จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]  (อ่าน 60293 ครั้ง)

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
คนรอ รอแบบมีหวังหรือไม่มีหวัง ก็ทรมาน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อาร์คมาซบอกป้าไหมลูกกกก
เอ็นดูวววว
 :man1: :man1:
เอาเลยๆๆ เลิกตามเลิกตื้อไปเลยหนูวิป
ไปสวีทกับอาร์คให้อิกันโมโห ลงแดงตายไปเลย
ทำเป็นนิ่ง มาดเยอะอยู่นั่นแหละ
ขอให้แห้ว ขอให้วิปเลิกรอไปเลย
อยากเห็นคนช้ำในตาย555

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
หมากันไม่ได้ความเลย หวานเมื่อไรค่อยยกโทษ

แว่นๆๆมามะมาทาวนี้เดี่ยวป้าจัดฝห้ อิอิ

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



ตอนที่ 21
 
 


          หลังจากที่ผมพูดออกไปแบบนั้นต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ เป็นความเงียบที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย ปกติถ้าอยู่กับร่างสูง ไม่ว่าจะบรรยากาศแบบไหนผมก็ชอบทั้งนั้น แต่ในตอนนี้….ใครก็ได้ มาพากูออกไปจากตรงนี้ที

          แต่เฮ้ย…นี่บ้านกูนี่หว่า

          ผมไม่รู้ว่าไอ้กันคิดอะไรอยู่ เพราะมันนิ่ง นิ่งอย่างเดียวเลย เดาความในใจไม่ออก อาจจะกำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ก็ได้มั้ง ประมาณว่า…จะเอายังไงกับตัวเองต่อไปดี อาจจะชอบผมนิดหน่อย แต่ไม่อยากคบกัน ไม่ถึงขั้นอยากเป็นแฟน หรืออาจจะไม่ชอบเลยก็ได้

          หยิบยื่นระยะเวลาให้กลับไปคิดแบบนั้นผมก็เสี่ยงเหมือนกันนะ ยังไม่อยากจาก แต่ถ้าเขาไม่ต้องการจริงๆ เราก็ควรที่จะถอย ถึงแม้ว่าใจของเราจะเจ็บมากก็ตาม ยังไงเราก็ต้องยอมรับมันให้ได้

          ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะถอยมาก่อนเลย ต้องบอกว่ามันไม่เคยอยู่ในหัวมาก่อน จนได้คุยกับไอ้อาร์ค ได้กลับมานั่งคิดคนเดียวเงียบๆ ดู มันก็จริงอย่างที่ไอ้อาร์คว่า มัวไปให้ใจกับคนที่ไม่เห็นค่ามันเสียเวลาเปล่า ทุ่มไปเท่าไหร่มันก็ไม่เคยเต็ม สู้ดึงใจกลับมายังดีเสียกว่า

          ผมไม่รู้ว่าเรานั่งเงียบกันนานเท่าไหร่ ต่างฝ่ายต่างอยู่ในความคิดของตนเอง จนเวลาผ่านไปร่างหนาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปแบบเงียบๆ ผมมองตามแผ่นหลังกว้างก่อนจะเม้มปาก

          มันคงจะกลับบ้าน

          มองตามไปแล้วก็อดรู้สึกวูบโหวงในใจไม่ได้ หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้ผมคงต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกังวลสินะ กลัวคำตอบที่จะได้รับ มีเปอร์เซ็นสูงที่มันจะบอกชอบ แต่เปอร์เซ็นที่มันจะปฏิเสธก็มีมากกว่า

          หนักใจจริงๆ

          ผมนั่งนิ่งจนได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านเลื่อนปิด ผมลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง มองผ่านลูกกรงลงไปก็เห็นร่างสูงกำลังปิดประตูบ้านให้ แต่ถึงยังไงผมก็ต้องลงไปล็อกอีกทีอยู่ดี

          ไหนๆ กันๆ มันก็กลับไปแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องจัดการกับตัวเองแล้วสินะ

          ผมก้มลงมองช่วงล่าง อะไรบางอย่างมันแข็งดันกางเกงขึ้นมา เหตุการณ์เมื่อกี้นี้พาอารมณ์ขึ้นเหมือนกันนะ เคลิ้มมากด้วย แต่เราต้องกัดฟันไม่ยอม เราต้องไม่ง่าย แต่ตอนนี้…

          “มึงทำให้กูต้องช่วยตัวเอง ไอ้หมาบ้า!”




……………………




          สองวันต่อจากนั้นผมก็ไปรับปู่ออกจากโรงพยาบาล โดยมีไอ้นานามาเป็นเพื่อน คนสวยเอารถออกมาขับเองอีกแล้ว เพราะแม่คุณบอกว่าไม่อยากให้ปู่นั่งแท็กซี่กลับ ขับดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยตัดปัญหาด้วยการเอาออกมาขับเองซะเลย

          ผมรักมันจังเลยว่ะ สัญญานะ ถ้าเลิกชอบผู้ชายเมื่อไหร่ จะจีบมึงนะนา

          และผมก็ไม่ได้ไปรับปู่เพียงแค่สองคนนะ เราพ่วงพี่อาร์คไปด้วย นายคนนี้ตัวติดผมมาก เช้าโทรหา เย็นไลน์คุย ไม่เคยขาด ทำตัวน่ารักอย่างที่เคยสัญญไว้จริงๆ

          แต่ถ้าผมชอบมัน ผมคงมีความสุขมาก แต่บังเอิญ…ขอโทษนะอาร์ค

          “ปู่คอยๆ เดินนะ เดี๋ยวล้มไปอีก คราวนี้ได้นอนโรงพยาบาลอีกยาวแน่” ผมพยุงปู่เดินมาที่รถ ปู่แกแทบจะถวายมะเหงกใส่หัว ข้อหาพูดอะไรไม่เป็นมงคล ผมรีบยิ้มประจบแล้วซบไหล่อ้อน ดีใจอะปู่จะได้กลับบ้าน เอาจริงกลับได้ตั้งนานแล้ว แต่ผมอยากให้ชัวร์ว่าปู่ไม่เป็นอะไรจริงๆ

          “กูนี่แหละจะถีบมึงให้เละให้นอนแท้กู” อุ้ยสายโหด

          “ไม่เอาน่าปู่ ผมรู้ปู่รักผม” อ้อนเข้าไปอีก คนแก่เกร็งหน้าตึงเลย แหมๆ ริ้วรอยแทบมองไม่เห็นเลยอ่า เกร็งอะไรขนาดนั้น อนุญาตให้ยิ้มได้น่า ผมไม่ล้ออะไรหรอก แหมๆ

          ปู่แกเป็นคนแข็งแรง ทำอะไรได้เองมาตลอดโดยไม่ต้องมีคนช่วย อยากเดินไปไหนก็เดิน จะทำอะไรก็ตามที่ใจอยาก แต่พอต้องมาเดินแล้วมีผมคอยพยุงคอยให้เดินช้าๆ แล้วปู่แทบจะสะบัดผมออกด้วยความอึดอัด ดูทำสิ คนเขาก็เป็นห่วงหรอก

          ผมกับปู่นั่งที่ด้านหลัง ย้ายไอ้พี่อาร์คไปนั่งคู่กับนานาข้างหน้าแทน กับไอ้อาร์คหลังจากเรื่องในคืนนั้นพี่แกก็ไม่เอ่ยถึงให้ผมรู้สึกอึดอัดหรือทำตัวไม่ถูก ผมไม่ด่ามันหรอกที่มันทำตัวเหมือนว่ากูไม่เคยทำอะไรผิด ดีซะอีก เพราะผมคงอึดอัดน่าดูถ้าต้องพูดเรื่องในคืนนั้น

          มันจะปล้ำกูนะเฮ้ย!

          แถมไอ้เราก็เคลิ้มตามด้วยไง ไอ้บ้าเอ้ย!

          “นี่ปู่ กลับถึงบ้านปู่ไม่ต้องทำอะไรเลยนะ เดี๋ยวงานบ้านผมทำแทนเอง กับข้าวก็ไม่ต้องทำ การคืนสามทุ่มก็เข้าห้องไปนอนได้เลย เรื่องปิดบ้านเดี๋ยวผมทำเอง” นี่ไม่ใช่การขอร้องแต่เป็นคำสั่ง ปู่แกหน้าหงิกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที

          “กูไม่ได้พิการไอ้วิป”

          “แต่เค้าเป็นห่วง” ผมตีหน้าอ้อน ทำตัวขี้เกียจปล่อยให้ปู่ดูแลมามากพอแล้ว เพราะงั้นถึงเวลาที่ผมจะต้องดูแลปู่บ้าง
          “ผมก็คิดแบบเดียวกับที่วิปบอกนะครับ ปู่ควรพัก ไม่ควรทำงานหนักอะไรแบบนั้น ปล่อยให้วิปมันทำไปบ้าง เดี๋ยวจะว่างเกิน” คนหล่อเอี้ยวตัวกลับมาพูดยิ้มๆ ถึงจะดูเหมือนพูดแซวแต่ให้อภัย เพราะช่วยโน้มน้าวปู่

          “เห็นมั้ย ไอ้อาร์คยังคิดเหมือนผมเลย ปู่อย่าดื้อสิ เดี๋ยวไม่รักนะ”
          “กูปู่มึงนะวิป”

          จ้า ปู่จ้า เราก็รักมากด้วยจ้า

          ไอ้นานาขับรถมาส่งพวกเราที่บ้าน พาปู่เข้ามาในบ้านเสร็จนางก็ขอตัวไปทำธุระต่อ ดูเป็นควรรวย มีความเป็นประทาน ธุรกิจรัดตัวเหลือเกิน

          “ปู่หิวเปล่า” พาปู่นั่งเสร็จก็เอ่ยถาม ปู่แกมองไปรอบๆ ด้วยความคิดถึงบ้าน คนแก่ก็งี้ ห่างหายบ้านไปหลายวัน
          “ก่อนออกจากโรงพยาบาลก็เพิ่งกินมา อย่าลืม”

          “เออเนอะ ลืมง่ะ” ผมตีหน้าแบ๊วไม่รู้เรื่อง คุณปู่ที่รักส่ายหน้าเอือมๆ ให้กับความขี้ลืมของผม ก็แหม…ไอ้เราก็กลัวว่าปู่จะหิว ก็ไม่ทันคิดโน๊ะ เพราะงั้นเราไม่ผิด

          “แต่มึงน่ะยังไม่ได้กินนะวิป” แล้วร่างสูงก็เอ่ยแทรกขึ้นมา พูดโดยไม่ได้หันมาทางนี้เลยสักนิด ดวงตาคมจับจ้องอยู่ที่รูปตอนเด็กของผม โดยที่นิ้วมือหนาก็เกลี่ยเข้าที่รูปอย่างหลอกล้อ ริมฝีปากเปื้อนยิ้มเอ็นดู

          กับรูปมึงก็เอานะหื้ออออ

          “งั้นมึงออกไปหาอะไรกินเลยไอ้ลูกหมา” ผมตีหน้าโหดใส่หลานรัก ผมกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ ก็เรายังไม่หิวเท่าไหร่เลย แต่โดนสายตาดุๆ บังคับให้ไป ผมเลยต้องยอมย้ายตัวเองออกมาหาอะไรกินกับไอ้พี่อาร์คอย่างช่วยไม่ได้ เดินออกจากบ้านก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แต่พอผ่านไปสักพัก…แง่งงงง! ความอึดอัดนี้มาจากแห่งหนใด

          “นี่วิป”

          “จ๋าจ้ะ!!” ไอ้บ้าเอ้ย! อยู่ๆ ก็เรียกขึ้นมาซะงั้น ผมขานรับกลับไปแบบสะดุ้งเล็กน้อย ร่างสูงอมยิ้มเมื่อผมขานรับกลับไปด้วยคำพูดน่ารักๆ อย่างนั้น

          เราเผลอหรอกนาย

          “กูรู้นะมึงอึดอัด เพราะงั้นเรามาเคลียร์ให้ความอึดอัดนี้มันหายไปกันเถอะนะ” พี่แกทำเสียงผ่อนคลาย พยายามดึงให้ผมไม่เครียด ผมหยุดเดินแล้วนิ่งไปนิด ก่อนจะกดหน้าตอบรับเบาๆ

          ไอ้อาร์คยิ้มรับแล้วจูงมือผมเพื่อที่จะเดินไปหาที่นั่งคุยในสวนย่อมเล็กๆ ที่เดียวกันกับที่ไอ้พี่พลุลากผมเข้ามา แต่พอมันจับปุ๊บ ความรู้สึกในตอนที่โดนพี่แกคร่อมคืนนั้นก็แวบเข้ามา ผมสะบัดมือหนาออกด้วยความตกใจ ไอ้อาร์คหน้าเสียไปนิดเมื่อเจอแบบนั้น ผมรู้ตัวก็รีบมองมันแบบขอโทษ

          “ไม่เป็นไรๆ ตามมาเนอะ” พี่แกส่ายหน้าไม่โกรธแล้วเดินนำไปก่อน หามุมเงียบๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหญ้า ผมเม้มปากก่อนจะเดินเข้าไปนั่ง เว้นระยะห่างไว้สักเล็กน้อย เอาแบบไม่น่าเกลียดแต่ก็ไม่ได้ใกล้จนเกินไป

          “กูขอโทษ เรื่องคืนนั้นน่ะ”

          “…”

          “เราคงต้องเปิดใจคุยกันแบบตรงๆ แล้วล่ะ หึ…ตอนแรก กูยอมรับนะว่ากูคิดที่จะแกล้งยั่วให้ไอ้กันมันหัวเสียเฉยๆ ถ้ามันออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอใคร มันจะเอะใจแล้วตามขึ้นมาแน่ แต่พอ…” พี่แกพูดออกมาโดยไม่มองหน้าผม คงไม่อยากให้ผมอึดอัด แต่ผมเองนี่แหละที่จ้องพี่แกตลอด ตลอดเวลาที่เอ่ยออกมาร่างสูงที่สีหน้ายิ้มๆ คล้ายกับว่ากำลังนึกไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น

          มึงนึกแล้วยิ้มแบบนี้ มึงหื่นอยู่ใช่มั้ย

          “แต่พอกูได้อยู่กับมึงแค่สองคน ไอ้มีมึงมาอยู่ในอ้อมแขน วินาทีนั้นกูเพิ่งจะรู้ตัวว่า…กูน่ะ อยากกอดมึงจริงๆ อยากจับฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวกับความน่ารักของมึงที่แสดงออกมาตลอด ที่กูทำไปกูไม่ได้เผลอ…แต่กูตั้งใจ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมาหา สื่อผ่านมาทางสายตาว่าที่พูดมาทั้งหมดคือความรู้สึกของมันจริงๆ

          “เอ่อ…”

          “กูถึงได้บอกว่ากูขอโทษ กูรู้มึงไม่ชอบ แต่กูก็ยังบังคับ กูเหี้ยเนอะ” อีกฝ่ายยิ้มเยาะตัวเอง ผมไม่ชอบเลย เจ้าชายแสนดีแบบมันควรที่จะยิ้มเจิดจ้าเหมือนเคยสิ

          “กูตกใจนะ กูไม่ได้จะยอมด้วย แต่กูไม่ได้ถึงกับโกรธ แค่หวั่นๆ มึงนิดหน่อย ถึงจะรู้จักกับมึงได้ไม่นาน แต่กูคิดว่ามึงเป็นคนนิสัยดีคนนึงเลย มึงไม่มีทางอะไรแบบนั้นกับกูจริงๆ หรอกถ้ากูไม่เต็มใจ”

          “เปล่านะครับ กูอยากทำนะ”

          “กูกำลังชมมึงอยู่นะอาร์ค” ผมหน้าเอือมใส่ ร่างสูงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยกมือขอโทษ
          “ต่อเลยๆ ขอโทษนะครับ”

          “ก็นั่นแหละ ไม่ถึงกับโกรธ แต่พอเจอหน้ากันมันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง” คงต้องขอเวลาให้พี่ทำใจสักพักล่ะนะถึงจะกลับไปพูดเล่นคุยเล่นได้เหมือนปกติ ตอนนี้เราห่างกันสักพัก~

          “มึงรู้มั้ยว่าที่กูทำอยู่นี้ กูกำลังเห็นแก่ตัวนะ” ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองฟ้า มองจากมุมนี้พี่ท่านโคตรหล่อเลย ผมกัดปากแอบอิจตาร้อนเบาๆ แต่ไม่เป็นไร เราไม่หล่อแต่เราน่ารัก

          “ที่กูเข้ามายุ่งกับเรื่องของมึงและไอ้กัน ส่วนหนึ่งก็ตามที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ อยากให้ไอ้กันมันรู้ใจตัวเองสักที และไม่อยากเห็นมึงต้องเศร้าเวลามันทำเหมือนไม่ใส่ใจด้วย และถ้ามึงตัดใจจากมันได้ กูก็มีโอกาส” ผมพยักหน้ารับเบาๆ ใช่ มันเคยบอกมาแล้ว ซึ่งผมนับถือใจมันมากเลย ใจต้องแกร่งขนาดไหนกันเชียวถึงได้ทนเห็นคนที่ตัวเองชอบไปจีบคนอื่นต่อหน้าต่อตา

          “แต่สิ่งที่กูต้องการจริงๆ ในการเข้ามายุ่งครั้งนี้ คือกูอยากอยู่ใกล้มึงต่างหาก”
          หืออออ?

          ผมเลิกคิ้ว ต่อจากนี้ไปจะเป็นการสภาพรักอะไรหรือเปล่า เรายังไม่ได้เตรียมตัวมานะ ถ้าเพิ่งจู่โจมเราแบบนั้นสิ ผมทำหน้าไม่ถูก ไอ้อาร์คมันเลยนิดๆ รอยยิ้มสลายความกดดันได้จริงๆ

          “กูรู้อยู่แล้ว ว่ายังไงโอกาสของกูมันก็ไม่มีหรอก แต่อยู่อยากอยู่ใกล้มึง อยากกินข้าวด้วย อยากคุย อยากเห็นหน้า อยากกอด ที่บอกจะช่วยทำให้ไอ้กันหึง…กูเอากำไรเข้าตัวเองทั้งนั้น มันจะหึงหรือเปล่ากูไม่ได้สนใจหรอก”

          อ้าว!

          เดี๋ยวๆ อย่าบอกนะว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะอยากแต๊ะอั๋งกูแค่นั้น ไอ้กันเหมือนเป็นแค่ข้ออ้างเฉยๆ อย่างนี้ใช่มั้ย ผมหน้าเหวอ เราต้องมองนายใหม่หรือเปล่าวะอาร์ค เราอุตส่าห์หลงคิดว่าแกเป็นเจ้าชาย แกเป็นคนดี

          “กูขอโทษ ขอโทษนะครับ” มานะครับใส่พร้อมกับสีหน้าหงอยๆ รับผิดนั่น แบบนั้นใครจะโกรธลงวะ ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

          “ไม่ๆ กูไม่ได้โกรธอะไร แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้น”

          “กูรู้สึกผิดต่อมึง เลยคิดว่าบอกดีกว่า ไม่อยากให้มึงโกรธ” ไอ้อาร์คยิ้มโล่งใจไปหน่อยนึง นี่สินะที่เขาบอกว่าคนดีๆ ทำไมไม่รัก ไอ้อาร์คมันดีงามมากจริงๆ ดีไปซะทุกอย่าง ยอมให้ผมหมด กลัวแม้กระทั้งว่าผมจะโกรธจนต้องรีบมาขอโทษ

          “ถามหน่อยได้มั้ย” ผมเอ่ยแบบไม่แน่ใจเท่าไหร่
          “ว่ามาสิ”

          “ถ้ามึงรู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาส มึงจะมาช่วยกูทำไม เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ แค่นั้นเหรอ กูน่าเข้าใกล้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” นี่สงสัยนะหื้อ~ ดูอย่างไอ้หมาบ้าสิ แทบจะบินหนีตลอด

          “มันก็หลายๆ อย่างที่ทำให้กูเข้ามายุ่งทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาส แต่ไม่ว่ายังไงกูคิดแล้ว มันดีกับกูแน่ๆ เพราะถ้ามึงไปกับไอ้กันไม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นกูก็จีบมึงได้แบบเต็มที่ กับไอ้กันค่อยไปเคลียร์กันทีหลัง แต่ถ้าพวกมึงรักกัน กูจะได้ตัดใจได้เร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จริงๆ แอบชอบต่อไปมันเหนื่อย เคลียร์ความรู้สึกให้มันจบไปเร็วๆ ดีกว่า” ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าอมยิ้ม

          ผมนับถือใจมันจริงๆ เป็นความที่คิดบวกดีแท้ ความคิดของมันดีมากเลยนะ แบบ…เห็นผมค้างคากับไอ้กันแบบนี้ก็ตัดใจยาก เลยส่งให้พวกมันรักกันซะ กูจะได้ตัดใจได้เร็วขึ้น

          สุดยอด!

          “สรุปไม่โกรธนะหมาเป๋า”

          “เออ ไม่โกรธ” ผมยิ้มตอบแล้วกระเถิบเข้าไปใกล้ แสดงให้เห็นว่าไม่โกรธจริงๆ แถมอีกหน่อยด้วยการตบไหล่หนาอย่างแรง แต่พี่ท่านดูไม่สะกิดเลย

          “ขอบคุณนะ จะไม่ทำตัวแย่ๆ แบบนั้นอีกแล้ว สัญญาใหม่…ต่อไปจะเป็นเพื่อนเป็นพี่ที่ทำตัวน่ารัก เนอะ” ยื่นหน้าเข้ามาขยิบตาโปรยเสน่ห์ ตาพร่าไปแวบหนึ่งกับออร่าความหล่อ

          จ้าๆ เอาที่พ่อสบายใจเลย

          หลังจากที่เคลียร์กันเรียบร้อยพี่อาร์คสุดหล่อก็พาผมไปเลี้ยงข้าว ซื้อขนมให้กินอีกเต็มมือ นี่สินะที่บอกว่าจะดูแลอย่างดี ขุนให้อ้วนกันเลยทีเดียว

          เดินเล่นกันได้ไม่นานผมก็จะกลับบ้าน ไม่อยากให้ปู่อยู่คนเดียวนานเกินไป ช่วงนี้ห่วงตลอด หลังจากปู่ล้มไปผมต้องดูแลปู่ให้ดีขึ้น

          ระหว่างที่กินข้าวกัน ผมก็เล่าให้ฟังว่าคืนนั้นหลังจากที่มันออกไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เล่าหมดแม้กระทั้งเรื่องที่ให้ไอ้หมาบ้าไปตัดสินใจในหนึ่งอาทิตย์นี้

          เล่าไปไอ้อาร์คยังอดที่จะเครียดแทนผมไม่ได้เลย มันถึงกับพูดออกมาว่าเดาใจไอ้กันน่ะยาก และมันก็ตัดกำลังใจผมด้วยการบอกว่า…ไอ้กันมันอาจจะไม่ตอบรับความรู้สึกผม ถึงแม้ว่าจะสวนทางกับสิ่งที่อยู่ในใจของมันเอง

          ร้องห้ายยยยยย~

          ไอ้อาร์คเดินมาส่งผมที่หน้าบ้านแล้วมันก็กลับไป ผมไม่ได้รั้งไว้ มันเองก็คงอยากจะอยู่คนเดียว ณ ตอนนี้ ฝืนพาผมไปกินข้าวได้แบบนี้ถือว่าเก่งมากเลยนะ เราน้ำตาจะไหลเลยนาย ผมเดินเข้ามาในบ้านพร้อมขนมเต็มมือ เข้ามาก็เจอปู่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์พอดีเลย

          แอ๊ะแอ๋~ แอบคุยกับสาวที่ไหนว้า~

          “ปู่คุยกับกิ๊กเหรอ จะจุดธูปฟ้องย่า” ผมเอาขนมไปวางแล้วกลับมายืนยิ้มเจ้าเล่ห์แกล้งปู่เล่นตรงหน้า คนแก่แทบจะยกเท้าถีบกลับมา

          “พ่อมึง!”
          “ด่าพ่อทำไม เดี๋ยวพ่อสะดุ้ง” ผมส่ายนิ้วน่ารักๆ

          “ไม่ใช่ พ่อมึงโทรมา” ปู่ตีหน้าเอือมใส่ก่อนจะเฉลยว่ากำลังคุยกับใคร ผมยิ้มกว้างดีใจแล้วแบมือไปตรงหน้า ขอเค้าคุยม้าง~ เค้าไม่ได้คุยกับพ่อนานแล้ว ปู่ก็ส่งโทรศัพท์ให้อย่างว่าง่าย น่ารักจริงๆ

          “โย่วว~”

          [มายงมาโย่วอะไร นี่พ่อนี่เชื้อนะ]
          “โย่วๆ”
          [ดู๊ววว มันไปติดนิสัยกวนๆ แบบนี้มาจากไหนนะ]

          “มาจากพ่อ” ตีหน้าซื่อตาใสตอบกลับไป ปู่แกส่ายหน้าเอือมๆ แล้วปล่อยให้ผมคุยต่อไป ส่วนแกก็ลุกเดินเข้าไปในครัว ผมนี่ชะเง้อตามเลย กลัวปู่วูบอีก

          [นี่พ่อนิสัยแบบนั้นเหรอ] นี่ก็มีรับมุกด้วยนะ ทำเสียงสงสัยกลับมา เฮ้อ…นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้คุยกับพ่อเลย คิดถึงน่ะมันก็มีบ้าง ไม่รู้ตอนนี้พ่อแก่ไปขนาดไหนแล้ว มีตีกายังอะ

          พ่อผมหน้าเด็กนะเว้ยบอกไว้ก่อนเลย ผมนี่แทบจะก๊อปทุกอย่างมาจากพ่อ ปู่เคยเล่าให้ฟังว่าผมเหมือนพ่อมากจนแม่ยังแขวะว่าผมเป็นลูกของพ่อแค่คนเดียว

          เจ๊แกน้อยใจมั้ง

          [เป็นยังไงบ้าง พ่อคิดถึงนะ]
          “สบายดี หน้าตาดีกว่าเดิมด้วยไม่อยากจะคุย”
          [งั้นวางสาย]

          “ไหนบอกคิดถึงกัน ไม่มีมาหากันเลยแล้วจะวางสายอีก ใช่ซี่~ เดี๋ยวงอแงใส่เลยนะ” ผมย่นปากใส่ ลืมไปเลยว่าพ่อไม่มีทางเห็น แหมะ…คิดๆ ไปแล้วก็อยากเจอพ่อเหมือนกันนะ

          [โอ๋ๆ รักๆ]
          และผมก็คุยกับพ่ออีกยาวเลย



………………………..



          สองวัน สี่วัน อาทิตย์หนึ่ง

          ทำไมวันเวลามันช่างผ่านไปเร็วยิ่งนะ เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงวันที่ผมนัดแนะกับไอ้กันไว้ซะแล้ว ยังไม่ทันได้เตรียมยังไม่ทันได้เตรียมใจอะไรเลย

          เรียนแทบจะไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว ไอ้นานาที่รู้เรื่องไอ้กัน (เพราะผมเล่า) ก็หันมามองด้วยความเป็นห่วงอยู่หลายครั้ง จนเลิกเรียน เจ๊แกต้องดึงแขนผมไว้เพื่อไม่ให้เดินชนคนอื่นเขา

          “มึงไหวมั้ยวิป”
          “กูกลัวว่ะมึง”

          “มาถึงขนาดนี้แล้วจะกลัวห่าอะไรอีก ให้มันรู้ไปเลย คิดมากทำไม” เพื่อนสาวชักสีหน้า แต่ผมดูออกนะ มันก็แอบเครียดกับผมด้วยเหมือนกัน ผมถอนหายใจ ตั้งแต่คืนนั้นผมก็ไม่ได้ไปเจอไอ้กันอีกเลยจนถึงตอนนี้ โทรศัพท์ก็ไม่โทรไป ไลน์ก็เงียบ หนีหายออกมาเพื่อให้มันมีเวลาคิดเงียบๆ

          ผมคิดถึงมันนะ ถึงคิดมาก แต่…เริ่มไม่อยากเจอแล้วง่ะ

          ผมยอมรับเลยว่าป๊อด เอาเข้าจริงๆ ก็รับไม่ได้เหมือนกันถ้ามันจะบอกว่ากูไม่ได้ชอบมึง โอ๊ย เครียดจนจะบ้าตาย
          “ให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย” ไอ้นาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงจะกลัวแต่ยังไงก็ต้องเจอ คอยไปลุ้นเอาที่นู้นก็ได้วะ

          “ไม่เป็นไร กูโอเค” แต่หลังจากวันนี้กูอาจจะไม่โอเคก็ได้นะ

          ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกกำลังใจแล้วแยกจากไอ้นานาเพื่อกลับบ้าน จริงๆ ก็ไม่ได้กลับบ้านตัวเองหรอก ไปบ้านไอ้หมาบ้ามันต่างหาก ไม่รู้ว่าพี่แกอยู่บ้านหรือเปล่า แต่ถึงไม่อยู่ก็อย่างที่บอกไป ผมจะรอ

          แต่อย่าให้นาน เพราะนานกว่านั้นผมคงทนรอต่อไปไม่ไหว

          “มึงคงไม่ทำให้กูเสียใจหรอกใช่มั้ยกัน” ผมพึมพำเบาๆ ระหว่างเดินไปที่ป้ายรถเมล์ กลัวนะ แต่ใจอยากไปให้ถึงเร็วๆ จะโบกแท็กซี่ไปเลยก็ดูจะเกินไปหน่อย

          ขอให้คำตอบที่ได้…ไม่ทำให้ผมเสียใจนะ




ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


[ต่อ]


          การยืนรอรถเมล์เป็นความน่าเบื่ออย่างหนึ่ง แล้วยิ่งเป็นตอนที่รีบๆ แบบนี้ด้วยแล้ว สามนาทีก็เหมือนสามชั่วโมง ถึงจะบอกไอ้กันเอาไว้ว่าจะไปตอนสองทุ่มก็เถอะ แต่ผมก็อยากไปถึงก่อน

          ผมเผลอคิดเล่นๆ ด้วยนะ สมมติว่าไอ้กันไม่บอกว่าผมชอบขึ้นมาจริงๆ ผมจะทำยังไงต่อ ความคิดเด็กน้อยก็ผุดขึ้นมาเลย เมามั้ย? ไปเมาให้สุดๆ แล้วร้องไห้ให้บ้านแตก หรือไม่ก็เมาแล้วทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำ ตอนเมาๆ เราไม่รู้เรื่องหรอก ตื่นมาก็ลืม…มั้งนะ

          ความคิดบ้ามาก

          แต่พอคิดว่าไอ้กันบอกว่าชอบผมเหมือนกัน…แค่ยิ้มถึงตรงนี้ผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้แล้ว ถ้ามันเป็นความจริงคงจะดีไม่น้อย ผมจะได้มีความสุขสักที

          ยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในหัว รถเมล์สายที่รอก็ยังไม่มา ความเซ็งก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าให้ต้องหมดความอดทนนะ เดี๋ยวก็โบกแท็กซี่ซะหรอก

          ผมยืนถอนหายใจทิ้งไปเรื่อยๆ มองนู้นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็ไปปะทะเข้ากับร่างสูงโดดเด่นคุ้นตาที่เดินตรงเข้ามาทางนี้ แวบหนึ่งผมเผลอบ่นความบังเอิญในใจ คนที่อยากเจอน่ะไม่ค่อยได้เจอหรอก ไอ้คนที่…ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ กลับเจอออกบ่อย

          “ไง หน้าบึ้งเมื่อเจอกูแบบนี้ แสดงว่าไม่อยากเจอสินะ” ไอ้อาร์คตรงเข้ามาทักผม รู้สึกช่วงนี้เจอแว่นๆ บ่อยจัง ก่อนหน้านี้หาตัวเจอยากจะตาย เดินนี้เดินสะดุดทีเงยหน้าขึ้นมาก็เจอไอ้อาร์คอยู่ตรงหน้าแล้ว

          “ไม่ใช่ไม่อยากเจอ แค่รู้สึกว่าเจอบ่อยไปนะ”

          “ไม่ได้บังเอิญหรอก เมื่อกี้กูเจอนานาเลยถามหามึงน่ะ” ก็เลยตามมาหาที่นี่งั้นสิ? ผมพยักหน้าเข้าใจเบาๆ อารมณ์ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอยากคุยเล่นอะไรเท่าไหร่นัก คิดๆ แล้วผมก็ถอนหายใจอีกที

          “วันนี้แล้วใช่มั้ย”

          “อืม”

          “อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ” มือหนายื่นออกมาขยี้ศีรษะผม พยายามจะปลอบให้หายเครียด แต่ถ้าเป็นผมนะ ผมไม่แค่ขยี้อะ ผมจะดึงทึ้งแม่งเลย!

          “กูคิดมากจนหัวจะระเบิดอยู่แล้วอาร์ค” ผมโอดครวญ ร่างสูงเกาศีรษะแบบไม่รู้จะปลอบยังไงดี ผมโบกมือหน่อยๆ ไม่อยากให้พี่แกเครียดตาม ผมเครียดคนเดียวพอแล้ว

          “เดี๋ยวกูนั่งรถไปส่งมึงที่บ้านแล้วกัน”

          “มะ…”

          “กูห่วง” พูดด้วยเสียงที่เข้มขึ้นพร้อมกับแววตาจริงจังที่ส่งมา ทำให้ผมไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ยอมยืนเงียบๆ เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ไอ้อาร์คก็ไม่ได้ชวนคุยอะไรอีก ยืนเงียบๆ กันจนรถมา

          อยู่บนรถผมก็แอบลอบมองหน้าหล่อๆ ของมันไปด้วย คิดเล่นๆ ว่าถ้าใครได้มันไปเป็นแฟนนี่คงโชคดีมาก เพราะไอ้อาร์คดูแลคนเก่ง เอาใจเก่ง แถมทุกสิ่งอย่างที่เป็นมันคือดีงามไปหมด

          ทำไมกูไม่ชอบคนดีๆ แบบนี้วะ ทำไมต้องไอ้หน้าโหดไร้ความอ่อนโยนนั่นด้วย

          ไอ้อาร์คมันทำตามอย่างที่พูดจริงๆ นะ บอกจะมาส่งก็แค่มาส่ง เดินตีคู่มาด้วยกันเงียบๆ หลังจากที่ลงจากรถ ชอบนิสัยตรงนี้ของมัน ไม่เซ้าซี้ ไม่ถามอะไรที่ทำให้ต้องคิดมากต้องลำบากใจ

          ผมคิดว่าจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยไปหาไอ้กันที่บ้าน แต่พอเดินถึงหน้าบ้านปุ๊บก็ต้องหยุดชะงัก ไอ้อาร์คที่เดินมาด้วยกันมองร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าบ้านผมด้วยความสงสัย ก่อนจะมามองเหมือนจะถามว่าใคร

          “พี่พลุ!” ผมส่งเสียงเรียกออกไป เจ้าของชื่อหันมา ใบหน้าโหดๆ ที่ผมไม่ได้เจอซะนานก็ขยับยิ้มให้ เพียงแวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นโหดพร้อมฆ่า สาวเท้าเร็วๆ เข้ามายืนตรงหน้า อะไรก็ช่างเหอะ แต่ผมสนใจสิ่งที่อยู่บนมือพี่แกมากกว่า

          “น้องวิป ไอ้เวรนี่เป็นใคร” เสียงโหดถามพร้อมกับปลายตาไปมองร่างสูงข้างตัวผม พี่แกนี่หาเรื่องตลอดเลยนะ อยู่ๆ ก็เดินเข้ามาเรียกคนอื่นว่าไอ้เวรซะแล้ว โชคดีนะที่พี่อาร์คของเราเป็นคนใจเย็น ไม่อย่างนั้นได้มีมวยแน่ๆ

          “อ๋อ…เพื่อนผมเอง ชื่ออาร์ค” ไอ้เราก็แนะนำหน้าซื่อๆ เลย จะมีศึกอะไรเกิดขึ้นมั้ย สองคนนี้แสดงออกชัดเจนว่าชอบผมทั้งคู่ อย่าเพิ่งตีกันนะ ตอนนี้เราเครียดอยู่ อย่าหาเรื่องให้เรา

          “แล้วนี่…” คนหล่อข้างตัวผมปลายตาไปมองอีกฝ่าย เจ้าชายผู้แสนดีมีท่าทีกวนตีนอยู่พอตัว ผมล่ะหวั่นว่ามันจะตีกันจริงๆ
          “กูชื่อพลุ และกูจีบน้องวิป” ชัดเจนไป๊~

          “อ๋อ…ครับ พยายามเข้านะครับ” ร่างสูงพยักหน้ารับยิ้มๆ ผมหรี่ตามอง ไม่แสดงอาการอย่างอื่นเลยนอกจากกวนเบื้องล่าง พี่พลุตีหน้าโหดใส่ก่อนจะหันมาที่ผม เล่นเอาเผลอสะดุ้งไปนิดเลย

          “พี่มีของมาให้”
          “อะไรครับ”

          ว่าแล้วแกก็ยื่นของในมือมาให้ มันคือกระบองเพชรจิ๋วน่ารักในกระถางเล็กๆ ตรงกระถางมันถูกวาดเป็นหน้ายิ้มด้วย ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ให้ผมเหรอ

          “พี่ซื้อมาให้ พี่ว่ามันเหมาะกับเราดี”
          “อ๋อ…”

          “รับสิ!”

          อะจ้ะ รับจ้ะ! แค่นี้แม่งก็ต้องดุใส่กูด้วย ผมรับมาแล้วยิ้มขอบคุณ มันน่ารักดีนะ ผมชอบ พี่พลุแกยิ้มแป้นเลยเมื่อทำให้ผมยิ้มได้ แต่คือ…ผมไม่เคยดูแลอะไรพวกนี้ ผมจะทำมันตายหรือเปล่าเนี่ย

          “ขอบคุณนะหื้อ ผมชอบนะ”

          “เราชอบพี่ก็ดีใจ” นี่ถ้าตัดเรื่องโหด เรื่องชอบขึ้นเสียงใส่แบบไม่มีเหตุผลออกไป พี่พลุนี่แม่งน่ารักมากเลยนะ อย่าไปมองหน้าตา อันนั้นมันไม่สำคัญ ดูสิ มีการซื้อขงซื้อของมาให้ด้วย น่ารักซะ แต่ไม่เข้าใจ มันเหมาะกับผมยังไงวะ มีหนามเยอะๆ งี้เหรอ บ้าไปแล้ว!

          “แล้วทำไมต้องหน้ายิ้มล่ะพี่” ผมถามแล้วยกกระถางให้ดู
          “ก็อยากให้ยิ้มไง”

          อ๋ออออ

          “โอเค พี่มาแค่นี้แหละ พี่ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว วันหลังจะมาหาใหม่นะ ส่วนมึง…อย่าเข้าใกล้แฟนกูให้มาก” ไอ้พี่พลุชี้หน้าข่มขู่เฮียอาร์ค ดวงตาโหดๆ นั่นมาเต็มมาก แต่เดี๋ยวเฮ้ย! กูรับของมึงหน่อยเดียวเป็นแฟนกันเลยเหรอวะ

          ตายละ อย่าไปรับของจากคนอื่นมั่วซั่วนะ เดี๋ยวมีแฟนแบบไม่รู้ตัว

          พอพี่พลุแกไป ไอ้อาร์คก็กลับไปอีกคน ไม่ถามเรื่องไอ้พี่พลุสักแอะ เพียงแค่ลูบหัวผมเบาๆ แล้วเดินจากไป เห็นใจมันอยู่ แต่ตอนนี้ผมเองก็น่าเห็นใจไม่ต่างกันเท่าไหร่

          ผมเอากระบองเพชรที่พี่พลุให้มาไปวางไว้ที่หน้าต่างที่ห้อง จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วก็…นั่งรวบรวมความกล้า

          หันมองนาฬิกา ณ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็น ฟ้ากำลังมืดเลย มีอะไรบ้างวะที่ทำแล้วหายตื่นเต้น

          ผมลุกเดินวนๆ อยู่ในห้อง ก่อนจะตัดสินใจไปบ้านไอ้กันสักที เดินอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้เรื่องหรอก ผมเดินลงมาข้างล่าง เจอปู่กำลังนั่งดูทีวีอยู่เลย พอปู่เห็นผมก็กวักมือเรียก

          “มีอะไรปู่”
          “จะออกไปไหนน่ะ จะมืดแล้วนะ”

          “โถ่~ ปู่ ผมอายุเท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่เด็กสี่ห้าขวบนะหื้อ” ผมพยายามจะคุยหลอกล้อกับปู่ให้ได้เหมือนเดิม พยายามให้เป็นปกติที่สุด แต่รอยยิ้มที่แสดงออกมามันกลับดูฝืนจนสังเกตได้ มือละสายตาจากโทรทัศน์มามองผมตรงๆ

          “มึงเป็นหลานที่กูรักมากที่สุดนะวิป”
          “อะ…อะไรเนี่ยปู่ อยู่ๆ ก็มาบอกรัก จะทำซึ้งเหรอ”
          “มึงชอบไอ้เด็กที่อยู่บ้านใกล้ๆ นี้ใช่มั้ย”

          !!!

          รอยยิ้มที่มีอยู่จางหายไปจากใบหน้าของผมในทันที ดวงตาผมเบิกกว้างขึ้น รู้สึกเหมือนใจมันหล่นวูบลงไป ปู่จ้องตาผมนิ่งๆ ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนอย่างเคย ผมอ้าปากค้าง พยายามจะหาคำมาพูดแต่มันก็พูดไม่ออก

          “มึงจะบอกกูเมื่อไหร่วิป”
          “ปะ…ปู่รู้ได้ยังไง”

          “สังเกตเอา จากที่มึงชอบหายออกจากบ้านไปบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่บ้านใกล้แถวนี้ จากโรงพยาบาล สายตามึงฟ้อง” ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ

          “ปะ…ปู่” จู่ๆ น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาซะอย่างงั้น รับไม่ได้แน่ๆ ปู่แกเล่นพูดขึ้นมาก่อนเลยว่าผมเป็นหลานที่เขารักมากที่สุด แล้วอย่างนี้…อึก…ปู่กำลังเสียใจแน่ๆ

          “มึงจะร้องไห้ทำไม”

          “ฮึก ขอโทษอะปู่ ขอโทษ” ผมก้มหน้าก้มตาขอโทษปู่ ยื่นมือออกไปจับชายเสื้อแกเหมือนเดิมตัวน้อยๆ ที่กำลังโดนดุแต่อยากอ้อนให้หายโกรธ ส่วนมืออีกข้างก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าด้วยท่าทางขี้แง

          “ฮึก…ปู่”
          “เลิกร้องไห้ ไอ้ห่า! กูไม่ได้จะด่าสักหน่อย”

          ห้ะ!

          ก๊อกน้ำตาผมถูกปิดทันที เงยหน้าพรึ่บขึ้นมามองปู่แบบงงๆ คือยังไงอะ ไม่ได้จะด่าสักหน่อย จะบ้าเหรอ! รู้ว่าหลานชอบผู้ชายแบบนี้จะไม่ด่าเลยเรอะ! จะใจดีเกินไปแล้ว

          “กูแค่ถาม เพราะกูอยากรู้ว่ามึงจะบอกกูเมื่อไหร่กัน กูเลี้ยงมึงมากับมึงนะ มึงเป็นยังไงมีหรือกูจะไม่รู้ แต่มึงกลับกลายเป็นว่ามีเรื่องอะไรไม่เคยบอกกู หึ! โตเป็นหนุ่มแล้วหนิ” ปู่มองเหยียดใส่ ผมรีบโถมตัวเข้าไปกอดปู่แน่นเลย น้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว ที่ถามเพราะน้อยใจใช่มั้ย

          “ขอโทษอ่า ฮืออออ ก็กลัวปู่รับไม่ได้ง่ะ”
          “ก็รับไม่ได้หรอก”

          “ง่ะ!”

          “แต่เพราะมึงเป็นหลานที่กูรักมาก จะบอกกูลำเอียงก็ได้ ก็กูเลี้ยงของกูมา กูเคยบังคับมึงเหรอ กูเคยห้ามในสิ่งที่มึงชอบเหรอ อะไรที่เป็นความสุขของมึงกูไม่เคยห้ามมึงเลย รวมถึงเรื่องนี้ด้วย” ปู่แม่งพาเข้ามาโหมดซึ้ง ทุกทีไม่มีกอดตอบ แต่คราวนี้กลับกอดซะแน่นเลย

          “แต่ปู่ไม่ชอบ” ผมพึมพำ
          “ใช่ ไม่ชอบ แต่จะไม่ห้าม”

          “…”

          “สักวันนึงถ้ามึงคิดได้ว่ามันไม่ดี มึงจะถอยออกมาเองโดยที่ไม่ต้องมีใครสั่งมึงเลย แต่ในตอนนี้ถ้ามึงคิดว่ามันดีที่สุดสำหรับมึงแล้ว ก็ทำไปเถอะ” ปู่พูดไปก็ลูบหัวผมไปด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ปู่ยังต้องคอยโอ๋ผมอยู่

          “ฮึก…ผมรักปู่มากๆ เลยนะ”



……………….



          หลังจากฉากซึ้งของปู่กับหลานจบลงไป ผมก็เดินตาแดงๆ ช้ำๆ แบบนั้นแหละมาที่บ้านของไอ้กัน เงยหน้าขึ้นมาตัวบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ได้มาเยี่ยมชมซะนาน กดออดเรียกคนออกมาเปิดประตู แล้วก็เป็นคุณลุงชมคนเดิมที่วิ่งมา

          “อ้าวไอ้หนู ไม่เจอซะนานเลย”
          “หวัดดีฮะ! ผมมาหาไอ้กันน่ะลุง ขอเข้าไปหน่อยน้า” นาทีเราต้องอ้อนให้ผู้ใหญ่เห็นใจ
          “คุณกันยังไม่กลับมาเลยนะ”

          กึก

          ผมชะงักไป แล้วรีบกลบเกลื่อนสีหน้าแย่ๆ ของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่เป็นไร ขอเข้าไปรอข้างในแล้วกัน ลุงแกก็ให้เข้าโดยง่าย ผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของร่างสูง

          เปิดประตูเข้ามา กลิ่นหอมเฉพาะตัวของร่างสูงก็ปะทะเข้ามาทันที ผมเผลอสูดหายใจเข้าลึกๆ ดมกลิ่นนั่นเหมือนโรคจิต เดินไปนั่งที่เตียงแล้วถูมือเข้าหากันระบายความตื่นเต้น

          ใกล้เวลาที่บอกเข้าไปทุกทีแล้ว ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้กันมันอยู่ที่ไหน คิดที่จะกลับมาหรือเปล่า แต่ในเมื่อมันยังไม่ถึงเวลาที่บอกไว้ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะหวัง

          จะว่าไป ทุกครั้งที่ผมมาที่บ้านไอ้กันผมไม่เคยเจอญาติมันคนไหนเลยนะ เจอแต่ตัวมันนั่นแหละ แล้วก็ลุงชม ออ…มีแม่บ้านด้วย แค่นั้นแหละ ไม่เจอใครอีกเลย

          ผมก็ไม่เคยถามกับพวกเพื่อนมันด้วยว่าไอ้กันอยู่กับใคร จะให้ถามเจ้าตัวน่ะเหรอ เลิกคิดไปได้เลย เพราะพี่แกไม่มีทางตอบอยู่แล้ว คุยกันดีๆ ได้ไม่เกินสามประโยคหรอก

          พออยู่ในที่เงียบๆ คนเดียวหัวผมมันก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านอีกแล้ว มือผมชุ่มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่กๆ ยิ่งใกล้สองทุ่มมากเท่าไหร่ผมยิ่งตื่นเต้นปนกลัว กลัวว่าเราจะไม่สมหวัง กลัวคำตอบ กลัวไปทุกอย่าง

          แต่ยังไงก็เถอะ ขอแค่มันกลับมาตอบแบบชัดๆ ก็พอแล้ว ผมจะได้รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง ควรอยู่ตรงไหนต่อไป
          การรอคอยไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ช่างยาวนานเสมอ เข็มนาฬิกาขยับเดินไปเรื่อยๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช้าลงทุกครั้งที่ขยับ เหมือนกับใจที่ผมเริ่มจะเต้นช้าลงเรื่อยๆ

          ผมนั่งรอให้เจ้าของห้องกลับมา เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ชันเข่าขึ้นมาแล้วซบหน้าลงไป หูก็ได้ยินแต่เสียงเข็มนาฬิกาขยับ

          ไอ้กัน…มึงไม่คิดที่จะกลับมาจริงๆ ใช่มั้ย นี่คือสิ่งที่มึงต้องการจะตอบกูหรือเปล่า นี่บ้านของมึงแท้ๆ ไม่คิดจะกลับมาหน่อยหรือไง ทำไมต้องปล่อยให้กูนานขนาดนี้ด้วย

          ผมนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นเป็นเวลานาน พอเงยหน้าขึ้นมาดูนาฬิกาอีกครั้ง แล้วจู่ๆ ภาพของเข็มนาฬิกาก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำใสๆ ที่เอ่อคลอขึ้นมาพร้อมจะไหลรินลงมาได้ทุกเมื่อ ผมพยายามกัดฟัน สั่งห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ต้องทนจนถึงที่สุดก่อนสิวะ! ก็เป็นคนบอกไว้เอง ถึงแม้ว่าเลยเวลาไปแล้วก็ยังจะรอ

          ถึงแม้ว่า…จะเลยมาจนเกือบสี่ทุ่มแล้วก็เถอะ
          ฮึก…

          กลับมาสักทีเถอะ กูขอร้อง

          พยายามเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะยิ่งห้ามยิ่งฝืนตัวเองมากเท่าไหร่ น้ำตามันก็ยิ่งไหลออกมา จนผมต้องล้มเลิกที่จะห้ามแล้วปล่อยให้มันไหลไปแบบนั้น สะอึกสะอื้นจนตัวโยน

          พรึ่บ!

          ผมทนอยู่กับความเงียบที่กดดันตัวเองแบบไม่ไหวอีกต่อไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายหาไอ้นานา ผมต้องการให้มันอยู่เป็นเพื่อนผม อย่างน้อยๆ ผมจะได้มีกำลังที่จะรอต่อ

          [ว่าไง เป็นไรบ้างเพื่อนรัก]

          “ฮึก…นานา มึงคุยกับกูก่อนนะ” เพียงแค่ได้ยินเสียงของเพื่อนรัก น้ำตามันก็ยิ่งทะลักทลายออกมา ผมเกร็งมือจิกเล็บไปลงบนฝ่ามือ กับความรักทำไมถึงได้อ่อนแบบนี้กันนะ

          [วิป มึง…มึงเป็นอะไร ไอ้กันมันปฏิเสธเหรอ!] ไอ้นานาถามกลับมาด้วยเสียงที่ดังขึ้น ผมกัดริมฝีปากส่ายหน้าน้ำตานอง ไม่เลย ไม่ใช่อย่างนั้นเลย

          “เปล่า มัน…ฮึก…มันยังไม่กลับมาเลยมึง…ฮึก…แต่กู…กูยังอยากจะรออีกหน่อย กูยังไม่อยากคิดว่านี่คือคำตอบของมัน”
          [ให้กูโทรไปตาม…]

          “ไม่เอา! กูอยากให้มันกลับมาเองแบบที่ไม่มีใครบังคับ” ผมร้องห้ามเสียงดัง ภายในใจผมเจ็บไปหมดแล้ว มันปวดหน่วงๆ อยากร้องไห้ออกมาดังๆ อยากระบาย ในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกตัวเอง ผมกำลังหลอกตัวเองว่าเดี๋ยวไอ้กันก็กลับมา

          ทั้งๆ ที่…มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย

          [มึงยังมีกูนะวิป มันไม่รักก็ช่างหัวแม่ง! กูนี่! กูสวย! กูรวยด้วย ไม่ต้องไปสนไอ้เหี้ยนั่น] ผมฝืนยิ้ม พยายามจะเคลิ้มไปตามคำพูดของเพื่อน แต่ใจผมมันไม่ไหวแล้วจริงๆ

          กูให้ใจมึงไปเท่าไหร่ กูยอมมึงขนาดไหน กูเจ็บแล้วเจ็บอีกแต่กูก็ยังทน มึงมันใจแข็งเกินไปแล้วกัน มึงมองไม่เห็นความรักที่กูมีให้กับมึงเลย

          ไม่เลยสักนิด

          อย่างนี้…ก็คงบอกได้แล้วสินะ ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ถึงเวลาที่ต้องถอยแล้วใช่มั้ย ผมเงยหน้าขึ้นมากวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องเพื่อเก็บภาพของห้องนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะมันคงไม่มีอีกแล้วที่ผมจะได้เข้ามา

          ผมพยายามยื้อตัวเองต่ออีกหน่อย จ้องไปที่บานประตู หวังว่ามันจะเปิดออก หวังว่าคนที่ผมกำลังรออยู่กลับมาสักที แต่ก็มีเพียงแต่ความว่างเปล่า

          “นานา…”
          [ว่าไง]

          “กูคง…ต้องกลับแล้วล่ะ”



____________________________________________





ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ตอนที่ 22
 


 
          “เฮ้ยไอ้กัน ไปหาข้าวกินกันเหอะ กูหิวแล้ว”

          ร่างแกร่งเจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก ดวงตาดุมองหน้าเพื่อนเพียงแวบเดียวแล้วเบือนกลับมาที่เดิม ถ้าปกติเขาคงตอบตกลงและเดินตามไปโดยไม่ขัดอะไร แต่ในตอนนี้ ตอนที่เขามีเรื่องให้คิด มันทำให้เขาไม่อยากอาหารขึ้นมาดื้อๆ   “มึงไปชวนไอ้อาร์คแทนแล้วกัน กูยังไม่หิว”

          เอ่ยปฏิเสธเพื่อนเสร็จก็เดินแยกออกมา ทิ้งให้ชานยืนมองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยความสงสัย วันนี้ดูเพื่อนของเขาจะแปลกกว่าทุกวัน ดูเงียบดูขรึมขึ้น เหมือนมีอะไรในใจ

          ขายาวก้าวพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าบ่อปลาซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาชอบมานั่งบ่อยๆ เพราะมันเงียบ ไม่ค่อยมีคน สำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายแบบเขาถือว่าเป็นที่ๆ ดีทีเดียว

          แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็โดยทำลายความสงบจากใครบางคน

          กายสูงทิ้งตัวลงนั่ง ใบหน้าหล่อดุน่ามองเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

        “ก่อนวันหยุดยาว…อาทิตย์นึงพอดี กูให้เวลามึงกลับไปถามใจตัวเองดู คิดดูให้ดีๆ ว่ามึงชอบกูจริงๆ หรือแค่…แค่หวงของ เพราะกูตามตื๊อมึงอยู่บ่อยๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้ ถ้าคำตอบของมึงคือไม่…กูจะถอย”

        “กูจะไปเอาคำตอบที่บ้านของมึง ตอนสองทุ่ม ถึงเวลานั้นมึงคงมีคำตอบให้กูนะ”

        “ฮึก…กูก็จะรอ รอให้มึงกลับมา”

        “แต่ถ้ามันนานเกินไป มึงไม่กลับมา หรือไม่มีคำตอบให้กู…กูจะไม่รอแล้ว”

          คำพูดเล่านี้กำลังวนเวียนอยู่ในหัวเขา พยายามสะบัดไล่มันออกไปแล้ว แต่ก็เป็นต้องเผลอนึกถึงตลอด และยิ่งเจ้าของคำพูดพวกนี้พูดออกมาด้วยท่าทางน่าสงสารราวกับว่ากำลังจะถูกทิ้งด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้เขาไล่คำพูดเล่านั้นออกไปไม่ได้

          ในคืนนั้น…ร่างแกร่งเดินกลับบ้านด้วยความหัวเสีย สบถคำหยาบออกมาหลายครั้ง เปล่าเลย เขาไม่ได้ด่าไอ้ลูกหมาตัวเล็กนั่น แต่ด่าตัวเองต่างหาก! ด่าที่ตัวเองเผลอทำอะไรแบบนั้นออกไป

          อยากจับหัวตัวเองโขกกำแพงนัก ทั้งๆ ที่พยายามห้ามตัวเองไว้แล้ว แต่พอเขาไปเห็นภาพของร่างเล็กกับเพื่อนสนิทกำลังกอดกันอยู่บนเตียงมันก็ทำให้ความอดทนเขาหมดลง

          ทั้งๆ ที่บอกเอาไว้แล้ว ว่าเพื่อนอยากจะทำอะไรก็เชิญ เขาจะไม่ใส่ใจ ทั้งๆ ที่บอกออกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ชอบ แต่กลับต้องหลุดบ้าออกไปอย่างนั้น

          ไม่ใช่ไม่รู้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นคืออะไร แต่เพราะรู้ไงมันถึงได้พาลหงุดหงิดไปเสียทุกทีที่นึกถึง ไม่อยากยอมรับความรู้สึกในใจตนเอง

          เรียกว่าไม่อยากเสียฟอร์มก็ได้มั้งล่ะ

          เล่นพูดอยู่ตลอดว่าไม่ได้ชอบ

          “เฮ้อ…” นี่ก็สามวันแล้วหลังจากเกิดเรื่องในคืนนั้น และเป็นสามวันที่เขาไม่เจอคนตัวเล็กเลย ไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายหลบหน้าด้วยหรือเปล่า

          แต่ถ้าไม่ใช่ มันก็เป็นตัวบอกได้ดีเลยว่าทุกครั้งที่เขาได้เจอกับคนตัวเล็ก ทุกครั้งคืออีกฝ่ายตั้งใจมาหา เพราะถ้าใช้ชีวิตปกติของตัวเอง ไม่มีทางได้เจอกันได้ง่ายๆ

          ที่เขาต้องคิดมากอยู่อย่างนี้ก็เพราะกำลังหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่ ก็ใช่ รู้ว่าในใจคิดกับยังไงกับร่างเล็ก แต่เขาอยากมั่นใจจริงๆ ว่าต้องการให้อีกฝ่ายมาอยู่ข้างกายหรือเปล่า หรือแค่ชอบนิดๆ หน่อยๆ ถ้าห่างหายไปก็จะไม่สนใจ

          ก็เริ่มจะรู้สึกก็ตอนที่เพื่อนของเขาเข้ามา หงุดหงิดทุกครั้งที่ทั้งคู่อยู่ใกล้กัน หงุดหงิดที่เห็นร่างเล็กยิ้มให้อีกคน หงุดหงิดที่สายตาคู่นั้นไม่ได้มองมาที่เขา

          ถึงจะทำเป็นหงุดหงิดหรือรำคาญเวลาที่วิปเข้ามาใกล้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเขาเริ่มจะชินขึ้นเรื่อยๆ กับการที่มีตัววุ่นวายมาป่วนในทุกๆ วัน ชินจนบางทีที่ว่า…ถ้าไม่เห็นก็เผลอมองหา

          รำคาญความฟอร์มจัดของตัวเองเหมือนกัน ปากแข็งจนน่าต่อย ต้องพูดทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายตลอด แต่วิปก็ไม่เคยถอย มองผ่านคำพูดของเขาไปไม่เก็บเอามาคิด แต่เพราะมั่นใจว่าตัวเขาเองคงไม่รู้สึกอะไรกับวิปไปมากกว่านี้ เพราะงั้นเลยไม่รับความรู้สึกของอีกฝ่าย

          ก็แค่เริ่มสนใจ จากรำคาญเป็นความเคยชิน คิดว่าคงไม่มากไปกว่านี้

          แต่เพราะเพื่อนตัวดี มันเข้ามาทำให้ความรู้สึกเริ่มสนใจมันไม่นิ่งอยู่แค่ตรงนั้น จนเผลอแสดงท่าทางไม่พอใจออกไปในเวลาที่สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน

          ร่างสูงส่ายหัวเบาๆ ยังคิดไม่ตกว่าควรจะทำยังไงดี ควรจะให้คำตอบแบบไหนกับร่างเล็กดี ถ้าตอบตกลง มันจะดีจริงๆ เหรอ และถ้าตอบไม่…เขาจะไม่เสียใจทีหลังใช่มั้ย

          เมื่อยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ร่างสูงก็ล้มเลิกความคิดที่จะนั่งไปเรื่อยๆ แบบนี้ ยันตัวลุกขึ้น เขานั่งรถกลับมาที่บ้าน ระหว่างที่เดินเข้าซอยก็พาลคิดไปถึงเวลาที่ได้เดินกับไอ้หมาน้อยนั่นอีกแล้ว ความป่วนของวิปทำเอาเขาปวดหัวตลอด แต่พอมาย้อนคิดในตอนนี้ กลับทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาซะงั้น

          พอเดินมาถึงหน้าบ้านของคนตัวเล็ก ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องหยุดมอง มองประตูบ้านของเขาแล้วก็พาลนึกถึงเจ้าตัว วูบหนึ่งในความคิดของเขาคือ…ป่านนี้วิปกำลังทำอะไรอยู่นะ

          ร่างสูงส่ายหน้าให้กับตัวเอง ท่าจะเป็นเอามาก ทำไมต้องไปนึกถึงด้วย ทำตัวเหมือนก่อนหน้านี้สิ ตอนนั้นยังทำได้ ตอนนี้ก็ต้องทำได้เหมือนกัน

          กันสะบัดไล่เรื่องของคนตัวเล็กออกไปจากหัวแล้วเดินกลับบ้าน หาอะไรทำเพื่อไม่ให้นึกถึงเรื่องของวิป แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็วนกลับมาคิดถึงตลอด นั้นทำให้เขาหัวเสียอยู่พอตัว

          “มึงมันวุ่นวายจริงๆ วิป”



………………………….



          ยิ่งวันเวลาผ่านไป เข้าใกล้วันนั้นมากเท่าไหร่ ภายในใจของเขายิ่งร้อนรน คำตอบที่จะให้ก็ยังหาไม่ได้ แถมไม่ได้เจอหน้ากันอีก เขายิ่งตัดสินความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

          นั่งเรียนอยู่แต่ก็ไม่มีสมาธิเลย มือหนากำปากกาในมือแน่น คิ้วเข้มขมวดเป็นปมดูท่าทางเครียด ในใจมันร้องบอกว่าไม่อยากให้คนๆ นั้นหายไป แต่…มันก็ยังไม่คิดที่จะตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่าย

          แล้วยิ่งพอเรียนเสร็จ เดินลงมาจากตึก เจอหน้าเพื่อนที่เขาเพิ่งฟัดกับมันมาเมื่อไม่นานนี้ก็พาลคิ้วกระตุก ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นมาในอก ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหันมายักคิ้วกวนเบื้องล่างยิ่งทำให้อยากถลาเข้าไปซัดมันอีกสักรอบ

          เฮอะ! กวนตีนไปเถอะ กูไม่ยกไอ้วิปให้มึงหรอก

          กึก!

          กันชะงักไป จู่ๆ ความคิดนั้นก็พุ่งขึ้นมาแบบที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน ฟันคมขบกัดริมฝีปากสวย ไม่ชอบใจเอาเสียเลย ไม่อยากยอมรับ แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาจะทำอย่างที่คิดเอา ไม่ยอมยกให้หรอก! มึงอย่าฝัน!

          หมับ

          “มึงมายืนจ้องหน้าไอ้อาร์คมันทำไมวะ เข้าไปนั่งดิ”

          กันหันไปมองเพื่อนอีกคนที่เดินเข้ามากอดไหล่พร้อมกับพยักพเยิดไปที่อาร์ค ร่างสูงถอนหายใจ เขาไม่อยากจะเข้าไปหามันเลยสักนิด แต่ก็ต้องยอมเพราะโดนลากไปด้วย นั่งลงที่โต๊ะเดียวกันอาการหน้าตึงก็แสดงออกมาเลย

          “ไงมึง ไม่เจอหลายวันเลยนะ” คงมีแต่มันนี่แหละที่ยังยิ้มแย้มได้อยู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ติดใจอะไร แต่ในตอนนี้…มันเพิ่งมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ให้มองอย่างเดิมคงทำไม่ได้ ตอนนี้เขาเห็นแต่ว่ามันกำลังกวนตีนเขาอยู่

          “หึ” เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอแล้วเบือนหน้าหนี

          “มึงเป็นอะไรของมึงวะกัน”

          “ช่างมันเถอะ กูพอรู้อยู่ อย่าใส่ใจเลย” อาร์คตบไหล่ชานเบาๆ ดวงตาอ่อนโยนภายใต้แว่นอันสวยก็ลอบมองเพื่อนแล้วยิ้มๆ เท้าคางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมดุก่อนจะเอ่ยพูด

          “พรุ่งนี้แล้วสินะ”

          กึก

          ร่างสูงชะงักแล้วหันขวับมาจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง พูดแบบนี้แสดงว่ามันรู้เรื่องที่เขาคุยกับวิปเอาไว้ เห็นมั้ย ว่าไอ้หมาตัวเล็กนั่นชอบทำอะไรให้เขาหงุดหงิดอยู่เรื่อย แล้วเรื่องนี้เอาไปบอกไอ้อาร์คมันทำไม ตกลงมีใครถามอะไรก็จะบอกเขาหมดเลยใช่มั้ย ไอ้พูดมาก!

          “มีอะไรกันวะ” ชานทำหน้างงมองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา

          “เปล่า แค่ช่วงเวลาดีๆ” อาร์คยักไหล่ตอบยิ้มๆ

          “กูกลับก่อนนะ” ร่างสูงทนมองหน้าเพื่อนไม่ได้ ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาเลย ไอ้ชานจะงงหรือเปล่าเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้หัวร้อนมาก ขืนอยู่นานอีกนิดรับรองได้ว่าเขาได้ต่อยหน้าเพื่อนตัวเองอีกรอบแน่

          แล้วมึงด้วยไอ้วิป…พูดมากเหลือเกิน!


………………………



          แล้วคืนนั้น เขานอนไม่หลับทั้งคืน ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อย เอาแต่คิดเรื่องของคนตัวเล็ก เขาพยายามไม่ปิดใจ พยายามเอาความรู้สึกของตัวเองออกมาก่อน แล้วเขาก็ได้ข้อสรุปว่า…เขาชอบมันจริงๆ นั่นแหละ

          ถึงจะหวงความเป็นส่วนตัว หวงความเงียบสงบของตัวเองอยู่บ้าง แต่ลองๆ คิดดูแล้ว…ถ้ามีวิปเข้ามาอันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด อาจจะวุ่นวายไปบ้าง แต่…ถ้าเขาปล่อยให้อีกคนหลุดมือไป เขาอาจจะต้องเสียใจก็ได้

          และที่สำคัญ…ไม่ยกมันให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!

          คำตอบที่จะให้นั้นมีอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่พอลองนึกเล่นๆ ดู…มันกลับรู้สึกอายนิดๆ มือหนายกขึ้นมาถูจมูกตัวเองเบาๆ แก้เขิน แล้วแอบบ่นร่างเล็กในใจไปด้วย…กล้ามากที่มาทำให้เขาเขินแบบนี้

          เมื่อคืนนี้เขาคิดจนหัวแทบแตก แต่ก็นะ…ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆ คงไม่เริ่มชอบ เพราะถ้าแค่เริ่ม ก็แสดงว่าชอบแล้ว แสดงว่ามีความรู้สึกต่อเขาคนนั้น ถึงแม้จะเถียงกับตัวเองว่าแค่นิดๆ ก็เถอะ

          แต่ถ้าปล่อยไป…เขาคงเสียใจ

          เพราะงั้น…คืนนี้รอกูก่อนนะวิป

          วันนี้ร่างสูงออกไปเรียนด้วยท่าทางอารมณ์ แต่ก็ไม่มีใครรับรู้ได้ เพราะใบหน้าของเขาที่เรียบนิ่งตลอด ถ้าไม่ได้สนิทกันจริงๆ คงไม่รู้

          จริงๆ จะไปบอกกับร่างเล็กตอนนี้เลยก็ได้ แต่ไหนก็นัดมาแล้ว เพราะงั้นก็เอาตามเดิมนั้นแหละ เขาแทบรอให้ถึงเวลานั้นไม่ไหว คนตัวเล็กจะทำหน้ายังไง จะดีใจแค่ไหนกันนะตอนที่เขาบอก แต่คิดก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

.

.

เที่ยง
          ร่างสูงไม่เข้าใจ ทำไมเวลาเร่งรีบชอบมีมารมาขัดตลอด ณ เวลานี้ พอเขาเดินลงจากตึก ก็เจอร่างสูงของเพื่อนรักยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว จะไม่คิดว่ามันคอยแล้วนะ ถ้ามันไม่มองตรงมาที่เขาแล้วส่งสายตาเรียกให้เดินเข้าไปหา

          กันโคลงหัวหน่อยๆ อยากรีบกลับให้ถึงบ้านเร็วๆ ก็ต้องมาเสียเวลากับไอ้เพื่อนคนนี้ ขายาวก้าวเข้าไปหา สีหน้าเบื่อหน่ายไม่อยากคุย แต่อีกฝ่ายทำเมินไม่สนใจ

          “คุยกันแป๊บดิ”

          “มึงมีอะไร”

          “ก็บอกให้คุยกันแป๊บไง” อาร์คย้ำคำเดิม กันจิ๊ปากไม่สบอารมณ์แต่ก็ยอมเดินไปนั่งลงที่โต๊ะที่ว่างอยู่ อาร์คเดินเข้ามานั่งที่ฝั่งตรงข้ามแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อน

          “มึงมีคำตอบให้วิปมันหรือยัง”

          “กูไม่จำเป็นต้องบอกมึง”

          “เฮ้ยๆ ไม่เอาน่า กูกับมึงเพื่อนกันนะเว้ย แค่ผู้ชายคนเดียวจะทำให้กูกับมึงตัดเพื่อนกันเลยเหรอวะ” กันนิ่งไปหน่อยแล้วคลายท่าทีของตัวเองลง จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะตัดเพื่อนหรอก เพียงแค่เวลาเห็นหน้าแล้วรู้สึกหงุดหงิดก็เท่านั้น ก็ดูมันปั่นเขาสิ เขาไม่ใช่คนมีความอดทนขนาดนั้น

          “กูชอบมันก็จริง แต่มึงก็ยังเป็นเพื่อนกูนะ”

          “แล้วไง”

          “มึงอย่ามาทำนิ่งไม่สนใจ กูคุยกับมึงจริงจังอยู่นะ” อาร์คเอ็ดเพื่อนหน่อยๆ อยากฟาดหัวให้สักรอบ ข้อหาทำเมินไม่อยากคุย

          “…”

          “มึงชอบไอ้วิปเหมือนกันใช่มั้ย” อาร์คจ้องตาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่ต้องมาจี้ถามแบบนี้เพราะเขาเองก็ห่วงคนตัวเล็กด้วย กลัวว่าต้องเสียใจอีกครั้ง แต่ท่าทางนิ่งๆ ของคนตรงหน้าก็เดาไม่ได้เหมือนกันว่าคิดยังไง

          “กูไม่จำเป็นต้องบอกมึง”

          “แต่กูอยากรู้”

          “ไว้มึงรอถามกับไอ้วิปเอาแล้วกัน มึงอาจจะมีความสุขก็ได้นะ” ร่างสูงลุกขึ้น ทิ้งคำพูดเอาไว้ให้อีกฝ่ายคิดไปเองเล่นๆ เขาไม่รู้ว่าเพื่อนรักมีสีหน้าแบบไหน แต่ก็อย่างที่บอก เขาไม่จำเป็นต้องบอกมัน เรื่องนี้เขาควรพูดกับวิปมันมากกว่า

          ร่างสูงไปหาข้าวกิน เสร็จแล้วก็ว่าจะกลับบ้านเลย แต่ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น มือเขาก็ถูกดึงเอาไว้ หันกลับไปมองก็เจอสาวสวยที่เป็นเพื่อนในขณะกำลังหอบหน่อยๆ เหงื่อเกาะใบหน้า

          “ไอ้กัน”

          “…”

          “จะไปไหน”

          “กลับบ้าน”

          “มึงอย่าเพิ่ง มาช่วยงานก่อน” คุณเธอสั่งเสียงโหด แต่ก็ทำอะไรร่างสูงผู้ที่มีความโหดกว่าไม่ได้ คิ้วเข้มขมวดมุ่น ใจเขาอยากกลับบ้านใจจะขาด ทำไมต้องมีมารมาขัดตลอดเวลาด้วยนะ

          “ไว้…”

          “มึงอย่า! คราวที่แล้วมึงก็บอกไว้ก่อน คราวนี้มึงต้องช่วย งานของขณะมึงไม่เคยโผล่หัวเลย เร็วๆ ไอ้บินก็หนีไปคนนึงแล้ว มึงนั่นแหละมา” ไม่รอให้ร่างหนาได้ปฏิเสธ คนสวยตัวเล็กก็จัดการลากกันให้เดินตาม ร่างหนาขมวดคิ้วไม่พอใจ จะปฏิเสธแม่คุณก็ไม่ยอมฟังอะไรเลย

          จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ คงไม่นานเท่าไหร่ น่าจะกลับไปทัน

          แต่เหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งเขาเข้าเสียแล้ว อาจจะเอาคืนที่เขาทำให้เจ้าหมาตัวเล็กนั่นเสียใจอยู่บ่อยๆ เพราะจากที่คิดเอาไว้ว่าคงไม่นาน มันลากยาวมาจนถึงเกือบสองทุ่ม

          ยิ่งเข้าใกล้เวลานัดเข้ายิ่งร้อนใจ ดวงตาคมหันมองนาฬิกาอยู่หลายครั้ง จะแยกตัวออกไปก่อนเพื่อนก็ต่างรั้งเอาไว้ให้ช่วย ความจริงเขาก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวขนาดนั้น เพียงแต่วันนี้เขามีเรื่องต้องทำจริงๆ

          ไม่รู้ป่านนี้คนที่กำลังรอจะทำหน้ายังไง จะใจเสียไปแค่ไหน คราวนี้เขาจะไม่ทำให้คนๆ นั้นต้องเสียใจอีกแล้ว

          “จะให้ฉันกลับได้หรือยัง” เอ่ยเรียบเอ่ยถามกับคนที่ลากเขามา ร้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้ ถึงแม้คนตัวเล็กจะบอกว่าจะรอจนกว่าเขาจะกลับไป แต่ก็ใช่ว่าจะรอตลอด

          ถ้าเขากลับไปไม่ทันคราวนี้…เขาอาจจะไม่ได้เห็นความวุ่นวายที่น่ารักจากร่างเล็กอีกแล้ว

          “มึงถามกูบ่อยไปนะ”

          “ฉันรีบ” กันหน้าเครียด เธอเห็นสีหน้าของร่างหนาแล้วก็ไม่มีคำพูดเอ่ยรั้ง พยักหน้าตอบตกลงให้ไปเบาๆ เท่านั้น ร่างแกร่งก็ลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกมาเลย

          เดินมาถึงป้ายรถเมล์แล้วก็ต้องหัวเสียเพราะรถที่ติดกันยาวแทบไม่ขยับ จะนั่งวินกลับก็ไม่มีสักคัน เขาเลยตัดสินใจที่จะขึ้นแท็กซี่กลับ อย่างน้อยๆ ก็เร็วกว่ารถเมล์ที่ขึ้นประจำแน่ๆ

          ยิ่งเวลาล่วงเลยไปมากเท่าไหร่ ในใจเขายิ่งอยู่ไม่สุข ร้อนรนไปหมด สีหน้าฉายแววเครียดอย่างชัดเจน มองดูรถที่ติดแล้วก็สบถคำหยาบอยู่หลายครั้ง ป่านนี้ไอ้วิปมันจะหนีกลับบ้านไปหรือยังนะ จะร้องไห้หรือเปล่าที่เขาไม่กลับไปสักที

          พอมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วร่างสูงก็ยิ่งบ้า มองออกไปนอกกระจกก็เห็นว่าใกล้ถึงบ้านแล้ว อีกประมาณสองป้ายรถเมล์เห็นจะได้

          แต่บนถนนที่รถไม่ขยับเลยแบบนี้ ให้รอต้องไปคงไม่ทัน

          “พี่ครับ เดี๋ยวผมลงตรงนี้แหละ”

          บอกไปก็หยิบเงินออกมาจ่าย ไม่รอเงินทอน ร่างสูงเปิดประตูลงไปเลย ก้าวขึ้นฟุตบาทแล้วออกวิ่ง ไม่สนระยะทาง ไม่สนว่ามันจะต้องเหนื่อย เขารู้เพียงแค่ว่า ต้องกลับไปให้เร็วที่สุด

          ขอล่ะ อยากเพิ่งกลับไปเลยนะ อย่าเพิ่งคิดว่าเขาไม่อยากเจอ อย่าเพิ่งคิดว่าเขาไม่อยากให้คำตอบ คำตอบน่ะมีแล้ว มึงรอกูก่อนนะวิป

          ระยะทางที่วิ่งกลับบ้าน ทำเอาคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างเขาหอบแฮกๆ ได้ ใบหน้าคมเหงื่อชุ่ม เสื้อนักศึกษาเปียกไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา แต่เขาไม่ได้สนใจสักนิด คิดเพียงแต่ว่าต้องกลับไปให้ทันเท่านั้น

          คนที่เห็นอาจจะคิดว่าเขาไปทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ก็ได้ เพราะดึกดื่นแบบนี้แต่กำลังวิ่งไม่คิดชีวิต ไม่ว่ายังไงก็น่าสงสัย ไม่รู้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะมายืนอยู่บ้านหน้าตัวเองอย่างนี้ มือหนาเท้ากระประตูรั้วหอบหายใจรัวๆ

          ดวงตาคมจ้องมองเขาไปในบ้านก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ลุงชมที่เป็นคนสวนก็วิ่งเหยาะๆ ออกมาทันที

          “คุณกัน เพื่อนคุณมารอ…”

          พรึ่บ

          ไม่รอให้ลุงได้พูดจบ ร่างสูงก้าวพาไปอย่างรวดเร็ว ขายาววิ่งขึ้นบันไดมาที่ห้อง เพราะเขามองหาจนทั่วบ้านแล้วก็ไม่เจอร่างเล็ก เพราะงั้นก็น่าจะรออยู่บนห้อง แถมที่ลุงชมบอกมาก็แสดงว่าไอ้วิปมารอเขา

          กายสูงหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องของตนเอง ก้อนเนื้อในอกสั่นรัวๆ ด้วยความหวาดกลัวปนตื่นเต้น มือหนาสั่นนิดๆ เมื่อเอื้อมออกไปเพื่อเปิดประตู ขายาวก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาคมกวาดสายมองหาร่างเล็ก แต่ก็ไม่พบ!

          วินาทีนั้นเหมือนหัวใจเขาหล่นวูบ ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้น ร่างกายชาไปทุกส่วน ในใจกำลังร้องถาม…เขากลับมาไม่ทันเหรอ ร่างเล็กไม่รอแล้วใช่มั้ย

          ร่างสูงเลื่อนสายตาไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ เห็นเวลาที่เลยเวลานัดมามากก็ปวดในใจ ฟันคมขบกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซิบ

          ตุบ

          ร่างสูงถึงกับหมดแรงยืนเอาดื้อๆ ทิ้งตัวทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ใบหน้าคมก้มลงมองมือที่สั่นระรัวของตน ความเสียใจพุ่งโถมเข้าใส่ ภายในใจก็ก่นด่าตัวเองไป

          เพราะมึง! มึงมันช้าเอง มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง! เพราะมึงตัดสินใจช้า ทำให้เขาเสียใจแล้วไม่รอมึงแล้ว

          “วิป…” เสียงเข้มสั่นเครือ ก่อนที่ใบหน้าคมจะเงยขึ้นอย่างนึกอะไรได้ ร่างสูงผุกลุก แล้ววิ่งออกจากห้อง

          ใช่! ต้องไปหามันที่บ้าน!

          ร่างสูงวิ่งมาที่บ้านของวิป หยุดยืนอยู่หน้าบ้านแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าต่างห้อง เห็นไฟปิดสนิทก็ใจไม่ดีเท่าไหร่ และตอนนี้มันก็ดึกแล้วด้วย ตัวเขาก็เกรงใจปู่ที่อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ว่า…ตอนนี้มันด่วนจริงๆ

          มือหนากดออดย้ำๆ หลายทีด้วยความร้อนใจ

          “วิป! ไอ้วิป!”

          ร้องเรียกร้องเล็กไปด้วย เขาไม่เคยร้อนใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้ากันแล้ว อีกฝ่ายจะใจแข็งใส่เขาหรือเปล่า จะโกรธมากแค่ไหนที่เขากลับมาไม่ทัน ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหน่วงในใจ เมื่อก่อนเป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนี้พอทำให้ร่างเล็กเสียใจแล้วใจเขารู้สึกแย่มาก

          “วิป! ออกมาคุยกันก่อน”

          ร่างสูงตะโกนเรียกอีกครั้ง เขาไม่สนใจแล้วว่าข้างบ้านจะเปิดประตูออกมาด่าหรือเปล่า ที่รู้อย่างเดียวคือตอนนี้เขาต้องการเจอหน้าคนตัวเล็กมากกว่าสิ่งอื่นใด

          แกร๊ก

          ประตูบ้านถูกเปิดออก แต่คนที่ก้าวออกมาไม่ใช่คนที่เขาอยากจะเจอ กันขมวดคิ้วมองปู่ของร่างเล็กที่เดินตรงมาหา เขาไม่เอ่ยทักทายผู่ใหญ่ ยอมเป็นเด็กเสียมารยาทในครั้งนี้

          “วิปล่ะครับ”

          “ไม่อยู่แล้ว”

          “ไม่อยู่? หมายความว่ายังไงครับ” ร่างสูงใจหายไปแวบหนึ่งเมื่อได้ยินว่าวิปไม่อยู่แล้ว แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะหนีไปไหน พยายามปลอบใจตัวเองก่อนว่าคงไม่มีอะไรมาก ปู่มองใบหน้าที่ร้อนรนนั่นด้วยความรู้สึกเรียบเฉย แล้วพาลนึกไปถึงหลานตัวเองที่เดินร้องไห้กลับบ้านมา

          เขาไม่รู้ว่าหลานรักของตัวเองเป็นอะไร แต่ดูจากท่าทางแล้วคงเสียใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าไอ้เด็กนี่มันคิดยังไงกับหลานเขา

          แต่พอเห็นท่าทางร้อนรนอย่างนี้ก็พอจะเดาได้หน่อยๆ แล้ว

          “พ่อมันมาเอาไปแล้ว”

          “พ่อ?” ร่างสูงทวนคำ

          “ใช่ กลับมาเห็นลูกร้องไห้ก็ทนไม่ได้ พาไอ้วิปไปแล้ว” ปู่บอกเพียงแค่นั้นแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านเลย ร่างสูงยืนอึ้งค้างอยู่กับที่ ในตอนนี้เหมือนมีใครเอาของแข็งมาฟาดใส่หัวเขาอย่างแรง มันมึนไปหมด เหมือนโดนน็อคในเวลาเพียงเสี้ยววินาที พ่อมาเอาไปแล้ว? ไม่อยู่แล้ว?

          หมายความว่ายังไง

          ร่างเล็กเสียใจมากถึงกับหนีไปอยู่กับพ่อเลยเหรอ เขาจำได้ วิปเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อของตนนั้นอยู่ป่า นานๆ ทีจะติดต่อกลับมา และเห็นบอกว่าไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วย

          มึงหนีไปแล้วจริงๆ เหรอวะวิป

          “กู…ขอโทษ…” คำขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงที่ส่งไปไม่ถึงหลุดออกมา ริมฝีปากสวยเหยียดยิ้มให้ตัวเอง พร้อมกับก่นด่าตัวเองในใจไปด้วย มึงมันโง่เองกัน มัวแต่ห่วงฟอร์ม สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ เขาหนีมึงไปแล้ว

          กันเดินกลับบ้านแบบอ่อนแรง ปฏิเสธที่จะกินข้าวแล้วเดินขึ้นมาบนห้อง มองรอยยับที่เตียงค้างอยู่แบบนั้น แสดงว่าร่างเล็กมานั่งรอเขาอยู่ตรงนี้ นั่งรอให้เขากลับมา แต่เขาก็ทำให้วิปต้องเสียใจอีกครั้ง

          ตุบ

          กายสูงทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลองกดโทรออกเบอร์ที่เขาไม่คิดที่จะโทรมาก่อน และเมื่อก่อนนี้…เขาก็ไม่อยากรับสายเบอร์นี้ที่สุด

          ร่างสูงหวังว่าอีกฝ่ายจะรับแล้วยอมคุยกับเขา แต่มันแย่ยิ่งกว่านั้น เพราะไม่เพียงแต่ไม่รับ เขายังโทรไม่ติดเลย อีกฝ่ายปิดเครื่องนี้ ริมฝีปากแค่นยิ้มให้ตนเอง แบบนี้มันโทษใครไม่ได้ ต้องโทษที่ตัวเขาเองนี่แหละ

          เขาเหมือนคนบ้า รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายปิดเครื่องแต่ก็ยังกระหน่ำโทรไม่หยุด มือหนากดโทรออกเรื่อยๆ ไม่สนใจว่าจะโทรติดหรือไม่ เขาคิดแค่ว่า…ถ้าร่างเล็กเปิดเครื่องเมื่อไหร่ เขาจะได้คุยทันที

          แต่สุดท้าย…ทั้งคืนนั้นเขาก็ติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ ร่างสูงพลิกตัวนอนคว่ำ ฝังหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ รู้สึกเจ็บใจที่กลับมาไม่ทัน อยากชกตัวเองหลายๆ ทีให้รู้สึก ให้เจ็บได้เท่าที่อีกฝ่ายต้องเจ็บ

          “มึงอย่าร้องไห้นะวิป กูขอโทษ…”


[มีต่อ]




ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


[ต่อ]




…………………….



          เช้า

          เขาไม่ได้นอนทั้งคืน ใช้เวลาทั้งคืนไปกับความรู้สึกผิด พอเช้ามาเขาก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปหาใครบางคน ในวันหยุดยาวแบบนี้จะไปเจอร่างเล็กที่มหาลัยก็ไม่ได้ เขาทำได้เพียงไปหาคนใกล้ตัวของวิปเพื่อถามข่าว

          กันบุกมาที่บ้านของนานา เพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานาน รู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหนแต่ไม่เคยได้มาสักครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขามา คิดอยู่ว่าถ้าไม่มีเรื่องของวิปเขาก็คงไม่ได้มาที่นี่แน่ๆ

          ร่างสูงถูกเชิญให้เข้ามาในบ้าน ระหว่างนี้เด็กใบบ้านก็ไปตามร่างสวยลงมา กันร้อนรนถึงขนาดนั่งไม่ติด เดินวนไปวนมารอให้เพื่อนลงมา และพอเห็นร่างสวยเดินเข้ามา ขายาวก็ก้าวเข้าไปหา พอหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงก็ถูกทำให้ชะงักด้วยหมัดเล็กๆ

          ผัวะ!!

          ใบหน้าคมหันไปตามแรงกระแทก ร่างสูงค้างอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มนิดๆ เห็นตัวเล็กๆ มือเล็กๆ แบบนั้น แต่พอต่อยมาแล้วก็เจ็บใช่ย่อย

          “ไอ้เหี้ย!” แล้วตามมาด้วยคำด่าที่เขาไม่เคยได้รับจากคนสวยตรงหน้าเลยสักครั้ง ดวงตาสวยฉายแววเครียดแค้น ไม่ต้องสงสัย คงจะแค้นแทนเพื่อนตนเองแน่ๆ กันก้มหน้ายอมรับไม่เอ่ยเถียง ใช่…เขาเหมาะกับคำนั้นจริงๆ

          “มึงมาทำไม กูไม่อยากเจอหน้ามึง ฮึ่ย…” คนสวยหัวเสียสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เธอทำใจได้ลำบากเหลือเกิน ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นเพื่อน แล้วยิ่งทางนี้รู้จักมาก่อนหน้าวิปอีก แต่ช่างเถอะ เพราะมันทำตัวน่าหมั่นไส้ เธอจะไม่เข้าข้าง นานาทำเป็นมองผ่านสีหน้ารู้สึกผิดนั่น ทำเมินเหมือนอย่างที่มันเคยเมินเพื่อนรักเขา

          “วิปอยู่ไหน”

          “กูไม่รู้”

          “ฉันรู้ว่าเธอรู้” กันไม่เชื่อ ยังไงนานาก็เป็นคนที่วิปสนิทด้วยที่สุด มีเหรอที่จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าจะติดต่อยังไง มันเป็นไปไม่ได้

          “ถึงกูรู้ก็ไม่บอก มึงจะมาถามหามันทำไมอีก แค่นี้ยังทำมันเสียใจไม่พอใช่มั้ย” นานาเท้าเอวจ้องหน้าเอาเรื่อง อยากจะต่อยให้อีกสักที ที่ทำไปเมื่อกี้นี้ก็ไม่ทันได้คิดเหมือนกัน มันออกไปเองตามความรู้สึกข้างใน โกรธแทนเพื่อนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร โมโหแทนจะเผลอถลาเข้าไปต่อย

          “มันไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อคืน…”

          “เออ! เมื่อคืนนี้ไงที่ไอ้วิปมันร้องไห้ อยู่รอมึงตั้งนานมึงก็ไม่มา ไอ้เลว!” จัดให้อีกคำนึง คนสวยจะไม่ทนแล้ว ร่างสูงขมวดคิ้วไม่ชอบใจที่โดนด่ามาแบบนี้ แต่ในตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมคนตรงหน้าไป

          “ฉันมีธุระ ทำให้กลับมาไม่ทัน พอกลับมาวิปก็ไม่อยู่แล้ว”
          “แหงดิ คิดว่าคนอื่นเขาต้องรอมึงตลอดงั้นเหรอ เป็นใครมาจากไหนวะ”

          “นี่ ฉันขอล่ะ เธออย่าใช้อารมณ์ได้มั้ย” กันพยายามใจเย็น เพราะอีกฝ่ายร้อนมาแบบนี้ ถ้าร้อนกลับไปคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ นานาเชิดหน้าขึ้น สะบัดหน้าหนีแล้วเดินไปนั่ง

          กันเห็นว่าอีกฝ่ายยอมอ่อนลงบ้างแล้วก็เดินเข้าไปนั่งด้วย ร้อนใจเรื่องของวิปพอแล้ว ไม่อยากปวดหัวเพิ่มเพราะต้องเถียงกับคนสวยนี่

          “นายมาหาฉันทำไม ปกติไม่เคยโผล่มานะ”

          “ปู่บอกว่าวิปไปกับพ่อแล้ว เธอรู้มั้ยว่าพ่อวิปอยู่ที่ไหน แล้วจะติดต่อได้ยังไง เพราะฉันโทรหาวิปไม่ได้เลย” ร่างสูงพยายามถามด้วยความใจเย็น ทั้งๆ ที่อยากจะเขย่าคอคนสวยแล้วถามให้ได้คำตอบเร็วๆ ร่างเพรียวเลิกคิ้วหน่อยๆ ไปกับพ่อ? เรื่องนี้ไม่เห็นวิปบอกอะไรเธอเลย

          “ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าวิปมันไปกับพ่อ พ่อมันกลับมาแล้วเหรอ” ร่างสูงชะงักไปเมื่อได้รับคำตอบกลับมาอย่างนั้น นี่แสดงว่านานาเองก็ไม่รู้ว่าวิปไปที่ไหน แถมไม่รู้ด้วยว่าวิปไปกับพ่อแล้ว ดวงตาดุจ้องลึกเข้าไปสังเกตท่าทีว่าอีกฝ่ายโกหกหรือเปล่า แต่ก็ไม่เจอท่าทางผิดปกติอะไร

          “แล้วฉันจะตามหาวิปได้ที่ไหน” ยิ่งเป็นแบบนี้เขายิ่งร้อนใจ เพราะตอนนี้เท่ากับว่าหนทางที่จะได้เจอคนตัวเล็กนั้นห่างไกลออกไปอีก นานาลอบสังเกตสีหน้าของร่างหนาที่ซึมลงไปนิด ก่อนจะเชิดหน้าแล้วถาม

          “นายจะตามหามันทำไม ไม่ได้ชอบไม่ใช่เหรอ ไล่ให้มันไปไกลๆ ไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้มาตามหาทำไม ปล่อยมันไปสิ ให้มันไปได้กับเพื่อนมึงก็ได้ นิสัยดีกว่ามึงตั้งเยอะ มันรักไอ้วิปจริงแน่นอน” นานาลองพูดแหย่อีกฝ่ายดู แล้วก็ต้องขนลุกเกรียวเมื่อดวงตาดุๆ นั่นฉายแววโกรธออกมาเมื่อได้ยินที่พูด

          “ตามหาทำไมฉันจะเป็นคนบอกกับไอ้วิปเอง ส่วนเรื่องยกให้คนอื่น…เลิกคิดไปได้เลย ไม่มีทาง!”



……………………



          อะไรเอ่ยที่ทำให้เหงา…และเศร้า…

          เฉลย…ก็ทุกๆ อย่างรอบตัวในตอนนี้นี่แหละ ทุกอย่างเป็นสาเหตุทั้งหมดเลย ผมนั่งถอนหายใจทิ้งไปอย่างไร้ค่านานหลายชั่วโมงแล้ว เอาแต่นั่งมองไปที่สระว่ายน้ำสวยๆ ข้างนอก มองฟ้ามองฝนไปเรื่อย แล้วก็พาลให้ใจห่อเหี่ยว

          มันเจ็บในอกแทบทนไม่ไหว เมื่อคืนนี้นอนร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตาไหลเปียกหมอน สัญญากับตัวเองว่าต้องทำใจให้ได้เร็วๆ เลิกเศร้าเร็วๆ และกลับมาร่าเริงให้ได้เหมือนเดิมเร็วๆ

          เมื่อคืนหลังจากที่ผมเดินกลับมา เจอหน้าปู่ที่พอเห็นว่าผมร้องไห้แล้วก็รู้สึกผิด ปู่ดูแย่ที่เห็นผมร้อง และก็ยังคงเป็นคุณปู่ที่น่ารักเหมือนอย่างเคย ไม่ถามเซ้าซี้ให้ผมต้องรำคาญใจ พูดแค่ว่าอยากบอกเมื่อไหร่ก็บอก ปู่อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวปลอบเอง ปู่แม่ง…พระเอกกว่าใครบางคนซะอีก

          และก็ได้เจอเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง เพราะเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ผมก็ได้เจอหน้าคนที่ไม่ได้เจอมานานหลายปี ถึงกับหยุดร้องไห้ไปแวบหนึ่งเพื่อยืนอึ้งกันเลย พ่อพอเจอหน้าผมก็พุ่งเข้ามากอดเต็มแรงเต็มรัก ฟัดผมจนพอใจก็ผละออก นั่นแหละถึงได้เห็นหน้าของผมเต็มๆ ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

          แล้วก็นะ…จิตใจในขณะนั้นกำลังบอบบาง พอโดนถามเข้านิดหน่อยก็สะอึกสะอื้นในจะขาด คนเป็นพ่อเห็นลูกเป็นอย่างนี้ก็ทนไม่ได้ จัดการเก็บกระเป๋าแล้วลากผมออกมาเที่ยวอย่างนี้

          โดยไม่ปรึกษากูสักคำ

          ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ และไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะปฏิเสธด้วย ก็เลยยอมตามมาเงียบๆ พ่อพาผมมาที่ทะเลทางใต้ สวยงามตามแบบทะเลไทย บรรยากาศดี ที่พักดีเยี่ยม เดินออกจากห้องพักก็เป็นสระว่ายน้ำสุดหรู แถมที่พักยังติดกับทะเลอีกด้วย ไม่อยากว่ายน้ำสระก็ไปว่ายน้ำทะเลได้

          พ่อลงทุนมาก ถึงขั้นนั่งเครื่องมาเลย จริงๆ แกเป็นคนมีเงินนะ ไปอยู่ป่าก็ไม่ค่อยได้ใช้จ่ายอะไรมากมาย เงินเก็บจากตอนที่ทำงานเลยมีเยอะ เที่ยวได้สบาย

          และที่พามาทะเลส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่ออยากมาด้วย ปกติอยู่แต่ในป่า เจอแต่ลำธาร คงอยากสัมผัสน้ำทะเลกับเขาบ้าง ผมก็ยังไงก็ได้ จะให้ไปที่ไหนก็ไปหมดแหละ

          เพราะอยู่บ้านไปก็ช้ำใจ ไหนๆ ก็หยุดยาวแล้ว

          หลังจากที่ออกจากบ้านไอ้กัน วางสายนานาเสร็จผมก็ปิดเครื่องเลย ไม่ต้องการคุยอะไรกับใครทั้งนั้น และที่มากับพ่อแบบนี้ก็ไม่มีใครรู้นอกจากปู่ ผมก็ห่วงปู่อยู่เหมือนกันนะ ปล่อยให้อยู่คนเดียวแบบนั้น แต่ปู่แกก็ยืนยันว่าอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องเป็นห่วง และไล่ให้ผมหนีมาทำใจกับพ่ออย่างนี้

          หมับ

          “ลูกรักของพ่อ คิดอะไรอยู่ นั่งซึมเป็นส้วมเลย”

          กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ พ่อก็โผล่มาจากด้านหลัง กอดคอแล้วนั่งลงข้างๆ ก็นะ อุตส่าห์หนีออกมาหามุมเงียบๆ นั่งคนเดียวแล้วนะ พ่อยังตามมาเจออีก

          “ผมกับพ่อนี่ไม่มีดวงเรื่องความรักเลยเนอะ อกหักทั้งคู่เลย” ผมพูดเสียงหงอยๆ คุณพ่อที่รักตีหน้ายักษ์ใส่ แต่ดูยังไงก็ไม่น่ากลัวเลยสักนิด

          “อย่าหยาบคาย อย่างพ่อไม่เรียกว่าอกหัก เขาเรียกว่าทำตัวเป็นพระเอก ให้เธอได้กับเขาแล้วจงโชคดีต่างหาก” พ่อยืดอก ไม่ยอมรับว่าตัวเองก็อกหักจากแม่ ผมพยักหน้ารับขี้เกียจเถียงด้วยต่อ เอาที่พ่อสบายใจแล้วกัน เพราะตอนนี้แม่ก็ได้กับเขาคนนั้นและโชคดีไปนานแล้ว

          ขอบอกว่าพ่อกับผมนั้นเหมือนกันมากๆ ส่วนสูง นิสัย หน้าตา เหมือนกันทุกอย่าง แถมพ่อแกยังหน้าเด็กอีกต่างหาก อยากรู้ว่าในป่ามีครีมดีๆ ใช้ด้วยเหรอวะ หน้าขาวเนียนเหลือเกินพ่อ

          “อ้าว ยังทำหน้าหงอยอยู่อีก เจอพ่อเจอเชื้อแทนที่จะร่าเริงมีความสุข”

          “เค้าอกหัก”

          “รักกับพ่อนี่มาไม่นอกใจด้วย”

          “ไปเล่นที่อื่นไปพ่อ”

          “เสียใจ” แกว่าเสียงเล็กเสียงน้อยแล้วตีหน้าเศร้า บอกแล้วว่าพ่อลูกเหมือนกันเด๊ะๆ น่ารักเหมือนกัน นี่ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงเล่นกับแกตอบกลับไปแล้ว แต่อารมณ์ของผมในตอนนี้มันไม่พร้อมที่จะเล่นจริงๆ

          “ผมอยากอยู่คนเดียวพ่อ”

          “เพิ่มพ่อเข้าไปอีกคนสิ จะได้ไม่เหงา” ยัง พ่อแกยังไม่จบ ผมหันไปทำหน้าเอือมใส่ อยู่คนเดียวอะยูโนว์ คนเดียวไม่มีคนอื่นเข้ามายุ่ง ถอนแกถอนหายใจเมื่อบิ้วผมไม่สำเร็จ ยื่นมือออกมาวางลงบนศีรษะผมแล้วลูบเบาๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ห่างหายสัมผัสแบบนี้ไปนานมากแล้ว

          “เอ็งไม่ยอมบอกพ่อเลยว่าเป็นอะไร โดนสาวที่ไหนหักอกมา เอาแต่ร้องไห้แล้วก็นั่งซึมแบบนี้พ่อก็เป็นห่วงนะ” แค่ลูบดูยังปลอบไม่พอ พ่อดึงผมเข้าไปกอดแล้วโยกเหมือนกำลังโอ๋เด็ก ผมหลุดยิ้มออกมานิดๆ จำแทบไม่ได้เลยว่าพ่อก็มีมุมแบบนี้ด้วย

          “อย่าห่วงผมเลยพ่อ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

          “ใช่ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทำตัวหล่อๆ เข้าไว้แล้วหาสาวใหม่ จะคิดมากให้มันวุ่นวายทำไม เห็นมั้ย เบื้องบนเป็นแผ่นฟ้ากว้าง เบื้องล่างเป็นธารน้ำใส ตัวฉันมีกาน้ำหนึ่งใบ กับกองฝืนที่วางอยู่เรียงรายยยย”

          โอ๊ยย…

          “พ่อ เลอะเทอะละ”

          “ซอรี่เน้อ”

          เมื่อปลอบผมไม่ได้ผล พ่อเลยปล่อยให้ผมอยู่เงียบๆ คนเดียวตามที่ขอ ส่วนตัวแกก็ออกไปเดินเล่น เห็นบอกว่าเย็นๆ จะมาพาไปกินข้าว ผมเริ่มรู้สึกเบื่อจุดที่นั่งอยู่เลยออกไปเดินเล่นที่ชายหาด หามองบิกินี่สวยๆ เล่นไปพลางๆ

          ไอ้กันมันจะรู้บ้างมั้ยว่ามันทำให้คนๆ นึงต้องเสียใจขนาดนี้ คงไม่หรอกมั้ง ป่านนี้คงยิ้มมีความสุขที่สลัดผมออกจากชีวิตได้เสียที คงดีใจที่ไม่ต้องมีคนไปคอยป่วนอยู่ใกล้ๆ สบายขึ้นเยอะเลยล่ะสิ

          คิดๆ แล้วน้ำตาก็พาลจะไหลอีกรอบ ผมต้องเงยหน้ากลั้นน้ำตาเอาไว้ ร้องจนปวดตาไปหมดแล้ว ร้องไปไอ้บ้านั่นก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ร้องไปมันก็ยังกินข้าวอร่อยเหมือนเดิม

          ผมไม่รู้จะหนีไอ้กันได้อีกนานมั้ย แต่พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว ก่อนหน้าที่จะรู้จักกันก็ไม่เคยได้เจอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ซอยเดียวกันก็เถอะ เพราะงั้นคงไม่ต้องห่วงเลยเจอแล้วล่ะมั้ง กลับไปทำตัวตามปกติเหมือนก่อนที่เคยรู้จัก

          หมับ!

          “เฮ้ย เดินหน้าเศร้าแบบนี้แฟนทิ้งมาเหรอ”

          ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดแล้วหันขวับไปมองไอ้บ้าที่บังอาจมากอดคอทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน หันไปก็เจอเข้ากับใบหน้ากวนโอ๊ยกำลังยิ้มกวนเบื้องล่างให้อยู่ ผมขมวดคิ้วใส่ สนิทเหรอพ่ออยู่ๆ มากอดแบบนี้

          “ปล่อย”

          “อืมมมมมม…” มันลากเสียง “ไม่ว่ะ เห็นเดินหน้าเศร้าคนเดียวเลยเข้ามาทัก หน้าตามึงน่ารักดี กูชอบ” รอยยิ้มขี้เล่นถูกส่งออกมา มึงชอบแต่กูไม่ชอบ จบนะ ผมยกแขนหนักๆ ของมันออกไปแล้วเดินหนี กูเจอคนบ้าแต่วันเลยเหรอวะ

          “เฮ้ย รีบไปไหนวะ”

          ไอ้บ้านั่นยังไม่ยอมแพ้ วิ่งตามมากอดคอผมอีกรอบ กูเริ่มขึ้นแล้วนะ เล่นอะไรดูหน้ากูด้วย กูพร้อมเล่นกับมึงเหรอ แม่งกวนตีนฉิบหาย มองหน้าแบบไม่พอใจใส่ก็แล้วยังไม่รู้สึกตัว ตีมึนมองผ่านซะงั้น

          “วันนี้อารมณ์ไม่ดี ไม่เป็นมิตร ปล่อย!”

          “เหรอ เดี๋ยวตีสนิทเองก็ได้”

          หมับ
          อุ๊บ

          ไอ้บ้า!! มันจูบบบบบบ!!

          สิ้นคำของอีกฝ่าย ใบหน้ากวนๆ นั่นก็โน้มเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว แขนหนาล็อกคอไว้ไม่ให้ขยับหนี จากนั้นก็ประกบริมฝีปากเข้ามา บดเบียดเข้ามาแนบชิดไม่เหลือที่ว่าง ผมเบิกตากว้าง ไอ้บ้าเอ้ย!! มึงกล้าไป๊! คนอยู่เยอะแยะมึงอายบ้างมั้ย ผมนิ่งค้างไปแวบหนึ่ง ช่วงนั้นเลยปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบสบายเลย ปลายลิ้นร้อนชื้นไล้เลียทั่วกลีบปากและดูดแรงๆ มันเป็นสัมผัมที่ทำให้ผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ไอ้บ้า! กูขยะแขยง!

          “อื้อๆๆ!” ผมดีดดิ้นอยู่ในอ้อมแขนอีกฝ่าย แรงไอ้เวรนี่ก็เยอะเหลือเกิน พอสะบัดมันหลุดออกไปได้ผมก็ใช้หลังมือเช็ดถูปากตัวเองแรงๆ แสดงออกว่ารังเกียจแบบโต้งๆ ร่างหนาตรงหน้ายิ้มเยาะถูกใจ ปลายนิ้วลูบริมฝีปากตัวเองด้วยท่าทางเซ็กซี่

          “เดี๋ยวกูจะจูบมึงอีก”

          !!

          ฉิบหาย กูอยู่ตรงนี้ไม่ได้ละ

          ผมหันหลังวิ่งหนีมันกลับมาที่ที่พัก ใจยังเต้นรัวเร็วอยู่เลย ไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่กูรังเกียจ ว่าแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำล้างปากยกใหญ่ ถึงกูจะชอบผู้ชายก็เถอะ ใช่ว่าจูบกับผู้ชายทุกคนกูจะโอเคนะเว้ย ไม่ใช่คนที่รักยังไงก็ไม่โอเคทั้งนั้นแหละ อย่างไอ้อาร์คไม่ถึงกับรังเกียจแต่ก็ไม่ยอมให้จูบ แล้วนี่มึงเป็นใคร!! โอ๊ยปากกู

          มีเรื่องให้เศร้าแล้วก็มีเรื่องให้จิตตกด้วย ครบสูตรได้อีก ผมนั่งเครียดอยู่ในห้องจนตอนเย็นพ่อมาเรียกไปกินข้าว บอกจะพาไปร้านอร่อย เรานี่ผวาตลอดว่าจะเจอไอ้บ้านั่น แต่โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง

          “เป็นอะไรลูกพ่อ มองซ้ายมองขวามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

          “เปล่าพ่อ มองดูบรรยากาศน่ะไม่มีอะไรมาก สั่งข้าวๆ” ผมบอกปัดแล้วเปิดเมนูดู มันมีเรื่องให้เศร้าแบบนี้อาหารน่ากินแค่ไหนผมก็ไม่รู้สึกอยาก แต่ต้องฝืนกินไปเพื่อไม่ให้พ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ผมเลือกๆ ดูของที่น่ากิน ปิดเมนูจะสั่งของที่เลือก เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องชะงักอ้าปากค้าง

          ไอ้บ้านั่น!...มันนั่งอยู่โต๊ะถัดไปนี่เอง!!

          ดวงตาเจ้าเล่ห์จ้องตรงมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเห็นผมมาก่อนหน้านี้ ผมขนลุกวูบกับสายตาของพี่แก อีเหี้ยกูกลัวมึง ชัดมั้ย อย่ามองกู

          “พ่อ เปลี่ยนร้านมั้ย” ผมถามพ่อเสียงสั่นๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันละ พ่อสั่งอาหารไปแล้วเรียบร้อย ผมกุมขมับคิดหนัก นี่กูต้องนั่งกินไปแล้วเจอสายตาโรคจิตจากไอ้บ้านั่นไปด้วยใช่มั้ย

          ร่างสูงจ้องตรงมาไม่มีละ มันนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน แต่ไม่ได้สนใจสิ่งที่เพื่อนตนเองกำลังเล่า เอาแต่จ้องผม สายตากำลังสื่อให้ผมเข้าใจว่า…เดี๋ยวกูจะทำอย่างที่บอก

          ฉิบหายแล้วมั้ยล่ะกู!


_____________________________




ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
โอ๊ย!! จะร้องไห้ตาม กันกันจะตามมามั้ย

ไอ้บ้านั่นใคร

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กันกันถ้าหล่อนช้าชุ้นจะเชียร์ให้น้องวิปมีผัวใหม่
ที่บอกจะไม่ยอมยกให้ใครน่ะขอให้มันจริง
พยายามหน่อยเว้ย
หมั่นไส้แรง
มายอมรับเอาเมื่อตอนสายไป
ขอให้หล่อนกระวนกระวายหาน้องไม่เจอมั่ง
สมควร ชิส์

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
มะรุมมะตุ้มรุมรักเจ้าวิป55555555555

โหนี่ ก่อนหน้านี้สามคนก็ว่ายุ่งแล้ว นี่มีตัวละครลับตัวใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วยแถมมาแปปเดียวแกได้จูบแล้วด้วยเว้ยยย แสบจริงคนนี้ เหมือนวิปต้องใช้พลังที่ใช้กะบสามคนนั้นกับมันคนเดียวเนี้ยย55

ตอนนี้นี่4คนนี้มีสิทธิ์จีบวิปพอๆกันแล้วใช่มั้ยคะ พ่อหนุ่มคนใหม่นี่คงติดลบอยู่ล่ะ แต่ช่วงนี้คนมันอ่อนไหวอ่ะแถมวิปมันขี้ใจอ่อนอีก ส่วนกันกัน วิป โกรธนานๆหน่อยก็ดี แต่ก็อย่าไร้สติจนไม่ฟังเค้านะ พี่โหดก็คิ้วท์อ่ะ น่ารัก มีต้นมงต้นไม้มาให้ พี่อาร์คก็ นั่นแหละค่ะ แววพระรองมาไกล สรุปมัน มะรุมมะตุ้มรุมรักเจ้าวิปจริงๆนะ5555555

นี่ขนาดมาต่อสองตอน ตอนละสองรีพลายยังรู้สึกไม่พอ เราชอบเรื่องนี้มากๆนะคะ ติดตามเสมอ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ  :man1:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: มีคนใหม่โผล่มาจีบวิปอีกแระ เชียร์สะดีมั๊ยกันอยากช้า

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ตัวละครใหม่ก็โผล่ เอแกตัวแรงด้วย ได้จูบไปเลย เอาดิๆๆๆ งานนี้ หมากันได้เป็นหมาหัวเน่า

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ว้าวววววว เปิดตัวพระเอก 55555555 ไม่ใช่ละ ทำไมเรารู้สึกสนใจตัวละครใหม่คนนี้จัง อยากรู้จักพี่แกอ่ะ ส่วนอิหนูวิปนี่น่าอิจฉาจริงๆเลย ผู้ชายมารายล้อม เปิดฮาเร็มเลยก็ดีนะ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จะยืดเยื้อไปไหน หนีกันไปหนีกันมา เฮ้อ มีคนมาเพิ่มอีก เรายอมรับว่าเราใจร้อนไปมั่ง เหอๆ คือให้คบกันๆไปซะ จะมีปัญญาตามมาทีหลังก็ไม่ว่า แต่นี่ยังไม่ทันคบปัญหาก็มาขวางก่อนอ่านจนจะครึ่งเรื่องแล้วมั้ง หรือพอคบกันแล้วจบเลย เราอินมากไปก็ขออภัยอย่างแรง  :ling2:

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



ตอนที่ 23


 
 
          ผมนั่งเหงื่อตกหน้าซีด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวใครแบบจริงๆ จังๆ กลัวแบบไม่อยากอยู่ใกล้ มึงได้สิทธิ์นั้นทันทีเลยนะ ดีใจมั้ย กูไม่อยากเข้าใกล้มึงเลย ไปไกลๆ!

          ดวงตาเจ้าเล่ห์ที่จ้องตรงมาทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ นั่งไม่ติดที่ พ่อสุดที่รักก็ไม่ได้รับรู้อาการของลูกรักเลยแม้แต่น้อย สั่งอาหารเสร็จก็นั่งซึมซับบรรยากาศดีๆ ของร้าน แล้วมองออกไปที่ทะเลอันกว้างใหญ่ ใบหน้ามีความผ่อนคลาย พ่อผ่อนคลายไม่เกรงใจลูกน้อยเลย

          ไม่เข้าใจ แค่อกหักช้ำรักแค่นี้ยังไม่สาแก่ใจเบื้องบนอีกหรือไง ทำไมต้องส่งไอ้โรคจิตมาป่วนชีวิตด้วย แถมๆ…มันจูบกูไปแล้วด้วยยย~ ว่าแล้วก็อยากกลับไปล้างปากอีกรอบ กลับกรุงเทพเมื่อไหร่จะไปทำบุญ สงสัยสร้างบาปไว้เยอะเลยมาเจออะไรอย่างนี้

          “นี่พ่อ”

          “ว่าไงลูกรัก”

          “พ่อเป็นพ่อใช่มั้ย”

          “เป็นแม่มั้งลูก พ่อเบ่งลูกออกมาเองเลย”

          เดี๋ยวๆ กูลูกหรือขี้?

          “ถ้าผมมีปัญหา พ่อต้องช่วยผมใช่มั้ย” ผมทำตาวิ๊งๆ ใส่ พยายามไม่มองไปที่ไอ้โรคจิตนั่น กลัวว่าเดี๋ยวอดใจไม่ไหวชูนิ้วกลางไปให้แล้วจะเป็นเรื่อง เพราะถ้าผมทำอย่างนั้นจริงๆ มันคงไม่ยอมนั่งเฉยๆ แน่ ผมอาจจะต้องเสียอีกหนึ่งจูบ!

          “ก็…แน่นอน พ่อรักลูก”

          “กินข้าวเสร็จเรากลับกรุงเทพกันเลยมั้ย” พูดออกไปแล้วก็จ้องด้วยสีหน้าจริงจัง บอกให้พ่อรับรู้ว่าผมไม่ได้เอ่ยเล่นๆ นะ คุณพ่อผู้น่ารักย่นคิ้วเล็กน้อย นี่ถ้าเอียงคอด้วยนี่เป็นหมางงเลยนะ กูบาปมั้ยวะว่าพ่อแบบนี้

          “ทำไมล่ะ เราเพิ่งมาเองนะ แล้วก็อยู่แค่สามวันด้วย ไม่นานเลย ทำไม คิดถึงปู่แล้วเหรอ” อย่ามายิ้มล้อเหมือนว่าผมเป็นเด็กสามขวบติดปู่นะ เออ ไอ้คิดถึงน่ะก็คิดถึงอยู่ แต่สาเหตุที่แท้จริงคือไอ้เวรด้านหลังพ่อนู้นต่างหาก มันจ้องจะเขมือบลูกชายพ่ออยู่รู้ตัวมั้ย ไม่ปลอดภัยอะเข้าใจปะ

          “อยากกลับแล้วง่ะ”

          “ไม่เอาน่า พ่อพามาพักผ่อน เห็นเราเศร้าๆ แบบนี้ กลับไปก็ยิ่งเศร้าดิ ทำใจให้สบายแล้วเที่ยวเล่นไปซะ สามวันเอง อย่างอแง โอเคนะ” ผมหน้าหงอยลงเมื่อการเจรจาไม่สำเร็จ ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วแอบๆ เหลือบมองไปที่โต๊ะด้านหลังพ่อ ก็ยังเห็นว่าทางนู้นยังจ้องผมอยู่ ผมรีบหลบตาขวับแล้วทำเนียนมองนู้นมองนี้ไปแทน ชีวิตอีกสามวันของผมจะใช้มันยังไงให้มีความสุขได้วะ เล่นเจออะไรอย่างนี้

          ผมนั่งกินข้าวแบบร้อนๆ หนาวๆ แทบกลืนไม่ลง สัมผัสนั่นมันยังขยะแขยงอยู่เลย ทำใจปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ แล้วก็จบมื้อเย็นโดยที่ผมกินไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น เดินกลับที่พักชนิดที่ว่าตัวติดกับพ่อเลย พ่อแกก็คิดว่าผมอยากอ้อน ดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวลูบหางใหญ่

          “เราไปอาบน้ำไป แล้วถ้าอยากออกไปเดินเล่นอีกก็ได้นะ แต่พ่อเริ่มง่วงๆ แล้ว”

          กลับถึงที่พักพ่อก็บอกมาแบบนั้น ผมพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้าต่อเลย อาบน้ำน่ะอาบแน่ แต่ให้เดินเล่นข้างนอกเนี่ยไม่เอาแล้ว เกิดพลาดไปเจอไอ้เวรนั่นอีกผมก็ซวยน่ะสิ

          ผมอาบน้ำเสร็จพ่อก็เข้าไปอาบต่อ พอนั่งเงียบๆ ก็พาลคิดถึงคนที่ไม่น่าคิดถึงอีกแล้ว ไม่อยากเปิดโทรศัพท์เลย กลัวไอ้นานาโทรมา กลัวไอ้อาร์คโทรมาแล้วผมต้องฟังอะไรที่ไม่อยากได้ยิน

          กลัวว่าจะร้องไห้อีกครั้ง

          แต่ตอนนี้ผมไม่อยากร้องแล้ว ได้แต่นั่งถอนหายใจทิ้งไปเรื่อยๆ อย่างนี้ มันเหนื่อยที่จะร้องแล้ว แต่จะให้ร่าเริงเหมือนอย่างเคยคงต้องใช้เวลาสักพักให้กับการทำใจ มันไม่ง่ายหรอก แต่ยังไงต้องผ่านไปให้ได้

          ยังไงซะ กลับไปก็ไม่ได้เจอกันอยู่ดี ที่ได้เจอกันบ่อยๆ เป็นเพราะผมเสนอหน้าไปหาเช้าเย็น ลองใช้ชีวิตปกติดูสิ ยังไงก็ไม่มีทางบังเอิญเจอง่ายๆ หรอก

          เฮ้อ~ สามวันนี้ใช้เป็นเวลาทำใจแล้วกัน



……………………….



          สามวันที่ว่าใช้เป็นเวลาทำใจจริงๆ นะ ทำใจอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนเลย ไม่ใช่เพราะเสียใจจนไม่อยากออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันนะ ผมกลัวไอ้บ้านั่นต่างหาก!

          พอพ่อบอกว่าให้เก็บของจะกลับกรุงเทพเท่านั้นแหละ ดีใจแทบกระโดดลงสระว่ายน้ำ ผมรีบเก็บของอย่างไว พ่อยิ้มเอ็นดู คงนึกว่าผมคิดถึงบ้านอยากกลับใจจะขาด จากนั้นก็เดินเข้ามาลูบหัวผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

          “ปู่ก็คงคิดถึงเราแล้วล่ะ”

          ผมพยักหน้าตอบ

          “เราออกไปรอข้างนอกก่อนเลย เดี๋ยวพ่อตามไป” ผมพยักหน้ารับอีกทีแล้วเดินออกมา แต่ก็ไม่ได้เดินไปไหนไกลเดี๋ยวพ่อออกมาแล้วจะไม่เห็น อีกอย่างคือไม่อยากเจอคนที่ไม่ต้องการเจอด้วย

          ทะเลที่นี่สวยมากเลยนะ บรรยากาศก็ดี ถ้ามาในอารมณ์ปกติผมคงจะมีความสุขมาก จะวิ่งแม่งรอบหาดเลยขอบอก แต่นี่เหมือนมาเปลี่ยนที่นอนเท่านั้น แถมยังต้องมาเจอโรคจิตอีก

          “อย่าให้เจอนะ จะซัดให้!” มันไม่อยู่ ปากเก่งได้

          “หมายถึงกูหรือเปล่า”

          เหี้ย!!

          ผมสะดุ้งโหยงแล้วกระโดดถอยหนีไปหลายก้าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาถูหูตัวเองแรงๆ ไอ้บ้าเอ้ย! อยู่ๆ ก็โผล่มาด้านหลังแล้วกระซิบข้างหูแบบนี้ ที่บ้านมึงสอนมาเหรอ แล้วดู…ยังทำหน้าไม่สำนึกอีก ผมมองอีกฝ่ายตาขวาง จะกลับอยู่แล้วทำไมต้องมาเจอด้วยวะ ร่างสูงทำสีหน้ากวนๆ ลิ้นดันกระพุ้งแก้มท่าทางน่าตบ

          “ว่าไง ที่บ่นเมื่อกี้หมายถึงกูหรือเปล่า”

          “เปล่าเลย!” ส่ายหน้ารัวๆ

          “งั้นเหรอ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับเบาๆ แต่ดูแล้วมันไม่ได้เชื่อผมหรอก จ้องหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะสาวเท้าเข้ามา ผมตาโตผวาเฮือกแล้วก้าวถอย แต่ก็ไม่ทันอีกคน ด้วยช่วงขาที่ยาวกว่าทำให้มันสามารถก้าวมาประชิดตัวผมได้อย่างรวดเร็ว เท่านั้นไม่พอ มันยังรวบผมเข้าไปในอ้อมกอดของมันอีก

          ไอ้ห่านี่! เอะอะกอด มึงขาดความอบอุ่นเหรอ ที่บ้านไม่มีให้หรือไง

          “จำคำกูได้มั้ย”

          “ไม่ได้! จำอะไรไม่ได้สักอย่าง!” ผมส่ายหน้ารัวๆ ไอ้บ้าเอ้ยใครจะไปอยากจำ แล้วมือน่ะ ช่วยย้ายออกไปด้วย ไม่ชอบนะหื้อมากอดแบบนี้ กูเริ่มหวงตัวละ ปกติก็ไม่หรอก กับมึงน่ะไม่โอเค ปล่อยไอ้สัด!

          “งั้นกูเตือนความจำให้เอามั้ย” ร่างสูงพูดพร้อมแสยะยิ้มน่ากลัว ด้วยตาวาววับพร้อมกินเหยื่อ ซึ่งไอ้เหยื่อตัวนั้นก็คือผมเอง พ่อออออ~ อยู่ไหน มาเร็วๆ สิ ลูกจะไม่รอดแล้วนะเฮ้ย เห็นมั้ยว่ามันพร้อมจะกินแล้วเนี่ย!

          ผมเอียงหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ความหล่อของมึงทำอะไรกูไม่ได้นะบอกไว้เลย คนเดียวที่กูหวั่นไหวคือไอ้หมาบ้าเท่านั้น และมึงก็หล่อสู้ไอ้อาร์คไม่ได้เลยสักนิด เออ! ก็หล่อ แต่ไม่เข้าตา แถมเสือกเป็นโรคจิตอีก ไม่ไหวนะแบบนี้ ไม่น่าเข้าใกล้

          “คิดว่าหลบพ้นเหรอ กูลากมึงไปปล้ำตอนนี้ยังได้”

          ไม่ได้~

          ผมเหงื่อแตกหน้าซีด กลับบ้านไปกูทำบุญแน่ๆ ถ้าดวงมันจะซวยขนาดนี้ ผมมองซ้ายมองขวาหาทางหนีให้ตัวเอง สะบัดตัวแรงๆ แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนแข็งแรงนี้ได้ มันแรงเยอะมาก และพอผมดิ้นมากเข้าอีกฝ่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น เมื่อไม่มีทางเลือก ผมเลยต้องใช้วิธีสุดท้ายคือแหกปาก

          “พ่อ!!...ชะ…อื้อออ!!”

          เหี้ยยยยยยยยยยย~ จูบอีกแล้ว

          ตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด ไอ้บ้านี้แม่งฉวยโอกาสอีกแล้ว ในจังหวะที่ผมกำลังจะร้องเรียกนั้น มันก็กระแทกริมฝีปากลงมาปิดกั้นเสียง รัดร่างผมแทบจะจมหายเข้าไปในอก ขนผมลุกไปทั้งตัว ความรู้สึกขยะแขยงมันกลับมาอีกแล้ว

          “อื้ออๆๆ” ร้องอื้ออึงในลำคอ มือก็ทั้งทุบทั้งจิกเมื่อให้มันปล่อย ไอ้ห่านี่ก็ถึกเกินไป ไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย แล้วผมก็ต้องตกใจหนักกว่าเก่าเมื่อรับรู้ได้ถึงมือหนาที่เลื่อนลงไปที่ก้นผม! ผมตัวแข็งค้าง ถ้ากูช็อกรบกวนพากูส่งโรงพยาบาลด้วย

          พรึ่บ

          เมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออก ผมก็รีบสะบัดตัวหลุดแล้วถอยมายืนให้ไกลที่สุด จริงๆ อยากต่อยแม่งแรงๆ สักทีให้หายแค้น แต่คิดๆ ดูแล้ว ถ้าผมพลาดอีกเดี๋ยวได้เสียมากกว่านี้ เพราะงั้นถอยดีกว่า อีกฝ่ายก็ลูบริมฝีปากด้วยท่าทางเซ็กซี่ ดวงตาเป็นประกายวาววับถูกใจ

          แต่กูสลดใจ!

          และในขณะที่ผมกำลังยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น พ่อก็เดินออกมาพอดี ผมรีบวิ่งไปเกาะแขนพ่อไว้แน่นชนิดที่ว่าถ้าสิงได้ผมทำไปแล้ว พ่อมองหน้าตื่นๆ ของผมแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันไปที่ไอ้เหี้ยนั้น กำลังจะอ้าปากถามเลยด้วย

          “กลับกันเถอะพ่อ! เร็วๆ” ไม่รอให้พ่อได้เอ่ยถามอะไร รีบลากพ่อออกมาเลย ร่างสูงคนนั้นก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรเช่นกัน เพียงแค่มองตามด้วยแววตาที่ทำให้คนถูกมองร้อนๆ หนาวๆ

          ไม่เอา! ไม่รับรู้ กลับบ้านๆ!



………………………..



          ใช้เวลาเดินทางกลับมาบ้านกี่ชั่วโมงผมก็ไม่รู้ เพราะตลอดเวลาที่กลับผมใช้มันไปกับการนั่งผวา เหมือนโดนโรคจิตคุกคาม จริงๆ ก็ไม่เหมือนหรอกนะ มันใช่เลยต่างหาก!

          พ่อก็เป็นห่วง คอยถามตลอดว่าผมเป็นอะไร แต่เรื่องนี้ใครจะบ้าเล่าให้พ่อตัวเองฟัง แต่ถ้าเป็นปู่ก็ไม่แน่ ถึงผมจะคุยเล่นกับพ่อได้แบบดูสนิทสนม แต่จริงๆ ก็ไม่ได้สนิทใจอะไรขนาดนั้น กับปู่นู้นที่คุยได้ทุกเรื่อง แล้วยิ่งปู่รู้เรื่องไอ้กันแล้วด้วย เพราะงั้นผมไม่มีความลับอะไรกับปู่แล้ว

          “ไงมึง ไปเที่ยวมาสนุกมั้ย” ปู่ถามเมื่อผมเดินเข้ามาในบ้าน…ด้วยท่าทางอ่อนแรง ผมส่ายหน้าตอบเบาๆ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งแบบหมดแรง พ่อเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้อง ห้องของพ่อก็ไม่ได้เปิดใช้มานานแล้ว เดี๋ยวต้องเข้าไปทำความสะอาดสักหน่อย

          “มึงเป็นอะไรวิป เหมือนจะตายเลย”

          “ใช่เลยปู่ จะตายยย~”

          “ยังเศร้าอยู่อีกหรือไง” ปู่เหมือนถามเล่นๆ แต่ก็ทำให้ผมชะงักไปแวบหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องดีหรือเปล่าวะที่ไอ้บ้านั่นโผล่มาโรคจิตใส่ ทำให้ผมลืมเรื่องไอ้กันออกไปจากหัวเลย จากที่ต้องเศร้ากลายเป็นว่าตอนนี้ผมเฉยๆ แทนแล้ว แต่พอนึกถึงก็เหนื่อยใจ ผมถอนหายใจก่อนจะตอบปู่

          “ไม่หรอกปู่ แค่เหนื่อยๆ น่ะ”

          “ไม่คิดมากก็ดีแล้ว” แกว่ามาอย่างนั้นแล้วลุกเดินเข้าไปในครัว กลับออกมาพร้อมกับเอาน้ำมาให้ผม ปู่แม่งน่ารักตลอดเลย ผมยกดื่มหมดแก้ว แง่งงง~ รู้สึกร่างกายไร้กำลัง

          “พ่อออออ~ เดี๋ยวคืนนี้ผมนอนกับพ่อก่อนน่า พรุ่งนี้ค่อยทำความสะอาดห้อง” คุณพ่อที่รักที่เอาของขึ้นไปเก็บ พอลงมาก็ร้องเรียกพ่อตัวเองเสียงดัง ปู่ทำหน้าเอือม รับไม่ได้กับเสียงเล็กเสียงน้อยของลูกตนเอง ผมยิ้มนิดๆ แบบนี้ก็น่ารักดี ดูอบอุ่นขึ้นเยอะเลย

          “นี่วิป”

          “ว่าไงปู่”

          “มึงไม่อยู่เพื่อนมึงมาหาด้วยนะ”

          “เหรอ อืม ช่างเถอะ” คงเป็นไอ้นานามั้ง หลังจากคุยกันผมก็ปิดเครื่องหนีทุกอย่างเลยนี่น่า

          ปู่มองผมนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมก็ไม่ติดใจอะไร หยิบโทรศัพท์ที่ปิดตายมาหลายวันขึ้นมาดู ชั่งใจอยู่ว่าจะเปิดเครื่องเลยดีมั้ย หรือจะปล่อยไว้อย่างนี้ก่อนดี

          “เปิดเครื่องไปสิ เพื่อนมึงคงเป็นห่วงแย่แล้ว โทรเข้ามาที่บ้านถามหามึงตั้งหลายครั้ง” เมื่อเห็นผมตัดสินใจไม่ได้ปู่เลยเป็นคนตัดสินใจแทนให้ ผมนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเปิดเครื่อง

          และพอเปิดเครื่องปุ๊บ ผมก็ต้องพบกับเรื่องให้ประหลาดใจอีกแล้ว หลายข้อความเด้งเข้ามารัวๆ มีทั้งของไอ้นานา ของไอ้อาร์ค ข้อความที่บอกว่าพวกมันโทรเข้า แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ…

          …ไอ้กันโทรหาผมเป็นร้อยๆ สาย!

          ผมนั่งงง คืออะไรวะ ร้อยๆ สาย มันคืออะไร? มึงต้องการอะไรวะกัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มึงก็ไม่เคยแม้แต่จะโทรหากู กูโทรหายังไม่อยากรับสายกูอยู่เลย แล้วนี่อะไร มึงเพี้ยนเหรอ

          นั่งงงยังไม่ทันหายเลย โทรศัพท์ผมก็สั่นขึ้นมา ดูหน้าจอ ชื่อที่ขึ้นก็ทำเอางงหนักกว่าเดิม…ไอ้กัน มันโทรเข้ามา คงเป็นเพราะผมเปิดเครื่องแล้ว คงมีข้อความแจ้งเตือนไปที่มัน ดวงตาจ้องมองชื่อที่ขึ้นไปมือก็สั่นไปด้วย

          เอาไงดีวะ

          ลังเลอยู่เล็กๆ แต่ผมก็กดรับจนได้ ยกขึ้นมาแนบหูด้วยใจที่เต้นรัวๆ ทั้งที่บอกตัวเองว่าต้องตัดใจ ต้องหักห้ามใจไม่ให้ไปนึกถึง ไปคิดถึงมันอีก แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ยังเป็นคนที่ผมรักอยู่ดี เวลาสามวันมันทำใจไม่ได้หรอกนะ

          ผมเงียบ รอให้อีกฝ่ายพูดออกมาก่อน ซึ่งทางนู้นเองก็เงียบเหมือนกัน ผมบีบมือตัวเองแน่น กำลังคิดอยู่ว่าไอ้กันมันเผลอเอามือไปโดนหรือเปล่าเลยโทรหาผมแบบนี้

          [วิป…]

          เฮือก!!

          พอได้ยินเสียงเข้มที่ฟังดูต่างออกไปจากทุกทีที่ได้ยิน ผมก็เกิดอาการตกใจ ดึงโทรศัพท์ออกมาวางสายอย่างรวดเร็ว พอวางไปแล้วก็นิ่งไปแวบหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเอง

          กูวางทำไมวะ อะไรของกูวะเนี่ย

          แล้วมัน…โทรหาผมทำไมกัน

          คืนนั้นอะไรๆ ก็น่าจะเคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ มันไม่กลับมา มันไม่อยากเจอผม เพราะงั้นก็ควรที่จะจบได้แล้วหรือเปล่า แต่ทำไมยังต้องโทรหากันอีก มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกหรือไง หรือจะขอโทษ อันนี้ไม่ต้องหรอก ขอโทษมากูก็ไม่หายเสียใจอยู่ดี

          “มึงเป็นอะไรของมึงวิป” ปู่ที่นั่งดูผมอยู่ตลอดก็ถามออกมา ผมหันไปมองก่อนจะส่ายหน้า ส่วนพ่อนั้นเข้าครัวไปหาอะไรกินแล้วเรียบร้อย ไม่งั้นคงได้สงสัยผมอีกคน

          “ผมกำลังสับสนอยู่ปู่ ขอเวลาแป๊บ”

          ไอ้บ้า~ นี่คิดหนักเลยนะเนี่ย อยู่ๆ มึงก็กลับมาทำให้กูคิดมากเรื่องของมึงอีกแล้ว มึงมันร้ายไอ้กัน! แล้วอย่างนี้จะให้กูตัดใจ เลิกชอบมึงแบบเด็ดขาดได้ยังไงเพราะมึงก็เป็นซะอย่างนี้

          และในขณะที่กำลังนั่งงงนั่งคิดมากอยู่นั้น ออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ผมหันขวับไปมองที่ประตูด้วยสายตาหวาดระแวง ทำไมเหมือนมีลางอะไรบอกว่าคนที่มานั้น…เป็นคนที่เพิ่งโทรหาผมเมื่อกี้นี้

          “วิป! อยู่หรือเปล่า!”

          นั่นไง ชัดเลยท่าน!

          อยู่ๆ ก็เกิดอาการหูอื้อขึ้นมาซะอย่างนั้น ไอบ้าเอ้ยบุกมาถึงบ้านทำไม เรามีอะไรติดค้างกันอีกหรือไง ผมมองประตูประหนึ่งกำลังกลัวว่าจะมีตัวอะไรโผล่เข้ามา ไม่รู้! ตอนนี้สมองไม่รับรู้อะไรแล้ว บ้าเหรอ มาทำไม

          “จะเอายังไง” ปู่ถามขึ้นเมื่อเห็นผมยังนั่งนิ่งไม่ขยัน ปู่นี่สมแล้วที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กๆ เดาได้ด้วยว่าผมน่าจะมีปัญหากับไอ้กันหลังจากที่กลับบ้านมาแล้วร้องไห้วันนั้น ผมชั่งใจคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยอมลุก เปิดประตูออกไปหา

          พอผมเปิดประตูออกไป ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูด้านนอกก็ชะงัก ส่วนผมเองก็ยืนค้างอยู่กับที่ไม่ได้เดินออกไปมากกว่านั้น มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ที่เด่นชัดที่สุดเลยคือสับสน
          ต้องการอะไรวะ

          “วิป…”

          เรียกทำไม จะพูดอะไรก็พูดดิ

          “กู…ขอโทษ”

          …

          นั่นไง สรุปเป็นอย่างที่คิดใช่มั้ย แค่จะมาขอโทษเฉยๆ เท่านั้น ผมก้มหน้ายิ้มเยาะให้กับตนเอง เมื่อกี้กูหวังอะไรอยู่หรือเปล่าวะ ทำไมรู้สึกผิดหวังหน่อยๆ แฮะ ผมถอนหายใจออกมา แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย โดยมีประตูรั้วที่สูงแค่อกกั้นเอาไว้

          “กัน”

          “วิป กูขอโทษจริงๆ วันนั้น…”

          “พอเหอะ! มึงไม่ต้องมาขอโทษกูหรอก ไม่ต้องมาถึงบ้านขนาดนี้ก็ได้ ไม่มาเจอเลยง่ายกว่า กูจะได้ทำใจได้ด้วย ยิ่งมึงมาหา ยิ่งเห็นหน้ามึงอย่างนี้ กูตัดใจไม่ได้นะ ถือว่ากูขอก็แล้วกัน ยังไงมึงก็ไม่อยากเจอหน้ากูอยู่แล้วหนิ” ผมร้องขออย่างเหนื่อยใจ มือที่แนบข้างตัวก็กำแน่น ห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา

          “มันไม่ใช่อย่างนั้นวิป ฟังกูก่อนได้มั้ยวะ” ร่างสูงส่ายหน้า ซึ่งผมเองก็ส่ายหน้ากลับเช่นกัน ไม่อยากฟังว่ะ รู้สึกเข็ดกับคืนนั้น

          “กูขอโทษที่กูกลับมาไม่ทัน ขอโทษที่ปล่อยให้มึงต้องรอ จริงๆ แล้วกู…”

          “เดี๋ยว” ผมยกมือห้าม ไอ้กันมันเล่นพูดพรวดๆ ออกมาแบบไม่ถามใจคนฟังเลยว่าพร้อมมั้ย แต่จากคำพูดทั้งหมดของมันที่พูดออกมา ทำให้ผมไม่กล้าที่จะฟังคำต่อไป เหมือนจะรู้ แต่ก็มีเถียงกับตัวเองในใจ และ…ไม่กล้าที่จะฟัง

          “กู…กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงจะบอกอะไร แต่ว่า…กูยืนยันคำเดิมที่บอกมึงไป ถ้ามึงไม่มีคำตอบ ถ้ามึงไม่กลับมา กูจะพอแล้ว ซึ่ง…พอแล้วล่ะ” พูดจบผมก็เชิดหน้ากะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แต่ก็ไม่สำเร็จ ร่างสูงมีสีหน้าไม่ดีนักเมื่อเห็นผมน้ำตาคลอ เฮอะ! รู้สึกช้าไปหรือเปล่าวะ

          “อย่าร้อง อย่าเพิ่งพอ…ได้มั้ย” มือหนายื่นผ่านรั้วเหล็กมากุมมือผมไว้ แน่นด้วย ผมจะดึงมือกลับอีกฝ่ายก็ไม่ยอม นั่นยิ่งทำให้น้ำตาผมทะลักออกมาหนักกว่าเดิม

          “วิป เงยหน้ามองกูหน่อย” ไอ้กันพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน กูตามมึงไม่ทันแล้วกัน ตกลงจะเอายังไงกับกูกันแน่ ต้องการอะไร

          “ฮึก…มึงต้องการอะไรกันแน่วะ”

          “ต้องการมึง”

          เหี้ย!

          ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตะลึงนิดๆ ไม่คิดว่าจะพูดออกมาตรงๆ อย่างนี้ ไม่นะ ผมไม่ได้รู้สึกดีใจหรือเสียใจ มันอึ้งๆ ซะมากกว่า ปนๆ ไปกับความคิดที่ว่าไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายพูดจริง

          “มึง…”

          “กูพูดจริงนะวิป”

          “ลูกพ่อ ใครมาหาน่ะ” ยังคุยอะไรกันไม่ทันเรียบร้อย พ่อที่เข้าไปหาของกินในครัวก็เดินออกมาหน้าบ้าน พร้อมกับแอปเปิ้ลในมือ ชะโงกหน้าไปมองไอ้กันที่ผมยืนบังไว้อยู่ก่อนจะขมวดคิ้ว

          “ใครน่ะ เพื่อนเราเหรอ”

          “เอ่อ…” ผมหันกลับไป จะบอกว่าเพื่อนมันก็ไม่เชิง และผมก็เพิ่งรู้ตัว ว่าไม่ควรหันกลับไปในเวลานี้ เพราะน้ำตายังคงนองเต็มหน้า ดวงตาแดงก่ำ พ่อชะงักไปทันที จากนั้นก็ก้าวเร็วๆ เข้ามาประชิดตัว

          “ร้องไห้ทำไมลูกพ่อ ใครทำอะไร!” ร้องถามเสียงร้อนรน มองสำรวจร่างกายว่าผมเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แผลน่ะไม่เจอหรอก ไอ้ที่เจอน่ะ…คือมือผมที่ถูกไอ้กันจับไว้ไม่ยอมปล่อย พ่อชะงักไปเลย ผมนี่ตัวชาวูบ พ่อไม่รู้นี่หว่าว่ากูชอบผู้ชาย

          “เฮ้ยๆ ไอ้หนุ่ม จับมือทำไม ปล่อยเลยๆ” พ่อผู้หวงลูกก็โวยวายพร้อมกับตีมือไอ้กันยกใหญ่จนมันยอมปล่อย จากนั้นผมก็ดึงผมให้ออกห่างจากประตูรั้ว แล้วแทนที่ด้วยตัวเองที่ไปยืนประจันหน้ากับร่างสูง

          “แปลกๆ นะเนี่ยนะ มีจับมงจับมือ แถมวิปมันร้องไห้อีก อะไรกันเนี่ย” พ่อหรี่ตามองจับผิด ซึ่งทางนู้นก็ไม่หลุดอะไรให้จับได้หรอก นอกจากยืนนิ่งมองตรงมาที่ผมอย่างเดียว มึงข้ามหน้าข้ามตาพ่อสุดๆ เลย เขายืนหัวโด่วอยู่อย่างนั้นมึงไม่แลเลยสักนิด และเมื่อพ่อเห็นว่าไอ้กันมันมองข้ามก็เท้าเอวไม่สบอารมณ์

          พ่อครับ ตัวกระเปี๊ยกแบบนั้นอย่าไปหือกับมัน

          “กลับบ้านไปเลย” ไล่แล้ววุ้ย

          “ผมขอคุยกับวิปก่อนครับ” ไอ้ทางนั้นก็ไม่ยอม ไอ้ผมนี่หยุดร้องไห้ไปแล้ว เจอพ่อโผล่ออกมาที ผมหันกลับไปมองด้านหลัง ปู่ยืนมองเฉยๆ อยู่หน้าประตู คนนั้นผู้ซึ่งรู้ทุกอย่าง

          “ไม่คุย ไม่ให้คุย ทำวิปมันร้องไห้ใช่มั้ย เพราะงั้นไม่ให้คุย กลับบ้านๆ แยกย้าย” พ่อผมตีมึนไม่ยอมให้คุย สะบัดมือไล่ร่างสูงแล้วหันกลับมาฉุดผมให้เดินเข้ามา

          “วิป! เดี๋ยวก่อน”

          “ไม่เดี๋ยวเว้ย!”

          “วิป! คืนนั้นกูขอโทษที่กูกลับมาไม่ทัน กูมีธุระ รถแม่งก็ติด! กูพยายามกลับมาแล้ว และสิ่งที่กูอยากจะบอกมึงก็คือ…กูชอบมึง! กูชอบมึงเหมือนกันวิป ขอโทษที่กูรู้ตัวช้า!!” ไอ้กันตะโกนออกมา ผมหันไปมองตาโต มึงตะโกนอะไรเกรงใจคนแก่แถวนี้บ้าง เดี๋ยวเขาช็อกหัวใจวายขึ้นมาทำไง

          พ่อที่รักถึงกับเบรกเอี๊ยดเมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้กันตะโกนมา ควันออกหู หันกลับไปทำหน้ายักษ์ใส่อีกฝ่าย อาการหวงลูกกำเริบ

          “ไม่ต้องมาชอบ! ไม่อนุญาตเว้ย! กลับบ้านไปซะ อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ เอ๊ะ! ไล่แล้วยังไม่ไปอีก” พ่อทั้งแยกเขี้ยวทั้งทำหน้าโหดไล่ แต่ไอ้กันก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด ผมยืนอึ้ง คือ…กูควรจะดีใจดีมั้ยมึงมาบอกกูเอาตอนนี้ ตอนที่กูคิดจะตัดใจไปแล้ว

          ผมไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป หันหน้าหนีหลบตาไม่ยอมสบ แต่รับรู้ได้ว่าร่างหนามีท่าทีร้อนรนเมื่อผมไม่ยอมตอบรับอะไรกลับไป อาการแบบนี้ไม่เคยเจอจากไอ้กันมาก่อนเลย

          “เข้าบ้านเลยลูกพ่อ!” เมื่อไล่ด้านนู้นไม่สำเร็จ พ่อก็หันมาลากผมเข้าบ้านแทน ผม ณ ตอนนี้ที่ไม่รู้จะตอบอะไรว่าอย่างไรดีก็ยอมเดินเข้าบ้านอย่างว่าง่าย

          “วิป! เดี๋ยวกูโทรหานะ รับสายกูด้วย” ไอ้กันตะโกนมาอีกครั้ง พอดีกับที่พ่อลากผมเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตู จากนั้นก็ยืนเท้าเอวขวางหน้าประตู

          “พ่อจะบ้า! ลูกพ่อมีหนุ่มมาเกี้ยวพาราสี!”






_____________________________________________






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
กว่าจะยอมรับ ก็สายไปเสียแล้ว งั้นเลย
พ่อกีดกันเยอะๆเลย เอาให้กันกันหงอยไปเลย

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :katai1:
เดะแม่ตบกันให้เองลูกวิป  ลูกต้องเล่นตัว!  อย่ายอมมันง่ายๆ   :hao3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
 :m15: วิปเป็นคนตลก แต่ทำไมเราร้องให้ประหนึ่งอ่านนิยายดรามาละ ปวดหัวไปหมดละ

ไอ้คนที่โรคจิตลวนลามวิปอ่ะขอให้พี่แกได้กะพี่พลุไปเลยน่ะ 5555นึกภาพคงมันน่าดู คู่โหดคู่หื่น

ออฟไลน์ Coaramach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รู้ใจตัวเองสักทีนะกันๆ
แต่ว่าคุณพ่อโหดๆเลยค่ะ นายกันรี่แหละทำลูกรักคุณะอต้องไห้

ออฟไลน์ since92

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โง้ยยยยยยยย กำลังจะดีขึ้นละเชียว
พ่อต้องยอมให้เค้ารักกันน้าาา อุส่าห์ได้พูดละอะเกือบจะดีแล้ว
ฮื่ออลุ้นจนไม่รู้จะลุ้นยังไงละอะ

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
5555 มีเรื่องให้ขำตลอดดดเลย

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เจอด่านพ่อซะแล้ว

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อุ..
เรื่องนี้พระเอกเปลี่ยนตัวได้ชิมิเคอะ
ชอบคนเถื่อน
ยังไม่ทันรู้จักก็จับจูบแล้ว
พิศาลมากๆ
555555555555

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0




ตอนที่ 24



 
 
          พ่อผมทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ออกอาการรับไม่ได้แบบสุดๆ ผมก็หนักใจอยู่นิดหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กลัวเหมือนคราวของปู่ แค่รู้สึกหนักใจเล็กๆ เท่านั้น

          “พ่ออย่าเว่อร์น่า”

          “เว่อร์เหรอ! ไม่นะลูกรัก พ่อรับไม่ได้อย่างรุนแรงเลยนะเออ นี่ถ้าอยู่ป่าพ่อวิ่งไปร้องไห้ที่ลำธารแล้วนะ” พ่อเอามือทาบอก เล่นใหญ่ได้อีก ผมเกาหัวไม่รู้จะพูดยังไงให้พ่อเข้าใจดี ไม่เห็นเหมือนปู่เลย รายนั้นเข้าใจง่ายมาก แถมไม่มีห้ามด้วย ถึงจะบอกว่าไม่ชอบเหมือนกันก็เถอะ

          “มันก็…ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่น่า” ผมบ่นอุบอิบ

          “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ ไม่ๆ พ่อสะเทือนใจ นี่พ่อ! พ่อดูหลานของพ่อสิ เอาใหญ่แล้ว จับมือถือแขนกับผู้ชายหน้าบ้านเลยนะพ่อ ดูมันทำสิ” เมื่อบ่นผมแล้วผมดูไม่สำนึก ก็หันไปหาแนวร่วม ทำสีหน้าเจ็บปวดใส่คนเป็นพ่อ ปู่แกถอนหายใจแล้วมองไปทางอื่นเหมือนไม่รับรู้

          “หลานกูอะไร ลูกมึงหรอก”

          “เหรอ”

          “เออ”

          “เออ นั่นแหละ ลูกผมนี่แหละ ดูมันสิพ่อ ไม่ได้การละ แบบนี้ต้องคุมเข้มหน่อยแล้ว ใจพ่อแกว่งเลยเนี่ย” พ่อเล่นใหญ่ไปอีก มือกุมขมับแล้วดึงออกมาโบกพัดใบหน้า ผมถอนหายใจ อย่างนี้ควรคิดมากเรื่องไหนก่อนดี เรื่องที่ไอ้กันเพิ่งตะโกนบอกชอบเมื่อกี้ หรือเครียดเรื่องพ่อก่อน

          “มึงไม่กลับหรือไง”

          “ยัง ยังกลับไม่ได้ น้ำเชื้อมันไม่รักดี” พูดพร้อมตวัดสายตางอนๆ มาทางผม เออนะ กูกลายเป็นน้ำเชื้อไปแล้ว นี่โตขนาดนี้ไม่เรียกน้ำเชื้อแล้วปะ แล้ว…ไม่กลับด้วย

          “ไม่ดีมั้งพ่อ พ่อไม่ชินกับการอยู่ที่บ้านหนิ” โน้มน้าวให้พ่อกลับไปซะ เพราะเห็นแววมาไกลๆ แล้วว่าถ้าพ่ออยู่ เรื่องมันจะวุ่นวายแล้วยากขึ้นอีกหลายเท่า เพราะดูสีหน้านั่นสิ จริงจังมาก ดูรับไม่ได้ที่ผมชอบผู้ชาย

          แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือนโกรธ

          “ไม่เป็นไร พ่อจะทำใจให้ชิน พ่อจะอยู่ยาว” เชิดหน้าจริงจังแล้วเดินมาประชิดตัวผม จ้องลึกเข้ามาในดวงตา รู้สึกเหมือนโดนกดดันอยู่เลยว่ะอย่างนี้

          “บอกพ่อมา เราคิดอะไรกับไอ้หนุ่มนั่นหรือเปล่า” ชี้หน้าคาดคั้น แหม อยากจะบอกจริงๆ ไม่ใช่แค่คิดเถอะ ลูกพ่อน่ะไปตามจีบเขาเองเลยด้วยซ้ำ ถ้าบอกออกไปพ่อจะหัวใจวายมั้ยอันนี้น่าคิด

          “เอาความจริงเลยนะพ่อ”

          “จริงจังเลยลูก”

          “ผมรักมัน ไอ้วันนั้นที่พ่อเห็นผมร้องไห้ก็เพราะมันอีกนั่นแหละ” สารภาพออกไปซะจะได้ไม่รู้สึกติดค้างอะไรในใจ พ่ออ้าปากค้างตาเบิกกว้าง ผมล่ะเริ่มเอือมละกับไอ้ท่าทางเยอะๆ ของพ่อเนี่ย

          “พ่ออออ~ หลานพ่อมันไม่รักดี~”

          “อะไร ไม่ใช่หลานกู”

          ผมหน้างอ ปู่ง่ะ อีกครั้งจะงอนแล้วนะ บอกไม่ใช่หลานอยู่นั่นแหละ

          “ไม่มีอะไรแล้ว ผมขึ้นไปอาบน้ำนะ ง่วงนอนด้วย” หาทางชิ่งก่อนดีกว่า แล้วก็ไม่รอให้ใครอนุญาต ผมอนุญาตตัวเองเลย เดินหนีขึ้นมาข้างบน แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงตะโกนดังตามหลังขึ้นมา

          “วิป! ถ้าไอ้หนุ่มนั่นโทรมาห้ามรับนะ ห้ามคุยกับมันนะ เข้าใจมั้ย! ตัดสายตัดเยื้อใยไปเลย!”

          ไม่รู้ ขอคิดดูก่อนนะพ่อ

          ผมเข้าไปอาบน้ำอย่างที่บอก กลับเข้ามาในห้องก็จัดการล็อกประตูด้วยทั้งๆ ที่ไม่เคยล็อกมาก่อน ป้องกันพ่อเปิดพรวดเข้ามา ปกติผมไม่ได้ล็อกปู่ก็ไม่เคยเปิดเข้ามาก่อนนะ จะเคาะตลอด ปู่น่ารัก~

          ผมนั่งลงบนเตียง เอาโทรศัพท์มาวางไว้ตรงหน้า ถึงจะคิดว่าไม่ได้รอสายจากใคร แต่การกระทำก็สวนทาง หยิบมาวางไว้งี้ นั่งจ้องโทรศัพท์ไปแล้วก็ถอนหายใจ สับสนว่ะ แล้วผมควรทำยังไงต่อไปดี ในคืนนั้นก็หวังให้ได้คำตอบอย่างที่มันตะโกนบอกผมเมื่อกี้ แต่ตอนนี้พอได้รับจริงๆ แล้วกลับทำตัวไม่ถูก

          และมันหมดหวังไปแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะได้แล้วด้วย

          Rrrrrrrr

          พรึ่บ!

          เหี้ย…ไม่ใช่

          “ฮัลโหล ว่าไงมึง” ผมรับสายไอ้นานาด้วยเสียงผิดหวังเล็กๆ ไอ้บ้าเอ้ย! มึงเป็นอะไรของมึงวิป มึงควรที่จะเลิกนึกถึงไอ้หมาบ้านั่นได้แล้ว แค่มันมาบอกว่าชอบมึงเหมือนกัน ไอ้เรื่องก่อนหน้านี้ก็จะลืมเลยงั้นเหรอ ใจง่าย!

          [มึงหายหัวไปโดยไม่บอกกู ไอ้ห่าราก! เห็นกูเป็นเพื่อนมั้ย] แทนที่จะทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส หรือถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ไม่มีหรอก เจ๊แกตะคอกถามเสียงโหดมาตามสาย อยากบอกคนสวยเหลือเกิน ไม่เคยมองเป็นเพื่อนอะ ทุกวันนี้มึงดูเหมือนแม่กูเข้าไปทุกที แถมดุเหมือนกันด้วย

          “กูขอโทษ กูแค่อยากอยู่เงียบๆ”

          [ป่าช้ามั้ยไอ้ห่า จะได้เงียบสมใจ]

          กัดกูทำไมเนี่ย

          [แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ โทรเข้าไปที่บ้านเห็นปู่มึงบอกว่ามึงไปเที่ยวกับพ่อ แต่ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้กูไม่ได้บอกไอ้กันนะ] แน่ะ มีพูดดักไว้ก่อนด้วย

          “ก็ไปเที่ยวแหละ พ่อกลับมาเห็นกูร้องไห้พอดี เลยอยากทำให้รู้สึกดีขึ้น ก็เลยพาไปเที่ยว แต่เป็นการเที่ยวที่กูไม่ประทับใจเท่าไหร่ ช่างแม่งเหอะ อย่าไปพูดถึง” นึกถึงแล้วความขยะแขยงยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก

          [เหรอ เออ ไม่อยากพูดถึงก็ช่าง แล้วนี่มึงอยู่ไหนล่ะ]

          “อยู่บ้าน กูกลับมาแล้ว กลับมาวันนี้นี่แหละ”

          [กูก็นึกว่ามึงจะช้ำใจไม่กลับมาแล้วซะอีก หนีไปแล้วงี้] ไอ้นานาพูดด้วยน้ำเสียงติดจะขำ ผมย่นจมูกใส่คนปลายสาย หนีบ้านมึงดิ เสียใจก็จริงแต่ไม่จำเป็นต้องหนีเปล่าวะ

          “เรื่องแค่นี้กูต้องหนีด้วยเหรอวะ ใช่เรื่อง! กูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องหนีเลย แค่เสียใจนะเว้ย ไม่ได้ฆ่าคนตาย” ผมบอกกลับแบบขำๆ แล้วนอนแผ่ไปกับเตียง ไอ้นานาโทรมาก็ดีแล้ว งั้นก็ปรึกษามันเลยแล้วกันเรื่องไอ้หมาบ้าเมื่อกี้

          “แต่มึง…เมื่อกี้อยู่ๆ ไอ้กันก็โผล่มาหากูที่บ้าน แล้วตะโกนบอกชอบกู ทั้งปู่และพ่อได้ยินหม๊ด! กูงงมันมากเลยมึง ก่อนหน้านี้ที่กูปิดเครื่องมันก็โทรหากูเป็นร้อยๆ สาย เหมือนคอยกดโทรออกอยู่ตลอด” ไม่ได้มโน แต่มันคือความน่าจะเป็น

          [อืม ตอนมึงไปมันก็โผล่มาหากูถึงบ้านเหมือนกัน ถามหามึงใหญ่ กูก็ซัดหน้ามันไปที หมั่นไส้] เจ๊แกใส่อารมณ์ในน้ำเสียงเต็มขั้น ผมอมยิ้มนิดๆ รู้สึกดีแฮะ ที่มันทำไปอย่างนั้นก็เพราะผมล้วนๆ น่ารักมากเลยนานา~

          “แล้ว…กูควรทำยังไงต่อดีวะ”

          [อยากทำอะไรก็ทำ เข็ดแล้วไม่เอาอีกแล้วก็บอกมันไปตรงๆ เลย ด่าแหกเหมือนตอนที่มันไล่มึงอะ ทำอย่างนั้นกลับไปเลย เท่าเทียม แต่ถ้ามึงยังชอบมันอยู่ ยังโอเค ให้อภัยกับเรื่องที่มันทำได้ ก็คบกันไปซะ] ผมนั่งบิด เขินกับคำว่าคบกันไปซะของไอ้นานา ไอ้บ้าเอ้ยยยยย!! เขินนะเนี่ย~

          “แต่ไม่มันง่ายอะดิ ปู่อะรับได้ แต่พ่อกูเล่นใหญ่มาก เมื่อกี้ก็ไล่ไอ้กันยกใหญ่” เล่าแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก

          [ไม่รู้ เคลียร์เอง]

          อ้าว หอยหลอด!

          ติ๊ด ติ๊ด!

          กำลังคุยๆ อยู่ โทรศัพท์ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา ผมดึงออกมาดูแล้วก็ตาโต ไอ้กันโทรมา! เอาไงดี รับดีมั้ย แล้วถ้ารับแล้วจะพูดอะไรก่อนล่ะ

          “มึงๆ ไอ้กันโทรมา!!”

          [ตกใจทำไม จะรับมั้ยล่ะ ไม่รับก็คุยกับกูนี่แหละ] ไอ้ทางนี้ก็ไม่อินกับผมด้วยเลย ผมชั่งใจ สองจิตสองใจเลือกไม่ถูก อยากคุยก็อยาก แต่มันก็ตงิดในใจเล็กๆ

          ผมนั่งเงียบตกลงกับตัวเองไม่ได้ จนสายทางนู้นตัดไป ใจก็วูบไปเล็กน้อย แต่พอมันโทรกลับเข้ามาอีกที แหม…กูนี่หล่อเลย ดูเป็นการเล่นตัวเล็กๆ ไม่ยอมรับสายในทันทีอย่างนี้ ดูหล่ออะ ใช้ได้

          [เอาไงเฮ้ย นั่งเงียบเลย]

          “เดี๋ยวกูโทรไปหาแล้วกัน”

          [ห่า เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน กูออกจะสวย เป็นอะไรกันไปหมด จับไอ้ตองทำผัวแม่งเลยดีมั้ยวะ ขี้กลัวคุมง่ายดี] นานาบ่นออกมา ผมเริ่มกลัวความคิดไอ้นาละ รู้อยู่หรอกว่ามันพูดเล่น แต่ถ้าเกิดเอาจริงขึ้นมานี่มันไม่น่าดูเลยนะ สงสารไอ้ตองขึ้นมาทันทีเลย

          ผมวางสายจากไอ้นาแล้วกดรับสายไอ้กัน โดยที่ไม่ได้พูดอะไรลงไป ทางนู้นก็เงียบกลับมาเช่นกัน ผมกรอกตานิดหน่อย โทรเข้ามามึงก็ควรเป็นฝ่ายพูดเปล่าวะ จะเงียบฟังเสียงลมหายใจอยู่แบบนี้ใช่มั้ย

          [วิป…]

          “อะไร”

          [ที่กูบอกมึงไปเมื่อกี้ มึงเข้าใจใช่มั้ย]

          “ไม่เข้าใจหรอก”

          [วิป] ปลายสายกดเสียงเข้มกลับมา เหมือนจะบอกว่าอย่ามาเล่นนะ เฮอะ! กูไม่ได้เล่นสักหน่อย กูไม่เข้าใจอย่างที่พูดไปนั่นแหละ อยู่ๆ ก็มาตะโกนบอกแบบนั้น ใครจะไปเข้าใจวะ อธิบายน่ะเป็นมั้ย ก็รู้ว่าไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเงียบแบบนี้ก็ไม่ต้องได้กูหรอก อยากได้ไม่ใช่เหรอ

          “กูรู้แค่ว่า…มึงไม่มีคำตอบให้กูในวันนั้น และมึงไม่ยอมกลับมา”

          [กูบอกแล้วไงว่ากูกลับไม่ทัน กูขอโทษ] นี่ใช่ไอ้กันตัวจริงเปล่าวะ ขอโทษง่ายไปมั้ย ได้ยินคำขอโทษจากมันหลายคำแล้วนะ

          “มีอะไรจะพูดอีกมั้ย” ผมถามเสียงแข็งกลับไป แต่ทางนู้นไม่มีทางได้เห็นหรอกว่าตอนนี้ผมกำลังกลั้นยิ้มสุดฤทธิ์ ไอ้บ้าเอ้ย! เพิ่งเคยเป็นครั้งแรก ที่ผมอยู่เหนือไอ้กัน รู้สึกสะใจแปลกๆ

          [กูชอบมึง]

          เอิ่มมม…

          [จริงๆ นะ] มีย้ำด้วยเว้ย!

          “แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่ากูตัดใจจากมึงไปแล้วน่ะ”

          [ไอ้วิป!] อีกฝ่ายขึ้นเสียงกลับมา ผมเบะปากใส่ปลายสาย เฮอะ! แค่ผมพูดแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ มึงไม่มีความอดทนเอาซะเลย กูโดนมึงพูดใส่มากกว่านี้อีกนะ เกิดอาการหมั่นไส้

          “แค่กูพูดแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ไม่พอใจ ขึ้นเสียงใส่กูอีก”

          [ขอโทษ…] น่ารัก~ พอผมดุกลับไปก็ขอโทษกลับมาเสียงอ่อย ผมล่ะอยากเห็นหน้าไอ้กันตอนนี้จริงๆ อยากรู้ว่ามันกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ จะน่ารักขนาดไหน ผมเกร็งปากกลั้นยิ้มจนตะคริวจะกินอยู่แล้ว

          “กูให้เวลามึงพูดแค่สามนาที อยากพูดอะไร อยากอธิบายอะไรก็พูดออกมา หลังจากนี้จะเอายังไงต่อเดี๋ยวกูคิดเอง” ผมเชิดหน้าขึ้น ถึงเวลาที่กูจะอยู่เหนือมึงแล้วกันๆ หมดยุคของมึงแล้วครับ ร่างสูงเงียบไปนิดเหมือนกำลังคิดหาคำพูด หรือไม่ก็กำลังกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดอยู่

          [กูบอกมึงไปหมดแล้ววิป]

          “เหรอ แค่นี้ใช่มั้ย”

          [วิป…]

          “ไม่อยากพูดก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาพูดในตอนที่กูไม่อยากฟังแล้ว อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ” อยู่เหนืออออ~ เป็นไงล่ะ โคตรหล่อเลย ปลายสายเงียบไป ขี้เก๊กก็ต้องเจอแบบนี้ อยากฟอร์มจัดดีนัก

          […]

          “ไม่มีอะไรก็แค่นี้…”

          [เออ! กูพูดแล้ว กูชอบมึง! กูขอโทษที่กูแม่งรู้ตัวช้า ขอโทษที่กูฟอร์มเยอะ กูมันปากแข็ง กูขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่างเลย วันนั้นกูตั้งใจจะกลับมาให้ทันแล้ว รู้มั้ยพอกูวิ่งมาหามึงที่บ้านแต่ปู่มึงบอกว่ามึงไปกับพ่อแล้วกูรู้สึกแย่แค่ไหน อย่าหายไปอีกนะ มึงชอบมาหากูไม่ใช่เหรอวิป มึงบอกเองว่าอยากอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้…กูก็อยากอยู่ใกล้ๆ มึงเหมือนกัน]

          ร่างสูงร่ายยาวอย่างกลัวว่าผมจะตัดสายทิ้ง ทุกคำของมันทำเอาผมนั่งบิดตัวด้วยความเขิน ไอ้บ้าเอ้ย! สารภาพออกมาหมดเลยไม่มีเหลือ ฟอร์มที่เคยรักษาไว้ก็พังทลายหมด ผมยิ้มปากแทบฉีก

          “ชอบจริงเหรอ”

          [เออ!] ขึ้นเสียงด้วยวุ้ย สงสัยเขิน

          “เอออะไร พูดเพราะๆ ดิ๊” โอ๊ยผมสนุกว่ะ การอยู่เหนือใครสักคนมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ นะ แล้วยิ่งไอ้คนนั้นคือคนที่ฟอร์มจัดขี้หงุดหงิดแบบนี้ด้วย สนุกว่ะ

          [ไอ้วิป!] ทางนู้นกดเสียงโหดใส่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่กล้าเล่นต่อ แต่ในตอนนี้…ผมคิดว่ามันต้องง้อผมว่ะ เพราะงั้นความกลัวเลยไม่อยู่ในหัวผมเลยแม้แต่น้อย

          “แค่นี้นะ”

          [เดี๋ยวๆ…ชอบครับ ชอบมากด้วย]

          “หึๆ”

          [ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ]

          “แน่นอน”

          ก๊อกๆๆ!

          “ลูกพ่อ เปิดประตูหน่อยเร็ว” เสียงเคาะประตูดังขัดความสุข ผมหันไปที่ประตูด้วยความตกใจ ดีนะที่ล็อกไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นพ่อได้เปิดพรวดเข้ามาแน่ แล้วอาจจะได้เจอฉากเด็ด ลูกชายนั่งเขินกับคำพูดของคนในสาย

          “มึง พ่อกูมา”

          [แล้วยังไง] ไอ้นี่ก็เข้าใจอะไรยากแท้

          “ก็ต้องวางไง พ่อกูสั่งห้ามไม่ให้คุยกับมึง ไม่ให้รับโทรศัพท์ ต้องตัดขาดกันไปเลย” ผมไม่ได้โกหกนะ ทั้งหมดนั่นพ่อเป็นคนพูดเองเลยด้วย

          [มึงไม่ทำแบบนั้นหรอกใช่มั้ย]

          “คิดดูก่อน”

          [ไอ้วิป!]

          “แค่นี้แหละ” ผมทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นแล้ววางสาย ก่อนจะเด้งตัวลุกจากเตียงไปเปิดประตู พ่อหรี่ตามองจับผิดที่ผมลุกมาเปิดช้า ก่อนจะสอดส่องมองเข้ามาในห้องเหมือนกลัวว่าผมจะซ่อนใครไว้ แหม…ก็คิดได้เนอะ

          “มีอะไรพ่อ”

          “คืองี้ คิดๆ ดูแล้วพ่อก็ไม่ได้กลับมาซะนาน ลูกอาจจะคิดถึง แล้วพ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน เพราะงั้น…พ่อเลยตัดสินใจมานอนกับเราแทน ห้องพ่อก็ปล่อยให้ฝุ่นมันอยู่ต่อไปเนอะ” พูดรัวๆ ออกมาเสร็จก็แทรกตัวเข้ามาในห้อง ผมยืนเหวอ เฮ้ยเดี๋ยวพ่อ ใครอนุญาตกัน

          “ได้ไงล่ะพ่อ”

          “ได้สิ ด้วยความคิดถึงเลย” พ่อเดินไปนั่งที่เตียงแล้วหันมาทำตาใสซื่อใส่ ขอบอกว่ามันไม่ได้ผลหรอกนะ แล้วคิดถึงอะไร จะมาจับผิดผมซะมากกว่า แบบนี้มันเรียกคุมทุกวินาทีเลยนี่หว่า จะบ้าตาย

          “ไม่เอาแบบนี้ดิ” ผมหน้างอ พ่อนี่เร้าหรือว่ะ อะไรจะเยอะขนาดนี้

          “เออ ไม่เอาแบบนี้ดิ มึงอย่าไปกวนลูกมัน มันต้องเรียนต้องอ่านหนังสือ มีมึงมานอนด้วยมันไม่สะดวกซะเปล่าๆ” นี่ไง ทัพเสริมของผมมาแล้ว ปู่เดินขึ้นบันไดมาได้ยินเข้าพอดี ก็ออกตัวพูดช่วยผม พ่อแกหน้างอใส่ปู่ โด่ว~ คิดว่าตัวเองเป็นเด็กหรือไงหืมมม

          “แต่ผมคิดถึงลูกไง”

          “กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน ออกมา เร็วๆ ไม่งั้นกูไม่ให้นอนนะ”

          “นอนกับวิปก็ได้นี่ไง”

          “ไม่ให้นอนบ้านกู ไปหาที่ซุกหัวนอนที่อื่น” เด็ดขาด! นี่สิคนจริง

          พ่อทำหน้าไม่พอใจ มองผมเหมือนจะขอความเห็นใจ ผมแกล้งเมิน ตอนนี้ไม่เห็นใจอะไรทั้งนั้น เห็นใจตัวเองมากกว่า พอพ่อไม่มีทางเลือกก็เลยยอมเดินออกไปแต่โดยดี ผมยิ้มหวานขอบคุณปู่ที่ช่วย นี่ไงน่ารักตลอด ปู่ส่ายหน้าหน่ายๆ แล้วเดินตามออกไป เท่านี้ห้องผมก็สงบแล้ว

          ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพ่อนอนด้วยจะวุ่นขนาดไหน


…………………………..



          เช้า

          Rrrrrr

          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดการนอนอันสุขสันต์ ผมงัวเงียลืมตามองหา ยื่นมือไปหยิบมารับโดยไม่ดูชื่อคนโทรเข้า กรอกเสียงลงไปแบบง่วงสุดๆ

          “ฮัลโหล ต้องการนอน~”

          [ยังไม่ตื่นอีกเหรอ]

          “ยางงง~”

          [กูไปหานะ]

          หืม

          พอบอกว่ากูไปหานะผมก็หยุดคิด ไปหา? ใครวะ? ดึงโทรศัพท์ออกมาดูชื่อแล้วก็ตกใจ ไอ้บ้าเอ้ย! ไอ้กันโทรมาแต่เช้าเลย ปล่อยให้กูนอนฝันหวานก่อนไม่ได้หรือไง แต่เอาเถอะ มึงโทรมาก็ฝันหวานสำหรับกูเหมือนกัน

          ความง่วงปลิวหายไปทันที ผมนอนยิ้มกว้าง รู้สึกดีแฮะเมื่ออีกฝ่ายออกปากเองเลยว่าจะมาหา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่อยากจะเจอกันเลย ดูตอนนี้…เห็นมั้ย ลดฟอร์มลงไปอะไรๆ ก็ดีขึ้น แต่ว่านะ…

          “มาไม่ได้! มาพ่อกูก็ไล่มึงอีกนั่นแหละ”

          [อยากเจอ]

          เหี้ยยยยย~ ส่งไอ้กันคนเดิมคืนมานะ! แม่ง! ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายนั้นพูดตรงๆ สั้นๆ ได้ใจความ แต่พอมาเป็นคำพวกนี้แล้วมัน…จั๊กจี้หัวใจดีแท้ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ ยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้วไอ้บ้า~

          “ขอร้องกูดิ แล้วกูจะไปหา”

          [นี่มึงเอาคืนกูอยู่ใช่มั้ย] ไอ้กันถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ เหมือนกับว่ามันกำลังทำใจเตรียมพร้อมที่จะโดนเอาคืน ผมยิ้มขำ จริงๆ ก็ไม่ถึงกับเอาคืนหรอก ผมไม่อยากให้มันรู้สึกไม่ดี เพียงแค่แกล้งเล่นนิดๆ หน่อยๆ เอง อยากเห็นอีกฝ่ายทำตัวน่ารักเฉยๆ คงไม่แกล้งแรงไปมากกว่านี้แล้วล่ะ

          “เร็วๆ ไม่งั้นจะนอนต่อแล้วนะ”

          [ก็ได้…วิป มาหาหน่อย อยากเจอ] น้ำเสียงไม่แข็งอย่างทุกทีแต่ก็ยังไม่มีความนุ่มนวลเท่าไหร่ หึๆ จริงๆ เสียงก็อ่อนลงมากแล้วจากแบบเดิม แต่ผมยังไม่พอใจเลย

          “พูดเพราะๆ ด้วย เดี๋ยวไปหาเดี๋ยวนี้เลย”

          [วิปครับ คิดถึง มาหาหน่อยนะครับ]

          ไปเดี๋ยวนี้แหละจ้า~

          ผมรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เช้าตรู่แบบนี้พ่อยังไม่ตื่นหรอก แต่ปู่น่ะตื่นแล้วเรียบร้อย ได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากข้างล่าง น่าจะเป็นปู่ลงไปหาอะไรกิน ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็คว้าโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์วิ่งลงมาข้างล่าง ฉีกยิ้มอารมณ์ดี แล้วก็ต้องเบรกตัวแทบไม่ทันเมื่อลงมาปุ๊บก็เจอพ่อนั่งอยู่กับปู่

          “หือ? ตื่นเช้าจังเลยลูกพ่อ”

          เออนะ! นั่นสิ ลืมไปได้อย่างไรว่าพ่อเนี่ยอยู่ในหมู่บ้านในป่า เช้าๆ ก็มีอะไรให้ทำเยอะแยะ คงไม่นอนกินบ้านกินเมืองหรอก แถมพ่อยังสอนหนังสือเด็กที่นั่นอีกด้วย จะตื่นเช้าก็ไม่แปลก ลืมไปเลย

          “ครับ ไปนะ” ชิ่งเลยดีกว่า

          “จะไปไหนน่ะ”

          “ไปไหนก็ได้ โตแล้ว” คำตอบเสี่ยงโดนเตะฉิบหายเลย พ่อทำหน้าตกใจเมื่อผมตอบไปแบบนั้น ผมเลยรีบกลบเกลื่อนด้วยการยิ้มเหมือนล้อเล่น

          “จะไปหาอะไรกินน่ะพ่อ”

          “ที่บ้านก็มีนะลูก อยากกินอะไรพ่อผมทำให้ได้นะ” แน่ะ มีการเอาใจ ผมเดาไม่ได้ว่าพ่อรู้ตัวแล้วหรือเปล่าว่าผมจะออกไปหาไอ้กัน มองหน้ากันยั่งเชิงอยู่ครู่หนึ่งผมก็ยิ้มประจบ

          “เบื่อแล้วอะพ่อ อยากออกไปเดินดูเองมากกว่า นี่กะว่าจะซื้อขนมมาฝากพ่อด้วยนะ ขนมแถวนี้อร่อยมาก พ่อคงลืมไปหมดแล้วแน่ๆ” ผมชี้นิ้วด้วยท่าทางขี้เล่น พ่อนั้นพอผมบอกว่าจะซื้อขนมมาฝาก ไอ้ท่าทีจับผิดนั่นก็ปลิวหายไปทันที ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ลูกชายจะซื้อขนมให้

          “น่ารักจริงๆ เลย เดี๋ยวพ่อจะรอนะ”

          “ค้าบบบ~” ฮี่ๆ เรียบร้อย ปู่ส่ายหน้าให้กับผมจากนั้นก็โบกมือไล่ ดูจากสีหน้าเอือมๆ อย่างนั้นแล้วปู่น่าจะรู้ว่าผมจะไปไหน รู้ว่าไม่ได้ไปหาอะไรกินหรอก

          เมื่อผ่านด่านที่บ้านมาได้แล้วผมก็เดินลั้นลาอารมณ์ดีมาที่บ้านของไอ้หมาบ้า ซึ่งมาคราวนี้นั้นต่างออกไปจากทุกที ทุกทีจะเป็นลุงชมที่เป็นคนเปิดประตูให้ แต่คราวนี้กลับเป็นไอ้กันที่ออกมายืนรอผมที่หน้าบ้าน ผมรีบปั้นหน้าหุบยิ้มเดินหน้านิ่งเข้าไปตรงหน้าร่างสูง

          หมับ

          “อื้อ!”

          “ไอ้ลูกหมา ได้ทีมึงเอาใหญ่เลยนะ สนุกมากมั้ย” ไอ้กันถามเสียงเหี้ยม พอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามันปุ๊บ มือหนาก็ยื่นออกมาบีบแก้มผมจนปากจู๋ มันไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่มือของมันก็หนักอยู่เหมือนกัน ก้มหน้าลงมาถามใกล้ๆ ดวงตาดุนั่นเป็นประกายกร้าวเลย

          “อื้อๆๆ อ่อย” แถมจับแล้วยังไม่ปล่อยอีกต่างหาก ผมส่ายหน้าเพื่อหวังให้หลุด ไอ้กันก็แหย่คืนด้วยการบีบการจับให้ผมส่ายหน้าตามแรงมือ

          เฮ้ย! มึงผิดบทเปล่า กูอยู่เหนือ! เข้าใจใหม่ด้วย

          “ถ้าไม่ปล่อยจะกลับแล้วนะ”

          พรึ่บ

          ร่างสูงชะงักไปก่อนจะปล่อยมือออก แล้วเปลี่ยนไปกุมมือผมไว้แทน พูดง่ายเฮ้ยเว้ย แต่มาจับมือนี่อะไร

          “จับมือทำไม”

          “เดี๋ยวมึงหนี”

          ผมก้มหน้าซ้อนรอยยิ้ม ไอ้บ้า~ ที่จับมือเพราะกลัวกูหนีแค่เนี่ยะ? ถ้าจะหนีกูไม่มาหามึงถึงบ้านหรอก ผมนี่แม่งก็บ้าเนอะ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังร้องไห้เพราะคนตรงหน้าอยู่เลย พอมันขอโทษปุ๊บก็ใจอ่อนยอมให้ง่ายๆ

          ก็…ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไม ยังไงผมก็ชอบมันมากอยู่แล้ว อยู่ใกล้ๆ รักกันดีกว่า ดีกว่าเล่นตัวแกล้งนู้นนี้ไม่เลิก มันเสียเวลา แล้วอาจจะทำให้ไอ้กันเปลี่ยนใจได้

          “จะไม่ให้เข้าบ้านเหรอ” ผมเนียนเปลี่ยนเรื่องพูด ไอ้กันไม่ตอบอะไรแต่จูงมือผมเข้ามาข้างในแทน เดินผ่านลุงชมที่นั่งอยู่แถวๆ หน้าประตูรั้วผมก็ก้มหัวทักทาย ลุงแกมองมือที่จับกันอยู่ก็เกิดอาการอึ้งๆ เพราะคราวนี้ไอ้กันจับเองเลย

          หึๆ มาเหนือครับลุง

          ผมเดินตามโดยไม่ถามว่าจะพาไปที่ไหน มันไม่ได้พามานั่งที่สวนอย่างคราวที่แล้ว แต่พาขึ้นมาที่ห้องของมันแทน แหมะ…ครั้งล่าสุดที่เข้ามาเรามีความทรงจำไม่ดีนะในห้องนี้

          “กูเข้าห้องมึงครั้งล่าสุดกูร้องไห้นะ พากูมาไม่กลัวกูโกรธเหรอ”

          “ไม่กลัว เพราะถ้าโกรธเดี๋ยวกูค่อยง้อ” ร่างสูงยักไหล่แล้วเดินไปนั่งที่เตียง ปล่อยผมยืนเคว้งกลางห้อง ผมพยายามทำใจว่านี่คือนิสัยของมันแล้วเดินไปนั่งข้างๆ

          “อย่างมึงเนี่ยนะจะง้อ”

          “ก็ถ้าไม่ง้อ มึงก็หนีกูไปอีกใช่มั้ยล่ะ” มันดูฝังใจมากเลยนะที่ผมหายไป หึ! แต่ก็ดีนะเออ รู้สึกซะบ้าง นี่หมั่นไส้ล้วนๆ เลยนะ พูดตรงๆ เลย

          “ก็แหงดิ มึงเล่นไม่กลับมาอย่างนั้นจะให้กูคิดว่าไงล่ะ กูก็รอจนถึงที่สุดแล้วเหมือนกัน” ผมเชิดหน้าพูด ไม่ได้อยากทำให้รู้สึกผิด แต่มันก็อดไม่ได้ ร่างสูงเลื่อนมือมากุมมือผมไว้ ถึงจะชอบแต่ไม่ชินจริงๆ นะไอ้กันเวอร์ชั่นนี้

          “ขอโทษ จะไม่ทำอีกแล้ว” เสียงอ่อนได้อีก ผมหันไปมอง ดวงตาของมันไม่แข็งกร้าวเหมือนอย่างทุกที อ่อนลงเยอะมาก แล้วแถมมาด้วยแววตาที่ออกจะ…อ่อนโยนนิดๆ มึงทำกูเขินเลยเนี่ย

          “สัญญาดิว่าจะทำตัวน่ารัก” ยืนคำไอ้อาร์คก่อนนะ ไม่ว่ากันเนอะ

          “สัญญา”

          “ครับด้วยดิ”

          “…สัญญาครับ”




____________________________________




ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
น่ารักอ่ะ แต่ยังไม่ได้คบกันเลยนะ

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กันกันเชื่องอ่ะ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด