จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]  (อ่าน 60291 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



ตอนที่ 17
 


 
          หลังจากคำว่าให้มันจริงเหอะของกันๆ ผมก็เดินเอ๋อเลย อย่างกับว่ามันหึงงั้นแหละ จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่มโนไปแล้ว เจ๊งปะล่ะ

          เมื่อผมเงียบมันก็ลากพาออกมากินข้าว ดูเป็นคนดีนะ เดินไปซื้อแล้วเอามาให้เสร็จสรรพเลย พี่แกก็นั่งกินของแกไปเงียบๆ ดูยังอารมณ์บ่จอยอยู่นิดๆ ถ้าชวนคุยตอนนี้จะโดนอะไรมั้ยวะ

          อยากคุยนะ คันปากมาก อยากถามว่าหึงใช่มั้ย มันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ อยู่ๆ ก็ลากกันออกมาแบบนั้น ลองคิดย้อนกลับไปดูสิ มีเหรอที่ไอ้หมาบ้านี่มันจะเข้าใกล้ผมก่อน ไม่มีหรอก! แต่คราวนี้พี่ท่านกลับเป็นคนลากผมออกมาเองเลย ไม่เรียกหึงแล้วจะให้เรียกอะไรล่ะ

          “นี่กันๆ”

          “อะไร”

          “มึง…หงุดหงิดอยู่ใช่ปะ”

          โอ๊ะ นั่นไง! ชัดเลย ไอ้กันวางช้อนทันทีที่ผมถามจบ ทำท่าจะลุกหนี ผมร้อนรนรีบดึงแขนอีกฝ่ายให้นั่งต่อ จับช้อนยัดใส่มือหนาเหมือนเดิม รีบไปไหน กินข้าวด้วยกันก่อน โด่ว! ถามแค่นี้ทำเคือง

          จูบปลอบเอามั้ย? หื้อๆ

          ผมพยายามคิดหาเรื่องมาชวนคุย ไม่งั้นพี่แกก็นั่งทำหน้าหงิกอยู่แบบนี้แหละ ปกติก็ออกจะนิ่งๆ แทบจะไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งรอบตัว แต่หน้าหงิกๆ อย่างนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ

          “เฮ้ย พวกกูนั่งด้วย หิวเหมือนกันนะเว้ย เล่นเดินออกมาทิ้งกูเลย” เรื่องชวนคุยยังหาไม่ได้ เรื่องใหม่ก็มาเลยจ้า ไอ้ชานคนดีของเราเดินตรงดิ่งเข้ามาหาพร้อมกับนั่งลงโดยไม่รอให้ใครอนุญาต เพราะมันอนุญาตตัวเองแล้วเรียบร้อย ผมยิ้มให้นิดๆ แล้วมองหาอีกคน

          “ไอ้อาร์คเดินไปซื้อข้าวอยู่ เดี๋ยวก็มา”

          “อ๋อ”

          “ไม่ต้องมองหาขนาดนั้นก็ได้มั้งหมาเป๋า” มันแซว

          เคร้ง!

          เสียงทิ้งช้อนลงบนจานดังขัดบทของผมกับไอ้ชาน ดูเหมือนว่าความอยากอาหารของกันๆ จะปลิวหายไปแล้ว ไอ้เฮียชานเหล่มองก่อนจะก้มลงมากระซิบถามผม

          “มันเป็นอะไรวะ”

          “ผีเข้า”

          “ไอ้วิป…”

          เฮือก!

          “จ๋า~ ที่รัก” ไอ้เราก็นึกว่าจะไม่ได้ยิน พอนินทาไปแค่นั้น เสียงโหดๆ จากไอ้หมาบ้าก็มาเลย ผมยิ้มประจบ เมื่อกี้ไม่นับนะ ร่างสูงเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนตัวเองนิดหน่อยเมื่อผมเรียกมันว่าที่รัก

          “มึงไม่ต้องเหล่กู กูรู้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี” แหงดิ! ก็กูไปร้องห่มร้องไห้ใส่มึงนี่หว่า ถ้าไม่รู้ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว กันๆ ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ดูท่าจะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่ผมชอบและตามจีบมันสักเท่าไหร่

          และอีกไม่นาน ไอ้แว่นที่เดินไปซื้อข้าวก็กลับมา วางข้าวที่ซื้อมาให้ไอ้ชานลงตรงหน้ามัน ก่อนจะนั่งประกบข้างผมอีกด้าน

          เอ่อ…ซ้ายไอ้ชาน ขวาไอ้แว่น พวกมึงขาดความอบอุ่นเหรอ?

          “มึงจะรีบมาทำไมวะ กูว่าจะเลี้ยงข้าวหมาสักหน่อย” ยังไงก็จะมองกูว่าเป็นหมาสินะ ไอ้อาร์คยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ตายิ้มๆ มีเสน่ห์ของพี่แกทำเอาตาพร่าไปชั่วขณะ เจิดจ้าไปพ่อคุณ อะไรจะหล่อขนาดนั้น

          “ไม่เป็นไร กันๆ มันเลี้ยงแล้ว”

          “แค่วันนี้เท่านั้นแหละ!” ไม่วายมีขัดขึ้นมาโดยเจ้าตัว ผมยิ้มแห้งๆ ความดีอกดีใจที่สร้างมาพังหมด ผมว่าไอ้หมาบ้ามันยังตกลงกับตัวเองไม่ได้ว่ะ เดี๋ยวก็ทำเหมือนหึง เดี๋ยวก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ บางทีก็มีห่วงเกินหน้าเกินตา

          ตกลงเอาไง! ช้าจะไม่รอแล้วนะ!

          “มึงไม่เลี้ยงก็ช่างมึง กูเลี้ยงเอง ตัวเล็กๆ แบบนี้เลี้ยงง่าย” ไม่พูดเปล่า ไอ้อาร์คยังมีการมาหยิกแก้มผมด้วยความเอ็นดู และนั่นก็เป็นตัวทำให้หมาบ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเดี่ยวๆ หน้าหงิกหนักกว่าเดิม

          ใจร่มๆ นะ

          “เออนี่ แล้วพวกมึงมากันได้ยังไงอะ” ผมต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกบรรยากาศไม่ดีละ

          “กูโทรหาไอ้กัน แล้วมันบอกว่าอยู่โรงบาล กูถามนู้นนี้ก็เลยรู้เรื่อง ก็เลยว่าจะมาหามึงสักหน่อย” ไอ้ชานเป็นคนตอบ ผมพยักหน้าเข้าใจเบาๆ ร่างสูงฝั่งซ้ายจู่ๆ ก็หันพรึ่บมาหา เหี้ย! ตกใจนะ

          “มีอะไรไม่เคยโทรหากูเลย ไม่เห็นกูเป็นเพื่อนใช่มั้ยห้ะ” อารมณ์ไหนวะเฮ้ย!

          “โทรหายังไง กูมีเบอร์มึงเหรอ” ถามหน้าเอ๋อๆ ผมเคยมีเบอร์มันด้วยเหรอวะ แต่พอนึกๆ ดูแล้วก็ดูจะคุ้นๆ ว่ามีอยู่…มั้งนะ ไอ้ชานทำหน้ายักษ์ใส่ก่อนจะเคาะมือลงมาบนหัวผมเบาๆ

          “ลืมนะ มึงจำไว้เลย”

          “เค้าขอโทษ ต่อไปเค้าจะไม่ลืมนายนะ” แต่กูต้องกลับไประลึกก่อนนะว่าเบอร์มึงอยู่ไหน เอาเข้าจริงๆ ถ้ามีเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก ผมก็คงไม่กล้าโทรหามันหรอก เกรงใจน่ะ เหมือนจะสนิทนะ แต่ก็ไม่กล้าอยู่ดี

          “เห็นมึงยิ้มได้ ยังร่าเริงเหมือนเดิมกูก็ดีใจนะหมาเป๋า น่ารักแบบนี้ไปตลอดนะ” ให้ความสนใจกับพี่ชานได้ไม่เท่าไหร่ พี่อาร์คที่นั่งอยู่ด้านขวาก็ดึงความสนใจกลับไปอีกแล้ว มือหนาวางลงบนศีรษะแล้วขยี้เบาๆ ด้วยความเอ็นดู ดวงตาภายใต้แว่นที่หยีลงนั่นก็บอกได้ว่ามันกำลังยิ้มอยู่

          “วิป มึงจะไม่กินแล้วใช่มั้ย ข้าวน่ะ” หมาบ้ามันขัดขึ้นมาอีกแล้ว ดวงตาดุโหดจ้องผมเขม็งเลย ผมก้มหน้าลงหน่อยๆ เมื่อโดนดุ วันนี้กินน้ำตาลก่อนออกจากบ้านใช่มั้ย ดุฉิบหายเลย

          กินข้าวกันเสร็จก็กลับขึ้นมาหาปู่ที่ห้อง เปิดเข้าไปก็เห็นไอ้นานากำลังแกะส้มให้ปู่กินอยู่ ผมเดินเข้าไปเกาะเตียง

          “ปู่อยากกินส้มเหรอ ผมแกะให้แทนนะ”

          “มึงจะทำห้องเลอะเทอะน่ะสิไม่ว่า” โด่ว~ ปู่ แค่ส้มนะเว้ย ไม่เลอะเทอะอะไรขนาดนั้นหรอก ผมแย่งหน้าที่ไอ้นานามา แม่คุณก็เลยย้ายตัวเองไปนั่งรวมกับไอ้พวกนั้น

          “ส้มนี่หวานดี ขอบใจมากนะ” ปู่หันไปพูดกับไอ้แว่น พี่แกมีท่าทีนอบน้อมขึ้นมาทันทีเลย ผมแกล้งเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ มันดูดีไงไม่ใช่อะไร ร่างหนาชี้นิ้วคาดโทษกลับมา

          “หวานก็ดีเลยปู่ ผมชอบกิน”

          “ไอ้หมาเป๋า ไอ้อาร์คมันซื้อมาให้ปู่ ไม่ได้ซื้อมาให้มึง” ไอ้ชานขัด

          “ไม่เป็นไร ไว้กูซื้อให้ใหม่ก็ได้หมาเป๋า เดี๋ยวเลี้ยงให้อ้วนเลย” มนุษย์จิตใจดี ยังไงก็ยังเป็นมนุษย์จิตใจดีอยู่วันยังค่ำ ผมทำหน้าปลื้มปริ่มใส่พี่แว่น (ให้เป็นพี่พักนึง) ไอ้ชานถีบขาเพื่อนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ นี่คือตัวอย่างของคนนิสัยไม่ดี มันพาลครับ

          “มึงเป็นคนดีแล้วนะชาน แต่มึงควรจะเป็นคนมีน้ำใจด้วยนะหื้อออ” ช่วงนี้ขออวยพี่อาร์คแว่นนะหื้ออ ดีไปซะทุกอย่างจริงๆ ร่างหนายิ้มให้เมื่อโดนชม ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมเดาว่าต้องโดนลูบหัวลูบหางกลับมาแน่ๆ

          พรึ่บ

          “ถ้าไม่มีอะไร กูกลับก่อนนะ” อยู่ๆ ไอ้หมาบ้าก็ลุกพรวดขึ้นมา สีหน้าเรียบๆ แต่ดวงตาดุจัด ใครไปเหยียบหางอะไรมันอีกวะ ผมอ้าปากอยากจะรั้งให้อยู่ต่อ แต่เพราะตาดุๆ ของพี่แกนั่นแหละทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไร

          “แล้วแต่มึงดิ กลับไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องห่วง นานาถ้าเธอมีธุระก็กลับก่อนได้นะ เดี๋ยวไอ้วิปฉันดูแลเอง เดี๋ยวส่งให้ถึงบ้านเอง” แต่ก็ยังมีผู้กล้าอยู่ ไอ้อาร์คพูดขึ้นมาแบบยิ้มแย้ม ไม่สะเทือนหวั่นเกรงอะไรกับความโหดของพี่กันๆ เลยสักนิด แถมตบท้ายด้วยการยักคิ้วให้เพื่อนอีก

          เดี๋ยวไอ้วิปฉันดูแลเอง…ฟังแล้วสยิวแปลกๆ ว่ะ

          “ผมกลับก่อนนะครับปู่” มันลาปู่เสร็จปุ๊บก็จะเดินออกจากห้อง โดยที่ผมยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยรั้งอะไรสักนิด แม้แต่หางตายังไม่แลกันเลย ใจร้าวนะแบบนี้

          “เดี๋ยวไอ้กัน กูขอคุยด้วยหน่อย” และไอ้อาร์คก็ลุกตาม ผมมองพวกมันที่ยืนจ้องตากันเงียบๆ สลับไปมา และก็พากันเดินออกจากห้องไป ผมรีบย้ายตัวเองจากข้างเตียงปู่ไปหาอีกสองคนที่เหลืออยู่

          “พวกมันจะคุยอะไรกันวะ ดูจริงจังเหี้ยๆ” ผมเปิดประเด็นก่อนเลย นี่เรียกว่าการสุมหัวครับ เพราะพวกเรากระซิบการซาบไม่ให้ปู่ได้ยิน

          “กูไม่รู้” ไอ้นาส่ายหัว

          “กูคิดว่ากูรู้” ไอ้ชานยิ้มแล้วยักคิ้ว แต่ไม่ยอมเฉลยนะว่ามันรู้อะไร ผมทำหน้าขัดใจ ไว้รอถามไอ้แว่นตอนกลับมาก็ได้วะ แว่นๆ ของเราเป็นคนดีอยู่ มันบอกแน่ๆ


.

.


          สองหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องมีสีหน้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนแรกมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในแววตากลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ และพร้อมจะอาละวาด ส่วนคนที่เดินตามหลังมากลับมีสีหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่รู้ว่าเพื่อนของตนกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

          และพอเดินมาถึงจุดที่ไร้ผู้คน กันก็หยุดแล้วหันกลับไปหาเพื่อน

          “มึงมีอะไร” เอ่ยถามเสียงเรียบ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนตัวเองขึ้นมาแบบฉับพลัน ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ แต่รู้สึกว่า…พอเห็นหน้ายิ้มแย้มของมันแล้วอยากจะซัดให้สักที

          อาร์คยังไม่เอ่ยถามออกไปทันที กอดอกมองสำรวจท่าทีของเพื่อน ตัวเขาพอรู้ว่าเพื่อนคนนี้มันเป็นอะไร และก็คิดว่าเจ้าตัวก็พอจะรู้ เพียงแต่ไม่ยอมรับเท่านั้น

          “มึงมีอะไร” กันถามย้ำอีกครั้ง อาร์คหุบยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนไปจริงจัง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อนรัก ก่อนจะเอ่ยปากบอก

          “เรื่องไอ้วิป”

         กันชะงักไป ในใจรู้สึกไม่อยากจะคุยขึ้นมาดื้อๆ แต่แน่นอน อีกฝ่ายไม่ยอมให้เดินหนีแน่ ร่างสูงเบือนหน้ามาอีกทาง ทำท่าทีคล้ายไม่อยากคุย อาร์คแสยะยิ้มให้กับเพื่อนตัวเอง ดวงตาคมวาววับขึ้นมาเล็กน้อย

          “กูรู้ว่าตอนนี้วิปมันตามจีบตามตื๊อมึงอยู่”

          “แล้วยังไง”

          “กูอยากถาม มึงคิดยังไงกับมัน” สิ้นคำต่างฝ่ายก็ต่างเงียบด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน ด้านหนึ่งกำลังรอคำตอบ ส่วนอีกด้าน…กำลังคิดหาคำตอบให้ เพราะในหัวเขานั้น…มันไม่มีอะไรที่จะตอบเลย

          คิ้วเข้มขมวดมุ่น ก็คิดเอาไว้แล้วว่าต้องโดนถามอะไรแบบนี้ และก็คิดไว้แล้วเหมือนกันว่ายังไงก็ตอบได้โดยไม่รู้สึกอะไร แต่พอเอาเข้าจริงๆ ปากมันกลับไม่ยอมพูด และคำตอบในหัวกลับไม่มีเอาดื้อๆ

          ยิ่งพอมองหน้าอีกฝ่ายที่กดดันรอคำตอบแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด มันแสดงเจตนาชัดเจน แสดงออกให้เห็นหมดว่ารู้สึกยังไงกับไอ้หมาตัวเล็กนั่น แต่เจ้าตัวยังดูโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว มันน่าหงุดหงิดนัก!

          “มึงจะถามทำไม” และเมื่อคิดคำตอบให้ไม่ได้ ก็เลือกที่จะถามอีกฝ่ายกลับไป ดูเป็นการยื้อเวลาให้ตัวเองเสียมากกว่า เพราะเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าอาร์ครู้สึกยังไง และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจอยู่ในขณะนี้

          “กูคิดว่ามึงรู้นะ แต่ในเมื่อมึงถามกูก็จะตอบให้ กูชอบมัน ชอบมากด้วย”

          เหี้ยเอ้ย!

          คำๆ นี้ดังลั่นขึ้นมาให้หัวทันทีที่อีกฝ่ายตอบ มีความรู้สึกว่าจะได้ตัดเพื่อนก็วันนี้นี่แหละ

          “กูเห็นที่มึงพูดแล้วกูรู้สึกไม่ชอบ วิปมันไม่ควรจะต้องเจออะไรอย่างนี้”

          “มึงจะเดือดร้อนทำไม”

          “ก็เพราะกูชอบมันไง อะไรที่ทำให้มันรู้สึกไม่ดีกูก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ถ้ามึงไม่ได้ชอบมันจริงๆ ก็ควรพูดไปตรงๆ ให้มันตัดใจซะ ไม่ต้องยุ่งเลยยิ่งดี” กันหันขวับมาจ้องหน้าเพื่อน ไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายสั่งแบบนั้น เขาจะทำอะไรยังไง มันก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่ง

          “มึงไม่รู้เหรอว่ากูพูดไปตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่ไอ้วิปเองนั่นแหละที่ยังไม่เลิกเข้าหากู” อาร์คหรี่ตามอง คำพูดกับสีหน้าของเพื่อนมันไปกันคนละทางเลย แต่ในเมื่อเจ้าตัวเขาว่ามาแบบนั้น ก็จะเชื่อไปตามที่บอก

          “งั้นแสดงว่ามึงไม่สนใจถ้ากูจะจีบมัน”

          กึก

          “มึงถอยไปไกลๆ ซะ ยิ่งมึงอยู่ใกล้มัน มันยิ่งตัดใจไม่ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก ที่เหลือกูจะดูแลเอง” ที่ผ่านมาเขายอมแล้ว ยอมให้เพื่อนคนนี้ เพราะส่วนสำคัญเลยคือ…วิปไม่ได้ชอบเขา เจ้าหมาน้อยตัวเล็กนั่นชอบเพื่อนของเขาต่างหาก และแน่นอน เขาไม่ยอมให้เรื่องพวกนี้มาทำให้ความสัมพันธ์ของเพื่อนต้องพังแน่ๆ

          ที่ถอยให้ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจริงจัง แต่คนไม่ชอบไม่รัก จะไปฝืนมันก็ไม่ได้ และเพราะความร่าเริงในทุกๆ ครั้งที่เจอกัน ทำให้เขาไม่อยากเอาเรื่องน่าลำบากใจไปใส่ลงในตัวร่าเริงแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีในแบบที่จะบอกว่าแค่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขก็พอแล้ว ถ้ากันไม่ใช่เพื่อน สาบานได้ว่าเขาแย่งมาเป็นของตัวเองไปนานแล้ว!

          แต่ครั้งนี้ที่ต้องพูด ส่วนหนึ่งก็อยากให้เพื่อนมันเข้าใจตัวเองสักที อาการที่มันแสดงออกมานั้นชัดเจนมากๆ ว่ารู้สึกยังไงกับเจ้าหมาน้อยนั่น มันหึงออกนอกหน้าแบบนี้ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

          วิปเองก็คงรู้สึกได้ แต่เพราะร่างสูงยืนยันว่าไม่ได้ชอบ ปากแข็งขนาดนี้ แถมชอบพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บอยู่บ่อยๆ คงไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองหรอกมั้งว่ามันหึง

          พูดในครั้งนี้ทำเพื่อให้ทั้งสองคนได้รักกันเร็วขึ้น และเพื่อตัวเขาเองด้วย เพราะถ้าคนที่เขากำลังคุยด้วยไม่สนใจวิปจริงๆ เขาจะได้เดินหน้าเต็มที่เสียที!

          “ว่าไง กูรอคำตอบของมึงอยู่” อาร์คกดดัน อยากกระชากคอไอ้โง่ตรงหน้าแรงๆ แค่พูดว่ากูก็ชอบมันเหมือนกัน มันยากมากนักหรือไง มองดูอีกฝ่ายที่กัดฟันกรอดไม่อยากตอบนั่นก็พอรู้แล้ว

          “ไอ้กัน…”

          “มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง!” แต่คำตอบที่ได้กลับมามันเป็นคำตอบที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก อาร์คขมวดคิ้วฉับ จะอ้าปากด่าอีกฝ่ายก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะทันทีที่ตอบออกมาก็หันหลังเดินหนีไปทันที

          “ไอ้ควายเอ้ย!”


……………………..



          ผมนั่งยุกยิกๆ อยู่ไม่สุข เราอยากรู้พวกนั้นคุยอะไรกัน ไอ้ชานนี่ชิวมากเลย ผมพยายามทำหน้าอ้อนให้พูดแล้วนะ แต่มันใจแข็งเกินไป ไม่ยอมเอ่ยปากบอกอะไรสักคำ ส่วนแม่สาวคนสวยก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว นั่งเล่นโทรศัพท์สบายอารมณ์

          “สรุปมีกูคนเดียวเหรอวะที่อยากรู้”

          “ใช่ เพราะมึงมันขี้เสือกไง” ไอ้ชานหันมาแหย่พร้อมกับป้อนส้มเข้าปากผมด้วย จะงอนก็งอนได้ไม่เต็มที่ เห็นแก่ที่มันแกะและป้อนส้มให้กินหรอกนะ

          “เออนี่ไอ้ชาน กูรู้สึกว่า…ไอ้อาร์คมัน…ใจดีกับกูเกินไปเปล่าวะ”

          “เพิ่งรู้สึกเหรอ” อ้าว! พูดอย่างนี้หมายความว่าไงวะ ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วให้หนึ่งทีแล้วกลับไปกินส้มต่อ ไอ้บ้านี่ชอบพูดให้สงสัยอยู่เรื่อย และพอจะถามก็ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง มันน่านัก!

          “หรือว่า…มันจะชอบมึงวะไอ้วิป” ไอ้นานายื่นหน้าเข้ามาพูด ผมตาโตหันไปมอง ดีนะที่ปู่กินยาและหลับไปแล้ว ไม่งั้นล่ะมึงเอ้ย! งานงอกจ้า

          แต่...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็แอบคิดเหมือนไอ้นาว่ะ

          อย่าเพิ่งด่าว่าหน้าตาดี เพราะอันนั้นเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว และผมก็ไม่ได้หลงตัวเองนะ ผมหลงไอ้หมาบ้ามันอยู่ แต่พี่อาร์คท่านดูหยอดแปลกๆ ว่ะ คิดย้อนกลับไป มันพูดประมาณนี้ใส่ผมตลอดเลยนะ

          “มึงอยากรู้ก็รอถามมันดูสิ จะยากอะไร” ไอ้ชานยักไหล่พูดชิวๆ ใช่เลยคนดี! ไม่ยาก แต่พอจะถามจริงๆ มันก็พูดไม่ออกหรือเปล่าหืม อยู่ๆ จะให้เดินเข้าไปตรงหน้าไอ้แว่นสุดหล่อนั่นแล้วถามไปตรงๆ ว่ามึงชอบกูเหรอ…งี้อะนะ?

          คุณพระคุณเจ้า! ไอ้วิปยังไม่มั่นขนาดนั้น

          แกร๊ก

          “นั่นไง มันกลับมาแล้ว มึงถามเลย” ไอ้ชานผลักไหล่ผมเบาๆ พี่แว่นคนหล่อเดินเข้ามาได้ยินพอดีก็เลิกคิ้วถาม ผมส่ายหน้ารัวๆ ห่าชานนี่ก็โยนมาแบบไม่ถงไม่ถามกูสักคำว่าพร้อมมั้ย

          “กันๆ กลับไปแล้วเหรอวะ”

          “อืม ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวกูไปส่งมึงเอง”

          “ไม่ได้ห่วงเรื่องน้านนน~” ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ไอ้อาร์คเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วหยิบส้มที่ไอ้ชานปอกแล้วเรียบร้อยเข้าปาก มีหน้ากากอนามัยอยู่แต่ก็ยังคิดที่จะกินเนอะ ตกลงซื้อมาให้ปู่ใช่มั้ยวะ พวกเรามานั่งกินซะเกือบหมดแล้วเนี่ย

          “แล้วเท้ามึงเป็นอะไรมากเปล่าวิป เห็นเดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่” ไอ้อาร์คก้มลงมองที่เท้าผม สีหน้าและแววตาฉายแววเป็นห่วงเป็นใยออกมาแบบไม่มีปิดบัง เล่นเอาผมหน้าร้อนขึ้นมานิดๆ

          แหมๆ คนหล่อห่วงว่ะ

          “ไม่เท่าไหร่ เดินลำบากนิดหน่อยแต่ก็ได้อยู่” ผมยักคิ้ว

          “หึๆ เก่งมากเลยหมาเป๋า” มันลูบหัวผมแล้วยิ้มให้ พี่แกยิ้มพร่ำเพื่อมากขอบอก ตั้งแต่เจอหน้ากันนี่ยิ้มให้ผมหลายครั้งแล้วนะ ไอ้ผมก็ยิ้มตามได้ทุกครั้ง อย่างที่เคยบอกไป ไอ้อาร์คเวลามันยิ้มให้ คนที่ได้มองแล้วต้องยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้

          พวกเราอยู่กันถึงตอนเย็น หนังสือหนังหาไม่ต้องอ่านกันแล้วแบบนี้ อยู่จนปู่ไล่กลับนั่นแหละถึงได้ยอมย้ายตัวเองออกมา ไอ้เราก็อยากอยู่ต่ออีกนิดง่ะ

          และเมื่อผมมีไอ้อาร์คคอยไปส่งอยู่แล้ว นานาคนสวยเลยแยกไปก่อนได้เลย และก็เหลือเราสามคน กับรถไอ้อาร์คอีกหนึ่งคัน ตอนมาไอ้ชานมากับไอ้อาร์ค

          “เดี๋ยวมึงไปส่งหมาเป๋ามันแล้วกัน ส่วนกูกลับเอง”

          “ได้ไงล่ะหื้อออ พวกมึงมาด้วยกันนะ” ผมแย้ง

          “บ้านมึงอยู่ใกล้ไอ้กันใช่มั้ย อยู่คนละทางกับกูเลย เสียเวลาไอ้อาร์คมันด้วย จะตายหรือยังก็ไม่รู้ ไม่สบายแล้วยังเสือกแรดออกมาอีก” ยังมีไปแขวะเพื่อนตัวเองอีกนะ

          “กูอยากเจอหน้าหมาบ้าง ไม่ได้หรือไงวะ” แว่นๆ เขาเถียง แต่เรารู้สึกไม่ดีเลยตัวเอง หน้าหมา…ฟังเหมือนด่าเลยเนอะ

          สรุปแล้วไอ้ชานก็กลับเอง ส่วนไอ้อาร์คก็มาส่งผม ผมบอกไปว่าอยู่ซอยเดียวกับไอ้กันนั่นแหละ มันเองที่รู้ทางอยู่แล้วก็ไม่ได้ถามอะไร ระหว่างทางก็มีหันมามองผมอยู่หลายครั้ง

          “มองกูบ่อยๆ กูก็เขินนะเฮ้ย” ผมแกล้งพูด

          “ก็กะมองให้เขินอยู่” และดูมัน ตอบอะไรน่าตีเป็นที่สุด

          “เออนี่ มึงออกไปคุยอะไรกับไอ้กันอะ เห็นหน้าจริงจังมาก” เรื่องเผือกเราจะไม่ปล่อยผ่าน ไอ้อาร์คเลิกคิ้วนิดๆ แล้วดึงหน้ากากอนามัยออก เฮ้ยๆ อย่าแพร่เชื้อนะ

          “ถ้ากูติดหวัดจากมึงจะทำยังไงห้ะ”

          “ไม่เป็นไร เดี๋ยวดูแลเอง” จ้า หยอดกูอีกแล้วจ้า ผมยิ้มเก้อๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรดี แหมะ…บรรยากาศเหมือนจะอึดอัดแปลกๆ เนอะ กระโดดลงจากรถทันมั้ยอะ

          “กูคุยกันเรื่องของมึงวิป”

          คุยเรื่องของเค้าทำไม เค้าอยากอยู่เงียบๆ อย่ามายุ่งกับเค้านะ!

          “กูบอกมันไปว่ากูชอบมึง”

          “อ๋ออออ…” แล้วกูจะอ๋อทำส้นตีนอะไร บทนี้ควรจะนั่งอึ้งเงียบๆ ไม่ใช่เหรอวะ แหม…เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย ผมนี่หน้าตาดีจังเลย ไอ้พี่พลุขาโหดก็ทีหนึ่งแล้ว แล้วยังจะมาแว่นอาร์คคนดีอีก

          ขาดก็แต่มึงอะกันๆ ไม่ชอบกูสักที

          “กูบอกมันไปว่าจะจีบมึง ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับมึงก็ขอให้มันถอยไปไกลๆ ซะ” พี่แกพูดต่อ ผมเริ่มอยากรู้และว่าไอ้หมาบ้ามันตอบกลับไปว่ายังไง แต่อีกใจก็กลัวคำตอบเหมือนกันนะ เราไม่อยากเสียใจอะนาย

          “วิป”

          “ครับผม!”

          “มองกูบ้างนะ สัญญาว่าจะทำตัวน่ารัก”


100 %

_________________________________________________
พี่อาร์คคคคคคคคคคคค ทำไมพี่อาร์คถึงดีงามขนาดนี้คะ รักค่ะ รักนะคะ 55555
เป็นไรล่ะ สัญญาว่าจะทำตัวน่ารักด้วย เป็นไงล่ะกันๆ มึงแพ้ไปเลย #สะใจ พระเอกแม่งปากแข็ง เรื่องตูก็ยืดไปอีก เพราะมึงอะกันๆ #โทษ ฮ่าๆ จริงๆ ไม่ใช่หรอก ก็อยากให้ไปเป็นไปตามนิสัยของพี่กันแก แกเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
อย่าได้สงสัยว่าทำไมตัวๆ อยู่ๆ ก็หึง ลองคิดดูนะ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเข้ามาเต๊าะหมาเป๋าแบบต่อหน้าให้เห็น นางก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอเจอเข้าจริงๆ ก็รับไม่ได้จ้าาาา สมน้ำหน้ามึงจ้าาาาา (ไหนบอกสิว่ารักพระเอกเรื่องนี้ 555)
เราจะพยายามไม่ออกทะเลนะ เพื่อที่จะให้คนอ่านได้ฟินกับฉากมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอะห้ะอ้ะห้ะเร็วๆ
ตอนหน้าจะมาให้เร็วครับ ไหนคนอ่าน...สัญญาสิว่าจะทำตัวน่ารัก 555
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ รัก :D




ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
เค้าสัญญาว่าจะทำตัวน่ารัก 55555

พี่แว่นน่ารักว่ะเฮ้ย จีบได้ไหมเนี้ย 5555555

โอยยยยย นี่ปันใจให้พระรอง อยากให้วิปเห็นนะ แต่วิปคงไม่เห็น เพราะมันซื่อบื้อ 5555555

รักเรื่องนี้จัง รักอิวิปมัน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สมน้ำหน้าอีกันๆ ชอบทิ้งคว้างวิปดีนัก ทีนี้ละจะรู้สึก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่อาร์คคคคคค เอาใจหนูไปเลย ออร่าพระเอกจับมาก รักค่ะ นี่สิคุณค่าที่วิปคู่ควร คนชื่อกันนั้นเค้าคือใครคะ พระเอกคือพี่อาร์ค
ปล. หมั่นไส้ความปากเเข็งของกัน ชิ! 5555555

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เชียร์พี่แว่นอ่ะ

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
พี่อาร์คคคคฮืออคือดีอ่ะฮืออ
หนูรู้ว่าพี่ไม่ใช่พระเอกเเต่หนูเชียร์พี่สุดใจขาดดิ้นค่ะหมั่นไส้กัน555555

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พี่แว่น แบบว่าดีงามค่ะ ยิ่งหลงไปใหญ่ เคลิ้มมมมมม

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
โอ้ยยทำไมอิกันซึนขนาดเน้ :katai1: ระวังเถอะวันไหนวิปเริ่มถอยจะสมน้ำหน้า วะฮ่าๆๆๆๆ :hao6:

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ตอนที่ 18
 


 
          พี่อาร์คของเราเดินหน้าอ่อยเต็มที่ด้วยการยื่นหน้าเข้ามาพูดกับผมใกล้ๆ ดีนะที่ติดไฟแดงอยู่ ไม่งั้นได้ไปทักทายกับเสาไฟฟ้าข้างทางแน่ๆ ผมยิ้มแห้งๆ แง่งง~ แบบนี้เค้าควรตอบอะไรดีล่ะ เค้าคิดไม่ออก

          “กูรักเดียวใจเดียวนะ” มันยังไม่หยุดโฆษณาตัวเอง

          จริงๆ อยากบอกมากเลยว่า ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็น่ารักพออยู่แล้ว แต่คือ…ถ้าพูดไปเดี๋ยวหาว่ามีใจให้ ผมเลยเลือกที่จะเงียบไว้ก่อนดีกว่า พอดีกับที่เหลือบไปเห็นว่าไฟเขียวพอดี

          “แว่นๆ ไฟเขียวแล้วนะ” ผมร้องเตือน ร่างสูงชะงักนิดแล้วยิ้มแบบไม่ถือสา

          “เอาตัวรอดนะ”

          แน่นอนสิพ่อคุณ ไม่เอาตัวรอดกูก็ไม่รู้จะตอบอะไรน่ะสิ

          หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรเหมือนกัน เดี๋ยวโดนคนหล่อหยอดกลับมาอีกเลยนั่งเงียบไว้ดีกว่า คิดๆ ไปแล้วเรื่องมันก็น่าเศร้านะ คนที่เราชอบกลับไม่ชอบเรา คนที่เราไม่ได้รู้สึก ไม่ได้คิดอะไรด้วยกลับมาชอบเราเฉย! สองคนแล้วนะ แถมผู้ชายด้วยแก! ควรดีใจมั้ย

          พี่พลุแกเองก็ไม่ค่อยได้โผล่มาให้เจอสักเท่าไหร่ แต่เวลาเจอกันก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ถึงจะดูโวยวายพร้อมลงไม้ลงมือตลอดก็เถอะ แต่จนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เคยโดนพี่แกทำให้เจ็บตัวเลย

          พี่แกน่ารักนะ

          ส่วนอาร์คๆ รายนี้น่ารักอยู่แล้ว ทั้งนิสัย ทั้งหน้าตา มันพาผมยิ้มได้ตลอด แถมแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเสมอ ทุกครั้งที่เจอก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม ต่างจากใครบางคนลิบเลย

          ไอ้กันน่ะเหรอ…อย่างที่เห็นแหละ หน้าเป็นตูดตลอด! เข้าใกล้ทีก็ตีตัวออกห่าง น่าหมั่นไส้ปะล่ะ แถมวันนี้ยังมีท่าทีแปลกๆ อีกด้วย ทำเหมือนกับว่ามันชอบผมงั้นแหละ

          อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งเวลาที่ผมเข้าหาหรือเข้าใกล้ไอ้กัน รอบข้างจะไม่มีคนอื่น มีแค่ผมกับมัน แต่ในวันนี้ ทั้งไอ้ชานและไอ้อาร์คต่างก็แสดงท่าทีเป็นห่วงและเอาใจผม มันเลยไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในใจหมาบ้าเข้าให้

          ขอให้เป็นเรื่องดีกับผมก็แล้วกัน

          “หมาเป๋า”

          “ครับผม!” ผมขานรับกลับไปเสียงดัง คนกำลังอยู่ในห้วงความคิดก็มาเรียกกันซะงั้น ผมเหรอหรา ไอ้อาร์คดูชอบใจไม่น้อยกับสีหน้าแบบนี้ของผม

          “เหม่ออะไรครับ ถึงซอยบ้านแล้ว กูจะถามว่าบ้านมึงหลังไหน” อ๋อ เรื่องนี้เอง มึงก็นะ ไอ้ผมน่ะขานรับไปแบบไม่ตั้งตัว มันออกไปเอง แต่มันกลับพูดครับกลับมาซะงั้นแหละ เราไม่ได้ชวนเข้าโหมดไพเราะนะ โอเคนะ

          พอขับมาถึงหน้าบ้านผมก็บอกให้จอด กำลังจะเปิดประตูลงไปเลย แต่มือหนาของคนที่นั่งข้างๆ กลับยื่นออกมากุมมือผมไว้เสียก่อน ผมเลยต้องนั่งนิ่ง ลงจากรถไม่ได้

          “คุยกันก่อนได้มั้ย”

          “เอ่อ…อ่า ได้ๆ เข้าไปคุยในบ้านเนอะ”

          “ไม่กลัวกูปล้ำเหรอ”

          กึก

          “เอ่อ…กูรู้มึงไม่ทำหรอก มึงเป็นคนดี จิตใจงาม”

          “ไม่นะ กูไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ตอนนี้กูยังอยากจูบมึงเลย” พี่แกไม่พูดเปล่า เลื่อนสายตามามองที่ริมฝีปากของอีกด้วย! ผมนี่เม้มปากแก้เขินเลย อะไรมันจะรุกหนักแบบนี้ มองซ้ายมองขวาหาทางเอาตัวรอด เอาไงดีวะ

          “คือ…เราไม่ให้หรอกนะ”

          “ว้า…เสียดายแฮะ” ร่างสูงทำหน้าเสียงดายพร้อมกับเสียงเล็กเสียงน้อยที่น่าตบนั่น แต่ดูจากแววตาแล้วไม่ได้รู้สึกเสียดายอย่างที่บอกสักนิด คงรู้อยู่แล้วล่ะว่าผมต้องพูดแบบนี้ อาร์คมันน่ารักก็ตรงนี้แหละ ถึงแม้ปากจะพูดรุกเอาๆ แต่ก็ไม่ทำอะไรให้ผมต้องรู้สึกอึดอัดเกินไป

          เราย้ายเข้ามาคุยกันในบ้าน ผมเดินไปหยิบโค้กออกมาให้มันกระป๋องหนึ่ง นี่ถ้าปู่อยู่ปู่บ่นแล้วนะ ปู่แกไม่ชอบให้กินน้ำอัดลมเท่าไหร่ แต่ที่มีอยู่ในตู้เนี่ย ปู่ก็เป็นคนไปซื้อทั้งนั้น

          “บ้านน่ารักดีนะ รูปมึงเต็มเลย” เข้ามาได้พี่ท่านก็เดินสำรวจบ้านเลย แอบยิ้มให้กับรูปผมตอนเด็กๆ อยู่หลายรูป ผมต้องทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นซะพร้อมกับพัดหน้าตัวเองให้หายร้อนด้วย!

          “นี่ๆ มาคุยกันเถอะ บอกว่าจะคุยไม่ใช่เหรอ เรื่องอะไรล่ะ” ผมต้องรีบเบรกไว้ก่อน ไม่งั้นพี่แกก็เพลิดเพลินกับรูปผมอยู่นั่นแหละ ไอ้อาร์คยิ้มขอโทษนิดๆ แล้วเดินมานั่ง

          “จะจีบ”

          เอ๊อะ!

          “บอกว่าจะจีบ”

          ครับพ่อ

          “บอกว่าจะจีบนะ”

          “เออ กูรู้แล้ว!” ย้ำอยู่นั่นแหละ เริ่มเข้าใจความรู้สึกไอ้หมาบ้าหน้าโหดขึ้นมาหน่อยๆ แฮะเมื่อโดนพูดแบบนี้ใส่ มันทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ ผมเกาแก้มแก้เขิน ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาดื้อๆ

          “แต่…แต่มึงก็รู้หนิว่ากูชอบกันๆ”

          “อะห้ะ กูรู้”

          “แล้วก็รู้ด้วยใช่ปะว่ากูไม่ได้ชอบมึงอะ” ผมตีหน้าแบ๊วบอกออกไป ต้องแบ๊วไว้ก่อน เกิดอีกฝ่ายโมโหร้ายขึ้นมาผมก็แย่น่ะสิ ร่างสูงชะงักไปนิด ไม่คิดว่าจะโดนพูดแบบนี้กลับมา แต่แล้วก็ยิ้มออกมา

          “ให้ตายเหอะวิป มึงไม่ต้องบอกตรงๆ แบบนี้ก็ได้นะ เสียใจเลยว่ะ” ไอ้อาร์คมันยกมือกุมหน้าอก ผมหน้าเสียเลย แง่ง~ เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ

          “กูขอโทษนะ”

          “ไม่เป็นไร ให้อภัยเสมอ” พูดจบก็ขยิบตาให้ จ้าๆ พ่อขยันหยอด พ่อคนรวยมุกจีบ ความเสียใจเมื่อกี้มึงปลิวหายไปไหนแล้วล่ะ ล้อหลอกผมได้ดีจริงๆ ผู้ชายคนนี้

          “วิป ขอกูพูดอะไรหน่อยได้มั้ย”

          “โอ๊ยพ่อ พูดมากขนาดนี้แล้วไม่ต้องขอหรอก”

          ไอ้อาร์คยิ้มขำ “กูอยากบอกมึงว่ามึงน่ะตามจีบไอ้กันได้เท่าที่ใจมึงต้องการเลย แต่มึงควรถอยออกมาบ้าง ถ้ามันเล่นตัวนักก็ไม่ต้องไปสนใจมัน”

          เดี๋ยวนะ นั่นคือคำแนะนำ?

          “มันแสดงออกว่าชอบมึงบ้างมั้ย” พี่อาร์คพาเข้าโหมดจริงจัง ทำเอาผมเครียดไปด้วยเลย เครียดว่าควรจะคุยกับมันไปแนวไหนดี พูดไม่เข้าหูจะโดนฟาดเอามั้ย ผมนั่งคิด แสดงออกเหรอ แบบชัดๆ ก็ไม่มีหรอก กันๆ ขี้เก๊กจะตาย กว่าจะเห็นมันหลุดขำได้ก็นานเหมือนกัน

          “แสดงออกตรงๆ ก็ไม่เคยหรอกนะ แต่หลังๆ มานี้มันยอมก็มากขึ้น ยอมกินข้าวด้วย ยอมให้ไปหา ยอมรับโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าทุกครั้งไอ้กันจะทำหน้าเบื่อใส่ก็เถอะ”

          “อะห้ะ แล้วยังไงต่อ”

          “แล้วมันก็เริ่มมาดีตอนเกิดเรื่องปู่นี่แหละ กูไม่ได้รู้สึกไปเองนะ แต่กูคิดว่ามันเป็นห่วงกูจริงๆ มันน่ารักขึ้นมากเลยอาร์ค แถม…มันยังทำเหมือนกับหึงกูอีก ตอนที่มึงกับไอ้ชานเอาใจกู” ผมเล่าไปยิ้มไป ไม่ได้สังเกตอาการของอีกฝ่ายเลยว่ากำลังยิ้มไม่ออกแล้ว

          “อืม กูก็คิดว่ามันหึง”

          “จริงดิ!!” ผมร้องถามเสียงดังตาเป็นประกาย หึงเหรอ หึงจริงๆ ใช่มั้ย เห็นมั้ยว่าผมไม่ได้คิดไปเองน่ะ มีไอ้อาร์คมาช่วยคิดอีกคนหนึ่งแล้ว

          “กูปวดใจนะเนี่ยที่ต้องมานั่งพูดเรื่องนี้กับมึง”

          “ถ้ารู้สึกไม่ดีเราคุยกันเรื่องอื่นก็ได้นะ” ดูเป็นคนหน้าตาดีมากอะ ทำคนอื่นเขาเสียใจด้วย แต่ผมไม่ชอบความรู้สึกผิดแบบนี้เลย ไอ้อาร์คมันเหมาะกับรอยยิ้มเจิดจ้ามากกว่า นั่งยิ้มเศร้าๆ แบบนี้ไม่เข้ากันเลย

          “อย่าเครียดน่า เพราะกูชอบมึงนะวิปกูถึงจะช่วย” มือหนาขยี้ศีรษะผมเพื่อไม่ให้ผมเครียด ท่าทีอ่อนโยนเหมือนเคย อย่าทำดีด้วยสิ น้ำตาซึมนะเฮ้ย สงสารอ่า

          “กูคิดว่ามันอาจจะชอบมึงเหมือนกัน”

          “ไม่จริงน่า…”

          “อย่าขัด ฟังให้จบก่อน” ผมโดนเขกหัวกลับมา ยู่ปากใส่แม่งเลย ไม่เจ็บหรอกที่มันทำน่ะ ลงแรงเหมือนกลัวว่าผมจะช้ำงั้นแหละ ลองคิดว่าเมื่อกี้เป็นไอ้หมาบ้าทำสิ หึๆ มีเจ็บน้ำตาเล็ดกันล่ะ

          “มันอาจจะไม่เคยแสดงออกให้เห็น คงเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่มีใครมาจีบมึงต่อหน้ามันจะๆ อย่างนี้ และพอเจอเข้าก็อาการออก หึงและพาลไปทั่วอย่างที่เห็น” แว่นอาร์ควิเคราะห์ได้เป็นฉากๆ เลย ถ้าไม่ได้อยู่ในโหมดซีเรียสนะ ผมจะปรบมือให้สักยก เก่งจริงๆ

          “แต่ก็อย่างที่รู้ นิสัยไอ้กันมันก็เป็นแบบนี้ ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ ขนาดกูไปถามและบอกไปว่าจะจีบมึง มันยังปากแข็งทำเป็นไม่สนใจมึงอยู่เลย” ณ เวลานี้คือเวลาของการแฉเพื่อนครับ มึงเล่นซะเพื่อนรักเสียหมดเลยไอ้ที่เก๊กมาทั้งหมดน่ะ

          “มึงคิดงั้นเหรอ จะใช่เหรอวะ” ผมยังไม่มั่นใจ แต่ก็มีบางที่เคยคิดอย่างที่ไอ้อาร์คว่า แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็แจ่มเลย พี่จะรุกน้องให้หนักขึ้น สัญญา!

          “มึงเชื่อเถอะ มันแค่ปากแข็งและไม่ยอมรับใจตัวเอง”

          “แล้ว…กูควรทำยังไงอะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปถาม พี่อาร์คคนดีของผมแสยะยิ้มออกมานิดๆ ภาพของเจ้าชายแสนดีในหัวถูกลบออกไปเลย จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาหาผม เอ่อ…ใกล้แบบนี้จูบกูเลยก็ได้นะ

          “อย่างแรก…มึงควรถอยออกมาบ้าง ให้มันได้รู้ให้มันได้เข้าใจคำว่า…เมื่อรู้ว่ามีมันก็สายไปแล้ว เพราะในเมื่อมันบอกเองว่าไม่ได้คิดอะไร กูก็จีบมึงได้แบบเปิดเผย และถ้ามึงจะเล่นด้วยกับกูมึงก็ไม่ผิด และไอ้กันก็ไม่มีสิทธิ์มาห้าม”

          “เอางั้นเหรอ แล้วไงต่อ”

          “ก็…ตัวติดกับกู กินข้าวกับกู ไปไหนกับกู แล้วก็…รักกู”

          “เดี๋ยวนะ นี่ไม่ใช่ว่ากำลังเอากำไรเข้าตัวหรอกเหรอ” ผมหรี่ตามองจับผิด ดูสิ่งที่มันบอกสิ จะให้คิดเป็นอื่นได้ยังไง ไอ้อาร์คหัวเราะออกมาพร้อมกับลูบศีรษะผมไปด้วย

          “ทำไมรู้ทันล่ะ แน่นอน กูช่วยมึงยังไงกูก็ต้องหากำไรให้ตัวเองอยู่แล้ว บอกแล้วไงว่ากูไม่ใช่คนดี” แค่ลูบดูจะยังไม่สาแก่ใจ เลยเปลี่ยนมาล็อกคอแล้วดึงเข้าไปกอดแทน ผมเกร็งตัวขึ้นมาวูบหนึ่ง ไอ้บ้าเอ้ยมากอดทำไมเนี่ย! แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ทำอะไรเกินกว่านี้ผมก็ปล่อยให้กอดไป

          “แต่มึงต้องสัญญานะ ถ้ามันไม่ได้คิดอะไรกับมึงจริงๆ มึงต้องตัดใจ มัวแต่ไปให้ใจกับคนที่ไม่เห็นค่ามันเสียเวลาเปล่า และหลังจากนั้น…ก็หันมามองกูบ้าง กูอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ไปไหนหรอก”

          “…”

          “กูจริงใจเสมอ แค่มึงให้ใจมาก็พอ” จ้ะพ่อ



………………………….



          แผนการของไอ้อาร์คก็ถือว่าดีใช้ได้อยู่ ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกไม่ดีนิดหน่อยก็เถอะ มันเหมือนหลอกใช้ไอ้อาร์คเลยทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคิดยังไงกับผม แต่พี่ท่านก็บอกแล้วว่าให้เอาตามนี้ ห้ามเปลี่ยนใจ ผมก็ขัดอะไรไม่ได้ ไอ้อาร์คก็ใจร้อนครับ ผมถามไปว่าจะให้เริ่มเมื่อไหร่ มันบอกยิ่งเร็วยิ่งดี

          ไม่ใช่เพราะว่าอยากอยู่ใกล้กูหรอกนะ?

          เพราะงั้น…วันสอบ ไอ้อาร์คก็อาสามารับผมถึงหน้าบ้าน! โดยที่ก่อนหน้านี้พี่ท่านได้ทำการแลกไลน์แลกเบอร์กับผมแล้วเรียบร้อย…ตามคำสั่งมันนั่นแหละ พ่อคนเผด็จการ!

          ผมอาบน้ำแต่งตัวรอเวลาที่คนขับรถมารับ ดูดีขึ้นมาทันทีเลยมีคนขับรถส่วนตัวแล้วด้วย ส่วนปู่จริงๆ หมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะ ผมแต่เองนี่แหละที่ดื้อจะให้ปู่อยู่ดูอาการต่อ ก็เพราะปู่นั่นแหละชอบบอกว่าปวดหัวบ่อยๆ ผมเลยไม่วางใจเท่าไหร่

          ผมเองก็ยังไม่ได้โทรบอกคนในครอบครัวเลยนะ พ่อผมนั้นตัดออกไปได้เลย ติดต่อยากมาก ส่วนมากจะเป็นพ่อซะมากกว่าที่ติดต่อกลับมา แม่ผมก็ไม่ได้โทรไปบอก กลัวโดนเรื่องแจกันสุดรักเข้า

          นั่งรอจนไอ้อาร์คมาถึง ผมเดินออกไป ปิดบ้านปิดอะไรเรียบร้อยแล้ว แต่มันไม่ยอมให้ผมขึ้นรถ แถมตัวเองก็เดินลงมายืนพิงรถแบบเท่ๆ อีกต่างหาก ต้องการอะไรวะ? เมาแอร์เหรอ?

          “รออะไร เร็วๆ ดิ กูต้องรีบไปนะ ไอ้นานาเร่งมาแล้วด้วย” ผมชูโทรศัพท์ที่กำลังเปิดไลน์คุยกับไอ้นานาค้างไว้ มันเร่งจริงๆ นะ คุณเธอไปรออยู่ก่อนแล้ว

          “แป๊บนึง อย่าใจร้อน เดี๋ยวซื้อขนมให้กินนะ” ไอ้อาร์คส่งนิ้วมาเคาะปลายจมูกผมเบาๆ แล้วกลับไปยืนเก๊กต่อ ผมหน้าบึ้ง ไปช้ากูโดนไอ้นานาแดกหัวจะทำยังไง แม่คุณยิ่งโหดๆ อยู่

          “อาร์คคคค กูรีบ”

          “รู้~ แต่รอแป๊บนึง จากที่คุยโทรศัพท์กับมันเมื่อกี้ กูว่ามันใกล้จะเดินออกมาแล้วล่ะ” ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมย่นคิ้วไม่เข้าใจ คุยๆ อะไรกับใคร กันๆ เหรอ? ที่คิดงั้นก็เพราะบ้านมันอยู่ใกล้ผมหนิ

          และเพียงอึดใจเดียว พอหันร่างสูงใบหน้าโหดคุ้นตาที่เดินมาก็ทำให้ผมเข้าใจได้ทันที ที่แท้ก็ยืนรอให้หมาบ้ามันมานั่นเอง แต่…เพื่ออะไรง่ะ ไอ้อาร์คโบกไม้โบกมือทักทายเพื่อนตัวเอง กันๆ ชะงักไปเมื่อเจอผมยืนอยู่ด้วย รู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่าอีกฝ่ายทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง

          “ไงมึง กูมารับหมาเป๋า มึงจะไปด้วยมั้ยล่ะ” สวมบทเป็นเพื่อนที่ดีขึ้นมาทันที มันเล่นแนบเนียนมาก จนผมเองยังทึ่งเลย ไม่พูดเปล่านะ มีการวางมือลงบนศีรษะผมด้วย

          ไอ้เราก็ได้แต่ยืนนิ่งเท่านั้น ออ…ยิ้มด้วยอีกอย่าง

          “ไม่เป็นไร กูไปเองได้” ไอ้กันเบือนหน้าหนีปฏิเสธเสียงแข็ง ผมหน้าหงอยลง รู้สึกเศร้าขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว ก็เพราะไม่ค่อยได้เจอเลยน่ะสิ ไอ้อาร์คมันสั่งไว้ว่าโทรหาได้แต่ห้ามบ่อย และห้ามไปเจอ

          ไอ้อาร์ค…คนโหดร้าย!

          “แต่ว่ากันๆ…”

          หมับ

          “หมาเป๋า ขึ้นรถเร็วๆ ไม่งั้นจะอุ้มนะ” ผมกำลังจะเอ่ยขัดและโน้มน้าวให้มันไปด้วยกัน แต่ไอ้อาร์คกลับคว้าข้อมือผมไว้แล้วโน้มใบหน้าลงมาพูดใกล้ๆ ยิ้มทั้งตาและปาก และอีกนัยหนึ่งที่สื่อมาก็คือ…

          …อย่าทำแผนล่ม!

          ผมยู่ปากแบบเด็กที่โดนขัดใจ ก็เค้าอยากคุยกับกันๆ หนิ! ขอนิดขอหน่อยก็ไม่ให้คนใจร้าย! ไอ้อาร์คขยี้หัวผมด้วยความเอ็นดูกับท่าทางที่โดนทำใส่ จากนั้นก็หันไปพูดกับเพื่อน

          “ก็ดีนะ มึงจะได้ไม่เป็นตัวมาขัดกูกับหมาเป๋า เนอะ” ไม่ต้องหันมาเนอะกับกู กูไม่รู้เรื่อง!

          “เรื่องของมึง”

          “หมาเป๋า ขึ้นรถครับ”
          “โอเค~” ไว้ค่อยคุยกันนะกันๆ



…………………………..



          โอ๊ยยยยย เวลาแห่งความเครียดได้หมดไปแล้ววววว ขอชีวิตดี๊ดีจงกลับคืนสู่อ้อมอกของไอ้วิปคนนี้ ผมเดินลั้นลาออกจากห้องสอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มั่นใจในตัวเองอยู่ว่าทำได้ แทบจะมุดเข้าไปสิงในหนังสือแบบนั้นทำไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปดิ

          ผมเดินลงมานั่งรอไอ้นานาคนสวยอยู่หน้าตึก แม่คุณไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนี้ก็ไลน์หาไอ้แว่นไปด้วยว่าเสร็จแล้ว จากนั้นก็ไลน์หาไอ้ตองเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอหน้ากันซะนานเลย ส่งไปบอกแค่ว่ามาหาหน่อยเท่านั้น

          หมับ

          “กูอยากอ้วกว่ะวิป” ไอ้นานาเดินกลับมา นั่งลงข้างๆ แล้วซบหน้าลงกับไหล่ผมอย่างหมดแรง มึงขี้มาเหรอนา ทำอย่างกับไปออกรบเพิ่งกลับงั้นแหละ

          “หิวปะ หาอะไรกินกัน”

          “ก็ดี”

          ปากก็ถามไปแต่ตัวก็ยังไม่ได้ลุกออกไปไหน ไอ้นานาเองก็ไม่ได้ท้วงอะไร ผมนั่งรอไปสักพักไอ้ตองก็เดินเข้ามาหา เพื่อนตัวเล็กวันนี้ยิ้มแย้มแสดงว่าอารมณ์ดีสินะแบบนี้

          “ไง เอ่อ…นานาเป็นอะไรอะ” ดวงตากลมโตลอบมองไปที่ไอ้นานาแบบหวาดๆ กลัวแม่คุณลุกขึ้นมางับหัว ไม่รู้มันจะกลัวอะไรนักหนา ไม่ใช่ทุกครั้งเสียหน่อยที่แม่คุณจะองค์ลงน่ะ

          “กูเหนื่อย”

          “มันไปขี้มาน่ะ”

          “เดี๋ยวมึงได้เจ็บตัวไอ้วิป” ขอโทษจ้ะคนสวย ผมกำลังจะพากันออกไปหาอะไรกิน หิ้วไอ้น้องตองไปด้วย คิดถึงนะหื้อไม่ได้เจอนานเลย แต่แล้วโทรศัพท์ผมก็สั่น หยิบขึ้นมาดูก็เป็นแว่นๆ คนดีที่ไลน์มา

        …อยู่ร้าน…หน้ามอ ออกมาดิ คิดถึง…

          กูไม่ไปได้มั้ย พอดีกูไม่คิดถึงมึงน่ะ

          แต่ยังไงผมก็ไม่มีทางเลือก ยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนอีกสองคนดู ซึ่งได้รับปฏิกิริยาตอบรับที่ต่างกันมากๆ ไอ้นานาพยักหน้าแบบขอไปที ยังไงก็ได้ ส่วนน้องตองคนน่ารักกลับชักสีหน้าไม่พอใจ ทำท่าทางไม่อยากไปขึ้นมากะทันหัน

          ซะงั้นอะ อะไรของมึงวะ

          เดินออกไปหาที่ร้าน พอเข้าไปก็อยู่กันครบเลย เดี๋ยวนี้รวมตัวครบบ่อยเนอะ ที่รักของผมนั้นมีท่าทางเบื่อหน่ายไม่สบอารมณ์อย่างเคย ผมสงสัยจริงๆ นะ ปกติมันเคยยิ้มแย้มกับเขามั้ยวะ ดูท่าชีวิตจะมีแต่เรื่องไม่แฮปปี้เนอะ ไม่เคยเห็นมันอารมณ์ดีเลย

          “หมาเป๋า~ มานี่มา” ไอ้อาร์คกวักมือเรียกพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ข้างตัวออกมา ทำให้ผมต้องเดินเข้าไปนั่งอย่างช่วยไม่ได้ มันเลือกที่ได้ที่จริงๆ ซ้ายก็เป็นอาร์คนั่นแหละ ส่วนขวา…หมาบ้าของเค้าเอง~

          “หมาเป๋า มึงสอบเป็นยังไงบ้าง ทำได้มั้ย กูส่งกำลังใจเต็มที่เลยนะ” จ้า ขอบคุณนะ แหมๆ ร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาถาม ผมทำตัวไม่ถูกนิดหน่อยแฮะ ถ้าเป็นก่อนหน้าที่มันจะสภาพว่าชอบผมก็เฉยๆ กับคำพูดพวกนี้ของมันนะ แต่พอมาตอนนี้…ไม่รู้ว่าควรคิดเป็นอย่างไหนดีระหว่างมันกำลังแกล้งไอ้กันหรือออกมาจากใจจริงๆ

          “ทำได้สิ เก่งอยู่แล้ว~”

          “เก่งมากเลย~ ขอมือหน่อย”

          มันแบมือ ผมก็บ้าจี้เล่นตาม ส่งมือไปให้

          หมับ

          มันกุมมือผมแล้วยกขึ้นไปแนบแก้มตัวเองเบาๆ ผมนิ่งค้าง ทั้งโต๊ะก็ค้าง มึงๆ มึงแสดงออกมากไปเฮ้ย! ผมเม้มปากหน้าร้อนผ่าว ไอ้บ้าเอ้ย! ทำอะไรควรปรึกษากันก่อน! ฮือออ ไอ้กันจะมองกูยังไงเนี่ย

          “พวกมึงจะกินกันมั้ย ถ้าไม่กูจะได้กลับ” ร่างสูงทางด้านขวามือผมเอ่ยขัดขึ้นมา เรียกสติคนในโต๊ะให้กลับมาเช่นกัน

          “จะรีบไปไหนล่ะ อยู่ด้วยกันก่อนสิ” ผมหันไปพูดกับมันเบาๆ อาศัยตอนที่ไอ้อาร์คดูเมนูนี่แหละ ร่างหนาตวัดสายดุจัดแบบที่ผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกมามอง ผมเผลอกลืนน้ำลายแบบหวั่นๆ

          “อย่ายุ่ง”

          ผมหน้าหงอย อะไรอ่า เราอุตส่าห์คุยด้วยดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือน้ำเสียงดุๆ แบบนั้นอะนะ ผมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความน้อยใจแล้วสะบัดหน้าหนี ร่างสูงชะงักไปนิดเมื่อเจอแบบนั้น ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่นแล้วเบือนหน้าไปสบถด้วยความหัวเสีย

          “เอาล่ะๆ อย่าเครียด อยากกินอะไรก็สั่งเลย วันนี้กูเลี้ยง ฉลองให้มึงเลยนะหมาเป๋า เพิ่มคะแนนให้กูด้วยล่ะ” ไม่วายมีหันมาหยอดใส่ด้วย ไอ้ชานถึงกับรับเพื่อนตัวเองไม่ได้ เบือนหน้าไปเบ้ปาก

          “ออ…น้องด้วยนะครับ” แล้วก็หันไปพูดกับไอ้ตอง สวมบทผู้ชายแสนดีทันที เอ๊ะ จะบอกว่าสวมบทก็ไม่ถูกสิ ปกติมันก็ดีอยู่แล้ว

          แต่ความดีงามของแว่นๆ ทำอะไรน้องตองของเราไม่ได้ ดวงตากลมโตสุดน่ารักของเพื่อนผมตวัดขึ้นมามองไอ้อาร์คแบบไม่พอใจปนๆ ไปกับไม่อยากพูดด้วย

          “ขอบคุณ แต่ผมมีเงิน! จ่ายเองได้! ไม่อยากรบกวน”

          มึงไปกินรังแตนที่ไหนมาวะตอง




 :mew1: :mew1: :mew1:




ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ทำดีแล้ววิป ทนอีกนิดเดียว  o13 o13 o13

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
อาการอยากเปลี่ยนพระเอกยังบังเกิด
อิอิ ทำไมแว่นๆๆ น่าฟัดอย่างนี้ ขอไปเก็บที่บ้านได้มะ ต้องใช้แผนแบบนี้หมาบ้าถึงแอกอาการ เหนื่อยหน่อยน่ะหมาเป๋า ตองมีอะไรกับแว่นๆๆน่ะอยากรู้จังจะเป็นอีกคู่มะ พี่พลุเงียบไปเลยคิดถึงจังมาคู่กับชานมะน่าลงตัวน่ะ ส่วนนานาเป็นหญิงเหล็กเลยล่ะกัน อิอิ

ออฟไลน์ Orange151987

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
ยังยืนยันว่าแว่นๆ น่ารัก  :laugh:

แต่แว่นๆ ก็คงไม่เจ็บนาน เพราะมีน้องตองรอรับอยู่ อืมมมมมม

โอเคลงตัว  :m20:

รอนะครับ  :impress2:

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



ตอนที่ 19
 


 
          ผมว่านะ ไอ้ตองเพื่อนผมมันยังไงๆ อยู่นะเออ ดูอาการมันสิ ทำอย่างกับว่าเกลียดขี้หน้าไอ้อาร์คมาแต่ชาติปางก่อนงั้นแหละ กับคนอื่นไม่เป็นนะ ไอ้ชานงี้ ก็คุยกันปกติทุกอย่าง แต่พอไอ้อาร์คพูดด้วยหน่อยก็ตีหน้าบึ้งใส่ซะงั้น

          เรื่องนี้น่าสงสัยนะครับคุณผู้ชม

          ผมว่าผมต้องหาโอกาสลากตัวมันไปถามสักหน่อยแล้ว ไม่งั้นก็ข้องใจไม่หายอยู่อย่างนี้แหละ ผมแอบส่งสายตาให้ไอ้นานา พยักพเยิดไปทางน้องตองคนน่ารัก เพื่อนสาวของผมก็เข้าใจได้ทันที เรื่องแบบนี้นานาถนัดนัก แม่คุณแสยะยิ้มชั่วๆ ผมล่ะขนลูกซู่ อดที่จะกลัวแทนไอ้ตองไม่ได้

          ขอให้มึงโชคดีนะตอง

          “แล้วนี่…มึงไปหาปู่มั้ยวิป” สั่งข้าวเสร็จไอ้ชานก็เอ่ยถาม ผมพยักหน้ารัวๆ ตอบกลับไป

          “ไปสิ คิดถึงปู่อยู่ด้วย ไปด้วยกันมั้ย”

          “ไม่ว่างว่ะ กูต้องไปซื้อของให้แม่ต่อ” โอ๊ยลูกที่ดี ผมยักไหล่ มันไม่ไปก็ไม่เป็นไร แต่ที่แน่ๆ ไอ้อาร์คไปด้วยแน่นอน พ่อคุณสุดหล่อคนนี้เกาะติดผมไม่ปล่อย เกาะเป็นเงาเลยล่ะ

          อยากเปลี่ยนจริงๆ เปลี่ยนจากไอ้อาร์คเป็นไอ้หมาบ้าแทน คงจะดีไม่น้อย

          “เออนี่กันๆ” ขอชวนคุยหน่อยเถอะ คิดถึง

          “ไม่คุย!”

          อ้าว

          เดี๋ยวๆ เรายังไม่ได้เปิดประเด็นเลย นายจะรีบปิดประเด็นไปไหนเนี่ย คำเดียวสั้นๆ…ไม่คุย พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ไม่น่าฟัง แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันน่ารักอย่างมาก เป็นคำพูดที่คล้ายกับว่าอีกฝ่ายกำลังงอน กำลังเคืองผมอยู่

          มึงทำกูยิ้มนะกันๆ

          “แต่กูอยากคุยนะ” พูดไปก็เหล่มองคนทางซ้ายไปด้วย พี่อาร์คคนดีงามก็รับรู้ว่าผมชวนหมาบ้าคุย แต่มันก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มให้ผมนิดๆ แหม มีกำลังใจขึ้นมาแล้ว ขอบคุณน้า~

          แต่ไอ้คนที่ผมอยากคุยด้วยนั้นกลับเมินผมแบบไม่แลแม้แต่หางตา ทำอย่างกับว่าสิ่งรอบข้างนั้นน่าสนใจกว่าผมเป็นร้อยเท่าพันเท่า ผมหน้างอ มึงจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย อาการก็ออกชัดเจนแต่เสือกปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ

          และเมื่อมันเมินกันแบบนี้ จะคุยอะไรด้วยก็ยาก มีความเป็นไปด้วยสูงถ้าผมพูดด้วย มันจะกลายเป็นว่าผมพูดคนเดียว ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ไอ้อาร์คแทน มีเรื่องสงสัยเยอะเลย

          “นี่ๆ แว่น” ผมสะกิดเรียก เรียกเบาด้วยนะ กลัวเป็นที่สนใจของคนในโต๊ะ

          “ว่าไง ไม่อยากกินข้าว อยากกินกระดูกแทนเหรอ” ฮึ่ย ดูมัน…เดี๋ยวก็งับให้ซะหรอก ผมมองเอือมใส่ เห็นเราเป็นหมาตลอด ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดด้วยความเอ็นดูก็เถอะ เห็นว่าผมน่ารักอะไรอย่างนี้ แต่…ไม่ประทับใจเท่าไหร่แฮะ

          “อย่าพานอกเรื่อง เดี๋ยวงอแงใส่เลย กูจะถามว่ามึงเคยไปทำอะไรให้ไอ้ตองไม่ชอบขี้หน้าหรือเปล่าวะ หรือเคยไปหาเรื่องมัน ทำมันโกรธอะไรประมาณนี้อะ เคยปะ ดูมันไม่ชอบหน้ามึงเอามากๆ” ผมกระซิบกระซาบถาม ตาก็ลอบมองไอ้ตองไปด้วย กลัวมันหันมา เดี๋ยวมันจะรู้ว่าผมกำลังเผือกเรื่องของมันอยู่ ไอ้อาร์คขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อโดนถามแบบนั้น ก่อนจะขำออกมาเบาๆ

          “มึงเห็นกูเป็นคนยังไงหืม คิดว่ากูจะหาเรื่องใครเขาไปทั่วหรือไง”

          “ก็เพราะว่าไม่ได้มองแบบนั้นกูถึงได้สงสัยไง มึงออกจะนิสัยดี น่ารักน่าลูบหัว แต่ทำไมมันถึงได้ไม่ชอบหน้ามึงนัก” ขอเอาคืนนิดหน่อยตรงที่บอกว่าน่าลูบหัว แต่พี่ท่านดูไม่โกรธเคืองอะไร กลับชอบซะงั้น ยิ้มกว้างเชียว

          “กูดีใจนะที่มึงมองกูแบบนั้น ขอบคุณครับ” มือหนายื่นมาหยิกแก้มผม มันใช่เวลามั้ยหืม กูถามมึงอยู่นะวุ้ย

          ครืน!

          “กูไปห้องน้ำนะ”

          อยู่ๆ ไอ้กันก็ลุกพรวดขึ้นมา บอกเร็วๆ แล้วเดินหายไปเลย ผมนั่งงงอยู่แวบหนึ่ง ปวดขี้เหรอวะ หรือว่ายังไง รีบไปซะ พอหันไปหาไอ้อาร์คก็เห็นพี่แกนั่งหัวเราะอยู่

          “อะไร มองกูทำไม ทำหน้าเป็นหมาเอ๋อเลยนะ ไม่มีอะไรหรอก กับเพื่อนมึงกูก็ไม่เคยคุยกันนะ เคยเจอบางครั้ง ก็รุ่นน้องคนนึง กูจะไปทำอะไรล่ะ” ผมพยักหน้ารับกับสิ่งที่มันบอก แต่ก็ยังไม่หายสงสัย งานนี้คงมีแต่ต้องลากน้องตองไปถามแล้วล่ะ

          แต่ก่อนอื่น…กันๆ

          “อาร์คคุง เดี๋ยวเรามานะ เราจะไปห้องน้ำ”

          “เหรอ ไปหาใครล่ะ” แน่ะ รู้ดี

          “บ้าเหรอ ไปห้องน้ำก็ต้องไปทำธุระส่วนตัวสิ หาใครล่ะ ไม่มีๆ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธตาใสซื่อ แต่คนที่ผมคุยด้วยอยู่ดูจะไม่เชื่อ แต่ก็พยักหน้าเข้าใจไม่ถามอะไร ผมเลยลุกออกมา

          เดินเข้ามาในห้องน้ำ ก็คิดว่าต้องเจอกันๆ แน่ๆ แต่ภายในห้องน้ำกลับว่างเปล่า ไม่มีมนุษย์สักราย ผมยืนงง มึงตกส้วมหรือเปล่าวะกันๆ หายไปไหนหื้ม

          ในห้องน้ำไม่เจอผมเลยเดินออกมาที่นอกร้านแทน กวาดสายตามองหาร่างสูง แล้วก็เจอพี่แกยืนขยี้หัวตัวเองดูท่าทางอารมณ์ไม่ดีอยู่ นายๆ ห้องน้ำไม่เต็มนะ ถ้าปวดขี้ก็เข้าไปได้ เราไปดูที่ทางมาแล้ว

          ผมเดินเข้าไปหาแล้วสะกิดหลังเรียก ไอ้กันหันกลับมา เจอหน้าผมแล้วก็ทำท่าเหมือนอยากจะเดินหนี แบบนี้คนที่อุตส่าห์ออกมาหาก็เสียกำลังใจเหมือนกันนะเว้ย

          “เป็นอะไร เดินออกมาทำไม”

          “เรื่องของกู”

          เอ้า! อะไรเนี่ย คนเขาเป็นห่วง เดินมาถามดีๆ แต่มึงกลับตอบแบบนี้เนี่ยนะ มันน่าโมโหมั้ยอย่างงี้

          “เรื่องของมึงก็เหมือนเรื่องของกูแหละ กูสนใจมึงทุกเรื่องนะ” อยากพูดให้รู้สึกดี แต่ไม่รู้ต้องพูดยังไง เพราะที่ผ่านมาผมพูดอะไรไปไอ้กันก็ไม่เคยรู้สึกดีด้วยเลย มีแต่หงุดหงิด โมโห และรำคาญเท่านั้น

          “สนใจ? กูว่าไม่ใช่มั้ง” อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามก่อนจะยิ้มเยาะเมื่อพูดจบ ท่าทางอารมณ์ร้อนดึงให้ลงไม่ได้ง่ายๆ แน่ แปรปวนยิ่งกว่าสตรีมีเมนส์อีกนะมึงอะ

          ผมยืนจ้องหน้าร่างสูง พยายามคิดตาม หาเหตุผลว่าเพราะอะไรมันถึงได้มีอาการหมาบ้าแบบนี้ และทุกๆ ครั้งที่อาการกำเริบ มันต้องเป็นเวลาที่ผมหันไปคุยกับไอ้อาร์คทุกที หรือไม่ก็เวลาที่ไอ้อาร์คมันถึงเนื้อถึงตัวผม อย่างเช่นลูบหัว จับแก้ม อะไรประมาณนี้

          อาการแบบนี้มันเหมือนคนกำลังหึงชัดๆ เลย

          “นี่”

          “อะไร”

          “มึง…หึงกูอยู่เปล่าเนี่ย” ผมเอามือไพล่หลัง ยื่นหน้าเข้าไปถาม ตาผมเป็นประกายวิ๊งๆ เลย ใจก็เต้นเร็วขึ้น กำลังตื่นเต้นกับคำตอบที่จะได้รับ ก็แหม ดูอาการสิ ไม่ใช่หึงแล้วจะเรียกอะไร เมนส์มาไม่ปกติเหรอ บ้าแล้วววว

          “เฮอะ! มึงไปเอาความคิดนั้นมาจากไหน”

          จากมึงไง ควาย!

          “ก็ดูมึงสิ ที่มึงเป็นอยู่ในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะหึงกูแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ชอบกูแล้วก็บอกมาดิ ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มหรอก กูไม่ล้อมึงก็ได้นะ บอกมาๆ เร็วๆ กูรออยู่” ผมเร่งต่อ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์เดียวกันกับผม สีหน้าพร้อมระเบิด ดวงตาที่ดุจัดพร้อมเอาเรื่อง

          “มึงเลิกคิดเข้าข้างตัวเองสักที กูไม่ได้ชอบมึง”

          “โกหก”

          “มึงคิดว่าใครๆ ก็ต้องชอบมึงไปหมดงั้นสิ มึงดูดี มึงน่าชอบขนาดนั้นเลยเหรอ? เฮอะ! แต่ขอโทษที กูไม่ใช่ไอ้อาร์คหรือไอ้ชาน” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ริมฝีปากแสยะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ชอบใจเอาเสียเลย มันเหมือนกับกำลังดูถูกผมอยู่

          ผมยืนนิ่ง ไอ้กันมันงี่เง่า! รู้สึกยังไงก็ไม่ยอมพูดออกมา แล้วยังมาหาว่าผมคิดเข้าข้างตัวเองอีก ถึงแม้จะรู้ว่าที่มันพูดออกมานั้นไม่ได้ออกมาจากใจจริงๆ แต่มันก็ทำให้ผมจุกเหมือนกันนะ

          “เลิกคิดอะไรไร้สาระแบบนั้นได้แล้ว ทำไมกูต้องไปหึงมึงด้วยห้ะ ต้องให้กูย้ำอีกครั้งมั้ยว่ากูไม่ได้ชอบมึง แล้วก็เลิกวุ่นวายกับกูสักที มึงมีไอ้อาร์คมาจีบแล้วหนิ” ชื่อไอ้อาร์คมาอีกแล้ว อย่างนี้เหรอที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร ตลอดเวลาที่อีกฝ่ายพูด มันไม่ยอมมองตาผมเลย ทำเหมือนว่าแม้แต่หน้ายังไม่อยากจะมองกัน

          แต่ผมกลับคิดว่า…มันไม่กล้าที่จะมองมากกว่า

          “ไม่ได้ชอบจริงๆ ใช่มั้ย”

          “เออ”

          “ถ้างั้นกูจะเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นก็ได้ใช่มั้ย”

          “มึงใจง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง!” เอ้าสัด! ทีงี้มาโวยวายใส่ ร่างสูงหันขวับมา สีหน้าเอาเรื่องอย่างกับจะงับหัวผม นี่เหรออาการของคนไม่ชอบน่ะ ไอ้บ้าเอ้ย!

          “มัวแต่เล่นตัวกูจะไม่รอมึงแล้วนะ”

          “มึงอยากทำอะไรก็เรื่องของมึง ไม่เกี่ยวกับกู กูไม่สนใจ!”

          ต่างฝ่ายต่างใช้อารมณ์ ผมเองก็หัวเสียเหมือนกันนะ คุยกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ แค่พูดตามที่ใจคิดมันยากมากนักหรือไงวะ! แค่บอกออกมาว่ากูก็ชอบมึงเหมือนกัน แค่นี้! ฟาย! ทำเป็นเล่นตัว ผมยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง กูโกรธแล้วนะ

          “ไอ้กัน!!”

          “อะไรอีก!”

          “มึงแม่งงี่เง่า! งี่เง่าที่สุดเท่าที่กูเคยเจอมาเลย ไอ้ควาย! ไม่อยากให้ยุ่งกูไม่ยุ่งก็ได้!” ผมตะโกนใส่หน้าไอ้หมาบ้า พูดจบก็ไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบอะไร สะบัดหน้าเดินหน้ายุ่งกลับเข้ามาในร้าน กระแทกตัวลงนั่งด้วยความหัวเสีย

          “เฮ้ยๆ เป็นอะไรหมาเป๋า ห้องน้ำเต็มเหรอ” ไอ้อาร์คที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็หันมาถามยิ้มๆ เดี๋ยวเราก็งับหัวให้เลย ใช่เวลาเล่นมั้ยห้ะ ผมเหล่มองไอ้กันที่เดินตามหลังเข้ามา สะบัดหน้าใส่อีกรอบก่อนจะตอบไอ้อาร์คเสียงดัง

          “ตีกับหมามา! หมาบ้าพูดไม่รู้เรื่องด้วย!”

          หัวร้อน! กูอุตส่าห์เปิดทางให้พูดความในใจแล้ว สัญญาแล้วด้วยว่าจะไม่ล้อ เพราะผมเคยแหย่มันไปรอบนึงว่าถ้าเกิดชอบผมขึ้นมานี่หน้าแตกเลยนะ

          แต่ใครจะคิด ว่าไอ้กันๆ มันจะปากแข็งอย่างนี้ รู้อยู่หรอกว่าโกหก แต่ก็ห้ามไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่ไม่ได้ มันจุกๆ เจ็บๆ เหมือนกันนะเว้ย

          ไอ้อาร์คเหลือบมองไปทางไอ้กัน พอเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์แบบนั้นคงพอเข้าใจ มือหนาลูบหลังผมเป็นการปลอบให้ใจเย็นลง ผมนั่งหน้าบึ้ง ไม่อยากกินมันแล้วข้าวเนี่ย ไม่อยากอยู่ใกล้ไอ้บ้านี่! เห็นหน้าแล้วหงุดหงิด เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมไม่อยากมองหน้ากันๆ

          “มึง…ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยวิป” ไอ้น้องตองถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ ปกติไม่ใช่ประเภทที่จะโกรธหัวร้อนอะไรอย่างนี้หรอก นานๆ ครั้งจะได้เจอ มึงโชคดีจริงๆ เลยนะกันๆ

          เรียกได้ว่าการกินข้าวมื้อนี้เป็นมื้อที่อึดอัดสุดๆ เลย บรรยากาศมาคุระหว่างผมกับร่างสูง ทำเอาทั้งโต๊ะถึงกับเครียดไปด้วย ผมก็ไม่ได้อยากทำให้อะไรๆ มันไม่ร่าเริงแบบนี้ แต่เพราะไอ้ตัวข้างขวานี่ล้วนๆ เลย เพราะมันนั่นแหละ

          พวกเรากินข้าวกันเสร็จในเวลาที่รวดเร็วมาก ผมสงสารไอ้ตองหน่อยๆ แฮะ ถูกเรียกมานั่งท่ามกลางสงครามอย่างนี้ ไอ้นี่มันขี้กลัว ไม่แปลกถ้ามันจะกลัวไอ้กัน

          แต่กลับไอ้อาร์คไม่ยักกลัว

          “เดี๋ยวไปเยี่ยมปู่มึงที่โรงบาลกัน มึงก็ไปกับกูด้วยไอ้กัน กูมีเรื่องรายงานที่ต้องคุยกับมึง” เท้าที่กำลังก้าวออกนอกร้านถึงกับชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงนุ่มๆ ของพี่อาร์คคนดีพูดอย่างนั้น ผมหันขวับกลับไป ไม่รู้ว่าสายตาตัวเองนั้นเป็นอย่างไหนเหมือนกัน แต่ไอ้อาร์คเห็นแล้วก็ยื่นมือมาลูบแก้มให้ใจเย็นลง

          พวกมึงคุยกันวันอื่นไม่ได้หรือไง โทรศัพท์คุยกันก็ได้ ทำไมต้องให้ไปด้วยวันนี้ ไม่อยากเห็นหน้ามันง่ะ

          “กูไม่…”

          “ไม่ต้องปฏิเสธ ไอ้ห่า! มานี่เลย” อาร์คจัดการล็อกคอไอ้กันไว้ไม่ให้มันหนี ก่อนจะลากมันไปที่รถ ไอ้ชานโบกมือลาเดินแยกออกไป ผมยืนนิ่งถอนหายใจ แล้วนานาก็เข้ามาสะกิดผม

          “หือ? ไรมึง”

          “ไอ้ตอง ล็อกคอถามแม่งเลย” คุณเธอพยักพเยิดไปที่น้องตอง มันก้มหน้าก้มตาดูโทรศัพท์ เลยไม่เห็นว่าเจ๊นานาของเรานั้นมีสีหน้าเจ้าเล่ห์แค่ไหน

          ร่างเพรียวเดินเข้าไปล็อกคอหนูน้อยตัวเล็กแน่น พร้อมกับลากมาอีกทางเพื่อที่จะได้คุยกันสะดวกยิ่งขึ้น หนูน้อยของเราก็โวยวายดีดดิ้น แต่ไม่กล้าหือเยอะเพราะกลัวไอ้นาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

          ผมยกมือส่งสัญญาณขอเวลาไปให้ไอ้อาร์คแล้วเดินตามเข้าไปหาพวกมันทั้งคู่ ไอ้ตองกำลังถูกสายตาพิฆาตของแม่นานากดดันอยู่เลย

          “อะ…อะไรวะ” เสียงสั่นไปแล้วลูก

          “มึงกับไอ้อาร์ค…มีอะไรกันวะ”

          “ปากเสีย! มีอะไรกันบ้าอะไร” ร่างเล็กโวยวายเสียงดัง อะไรของมึงงงงง~ กูไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้นสักหน่อย คิดไปไหนวะเฮ้ย

          “เดี๋ยวกูตบสักทีจะได้พูดรู้เรื่องขึ้น” มึงใจเย็นนานา

          “กูไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ที่จะถามก็คือ…เพราะอะไรทำไมมึงถึงได้ทำเหมือนไม่ชอบขี้หน้าไอ้อาร์คมันอย่างนั้น กูว่ามันนิสัยดีมากเลยนะ คนดีที่สุดแล้ว แต่มึงกลับทำท่าทางแบบนั้นใส่” ถามนิ่มๆ แต่ใช้สายตากดดัน น้องตองกัดริมฝีปากไม่อยากตอบ ไม่กล้าสบตาคนสวยเลยด้วยนะ

          “พูดค่ะตอง ไม่งั้นกูงับหัวมึงแน่” มึงเป็นตัวอะไรวะนา

          “ก็…”

          “ก็?” ผมทวนตาม

          “ก็มันทำพี่กูอกหัก”

          “ห้ะ!/ห้ะ!!”

          ทั้งผมและนานาพร้อมใจกันประสานเสียง ทำพี่อกหัก? ทำเมื่อไหร่ ยังไงวะ ผมกับไอ้นายืนอึ้ง คือ…จะพูดยังไงดีล่ะ มันเป็นเรื่องช็อกเหมือนกันนะ

          พี่ของไอ้ตอง…พี่เต็ง พวกผมรู้จักเขาดี พี่แกเป็นมนุษย์ที่…เข้าใจยาก และไม่น่าเข้าใจด้วย เป็นผู้ชายที่…พิลึก ผมแทบไม่อยากจะไปบ้านไอ้ตองเลยก็เพราะกลัวจะเจอไอ้พี่เต็งนี่แหละ

          อยากบอกว่า…ครั้งหนึ่งผมเกือบถูกพี่มันปล้ำด้วยนะ

          แต่คือ…ช็อกที่รู้ว่าแบบไอ้อาร์คก็เป็นสเป๊กพี่แก! โอ๊ยจะบ้าตาย มึงไม่ได้ชอบน่ารักตัวเล็กเหรอวะ นี่ผมคิดผิดมาโดยตลอดงั้นดิ แล้ว…ตำแหน่งไหนง่ะ

          “ได้ไงวะ”

          “พี่เต็งเคยมารับกู แล้วเขาก็เจอไอ้บ้านั่น ไม่รู้ว่าไปตามสืบมายังไงนะ แต่พอมาอีกทีก็บอกกูว่ามันหักอก มันควงคนอื่นต่อหน้า พร้อมกับสาปแช่งอีกมากมาย” โอ้ววววว~ กูขอให้มึงโชคดีนะอาร์ค ถ้าโชคดีจริงพี่มันคงไม่ทำตุ๊กตาเล่นของใส่

          แต่ก็ไม่แน่นะ

          “มึงเลยเกลียดขี้หน้ามันไปด้วย”

          “ก็พี่เต็งพูดกรอกหูกูเกือบทุกวัน ทำใจให้ชอบได้ยังไงล่ะ” น้องตองหน้ายุ่ง ผมพยักหน้าเข้าใจหน่อยๆ คนอย่างไอ้พี่เต็ง ถ้ามันไม่ชอบใครแล้ว มันจะปลูกถ่ายความคิดนั้นของตัวเองเข้าสู่สมองคนอื่นด้วย

          มันคือคนนิสัยไม่ดี!!

          “มึงไปสืบกับไอ้อาร์คต่อด้วยวิป กูจะรอ” ไอ้นาหันมาสั่ง จ้ะแม่คุณ กระผมจะทำตามที่ท่านสั่งนะครับ เฮ้ออออ

          หลังจากที่สอบสวนน้องตองเสร็จก็ปล่อยตัวมันกลับไป ไอ้นานาก็ไปตามทางของมัน ส่วนผมก็มาหาปู่ที่โรงพยาบาล โดยมีสองหนุ่มหน้าตาดีติดตามมาด้วย

          ผมไม่เข้าใจไอ้อาร์คเลยว่าจะให้ไอ้กันๆ มาด้วยทำไม บอกเลยว่าผมเคืองอยู่ หางตาผมยังไม่แลมันเลย ไม่รู้ว่าเพราะอย่างนี้หรือเปล่าเลยทำให้พี่ท่านดูบ้าหนักกว่าเดิม

          จะมีการน้ำลายฟูมปากปะ?

          ผมนั่งเล่นนั่งคุยกับปู่จนฟ้ามืด ไอ้พี่อาร์คคนหล่อก็ดูจะสนิทกับปู่ขึ้นมาในระดับหนึ่ง ต่างจากอีกคน เพราะมันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดด้วยแหละ ไม่เหมือนพี่อาร์ค แทบจะชวนปู่คุยทุกสองนาที

          “สอบได้มั้ยไอ้วิป”

          “โด่วปู่ นี่ใคร หลานปู่นะ”

          “ลูกของลูกกูต่างหาก” แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ

          “เออนี่ เอ็งอยู่บ้านใกล้ๆ ใช่มั้ย” อยู่ๆ ปู่ก็หันไปพูดกับไอ้หมาบ้าที่นั่งเงียบๆ คนเดียว ร่างสูงยืดตัวนั่งตัวตรงแล้วก้มหน้ารับ ดูเป็นคนมีมารยาทขึ้นมาหน่อยเมื่อคุยกับผู้ใหญ่

          “ถ้ามีเวลาปู่ฝากดูวิปมันหน่อยนะ หรือไปอยู่เป็นเพื่อนมันก็ได้ อยู่บ้านคนเดียวน่าเป็นห่วง เดี๋ยวโจรเข้าบ้านแล้วมันไปตีซี้กับโจรล่ะยุ่งเลย” ผมหน้าตึงเลย ฝากกับใครไม่ฝาก ดันไปฝากกับไอ้หมาบ้า

          รับรองว่าบ้านเละยิ่งกว่าโจรขึ้นอีก

          ร่างสูงใช้ดวงตาดุๆ นั่นมองผม เหมือนรอดูปฏิกิริยา แต่ผมไม่สนใจ หันมาคุยกับไอ้แว่น เมินพี่ท่านแบบโจ้งแจ้ง

          “ครับ”

          “ฝากด้วยนะ ขอบใจๆ”

          “ฝากมันทำไม ผมโตแล้ว อยู่คนเดียวได้” เป็นเมื่อก่อนคงดีใจ แต่ตอนนี้เคืองอยู่เลยไม่ชอบ พี่แว่นๆ ยิ้มขำ ผมงี้แทบจะพุ่งเข้าไปงับหัว รู้ทันอะไรก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกก็ได้นะหื้อออ

          นั่งคุยกับปู่ต่ออีกนิดหน่อยก็กลับบ้าน ผมยืนยันว่าไม่ต้องให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ปู่ก็ดื้อไม่ยอม ไอ้หมาบ้าก็นั่งเงียบไม่ปฏิเสธ ผมล่ะไม่เข้าใจมันจริงๆ ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ มาอยู่ใกล้ๆ ทำไม

          “หมาเป๋าครับ”

          “ครับผม” ผมขานรับไอ้อาร์คขณะกำลังนั่งรถกลับบ้าน ผมเหมือนตัวเพิ่มภาระให้มันเลยอะ ต้องไปส่งบ้าน ต้องคอยมารับ หยอดเท่าไหร่ผมก็ไม่หวั่นไหว รู้สึกแย่แฮะ

          “ให้กูอยู่เป็นเพื่อนแทนมั้ย ไอ้กันคงไม่ชอบ” อาสาออกมาพร้อมกับเหล่สังเกตอาการคนที่นั่งอยู่เบาะหลังไปด้วย ผมชะงัก เอาเข้าจริงๆ ก็อยากให้ไอ้กันอยู่ด้วยมากกว่าไอ้อาร์ค แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ รู้สึกไม่อยากทำร้ายใจพี่แกเพิ่มแล้ว และดวงตาอ่อนโยนภายใต้กรอบแว่นนั่นก็ดูกำลังมีความหวัง

          “แฮ่…สัญญาว่าจะทำตัวน่ารักเหมือนเดิมใช่ปะ”

          “เปล่า สัญญาว่าคราวนี้จะปล้ำเลย”

          ฉิบหาย

          “แหะๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ ถึงแม้หน้าพี่แกจะดูแค่แหย่เล่นก็เถอะ แต่ผมกลัวจริงนะเว้ย ผมยิ่งน่ารักๆ อยู่ด้วย ถ้ามันจะเปลี่ยวอันนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ

          ผมไม่ได้ตอบอะไรจนมาถึงบ้าน พี่อาร์คก็ไม่มีขับเลยไปส่งเพื่อนรักเลยนะ จอดมันที่หน้าบ้านผมนี่แหละ ปล่อยให้เพื่อนตัวเองเดินกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ คนเดียวซะงั้น ความห่วงใยในใจผมเริ่มผุดขึ้นมาอีกแล้ว

          ผมเปิดประตูบ้าน ไอ้อาร์คจอดรถเสร็จแล้วก็เดินตามเข้ามา แต่คนที่น่าจะเดินกลับบ้านไปกลับเดินตามหลังเข้ามาด้วย ร่างสูงเดินผ่านไอ้อาร์คที่ยืนเลิกคิ้วงงๆ อยู่หน้าประตูเข้าไปข้างใน

          “เอ่อ…” ผมพูดไม่ออก

          “มึงทำอะไรของมึงไอ้กัน”

          “ปู่ขอให้กูอยู่เป็นเพื่อนมัน กูก็อยู่นี่ไง” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา แขนหนาพาดไปที่พนักพิงด้วยท่วงท่าสบายๆ ผมเผลอเคลิ้มไปนิดหน่อยกับความเท่นั่น

          “ก็กูบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวกูอยู่เอง มึงกลับไปเถอะ” เหมือนจะมีวอร์เกิดขึ้นในบ้านของผม นี่มันเครโทสปะทะซูสชัดๆ เลย รูปหล่อสองคนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมยืนกลืนน้ำลายด้วยความหวั่นใจ ไม่รู้อะไรทำให้กันๆ เกิดนึกบ้าที่จะอยู่ขึ้นมา หรือว่า…

          …เพราะไอ้อาร์คบอกว่าจะปล้ำผมหรือเปล่านะ


_____________________________________

มาล้าววววววว เค้ามาต่อให้ล้าววววววว
ไม่มีอะไรจะพูดมาก แค่อยากบอกว่ากรี๊ดพี่อาร์คสุดพลังค่ะ ชอบบบบบ คนบ้าาา 555 ส่วนพระเอก...นั่นแหละค่ะ ตามนั้นเลย หมั่นไส้ได้เต็มที่ อนุญาต 5555
อยากบอกว่ายังไม่ได้ล็อกคู่ให้พี่อาร์คเลยค่ะ ให้พี่อาร์คแกกินกับอะไรก็อร่อยไปก่อนแล้วกัน ฮี่ๆ
ไปล้าวววว เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกท่านที่เม้นให้ รักนะคะ จุ๊บเหม่ง ♥






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
'คุณเองก็มีใจให้เหมือนกัน' เขินเลย

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
หมาเป็าเมินหนักๆเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีกันๆนี้ปากแข็งจริงๆเลย

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
น่ารักนะ หมาเป๋า อยากได้มาเล่นที่บ้าน

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เล่นตัวจังนะกันกัน เดี๋ยวก็ยกหมาเป๋าให้อาร์คซะเลยนิ  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
หลงพี่แว่นชอบพี่อาร์ต ฮ่าๆๆๆๆ คนเดียวกันนี่หว่า
หมาบ้าปล่อยให้มันบ้าต่อไป หึหึ

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
ไม่เอาเราจะแย่งแล้วนะกันๆ 5555

ออฟไลน์ Ranmaru

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0


ตอนที่ 20
 
 


          บ้านผมจะพังมั้ย

          จ้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนที่ไม่มีบทพูดอย่างผมก็อึดอัดเหมือนกันนะ ผมมองซ้ายมองขวาหาทางออกจากความอึดอัดนี้

          “เอ่อ…อยู่มันให้หมดนี่แหละ ไม่ต้องไปไหนสักคน” เมื่อเลือกไม่ได้ก็เอามันตามนี้ ไอ้อาร์คยักไหล่ยังไงก็ได้ แล้วเดินไปนั่งใกล้ๆ กับไอ้กัน แต่หมาบ้ามันต่างออกไป พี่ท่านดูไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่ก็พูดมากไม่ได้ น่าจะรู้ตัวว่าตอนนี้ผมยังเคืองอยู่ พูดมากเดี๋ยวโดนไล่

          เริ่มคิดได้ กลัวว่ากูจะเมินแล้วใช่มั้ย

          ผมเดินไปหยิบน้ำกับขนมในครัวออกมานั่งกินกัน คืนนี้จะสรุปยังไงผมก็ไม่อาจบอกได้ เพราะผมเองก็เดาไม่ได้เหมือนกัน ถามว่าง่วงมั้ยผมก็ง่วงนะ แล้วพวกมึงไม่มีงานไม่มีอะไรต้องกลับไปทำกันเหรอ ดูว่างเนอะมานั่งเฝ้ากูเนี่ย

          “วิป” ไอ้อาร์คเรียก ไอ้นี่มาบ้านผมทีไรเป็นต้องมองรูปตอนเด็กของผมทุกที กะว่าจะเอาไปซ้อนละ มองนานๆ เราก็อายเป็นเหมือนกันนะหื้อ

          “ว่าไง”

          “มึงอยู่บ้านกับปู่แค่สองคนเหรอ แล้ว…พ่อกับแม่มึงล่ะ”

          “ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก แม่แต่งงานใหม่ ส่วนพ่ออยู่ป่า” ผมตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก ผมไม่ใช่เด็กเก็บกดอะไรนะที่พ่อแม่ต้องมาแยกทางกันแบบนี้ ไปกันไม่รอดก็แยกกันอยู่ซะ มันก็เท่านั้น และถ้าถามว่าผมรักใครมากกว่าระหว่างพ่อกับแม่ ผมคงต้องตอบว่าผมน่ะรักปู่ที่สุด

          พ่อกับแม่ก็ยังคิดถึง แต่ไม่มีความรู้สึกผูกพัน

          “อยู่ป่า? ทำไมวะ” ไอ้นี่ก็สงสัยไม่จบไม่สิ้น งานเผือกสินะ ผมหยิบขนมส่งเข้าปากพร้อมกับลอบมองสุดที่รักไปด้วย เอ๊ะ…ไม่ดิ ตอนนี้ไม่ให้เป็นสุดที่รักแล้ว เคืองอยู่ มันทำเหมือนไม่สนใจที่จะฟังนะ แต่กูรู้กันๆ มึงตั้งใจฟังอยู่

          “ก็ตอนพ่อกับแม่เลิกกัน พ่อเสียใจหนักมาก ตอนนั้นกูก็เด็กมากเหมือนกัน ไม่ค่อยเข้าใจหรอก โตมาพอคิดย้อนกลับไปเลยเข้าใจขึ้นเยอะ แม่ไม่ได้รักพ่อแล้ว แต่พ่อไม่ใช่ พอเลิกกันพ่อก็เสียใจ แทบจะไม่เลี้ยงกูเลยล่ะ ปู่เลยทนไม่ได้ ถามว่าอยากไปทำใจมั้ย วันต่อมาพ่อก็ไปเลย” ตอนนั้นยอมรับว่าใจหายหน่อยๆ อารมณ์เด็กถูกทิ้ง แต่เพราะมีปู่นี่แหละ เลี้ยงผมอย่างดี ดูแลดีมาก ทำให้ผมเลิกเศร้าไปได้

          “ได้คุยกันมั่งมั้ย”

          “ไม่ค่อย ปกติพ่อจะเป็นคนติดต่อกลับมาเอง ส่วนมากโทรมากูก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เลยได้คุยแต่กับปู่ แต่เมื่อหลายปีก่อนพ่อก็กลับมาอยู่นะ มาอยู่สองสามวันแล้วก็กลับไป” เหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของพ่ออีกต่อไปแล้ว

          “มึงเก่งนะ ไม่เสียใจเลย” ชมแล้วไม่วายแอบเนียนลูบหัวผมอีก

          “ไม่เก่งหรอก แต่มันนานแล้วไง ไม่รู้สึกอะไรแล้วล่ะ”

          จบเรื่องครอบครัวของผมก็แทนจะไม่มีบทคุยอะไรกันอีก ส่วนมากจะเป็นไอ้แว่นสุดหล่อหาเรื่องหยอดใส่ผมเสียส่วนใหญ่ หมาบ้าก็นั่งเงียบเหมือนไม่ได้เอาปากมา

          “แล้วพวกมึงจะกลับกันเมื่อไหร่” กูง่วงนะ ผมถามเสร็จก็หาวให้ดูไปด้วยเลย น้ำตาปริ่มๆ ขึ้นมา ร่างสูงใส่แว่นที่มองอยู่ก็ยิ้มเอ็นดู แล้วเอือมมือมาเช็ดออกให้อย่างเบามือ

          รอยยิ้มของพี่แกทำให้ผมหน้าแดงขึ้นมา มันต่างจากของกันๆ รายนั้นไม่ค่อยยิ้ม แต่ถ้ามันยิ้มก็ทำให้ผมใจเต้นแรง เขินและอยากเข้าไปฟัด กับไอ้อาร์คมันแค่เขินนิดๆ รู้สึกอายที่โดนจ้อง

          “มึงไม่กลับไปทำรายงานหรือไงอาร์ค” ความชมพูวิ๊งๆ รอบตัวถูกทำลายด้วยน้ำเสียงโหดๆ ของไอ้กัน มึงสองคนตีกันเลย ใครชนะได้อยู่กับกูงี้ ไม่ต้องมานั่งเล่นจ้องตากันหรอก มันเสียเวลา

          “รายงาน? อ๋อใช่! ทำสิ” มึงกำลังกวนตีนใช่มั้ยพ่อคนหล่อ ยกยิ้มแบบว่ากำลังปั่นให้อีกฝ่ายหัวเสีย และดูท่าทางมันจะได้ผลเสียด้วย เก่งไปซะทุกเรื่องเลยนะพ่อคุณ

          “มึงก็กลับพร้อมกูเลยสิ” ไอ้อาร์คลุกขึ้นแล้วชวน

          “กูขอเข้าห้องน้ำก่อน” ไม่รอให้เพื่อนตอบรับ ร่างสูงลุกเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที ไอ้อาร์คหันมามองหน้าผมก่อนจะยักไหล่

          “กูก็อยากเข้าห้องน้ำเหมือนกันนะ”

          “งั้นไปเข้าข้างบนก็ได้ ตามมาดิ” ผมกวักมือเรียกแล้วเดินนำขึ้นมาข้างบน รีบๆ เข้า แล้วรีบๆ กลับกันไปได้แล้วนะครับคนหล่อทั้งหลาย เราก็ต้องการพักผ่อนบ้างอะไรบ้างนะหื้อ

          “ห้องไหนของมึงน่ะวิป”

          “นั่นไง แล้วก็นู้นห้องนะ…”

          “อ๋อ…”

          หมับ! พรึ่บ!

          แกร๊ก ปัง!

          เอ่อออออ… อะไรวะเฮ้ยยย!

          พอผมบอกห้องไปเท่านั้นแหละ ร่างสูงก็เปิดประตูแล้วดึงผมเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตูเรียบร้อย ผมยืนเอ๋ออยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะตั้งสติได้แล้วถอยห่างออกจากไอ้แว่น

          “เดี๋ยว เราคุยกันได้นะ” ผมยกมือห้ามกล้าๆ กลัวๆ

          “หึๆ มึงคิดว่ากูจะทำอะไรมึงจริงๆ เหรอวิป” ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ด้วยท่าทางขี้เล่นเหมือนอย่างเคย แต่คุณครับ ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้ คือแก อยู่ๆ ก็ลากเข้ามาในห้องแบบนี้ ผมก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นนะเว้ย!

          “มึงหื่นเหรออาร์ค”

          “ก็อยากอยู่”

          นั่นไง!!

          อยากจะกรี๊ด ทำไมกูต้องพบมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย คุณพระคุณเจ้า! ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำบุญสินะ เรื่องซวยๆ ถึงเข้ามาหาบ่อยจัง ผมทำหน้าอยากจะร้องไห้ ร่างสูงของคนตรงหน้าอาศัยจังหวะที่ผมกำลังยืนบ้าอยู่นั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับดึงตัวผมเข้าไปในอ้อมกอด

          เดี๋ยวๆๆๆ!!! เดี๋ยววววววว

          “เอ่อ…แฮ่…ใกล้ไปเนอะ” ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องเสียงอ่อนเสียงอ่อยด้วยวะ ผมไม่กล้าสบตากับมันเลย ณ ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจ อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคามอะไร ก็อ่อนโยนนุ่มนวลตามสไตล์ของพี่ท่านนั่นแหละ

          “วิป”

          “ครับผม” ผมก้มหน้าก้มตาขานรับกลับไป อาจจะเป็นเพราะมันแค่กอดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรที่มากกว่านั้น และส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมเชื่อใจอีกฝ่ายด้วย เชื่อว่ามันต้องไม่ทำอะไรผมแน่ๆ

          แต่ก็แอบหวั่นนะเออ

          “รู้มั้ยกว่ากูอยากกอดมึงแบบนี้ที่สุดเลย” ไม่พูดเปล่า ยังเอาใบหน้าหล่อๆ ของตัวเองมาเกยที่ไหล่ผมอีกต่างหาก มือหนาเลื่อนมาโอบประคองแผ่นหลังผมไว้ ตัวผมนั้นเกร็งขึ้นมาทันที กอดไว้แบบนี้ไม่ได้รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้ชอบเช่นกัน

          “คือ…ตอนนี้กูต้องทำตัวยังไงวะเนี่ย”

          “หึๆ ไม่ต้องทำอะไร แค่เป็นเด็กดี แล้วฟังกูก็พอ” น้ำเสียงหัวเราะนุ่มทุ้มชวนเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างมาก แถมริมฝีปากหนายังเลื่อนมากระซิบข้างหู ผมอดที่จะขนลุกซู่ไม่ได้

          ตุบ

          ระหว่างที่กำลังตบตีกับตัวเองในใจ ร่างผมนั้นก็ถูกดันให้ล้มลงไปบนเตียง พอแผ่นหลังผมสัมผัสกับเตียงสติก็คืนกลับมา เบิกตากว้างเมื่อร่างสูงขยับขึ้นมาคร่อมไว้ เดี๋ยวๆ ท่าทางแบบนี้มันไม่ปลอดภัยแล้วจริงๆ นะ ผมรีบใช้มือดันแผ่นอกแกร่งไว้ อย่าเข้าใกล้เรากว่านี้เลย ฮืออออ

          “อาร์ค กูไม่โอเคแล้วนะอย่างนี้”

          “ให้กูบ้างไม่ได้เหรอวิป กูอยากอยู่ใกล้ๆ มึงนะ อยากทำแบบนี้มาตลอดเลย” พูดธรรมดาก็ได้ ทำไมต้องทำน้ำเสียงชวนหลงแบบนั้นด้วย แถมเวลาพูดคนด้านบนก็ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ใช้ปลายจมูกเกลี่ยเข้าที่แก้มผม

          ผมว่านะ ไอ้อาร์คมันต้องเก็บกดมาหลายอาทิตย์แล้วแน่ๆ พี่แกดูหื่นอะ ปกติออกจะเป็นคนดีเรียบร้อยและน่ารัก แล้วที่น่าแปลกใจหนักเลยก็คือ…ทำไมกูถึงได้ยอมให้มันขึ้นคร่อมขนาดนี้! โอ๊ยจะเป็นลม

          “นะครับ…”

          นะครับคำเดียวแทบจะน็อกตายคาเตียง ผมไม่ได้ใจง่ายนะเว้ย แต่มัน…มัน…

          ร่างสูงเห็นผมนิ่งไปก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สิ่งแรกที่ผมควรทำในตอนนี้ก็คือผลักมันออกไปซะ แต่ผมกลับเอาเวลาเหล่านี้มาคิดไปว่า…บนเตียง…กำลังจะจูบ…เดี๋ยวก็เลยไปไกล…ผมจะแย่…และ…

          แกร๊ก

          “เหี้ยอาร์ค!!”
          พรึ่บ! พลั่ก!!!
          “มึงกำลังจะทำเหี้ยอะไร!”

          เอ๋…

          ผมเด้งตัวขึ้นมาหลังจากรวบรวมสติได้ เหตุการณ์เมื่อกี้มันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมคิดตามไม่ทัน อยู่ๆ ไอ้กันก็เปิดประตูพรวดเข้ามา เจอฉากเด็ดเข้าพอดี นั่นทำให้ร่างสูงเลือดขึ้นหน้า พุ่งเข้ามาถีบเพื่อนรักเข้าเต็มๆ จนตกเตียง เท่านั้นยังไม่พอยังตามไปซ้ำต่ออีก

          “เฮ้ย เดี๋ยวๆ หยุดก่อน”

          ทำไมต้องมาวอร์กันในห้องของกูด้วย ผมพยายามจะเข้าไปห้ามไอ้หมาบ้าที่กำลังคลุ้มคลั่ง ทั้งคู่ซัดกันนัวเนียไม่เปิดช่องให้ผมได้เข้าไปแยกเลย

          ใจผมเริ่มเสียแล้ว จู่ๆ ก็ต้องมากลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ไอ้กันก็ไม่ฟังเสียงร้องห้ามของผมเลย อาละวาดเต็มที่ อารมณ์โกรธที่มีถูกระบายใส่ไอ้อาร์คจนหมด

          “ไอ้กัน! มึงหยุดก่อน! อย่า…” ผมหาจังหวะดีๆ แล้วรีบเข้าไปรั้งแขนร่างสูงไว้ แรงมันเยอะมากจนผมแทบยั้งไว้ไม่อยู่ ก่อนอื่นเลยต้องดึงมันออกห่างจากไอ้อาร์คซะก่อน พอเห็นว่าใบหน้าของไอ้อาร์คมีรอยช้ำและรอยแตกผมก็น้ำตาคลอมือไม้สั่น

          “ไอ้วิป ปล่อยกู!”

          “ไม่เอา เดี๋ยวมึงก็ไปต่อยมันอีก” ผมส่ายหน้ารัวๆ มือก็กอดแขนไอ้กันไว้มั่น ร่างสูงหันขวับมาจ้องหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ และพอเห็นว่าที่ดวงตาของผมกำลังเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ ก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้อีกฝ่ายหนักเข้าไปอีก

          “นี่มึงห่วงมันถึงขั้นร้องไห้เลยเหรอ!! ไหนบอกว่าชอบกูไง!”

          ห่วงพ่อง!! กูแค่รู้สึกผิด!

          “แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย เมื่อกี้มึงเข้ามาขัดรู้ตัวมั้ย” ไอ้อาร์คเช็ดเลือดออกจากใบหน้า แว่นพี่แกหล่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เจ้าตัวก็ดูไม่สนใจที่จะหา ยันตัวขึ้นมาจากพื้นแล้วนั่งลงบนเตียง คำพูดนั้นของมันยิ่งปลุกความเป็นหมาบ้าในตัวไอ้กันให้เริ่มมากยิ่งขึ้น

          “ขัดงั้นเหรอ!”

          “ไอ้กัน หยุดดดดด!” ผมต้องยื้อร่างสูงไว้อีกครั้งเมื่อกี่แกจะพุ่งเข้าใส่เพื่อนตัวเองอีกรอบ ต้องลากๆ ให้ไปยืนหน้าประตู ห่างกันไว้ยิ่งดี ผมแทบจะกอดมันไว้ทั้งตัวแล้วนะ!

          “มึงอย่ามาทำตัวเป็นหมาหวงกระดูกหน่อยเลย” เดี๋ยวอาร์ค กูไม่ใช่กระดูก ถ้าจะเปรียบแบบนี้ให้กูเป็นหมาเป๋าเหมือนเดิมดีกว่านะ

          “อาร์ค มึงก็อย่าไปพูดยั่วมันสิ” ในเมื่อห้ามทางนี้ดูจะยาก เลยต้องเปลี่ยนไปปรามทางนั้นแทน ไอ้อาร์คดูจะพูดง่ายกว่า แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ร่างสูงยักไหล่แล้วเบือนหน้าไปอีกทาง

          บรรยากาศอึดอัดมาก เป็นที่ไหนไม่เป็นนะ ทำไมต้องเป็นห้องของผมด้วย แล้วซัดกันเมื่อกี้ทำห้องรกอีกต่างหาก ใครเก็บ? กูมั้ย?

          “อาร์ค”
          “ว่าไง”

          “มึงกลับไปก่อนได้มั้ย นะ” เลือกพูดกับคนที่น่าจะพูดง่ายกว่า และที่สำคัญที่สุด…ไอ้กันคือคนที่ผมชอบ ยังไงมันต้องมาก่อนไอ้อาร์คอยู่แล้ว จริงอยู่ผมอาจจะเห็นแก่ตัว เหมือนหลอกใช้ไอ้อาร์ค แค่ยืมตัวมันมาแสดง แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนกัน ให้ไอ้กันกลับไปแล้วให้ไอ้อาร์คอยู่ต่อ ความรู้สึกที่มีต่อมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ผมไม่ได้ชอบมัน ผมชอบไอ้กัน

          ผมขอร้องอีกฝ่ายผ่านทางสายตา ร่างสูงยิ้มเศร้าออกมาแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไป ลุกขึ้นไปหยิบแว่นของตนขึ้นมา เดินตรงเข้ามาหาผม มือหนายื่นออกมาแตะที่แก้มเบาๆ

          “ขอโทษนะ” แววตาเศร้าๆ แบบนั้นเล่นเอาผมจุกไปเหมือนกัน คำพูดนั่นผมควรจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่าหรือเปล่า ร่างสูงสบตากับเพื่อนของตัวเองแวบหนึ่งก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไป

          พรึ่บ!

          ไอ้หมาบ้าที่ผมกอดอยู่หมุนตัวขวับกลับไปปิดประตูแล้วจัดการล็อกเสร็จสรรพ ไม่ถงไม่ถามเจ้าของห้องที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยสักนิด

          “ใจง่าย!”

          ห้ะ!!

          ล็อกประตูเสร็จก็หันกลับมาด่าผมด้วยคำๆ นี้ กระแทกหน้ากระแทกใจอย่างแรง ใจง่าย? กูนี่นะ? อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ ผมยืนงงไม่เข้าใจ อยู่ๆ ก็มาด่าแบบนี้มันใช่เหรอ มันน่าต่อยปากแตกมั้ยห้ะ

          “บอกว่าชอบกูแล้วเมื่อกี้อะไร บนเตียงเลย!” มือหนาชี้ไปที่เตียง แววตาโกรธจัดของมันทำเอาผมร้อนๆ หนาวๆ อยู่บ้าง ผมล่ะเกลียดอาการแบบนี้ของมันที่สุดเลย ปากยืนยันแทบตายว่าไม่ได้คิดอะไรด้วย แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับเป็นไปอีกอย่าง แล้วอย่างนี้ผมควรจะทำยังไงวะ

          “มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มึงอย่าบ้า”

          “แล้วถ้ากูไม่ขึ้นมา มันก็เกิดใช่มั้ย” ร่างสูงไม่ยอมใจเย็นฟังอะไรเลย ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพียงแค่ผมถอนหายใจก็ไปกระตุ้นต่อมโมโหของอีกฝ่ายเข้าให้อีก

          สรุปกูทำอะไรได้บ้างเนี่ย?

          “แล้วมึงจะบ้าทำไม ไหนบอกไม่ได้คิดอะไรกับกูไง” ผมกอดอกพูอตอบไป เบื่อที่จะคุยแล้วนะ ย้ำอยู่ได้ว่าไม่ได้คิดๆ แต่พอเจอเรื่องแบบนี้ก็โมโหกลายเป็นหมาบ้า กูต้องทำตัวยังไงห้ะไหนบอกสิ นู้นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ จะเข้าหาก็ทำรำคาญใส่ พออยู่กับคนอื่นก็มาโมโหใส่อย่างนี้

          “…”

          “มึงก็ตอบไม่ได้ กูเบื่อนะกันที่ต้องย้ำกับมึงน่ะ กูบอกแล้วไงว่าไม่นอกใจหรอก ไม่ว่ามึงจะคิดหรือไม่ได้คิดอะไรกับกูก็ช่าง” ดูสิ ชอบมันมาก ขนาดที่มันทำเรื่องแบบนี้ผมยังโกรธไม่ลงเลย

          “ไม่นอกใจ? เมื่อกี้จะจูบเลย คิดว่ากูไม่เห็นเหรอ”

          “ก็…”

          “มึงไม่แม้แต่จะผลักมันออก”

          “ก็กู…”

          “กูอะไร!” ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยวะ!

          “ก็กูเคลิ้ม แบบเผลอไปนิด…แบบ…ซอรี่~”

          “เฮอะ! เคลิ้มงั้นเหรอ มานี่เลย!” ร่างสูงทำหน้ายักษ์ใส่เมื่อเจอผมพูดกลับไปแบบนั้น ผมไม่ได้โกหกเลยนะ ความจริงล้วนๆ มันเคลิ้มจริงๆ นี่หว่า ก็ดูไอ้อาร์คดิ เป็นใครจะไม่เคลิ้ม พี่ท่านนุ่มนวลชวนฝันซะขนาดนั้น

          ไอ้กันคว้าตัวผมแล้วจับโยนไปบนเตียง ช่างแตกต่างจากผู้ชายอีกคนที่จับผมลงเตียงไปเมื่อไม่นานนี้ หลังแทบหัก เตียงกูไม่ได้นุ่มนิ่มนอนสบายเหมือนบ้านมึงนะ โยนลงมาได้

          พอจับผมโยนขึ้นเตียงได้เสร็จอีกฝ่ายก็ตามมาคร่อมทับ เหตุการณ์คุ้นมากเลยแบบนี้ และไม่รอให้ผมได้อ้าปากพูดอะไร ร่างสูงก็กระแทกริมฝีปากลงมาอย่างแรง ผมเบิกตากว้างช็อกโลก เฮ้ยๆ ไอ้บ้า!

          คนด้านบนไม่สนว่าผมจะมีปฏิกิริยาตอบรับยังไง บดเบียดริมฝีปากเข้ามาแบบดุดันระบายอารมณ์ ใส่ความโกรธของตนทั้งหมดรวมมาอยู่ในจูบนี้ ผมเบ้หน้าเมื่อโดนงับเข้าอย่างแรงที่ริมฝีปากล่าง มือพยายามจะดันอีกฝ่ายออกเพื่อร้องบอกว่าผมกำลังเจ็บ แต่ก็โดนมันดึงขึ้นไปขึงไว้เหนือหัว

          นี่ไง นอนจับมือกันขอแท้เลย ไม่ได้จับแบบนุ่มนวลนะ จับขึงเลยล่ะ!

          ร่างสูงทั้งเม้มทั้งกัดจนผมต้องยอมเปิดปากออก ทำให้มันนั้นสามารถแทรกลิ้นเข้ามาได้ ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงฟินตัวลอย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ มันกำลังบ้า!

          “อื้อๆๆ” ผมร้องอู้อี้ในลำคอประท้วง ไอ้กันมอบสัมผัสรุนแรงดุดันให้ผมจนรู้สึกเจ็บไปทั้งปาก ผมไม่รู้ว่าควรจะห้ามมันยังไงดี เพราะตอนนี้แม้กระทั้งร้องออกมาผมยังทำไม่ได้เลย

          “อาห์…” เมื่อทำร้ายริมฝีปากผมจนพอใจแล้วอีกฝ่ายก็ย้ายเป้าหมายไปที่ซอกคอแทน ผมขนลุกซู่ไปทั่วร่างเมื่อปลายจมูกโด่งนั่นเกลี่ยเข้าที่ผิว ซุกไซ้ซอกคอแรงๆ จนผมต้องเบ้หน้าอีกครั้ง

          “กัน…กูเจ็บ”

          ร่างสูงไม่ฟังคำผมเลยแม้แต่น้อย ยังคงหมกมุ่นอยู่กับซอกคอขาวของผม ฟันคมขบกัดลงมาเต็มแรง แถมด้วยการดูดดุนจนเจ็บจี๊ดขึ้นมา

          “เฮ้ย! พอแล้ว!” ผมเริ่มดิ้นแล้วก็ด่าตัวเองในใจไปด้วย ทำไมเพิ่งมาดิ้นเอาตอนนี้ ควรจะขัดขืนก่อนหน้านี้แล้วสิ

          ร้องห้ามยังไงมันก็ไม่หยุด ณ ตอนนี้ไอ้กันบ้าเต็มขั้นแล้ว เอาจริงๆ ผมจะยอมมันก็ได้ ถ้าเป็นไอ้กันผมยอมให้ได้อยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่มันปากแข็งไม่ยอมรับว่าชอบผม

          ถ้ายังไม่เคลียร์ให้เรียบร้อย ผมก็จะไม่ยอม

          มือหนาสอดเข้ามาภายในเสื้อ ผมสะดุ้งเฮือก จู่โจมเร็วเกินไปแล้ว! ผมเริ่มกลัวนิดๆ แล้วนะ ตั้งใจว่าจะไม่ยอม แต่ผมจะสู้แรงอีกฝ่ายได้หรือเปล่าเนี่ยสิ แถม…ร่างกายไม่รักดี! จะโอนอ่อนตามเขาตลอดเลย

          ผมกัดริมฝีปากนอนตัวเกร็ง เหงื่อแตกพลั่กๆ อย่างกับไปวิ่งมา ใจผมเต้นรัวเร็ว พยายามรวบรวมสมาธิไว้เพื่อที่จะพูดกับมัน แม่งจะเคลิ้มตามตลอด!

          “กูยอมให้มึงทำได้นะกัน” บังคับเสียงตัวเองไม่ใช่สั่น พยายามทำน้ำเสียงให้ดูจริงจังเข้าไว้ และมันก็ได้ผล ร่างสูงชะงักไปแต่ยังไม่ผละออกมาจากซอกคอ และมือก็ยังไม่ดึงกลับออกไป

          “มึงก็รู้ว่ากูชอบมึงมากขนาดไหน กูยอมได้อยู่แล้ว”

          “…” ไอ้กันไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา แต่ผละออกมาเล็กน้อยเพื่อสบตา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาดุๆ นั่น สื่อความในใจให้รู้ว่าครั้งนี้นั้นผมจริงจังมาก

          “ถ้ามึงบอกกูได้…จากใจจริงของมึง ว่าคิดยังไงกับกู ชอบกูหรือเปล่า และถ้าคำตอบของมึงคือชอบกูเหมือนกัน กูสัญญาเลย กูให้มึงได้ทุกอย่าง”

          “แล้วถ้าคำตอบคือไม่ล่ะ”

          อึก…

          “กูก็จะเลิกแล้ว พอแล้วล่ะ ถ้ามึงยังยืนยันแบบนั้นจริงๆ กูจะไม่วุ่นวายกับมึงอีก” เพียงแค่ลองถามแต่ใจผมกลับรู้สึกไม่ดีนำไปก่อนแล้ว ไม่อยากได้ยินคำว่าไม่จากปากมันเลย

          “มึงยังตอบกูไม่ได้ใช่มั้ย”

          “…” มันเงียบ

          “งั้นเอางี้มั้ย” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วดันแผ่นอกอีกฝ่ายให้ถอยออกไป ซึ่งร่างสูงก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี ดูท่าอาการหมาบ้าจะจางหายไปบ้างแล้ว เรานั่งจ้องตากัน ผมบีบมือตัวเองแน่น ผมกลัว อย่างที่พูดไป ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามันไม่คิดอะไรจริงๆ ผม…จะไม่ตามแล้ว

          “ก่อนวันหยุดยาว…อาทิตย์นึงพอดี กูให้เวลามึงกลับไปถามใจตัวเองดู คิดดูให้ดีๆ ว่ามึงชอบกูจริงๆ หรือแค่…แค่หวงของ เพราะกูตามตื๊อมึงอยู่บ่อยๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้ ถ้าคำตอบของมึงคือไม่…กูจะถอย” พูดไปเรื่อยๆ เสียงของผมก็เริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ดวงตาร้อนผ่าว น้ำใสๆ เอ่อคลอขึ้นมา ทำไมต้องร้องด้วยวะเนี่ย

          ผมกลัวจริงๆ นะ กลัวที่จะไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันอย่างนี้อีก

          ผมชอบมันมาก ชอบมากจริงๆ นะ แต่ถ้าให้ตื๊อต่อไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน

          “กูจะไปเอาคำตอบที่บ้านของมึง ตอนสองทุ่มก็ได้เวลากำลังดี ถึงเวลานั้นมึงคงมีคำตอบให้กูนะ” ผมปาดน้ำตาทิ้งแล้วฝืนยิ้มให้ ไอ้กันมันนิ่งจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูก เลยเบือนหน้าหนีไม่มองดีกว่า

          “แล้วถ้าเกิดกูไม่อยู่ที่บ้านตอนนั้นล่ะ”

          “ฮึก…กูก็จะรอ รอให้มึงกลับมา” ผมสูดน้ำมูกยกใหญ่แล้วหันกลับไป

          “…”

          “แต่ถ้ามันนานเกินไป มึงไม่กลับมา หรือไม่มีคำตอบให้กู…กูจะไม่รอแล้วนะ”


_______________________________________





ออฟไลน์ Misakiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :m16: :m16: :m16: เคืองกันๆมากเลยค่ะ มาทำแบบนี้กับวิปได้ไง ตัวเองยังไม่เคลียร์เลยนะ หึ! ทำมาเป็นหึง แค่ใจตัวเองก็ยังไม่รู้ สงสารวิปมากอ่ะ เลิกตามก็ดีเหมือนกันนะ
ปล. หากพี่อาร์คไม่มีใคร มาหาเราให้ดามใจก็ได้ 55555

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ๊ย กันๆขัดใจอ่ะ วิปไม่ชอบพี่อาร์ค งั้นเราขอได้มั้ย  :-[

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ฮือออพี่อาร์คคู่กับเราก็ได้เราว่างง555555
คือเป็นคนยังไงทำไมไม่สนใจคู่พระเอกนายเอก55555

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
เคืองกันๆเหมือนกันค่ะ หมาบ้าจริงๆ

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2023
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
เบื่อกัน ไม่ชัดเจนเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด