
แต่ปรากฏว่า เมื่อจัดเรียงหนังสือเข้าร้านใหม่ ทั้งร้านก็ยังเต็มไปด้วยหนังสือ เต็มชั้น เต็มตู้ แม้แต่ตู้สูงชนเพดานที่ชั้นลอยก็ยังเต็ม
หรือหนังสือพวกนี้ออกลูกออกหลานไม่ก็เกิดอาการพองตัวในระหว่างการขนย้าย
หลังการพิจารณาสภาพแวดล้อมของร้านกันแล้ว เราก็ผลักประตูกระจกเข้าไปในร้าน เสียงกระดิ่งดังพอให้รู้ว่ามีคนเข้าร้าน ขวามือของคุณคือเคาน์เตอร์แคชเชียร์และโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์คือแผงหนังสือนิตยสาร กับหนังสือพิมพ์
ร้านหนังสือส่วนใหญ่จะวางหนังสือพิมพ์กับนิตยสารไว้ด้านนอกใช่ไหมครับ
แต่ร้านนี้จัดวางแบบนั้นไม่ได้ เพราะเจ้าของจะมีอาการปวดหัวใจหนึบๆ เมื่อเห็นหนังสือโดนแดด หรือเปื้อนฝุ่นน่ะครับ
ถัดไปด้านหลังของแผงหนังสือนิตยสารคือบันไดที่จะขึ้นไปชั้นลอย แต่เดี๋ยวค่อยไปดูกัน ตอนนี้เดินต่อเข้าไปในร้านกันอีกสักนิดนะครับ ชั้นวางหนังสือในระดับสายตา ที่วางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเหล่านี้ คือหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คใหม่ ๆ ส่วนเล่มที่มีอายุย้อนหลังตั้งแต่ 5 ปี – 10 ปีจะได้สิทธิ์พิเศษ ย้ายที่พักไปที่ตู้สูงติดผนัง
ด้านหลังสุดของร้านคือห้องพัก ที่มีโต๊ะรับประทานอาหารตัวเล็ก ตู้เก็บของ
เดินกลับออกมาทางเดิมแล้วเลี้ยวขวา ขึ้นไปที่ชั้นลอยกัน
จากแถวของตู้หนังสือที่หันข้างมาหา ไล่จากซ้ายไปขวา ที่เห็นสูงจรดเพดานเนี่ย หนังสือวิชาการล้วน จัดเรียงตามหมวดหมู่วิชาบรรณารักษ์เป๊ะ เว้นแต่เมื่อมองไปจนสุดทางขวามือ
ตรงนั้น
คือตู้ไม้ที่ติดผนังด้านใน จากระยะช่องว่างระหว่างตู้หนังสือ ด้านหน้าของตู้ใบสุดท้ายนี้ คือโต๊ะทำงานซ่อมหนังสือ พร้อมอุปกรณ์จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
ภายในตู้นี้คือของรักของหวงของนายรักอ่าน
หนังสือเก่าที่ ปู่-นายรักอ่านตัวจริงเป็นผู้เก็บไว้
แล้วพ่อ-นายรักอ่านช่วงที่ 2 ก็รับหน้าที่ทนุถนอมดูแลหนังสือเหล่านี้ เหมือนดูแลญาติผู้ใหญ่ในบ้าน พัฒนาวิธีการเก็บรักษา เก็บหนังสือใส่ตู้กระจก พร้อมยาป้องกันมอดแมลง
ตู้ใบนี้ติดกระจกหนาทั้งตู้ ปราศจากกุญแจ หรือสลัก
ปิดสนิทจนเหมือนกับเป็นหนังสือที่เก็บไว้เพื่อให้อ่านแค่สันปกเท่านั้น
เหมือนเจ้าของร้านเรียงหนังสือเข้าตู้เสร็จแล้วถึงได้ให้ช่างกระจกมาติดผนึกแน่นหนา
ความแปลกของตู้ใบนี้ยังมีอีก
ที่แถวกลางของตู้สุดท้ายนี้ มีชั้นวางหนังสือในระดับสายตา พื้นที่สี่เหลี่ยงช่องนี้ว่างเปล่า ไม่มีหนังสืออยู่ และไม่มีกระจกปิด
เป็นเพียงพื้นที่สี่เหลี่ยมว่างๆ เท่านั้น
และจากระเบียงชั้นลอยมองลงไปที่ด้านล่าง จะมองเห็นได้ทั่วทั้งร้าน
มาจนถึงบรรทัดนี้ ยังไม่มีคำตอบเลยใช่ไหมครับ ว่าในเมื่อนายรักอ่านไม่ใช่กิจการเฟื่องฟูอะไร แถมเจ้าของยังมีอาการหวงหนังสือซะขนาดนี้ แล้วทั้งร้านก็มีแต่เจ้าของอยู่เพียงคนเดียว เราเดินชมร้านกันนานสองนานยังไม่มีลูกค้าสักคน แล้วทำไมนายรักอ่านรุ่นที่ 3 ถึงได้มีเงินย้ายร้านมาอยู่ย่านการค้าและที่พักอาศัยสุดหรู ทำเลทองขนาดนี้
นั่นสิ ผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน...
เช้าวันศุกร์เจ้าของร้านถีบจักรยานไปส่งหนังสือพิมพ์ และนิตยสารตามบ้านลูกค้า แล้วกลับมาเปิดร้านจนถึง 10 โมงก็ออกไปไปรษณีย์ เพื่อรับพัสดุจากเพื่อน แวะกินอาหารเที่ยง แล้วกลับมาเปิดร้านอีกรอบตอนบ่าย มีหนุ่มสาวเดินเข้าร้านได้หนังสือนวนิยายแปลกับนิตยสารไปคนละเล่ม จากนั้นก็เป็นพนักงานส่งหนังสือจากโรงพิมพ์ รีบมารีบไปเพราะต้องไปหลายที่ ตามมาด้วย แตงโม เพื่อนหญิงที่มารับของ
“บาลีจ๋า แตงโมมาแล้วจ้ะ” หญิงสาวในเครื่องแบบพนักงานธนาคารยิ้มแย้มทักทาย
เจ้าของร้านที่โต๊ะทำงาน ถึงได้เงยหน้าจากหนังสือในมือ หันไปหยิบกล่องพัสดุที่วางไว้ที่ชั้นลอยหลังเคาน์เตอร์มาส่งให้
“อย่ามาจ๋าจ้ะ ของอยู่นี่”
“แหม บาลีอ่ะ พวกหล่อเสียดายของจริงเชียว” หญิงสาวทำท่างอน แล้วแกะกล่องพัสดุ
“เสียดายอะไร แล้วนั่นคุณนาย ไม่ไปแกะของที่บ้านหรือไง”
“ก็พวกหล่อ แต่ใจร้าย ปากจัด ไม่สนใจโลกไง นี่ ฟองบอกว่า มีของให้บาลีด้วย”
“อะไร” เจ้าของร้านถามก็จริง แต่ก็แค่ยืนมองเฉยๆ ไม่เห็นจะแสดงสีหน้าอยากรู้
แตงโมเปิดกล่องพัสดุ แล้วหยิบการ์ดออกมาอ่าน
“หนังสือรูปภาพน่ะ เมืองน่าเที่ยวในฝรั่งเศส”
แตงโมส่งหนังสือให้เจ้าของร้านรูปหล่อพร้อมกับเสียงหัวเราะร่วน
“ฝากบอกมันด้วย คราวหน้า รับส่งของกันเองเหอะ แมร่ง” ก็หนังสือเล่มนี้ในร้านนี้ก็มี อยู่ตรงชั้นวางหนังสือนำเที่ยวนั่นไง
“แหม ฟองเค้าอยากเห็นบาลีหัวเราะน่ะ”
“หัวเราะไม่ออกน่ะสิ ส่งหนังสือให้ร้านหนังสือ” บาลีส่ายหน้า วางหนังสือไว้ที่โต๊ะทำงาน
แตงโมชะโงกมองเข้าไปในร้าน แล้วหันมาหา “ไม่มีลูกค้าใช่ป่ะ ไปกินข้าวกัน”
บาลีหันไปมองนาฬิกา หกโมงกว่าแล้ว “ไปก่อนเถอะ เดี๋ยวรอสักทุ่มหนึ่งปิดร้านแล้วผมถึงจะออกไปกินข้าว”
“งั้นแตงโมรอดีกว่า กลับไปห้องก็ต้องกินข้าวคนเดียว”
หญิงสาวบอกแล้วเดินไปที่โต๊ะตัวเล็กในมุมด้านในของร้าน วางกระเป๋าสะพายแล้วนั่งลงดูของที่คนรักส่งมาให้ มีกล่องใบเล็กซ้อนอยู่อีก พอเปิดดูรอยยิ้มยิ่งกว้างกว่าเดิม เพราะกล่องนี้คือสร้อยข้อมือ สร้อยคอแฮนด์เมดแบบที่แตงโมชอบ
หญิงสาวหยิบขึ้นมาชูขึ้นอวดคนที่หน้าเคาน์เตอร์ “สวยป่ะ”
“เออ ฟองรสนิยมดี”
“อะ แน่นอน” แตงโมพูดขณะที่ทาบลงที่ข้อมือ “ว่าที่จริง หาซื้อแถวนี้ หรือต่อให้สั่งทำยังน่าจะถูกกว่าส่งมาจากฝรั่งเศสนะเนี่ย”
“.............อืม.............”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังที่ข้างหู แตงโมสะดุ้งมองรอบตัวแล้วหันไปหาคนที่หน้าเคาน์เตอร์
เห็นบาลีกระแอม ดวงตาคมเข้มจ้องมา
“เล่นอะไรเนี่ยบาลี”
ชายหนุ่มยักไหล่ “ปิดร้านไปกินข้าวกัน”
แตงโมเก็บของลงกล่อง แต่พอลุกขึ้นยืนก็ไม่วายหันไปมองรอบตัว
...จะว่าไปเสียงนั้นไม่เหมือนบาลี แต่มองไปมองมาก็ไม่เห็นมีใครสักคน หูแว่วไปเองละมั้ง...
ปิดร้านของบาลีก็แค่พลิกป้ายหน้าร้านจาก “เชิญด้านในครับ” เป็น “ปิดร้านสักครู่ครับเดี๋ยวมา”
แต่ถ้าปิดร้านตอนสองทุ่มก็จะเป็นป้าย “พบกันวันพรุ่งนี้นะครับ” ด้านหลังของป้ายนี้คือแผ่นกระดานว่างเปล่า สำหรับเขียนข้อความอื่นที่นอกเหนือจากข้อความพื้นฐานทั้ง 3
แตงโมเปิดประตูก้าวออกไปยืนนอกร้าน มองไปที่ด้านตรงข้าม คือหน้าสถาบันกวดวิชาครูเอ แตงโมเห็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวแบบพนักงานออฟฟิศกำลังมองมา คิดว่าน่าจะเป็นครูสอนพิเศษของที่นั่น ทีแรกก็คิดว่ามองแตงโม แต่พอมองอีกทีเหมือนกำลังมองไปที่คนที่กำลังปิดร้านหนังสืออยู่
สาวอารมณ์ดีเลยส่งยิ้มทักทายไป กำลังจะพูดทัก อีกฝ่ายก็หันหลังกลับเข้าไปด้านในเสียก่อน
“อะไรของเค้า”
“อะไร” บาลีหันมาถาม
“นั่นน่ะ ครูสอนพิเศษมั้ง เธอไปแย่งที่จอดรถเค้าหรือเปล่า ดูเค้าไม่ค่อยชอบชั้น”
“อ้าว เค้าไม่ชอบแตงโมแล้วเกี่ยวอะไรกับผม”
“เออ นั่นสินะ” แตงโมพูดแล้วหัวเราะ เดินคู่กันออกไปที่ร้านข้าวติดถนนใหญ่
ร้านข้าวมันไก่ยังพอมีที่ว่าง 2 คนเดินเข้าไปหาที่นั่งแล้วสั่งอาหาร ต้มมะระ ข้าวจานใหญ่ ไก่สับ ตามด้วยน้ำเปล่า เสร็จแล้วคิดเงินเดินออกมา ฟุตบาทที่เมื่อครู่ว่างเปล่า ตอนนี้มีแผงขายของแบบปูพื้นเรียงราย
ของที่ขายมีตั้งแต่รองเท้ามือเท่าไหร่ไม่รู้ เสื้อผ้า ไปจนถึงเครื่องประดับอย่างยางรัดผม กิ๊บติดผม ต่างหู และหนังสือเก่า ที่แตงโมสะกิดให้บาลีดู แต่เพราะว่านี่มันเป็นละแวกบ้าน บาลีก็หนักไปทางมองไปเรื่อยๆ เหมือนคนที่พบเห็นกันอยู่ทุกวันประมาณนั้น
เดินต่อมาจนถึงช่วงแผงลอยใต้หลังคาธนาคาร มีแผงเล็กๆขายเครื่องประดับแฮนด์เมด แตงโมที่ชอบของแบบนี้อยู่แล้วตรงเข้าไปทันที
บาลีไม่เคยเห็นหนุ่มนักขายคนนี้
หนุ่มนักศึกษา เสื้อยืดแขนยาว มัดรวบผมหางม้า ต่างหูสีเข้มข้างขวาสะท้อนแสงไฟ ดวงตากลมเหลือบขึ้นมองชายหนุ่มรูปหล่อแต่ท่าทางนิ่งเฉย คนที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาว ดวงตาสีเข้มที่จ้องมองแบบไม่วางตาทำให้คนขายที่กำลังถูกมองชักอึดอัด
“พี่ซื้อไรไหม”
“เดี๋ยวสิ ดูก่อน” แตงโมมัวแต่ดูสร้อยคอ ไม่รู้ว่าคนขายถามคนไร้อารมณ์ที่อยู่ข้างๆ หญิงสาวหยิบสร้อยคอ ลูกปัดหลากสีให้ดู “บาลีอันนี้สวยไหม มันน่าจะเข้ากับสร้อยข้อมือที่ฟองซื้อให้”
“อือ สวยดี” บาลีบอก แต่ดวงตายังหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม
คนขายเลยถามใหม่ “พี่บาลีน่ะ ไม่เลือกซื้อของผมหน่อยเหรอพี่”
บาลียกยิ้มมุมปาก แล้วเลยพลอยยักคิ้วตามมุมปากไปด้วย
ท่าทางที่เมื่อครู่ดูเหมือนเป็นคนเฉยเมย ไม่สนใจใคร แต่เพียงแค่ขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเล็กน้อยก็ทำให้กลายเป็นเจ้าเล่ห์ รู้ทัน โดยเฉพาะดวงตาที่มองมา
ที่สำคัญ .. “ยิ้มแล้วก็หล่อดีนี่หว่า ทำไมไม่ชอบยิ้ม” คนขายทำพึมพัมให้ได้ยิน
บาลีก้มลงมองของในแผง ดวงตาสีเข้มกวาดมองแล้วหยุดนิ่งที่สร้อยข้อมือถักล้อมรัดแก้วใส
รู้สึกเหมือนมีลมเย็นพัดผ่านวูบ พยายามบังคับมือตัวเอง แต่มือใหญ่ก็ยังเอื้อมเข้าไปใกล้สร้อยข้อมือเส้นสวย ทันทีที่แตะ ...
.....บาลีก็มองเห็น....
เด็กหนุ่มอีกคนอายุไล่เลี่ยกับคนขาย ใบหน้าซีด......โปร่งใส ดวงตามองมาเหมือนร้องขอ ริมฝีปากบางเสื้อยืดคอกลมสีขาว กับกางเกงยีนเก่าขาด
ร่างโปร่งใสของเด็กคนนี้นั่งอยู่ข้างกับคนขาย แต่คนขายเหมือนไม่รู้ตัวว่ามีคนอยู่ข้างๆ
“อ้าว อันนั้นของผมเอง สงสัยตอนเก็บจะเอาไปปนกันพี่จะเอาเหรอ”
“ของนายเหรอ”
“ฮะ เพิ่งมีคนให้มา ผมชอบที่แก้วมันใสมาก ไม่ใช่เรซิ่นนะพี่ แล้วพี่ดูดิ ข้างมันมีหยดสีแดงๆรูปหัวใจ สวยดีนะพี่ ปกติถ้าไอ้ใสๆ แบบนี้เป็นรอยนะ มันจะไม่สวยแล้ว แต่นี่มันยังดูดีอยู่เลย” หนุ่มคนขายแนะนำสินค้า
แตงโมชะโงกหน้ามามองสร้อยข้อมือในมือของบาลี
“อือ สวย แต่แตงโมว่าน่ากลัวอ่ะ เนี่ยสีแดงเนี่ย”
“พี่บาลีไม่เอาใช่ป่ะ ผมขอคืนนะ” คนขายแบมือขอคืนดื้อๆ
บาลีมองสร้อยในมือ พยายามบังคับสายตาไม่ให้มองร่างโปร่งใสที่อยู่ข้างคนขาย ทั้งบังคับให้ตัวเองคลายมือคืนสร้อยเขาไป
แต่ที่พูดออกไปก็คือ...
“พี่เอาเส้นนี้”
ร่างโปร่งใส ที่นั่งอยู่ข้างคนขายคลี่ยิ้มสวย....สวยมากจนใจเต้นแรง ดวงตาคู่นั้นเหมือนมีประกายของชีวิต
“อ้าว” คนขายหันไปมองแตงโมเหมือนขอความเห็น
แต่แตงโมยักไหล่ “เนี่ยแหละ ตาบาลีของแท้ล่ะ ตลอดๆ”
“เท่าไหร่” บาลีถามคนขาย
คนขายเอียงหน้าคิดราคา “ผมได้มาฟรี”
บาลีหยิบกระเป๋าสตางค์ ส่งธนบัตรสีเทาให้ คนขายถึงกับตาโต
“มันไม่ขนาดนั้นหรอกพี่”
“เออ เอาไปเหอะ” บาลีส่งเงินให้ แล้วเก็บสร้อยข้อมือใส่กระเป๋าเสื้อ
จากแผงขายสร้อยถัก บาลีก็เดินไปส่งแตงโมขึ้นรถไฟฟ้าแล้วเดินกลับมาที่ร้านนายรักอ่าน เจอคนขายของมาดักรอที่หน้าร้าน
...เออ มันรู้ได้ไงว่าอยู่ร้านนี้...เก่งนี่หว่า...
หรือเราไม่สนใจใครมากเกินไปวะเนี่ย
“อ้าว ไม่ต้องเฝ้าแผงหรือไง” ฟอร์มเหมือนรู้จักกันไปก่อนละกัน
“เก็บแล้ว” คนขายหันให้ดูกระเป๋าเป้หลังใบใหญ่
“เออ ดีนะ ขายของได้เงินพันก็เก็บร้าน”
“ไม่ใช่งั้นหรอกพี่ ผมไม่สบายใจน่ะ พี่เอาเงินคืนไปเหอะ ผมขอสร้อยข้อมือคืน”
“ไม่สบายใจอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกัน ขอสร้อยคืนได้ไหมพี่”
ท่าทางลุกลี้ลุกลนของหนุ่มน้อยทำให้บาลีขมวดคิ้ว หันไปมองรอบๆ ตอนนี้ไม่เห็นอีกคน
...เอ่อ..ร่างโปร่งใสยิ้มหวานคนนั้นน่ะ คนที่ติดตามหนุ่มคนนี้น่ะนะ..
“ชื่ออะไรน่ะเรา”
“คอส”
“คอสเหรอ” บาลีทวนชื่อ “อีกสักวันสองวันถ้ายังอยากได้คืนก็มาหาพี่ที่ร้านนี่แหละ”
หนุ่มตัวสูงแตะมือที่ไหล่ของคอสแล้ว ไขกุญแจเปิดร้าน หันไปมองนาฬิกาอีกที คิดว่าจะเปิดร้านต่ออีกสักชั่วโมง
แต่พอเปิดไฟ เก็บกุญแจใส่ลิ้นชัก ก็มีลูกค้าเดินตามเข้ามาซื้อนิตยสารกีฬา ดูท่าทางคาดว่าจะรออยู่
“มารอนานแล้วหรือครับ”
“ไม่หรอก ผมมาแล้วเห็นป้ายเลยเดินไปกินข้าวแล้วกลับมา นายรักอ่านก็มา”
บาลียิ้มกว้าง ก็นี่แหละ คนแถวนี้ส่วนใหญ่จะเรียกเขาว่านายรักอ่าน
กำลังทอนเงินให้ลูกค้าประตูก็เปิดออกอีกครั้ง บาลีหันไปยิ้มทักทายลูกค้าที่แต่งกายชุดพนักงานออฟฟิศ ท่าทางเรียบร้อย
แต่ที่หน้าร้าน คือร่างโปร่งใสของเด็กหนุ่มคนนั้นที่ยืนอยู่ บาลีแตะกระเป๋าเสื้อที่ใส่สร้อยข้อมือไว้แล้วส่ายหน้า
หันมาอีกที ลูกค้าพนักงานออฟฟิศคนที่เพิ่งเข้ามาเลือกนิตยสารผู้หญิงเล่มหนาด้วยโฆษณามากกว่าครึ่งเล่มมาส่งให้
“ไม่คิดจ้างพนักงานไว้ช่วยสักคนล่ะ เวลาออกไปกินข้าวกับแฟนจะได้ไม่ต้องปิดร้าน”
บาลีมองลูกค้ารายนี้นิ่งๆ ใบหน้าของหนุ่มออฟฟิศแดงเรื่อคงเพราะความเก้อเขินที่เปิดการสนทนาก่อน ริมฝีปากแดง ผมสั้นจัดทรงสวย นิ้วมือเรียวเคลือบเล็บอย่างดี
เจ้าของร้านหนังสือคลี่ยิ้มกว้าง “เธอเป็นแฟนเพื่อนผม มารับของที่เพื่อนผมส่งมา คุณน่าจะมองออกว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง”
==========จบตอนที่ 1========
ตอนที่1 ตอนที่2 ตอนที่3 ตอนที่4 ตอนที่5 ตอนที่6 ตอนที่7 ตอนที่8 ตอนที่9 ตอนที่10 ตอนที่11 ตอนที่12 ตอนที่13 ตอนที่14 ตอนที่15 ตอนที่16 ตอนที่17 ตอนที่18 ตอนที่19 ตอนที่20 ตอนที่21 ตอนที่22 ตอนที่23 ตอนที่24 ตอนที่25 ตอนที่26 ตอนที่27 ตอนที่28 ตอนที่29 ตอนที่30 ตอนที่31 ตอนที่32 ตอนที่33 ตอนที่34 ตอนที่35 ตอนที่36 ตอนที่37 ตอนที่38 ตอนที่39จบ
ตอนพิเศษ ตอนที่1 ตอนพิเศษ2 (แพท-หมอก) ตอนพิเศษ3 (คอส-บาลี)
ตอนพิเศษหนังสือเก่าเล่มใหม่ ตอนพิเศษThe Row House
ตอนพิเศษTrick not Treat#1 ตอนพิเศษTrick not Treat#2