ตอนที่ 13
คนอย่างผม ก็อยากมีโมเม้นต์น่ารักๆ แบบไปเรียนพร้อมกันอยู่นะเหว่ยยยย~
เพราะงั้นวันนี้ตอนเช้าผมจึงตื่นมาด้วยความสดชื่นแจ่มใส อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มุ่งไปยังบ้านของไอ้หมาบ้า มั่นใจเต็มร้อยว่ายังไงก็ได้ขึ้นรถไปด้วยกันแน่ๆ แค่คิดผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้แล้ว
เดินถึงหน้าบ้านไอ้กันก็เจอลุงชมเจ้าเก่าเจ้าเดิม ลุงแกขยันมาก ตื่นมารดน้ำต้นไม้แต่เช้าเลย ผมพุ่งตัวเข้าไปเกาะประตูรั้ว แล้วร้องทักทายลุงแกเสียงดัง
“ลุง! ลุงค้าบบบบบบ~ สวัสดีนะ”
“มาอีกแล้วเรอะ”
“ใช่แล้ว คิดถึงผมมั้ยลุง” เราก็ต้องมีถามนู้นนี้ก่อนบ้าง ลุงแกเดินไปปิดน้ำแล้วเดินกลับมาหาผม ผมยิ้มแฉ่งไปเป็นทัพหน้า เผื่อลุงแกจะยอมเปิดประตูให้ผมเข้าไปหาไอ้หมาบ้านั่น
“ผมมาหากันๆ อะลุง เปิดประตูให้หน่อยสิ ไม่เปิดผมปีนจริงๆ ด้วยนะ และขอบอกไว้ก่อนว่าผมลงไม่ได้ เพราะงั้นลุงต้องช่วย แต่ถ้าลุงไม่อยากช่วย ลุงต้องเปิด โอ้สสส~” ร่ายไปยาวๆ ให้ลุงแกมึนเล่นๆ ลุงชมนิ่งไปประมาณสี่ถึงห้าวิ ก่อนจะทำสีหน้าลำบากใจนิดๆ
“คืองี้นะ…”
“อ่าห้ะ รอฟังอยู่ครับ”
“คุณกันออกไปตั้งนานแล้ว”
ห้ะ!!
“ไปแล้ว!! ไปเมื่อไหร่อะลุง ผมนี่ตื่นแต่เช้าเลยนะเว้ย เพื่อมาเจอมันโดยเฉพาะเลยนะ มันกล้าดียังไงถึงไปโดยไม่รอผม” เหวอสิครับงานนี้ ผมโอดครวญใส่ลุงแกใหญ่เลย ลุงชมก็ดูเป็นห่วงเป็นใย แทบจะเปิดประตูออกมาปลอบโยนกัน แต่ไม่เป็นไรลุง ผมโอเค~
“เมื่อเช้าลุงก็ถามคุณเขาอยู่ว่าทำไมถึงออกไปเร็วจัง คุณกันบอกว่าถ้าไปช้าอาจจะได้เจอเอ็ง เพราะงั้นถึงได้ออกเร็วกว่าปกติ” ฉิบหาย ผมตาโตใส่ลุงชม ทำไมมึงแสนรู้จังวะ รู้ด้วยว่ากูต้องมาหา
“ทำไมมันรู้อะลุง”
“ก็เอ็งเล่นประกาศซะขนาดนั้น ยังไงเอ็งก็ต้องมีโผล่มาบ้างแหละ” ลุงแกเบ้หน้าใส่ผม หยาบคายมากเลยลุง มองเหมือนผมไม่ฉลาดงั้นแหละ ผมแค่ยังคิดไม่ได้เท่านั้นเอง โด่ว~
“งี้ผมก็อดเจอมันอะดิ” เสียงผมนี่หงอยเลย ลุงแกก็มองแบบเห็นใจนิดๆ
“นี่ยังต้องถามอีกเหรอ” ฮ้อยยยย~ เห็นใจเราจริงเปล่าเนี่ยแบบนี้
เพราะงี้ผมจึงเดินคอตกกลับมาขึ้นรถเมล์ไปเรียน ไหนโมเม้นต์ไปเรียนพร้อมกัน ไหนไอ้ความคิดที่ว่าต้องเจอหน้ากันตอนเช้า ไอ้กันแม่งก็นิสัยเสีย คิดจะหนีกันจริงๆ ใช่มั้ย มึงคิดว่ากูยอมมึงเหรอ อย่าดูถูกกูให้มากนะ
และทั้งวันระหว่างที่นั่งเรียน ผมนี่ใช้ความคิดอย่างหนักเลย เปล่า ไม่ได้คิดเรื่องเรียนหรอก อาจารย์สอนอะไรอย่าได้ถาม มันไม่เข้าหัวเลยสักนิด ลึกๆ ในใจก็แค้นไอ้กันๆ มันอยู่นะ อะไรจะไม่อยากเจอกันขนาดนี้ รำคาญกูนักใช่มั้ย ไม่ชอบกูนักใช่มั้ย งั้นกูจะเสนอหน้าไปให้มึงเห็นจนเบื่อเลย สาดดด
“นี่นานา”
“อะไร” ขัดเวลาตั้งใจเรียนของมันมาก มันหันมาขมวดคิ้วใส่ หน้าตาบ่งบอกมาก่อนเลยว่าถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญยังไม่ต้องมาคุยกัน ผมเขยิบเข้าไปใกล้ๆ มันก่อนจะกระซิบถาม
“ไอ้กันๆ มันแพ้อะไรบ้าง”
“ไม่นะ กูเห็นมันชนะตลอด”
นั่นคนใช่มั้ย ผมทำหน้าเอือมใส่เพื่อนรัก ไอ้นานาถอนหายใจ ก่อนจะเขียนอะไรยุกยิกใส่กระดาษ ผมชะเง้อคอไปมองแม่งก็ทำตาดุใส่ซะงั้น ผมเบะปากใส่แบบงอนๆ แล้วกลับมานั่งดีๆ สักพักกระดาษแผ่นนั้นก็ถูกยื่นมาวางตรงหน้า
หืมมมมมม
ไม่ชอบมะเขือ เกลียดกลิ่นตะไคร้ ไม่ชอบความวุ่นวาย มันไม่ชอบใช้กำลังแต่ถ้าทนไม่ได้มันจะต่อย รักน้ำรักปลา ถ้าตัดต้นไม้ที่บ้านของมัน มันจะโกรธที่สุด ไม่มีสัตว์ที่กลัวเป็นพิเศษ
ไอ้เหี้ยกัน ข้อมูลของมึงไม่ได้เรื่องเลยว่ะ ที่เห็นว่าพอจะใช้ได้ก็มีแค่เกลียดกลิ่นตะไคร้กับอย่าตัดต้นไม้นี่แหละ หึๆ ถ้ามึงหนีกูอีก กูจะบุกเข้าไปในห้องมึง แล้วสาดกลิ่นตะไคร้ไว้เป็นของดูต่างหน้า หึๆ
ผมแสยะยิ้ม หันไปยกนิ้วโป้งให้ไอ้นานาเพื่อนรัก แต่มันกลับยกนิ้วกลางมาให้ ข้อหารบกวนเวลาตั้งใจเรียนของมัน ผมยิ้มแหยๆ ให้อีกที ก่อนจะกลับมาวางแผนในหัวต่อ
เรียนเสร็จไอ้นานาก็กอดคอผมเดินลงมาจากตึก แถมมีการทิ้งน้ำหนักลงมาด้วยนะ เกิดมาตัวเท่ามึงนี่ไม่ดีเลย ผมแอบส่งไลน์ไปถามไอ้ตองดูก่อน ให้มันไปสืบมาว่ากันๆ หน้าโหดอยู่ที่บ่อปลาสุดรักของมันหรือเปล่า รอสักพักไอ้ตองมันก็กลับมา
…ไอ้เหี้ยวิป ลำบากกูตลอด ไปดูให้แล้ว เพิ่งเดินไปถึงเมื่อกี้นี้เอง…
เยส!!
ผมยิ้มกว้าง ใจนี่ลอยไปหามันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไอ้นาเพื่อนเลิฟเกิดความสงสัย ฉกโทรศัพท์จากมือผมไปอ่าน ก่อนที่ริมฝีปากสวยๆ ของมันนั้นจะเบ้ออกแบบเหยียดๆ แล้วยัดโทรศัพท์คืนใส่มือผม
“สรุปว่าเที่ยงนี้ก็ไม่ไปกินข้าวกับกูใช่มั้ย”
“มึงเก่ง มึงกินคนเดียวได้กูรู้” ผมทำหน้าซื่อตาใสกลับไป เอ้ากูแถมกะพริบตาปริบๆ ให้ด้วยเลย
“มึงจะไปไหนก็ไปเลยไอ้ห่า อารมณ์เสีย” แม่คุณสะบัดผมใส่แล้วเดินจากไป เอาเลยเพื่อน ขอให้เธอโชคดีนะ เราไม่รั้งหรอกไม่ต้องทำเป็นงอน พอไอ้นาไปแล้วผมก็มุ่งตรงไปที่สิงสถิตของไอ้กันๆ หมาบ้า เป็นอย่างที่ไอ้ตองสายสืบรายงาน มันนั่งอยู่ตรงนั้นพอดีเลย ใบหน้าหล่อดุนั่นเงยขึ้นหน่อยๆ ดวงตาหลับพริ้ม คล้ายกับว่ากำลังซึมซับความเงียบสงบของบริเวณนี้
แต่ตอนนี้กูนี่แหละกำลังจะทำให้มันไม่สงบ อะหื้อออ~
ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ๆ ร่างหนาที่กำลังนั่งอยู่ ลงเท้าให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ อมยิ้มนิดๆ เมื่อเดินเข้ามาใกล้แล้วแต่มันก็ยังไม่รู้สึกตัว ผมหยุดอยู่ตรงหน้ามัน พร้อมกับโน้มตัวลงไปใกล้ๆ ใบหน้าหล่อๆ นั่น แม่ง! อิจฉาเบาๆ ใครใช้ให้มึงมันหล่อวะกันๆ
“แฮ่!!”
พลั่ก!
แค่แฮ่ไปเท่านั้นแหละ ฝ่ามือหนาของมันทำงานเร็วมาก พรึ่บเดียวทันทีที่ผมแฮ่จบ มันก็ดันหน้าผมออกห่างอย่างแรง ผมว่ามันเองก็ยังไม่รู้ว่าใครมาแกล้ง แต่พอได้ยินเสียงมือคงไปเอง ร่างหนาพอเห็นผมเต็มๆ ตาก็ขมวดคิ้วฉับ สายตาขับไล่ถูกส่งออกมาเลย
กูไม่ไปหรอก กูหน้าด้าน แอะ~
“มึงมาทำไม”
“มึงหนีกูทำไมล่ะ” ผมสวนกลับ รู้สึกได้เปรียบนิดหน่อย เพราะตอนนี้มันนั่งอยู่ ส่วนผมยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้า เหมือนได้เหนือกว่าอยู่นิดนึง
“แล้วทำไมกูต้องอยู่รอมึง” แน่ะ มีต่อปากต่อคำ มันทำเสียงเรียบใส่ผม ณ จุดนี้ผมจะเลิกคิดเล็กคิดน้อยแล้ว จะคิดซะว่านี่คือเสียงปกติของมัน
“มึงกลัวกูอะดี้~” ผมเลิกคิ้วทำท่ากวนๆ กระดิกเท้าด้วยยั่วอารมณ์มันไป เอาซี่กันๆ~
“ทำไมกูต้องกลัวมึง” หน้านิ่งได้อีก
“แอะ”
“กูว่ากูบอกมึงไปแล้วนะวิปว่ากูไม่ชอบให้มาวุ่นวาย” เริ่มขมวดคิ้ว
“แอะ~”
“และอีกอย่างกูก็ไม่ได้ชอบมึง เพราะงั้นเลิกตามกูได้แล้ว” รู้สึกได้ถึงควันที่ออกหู
“แอะๆ”
“มึงเป็นคนที่ดื้อด้านที่สุดเท่าที่กูเคยเจอมาเลย” กัดฟันพูดแล้ว~
“แอะๆๆ!”
“สัดวิป!!”
ของขึ้นแล้วจ้า ผมยิ้มกว้างไม่สะทกสะท้านกับเสียงโหดๆ ที่ดังลั่น ร่างหนาลุกขึ้นยืนจ้องหน้าผมเขม็ง ผมยังคงยิ้มค้างไว้อยู่ แต่ในใจเริ่มหวั่นๆ แล้ว แต่มันคงไม่ทำอะไรผมหรอกมั้ง
“ต้องให้กูทำยังไงมึงถึงจะเลิกวุ่นวายกับกูสักที” ร่างสูงขยี้ศีรษะด้วยความหงุดหงิด แล้วเท้าเอวพร้อมรบประจันหน้ากับผม ผมส่ายหน้าจนเส้นผมกระจาย
“หูยยยยย ทำไม่ได้หรอก นายต้องทำใจแล้วแหละกันๆ” นี่ผมไม่ได้พูดเล่นนะ กูไม่เลิกยุ่งกับมึงง่ายๆ หรอก ก่อนหน้านี้คิดจะกันกูออกด้วยวิธีแบบนั้นเหรอ ตอนนี้กูรู้ความจริงหมดแล้ว รำคาญกูดีนัก งั้นก็เจอหน้ากูบ่อยๆ นี่แหละ เจอจนกว่ามึงจะชอบกูไปเลย
“หรือมึงอยากจะเจ็บตัว” ดวงตาดุจัดนั่นจ้องเขม็งมาเลย ผมเหงื่อตก ปากก็ยังยิ้มค้างอยู่ ร่างหนาสาวเท้าเข้ามาด้วยท่าทีคุกคาม ผมใจหายวูบ ก้าวถอยหนีเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ยอมหลบตา
ไอ้นา! ไอ้เลว ไหนมึงบอกว่ามันไม่ชอบใช้กำลังไงวะ แต่…เฮ้ย! เราลืม~ มันเขียนไว้ว่าถ้ามันทนไม่ไหวมันจะต่อย! ฉิบหายแล้วพี่น้อง ผมเริ่มหัวเราะแห้งๆ พยายามมองหาทางรอดของตัวเอง อยู่ไหนเอ่ย~
“เราคุยกันได้นะนาย”
“คุยมาพอแล้ว” นิสัยเสียมาก แล้วมึงก็เลิกเดินเข้ามาได้แล้ว ไอ้เหี้ย! กูกลัว! ผมถอยหนีมันไปเรื่อยๆ ร่างสูงก็ยังไม่หยุดเดินเข้ามา ถอยไปจนผมชะงัก หันกลับไปมองด้านหลังก็…อื้มมมม~ ชัดเลยจ้า บ่อปลาเจ้าเก่า ฮืออออ~ เห็นแววว่าจะตกอีกรอบไงไม่รู้
“หึ!” แสยะยิ้มด้วยไง
“แฮ่~”
ผมยิ้มแหย ไอ้กันมันเป็นผู้ชายใจร้าย ไม่มีความปราณี แววตามันบ่งบอกเลยว่ากูไม่ได้ล้อเล่นสักนิด ใจผมเต้นรัว ขยับไปทางซ้ายมันก็ตามมาดัก ฮืออออ ให้กูไปเถอะ ระหว่างที่ผมกำลังหาทางหนีอยู่นั่น มือหนาก็ยื่นออกมาอย่างเร็ว และผลักหน้าผมไปแบบเต็มๆ
“เฮ้ย!!!” ผมร้องลั่นพร้อมกับร่างของผมที่กำลังจะร่วงลงบ่อปลาอีกครั้ง แขนนี่ว่ายอากาศเลย ผมหลับตาปี๋เตรียมรอรับความเปียกที่จะได้รับ แต่แล้ว…ผมก็ไม่หล่น
“เอ๋…” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ตัวผมเนี่ยเอนไปเกือบจะทั้งตัวแล้ว แต่ที่ไม่หล่นเพราะไอ้หมาบ้ามันดึงเสื้อไว้อยู่ เอาง่ายๆ ถ้ามันปล่อยมือเมื่อไหร่ผมร่วงแน่ๆ ผมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้มัน แต่พี่ท่านแกร่งเกิน ไม่รู้สึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อยนะจ๊ะ
เมื่อได้โอกาสผมเลยคว้าแขนหนาเข้าไว้แล้วดึงตัวเองขึ้นไป พอยืนได้ปกติก็ถอยห่างออกมาจากบ่อปลาที่น่ารักนั่น ไอ้หมาบ้ามันแอบยิ้มเยาะนิดๆ ก่อนจะเดินออกไป ผมกำลังจะตามเลย แต่พี่แกตวัดสายตาดุๆ กลับมา ผมเลยได้แน่ยืนสงบเรียบร้อยน่ารักอยู่กับที่และมองตามแผ่นหลังกว้างไป
นี่สรุป…กูจีบมันยังวะ
…………………………
เพราะตอนเที่ยงยังไม่ได้จีบแบบจริงๆ จังๆ เลย พอกลับถึงบ้าน ผมกินข้าวอาบน้ำเสร็จก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เบอร์ไอ้กันน่ะมีแล้ว แต่ยังไม่เคยโทรหามันเลย เพราะงั้นคือนี้จะเป็นครั้งแรก
แหมะ…พูดซะตัวกูเองยังคิดลึกเลย
ผมกดโทรออก รอสายสักพักหมาบ้ามันก็รับ
[ฮัลโหลครับ]
ผมใจเต้นโครมครามเลย ปกติจะได้ยินเสียงนิ่งๆ โหดๆ ของมันอย่างเดียว แต่พออยู่ในโทรศัพท์เสียงพี่แกกลับนุ่มน่าฟังสัดๆ ผมอึ้งค้างไปแวบหนึ่งก่อนจะตั้งสติได้
“สวัสดีนะ!!”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
อ้าวเหี้ย! วางสายกูเฉยเลย
ผมมองโทรศัพท์อย่างเอ๋อๆ เฮ้ยนาย เราแค่สวัสดีนะไปเองอะ วางสายใส่ซะงั้น ผมโทรกลับไปอีกครั้ง มันตัดสายผมจ้า ผมก็กดโทรอยู่แบบนั้นเรื่อยๆ แรกๆ หน้าบ้ามันก็ตัดสาย แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นปล่อยให้สัญญาณดังไปเรื่อยๆ รอให้สายมันตัดไปเอง
ผมฉุนมาก ไม่มีใครผัดพริกผัดแกงอะไรนะไม่ต้องเล่นมุก แอะแฮ่~ มึงจะเอาแบบนี้กับกูใช่มั้ยกันๆ ด้ายยย~ ได้เลย ลูกบ้ากูเยอะนะขอบอก ผมคว้ายางรัดผมมามัดผมข้างหน้าขึ้นไปเป็นจุก น่ารักจังกู เสร็จแล้วก็พุ่งตัวออกจากห้อง เจอปู่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดีเลย
“หิวน้ำหรือไง”
“เปล่าอะปู่ จะไปบ้านเพื่อน”
“เพื่อนไหนมึงอีก ดึกดื่นป่านนี้”
“แถวนี้แหละ ใกล้ๆ ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา ถ้าผมไม่กลับมา…ก็คือไม่กลับมาแหละ” งงมั้ยปู่จ๋า~ ท่าทางปู่ไม่อยากให้ผมออก แต่คงรู้ว่าห้ามไม่ได้ เลยทำแค่โบกมือไล่ผมแค่นั้น ผมเดินมาที่บ้านไอ้กัน พอมาถึงก็ยืนเอ๋ออยู่หน้าบ้าน คือ…ปกติมาแล้วจะเจอลุงชมไง แต่ตอนนี้มันดึกแล้วลุงแกคงไม่ออกมารดน้ำต้นไม้หรอก
ในเมื่อไม่มีทางเลือกผมเลยกดออด ไม่กดธรรมดาด้วยนะ ธรรมดาก็ไม่ใช่ไอ้วิปน่ะสิ กระหน่ำเลยจ้า เอาให้ตื่นกันทั้งบ้านไปเล้ย~ จริงๆ อยากลองปีนรั้วดูนะ แต่กลัวคนแถวนี้ผ่านมาเห็นแล้วหาว่าผมเป็นขโมยเดี๋ยวจะแย่กันไปใหญ่ ในบ้านหลังนี้ไม่มีอะไรที่ผมอยากได้หรอก นอกจากหัวใจไอ้หมาบ้า
อั้ยยะ! พูดดีอะ~
ยืนให้ยุงกัดอยู่สักพักลุงชมเจ้าเก่าก็วิ่งหน้าตื่นออกมา พอเห็นผมยืนอยู่ก็ทำหน้ายักษ์ใส่เลย สงสัยตกใจเสียงออดไม่หาย ผมยิ้มประจบ นาทีนี้ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ตัวเองโดนด่า
“มาทำไมอีกดึกป่านนี้ กดซะเอาตกใจไปหมดทั้งบ้าน” นั่นแหละฮับที่ผมต้องการ
“ลุงชมครับ ให้ผมเข้าไปหน่อย ผมมาหากันๆ”
“ทำไมมาซะดึกเลย”
“ก็มาเช้าแล้วไม่เจอก็ต้องมาดึกสิลุง” เค้าเปล่ากวนตีนเลยนะ ลุงแกทำท่าทางคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้ผมเข้าไปดีมั้ย ผมเลยส่งสายตาลูกหมาอ้อนไปให้เพื่อให้ลุงแกตัดสินใจได้เร็วขั้น และมันก็ได้ผล ลุงแกยอมเปิดประตูให้ผมเข้าไป
“ขอบคุณค้าบ” ลูกอ้อนกูยังใช้ได้ผลตลอดแหละ แต่ไม่เคยได้ผลกับไอ้หมาบ้าเลย เศร้าจายยย~
ลุงชมเดินนำผมเข้ามาในตัวบ้าน ผมชะเง้อไปเห็นร่างสูงเดินลงมาจากบันไดพอดี โชว์หุ่นล่ำๆ ของตัวเองด้วยการไม่ใส่เสื้อ อิจฉามาก ณ ตอนนี้
“ใครมาลุงชม”
“เค้าเอง~” ผมเอี้ยวตัวไปมอง ก่อนจะเดินออกมายืนประจันหน้ากับมัน
“ไอ้วิป!”
“ใช่ๆ วิปเอง~” ผมยิ้มกว้าง กันๆ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุงชมแกรู้งาน พาตัวเองออกไป ส่วนหนึ่งคงเพราะเห็นท่าทางของไอ้กันแล้วคงคิดได้ว่าไม่น่าให้ผมเข้ามาเลย มันกำลังจะหันหลังเดินกลับขึ้นไป ผมตาโต รีบเดินไปดักไว้ไม่ยอมให้หนี
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“กูไม่อยากคุยกับมึง กลับบ้านมึงไปได้แล้ว” ไล่อีกต่างหาก
“ถ้าไม่อยากเจอก็รับสายดิ” ผมยืดใส่ ร่างสูงคิ้วกระตุกด้วยความโกรธ ผมลอยหน้าลอยตาใส่ มันจะเดินผมก็ขวางไว้ จนมันทนไม่ไหว ยื่นมือออกมาหมายจะผลักหัวผมอีกครั้ง พอมันวางลงมาปุ๊บผมก็คว้ามือมันแล้วงับไปลง กำลังจะลงแรงกัดเลยนะ แต่พอเจอสายตาดุจัดนั่นก็ได้แต่งับไว้เฉยๆ
มันไม่ชักกลับด้วยนะ แต่มองให้รู้ว่า…มึงกัดมึงได้ตายแน่
ผมฮึดฮัด แล้วทำได้แค่งับลงไปเบาๆ ก่อนจะปล่อย ร่างสูงดึงมือกลับไปดูแล้วทำหน้าเหยียดๆ หูยยหยาบคาย แค่น้ำลายนิดหน่อยเท่านั้นเอง โด่ว~
“มึงมาเพราะกูไม่รับสายแค่นี้เนี่ยนะ”
“เฮ้ย! เรื่องใหญ่นะเหว่ย~ มึงไม่ใช่คนที่กำลังชอบแบบกูนี้หว่า เพราะงั้นเราเลยพุ่งตัวมาหานายที่บ้านนี่เลยไง เจ๋งใช่เปล่าล่า~” ยืดสิครับ ไอ้กันไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับผมด้วย ดวงตาคมกวาดมองผมทั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่ายหน้าหน่อยๆ
“ส่ายหน้าทำไม ชุดนอนนะเนี่ย แพนด้าด้วย” ว่าแล้วก็กลางแขนโชว์ให้มันดูเลย แต่ดูเหมือนว่ากันๆ มันจะไม่แฮปปี้กับผมเท่าไหร่นะ เห็นแบบนั้นผมก็เบะปากใส่เลย นี่ถ้าเป็นไปได้นะ ผมจะยืนขวางนอนขวางมันไว้ไม่ให้มันหนีผมขึ้นห้องเลย
“มึงมาเพราะแค่กูไม่รับโทรศัพท์มึงแค่นี้เนี่ยนะ”
“เฮ้ย! มันเรื่องใหญ่นะเหว่ย มึงไม่ใช่คนที่กำลังชอบแบบกูหนิ แต่สำหรับกูมันสำคัญมาก มึงรู้มั้ยกูอาจจะกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยก็ได้นะ อาจจะถึงตายเลยก็ได้น้า เป็นไง น่าสงสารใช่ปะล่ะ” ผมกะพริบตาปริบๆ ใส่ ทำท่าทางเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ แต่กันๆ มันก็ยังคงมีภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่หวั่นไหวต่อท่าทางของผม
“เมื่อไหร่มึงจะกลับไปสักที”
“เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ”
“มึงต้องการอะไร”
“เกี่ยวก้อยสัญญากันก่อนว่าจะให้” ผมจ้องหน้าจริงจัง ไอ้กันมองผมเหมือนอยากจะบอกว่า กูไม่โยนมึงออกจากบ้านก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“มึงต้องการอะไร”
“พูดมาก่อนดิว่าจะให้ พยักหน้าก็ได้ เร็วๆ ให้อยากกูกลับมั้ย ถ้าไม่…งั้นกูก็นอนกับมึงเนี่ยแหละ” ผมกอดอกตีเนียน รู้สึกได้ว่าร่างสูงกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด มันคงกำลังนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ นับไปเล้ย นับถึงร้อยเราก็ยังไม่ไปไหน ฮัดช่า~
“ว่ามา” เสียงเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ ความอดทนใกล้จะหมดลง และมันก็ใกล้จะระเบิดแล้ว
“ถ้าไม่ให้นี่หมาเลยนะ” ผมชี้หน้าขู่ จริงๆ มันก็หมาอยู่แล้วนี่หว่า แถมเป็นหมาบ้าด้วยนะ พร้อมกัดได้ตลอดเลย ดูๆๆ ดูตาสิ ขวางตลอด เดินเฉียดใกล้นิดเดียวอาจโดนมันกัดได้
“พูดมา!”
“ห้ามหนีกู ถ้าหนีอีกกูจะคิดว่ามึงกาก มึงป๊อด มึงไม่กล้าเจอกู และกูจะคอยตามหลอกหลอนมึงไปทุกที” ยิ้มเลวขึ้นเรื่อยๆ รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เย็นไว้วิป จะทำเรื่องใหญ่ใจต้องนิ่ง
“และรับสายกูด้วย ถ้าไม่อยากให้กูบุกมาถึงบ้านแบบนี้อีก แต่ไม่รับก็ดีนะ กูจะได้เจอหน้ามึงด้วย เผลอๆ นี่บุกถึงห้องเลยนะเหว่ย~” ข่มขู่ไปก่อนนาทีนี้ กันๆ ที่น่ารักยืนฟังด้วยจิตใจที่ใกล้ระเบิดแล้ว เอาแล้วๆ~ มาถึงอย่างสุดท้ายกัน
“และอย่างสุดท้าย”
“อะไร”
“ขอกอดทีดิ” ฮี่ๆ
ผมยิ้มกว้าง ร่างสูงผงะตกใจ ไม่คิดว่าผมจะขออะไรแบบนี้ และก่อนที่มันจะตั้งตัว ผมก็ก้าวเข้าไปสวมกอด กันๆ มันตกใจหนักกว่าเดิม มือหนาจะดันผมออก แต่ผมเกาะไว้เหนียวแน่นมาก หัวนมอยู่ใกล้ๆ หน้าเลยอ่า~ เดี๋ยวก็กัดให้ซะหรอก กลิ่นหอมจางๆ ที่ผมชอบ (ก่อนหน้านี้ก็ชอบไปซุกเตียงมันอยู่ กลิ่นนี้แหละ) ผมก็เนียนสูดหายใจเข้ายาวๆ เลย
“โอเค~ ได้พลังละ มีกำลังใจขึ้นเยอะ~ เลย” ผมผละออกมา และเพราะว่าผมถอยมายืนขั้นบันไดที่สูงกว่าผม เลยทำให้ผมยื่นมือออกไปขยี้หัวมันได้อย่างง่ายได้ กันๆ ชักสีหน้าแล้วเอียนหัวหลบ
“เรากลับแล้วน้า~”
“รีบๆ ไปซะ” แน่ะไล่
“อ๋อไล่? งั้นนอนกับมึงดีกว่า ปะๆ ขึ้นห้องกัน” ผมเลิกคิ้วใส่ แล้วหันกลับเดินขึ้นบันได ไอ้กันรีบคว้าคอเสื้อผมไว้เลย ผมยิ้มล้อเลียน มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ท่าทางหนักอกหนักใจนะเราน่ะ
“โอเค กลับไปได้แล้ว” เสียงอ่อนลงเยอะเลย
“ยังไม่พอใจเลยอะ”
“มึงอยากเจ็บตัวใช่มั้ยวิป” ไม่พูดเปล่าแล้วคราวนี้ พุ่งเข้ามาล็อกตัวผมแล้วอุ้มขึ้นอย่างง่ายได้ ผมเองด้วยความตกใจก็รีบเกาะมันไว้ ไอ้กันอุ้มผมออกมาหน้าบ้าน ผมเบิกตากว้าง เฮ้ยๆ ถึงกับต้องเอามาโยนหน้าบ้านเลยเหรอ
“ถ้ามึงโยนกูออกจากบ้านอีกครั้งกูกัดหูมึงแน่” ผมยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ หูมัน ให้มันหวาดเสียวเล่นๆ
“ก่อนที่มึงจะได้ทำ กูก็จับมึงโยนออกไปแล้ว” พอเดินมาถึงประตูมันก็เตรียมพร้อมที่จะโยนผมทิ้ง ผมย่นจมูกใส่ ก่อนจะฉวยโอกาสนี้กดจมูกลงบนแก้มของมัน และเพราะอย่างนี้เลยทำให้ร่างหนาผงะ ลืมที่โยนผมทิ้งไปเลย ผมดิ้นๆ พอหลุดจากอ้อมแขนแกร่งได้ก็หันไปยักคิ้วให้
“ได้หอมด้วยแหละเหว่ย~ แอะๆ กลับแล้วดีกว่า” ผมโบกมือลาแล้วเดินลั้นลาออกมา ได้ยินแว่วๆ ว่าร่างสูงสบถด้วยความหัวเสีย
มึงได้หลอนอีกนานแน่!
_________________________________________
ต้องขอโทษนะคะที่ไม่ได้อัพมานาน จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูดหรอกในความคิดเรา แต่บอกไว้หน่อยดีกว่า
ป๊าเราเพิ่งเสียค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็ได้แต่พยายามบอกตัวเองว่าโอเค มันโอเค ไม่เป็นอะไร
เพราะงั้นถ้าเกิดหายไปอีก อย่าเพิ่งหวั่นใจไปนะคะ
จิตใจก็ยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าอยู่บ้านเงียบๆ แล้วมันเหงา เลยมาอัพนิยายดีกว่า
อย่าเพิ่งหนีหายไปนะคะ อยู่ด้วยกันก่อนนะ