พิมพ์หน้านี้ - จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Ranmaru ที่ 23-10-2015 16:19:08

หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 23-10-2015 16:19:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



================================


หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [บทนำ] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 23-10-2015 16:22:00


บทนำ

 

 

                ผม…เป็นคนรักเพื่อน


                ทำเพื่อเพื่อนได้ทุกอย่าง (ยกเว้นให้ยืมตังค์)


                เวลาเพื่อนเดือดร้อน ผมก็จะคอยช่วย (สมน้ำหน้า)


                เวลาที่มันต้องการความช่วยเหลือ ผมก็เป็นคนดี (หนีหายตลอดเวลา)


                ถุ้ยยยยย!


 

                ไม่ใช่แบบน้านนนนน ผมรักเพื่อนครับ จริง ๆ เลย


                ไม่ใช่ว่าแอบรักเพื่อนอะไรแบบนั้นนะ เพื่อนผมที่คบอยู่แม่งไม่น่าหลงไปรักได้เลย จริง ๆ


                ในเวลาบ่าย ๆ ฟ้ากำลังมืด ๆ เหมือนฝนกำลังจะเทลงมา ผมกำลังนั่งมองใบหน้าสวยจัดของเพื่อนสาวหนึ่งเดียวของผม แม่คุณกำลังจิ้ม ๆ โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดด้วยท่าทางเบื่อ ๆ ดวงตาคมสวยกรีดตาซะคมกริบ ผมยาวสวยสีน้ำตาลเข้ม ริมฝีปากเล็กนิดเดียว และบางยิ่งกว่าผ้าอนามัยที่เคยเห็นในโฆษณา เอาจริงผมเกือบซื้อของจริงมาดูละ ว่าแม่งบางจริงหรือเปล่า แต่พอไปที่ร้านจริง ๆ แม่งตาลาย เหี้ยไรหลากหลายยี่ห้อ หลายแบบเกิน กูนึกว่าลูกอม ห่า!


                กลับมาเรื่องเพื่อนผมต่อ ไอ้นานา…มันเป็นคนสวย สวยมากกก สวยสัด ๆ (กูชมมึงนะนา) แต่มันไม่มีแฟน!


                มันชอบนั่งหงอย ๆ เวลาเห็นคู่หนุ่มสาวเดินด้วยกัน หรือเวลาแฟนเขางุ้งงิ้ง ๆ กัน


                ผมสังเกตมันหลายทีละ ดูก็รู้ว่ามันเหงา สวย ๆ อย่างมันยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน แล้วคนมาจีบน่ะเหรอ…


                …ไม่มี!!


                เพราะแบบนี้ไงมันถึงได้เหี่ยวอยู่ทุกวันนี้ อะหื้อออออ บ่งบอกให้รู้ว่าสวยก็ใช่จะหาผัวได้


                เป็นเพราะมันสวยไง สวยเกินไป แถมการแต่งหน้าของมันก็ทำให้มันดูสวยดุ ดูหยิ่งเพิ่มขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ไม่มีใครเข้าหามันหรอก


                เคยเป็นกันมั้ยล่ะ ที่เวลาเห็นคนสวย ๆ แล้วต้องคิดไปว่าเขามีแฟนแล้วแน่ ๆ แม่งไม่เหลือให้กูแดกหรอก


                นั่นแหละ ทุกคนที่เห็นมันคิดแบบนั้น แม่คุณเลยยังไม่มีใครมาสอยไป


                โถ ๆ ช่างน่าสงสารจริง ๆ


                “มึง” ผมเอ่ยปากเรียกมันหลังจากนั่งมองมันจนมันแทบจะท้องแล้ว


                “อะไร”


                “มึงหาแฟนได้ยัง” โอ๊ะโอ้วววว เหมือนจะไปสะกิดติ่ง (?) อะไรสักอย่างในตัวของมันขึ้นมา แม่งตวัดสายตามาจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ใจเย็นนะวัยรุ่น กูไม่สู้คนนะกูไม่สู้คน


                “ถามทำส้นตีนอะไร!” เสียงหวาน ๆ แม่งไม่เข้ากับคำพูดมึงเลยนา


                “เอ้า เห็นนั่งหงอย ๆ ก็เลยอยากรู้ ถ้ายังไม่มี กูช่วยหามั้ย” น้ำใจประเสริฐจริง ๆ กู


                “เสือก!!”


                ฉิบหาย! คนอุตส่าห์หวังดี


                ผมบอกไว้ ณ ที่นี้เลยนะ ภายนอกไอ้นานามันอาจจะดูหยิ่ง ๆ ไม่น่าคบ แต่ตัวตนจริง ๆ ของมันน่ะ…ก็ไม่น่าคบนั่นแหละ อะหื้อออออ แม่งปากหมาที่หนึ่ง ผมไม่เคยด่าทันมันอะ ร้ายกาจอย่าบอกใคร พร้อมจะกลายร่างเป็นเดอะฮัคได้ทุกเมื่อถ้ามันพิโรธ


                คิดดีแล้วล่ะทุกคนที่ไม่เข้าหามัน


                ไอ้นานามันฮึดฮัดอารมณ์เสียเบา ๆ แล้วกลับไปนั่งจิ้มโทรศัพท์ของมันต่อ เห็นเพื่อนหงอยเหงามันก็ไม่โอเคนะเว้ยบอกเลย และแล้วความคิดอันแรงกล้าของผมมันก็ผุดขึ้นมาพร้อม ๆ กับผมที่ผุดลุกขึ้นยืนตบโต๊ะเสียงดัง


                เจ็บมือฉิบหาย


                “กูตั้งใจละ”


                “กูไม่ได้ถาม มึงจะไปไหนก็ไป” บางทีผมก็สงสัยนะ เป็นเพราะผมรักเพื่อนมากเกินไปเลยทำให้ความรักของพวกมันที่มีต่อผมมันเลยดูน้อย ๆ หรือว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้รักผมเลยกันแน่


                “รับรองมึงต้องขอบคุณกู” ผมพูดจบก็เดินแยกออกมา จุดหมายของผมคือตึกคณะที่อยู่ไกลออกไปจากคณะผมพอสมควร กว่าจะถึงก็เล่นเอาหอบแดก อากาศก็ร้อนอบอ้าว เดินไปที่ประจำที่เพื่อนผมมันชอบสิงอยู่ และก็ไม่ต้องมองหาให้เสียเวลา มันกำลังนั่งใช้นิ้วมือแตะลงบนกลีบดอกไม้อย่างเบามือ สายตาฉายแววของความรักท่วมท้น


                ถ้ามันเอาดอกไม้เป็นเมียผมจะไม่สงสัยอะไรเลย


 

                “ไอ้ตอง! หันมาหากูสิเบบี๋” ผมเรียกมันเสียงดัง ไม่ต้องเกรงใจใครหน้าไหนเพราะตรงนี้มีแค่มันอยู่คนเดียว ไอ้ตองละสายตาจากดอกไม้สุดที่รักของมัน หันมาหาผมด้วยสายตาไม่พอใจ


                แต่กูไม่สนใจ อะหื้อออออ


                “มานี่ กูมีเรื่องจะถาม”


                มันทำหน้าเซ็งแต่ก็ยอมเดินมานั่งคุยกับผม เออ! งี้ดิถึงจะเรียกว่าเพื่อนที่ดี


                “มึงมีอะไร”


                “กูอยากรู้ ใครในมหาลัยนี้ที่หล่อสุด ๆ…”


                “ก็เดือนไง” มันตอบเสียงเบื่อหน่าย เหมือนอยากจะบอกว่าเรื่องแค่นี้มึงไม่น่าถาม ผมจิ๊ปาก


                “เออ อันนั้นกูก็รู้ แต่มึงงงงง…ใช่ว่าเดือนมันจะต้องหล่อไปหมดนะเว้ย ดูอย่างกู หล่อ ๆ แบบนี้ยังไม่ได้เป็นเดือนเลย” พูดจบผมก็รู้สึกได้ว่าเพื่อนรักผมมันเบะปากให้เป็นการตอบรับทันที


                “มึงกลับไปหลงตัวเองที่บ้านนะ แล้วจะไม่มีใครว่ามึง และมึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ จะเอาหล่อแบบไหนล่ะ”


                “เอาแบบหล่อสัด ๆ ดูดีเหี้ย ๆ เอาแบบให้เหมาะกับไอ้นา…”


                “คนอย่างไอ้นาไม่เหมาะกับใครทั้งนั้น แม่งเหมาะที่จะขึ้นคานแล้วตายจากโลกนี้ไปอย่างโดดเดี่ยว!” ไอ้ตองรีบสวนกลับด้วยท่าทีขึงขัง ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองมันที่อยู่ ๆ ก็อารมณ์ขึ้น ผมพอจะรู้ ไอ้ตองมันขยาดไอ้นาอยู่หน่อย ๆ มันเคยโดนแม่คุณว้ากใส่


                “มึงรู้อะไรมั้ย” ผมถาม


                “อะไร”


                “ไอ้นาเดินมาข้างหลังมึงน่ะ”


                “กูไม่ได้พูดอะไรนะ!” มันรีบแก้ตัวเสียงร้อนรน หันขวับกลับไปด้านหลัง แต่ก็ไม่เจอคนที่ผมบอก ควาย! โดนกูหลอก


                “คืนนี้หลับระวังนะสัด กูจะปีนไปฆ่ามึง”


                ปีนมาเลย หน้าต่างห้องกูมีลูกกรง


                “อย่าให้มากเรื่อง กูมีอะไรต้องทำอีกเยอะ บอกมาใครที่พอจะใช้ได้บ้าง” ไอ้ตองมันทำท่านึก ผมก็นั่งรออย่างลุ้น ๆ จะไม่ให้ลุ้นได้ไงวะ คนที่ไอ้ตองมันบอกจะเป็นคนที่ผมต้องไปจีบให้เพื่อนเลยนะเว้ย


                “กัน”


                “ใครวะกัน” ผมถามกลับไปหน้าเอ๋อ ๆ แค่ชื่อกูยังไม่เคยได้ยินเลย แม่งไม่ดังชัวร์ ๆ ท่าทางจะหน้าตาไม่ดี ห่าน! กูบอกให้หาคนหล่อ ๆ ที่เหมาะสมกับไอ้นานา มึงเสนอใครมา


                “เรียนอยู่คณะกูนี่แหละ”


                “แล้วไงวะ มันเป็นเดือนมหาลัย”


                “หึ! ไม่ใช่อะ” ไอ้ตองส่ายหน้าซื่อ ๆ ผมแทบจะยื่นมือไปตบหน้าผากมัน มึงช่วยรับรู้กับกูด้วย กูเอาคนหล่อ รวยด้วยยิ่งดีไอ้นาแม่งใช้เงินเก่ง นี่ผมคิดดีแล้วใช่มั้ยมาหาไอ้ตองเนี่ย ไม่น่าเลย แม่งก็สนใจอยู่แต่กับดอกไม้ทั้งหลายแหล่ของมันนั่นแหละ


                “เป็นเดือนคณะ?”


                “ก็ไม่ใช่อีกอะ”


                “งั้นมึงก็เอาไอ้กัน ๆ ของมึงเก็บเข้าเซฟไปเลย เหี้ย! เสนอเหี้ยไรของมึงงงง เสียเวลานั่งฟัง โด่ว”


                “มึงก็ฟังก่อนดี้ ฟายยย ไม่ฟังให้จบมึงก็แพล่มอยู่นั่นแหละ ปากมากเหมือนเคย พี่กันเป็นคนธรรมดานี่แหละ ไม่ใช่เดือนไม่ใช่คนดังอะไรของมหาลัย แต่ก็มีคนพูดถึงเยอะอยู่ พี่แกหล่อมากกกกกก หน้าออกไปทางโหด ๆ ตาอย่างดุ ตาขวางตลอด…”


                “แม่งเป็นหมาบ้าเปล่าวะ ตาขวางตลอดเนี่ย” ผมขัดขึ้น ไอ้ห่านั่นคนใช่มั้ยบอกกูมา นี่ถ้าน้ำลายฟูมปากหน่อยนี่ใช่เลย


                “กูว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง พี่แกหน้าดุไง เหมือนหมาบ้าแบบที่มึงบอกนั่นแหละ เลยทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วยเท่าไหร่ บางคนก็บอกพี่แม่งโหดมาก” ผมไม่ค่อยอินว่ะ แต่คนที่อินดูจะเป็นไอ้ตอง มึงเพ้อมากหน้ามึงเนี่ย


                “โหดนี่แบบไหนวะ ตบเด็ก เตะหมา ด่าแม่ชีไรงี้ปะ”


                “อันหลังก็บาปไป”


                “กูว่านะ เอาคนนี้ไปให้ไอ้นา แม่งหนังฆาตกรรมชัด ๆ” คิดเล่น ๆ แล้วก็อดสยองไม่ได้ ไอ้หมาบ้านี่ก็โหด ไอ้นาก็ไม่ธรรมดา ผู้ชายแม่งก็พร้อมชน


                “กูเคยได้ยินคนเขาพูดกัน อยู่ใกล้ ๆ พี่มันแล้วหนาวสั่นตลอด”


                “ทำไม มันเป็นเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ไงสัด”


                “ไอ้สัด! ช่วยอินกับเรื่องที่กูพูดด้วย มึงนี่ก็จะเอาฮาอย่างเดียว ไม่ต้องเสียเวลานั่งฟังละ ไปเจอตัวจริงเลยดีกว่า” หา! เฮ้ย! เดี๋ยวครับเพื่อนรัก มึงก็รีบเนอะ ทำไม จะรีบไปไหน กลัวที่บ้านไม่เหลือข้าวให้กินไง


                มันลากผมให้เดินตามมาที่ด้านหลังคณะมัน จำได้ว่ามีบ่อเลี้ยงปลาอยู่ และมันก็ใช่จริง ๆ ด้วย ไอ้ตองหยุดเดินแล้วชี้นิ้วออกไป


                “มึงเห็นนู่นมั้ย”


                “ใครวะ” ผมถาม ยืนอยู่ตั้งไกลกูจะมองเห็นอะไรได้วะ


                “คนแน่ ๆ ไม่ใช่หมาป่า” ผมทำหน้าเอือมใส่มัน มึงก็ยังจะเล่นเนอะ ห้าบาทสิบบาทก็เล่น ๆ ไป


                “กูรู้ หมาป่าบ้านไหนมันยืนสองขาได้แบบนี้”


                “หึ! นั่นไง พี่กัน คนที่มึงอยากจะเจอน่ะ” มันบอกแล้วพยักพเยิดไปที่ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่มันกำลังยืนทำมิวสิควิดิโออยู่ เท่เหลือเกินเนอะพ่อคุณ ยืนอยู่หน้าบ่อปลาเนี่ย


                แต่เดี๋ยว…ไอ้วิปยังไม่พร้อมนะหื้ออออ วันนี้ตั้งใจมาหาเป้าหมายเฉย ๆ




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [บทนำ] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 23-10-2015 16:40:13
ปาดมั้ยเนี่ยยยย
 :katai1:
แต่รอติดตามจ้าาาา
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [บทนำ] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: MewSN ที่ 23-10-2015 16:41:59
ชอบอ่ะ #ปูเสื่อรอพี่กัน #ทีมเมะ
 :hao6: :mew1: :hao3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [บทนำ] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: choinudee ที่ 23-10-2015 17:04:37
ฮาดี ชอบๆ ต่อปากต่อคำได้ถึงใจมาก555

รอติดตามจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [บทนำ] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 23-10-2015 17:24:11
น่าสนุกจัง แอบค้างเบาๆ
ติดตามนะคะ
 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [บทนำ] [23 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 24-10-2015 15:42:54
จะเป็นพ่อสื่อ ได้เองชัวร์ อิอิ
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 1] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 25-10-2015 19:33:07


ตอนที่ 1



 

 

                กระผม…วิป ผู้ชายหน้าตา…เอิ่มธรรมดา ๆ สูงร้อยเจ็ดสิบนิด ๆ หน่อย ๆ มีดีตรงที่โคตรจะขาว นอกนั้นไม่มีอะไรดี กำลังกลืนน้ำลายลงคอ มองไอ้คนที่มันยืนนิ่งสงบอยู่หน้าบ่อปลา


                “เข้าไปดิมึง ทำความรู้จักไง” ไอ้ตองมันดันหลังผม


                “มึงก็ใจเย็นดิวะ กูกำลังใช้สมองประเมินไอ้นั่นอยู่” ถุ้ย! ใช่ซะที่ไหนกันล่ะ ผมกำลังขาสั่น ไอ้ห่า มองไกล ๆ แบบนี้ยังรู้เลยว่าแม่งหน้าโหดแค่ไหน กูเดินเข้าไปทักมันไม่งับหัวกูเลยหรือไง


                “งั้นมึงประเมินไปนะ กูกลับล่ะ”


                อ้าวเฮ้ย ทิ้งกู!


                “มึงจะรีบไปไหนวะ อยู่กับกูก่อน เพื่อนกัน ๆ”


                “เรื่องดิสัด พี่แม่งน่ากลัว กูไม่เอาด้วยหรอก เชิญมึงไปตายคนเดียว ขอให้มึงไม่ได้แผลนะ แล้วถ้าเกิดได้ ก็ขอให้มึงไม่ตาย” มันว่าจบก็เดินแยกออกไป กูสงสัยว่ามึงเป็นห่วงกูจริงหรือเปล่าวะ


                ผมหันกลับไปมองไอ้นั่นอีกครั้ง สูดหายใจเข้าลึก ๆ จริง ๆ เป็นคนไม่เคยกลัวอะไรนะ เกิดมาจากท้องแม่ก็มีสิ่งที่กลัวไม่กี่อย่าง อย่างแรกคือผี แต่ตอนนี้เริ่มหวั่นไอ้คนข้างหน้านี่ละ


                ผมเดินเข้าไป พ่อคุณก็ไม่มีหันมามองเลยนะว่าผมเดินเข้ามาหาน่ะ สายตาเหม่อมองออกไปที่บ่อปลาแสนสุข กูรู้มึงไม่ได้อารมณ์ศิลปินหรอก มึงจะขโมยปลาเขาไปแดกใช่มั้ยบอกกูมา


                “เฮ้ยนี่ หวัดดี” ร้องทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรสุด ๆ ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทั้งปาก แต่ไอ้บ้านี่มันกลับหันมามองด้วยสายตาที่ด่าว่ามึงเป็นใคร เสนอหน้ามาทำด๋อยอะไร


                “หวัดดี เราวิป นายล่ะ” สุภาพไว้ก่อน ที่บ้านสอนมาดี


                “…” แน่ะ ไม่ตอบ


                “เอ้า นิ่ง ๆ แนะนำตัวดิ เร็ว” ผมเร่งมัน แอบเห็นว่าคิ้วเข้ม ๆ ของพ่อคุณกระตุกนิด ๆ แน่ะ ๆ เริ่มอยากทำความรู้จักกับกูแล้วใช่มั้ยล่ะ กูน่ะเป็นมิตรกับทุกสิ่งบนโลกนะเว้ย


                “กัน ปีสาม”


                “เฮ้ย! เท่ากัน ๆ กูปีสอง เพื่อนกันได้มึง” ผมยิ้มกว้างอีกรอบ ตบไหล่หนาของไอ้กันดังเพี้ยะ ไม่สนใจสายตาชวนขนลุกนั่น สนทำไมล่ะวะ สนกูก็กลัวดิ โด่ว!


                “คืองี้นะเว้ย…อ้าวเฮ้ย! เดี๋ยวดิ ฟังกูก่อน” กำลังจะบอกสิ่งที่ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ แต่ไอ้บ้านี่แม่งกลับหันหลังจะเดินหนีซะงั้น ผมร้องเรียกแล้วดึงแขนมันเอาไว้ก่อน จับไว้เลยด้วยไม่ปล่อยกันมันหนี


                “ไรว้า คนพูดด้วยแล้วเดินหนี มีมารยาทปะเฮ้ย”


                อูยยยยยย เพียงแค่ด่าก็ได้รับสายตาอาฆาตจากไอ้หน้าโหด ผมฉีกยิ้มไม่สะทกสะท้าน เราจะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง และขาเราก็ต้องนิ่งด้วย แต่ถึงจะนิ่งผมก็พร้อมที่จะวิ่งถ้าเกิดว่าไอ้หมาบ้าตรงหน้านี่มันจะเตะผม


                “เข้าเรื่องเลยแล้วกัน มองหน้ามึงกูก็รู้แล้วว่ามึงอยากรู้มาก เฮ้ยแต่เดี๋ยวก่อน มึงมีแฟนยังวะ” เขาต้องเก็บข้อมูลเป้าหมายไว้ด้วย เกิดมันมีฟงมีแฟนแล้วไอ้นานาก็แย่น่ะสิ ผมก็ไม่อยากจะให้เพื่อนรักของตัวเองต้องกลายเป็นมือที่สามแบบไม่รู้ตัวหรอกเนอะ


                แต่เอาเหอะ มีแล้วเลิกได้ กูมั่นใจ เพื่อนกูสวย


                “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถอนแบบใส่หน้ากันเลย เล่นเอาซะหน้าม้ากูปลิวไอ้ฉิบหายยยยยย เท่านั้นไม่พอ พี่แกยังยื่นมือออกมา แล้วผลักหัวผมให้ขยับหลบจากทาง แล้วจะเดินหนีอีกครั้ง


                กลัวกูล่ะสิมึง


                “เดินหนี ๆ โด่ว ไม่ใจนี่หว่า แค่คุยแค่นี้ยังไม่กล้าเลย ที่ใคร ๆ บอกว่าโหดนี่ท่าทางจะไม่จริงสินะ หู้ยย ๆๆ” ผมส่งเสียงกวนตีนตามแผ่นหลังกว้างไป เลอะเทอะได้อีกนะกู แต่ไอ้ใคร ๆ ที่ว่าก็รู้สึกจะมีไอ้ตองคนเดียวเองนะ แต่เออ…ช่างเหอะ มันไม่รู้หรอก


                พอผมกวนตีนมันจบ ขายาวก็ชะงักหยุดเดิน ผมเริ่มเหงื่อตก รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่เข้ามาใกล้ ไอ้หน้าโหดหมุนตัวกลับ สายตาดุ ๆ มองมาทางนี้ เฮ้ย ๆ บ่อปลาน่ามองนะ หันไปดิ


                “ฮะ…เฮ้ย ๆๆ!! อย่าเข้ามานะเว้ย เรียนมวยมาสองปีกว่านะเว้ย” ผมถอยหลังตั้งการ์ด ถอยหนีอีกนิดหลังกูติดต้นไม้แล้วนะเว้ย


                ไอ้พี่กันปีสามหน้าโหดไม่กลัวคำขู่ผมเลยสักนิด สาวเท้าก้าวเข้ามาเรื่อย ๆ ทางหนีกูอยู่ไหนใครรู้ชี้บอกกูที เหี้ยละ หรือกูต้องโดดลงบ่อปลา?


                ถุ้ยเหอะ! สมอง!


 

                พรึ่บ

 


            เอ๋…อ้าว


                ผมเผลอร้องในใจอย่างเหวอ ๆ ก็เมื่อกี้ไอ้โหดมันขยับเข้ามาตรงหน้า เข้ามาซะชิดเลยพ่อคุณ ไอ้เราก็นึกว่าจะโดนต่อยข้อหากวนเบื้องล่าง แต่เปล่าเลย พี่แกเอื้อมมือไปด้านหลังผม แล้วหยิบ…อาหารปลาที่แขวนอยู่กับต้นไม้


                ห่านจิก กูก็หลับตาเตรียมพร้อมอย่างดี เสียรมณ์!


                แล้วก็เข้าสู่โหมดเมินผมแบบจัดเต็มอีกครั้ง พี่แกเดินไปให้อาหารปลาอย่างเป็นกันเอง ส่วนไอ้วิปที่ยืนอยู่ข้างหลังก็คิดเสียว่าเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก


                มันใช่มั้ยล่ะหื้อออออ


                “กูรู้มึงฟังกูอยู่กูมั่นใจ คืองี้นะเว้ย กูมีเพื่อนจะมาแนะนำมึงคนหนึ่ง สวยมาก มึงเห็นแล้วมึงต้องตะลึง โสดด้วย กูเลยอยากจะมา…อะแน่ะ! มีเหล่มามอง สนใจแล้วอะดี้” ผมแพล่ม ๆ ไปก่อนจะหยุดแล้วยิ้มล้อมันเมื่อพี่แกเหล่ตามามอง ใจกล้าหน้าด้านเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ


                เพิ่งรู้วันนี้แหละว่ากูเตี้ย ปกติก็คิดว่าตัวเองสูงมาโดยตลอดนะ


                “สนใจเปล่า”


                “…”


                กูคุยกับคนใบ้เปล่าวะ


                “กูมองตามึงกูก็รู้ว่ามึงสนใจ เอางี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอารูปมาให้มึงดู มึงกับกูมีนัดกันแล้วนะ มึงมีอะไรอยากจะพูดมั้ย” ไอ้กันมันทำหน้าแบบกูไปตกลงกับมึงตอนไหน ให้อาหารปลาจนหมดถุงมันก็หันมามองผมแบบเต็ม ๆ ตาเป็นครั้งแรก ปลื้มปริ่มน้ำตาจะไหล


                “ก็มี”


                “ว่ามา กูคนดี กูรับฟังทุกเรื่อง เยอะมั้ยเดี๋ยวจะได้หาน้ำกินก่อน” หูยยยยย สายตาโหด ๆ มาอีกแล้ว ผมล่ะกลัวว่ามันจะถีบผมตกบ่อปลาจริง ๆ นะ เหมือนจะสะกิดใจอยู่ว่ากวนตีนมันไปหลายทีละ


                พรึ่บ


 

                “ฝากทิ้งด้วย”


 

                เห? ขยะ?


                ร่างสูงยัดถุงขยะ (ถุงอาหารปลา) ใส่มือผมก่อนจะหันหลังเดินออกไปเลยโดยไม่มีคำร่ำลาที่ดีกว่าฝากทิ้งด้วย ผมยืนเอ๋อมองของในมือ กะพริบตาปริบ ๆ กูตามมึงไม่ทันหรือว่าอะไร


                แล้วสรุป…กูกับมึงใครกวนตีนกันแน่เอาดี ๆ



…………………………..




                พอตอนเย็นผมนั่งรถเมล์กลับบ้านหลังจากยืนเอ๋อพร้อมกับขยะในมือ เอาจริง ๆ ที่ไปหาไอ้ตองวันนี้ก็ไม่เสียเปล่านะเฮ้ย ได้เป้าหมายมาแล้ว หน้าตาก็โอเค ตัวสูงฉิบหาย หุ่นก็น่าจะดี…มั้ง อันนี้ไม่ค่อยได้มอง และอีกอย่างที่ได้มาชัวร์ ๆ เลยก็คือ…ขยะ


                สุขใจมั้ยล่ะกู


                ดีหน่อยที่ขึ้นรถเมล์จากหน้ามอมาจอดหน้าปากซอยบ้านพอดี สะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว อย่าได้ฝันว่าจะมีรถเหมือนคนอื่นเขา ปู่ขี้เหนียวต้องทำใจ จากปากซอยเข้าไปในบ้านก็ไกลอยู่นะถ้าเดินเอาน่ะ แต่เดินประจำแล้วไง มันเลยชิน


                พอลงจากรถมาปุ๊บพี่วินที่เห็นผมเป็นประจำก็ร้องทักทันที


                “น้อง! วินเปล่า”


                “ไม่เป็นไรพี่ ผมเกรงใจ”


                อะไรวะ คนเขาอุตส่าห์เกรงใจกลับทำหน้าเอือมใส่ซะงั้นอะ มันใช่มั้ยหื้ออออ ผมส่ายหน้าแล้วเดินเข้าซอยมา เงยหน้ามองท้องฟ้าก็เริ่มหวั่น ๆ ขอกูเดินให้ถึงบ้านก่อนนะแล้วค่อยตก ผมอยู่บ้านกับปู่สองคน ผมเป็นลูกคนเดียว แหมะ…คนเดียวก็เฟี้ยวได้


                แม่มีแฟนใหม่ หล่อและรวยมาก ชีวิตดี๊ดีไปแล้ว ที่บ้านผมทำบริษัทรับติดตั้งกล้องวงจรปิด ตอนแรกปู่ก็เป็นคนดูแลแหละ แต่แก่ไงตอนนี้ (หึๆ) เลยต้องเปลี่ยนไปให้ลุงเป็นคนทำแทน


                ส่วนพ่อผมน่ะเหรอ…เข้าป่าครับ


                “ปู่~ กลับมาแล้ววววววววว” เดินเข้ามาในบ้านก็ทักทายปู่เสียงดัง ปู่ที่นั่งดูทีวีอยู่หันมาชักสีหน้าใส่ แหมะ…ต้อนรับหลานกลับบ้านด้วยท่าทางใจดีอะไรแบบนี้


                “หิวข้าวอะปู่”


                “เรื่องของมึง” อะ…อ้าว ผมหน้าเหวอ นี่จะอ้อนซะหน่อย สวนกลับมาซะไร้เยื้อใยเลย โถปู่ นี่หลานนะหลาน ทำงี้ได้ไง ผมกระดื๊บเข้าไปนั่งข้าง ๆ กอดหมับเข้าที่แขน เอาหัวถูไถอย่างน่ารัก


                “ไอ้วิป หัวมึงเหม็นมาก! สระผมครั้งล่าสุดเมื่อไหร่วะ อี๋! อย่ามากอดกู” สาบานว่านี่คือคำพูดของคนเป็นปู่ที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ ผมทำหน้าเซ็ง อยากจะจับผมตัวเองมาดม ๆ เหมือนกัน แต่สั้นไง เลยไม่รู้ แล้วอีกอย่างนะ…


                “สระวันที่แล้วเองปู่ สระบ่อยเปลืองยาสระ เป็นไง ช่วยปู่ประหยัด หลานที่ดี ปรบมือสิรอไร”


                “งั้นต่อไปนี้มึงแดกวันละมื้อแล้วกัน ช่วยกูประหยัด”


                “หื้ออออออ สระผมต้องสระทุกวันนี่หว่าปู่! ไม่ได้ละไม่ได้ ไม่งั้นสกปรกแย่เลย จะมาประหยัดอะไรกับเรื่องแค่นี้ สระแม่งทุกวันไปเลย เนอะปู่~” ฉีกยิ้มกว้างไปอีกรอบ เมื่อกี้คุยเรื่องไรกันไม่รู้ ผมลืมหมดแล้ว


                “หึ” ปู่หัวเราะก่อนจะลุกขึ้น


                “ไปไหนอะปู่”


                “คลุกข้าวให้หมามันกิน”


                “ขอตับเยอะ ๆ นะปู่”


                “ตับไม่มี มีแต่ตีน มึงเอามั้ย”


                “มิอาวววว~” ผมส่ายหน้าอย่างกวนตีน และปู่ก็คงจะเบื่อที่จะเถียงเลยเดินหายเข้าไปในครัว ส่วนผมก็ย้ายตัวเองออกมานั่งเล่นหน้าบ้าน นั่งไปได้ไม่เท่าไหร่ สายฝนก็เทกระหน่ำลงมา โชคดีจริง ๆ ที่ผมกลับมาถึงบ้านก่อน ไม่งั้นเละแน่ ๆ


                ผมลุกเดินจะออกไปปิดประตูเหล็กหน้าบ้าน แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดนักศึกษากำลังวิ่งเหยาะ ๆ อยู่ข้างทาง พยายามเลาะไปแบบให้ตัวเองเปียกน้อยที่สุด


                มันคือไอ้หน้าโหดกันปีสาม


            มันมาทำอะไรแถวนี้ บ้านมันอยู่แถวนี้เหรอวะ


                ผมยืนเอ๋อ สมองกำลังประมวลผลอยู่ แต่แล้วก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา เราต้องสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเป้าหมายของเราไว้หน่อย เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็หันไปคว้าร่มออกมากาง วิ่งออกไปคว้าแขนหนาเอาไว้


                “เฮ้ย จำกูได้เปล่า”


                “มึงเป็นใคร แล้วก็ปล่อยกูด้วย”


                อะไรวะ เจอกันยังไม่ทันข้ามวันเลย มึงลืมกูซะงั้นอะ


                “กูวิปไง จำไม่ได้เดี๋ยวกูก็ไปคุ้ยขยะมาคืนมึงซะเลยหนิ แล้วนี่มึงอยู่ในซอยนี้เหรอวะ ทำไมกูไม่เคยเจอมึงเลย แล้ว ๆ บ้านมึงหลังไหนวะ ไกลจากบ้านกูเปล่า เข้ามานั่งเล่นในบ้านกูก่อนได้นะเว้ย” เชิญชวนด้วยไมตรีจิต แต่พี่แกกลับถอนหายใจใส่หน้าผมเฮือกใหญ่แล้วยืนนิ่ง…แบบไม่กลัวฝนอีกต่อไป


                และพอผมเงยหน้าขึ้นไป แหะ ๆ สายตาดุโหดมากครับพี่น้อง


                “เอ่อ…ร่มมั้ย”


                “ไม่ทันละ” เสียงนิ่งมาเลย


                “เอ้ออออ เนอะ เปียกไปแล้วนี่หว่า” ผมยิ้มแล้วหัวเราะแห้ง ๆ จากการที่ผมรั้งพี่แกไว้ ทำให้พี่แกเปียกไปทั้งตัว ส่วนผมน่ะไม่เป็นไรเพราะอยู่ในร่ม แบบนี้มัน…ความผิดกูเปล่าวะ


                “เดี๋ยวเดินไปส่งบ้านเอาปะ” ผมเสนออย่างรู้สึกผิด พี่แกส่ายหน้าเอือม ๆ ดึงแขนตัวเองกลับไป


                “เข้าบ้านมึงไป เหี้ย!”


                “โอเค~” ผมพยักหน้ารับเสียงอ่อน ทำตาใสซื่อเข้าไว้ ไอ้กันถอนหายใจใส่ผมอีกครั้ง แหม ไม่บ่งบอกเลยเนอะว่าเอือมกูเนี่ย แต่กูบอกเลยกูไม่สนใจ


                “เฮ้ยมึง! อย่าลืมนะเว้ย นี่บ้านกู มีไรมาหาได้ตลอด”


                ผมตะโกนบอกมันพร้อมกับชี้มือไปที่บ้าน พี่แกก็ไม่มีหันมามองหรอก แม่งนิสัยเสีย โด่ว~



………………………………….


                หลังจากทำอะไรเสร็จ อาบน้ำเรียบร้อยก็เป็นเวลาของการคิดแผน จะจีบไอ้กันให้ไอ้นานาผมตั้งใจแล้ว ถึงมันจะ…เอิ่ม เงียบ ๆ ชอบเมินไปบ้าง แต่กับสาว ๆ สวย ๆ มันคงไม่เมินแบบนี้หรอก


                ก่อนอื่นก็จัดการเปิดคอมเซฟรูปไอ้นานามาจากเฟสของมัน เลือกเอารูปที่สวย ๆ เลย เอาแบบไอ้กันเห็นครั้งแรกแล้วตะลึงไปเลย เลือกมาหลาย ๆ รูปหลาย ๆ มุมหน่อย เดี๋ยวมันหาว่าเพื่อนผมสวยมุมเดียว


                จากนั้นก็คว้าสมุดมากาง เราต้องโฆษณาข้อดีของไอ้นาให้ไอ้กันรับรู้ มันจะได้ประทับใจและรู้สึกชอบไอ้นาขึ้นมาบ้าง ข้อดีข้อแรกของไอ้นานาคือ…


                …ไม่มี


                แม่งงงงง ไม่มีข้อดีของเพื่อนคนนี้อยู่ในหัวเลยว่ะ นอกจากสวยแล้วผมก็คิดอย่างอื่นไม่ออก แม่งห้าวที่หนึ่ง ผู้ชายมันก็พร้อมชน ปากมันก็ด่าไฟแลบยิ่งกว่าแม่ค้าในตลาดสด มือตีนหนักที่หนึ่งเช่นเดียวกัน อารมณ์ร้อนขี้หงุดหงิด


                ส่วนรักเด็กมั้ยน่ะเหรอ


                อันนี้ยังจำได้อยู่เลย วันนั้นมันยังแย่งขนมหลานกินโดยไม่สนว่าหลานจะเบะปากแล้วเบะปากอีก


                “ข้อดีมึงอยู่ตรงไหนวะนา” ผมนั่งกุมขมับ หูยทางตันแหละ


                เมื่อคิดอะไรเองไม่ออกผมก็จัดการโทรหาเพื่อนรักอย่างไอ้ตอง เวลานี้มันยังไม่หลับไม่นอนหรอกเชื่อสิ และก็เป็นอย่างที่คิด ฟังสัญญาณรอสายไม่กี่ทีมันก็รับ


                [เฮ้ย! มึงยังมีชีวิตอยู่]


                “กินอิ่มและนอนหลับฝันดีด้วย กูโอเคทุกอย่างนะหื้ออออ”


                [กูนึกว่ามึงจะโดนพี่กันจับโยนลงบ่อปลาแล้วซะอีก กูเป็นห่วงมึงมากจริง ๆ นะวิป] ไอ้ตองทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ ทำไมผมสัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจจากน้ำเสียงของมันวะ มึงตอแหลใส่กูแน่ ๆ ไอ้ตอง เพื่อนเวร กูยังจำช็อตที่มึงทิ้งกูให้ไปประจันหน้ากับไอ้กันคนเดียวได้อยู่นะ


                “กูซึ้งน้ำใจมึงเหี้ย ๆ เลย เอาล่ะเข้าเรื่อง ช่วยกูคิดหน่อย กูจะทำยังไงให้ไอ้กันชอบไอ้นาวะ”


                [กูขอบอกเลยนะ ถ้าพี่เขาเห็นหน้าไอ้นาอย่างเดียวเขาอาจจะชอบ แต่ถ้าเขารู้นิสัยและสันดานของมันแล้ว ต่อให้ถึกแค่ไหนกูว่าก็วิ่งหนีอะ] น้ำเสียงไอ้ตองปนมาด้วยอาการหวาดๆ


                “งั้นไม่เป็นไรไม่ต้องห่วง เรื่องสร้างเรื่องกูเก่งนัก และอีกอย่างกูเข้ากับคนง่าย กูจิตใจดี วันนี้กูยังแสดงน้ำใจกับไอ้กันเลย แม่งประทับใจชัวร์ ๆ” ผมตบโต๊ะ แน่นอนว่ามันต้องซึ้งในน้ำใจ อาจจะนอนซาบซึ้งอยู่ก็ได้ตอนนี้ใครจะรู้


                [แล้วตอนมึงหยิบยื่นให้พี่เขาน่ะ พี่เขาทำยังไงกลับมา]


                “ถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นการขอบคุณ และเดินหนีกูอย่างสง่างาม”


                [นอนซะนะวิป กูไม่มีอะไรจะพูดกับมึงละ]


                ไอ้ตองพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจก่อนจะวางสายใส่ผมอย่างไม่มีล่ำลา อะไรวะเฮ้ยยยยย!




 

หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 1] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-10-2015 20:13:24
ฮ่ากับวิป วางแผนดีๆๆล่ะ ให้กันมาเป็นแฟนตัวเองไปเลย อิอิ นานาให้คู่กะยตองไปเตอะ ตัวเองยังไม่มีแฟนเลยหาคู่ให้เพื่อนแระ อิอิ กันนิ่งได้ใจจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 1] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 25-10-2015 21:37:31
 :mew3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 1] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 26-10-2015 00:13:24
เอาใจช่วยนะวิป
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 1] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 26-10-2015 17:11:25
ขำวิป จะหาแฟนให้เพื่อน แต่จู่โจมกันขนาดนั้น พี่แกไม่เตะออกมาก็บุญแล้ว ถามเพื่อนสาวตัวเองรึยังว่าเขาชอบแบบไหน
พี่กัน เงียบขรึมแต่ดุ ยังดีที่พูดบ้างไม่ถึงกับใบ้แบบเฮียกุมภ์
ติดตามค่ะ ว่าวิปจะหาเรื่องปวดหัวมากวนประสาทพี่กันขนาดไหน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 1] [25 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ZC.PS ที่ 26-10-2015 18:29:17
วิปทำไมหนูทุ่มทุนขนาดนี้
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 2] [30 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 30-10-2015 20:34:21



ตอนที่ 2



 

 

                วันนี้ผมพกความพร้อมมาเต็มกระเป๋า มีเรียนช่วงบ่าย กะว่าเรียนเสร็จก็จะพุ่งตรงไปหาไอกัน แม่งอยู่ไหนก็ยังไม่รู้หรอก เดี๋ยวค่อยงม ๆ เอา หน้าแบบมันหาไม่ยาก          นี่ผมก็ยังไม่บอกไอ้นานาเลยนะว่าจะหาสามีให้มัน แต่ถ้ามันรู้มันก็ต้องขอบคุณในความหวังดีของผม พร้อมกับมองผมด้วยสายตาปลื้มปริ่ม อันนี้คิดภาพไว้ก่อนแล้ว ซาบซึ้ง ๆ


                พออาจารย์ปล่อยปุ๊บผมก็รีบพุ่งตัวออกจากห้อง ก่อนจะเบรกเอี๊ยดแล้วหันกลับไปมองข้างหลัง ไอ้นานาเดินออกมาอย่างไม่รีบร้อน เห็นท่าทางมันเอื่อย ๆ แบบนั้นก็เดินเข้าไปหา ไอ้กันหน้าโหดเอาไว้ก่อน แม่งไม่หนีไปไหนหรอกผมคิดงั้น นัดแล้วนี่หว่า


                แต่เหมือนกูจะนัดของกูคนเดียวนะ


                “มึง กูมีเรื่องจะบอก รับรองมึงต้องดีใจ”


                “กูไม่อยากฟัง เอาหน้ามึงออกไป” มือเรียวของมันผลักหัวผมให้หลบพ้นทาง อะไรกับหัวกูนักหนาวะ ไอ้กันก็คนหนึ่งละผลักหัว ไอ้นานาก็อีกคน แหมะ…เนื้อคู่สินะพวกมึงน่ะ


                “กูมีคนหล่อมาแนะนำ แม่งหล่อมากเลยมึง สูงด้วย ตัวใหญ่ด้วย ปกป้องมึงได้…” ผมโม้ให้ไอ้นาฟังทันที แม่คุณนี่ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เดินลงบันไดด้วยใบหน้าเซ็ง ๆ


                “มันจะปกป้องกูหรือมันจะตบกูเอาดีๆ ห่า! ผู้ชายสมัยนี้มั่นหน้ามั่นนมมากกว่ากูอีก” แม่คุณว้ากออกมา เหมือนกับว่ามันเล็งผู้ชายเอาไว้คน แล้วไอ้คนนั้นแม่งเสือกใจเป็นสาวงั้นแหละ ผมกะพริบตาปริบ ๆ ตอนนี้อย่าเพิ่งเถียงมัน เดี๋ยวมันองค์ลงมากกว่านี้


                “แต่คนนี้เด็ด” ผมยกนิ้วโป้ง


                “ทำไม มึงลองดูแล้วหรือไง”


                “จะบ้าเหรอหื้ออออออ” ผมลากเสียงยาวใส่มัน ไอ้นานาส่ายหน้าก่อนจะเดินแยกไปอีกทางเมื่อลงมาถึงข้างล่าง ผมเกาหัวมองตามแผ่นหลังสวย ๆ ของมันไป เอาวะ เดี๋ยวค่อยลากไอ้นาไปวันหลัง เอาแบบทำให้ไอ้กันหลงมันก่อน


                ทีนี้ก็ได้เวลาทำภารกิจ ผมมุ่งตรงไปยังที่ ๆ เดิมที่เจอกับมันเมื่อวานนี้ คิดภาพในหัวเอาไว้ว่าไอ้กันหน้าโหดกำลังนั่งรอผมอยู่ มันอาจจะทำหน้าเซ็ง ๆ มั้ง แบบผมมาช้าไรงี้


                และพอไปถึงบ่อปลาแสนสุขของมัน ภาพที่เห็นคือ…


 

                …ว่างเปล่า!


                พ่อมึง! นัดกันดิบดี ทำแบบนี้มันถูกมั้ยหื้ออออ


                ผมมองซ้ายมองขวาอยู่นานสองนาน ก็ไม่เห็นวี่แววของไอ้กันเลย เดี๋ยว ๆ กูนัดมึงแล้วนะ ไอ้คนนิสัยเสีย! พ่อมึงสั่งให้ทำกับคนที่นัดไว้แบบนี้เหรอ


                ผมยืนเซ็ง รอมันอยู่สักพักมันก็ไม่มา สงสัยมันคงไปดีแล้ว กูอุตส่าห์เตรียมรูปไอ้นานามาพร้อมเลย อดโชว์เลยกู ผมตัดสินใจเลิกรอแล้วขึ้นรถเมล์กลับบ้าน แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าไอ้กันมันก็อยู่ซอยเดียวกันกับผม


                ผมฉีกยิ้มปิ๊งไอเดียจนคุณป้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันมามองอย่างหวาด ๆ เหมือนกลัวว่าผมจะสิงป้าแก ไม่ต้องห่วงครับ ช่วงนี้ยังไม่ตกมัน ยังไม่สิง หายห่วง ๆ


                และพอลงรถเมล์มาก็แทบจะก้มกราบขอบคุณสวรรค์สักสามครั้งงาม ๆ ตามแบบไทย เพราะทันทีที่ลงมา สายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้กันสายโหดกำลังจะเดินเข้าซอยพอดีเลย มันอยู่ในชุดธรรมดา แสดงว่าวันนี้มันไม่ไปเรียนแน่ ๆ มิน่า กูไปรอตั้งนานก็ไม่เจอมึง


                “เฮ้ยมึง!! หยุดก่อน” ผมแหกปากร้องเรียกไอ้กันเสียงดัง พี่แกไม่ได้หันมามองหรอก เดินเข้าซอยหน้าตาเฉย มึงเป็นญาติกับจ่าเฉยปะวะเอาดี ๆ เฉยได้เฉยดี จับมึงไปยืนกลางสี่แยกนี่คนเขาแยกมึงกับจ่าไม่ออกนะ


                “ไอ้กัน ๆ” คราวนี้เรียกชื่อบ่งบอกเฉพาะเจาะจงว่ากูเรียกมึงนะ ร่างสูงใหญ่หยุดชะงัก หันกลับมามองด้านหลังก็เจอผมที่วิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหามันพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง และพี่แกก็ทักทายผมกลับด้วยการ…


                …ถอนหายใจ


 

                “แอ๊ะแอ๋ ทำหน้าดีใจแบบนี้ แสดงว่าอยากเจอกูล่ะสิ”


                “มึงเอาอะไรคิด” มันเลิกคิ้วถามกลับมา พ่อคุณแม่คุณ อะไรจะหล่อขนาดนี้ แค่เลิกคิ้วก็โคตรจะน่ามอง แบบนี้แหละเหมาะกับไอ้นานาอย่างแรง! ต้องคนนี้เท่านั้น นี่แทบจะยืมเก้าอี้โค้ชเดอะวอยซ์มากดแล้วนะเนี่ย


                “โอ้ยพ่อ เรื่องแบบนี้เรามองตาก็รู้ใจ”


                “มองตีนกูมั้ย” มันขยับเข้ามา ผมเผลอก้าวถอยหลังวูบ อย่ารุนแรงกับไอ้วิปนักสิ ส่วนสูงกูสู้มึงไม่ได้นะเว้ยก็เห็น ๆ กันอยู่ โด่ว!


                “อย่าหงุดหงิดน่า ยังไงเราก็เพื่อนกัน”


                “กูไม่นับมึงเป็นเพื่อน” ฮ้อยยย~ ช้ำใจเลยตัวมึงงง~ แม่งเดินต่อแบบไม่สนใจผมเลย ผมกำลังจะอ้าปากแพล่มต่อแล้ว แต่คิดขึ้นมาได้ไง ผมยังไม่รู้จักบ้านมันเลยนี่หว่า ถามมันไปมันก็คงไม่บอกอยู่ดี มนุษย์หยิ่งไอ้สัด


                ผมเลยเดินตามมัน…แบบโจ่งแจ้ง เอาให้แม่งรู้ไปเลยว่ากูเดินตาม อารมณ์เหมือนเดินกลับบ้านตอนกลางคืนแล้วมีผีเดินตามข้างหลัง นั่นแหละแบบนั้นเลย ผมรู้นะว่ามันเองก็รู้ว่าผมเดินตาม แต่พี่ท่านไม่สนใจใยดี แม้แต่หางตาก็ไม่แล


                แต่กูไม่แคร์ อะหื้อออ~


                ไอ้กันมันเดินเลยบ้านของผมไป ผมก็ตาม ลงน้ำหนักที่เท้าเยอะ ๆ ด้วย ผมเป็นคนมาให้สุ้มให้เสียงนะเห็นเปล่า มันเดินมาบ้านหลังหนึ่งที่ใหญ่กว่าบ้านบริเวณนั้นมาก พอเห็นแล้วก็ถึงกับอ้าปากค้างนิดๆ บ้านแม่งใหญ่กว่ากูเยอะเลย


                ขโมยของได้มั้ยช่วงนี้วิปช็อตตต


                และมันก็กำลังจะเดินเลี้ยวไปเปิดประตูเข้าบ้าน ผมเห็นแบบนั้นก็ตาโตรีบเดินไปรั้งแขนมันเอาไว้ แล้วลากมันให้ออกห่างจากหน้าประตู กันพี่แกชิ่งเข้าบ้านไป


                “นี่ ๆ กูเอารูปเพื่อนกูมาแล้ว สวยหยดรับรอง มาดู ๆ” ผมปล่อยแขนมันแล้วกำลังจะล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่ในจังหวะนี้แหละที่พอไอ้กันมันเป็นอิสระ มันก็จะเดินเข้าบ้าน (น่าจะบ้านมันนะ) อีกรอบ ผมอ้าปากเหวอ มือนี่ปล่อยโทรศัพท์นอนตายอยู่ในกระเป๋าต่อไป พุ่งตัวเข้าใส่ร่างสูง กระโดดเกาะหลังมันเป็นลูกลิง มือกอดรอบลำคอมันไว้


                “เฮ้ย!”


                “มึงหนีกูไม่ได้หรอกบอกเลย”


                “ลงไป!” มันกดเสียงเข้มดุใส่ผม หน้าตามันเป็นยังไงผมก็ไม่รู้หรอก ไม่อยากรู้ด้วยนะหื้อออ ไอ้กันพยายามจะสะบัดผมให้ตกลงมาจากหลังของมัน แต่ขอโทษนะเออ สกิลตีนตุ๊กแกกูเวลแม็กแล้ว มึงสะบัดยังไงกูก็ไม่มีหลุด


                “มึงจะลงดี ๆ มั้ย”


                “มึงจะคุยกับกูดี ๆ มั้ย” ผมตีมึนถามกลับแบบไม่สนใจจะตอบมัน นี่ถ้าเป็นปกติเวลามีใครมันเกาะหลังเราเป็นลูกลิงแบบนี้เราก็ต้องช้อนตัวเขาเอาไว้กันเขาหล่นใช่ปะ แต่ไอ้กันแม่งไม่เลย นอกจากจะไม่ระวังผมหล่นแล้ว มันยังพยายามจะสะบัดทิ้งเหมือนหมาสะบัดเห็บ


                เดี๋ยว ๆ แล้วกูเป็นเห็บ?


                “ไม่ลงใช่มั้ย” เสียงโหดเสียงเข้มกูก็ไม่กลัว


                “แน่นอนที่สุด~”


 

                พรึ่บ


 

                ตุบ!


 

                “โอ้ย! ก้นจ้ะก้น” ผมซี้ดปากด้วยความเจ็บ อยู่ ๆ ไอ้หน้าโหดแม่งก็สะบัดผมอย่างแรงจนหล่นจากหลังของมันแบบสวยงาม ก้นกระแทกพื้นอย่างแรงสิครับงานนี้ มึงแม่งนิสัยเสีย


                และมันก็เพียงแค่ปลายตามองผมที่กองอยู่กับพื้น (ถัดไปอีกนิดเป็นกองขี้หมา เหี้ยเหอะ! ใกล้ไปมั้ยหื้อออ) ก่อนจะเดินไปไขกุญแจเปิดประตูเล็กเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ แล้วล็อกประตู ผมมองการกระทำของมันตาปริบ ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้…แม่งหนีกูไปซะแล้ว


 

                “เหี้ยกัน!”


                “มึงสิเหี้ย!!” มันสวนกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่า ผมเผลอสะดุ้งตกใจ


                “อย่าด่าเหี้ยสิ ไม่อาวววว~” ผมยกนิ้วชี้ส่ายไปมา ลุกขึ้นยืน ไอ้กันหยุดยืนมองตรงมาที่ผมด้วยสายตาที่โคตรจะเอือม แล้วมันก็กำลังหมุนตัวเดินเข้าไปที่ตัวบ้าน ผมกัดปาก เอาไงดีวะ หรือจะปีน? ประตูรั้วบ้านแม่งก็สูงฉิบหาย บ้านรวยก็งี้สาด ประตูเล็กแม่งก็ล็อกเรียบร้อยแล้วด้วย


                “ไอ้กัน! มึงหยุด” ผมเดินเข้าไปชิดประตูรั้ว ตะโกนเรียกไอ้หยิ่งให้หันกลับมา


                “…”


                “กลับมาก่อน เฮ้ย! ไม่กลับมากูปีนนะสัด!”


                “เรื่องของมึง” มันหันกลับมาบอกอย่างไม่ใส่ใจ ประมาณว่ามึงอยากทำอะไรก็ทำ สายตาดุ ๆ มันมองประตูรั้วบ้านของตัวเอง คงจะกำลังคิดว่าสูงแบบนี้ผมไม่กล้าปีนหรอก


            เออ! มึงคิดถูก


                แต่เพราะแม่งนั่นแหละ คนอย่างผมตั้งใจทำอะไรแล้วทำจริงนะ ผมไม่ได้มาเล่น ๆ! สูดหายใจเข้าลึกเรียกกำลังใจที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมี มือจับประตูรั้วไว้แน่นก่อนจะค่อย ๆ ปีนขึ้นไป โอ้ยขากูสั่นได้อีก


                เกือบจะลื่นหล่นลงไปหลายรอบละ ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เชียวมึง และพอขึ้นมาเอาขาพาดไปอีกฟากได้ผมก็หยุดนิ่ง เหงื่อนี่แตกพลัก ๆ อย่างน่าตกใจ


                “อะ…ไอ้กัน” เสียงสั่นไปไหนวะกู


                พี่ท่านไม่เหลียวแล เดินห่างออกไปอีก อยู่ข้างบนนี่วิวดีสาด สายลมและแสงแดด…ถุ้ยเหอะ! มันใช่เวลามั้ยไอ้วิป


                “ไอ้กัน! เดี๋ยวก่อนมึง” ผมตะโกนเสียงดังขึ้น ร่างสูงหมุนตัวกลับมาพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดสุดอารมณ์ ผมแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาด ๆ ขานี่สั่นไม่หยุดเลย


                “อะไรมึงอีก”


                “มาช่วยกูก่อน กูลงไม่ได้!”


                ฉิบหายมั้ยล่ะกู ขึ้นมาได้ขนาดนี้แต่ลงไม่ได้ ก็แบบตอนขึ้นมันเห็นแต่วิวด้านบนช้ะ มันเลยไม่เท่าไหร่ แต่ตอนลงนี่ดิ สูงสัด ขานี่สั่นแล้วสั่นอีก ไอ้วิปทำใจกระโดดลงไปไม่ได้จริง ๆ นะเออ


                “ลงไม่ได้มึงก็อยู่บนนั้นแหละสัด”


                “มะ…มึงอย่าใจร้ายดิ เร็ว ๆ รั้วบ้านมึงเชียวนะ” ผมเร่งมัน คือกูก็ไม่อยากจะอยู่บนจุดสูงสุดนาน ๆ หรอกนะ ไอ้กันขยี้ศีรษะตัวเองแบบหงุดหงิดสุดพลัง ใบหน้าหล่อโหดมันอัพเวลโหดเพิ่มขึ้นอีกประมาณสามเวลได้


                “โดดลงมา”


                พ่อมึงดิ!


                “ถ้ากูกล้าโดดกูจะให้มึงมาช่วยทำส้นตีนอะไร สมองงงงงง~”


                “งั้นก็เรื่องของมึง” พูดแล้วจะหันเดินไปอีกรอบ


                “เฮ้ย ๆๆ โอ๋เอ๋ ๆ อย่างอนน้า เดี๋ยวกูยอมให้มึงพาไปเลี้ยงติมเลย ช่วยกูก่อน กูเกร็ง” ตะคริวจะแดกกูอยู่แล้วเนี่ย ร่างหนาถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาฉายแววเอือมแบบโจ่งแจ้ง บางทีก็เก็บ ๆ ไว้บ้างนะพ่อคุณ


                “โดดลงมา”


                “มันสูงนะหื้อออ~”


                “เดี๋ยวกูรับ” มันว่าอย่างเสียมิได้ ขยับเข้ามายืนใกล้ ๆ กับรั้วเพื่อที่จะรอรับผมที่กระโดดลงไป ผมอ้าปากค้างนิด ๆ ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะมีน้ำใจ เอ้ย! ไม่ใช่ ๆ ไม่คิดว่ามันจะยอมช่วยขนาดนี้


                “มึงต้องรับกูแบบสวยงามนะเว้ย” ผมกำชับ เกิดลงไปท่าไม่สวยกูเจ็บหนักขึ้นมานี่แย่เลยนา แต่ดูเหมือนว่าไอ้กันจะไม่ค่อยอินกับผมว่ะ มันเท้าเอว ทำหน้าบอกว่ามึงรีบ ๆ ลงมาสักทีเหอะอะไรประมาณนั้น


                ผมรวบรวมความกล้า ระงับขาตัวเองไม่ให้สั่น กะเอาแบบว่าโดดลงไปไอ้กันรับได้พอดี เหี้ย! โดดลงจากรั้วทำไมกูต้องใช้ความกล้ามากขนาดนี้วะ นี่โดดรั้วหรือล่าท้าผีเอาดี ๆ เลิกฮากลับมาจริงจังก่อน ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็…


                ตุบ!


 

                “โอ้ย!” ไม่ ๆ ไม่ใช่เสียงผม


 

                มันเป็นเสียงของไอ้กัน ผมโดดลงมาโดยมีไอ้กันรอรับอยู่ด้านล่าง เป็นเรื่องราวดี ๆ กูไม่เจ็บเลยสักนิด ไอ้คนที่เจ็บคือคนที่ผมทับอยู่นี่ต่างหากล่ะ ผมยิ้มแหย เงยหน้ามองใบหน้าหล่อดุในระยะประชิด เผลอชะงักค้างไปกับความหล่อของพ่อคุณ


                “ลุกออกไป หนัก!”


                “โอเค~” เสียงอ่อนเสียงอ่อยแล้วลุกออกจากตัวของมัน เพิ่งสังเกตชัด ๆ ไอ้กันตัวใหญ่กว่าผมมากเลย มันรับผมไปเมื่อกี้นี่แบบแทบจะหายเข้าไปในตัวของมัน


                “วุ่นวาย!” ร่างสูงลุกขึ้นยืนได้ก็อ้าปากด่าผมทันที ตวัดสายตาดุโหดใส่แบบจัง ๆ ผมตีเนียนเมินไปมองนกมองไม้ด้านข้าง อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่ามองตาดุ ๆ ของมัน


                “เอาน่ามึง มันต้องแบบนี้แหละ ชีวิตถึงจะมีรสชาติ”


                “ลองรสเลือดมั้ย”


                “ฮ้อยยย~ เรารู้นายหวังดีกับเราอยากให้เราได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่บางทีเราก็กลัวนายจะลำบากไรงี้ ขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอ~” ผมยิ้มกว้างเดินเข้าไปตบแขนหนาของมันสองสามที พี่แกทำหน้าเอือมอีกรอบ เห็นบ่อยจังวะสีหน้าแบบนี้


                “เอาล่ะ ด้วยความพยายามของกูทั้งหมด มึงมาคุยกับกูซะดี ๆ” ผมเท้าเอวจ้องหน้าท่าทางจริงจัง ไอ้กันเลิกคิ้วก่อนจะถอนหายใจ แอ๊ะแอ๋~ แบบนี้แสดงว่ายอมคุยกับกูแล้วล่ะซี่~


                หมับ


                “ฮะ…เฮ้ย! เดี๋ยว ๆๆ” ผมร้องเสียงดังเมื่ออยู่ ๆ ร่างสูงตรงหน้าก็คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อด้านหลังของผม จัดการลากผมมาที่ประตูเล็ก ไขกุญแจแล้วผลักผมออกมา หน้าเกือบทิ่มแน่ะพ่อคุณ


                “ไปไกล ๆ หน้า”


                เพี้ยะ!


                สลิด!


                โยนออกมาอย่างเดียวไม่ว่า ยังมีการมาตบหน้าผากผมอย่างแรงไปอีกหนึ่งทีด้วย แล้วมันล็อกประตูเดินไปแบบไม่หันกลับมามองเลยสักแอะ คราวนี้จริงจัง มันเดินหายเข้าไปในตัวบ้านแล้ว


                ผมแยกเขี้ยวตามหลังมันไป มันก็ไม่มีทางเห็นหรอก แต่ผมอยากระบายอารมณ์ วันนี้กูมานี่กูได้อะไรวะ


            ออ…ได้มาหนึ่งเพี้ยะ ไอ้ห่านจิก!




………………………………




                หลังจากวันนั้นที่มันโยนผมออกมาจากบ้านทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเข้าไปเหยียบได้ไม่ถึงสามนาที ผมก็ตั้งมั่นเอาไว้ว่าจะบุก คนเราต้องพยายามเข้าไว้ จะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง


                ผมกลับมาที่บ้านของมันอีกครั้ง ชะเง้อมองเข้าไปข้างใน และวันนี้!! วันนี้แหละวันของกู วะฮะฮ่า ไม่ต้องเสียเวลาปีนรั้วให้เมื่อย แหมะ…กูก็อุตส่าห์ไปนั่งคิดนอนคิดท่าปีนมาใหม่ กะว่าต้องใช้ชัวร์ ๆ เลยนะเนี่ย แต่ก็นะ…วันนี้วันของกู ประตูรั้วเปิดอ้ากว้างเหมือนกับว่าพร้อมต้อนรับผมแบบสุด ๆ


                ผมชะเง้อมองเข้าไป ก็เจอเข้ากับคุณลุงคนหนึ่งที่กำลังเอาต้นไม้ลงอยู่ ขะมักเขม้นมากเห็นแล้วอยากเข้าไปช่วยจริง ๆ ผมยืนคิด จะทำอะไรคนเราก็ต้องใช้ความคิดเว้ย เรื่องแบบนี้เราต้องประเมินสถานการณ์


                บ้านมันก็หลังใหญ่โต แต่ไอ้กันมันไม่เห็นจะขับรถเลย เผลอ ๆ มันอาจจะนั่งรถเมล์ไปเรียนแบบผมก็ได้นะ ชีวิตติดดินสุด ๆ ส่วนผม…ติดแบบลงไปคลุกเลยล่ะอะหื้อออ


                จากการที่ไอ้กันมันเป็นคนง่าย ๆ แบบนั้น คุณลุงคนนี้ต้องเป็นพ่อของมันชัวร์ไอ้วิปมั่นใจ!!


                ผมเห็นมาเยอะละ เป็นเจ้าของบ้านแต่ชอบทำตัวเหมือนคนสวน แล้วคนก็จะเข้าใจผิดกันบ่อย ๆ ว่าเนี่ยแหละคนสวน ใครจะคิดว่าคนที่เห็นนั่งปลูกต้นไม้อยู่จะเป็นเจ้าของบ้าน


                กูนี่ไง! กูคิด!


                มั่นหน้ามั่นนมเข้าไว้ (ยืมไอ้นานามาสักแวบ) เดินเข้าไปทักคุณลุง (พ่อไอ้กันชัวร์ ๆ) แบบคนมารยาทดี


                “สวัสดีครับลุง”


                “อ่า สวัสดีครับ เอ่อ…มาไงเนี่ย” ลุงแกหันมามองแบบงง ๆ อย่างงงดิเฮ้ยลุงคนกันเอง เนี่ย ๆ ลูกลุงก็เพื่อนผม สนิทกันมากอย่าบอกใคร


                “ก็เดินเข้าประตูมาไงครับ หูยยย อย่ามองกันด้วยสายตาแบบนั้นสิครับคนกันเอง~” งานตีซี้ต้องมานะเออ ลุงแกก็ยังหน้าเหวอ ๆ อยู่เลยเอาจริง ไม่รู้ว่าแอบคิดไปว่าผมเป็นโจรไรงี้เปล่า แต่คงไม่หรอก โจรบ้านไหนเดินเข้าประตูดี ๆ แบบกูวะ


                “ผมเพื่อนไอ้กันครับ”


                “อ๋อออ…”


                “หูยยย สนิทกันมากนะครับลุง ซี้อย่างงี้” ผมยกนิ้วโป้งประกอบท่าทาง เข้าทางพ่อไว้ก่อนจะได้เข้าบ้านมันง่ายขึ้นหน่อย แต่ลุงแกดูไม่อินกับผมว่ะ ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่องั้นแหละ ผมจริงใจ มองตาผมสิ


                “ใครสนิทกับมึง”


 

                หืมมม


                โอ้ววว พ่อคุณทูนหัว (ของไอ้นานา) มันโผล่มาแล้ว มาแบบแซ่บเชียวนะมึง กลัวเช้าบ้านเขาไม่รู้หรือไงว่ามึงหุ่นดีน่ะ แหมๆ เล่นโชว์กล้ามหน้าท้องโชว์ซิกซ์แพ็กแบบนั้นน่ะ โด่ว! กูก็อยากจะโชว์เหมือนกัน แต่กูกลัวมึงอาย


                ของกูแพ็กเดียว วินกว่าเยอะ ฟายยย!


                “ว่าไงเพื่อนรัก ลงมาต้อนรับกูเองเลยเหรอ แหมะ…ซึ้งใจ ๆ นี่กูกำลังคุยกับพ่อมึงอยู่เลย” ผมเนียน ๆ เข้าไปตบไหล่กว้างของมัน อิจฉาตาร้อนผ่าว ๆ ไอ้ห่า แขนแน่นมาก กล้ามเน้น ๆ พ่อมึงเลี้ยงมึงด้วยอะไรวะ


                “พ่อกู?” ไอ้กันเลิกคิ้วไม่เข้าใจ มันเหมือนจะถามว่าไหนล่ะพ่อกู


                ลูกเหี้ย พ่อยืนหัวโด่อยู่นั่นมึงยังทำหน้าเหมือนไม่รู้ว่าใครพ่อ


                “ก็นี่ไง” ผมชี้นิ้วไปที่ลุงด้านหลัง ไอ้กันทำหน้าเอือมทันที ถอนหายใจใส่ผม ดีคราวนี้หน้าม้ากูไม่ปลิว แล้วก็พูดออกมา เป็นคำพูดที่ทำให้ผมอ้าปากค้างเหวอหนักจัดเต็ม


                “นั่นลุงชม คนสวน”


                “หะ!!”


                แสสสส ที่พื้นนั่นอะไร เศษหน้ากูหรือเปล่า เหี้ยยยยย~



__________________________________________

ขี้มโนกว่าไอ้วิปคงไม่มีอีกแล้ว ถถถถถถถ ปวดหัวแทนพี่กันจริมๆ เลย




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 2] [30 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-10-2015 22:02:51
พี่กันดูจะเอื้อมกับน้องวิปที่มโนเก่งเกินไป ฮ่าๆๆๆๆ
รอสองคนนี้ขยับๆๆๆให้กันกัน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 2] [30 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุ๊กกิ๊ก ที่ 31-10-2015 10:53:52
 :z1: :z1:ท่าทางนายเอกจะเปิ่นน่าดูน่ะเนี้ย
บ๊องไม่น้อยเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 2] [30 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-10-2015 15:06:02
สุดยอดเรื่องมโน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 2] [30 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 31-10-2015 16:46:57
โอ้ยยย ทั้งฮาทั้งเกรียน จริงๆ เลย นายวิป  :m20:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 2] [30 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 31-10-2015 17:55:30
รับยาแก้ปวดหัวไหมคะพี่กัน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 2] [30 - 10 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 31-10-2015 19:59:57
วิปเอ๋ย :laugh:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 01-11-2015 19:26:44


ตอนที่ 3




   ผมแทบอยากจะก้มลงไปโกยเศษหน้าแตก ๆ ของตัวเองขึ้นมาแปะกลับไปเหมือนเดิม งานนี้อายกับอายเท่านั้น คุณลุงชม (คนสวน) แก่คงจะกลัวว่าผมจะอายมั้งเลยไม่กล้าที่จะหัวเราะ

   แต่!! แต่ไอ้เหี้ยกัน แม่งขำจนไหล่สั่น แม่งยิ่งขำผมยิ่งอาย เมื่อกี้ไม่นับนะเอาใหม่ ถือซะว่ากูเพ้อของกูไปเองแล้วกัน มึงอย่าใส่ใจ ดู๊~ ดูมัน แม่งยังขำไม่หยุด

   “สัด เมื่อกี้กูละเมอ”

   “มึงละเมอมาไกลนะ จากบ้านมึงมาบ้านกู” มันเลิกคิ้วกวนตีน นี่ถ้ากูสูงนะกูจะก้านคอมึงไอ้ห่านจิก กล้ามากมาขำกู ผมหันไปก้มหัวขอโทษลุงแกที่เข้าใจผิด ก่อนจะลากแขนไอ้กันออกมาจากตรงนั้น เดินเข้ามาในตัวบ้านก็โดนไอ้หมาบ้ามันสะบัดแขนออก

   “เข้ามาบ้านกูทำไม”

   “อ๋อออ มาหามึงไง” ผมตอบหน้าซื่อตาใส ไอ้กันส่ายหัวก่อนจะเดินหนีผมไปทางบันได ไอ้เวรนี่เอะอะเดินหนีตลอด เดี๋ยวกูก็โดดงับหูแม่งซะหรอก ผมก้าวยาว ๆ ตามมัน เหี้ย เดินช้า ๆ ดิ๊

   “มึงงง~ หยุดก่อน! อย่าให้กูต้องคุกเข่ากอดขามึงเลย”

   โป๊ก!

   “โอ้ยเหี้ย! จะหยุดก็บอกก่อนสิวะ” ผมคลำหน้าผากตัวเองที่โขกกับแผ่นหลังแข็ง ๆ ของมันเข้าให้ ห่านี่แม่งนึกจะหยุดก็หยุด ไอ้กันหันกลับมา มองผมเหมือนหมาโง่ ๆ ตัวหนึ่ง

   “งั้นมึงก็คุกเข่าสิ”

   “หา?” ผมเหวอ กูแค่พูดเล่นมึงเอาจริงดิ แวบหนึ่งผมเหมือนแอบเห็นไอ้กันแสยะยิ้มกวน ๆ ยังไงก็ไม่รู้ แค่แวบเดียวเท่านั้น ผมเอียงคอ หรือเมื่อกี้ผมตาฝาดวะ

   “เฮ้ย ๆ เดี๋ยว ๆ กูไปด้วย” ผมก้าวขึ้นบันไดตามมันมา ไอ้กันถอนหายใจแต่ไม่ได้บ่นอะไรออกมาอีก มันต้องแบบนี้เด้~ เพื่อนกัน ไปไหนไปกัน ผมเดินตามมันเข้ามาในห้อง ๆ หนึ่ง เข้ามาก็เจอเตียงขนาดใหญ่กระแทกตาเลย เห็นแล้วอยากจะกระโจนเข้าใส่ นุ่ม ๆ~

   “ขึ้นเตียงกู กูจะเตะมึง” แสส เสียงโหด ๆ ดับฝันกูอีก

   “โหยยยย~ เพื่อนกัน ๆ” ผมกะพริบตาปริบ ๆ ใส่มัน เผื่อมันจะใจอ่อนยอมให้ผมขึ้นไปกลิ้ง ๆ เล่นได้บ้าง แต่พี่แกกลับเมินผม เห็นแบบนั้นผมเลยจิ๊ปาก ก่อนจะเข้าไปลากแขน ดึงมันให้นั่งลงบนเตียงด้วยกัน

   อื้อหือออ~ นิ่ม~

   “นี่เลยมึงดูเพื่อนกูก่อน สวยจริง ๆ นะ มึงเองก็ยังไม่มีแฟน ลองพิจารณาเพื่อนกูดู” ผมล็อกแขนมันไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดรูปไอ้นานาให้มันดู ยื่นเข้าไปจนแทบจะกระแทกหน้า

   ไอ้กันชักสีหน้าไม่พอใจ เอียงหน้าหลบ ก่อนที่มันจะชะงักไป หรี่ตามองรูปไอ้นานาอยู่แบบนั้นสักพัก ผมเริ่มยิ้มกริ่ม แบบนี้มีแววเว้ยเฮ้ย ไอ้กันก็อาจจะประทับใจไอ้นานาเหมือนกัน

   และถ้าเกิดมันชอบขึ้นมาจริง ๆ กูก็ขอให้มึงโชคดี

   “สวยใช่ปะล่า~”

   “กูไม่เอา” มันปฏิเสธแบบไร้เยื้อใย ผมล่ะเจ็บแทนไอ้นามันจริง ๆ สวยขนาดนี้แม่งยังไม่สนใจ ไอ้กันลุกขึ้นไป ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ที่มันใส่อยู่ก่อนจะถอดออก บ๊อกเซอร์สั้น ๆ ตัวเดียวคือสิ่งที่ผมเห็น

   หุ่นดีฉิบหาย หมั่นไส้ไอ้สัด

   “คุยกับมึงนี่กูเหนื่อยว่ะ” ผมบ่น แม่งไม่สนใจเลย

   “คุยกับมึงกูก็เหนื่อยเหมือนกัน กลับบ้านมึงไปซะ” ฮ้อยยย~ ไล่กันตรง ๆ เลยอะพ่อคุณ ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ ระงับอารมณ์โกรธ ไม่งั้นมีหวังได้กระโดดกัดหูมันแน่ ๆ มองใบหน้าหล่อ ๆ ของมันอย่างหมั่นไส้ ท่องพุทโธ…พุทโธ

   …โอ้โห…ใหญ่~

   แสสสส!! กูจะมองลงต่ำทำเพื่ออะไร จากที่มอง ๆ หน้ามันอยู่ สายตาก็เลื่อนลงซะงั้น พ่อมึงนี่ก็ให้มึงมาเยอะเกินไปปะ ผมมุบมิบปากแอบบ่นมันอยู่ในใจ อิจฉา เกิดมาพร้อมทุกอย่าง…แม้กระทั้งไอ้นั่น

   มันคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ก่อนจะถอดบ๊อกเซอร์นั่นออก เดินผ่านผมไปทางห้องน้ำ ผมจิ๊ปากลุกขึ้นไปคว้าแขนมันไว้ก่อนลากมันกลับมานั่งที่เดิม

   “อย่าเดินหนีดิวะ หลายรอบละนะ เด็ก ๆ มึงไม่เคยเดินไงวะ มึงรู้ปะ เพื่อนกูจริงใจมากนะเว้ย ลองคุย ๆ กันดูก็ไม่เสียหาย” ผมพยายามโน้มน้าวใจมันอยู่ ดวงตาคมจ้องตรงมาที่ผมจนผมรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แต่ก็พยายามทำใจกล้าต่อไป

   “หุ่นมันก็ดี หน้ามันก็สวย ที่สำคัญนมมันใหญ่มาก” ยกเอาข้อดีของไอ้นานามาพูด นมมันใหญ่จริง ๆ นะ เรื่องแบบนี้ผู้ชายหลาย ๆ คนชอบ แต่ว่า…เหมือนจะไม่ใช่ไอ้หมาบ้าตรงหน้าผมนี่

   แม่งนิ่งได้อีก

   “เฮ้อ…”

   “มึงเริ่มคิดแล้วช้ะ” ผมฉีกยิ้มยกนิ้วชี้หน้ามัน

   “อืม”

   “นั่นไง กูบอกละว่า…”

   “คิดว่ามึงวุ่นวายมาก กูจะอาบน้ำก็ต้องมานั่งฟังมึงเนี่ย” ไอ้กันมันอารมณ์เสีย ผมย่นคอหนีเสียงดุ ๆ ของมัน หลับตาปี๋กลัวพี่ท่านองค์ลง ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามอง มันนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ผมก็ลืมไปเลย

   “เอ้อลืมมม~”

   “กูถามจริง อยู่บ้านมึงเก็บกดปะ ไม่มีใครพูดด้วยใช่มั้ย พูดมากฉิบหาย!” ว้ากใส่ผมให้อีกรอบ กูกลัวมึงจนหัวหดแล้วเนี่ยเห็นมั้ย ผมรับรู้ได้ว่าไอ้กันมันหงุดหงิด ผมยิ้มแหย ๆ ก็แบบ…ถ้ามึงยอมคุยกับกูตั้งแต่ทีแรกก็ไม่ต้องหงุดหงิดแล้ว ฟายยย กูไม่ผิดพูดเลย

   “ก็แบบ…จะคุย…”

   “ตามเข้าไปคุยในห้องน้ำมั้ยสัด!” มันเสียงดุกลับมา ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองมันที่ยืนเท้าเอวนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ผืนเดียว ก่อนที่ในหัวผมมันจะเริ่มคิดไปไกล ก็ผมเล่นมองไล่ลงมาตั้งแต่ใบหน้ามายังส่วนล่าง แล้วจู่ ๆ หน้าผมก็เกิดร้อนวูบวาบขึ้นมา

   “แฮ่~ ไม่เป็นไร เกรงใจ” ผมโบกมือปฏิเสธ แม่งเลยเดินเข้าห้องน้ำไป ผมแยกเขี้ยวตามหลังมัน ไอ้ห่านจิก! เกิดกูเอาจริงขึ้นมามึงจะไม่กล้าที่จะอาบ กูจ้องนะบอกไว้ก่อน ผู้หญิงผู้ชายก็จ้องหมด ของน่ามอง

   พอเจ้าของห้องมันไม่เห็น ผมก็เลยได้โอกาสกลิ้งเล่นบนเตียงนุ่ม ๆ ของมัน อื้อหือไม่อยากจะคุย นุ่มกว่าเตียงที่บ้านกูอีก อยากจะไปอ้อนตีนปู่ให้ซื้อแบบนี้ให้บ้างแต่ก็กลัวปู่จะดีดออกมา เกิดเป็นไอ้วิปช่างน่าสงสาร

   ผมคว้าหมอนใบใหญ่สุดนุ่มมากอดเต็มรัก กลิ่นเฉพาะตัวของไอ้กันเข้าจมูกผมเต็ม ๆ เวลาที่สูดหายใจเข้า เหี้ยเหอะ! แบบไม่อยากปล่อยว่ะ เอางี้แล้วกันนะไอ้นา กูพิสูจน์ให้มึงก่อนเลยก็แล้วกัน ถ้าดีกูก็จะได้เสนอมึงต่อได้

   กลิ้งอยู่แบบนั้นสักพักไอ้กันก็ยังไม่ออกมา ผมเลยหลับแม่งเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่…




   ผัวะ!

   เต็ม ๆ หัวเลย

   “อือ…ไรวะ” ผมขมวดคิ้วไม่พอใจลุกขึ้นมานั่ง หันไปมองข้างเตียงก็เห็นผู้ชายหุ่นแซ่บยืนอวดหุ่นแบบไม่อายสายตา (ของกู) เลย มันเท้าเอวยืนมอง น้ำยังเกาะตัวมันอยู่เลย

   บ้านมึงไม่มีผ้าเช็ดตัวเหรอ

   อ๋อลืมมม มึงนุ่งอยู่

   “อยากตายใช่มั้ยนอนบนเตียงกู”

   “อ๋อกูง่วง” ผมขยี้ตาตอบกลับมันไป เห็นมันยกมือขึ้นมาปุ๊บก็หลับตาปี๋เลย กูโดนอีกรอบแน่ ๆ แต่แล้วก็ไม่มีแรงตบอะไรลงมาบนศีรษะผมก็ลืมตาขึ้นมอง มันขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า

   เฮ้ย ๆ เช็ดตัวก่อน กูเป็นห่วง

   “เมื่อไหร่มึงจะกลับบ้านไปสักที”

   “เมื่อคุยกับมึงเสร็จ”

   “กูคุยเสร็จแล้ว”

   “แต่กูยังไม่เสร็จ” ชะอุ้ย! มือที่กำลังเลือกเสื้ออยู่นั้นชะงักไป มึงอย่าเพิ่งหันมาตบกูนะเว้ย กูก็สู้คนนะบอกเลย ถึงจะสู้ไม่ได้กูก็จะสู้ บอกแล้วว่ากูเรียนมวยมาสองปีกว่า อะหื้อออ

   “แล้วนี่มึงจะไปไหนวะ” พี่แกไม่ใช่แค่นอนอยู่บ้านเฉย ๆ แน่ เพราะแม่งหยิบกางเกงยีนส์ที่โคตรจะเท่ พร้อมกับเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มออกมา เดี๋ยว ๆ มึงไม่ใส่เกงในอ๋อวะ

   แล้วกูจะไปสังเกตมันทำเหี้ยอะไรเนี่ย

   “มึงไม่เสือกสักเรื่องได้ปะวะ” ไอ้หน้าโหดแม่งดูเอือม ๆ ที่จะตอบผม ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะหื้อ เรามันคนกันเอง รู้จักกันมาก็ตั้งนาน ทำแบบนี้ไอ้วิปเสียใจนะเว้ย

   “จริง ๆ ไม่อยากเสือก กูแค่อยากรู้เฉย ๆ มึงก็แค่ตอบกูมาเฉย ๆ ก็พอแล้ว” ผมนั่งมองมันแต่งตัว และก็ได้รู้อะไรเพิ่มมาอีกอย่าง…มันเองก็ใส่กางเกงในเหมือนกัน ห่าน ตอนแรกไม่หยิบออกมากูก็นึกว่ามึงไม่ใส่ซะอีก หลอกลวง~

   ไอ้กันมันนิ่งเงียบ เข้าสู่โหมดเมินผมอีกครั้ง ใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เช็ดหัวตัวเองต่อ เดินไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ข้าง ๆ เป็นตู้เก็บนาฬิกาหรือพวกแว่นของมัน มีสร้อยข้อมือด้วย ทำไมของแต่งตัวมึงเยอะจังวะ กูนี่นาฬิกายังไม่มีใช้ เอาไว้สนิทกับมันก่อนเดี๋ยวจะขอยืม อะหื้อออ

   “มึงไม่บอกว่าจะไปไหนงั้นมึงบอกกูเรื่องนี้แทนก็ได้ กูจะจีบมึงให้เพื่อนกูเนี่ย ตกลงมั้ย”

   “ไม่”

   โอ้ยพ่อ! คิดก่อนก็ได้นะเออ

   “เพื่อนกูสวย”

   “กูไม่สน” ไร้เยื้อใยที่หนึ่งเลยอะพ่อคุณ มันแต่งตัวเซ็ตผมเสร็จก็จะเดินออกจากห้อง เอาจริง ๆ ผมอยากจะปล่อยให้แม่งไปแล้วตัวเองก็กลิ้งเล่นอยู่บนเตียงของมันต่อนะ แต่ก็ต้องจำใจเดินตามมันออกมา ลงมาข้างล่าง ดีนะไม่เจอลุงชมแกอีก ไม่งั้นความอายกูกลับมาแน่สาด

   นี่บอกเลยนะ กูขอสาปแช่งมนุษย์ขายาวทั้งหลายบนโลก ไอ้ห่า! กูนี่เดินตามแทบไม่ทัน มึงจะรีบไปไหน ทำอย่างกับป้ามึงจะคลอดลูกงั้นแหละ

   ไอ้กันมันเดินไปที่มอเตอร์ไซค์เวฟที่จอดอยู่ ผมยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง คือแบบ…บ้านมันก็ใหญ่ ท่าทางก็ดูรวย แต่รถนี่แบบ…อืม นั่นแหละ เดินถึงปุ๊บไม่พูดไม่จาอะไรเลย ขึ้นคร่อมสตาร์ทแล้วเตรียมจะบิดออกไป ผมก็รีบสปีดไปขวางหน้ามัน

   “เหี้ยเตี้ย! หลบไป!”

   นอกจากเหี้ยยังไม่พอ กูยังเตี้ยอีกเหรอวะ

   “มึงจะไปไหน กูไปด้วยดิ” พูดไปก็เหมือนขอนะ แต่ผมพุ่งตัวขึ้นซ้อนหลังมันทันที ร่างสูงเอี้ยวตัวกลับมามองด้วยสายตาเหมือนอยากฆ่า ผมยิ้มแป้นไม่สะทกสะท้าน…ซะที่ไหนล่ะ สายตาแม่งน่ากลัวสัด



   บรื้นนน~

   “เฮ้ย ๆๆๆ ไอ้เหี้ย ใจเย็น มึงจะยกล้อไงวะ” ผมร้องลั่นคว้าเสื้อไอ้กันมาจับไว้แน่น พี่แกแม่งบิดเต็มที่ มึงเด็กแว้นเก่าใช่มั้ยบอกกูมา แกล้งกู! มึงแกล้งกูแน่ ๆ กูสัมผัสได้

   “เปล่า กูแค่จะเอามึงให้ตก” มันยักไหล่ตอบกลับมา ผมนี่ขึ้นเลย

   “มึงแม่งเลว! กูไม่อยากสมองกระจายเต็มพื้นหรอกนะ”

   “หึ! ไม่ต้องห่วง เพราะในสมองของมึงมันไม่มีอะไรอยู่แล้ว มึงเองก็ใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีสมองมาตลอดหนิ” หน้าตึงเลยกู ด่ากูตรง ๆ กว่านี้เลยก็ได้ กูไม่โกรธมึงหรอก และก็ไม่มีเวลาให้ผมได้ด่ากลับด้วย มันแว้นรถออกจากบ้านเหมือนจะรีบไปซื้อหวย บิดเต็มที่ รถมึงแรงมากเลยเนอะ

   และก็มาจอดอยู่ที่หน้าร้านเหล้าร้านหนึ่ง พ่อ ๆ ฟ้ามันเพิ่งจะเริ่มมืดเองนะพ่อ พ่อจะเมาแล้วเรอะ

   “มาทำไรวะ”

   “หาพ่อมึงมั้ง”

   “พ่อกูอยู่ป่า ไม่ใช่ร้านเหล้า ควาย!” พอผมพูดไปเท่านั้นแหละ ก็ได้รับสายตาทิ่มแทงจากร่างสูงอีกครั้ง ควรจะชินปะวะถามจริง รู้สึกได้ว่าต้องเจอสายตาแบบนี้ไปอีกนานนนเลย

   มันส่ายหัวเดินนำเข้าไปในร้าน ในร้านไม่ค่อยมีคนหรอก เวลามันยังไม่ได้ มันเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะที่มีมนุยษ์นั่งอยู่อีกสองคน หูยยย มึงมีเพื่อนกับเขาด้วยเหรอวะเนี่ย

   “ไอ้กัน มึงเอาหมากระเป๋าที่ไหนมาด้วยวะ”

   เดี๋ยว ๆ หมาตัวนั้นใช่กูปะวะ

   “หวัดดี กูชื่อวิป” ผมทักทายแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มกว้างปากแทบฉีก เพื่อนไอ้กันก็เหมือนเพื่อนเรา สนิทกันไว้มีแต่ดีกับดี
   “สัด! เจอหน้ากันก็ขึ้นมึงขึ้นกูเลยไง!” ไอ้คนตัวสูงหน้าขาวในนั้นตบโต๊ะก่อนจะคว้าขวดเบียร์ขึ้นมา ผมผวาเฮือกกอดแขนไอ้กันแน่นเลย เพื่อนมึงจะฆ่ากูแล้วกัน เหี้ยยย~ โหดร้ายทั้งกลุ่มเลยสัด

   “เฮ้ยมึง มันกลัวมึงแล้วเห็นมั้ย” ไอ้แว่นที่นั่งอยู่พูดขึ้น

   “เออ นี่แหละที่กูต้องการ แกล้งเล่นนะหมาเป๋า” มันวางขวดลงก่อนจะยิ้มเยิ้ม ๆ ให้ผม ไอ้กันสะบัดแขนออกด้วยความรำคาญแล้วเดินเข้าไปนั่ง ผมยืนสาปแช่งพวกแม่งอยู่ในใจ อย่าให้ถึงทีกูนะพวกมึง เลวมาก เพิ่งเจอหน้ากันมึงก็แกล้งกูแล้ว นิสัยเสียยย~

   “หวัดดี กูชาน ไอ้แว่นนี่ชื่ออาร์ค” ไอ้หน้าขาวแนะนำตัวเสร็จสรรพ ผมพยักหน้ารับ ลงนั่งข้างไอ้กัน เบียร์เย็น ๆ ก็ถูกยื่นมาตรงหน้าทันที

   “เดี๋ยว ๆ กูรู้จักกับพวกมึงเหรอ มาถึงก็ให้กูแดก”

   “เลือกเอา จะแดกเบียร์หรือจะแดกตีน” ผมเบะปาก หันมองไอ้หน้าโหดข้างตัว แม่งก็ไม่มีสนใจผมเลยสักนิด ช่วยกูหน่อยดี้ กูเพื่อน (ใหม่) มึงนะเว้ย ทำแบบนี้มันไม่ถูก

   ผมจำต้องยกเบียร์ขึ้นดื่มตามที่ไอ้ชานต้องการ มันยิ้มพอใจแล้วหันไปนั่งคุยกันต่อ ส่วนผม…กำลังแดกเบียร์ขวดนี้ให้หมด ๆ ไป

   จากที่นั่ง ๆ กันอยู่ก็กินแต่เบียร์นะ ผมนี่หิวด้วยเลยสั่งข้าวมากิน โดนไอ้กันด่าว่าวุ่นวายไปอีกรอบ กูไปแดกบนหัวมึงหรือไงแสส และพอหลัง ๆ มานี่เริ่มเลื้อยไปเหล้า และมาจบด้วย…เหล้าขาว!


   ตึง!

   “หมดแก้วเลยหมาเป๋า” เรียกกูได้น่ารักมาก มันเลื้อยแก้วมาตรงหน้าผม ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมอาจจะปฏิเสธ แต่ในตอนนี้ ตอนที่ร่างกายมีแอลกอฮอล์อยู่ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นนั้น…ไม่มีปฏิเสธ

   “จัดมา ไอ้วิปสู้ตาย” ผมคว้าแก้วยกขึ้นดื่ม แวบแรกที่กลืนโคตรจะแสบร้อนคอ อะหื้อออ~ กูไม่เคยกินอะไรแรง ๆ แบบนี้มาก่อน ยกแล้วก็จำใจต้องหมดแก้วอย่างที่ไอ้ชานต้องการ มีไอ้แว่น (มันชื่อไรวะลืม) นั่งลุ้นอยู่ข้าง ๆ

   “ถ้ามึงเมาเป็นหมากูจะทิ้งมึงไว้ข้างทาง” เสียงดุ ๆ โหด ๆ แบบนี้มีคนเดียวกูมั่นใจ

   “อ่า…” หมดแก้วปุ๊บก็หลุดเสียงออกมาเลย ร้อนวูบวาบไปหมดเลยกู ไอ้ชานตบโต๊ะชอบใจ ผมว่าแม่งไปแล้วแน่ ๆ ไอ้ห่านี่ ผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไอ้กันดูชิลมาก มึงแดกกับเขาปะวะเนี่ย

   “เฮ้ยกัน~ กูมึน~” แก้วเดียวรู้เรื่องเลยกู

   “เฮ้อ…” มันถอนหายใจเอือม ๆ แล้วผลักหัวผมไปหนึ่งที ส้นตีน! ก็บอกอยู่นี่ว่ากูมึนมึงยังจะผลักอีก เดี๋ยวกูก็อ้วกใส่แม่งซะเลยหนิ

   “เอาอีกเปล่า” ไอ้แว่นถามพร้อมกับยื่นมือออกมาจะหยิบแก้วตรงหน้าผม

   “จัดมา~”


   ผัวะ!

   “อื้อ ใครวะ” ผมลูบหัวตัวเอง หันไปก็เจอไอ้กันทำหน้าหงุดหงิดใส่เลย แล้วมึงตบกูหาพ่อมึงเรอะ อย่านะ อย่าให้กูต้องลงไม้ลงมือกลับมา อย่าหาว่ากูไม่เตือน

   “กูกลับละ เดี๋ยวแม่งจะเป็นภาระกูมากกว่านี้”

   “เอ้อออ ตามบาย ๆ ว่าแต่…มันเป็นใครวะ” ไอ้ชานยกมือขึ้นโบกลา แหมมม มึงไม่ถามพรุ่งนี้หรือไม่ก็ตอนเจอกูอีกครั้งเลยล่ะ สลิด นั่งแดกกับกูตั้งนานจนจะสนิทกันอยู่ละเพิ่งมาถาม

   “มันอยู่แถวบ้านกู” ไอ้กันตอบเพื่อนแค่นั้นแล้วลากผมออกมาเลย ผมรู้นะว่ามันลากผมออกมาทำไม

   มึงจะไม่จ่ายค่าเหล้าใช่มั้ยสาด เพื่อนเลว~ ปล่อยให้เพื่อนตัวเองจัดการซะงั้น เออ…แต่ก็ดี กูก็จะได้กินข้าวฟรีด้วย อิ่มเลยกูไม่ต้องจ่าย ฉ่ำปะล่ะ

   เอาจริงๆ ผมไม่เมานะเว้ย เรื่องจริงเลย รู้สึกตัวทุกอย่าง แค่รู้สึกว่ามันร่าเริงเพิ่มขึ้นกว่าปกติ เหมือนอยากจะพูดมากกว่าปกติ และแบบ…มึนหัวมากกว่าปกติ

   ไอ้กันพาผมกลับ เลี้ยวเข้าซอยบ้านมาได้หน่อยก็เริ่มรู้สึกตัวว่า ผมนั่งกินกับพวกมันอยู่นานพอสมควรเลย เพราะตอนนี้ในซอยเงียบมาก ปกติพอฟ้ามืดก็ไม่ค่อยมีคนเดินแล้ว แต่ตอนนี้เงียบสุด ๆ แสดงว่าต้องดึกมากแล้วแน่ ๆ

   “กัน ๆ”

   “ไร”

   “มึนมากเบย~”

   “ปากมึงเป็นส้นตีนอะไร พูดให้มันชัด ๆ ดิ๊!” นั่น ว้ากกูกลับมาอีก เดี๋ยวกูก็อ้วกใส่หลังแม่งซะเลยหนิ

   “กัน ๆ”

   “ไร” เลเวลความโหดเพิ่มขึ้นมาหน่อยละ

   “มึงว่ามันหนาว ๆ ปะวะ” ผมพึมพำ ๆ หน้าแทบจะทิ่มแผ่นหลังแข็ง ๆ ของมันแล้ว หัวมันหมุน ๆ ไงไม่รู้ แต่ไม่เมานะ รู้สึกตัว ไม่มั่วด้วย~

   “มึงนั่งเงียบ ๆ เหอะ กูรำคาญ”

   “โอเค~”

   ขับเข้ามาอีกนิดผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังทะเลาะกัน ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต ผมก็มองไปข้างทาง พอดีกับที่ไอ้กันขับรถผ่านพอดี ผมเห็นผู้ชายตัวใหญ่ ๆ กำลังลากไอ้เด็กตัวเล็กอยู่ แม่งร้องไห้ฟูมฟายน่าสงสารเป็นยิ่งนัก ด้วยความที่เป็นคนดี ผมเลย…สะกิดไอ้กันอีกครั้ง

   “กัน ๆ”

   “เหี้ยไรมึงอีก”

   “มึงจอดก่อน เห็นมั้ยว่าคนกำลังเดือดร้อน” ผมตบหลังมันรัว ๆ จนมันยอมจอด ผมชี้นิ้วไปด้านหลัง ไอ้กันชักสีหน้าไม่พอใจ หูยมึง ไอ้คนแล้งน้ำใจ ไอ้คนคบไม่ได้

   “แล้วมันใช่เรื่องของกูหรือไง” หน้าเอือมได้อีก

   “แสสสส มนุยษ์โลกยังไงก็ต้องช่วยกันดิว้า~” ผมเบ้หน้าใส่มัน ก่อนจะตะกายลงจากรถ เดินเซ ๆ ไปทางสองคนนั่น ได้ยินเสียงไอ้กันจิ๊ปากไม่สบอารมณ์ตามหลังมา

   “เฮ้ยพี่ หยุดก่อน” ผมส่งเสียงร้องออกไป ทำให้ผู้ชายคนนั้นหยุดลากน้องมัน โหยยย มองในที่มืดนี่มึงน้ำตานองหน้าเลยว่ะน้อง มันมองผมเหมือนมีความหวัง กูนี่ดั่งพระเจ้ามาโปรดเลยสินะ

   “เสือกไร”

   “เสือกเรื่องของพี่อะ” ด้วยความที่มีน้ำเมาอยู่ในเลือดเลยทำให้ผมปากหมาเพิ่มขึ้นมาหน่อยนึง พี่แกดึงหน้าโหดใส่ผม ไอ้ผมก็ตีมึน ปกติกูไม่ใช่คนแบบนี้นะเนี่ย กูเมาเฉย ๆ จริง ๆ นะ

   ผมเดินไปดึงแขนไอ้น้องนั่นออกมา และเหมือนว่าการกระทำของผมจะไปสะกิดติ่งโมโหของพี่แกให้เพิ่มมากขึ้นมั้ง เพราะพี่แกปล่อยหมัดเข้าที่ใบหน้าของผมทันที ชาไปทั้งซีกเลยกู ล้มลงไปกองกับพื้นแบบสวยงาม

   ท่ากูสวยมั้ยเมื่อกี้นี้

   “เหี้ยเอ๊ย! หาเรื่องให้กูตลอด” สติยังกลับมาไม่หมด มันปลิวไปกับแรงต่อยเมื่อกี้นี้ รับรู้แค่ว่าได้ยินน้ำเสียงดุโหดที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้ ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังโดนต่อย

   กัน ๆ มึงต่อยเขาหรือเขาต่อยมึงวะ?



___________________________

อะหื้ออออออออ ต้องบอกว่าวิปไม่ใช่นายเอกของเรื่องนี้นะคะ วิปมันเป็นตัวสร้างความวุ่นวายต่างหาก ฮ่าๆๆ



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-11-2015 20:58:23
อะไรน่ะ  ไม่จริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เค้ามโนไไไกลแล้วน่ะ ไม่น่ะ วิปกัน อ่ะ ฮือๆๆๆๆ
แล้วใครคู่ใครหรอเรื่องนี้ อย่าบอกน่ะน้องที่ร้องไห้ตอนนี้ แบบว่าตอนนี้หลงวิปกันแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 01-11-2015 21:02:41
วิป มีตรงไหนปกติมั่งเนี่ยะ
ปล. ที่กันไม่สน นา นี่ไม่ใช่ว่า สนแต่ผู้ชายหรอกนะ หุหุ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2015 21:51:30
สกิลตีเนียนสุดยอด
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 03-11-2015 07:43:14
วิปนายสุดยอดมากกกกกตีเนียนได้แบบเนียนมากกกกก พี่กันคงต้องยอมๆ รำคาญน้องวิปไปแล้วล่ะงานนี้
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 04-11-2015 13:19:16
ฮือ วิปตลกมาก 555555555

สกิลตีเนียนหน้ามึนนี่สตรองค่ะ สตรองจริงๆ555555555

นานาควรจะดีใจที่วิปมันทำให้ขนาดนี้มั้ยเนี่ย5555

ถ้าเราเป็นกันเราก็งงอ่ะ อะไรของมันนนนน นี่โดนเงียบใส่กับดีดหน้าผากนี่ซอฟท์สุดๆแล้วอ่ะ จริงๆ555

รอตอนต่อไปค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 04-11-2015 19:12:21
เฮ้ย ชอบอะ ต่ออีกกกกกกก พลีสสสส
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ปุกปิกกุ๊กกิ๊ก ที่ 05-11-2015 01:23:14
เอ้ยค้างงงงงงงงงงงงงงงงงง :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 3] [1 - 11 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 05-11-2015 01:32:28
วิปพูดึนเดียวแทบทั้งเรื่อง 555555
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 4] [10 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 10-12-2015 14:42:31


ตอนที่ 4



 

 

            ผมสะบัดศีรษะไล่ความมึนออกไป เพ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้า ก็เห็นว่าไอ้หล่อกันมันกำลังใช้เท้ายันลงไปที่หน้าอกของไอ้พี่คนนั้นที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้น เห็นภาพโหดๆ แบบนั้นแล้วทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอ


            ขาแม่งยาวมากอะ กูอิจฉา


            “เฮ้ยน้อง เป็นไงมั่ง” ผมลุกขึ้นเดินเซๆ เข้าไปหาไอ้เด็กนั่น หน้าละอ่อนเชียวมึง มันหันมามองผมก่อนจะทำหน้าแบบ…พี่ห่วงตัวพี่เองก่อนเหอะไรแบบนั้น แหมน้อง พี่โอเคทุกอย่าง ถึงแม้ว่าพี่เริ่มจะยืนไม่ตรงแล้วก็เหอะ


            “โอ้ย ไอ้เหี้ย” เสียงของพี่คนนั้นที่นอนร้องโอดครวญอยู่ใต้ทีนของไอ้กัน มึงนี่มีความสามารถจริงๆ นะ กระทืบคนอื่นเข้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยแบบนั้น ผมกำลังจะเดินเข้าไปห้าม แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวๆ ของเลือดที่อยู่ในปาก


            ชัดเลย ปากแตก!


            พรึ่บ ตุบๆ


            “นี่ๆ เอาคืน ไอ้สาด” ผมเดินเซๆ เข้าไปใช้เท้าเตะๆ ไอ้พี่คนนั้น แม่งมองผมอย่างโกรธแค้น กูแค้นมึงมากกว่าอีกพรรคพวก ไอ้ห่า ถ้ากูกินข้าวฝีมือปู่แล้วไม่อร่อยนะ กูจะเผาพริกเผาเกลือแช่งมึง สาด!


            “มึงก็หยุดซ่าสักที นิ่ง!” ไอ้กันที่ทนมองดูผมในสภาพนี้ไม่ไหวก็ตะคอกออกมา


            “โอเค~” ตอบกลับเสียงอ่อยๆ แล้วยืนเป็นเด็กดีให้ไอ้กันมันเคลียร์พื้นที่ มันดึงคอเสื้อพี่ตัวใหญ่ขึ้นมา กันเอ้ย เขาบึ้กกว่ามึงเยอะเลยอะ นักกล้ามชัดๆ แต่มึงกลับยกเขาขึ้นมาแบบเบาสบายสไตล์ลอรีเอะ โหดสลัด


            “ปล่อยกู!”


            “ไสหัวไป” ไอ้กันมันพูดแค่นั้น แต่เป็นแค่นั้นที่ข่มขู่ชัดๆ เสียงโหดมาเต็ม พี่แกปัดมือไอ้กันออกแล้วชี้หน้าด้วยความแค้นเคืองท่าทางเหมือนอยากจะพุ่งเข้าใส่อีกรอบ เอาเลยพี่ ต้องการมวยนะตอนนี้ อะหื้ออออ~


            หมับ!


            “ขะ…ขอบคุณมากฮะ”


            เอ้าเด็กเหี้ยยยยย~


            ผมยืนหน้ามึนมองไอ้หนูตัวเล็กที่ลุกขึ้นมาพุ่งเข้าใส่ไอ้กันที่ยืนอยู่ มือเล็กเกาะแขนมันไว้แน่น คือมึงงงงง~ หันมาสี่สิบองศาสิเบบี๋ มึงจะได้เห็นคนที่พุ่งตัวเข้ามาช่วยมึงก่อนใครเลย


            กูมายืนทำอะไรตรงนี้วะเนี่ย


            “เอ่อน้อง พี่นี่ช่วยน้อง สนใจกันสักนิดมั้ยหืม ปากกูแตกด้วยอ่ากัน” บอกไอ้น้องมันเสร็จก็หันไปโวยวายกับไอ้เพื่อนรัก (?) มันชักสีหน้าไม่พอใจทันที แบบนี้มึงห่วงเพื่อนมึงช้ะ แหม ซึ้งใจจริงๆ


            “แหะๆ ขอบคุณมากครับ” สามวิที่มันมองผม ก่อนจะกลับไปทำตาวิ๊งๆ ใส่ไอ้กันมันต่อ แหมไอ้น้อง เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้เลยเนอะ กูมองไม่ออกเลยมึงต้องการอะไร และไอ้กันก็ยังคงเป็นไอ้กัน มันดึงแขนออกมาแบบไม่ไว้หน้า เล่นซะน้องมันเหวอเลย กูขอแอบยกนิ้วโป้งให้มึงเลยกัน


            “บ้านอยู่ไหน”


            “จะไปส่งเหรอฮะ” ตาเป็นประกายเชียวน้อง


            “เปล่า กูจะบอกให้มึงกลับบ้านไปซะ” ไอ้พ่อคุณนี่ก็ไร้เยื้อใยตลอด ผมด้วยความที่เป็นคนดี (ตั้งแต่กระโดดลงจากรถไอ้กัน) เราก็ต้องดีให้จบ ผมเดินเข้าไปกอดคอไอ้เด็กนั่น


            “แผลเต็มตัวเลยน้อง กลับบ้านทำแผลดีกว่า ว่าแต่…มีเรื่องอะไรกันวะ” เปล่าเสือก แค่ถามเหตุการณ์จริงๆ นะเออ


            “แฮ่! แฟนผมเองแหละ แบบๆ ทะเลาะกัน แต่เลิกกันแล้วนะฮะ!” ประโยคหลังหันไปบอกกับไอ้กัน มึงช่วยดูหน้ามันด้วยว่ามันสนใจมั้ย ว้าย หน้าแตกอะดิ


            ไอ้กันถอนหายใจ มันใช้มือขยี้หัวตัวเองอย่างรุนแรง เห็นแบบนั้นผมก็เข้าใจได้ทันทีเลย…แม่งคันหัว ผมไม่สระ สกปรกสาด!


            “นี่ไอ้หนู มึงเลิกคิดซะเหอะ พี่รู้ว่าน้องต้องการอะไร แต่คนนี้ไม่ได้ ห้ามๆ” ผมกอดคอกระซิบบอกมัน แต่มึงงงง~ ทำไมเสียงกระซิบกูดังจังวะ ไอ้กันถึงกับหันกลับมามอง เด็กน้อยย่นจมูกใส่ผม น่ารักตายแหละมึง เดี๋ยวดีดจมูกหัก


            “ทำไม พี่หวงเหรอ”


            “หวงดี้!!~” เสียงดังชัดแจ๋ว คราวนี้ไอ้กันหันกลับมามองเต็มๆ ตาเลย ผมฉีกยิ้มประจบพี่ท่านเลย เดี๋ยวจะองค์ลงซะก่อน มันถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะเดินกลับไปที่รถของมัน เห็นแบบนั้นผมก็ตาโต เดี๋ยวๆ มึงอย่าเพิ่งคร่อม เดี๋ยวมึงทิ้งกู ไอ้ห่านจิก!


            “กันๆ มึงใจร่มๆ นะ กูเมา กูเดินกลับไม่ไหว เอากูไปด้วย”


            “เรื่องของมึง” แอร๊ยยย โหดร้าย~


            “แฟนพี่เหรอ” ไอ้เด็กข้างตัวผมมันถามด้วยความสงสัย ผมหันขวับไปมอง ก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ เลยพ่อคุณ


            “กูจองให้เพื่อนกู มันรักกันมาก มันขาดกันไม่ได้ มีกันและกันเท่านั้น” ตีหน้ามึนเล่าเรื่องจริง (อีกเดี๋ยวก็เป็นน่า) น้องมันทำหน้ายุ่งมองแผ่นหลังกว้างของไอ้กันด้วยความเสียดาย เด็กสมัยนี้ไวไฟว่ะ สายตามึงนี่จะกลืนกินไอ้กันแบบสุดๆ


            แล้วก็สรุปด้วยการที่ไอ้กันต้องขับรถไปส่งน้องมันที่บ้าน ดีนะที่อยู่ซอยเดียวกัน ไม่งั้นพี่ท่านได้มีทิ้งให้กลับเองแน่ๆ บ้านน้องมันอยู่เลยบ้านไอ้กันเข้าไปอีก พอส่งน้องมันเสร็จก็ขับกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ของไอ้กัน มันจอดรถที่หน้าบ้าน ใช้มือเอื้อมมาดันๆ หัวผมเป็นการไล่ลง


            รุนแรง เดี๋ยวดีดให้


            “กลับบ้านไป”


            อ้าวเฮ้ย ไล่ง่ะ


            “กูเพื่อนมึงนะกัน”


            “มึงไม่ใช่เพื่อนกู” มันบอกหน้าตาเฉย หมุนตัวจะเดินไปเปิดประตู ผมพ่นลมออกทางจมูกเหมือนกระทิงพร้อมขวิด ก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่ร่างสูง


            หมับ!


            เกาะหลังแม่ง!


            “เฮ้ย ไอ้เหี้ยเตี้ย!” ไอ้กันร้องโวยเมื่อจู่ๆ ก็โดนผมกระโดดเกาะหลังอีกครั้ง คราวนี้ผมใช้ขาล็อคเอวมันไว้แน่น สะบัดยังไงกูก็ไม่มีหลุดอะงานนี้ กูอัพเวลนะสัด มือก็ล็อคคอมันไว้ไม่ปล่อย


            “กันๆ นอนด้วยดิ” ในระหว่างที่มันกำลังพยายามจะดีดผมให้หลุดจากหลัง ผมก็เอ่ยบอก ตีหน้ามึนเข้าไว้ ลองคิดดูดิ นอนกับมันผมก็มีโอกาสที่จะบิ้วให้มันชอบไอ้นานา เห็นมั้ย มีแต่ได้กับได้ แถมที่สำคัญนะ…เตียงมันนุ่มมากเลยพ่อคุณ


            “มึงอยากตายใช่มั้ย” นอกจากจะไม่ตอบรับแล้วยังกดเสียงโหดดุใส่ผมอีก ผมเลยใช้ไม้ตาย


            “ไม่ให้กูนอนกูกัดหูมึงจริงๆ ด้วยอะ เอาดิ” ว่าแล้วก็ส่งเสียงแง่งๆ ข้างๆ หูของมัน ได้ยินพี่แกจิ๊ปากแบบอารมณ์ไม่ดี รู้สึกได้ว่าต้องเตรียมสวดมนต์เอาไว้แล้วแหละ องค์จะลงแล้ว~


            “ถ้ามึงไม่ลงไปกูกระทืบมึงแน่!” เมื่อสะบัดไม่หลุดมันก็เปลี่ยนมาขู่ผมแทน ถามว่ากลัวปะ เออ กลัว ลงอย่างว่านอนสอนง่ายเลยพ่อมึง ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเอานิ้วจิ้มๆ กัน ได้ยินเสียงมันถอนหายใจอีกครั้ง กันๆ ถอนหายใจมากๆ ไม่ดีนะเว้ย เดี๋ยวมึงแก่เร็วนะ


            “เข้ามา” มันว่าอย่างจำใจ เท่านั้นแหละ ผมยิ้มแฉ่ง เดินลั้นลาตามหลังมันเข้ามาในบ้าน ไอ้กันเอารถไปเก็บแล้วเดินนำขึ้นมาบนห้อง เปิดประตูปุ๊บผมก็จะพุ่งหลาวเข้าใส่เตียงนุ่มๆ ที่ผมคิดถึง แต่มันติดตรงที่ไอ้กันมันคว้าคอเสื้อผมไว้ก่อน


            “อย่าขึ้นเตียงกู”


            “อะไรวะ มึงรังเกียจกูเหรอ” ผมทำหน้าหาเรื่อง เดี๋ยวก็ปั๊ดจับซุกรักแร้ กูไม่เหม็นนะเว้ย


            “เออ ไปอาบน้ำ” มันชี้นิ้วสั่งพร้อมกับเปิดตู้แล้วค้นๆ หยิบเสื้อกับกางเกงมาโยนใส่ผม สายตาดุจัดของมันบ่งบอกว่าถ้าเกิดผมไม่ทำตามที่มันสั่ง มันจะจับผมโยนออกนอกห้อง ผมก็เลยได้แต่เดินเข้าห้องน้ำอย่างที่เด็กดีเขาทำกัน


            พอผมอาบน้ำเสร็จไอ้กันก็เข้าไปอาบต่อ และเวลานี้แหละเป็นเวลาหรรษาของผม พุ่งตัวขึ้นไปกลิ้งๆ บนเตียงนุ่มๆ มันนุ่มนิ่มนอนสบายดีจริงๆ ฝังหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ก็ได้กลิ่นเฉพาะตัวของไอ้กันมันด้วย


            เหมือนจะเคลิ้มว่ะ อะหื้อออออ~


            แกร๊ก


            ผมเด้งตัวขึ้นมานั่งเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก มันหยุดมองผมที่นั่งหัวฟูอยู่บนเตียงก่อนจะส่ายหน้าแบบช่วยไม่ได้ เดินเอาผ้าเช็ดตัวไปตากก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง ผมก็กระดื๊บๆ ไปตรงหน้ามัน


            “มึงๆ วางคุยเรื่องไอ้นานากับกูยัง” ว่าแล้วก็เข้าเรื่องเลยทันที ป่านนี้นานาแม่งรอนานละ สามีไม่ได้สักที แล้วก็แบบ…พอผมเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา ไอ้กันก็ออกแนวรำคาญอีกแล้ว หยาบคายมากไอ้หน้าโหด เพื่อนกูออกจะสวยเด็ดเอวดี


            “กูจะนอน”


            “แต่เฮ้ยมึง…”


            “ไอ้เหี้ยเตี้ย!”


            “โอเค~” ดุไงไอ้สัดดุ เหมือนหมาเลยมึง ผมมุบมิบปากด่ามัน เอาแบบให้เห็นเลย และพอมันเห็นมันก็นิ่งไป ผมเริ่มขนลุกซู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ และเหมือนว่าชีวิตจะไม่ปลอดภัย แล้วก็ต้องหลับตาปี๋เมื่อไอ้กันมันยื่นมือมาตรงหน้าผม


            เพี้ยะ!


            ตุบ!


            “โอ้ย ไอ้สลิดดก!”


            ผมร้องโอดครวญ เสียงแรกน่ะเป็นเสียงจากการที่ผมโดนดีดหน้าผาก…อย่างแรงมาหนึ่งที เสียงที่สองเป็นเสียงตัวผมที่ลอยลงมาจากเตียงด้วยท่วงท่าสวยงาม ลงมากองกับพื้น และตามมาด้วยหมอนหนึ่งใบ


            “นอนล่าง” ผมตาโต ส่ายหน้ารัวๆ แบบไม่ยอมรับเลย คือมึงงงงง~ กูมานี่เพื่อจะคุยกับมึงโดยเฉพาะ และพอไม่ได้คุยเรื่องต่อมาที่ต้องการก็คือเตียงของมึงเลยกัน มึงทำแบบนี้กับกูไม่ได้นะ กูเสียใจอะหื้อออ


            “กันๆ ยังไงเราก็เพื่อน…”


            “ถ้ามึงพูดอีกกูมีให้มึงสองตัวเอง จะเอาตาย…หรือจะเอาตีน”


            กูขอสาปแช่งมึง!


            “โอเค~ ง่วงมากเลยอะมึง ฝันดีๆ” ทิ้งตัวลงนอนแบบจำใจ พื้นแข็งโพด รับรองได้ว่าพอตื่นขึ้นมาแล้วอาการปวดหลังมาทักทายกูแน่ มองเตียงตาระห้อยเลยกู


            นอนๆ ไปสักพักผมก็เริ่มรู้สึกหนาวๆ ขึ้นมา ก็แหม พี่แกเล่นให้หมอนมาใบเดียว คงหลับสบายตลอดทั้งคืนมั้ง เป็นแบบนี้แล้วอยากกลับไปนอนที่บ้านจัง ผมผงกหัวขึ้นไปมองไอ้ตัวร้าย พี่แกหลับตาพริ้มสบายอกสบายใจ


            “กันๆ”


            เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับ


            “กันๆ นี่” เพิ่มเลเวลด้วยการเอานิ้วจิ้มๆ แขนมัน จิ้มจนมันยอมลืมตาขึ้นมาอะ ดีนะที่ปิดไฟนอน ไม่งั้นคงผวากับแววตาดุๆ ของมัน แม่งหมาบ้าอย่างที่ไอ้ตองพูดไว้ไม่มีผิด


            “แบบ…นอนพื้นมันหนาวอะ แข็งด้วย” ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องให้น่าสงสาร แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆ ไอ้กันมันก็เด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง ถึงจะมืดแต่ก็รู้ได้ว่ามันอารมณ์เสียแค่ไหน มึงๆ มึงอย่านะเว้ย กูสู้มึงไม่ได้นะเว้ย!


            “มึงรู้ตัวมั้ยว่ามึงโคตรน่ารำคาญเลย”


            “ก็แบบ…พอรู้นิดนึง” ทำมือนิดนึงให้มันดูด้วย


            “กูอยากจะฆ่ามึงนัก” เสียงโหดเสียงเข้มมาเลย ดีหน่อยที่มันยังไม่ยื่นมือออกมา ไม่งั้นกูคงกลัวมึงมากกว่านี้ มาแค่คำขู่กูยังพอทน


            “หูยยยย ไม่เอานะกันๆ ติดคุกนะ”


            “สัสเอ้ย! นอน!!” มันตะคอกออกมาอีกครั้ง ผมย่นคอหนี เอะอะก็เสียงดังตลอด เด็กๆ แดกอะไรเข้าไปห้ะ เสียงดีฉิบหายเลย ไอ้กันกำลังจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ผมฉุดแขนมันไว้ก่อน


            “พื้นมันแข็งง่ะ”


            “แม่งเอ้ย!! มึงมันตัววุ่นวาย!”


            พรึ่บ!


            โอ้ะโอ้วววววว~ มิชชั่นคอมพลีท! ไอ้กันคงทนรำคาญผมไม่ไหว เพราะมันดึงตัวผมทีเดียวผมก็ย้ายขึ้นมานั่งบนเตียงแล้ว เมื่อกี้แวบหนึ่งผมตกใจด้วย คิดว่ามันจะลงไม้ลงมือกับผมซะอีก ที่ไหนได้ดึงขึ้นมานอน


            “หูยยยยย กันๆ~”


            “ถ้ามึงยังไม่เงียบปากคราวนี้มึงได้เดินกลับไปนอนที่บ้านมึงแน่” มันขู่อีกครั้งแล้วยื่นมือออกมาจับตรงคอผมแล้วดันให้นอนลง เหี้ย! ถึงกับหายใจไม่ออกไปแวบหนึ่งเลย จะหันไปด่าแต่พอเจอสายตาดุๆ ในระยะใกล้แบบนี้ก็งับปากตัวเองทันทีเลย กลัวแล้วจ้ะ แฮ่~



…………………………….



            พอเช้ามาไอ้กันก็ไล่ผมกลับบ้านทันที ไม่ใช่ว่ามันรอให้ผมตื่นนะ แม่งปลุก! ปลุกบ้านมันผมเพิ่งจะรู้ว่าใช้ส้นตีนปลุกด้วยการถีบให้ตกเตียง เจ็บตูดยังไม่เท่าเจ็บใจ มันก็ไม่สงสารหรอก นอกจากชี้นิ้วไล่ผมออกมา แอบเห็นนะว่ามึงยิ้มขำกูน่ะ ไอ้เพื่อนเลวววว


            ผมกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน แต่ยังไม่เรียนหรอก มีเรื่องสำคัญต้องทำก่อน พอถึงก็พุ่งตัวไปหาไอ้นานาที่กำลังนั่งดูดกาแฟอยู่หน้าตึก มันสะดุ้งตกใจที่อยู่ๆ ผมก็โผล่มา แล้วดวงตาที่กรีดซะคมกริบของมันก็ตวัดมามองหน้าผมแบบด่าๆ


            นี่ไงนา เพราะมึงแม่งนางมารร้ายแบบนี้ไงเลยไม่มีผัว


            “นานา”


            “อะไร”


            “มึงไปกับกูแป๊บนึง” เอ่ยชวนทันที เพื่อนรักคนสวยทำหน้าเอ๋อ ยังตามไม่ทันว่าอะไรยังไง เรื่องของเรื่องคือผมจะพาไอ้นานาไปเจอไอ้กันมันเลย ให้มันเจอกันแบบจะๆ ไปซะ คราวนี้ไอ้โหดไม่ปฏิเสธแน่เชื่อผม


            “ไปไหน เดี๋ยวจะได้เวลาเรียนแล้ว” ถุ้ย อย่างมึงนี่นะรักการเรียน เด็กดีขึ้นมาทันทีเลยเนอะ


            “มึงจำที่กูบอกมึงได้ปะ”


            “มึงบอกกูหลายเรื่องมากวิป กูจะไปจำหมดได้ไง ควาย!” ไอ้นานามันด่ากลับมา อื้อหื้อ~ เล่นเอาซะตัวผมรู้สึกว่าบนหัวมีเขางอกออกมาเลยว่ะ มือเรียวของมันโบกไล่ผม แล้วหันไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์ในมือต่อ ผมแอบแยกเขี้ยวใส่แบบไม่ให้มันเห็น ก่อนจะดึงโทรศัพท์มันมา


            “เหี้ยวิป!”


            เหมือนกูจะไม่ใช่คนเข้าไปทุกวัน


            “ที่กูบอกมึงไง ว่ากูหาคนที่คู่ควรกับมึงได้แล้ว โอเคเลยนะ แล้ววันนี้แหละกูจะพามึงไปเจอมัน” ยืดสิยืด ทำความดีแล้วต้องยืด ไอ้นานาอ้าปากค้าง มองแบบ…เอี้ยไรมึงเนี่ย


            “กูไม่ได้บอกสักนิดว่าอยากจะเจอนะ”


            “มึงก็ลองไปเจอดูก่อน ชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกทีก็ได้นี่หว่า” โน้มน้าวต่อไป ไอ้นานามันก็ส่ายหัวไม่ยอมไปท่าเดียว เดี๋ยวก็ปั๊ดล็อกคอแล้วลากไปเลยหนิ ห่านจิก!


            “ทำไมมึงวุ่นวายอะไรแบบนี้วะ”


            “มึงพูดงี้กูเสียใจนะ มึงคิดดูว่ากูต้องไปงมหาคนๆ นี้มาให้มึง กูเหนื่อยแค่ไหน กูต้องเจออะไรมาบ้างมึงไม่รู้หรอก ทั้งหมดที่กูทำไปก็เพื่อมึงเลยนะ” ตอแหลลลลลล~ ไม่ต้องมีใครด่ากูด่าตัวเองก็ได้ โอ้เย!!


            “เฮ้อ เออ ก็ได้” มันถอนหายใจก่อนจะยอมตกลง ผมเบนหน้ามาแสยะยิ้ม วะฮะฮ่า ใกล้ความจริงแล้วพี่น้อง เมื่อมันตกลง ผมก็ไม่รอช้า ฉุดแขนไอ้นานาให้มันลุกเดินตามมา มืออีกข้างก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ้ตองเพื่อนรักไปด้วย


            [ไงหมาวิป]


            รู้สึกวันนี้กูจะเป็นทุกอย่างเลยนะ ยกเว้นเป็นคน


            “ตอง มึงเดินไปดูไอ้หมาบ้าให้กูหน่อยว่ามันอยู่ตรงไหน เดี๋ยวกูจะพุ่งตัวเข้าไปหามัน”


            [หมาบ้าไหน มึงเหรอ] ไอ้ตองมันถามกลับมา สาบานสิตองว่ามึงไม่ได้กวนตีนกูอยู่น่ะ


            “ไอ้กันไง ดูให้กูหน่อยว่ามันอยู่ไหน”


            [ก็บ่อปลาที่เดิมแหละ ถ้าอยู่ก็คืออยู่ ถ้าไปไม่เจอก็คือไม่อยู่ นอกนั้นกูก็ไม่รู้แล้ว] ดู๊~ ดูมันทำ เพื่อนกันจริงปะวะ ทำไมเพื่อนๆ ผมถึงได้ทำตัวแบบนี้กันหมด เสียจายยยย~


            “ก็เดินไปดูให้กูหน่อย ถ้ามันไม่อยู่กูจะได้ไม่ต้องไปเสียเที่ยวไง นะๆ อ้อนนะ” ทำเสียงอ้อนใส่มันไปด้วย ได้ยินไอ้ตองมันแอบร้องอี๋ด้วย ขนลุกในความน่ารักของกูล่ะซี่~ กูเข้าใจๆ


            [เออ รอแป๊บ ไม่ต้องวาง กูจะไม่โทรกลับ]


            “กูรู้ บ้านมึงจน”


            [จนพ่องเด่ะ!!] โอ้ย โดนด่าแล้วสบายใจ


            “เดี๋ยววิป นี่มึงลากกูมามึงก็ยังไม่รู้เลยเนี่ยนะว่าเขาอยู่ไหน แถมไม่รู้อีกว่าไปแล้วจะเจอหรือเปล่า” ไอ้นานามันหยุดเดินแล้วเท้าเอวมองผมอย่างเอาเรื่อง แหมๆ ขืนยอมรับไปตรงๆ เจ้าแม่ก็ได้ฆ่ากูน่ะสิ ดูสายตามัน น่ากลัวง่ะ


            “ก็บับบบบบ…ไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ ไปแล้วเจอชัวร์ๆ” ผมยืนยัน แต่ในใจกำลังหวั่นๆ ถ้าไปแล้วไม่เจอ กูนี่ได้เจอตีนไอ้นานาชัวร์ๆ อะหื้ออออ~


            [ไอ้วิป]


            “ห้ะๆ ว่าไง” ขานรับไอ้ตองพร้อมกับยิ้มให้ไอ้นา ใจเย็นนะเพื่อน


            [อยู่ บ่อปลา จะมาก็มา กูไม่รู้ว่าพี่เขาจะไปเมื่อไหร่]


            “โอเค แต๊งสะกิ้ว เดี๋ยวหาผัวให้”


            [ส้นตีน!!] ด่าเสร็จก็วางสายใส่เลย อะไรวะ คนอุตส่าห์หวังดี


            “ไป! มึงได้เจอว่าที่สามีในอนาคตของมึงแน่ๆ” ผมฉีกยิ้มแล้วลากไอ้นาให้เดินตามอีกครั้ง เพื่อนรักคนสวยถอนหายใจใส่ เดี๋ยวเถอะมึง ไปเจอไอ้โหดมันก่อนมึงจะไม่ถอนหายใจแบบนี้แน่ๆ


            เดินมาถึงบ่อปลาสถานที่ๆ ไอ้กันมันชอบสิง เห็นร่างสูงใหญ่กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แหม พระเอกเอ็มวีมากเพื่อนโหด ผมหันไปพยักพเยิดให้นานามัน บอกให้มันรู้ว่าตัวที่นั่งอยู่นั่นแหละ เป้าหมายของเรา


            คิ้วเรียวสวยของไอ้นาขมวดเข้าหากัน มันหรี่ตามองร่างสูงใหญ่ของไอ้กันในระยะไกลแบบสงสัยหน่อยๆ เห็นแบบนั้นผมเลยถามออกไป


            “มีไรเปล่าวะ”


            “เปล่าๆ” มันส่ายหน้า


            เหมือนจะมีแต่มันไม่ยอมบอก ผมยักไหล่ ไม่บอกก็ไม่บอก จัดการลากไอ้นาเดินเข้าไปหาพระเอกเอ็มวี ส่งเสียงออกไปทักก่อนที่จะเดินถึงตัวมัน


            “โย่วกันๆ เพื่อนมาหา”


            ร่างสูงหันมามอง แล้วใบหน้าหล่อๆ ของมันก็ออกอาการเบื่อหน่ายฉายชัดขึ้นมา แหม ทำสีหน้าอะไรไม่กลัวเพื่อนเสียใจเลยเนอะ แต่เอาเหอะ วิปไม่ถือ


            “นี่ๆ กูพาเพื่อนกูที่บอกมาเจอมึงเองเลย มาๆ มาทำความรู้จักกัน”


            ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้ามัน ชี้ๆ ไอ้นานาให้ไอ้กันมันดู และพอทั้งสองคนมันมองหน้ากันปุ๊บ ทั้งคู่ก็ชะงักไปเหมือนกันเลย มองหน้ากันอยู่แบบนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไร ผมเองก็ได้แต่ยืนมองแบบไม่เข้าใจ


            ทำไมวะ มีไรกัน


___________________________________

ขอโทษที่หายหัวไปนานมากกกกก เค้ากลับมาแล้วว จะพยายามมาให้เรื่อยๆ นะ  :mew1:




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 4] [10 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-12-2015 20:36:15
วันนี้วิแยังไม่ได้เป็นคนเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ
เขาเจอกันแล้ว ยังไงๆๆ เฉลยด่วย
วิปไม่ใช่นายเอก แอบเสียใจนิดๆๆ หาคู่ให้วิปด้วยน่ะ ชอบวิปจังเลยนางฮ่าได้ตลอด นึกว่าจะคู่กัน มาต่อบ่อยๆๆน่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 4] [10 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 17-12-2015 17:09:40
เอ๊ะ นาๆกับกัน รู้จักกับหรอ หรืออะไร ต่ออีกกกกกก
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 4] [10 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 17-12-2015 17:57:35
กันๆ กันๆ หมาวิปมันน่ารัก กันๆ ทั้งวัน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 4] [10 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 17-12-2015 20:39:33
ตื่นเต้นๆเค้ารู้จักกันเหรอ55555555
รอติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 4] [10 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 18-12-2015 00:05:33
 มาต่อแล้ว อย่าหายอีกน้าาา
สองคนนั้นต้องเคยรู้จักกันมาก่อน?
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 5] [19 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 19-12-2015 14:37:35
 

 

ตอนที่ 5

 

 

 

 

            ณ ตอนนี้เหมือนยืนเป็นของประกอบฉาก โดยมีตัวหลักเป็นไอ้หน้าโหดกับไอ้นานาเพื่อนเลิฟ พวกมันยืนจ้องกันแบบค้างๆ อยู่อย่างนั้น จนผมเองก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกไปก่อน

 

            คือมึงจะจ้องกันให้ท้องเลยมั้ย เดี๋ยวกูนั่งรอ

 

            สะกิดใจเล็กๆ พวกมันรู้จักกันเหรอ หรือว่ายังไง แต่เดี๋ยวนะ ไม่แน่พวกมันอาจจะเกิดอาการปิ๊งปั๊งกันขึ้นมาทันทีที่สบตาก็ได้ ง้อวววววว แบบนี้ต้องให้เวลาเป็นส่วนตัวนะหื้อ

 

            “อะแน่ะ! ค้างทั้งคู่ กูบอกแล้วกันๆ ว่าเพื่อนกูน่ะสวยโลกตะลึง ไง ยืนค้างเลยนะมึง” ผมเดินเข้าไปเอาไหล่กระแซะแขนไอ้กัน เลยทำให้มันรู้สึกตัว ใบหน้าหล่อๆ พอหันมาหาผมก็เปลี่ยนไปเป็นสีหน้าเบื่อๆ แทน

 

            ทำแบบนี้ใจร้าวนะ

            “ไอ้เตี้ย มึง…”

 

            “กูรู้ๆ เดี๋ยวกูออกไปก่อนนะ พวกมึงก็คุยกันไป” ผมสวนขึ้นมันก่อนที่จะมันพูดจบ ก็แหม รู้ๆ อยู่ว่าต้องการอะไร วิปซะอย่าง ไม่เคยขัด จัดให้ตลอด ตบไหล่ไอ้กันอย่างเข้าอกเข้าใจ หันกลับมายักคิ้วให้ไอ้นานา แล้วส่งซิก (ไม่รู้แม่งจะเข้าใจหรือเปล่า) เป็นการบอกให้มันจัดการซะ แล้วตัวผมก็เดินแยกออกมา

 

            พอเดินพ้นออกมาก็หามุมดีๆ แบบที่มันมองผมไม่เห็นแล้วจัดการซุ่ม ฮ่าๆ แหม เราก็ต้องติดตามสถานการณ์นะเออว่าเป็นยังไง แต่เสียดายนิดหน่อย เพราะที่ตรงนี้ไม่ใกล้พอที่จะได้ยินพวกมันคุยกัน

 

            ทั้งสองยืนนิ่งอยู่สักพัก แล้วก็เป็นไอ้กันที่เปิดปากพูดก่อน ผมยิ้มพอใจ ปากบอกไม่เอาๆ แต่มึงก็ชวนเขาคุยก่อนเลยนะพ่อ ร้ายไม่เบานะเราน่ะ

 

            “เฮ้ยวิป!”

            สลิด!!

 

            “ไอ้ตอง! ไอ้ห่า! โผล่มาแบบนี้กูตกใจหมด วันหลังมึงช่วยส่งเสียงมาก่อนด้วย” ผมสะดุ้งแล้วหันไปโวยใส่ไอ้ตอง มันโผล่มาจากไหนไม่รู้มาจับไหล่ผม ตกใจสิแบบนี้ กำลังลุ้นไอ้คู่นั้นอยู่เลย

 

            “ให้กูโทรมาบอกมึงก่อนมั้ยล่ะว่ากูจะเดินเข้ามา แล้วนี่มึงทำอะไรของมึงเนี่ย ซุ่มขโมยของไง” โถเพื่อน หน้ากูนี่ดูเหมือนขโมยขนาดนั้นเลยเหรอวะ ผมส่ายหน้า จากนั้นก็เกี่ยวคอมันมากอดพร้อมกับชี้ให้มันดูสองคนนั่นไปด้วย

 

            “กูกำลังลุ้นอยู่ มึงดูๆ แม่งคุยกันแบบนี้ แสดงว่ามันเข้ากันได้ดีแน่ๆ”

 

            “แต่ที่กูเห็นมันก็คุยกันปกตินะ ไม่เหมือนคนที่จะปิ๊งปั๊งอะไรกันเลย” แต่แล้วความคิดสวยหรูของผมก็ถูกไอ้ตองทำลายอย่างไม่มีชิ้นดี อินกับกูหน่อยก็ได้ กูไหว้ล่ะ

 

            “มึงแม่งไม่รู้อะไร พวกมันแค่รักษาท่าทีเอาไว้ก่อน”

            “แล้วมึงรู้ได้ไง” มันถามกลับ

            “เดา”

 

            “อื้มมมมม~ ดี” ไอ้ตองหน้าเอือมแล้วก็ผลักหัวผมมาหนึ่งที เดี๋ยวเถอะมึง เดี๋ยวงับหูแม่งเลย ผมฮึดฮัดใส่ไอ้ตองแล้วเบือนหน้ากลับไปมองคู่รักนั่น อยากรู้ใจจะขาดว่ามันคุยอะไรกัน แต่ถ้าเสนอหน้าเข้าไปเดี๋ยวเขาจะหาว่าเสือก

 

            “มึงว่ามันคุยอะไรกัน” จู่ๆ ไอ้ตองก็ถามขึ้น สีหน้ามันดูแหยงๆ ไงพิกล

 

            “กูไม่รู้ กูก็ยืนอยู่กับมึงเนี่ย ถ้าได้ยินกูก็เทพละ แล้วมึงทำหน้าแบบนั้นทำไม”

 

            “ไอ้ควายนี่! กูหมายถึงว่ามึงคิดว่าพวกมันจะคุยเรื่องอะไรกัน กูไม่ได้ถามว่ามึงได้ยินมั้ย หน้าเหมือนหมางงแล้วยังเสือกโง่อีก” หูยยยสายตาทิ่มแทง พูดแบบนี้ตัดเพื่อนเลยมั้ย ฟันเฉาะหัวแม่ง!

 

            “แต่กูแหยงๆ ว่ะ มึงดูไอ้นานาดิ แหมมมม หน้าตาเรียบร้อยซะจริงๆ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายเนี่ย มึงลองเปรียบกับตอนที่มันองค์ลงดิ สยอง” ไอ้ตองยกมือขึ้นลูบแขนแสดงอาการขนลุกขนพอง ผมลองนึกภาพตาม

 

            อืม…เห็นด้วยกับมึงเลยตอง

 

            “เฮ้ยวิป! มึงดูๆ” หลอนกับภาพของไอ้นานาได้แป๊บหนึ่งไอ้ตองก็เขย่าตัวผมอย่างแรง มือเล็กๆ ของมันก็ชี้ให้ดูไอ้กันกับไอ้นา ผมมองตามแล้วก็ต้องอึ้งนิดๆ

 

            ไอ้นาแม่งยิ้ม! ยิ้มแบบ…ไม่ใช่แสยะยิ้มชวนขนลุกแบบนั้นอะ

            “นั่นไง! กูบอกแล้วว่าพวกมันต้องได้กัน!” ผมตบหลังไอ้ตองดังอั๊ก เป็นไงล่ะ ฝีมือกู

            หมับ!

            “โอ้ว หมาเป๋าจริงๆ ด้วย มึงมาทำอะไรวะ”

            หืม? ใครวะ

 

            ผมหันไปมองไอ้คนที่โผล่มาจากรูไหนก็ไม่ทราบ เข้ามากอดคอกูเฉยเลย และพอมองดีๆ ก็ระลึกได้ มันเพื่อนไอ้กันนี่หว่า คนที่ใส่แว่นหน้าหล่อๆ มันยักคิ้วทักทายผม

 

            “มึง…ชื่อไรวะ”

 

            “อ้าว ลืมกูซะงั้นอะ” มันพูดยิ้มๆ ดูไม่โกรธอะไรที่ผมจำมันไม่ได้ เอาจริงๆ ผมลืมชื่อมันจริงๆ นะ วันที่เจอมันจำได้อย่างเดียวคือ…กูโดนต่อย เจ็บสาดดด

 

            “เฮ้ยหมาเป๋า!”

 

            เออดี คนแรกกูยังนึกชื่อมันไม่ออก ไอ้คนที่สองก็โผล่มาละ และถามจริง มึงก็ลืมชื่อกูใช่ปะ เรียกหมาเป๋าๆ อยู่นั่นแหละ

            “เอ้อ! หวัดดี เป็นไง สบายดีมั้ย” กูนี่ก็ทักเหมือนรู้จักกันมาเป็นชาติ

 

            “มึงมาทำอะไรที่นี่วะ” ไอ้คนที่สอง (อีกนิดกูจะเรียกพวกมึงบีหนึ่ง บีสองละนะ) มันถาม แล้วมันก็หันไปเห็นเพื่อนรักของตนเองกำลังยืนอยู่กับสาวสวย คิ้วเข้มเลิกขึ้น และมันก็กำลังจะก้าวเข้าไปหา ผมนี่รีบสลัดแขนไอ้คนที่หนึ่งไปตะครุบไอ้คนที่สองไว้เลย

 

            “เฮ้ย อะไรมึงเนี่ย”

            “ไปไม่ได้!”

            “เพราะอะไร เฮ้ย! ปล่อยกูก่อน” มันเซตามแรงดึงของผม แหมภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย ลากควายได้ด้วยกู

            “เพราะกูสั่ง”

            “กูจำเป็นต้องเชื่อหมาเป๋าปะ” มันกอดอกถาม

 

            “พลีสสสส~” ประกบมือเข้าด้วยกัน ทำหน้าอ้อนวอนมันสุดพลัง มึงเห็นมั้ยว่าพวกมันกำลังไปได้สวย (ในความคิดกู) มึงจะเข้าไปขัดมันได้ยังไง

 

            “โอเค ตามนั้น” มันยักไหล่ เอ้อ ยอมง่ายแท้

            “แล้วนี่ใคร” ไอ้แว่นชี้ไปที่ไอ้ตองที่ยืนมึนๆ ไม่มีบทมาสักพัก

            “เพื่อนกูเอง ชื่อตอง พวกมึงไหว้มันดิ”

 

            “เอ๊ะ เหมือนจะไม่ใช่นะหมาเป๋า” ไอ้คนที่สองขัดขึ้น แหมะ เราก็ลืมง่ะ ตอนนี้เลิกสนใจไอ้โหดกับไอ้นาไปสักพัก คุยกับไอ้พวกนี้ก่อน และที่สำคัญ…ยังระลึกชื่อไอ้สองคนนี่ไม่ได้เลย โง้ยยยย~

 

            “ตกลงมีอะไรวะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ไอ้แว่นถาม

 

            “เพื่อนกูเอง คืองี้ เพื่อนกูชื่อนานา มันยังไม่มีแฟนไง แล้วแบบกูเห็นมันเหงาๆ ก็เลยว่าจะช่วยมันหาแฟน แล้วก็มาเจอไอ้โหดนั่น” ชี้ไปที่ไอ้กัน “กูก็เลยจัดการให้เลย เป็นไง พวกมันดูเข้ากั๊นเข้ากันเนอะ คุยกันไม่หยุดเลย”

 

            “ไอ้กันมันสนใจผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ไอ้แว่นถาม

            “ตั้งแต่กูแนะนำอะ”

            “มึงอย่าเพิ่งเพ้อไอ้วิป” เหี้ยตองนี่ก็ขัดจัง

            “มึงรู้ได้ไงหมาเป๋า” ไอ้คนที่สองถาม

            “เค้าเดา~”

            “อืมมม~” พวกมันพร้อมใจกันส่งเสียงแบบนั้นออกมา หน้าแต่ละคนนี่แบบเดียวกันหมด พวกมึงเป็นแฝดสามเหรอ

            “แล้วถ้าเกิดพวกมันไม่ได้ชอบกันล่ะ” ไอ้แว่นนี่ถามเยอะว่ะ

            “ก็ไม่เป็นไร ให้พวกมันลองคุยกันก่อน ชอบไม่ชอบก็แล้วแต่พวกมัน” แต่กูว่าชอบแน่ๆ กูมั่นใจ

            “อืม มึงนี่คิดบวกดีเนอะ ดูคนดีว่ะ” ไอ้คนที่สองมันชม มีการยื่นมือออกมาลูบหัวผมด้วยไง ให้อารมณ์เหมือนลูบหัวหมาแบบนั้นเลย แล้วหมาที่ว่านั่นก็คือกูเอง

 

            “แน่นอน ดีฝุดๆ อะ” ยกนิ้วให้ตัวเองไปด้วย

 

            “แล้วมึงจะเอาไงต่อชาน เข้าไปหาไอ้กันตอนนี้หมาเป๋าแม่งไม่ยอมแน่” ไอ้แว่นหันไปถามไอ้คนที่สอง มันชื่อชานนี่เองระลึกได้ละ แล้วไอ้แว่นหน้าหล่อนี่ล่ะ

 

            “ช่างแม่งละกัน มึงไปกับกูนี่แหละ เอาไอ้หมาเป๋านี่ไปด้วย” จับกูยัดใส่กระเป๋ามึงด้วยเลยมั้ยจะได้เป็นหมาเป๋าของแท้ไปเลย

            “พวกมึงจะไปไหนกัน”

            “หาข้าวกิน ไหนๆ มึงก็ปล่อยให้ไอ้กันมันอยู่กับเพื่อนมึงแล้วหนิ ไปกับพวกกูนี่แหละ เอาเพื่อนมึงไปด้วย ไปด้วยกันนะน้อง” ไอ้แว่นมันพูดกับผม ส่วนคำหลังหันไปบอกกับไอ้ตองที่ตอนนี้มันย้ายไปนั่งเขี่ยๆ ต้นไม้เล่นแล้ว

 

            “ไม่อะ มีเรียน”

            “อ๋อ เด็กเรียน” ไอ้แว่นยิ้ม

            “เปล่า แค่ไม่ชอบเอาเวลาเรียนไปทำอะไรไร้สาระ” ไอ้ตองหยักไหล่ พูดแบบไม่มองหน้าคนถามด้วยนะ เช้ดเข้ เพื่อนตองเป็นอะไรครับ

            “นี่น้องว่าพี่เปล่าเนี่ย” ไอ้แว่นถามกลับ มันก็ยิ้มๆ ของมันไป ดูไม่โกรธอะไร

            “กูไปนะวิป ค่อยเจอกัน” ไอ้ตองไม่ตอบ หันมาพูดกับผมแล้วเดินออกไปเลย ผมพยักหน้าตามหลังมันไปแบบงงๆ

            “เพื่อนมึงเป็นอะไรวะ” ไอ้ชานมันเองก็งงเหมือนกัน

            “ถ้ารู้จะยืนงงแบบนี้เหรอ ฟาย~”

 

 

           

            และผมก็ถูกไอ้สองคนนั่นลากมากินข้าวด้วยจนได้ จริงๆ ก็มีเรียนนะ แต่พวกมันไม่ฟังอะไรเลย ลากมาแบบงงๆ และผมก็มานั่งอยู่ในร้านแบบงงๆ

 

            “มึงกินไรหมาเป๋า” ไอ้ชานมันหันมาถาม

            “อะไรก็ได้”

            “ตีน?”

            “มิอาววว~”

            ไอ้ชานมันนั่งขำก่อนหันไปจัดการสั่งอาหาร ร้านนี้เคยมากินกับไอ้นานาอยู่สองสามครั้ง ร้านก็อยู่หน้ามอนี่แหละ แต่สวนมากผมกินที่โรงอาหารซะมากกว่า นานๆ มาทีก็ดี แอร์เย็นฉ่ำ อะหื้อออ~

 

            Rrrrrrr

            นั่งไปสักพักโทรศัพท์ของไอ้แว่นก็ดังขึ้น มันหยิบขึ้นมารับ พูดคุยอยู่สองสามประโยคก็วาง มึงเข้าใจกันได้ไงวะเนี่ยคุยแค่นั้น

 

            “เดี๋ยวไอ้กันมา” มันบอก ผมเลิกคิ้ว แล้วไอ้นาเพื่อนผมล่ะ มันคุยกันเสร็จแล้วเหรอ หรือว่ามันจะพามาด้วย แต่เรื่องนั้นช่างมันไปก่อน

 

            “นี่ๆ” จิ้มๆ แขนไอ้แว่นเป็นการเรียก

            “หืม ว่าไง”

            “ชื่ออะไรวะ แบบว่าลืมมม~”


            “กูควรจะดีใจดีมั้ยมึงลืมกูเนี่ย”


            “เฮ้ยอย่าคิดมาก งี้แหละคนสำคัญ” เนียน! บทนี้ต้องเนียนไว้ก่อน จ้องหน้าไอ้แว่นตาแป๋วเลย ไอ้ชานที่นั่งอยู่ตรงข้ามแม่งนั่งขำไปแล้ว ตลกตรงไหน ตอนแรกกูก็ลืมมึงเหมือนกันไม่อยากจะบอก


            “กูชื่ออาร์ค อาร์คนะอาร์ค มึงอย่าลืมกูอีกล่ะหมาเป๋า” ไอ้แว่น (ตอนนี้รู้ชื่อมันแล้ว) เอานิ้วชี้หน้าตัวเองพร้อมกับย้ำชื่อของมันเข้ามาในสมองผม กะว่าไม่ให้ผมลืมมันอีกเลยในชาตินี้


            “อ้ออออ โอเค~ กูวิปนะ” ยื่นมือออกไปตบไหล่มันด้วย เรามีมารยาทนะ แนะนำตัวมาก็ต้องแนะนำตัวกลับ

            “อ้าว มึงไม่ได้ชื่อหมาเป๋าเหรอ”

            เลวละมึง

            “เดี๋ยวกูกัดเลย!” ผมแยกเขี้ยวใส่มัน ทุกวันนี้ไม่ใช่คนแล้วนะ อยู่กับไอ้นาจะเป็นควาย อยู่กับไอ้กันคนโหดจะเป็นเหี้ย อยู่กับไอ้สองตัวนี้จะเป็นหมา เอ้อ! ชีวิตดี๊ดี


            “หมาเป๋ามึงนั่งเฉยๆ ร้านนี้เขาให้เอาสัตว์เข้ามาได้ แต่สัตว์ห้ามซน นิ่งเร็ว!” ไอ้ชานก็เอากับไอ้อาร์คด้วย ปู่อ่า~ ไอ้วิปโดนรุม ทำไรไม่ได้ เบะปากใส่แม่ง!


            และจากนั้นไม่นานไอ้กันมันก็เดินหน้าโหดเข้ามาในร้าน ผมชะเง้อมองไปด้านหลัง แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้นานา มึงมาคนเดียวแล้วเอาเพื่อนกูไปโยนทิ้งไว้รูไหนเนี่ย


            “นานาล่ะมึง” ไอ้กันหย่อนตูดลงนั่งปุ๊บผมก็เปิดปากถามปั๊บเลย พี่แกหันมามอง สายตาทิ่มแทงทำเอาปวดร้าวในใจ มันเหมือนอยากจะพูดว่ามึงมาเสนอหน้าอะไรตรงนี้ กูเปล่านะ~ เพื่อนมึงลากกูมา


            “ไปเรียน”


            “อ้าว แล้วทำไมไม่ชวนมาด้วยล่ะ” ผมถามแบบมึนๆ คือไอ้นามันก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนขนาดนั้นหรอก ชวนมาด้วยมันก็น่าจะมาอยู่แล้ว…มั้งนะ ไอ้กันจ้องหน้าผมนิ่งๆ ริมฝีปากอ้าออกเหมือนกำลังจะตอบ แต่แล้วก็กลับไปเงียบเหมือนเดิม


            “กันๆ” ต้องจี้ครับ

            “ชวนแล้ว แต่ติดเรียน” หูยยยยย แอ๊บเรียนอ่า~

            “แอ๊ะแอ๋~ กันๆ~ สนใจเพื่อนกูแล้วใช่ม้า มีชงมีชวน อะแน่ะๆ” ผมยื่นหน้าเข้าไปล้อมันใกล้ๆ ชี้หน้าจับผิดมันไปด้วย รอยยิ้มหยอกล้อส่งออกไปให้ ไอ้อาร์คที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมสะกิดเรียกให้ผมกลับไปนั่งดีๆ


            มันคงหวังดี กลัวผมโดนไอ้กันมันดีดออกมา

            พี่โหดของเรานั่งจ้องหน้าผมกลับนิ่งๆ ก่อนที่มือหนาจะยื่นออกมา แล้วดีดเข้าที่หน้าผากผมดังเพี๊ยะ!

            “โอ้ย!”

            “นั่งดีๆ ไอ้เหี้ยเตี้ย”

            “ก็ได้~” หน้ามุ่ยหน้าอีกกูเนี่ย ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เลย เบะปากให้มันอีกหนึ่งสเต็ป ไอ้ชานมันนั่งขำท่าทางของผม ส่วนไอ้คนข้างๆ…ก็ดูเหมือนจะห่วงใยนะ มีการจับศีรษะให้หันไปทางมันเหมือนจะดู แต่แม่งก็นั่งขำอะ!


            กูจะแช่งให้มึงฝันร้าย! ห่า!


            พอสงบศึก กับข้าวก็มาพอดี ผมไม่มีปัญหาเรื่องกินนะ กินได้หมด ไม่ใช่ว่าตะกละ เพียงแต่อยู่กับปู่มาเลยเป็นแบบนี้ เลือกกินไม่ได้ ปู่มีไรให้กินก็ต้องกินอันนั้นแหละ ถ้าไม่กินคือต้องออกไปหาแดกเอง ซึ่งเราจะมิอาว~


            เคร้ง!

            เอิ่ม…

            ผมตวัดสายตาขึ้นไปมองไอ้คนที่เอาช้อนมาชนกับชนของผม พี่กันๆ ของเราก็ตีหน้านิ่งอีกเช่นเคย แต่สายตาแฝงไปด้วยการข่มขู่นิดๆ เหมือนอยากจะบอกว่ามึงหลบไป กูจะตักก่อน


            “ปลาหมึกของกูนะ” ผมเอ่ยจองเอาไว้ก่อน ไอ้กันเลิกคิ้วนิดๆ ท่าทางกวนอารมณ์แต่แม่งเสือกเท่ทำให้ผมรู้สึกเท้ากระตุกยิกๆ และจากนั้น…


            …มันก็เอาปลาหมึกของผมไป ไอ้เช็ดเข้!!


            “ปลาหมึกมึงโดนตบไปแล้วว่ะหมาเป๋า” ถูกขโมยปลาหมึกไปต่อหน้าต่อตายังไม่พอ ยังมาถูกไอ้ชานมันเอ่ยแซวอีกต่างหาก ผมหันไปชี้หน้าเอาเรื่อง ข่มขู่มันไว้ก่อน


            “คืนนี้กูนอนแช่งมึงแน่กัน”

            “เรื่องของมึงเหอะ”

            แม่งไม่กลัวกูเลยสักนิด

            พอกินกันเสร็จผมก็กำลังจะควักตังค์ (ที่ปู่ให้มาอยู่น้อยนิด) ออกมาช่วยพวกมันจ่าย แต่ก็ไม่ทันละ ไอ้ชานจ่ายไปแล้ว

            “แล้วมึงเอาไงต่อกัน”

            “กลับบ้าน”

            “ยังมีเรียนอีกตัวนะเว้ย” ไอ้อาร์คขัดขึ้น เหี้ยโหดนี่! ถ้ามึงไม่ผ่านกูจะไม่สงสัยเลย วันๆ มึงเรียนบ้างมั้ยเนี่ย แต่เอ้อ…ว่าแต่มัน ตัวเราก็เป็น เราขอโทษ~


            “กูขี้เกียจ” เหตุผลมันฟังขึ้นมากเลย เพื่อนมันสองคนทำหน้าแบบแล้วแต่มึงแล้วกัน ผมมองพวกมันสลับกันไปมา ก่อนจะเอ่ยกับไอ้กัน


            “งั้นกูกลับกับมึงด้วยกัน”


            “เสือกละ” ง่ะ เจ็บปวดรวดร้าว ทำไมไม่รักษาน้ำใจกันเลย ผมแกล้งตีมึนทำเป็นไม่ได้ยินที่มันพูด เดินตามหลังมันออกมานอกร้าน ไอ้ชานโบกมือลาแล้วกอดคอไอ้อาร์คเดินแยกออกไปอีกทาง ส่วนพี่กันสุดหล่อโหดของเราก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์ ผมก็ดึ๊บๆ ตามไป


            ที่ป้ายรถเมล์มีคนยืนรออยู่สองสามคน โล่งดีคุยสะดวกอยู่ ร่างหนาพอได้ที่เหมาะๆ แล้วมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เสียบหูฟังฟังเพลงเข้าโลกส่วนตัวไปแล้วเรียบร้อย แวบหนึ่งที่ผมเห็นว่าดวงตาคมของมันเหลือบมามองทางผม จากนั้นริมฝีปากก็ขยับเบาๆ คล้ายจะยิ้ม


            แต่เป็นยิ้มเยาะผมนะ ไอ้เลว!

            พรึ่บ

            “นี่ๆ กันๆ” ถึงแม้ว่าจะใส่หูฟัง แต่ก็ป้องกันไอ้วิปไม่ได้หรอกนะจะบอกให้ ผมเดินเข้าไปยืนข้างๆ แล้วดึงหูออกมาข้างหนึ่ง และก็แทบผงะกับสายตาโหดๆ ของพี่แก


            อย่าฆ่าเก๊านะ

            “เอาคืนมา” น้ำเสียงข่มขู่ถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง ผมส่ายหน้าอย่างจริงจัง

            “กูฟังด้วย นี่ไงๆ” ว่าแล้วก็เอาเสียบหูตัวเองเลย จริงๆ คือหาทางให้มันได้ยินเสียงผมต่างหากล่ะ

            “ไอ้วิป…” โอ้ยยยยย~ น้ำตาจิไหล มันเรียกชื่อผม

            “เฮ้ยๆ อย่ากระชากนะเว้ย เดี๋ยวพังนะ ซื้อใหม่เลยนะ” พอเห็นท่าทางของมันที่จ้องจะกระชากคืนไปผมก็รีบร้องเตือนมันไว้ก่อนเลย ดูท่าทางพี่กันของเราคงจะกลัวเสียตังค์อยู่ไม่น้อย ยืนนิ่งเลยอะตัวเอง


            หรืออีกอย่าง…คือมันรำคาญผม แอ๊ะแอ๋~

            “นี่มึง…”

            พรึ่บ

            อะอ้าว…เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนดิ

            ไม่ให้เวลากูได้พูดคุยอะไรก่อนหน่อยเหรอ เพียงแค่ผมอ้าปากจะพูดเท่านั้นแหละ รถเมล์สายที่ต้องขึ้นก็มาพอดี โอ้ยพ่อคุณ มาได้จังหวะอะไรแบบนี้ แล้วนั่น…เฮียกันเดินขึ้นรถไปแล้วแบบไม่มีรอกันเลย ไอ้ผมก็เลยต้องรีบตะกายขึ้นตามไป


            ที่สำคัญ…คนแน่นมากกกก


            ขยับเบียดๆ เข้าไปยืนใกล้ๆ เพื่อนเลิฟ จ่ายตังค์เสร็จปุ๊บก็ต้องยึดเกาะให้มั่น ไอ้เพื่อนที่ยืนข้างๆ กันนี่ก็ทำเหมือนไม่รู้จักกันเลย ฟังเพลงสบายอารมณ์เลยนะมึง จะเรียกมันเพื่อคุยก็เกรงใจคนรอบข้าง เขาเงียบกันหมดกูจะมาคุยอะไร เลยได้แต่ใช้ศอกสะกิดท้องแข็งๆ ของมันแทน


            จึ้กๆ

            นิ่ง เมินสาด

            จึ้กๆ

            คราวนี้พี่แกมีการตอบสนอง เลิกคิ้วเข้มๆ ของตนเองขึ้นข้างหนึ่ง แม่งโคตรเท่ หล่อเหลาบนรถเมล์มากเพื่อนกู และผมก็ไม่กล้าออกเสียง เลยทำหน้าทำตาบอกใบ้มันว่าลงรถไปเราคุยกันนะ


            แต่ดูเหมือนกันจะไม่เข้าใจวิป อะหื้ออออ~


            พี่แกทำหน้างงๆ กลับมา และพอมันจับใจความอะไรจากหน้าผมไม่ได้แม่งก็ถอนหายใจใส่แล้วหันหน้าหนีไปเลย ใจร้ายใจดำเป็นที่สุดเลยเพื่อนกู


            และแล้วตอนอยู่บนรถผมก็ไม่ได้คุยอะไรกันมันเลย เพราะคนแน่นจนมาถึงปากซอยบ้านผม พอลงจากรถเมล์ได้ก็ค่อยหายใจสะดวกขึ้นหน่อย และไอ้ขายาวที่มาด้วยกันมันก็เดินนำหน้าไปนู้นแล้ว เดือดร้อนกูต้องรีบก้าวตามอีกไง


            “กันๆ” เมื่อเดินเข้าไปชิดปุ๊บก็กระตุกแขนเสื้อมันเบาๆ


            “มีอะไร”

            “สรุปมึงกับเพื่อนกูนี่ยังไงอะ กูลุ้นพวกมึงอยู่นะเว้ย เอาจริงๆ แล้วกูก็อยากจะแอบดูแอบฟังว่าพวกมึงคุยอะไรกัน…”

            “แล้วมึงไม่ได้แอบดู?” ผมยังพูดไม่จบ ไอ้กันก็ขัดขึ้นมาซะก่อน ท่าทางเหมือนกับรู้เลยว่าผมแอบดูมันอยู่ ผมยิ้มแหยๆ

            “ก็แบบ…เค้าก็อยากรู้~ ไม่เอานะ มิโกรธธธธธ~”

            “ปากมึงเป็นอะไร พูดแบบคนปกติมันจะตายหรือไง” มีปัญหาอะไรกับคำพูดกูนักหนา

            “แล้วสรุปเป็นไงอะ” ถามต่อ ต้องรีบเก็บข้อมูลก่อนที่จะเดินถึงบ้าน เชื่อได้ว่าพี่โหดของเราคงไม่ยอมให้ผมไปบ้านมันแน่ๆ เพราะฉะนั้นก่อนถึงบ้านผมต้องถามให้เรียบร้อย


            “ก็ไม่ยังไง”

            “เอ้า! อะไรวะ เพื่อนกูสวยออกขนาดนั้นนะเว้ย”

            “อือ”

            “มึงก็ชอบใช่มั้ยล่ะ แล้ว…แลกเบอร์แลกไลน์กันยัง” ถามไปก็ลุ้นไป ท่าทางของผมตอนนี้แบบโคตรตื่นเต้น ก็แหม เราเป็นคนจัดการให้เราก็อยากจะรู้ว่าพวกเขารู้สึกยังไง ชอบกันหรือเปล่า


            “ก็...อือ” นั่นไง! กันๆ ก็ใช้ได้เหมือนกันนี่

            “แล้ว…จะโทรคุยกันปะ”

            “เฮ้อ…งั้นมั้ง” ทำไมไอ้คนข้างตัวผมแม่งตอบแบบโคตรไร้อารมณ์เลยวะ

            “งั้น…ขอบใจกูดิ ฮี่ๆ” ผมฉีกยิ้ม ไม่ขอบใจผมแล้วจะไปขอบใจหมาเป๋าที่ไหนล่ะ จริงมั้ย ผมหยุดเดินตามไอ้กัน มันหันมาหาผม จ้องหน้าผมอยู่แบบนั้นสักแป๊บ จากนั้นมือหนาของมันก็วางลงบนศีรษะผม


            แอะ…จะลูบหรา~


            พรึ่บ!


            “กลับบ้านมึงไปซะ ไอ้เหี้ยเตี้ย!”


            แม่งผลักหัวผมเฉยเลย เลวววววววว!!


________________________________


มาแล้วจ้าาาาา นานๆ มาทีอย่าเพิ่งว่าเค้านะนะ อ้อ! มีเรื่องจะบอกอีกด้วย จริงๆ แล้วนุ้งวิปนี่แหละจ้านายเอกของเรา
ที่พูดไปตอนนั้นคือเค้าแค่จะพูดเล่นๆ เอง เพราะหมาเป๋ามันป่วนเกินไป 5555 ไม่ได้หมายความแบบนั้น
ทำให้เข้าใจผิด ข้าเจ้าขออภัย ตกลงมันคือนายเอกนะจ๊ะ ^^


หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 5] [19 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 19-12-2015 21:43:55
เหย...วิป นี่วิปครีมมั้ย...น่ากินจัง อุ่ย!!! หลบทีนกันแปป
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 5] [19 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 20-12-2015 12:04:30
คุยไรกัน อยากรู้ๆ

พี่กันชอบผู้ชาย?
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 5] [19 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-12-2015 20:25:29
ฮ่าๆๆๆๆๆ หมาเป๋าวิป เฮียกันชอบผู้ชายชิมิ
ดีใจจังวิปเป็นนายเอง ป่วนได้ฮ่ามาก โดนตบหัวก่อนเข้าบ้าน คิกๆๆ เฮียชาน อาร์ด น่าสนให้ตองจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 5] [19 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: มิวมิว ที่ 21-12-2015 03:17:26
อิสิปนี่อย่างกวน ส่วนอิพี่กันนี่ก็ดุเกิ๊น รอว่าเมื่อไหร่จะสปาร์คกันสักที

ติดตามคร้าาาา
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 5] [19 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 24-12-2015 12:12:15
หูยคาใจจจเรื่องนานา ส่วนพี่แว่นนี่ชอบหมาเป๋าป่ะ แอบเชียร์นะ555 (โดนกันถีบบบ!!)
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 5] [19 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu_Chise ที่ 25-12-2015 00:29:21
โอ้ยยย ฮาอะ รักเพื่อนมากไปนะบางที

ระวังเพื่อนย้อนกลับนะ แบบ ขายเพื่อน

ยกถวายใส่พานให้อะไรแบบนั้นอะ
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 26-12-2015 18:47:27
 

 

ตอนที่ 6

 

 

 

 

            “ปู่!! กลับมาแล้วววว”

 

            “ทำไมมึงไปเร็วมาเร็วนักวะ มึงได้เรียนมั้ยเนี่ย” โผล่หน้าเข้าไปในบ้านปุ๊บ ปู่สุดที่รักก็ต้อนรับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ปู่ที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ คนแก่ว่างงานก็งี้แหละ ดูทีวี รดน้ำต้นไม้ และ…คอยบ่นผม

 

            “ฮ้อยยยยปู่~ ไอ้เรียนน่ะเรียนอยู่แล้ว แต่มันก็ต้องมีพักบ้างไรบ้าง”

 

            “พักแบบไม่ปรึกษาครูอาจารย์ พักพ่อมึงดิแบบนี้” แค่พูดยังไม่พอ ปู่ยังเอารีโมทมาเคาะหัวผมอีก ทุกคนเป็นอะไรกับหัวกูวะ อีกนิดคงจะโดนเตะเป็นลูกฟุตบอล

 

            “ด่าพ่อทำไม นั่นลูกปู่เลยนะ”

            “เออ กูลืม” แหม ลืมลูกตัวเอง

            “เดี๋ยวมานั่งด้วยนะ ไปล้างหน้าแป๊บนึง” หันไปบอกปู่ ปู่เองก็โคตรสนใจผมเลย ตามองโทรทัศน์ มือโบกไล่ผม ท่าทางเหมือนจะบอกว่ามึงไปไกลๆ ฮ่าๆ ผมเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า แล้วกลับออกมานั่งกับปู่

 

            “เออนี่ วันนี้พ่อมึงโทรมา”

            “อ้าว ยังอยู่อีกเหรอ” ผมหันไปถามอึนๆ

            “นั่นพ่อมึงไอ้วิป”

            “เอ้อออ~ ลืมมมมม~” ผมว่าแล้วยิ้ม จะบ้าเรอะ ใครบ้างจะลืมพ่อตัวเอง ถึงแม้ว่านานๆ จะได้เจอทีก็เหอะ ปล่อยแกมีความสุขของแกไป อยากทำอะไรทำแบบที่ปู่เคยบอกกับพ่อเอาไว้ สบายใจก็ทำไป

 

            “มันก็ถามเหมือนเดิมแหละ แกเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย ห่า! ห่วงลูกแล้วทำไมไม่กลับมาดูเองวะ กูก็นึกว่าตายห่าในป่าไปแล้ว” อ้าวๆ อารมณ์ขึ้นเฉยเลย

 

            “นั่นลูกปู่นะเว้ย”

            “เออ! กูลืม!” พูดจบก็หัวเราะ ตลกมากเลยปู่

            นั่งเล่นกับปู่อยู่นาน จากนั้นก็แวบขึ้นมาหลับไปงีบหนึ่ง ตื่นขึ้นมาฟ้าก็มืดไปแล้ว เข้าห้องน้ำไปล้างหน้า ออกมาก็คว้าโทรศัพท์แล้วโดดขึ้นเตียง กดโทรออกเบอร์เพื่อนรักคนสวยเพื่อเช็คความคืบหน้า ไอ้กันๆ คนโหดบอกว่าแลกเบอร์เรียบร้อย ยังไงพวกมันก็ต้องคุยกันแน่ๆ

 

            [ว่าไง]

 

            รับสายด้วยเสียงอารมณ์ดีแบบนี้ เป็นลางที่ดีที่บอกว่ามึงใกล้จะมีผัวแล้ว กูดีใจกับมึงด้วย

            “คิดถึงงงงงงง~”

            [เอาความจริงอิสัด หน้าอย่างมึงไม่เคยโทรมาบอกคิดถึงส้นตีนอะไรนี่หรอก อย่าตอแหลกู] ปากที่ยิ้มกว้างๆ อยู่หุบลงแทบไม่ทันเลย ทำไมเพื่อนถึงโหดร้ายแบบนี้ จิตใจทำด้วยอะไร กูกลัวมึงนะไม่ใช่ไร

 

            “แหมมมมม ก็แบบว่า…กูอยากรู้ มึงกับไอ้กันโอเคกันใช่มั้ย คลิ๊กใช่ปะ ได้ข่าวว่าแลกเบอร์แลกไลน์กันแล้วด้วย อั้ยยะ! ฟินสิรอไร” ผมส่งเสียงดี๊ด๊าเกินหน้าเกินตาเจ้าตัวเขาอีกนะเนี่ย ได้ยินเสียงหวานๆ ของไอ้นานาหัวเราะกลับมาเบาๆ ถ้าเป็นเวลาปกตินะ มันจะต้องด่าผม หาว่าผมเพ้อเกินไป แต่นี่มันหัวเราะ แสดงว่าไปได้สวย

 

            [ข่าวมึงมาจากไหน ข่าวมั่วเปล่า]

            “มาจากกันๆ เองเลย”

            [เออ ถ้างั้นก็ตามนั้นแหละ] ไอ้นานาตอบกลับมาแบบไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ ผมเบะปากใส่โทรศัพท์ หมั่นน้ำเสียงมึงมากเลยนา

 

            “แล้วคุยกันยัง” ถามต่อสิ กูนี่ลุ้นมากเลยนะ มือบิดผ้าปูที่นอนจนยับไปหมดแล้วเนี่ย ลองคิดภาพไปก่อน ไอ้นากับไอ้กันตอนคุยกัน แม่ง!! แค่คิดก็วิ๊งแล้ว ฝีมือผมเอง

 

            [เออ ก็คุย นี่มึงจะถามทำไมเนี่ย] มันเริ่มจะรำคาญแล้วครับ เชื่อได้เลยว่าอีกนิดมันจะต้ององค์ลงแน่ๆ ทางที่ดีควรรีบตัดบทแต่เพียงเท่านี้ ที่เหลือไว้ไปสืบจากกันๆ เอาก็ได้

 

            “ใจเย็นๆ นะ คำถามสุดท้ายและ ไอ้กันมันบอกอะไรกับมึงเป็นพิเศษปะ” ถามเสร็จก็นั่งลุ้น

            [ก็บอก]

            “อะไร!!”

            [บอกว่ามึงน่ะเป็นไอ้เตี้ยตัววุ่นวาย] และมันก็วางสายไป

            ไอ้กันนนนนน~ ไอ้นิสัยเสีย!!

 

 

 
……………………………

 

 

 

            หลังจากที่ได้ยินไอ้นาพูดแบบนั้นมา ผมก็ตั้งใจแล้วว่าจะต้องไปเคลียร์กับไอ้โหดให้รู้เรื่อง กูช่วยมึงเลยนะหื้อ ทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง แต่นั่นก็ทำได้แค่คิด เพราะผมก็ติดเรียน และมีงานที่ต้องทำส่ง เลยทำให้ไม่มีเวลาโผล่หัวไปหาไอ้โหดหมาบ้าซะหลายวัน จนถึงวันนี้…กูว่างแล้วครับ

 

            เดินลงจากตึกหลังจากเรียนเสร็จ หันมองไอ้นานาที่เดินอยู่ข้างๆ มือเรียวกดโทรศัพท์ ริมฝีปากขยับยิ้มบางๆ ท่าทางดูอารมณ์ดี หรือว่ามันคุยกับไอ้กันอยู่วะ

 

            “นา มึงไปไหนต่อปะเนี่ย”

 

            “ไป จะไปแดกข้าว มีนัดไว้แล้ว” มันตอบกลับมาโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ ผมนี่เบรกเอี๊ยดหันขวับไปหาเพื่อนคนสวย รู้สึกได้แบบที่ไม่ต้องมีใครมาบอก ดวงตาผมนี่เป็นประกายวิบวับ ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

 

            “นัดกับใคร ไอ้กันใช่ปะ”

            “หึ ไม่ใช่ นัดกับแม่กู”

            แสสสสสส~ แล้วให้กูตื่นเต้นเพื่ออะไรเนี่ย ผมห่อเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้นานาเหล่มองผมแล้วทำหน้าแปลกๆ จากนั้นมันก็ยิ้มให้ผมแล้วโบกมือลาเดินแยกออกไป ผมยกมือโบกตามหลังมันก่อนจะถอนหายใจ

 

            กูนี่ลุ้นเหมือนกูจะได้ผัวเองเลยว่ะ

 

            เอาวะ! มันไปกับแม่ แสดงว่าไอ้หมาบ้าก็ยังอยู่ คราวนี้ไม่ต้องโทรไปถามไอ้ตองหรอก ที่ประจำมันผมจำได้ขึ้นใจแล้ว พี่แกชอบไปนั่งเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่หน้าบ่อปลา ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล พุ่งตัวไปที่นั่นเดี๋ยวก็เจอ

 

            ไม่เจอแสดงว่ามันกลับบ้าน แอ๊ะแอ๋~

 

            ไม่รอให้เสียเวลา ผมไปหาไอ้กันทันที แต่ก่อนที่จะเดินไปถึง ผมก็เจอไอ้ตัวสูงใส่แว่นเดินหล่อลงมาจากตึกซะก่อน เมื่อมันเห็นผมริมฝีปากก็ยิ้มกว้างแล้วเดินตรงเข้ามาหา

 

            “ไงหมาเป๋า”

 

            “เอ้อ! หวัดดีไอ้อาร์ค” ผมทักมันกลับ กูพัฒนาแล้วนะ กูจำชื่อมึงได้ ไอ้แว่นเมื่อเห็นว่าผมเรียกชื่อมันก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก มึงๆ ระวังปากฉีก เคยดูบุปผาเปล่า ระวังนะมึง

 

            “จำกูได้ด้วย นึกว่ามึงจะลืมกูอีกแล้ว”

            “สมองคนนะหื้อไม่ใช่ปลาทอง นี่ใคร นี่วิ…”

            “หมาเป๋าไง” ไอ้หน้าหล่อมันสวนขึ้นมาแล้วเอามือมาวางบนหัวผม หมาเป๋าพ่องเด่ะ! เดี๋ยวกูงับมือขาด และพอเห็นผมไม่ว่าอะไรมันยิ่งเอาใหญ่ แค่วางมือไม่พอยังขยี้หัวกูอีก เห็นกูเป็นหมาไปแล้วจริงๆ ใช่มั้ย

 

            “แล้วนี่มึงมาทำอะไรที่คณะกูเนี่ย”

            “มาหาหมาบ้า”

            “หมาบ้า? ใครวะ” ไอ้อาร์คทำหน้าสงสัย แสดงว่ามันยังไม่รู้ตัวว่ามีเพื่อนเป็นหมาบ้าอยู่

            “กันๆ ไง บ้าของแท้เลย” ผมเฉลย ไอ้พี่อาร์คของเรานิ่งไปนิด ก่อนที่มันจะยิ้มกว้างแล้วขำออกมา จากที่หล่ออยู่แล้วมันยิ่งดูดีขึ้นไปอีก เห็นใจกูที่ยืนเตี้ยอยู่ข้างๆ มึงด้วย โปรดให้เกียรติส่วนสูงกูนิดนึง แค่นี้ก็ไม่มีคนมองละ

 

            “มันอยู่ที่เดิมของมันนั่นแหละ จำได้ใช่มั้ย” มันถาม ทำไมมึงทำเหมือนว่ากูความจำสั้นแบบนั้นวะ

 

            “เออ จำได้ ไม่ลืมมมมม~”

 

            “ดีแล้ว อ้อ…กูมีรางวัลให้ เพราะมึงจำชื่อกูได้” มันยักคิ้วข้างหนึ่งแบบเท่ๆ ให้ ผมเลิกคิ้ว เกือบจะเอียงคอทำหน้างงแล้ว แต่เดี๋ยวมันจะดูเหมือนหมาเกินไป

 

            “รางวัลอะไรมึง”

 

            “นี่ไง ลูกอม” ไอ้อาร์คแลบลิ้นออกมาให้ผมดูลูกอมสีแดงที่อยู่ในปาก มันโน้มตัวลงมาด้วยนะ กลัวกูมองไม่เห็นหรือไง ผมพยักหน้ารับมึนๆ ไอ้อาร์คยิ้มแล้วล้วงกระเป๋าหยิบลูกอมที่ว่านั่นออกมา ผมยื่นมือออกไปจะรับ แต่มันกลับแกะให้เสร็จสรรพ แล้วยัดลูกอมเข้ามาในปากผม

 

            “เป็นไง ชอบใช่มั้ย”

            ผมพยักหน้า เออ ชอบก็ได้

            “ยิ้มให้กูด้วย”

            ผมยิ้ม

            “กูไปล่ะ” ขยี้หัวผมอีกทีแล้วมันก็เดินจากไป ผมมองตามแผ่นหลังกว้างไปแบบมึนๆ คือกูมีเรื่องจะบอกมึงด้วยแต่บอกไม่ทัน หนึ่ง…ลูกอมมึงเปรี้ยวมาก สีหลอกตากู และอีกอย่าง…นิ้วมึงโดนน้ำลายกูไปแล้วเรียบร้อย ซอรี่นะ~

 

            ผมส่ายหัวแล้วเดินต่อ พอถึงที่หมายก็ยิ้มกว้างลูกอมแทบจะร่วงออกจากปาก ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ไอ้พี่กันของเรายืนอยู่หน้าบ่อปลาพอดีเป๊ะ กูล่ะอยากย่องเข้าไปข้างหลังแล้วถีบมึงตกลงไปมากเลย

 

            เราเป็นคนดี ฮี่ๆ

 

            “กันๆ~” ผมส่งเสียงร้องทักออกไปอย่างร่าเริง เจ้าตัวพอได้ยินก็หันมามอง ก่อนที่ใบหน้าหล่อโหดของมันจะฉายแววเอือมๆ ออกมาอีกแล้ว แต่ไม่เป็นไร เราก็ชินอีกแล้ว โฮะๆ

 

            “มาทำไม”

            “มาหามึง คิดถึงงงงงง~” ตอแหลไม่มีใครเกิน

            ร่างสูงชะงักไปกับคำว่าคิดถึงของผม นั่นไง ซึ้งล่ะซี่~ ผมเดินดุ๊กดิ๊กๆ เข้าไปหามัน แหมกันๆ ยืนที่อันตรายนะ อีกนิดมึงจะร่วงลงไปในบ่อปลาแล้วนั่น เขยิบออกมาห่างๆ หน่อยซี่

 

            “ไม่ได้เจอนานเลย คิดถึงกูบ้างมั้ย” เข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ มัน จ้องหน้าอีกคนตาแป๋ว ไอ้คุณพี่แม่งก็ไม่รักษาน้ำใจกันหรอก ถอนหายใจใส่ซะงั้นอะ

 

            “ทำแบบนี้กูใจร้าวนะ”

            “กูต้องสนมั้ยเนี่ย”

            “สน! นี่จริงจังนะเนี่ย” ผมยืดตัวใส่ คนตรงหน้าผมก็เลิกคิ้วกวนตีนกลับมาให้ ผมแอบเห็นนะว่ามันเหมือนจะยิ้ม จากนั้นขายาวๆ ของมันก็ก้าวถอยไปด้านหลัง ผมตาโตขึ้นมานิด จะขยับหนีกูเพื่อออออออ

 

            พอเห็นมันก้าวหนีผมก็ก้าวตาม และในจังหวะที่ผมก้าวขาออกไป ไอ้กันมันก็ยื่นขาออกมาขวางขัดขาผมซะงั้น ทำให้ผมเสียหลัก ร่างโอนเอนเซจะหลบ ผมหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกว่าทรงตัวไม่อยู่แล้ว

 

            พรึ่บ!

            ตูม!!

            สวยๆ ลงบ่อปลา

            “แค่กๆๆ” โผล่ขึ้นมาสำลักน้ำยกใหญ่ รู้สึกได้ว่าปลาที่อยู่บริเวณนี้พากันว่ายหนีไปหมด ผมลูบน้ำออกจากใบหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้ตัวดีที่ตอนนี้…จับท้องตัวเองพร้อมกับชี้นิ้วมาแล้วหัวเราะผมยกใหญ่

 

            เลววววววววว~

            ผมกัดฟันมองไอ้โหดที่ยืนหัวเราะแบบไม่มีคิดที่จะช่วยผมเลยสักนิดด้วยความเครียดแค้น ทำแบบนี้กูใจร้าวอีกแล้วนะ แต่ก็ตกใจนิดหน่อยที่เห็นมันหัวเราะแบบเต็มที่ขนาดนี้ ปกติพี่แกแม่งเก๊กไง


            “มึงแกล้งกู!”

            “มึงโง่ตกลงไปเอง” น่านนน~ ดูมัน มันไม่ยอมรับซะด้วย

            “มึงรอกูก่อน เดี๋ยวกูงับมึงแน่!” ผมชี้หน้าขู่คนด้านบน ขยับตัวจะก้าวขาขึ้นไป แต่แล้วก็ต้องชะงักค้างเพราะความเจ็บที่แล่นเข้ามา ผมเบ้หน้าแล้วลองขยับขาอีกครั้ง


            โอ้ย! ชัดเลย

            ท่าทางตอนร่วงลงมาจะร่วงผิดท่า ขากูพลิกแน่ๆ งานนี้ เพราะมึงคนเดียวเลยกันๆ นิสัยเสีย!

            ร่างสูงที่เลิกขำไปแล้วเห็นผมไม่ยอมขึ้นไปสักทีก็ขมวดคิ้วมอง

            “ขึ้นมาดิเตี้ย”

            “กูเจ็บขา” ผมบอกเสียงอ่อยๆ แล้วมองมันตาระห้อย หวังลึกๆ ว่ามันจะช่วยดึงผมขึ้นไป ไอ้หมาบ้ามันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อคำพูดของผม กูเบะปากแล้วนะ อีกนิดกูจะงอแงแล้วนะ ดึงกูขึ้นไปเลย~


            “กันๆ~”


            “เฮ้อ มานี่มา” มันว่าอย่างเสียมิได้แล้วขยับมานั่งยองๆ อยู่ข้างบ่อ ยื่นมือออกมาเพื่อให้ผมจับ ผมมองหน้าแล้วด่ามันในใจไปด้วย เลวไง มึงเป็นคนทำให้กูตกลงมาแล้วยังมาถอนหายใจใส่กันอีก


            อยากงับมัน!


            ผมจับมือหนาของไอ้กันไว้ แล้วมันก็ดึงผมขึ้นไปจากบ่ออย่างง่ายได้ เบ้หน้าด้วยความเจ็บ มันพาผมไปนั่งก่อนจะจับขาผมไปพลิกๆ ดู น้ำตาจะเล็ด กูเจ็บนะหื้อออออ~ พลิกเป็นหมูหันเลยไอ้เหี้ย~


            “เดินไม่ได้แน่มึง”


            “อย่าขู่ดิ” แค่นี้กูก็สะเทือนใจพอแล้วนะ ไอ้กันส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืน มันทำท่าเหมือนจะเดินหนีไป ผมตาโตผวาดึงขากางเกงมันไว้ไม่ปล่อย เงยหน้าขึ้นไปมองอย่างเอาเรื่อง


            “มึงจะทิ้งกูเหรอ”

            “ทิ้งบ้าอะไร”

            “กูเจ็บขาเพราะมึงเลยนะ มึงเป็นคนแกล้งกู ทำให้กูต้องตกลงไป แล้วมึงก็ทำให้กูต้องเจ็บแบบนี้ แถมเปียกด้วยดูดิ ดูๆ” ผมว่าแล้วดึงเสื้อนักศึกษาของตัวเองที่เปียกลู่ไปกับตัวให้มันเห็น ไอ้โหดมองนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจรดหัวผม เดี๋ยวก็งับแม่งเลย


            “แล้วจะให้กูทำยังไง”

            “หูยยยย ไม่มีสมอง”

            “ช่วยตัวเองแล้วกัน” มันสะบัดขาแล้วจะเดินหนี ผมนี่แหกปากรั้งมันไว้เลย อย่าทิ้งกูนะหื้ออออออออ~


            “กันๆ กูขอโทษ กูผิดไปแล้ว กลับมาเอากูไปด้วย” ผมค่อยๆ ยันตัวขึ้นยืน ทิ้งน้ำหนักลงไปที่เท้าขวามากๆ ไม่ได้ เจ็บจี๊ดเลย เดินกะเพลกๆ ตามแผ่นหลังกว้างไป มันเดินไปหยิบกระเป๋าของมันมา เหล่กลับมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะเดินนำออกไปแบบไม่สนใจ


            อยากจิครายยยย~

            “มึงมันใจร้าย ใจดำ”

            ยังๆ ยังเดินเฉยไม่สนใจ

            “กูจะร้องแล้วนะ” ผมหยุดเดินแล้วพูดคำนั้นออกไป เอาดี้~ จริงจังมากด้วยไม่ใช่แค่ขู่ ร่างสูงหยุดเดินแล้วหมุนตัวกลับมา ใช้สายตาโหดๆ นั่นจ้องหน้าผมเหมือนกับว่าจะบีบให้ผมหงอแล้วยอมเดินตามไปแบบเงียบๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกความกล้า ตีมึนไม่ยอมเดิน


            “เฮ้อ!!”


            หมับ


            “ฮะ…เฮ้ย! เดี๋ยวๆ”

            “อะไรมึงอีก! อย่าเรื่องมาก” ผมย่นคอหนีเสียงโหดๆ ของมัน ตัวนี่เกร็งสุดๆ เลย ก็เข้าใจว่ารำคาญแล้วง่ะ ก็รู้ แต่แบบ…

            “ไม่ต้องกอดเอวก็ได้มั้ง” ผมพึมพำ


            “แล้วมึงจะเดินยังไง”

            ผมนิ่งแล้วคิดตาม “เออ นั่นดิ”

            “ควาย!” มันด่าออกมาอีกคำก่อนจะกอดเอวผมแน่นขึ้นแล้วพยุงให้ผมเดิน มันก็ไม่อะไรหรอก แบบนี้ก็ดีกว่าเดินด้วยตัวเอง แต่มันไม่ชินอะ มันแปลกๆ แล้วแบบ…มันรัดเอวแน่นมาก


            ระหว่างทางก็ต้องเจอกับสายตาที่มองมา ไอ้ขาเจ็บแล้วต้องพยุงน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ผมบังเอิญเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำด้วยนี่สิเลยทำให้คนเขาสงสัยกัน พอนึกได้ว่าตัวเองกำลังเปียกอยู่ก็ยิ้มเลว มองคนตัวสูงที่พยุงผมอยู่ ดวงตาคมมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว


            พรึ่บๆ

            ถูไถๆ~

            “เฮ้ย! เล่นอะไรของมึงเนี่ย” ไอ้หมาบ้ามันร้องเมื่อผมเอาหัวถูไถๆ กับเสื้อของมัน ผมหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นไปยิ้มกว้างให้ก่อนจะถูๆ ต่อ ไม่มีอะไรมาก วิปแค่แบ่งปันความเปียกเท่านั้นเอง


            “ฮี่ๆ”

            “ถ้าไม่หยุดกูจะทิ้งมึงจริงๆ นะวิป”

            กึก

            “เค้าขอทวด~” ผมเสียงอ่อนเสียงอ่อยเอานิ้วจิ้มๆ แขนหนา เจ้าตัวถอนหายใจก่อนจะพยุงผมเดินต่อแบบไม่พูดอะไร ผมเองก็ไม่กล้าที่จะเล่นอะไรอีก เดี๋ยวมันทิ้งขึ้นมาล่ะแย่เลย


            เดินออกมาหน้ามอไอ้กันก็จะตรงไปที่ป้ายรถเมล์ ผมกระตุกแขนเสื้อมันยิกๆ เลยเมื่อเห็นว่ามีคนยืนรอรถอยู่เยอะแค่ไหน แล้วลองคิดดู กูต้องไปยืนโยกเยกอยู่บนรถด้วยสภาพแบบนี้เนี่ยนะ


            “กันๆ กู…”


            “เออน่า” มันเอ่ยออกมาแบบติดรำคาญ ปล่อยมือออกจากเอวผมก่อนจะเดินไปเรียกแท็กซี่ บอกที่หมายไปเสร็จสรรพแล้วเดินมาพยุงผมอีกครั้งไปขึ้นรถ พี่คนขับพอเห็นว่าผมตัวเปียกก็แสดงท่าทางเหมือนไม่อยากจะรับ แต่พอเจอสายตามหาโหดของเฮียกันเราไปก็ปิดปากเงียบ


            ผมนั่งยิ้ม นึกว่ามันจะใจร้ายให้ผมไปยืนโหนรถเมล์ซะแล้ว


            “ยิ้มส้นตีนอะไร”


            “แหมกันๆ~ ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย” ผมกอดตัวเองแล้วหันไปพูดล้อมัน อยู่บนรถกูล้อได้ มันไม่ถีบกูลงจากรถแน่นอนกูมั่นใจ พี่ท่านตวัดสายตาดุๆ มาให้ทันทีที่ผมพูดจบ


            “อย่าโหดซี่~”

            “ปากมึงเป็นอะไรห้ะ พูดแบบคนปกติไม่ได้หรือไง”

            “แล้วมึงจะมามีปัญหาอะไรกับปากกูนักหนา แอะ…เงียบแล้วจ้ะ” ผมยิ้มแห้งๆ แล้วกลับมานั่งเงียบๆ เล่นมาซะดุแบบนั้นกวนตีนมันต่อผมก็ไม่รอดอะดิ รักชีวิตอย่าคิดแหย่หมาบ้า แล้วนี่…แอร์รถพี่จะหนาวเย็นไปถึงไหนครับ เห็นใจคนตัวเปียกบ้างมั้ย


            พรึ่บ


            เอ๋~


            “เลิกสั่นได้แล้ว” ไอ้กันมันโยนกระเป๋าของมันมาให้ผม ถึงจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ช่วยแก้หนาวได้บ้าง ผมกอดกระเป๋ามันไว้แน่นเลย ขนาดกระเป๋ายังเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของพี่ท่าน ผมนี่เผลอสูดดมอยู่นาน


            “กูเพิ่งรู้ว่ามึงเป็นโรคจิต”


            สัด เห็นอีก

            “กูจะสั่งขี้มูกเหอะ บู้ๆ~” ผมรีบแก้ตัว ไอ้กันส่งเสียงหึในลำคอเบาๆ ก่อนจะมองออกไปนอกกระจก เห็นแบบนั้นผมเลยนั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่ใช่ไร กูหนาว สั่นเป็นเจ้าเข้าทรงเลย


            พอมาถึงที่ไอ้กันก็บอกให้พี่เขาจอดที่หน้าบ้านผมพอดีเป๊ะ พี่ท่านใจดีอีกหนึ่งสเต๊ปด้วยการจ่ายค่ารถเองคนเดียว ผมเปิดประตู แล้วค่อยๆ กระดึ๊บลงจากรถ และยืนเป็นกระต่ายขาเดียว


            “แต๊งกิ้วมากๆ เลยนะหมาบ้า ส่งถึงหน้าบ้านเลย” ผมหันไปยิ้มให้มัน ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่ตัวเองเผลอเรียกชื่อที่เรียกมันในใจออกมา ไอ้โหดยิ่งโหดเข้าไปใหญ่ ผมยิ้มแหยๆ


            “เค้าเผลอแหละ เค้าขอโทษ~”


            “เข้าบ้านไป” จ้ะ ไม่ต้องเสียงดุใส่แบบนั้นก็ได้ ผมพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ตอนนี้เราต้องทำตัวเป็นเด็กดีเข้าไว้ ค่อยๆ กระโดดขาเดียวจะเข้าบ้าน และเหมือนท่าทางของผมจะไม่ทันใจไอ้โหดข้างหลังมั้ง มันถึงได้ถอนหายใจใส่อีกแล้ว


            หมับ


            “เฮ้ยๆ!! อะไรมึงเนี่ย” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ก็ถูกอุ้มจนตัวลอย เมื่อกี้แค่กอดเอวพยุงเอง แต่ตอนนี้มันอุ้ม อุ้มอะอุ้ม! กูว่าจะไม่เขินแล้วนะ พอมึงอุ้มเท่านั้นแหละกูเขินเลย เหี้ย ตัวกูเบาขนาดนั้นเลยเหรอวะ


            “นิ่งๆ!” มันดุเมื่อผมดิ้นๆ ไม่ยอมให้อุ้ม พี่แกอุ้มผมเข้าบ้านแบบสบายมากๆ ปู่ที่ได้ยินเสียงผมโวยก็เดินออกมาดู แล้วก็ตาโตตกใจที่เห็นหลานสุดที่รักโดนไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้อุ้มเดินเข้ามาในบ้าน


            “เฮ้ย ไอ้วิป แล้ว…ไอ้หนุ่มเอ็งเป็นใครวะ”


            “สวัสดีครับ” ไอ้กันโค้งให้ปู่ผมเพราะมือไม่ว่าง ไม่แนะนำตัวอะไร ขายาวก้าวขึ้นบันไดมาแบบไม่ขออนุญาตใครเลย ปู่ก็ตกใจและอึ้งพอๆ กับผมนั่นแหละ แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงหลานรักเดินตามขึ้นมาดูแบบติดๆ


            “ไหนห้องมึง”


            “นู้น…” ผมบอกเบาๆ แล้วชี้ไปที่ห้องของตัวเอง มันเปิดเข้าไป ใช้เท้าเกี่ยวเอาเก้าอี้ที่ผมเอาไว้นั่งทำงานมาใกล้ๆ จากนั้นก็วางผมลง


            “มึงเป็นอะไรไอ้วิป” ปู่เดินเข้าชิด มองสำรวจร่างกายผม

            “ตกน้ำง่ะปู่ แล้วขาก็เจ็บ”

            “อ๋อ เพื่อนมึงเลยพามาส่ง” เอ้อ เดาเรื่องได้ง่ายดีหนิปู่

            “ก็…คงจะอย่างงั้น”

            ผมบอกแล้วค่อยๆ เลื่อนสายตาไปมองเฮียกันที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ มึงจะแดกหัวกูเหรอทำหน้าทำตาซะโหดแบบนั้นอะ


            “เออ ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว กูตกใจหมดนึกว่าเป็นอะไร มีอะไรก็เรียกแล้วกัน” ปู่บอกเสร็จก็เดินออกจากห้องไป แล้วมึงน่ะกัน อยู่ทำด๋อยอะไร นู้นประตู


            “บู้ๆ~”

            เพี๊ยะ

            ฮ้อยยยยยย~ แค่บู้ๆ ใส่เอง ทำไมต้องดีดหน้าผากกูด้วยเนี่ย

            “ไปอาบน้ำซะ” มันไล่ เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้เสร็จเลย

            “มึงจะอยู่ใช่มั้ย” ผมถามออกไปแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองจะใช้คำผิดไปนะ ต้องถามว่ามึงจะกลับแล้วใช่มั้ยต่างหาก ร่างสูงหมุนตัวกลับมาหาผม แล้วมันก็ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าแบบระยะประชิด


            “จะให้กูอาบให้หรือไง”


            ฉิบหาย~ ไม่ใช่แล้ว~



______________________________________

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 26-12-2015 21:48:56
หมาบ้า ก็ใจดีน่ะ หมาเป๋า ฮ่าๆๆๆ วิปมีเขินๆๆแล้วด้วย คืนนี้กันนอนห้องวิปเลยไหม อิอิ
แบบว่าอาร์ทดูมีเสน่ห์หล่อๆๆจัง ยังไงน่ะโผ่ลมาอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: มิวมิว ที่ 26-12-2015 23:22:09
ชอบนังวิปมันติงต๊อง  :laugh3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 27-12-2015 00:28:57
ทำไมเราชอบโมเมนต์อาร์ควิปงะ55555554
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 27-12-2015 01:34:50
ไมไม่หาหมอ? ขาพลิกต้องจับพลิกกลับป้ะ ต้องพันผ้า?
อาบน้ำให่ก็ดีนะ 55555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-12-2015 06:29:18
ยังดีหมาบ้าไม่ใจร้ายนะ ยังพามาบ้านแต่หมาบ้ารู้จักบ้านหมาเป๋าได้ไงวะ หรือเราอ่านข้ามตอนอะไรไปเนี่ย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: nsai.ss ที่ 27-12-2015 14:08:07
นั่นไง...กันรอพาวิปไปไหนอีกเปล่า กันอาบน้ำให้วิปเลยๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ben ที่ 28-12-2015 15:13:39
อาร์คแกชอบวิปช้ะ? คือชอบโม้เม้นเวลาอยู่กับวิปนะ แต่...นั่นแหละ กันหมาบ้าคงจะไม่ปล่อยหมาเป๋าให้ใครแน่ๆ5555 มาต่ออีกจิตัวเทอออออ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: usguinus ที่ 03-01-2016 09:26:24
เหนื่อยแทนกันๆ :o8:
แอบชอบอาร์คกับวิปเบาๆ 5555 รออยู่นะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 03-01-2016 14:17:31
ชอบวิปนางตลกดี  :jul3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 05-01-2016 19:14:36
กัน! ถ้านายไม่เอาวิป เราเองนะ! 555
น่ารักมากมาย  :mew1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 6] [26 - 12 - 58]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-01-2016 20:45:14
วิปกัน ไปเคาว์ดาวที่ไหนอ่า รีบๆๆกลับน่ะ
คิดถึง อิอิ
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 08-01-2016 17:52:03


ตอนที่ 7



 

 

            หมับ


            “เฮ้ยเดี๋ยวๆ ไอ้กัน! กูอาบเองได้” ผมพยายามปัดป้องมือหนาที่ยื่นออกมาเหมือนกับว่าจะแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาของผม แค่เหมือนนะ เพราะมันยังไม่ได้แกะออกไปสักเม็ด แต่แค่ยื่นมือมาก็น่ากลัวแล้ว


            ผมเอนตัวหนีไปด้านหลังก็แล้ว แต่พี่ท่านก็ยังไม่ละความพยายาม กระชากคอเสื้อผมทีเดียวกลับไปอยู่ที่เดิมเลย ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความหวั่นใจ กำลังสงสัยอยู่ว่ามันเอาคืนผมหรือเปล่า


            “นิ่งได้แล้วไง?” มันเลิกคิ้วถาม


            “ก็…” นั่นดิ กูนิ่งทำไมวะ


            “มึงจะนั่งเป็นหมาเปียกน้ำอีกนานมั้ย หรือจะให้กูอาบให้จริงๆ” กันๆ มันถามย้ำอีกครั้ง สายตาที่จ้องตรงมาบ่งบอกเลยว่ากูไม่ได้ขู่มึงนะ กูเอาจริง ผมล่ะอยากตะโกนเรียกปู่ขึ้นมา ดูมันทำดิ บ้านช่องไม่ยอมกลับมายืนขู่กูหาง้าวกวนอูหรือไง


            “กันๆ มึงอาสาอาบให้เหมือนมึงว่างอะ หรือเห็นกูเป็นหมาแบบที่พูดจริงๆ”

            “ก็เหมือนหมาอยู่” มันตอบหน้าตาเฉย

            “พ่อมึงดิ!”

            “อยากตายใช่มั้ย” แง่ะ ผมหน้าซีด แค่พลั้งปากด่าออกไปนิดเดียวเอง ไอ้โหดตรงหน้าก็เพิ่มเลเวลความโหดขึ้นไปอีก ผมยิ้มประจบเหมือนกับว่าเมื่อกี้เราไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย


            “มึงหูฝาดแล้วกันๆ”

            “กูได้ยินชัดเต็มสองหู” แน่ะ มีเถียง


            “กูขอโทษ~ กูเจ็บขาอยู่นะ อย่าทำอะไรกูเลย กูยอมเป็นหมาเป๋าก็ได้”  รีบเปลี่ยนบทแทบมิทัน คิดดู ถ้าผมหือกับมันมากๆ จะโดนหนักขนาดไหน แค่นี้มันก็สกัดผมตกลงไปในบ่อปลาขาเจ็บอย่างที่เห็น หนักกว่านี้มันไม่ถีบให้รถชนเลยหรือไง ใจร้าย~


 

            พรึ่บ


            “เฮ้ๆ…” ทำเรื่องให้กูประหลาดใจตลอดเลย จู่ๆ ร่างสูงก็ย่อตัวลงไป คุกเข่าอยู่ตรงหน้าแล้วจับขาข้างที่เจ็บของผมไปดู ใจผมเต้นตึกตักด้วยความเสียว กลัวว่ามันจะจับแรงๆ ให้ผมเจ็บเลยต้องก้มลงไปดู ถ้ามันจะทำจริงๆ จะได้ยกเท้าหลบทัน กันๆ มันจับๆ พลิกๆ ดูอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา


            ผมชะงัก เพราะใบหน้าของผมอยู่ห่างจากมันเพียงนิดเดียว


 

            “ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก นวดยาไม่กี่วันก็โอเค”


            “ทำ…ทำไมมึงรู้ล่ะ เป็นหมอหรือไง” เดี๋ยวๆ ทำไมกูติดอ้าง สูญเสียความเป็นไอ้วิปไปชั่วขณะ หมาบ้ามันมองกลับด้วยสีหน้าเบื่อๆ ก่อนจะถอนหายใจใส่หน้าผมแบบเต็มๆ มาอีกหนึ่งที


            ผมหลับตาลง…แล้วหน้าแดง

            มันอุ่นๆ วูบๆ ยังไงก็ไม่รู้

            “มึงยังกระโดดอยู่หน้าบ้านได้คงไม่ใกล้ตายหรอก ไปอาบน้ำ” คราวนี้เสียงโหดๆ ดังขึ้นเหนือหัว แสดงว่ามันลุกออกไปแล้ว แต่ผมยังนั่งมึนอึนอยู่กับที่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่…


            …มันอุ้มกูอีกแล้ว!

 

            “ไอ้เหี้ยกัน!”


            “มึงดิเหี้ย!” มันสวนกลับด้วยเสียงที่ดังกว่า โด่! เสียงดังกว่าคิดว่าข่มกูได้หรือไง ร่างสูงพาผมเข้ามาในห้องน้ำ แล้วลองคิดดู ห้องน้ำบ้านผมใช่ว่าจะใหญ่แบบบ้านมัน เข้ามาสองคนก็แทบจะเต็มแล้ว ขยับก็ลำบาก มันจับผมไปยืนอยู่ใต้ฝักบัวพิงกำแพงพอดี


            “กูอาบเองได้” ผมยืนยันด้วยเสียงที่จริงจังและจริงใจ มึงออกไปเถอะกันๆ พลีส~


            “เหรอ” แต่พี่ท่านตายด้าน ไม่รับรู้ถึงความจริงใจที่ส่งผ่านไปให้ทางแววตา มันแสยะยิ้มอันน่ากลัวออกมา เห็นแล้วอยากจะร้องไห้


          แกล้งกูแน่ๆ

            “ถ้ามึงแกล้งกูอีกล่ะก็ กูเรียกปู่จริงๆ ด้วย”

            “เด็ก” กระแทกหน้ากูจังๆ เลยคำนี้

            ไอ้กันมันไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อยกับคำที่ผมขู่มันออกไป มือหนายกขึ้นมาอยู่ในระดับกระดุมเสื้อเม็ดแรก ผมเบิกตากว้าง ตีมือมันดังเพี้ยะไปหลายที แล้วพี่แกก็เอาคืนด้วยการดีดหน้าผากผมกลับมาอย่างแสบ


            “สัดกัน!”


            “มึงจะโวยวายทำไม มึงคิดว่าน้ำที่มึงตกลงไปสะอาดมากงั้นดิ อยากนอนคันทั้งตัวหรือไง” คำพูดคำจาฟังดูช่างน่าซึ้งในความห่วงใย แต่เก็บไปใช้กับคนอื่นเหอะกูไม่ต้องการ ห่า! แสยะยิ้มทั้งตาทั้งปากแบบนั้นใครจะเชื่อมึงลง คนเลว~


            “กูรู้น่า กูอาบเองได้ เพราะฉะนั้นมึงย้ายตัวเองออกไปจากห้องน้ำได้แล้ว นี่กูห่วงมึงนะ กูกลัวมึงเปียก” ผมดันๆ แผงอกของมัน เห็นมั้ยกูหวังดี กูคนดีที่สุดแล้ว ผมยิ้มเมื่อเห็นว่าไอ้กันมันพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ แบบเห็นด้วย แต่แล้วรอยยิ้มก็เลื่อนหายไปเมื่อมันพูดออกมา


            “นั่นสินะ” อย่าจ้องหน้ากูบ่อย กูใจไม่แข็งพอ อะหื้อออ~


 

            พรึ่บ


            “เฮ้ยๆ! มึงทำอะไรเนี่ย” ผมร้องลั่น คว้ามือมันที่กำลังปลดกระดุมเสื้อตัวเอง มึงร้อนเรอะสาด

            “เดี๋ยวเปียกไง” มันตอบหน้าตาย กูล่ะอยากเอาขวดแชมพูฟาดหัวมึงจริงๆ

            ผมเริ่มดิ้น (กูควรจะดิ้นตั้งนานแล้วนะ) แล้วพยายามห้ามไม่ให้มันแกะกระดุมเสื้อ แต่ดูจากท่าทางของมันแล้วไม่ได้จะถอดจริงๆ หรอก คงจะแค่แหย่ผมเล่น เมื่อผมเริ่มดิ้นหนักเข้าไอ้กันก็คงจะรำคาญ เลยรวบตัวผมไว้ในอ้อมแขนซะเลย


          มึงงง~ กอดอีกแล้ว ไอ้สลิด!

            “มะ…มึง” ใกล้ไปๆ

            ไอ้กันมันก้มลงมาจ้องหน้าผมนิ่งๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนที่กำลังแกล้งหายไป เหลือเพียงใบหน้านิ่งๆ ตามแบบฉบับเจ้าตัวเท่านั้น ผมกลืนน้ำลายลงคอแบบหวั่นๆ หวั่นใจว่าไม่รู้จะเจออะไรอีก แต่ถึงจะหวั่นผมก็ยังจ้องตามันไม่ยอมหลบ


            ไม่ใช่ว่าไม่อยากหลบนะ แต่มันค้างง่ะ


            ผมใจเต้นตึกตักเมื่อใบหน้าหล่อๆ นั่นเริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ มันเองก็ไม่ได้จ้องไปที่อื่นเลยนอกจากตาผม ผมเม้มปากแน่น รู้สึกรนๆ เหมือนจะทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี มันขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ รดรินอยู่ที่ปลายจมูก ทำเอาใบหน้าผมร้อนวูบวาบ


 

          กึก


            ไอ้กันจู่ๆ มันก็ชะงักไป นิ่งค้างอยู่แบบนั้นก่อนจะผละถอยออกไปนิด

            “มึงหน้าแดงทำไม”

            “ห้ะ” ผมเอ๋อแดก

            ไอ้กันปล่อยผมออกจากอ้อมแขน ขยับถอยห่างออกไป ผมกะพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่ายแบบตามไม่ทัน มันกลับไปเป็นไอ้กันหน้านิ่งจอมหงุดหงิดคนเดิมแล้ว เบือนหน้าหนีไปอีกทางเหมือนไม่อยากจะมองหน้า


            กันๆ ใจร้าย~

 

            “มึงหน้าแดงทำไม” มันถามย้ำอีกครั้ง

            “หน้าแดง?” ผมทวนคำแล้วยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเอง

            “เออ”

            “กูเหรอ” ถามย้ำอีกครั้ง

            “อาบน้ำซะ” มันสั่งอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป ผมแตะๆ แก้มของตัวเองอีกครั้ง สรุปกูหน้าแดงจริงๆ เหรอ เขินมันเหรอวะ ไม่มั้ง แค่…วูบๆ เอง


            ผมอาบน้ำเสร็จเดินออกมาก็ไม่เจอไอ้กันมันแล้ว สงสัยกลับบ้านไปแล้ว ผมยักไหล่แล้วเดินไปหาเสื้อผ้ามาใส่ อย่างน้อยๆ มันก็ยังมาส่งถึงบ้าน ถึงแม้ว่ามันจะตามขึ้นมากวนตีนต่อก็เหอะ


            เห็นมั้ยนา กูหาคนที่ดีให้มึงเลยนะ ซึ้งมั้ย




………………………




            และก็เป็นอย่างที่ไอ้กันมันบอกจริงๆ ด้วย แค่ไม่กี่วันขาผมก็ไม่เจ็บแล้ว กลับมาเป็นไอ้วิปผู้สนุกสนานกับทุกเรื่อง วันหยุดแบบนี้ปกติก็จะอยู่บ้านดูหนังและทะเลาะกับปู่ แต่ตอนนี้เรามีเพื่อนใหม่แล้ว แถมบ้านอยู่ใกล้ๆ กันอีก เราก็ควรจะออกไปทักทาย


            ผมเดินมาที่บ้านของไอ้หมาบ้า แล้วก็เกือบจะสะดุดฝุ่นเมื่อมองเข้าไปเห็นคุณลุงที่ผมเคยคิดไปว่าเป็นพ่อของไอ้กันกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ ผมลูบหน้าลูบตา ทำเนียนว่าลืมเรื่องนั้นไปแล้ว


            “ลุงค้าบบบ~ ลุงๆ สวัสดีครับ” ผมร้องทักแล้วเดินเข้าไปเกาะประตูรั้ว ลุงแกก็หันมามองแบบงงๆ ก่อนจะร้องอ๋อเมื่อระลึกได้


            “เพื่อนคุณกันใช่มั้ย ที่เอ๋อๆ หน่อย”

            เดี๋ยวลุงเดี๋ยว ใช่กูเหรอ

            “แฮ่~” ตอบกลับได้แค่นี้จริงๆ กู

            “มาหาคุณกันเหรอ กำลังออกกำลังกายอยู่มั้ง เข้ามาสิๆ” ลุงแม่งเชื้อเชิญเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง ผมยิ้มร่าเดินเข้าไป ลุงบอกมาแค่มันออกกำลังกายอยู่ ผมจะรู้มั้ยว่ามันไปออกอยู่ตรงไหนของบ้าน


            “ลุงทำอะไรอะ ให้ผมช่วยมั้ย” เสนอหน้าได้อีก


            “ไม่เป็นไรๆ ใกล้จะเสร็จแล้ว” ลุงแกโบกไม้โบกมือปฏิเสธ แต่ผมก็ยังเสนอหน้าอยู่ดี เข้าไปยืนใกล้ๆ ลุงแกก็เหล่แบบเหมือนจะบอกว่าระวังเปียกนะ


            “ลุงครับๆ นี่ต้นอะไรอะ” ผมชี้ไปที่ต้นที่มันมีดอกสีชมพูแดงๆ มองๆ ไปมันก็สวยดี ยื่นนิ้วออกไปแตะๆ ที่กลีบ แอบเห็นนะว่าลุงแกเหล่มองเหมือนกลัวผมเด็ดมันไป โด่ลุง~ เดี๋ยวก็ปั๊ดเด็ดแม่งหมดเลยหนิ


            “ชวนชมน่ะ สวยใช่มั้ยล่ะ ลุงดูแลเองเลยนะ” แน่ะ มีอวด

            “เหรอครับ”

            “แล้วรู้มั้ยล่ะว่าต้นนั้นต้นอะไร” แล้วลุงแกก็ชี้ไปที่ต้นสูงๆ ด้านหลังนู้น

            “ต้นไม้ครับ”

            อ้าว ลุงหน้าอึน ทำไม ตอบผิดเหรอ


            “มึงมาทำไมไอ้เตี้ย” บทสนทนาของผมกับลุงถูกหยุดด้วยเสียงโหดๆ ที่ดังขึ้นด้านหลัง (เอาจริงๆ มันหยุดตั้งแต่ตอบต้นไม้แล้ว) ผมหมุนตัวกลับไปยิ้มแฉ่งให้กับเจ้าของเสียง กันๆ มันยืนกอดอกทำหน้านิ่ง เสื้อกล้ามที่ใส่เปียกชุ่มได้ด้วยเหงื่อ ใบหน้าก็ด้วย


          โอ้ว เซะซี่นะตัว~

            “กันๆ ออกกำลังกายเสร็จแล้วไง” ผมเดินดุ๊กดิ๊กๆ เข้าไปหา

            “มึงมาทำไม” ไม่ตอบแต่ถามกลับมาอีกครั้ง


            “เอาขนมมาฝาก” ผมยิ้มอีกครั้ง ไม่รู้ทำไม แต่พออยู่ต่อหน้ามันแล้วอยากยิ้มให้มันเยอะๆ แบบไม่มีเหตุผล อาจจะเป็นเพราะพี่แกไม่ค่อยยิ้มมั้ง ผมเลยต้องเป็นคนยิ้มแทน


            “อะไร” ผมล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบออกมาให้มันดู


            “ทิวลี่ อร่อยนะ” หยิบมาสดๆ ร้อนๆ จากบ้านเลยด้วย ไอ้กันมองของในมือผมก่อนจะถอนหายใจ มีครั้งไหนบ้างวะที่เจอแล้วจะไม่ถอนหายใจใส่กันเนี่ย แล้วพี่แกก็ยื่นมือออกมาดีดหน้าผากผมอีกครั้ง ผมเบ้หน้า


            “ถ้ามาเพื่อเอาขนมแบบนี้มาให้กู มึงกลับไปเหอะ เกะกะ”


            ดูมัน นี่ของอร่อยเลยนะทิวลี่สีน้ำเงินเนี่ย ผมถูๆ หน้าผากก่อนจะยิ้มกว้างส่งไปให้


            “ขนมน่ะข้ออ้าง จริงๆ คืออยากมาเจอ”

 

            กึก


            กันมันชะงักไป ก่อนจะหรี่ตามองหน้าผมเหมือนจะจับผิด ไอ้ผมก็สเต็ปเดิมเลย ยิ้มร่ากะพริบตาปริบๆ กลับไป กูไม่รู้ กูอารมณ์ดี


            “จะได้รู้ด้วยไงว่ามึงกับไอ้นาไปถึงไหนกันแล้ว”


            “เสือก” มันด่าเสร็จก็หันหลังเดินหนี ผมก็ตามครับ ตามมันมาจนถึงห้องมันนั่นแหละ ไอ้เจ้าของห้องมันก็คงจะเอือมผมไปแล้ว เลยไม่ได้ด่าอะไร พอเข้ามาไอ้กันก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป


            ผมยักไหล่แล้วขึ้นไปกลิ้งบนเตียงของมัน

            ถ้ามันเห็นนะ รับรอง โดนดีดตกจากเตียงแน่ๆ

 

            Rrrrrrr


            กำลังกลิ้งเล่นอยู่โทรศัพท์ก็ดัง หยิบออกมาดูชื่อคนโทรเข้าผมก็ยิ้มกว้างเลย มาได้จังหวะจริงๆ เพื่อนนา


            “ฮัลโหลคนสวย”


            [มึงอยู่ไหนไอ้วิป เมื่อกี้กูโทรเข้าบ้านมึง ปู่บอกมึงออกไปแรดข้างนอก] นั่นคำพูดมึงหรือคำพูดปู่วะเอาดีๆ ถ้าเป็นของปู่นี่ก็ใจร้ายมากเลยนะด่าหลานรักของตัวเองได้


            “ก็มาบ้านไอ้กัน ทำไม มึงมีอะไรหรือเปล่า”


            [หืม? มึงไปทำไม เดี๋ยวมันก็ดีดมึงออกจากบ้านหรอก มันยิ่งไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายอยู่ด้วย] ไอ้นารีบพูดออกมาแบบจะเตือนๆ ผมขมวดคิ้วแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มล้อเลียน เหมือนไอ้นามันจะเห็นเลยเนอะ


            “แอ๊ะแอ๋~ นานา~ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ากันๆ มันไม่ชอบให้ใครวุ่นวาย อะแน่ะๆ ไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย รู้อกรู้ใจด้วย” ได้ทีกูต้องแซวนะ


            [มึงนี่เสือกตลอดเลยนะ] ไอ้นานาพูดแบบขำๆ ไม่วีนไม่เหวี่ยงแบบนี้แสดงว่าอารมณ์ดี ปกติคุยเรื่องผู้ชายแม่คุณจะองค์ลงตลอด แตะต้องไม่ได้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้…แม่คุณเปลี่ยนไป หมาบ้ามันก็โอเคเหมือนกันนี่หว่า


            “ก็ๆ…ก็อยากรู้ไง เพราะกูก็เป็นคนแนะนำมึงอะไรแบบนี้”


            [หึๆ วิปเอ้ย]

          อะไรๆ


            “แล้วนี่มึง…รู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้างล่ะ” ผมพลิกตัวนอนคว่ำคว้าหมอนใบใหญ่นุ่มๆ ของไอ้กันมากอดแล้วฝังหน้าลงไป สูดกลิ่นประจำตัวของมันเข้าเต็มปอด เปล่าเสพติด แต่แค่ชอบ


            [ก็…หลายอย่างนะ]


            “เหรอ อืมมม กูไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับมันเลย” ผมว่าอย่างหงอยๆ และมันก็ออกไปเองโดยที่ผมไม่ทันคิด มารู้ตัวก็ตอนที่ไอ้นานามันหัวเราะกลับมา


            [หึๆ วิปเอ้ยวิป มึงจะไปอยากรู้เกี่ยวกับกันมันทำไม] เออ นั่นดิ

            “ไม่รู้ว่ะ”

 


            แกร๊ก


            ผมผงกหัวขึ้นมา หมาบ้ามันเดินออกมาจากห้องน้ำแบบเซะซี่อีกแล้ว นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า พี่แกไม่ได้อายสายตาของผมที่จ้องมองไปเลย กลายเป็นผมซะเองที่รู้สึกอายเมื่อมองมัน


            [ไอ้วิป ทำไมเงียบ มึงทำอะไร]


            “ห้ะ อ๋อ…เปล่าๆ”


            “มึงคุยกับใคร” มันเหล่มาถามขณะใส่เสื้อ เหมือนถามไปงั้นแหละไม่ได้ต้องการคำตอบ ผมเด้งตัวขึ้นมานั่ง ไม่ลืมหยิบหมอนของมันติดมือมากอดไว้ด้วยเหมือนเดิม


            “ไอ้นานา คุยมั้ยๆ” ผมยิ้มแล้วยื่นโทรศัพท์ไปให้มัน แค่แกล้งมันเล่นเท่านั้นแหละดูอาการ แต่พี่ท่านเอาจริงว่ะ ใส่เสื้อผ้าเสร็จก็คว้าโทรศัพท์ผมไปแนบหูเลย


            “ฮัลโหล” มันกรอกเสียงลงไป เหลือบมามองทางผมแวบหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง ผมอ้าปากค้างหน่อยๆ มือก็ค้างอยู่กลางอากาศท่าเดิมที่ส่งโทรศัพท์ให้


            โด่ว~ ต้องหนีออกไปคุยข้างนอกด้วย


            ผมเบะปากเซ็งๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนต่อ ไอ้กันมันหายไปสักพักใหญ่ๆ เลยกว่าจะกลับเข้ามา โยนโทรศัพท์คืนให้ด้วยใบหน้านิ่งๆ เหมือนเดิม แล้วเดินไปเปิดคอม หันหลังให้ผมแบบสมบูรณ์เลย


           

“นี่ๆ”

            “…” มันเงียบ

            “กันๆ”

            “อะไร”

            “คุยอะไรกันอะ”


            “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” มันตอบกลับแบบไม่ได้หันมา แหมๆ มึงโตตายแหละฟายยย ผมลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง ไอ้กันตั้งอกตั้งใจทำอะไรวะ ด้วยความสงสัยผมจึงลุกขึ้นไปดู เห็นมันนั่งพิมพ์งานอยู่ผมเลยไม่อยากกวน


            กลับมานอนต่อเหมือนเดิม แฮ่~


            จนเวลาผ่านไป ไอ้กันมันเลิกทำและเปิดเพลงฟังแทนนู้นแหละผมถึงได้กวนมันต่อ


 

            “กันๆ”


            “อะไร”


            “หิวเนอะ” ทิวลี่ที่เอามาฝากถูกผมแดกไปแล้วเรียบร้อย ร่างสูงหันกลับมามองผมด้วยสายตาที่ด่าว่ามึงมันตัวปัญหา คิดว่ามองกูแบบนั้นแล้วกูจะสะเทือนเหรอ ไม่เลย กูสตรองแล้ว


            “มึงไม่หิวเหรอ” ต้องหาแนวร่วมไรงี้


            “กลับบ้านไปดิ” แง่ะ ไม่ตอบแล้วยังไล่กลับอีก ทำแบบนี้กูเสียใจนะเนี่ย

            “กันๆ”

            “…”

            “เฮ้ย อย่าเงียบดิ ใจไม่ดีนะ” มันเหล่ครับ เหล่แบบรำคาญ แต่ปากก็ไม่ยอมตอบ ผมหน้ามุ่ย มึงอย่าให้กูต้องเอาจริงนะกันๆ


            “เฮ้ย! หมาบ้า”


            “แม่งเอ้ย!” ไอ้กันผุดลุกขึ้นด้วยท่าทางหัวเสีย ตรงดิ่งเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าถมึงทึง ผมเหงื่อตกปากสั่น กูจะโดนฆ่ามั้ยเนี่ย พอจะถอยหนีก็ไม่ทันพี่แก มันคว้าตัวผมไว้แล้วหิ้ว ย้ำอีกครั้ง หิ้ว! แรงมึงมีมากมายขนาดไหนกันวะเนี่ย มันกอดที่เอวแล้วยกผมขึ้นแบบง่ายดาย


            “เฮ้ย ปล่อยกูๆ ไม่ปล่อยกูงับนะ!”


            “ถ้ามึงไม่เลิกดิ้นกูจะโยน” แสสสสส นิสัยเสีย แต่มันก็ทำให้ผมนิ่งเหมือนปิดสวิตช์เลย มันพาผมลงมาที่ห้องครัว ในห้องมีคุณป้าคนหนึ่งกำลังยืนล้างจานอยู่


            “อ้าว คุณกันหิวแล้วเหรอ เดี๋ยวป้า…”


            “ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมทำเอง” มันพูดพร้อมกับปล่อยให้ผมลงมายืน ผมยิ้มกว้างไปให้ป้าแก ป้าเห็นผมยิ้มมั้งเลยต้องยิ้มตอบ และพอหันไปมองหน้าไอ้หมาบ้าหน้าโหดนี่ก็ต้องรีบย้ายตัวเองออกไป


            ป้าครับ อย่าทิ้งวิป


            “มึงจะทำอะไรวะ” หันไปถามกันๆ เมื่อมันเริ่มเปิดตู้เย็นหยิบไข่ไก่ออกมา มันไม่ตอบ แต่กลับใช้สายตาดุๆ จ้องเป็นการข่มขู่ว่าถ้ามึงเดินออกไปมึงได้ตายแน่ๆ ผมเบะปากแล้วยอมเดินไปนั่งรอแบบว่าง่าย


            มองดูไอ้กันที่ตอกไข่ใส่ชามแล้วเจียว มันคงจะทำอะไรง่ายๆ แบบไข่เจียวแน่เลย และพอเจียวเสร็จมันก็หันไปเปิดเตา หยิบกระทะออกมา ใส่น้ำมันเตรียมจะทอด


            “เดี๋ยวๆๆ มึงไม่ปรุงหน่อยเหรอ” ผมเตือนด้วยความหวังดี แต่ก็โดนมองแรงอีกแล้ว หัวหดอะเกน~


            แล้วมันก็หยิบน้ำปลามาใส่ เฮ้ยๆ ใส่ลงไปน่ะเกรงใจไตกูบ้างก็ได้ แล้วมันก็หยิบน้ำมันหอย (น่าจะมั้ง) มาใส่อีก จากนั้นก็คว้ากระปุกอะไรสักอย่างที่ข้างในมันเป็นเม็ดสีขาวละเอียด แล้วมันก็จัดการใส่แบบไม่กลัวของหมด


            นั่นน้ำตาลหรือเกลือน่ะบอกกูที

            ปรุงเสร็จเจียวอีกรอบให้มันเข้ากัน จากนั้นมันก็ทอด ไอ้คนที่อยู่หน้าเตาเป็นยังไงผมไม่รู้ แต่คนที่นั่งดูแบบกูนี่เหงื่อตก

            ฉิบหาย อย่าบอกนะว่ากูต้องเป็นคนกินน่ะ

          ไม่ตายก็ตายแหละกูงานนี้


            มันผละออกไปตักข้าวใส่จาน ผมภาวนาให้มันตักมาสองจาน แต่พี่ท่านไม่ได้ยินคำภาวนาของผม มันตักมาแค่จานเดียว จากนั้นก็เดินไปตักไข่เจียวที่ทอดเสร็จร้อนๆ โปะลงไป


 

            กึก


            ไข่เจียว…ที่โคตรจะไหม้เกรียมถูกนำมาวางตรงหน้า แล้วมีหมาบ้าท่าทางน่ากลัวยืนคุมอยู่ใกล้ๆ ชีวิตเรานี่หนอ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้


            “แฮ่~” ผมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มประจบ

            “กิน” มันสั่ง

            “จริงๆ แล้วกูก็ไม่ได้หิวอะไรมากหรอกนะ จริงๆ นะกันๆ กูทนได้นะ ให้กูกลับบ้านไปกินตอนสี่ทุ่มกูยังทนไหวเลย กูกระเพาะเหล็กนะเว้ยไม่อยากคุย” เบี่ยงเบนเต็มที่


            ตึง!


            “แดก!” ไอ้กันเท้ามือทั้งสองข้างลงมาบนโต๊ะด้วยท่าทีคุกคาม สายตาดุโหดมาเต็มมาก ผมเบะปากแล้วส่ายหน้ารัวๆ แบบว่าเค้าขอโทษที่เร้าหรือ เค้ามิได้ตั้งใจ


            “เฮ้ยมึงงงง~” ผมเริ่มอ้อน

            “แดก!”

            จ้าาาา แดกแล้วจ้า


            ผมค่อยๆ ตัดไข่ (ไหม้ๆ) ด้วยจิตใจที่เต้นรัว พยายามทำให้ช้าที่สุดเพื่อยื้อชีวิตตัวเอง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันใจพ่อวัยรุ่นใจร้อน มันแย่งช้อนไปจากมือ ตักไข่ชิ้นเบ้อเร่อมา มือหนาอีกข้างก็ยื่นออกมาบีบปากผมให้อ้าออกแล้วมันก็ยัดไข่เข้ามาเต็มๆ ปากผมเลย


            “อื้อๆๆ” ผมร้องในลำคอ ยังไม่ต้องเคี้ยวหรอก แค่นี้แม่งก็เค็มไปทั้งปากแล้ว ผมน้ำตาคลอ ไม่ได้เสียใจอะไร แต่มันเค็มมากเลยอยากจะบอกต่อ


            “ถ้าคายกูเตะ” มันขู่เพิ่ม


            เคี้ยวทั้งน้ำตา~


 

            แปะๆ


            “อร่อยมั้ยล่ะ หมาเป๋า~” มันตบแก้มผมสองสามที แล้วพูดแบบลากเสียงเหมือนที่ผมชอบทำเป็นการล้อ ตอนนี้บอกเลยว่าหลากหลายความรู้สึกมาก เวลาโดนไอ้ชานหรือไอ้อาร์คเรียกมันไม่รู้สึกอะไร แต่พอโดนไอ้กันเรียกแบบนี้แล้วมันเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้


            เคยมั้ย เขินทั้งน้ำตาอะ




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 08-01-2016 18:51:35
วิปแม่งโคตรน่ารัก จะซื่อเซ่อซ่าไปไหน ใครจีบใครกันแน่น้ออออ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 08-01-2016 19:24:09
สงสารวิปปปป :ling1: :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-01-2016 19:53:04
วิปโครตฮาอะ อิออิอิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-01-2016 20:42:08
วิปฮ่าเอ๋อได้ตลอดเลย สงสารหมาเป๋าเลยกินเกลือล้วนๆๆ หมาบ้าก็เอาคืนซะ หมาเป๋าลิ้นแตกเเน่ๆๆเกลือเป็นกระปุกๆๆ ฮ่าๆๆๆ คู่นี้เขาจะเริ่มรักกันยังไงเนี่ย ฮ่าอย่างเดียว ลุ้นๆๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ฝัullล้วlv ที่ 08-01-2016 23:44:58
น่าสงสารรร~  :mew4: :mew4:
ว่าแต่กันๆ กับ นานา เป็นอะไรกันน้า~
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 09-01-2016 00:23:23
ใครทนวิปได้นี่ ประสาทแข็งมาาาาาาก
น่ารักดี หมาบ้า กับ หมาเป๋า
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-01-2016 00:38:57
โธ่ หมาบ้ากันกัน ไม่ถนอมไตของหมาเป๋าเลย ถ้าหมาเป๋าป่วยจะทำยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 09-01-2016 01:09:52
อิฉันว่านะพอได้กันแล้ว กันต้องว่าวิปไปฟอกไตทุกเดือน 
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 09-01-2016 18:26:17
ฮาหว่ะ จะฮาก็สงสาร แต่ก็ฮา 55555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 10-01-2016 19:55:29
วิปๆ เคยไหม สงสารทั้งน้ำตาอะ แบบสะใจจนน้ำตาไหลอะไรเงี้ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 7] [8 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kullanat ที่ 11-01-2016 18:12:45
หายไปนานมักเลยนะ  อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 15-01-2016 14:16:00
 

ตอนที่ 8

 

 

 

 

 

 

 

            กว่าที่ไอ้หมาบ้ามันจะแกล้งผมจนพอใจก็นู้นแหละ น้ำตาไหลเพราะไข่เจียวแสนอร่อยของมัน กว่ามันจะปล่อยให้ผมวิ่งไปคายทิ้งก็เล่นเอาความเค็มมันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก แบบว่าชาตินี้กูไม่มีทางลืมแน่ๆ ว่ารสเค็มมันเป็นยังไง

 

 

            บ้วนปากแถมแดกน้ำไปอีกสามแก้วก็ดีขึ้นมาหน่อย

 

 

            แต่เรื่องหิวน่ะยังเหมือนเดิม

 

 

            พอได้เห็นผมในขั้นชีวิตที่แสนสลดก็ดูเหมือนว่าไอ้กันมันจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย จากนั้นผมก็เลยลากมันออกไปหาอะไรกินด้วยกัน เดินออกไปปากซอยอีกนิดก็ของขายเพียบ ตอนแรกมันก็ไม่ยอมไปหรอก แต่พอผมนั่งจ้องมันไปนานๆ นั่นแหละ พี่แกถึงได้ยอมไป

 

 

 

 

            “กันมึงกินยำลูกชิ้นมั้ย อร่อยนะ” ผมกระตุกแขนเสื้อมัน ไอ้นี่แม่งเดินซื้อของนะเว้ยไม่ใช่มาปล้นเขา มึงทำหน้าทำตาให้มันดีๆ หน่อยดิวะ

 

 

            “มึงจะกินอะไรมึงก็ซื้อเหอะ”

 

            “เฮ้ย ได้ไง ต้องถามดิ กินด้วยกัน”

 

            “นี่มึงยังคิดที่จะเสนอหน้าไปบ้านกูอีกเหรอ”

 

 

            “อ้าว ไม่ได้เหรอ” ผมครางเสียงหงอยๆ แล้วเบะปาก ไอ้กันมันส่ายหน้าแล้วเดินนำออกไป ผมมองตามแผ่นหลังของมันไปแล้วยักไหล่ แล้วไง วิปมิแคร์ ถ้าโยนกูออกมาอีกกูก็จะกระโดดเกาะหลังมึงเหมือนเดิม

 

 

            “เออนี่มึง”

 

            “อะไร”

 

            “มึงกับไอ้นาไม่นัดกันออกไปไหนบ้างเหรอวะ แบบๆ เดทไรงี้อะ เหมือนพวกมึงจะคุยกันแค่ทางโทรศัพท์อย่างเดียวใช่มั้ย” ผมเดินวนๆ รอบตัวมัน คิ้วเข้มๆ นั่นเริ่มขมวดแล้ว รับรู้ได้แบบไม่ต้องมีใครมาบอก ถ้าผมยังเดินวนรอบตัวขัดแข้งขัดขามันอีกมันจะถีบผมแน่

 

 

            “ไม่ใช่ คุยทางไลน์ด้วย” นี่กวนตีนใช่มั้ย

 

            “นามันก็น่ารักใช่มั้ยล่ะ” ผมถามแล้วเหล่ดูอาการของมันไปด้วย

 

 

            “ก็ใช่” ยอมรับแบบตรงๆ ไม่มีปิดบัง แบบนี้แหละดี ผมพยักหน้ารับเบาๆ ท่าทางไอ้กันมันคงชอบนานาไม่มากก็น้อย ไอ้นานาเองก็คงจะชอบไอ้กันอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นมันคงไม่อารมณ์ดีเวลาที่พูดถึง

 

 

            “แล้วงี้…มึงสองคนก็จะคบกันใช่ปะ”

 

            “มึงจะถามทำไม”

 

            “ก็…ก็เข้ามาหามึงเพราะว่าจะจีบมึงให้ไอ้นา แต่พอมึงสองคนคบกันแล้ว กูก็สงสัยว่ากูจะไปหามึงได้อีกมั้ยแค่นั้นเอง” ผมพูดไปแล้วก็แวะซื้อของกินต่อเลย ทั้งๆ ที่ในมือก็มีตั้งหลายอย่างแล้ว เอาน่า ไอ้กันมันก็กินด้วย ซื้อไปเยอะๆ นี่แหละ

 

 

            “แล้วมึงจะมาหากูทำไม” ไอ้กันมันขยับเข้ามายืนซ้อนด้านหลังแบบแนบชิด ผมชะงัก หันไปมองมันแบบงงๆ ว่ามึงจะเข้ามาชิดเพื่อ แต่พอชะโงกมองเลยไปด้านหลังก็เข้าใจ เพราะมีคนเบียดมันเข้ามา

 

 

            “ก็…”

 

 

            “ตกลงมึงจะจีบให้เพื่อนหรือมึงจะจีบกูซะเอง”

 

 

 

            ห้ะ!

 

 

            ผมเงยหน้าไปมองมันแบบเหวอๆ ที่จู่ๆ มันก็ถามอะไรแบบนี้ อ้าปากค้างพะงาบๆ ไม่รู้จะตอบอะไร คือตั้งตัวไม่ทันเว้ย เหี้ยดิ ก็บอกว่าจีบให้เพื่อน อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น เดี๋ยวกูขอย้อนคิดดูบ้าง

 

 

            แค่ไปหาที่บ้านบ่อยๆ ตามไปเร้าหรือที่มหา’ลัย เจ๊าะแจ๊ะจนน่ารำคาญ

 

            ไม่ได้จีบมึงนะเว้ยยย~

 

 

 

 

            “หึ” มันหัวเราะหึออกมาแล้วเดินนำไปก่อนอีกแล้ว ปล่อยให้ผมยืนหน้าแดงกะพริบตาปริบๆ เรียกสติกลับมา จ่ายเงินป้าแกแล้วรีบเดินตามมันไป

 

 

            มองของในมือก็คิดว่าน่าจะกลับกันได้แล้ว ผมปล่อยให้ไอ้กันมันเดินนำหน้าไปก่อน สวนตัวเองก็เดินตามแบบเต่าคลาน พร้อมกับคิดเรื่องที่มันถามไปด้วย

 

 

            มันรำคาญน่ะอันนี้รู้ แต่แหมมม เราก็อยากจะผูกมิตรบ้างไรบ้างต้องเข้าใจ หรือเป็นเพราะผมวะที่วุ่นวายมากไปจนมันไม่มีเวลาไปเจอไอ้นามันถึงได้พูดแบบนั้น

 

 

            “เฮ้ยนี่…”

 

 

            พรึ่บ

 

 

            เหี้ยยยยยยยย~

 

            ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆ ก็มีตัวอะไรไม่รู้โดดมาอยู่ตรงหน้า ผมกระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ มองผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่อยู่ๆ ก็มายืนขวางทางซะอย่างนั้น

 

 

            แล้วพี่…รู้จักผมอ๋อวะ

 

 

            “เอ่อ…”

 

 

            “น้องจำพี่ได้เปล่า” แล้วพี่แกก็ถามคำถามที่ทำให้ผมงงแดกอีก ผมนี่ยิ่งเหวอหนักกว่าเดิมเลย จ้องหน้าคนตรงหน้าแบบพยายามระลึกว่าเคยเจอที่ไหน และแล้วความทรงจำก็ค่อยไหลเข้ามาในหัว ผมอ้าปากค้างยกมือชี้หน้าพี่แกแบบอัตโนมัติ เหงื่อแตกพลั่กๆ

 

 

            “พะ…พี่ แฮ่~”

 

            ฮือออ มันคือไอ้พี่คนที่พยายามฉุดกระชากลากถูน้องผู้ชายตัวเล็กคนนั้นในวันที่ไอ้กันพาผมไปเจอกับเพื่อนมันนั่นเอง ฉิบหายแล้ว

 

 

            “กันๆ~” ผมร้องเรียกไอ้กันด้วยเสียงสั่นๆ มึงกลับมาช่วยกูก่อน

 

 

            ร่างสูงที่เดินนำไปแล้วได้ยินเสียงเรียกก็หมุนตัวกลับมา ผมทำหน้าอยากจะร้องไห้ส่งซิกเพื่อบอกให้มันเข้าใจ และวันนี้ผมก็ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับไอ้กันมาอีกหนึ่งเรื่องก็คือแม่งเป็นคนที่เข้าใจอะไรยากมาก ดู๊~ ดูมัน ส่งซิกขนาดนี้มันยังขมวดคิ้วไม่เข้าใจอีก

 

 

 

 

            “พี่มีอะไรอะ วันนั้นผมเมา ผมไม่รู้เรื่อง ไอ้คนกระทืบพี่มันอยู่นู้น” กูก็ห่วงมึงนะกันๆ แต่กูก็ห่วงตัวเองด้วย

 

 

            พี่ร่างใหญ่หันไปมองตามที่ผมชี้ จากนั้นคิ้วพี่แกก็กระตุกยิกๆ เลย ไอ้กันหรี่ตามองกลับก่อนขยับมายืนจ้องหน้าแบบจังๆ มันเองก็คงจะจำได้แล้วเหมือนกัน

 

 

            ท่ายืนมึงล่อตีนมากกัน

 

 

            “หึ วันนี้กูจะไม่สนมึง แต่น้อง…” แล้วพี่แกก็หมุนตัวกลับมาหาผม ไอ้กันเห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้ามายืนข้างๆ หูยยย~ กูซึ้งใจอะ ไหนๆ เอาเหม่งมาจุ๊บทีมา

 

 

            “พี่ชอบน้องว่ะ พี่กลับไปนอนคิดดู น้องแม่งโคตรใจเลย พี่ชอบ” พี่แกบอกด้วยท่าทางจริงจัง

 

            แต่มึงงง~ มึงจะมาชอบกูทำไม ตอนนี้กูอะโคตรไม่ใจเลย

 

 

            “แฮ่~” ผมยิ้มแห้งๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรกลับไป ไม่สงสัยเท่าไหร่ที่พี่แกชอบผู้ชาย เพราะไอ้เด็กนั่นก็บอกเองว่าเป็นแฟน แต่คือพี่ครับ แค่กูเมาแล้วเดินเข้าไปหาเรื่องพี่แบบนั้นพี่ก็มาชอบผมแล้วเหรอ

 

 

            ใจง่าย!

 

            “น้องจะว่าไง!” ผมสะดุ้งเฮือก

 

            ไอ้พี่!! ตกลงมึงมาบอกชอบหรือมึงจะมาฆ่ากูวะ แม่ง ตะคอกทำไมเนี่ย

 

 

            “เอ่อคือ…จริงๆ แล้ว…” ผมเหล่มองไอ้หล่อโหดข้างตัว หลังจากที่มันเห็นว่าผมคงไม่มีอันตรายอะไรมันก็ลดท่าทางป้องกันตัวลง มองไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจเรื่องตรงหน้า แต่มุมปากกำลังยกยิ้มอยู่นิดๆ

 

 

            “จริงๆ แล้วผมมีแฟนแล้วพี่!”

 

            “ใคร!!” พี่แม่งขึ้นเว้ย

 

            “ไอ้นี่ไง” ผมว่าแล้วก็เกี่ยวแขนหนาของไอ้กันไว้แน่น พี่แกหันพรึ่บมามอง จ้องหน้าผมเขม็งเลย ส่งผ่านข้อความมาทางสายตาว่า…ทำเหี้ยอะไรปรึกษากูก่อนบ้างก็ดี ผมก็เลยส่งสายตาตอบกลับมันไปเช่นกัน

 

 

            มึงเห็นว่ามีเวลาให้กูปรึกษามั้ยล่ะไอ้เหี้ย

 

 

            “พี่ไม่เชื่อว่ะ อย่าหาทางรอดแบบนี้เลย” พี่มันแสยะยิ้ม อีเหี้ยน่ากลัว มึงเป็นนักฆ่าเปล่าพี่ หุ่นก็ให้หน้าก็ให้ ไอ้กันมองหน้าพี่มันแบบเบื่อๆ จากนั้นก็…

 

 

 

 

            หมับ

 

            …กอดไหล่ผมจ้า

 

 

            “พี่คงต้องเชื่อว่ะ ไอ้เตี้ยนี่แฟนผม” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมันแบบซึ้งใจสุดๆ กันๆ ต่อไปนี้กูจะทำดีกับมึงกูสัญญาเลย กูจะลืมว่ามึงเคยดีดกูตกบ่อปลานะ

 

 

            พี่มันหรี่ตามองแบบจับผิด ไอ้กันก็กอดไหล่ผมแบบแนบแน่นเลย มึงแสดงสมจริงมากกูนับถือ

 

            “รักกันมากแค่ไหน” พี่มันถาม

 

            “หอมแก้มโชว์ได้เลย!” ผมพูดกลับไป

 

 

            ขวับ

 

 

            กันๆ กูขอโทษษษ~ มันหันขวับมาจ้องแบบดุร้าย ด่าผมทางสายตาจนแปลไม่ทันเลยล่ะ ผมขอโทษมันผ่านทางสายตา ก็ไม่รู้ว่ามันจะรับรู้เปล่านะ

 

 

            “เฮ้อ เออรักกันมาก มึงไปหาคนอื่นเหอะ” ขึ้นมึงขึ้นกูแล้วจ้า ไอ้พี่มันก็ของขึ้นเหมือนกันแหละโดนพูดแบบนี้ใส่ แต่ว่าคงจะไม่กล้าซัดเท่าไหร่ เพราะคราวที่แล้วก็นอนอยู่ใต้ตีนไอ้กันไปรอบแล้ว

 

 

            “กูไม่เชื่อ”

 

 

 

 

            ฟอดดดดดดด~

 

            เอี้ยยยยยยยยย~

 

 

 

 

            ผมเบิกตากว้าง ยืนนิ่งค้าง ตัวแข็งทื่อเลย ไอ้กันแม่งเล่นจริงเจ็บจริง โน้มตัวลงมากดจมูกโด่งๆ ของมันลงบนแก้มผมแบบเต็มเม็ดเลย แถมฟอดยาวๆ ด้วยนะ ความร้อนพุ่งเข้าใส่หน้าผมอย่างจัง ใจเต้นรัวๆ พอหอมเสร็จมันก็เกี่ยวเอวผมไปกอด

 

 

            “ชัดมั้ย”

 

 

            “สัด!” อย่าด่าดิพี่

 

 

            พี่แกหัวเสียพอสมควรเลย ผมต้องใช้เวลาเรียกสติตัวเองกลับมา ไม่กล้ามองหน้าไอ้กันเลยว่ะ พี่มันหยิบกระดาษอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วมายัดใส่มือผม

 

 

            “เลิกกันเมื่อไหร่โทรมาโอเคปะ พี่ชื่อพลุนะ”

 

 

            “ผมวิป ยินดีที่ได้รู้จัก” กูมีมารยาท เขาแนะนำตัวมา กูก็แนะนำตัวกลับ ไอ้กันส่ายหน้าแล้วลากผมเดินออกมา พอพ้นสายตาของพี่พลุมันก็ปล่อยมือที่กอดเอวผมออก ผมหันไปยิ้มขอบคุณ

 

 

            “ขอบคุณมากเลยนะกันๆ มึงก็ใจดีเหมือนกันนะ กูรู้ว่ามึงต้องโมโห แต่ก็ยอมช่วย ซึ้งอ่า~” พูดออกไป แล้วจากที่ยิ้มๆ อยู่ก็ต้องงับปากลงเหมือนเดิม พี่ท่านหน้านิ่งได้อีก เราก็รู้นะนายว่านายโมโห แต่นายอย่าหงุดหงิดดิ

 

 

            “แฮ่~ มึงอารมณ์ไม่ดีช้ะ”

 

            “คิดว่ากูควรมีความสุขหรือไง”

 

 

            “หูยยย เอาน่า~ อย่าคิดมาก ร่าเริงๆ~” ผมตบไหล่มันแปะๆ ไอ้กันมันหยุดเดิน เท้าผมนี่ถอยหนีออกมาเองโดยอัตโนมัติเลย เหมือนจะรู้ว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย พี่แกจ้องหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะผลักผมไปชนกับรถที่จอดอยู่

 

 

 

 

          กึก

 

 

            แล้วมันก็ตามเข้ามายืนประกบซะชิดเลย

 

 

            “อะ…อะไรมึงเนี่ย เดี๋ยวรถเขาเป็นรอยหมด” อะไรเข้าสิงมึงเหรอกันๆ เบียดกูแบบนี้สิงกูเลยก็ได้นะ มันเท้าแขนลงกับรถ (ของใครก็ไม่รู้) เป็นการกันผมหนีอย่างสมบูรณ์ ผมรู้สึกกลัวแม่งยิ่งกว่ากลัวไอ้พี่พลุซะอีก ดวงตาคมจ้องมาแบบคาดคั้น

 

 

            “หลายครั้งแล้วนะที่มึงหน้าแดงใส่กู ทำไมมึงต้องเขินกู ตกลงมึงจะจีบกูให้เพื่อน หรือจะจีบให้ตัวเองกันแน่” น้ำเสียงเข้มๆ แผ่วเบาราวกับกระซิบ แต่มันฟังดูคาดคั้นหนักหน่วงมากในความรู้สึกของผม

 

 

            “ก็…ก็จีบให้ไอ้นาไง ตอนนี้มึงกับไอ้นาก็…”

 

 

            “มึงไม่ได้ชอบกู?” มันถามออกมาอีก เดี๋ยวๆ มึงหลงตัวเองไปมั้ยหือออ~ ทำไมกูต้องชอบมึงด้วย แค่กูหน้าแดงใส่หน่อยเดียวมึงคิดเป็นจริงเป็นจังเลยนะเนี่ย

 

 

            “กูไม่…ไม่ได้…อุ๊บ!” ผมตาเหลือก ยังพูดไม่ทันจบคำไอ้กันก็โน้มใบหน้าลงมาแล้วประกบริมฝีปาก ร่างสูงไม่สนเลยว่าผมจะยืนอึ้งมากแค่ไหน บดเบียดเข้ามาแนบชิดมากยิ่งขึ้น แทะเล็มหยอกล้ออยู่แบบนั้นจนสมองผมมันว่างเปล่าไปหมด มึงจู่โจมกูเร็วไปกูตั้งรับไม่ทัน ไอ้กันมันเม้มริมฝีปากล่างผมหนักๆ อีกทีก่อนจะผละออก

 

 

            “พูดดิ ว่าไม่ได้ชอบกู”




………………………………




            หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เสนอหน้าไปเจอไอ้กันมันอีกเลย เหมือนเพิ่งจะคิดได้ ว่าพอพวกมันโอเคกันแล้วกูก็หมดหน้าที่แล้วนี่หว่า และช่วงนี้ก็ดูไอ้นาจะติดโทรศัพท์มากขึ้น แถมไม่ค่อยว่างด้วย


            “นา มึงคุยกับใครเนี่ย เห็นนั่งยิ้มมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” อดที่จะถามไม่ได้ ดูแม่คุณสิ ยิ้มโลกสวยเลย อาจจะจริงนะเนี่ยที่เขาบอกว่าคนมีความรักมักจะสวยขึ้น


            “ไอ้กันน่ะ”

          หืมมม อะแน่ะๆ


            “มึงคุยกันรุนแรงน่าดูเลยใช่มั้ยเนี่ย ขนาดเรียกยังเรียกไอ้เลย” ผมเท้าคางลงกับโต๊ะจนแทบจะเลื้อย หูยยย...นาย ภาพวันนั้นยังติดตาติดอยู่ในใจเราไม่จางหายเลย แต่เราจะไม่พูด เราจะลืมๆ มันไปก็ได้ ไหนๆ เพื่อนผมทั้งสองคนก็กำลังจะไปกันได้ด้วยดีแล้ว เราถอยมาดูห่างๆ ก็พอ


            แล้วแม่ง…พอคิดแบบนี้มันก็มักจะได้ยินเสียงดังขึ้นในหัวว่า…แน่ใจเหรอว่าไม่ได้รู้สึกอะไร


            “ก็ไม่นะ กันมันไม่เคยว่าอะไรกูหรอก ส่วนมากจะเป็นคนฟัง มันไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว” ไอ้นายักไหล่ตอบ ผมพยักหน้าตาม แต่บางทีเวลามันอยู่กับกูมันก็พูดเยอะอยู่นะ


            “ไอ้วิปปปปปปปปป!” เสียงร้องเรียกดังลั่นมาพร้อมกับร่างเล็กๆ ของไอ้ตองที่วิ่งดุ๊กดิ๊กๆ เข้ามา มันชะงักไปหนึ่งสเต็ปเมื่อเห็นไอ้นามันนั่งอยู่ด้วย แต่แม่คุณไม่ได้หันมาสนใจเพราะมัวแต่จ้องโทรศัพท์มันเลยกล้าเดินเข้ามา


            “ว่าไงมึง มีอะไร ไม่มีเรียนหรือไงเสนอหน้ามาเนี่ย หรือคิดถึงกู อันนี้กูเข้าใจได้นะ”

            “เอาหน้ามึงมาใกล้ๆ กูจะถุยใส่” มันมองเหยียดครับ เดี๋ยวกูตบตาแตก


            “อ้าวไอ้ตอง มาไมวะ” คนสวยของเรายอมละสายตาจากโทรศัพท์แล้ว มันเลิกคิ้วมองไอ้ตองที่โผล่มานั่งอยู่ข้างๆ ผม


            “จะมาชวนไปกินขนม อยากกินเค้ก อยากกินติม อยากกินอะไรเย็นๆ” มึงมาอยากตอนที่กูใกล้จะเข้าเรียนเนี่ยนะ เดี๋ยวก็ดีหรอก ผมเหล่มองไอ้นา มันมองผมกลับแล้วยักไหล่แบบจะเอายังไงก็ได้


            “งั้นก็ไป”


            แล้วก็พากันย้ายมาที่ร้านประจำของไอ้ตองมัน ห่านี่ชอบแดกของหวาน ผมเดินกอดคอไอ้ตองกำลังจะเข้าร้าน ไอ้นี่ตัวติดผมครับ เพราะมันกลัวไอ้นา มึงแม่งไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้คนสวยกลายเป็นนางฟ้าแล้วนะ


            “อ้าวเฮ้ย! หมาเป๋า”


            กึก

            โอ๊ะ โลกกลมหรือเปล่า ทำไมเรามาเจอกัน


            “แว่นนน~” ผมก็ร้องทักมันกลับไป มันเดินเข้ามาหา พ่วงท้ายมาด้วยหมาบ้าหน้านิ่ง มาถึงไอ้อาร์คแม่งก็ว่างมือแหมะลงบนหัวผมเลย เดี๋ยวๆ เล่นหัวเล่นหางเดี๋ยวก็ฟาดให้


            “ลืมกูเหรอ เรียกกูแว่นเนี่ย”


            “หูยยย เราไม่ลืมนายหรอก” ผมส่ายหน้า ไอ้อาร์คหัวเราะเบาๆ ด้วยท่าทางสุดเท่ ก่อนจะยกมือออกจากศีรษะผมไป แล้วย้ายเอานิ้วมาเคาะๆ ที่ปลายจมูกผมแทน


            “ดีมาก”


            “เฮอะ!” หืมมม? มึงเป็นอะไรตอง ผมหันไปมองมันแบบงงๆ ที่อยู่ๆ เพื่อนรักตัวเล็กของผมก็ส่งเสียงแบบนั้นออกมา ส่วนไอ้กัน…มันเดินเข้าไปหาไอ้นานา


            “ไม่เห็นบอกว่าจะมา”


            “ก็เห็นไม่ชอบอะไรแบบนี้” คนสวยยักไหล่ตอบ แหม ท่าทางจะสนิทกันขึ้นไปอีกขั้นแล้วมั้ง ผมถอนหายใจ กูควรจะดีใจดิ ทำไมมันรู้สึกหงอยๆ แทนวะ


            “วิป กูไม่แดกแล้ว” เสียงของไอ้ตองดึงผมกลับมาจากความคิด เดี๋ยวๆ มึงชวนมาแล้วพอมาถึงมึงบอกไม่แดกแล้ว มึงเคยวูบหน้าร้านปะ ไม่เคยเดี๋ยวกูจะจัดให้เดี๋ยวนี้แหละ ห่าราก! นี่ถ้าแถวๆ นี้มีบ่อปลานะกูถีบมึงตกลงไปแน่


            “อะไรของมึงเนี่ย” ไอ้นายังหันไปถาม คิ้วสวยๆ ของเจ๊แกขมวดเป็นปมแล้วนะจ๊ะ กูขอให้มึงโชคดีนะตอง


            “นึกขึ้นได้ว่ามีเรียน พ่อแม่ส่งให้มาเรียน” มันเชิดหน้าขึ้น จมูกเชิดรั้นของมันนี่เห็นแล้วอยากดีดฉิบหาย แหมๆ ทำมาเป็นพ่อส่งให้มาเรียน ตอแหลมากกูไม่อยากจะด่า สำนึกมึงช้าไปนะ


            “นี่น้องเป็นอะไรเปล่าเนี่ย” ไอ้อาร์คมันถามด้วยรอยยิ้ม ยิ้มเก่งฉิบหายไอ้นี่ น้องตองของเราหันขวับไปหาไอ้อาร์คพร้อมกับแววตาขุ่นเคือง


            มันฆ่าพ่อมึงเหรอตอง


            “ไม่เสือกดิ!” อ้าวๆ เอาแล้วเว้ย อยู่ๆ ก็ปรี๊ดใส่ซะงั้นแหละ มันทิ้งเสียงเฮอะไว้อีกทีแล้วหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่กับไอ้อาร์ค ส่วนสองคนนั่นน่ะเหรอ…เดินเข้าไปในร้านแบบไม่มีรอกันเลย


            “เพื่อนมึงนี่แปลกๆ เนอะ”


            “กูว่ามึงก็แปลกเหมือนกันที่ไม่โกรธ” โดนด่าเสือกเลยนะเว้ย


            “เอาตามมึงไง ถ้ามึงโดนด่าแบบนั้นกูว่ามึงก็คงไม่โกรธ เลิกเถียงกันเหอะ ไอ้กันแม่งเข้าไปนั่งก่อนแล้ว” มันบอก จากนั้นท่อนแขนหนักๆ ของพี่แกก็พาดลงมาที่ไหล่ผม พาเดินเข้ามาในร้าน ไอ้กันกับไอ้นานั่งรออยู่ก่อนแล้ว อาร์คมันกำลังจะเดินเข้าไปหาทั้งคู่แต่ผมรั้งมันเอาไว้ซะก่อน


            “อะไร”


            “มานั่งนี่ๆ” ผมลากมันไปนั่งที่โต๊ะอีกตัวแทน ห่างจากโต๊ะของไอ้กันอยู่นิดหน่อย แต่ไม่ได้ยินหรอกว่ามันคุยอะไรกัน หมาบ้ามันหันมามอง ก่อนเบือนหน้ากลับไปแบบไม่สนใจที่ผมแยกมานั่งที่อื่น


            “อะไรมึงเนี่ยหมาเป๋า อยากนั่งกับกูเหรอ” ถามเสียงทะเล้นแล้วโน้มหน้าลงมา จมูกมึงจะทิ่มตากูอยู่แล้ว


            “หูยมึง ให้พวกมันอยู่กันสองต่อสองบ้าง เราอย่าเข้าไปขัดดิ” ไอ้อาร์คอ้าปากร้องอ๋อออกมา หมดคำถามแล้วสินะ


            ผมปล่อยให้ไอ้อาร์คสั่งขนมไป ส่วนตัวเองก็มองไปที่โต๊ะนู้น พวกมันก็คุยกันปกติ แต่แล้วจู่ๆ ไอ้นานาคนสวยก็ยิ้มแล้วกวักมือเรียกให้ไอ้กันขยับเข้าไปใกล้ ร่างสูงเลิกคิ้วนิดๆ แต่ก็ยอมชะโงกหน้าเข้าไปหาอย่างว่าง่าย


            ผมแยกเขี้ยวใส่แบบที่พวกมันไม่รู้ตัว ห่านจิก! ทีกับกูล่ะพูดยากพูดเย็น

 


            “วิป มึงน้ำลายยืด”

            ห้ะ!


            ผมปาดปากตัวเองทันทีตามที่ไอ้อาร์คมันบอก แต่พอปาดไปแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะยืนอย่างที่พูดเลย ไอ้แว่นมันหัวเราะที่ผมหลงกลมัน จากนั้นมันก็ยื่นมือออกมา ชูนิ้วก้อยแล้วก็กระดิกดิ๊กๆ


            “ไม่โกรธๆ”


            “เฮ้ย เรื่องแค่นี้ โกรธทำไมล่ะ” ผมยิ้มกลับไป แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองที่โต๊ะนู้นอีกครั้ง


            “มัวแต่จับคู่ให้คนอื่นไม่คิดจะหาให้ตัวเองบ้างหรือไง” แล้วเสียงของไอ้อาร์คดึงสายตาผมกลับมาอีกครั้ง มองไอ้หน้าหล่อที่เท้าคางพร้อมกับยิ้มให้ผม


            “อืมมม ไม่รู้ดิ ยังไม่มีคนที่ชอบว่ะ”


            “จริงดิ”

            ผมชะงัก นั่นสิ จริงเหรอ


            “แล้วมึงล่ะ ไม่มีแฟนเหรอวะ เอาจริงๆ กูก็เจอมึงไม่กี่ครั้งเองนะเนี่ย แต่ก็ไม่เคยเห็นมึงอยู่กับใครเลยนอกจากไอ้กันกับไอ้ชาน ไม่มีคนที่ชอบบ้างเหรอ” ไหนๆ มันก็ชวนคุย เออกูคุยก็ได้ ไม่รู้แหละ กูเฟรนด์ลี่


            “แฟนน่ะไม่มี แต่คนที่ชอบน่ะมีแล้ว ว่าแต่…สเป็กมึงเป็นแบบไหนล่ะ” ไอ้อาร์คคนหล่อมันชวนคุยไปเรื่อยๆ มือหนาก็ตักเค้กตรงหน้าส่งเข้าปากไปด้วย ดูมันเองก็ชอบกินเค้กนะ เหมือนไอ้ตองเลย


            “อืมมม กูชอบคนที่ทำให้กูยิ้มได้”


            “เหรอ” ไอ้อาร์คพยักหน้ารับ ก่อนที่มันจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกนิด และมันก็ยิ้ม ยิ้มทั้งตาทั้งปาก จากที่หล่ออยู่แล้วแม่งยิ่งหล่อขึ้นไปอีก มันยิ้มจนผมยิ้มตามมันโดยอัตโนมัติ


            “อะไรมึงเนี่ย”


            “กูว่ากูก็อาจจะมีสิทธิ์นะ” มันยักคิ้วให้ผมแล้วส่งนิ้วมาเคาะปลายจมูกผมอีกครั้ง ผมย่นคิ้วมองมันแบบไม่เข้าใจ จากนั้นก็เบือนหน้าไปอีกทาง สบตากับกันกันๆ ที่บังเอิญมันเองก็มองมาพอดี มองตามันปุ๊บผมนี่ก็ยิ้มออกไปเองอีกแล้ว


            กูยิ้มบ่อยไปมั้ยวะ


          “เฮ้อ บางทีสิทธิ์ของกูก็อาจจะมาหลังใครบางคน” มึงบ่นอะไรอาร์ค


_________________________________

 :mew3: :mew3: :mew3:



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-01-2016 15:07:14
น้องหมาเป๋า รักเขาแบบไม่รู้ตัวป่ะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2016 17:20:42
กันกันเห็นเงียบๆแอบรุกกมาเป๋านะจ๊ะ. ต่างคนต่างซึน เฮ้อออ. กว่าจะได้กันแก่ก่อนไหม 5555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 15-01-2016 19:32:03
พี่แว่นรู้ตัวก็ดีแล้วค่าาาา ว่ามาหลังกันๆ 5555


หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 15-01-2016 19:40:38
หมาเป๋าจ๋าา แฮร่  :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 15-01-2016 20:14:08
กันเล่นตัวมากๆ เดี้ยเชียร์อาร์คซะเลยนิ  :angry2:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-01-2016 20:42:37
ทำใจเตอะอาร์ค หมาเป๋าเขาต้องคู่กับหมาบ้า อิอิ อาร์คคู่กับตองไปเลย ตองมันมีอาการบ่งบอก แต่อาร์คเป็นตัวกระตุ้นกันกันได้น่ะ วันนี้ชานไม่มีบท อดได้ค่าตัวเลย ชอบพี่พลุขาสลบจัง มานิดๆๆบ่อยๆๆก็ได้น่ะ มาป่วนกันกัน ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-01-2016 21:14:18
สเปคคือคนที่ทำให้บิ้มได้ ดูท่าวิปเป็นพวกยิ้มง่าย..
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kullanat ที่ 15-01-2016 21:24:33
สงสัยมากเลย นากับกันนี่เป็นอะไรกันอ่ะ?
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 15-01-2016 21:57:31
เเต่เราเชียร์อาร์คอาร์คนะ555555555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: usguinus ที่ 15-01-2016 22:27:57
บอกได้แค่ว่า #ทีมอาร์ค  :katai5:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 15-01-2016 22:52:30
ถ้าจะมึนขนาดนี้นะวิปนะ
ตอง อาร์ค นี่อะไรยังไง แถลงด่วนนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 16-01-2016 14:31:02
หมาเป๋าเริ่มออกอาการ คึคึ
อาร์คจ้ะ น้องตองว่างค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 16-01-2016 15:46:11
พลาดมากที่พึ่งมาอ่าน เรื่องนี้สนุกมาก วิปอย่างน่ารักอ่ะ อยากเป็นพ่อสื่อหาแฟนให้เพื่อนสาว เราเดาว่านานาเพื่อนสาววิปนางน่าจะตลบหลังกลายเป็นแม่สื่อให้เองมากกว่า แล้วตอนนี้กันๆกับวิปจูบกันแล้วด้วย อีกไม่นานหรอก ได้กันแน่ อร๊ายยยยย >///< :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 17-01-2016 07:04:11
วิปถ้ารู้ตัวเมื่อไหร่ก็จีบให้ตัวเองเลยนะ555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kullanat ที่ 17-01-2016 22:01:17
เมื่อไหร่จะมาต่ออ่ะ??? คิดถึงงง ส่องทุกวันเช้าสายบ่ายเยนเลยนะรู้ป้ะ?? #อยากอ่าน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kullanat ที่ 18-01-2016 20:51:22
หายไปไหน???? คิดถึงง
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 8] [15 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 26-01-2016 17:56:38
เชียร์อาร์คนะ  :กอด1:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 28-01-2016 17:04:52


ตอนที่ 9



 

 

            นั่งอยู่ในร้านนานเหมือนกัน ผมเองก็ยังไม่ได้คุยกับไอ้กันเลย บางทีภาพที่มันจูบผมวันนั้นก็แวบเข้ามาในหัว แต่ผมก็พยายามไม่ใส่ใจ เพราะนู่นไง ไอ้นานา มันสองคนเข้ากันได้ดี ผมก็ไม่ควรคิดอะไรอย่างอื่น


 

            “มาด้วยกันหน่อยแป๊บนึง”


 

            พอเดินออกมาจากร้านเสียงเรียบๆ ของไอ้กันก็ดึงขึ้น ผมหันกลับไปมอง เผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปวูบหนึ่งว่ามันเรียกผม แต่เปล่าเลย มันรั้งแขนไอ้นานาไว้ ก่อนจะพาเดินแยกห่างออกไป


 

            “รอกูแป๊บไอ้วิป” คนสวยหันมาบอก


            โอเคเลย ก็…คุยกันดีๆ นะ

            “เดี๋ยวกูรอเป็นเพื่อนมั้ย” เพื่อนอาร์คก็ยังเป็นคนดีอยู่เสมอเลย


            “ไม่เป็นไร เราเกรงใจนายนะเนี่ย” เกรงใจแต่คว้าข้อมือหนาหมับเลย แล้วลากมันเดินไปนั่งรอไอ้นานาด้วยกัน เสียงทุ้มหัวเราะขึ้นเบาๆ ผมนั่งปุ๊บมันก็ยื่นหน้าเข้ามาหา ไอ้นี่…เอะอะยื่นหน้าๆ สิงร่างกูเลยก็ได้นะ


            “จับมือกูแบบนี้คิดอะไรกับกูเปล่าเนี่ย” มันชูมือข้างที่ผมจับไว้อยู่ยังไม่ปล่อย


            “ก็…ยังคิดไม่ออก คิดออกแล้วจะบอกนะ”


            “พูดแบบนี้จะบอกให้กูรอเปล่าเนี่ย” ยิ้มอีก ยิ้มเข้าไปพ่อคุณ ยิ้มเรี่ยราดมากขอบอก แต่เอาเถอะ มันยิ้มแล้วดูดี ผมเองก็ชอบมอง ไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป นั่ง รอไอ้สองคนนั้นคุยกันเงียบๆ สักพักไอ้นานาก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด มันเดินเข้ามาหาผม ก่อนจะตวัดสายตาโหดๆ มาใส่


 

            เฮือก!


            “ไอ้กันรออยู่ทางนู้น ไปดิ” หันไปพูดห้วนๆ กับไอ้อาร์คอีกไง แบบนี้เรียกพาลว่ะ นิสัยไม่ดีเลย บู้วๆ


            “อ่า ขอบคุณ กูไปนะหมาเป๋า ยิ้มให้กูก่อนเร็ว” ไม่วายมีสั่งด้วยไง เออยิ้มก็ยิ้ม ผมยิ้มให้มัน แค่นี้ก็ดูเหมือนไอ้อาร์คจะพอใจแล้ว มันเดินไปหาไอ้กันตามที่ไอ้นานาบอก ส่วนคนสวยก็จ้องหน้าผมเหมือนผมไปทำความผิดอะไรไว้


            “วิป”

            “ครับ!”

            “ที่มึงเข้าหาไอ้กันเพราะจะจีบมันให้กูใช่มั้ย”

            “ก็…ใช่ครับ”


            “ตอนนี้กูรู้จักกับมันแล้ว มึงก็เลิกไปวุ่นวายกับมันได้แล้ว เข้าใจนะ” ไม่ใช่แค่บอกธรรมดา แต่มันคือคำสั่งที่ผมต้องทำตาม ผมนิ่งค้าง ไม่เข้าใจว่าไอ้นานามันเป็นอะไร ตอนอยู่ในร้านยังดีๆ อยู่เลย พอเดินแยกไปคุยกลับมาก็ทำหน้ายักษ์ใส่ผมซะงั้น แถมสั่งอะไรแบบนี้อีก


            ไอ้ทำน่ะผมว่าผมทำให้ได้ มันอาจจะไม่พอใจที่ผมจะไปวุ่นวายกับแฟนในอนาคตของมัน แต่ว่า…แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอ ไม่ได้ไปหามันที่บ้านเหมือนอย่างเคย ผมก็ปวดหน่วงในใจขึ้นมาแล้ว


            มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่าผมไม่อยากจะห่างออกมาเลย


            “ก็…ก็ได้ มึงอย่าคิดมากนะ” ผมพยายามปลอบใจมันไปพร้อมๆ กับปลอบใจตัวเองไปด้วย


            อย่าคิดมากดิวะวิป มันแค่บอกว่าอย่าไปวุ่นวาย ยังไงผมก็ยังคุยยังเจอมันได้ปกติ บ้านก็อยู่ซอยเดียวกัน ยังไงก็ต้องเจอกันบ้างแหละน่า ถึงแม้ว่าจะพยายามกล่อมตัวเองด้วยคำพูดเหล่านี้ แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่า เป็นไอ้กันเองหรือเปล่าที่สั่งให้ไอ้นานามาบอกแบบนี้


            มึงไม่อยากเจอกูเหรอกันๆ




…………………………………




            เหงาอะ~


            พอวันหยุดทีลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร เมื่อหลายวันก่อนนู้นยังมีจุดมุ่งหมาย ตื่นมาก็คิดว่าจะทำยังไงให้ไอ้กันชอบเพื่อนคนสวยของผม แต่ในตอนนี้…ไปหาไม่ได้แล้ว


            ผมเดินลงมาข้างล่างแบบน้ำยังไม่อาบ ปู่กำลังทำข้าวเช้าอยู่ในครัว ผมเดินเข้าไปหาแล้วซบหน้าลงกับแผ่นหลังของปู่


            “ปู่~ เหงาง่ะ”


            “เถียงกับกูมั้ยล่ะจะได้ไม่เหงา มาซงมาซบอะไร น้ำก็ไม่อาบ เดี๋ยวกูดีดกระเด็น” ปู่ใจร้าย~ พูดแบบนี้ใส่เดี๋ยวก็งอแงซะหรอก ปู่ดันๆ ผมให้ออกห่าง มือก็ยังยุ่งอยู่กับการทำอาหารเช้าให้ผมกิน


            “แล้วเป็นอะไร ตั้งแต่ถูกพ่อแม่ทิ้งไม่เคยบ่นเหงา วันนี้มึงเป็นอะไร แดกแฟ้บไปเมื่อคืนไง” พูดจาไม่ดีเดี๋ยวตีปากแตกเลย ถูกทิ้งบ้าอะไร แม่แค่ไปมีผัวใหม่ พ่อแค่หนีเข้าป่าแค่นั้นเอง แค่นั้นเองจริงๆ อย่าเหลามาก เดี๋ยวน้ำตาไหล


            “คือ…ปู่เคยคิดถึงเพื่อนสักคนมั้ย แบบอยากไปเจออะ อยากไปคุยด้วย อยากเห็นหน้า”


            “นั่นเพื่อนหรือคนรักวะ อะไรจะคิดถึงกันขนาดนั้น” ปู่พูดสวนออกมาแบบที่ใจคิด แต่ไอ้ผมที่ยืนอยู่ข้างหลังกำลังนิ่งค้าง คนรัก…เอ่อ ได้ยินแล้วรู้สึกจั๊กจี้หัวใจแปลกๆ ปนๆ ไปกับการเขินเล็กๆ


            “ทำไมคิดงั้นอะปู่”


            “เอ้า! แต่จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะคิดถึงเพื่อนแบบนั้น แต่ไม่ใช่กับมึงไงวิป มึงเคยบ่นคิดถึงเพื่อนสักคนมั้ย เคยอยากเจอใครมากๆ แบบนี้มั้ยล่ะ กูถามจริง มึงตกหลุมรักใครเปล่าเนี่ย ห่ารากนี่! ยังเด็กยังเล็กริมีความรัก ระวังจะเสียใจเหมือนพ่อมึง” ปู่ๆ ทำไมต้องเน้นคำว่าพ่อวะ หูยยย~ พ่อเด่ะ!


            “ปู่พูดมากว่ะ”

            “เหมือนมึงไงวิป” ผมพูดมากตรงไหน ออกจะเรียบร้อยและน่ารัก ฮี่ๆ


            “ใกล้เสร็จยังอะปู่ หิวแล้ว” ไม่อยากจะคุยนะ ฝีมือทำกับข้าวของปู่เนี่ยอร่อยสุดยอดที่สุดแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะแดกมาตั้งแต่เด็กๆ หรือเปล่า แต่นั่นแหละ ไม่เคยกินที่ไหนแล้วถูกใจเท่าของปู่


            “รีบมากมึงไปหาแดกข้างนอก”

            “ปวดใจจังเบยยยย~”


            “กลับไปนั่งซึมคิดถึงเพื่อนมึงต่อไป เกะกะกู” ผมเบะปากใส่แผ่นหลังของปู่ ก่อนจะย้ายตัวเองไปนั่งรอด้านหลัง อยากเจอมึงง่ะหมาบ้า ไม่ได้กวนมึงแล้วกูเหงานะเนี่ย มึงไม่อยากเจอกูบ้างเหรอ ผมนั่งซึม เขี่ยนิ้ววนๆ อยู่บนโต๊ะ


            “คิดไรมากวะ อยากเจอก็ไปหาดิ ควาย! กูไม่ได้เลี้ยงมึงให้โง่นะเนี่ย ควาย!” ปู่ๆ ควายกระแทกหน้าเลยอะ


            ก็จริงแฮะ อยากเจอก็ไปหา เอาน่า ไม่ได้ไปวุ่นวายกับมันหลายวันแล้ว นานๆ ไปทีคงไม่เป็นไรหรอก ผมยิ้มกว้าง เด้งตัวลุกขึ้นยืน


            “ปู่ๆ เดี๋ยวผมจะไปกินข้าวกับเพื่อนนะ เตรียมให้ด้วย เอาเผื่อมันด้วยที่นึงนะ ไปอาบน้ำก่อนละ” ผมวิ่งขึ้นข้างบน ได้ยินเสียงปู่ตะโกนด่าตามหลังมาด้วย ถึงจะด่าแต่ก็เตรียมให้ตามที่ผมขอ ปู่แม่งน่ารักว่ะ


 

            อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็หิ้วกล่องข้าวสำหรับผมแล้วก็กันๆ เดินไปที่บ้านของมัน ไม่รู้หรอกว่ามันกินข้าวหรือยัง แต่เอาไปเผื่อนี่แหละกูมีน้ำใจ


            เดินถึงหน้าบ้านก็เจอคุณลุงชมเจ้าเก่าเจ้าเดิม กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่เลย แหม ขยันจังเลยครับลุง


            “ลุงค้าบ~ ลุงๆ หวัดดีครับ ผมมาอีกแล้ว” ผมร้องทักแล้วโบกมือโหยงเหยงให้อย่างเป็นกันเอง ไม่รู้หรอกว่าลุงแม่งกันเองด้วยหรือเปล่า ไม่เป็นไร กูเป็นมิตร


            “อ้าว มาอีกแล้วเหรอ”

            “ไม่มามั้งลุง ยืนอยู่ตรงนี้เนี่ย ขยันจังเลยนะครับลุง แต่เช้าเลย”


            “เหมือนเอ็งนั่นแหละ” เอ๊ะ นี่ลุงสวนกลับใช่มั้ยหืมมม~ เหมือนจะโดนด่าว่ามึงเองก็ขยันเสนอหน้ามาแต่เช้าเหมือนกันนะ อะไรแบบนั้นเลย ผมยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยๆ แบบไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของลุงแก ลุงแกเดินมาเปิดประตูให้ผมเข้าไป


            “กันๆ ตื่นยังอะลุง”

            “น่าจะตื่นแล้วมั้ง แล้วนี่หอบอะไรมาด้วยเนี่ย” แหมๆ ตีสนิทกันซะงั้นอะลุง


            “ข้าวเช้าของผมกับกันๆ ไงลุง นี่ๆ ข้าวสวยร้อนๆ เลย หมูทอดชิ้นโตๆ ไข่ตุ๋นใส่เห็ดหอม และผักต้ม น่ากินนะลุง” ชูให้ดูพร้อมกับพูดอวดไปด้วย อวดฝีมือปู่น่ะนะไม่ใช่อะไร


            “จริงๆ ที่บ้านก็ทำอาหารเช้าให้คุณกันอยู่แล้วนะ”

            “ไม่เป็นไร กินเพิ่มได้”

            “ใครบอกเอ็ง”


            “ผมบอกอยู่นี่ไง” ยิ้มแฉ่ง ฮี่ๆ ลุงแกเลยส่ายหน้าให้หนึ่งทีแล้วกลับไปทำงานของแกต่อ ผมเลยเดินเข้ามาในบ้าน ไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของบ้าน งั้นก็พุ่งตัวไปที่ห้องของมันก่อนแล้วกัน ผมกอดกล่องข้าวไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ยื่นออกไปเคาะประตู


 

            ก๊อกๆ ก๊อกๆ ก๊อก


            เคาะเป็นอันนาเลยกู


            รอเพียงแป๊บเดียวเท่านั้นไอ้กันก็เปิดประตูออกมา พอร่างสูงเห็นผมปุ๊บ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที จากที่นิ่งๆ ก็กลายเป็นว่าไม่พอใจ ผมยิ้มเก้อ พยายามไม่คิดอะไรแล้วชูสิ่งที่หิ้วมาด้วย


            “หวัดดีกันๆ กูเอาข้าวมากินด้วยกันกับมึง อร่อยนะ เชื่อกูสิ”


            “ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็กลับไป” ไอ้กันเมินคำพูดผมแล้วจะปิดประตูใส่หน้า ผมเบิกตากว้างแล้วรีบดันประตูไว้ก่อน อะไรอะ เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงนาทีมึงจะชิ่งหนีแล้วเหรอ อย่าทำแบบนี้ดิ


            “เป็นอะไร นี่กูอุตส่าห์มาหาเลยนะเว้ย”

            “กูไม่เคยขอร้องให้มึงมา”

            อึก! จุกเลยเหี้ยเอ้ยเจอคำนี้เข้าไป


            ไม่รู้ทำไม แต่หน้าผมแม่งโคตรชาเลย รอยยิ้มที่มีอยู่ข้างๆ จางหายไป ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรที่มันพูดจาทำร้ายจิตใจกันแบบนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันทำเหมือนว่ารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ทั้งแววตาทั้งน้ำเสียง มันบ่งบอกชัดเจนว่าไม่อยากเจอผม


            “กันๆ…”


            “วิป” เป็นครั้งแรกที่มันเรียกผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแบบนี้

            “ครับ…”


            “ถ้าไม่จำเป็นมึงไม่ต้องมาหากูอีก กูจะขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย กูรำคาญ มึงวุ่นวายกับชีวิตกูมากไปแล้ว” รำคาญ วุ่นวาย แม่งฟาดเข้ากลางใจผมอย่างจัง เคยฟังมาแล้วแท้ๆ แต่ครั้งนี้มันเจ็บที่สุดเลย เพราะคนพูดมันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ


            “ทำไมวะ กูว่ากูก็ไม่ได้วุ่นวายเท่าไหร่นะ” ผมก้มหน้าพึมพำตอบกลับมันไป กอดกล่องข้าวไว้แนบอก

            “ต้องให้กูพูดตรงๆ มั้ยว่ากูไม่ต้องการเจอมึง”

            ปวดใจ น้ำตาจะไหล


            “มึง…มึงอารมณ์ไม่ดีอยู่ใช่มั้ย” ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันอาจจะอารมณ์ไม่ดีถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนี้ เพราะอะไรวะ อยู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเลย หลังจาก…เอ่อ…หลังจากที่มันจูบผมน่ะ คนที่ควรจะทำตัวห่างเหินมันควรเป็นกูมากกว่าเปล่าไม่ใช่มึง แต่กูพยายามไม่คิดอะไรแล้วนะ


            “เหมือนมึงจะพูดไม่รู้เรื่อง”


 

            หมับ!


            ไอ้กันคว้าข้อมือผมแล้วกระชากอย่างแรง ลากให้ผมเดินตามมัน ผมทั้งตกใจและกำลังงงอยู่ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก หมาบ้าของแท้เลยมันเนี่ย มันลากผมออกมาจนถึงหน้าบ้าน ลุงชมแกเพิ่งจะรดน้ำต้นไม้เสร็จพอดี


            “ลุงชม”

            “ครับ” ลุงแกหันมาขานรับไอ้กัน


            “ต่อไปไม่ต้องให้มันเข้ามาแล้วนะ ถ้ามันมาก็ไล่มันกลับไป ผมไม่ต้องการเจอมัน” ไอ้กันเหวี่ยงผมไปที่หน้าประตูอย่างแรง และแรงมันก็ไม่ใช่เบาๆ ผมเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว กล่องข้าวที่อุตส่าห์หอบหิ้วมาอย่างดีหล่นลงกับพื้น ของข้างในกระจายเต็มพื้นเลย ผมมองข้าวที่ตั้งใจเอามาด้วยแววตาสั่นๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปตวาดเสียงดังลั่น


 

            “มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงวะ!”


 

          “กูรำคาญมึง กลับไปได้แล้ว”


            มันพูดแค่นั้นแล้วหันหลังเดินหนีเข้าบ้านไปเลย ปล่อยให้ผมยืนอึ้งและเสียใจอยู่คนเดียว ลุงชมแกก็ตกใจบวกงงๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมย่อตัวลงไปเก็บกล่องข้าวขึ้นมา ไม่เก็บไม่ได้เดี๋ยวปู่ด่า จากนั้นก็หันไปตะโกนด่าตามแผ่นหลังกว้าง


            “ไอ้เหี้ยกัน!! กูโกรธมึงแล้ว!!”




………………………..

 




            หลังจากวันนั้นมาผมก็ไม่ไปหามันอีกเลยตามที่มันต้องการ ยอมรับแบบตรงๆ เลยว่าผมโกรธ ไม่เคยโกรธใครแบบนี้เลยนะ โกรธและก็เสียใจด้วย เราตั้งใจไปหา เราอยากเจอ แต่ดูสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาสิ


            ผมอาจจะบ้าเองด้วย โกรธเขา ไม่ไปเจอเขา แต่ก็คิดถึงเขา เรื่องนี้จะเล่าให้ไอ้นานาฟังก็ไม่ได้ มันอาจจะด่าผมกลับมา เพราะมันเองก็เตือนแล้วว่าอย่าไปวุ่นวายกับไอ้กันมากนัก


            ฮือออ อยากเจอหมาบ้าง่ะ


 

            แล้วยิ่งช่วงหลังๆ มานี่ไอ้นานาไปกับไอ้กันบ่อยๆ ด้วย เลิกเรียนถามไปไหนก็บอกมีนัดกับไอ้กัน โทรไปหาเวลาเบื่อๆ ก็ไม่ว่างคุยบอกว่าอยู่กับไอ้กัน มันดูไปกันได้สวยสำหรับคู่นี้ แต่ผมกลับเศร้าแล้วจี๊ดๆ หัวใจ ข้างในส่วนลึกๆ มันกำลังร้องตะโกนว่าไม่ต้องการให้พวกมันคบกัน ไม่อยากเลย


            อย่างเช่นตอนนี้


            ผมกำลังนั่งกินข้าวเที่ยงกับไอ้นานาอยู่ วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว ส่วนไอ้นานาผมไม่รู้ และก็ยังไม่ได้ถาม ในขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปากแบบเซ็งๆ ร่างสูงที่ไม่ได้เจอหน้าหลายวันก็เดินเข้ามาหา แต่ไม่ได้มาหาผม


            “เสร็จหรือยัง”


            “เพิ่งกินเอง จะรีบไปไหน นั่งก่อนดิ” ไอ้นานาเงยหน้าขึ้นไปตอบ ผมเองก็แอบเหล่ๆ มันอยู่เหมือนกัน เห็นแวบหนึ่งมันเผลอแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา ก่อนจะเปลี่ยนใบหน้าเป็นนิ่งเฉยเหมือนเดิม


            “งั้นรอร้านกาแฟข้างๆ นะ เสร็จแล้วก็ไปหาล่ะ” พูดจบก็เดินออกไปเลย ไม่มีเลยสักนิดที่มองมาทางผม ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปด้วยแววตาหงอยๆ ทักกันสักนิดก็ไม่มีเลยเหรอ


            วันนี้ออกมากินข้าวหน้ามอ ไอ้นานามันคงเบื่ออาหารข้างใน ผมนั่งเขี่ยข้าวในจาน หมดอารมณ์กินไปดื้อๆ เหล่มองคนสวยข้างๆ อยากจะถามแต่ปากมันกลับไม่ยอมพูดออกไป


 

            พรึ่บ


            “กูไปนะ เดี๋ยวไอ้กันมันรอนาน”

            “อะ…อ้าว แล้วๆ…” จะไปไหนกัน


            “เดี๋ยวกูเลี้ยงแล้วกันนะ ขอโทษที ชวนมึงออกมาแท้ๆ แต่กลับชิ่งก่อน” มันลุกขึ้นยืน เปิดกระเป๋าใบละหลายตังค์ของตัวเองเตรียมหยิบเงินออกมา ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ


            “ไม่เป็นไร มึงไปเหอะ” ผมบอกแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ ไอ้นานามันมองหน้าผมนิ่งๆ อยู่แป๊บนึงก่อนจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ คนสวยเดินออกจากร้านไป เหลือผมคนเดียว นั่งหงอยเต็มที่เลยตอนนี้


            ปวดใจฉิบหายเมื่อรู้ว่าพวกมันจะไปด้วยกัน อิจฉาไอ้นานาว่ะ แม่ง หมาบ้าเข้าหามันเอง มีการไปนั่งรอ ย้อนมองดูตัวเองแล้วเจ็บปวดใจ มันจับผมโยนออกจากบ้านแบบไม่แคร์เลยสักนิด

 


            “เฮ้ยหมาเป๋า มานั่งซึมอะไรคนเดียววะ กลายเป็นหมาหงอยเลยมึง”


            นั่งเขี่ยข้าวเล่นอยู่ เสียงร้องทักก็มาพร้อมกับมือหนาที่ตบฟุบลงที่ไหล่ ผมเงยหน้าไปมองช้าๆ ไอ้ชานยืนยิ้มกว้างให้ ก่อนจะลากเก้าอี้ออกมานั่งข้างๆ ผมแบบไม่มีขอ


            เออดี กันเองๆ

            “มึงมาคนเดียวเหรอ”

            “เออ ไอ้อาร์คติดเรียน ไอ้กันเห็นนั่งอยู่ร้านกาแฟข้างๆ นี่”


            “อือ เดี๋ยวมันก็ไปกับไอ้นานาแล้ว” ผมตอบกลับหงอยๆ แล้วถอนหายใจ ไอ้ชานมองผมเหมือนเจอตัวประหลาด มือหนายื่นออกมาบีบปากผมจนปากจู๋ เท่านั้นไม่พอมันยังจับส่ายไปมาอีก


            เล่นอะไรมึงเนี่ย

            “มึงนี่หมาเป๋าจริงปะวะ ทำไมมันไม่ร่าเริงเลย หรือวันนี้ไม่ได้ใส่ถ่าน” เดี๋ยวๆ มองตูดกูทำไม

            “พอดีถ่านหมด” กูก็ยังจะเล่นกับมันเนอะ

            “แล้วสรุปเป็นอะไร นั่งซึมๆ แบบนี้”

            “กู…เฮ้อ กูกำลังจะเป็นคนนิสัยไม่ดี”

            “มึงเคยนิสัยดีเหรอ”


            “พูดแบบนี้เดี๋ยวงอแงใส่เลย” ผมเบะใส่มัน ไอ้ชานหัวเราะลั่นเลย ยื่นมือมาขยี้หัวผมเล่น คงให้อารมณ์เหมือนมันขยี้หัวหมาที่บ้านล่ะมั้ง ขยี้เสร็จก็ยังไม่ยกมือออกไปนะ วางอยู่แบบนั้นแหละ มีลูบเล่นด้วย


            เดี๋ยวให้ยืมไปเล่นที่บ้านเอามั้ย


            “อะๆ กูไม่ขัดละ อยากเล่ามั้ย กูเป็นผู้ฟังที่ดีนะ”

            “จริงเหรอ”


            “แค่กระจายให้คนเขารู้กันทั่วแค่นั้นเอง” ทำไมมึงเลววะชาน ผมปัดมือมันออกไปแบบเคืองๆ ดูตากูด้วย กูเคืองเป็นนะเว้ย มันหัวเราะอีกครั้ง ดูจะชอบใจเหลือเกินที่แกล้งผมได้ กูหน้ามุ่ยแล้วนะชาน


            “เล่ามาๆ”


            “มึงก็รู้ใช่มั้ยว่ากูจะจีบไอ้กันๆ ให้ไอ้นานาเพื่อนกู ซึ่งตอนนี้พวกมันก็ไปกันได้ดี คบกันแล้วด้วยมั้ง” พูดถึงตรงนี้ผมก็หยุดแล้วสูดน้ำมูกยกใหญ่ แสบๆ ที่รอบดวงตาเหมือนน้ำตามันจะไหล ยกมือขึ้นมาถูๆ จมูกตัวเอง


            “แต่ว่า…กูกลับไม่อยากให้พวกมันคบกันเลย ไม่อยากเลยมึง”

            “เอ่อ…”


            “กูกำลังกลายเป็นเพื่อนที่นิสัยไม่ดีอะมึง” ผมโอดครวญ อยากลงไปงอแงกับพื้น แต่ก็กลัวไอ้ชานมันจะอาย เพราะงั้นเลยได้แต่เลื่อนจานออกไปห่างตัวแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ


            “มึงอย่าร้องไห้นะ กูไม่ปลอบนะหมาเป๋า” นี่เหรอคือไม่ปลอบของมึงน่ะ ยื่นมือมาลูบหัวลูบหลังกูแบบนี้อะนะ ผมสูดน้ำมูกอีกครั้งแล้วเงยหน้าขึ้นมา มองตาไอ้ชานแบบหงอยๆ


            “แล้วมึงรู้ตัวเองมั้ยว่าเพราะอะไรมึงถึงได้กลายเป็นแบบนี้” ไอ้ชานถามกลับมา ผมนั่งนิ่ง เหงาเวลาไม่เจอ ปวดใจเวลามันไปกับไอ้นานา ไม่อยากให้มันสองคนคบกันทั้งๆ ที่ตอนแรกอย่างให้เป็นแบบนั้นแทบตาย รู้สึกเสียใจตอนที่มันโยนผมออกจากบ้านแล้วบอกไม่อยากเจอหน้า


 

            ฮ้อยยยยยยย~


            “ก็…พอรู้” ผมพูดเสียงอ่อยๆ ไอ้ชานมันถอนหายใจแล้วมองหน้าผม ผมก็มองแล้วถอนหายใจกลับ

            “มึงพลาดแล้ววิป”


            “กูก็ไม่ได้อยากพลาดแบบนี้ แต่…ใจมันไปแล้วอะ” ผมเบะปากใส่ไอ้ชานอีกครั้ง มันเองก็คงไม่รู้จะปลอบหรือจะช่วยยังไงล่ะมั้ง เลยได้แต่ตบๆ ลูบๆ หัวผมอยู่แบบนี้ ผมว่ามันเห็นผมเป็นหมาจริงๆ แล้วแหละ


            “แล้วมึงจะทำยังไง เดินเข้าไปบอกแม่งเลยก็ได้ กลัวอะไร”

            กลัวมือตีนไอ้นานาไง


            “จะให้ทำอย่างนั้นได้ยังไงวะ กูจีบมันให้ไอ้นานานะ แล้วอยู่ๆ…กูเดินเข้าไปบอกชอบมัน ไอ้นานามันจะรู้สึกยังไง แล้วไอ้กันอีก…มัน…มัน…เฮ้อ~ กูทำไม่ได้ว่ะชาน พวกมันกำลังจะคบกัน กูทำไม่ได้จริงๆ” ผมพูดจบก็ต้องยกมือขึ้นมาขยี้ตา ดวงตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหล


            “ถ้างั้นมึงก็ต้องทำใจว่ะหมาเป๋า ห่างๆ ออกมาเดี๋ยวมันก็ดีเอง” มันตบไหล่ผม ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก ไม่อยากพูดอะไรแล้วอะ กลัวน้ำตาแตกตรงนี้ อับอายขายขี้หน้าประชาชีหมด


            “ให้กูนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนมั้ย เดี๋ยวกูไม่เข้าเรียนก็ได้นะ” โอ้ว~ คนดี~


            “ซึ้งอะมึง~ แต่ไม่เป็นไร กูแดกไม่ลงละ กลับไปกินข้าวฝีมือปู่ดีกว่า ขอบใจนะนาย” ผมส่ายหน้าลุกขึ้นยืน ตบไหล่กว้างสองสามทีแล้วเดินไปจ่ายเงิน เดินออกจากร้านมาแบบหงอยๆ และแม่งจะเล่นตลกอะไรกับกูนักหนา ออกมาก็เจอคู่รักคู่ใหม่เดินออกจากร้านกาแฟพอดีเลย


            ผมหยุดยืนอยู่กับที่ ใจจริงอยากจะเดินๆ หนีไปซะ จะได้ไม่ต้องเห็น และไม่ต้องรู้สึกผิดกับเพื่อนรักอย่างไอ้นานามันด้วย


            ทั้งสองกำลังจะเดินแยกไปอีกทาง แต่ในจังหวะนั้นร่างสูงหันมาเห็นผมซะก่อน มันมองผมเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนหันกลับไปเหมือนกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้


            มือหนาคว้ามือเรียวของไอ้นานาไปกุมไว้แล้วพาเดินออกไป ไอ้นานาเองก็ดูงงๆ แต่ก็ไม่ได้ท้วงอะไร


            ผมยืนเม้มปากแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมาหงอยอย่างที่ไอ้ชานมันเรียกเลย เฮ้อ อยากกลับบ้าน


            ปวดใจจังเลยอะปู่



________________________________________

 :katai5: :katai5: :katai5:




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-01-2016 17:49:17
โธ่ หนูวิปน่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 28-01-2016 18:11:24
วิปสู้ๆๆๆ :z3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-01-2016 19:26:38
เจ็บสุดๆ ถ้าคนที่สำคัญกับเราบอกว่ารำคาญ

ให้อาค์ ชาญ มาจีบวิปแทนมา
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 28-01-2016 19:39:40
ที่กันๆ ต้องทำแบบนี้เพราะนานาหรือเปล่า
เฮ้อ ปวดใจแทนน้องวิปจังเลยค่ะ
กันๆ ใจร้าย โป้ง!!!
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 28-01-2016 21:07:44
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ทำแบบนี้บอกเลย วิปหาใหม่เถอะ อาร์คที่แสนดีนั่นก็ได้
กันๆ ขอซักทีเหอะ :z6:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 29-01-2016 00:59:22
ช่างกันต์แม่งเหอะ! 2คนนั้นกำลังทำไร ไม่รู้ แต่ทำให้วิปซึมแบบนี้ เราจะโกรธ!!!!
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 29-01-2016 02:03:55
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน..
ทีมวิปเลย อยากอ่านมุมของกันบ้าง
ที่ทำแบบนี่เพราะอะไร





หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 29-01-2016 02:30:00
อาร์คลุกเลยดิเราเชียร์ฮือออ
ไอ้พี่กันคนบ้า :ling1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 29-01-2016 17:52:11
บางทีพี่กันๆก็ทำเกินไปนะ สงสารอิหมาเป๋าเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kwanyme ที่ 29-01-2016 18:47:54
#ทีมพี่อาร์ค 55555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-01-2016 21:39:59
แต่ก็จริงแระ หมาเป๋าพลาดแล้ว เป็นพ่อสื่อให้เขาเอง ก็ต้องทำใจอ่ะ
แล้วหมาบ้าก็เลือกที่จะอยู่ห่างเพื่ออะไรสักอย่างแน่ๆ
แต่ที่แน่ๆๆตอนนี้อาร์ต พระรองคนดีออกมาช่วยวิป ด่วนนนน
คิดถึงอาร์คจัง พระรองมีเสน่ห์อะไรเยี่ยงนี้ ต้องคู่กับเพื่อนของวิปแน่ๆๆ ชื่อไรน่ะจำไม่ได้ อิอิ
วันนี้พี่ชานได้ออกโรงด้วย นานเลยกว่าจะเจอ คิกๆๆ
หรือว่าให้ ชื่อไรน่ะ ที่ให้เบอร์วิปอ่ะ มาป่วนดีกว่าท่าจะมันส์ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 01-02-2016 00:51:22
ปวดใจเหมือนกัน
กันๆคิดไรอยู่นะ :hao4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-02-2016 21:01:47
จะมายังน่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋า ที่ 08-02-2016 17:00:11
อ้างถึง
ช่างกันต์แม่งเหอะ! 2คนนั้นกำลังทำไร ไม่รู้ แต่ทำให้วิปซึมแบบนี้ เราจะโกรธ!!!!

เห็นด้วยกับคุณ Mi.07 มากๆครับ
โกรธอ่ะ หมาเป๋าไปคบกับแว่นเลยครับ เลิกสนใจไอ้หมาบ้ามันเหอะ หมั่นไส้!! :angry2:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 09-02-2016 16:14:16
สงสารวิป หมาเป๋าของเจ๊ :hao5:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-02-2016 20:34:50
จะมายังน่ะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 9] [28 - 1 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mozilla ที่ 10-02-2016 01:31:13
ฮือออ มันปวดใจ~

รีบกลับมาเถอะ

กลับมาได้แล้ว เรารออยู่นะ
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 08-03-2016 17:51:07
 

 

ตอนที่ 10

 

 

 

 

 

 

 

 

            เพิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่าอกหัก แต่อกหักมันก็ไม่ถึงกับตาย แต่ก็ทำให้กูไม่เป็นอันทำอะไรเหมือนกัน ไม่ตายก็เหมือนตายแหละวะ นอนเน่าอยู่ในห้องแบบโง่ๆ ไม่ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันอะไรกับเขาเลย

 

 

            ผ่านมาหลายวันละ อาการยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ เผลอๆ หน่อยก็เป็นอันต้องคิดถึงไอ้หมาบ้านั่น วนเวียนอยู่ในหัว สลัดยังไงก็ไม่ยอมหลุด หงุดหงิดตัวเองด้วยที่แม่งบ้าได้ขนาดนี้

 

 

            ก๊อกๆๆ

 

            “วิปเว้ย! กินข้าว มึงตื่นหรือยังเนี่ย”

 

 

            เสียงปู่ตะโกนเข้ามา ผมเลยล้มเลิกความคิดที่จะนอนต่อแล้วเดินลงไปข้างล่าง ปู่แม่งน่ารักว่ะ เตรียมกับข้าวไว้ให้เรียบร้อยเลย ผมเดินเข้าไปข้างหลัง แล้วเอาศีรษะพิงกับแผ่นหลังปู่

 

 

            “ปู่อ่า~”

 

            “อ้อนอะไรมึง ขนลุกว่ะ” นิสัยเสีย

 

 

            “จิตใจของผมมันไม่โอเคเลยปู่ มันแย่ แย่มากๆ” เสียงสั่นขึ้นมาอีกแล้ว เพียงแค่นึกถึงคำพูดที่ฟังแล้วเจ็บปวดใจของไอ้กันที่พูดใส่ผม กับท่าทีที่เมินผมแบบชัดเจนนั่นอีก ยิ่งคิดน้ำตามันก็จะไหล พยายามบอกตัวเองแล้วนะว่าอย่าเศร้า มันเสียลุคหมด

 

 

            “โดนใครทำอะไรมาล่ะ”

 

            “เหมือนจะอกหักแหละปู่”

 

            “ห้ะ!”

 

 

            “ขึ้นเสียงทำไมปู่ อย่าเสียงดังซี่ เป็นคนตกใจง่าย” ผมผละออกมาแล้วแกล้งเอามือทาบอกแสดงท่าทางตกอกตกใจ ปู่เบ้หน้าหมั่นไส้แล้วยกเท้าจะถีบ นี่ก็รุนแรงกับหลานตลอด ถ้าไม่โดดหลบนะมีโดน

 

 

            “ยังจะเล่นอีกไอ้ห่านี่ พูดมาเป็นอะไร”

 

 

            “เฮ้อ ช่างมันเหอะปู่ เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น แต่ตอนนี้มันอยู่ในช่วงทำใจ เพราะงั้นเลยยังปวดใจอยู่” ผมบอกเสียงหงอยๆ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ปู่มองผมนิ่งๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ปู่จะไม่พูด จะไม่ว่าอะไรมาก เขาจะมองและถามพอที่จะให้ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงนะ

 

 

            ถ้าผมไม่อยากเล่า ปู่ก็จะไม่เซ้าซี้ ปู่น่ารักง่ะ

 

 

            พอกินข้าวเสร็จผมก็ออกมานั่งเล่นหน้าบ้าน พอเรารู้สึกไม่ดีเนี่ย มองอะไรๆ ก็ไม่ดีไปซะทุกอย่างเลยนะ อย่างต้นไม้ในกระถางหน้าบ้านเนี่ย ใบมันเหี่ยวแล้ว ปกติก็ไม่ได้สนใจอะไรมันหรอก แต่วันนี้เห็นแล้วอยากดึงแม่ง! นั่นอีก ไอ้แมว ปกติตัวนี้มันก็เดินแถวนี้ประจำ แต่วันนี้พอเห็นแล้วหงุดหงิด

 

 

            ต้มแมวซะดีมั้ย

 

 

            “เพราะมึงเลยไอ้เหี้ยหมาบ้า โทษมึง!”

 

 

            มันค้างคานะเอาจริง มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นส้นตีนเลย ปกติก็แสดงออกแหละว่ารำคาญ แต่จู่ๆ ก็เอาจริงซะงั้นแหละ แถมมาเอาจริงตอนที่ผมเริ่มจะชอบมันอีก

 

            เฮ้ย! หรือว่า…มันจะรู้วะ!

 

 

            ไม่ๆๆ ไม่ม้างงงง~ มันก็ไปได้สวยกับไอ้นานาแล้ว คงไม่มีอะไรต้องยุ่งกับผมมากกว่า

 

            แต่…กูอยากยุ่งกับมึงง่ะ

 

 

            ผมนั่งจนเบื่อ กะว่าจะเข้าบ้านไปนอนต่อแล้ว แต่ในจังหวะที่ลุกขึ้นจะเดินเข้าบ้าน ผมก็เหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาตรึงใจกำลังเดินผ่านหน้าบ้านผมไป ใจผมเต้นแรงขึ้นมาทันทีที่เห็นมัน แวบเดียวแค่นั้นแหละ แต่จำได้

 

 

            พรึ่บ

 

 

            ผมรีบพุ่งตัวออกจากบ้าน ลากประตูหน้าเสียงดังแบบไม่กลัวปู่โผล่ออกมาด่า วิ่งออกไปคว้าแขนหนาไว้ ไอ้กันมันตกใจหน่อยๆ เมื่อโดนจู่โจม พอหันกลับมา สีหน้าเรียบนิ่งนั่นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมยืนเม้มปาก คือ…ตัวผมเองก็ไม่ทันคิดอะไรเหมือนกัน อยู่ๆ ก็พุ่งออกมารั้งมันไว้แล้ว

 

 

            “ปล่อย”

 

 

            “เอ่อ…จะไปไหนวะ” ผมพยายามยิ้มให้มัน เรื่องที่อยากจะพูดอยากจะถามกลับไม่ยอมพูดออกมา ร่างสูงถอนหายใจใส่เล่นเอาผมใจเสีย แต่มือก็ยังไม่ปล่อยจากแขนของมัน

 

 

            พอมายืนอยู่ตรงหน้าไอ้กันแบบนี้แล้ว ผมมั่นใจมากเลยว่าผมชอบมันจริงๆ มันอึดอัดอยากจะพูดออกไปให้มันได้รู้ แต่ก็ไม่อยากจะทำลายความรู้สึกของเพื่อน

 

 

            “ปล่อย” มันย้ำอีกครั้ง ใจผมแม่งเริ่มเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกแล้ว หาเรื่องปวดใจแล้วมั้ยล่ะ ถ้าปล่อยให้มันเดินผ่านไปเฉยๆ ก็ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้แล้ว ไม่ต้องมาเจอสายตาที่มองมาเหมือนรำคาญ ไม่ต้องมาเจอท่าทีที่เหมือนว่าไม่อยากจะเจอกัน

 

 

            “กู…กู…ถามได้มั้ย” ผมพูดออกไปแล้วก็แทบอยากจะขอตัวกลับไปตั้งหลักก่อน เพราะเสียงที่พูดออกไปมันสั่นอย่างที่ไม่ตั้งใจฟังยังรู้เลย

 

 

            “มีอะไร”

 

 

            “กู…ทำอะไรให้มึงไม่พอใจหรือเปล่า มึงถึง…มึงถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ ถ้ากูทำอะไรผิด กูๆ กูขอโทษได้นะเว้ย”

 

            “แค่เป็นมึงมันก็ผิดแล้ววิป”

 

 

            อึก!

 

 

            “ห้ะๆ มึง…ตรงจังเลยเนอะ” ผมยิ้มแหย รู้สึกว่าดวงตาของตัวเองมันเริ่มร้อนผ่าวๆ ขึ้นมาแล้ว ผมปล่อยมือออกจากแขนของมัน แต่ถ้าพูดให้ถูกก็คือไม่มีแรงจับไว้ต่างหาก

 

 

            “อะ…โอเค ขอโทษที” ผมพึมพำบอก ร่างหนามองผมนิ่งๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป น้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาเมื่อกี้นี้ไหลลงมา ภาพแผ่นหลังกว้างนั่นเลือนลางจนผมแทบมองไม่เห็นเพราะน้ำใสๆ มันบังเอาไว้ เลือนลางเหมือนความหวังของกูเลยว่ะ

 

 

 

 

…………………..


 

 

 

            หมดวันหยุดก็เป็นเวลาของการกลับมาเรียน ยิ่งใกล้สอบย่อยด้วย แทบจะไม่มีเวลาให้ผมได้เศร้าเลย ตอนที่นั่งฟังอาจารย์พูดไปเรื่อยๆ ไอ้นานาก็หันมามองผมหลายครั้ง มันทำท่าเหมือนอยากจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที ถ้าตอนปกติผมคงแซวมันอยู่หรอก แต่ตอนนี้ แค่ยิ้มผมยังไม่อยากฝืนทำเลย

 

 

            หลายวันแล้วที่ผมไม่ได้เจอไอ้กัน แต่รับรู้เรื่องราวของมันเหมือนกับว่ามันอยู่ใกล้ๆ ผมงั้นแหละ ไม่ใช่จากไหนหรอก เพื่อนสาวข้างตัวผมนี่แหละ และก็ไม่ใช่เพราะว่ามันบอก เป็นผมเองที่ชอบให้ความสนใจเวลาที่ไอ้นาแอบไปรับโทรศัพท์หรือพิมพ์ตอบบนมือถือ

 

 

            ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าไอ้นานามันพยายามไม่ให้ผมรับรู้ เหมือนมันพยายามจะปิดผมงั้นแหละ มีอารมณ์ชั่ววูบอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมเผลอคิดโกรธไอ้นานา ผมอุตส่าห์เป็นคนทำให้มันสองคนได้เจอกันและแฮปปี้กันทุกวันนี้ แต่พอพวกมึงไปกันได้ดีก็ถีบกูออกมา

 

 

            แต่ก็นั่นแหละ ความคิดบ้าๆ ของคนที่อกหัก แถมดูเหมือนจะถูกเกลียดด้วย

 

 

            พออาจารย์ปล่อยผมก็รีบลุกเดินออกจากห้องโดยไม่รอเพื่อนสาวคนสวย ไอ้นานารีบเก็บของแล้ววิ่งตามออกมา มันคว้าแขนผมไว้ สีหน้าของมันดูเครียดมาก

 

 

            “มึงมีอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่กูจะกลับแล้ว”

 

 

            “อย่าเพิ่งกลับ คุยกับกูก่อน” พูดจบคนสวยก็ลากแขนให้ผมเดินตาม ลงจากตึกหามุมเหมาะๆ นั่งคุย ผมอยากปฏิเสธมันมากเลย ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรทั้งนั้นแหละ ผมกำลังเป็นคนไม่ดี ยิ่งเห็นหน้าไอ้นาผมยิ่งพาลโกรธมัน ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ทำอะไรเลย มันแค่…กำลังคบกับไอ้กันแค่นั้นเอง

 

 

            “หลายวันมานี้กูเห็นมึงแย่ลงเรื่อยๆ มึง…”

 

 

            “กูไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวกูก็ดีขึ้น” ผมบอกปัด เผลอเสียงแข็งใส่มันไปด้วย เมื่อรู้ตัวก็พลาดไปเสียแล้ว แต่แม่คุณไม่ยักจะโกรธ ถือว่าผมรอดตัวไปแล้วกัน

 

 

            “แต่ว่ามึง…” มันพูดแล้วอยู่ๆ ก็หยุดไป เห็นแม่คุณมีสีหน้าลำบากใจผมก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ ผมฝืนยิ้มส่งให้มันไป ผมเป็นแบบนี้มันเองก็คงจะไม่สบายใจเท่าไหร่ หรืออาจจะรู้สึกไม่ดีไปด้วย นั่งเรียนด้วยกันแต่เหมือนอยู่กับคนที่ไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย

 

 

            “มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก กูโอเค” โอเคมาก บอบช้ำสุดๆ แต่ยังไม่ตาย

 

            “กู…ถ้ามึงมีอะไรมึงคุยกับกูได้นะ กู…”

 

 

            “บอกไปแล้วยังไง มึงช่วยกูไม่ได้หรอก ช่วยไม่ได้สักนิด” ผมตวัดเสียงใส่มัน ไอ้นานาผงะไปนิดเมื่อโดนพูดแบบนั้นใส่ ผมกัดริมฝีปากฉับ เผลอแสดงความรู้สึกส่วนลึกออกไปซะได้ ดวงตาเรียวสวยของมันกำลังสั่นระริก เห็นแบบนั้นผมก็ใจเสีย เผลอทำให้เพื่อนรู้สึกแย่ไปซะแล้ว

 

 

            “กูขอโทษ กูไม่ตั้งใจจะพูดแบบนั้น กู…กลับก่อนล่ะ”

 

            “วิป…”

 

 

            ผมลุกเดินหนีออกมา ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้ผมได้ทะเลาะกับมันแน่ ผมกัดฟันเต็มที่พยายามฝืนเอาไว้ไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา แย่อะตัวผม เอาความรู้สึกส่วนตัวไปลงกับเพื่อนซะอย่างงั้น

 

 

            กูขอโทษนะนา



……………….




            เรื่องของไอ้กันก็รบกวนจิตใจ ไหนจะเรื่องสอบอีก ต้องอดหลับอดนอนเพื่ออ่านหนังสือ สภาพผมตอนนี้บอกได้เลยว่าแย่มาก หน้าซีดเซียว ตาดำคล้ำ เหมือนจะผอมลงไปด้วยนะ เพราะกินได้น้อยมาก แถมไม่มีเวลากินอีกต่างหาก ไอ้นานาเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่สภาพมันดีกว่าผมเยอะ


            หลังจากที่คุยกันไปวันนั้น ผมกับมันก็ดูเหมือนว่าจะคุยกันได้อย่างไม่ค่อยสนิทใจเท่าไหร่นัก มันเองก็ดูมีอะไรอยากจะพูดแต่ก็เงียบไว้ไม่ยอมเอ่ยออกมา ผมเองก็ทำใจคุยกับมันไม่ได้เหมือนกัน ผมรักมันนะ มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม แต่ผมก็กลัวว่าถ้าคุยกันแล้ว ผมอาจจะหลุดพูดอะไรให้มันเสียใจอีก


            เพราะงั้นตอนนี้ผมกับมันเลยดูเหมือนจะห่างๆ กันทั้งที่เจอกันเกือบทุกวัน

            ครืดดดด ครืดดดดด


            นั่งเรียนกันอยู่ โทรศัพท์ของไอ้นาที่วางอยู่ก็สั่นขึ้นมา ผมเผลอหันไปมอง พอเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาก็ใจกระตุก ไม่น่าหันไปมองเลย ผมเบือนหน้าหนี จังหวะนั่นเห็นว่าไอ้นาเหล่มามองผมเหมือนกัน


            “ฮัลโหล”

            อ้าวไอ้นี่ เรียนอยู่เสือกแอบรับโทรศัพท์


            “อืม เมื่อกี้ฉันไปโทรไปแต่นายไม่รับสาย” นานาตอบกลับปลายสาย ผมนั่งฟัง ภายในไม่กี่วินาทีแต่ในหัวผมมันจินตนาการไปมากมายว่าพวกมันคุยอะไรกัน และผมก็ทนไม่ได้


            พรึ่บ!


            ผมกวาดข้าวของขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้อง โคตรเสียมารยาทอันนี้รู้เลย แต่ให้ผมทนนั่งฟังไอ้นามันคุยกับคนที่ผมแอบชอบแบบนี้ ผมเองก็ทนไม่ได้เหมือนกัน


            “วิป! ไอ้วิป!!”

            กึก


            เสียงหวานตะโกนเรียกตามหลังมา ผมชะงักหันกลับไป ไอ้นานามันวิ่งตามออกมา ผมถอนหายใจ รอจนมันเดินมาถึง ไอ้คนสวยที่ปกติจะโหดใส่ตลอดเวลา คราวนี้มันทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ ผมเห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด จูงมือพามันลงมานั่งข้างล่าง


            หมับ!


            พอผมหย่นก้นลงนั่งปุ๊บ ไอ้คนสวยก็โถมตัวเข้ากอดผมเต็มๆ เลย เล่นเอาผมเกือบหงายหลังล้มลงไป และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ…ไอ้นาร้องไห้! ร้องจริงๆ เลย สะอึกสะอื้นอยู่กับไหล่ผม


            “กอดทำไม มึงเปลี่ยวเหรอ”

            “เปลี่ยวพ่อมึงดิ!”


            “ไม่เอา ไม่ด่าพ่อ เดี๋ยวพ่อสะดุ้ง” ผมพยายามพูดตลกๆ ไปให้มันหยุดร้อง แม่คุณสะอื้นอยู่กับไหล่ผม อารมณ์ไหนของมึงวะเนี่ย กูเองก็อยากจะร้องเหมือนกัน แต่ทำไมกูต้องมานั่งปลอบมึงด้วยวะเนี่ย


            “กูขอโทษ ฮึก…กูขอโทษ” อยู่ๆ มันก็ขอโทษออกมา งงสิงานนี้ มึงยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนา กูนี่ดิที่ต้องขอโทษมึง กูเครียดแค้นมึงโดยที่มึงไม่ได้ทำอะไรเลยนะ


            “กูทนเห็นมึงเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ” มันร้องไห้ใหญ่เลย มึงๆ เกรงใจกูบ้าง คนรอบข้างเริ่มมองกูแปลกๆ แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่เยอะก็เถอะ แต่มึงช่วยสงบสติแป๊บเหอะ ผมดันตัวมันออกมา หน้าเลอะแล้วแม่คุณ ผมเปิดกระเป๋ามันหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาให้


            “กูไม่เป็นไรจริงๆ กูยังปกติดีทุกอย่าง”

            “ฮึก มึงโกหกกูไม่ได้หรอก” แน่ะ มีเถียง


            “กู…กู…โอเค…” พอมองหน้ามันที่ร้องไห้ ผมเองก็เสือกจะร้องตาม ผมรีบเงยหน้าขึ้นห้ามน้ำตาไว้ ทำมือโอเคให้มัน มันคงไม่รู้หรอกว่าผมกำลังเศร้าเรื่องอะไร แต่ถ้ามันรู้มันอาจจะไม่มานั่งร้องไห้ใส่ผมแบบนี้แน่


            “มึงห่วงกูแค่นี้…กูก็ดีใจแล้ว กูโอเค”

            “ฮึก…”


            ปัง!

            เหี้ย! ทุบโต๊ะทำไม!


            “กูไม่ทนแล้ว! แม่ง!...” คนสวยพูดเสียงแข็ง มือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแบบไม่กลัวเสียสวย มึงเล่นเอาน้ำใจที่กูหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดให้กลายเป็นขยะไปเลย ปาดซะไม่ห่วงสวยเลยแม่คุณ ไอ้นานามันคว้ากระเป๋าแล้วเดินจากไปอย่างไว ทิ้งให้ผมนั่งเหวอพร้อมกับน้ำตาที่กำลังคลออยู่


            อะไรวะเนี่ย


            และเพราะโดนทิ้งแบบนั้นผมเลยเดินออกมาหาขนมกินที่หน้ามอแทน แวะเข้าร้านไอติมทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากกินเท่าไหร่ เพียงแต่อยากหาอะไรทำให้ตัวเองหายเศร้าบ้างก็เท่านั้น


            พอว่างปุ๊บสมองมันก็พาลนึกไปถึงไอ้หมาบ้าใจร้ายนั่นอีกแล้ว ผมยิ้มเยาะตัวเอง เป็นเอามากจริงๆ นะ เผลอเป็นไม่ได้เลย ต้องวนกลับไปคิดถึงมันตลอด มึงมันร้ายกาจเกินไปแล้วกันๆ ทำให้กูบ้าได้ขนาดนี้


            ผมปล่อยให้ไอติมที่น่ากินตรงหน้าละลายไปอย่างไม่เสียดาย แต่ถ้าปู่มาเห็นคงโดนตบกะโหลกข้อหาผลาญเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ ผมหยิบชีทขึ้นมาอ่านแทน อ่านซะจะได้ไม่ต้องคิดถึงมันอีก


            พรึ่บ


            “เฮ้ยหมาเป๋า มานั่งทำอะไรคนเดียววะ”


            ชีทจากมือผมถูกดึงออกไป ก่อนที่ร่างสูงจะนั่งลงตรงข้าม เอาชีทในมือโบกพัดให้ตัวเองทั้งๆ ที่ในร้านก็แอร์เย็นฉ่ำ แต่พอมันมองเห็นหน้าผมชัดๆ ก็ต้องชะงักไป ใบหน้าหล่อๆ ยื่นเข้ามาใกล้พร้อมขมวดคิ้วมุ่น


            “มึงไปทำอะไรมาวะ เหมือนคนใกล้ตายเลย หมาเป๋าที่น่ารักของกูหายไปไหนวะเนี่ย” ไอ้ชานบอก ผมไม่มีอารมณ์จะเถียงอะไรด้วย ได้แต่เบะปากใส่


            “อ้าวๆ วันนี้ไม่เถียง ถ่านหมดใช่มั้ย”

            “เราไม่คุยกับนายดีกว่า นายหน้าตาไม่ดี”


            “กวนตีน” มันเอาชีทที่แย่งไปเคาะลงมาบนศีรษะของผม จ้องมองสภาพแย่ๆ ของผมจากนั้นก็ถอนหายใจใส่ ทำท่ากลุ้มอดกลุ้มใจอะไร กูโอเค แค่ร่างกายมันประท้วงว่าไม่โอเคแค่นั้นเอง


            แค่นั้นจริงเหรอวะ

            “แล้วมาไงเนี่ย เพื่อนฝูงหลงไปไหนหมด”

            “ไอ้อาร์คมีเรียนอีกตัว ไอ้กันเห็นว่าจะไปหานานา”


            กึก


            ผมชะงัก ไอ้ชานก็จับสังเกตได้ มันขมวดคิ้วพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แต่ผมพอจะได้ยินอยู่ว่ามันบ่นว่าไม่น่าพูดเลย ผมฝืนยิ้มส่งไปให้คนตรงหน้า พยายามบอกมันว่าผมไม่เป็นอะไร แต่มันก็ฝืนเกินไปจนน่าเกลียด


            “มึงยังทำใจไม่ได้อีกเหรอวะ”


            “มึงคิดว่าการทำใจมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมย้อนถามกลับ ไอ้ชานมันเงียบไม่มีคำตอบให้ ผมดึงชีทกลับมาเพื่ออ่านต่อ เพ่งมองลงไปที่ตัวหนังสือพวกนั้น แต่มันไม่ได้ผ่านเข้ามาในสมองผมเลยสักนิด ในหัวผมกลับคิดไปถึงไอ้บ้านั่น มันเหมือนกับว่ามันสะกิดแผลในใจขึ้นมา


            อึก…

            แหมะ


            “เฮ้ยๆ หมาเป๋า! มึงอย่าเป่าปี่” ร่างสูงตรงข้ามดูตกใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาผมหล่นแหมะลงบนชีท มันดึงชีทออกไปจากมือผมแล้วเลื่อนตัวเองมานั่งข้างๆ ร้อนรนแบบคนที่ไม่รู้จะปลอบยังไง


            “มึงอย่าร้องดิเหี้ย กูทำอะไรไม่ถูกนะเว้ย”

            “ฮึก…”


            “เหี้ย คนมองกูใหญ่แล้ว มึงรอกูแป๊บนึง” มันลูบผมหัวแล้วผละออกไป เดินไปจ่ายเงินค่าไอติมที่ยังไม่แตะสักคำให้ผม จากนั้นก็กลับมาลากผมออกจากร้าน ดีอะ แค่ร้องไห้ก็มีคนจ่ายค่าไอติมให้


            มันลากผมออกมาหาที่นั่ง ซึ่งไม่ใช่ที่ไหน ป้ายรถเมล์ที่ผมขึ้นประจำนั่นเอง แต่ดีหน่อยที่ตอนนี้มีคนรอรถอยู่สองคน ร่างสูงดันให้ผมนั่งลง มันเองดูทำอะไรไม่ถูกจริงๆ


            “อย่าร้องไห้ดิ กูปลอบใครไม่เป็นนะ”

            “กูไม่ได้ร้อง กูล้างตาอยู่” แถได้เหี้ยมาก

            “จะอะไรก็ช่างเหอะ แต่มึงเป็นแบบนี้มันดูไม่ใช่มึงเลยนะ”


            “แต่ตอนนี้กูกำลังเจ็บ กูควรจะยิ้มมั้ยชาน” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามมัน ไอ้ชานมีสีหน้าลำบากใจ มึงแม่งตัวปัญหาว่ะวิป อยู่ๆ ก็ไปร้องไห้ต่อหน้าเขา ให้เขามาเครียดกับมึงด้วยซะงั้น ใช่เรื่องมั้ย มันไม่เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย


            “อย่าห่วงเลย เดี๋ยวกูกลับบ้านแล้ว”

            “กลับยังไง กูไปส่งมั้ย”

            “เราเกรงใจนะนาย เดี๋ยวกูกลับรถเมล์”


            “สภาพนี้เนี่ยนะ” ร่างสูงมองผมเหยียดๆ “ถ้ามึงไม่นั่งเลยป้ายมึงก็ขึ้นสายผิดกูมั่นใจ สภาพแบบนี้มึงไม่รอดหรอก” โคตรดูถูกกันเลย


            “อย่าห่วงเลย ขอบคุณมากว่ะ แต่…ให้กูอยู่คนเดียวเหอะ” ผมสูดน้ำมูกแล้วพยายามทำสีหน้าให้ดูดีขึ้น เพื่อที่มันจะได้ไม่ห่วงอะไร แต่ร่างหนาตรงหน้าก็ยังดูไม่เชื่ออยู่ดี ผมฝืนยิ้ม แต่น้ำตาแม่งก็ไหลลงมา จนไอ้ชานมันทนไม่ได้ ดึงตัวผมเข้าไปกอด


            “ตอนนี้มึงเหมือนลูกหมาโดนเจ้าของทิ้งเลยว่ะ สงสารๆ”


            “ยังไม่ทันมีเจ้าของก็โดนเทแล้วต่างหาก” ผมบอกเสียงสั่นๆ พร้อมกับสะอื้นไปด้วย ตอนนี้ไม่แคร์สายตาประชาชีแล้ว อยากร้องไห้ อยากระบายมันออกมาให้หมด


            “กูไม่รู้ว่าจะทนได้หรือเปล่า กู…ฮึก กูต้องเจอไอ้นานา…แล้วกูต้องคอยรับรู้เรื่องของพวกมึง…ฮึก กู…”


            “เอ้าเหี้ย! ร้องหนักกว่าเดิมอีก โอ๋ๆ ใช่ได้มั้ยวะคำนี้ เออช่างแม่ง! มึงทำได้อยู่แล้วหมาเป๋า มึงเก่งกูรู้” ผมเกือบจะหลุดยิ้มออกมาเพราะการปลอบของมัน ปลอบคนไม่เป็นแต่ก็พยายาม


            “ถ้ากูเก่งจริงๆ กูไม่มานั่งร้องไห้หรอก”

            “ช่องใส่ถ่านมึงอยู่ตรงไหน จะดึงออกแม่ง เถียงตลอด”

            ไอแอมซอรี่


            หลังจากหลุดอายให้ไอ้ชานมันเห็นไปแล้ว พอผมดีขึ้นก็นั่งรถกลับบ้าน ก่อนแยกกันร่างสูงมีการทิ้งเบอร์ตัวเองไว้ให้ด้วย คงกลัวว่าผมจะนั่งเลยป้ายอย่างที่กังวลไว้ แต่ไม่หรอก เพราะตอนนี้ผมอยู่หน้าปากซอยบ้านตัวเองแล้ว


            ผมคิดว่าถ้าบ้านเราไม่อยู่ใกล้กันอะไรๆ คงจะดีกว่านี้เนอะ เพราะอย่างน้อยๆ เวลาที่ผมต้องเดินเข้าซอยแบบนี้จะได้ไม่ต้องนึกถึงมัน เพราะตรงจุดนี้ผมเคยเดินอยู่กับมัน มันก็พาลทำให้นึกถึง


            หรือจะหนีเข้าป่าแบบพ่อดี?

            คิดอะไรบ้าๆ


            ผมเดินเอื่อยๆ เข้าซอย อยากกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วนอนโง่ๆ อยู่แบบนั้น เหนื่อยใจแล้วที่ต้องคิดแต่เรื่องเดิมๆ มึงไม่พัฒนาเลยวิป


            พรึ่บ! หมับ!


            “อื้อๆๆๆ!!”


            เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย


            ผมเดินๆ อยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้โผล่ออกมา ล็อคตัวผมพร้อมกับเอามือปิดปากกันเสียงร้อง แล้วลากเข้าข้างทาง ไอ้ชั่ว! เย็นย่ำมึงก็เอาเลยเรอะ ผมพยายามดิ้นให้หลุด แต่แรงของมันเยอะเกินไป ไม่สะเทือนสักนิด แถมพอผมดิ้นมากๆ เข้า มันก็เปลี่ยนมาอุ้มผมแทน และเพราะมันโผล่มาล็อคจากด้านหลังผมเลยไม่เห็นหน้ามัน


            ใจผมเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว คนกำลังอกหักยังจะต้องมาเจออะไรแย่ๆ แบบนี้อีกเหรอวะ


            ไอ้เหี้ยกูโดนอุ้ม!

 

_______________________________


เรากลับมาแล้วววววววววววว ฮ้อยยยยย ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ที่หายหัวไปนานมากกกกกกกก
เราไม่ทิ้งเราสัญญา ^^ แต่อาจจะมาช้าไปบ้างนิดหน่อย (นี่ไม่หน่อยละ 55)
ใครที่ยังรออยู่ ยังอ่านอยู่ก็ขอบคุณมากค่ะ อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ #อ้อน

 :mew1: :mew1: :mew1:





หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 08-03-2016 18:23:41
จะชัดเจนได้รึยังกันต์กับนานา?
มีอะไรปกปิดอยู่กันแน่ถึงขนาดต้องทำร้ายความรู้สึกของคนๆนึงที่หวังดีกับตัวเอง
เลิกทำร้ายหมาเป๋าได้แล้ว!!!
ถ้ายังไม่มีอะไรที่น่าพึงใจก็ขอชูป้ายไฟเชียร์พี่ชานรอไปพลางๆละกัน :hao3:
เอ๊ะ พี่อาร์คก็น่ารัก 3p เลยดีมั้ยช่างหัวหมาบ้า//meโดนตบ :laugh:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: fahsida ที่ 08-03-2016 18:35:58
วิป!!! ใครเป็นคนอุ้มวิปเนี่ยยยย คงไม่ใช่พี่ล่ำแน่ หรือจะเป็นกันกันหมาบ้า?
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-03-2016 19:20:53
อีกันทำไรกะนานาอยู่นะ. สงสารหมาเป๋าอะ.  :hao5: :serius2: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-03-2016 19:24:22
โธ่ หนูวิปน่าสงสาร กันต์แม่งใจร้ายว่ะ พูดไม่รักษาน้ำใจหมาเป๋าตัวน้อยๆ เลย

ดูสิทำหมาเป๋าร้องไห้ตาบวมหมดแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: imfckwn ที่ 08-03-2016 20:26:55
อยากให้คู่กับอาร์ค - - จากใจเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 08-03-2016 20:49:03
สงสารหมาเป๋า  :hao5:
ว่าแต่ใครมาอุ้มหมาเป๋าเราไปง่า จบค้างยิ่งกว่าเดิมอีกนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 08-03-2016 20:53:54
ใครมาอุ้มวิปของช้านนนนนนนน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 08-03-2016 21:04:15
อื้อออออออ........... ตัดตอนอ่าาาาาาาาา :a5:   :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-03-2016 21:14:42
หมากันแกลเวอะไรหมาเปาปะเนี่ย ถ้าใช่งานนี้ต้องเอาคืนน่ะหมาเปา ตอนนี้แอบเชียร์หมากันให้คนอื่นแล้ว ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: phenomintna ที่ 08-03-2016 21:20:37
 :ling2: หน่วงค่ะ รีบมาต่อไวๆนะคะ
หน่วงนาน ไม่อยากอ่านแล้ว (ขู่55)
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 08-03-2016 22:38:47
โกรธธธธธกันๆ
ขอให้ง้อวิปไม่ได้ ชริ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 08-03-2016 23:08:04
ไม่เอากันเเล้วววจะเอาอาร์คคค
ฮรึกกกโกรธเเทนวิปป
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 08-03-2016 23:51:04
ใครอุ้มหมาเป๋าไป
แอบหวังให้เป็นกันกัน
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 09-03-2016 00:35:59
สงสารหมาเป๋าาาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 09-03-2016 01:35:39
ลุ้นทั้งเนื้อเรื่องและ ลุ้นว่าคนเขียนจะมาลงอีกเมื่อไร


แต่ยังไงก็ชอบมากๆ มาต่อไวๆน่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-03-2016 09:15:06
สงสารเจ้าหมาเป๋า
แต่เรื่องนี้มันต้องมีอะไรสักอย่าง
แกล้งกันนักวิปไปหาพ่อไป55555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 09-03-2016 09:45:59
สงสารวิปจัง  :o12:

ที่กันทำแบบนี้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เรารู้สึกแย่มากๆกับสิ่งที่กันทำไปแล้วจริงๆ
#เกลียด
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 09-03-2016 15:34:37
จะเชียร์สองคนนั้นเป็นพระเอกแทนละ

หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: phenomintna ที่ 09-03-2016 16:33:17
รอค่ะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 09-03-2016 20:00:44
 :z3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 09-03-2016 20:40:16
เรื่องนี้ต้องเป็นแผนการของนานากับกันป่ะ

แบบแผนให้วิปไปจีบกัน เพื่อให้กันได้ใกล้ชิดวิปอะไรแบบนั้นอ่ะ

เดาจริง ๆ 555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 10-03-2016 02:32:37
ดราม่ากำลังมา
จบบทซะแล้ว
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 10-03-2016 21:31:07
โกรธกันกันมาก ถ้าไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องเมินน้องหมาเป๋าแบบนี้ เราไม่ยอมยกน้องให้แน่ ยังไงก็ยังมีชาน กับอาร์คอยู่ ไม่ง้อหรอกชิชะ!!
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 10-03-2016 22:52:39
แบนกันอ่ะ ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นจะไม่ให้อภัย!!
 :katai1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 10] [8 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 11-03-2016 02:56:57
สงสารอ่ะ
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 15-03-2016 17:26:51
 
 
ตอนที่ 11
 
 
 
 
 
            ผมดิ้นขลุกๆ อยู่ในอ้อมแขนที่โคตรจะแข็งแรง จากขนาดแขนแล้วเขาสามารถรัดคอผมตายได้ผ่านในเวลาไม่กี่นาที และตอนนี้กูก็ใกล้จะตายแล้ว โอ้ยอีกล้ามเนื้อกอลิล่า! มึงจะลากกูไปไหน
 
            ผมเหงื่อแตกพลั่กๆ ใจแม่งก็กลัวฉิบหาย กูจะโดนทำอะไรวะเนี่ย เงินกูก็มีไม่เยอะ อีกอย่างผมไม่เคยไปสร้างแค้นอะไรกับใครที่ไหนนะ แล้วทำไมอยู่ๆ ต้องมาอุ้มกูด้วย ฮือออ ชีวิตกู ขอแบบแฮปปี้ๆ หน่อยได้มั้ย
 
            ผมหวั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไอ้บ้านั่นมันลากผมเข้าที่สวนย่อมเล็กๆ อาม่าที่กำลังเดินออกกำลังกายถึงกับหยุดชะงักด้วยความตกใจ ผมส่งสายตาขอความช่วยเหลือออกไป แต่ดูท่าจะส่งไปไม่ถึง เพราะอาม่าแกไม่ขยับเข้ามาช่วยผมสักนิด แม่ง! ใจดำ!
 
            แต่ก็ลืมคิดไป เข้ามาช่วยแล้วจะช่วยอะไรกูได้วะ
 
            มันลากผมเข้ามาหลบมุมแบบไม่มีใครเห็นแล้วเขาก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ ผมรีบเด้งตัวถอยหนีออกมาพร้อมกับหันกลับไปมองหน้าไอ้คนที่มันบังอาจมาทำอะไรแบบนี้ กะว่าจะด่าสักสองสามฉาก เอาให้เจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ แต่พอเห็นหน้าแล้วคำพูดก็ถูกพับเก็บใส่กระเป๋า
 
            ผมอ้าปากค้างยกมือชี้หน้าไอ้ตัวร้ายที่มันอุ้มผมมา รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเป็นมัดๆ หน้าตาโหดๆ แบบนั้น…
 
            พี่…
            เหี้ย! พี่มันชื่ออะไรวะ! ลืมมมม~
 
            “พะ…พี่…” ที่เว้นไม่ใช่เพราะตกใจ กูลืมชื่อ
 
            “ทำหน้าตกใจทำไม!” โอ้ยยยยย กูโดนลากมาแบบนี้กูไม่ควรตกใจสินะ กูควรจะยิ้มแฉ่งแล้วรอให้มึงลากไปปู้ยี่ปู้ยำหรือไง ประสาท! ออ…ไอ้ที่ด่าเนี่ยด่าทางสายตานะ เพราะขืนออกเสียงออกไปชีวิตผมจบสิ้นลงตรงนี้แน่ ดูแขนขาพี่แกสิ ใหญ่กว่าหัวผมอีกมั้ง
 
            “ก็…ก็อยู่ๆ พี่ก็โผล่ออกมาลากแบบนี้ เป็นใครจะไม่ตกใจล่ะ”
            “แฟนเก่าพี่ไง มันอยู่เฉยๆ ให้ลากเลย” เอิ่ม…อันนั้นเด็กพี่ ไม่ใช่ผม
 
            “แล้ว…พี่…มีอะไรอะ” ผมเขยิบๆ ถอยห่างออกมาอีก แต่พี่แกแม่งรู้ทัน ขยับตามเข้ามา ผมยิ้มแหยๆ พยายามเก็บอาการกลัวๆ ของตัวเองไว้ รอบนี้ไม่มีไอ้หมาบ้าอยู่คอยช่วยแล้วด้วยสิ ฉิบหายแล้วมั้ยล่ะ
 
            “พี่ให้เบอร์ไป ทำไมไม่โทรมา”
            “ส้วมที่บ้านยังไม่เต็มง่ะ”
 
            “ว่าไงนะ!!” พี่แกตวาดเสียงดังลั่น ผมหลับตาปี๋ ได้ยินเสียงคนที่อยู่ใกล้ๆ นี้วิ่งหนีออกไปด้วย ไอ้ห่า จะหนีก็ไม่เอากูไปด้วย รู้มั้ยว่ากูก็กลัวนะ
 
            “คือ…คือ…คือผมก็มีแฟนแล้วไง ถ้าโทรไปมันก็ไม่ดี”
            “แล้วไหนแฟน”
 
            “เอ่อ…” ตอบไม่ได้ว่ะ จะบอกว่ามันมีแฟนใหม่แล้วมันก็ไม่ใช่ เพราะแม่งไม่ใช่แฟนกูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และพอพี่กล้ามใหญ่ถามแบบนั้นผมก็วนกลับมาหน้าเศร้าอีกครั้ง สะกิดแผลใจดังจึ้กๆ เลย ผมหน้าหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด พี่แกก็ออกอาการผงะไปนิด
 
            “เอ่อ…เป็นอะไรเปล่า”
 
            “เป็นคนที่มันไม่รัก ฮืออออ” ผมคว่ำครวญออกมาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนหญ้าแบบไม่กลัวเปื้อน กอดเข่าซุกหน้าลงไปแบบกูไม่แคร์อะไรแล้ว ร่างหนาตกใจที่จู่ๆ ผมก็บ้าขึ้นมา ผมกระทืบเท้าลงกับพื้นเหมือนเด็กโดนขัดใจก่อนจะทิ้งตัวนอนหงายแม่ง!
 
            “เฮ้ยน้องวิป…”
 
            “พี่! มานี่!” ผมฉุดแขนพี่แกให้นั่งลงข้างๆ ถ้าตามความเป็นจริงผมฉุดไม่ได้หรอก แต่นี่ต้องขอบคุณพี่แกที่ยอมนั่งง่ายๆ พอนั่งปุ๊บผมก็ใส่ทันทีเลย
 
            “พี่คิดดูดิ ผมชอบมันอะ ชอบมากด้วย ไม่ได้ชอบเล่นๆ ด้วย แต่ผมก็ไม่ได้หวังให้มันคิดอะไรตอบนะ แต่แม่ง! ทำไมต้องทำท่ารังเกียจกันขนาดนั้นด้วยวะ” ผมบ่น เบะปากอยากจะร้องไห้อีกครั้ง พี่มันเป็นผู้ฟังที่ดีมากเลยนะ ยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเป็นมายังไง ทำหน้าขึงขังโมโหตามผมไปด้วยก่อนแล้ว
 
            ดีๆ ทำดี
 
            “เราไปชอบใครน้องวิป มันไม่ชอบเราเหรอ พี่กระทืบมันให้มั้ย”
 
            “ไม่ดีมั้ง คราวที่แล้วพี่ยังถูกมันกระทืบซะหมอบเลย” ผมบอกหงอยๆ พี่แกชะงักครับ แล้วค่อยๆ ระลึกกลับไปว่ากูโดนใครกระทืบว้า~ พอนึกได้ก็สบถออกมาเลยจ้า
 
            “ไอ้เวรนั่น! แต่เดี๋ยวนะ…มันเป็นแฟนเราไม่ใช่เหรอน้องวิป”
            ฉิบหายละ
 
            “ผมเมากาว ลาครับ สวัสดี”
 
            “เดี๋ยว! ยังไปไม่ได้” พี่มันดึงแขนผมไว้เมื่อผมลุกขึ้น ฮือออ ปล่อยกูไปเถอะ ถือว่าช่วยๆ กัน และเมื่อหนีไม่ได้ผมก็ต้องปั่นหน้าใสซื่อเหมือนไม่รู้ตัวว่าตัวเองเคยโกหกอะไรไว้
 
            “สรุปมันใช่แฟนเราหรือเปล่า”
 
            “ก็…ไม่ใช่แหละ แค่แบบ…หลอกพี่ไง” ยิ้มแฉ่งให้ด้วยเอาดิ โคตรจะแบ๊วเลยกู ผมหัวหดเมื่อร่างหนาทำหน้าโหดเหี้ยมออกมา อย่าแดกหัวเก๊านะ เก๊าขอโทษ~
 
            “งี้ก็แสดงว่าพี่มีสิทธิ์น่ะสิ” เดี๋ยวๆ ไอ้ตาเป็นประกายนั่นมันคืออะไร
            “นี่ผมเศร้าอยู่นะ พี่มาดีใจแบบนี้ เสียมารยาท” ปากกูนี่หวิดโดนตีนมากๆ ขอบอก
 
            พี่แกท่าทางน่ากลัวนะ แต่พอนั่งๆ (แบบเกร็งๆ) คุยกันไปแล้วพี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แค่ชอบตะโกน ทำหน้าโหด เอะอะจะใช้กำลัง…แค่นั้นเอง ฮ้อยยยย~ กูกลัว แต่ถึงจะกลัวผมนี่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเฉยเลย มันอารมณ์ต้องการระบายด้วยล่ะมั้ง กับไอ้ชานมันยังเป็นเพื่อนไอ้หมาบ้าไง ก็ต้องเกรงใจบ้าง แต่กับพี่มันไม่ต้องเกรงใจอะไร ใส่เต็มที่
 
            “น้องวิปไม่ต้องไปสนใจมัน มาคบกับพี่นี่ พี่เลี้ยงเอง” มึงป๋ามากพี่
            “อย่าเพิ่งจีบ เดี๋ยวผมหวั่นไหว”
            “ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว” แหม ทีงี้ล่ะยืดเลยนะ
 
            ต้องขอบคุณพี่มันสินะที่ผมให้ผมหายเครียดไปได้สักพักเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะต้องใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะโดนตีนหรือเปล่าก็เถอะ
 
            “เย็นมากแล้วอะพี่ กลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวปู่เป็นห่วง”
 
            “โอเค เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง” ร่างหนาบอกแล้วลุกขึ้น ฉุดให้ผมลุกตาม แรงเยอะมาก ดึงทีแทบจะปลิวไปตามแรง ผมนี่ก็แปลกเนอะ รอบข้างมีแต่ผู้ชายดีๆ ทั้งนั้นเลย แต่คนที่ชอบแม่งกลับไม่ดีกับกูสักนิด ส้นตีน!
 
            เดินมาถึงหน้าบ้านผมก็หันกลับไปยิ้มกว้างให้ จริงๆ พี่มันก็เป็นคนดีนี่น่า และก็ถึงเวลาที่จะถามคำถามที่คาใจอยู่นานแต่ไม่กล้าถามออกไปก่อนหน้านี้กลัวโดนตืบ แต่ตอนนี้อยู่หน้าบ้านตัวเองแล้ว พร้อม!
 
            “พี่…”
            “อะไร”
            “พี่ชื่ออะไรอะ”
 
            เราขอโทษ อย่าทำหน้าโหดใส่เราซี่~
 
 
 
…………………..

 
 
            “เรากลับมาแล้วปู่” ผมร้องบอกเมื่อเดินเข้าบ้าน คนแก่ที่น่ารักของผมกำลังกวาดบ้านอยู่พอดีเลย ผมรีบเข้าไปช่วย แย่งไม้กวาดจากแกมากวาดเอง ปู่ยืนเท้าเอวอยู่ข้างๆ ไม่หลบเดี๋ยวก็กวาดทิ้งพร้อมขยะเลยหนิ
 
            “เมื่อกี้เอ็งคุยกับใครไอ้วิป”
 
            “คนแถวนี้แหละ”
 
            “หน้าตาไว้ใจไม่ได้ มันจะมาปล้นบ้านมึงหรือเปล่า ยอมให้เขามาถึงบ้านขนาดนี้” คนแก่ขี้บ่นมาแล้วเว้ย ผมเกาหัว คือก็รู้ว่าแกก็ห่วง แต่แบบ…จะพูดยังไงดีล่ะ
 
            “พี่เขาไว้ใจได้” พยักหน้ายืนยัน
            “ใครบอกมึง”
 
            “หัวใจที่อ่อนแอ” พอผมบอกไปก็ได้รับฝ่ามือโบกลงมาเต็มๆ กลางศีรษะ จากนั้นไม้กวาดในมือก็ถูกแย่งกลับไป ปู่ไล่ผมขึ้นห้อง แสดงท่าทางเหม็นหน้ากันมากเลย ผมเบะปากใส่แบบงอนๆ แล้วเดินขึ้นมา กำลังจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเลย แต่โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน หยิบออกมาดู ชื่อคนที่โทรเข้าทำผมเผลอลังเลไปว่าจะรับดีมั้ย
 
            นานา…
 
            “ฮัลโหล…ว่าไง” สุดท้ายก็รับจนได้
 
            [มึงอยู่ไหนวิป!] คนสวยของผมตะคอกกลับมา มึงใจเย็นๆ ก็ได้
 
            “เพิ่งถึงบ้าน ทำไม มึงมีอะไรหรือเปล่า”
 
            [รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูเข้าไปหา กูมีเรื่องสำคัญมากจะคุยกับมึง] ไอ้นาทำเสียงจริงจังมากจนผมไม่กล้าเล่น แต่…กูไม่พร้อมจะคุยกับมึงว่ะ แค่ได้ยินเสียงมึง หัวกูก็พาลนึกไปถึงไอ้เวรนั่นแล้ว
 
            “วันหลังก็…”
            [ต้องวันนี้!!]
 
            จ้ะ วันนี้ก็วันนี้จ้ะ
 
            ส่งสารเสร็จปุ๊บแม่คุณก็วางไป คิดไม่ออกจริงๆ ว่าไอ้นามันจะมาคุยอะไร ผมนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นหลายนาทีเหมือนกัน ก่อนจะถอนหายใจ คิดไปแม่งก็คิดไม่ออกอยู่ดี รอมันมาถึงก็รู้เองแหละ
 
            กะเวลาเอา ผมว่ามันไม่น่าจะมาถึงเร็วๆ นี้ผมเลยเข้ามาอาบน้ำก่อน อาบเสร็จคนสวยก็ยังมาไม่ถึง ถ้ามันมาแล้วเดี๋ยวก็โผล่ขึ้นมาบนห้องเองแหละ ไอ้นี่มันมาบ้านผมบ่อยๆ
 
            ตึงๆๆๆ!
 
            ขณะที่ผมกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า จะหาเสื้อผ้าใส่ เสียงคนวิ่งขึ้นบันไดดังสนั่นนั่นก็เรียกสายตาของผมให้หันกลับไปมองที่ประตู เพียงไม่กี่วิประตูห้องของผมก็ถูกเปิดออก คนสวยเพื่อนรักก็พุ่งตัวเข้ามา กระโจนใส่ผมจนถอยล้มลงไปบนเตียง…และมีร่างสวยๆ นั่งทับอยู่ข้างบน
 
            ใจเย็นนะ อย่าเพิ่งเปลี่ยว
            “ไอ้วิป!”
            “จ๋าจ้ะ”
 
            “แฮกๆ กูมีเรื่องต้องบอกมึง” ผมพยักหน้ารัวๆ ตอบกลับมันไป คือเข้าใจว่าอยากบอกมาก แต่ให้กูแต่งตัวก่อนดีกว่ามั้ย มึงนั่งทับกูอยู่แบบนี้ไม่เขินบ้างไง แต่กูเขินนะ
 
            “ให้กูแต่งตัวก่อนดิ”
 
            “ไม่ได้!!” เอ้าดุเฉย อะไรมึงเนี่ย
 
            “อะ…งั้นว่ามา แต่ลุกออกไปก่อนดิ๊” ผมดันตัวมันออกไป ไอ้นานาฮึดฮัดแต่ก็ยอมขยับลงไปนั่งข้างๆ แทน พอผมพร้อมที่จะฟัง สายตาขอโทษก็ถูกส่งออกมา อีกแล้ว! แบบนี้อีกแล้ว มองกูด้วยสายตาแบบนี้เล่นเอากูรู้สึกผิดเลยนะ
 
            “กูขอโทษนะวิป”
            “…”
 
            “จริงๆ แล้วกูกับไอ้กัน…ไม่ได้คบกันหรอก กูหลอกมึง”
 
            !!
 
 

            วะ…ว่าไงนะ?



………………………



            “มาด้วยกันหน่อยแป๊บนึง”

            นานาหันไปมองร่างสูงที่รั้งแขนตนไว้ ท่าทางที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยทำให้เธอไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ยอมเดินแยกออกมาด้วย พอพ้นจากเพื่อนที่รออยู่กันก็เอ่ยออกมาทันที

            “ฉันว่าเราควรหยุดได้แล้ว”
            “หยุด? เรื่องอะไรล่ะ”
            “วิป เพื่อนเธอ”

            นานาชะงักไป หันกลับไปมองร่างสูงตรงๆ ซึ่งกันมีท่าทางเบื่อๆ เมื่อต้องพูดถึงเรื่องนี้ มันพาลทำให้นึกไปถึงคราวที่แล้วที่ได้คุยกัน และตกลงอะไรบางอย่าง

.


.


            “คิดไม่ถึงนะว่าคนที่ไอ้วิปมันบอกจะเป็นนาย” นานาพูดด้วยน้ำเสียงติดจะขำ เมื่อวิปเดินแยกออกไปแล้วเขาก็คุยกันได้อย่างสะดวกหน่อย ร่างสูงตอบรับในลำคอพร้อมกับโคลงหัวหน่อยๆ

            “ฉันรู้แต่แรกแล้ว”

            “หืม แล้วทำไมไม่บอกมันไปล่ะ”

            “ฉันแค่ไม่คิดว่าเพื่อนเธอจะจริงจังอะไรขนาดนี้” กันตอบกลับเสียงเบื่อๆ นานายิ้มขำให้กับท่าทางแบบนั้น

            ใช่! พวกเขารู้จักกันมาก่อน เรียกว่าสนิทในระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งตรงจุดนี้ไอ้วิปคนซื่อบื้อนั่นไม่ได้รับรู้ด้วยเลย คราวแรกที่วิปเดินเข้ามาบอกว่าจีบผู้ชายให้ ตัวเธอเองก็รู้สึกหงุดหงิด ถึงจะรู้ว่ามันหวังดีก็เถอะ

            แถมหลังๆ ก็จู้จี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นลากให้มาเจอกันแบบนี้ ตอนแรกยอมรับว่าไม่อยากจะมาเลย จะให้ไปเจอใครที่ไหนก็ไม่รู้เนี่ยนะ ถึงวิปมันจะรู้จักไปแล้วก็เถอะ แต่นี่ไม่ได้รู้จักด้วยซะหน่อย

            แต่พอมาเจอหน้าปุ๊บ ก็ต้องยอมรับว่าทั้งตกใจและประหลาดใจ แถมโลกมันจะกลมอะไรขนาดนี้ ตัวเธอกับกันเป็นเพื่อนกันมาก่อน รู้จักกันมาก่อนหน้านี้เพราะเคยเรียนที่เดียวกัน

            ร่างสูงเป็นคนไม่ค่อยพูด จะเงียบๆ นิ่งๆ เลยไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนิสัยขี้รำคาญของเขาเองด้วยแหละที่ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าหา

            แต่กับนานาก็เรียกได้ว่าคุยกันรู้เรื่อง ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยได้เซ้าซี้อะไรจนร่างสูงต้องรำคาญ แถมกันเองก็ไม่ใช่สเป๊กของเธอด้วย เพราะแบบนี้เลยทำให้คบกันได้

            ถึงแม้ว่าจะสนิทในระดับหนึ่ง แต่กันก็ไม่ได้เผยนิสัยส่วนตัวออกมามากนัก เรียกได้ว่าแทบจะไม่หลุดจากบทนิ่งๆ นั่นเลย และพอเข้ามหาลัยก็ห่างๆ กันไป แต่ก็ยังมีติดต่อกันบ้างอยู่

            เบอร์โทรก็มี ไลน์ก็มี ก่อนที่วิปจะถามซะอีก
            “แล้วนี่เธอคิดจะบอกเพื่อนเธอว่ายังไง”

            “หืมมม ไม่บอก ปล่อยมันไว้งั้นแหละ” นานายักไหล่ ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มเหมือนว่ากำลังได้เรื่องสนุก ร่างสูงมองแล้วก็ถอนหายใจออกมา

            “เธออย่ามาสนุก เพราะฉันไม่สนุกกับเธอด้วย เพื่อนเธอวุ่นวายกับฉันมากเกินไป”
            “นิสัยขี้รำคาญไม่เปลี่ยนเลยนะ นี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าไอ้วิปมันโดนนายเล่นงานไปเท่าไหร่แล้ว”
            “เพื่อนเธอมันตัวปัญหา ไล่ก็ไม่ยอมไป”

            “หึ งี้แหละสนุก”
            “หมายความว่าไง”

            “ก็หมายความว่า ปล่อยให้มันคิดไปเองของมันนั่นแหละ แล้วเราก็คอยดูมันบ้าของมันไป ไม่ต้องไปบอกอะไร เห็นมันพยายามแล้วก็น่ารักดี มันเอ๋อๆ งี้แหละ แกล้งง่าย” นานาแสยะยิ้ม ได้เรื่องสนุกมาอีกเรื่องหนึ่งแล้ว อย่าน้อยๆ มันก็ทำให้มีสีสันขึ้นมาเยอะ ร่างสูงถอนหายใจออกมา จะปฏิเสธคงไม่ได้ไอ้รูปแบบนี้

            และเขาก็คิดว่า ถ้าวิปเข้าใจไปว่าพวกเขาคบกัน อาจจะเลิกมาวุ่นวายใกล้ๆ สักที


.


.


            “เพราะอะไร ไอ้วิปมันวุ่นวายมากเกินไปเหรอ นายรำคาญใช่มั้ย”

            คนสวยถามเรื่องที่ข้องใจออกไป ถึงแม้ว่ากันจะขี้รำคาญก็ตาม แต่คราวนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาบอกว่าควรจะหยุด มันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง เธอรู้สึกได้

            “เพื่อนเธอ ดูท่าจะไม่ได้จีบฉันเพื่อให้เธอแล้วล่ะนะ”

            “หมายความว่าไง”
            “เพื่อนเธอชอบฉัน”

            !!

            นานาอึ้ง ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างแบบไม่อยากเชื่อ แต่เพราะคำพูดพวกนี้ออกมาจากปากผู้ชายที่ไม่เคยล้อเล่นในเรื่องไหนเลย มันเลยมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ แต่ว่า…ตัวเธอเองก็ไม่คิดว่าเพื่อนรักจะไปชอบคนตรงหน้า

            “อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”

            “แววตา ท่าทาง อะไรหลายๆ อย่างมันบอกฉัน และเธอก็คงรู้ว่าฉันไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย ถ้ามันจะต้องมีปัญหาตามมาทีหลังฉันขอให้มันจบตรงนี้ดีกว่า” ดวงตาดุๆ นั่นจ้องตรงมาบ่งบอกว่าที่พูดมานั้นเขาพูดจริง

            นานาขมวดคิ้วมุ่น เรื่องที่วิปไปชอบคนตรงหน้านี้ก็แปลกใจแล้ว แต่…เขาก็ไม่ได้คบกับกันจริงๆ สักหน่อย

            “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง”

            “ให้เขาคิดไปซะว่าฉันกับเธอคบกันแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไร แล้วก็ไปบอกเพื่อนเธอด้วยว่าเราคบกัน เพราะงั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องมาหาฉันอีก” ถ้าวิปชอบร่างสูงจริงๆ แล้วมาได้ยินอะไรแบบนี้คงจะจุกไม่ใช่น้อย แต่ก็นี่แหละ นิสัยของกันล่ะ

            “และเพราะแบบนี้ เธอต้องทำให้เพื่อนของเธอเห็นด้วยว่าเราคบกันจริงๆ คงจะต้องไปไหนมาไหนด้วยกันสักพักล่ะนะ” มือหนาเสยผมด้านหน้าของตัวเองขึ้นไป ดูท่าก็รู้ว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้

            “เพราะอะไรล่ะ นายเองก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงอยู่แล้ว และวิปมันก็…”
            “ใช่ ฉันชอบผู้ชาย แต่ฉันไม่ได้ชอบเพื่อนเธอ”

            นานาเงียบเมื่อเจอพูดแบบนี้ใส่ เธอเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อเหมือนกัน ตอนนี้ในใจก็เริ่มโทษตัวเองไปแล้ว เพราะคิดแต่จะหาเรื่องสนุกไว้ดูเล่น กลับกลายเป็นว่าต้องทำให้เพื่อนรักเสียใจซะงั้น

            “ทำแบบนี้ดีกับเพื่อนเธอที่สุดแล้วเหมือนกัน เพราะถ้าเขายังวุ่นวายกับฉันอยู่ รับประกันได้เลยว่าเขาต้องเจ็บอีกนานแน่ๆ เพราะฉะนั้นไปบอกแบบนั้น ให้มันตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้” กันบอก ถึงแม้ว่าจะรำคาญไอ้หมาตัวเล็กนั่นก็เถอะ แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาเสียใจเพราะตัวเองเหมือนกัน และถ้ามันจะต้องเสียใจ ก็ให้มันจบไปเร็วๆ นี่แหละดีแล้ว

            “โอเค และฉันจะบอกมันให้”



…………………..


            ปัง!
            “กูไม่ทนแล้ว แม่ง!...”

            เมื่อความอดทนทั้งหมดมันมาถึงจุดเดือดแล้ว เธอเองก็จะไม่ทนอีกต่อไป ไม่ทนเก็บเรื่องอึดอัดไว้ ไม่ทนเห็นเพื่อนรักเศร้าและต้องมาร้องไห้

            เธอเองคิดเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว เพราะหลังๆ มานี้วิปดูไม่ร่าเริงเหมือนแต่เก่า ปกติจะยิ้มง่าย หาเรื่องตลกๆ มาพูดให้ขำอยู่ตลอด แต่ในตอนนี้กลายเป็นว่านั่งเรียนแบบเหม่อๆ แถมดูเหมือนว่าจะไม่อยากคุยกับเธอด้วย

            มันเป็นความผิดเธอเองที่ทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ แต่เพราะร่างสูงสั่งเอาไว้ ว่าอย่าได้บอกออกไป ให้วิปตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้ เจ็บระยะสั้นๆ ยังไงก็ดีกว่า

            แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอะไรๆ มันจะไม่ดีแล้ว

            เธอโทรไปหากันเพื่อที่จะคุยเรื่องของวิป แต่กันกลับไม่รับสายเธอ แล้วโทรกลับมาได้จังหวะเหมาะอีกต่างหาก ทำให้เพื่อนตัวน้อยของเธอถึงขั้นทนไม่ไหวเดินหนีออกจากห้องโดยไม่เกรงใจอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่เลย

            และเธอจะไม่ทนอีกแล้ว เพราะงั้นเลยนัดเจอกับคนโหดขี้รำคาญนั่นซะ และเมื่อเจอหน้าเธอก็พูดเข้าเรื่องทันที
            “ฉันจะบอกวิปมันแล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

            “เฮ้อ…นานา ฉันบอกแล้วไง…”

            “แต่วิปมันสภาพแย่มากเลยนะ นายอาจจะไม่เห็น มันไม่ร่าเริงเหมือนเดิม นายก็รู้ ถึงมันจะน่ารำคาญขนาดไหน แต่ความสดใสร่าเริงของมันก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นเอกลักษณ์ของไอ้วิปไปแล้ว แต่ตอนนี้…หน้าเศร้าๆ ไม่เหมาะกับมันสักนิด” พอยิ่งคิดถึงท่าทางของเพื่อนรักที่ได้เห็นมาก็พาลทำให้น้ำตามันคลอขึ้นมาอีกแล้ว

            “แต่ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ถ้าเกิดเธอบอกไป…”

            “แต่ฉันเองก็ไม่อยากเห็นเพื่อนรักต้องเสียใจแบบนี้เหมือนกัน!”
            “…”

            “นายรู้มั้ย มันร้องไห้ด้วยนะ ตามันช้ำมากเลยนะรู้มั้ย” เสียงเธอสั่น น้ำตาไหลลงมาเพราะความสงสารเพื่อนจับใจ ร่างสูงชะงักไปนิดเมื่อได้ยินว่าไอ้เตี้ยที่ร่าเริงขนาดนั้นร้องไห้

            คิดภาพไม่ออกเลยแฮะ

            “ถือว่าฉันขอนายก็ได้ นายไม่จำเป็นต้องชอบมันกลับเลย แต่ขอเถอะ อย่าให้มันเข้าใจผิดแบบนี้” นานามองร่างสูงด้วยสายตาอ้อนวอน เห็นเพื่อนเสียใจใช่ว่าเขาไม่เจ็บ และยิ่งเธอเองก็มีส่วนผิดด้วยแบบนี้ มันยิ่งปวดใจหนักเลย

            “เฮ้อ…ฉันรับรองเลยว่าเพื่อนเธอได้เสียใจกว่านี้แน่ๆ” ร่างหนาเงยหน้าพึมพำเบาๆ ก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่หรอกที่ต้องพูดจาร้ายแรงแบบนั้นใส่ แต่ถ้ามันต้องวุ่นวายมากเกินไป และยื้อไม่จบสักทีก็ต้องทำล่ะนะ

            “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ให้มันเจ็บด้วยตัวมันเอง ให้วิปมันได้รู้ความจริง ถึงมันจะเจ็บ ก็ดีกว่าเจ็บในเรื่องที่มันไม่จริง”
            “ถ้างั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน” กันว่าอย่างไม่มีทางเลือก

            คนสวยเผยยิ้มกว้าง มือเรียวปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างไม่กลัวเสียสวย โผเข้ากอดร่างหนาเต็มตัว กันผงะตกใจ ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ

            “หลังจากนี้ถ้าเพื่อนเธอร้องไห้อีกอย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”
 


__________________________________________


มาแล้วอะหื้อออออออ บางทีเราก็คิดนะ พระเอกเรื่องนี้ช่วงนี้ค่าตัวแพงมาก มาน้อยนิดเหลือเกิน สงสารรรร 555
เดี๋ยวตอนหน้าพี่อาร์คคนหล่อของเราจะกลับมา ลืมพี่แกไปกันหรือยัง อย่าเพิ่งหลงพี่ชานหรือพี่พลุคนโหดไปซะก่อนล่ะ ฮี่ๆ

เจอกันใหม่ตอนหน้าครับผม

 :mew1: :mew1: :mew1:






หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-03-2016 18:30:46
พี่โหดมาแล้วววววววววว เกือบลืมไปแล้วด้วย อิอิ
พี่โหดจัดหมากันเลย ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-03-2016 18:41:43
สงสารวิป :hao5:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-03-2016 19:38:52
โอ๋ๆๆๆน้องวิปไม่ร้องน้าาา
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-03-2016 21:23:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mmello07 ที่ 15-03-2016 21:28:29
รู้ความจริงแล้วก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย
ฮืออออออออ นุ้งวิปปปปปป
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 16-03-2016 10:51:17
สงสารวิปอ่ะ อย่าไปสนใจผู้ชายพรรค์นั้นเลย ตัวเลือกของน้องมีตั้งเยอะเเยะ ตัดใจไปเหอะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: imvodka ที่ 16-03-2016 11:04:26
บอกว่าไม่ใช่ก็ต้องบอกด้วยว่าเขาไม่ชอบ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 16-03-2016 12:14:21
เปลี่ยนพระเอกกกกกกกกกกกกกเถอะนะ สงสารวิปอ่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-03-2016 13:56:50
น้องวิปจะรอดจากอาการหัวใจอ่อนแอแบบนี้ไหม แล้วทำไมพี่กันไม่ชอบน้องวิปล่ะ ไม่มีโอกาสเลยเหรอครับ?
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-03-2016 17:08:29
เพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ พระเอกไม่ชอบกลับ แถมไม่หวั่นไหวด้วย นี่แรร์ไอเท็มชัดๆ โดนใจมากค่ะะะะะ  สายแข็งอย่างเรายังไหว 55555555 แต่อนาคตต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะ วิปน่ารักจะตัยยยยย ขอแฟนเซอร์วิสวิปกับ other boys เยอะๆนะคะ ชอบทั้งพี่อาร์คพี่ชานพี่พลุเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 16-03-2016 22:20:51
เหยแบบตอนแรกก็คิดนะว่าพี่กันมันคืดอะไรกับวิปบ้างอยู่ถึงจูบไป แต่แบบพอนานามาสารภาพแบบนี้ความรู้สึกต่อกันนี่แบบติดลบแล้วติดลบอีกเฮ้อออ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 16-03-2016 22:26:39
ความจริง ก็เจ็บไม่ต่างกันเลยจริง ๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 11] [15 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 17-03-2016 05:23:55
ไม่ชอบเเล้วจูบน้องไมเกลียดอะ55555
ชอบพี่พลุรักพี่อาร์คเชียร์พี่ชาน :hao7:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 21-03-2016 18:36:47
 
 
ตอนที่ 12
 
 
 
 
 
            !!
 
            วะ…ว่าไงนะ
 
            “จริงๆ แล้วกูกับมันไม่ได้มีอะไรกันเลย พวกกูแค่ทำให้มึงเข้าใจไปแบบนั้นเอง” คนสวยพูดเสริมออกมาอีก ผมนั่งนิ่ง ค้างเหมือนกดหยุดเวลาเอาไว้ ดวงตาเบิกกว้าง สมองมันก็กำลังประมวลผลนะ แต่ดูไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่
 
            ไม่ได้คบกัน ให้กูเข้าใจไปแบบนั้นเอง
          คืออะไร!
 
            “หมายความ…หมายความว่าไง”
 
            ผมช็อกจนแทบจะพูดไม่ออก ความรู้สึกตอนนี้บอกไม่ได้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง หลอก โกหก ปล่อยให้คิดไปเอง มันใช่เหรอ? เพราะอะไรวะ แล้วมาหลอกกูทำไม ผมมองหน้าไอ้นาด้วยแววตาที่ไม่เชื่อ คำอธิบายอะไรก็ไม่มี จู่ๆ ก็พุ่งเข้ามาพูดแบบนี้ ใครมันจะเชื่อวะ
 
            “กูขอโทษ”
 
            “ขอโทษเหี้ยอะไร มึงกับไอ้กัน…ไปไหนมาไหนด้วยกัน โทรคุยกัน ทำทุกอย่างเหมือนคนที่คบกัน แล้วอยู่ๆ มึงก็มาบอกกูว่าไม่ได้คบกัน แค่หลอกกู แล้วนี่กูต้องเชื่อมึงอีกมั้ย” ผมยังตกใจไม่หาย โวยไอ้นากลับไปด้วย พร้อมกับคิดในหัวไปด้วย ทั้งหมดมันเพื่ออะไรวะ
 
            “ทั้งหมดไอ้กันมันขอกูไว้”
 
            “ยังไง”
 
            นานาคนสวยมีสีหน้าลำบากใจ ท่าทางดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจมันแล้ว ไม่อยากพูดผมก็จะบังคับให้พูด นั่งจ้องตากันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง และเป็นผมที่ละสายตาออกมาก่อน เบือนหน้ามาอีกทางแล้วถอนหายใจ
 
            เจอแบบนี้ กูไปต่อไม่ถูกเลย
 
            “ไอ้กันมันขอกูไว้ ว่าให้มึงเข้าใจไปว่ากูกับมันคบกันแล้ว และให้กูมาบอกมึงว่าเลิกวุ่นวายกับมันได้แล้ว” ไอ้นายอมเปิดปากเล่าสักที ผมหันขวับกลับไป ไอ้กันเป็นคนทำทั้งหมดสินะ ผมขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าพอจะเดาๆ ได้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เสียความรู้สึกว่ะ
 
            “มันทำเพื่ออะไร รำคาญกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมพึมพำ ไม่มีเหตุผลอื่นแล้วนอกจากเรื่องนี้ ต้องการกันกูออกขนาดนั้นเลยเหรอ ไอ้นาหน้าหงอยลง มือเรียวเอื้อมออกมาจับไหล่ผม
 
            “กูรู้นะวิป ว่ามึงชอบไอ้กัน”
 
            ห้ะ!
 
            “มึงรู้ได้ไง”
 
            “โอ้ย! หน้ามึงมันบอกทุกอย่างหมดแล้วเพียงแค่เห็นหน้าไอ้กัน ทุกอย่างหลุดออกมาหมด มึงไม่ต้องอ้าปากพูดก็รู้ได้” ผมหน้าเหวอ ยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองทันที นี่กูดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ
 
            แล้ว…แล้วไอ้กันล่ะ มันจะ…
 
            “เพราะมึงรู้สึกอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าและแววตาหมด ไม่แปลกที่กูจะรู้ และใช่! ไอ้กันมันก็รู้เหมือนกัน”
 
            ฉิบหาย
 
            ผมนิ่งค้างตาเบิกกว้างไปอีกรอบกับเรื่องช็อกโลกที่ได้ยิน มันรู้!! เชี้ย! มันรู้!!
 
            “เพราะมันรู้ มันถึงได้บอกให้กูทำแบบนั้น เพื่อที่มึงจะได้ไม่เข้าไปวุ่นวายอะไรกับมันอีก มันคิดว่า เมื่อมึงรู้ว่าพวกกูคบกัน มึงก็หมดหน้าที่ ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องไปเจอมันอีก” ไอ้นาอธิบายเพิ่มมาอีก ผมนี่ช็อกแล้วช็อกอีก จนลืมไปเลยว่าตอนนี้เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ใส่
 
            “เพราะแบบนี้สินะ มันถึงได้พูดให้กูเลิกไปวุ่นวายกับมันได้แล้ว”
 
            “กูไม่รู้ว่ามันพูดอะไรกับมึงบ้างนะ แต่ว่า…ก็คงใช่แบบที่มึงเข้าใจ ไอ้กันมันไม่ชอบความวุ่นวาย มันชอบอยู่เงียบๆ ใช้ชีวิตน่าเบื่อแบบเดิมทุกวัน” ไม่วายมีแอบจิกกัดด้วยเล็กๆ ไม่เบานะมึงเนี่ย
 
            “งั้นเหรอ” ผมพึมพำ ก่อนที่ริมฝีปากจะค่อยเผยยิ้มออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วย ผมทิ้งตัวนอนแผ่ไปบนเตียง แล้วยกแขนขึ้นมาปิดหน้า ทีแรกไอ้นานาก็ไม่รู้หรอกว่าผมร้องไห้ แต่เพราะผมสะอื้นออกมาด้วย มันถึงได้รู้ มือเรียวยื่นมาจับแขนผมไว้
 
            “ไอ้วิป! มึงร้องทำไม กูบอกไปหมดแล้วนะ” น้ำเสียงร้อนรน คงจะคิดว่าผมกำลังเสียใจอยู่ แต่เปล่าเลย ไม่ใช่เลยสักนิด
            “งั้นแสดงว่า…อึก…ไอ้กันก็ไม่ได้เกลียดกูจริงๆ น่ะสิ”
            “เอ่อ…ก็คงจะเป็นอย่างงั้น”
 
            “ฮึก…ไอ้เหี้ย! กูอยากยิ้มนะ แต่น้ำตาแม่งไหลแทน แต่กูดีใจนะ” ถึงแม้ว่าจะมีความขุ่นเคืองอยู่บ้าง เพราะมาหลอกกันแบบนี้ผมก็ใช่ว่าจะรู้สึกดี แต่ความดีใจมันมีมากกว่า มันไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย กลัวว่าผมจะไปป่วนชีวิตมัน แต่มันก็ไม่ได้เกลียดผมอย่างที่แสดงออกมา แค่ต้องการให้ผมอยู่ห่างๆ แค่นั้นเอง
 
          ฟังดูแปลกๆ แต่ขอแค่มันไม่ได้เกลียดผมก็โอเคแล้ว
 
            “กูขอโทษนะวิปที่ต้องหลอกมึงแบบนี้ จริงๆ กูก็ผิดด้วย กูอยากบอกมึงใจจะขาด กูเห็นมึงเสียใจแบบนี้กูก็อยากจะร้องไห้ แต่เพราะสัญญากับไอ้กันไว้ว่าจะไม่บอกมึง” ไอ้นาขอโทษผมมาอีกครั้ง ผมปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้ามันอีกครั้ง
 
            “แล้วทำไมพวกมึงถึงไปตกลงอะไรกันแบบนั้นได้ ดูเหมือนสนิทกันมากด้วย” ผมคาดคั้น อันนี้ยอมรับเลย บังอาจทั้งเพื่อนทั้งไอ้เหี้ยนั่น ไอ้หมาบ้า! มึงนะมึง
 
            “กูกับไอ้กันรู้จักกันมาก่อน เคยเรียนที่เดียวกัน วันแรกที่มึงพากูไปเจอกูก็ตกใจอยู่ แต่เพราะ…กูอยากแกล้งมึง เลยไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก และมึงเสือกไปชอบไอ้กันมันอีก เลยไม่ได้บอก” ผมมองไอ้นาเพื่อนรักแบบอยากจะงับหัว เพื่อนกันทำกันแบบนี้เหรอวะ
 
            “เลว!”
 
            “อีวิป!” แม่คุณกดเสียงโหดกลับมา ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกเลย มึงกำลังมีความผิดนะ มึงกล้าทำเสียงแบบนี้ใส่กูเหรอ ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ไอ้เพื่อนไม่รักดี
 
            “แล้วมึงจะเอายังไงต่อ”
 
            หลังจากที่ไอ้นายอมปล่อยให้ผมลุกไปแต่งตัว พอเสร็จมันก็ถามขึ้นมา ผมปิดตู้เสื้อผ้าด้วยท่าทางขึงขัง แล้วตอบเสียงดังฟังชัด
 
            “กูจะจีบ!”
            “มึงก็จีบมันตั้งแต่แรกอยู่แล้วหนิ” ไอ้นาทำหน้าเบื่อใส่ผม เดี๋ยวดีดตาแตกแม่งเลยหนิ
 
            “ก็ตอนแรกกูจีบให้มึง ส่วนตอนนี้กูจะจีบให้ตัวเอง กูจะเดินหน้า กูจะลุย!” เรื่องที่ค้างคาในใจไม่มีอีกแล้ว ถือว่าไอ้นามันเฉลยให้ได้รู้ทั้งหมด และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้ผมจะไม่ถอยแล้ว เดินหน้าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพุ่งชนด้วย
 
            เอาให้ตายไปข้าง!
 
            “มึงกล้าเดินเข้าไปบอกมันหรือไง”
            “กล้าดิ”
 
            “ไม่กลัวมันโยนมึงออกมาเหรอ” มึงนี่ช่างสงสัยจริงวะ แต่เรื่องโยนกูไม่กลัว เพราะกูเคยมาแล้ว โดนสะกัดตกบ่อปลาก็เคยมาแล้ว เพราะงั้นจิ๊บๆ ไม่เท่าไหร่หรอก
 
            “ชอบก็ต้องจีบดิ”
 
            “หึ เอาตามที่มึงพอใจเหอะ” ไอ้นาส่ายหัวไม่ขัดอะไรอีก ถึงมึงขัดกูก็ไม่ฟังบอกเลย วิปคนเดิมต้องกลับมา เพิ่มเติมเข้าไปด้วยคือความกล้าและหน้าด้านหน้าทน เพราะผมเดาได้อยู่ว่าต้องเจอศึกหนักแน่ๆ
 
            และมึงไอ้กันกัน! ไม่ว่ามึงจะทำทั้งหมดไปเพื่ออะไรก็แล้วแต่…มึง…ไอ้เวร!!
 
 
 
…………………

 
 
            หลังจากที่ได้ประกาศกร้าวกับไอ้นานาไว้ว่าจะเดินหน้าจีบไอ้หมาบ้า แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เจอมันเลย รวมถึงเพื่อนๆ ที่น่ารักของมันด้วย แหงดิ ผมมีสอบนี่หว่า กะเอาไว้ว่าหลังจากที่สอบเสร็จแล้วค่อยเดินหน้าต่อ และแล้ววันนั้นก็มาถึง!
 
            ปู่เองก็ดูจะสบายใจขึ้นมากที่เห็นผมไม่เศร้าซึมเหมือนเดิม แต่ปู่ก็ยังเป็นปู่ ปากหมาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรักหลานคนนี้มากขึ้น อั้ยยะ! อันหลังผมคิดเอาเอง แต่น่าจะเป็นเรื่องจริงนะ
 
            ตอนนี้ทั้งเบอร์ ทั้งไลน์ ทั้งเฟซของไอ้กันกันที่น่ารักมาอยู่ที่ผมหมด โดยได้รับความช่วยเหลือจากนานาเพื่อนรักคนเดิม มันเอาใจช่วยผมเต็มที่ บอกอีกด้วยว่าอยากให้ช่วยอะไรก็บอก มันคิดว่าชดใช้ให้ที่มาหลอกผมแบบนั้น
 
          เพื่อนกู ดี๊ดี~
 
            หลังจากที่สอบเสร็จ ผมก็เดินออกจากห้องด้วยสีหน้าระรื่นผิดกับคนสวยข้างๆ มันทำหน้าเหมือนปวดขี้มาทั้งวันแล้วยังไม่ได้ขี้
 
            “เป็นอะไรมึง”
            “กูว่ากูตอบผิด” มันพึมพำ คนสวยที่ปกติจะเชิดตลอด แต่ตอนนี้กำลังห่อเหี่ยวไม่สนสายตาใคร
            “อย่าคิดมากดิ กูยังไม่เครียดเลย”
            “แหงดิ! มึงกำลังจะแรดไปหาผู้ชายหนิ จะเครียดส้นตีนอะไร”
 
            อุ้ย ทำไมรู้
 
            ผมยิ้มแฉ่งกลับไปให้มัน ไอ้นานามันคงหงุดหงิดที่เห็นผมร่าเริงเกินไป แน่นอน! กูกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว แฮปปี้นะครับ อะหื้อออ~
 
            “กูจะไปหาอะไรกิน ไปด้วยกันมั้ย ชวนไอ้ตองไปด้วยก็ได้” ท่าทางจะเครียดเต็มที่ มีการบอกให้ชวนไอ้ตองด้วย ปกติไม่ค่อยพูดถึง แต่ถึงจะชวนไอ้ตองมันจะไปมั้ย มันกลัวมึงยิ่งกว่าอะไร
 
            “ไม่อะ กูจะไปหากันๆ”
            “อิแรด! ทิ้งเพื่อน!”
 
            เราขอโทษ~
 
            หลังจากแยกกับไอ้นาผมก็นั่งรถกลับบ้าน คิดว่าไอ้หมาบ้ามันน่าจะอยู่บ้านแล้วนะ เพราะงั้นผมจะบุกไปที่บ้านมันเลย หรือถ้าไปแล้วไม่เจอผมก็จะรอมันกลับมา
 
            อดตื่นเต้นไม่แฮะ ไม่ได้เจอตั้งนาน
 
            เดินมาถึงหน้าบ้านของมัน ชะเง้อมองเข้าไปข้างใน ก็เจอลุงชมคนเดิม กำลังกวาดใบไม้อยู่เลย ผมยิ้มกว้าง กระโดดแล้วตะโกนเรียกให้ลุงแกหันมาสนใจ
 
            “ลุงค้าบบบบบ~ ลุงๆ หวัดดีครับ! ลุงๆๆๆๆๆ” และอีกหลายลุงที่เรียกออกไป ลุงแกสะดุ้งตกใจด้วย แอบรู้สึกผิดเบาๆ ที่ทำให้คนแก่เกือบหัวใจวายตาย เราขอโทษนะลุง ไอแอมซอรี่~
 
            “ไอ้หนู! ตกใจหมด จะให้ลุงช็อกตายหรือไง”
            “เปล่านะหื้อออ แค่กะให้เป็นลมเฉยๆ~” คนเลวได้อีกกู
 
            “แล้วเอ็งมาทำไม คุณกันสั่งเอาไว้แล้วว่าไม่ให้เอ็งเข้ามา เดี๋ยวก็โดนไล่อีกหรอก” ลุงชมพูดเตือนด้วยความหวังดี พาลให้ผมนึกไปถึงวันที่มันลากผมออกมาโยนหน้าบ้าน โอ้ย คิดๆ แล้วแค้นสุดขีด สุดฤทธิ์สุดเดช
 
            “ผมไม่กลัว แล้วนี่มันอยู่บ้านหรือเปล่าอะลุง ผมอยากเจอมัน”
 
            “ก็อยู่ เพิ่งกลับมาได้สักพักเอง” ลุงแกหันกลับไปมองที่ตัวบ้าน ผมยิ้มกว้าง แทบอยากจะปีนข้ามรั้วเข้าไปหา แต่ไอ้เราก็กลัวว่าลุงชมจะโดนด่า ข้อหาปล่อยให้ผมเข้าไป เห็นมั้ยผมมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ผมคนดี
 
            “ลุงไปเรียกกันๆ ให้หน่อยได้มั้ยครับ” ผมขอ พร้อมกับบีบตาอ้อนลุงแกไปด้วย ทำเหมือนตอนที่อ้อนขอขนมปู่แบบนั้นเลย ลุงแกหันกลับไปมองที่ตัวบ้านอีกครั้ง แล้วหันกลับมายิ้มแหยๆ ให้ผม
 
            “ลุงว่าไม่ต้องแล้วมั้ง” พูดจบก็ส่งสายตาพยักพเยิดกลับไป ผมมองตาม ชะงักไปนิดเพราะหันไปเจอร่างสูงใหญ่คุ้นตาเดินตรงมาพอดี ผมรู้สึกได้ถึงใจที่เต้นเร็วขึ้น ห้ามไม่ให้ริมฝีปากตัวเองขยับยิ้มไม่ได้เลย มันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม โดยมีประตูรั้วสูงๆ กั้นกลาง
 
            “มึงมาทำไม” หมาบ้ามันถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ตามแบบฉบับ ดวงตาคมดุนั่นมองผมเหมือนเดิมคือรำคาญและไม่อยากเจอ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงใจห่อเหี่ยว ไม่กล้าสู้หน้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
 
            “คิดถึง เราเลยมาหานาย”
 
            ผมยิ้มกว้างไปให้ด้วย ไอ้กันชะงักไปนิดเพราะไม่ทันตั้งตัวว่าจะเจอคำพูดแบบนี้ ฮ้อยยย~ ขนาดชะงักยังน่ารักเลย หยิกแก้มสักทีได้มั้ยหื้ออออ~
 
            “กลับบ้านมึงไปซะ”
            “กูไม่กลับ”
            “กูไล่มึงอยู่นะ”
            “กูไม่กลับ กูหน้าด้าน”
 
            เอาซี่~ เอาไงต่อ
 
            ร่างหนาคิ้วกระตุกด้วยความหงุดหงิด ผมยักคิ้วกวนๆ กลับไปให้มัน ก่อนจะเดินเข้าไปจับรั้ว จ้องไปที่ดวงตาดุๆ นั่น ที่ต้องจับรั้วเพราะมือแม่งสั่นสุดๆ ตื่นเต้นเหงื่อแตกพลั่กๆ
 
            “กันๆ”
            “…”
 
            “กูชอบมึง” ผมสภาพออกไปตรงๆ
            “แต่กูไม่ได้ชอบมึง”
 
            อึก! ตรงไป~
 
            ผมยิ้มเก้อๆ จริงๆ ก็พอจะรู้อยู่แล้วแหละว่าต้องเจอคำพูดประมาณนี้ แต่พอโดนพูดใส่จริงๆ ก็อดที่จะเงิบไม่ได้ ผมเรียกสติกลับมา ปัดคำพูดทำร้ายจิตใจดวงน้อยๆ ที่น่ารักนั่นออกไป
 
            “ช่างมึงกันๆ ไม่ชอบตอนนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยค่อยชอบก็ได้ กูจะจีบมึง!” ประกาศกร้าวได้อีก หางตาแอบเห็นแวบๆ ว่าลุงชมแกเอามือปิดปาก ลุงครับ ลุงตกใจได้แบ๊วมากเลย
 
            ร่างหนานิ่งไป ดูก็รู้ว่าตกใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่คิ้วเข้มสวยนั่นจะขมวดฉับ ทำสีหน้าไม่พอใจใส่ ผมยิ้มแฉ่งกลับไปไม่สะทกสะท้าน นาทีนี้กูต้องด้านเข้าไว้
 
            “อย่ามายุ่งกับกู กูรำคาญ” มันพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น เหมือนคราวนั้นไม่มีผิดเลย ผมสูดหายใจเข้ายาวๆ แล้วยืดอกใส่มัน
 
            “กูรู้หรอก มึงแค่พูดแรงๆ ให้กูเลิกวุ่นวายกับมึง แต่เสียใจนะที่รัก มันทำอะไรกูไม่ได้แล้ว กูจะจีบมึง” เอาไปอีกหนึ่งที ไอ้กันหมาบ้าชักสีหน้าไม่พอใจ สบถอะไรออกมาก็ไม่รู้ฟังไม่ชัด มันหันหลังจะเดินกลับเข้าบ้าน
 
            “กันๆ! กูจะจีบมึง!”
 
            “…” มันเงียบ เดินไม่สนใจแม้แต่จะหันกลับมามอง
 
            “กูจะตามจีบมึง!” เอาไปอีกหนึ่งที
 
            “…” มันยังเดินไม่สนใจ
 
            “ไอ้เหี้ย! กูจะจีบมึง!!” ตะโกนดังกว่าเดิม
 
 

            “เออ!!!” ร่างหนาหมดความอดทน หันกลับมาตะคอกกลับด้วยเสียงที่ดังกว่า หน้ายุ่งๆ ของมันทำให้ผมยิ้มกว้าง มึงเออกลับมาแล้วนะ ฮี่ๆ



………………………



            หลังจากที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเลิกเศร้าน้ำตาตกในแล้วก็ยังไม่ได้เจอไอ้ชานมันเลย กะว่าจะไปขอบคุณมันสักหน่อยที่ช่วยปลอบผมในตอนที่อ่อนแอ เพราะงั้นวันนี้ช่วงเที่ยงผมเลยพุ่งตัวไปดักรอมันที่หน้าคณะ

            แต่ถ้ามันเรียนคาบบ่ายแล้วยังไม่มากูก็ซวยไป

            นี่ถ้าไม่ติดว่าจะรอเจอไอ้ชานนะ ผมจะแวบไปที่บ่อปลาสุดโปรดของไอ้กันมัน อยากเจอนะเออ แต่เอาไว้ก่อน ยืนรอตรงนี้แหละ ถ้ามันจะเดินไปโรงอาหารยังไงผมก็ต้องเจอ

            แต่กลายเป็นว่า คนที่ผมรอเจอกลับไม่เห็นแม้แต่เงา คนที่เจอกลายเป็นผู้ชายตัวสูงโดดเด่น ผู้มีรอยยิ้มพิฆาต เดินกดโทรศัพท์มาทางนี้แทน ผมเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะยิ้มกว้าง แล้วพุ่งเข้าไปหามัน

            “แว่นนน~” ส่งเสียงเรียกไปก่อนเลย เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองหาเสียง แหมะ…รู้ด้วยว่าเค้าเรียกตัวเอง พอไอ้อาร์คเห็นหน้าผมก็ยิ้มกว้างออกมาเลย มือเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว

            “หมาเป๋า มาไงวะเนี่ย”

            “วิ่งสี่ขานะหื้อ~ จะมาหาไอ้ชานน่ะ”

            “หืม? ไม่คิดจะหากูบ้างเหรอ น้อยใจว่ะ” ไอ้อาร์คสี่ตายื่นหน้าเข้ามาหน่อยๆ พร้อมกับทำสีหน้าหงอยๆ เล็กน้อย ผมกะพริบตาปริบๆ ใส่ก่อนจะยิ้มให้

            “หามึงก็ได้ คิดถึงนะหื้อ~” ไม่ได้เจอมันนานเลย

            “คิดถึงเหมือนกัน ใจเราตรงกันแล้วนะ” มันขยิบตาให้ผม หมั่นไส้จังเลยนาย ทำอะไรก็ดูมีเสน่ห์ ดูเท่ไปซะทุกอย่าง อยากตีให้แว่นแตกจริงๆ นะ

            “เห็นไอ้ชานบอกว่าช่วงนี้มึงกำลังเศร้าอยู่ กูก็เป็นห่วงเป็นไงบ้าง” น้ำเสียงเป็นห่วงมาก่อนเลย พร้อมกับฝ่ามือหนาที่วางลงมาบนหัวแล้วลูบอย่างนุ่มนวลเหมือนนิสัยและท่าทางของมัน ผมยิ้มตอบกลับไป

            “กูโอเค สบาย~”

            “มึงเป็นอะไร เห็นตอนพูดไอ้ชานก็ดูเครียดๆ ด้วย แต่เดี๋ยวค่อยเล่า ไปกินข้าวกันดีกว่า” ไอ้อาร์คยกแขนขึ้นมากอดไหล่แล้วลากให้เดินไปด้วยกัน ผมยื้อตัวไว้หน่อยๆ คือเราจะมารอเจอไอ้ชานนะ

            “แต่ว่าไอ้ชาน…”

            “รอไปก็ไม่เจอมันหรอก มันออกไปกับสาวนานแล้ว”

            อ้าว

            “เพราะงั้น กินข้าวกัน”

            มันลากผมมาที่โรงอาหาร ให้ผมนั่งรออยู่ที่โต๊ะ ส่วนมันก็เป็นคนดีเดินไปซื้อข้าวซื้อน้ำให้ผม สักพักก็กลับมา บริการเปิดขวดน้ำแล้วเสียบหลอดให้เสร็จเลย นายๆ เราทำเองก็ได้นะเนี่ย

            “กินดิ กูเลือกร้านที่อร่อยที่สุดให้เลยนะ แล้วเงินก็ไม่ต้อง กูเลี้ยงเอง”

            “มึงเป็นคนดีจังวะแว่น ซึ้งใจ~”

            “กูทำดีหวังผลนะ เผื่อมีใครบางคนติดกับดักกูบ้าง” ไอ้อาร์คยักคิ้วกวนๆ ผมยิ้มนิดๆ แล้วลงมือกินข้าว คนที่โรงอาหารก็เยอะพอสมควร ผมมองไปรอบๆ เผื่อว่าจะเจอไอ้หมาบ้า

            “แล้วสรุปก่อนหน้านี้มึงเป็นอะไร ไอ้ชานก็ไม่ได้บอกกูซะด้วย”

            “คือ…เรื่องเพื่อนมึงนั่นแหละ มันทำกูเสียใจไปหลายวัน ร้องไห้ด้วย นี่กูฟ้องมึงเลยนะ เผื่อมึงจะไปแอบเอาคืนให้กูได้บ้าง” ร่างหนาเลิกคิ้วเหมือนยังไม่เข้าใจ แต่ก็หลุดยิ้มออกมาเมื่อผมบอกว่ากำลังฟ้อง

            “เพื่อนคนไหนล่ะ เพื่อนกูเยอะนะ” จ้ะพ่อ

            “ไอ้หมาบ้ากันๆ นู้นไง คือตอนแรกอะกูก็จีบมันให้ไอ้นานะ แต่กูก็มารู้ตัวตอนหลังว่ากูชอบมัน แต่มันกลับหลอกว่าคบกัน ทำให้กูเสียใจอยู่หลายวันเลย และก็ได้ไอ้ชานเป็นที่ระบาย มันเป็นคนดีเหมือนมึงเลยแว่น มาวันนี้ก็กะว่าจะมาขอบคุณมันซะหน่อย เพราะตอนนี้กูโอเคแล้ว” ผมเล่ายิ้มๆ ไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนิ่งไป ร่างหนาค้างอยู่แบบนั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะเผยยิ้มออกมานิดๆ

            “งั้นเหรอ กูช้าอีกแล้วสินะ”

            “หืม?”

            “เปล่าหรอก กินข้าวเถอะ มึงจะได้โตไวๆ” กูคงไม่โตไปมากกว่านี้แล้วปะ

            นั่งกินไปได้สักพัก ตาผมก็เหลือบไปเห็นร่างสูงคุ้นตาเดินเข้ามา ผมเกือบสำลักข้าว รีบเคี้ยวข้าวให้หมดปากแล้วร้องเรียก

            “กันๆ!”

            เรียกแบบไม่เกรงใจหลายๆ คนที่กำลังนั่งอยู่ เจ้าของชื่อชะงักเท้าที่กำลังเดิน ก่อนที่สีหน้าราบเรียบนั่นจะฉายแววเบื่อหน่าย ไอ้อาร์คก็หันไปมอง ก่อนจะกวักมือเรียกเพื่อนตัวเองให้เดินมาหา ไอ้กันทำสีหน้าเบื่อๆ เหมือนไม่อยากจะเดินมา แต่ติดที่เพื่อนเรียกเลยต้องมา

            “ไปซื้อข้าวมากินดิ” ไอ้อาร์คบอกเพื่อน

            “นั่งเลยกันๆ เดี๋ยวกูไปซื้อให้เอง” ผมลุกขึ้นอย่างไว ดึงแขนหนาให้เดินมานั่ง ตอนแรกจะให้มันนั่งข้างผม แต่มันกลับชักแขนกลับ ผมเลิกคิ้วเอียงคอ ก่อนจะยอม ดันหลังให้มันเดินไปนั่งข้างไอ้อาร์คแทน

            “กินอะไรดี เดี๋ยวซื้อให้”

            “ไม่ต้อง”

            “เดี๋ยวซื้อให้ มึงนั่งรอเฉยๆ ก็พอ” ผมยังแสดงความมีน้ำใจต่อไป แหมๆ เราชอบเขาเราก็อยากดูแล แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ต้องการ ใกล้ระเบิดแล้วนั่นดูสีหน้าสิ ผมยิ้มแฉ่งมองข้ามสีหน้านั่นไป

            ไอ้อาร์คเท้าคางมองผมทีมองไอ้กันทีแล้วยิ้มอ่อนๆ กับตัวเอง ก้มหน้ากินข้าวไม่สนใจ เหมือนปล่อยให้ผมเถียงกับไอ้กันมันต่อ

            “มึงนั่งกินของมึงไปซะ อย่ายุ่งกับกู” มันบอกแล้วจะลุกออกไปซื้อข้าว ผมกดตัวมันให้นั่งลงเหมือนเดิม

            “เอาน่า นั่งน่ารักอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวกูจัดการเอง อย่าดื้ออออ~” ผมยื่นมือออกไปขยี้หัวมัน ไอ้กันชักสีหน้าโหดๆ ใส่แล้วปัดมือผมออก ผมยิ้มกว้างไม่โกรธ แล้วเดินแยกออกมาเพื่อหาข้าวให้หมาบ้ากิน

            ร่างหนาผู้มีรอยยิ้มพิฆาตเขี่ยข้าวในจานด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่นั่งหน้าโหดอยู่ข้างตัว

            “วิปมันน่ารักดีนะ”

            “น่าถีบล่ะสิไม่ว่า”



____________________________________________


 :-[ :-[ :-[




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 21-03-2016 18:58:50
แว่นจีบที โถ๊ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-03-2016 19:15:40
จองพี่อาร์คคคค วิปไม่รู้เรารู้ จีบเลยค่ะ มาช้าไม่สำคัญ ของงี้ต้องลอง
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 21-03-2016 20:13:15
พี่อาร์คคคคจีบเลยอย่ายอมเเพ้5555555#เชียร์เเรงทีมพี่อาร์ค
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 21-03-2016 21:08:53
เอาใจช่วยน้องวิป
กันกันอย่าโหดนักซี่
 :hao3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: littlegift ที่ 21-03-2016 21:12:37
ความรู้สึกอยากเชียร์พี่อาร์คมากกว่า 555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 21-03-2016 21:19:51
ทำไม ณ ตอนนี้ รู้สึกว่า เชียร์อาร์คอ่ะ
อาร์คจีบเลยวิปว่างๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-03-2016 21:26:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 21-03-2016 22:28:45
อาร์คคคคค
อย่าเพิ่งยอมแพ้!!! สู้!!!  :ped149:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-03-2016 00:20:30
เสียดายพี่อาร์ค
มามะๆเดี๋ยวเราปลอบใจเอง
:haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-03-2016 00:49:37
บางทีวิปก็เยอะไปจนน่ารำคาญจริง ๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-03-2016 08:46:34
จองพี่อาร์คคคค วิปไม่รู้เรารู้ จีบเลยค่ะ มาช้าไม่สำคัญ ของงี้ต้องลอง

เห็นด้วยสุดๆ เลยค่ะ เรื่องแบบนี้มันต้องลองดูค่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 22-03-2016 09:08:20
โถอาร์คยังไม่ทันเริ่มจีบก็แห้วละเฮ้อออเสียไต มาซบอกเราได้อกเราว๊างงว่าง
วิปออกตัวแรงงง เมื่อไหร่กันๆจะชอบกลับ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-03-2016 12:18:55
ทำไมกันๆ ถึงได้ใจร้ายกับวิปขนาดนี้นะ ใจอ่อนเถอะ ^^
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 23-03-2016 15:07:13
ซึนไปเถอะพ่อพระเอก ขอให้ซึนไปตลอดรอดฝั่งนะจ๊ะ อยากเห็นคนน้ำตาเช็ดหัวเข่าค่ะ นี่ว่าจะย้ายทีมละ จะอาร์คก็ดี ชานก็ได้ แต่ไม่อยากได้กัน คะเเนนความประพฤติติดลบค่ะ :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 23-03-2016 21:08:59
ปลื้มอาร์ค เปลี่ยนพระเอกได้มั้ยคะ 5555

ขอบพระคุณจ้า
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 24-03-2016 21:56:06
เหอะสนับสนุ่นเปลี่ยนพระเอกอีกคนเหอะเหอะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-04-2016 22:00:40
จะมายังน่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 12] [21 - 3 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: monday012 ที่ 14-04-2016 16:38:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 16-04-2016 18:01:18


ตอนที่ 13



 
 
            คนอย่างผม ก็อยากมีโมเม้นต์น่ารักๆ แบบไปเรียนพร้อมกันอยู่นะเหว่ยยยย~

            เพราะงั้นวันนี้ตอนเช้าผมจึงตื่นมาด้วยความสดชื่นแจ่มใส อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มุ่งไปยังบ้านของไอ้หมาบ้า มั่นใจเต็มร้อยว่ายังไงก็ได้ขึ้นรถไปด้วยกันแน่ๆ แค่คิดผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้แล้ว

            เดินถึงหน้าบ้านไอ้กันก็เจอลุงชมเจ้าเก่าเจ้าเดิม ลุงแกขยันมาก ตื่นมารดน้ำต้นไม้แต่เช้าเลย ผมพุ่งตัวเข้าไปเกาะประตูรั้ว แล้วร้องทักทายลุงแกเสียงดัง

            “ลุง! ลุงค้าบบบบบบ~ สวัสดีนะ”

            “มาอีกแล้วเรอะ”

            “ใช่แล้ว คิดถึงผมมั้ยลุง” เราก็ต้องมีถามนู้นนี้ก่อนบ้าง ลุงแกเดินไปปิดน้ำแล้วเดินกลับมาหาผม ผมยิ้มแฉ่งไปเป็นทัพหน้า เผื่อลุงแกจะยอมเปิดประตูให้ผมเข้าไปหาไอ้หมาบ้านั่น

            “ผมมาหากันๆ อะลุง เปิดประตูให้หน่อยสิ ไม่เปิดผมปีนจริงๆ ด้วยนะ และขอบอกไว้ก่อนว่าผมลงไม่ได้ เพราะงั้นลุงต้องช่วย แต่ถ้าลุงไม่อยากช่วย ลุงต้องเปิด โอ้สสส~” ร่ายไปยาวๆ ให้ลุงแกมึนเล่นๆ ลุงชมนิ่งไปประมาณสี่ถึงห้าวิ ก่อนจะทำสีหน้าลำบากใจนิดๆ

            “คืองี้นะ…”

            “อ่าห้ะ รอฟังอยู่ครับ”

            “คุณกันออกไปตั้งนานแล้ว”

            ห้ะ!!

            “ไปแล้ว!! ไปเมื่อไหร่อะลุง ผมนี่ตื่นแต่เช้าเลยนะเว้ย เพื่อมาเจอมันโดยเฉพาะเลยนะ มันกล้าดียังไงถึงไปโดยไม่รอผม” เหวอสิครับงานนี้ ผมโอดครวญใส่ลุงแกใหญ่เลย ลุงชมก็ดูเป็นห่วงเป็นใย แทบจะเปิดประตูออกมาปลอบโยนกัน แต่ไม่เป็นไรลุง ผมโอเค~

            “เมื่อเช้าลุงก็ถามคุณเขาอยู่ว่าทำไมถึงออกไปเร็วจัง คุณกันบอกว่าถ้าไปช้าอาจจะได้เจอเอ็ง เพราะงั้นถึงได้ออกเร็วกว่าปกติ” ฉิบหาย ผมตาโตใส่ลุงชม ทำไมมึงแสนรู้จังวะ รู้ด้วยว่ากูต้องมาหา

            “ทำไมมันรู้อะลุง”

            “ก็เอ็งเล่นประกาศซะขนาดนั้น ยังไงเอ็งก็ต้องมีโผล่มาบ้างแหละ” ลุงแกเบ้หน้าใส่ผม หยาบคายมากเลยลุง มองเหมือนผมไม่ฉลาดงั้นแหละ ผมแค่ยังคิดไม่ได้เท่านั้นเอง โด่ว~

            “งี้ผมก็อดเจอมันอะดิ” เสียงผมนี่หงอยเลย ลุงแกก็มองแบบเห็นใจนิดๆ

            “นี่ยังต้องถามอีกเหรอ” ฮ้อยยยย~ เห็นใจเราจริงเปล่าเนี่ยแบบนี้

            เพราะงี้ผมจึงเดินคอตกกลับมาขึ้นรถเมล์ไปเรียน ไหนโมเม้นต์ไปเรียนพร้อมกัน ไหนไอ้ความคิดที่ว่าต้องเจอหน้ากันตอนเช้า ไอ้กันแม่งก็นิสัยเสีย คิดจะหนีกันจริงๆ ใช่มั้ย มึงคิดว่ากูยอมมึงเหรอ อย่าดูถูกกูให้มากนะ

            และทั้งวันระหว่างที่นั่งเรียน ผมนี่ใช้ความคิดอย่างหนักเลย เปล่า ไม่ได้คิดเรื่องเรียนหรอก อาจารย์สอนอะไรอย่าได้ถาม มันไม่เข้าหัวเลยสักนิด ลึกๆ ในใจก็แค้นไอ้กันๆ มันอยู่นะ อะไรจะไม่อยากเจอกันขนาดนี้ รำคาญกูนักใช่มั้ย ไม่ชอบกูนักใช่มั้ย งั้นกูจะเสนอหน้าไปให้มึงเห็นจนเบื่อเลย สาดดด

            “นี่นานา”

            “อะไร” ขัดเวลาตั้งใจเรียนของมันมาก มันหันมาขมวดคิ้วใส่ หน้าตาบ่งบอกมาก่อนเลยว่าถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญยังไม่ต้องมาคุยกัน ผมเขยิบเข้าไปใกล้ๆ มันก่อนจะกระซิบถาม

            “ไอ้กันๆ มันแพ้อะไรบ้าง”

            “ไม่นะ กูเห็นมันชนะตลอด”

            นั่นคนใช่มั้ย ผมทำหน้าเอือมใส่เพื่อนรัก ไอ้นานาถอนหายใจ ก่อนจะเขียนอะไรยุกยิกใส่กระดาษ ผมชะเง้อคอไปมองแม่งก็ทำตาดุใส่ซะงั้น ผมเบะปากใส่แบบงอนๆ แล้วกลับมานั่งดีๆ สักพักกระดาษแผ่นนั้นก็ถูกยื่นมาวางตรงหน้า

            หืมมมมมม

          ไม่ชอบมะเขือ เกลียดกลิ่นตะไคร้ ไม่ชอบความวุ่นวาย มันไม่ชอบใช้กำลังแต่ถ้าทนไม่ได้มันจะต่อย รักน้ำรักปลา ถ้าตัดต้นไม้ที่บ้านของมัน มันจะโกรธที่สุด ไม่มีสัตว์ที่กลัวเป็นพิเศษ

            ไอ้เหี้ยกัน ข้อมูลของมึงไม่ได้เรื่องเลยว่ะ ที่เห็นว่าพอจะใช้ได้ก็มีแค่เกลียดกลิ่นตะไคร้กับอย่าตัดต้นไม้นี่แหละ หึๆ ถ้ามึงหนีกูอีก กูจะบุกเข้าไปในห้องมึง แล้วสาดกลิ่นตะไคร้ไว้เป็นของดูต่างหน้า หึๆ

            ผมแสยะยิ้ม หันไปยกนิ้วโป้งให้ไอ้นานาเพื่อนรัก แต่มันกลับยกนิ้วกลางมาให้ ข้อหารบกวนเวลาตั้งใจเรียนของมัน ผมยิ้มแหยๆ ให้อีกที ก่อนจะกลับมาวางแผนในหัวต่อ

            เรียนเสร็จไอ้นานาก็กอดคอผมเดินลงมาจากตึก แถมมีการทิ้งน้ำหนักลงมาด้วยนะ เกิดมาตัวเท่ามึงนี่ไม่ดีเลย ผมแอบส่งไลน์ไปถามไอ้ตองดูก่อน ให้มันไปสืบมาว่ากันๆ หน้าโหดอยู่ที่บ่อปลาสุดรักของมันหรือเปล่า รอสักพักไอ้ตองมันก็กลับมา

            …ไอ้เหี้ยวิป ลำบากกูตลอด ไปดูให้แล้ว เพิ่งเดินไปถึงเมื่อกี้นี้เอง…

            เยส!!

            ผมยิ้มกว้าง ใจนี่ลอยไปหามันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไอ้นาเพื่อนเลิฟเกิดความสงสัย ฉกโทรศัพท์จากมือผมไปอ่าน ก่อนที่ริมฝีปากสวยๆ ของมันนั้นจะเบ้ออกแบบเหยียดๆ แล้วยัดโทรศัพท์คืนใส่มือผม

            “สรุปว่าเที่ยงนี้ก็ไม่ไปกินข้าวกับกูใช่มั้ย”

            “มึงเก่ง มึงกินคนเดียวได้กูรู้” ผมทำหน้าซื่อตาใสกลับไป เอ้ากูแถมกะพริบตาปริบๆ ให้ด้วยเลย

            “มึงจะไปไหนก็ไปเลยไอ้ห่า อารมณ์เสีย” แม่คุณสะบัดผมใส่แล้วเดินจากไป เอาเลยเพื่อน ขอให้เธอโชคดีนะ เราไม่รั้งหรอกไม่ต้องทำเป็นงอน พอไอ้นาไปแล้วผมก็มุ่งตรงไปที่สิงสถิตของไอ้กันๆ หมาบ้า เป็นอย่างที่ไอ้ตองสายสืบรายงาน มันนั่งอยู่ตรงนั้นพอดีเลย ใบหน้าหล่อดุนั่นเงยขึ้นหน่อยๆ ดวงตาหลับพริ้ม คล้ายกับว่ากำลังซึมซับความเงียบสงบของบริเวณนี้

            แต่ตอนนี้กูนี่แหละกำลังจะทำให้มันไม่สงบ อะหื้อออ~

            ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ๆ ร่างหนาที่กำลังนั่งอยู่ ลงเท้าให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ อมยิ้มนิดๆ เมื่อเดินเข้ามาใกล้แล้วแต่มันก็ยังไม่รู้สึกตัว ผมหยุดอยู่ตรงหน้ามัน พร้อมกับโน้มตัวลงไปใกล้ๆ ใบหน้าหล่อๆ นั่น แม่ง! อิจฉาเบาๆ ใครใช้ให้มึงมันหล่อวะกันๆ

            “แฮ่!!”

            พลั่ก!

            แค่แฮ่ไปเท่านั้นแหละ ฝ่ามือหนาของมันทำงานเร็วมาก พรึ่บเดียวทันทีที่ผมแฮ่จบ มันก็ดันหน้าผมออกห่างอย่างแรง ผมว่ามันเองก็ยังไม่รู้ว่าใครมาแกล้ง แต่พอได้ยินเสียงมือคงไปเอง ร่างหนาพอเห็นผมเต็มๆ ตาก็ขมวดคิ้วฉับ สายตาขับไล่ถูกส่งออกมาเลย

            กูไม่ไปหรอก กูหน้าด้าน แอะ~

            “มึงมาทำไม”

            “มึงหนีกูทำไมล่ะ” ผมสวนกลับ รู้สึกได้เปรียบนิดหน่อย เพราะตอนนี้มันนั่งอยู่ ส่วนผมยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้า เหมือนได้เหนือกว่าอยู่นิดนึง

            “แล้วทำไมกูต้องอยู่รอมึง” แน่ะ มีต่อปากต่อคำ มันทำเสียงเรียบใส่ผม ณ จุดนี้ผมจะเลิกคิดเล็กคิดน้อยแล้ว จะคิดซะว่านี่คือเสียงปกติของมัน

            “มึงกลัวกูอะดี้~” ผมเลิกคิ้วทำท่ากวนๆ กระดิกเท้าด้วยยั่วอารมณ์มันไป เอาซี่กันๆ~

            “ทำไมกูต้องกลัวมึง” หน้านิ่งได้อีก

            “แอะ”

            “กูว่ากูบอกมึงไปแล้วนะวิปว่ากูไม่ชอบให้มาวุ่นวาย” เริ่มขมวดคิ้ว

            “แอะ~”

            “และอีกอย่างกูก็ไม่ได้ชอบมึง เพราะงั้นเลิกตามกูได้แล้ว” รู้สึกได้ถึงควันที่ออกหู

            “แอะๆ”

            “มึงเป็นคนที่ดื้อด้านที่สุดเท่าที่กูเคยเจอมาเลย” กัดฟันพูดแล้ว~

            “แอะๆๆ!”

            “สัดวิป!!”

            ของขึ้นแล้วจ้า ผมยิ้มกว้างไม่สะทกสะท้านกับเสียงโหดๆ ที่ดังลั่น ร่างหนาลุกขึ้นยืนจ้องหน้าผมเขม็ง ผมยังคงยิ้มค้างไว้อยู่ แต่ในใจเริ่มหวั่นๆ แล้ว แต่มันคงไม่ทำอะไรผมหรอกมั้ง

            “ต้องให้กูทำยังไงมึงถึงจะเลิกวุ่นวายกับกูสักที” ร่างสูงขยี้ศีรษะด้วยความหงุดหงิด แล้วเท้าเอวพร้อมรบประจันหน้ากับผม ผมส่ายหน้าจนเส้นผมกระจาย

            “หูยยยยย ทำไม่ได้หรอก นายต้องทำใจแล้วแหละกันๆ” นี่ผมไม่ได้พูดเล่นนะ กูไม่เลิกยุ่งกับมึงง่ายๆ หรอก ก่อนหน้านี้คิดจะกันกูออกด้วยวิธีแบบนั้นเหรอ ตอนนี้กูรู้ความจริงหมดแล้ว รำคาญกูดีนัก งั้นก็เจอหน้ากูบ่อยๆ นี่แหละ เจอจนกว่ามึงจะชอบกูไปเลย

            “หรือมึงอยากจะเจ็บตัว” ดวงตาดุจัดนั่นจ้องเขม็งมาเลย ผมเหงื่อตก ปากก็ยังยิ้มค้างอยู่ ร่างหนาสาวเท้าเข้ามาด้วยท่าทีคุกคาม ผมใจหายวูบ ก้าวถอยหนีเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ยอมหลบตา

            ไอ้นา! ไอ้เลว ไหนมึงบอกว่ามันไม่ชอบใช้กำลังไงวะ แต่…เฮ้ย! เราลืม~ มันเขียนไว้ว่าถ้ามันทนไม่ไหวมันจะต่อย! ฉิบหายแล้วพี่น้อง ผมเริ่มหัวเราะแห้งๆ พยายามมองหาทางรอดของตัวเอง อยู่ไหนเอ่ย~

            “เราคุยกันได้นะนาย”

            “คุยมาพอแล้ว” นิสัยเสียมาก แล้วมึงก็เลิกเดินเข้ามาได้แล้ว ไอ้เหี้ย! กูกลัว! ผมถอยหนีมันไปเรื่อยๆ ร่างสูงก็ยังไม่หยุดเดินเข้ามา ถอยไปจนผมชะงัก หันกลับไปมองด้านหลังก็…อื้มมมม~ ชัดเลยจ้า บ่อปลาเจ้าเก่า ฮืออออ~ เห็นแววว่าจะตกอีกรอบไงไม่รู้

            “หึ!” แสยะยิ้มด้วยไง

            “แฮ่~”

            ผมยิ้มแหย ไอ้กันมันเป็นผู้ชายใจร้าย ไม่มีความปราณี แววตามันบ่งบอกเลยว่ากูไม่ได้ล้อเล่นสักนิด ใจผมเต้นรัว ขยับไปทางซ้ายมันก็ตามมาดัก ฮืออออ ให้กูไปเถอะ ระหว่างที่ผมกำลังหาทางหนีอยู่นั่น มือหนาก็ยื่นออกมาอย่างเร็ว และผลักหน้าผมไปแบบเต็มๆ

            “เฮ้ย!!!” ผมร้องลั่นพร้อมกับร่างของผมที่กำลังจะร่วงลงบ่อปลาอีกครั้ง แขนนี่ว่ายอากาศเลย ผมหลับตาปี๋เตรียมรอรับความเปียกที่จะได้รับ แต่แล้ว…ผมก็ไม่หล่น

            “เอ๋…” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ตัวผมเนี่ยเอนไปเกือบจะทั้งตัวแล้ว แต่ที่ไม่หล่นเพราะไอ้หมาบ้ามันดึงเสื้อไว้อยู่ เอาง่ายๆ ถ้ามันปล่อยมือเมื่อไหร่ผมร่วงแน่ๆ ผมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้มัน แต่พี่ท่านแกร่งเกิน ไม่รู้สึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อยนะจ๊ะ

            เมื่อได้โอกาสผมเลยคว้าแขนหนาเข้าไว้แล้วดึงตัวเองขึ้นไป พอยืนได้ปกติก็ถอยห่างออกมาจากบ่อปลาที่น่ารักนั่น ไอ้หมาบ้ามันแอบยิ้มเยาะนิดๆ ก่อนจะเดินออกไป ผมกำลังจะตามเลย แต่พี่แกตวัดสายตาดุๆ กลับมา ผมเลยได้แน่ยืนสงบเรียบร้อยน่ารักอยู่กับที่และมองตามแผ่นหลังกว้างไป

            นี่สรุป…กูจีบมันยังวะ

…………………………



            เพราะตอนเที่ยงยังไม่ได้จีบแบบจริงๆ จังๆ เลย พอกลับถึงบ้าน ผมกินข้าวอาบน้ำเสร็จก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เบอร์ไอ้กันน่ะมีแล้ว แต่ยังไม่เคยโทรหามันเลย เพราะงั้นคือนี้จะเป็นครั้งแรก

            แหมะ…พูดซะตัวกูเองยังคิดลึกเลย

            ผมกดโทรออก รอสายสักพักหมาบ้ามันก็รับ

            [ฮัลโหลครับ]

            ผมใจเต้นโครมครามเลย ปกติจะได้ยินเสียงนิ่งๆ โหดๆ ของมันอย่างเดียว แต่พออยู่ในโทรศัพท์เสียงพี่แกกลับนุ่มน่าฟังสัดๆ ผมอึ้งค้างไปแวบหนึ่งก่อนจะตั้งสติได้

            “สวัสดีนะ!!”

            ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

            อ้าวเหี้ย! วางสายกูเฉยเลย

            ผมมองโทรศัพท์อย่างเอ๋อๆ เฮ้ยนาย เราแค่สวัสดีนะไปเองอะ วางสายใส่ซะงั้น ผมโทรกลับไปอีกครั้ง มันตัดสายผมจ้า ผมก็กดโทรอยู่แบบนั้นเรื่อยๆ แรกๆ หน้าบ้ามันก็ตัดสาย แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นปล่อยให้สัญญาณดังไปเรื่อยๆ รอให้สายมันตัดไปเอง

            ผมฉุนมาก ไม่มีใครผัดพริกผัดแกงอะไรนะไม่ต้องเล่นมุก แอะแฮ่~ มึงจะเอาแบบนี้กับกูใช่มั้ยกันๆ ด้ายยย~ ได้เลย ลูกบ้ากูเยอะนะขอบอก ผมคว้ายางรัดผมมามัดผมข้างหน้าขึ้นไปเป็นจุก น่ารักจังกู เสร็จแล้วก็พุ่งตัวออกจากห้อง เจอปู่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดีเลย

            “หิวน้ำหรือไง”

            “เปล่าอะปู่ จะไปบ้านเพื่อน”

            “เพื่อนไหนมึงอีก ดึกดื่นป่านนี้”

            “แถวนี้แหละ ใกล้ๆ ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา ถ้าผมไม่กลับมา…ก็คือไม่กลับมาแหละ” งงมั้ยปู่จ๋า~ ท่าทางปู่ไม่อยากให้ผมออก แต่คงรู้ว่าห้ามไม่ได้ เลยทำแค่โบกมือไล่ผมแค่นั้น ผมเดินมาที่บ้านไอ้กัน พอมาถึงก็ยืนเอ๋ออยู่หน้าบ้าน คือ…ปกติมาแล้วจะเจอลุงชมไง แต่ตอนนี้มันดึกแล้วลุงแกคงไม่ออกมารดน้ำต้นไม้หรอก

            ในเมื่อไม่มีทางเลือกผมเลยกดออด ไม่กดธรรมดาด้วยนะ ธรรมดาก็ไม่ใช่ไอ้วิปน่ะสิ กระหน่ำเลยจ้า เอาให้ตื่นกันทั้งบ้านไปเล้ย~ จริงๆ อยากลองปีนรั้วดูนะ แต่กลัวคนแถวนี้ผ่านมาเห็นแล้วหาว่าผมเป็นขโมยเดี๋ยวจะแย่กันไปใหญ่ ในบ้านหลังนี้ไม่มีอะไรที่ผมอยากได้หรอก นอกจากหัวใจไอ้หมาบ้า

            อั้ยยะ! พูดดีอะ~

            ยืนให้ยุงกัดอยู่สักพักลุงชมเจ้าเก่าก็วิ่งหน้าตื่นออกมา พอเห็นผมยืนอยู่ก็ทำหน้ายักษ์ใส่เลย สงสัยตกใจเสียงออดไม่หาย ผมยิ้มประจบ นาทีนี้ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ตัวเองโดนด่า

            “มาทำไมอีกดึกป่านนี้ กดซะเอาตกใจไปหมดทั้งบ้าน” นั่นแหละฮับที่ผมต้องการ

            “ลุงชมครับ ให้ผมเข้าไปหน่อย ผมมาหากันๆ”

            “ทำไมมาซะดึกเลย”

            “ก็มาเช้าแล้วไม่เจอก็ต้องมาดึกสิลุง” เค้าเปล่ากวนตีนเลยนะ ลุงแกทำท่าทางคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้ผมเข้าไปดีมั้ย ผมเลยส่งสายตาลูกหมาอ้อนไปให้เพื่อให้ลุงแกตัดสินใจได้เร็วขั้น และมันก็ได้ผล ลุงแกยอมเปิดประตูให้ผมเข้าไป

            “ขอบคุณค้าบ” ลูกอ้อนกูยังใช้ได้ผลตลอดแหละ แต่ไม่เคยได้ผลกับไอ้หมาบ้าเลย เศร้าจายยย~

            ลุงชมเดินนำผมเข้ามาในตัวบ้าน ผมชะเง้อไปเห็นร่างสูงเดินลงมาจากบันไดพอดี โชว์หุ่นล่ำๆ ของตัวเองด้วยการไม่ใส่เสื้อ อิจฉามาก ณ ตอนนี้

            “ใครมาลุงชม”

            “เค้าเอง~” ผมเอี้ยวตัวไปมอง ก่อนจะเดินออกมายืนประจันหน้ากับมัน

            “ไอ้วิป!”

            “ใช่ๆ วิปเอง~” ผมยิ้มกว้าง กันๆ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุงชมแกรู้งาน พาตัวเองออกไป ส่วนหนึ่งคงเพราะเห็นท่าทางของไอ้กันแล้วคงคิดได้ว่าไม่น่าให้ผมเข้ามาเลย มันกำลังจะหันหลังเดินกลับขึ้นไป ผมตาโต รีบเดินไปดักไว้ไม่ยอมให้หนี

            “ทำไมไม่รับโทรศัพท์”

            “กูไม่อยากคุยกับมึง กลับบ้านมึงไปได้แล้ว” ไล่อีกต่างหาก

            “ถ้าไม่อยากเจอก็รับสายดิ” ผมยืดใส่ ร่างสูงคิ้วกระตุกด้วยความโกรธ ผมลอยหน้าลอยตาใส่ มันจะเดินผมก็ขวางไว้ จนมันทนไม่ไหว ยื่นมือออกมาหมายจะผลักหัวผมอีกครั้ง พอมันวางลงมาปุ๊บผมก็คว้ามือมันแล้วงับไปลง กำลังจะลงแรงกัดเลยนะ แต่พอเจอสายตาดุจัดนั่นก็ได้แต่งับไว้เฉยๆ

            มันไม่ชักกลับด้วยนะ แต่มองให้รู้ว่า…มึงกัดมึงได้ตายแน่

            ผมฮึดฮัด แล้วทำได้แค่งับลงไปเบาๆ ก่อนจะปล่อย ร่างสูงดึงมือกลับไปดูแล้วทำหน้าเหยียดๆ หูยยหยาบคาย แค่น้ำลายนิดหน่อยเท่านั้นเอง โด่ว~

            “มึงมาเพราะกูไม่รับสายแค่นี้เนี่ยนะ”

            “เฮ้ย! เรื่องใหญ่นะเหว่ย~ มึงไม่ใช่คนที่กำลังชอบแบบกูนี้หว่า เพราะงั้นเราเลยพุ่งตัวมาหานายที่บ้านนี่เลยไง เจ๋งใช่เปล่าล่า~” ยืดสิครับ ไอ้กันไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับผมด้วย ดวงตาคมกวาดมองผมทั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่ายหน้าหน่อยๆ

            “ส่ายหน้าทำไม ชุดนอนนะเนี่ย แพนด้าด้วย” ว่าแล้วก็กลางแขนโชว์ให้มันดูเลย แต่ดูเหมือนว่ากันๆ มันจะไม่แฮปปี้กับผมเท่าไหร่นะ เห็นแบบนั้นผมก็เบะปากใส่เลย นี่ถ้าเป็นไปได้นะ ผมจะยืนขวางนอนขวางมันไว้ไม่ให้มันหนีผมขึ้นห้องเลย

“มึงมาเพราะแค่กูไม่รับโทรศัพท์มึงแค่นี้เนี่ยนะ”

“เฮ้ย! มันเรื่องใหญ่นะเหว่ย มึงไม่ใช่คนที่กำลังชอบแบบกูหนิ แต่สำหรับกูมันสำคัญมาก มึงรู้มั้ยกูอาจจะกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยก็ได้นะ อาจจะถึงตายเลยก็ได้น้า เป็นไง น่าสงสารใช่ปะล่ะ” ผมกะพริบตาปริบๆ ใส่ ทำท่าทางเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ แต่กันๆ มันก็ยังคงมีภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่หวั่นไหวต่อท่าทางของผม

“เมื่อไหร่มึงจะกลับไปสักที”

“เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ”

“มึงต้องการอะไร”

“เกี่ยวก้อยสัญญากันก่อนว่าจะให้” ผมจ้องหน้าจริงจัง ไอ้กันมองผมเหมือนอยากจะบอกว่า กูไม่โยนมึงออกจากบ้านก็ดีเท่าไหร่แล้ว

“มึงต้องการอะไร”

“พูดมาก่อนดิว่าจะให้ พยักหน้าก็ได้ เร็วๆ ให้อยากกูกลับมั้ย ถ้าไม่…งั้นกูก็นอนกับมึงเนี่ยแหละ” ผมกอดอกตีเนียน รู้สึกได้ว่าร่างสูงกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด มันคงกำลังนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ นับไปเล้ย นับถึงร้อยเราก็ยังไม่ไปไหน ฮัดช่า~

“ว่ามา” เสียงเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ ความอดทนใกล้จะหมดลง และมันก็ใกล้จะระเบิดแล้ว

“ถ้าไม่ให้นี่หมาเลยนะ” ผมชี้หน้าขู่ จริงๆ มันก็หมาอยู่แล้วนี่หว่า แถมเป็นหมาบ้าด้วยนะ พร้อมกัดได้ตลอดเลย ดูๆๆ ดูตาสิ ขวางตลอด เดินเฉียดใกล้นิดเดียวอาจโดนมันกัดได้

“พูดมา!”

“ห้ามหนีกู ถ้าหนีอีกกูจะคิดว่ามึงกาก มึงป๊อด มึงไม่กล้าเจอกู และกูจะคอยตามหลอกหลอนมึงไปทุกที” ยิ้มเลวขึ้นเรื่อยๆ รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เย็นไว้วิป จะทำเรื่องใหญ่ใจต้องนิ่ง

“และรับสายกูด้วย ถ้าไม่อยากให้กูบุกมาถึงบ้านแบบนี้อีก แต่ไม่รับก็ดีนะ กูจะได้เจอหน้ามึงด้วย เผลอๆ นี่บุกถึงห้องเลยนะเหว่ย~” ข่มขู่ไปก่อนนาทีนี้ กันๆ ที่น่ารักยืนฟังด้วยจิตใจที่ใกล้ระเบิดแล้ว เอาแล้วๆ~ มาถึงอย่างสุดท้ายกัน

“และอย่างสุดท้าย”

“อะไร”

“ขอกอดทีดิ” ฮี่ๆ

ผมยิ้มกว้าง ร่างสูงผงะตกใจ ไม่คิดว่าผมจะขออะไรแบบนี้ และก่อนที่มันจะตั้งตัว ผมก็ก้าวเข้าไปสวมกอด กันๆ มันตกใจหนักกว่าเดิม มือหนาจะดันผมออก แต่ผมเกาะไว้เหนียวแน่นมาก หัวนมอยู่ใกล้ๆ หน้าเลยอ่า~ เดี๋ยวก็กัดให้ซะหรอก กลิ่นหอมจางๆ ที่ผมชอบ (ก่อนหน้านี้ก็ชอบไปซุกเตียงมันอยู่ กลิ่นนี้แหละ) ผมก็เนียนสูดหายใจเข้ายาวๆ เลย

“โอเค~ ได้พลังละ มีกำลังใจขึ้นเยอะ~ เลย” ผมผละออกมา และเพราะว่าผมถอยมายืนขั้นบันไดที่สูงกว่าผม เลยทำให้ผมยื่นมือออกไปขยี้หัวมันได้อย่างง่ายได้ กันๆ ชักสีหน้าแล้วเอียนหัวหลบ

“เรากลับแล้วน้า~”

“รีบๆ ไปซะ” แน่ะไล่

“อ๋อไล่? งั้นนอนกับมึงดีกว่า ปะๆ ขึ้นห้องกัน” ผมเลิกคิ้วใส่ แล้วหันกลับเดินขึ้นบันได ไอ้กันรีบคว้าคอเสื้อผมไว้เลย ผมยิ้มล้อเลียน มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ท่าทางหนักอกหนักใจนะเราน่ะ

“โอเค กลับไปได้แล้ว” เสียงอ่อนลงเยอะเลย

“ยังไม่พอใจเลยอะ”

“มึงอยากเจ็บตัวใช่มั้ยวิป” ไม่พูดเปล่าแล้วคราวนี้ พุ่งเข้ามาล็อกตัวผมแล้วอุ้มขึ้นอย่างง่ายได้ ผมเองด้วยความตกใจก็รีบเกาะมันไว้ ไอ้กันอุ้มผมออกมาหน้าบ้าน ผมเบิกตากว้าง เฮ้ยๆ ถึงกับต้องเอามาโยนหน้าบ้านเลยเหรอ

“ถ้ามึงโยนกูออกจากบ้านอีกครั้งกูกัดหูมึงแน่” ผมยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ หูมัน ให้มันหวาดเสียวเล่นๆ

“ก่อนที่มึงจะได้ทำ กูก็จับมึงโยนออกไปแล้ว” พอเดินมาถึงประตูมันก็เตรียมพร้อมที่จะโยนผมทิ้ง ผมย่นจมูกใส่ ก่อนจะฉวยโอกาสนี้กดจมูกลงบนแก้มของมัน และเพราะอย่างนี้เลยทำให้ร่างหนาผงะ ลืมที่โยนผมทิ้งไปเลย ผมดิ้นๆ พอหลุดจากอ้อมแขนแกร่งได้ก็หันไปยักคิ้วให้

“ได้หอมด้วยแหละเหว่ย~ แอะๆ กลับแล้วดีกว่า” ผมโบกมือลาแล้วเดินลั้นลาออกมา ได้ยินแว่วๆ ว่าร่างสูงสบถด้วยความหัวเสีย

           มึงได้หลอนอีกนานแน่!




_________________________________________




ต้องขอโทษนะคะที่ไม่ได้อัพมานาน จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูดหรอกในความคิดเรา แต่บอกไว้หน่อยดีกว่า
ป๊าเราเพิ่งเสียค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็ได้แต่พยายามบอกตัวเองว่าโอเค มันโอเค ไม่เป็นอะไร
เพราะงั้นถ้าเกิดหายไปอีก อย่าเพิ่งหวั่นใจไปนะคะ
จิตใจก็ยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าอยู่บ้านเงียบๆ แล้วมันเหงา เลยมาอัพนิยายดีกว่า
อย่าเพิ่งหนีหายไปนะคะ อยู่ด้วยกันก่อนนะ :D



 :mew1: :mew1: :mew1:



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-04-2016 18:22:28
สู้ๆนะคะคนเขียน
ทุกอย่างจะดีขึ้น ทุกอย่างจะโอเคค่ะ
เป็นกำลังใจให้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 16-04-2016 21:02:19
 เรื่องรอนานนี่ปกติค่ะ บางเรื่องก็ช้ามากกก บางเรื่องก็ไวสุดดดด บางเรื่องกำลังดี เรื่องเวลานี่ไม่คิดมากเท่าไรขอแค่อย่านานจนลืมและอัพไม่จบเท่านั้นแหละค่ะ เพราะนิยายเขียนยากต้องใช้อารมณ์ เพราะฉะนั้นก็ขอให้กำลังใจคนเขียนแทนละกันค่ะ นิยายสนุกมาก พระเอกนี่ของแรร์ ใจแข็งจริงๆ เวลาง้อนายเอกขอให้ง้อนานๆนะคะ เอาให้สะอึกไปเลย หมั่นไส้ รักคนเขียนจุ๊บ! :z2:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-04-2016 21:44:23
เสียใจด้วยนะครับ สู้ๆนะครับ  พร้อมตอนไหนก็ค่อยมาลงต่อครับ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2016 22:14:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 17-04-2016 01:32:35
หน้ามึนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว......

ขำจนไม่รุจะพูดยังไง :hao6:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 17-04-2016 06:06:37
สู้ๆนะคะคนเขียนผ่านมันไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 17-04-2016 09:35:42
ยังไงก็ยังหมั่นไส้พระเอกอยู่ดี แต่ก็อยากให้วิปจีบให้สุดๆ ถ้าไม่ไหวยังไงก็ถอยออกมา ยังมีผู้ชายตั้ง 3 คนที่พร้อมดูเเลหนูนะลูก คนที่มันไม่สนใจยังไงก็อย่าฝืนให้เขามารักเลย ปล่อยเค้าไปเถอะ 555555555 เกลียดพระเอกแรง อยากเห็นเวอร์ชั่นตามง้อ ซึ่งจะมีวันนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้
ปล. คนแต่งสู้ๆค่ะ อย่าฝืน เรารอได้ แค่อย่าทิ้งเรื่องนี้ไปเนอะ สู้ๆ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-04-2016 14:02:04
สู้ๆๆๆน่ะ มาให้กำลังใจ ^^
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 17-04-2016 20:16:28
คนแห้วเป็นแถว กันๆมีอะไรดี
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: reyuhoce ที่ 17-04-2016 22:34:29
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า

กันนี่สารเลวจริงๆ ถ้าเรารู้ความจริงแบบนี้นะ เราไปเผาบ้านกันล่ะ ถ้าไม่ชอบกันจนทำขนาดนี้นะ
เอาคนอื่นมาเป็นพระเอกเถอะ อาร์คก็ได้  เป็นเรื่องไม่กี่เรื่องที่ทำให้เราอ่านรวดเดียวเลย

ปล. ที่กันจูบวิปเพื่ออะไรกันค่ะ ขอโทษทีอินจัด :katai5:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 17-04-2016 22:53:01
สู้ๆนะคะคนเขียนผ่านมันไปให้ได้ รอได้เนอะให้อารมณ์คงที่กว่านี้ค่อยมาแต่งต่อก็ได้ เรารอได้ว
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 17-04-2016 23:00:12
เป็นกำลังใจให้ สู้ๆนะคะ ^^v
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 18-04-2016 23:09:58
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ben10 ที่ 19-04-2016 11:58:46
สู้ๆนะค่าาา คนแต่ง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 22-04-2016 01:24:15
อยู่กับวิปคบประสาทแดรกตายสักวัน ต้องใช้ความอดทนเท่าไรถึงจะรับมือกับวิปได้  :mew5:


แต่งสนุกดีนะคะ รอๆ นะ สู้ๆ ค่า
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 13] [16 - 4 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 22-04-2016 09:05:51
น้องวิปกล้ามาก ว่าแต่กันๆ หวั่นไหวบ้างรึยังหนอ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
รอได้ค่ะ คนเขียนไม่ต้องกังวล
สู้ๆ นะคะ
 :กอด1: :mew1:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 07-05-2016 19:37:57


ตอนที่ 14



 
 
            [เอาจริงๆ กูก็ตกใจอะนะ แต่…ก็คิดๆ ไว้แล้วว่าอย่างมึงน่ะ…คงต้องแบบนี้แหละ]


            แบบนี้? แบบนี้คือแบบไหนอะหื้ออออ~


            ผมกำลังโทรคุยกับไอ้ตองเพื่อนตัวเตี้ยอยู่ แล้วก็เล่าเรื่องกันๆ หมาบ้าให้มันฟัง ไอ้ตองเงียบไปพักแล้วก็ตอบกลับมาอย่างที่เห็นนั่นแหละ ผมกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ที่เล่าให้เพื่อนตองฟังก็ไม่ใช่อะไรนะ เผื่อว่ามันมีความคิดดีๆ ในการจีบมาแนะนำบ้าง


            “จริงๆ ตอนแรกไม่ได้ชอบนะเว้ย”


            [แล้ว?]


            “พอชอบแล้วมันก็ชอบเลย”


            [พ่อง!] ด่าเราทำไม เราทำอะไรผิด


            “แล้วนี่…มึงมีวิธีเด็ดๆ บ้างมั้ย ให้กูเอาไปใช้เต๊าะกันๆ ไรงี้ อยากเห็นไอ้กันๆ เขินหน้าแดงแล้วมาซุกอกกูแบบเด็กผู้ชายตัวน้อยๆ” ผมเพ้อคนเดียวอยู่ในห้อง ถ้าไอ้หมาบ้ามันเขินแล้วทำอะไรอย่างที่ผมว่าจริงๆ คงจะน่ารักไม่น้อย คิดๆ แล้วอยากขยี้หัวมันอีกสักที


            [อึ๋ย!] แต่ดูไอ้ตองจะไม่เห็นด้วย เพราะมันทำเสียงแหยงๆ กลับมา เดี๋ยวเราตีปากแตกเลย
            “เราให้นายแนะนำเรานะ ทำเสียงแบบนั้นใส่หยาบคายมาก หักสิบคะแนน”
            [หักให้พ่อมึงปลูกป่าหรือไง]


            “กูวางละ” น้อยใจสาดด~ เพื่อนกันทำกันแบบนี้เหรอ ผมแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ไอ้ตอง หวังว่ามันจะรีบง้อแล้วคุยกับผมต่อ แต่ว่า…


            [เออ งั้นแค่นี้]


            “กูหายงอนแล้ว ไม่ต้องง้อเลย หายแล้ว คุยต่อนะตองจ๋า อะหื้อออ~” ผมล่ะอยากรู้ ทำไมไม่มีใครคิดจะง้อผมบ้างวะ ไอ้นานานั่นตัดไปได้เลย แม่คุณไม่เคยง้อใคร ที่มันมาขอโทษร้องห่มร้องไห้ใส่แบบนั้นถือว่ายิ่งใหญ่สุดๆ แล้ว ไอ้กันๆ อีกคน ไอ้นี่เลวร้ายสุด ไม่แคร์เราเลย เราเสียใจ


            [ว่ามา]


            “มีวิธีอะไรเด็ดๆ มั้ย”


            [กูไม่รู้ กูไม่เคยจีบใคร อืม…ทำกับข้าวให้กินมั้ย]


            “แต่กูทำกับข้าวไม่เป็นนะ”


            [งั้นก็ให้ปู่มึงทำไป ห่า!] ไอ้ตองพูดประชดกลับมา แต่ผมกลับหูตั้งตาโต เออใช่! ก็ให้ปู่ทำให้สิ ฝีมือทำกับข้าวของปู่ผมไม่มีใครสู้ได้อยู่แล้ว ปู่ทำอร่อยสุดยอด และผมก็ปิ๊งวิธีดีๆ ที่ทำให้กันๆ ยอมนั่งกินข้าวกับผมแล้ว



………………………..



            เช้า

            ผมลงทุนตื่นแต่เช้าเพื่อให้ทันเวลาที่ปู่ทำข้าวเช้า เพราะเราจะอ้อนวอนออดอ้อนให้ปู่ทำเพิ่มให้ ปู่ที่เดินลงบันไดมาเจอผมนั่งยิ้มแป้นรออยู่ก็มองผมแบบแปลกๆ


            “มึงต้องการอะไร”


            “ต้องการความรักอันอบอุ่นจากปู่ กอดหน่อย~” ผมถลาเข้าไปหา จะจีบผู้ชายแต่เสือกทำอะไรไม่เป็นก็ต้องลำบากปู่อันเป็นที่รัก ปู่แกทำหน้าแหยงๆ นะ แต่มือน่ะก็กอดผมตอบ แหมๆ คนแก่ปากไม่ตรงกับใจ รักเค้าเหมือนกันล่ะซี่ตัว~


            “มึงน่ารักแปลกๆ”
            “แน่นอน ผมทำตัวดีหวังผล”


            “หลานเลว!” ดู๊ว~ ดูปู่ด่า ทำร้ายจิตใจดวงน้อยๆ ของเราเหลือเกิน


            “โง้ยยยยย~ แค่จะให้ปู่ทำกับข้าวเพิ่มให้อีกชุดเอง แล้วก็ๆ ใส่กล่องแยกไว้ให้หน่อยน้าปู่น้า ของผมด้วยนะ แบบว่า…จะเอาไปกินบ้านเพื่อนน่ะ แล้วก็…ไปบ้านมันยังไงก็ต้องมีของฝากช้ะ เพราะงั้นเลยต้องทำเผื่อมันด้วย” ผมอ้อนเต็มที่ ทำตาวิ๊งๆ ใส่ด้วย ปู่ถอนหายใจเหมือนรำคาญแล้วดันผมออกห่าง จากนั้นก็เดินไปล้างมือเตรียมทำกับข้าว


            ผมยิ้มกว้างแล้วตามไปจุ๊บๆ ที่แผ่นหลังของปู่หลายที ถึงแม้ปู่จะไม่พูด แต่หลานรู้นะปู่ ว่าปู่จะทำให้น่ะ


            แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ปู่เตรียมไว้ให้เรียบร้อยเลย ทำเสร็จยัดใส่มือผมแล้วตบท้ายด้วยคำพูดเป็นห่วงเป็นใยหลานรัก
            ‘เอาไป แล้วไสหัวไปไหนก็ไป ไอ้ลูกหมา’


            ผมเดินลั้นลามีความสุขมาที่บ้านของไอ้หมาบ้า แน่นอนมันต้องอยู่บ้านอยู่แล้ววันหยุดสุดขี้เกียจแบบนี้ เพราะจากที่ไอ้นานาเล่ามา มันไม่ชอบออกไปไหนหรอกถ้าเพื่อนๆ มันไม่ได้นัด เพราะงั้น…อยู่บ้านแน่ๆ


            ถึงบ้านมันผมก็กดออดเรียก ลุงชมเจ้าเก่าเจ้าเดิมก็เป็นคนเดินมาเปิด ผมยกมือไหว้ลุงแกพร้อมฉีกยิ้มกว้าง แขนก็กอดกล่องข้าวที่ปู่ทำให้เอาไว้


            “ลุงค้าบ เรียกกันๆ มาให้หน่อยได้มั้ยครับ ขอร้อง~” ผมบีบตาอ้อน


            “เออๆ ไม่ต้องมาอ้อน ไม่ใจอ่อนให้หรอก” แล้วไอ้ที่เออๆ ตอนแรกคืออะไรง่ะลุง คำนี้ได้แต่คิดเอาไว้ในใจไม่ได้พูดออกไป ลุงชมเดินหายเข้าไปในบ้านเพื่อเรียกไอ้กันให้ตามที่ผมขอไป จริงๆ จะทำอย่างทุกทีหน้าด้านบุกเข้าไปเลยก็ได้นะ แต่คราวนี้ไม่เอา มิเอาๆ~


            ยืนรอกลางแดดอยู่สักพักร่างหนาคุ้นตาก็เดินออกมา สีหน้าเบื่อๆ เหมือนอย่างเคย แน่นอน น่ารักเหมือนอย่างเคยเลย ผมยิ้มกว้างปากแทบฉีกแล้วเดินดุ๊กๆ เข้าไปหา


            “มาบ่อยไปมั้ย”


            “ก็เพราะคิดถึงไง”


            “เฮ้อ…วันนี้มีอะไร” มันตัดบทไม่ยอมต่อ แหมๆ พอบอกคิดถึงล่ะทำเนียนไปเรื่องอื่น เขินเราหรือว่าอะไร~ ผมยื่นกล่องข้าวที่กอดอยู่ไปตรงหน้ามัน ร่างหนาขมวดคิ้วหน่อยๆ ก้มลงมามองของในมือ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสบตา


            “มาชวนกินข้าว”


            “กูไม่กิน” กันๆ ปฏิเสธทันทีอย่างไร้เยื้อใย ผมเตรียมใจมาแล้วว่าต้องเจอคำประมาณนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก ผมเชิดหน้าขึ้นไม่ยอม แล้วเริ่มมองด้วยแววตาข่มขู่


            “แต่มึงต้องกิน!”


            “กูไม่…”


            “คราวที่แล้วมึงปัดข้าวกูหล่นกระจายหมดเลยจำได้มั้ย ปู่กูอุตส่าห์ตั้งใจทำเพราะกูบอกว่าจะเอามากินกับเพื่อน นี่คราวนี้ปู่ก็ตั้งใจทำให้ใหม่ และถ้ามึงปฏิเสธหรือปัดทิ้งอีกมึงจะเป็นคนใจดำมาก! อย่าทำตัวไม่น่ารักต่อหน้ากูสิ”


            กันๆ หมาบ้ามันชะงักไปเมื่อผมพูดความจริงให้ฟัง แวบหนึ่งแอบเห็นว่าแววตามันฉายแววรู้สึกผิด แต่ก็เป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่ผมมั่นใจ ไอ้กันมันไม่ใช่คนนิสัยไม่ดีที่จะเมินไม่สนใจเรื่องที่ผมเล่าไปเมื่อกี้ และแน่นอนมันไม่ปฏิเสธอีกแน่ เอาผู้ใหญ่มาอ้างมันดีอย่างนี้แหละ อะหื้อออ~


            “ถ้าปู่กูรู้คงเสียใจแย่เลย”


            พรึ่บ


            “แค่นี้ใช่มั้ย” มันดึงกล่องข้าวออกไปจากมือผมแล้วถามแบบจะตัดปัญหา ผมยกนิ้วขึ้นมากระดิกส่ายไปมา


            “ไม่ใช่นะหื้อ ก็บอกแล้วไงว่าชวนกินข้าว กูจะนั่งกินกับมึงด้วย เพราะกูต้องมั่นใจว่ามึงไม่ได้เอาไปทิ้งอีก มามะกันๆ กินข้าวกันดีกว่า” ว่าจบผมก็ลากมันเดินออกมาที่โต๊ะในสวน ขอบคุณบ้านมึงมากๆ ที่ทำโต๊ะอยู่ในที่ร่ม ไม่งั้นได้กลายเป็นเนื้อย่างกันก่อนแน่


            “นั่งเลยๆ” เชื้อเชิญเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง ไอ้หมาบ้าก็หน้าตึงแล้วหน้าตึงอีก แต่ผมไม่สนใจ เปิดกล่องข้าวสำหรับของมันและของผมออกมา พี่ท่านก็ลงมือทานไปแบบเงียบๆ เหมือนว่ารีบๆ กินแล้วให้ผมรีบๆ กลับไปซะ


            “เป็นไง อร่อยมั้ย”
            “อืม” ไอ้กันตอบกลับมาแค่นั้นแล้วกินต่อ ไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมสักนิด


            “เนี่ยๆ ปู่กูจะทำกับข้าวให้กินทุกวันเลย ฝีมือปู่น่ะอร่อยที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าปู่จะขี้บ่นไปบ้าง แต่จริงๆ ปู่ใจดีนะ” ผมก็แพล่มของผมไปเรื่อยๆ ตามนิสัย ร่างหนาก็ไม่สนใจตามนิสัยเหมือนกัน ผมเลยถอดใจที่จะชวนคุยอะไรต่อ


            นั่งมองมันกินไปแล้วก็อมยิ้มไป น่ารักอะ! หน้าโหดๆ ของมันกำลังก้มลงไป ผมด้านหน้าก็ตกลงมาบังนิดหน่อย ผมเท้าคางนั่งมอง ข้าวของตัวเองที่วางอยู่ตรงหน้าหมดความน่าสนใจไปในทันที


            ไม่ต้องมีใครบอกก็รับรู้เองได้ว่าสายตาของผมในตอนนี้มันต้องดูเพ้ออยู่แน่ๆ แต่กันๆ ของผมมันน่ารักจริงๆ นะ ไม่รู้ดิ แค่มองก็รู้สึกว่ามันน่ารักแล้ว ผมมองไล่ตั้งแต่ดวงตาดุๆ นั่น จมูกโด่งสวยน่าอิจฉา และเลื่อนลงมาหยุดที่ริมฝีปากสวยที่กำลังอ้าออกเพื่อกินข้าว มองมันเคี้ยว มีบางครั้งที่ปลายลิ้นหนายื่นออกมาเลียริมฝีปาก


            กึก


            “มองอะไร” ร่างหนารับรู้ได้ถึงสายตาเพ้อคลั่งก็ทนไม่ไหวต้องเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วถาม
            “มองปาก”
            “ทำไม”
            “คิดว่าอยากจูบ”


            !!


            กันๆ ผงะตกใจ ไม่คิดว่าผมจะพูดตรงๆ อย่างนี้ อยากจูบ…จริงๆ นะ ความรู้สึกนี้แวบเข้ามาทันทีที่จ้องริมฝีปากสวยๆ ของมัน เจ้าตัวพอตั้งสติได้ก็ดึงหน้าไม่ชอบใจ แต่ผมไม่สน


            หมับ


            “เลอะน่ะ” ผมยื่นมือออกไปเช็ดขอบปากที่เลอะมันหน่อยๆ ให้กับร่างสูง ไอ้กันผงะไปอีกครั้ง โอ้ยพ่อ! จะน่ารักไปไหนหืม แค่นี้ก็ชอบจะแย่อยู่แล้ว ผมฉีกยิ้มให้ แล้วยืนขึ้นโน้มตัวเข้าไปหา


            “ขอจูบทีนึง”
            “ไปไกลๆ”
            “เร็วๆ อย่าดื้อ”


            “ไอ้วิป!” มันขึ้นเสียงใส่เมื่อผมไม่ยอมทำตาม แต่ ณ ตอนนี้ขอบอกไอ้วิปไม่สนใครหน้าไหนแล้ว ผมโน้มใบหน้าลงไปแล้วกดริมฝีปากของตัวเองลงกับริมฝีปากสวยๆ นั่น รับรู้ได้ว่าร่างหนาเกร็งตัวขึ้นมาหน่อยนึง ผมค้างไว้แบบนั้นแล้วผละออกมาทั้งๆ ที่ใจไม่อยาก


            คือ…ใช้ลิ้นนี่ต้องทำไงง่ะ


            “ไอ้วิป…” เสียงเครียดแค้นดังขึ้นมา ผมที่ยังไม่ดึงหน้ากลับออกมา เพียงแค่ผละออกจากริมฝีปากเท่านั้นก็กำลังสบตากับดวงตาดุจัดนั่นในระยะประชิดแบบสุดๆ ผมกะพริบตาปริบๆ ใส่มัน


            “คือ…ต้องทำไงต่อวะ”
            “ห้ะ!”
            “เดี๋ยวๆ อันนี้ยังไม่ได้ศึกษามา”


            “ถ้างั้นมึงก็กลับไปนั่งดีๆ ซะ ก่อนที่กูจะเตะมึงออกจากบ้าน อย่าให้กูหมดความอดทนนะ เอาหน้ามึงกลับไป” มันกดเสียงเข้มใส่จนแทบจะกัดฟันพูดอยู่แล้ว แหมๆ ตัวเอง รู้สึกนายจะควันออกหูน่าดูเลยนะ แค่จูบเอง


            “หงุดหงิดทำไม แค่จูบเอง”
            “…”
            “โด่ว~ อ่อนอะดิแค่จูบก็กลัว”
            “สัสวิป!”


            “น้องกันๆ ขี้กลัว”


            หมับ!
            “คนที่แม้แต่จูบไม่เป็นอย่างมึงน่ะ อย่าได้อวดเก่งมาว่าใครเขา!”
            อุ๊บ!


            มันจูบเฮ้ยยยยย!!!

            พระเจ้าช่วย!! ใช่! พระเจ้าช่วยสุดๆ เลยล่ะ ไอ้วิปไม่นึกไม่ฝันว่าหมาบ้าตัวนี้มันจะขึ้นง่ายขนาดนี้ เพียงแค่เอ่ยปากแซวมันนิดหน่อยเท่านั้น พี่ท่านก็หัวเสียคว้าคอผมเข้าไปจูบเอาคืน ณ วินาทีที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน บอกตามตรงว่าผมตกใจมาก ตาเบิกค้าง เกือบจะผลักมันออกแล้ว แต่ว่านาทีทองนาทีฟินแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ


            เพราะงั้นผมเลยยั้งตัวเองไว้ได้ทัน ขอบคุณครับ!


            ไอ้กันมันหัวเสียผมรู้ ที่จูบไม่ใช่เพราะพิศวาสอะไรผมหรอก แต่ต้องยอมรับว่าฟินจริงๆ ริมฝีปากสวยๆ ที่บดขยี้ลงมามันช่างดุดันเสียจริง ก้อนเนื้อในอกผมเต้นรัวๆ ด้วยความตื่นเต้น ปลายลิ้นร้อนยื่นออกมาตวัดชิมริมฝีปากของผม คล้ายกับว่าในตอนนี้ร่างสูงกำลังสอนผมอยู่ว่าจูบที่แทนจริงมันคือยังไง


            “อื้ม”


            ไม่จบเพียงแค่ไล้เลียอยู่ที่กลีบปาก ไอ้หมาบ้ามันสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากผมด้วย! มือหนาก็ล็อกคอผมไม่ยอมให้ผละหนี ถ้ามีโอกาสก็อยากจะบอกพี่ท่านเหมือนกัน เราไม่หนีหรอก จูบเล้ย! เต็มที่!


            ความรุนแรงที่ส่งผ่านมาเป็นตัวบอกได้ดีว่าไอ้หมาบ้ามันหัวเสียแค่ไหนที่โดนหยามไป ดวงตาผมเริ่มปรือลง มันเคลิบเคลิ้มอย่างน่าประหลาดใจ ความนึกคิดที่มีอยู่น้อยนิดกำลังบอกให้ผมตอบสนองกลับไป แต่…เค้าเคลิ้ม เค้าไม่มีแรงงง~


            ร่างหนาที่เห็นผมถูกต้อนจนไม่มีทางสู้แบบนี้ก็ดูเหมือนจะพอใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง รุกไล่บังคับให้ผมส่งลิ้นไปเกาะเกี่ยว แต่…ด้วยความที่ผมไม่เป็น! มันเลยดูเงอะๆ งะๆ ซะจนน่าขำ!


            “อาห์…” เสียงร้องครางนี้หลุดออกจากปากผมทันทีที่ร่างหนาผละออกไป เรี่ยวแรงหายไปในแบบที่ต้องกลับมานั่งหอบหายใจอยู่ที่เดิม ไอ้กันยิ้มเยาะแล้วกลับไปนั่งกินข้าวน่าตาเฉย


            คงคิดว่าปราบไอ้วิปคนนี้จนสิ้นฤทธิ์แล้ว


            เปล่าเลยพวก! กูหายใจแป๊บ เดี๋ยวเจอกัน


            ผมนั่งลูบหน้าลูบตา โง้ย~ หน้าร้อนอะ เขินเว้ยไอ้บ้าเอ้ย~ มีอย่างที่ไหนเอาคืนด้วยการจูบคืน นี่มันเรียกว่าคืนกำไรให้กูชัดๆ เลย ผมเหลือบตาขึ้นไปมอง แอบเห็นว่าไอ้หมาบ้าเองก็มองผมอยู่ ริมฝีปากสวยยิ้มเยาะให้ผมอีกครั้ง หนอยยย~ กูไม่กลายเป็นเด็กดีเพราะแค่มึงจูบหรอก


            “นี่…”


            “อะไร”


            “มันก็…โอเคนะ” เมื่อเรียกสติที่หายไปเมื่อสักครู่นี้กลับมาได้แล้ว ผมก็วางมือลงบนโต๊ะแล้วยืดตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ไอ้คนที่นั่งกินข้าวด้วยความสบายใจก็คิ้วกระตุก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมอารมณ์ที่กลับไปขุ่นมัว


            “มันโอเคเลย อีกทีก็ได้นะ”


            “อย่าฝัน” หมาบ้าตอบกลับมาเสียงเรียบ ผมเบะปากใส่ ก็พอรู้อยู่แล้วว่าต้องตอบแบบนี้ ผมยักไหล่ ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยไปเต๊าะเอาทีหลัง พอจะจับจุดได้บ้างแล้ว มันไม่ชอบให้ไปหยามมันครับ มันจะของขึ้น แหมะ…แถมขึ้นง่ายซะด้วยนะพ่อ เล่นง่ายเลยทีนี้


            หยุดเต๊าะกันๆ สักแวบเพื่อกินข้าว อย่างน้อยๆ มันก็ยังมีน้ำใจนะ กินเสร็จแล้วแต่ยังไม่ลุกไปไหน ผมเลยตอบแทนด้วยรอยยิ้มหวานๆ ซึ่งเจ้าตัวดูไม่ค่อยอยากรับเท่าไหร่


            นี่ก็แอบคิดนะ ที่ไม่ยอมลุกออกไปเพราะจะนั่งคุมผมไว้ไม่ให้เดินเพ่นพ่านในบ้านมันหรือเปล่า แบบผมกินข้าวเสร็จแล้วจะได้จับโยนออกจากบ้านทันทีอะไรแบบนี้


            “นี่กันๆ”


            “อะไร”


            “เมื่อไหร่จะชอบกูสักที”


            “ไม่มีวัน”


            “ถ้ามีขึ้นมามึงหน้าแตกเลยนะ” เฮ้ยๆ เค้าเปล่าทำให้ตัวเองโกรธนะ อย่ามองเค้าแบบนั้นสิ เค้ากลัวนะตัวเอง แหม เล่นมองกันอย่างกับจะเข้ามาขย้ำหัวแน่ะ ไม่เอานะไม่เอา


            “นี่วิป”


            “จ๋าจ้ะ” เสียงอ่อนเสียงหวานได้อีก ไอ้กันส่ายหน้าปลงๆ แหมๆ มึงเองก็ควรจะทำใจให้ชินได้แล้วนะ เพราะยังไงมึงต้องอยู่กับกูอีกนาน นานจริงๆ นะ กูเกาะไม่ปล่อย จีบแล้วจีบเลยไม่เลิก


            “เมื่อไหร่จะเลิกจีบกูสักที”


            “ถ้าไม่อยากให้กูจีบ มึงก็รักกูดิ กูจะได้ไม่ต้องจีบอีก!” ผมสวนกลับไป ร่างหนาผงะไปนิดเมื่อเจอตอกกลับด้วยเสียงที่ดังกว่า ผมยิ้มแล้วเอ่ยต่อ “แต่จะเปลี่ยนไปให้ความรักกับมึงแทน จะดูแลอย่างดีเลย สัญญา” ชูนิ้วก้อยให้อีกด้วย นี่จีบหลายจีบแล้วนะวันนี้


            “กูปวดหัว” ไอ้หมาบ้ามันพึมพำกับตัวเอง เก็บกล่องข้าวส่งคืนให้ผมแล้วจะลุกหนี แต่ใครจะยอมเล่า! ผมคว้าแขนหนาไว้เมื่อมันจะเดินผ่านไป ส่งสายตาอ้อนๆ ขอร้องให้อยู่ต่อ ที่มานี่เพราะอยากเจอเลยนะ อยากคุยด้วย


            “นี่อ้อนแล้ว อยู่ต่อก่อนนะ นะๆ คนดี~”


            “กูจะไม่อยู่ก็เพราะไอ้คนดีของมึงเนี่ยแหละ ปล่อย!” กระชากแขนกลับไป ผมหน้าหงอย คิดว่ามันจะไม่ยอมอยู่ต่อ แต่แล้วก็ต้องหลุดยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อร่างสูงเดินกลับไปนั่งที่เดิม


            “น่ารักจริงๆ เลยกันๆ~”


            กินข้าวเสร็จผมก็ยังไม่กลับบ้านนะ ยังตามติดเป็นเงา ไม่ว่ามันจะไปทำอะไรผมก็เกาะติดไปด้วย วันๆ หนึ่งของไอ้กันๆ ก็ดูมีอะไรทำให้เยอะดีนะ เดี๋ยวอ่านหนังสือ นั่งทำรายงาน พักไปดูหนัง เดินลงมาชมนกชมไม้ช่วงเย็น


            ทั้งหมดนั้นทำไปโดยมีผมนั่งเป็นสิ่งของประกอบฉากอยู่ข้างๆ แอ๊ะแอ๋~


            มันชอบหรือเปล่าผมไม่รู้นะ แต่ผมชอบเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้ ถึงมันจะเปิดปากพูดกับผมบ้างไม่พูดบ้างก็เถอะ (ส่วนมากก็ไม่พูดอะนะ) แต่ก็มีความสุขดี เข้าใจเลยเวลาที่คนเขาบอกว่าแค่อยู่ใกล้ๆ ก็มีความสุข เนียนๆ ไปกระแซะใกล้ๆ หลายครั้งอยู่นะ แต่โดนดีดออกมาตลอด


            “เย็นแล้ว กลับบ้านมึงไปได้แล้ววิป”


            เดินชมนกชมไม้ยามเย็นไปเรื่อยๆ พอมาหยุดอยู่ที่โต๊ะตัวเมื่อเช้าที่นั่งกินข้าวด้วยกัน ร่างหนาก็หันกลับมาเอ่ยปากไล่ผมอีกครั้ง กันๆ นี่มันชอบต้นไม้จริงๆ นะ แบบเดินวนรอบๆ บ้านได้ตั้งนานสองนาน แถมทำสีหน้าผ่อนคลายอีกด้วย เอาต้นไม้เป็นเมียเลยมั้ยหืมคนดี


            “ห่วงกูใช่มั้ยไม่อยากให้เดินกลับมืดๆ งี้”


            “เปล่า เบื่อหน้ามึง”


            ขอบคุณครับ


            “จริงๆ จะกลับก็ได้นะ” ผมโดดดึ๋งๆ(?) ไปยืนตรงหน้า เอามือไพล่หลังแล้วฉีกยิ้มให้ ไม่ต้องมีใครมาบอกก็รับรู้ได้ว่ารอยยิ้มของตัวเองนั้นมันโคตรเจ้าเล่ห์เลย ร่างหนาตรงหน้าหรี่ตามองแบบไม่ไว้ใจ ใจอยากก้าวถอยหลังหนีแต่ก็กลัวจะโดนด่าว่าไม่กล้าอีก


            “มึงต้องการอะไร”


            “แหมรู้ใจ เป็นแฟนกันเลยเถอะ” หยอดอีกหนึ่งเม็ดก่อนกลับบ้าน ร่างสูงทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วจะหันหนี ผมนี่ร้อนรนรีบจับมันหันกลับมา ยิ้มตาหยีไปให้ในแบบที่คิดว่าน่ารักที่สุดแล้ว


            “ขอกอดทีนึงให้ชื่นใจ”


            “ขอมากไป” คนไร้เยื้อใยมันเป็นแบบนี้โปรดดูไว้ ไอ้เราก็พอรู้อยู่แล้วว่าต้องบอกว่าไม่ได้ แต่ไม่ยอมง่ะ เราไม่ยอมเราจะเอา ผมเชิดหน้าสู้ กอดอกด้วยท่าทางเป็นต่อ


            “ไม่ให้ก็ไม่กลับ”


            “ไอ้วิป!”


            “เลือกดิ ไม่กลับจริงๆ นะ จะเกาะติดไม่ปล่อย เข้าห้องน้ำก็จะเสนอหน้าเข้าไปอยู่ด้วย เวลานอนก็จะบุกเข้าไปถึงเตียง จับโยนออกนอกบ้านก็จะปีนเข้ามาหา เอาให้หลอนนอนไม่ได้กันไปเลย” ไม่ได้ขู่นะ เราเอาจริงนะบอกไว้ก่อน ร่างหนากัดฟันกรอด ดูก็รู้ว่าหงุดหงิด แล้วไง? ใครแคร์ เราจะกอด!


            “เอาไงๆ”


            “…”


            “กูโอเคนะ อยู่กับมึงนานๆ กูชอบ”


            “เฮ้อ…รีบๆ กลับไปซะ”


            หมับ!


            และในที่สุดมันก็เลือก…เลือกที่จะมอบอ้อมกอดอุ่นๆ ให้กับผม ร่างหนาดึงตัวผมเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นนั่น ผมตาโตยิ้มแก้มแทบฉีก ยกแขนกอดรัดร่างกายแกร่งตอบอย่างแนบแน่น สูดกลิ่นหอมที่ผมชอบจากตัวของมันเข้ามาเต็มปอด หน้าก็ซุกอยู่กับแผ่นอกล่ำๆ นั่นพอดี


            “ปล่อยได้แล้ว”


            “ขออีกนิดนึง”


            ได้ทีต้องเอาให้คุ้มดิ ไอ้หมาบ้าถอนหายใจแต่ก็ยอมให้ผมกอดต่อไปเรื่อยๆ มีใจให้เราหรือเปล่า~ แต่ผมว่าไม่น่าใช่นะ น่าจะอารมณ์แบบ…รีบๆ กอดแล้วรีบๆ กลับไปสักทีอะไรแบบนี้


            “ชอบมึงนะกันๆ”


            “จะพูดทำไม”


            “เอาให้ซึ้ง แล้วมาชอบกูตอบได้แล้ว”


            “หึ! มึงอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย” ในตอนนี้ไอ้กันไม่ได้กอดผมอยู่นะ แค่ยืนเฉยๆ เป็นหุ่น ทำตัวเป็นผู้ถูกกอดอยู่ คำพูดแต่ละคำของมันนี่น่าจับมาตีปากจริงๆ ไม่ให้กำลังใจแล้วยังตัดเยื้อใยกันอีก แน่นอนกูหลงตัวเอง!


            แต่เดี๋ยวอีกหน่อยมึงก็หลงกู แอ๊ะแอ๋~


            พรึ่บ


            “พอละ เต็มอิ่มแล้ววันนี้ พรุ่งนี้เจอกันใหม่น้า” ผมผละออกมา จากนั้นก็โบกมือบ๊ายบ่ายด้วยท่าทางที่คิดว่าน่ารัก แถมไปอีกด้วยการยิ้มให้จนปากแทบฉีก ตาหยีกันเลยทีเดียว


            “หึ” เสียงหัวเราะเบาๆ หลุดออกมาจากคนตรงหน้า ผมยืนอึ้งไป มันแค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่ไอ้หมาบ้าจะดึงหน้าโหดเหมือนเดิม


            มีหลุดขำด้วยเว้ย~


            “ไปแล้วนะ”


            “เออ ไปสักทีเหอะ”


            ทำเป็นไล่ด้วยหน้าโหดๆ เมื่อกี้ยังขำเราอยู่เลย ไอ้ขี้เก๊ก! โด่ว!


____________________________________



 :mew1: :mew1: :mew1:



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Disthaporn ที่ 07-05-2016 20:03:32
ใช่ค่ะ ชอบมามีหน้าเเตกเลยนะ5555555555 จะรอซื้อไม้กวาดมากวาดเศษหน้ากันๆนะคะ :katai3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 08-05-2016 05:43:29
กันๆไม่ชอบแต่ยอมทำให้และให้ทำ เหมือนให้ความหวังเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 08-05-2016 06:03:40
เราว่ากันๆต้องมีรู้สึกไรบ้างดิวะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 08-05-2016 07:54:08
สนุกมากค่ะ ตอนนี้ลุ้นไปกับวิปมาก ช่วงเศร้าก็อินมากด้วย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 08-05-2016 12:39:59
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-05-2016 15:00:38
อร๊ายยย.  กันๆ จูบคืนคือไร 555555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 08-05-2016 21:30:43
ทำมาเป็นรำคาญเค้า วันนึงนังวิปไปอี๋อ๋อกับคนอื่นแล้วเห็นมายืนเศร้าจะหัวเราะให้ ฮึ!
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ป๋า ที่ 10-05-2016 23:46:13
กันๆแมร่งซึน!!!!!!  :katai3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ben10 ที่ 13-05-2016 04:05:16
กัน ไม่รู้สึกไรกับวิปจิงดิ๊ คนเขียนนนน เค้าอยากเห็น ผข.คนอื่นนอกจากมาร์คจีบวิปปปป อยากเห็นอิกันมันหึงงงงงงงงงงงงงงงงงง เลิกเล่นตัวแล้วรักวิปตอบซ่ะ555 :impress2:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 13-05-2016 08:55:59
 o13
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 13-05-2016 09:36:45
เพิ่งได้เข้ามาอ่านนน โอ๊ยยยย น่ารักกกก คือแรกๆนี่น้องวิปน่ารักนะคะ คือดูน่ารัก ไม่รู้จะบอกยังไง พี่หันก็ดูโอเค ดูมีใจอ่ะ 55555 แต่แบบ พอได้เจอน้องนานาปุ๊บนี่ด้านมืดเริ่มออกเหรอคะ ฮืออออ สงสารน้องวิปมากกกกกกกกก แต่เราว่ามันก็เข้าใจได้อ่ะ น้องวิปก็ทำถูกแล้วนะคะที่ถอยออกมาอ่ะ ก็บอกเองว่าจีบให้เพื่อน แต่ตอนนั้นนี่เราแอบสงสัย พี่กันแกจูบแล้วถามว่าจีบให้เพื่อนหรือจีบเอง สงสัยคำตอบที่ได้ไม่ถูกใจแกเลยโกรธ นี่คือการประชดสินะะะ แงงงงง คนบ้า! น้องร้องไห้ไปกี่ลิตรคะะะะ แต่ดีนะคะที่น้องนานาไหวตัวทัน ไปบอกความจริงก่อน ไม่งั้นน้องวิปได้เอฟระนาวแน่เลย ไม่มีกำลังใจอ่านหนังสือ แต่ความจริงนี่น้องวิปเป็นคนเสน่ห์แรงหรืออะไรคะ น้องร้องไห้นี่มีผู้ชายมาปลอบ 2 คนเลย แอร๊ยยยย แต่สารภาพว่าตอนน้องนึกชื่อไม่ออกเราก็นึกไม่ออกเหมือนกันค่ะ อารมณ์แบบ เออ ชื่อไรนะ เหมือนจะจำได้แต่ก็ไม่ 5555555 แต่พี่พลุก็ดูโอเคนะคะ ถ้าแกไม่ใช้ความรุนแรง ฮือออ พี่ซานเรายังกึ่งๆ แต่คิดว่าแกก็คไปชอบคนอื่น ส่วนพี่อาร์คเราเชียร์ให้คู่กับน้องตองค่ะะะะะะ แอร๊ยยยย ส่วนน้องวิปก็สู้ต่อไปนะคะ ขอให้ประสบความสำเร็จค่ะ แต่ความจริงในใจลึกๆเราแอบคิดว่าน้องวิปควรถอยห่างบ้างอ่ะ เราก็ไม่รู้ว่าพี่กันมีอะไรในใจมากกว่าแค่รำคาญรึเปล่า เพราะดูไปแกก็รู้สึกดีกับน้องอยู่ เราสับสนนน แต่ก็ยังยืนยันค่ะ เราว่ามันต้องมีบางเวลาที่ควรถอยห่างออกมาบ้างอ่ะ ตอนนี้มันอาจจะยังไม่ถึงเวลานั้นเพราะมันยังดูคลุมเครือ แต่ก็หวังว่าน้องวิปจะจีบสำเร็จนะคะะะะะ

ปล. เรางสัยนิดนึงอ่ะค่ะ คือน้องนานาเป็นเพื่อนน้องวิป พี่กันเป็นรุ่นพี่ 1 ปี แล้วทำไมพี่กันกับน้องนานาเคยเรียนห้องเดียวกันอ่ะคะ? เอ๊ะ หรือเราอ่านผิด เออ อาจจะแค่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน แงงงง เดี๋ยวว่างๆไปอ่านใหม่นะคะะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 14] [7 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 13-05-2016 13:00:53
กันๆ ทำเหมือนมีใจเลย
 :katai1:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 15-05-2016 15:52:45



ตอนที่ 15
 


 
          เรื่องที่สำคัญสำหรับผมในตอนนี้ นอกจากจีบหนุ่มใกล้บ้านแล้ว ยังต้องตั้งใจเรียนด้วย แน่นอน! เห็นแบบนี้ก็ตั้งใจเรียนนะครับ ไอ้นานาเพื่อนรักคนสวยก็เช่นกัน ไอ้นั่นมันเรียนเก่งอยู่แล้ว แต่คนสมองที่เกือบๆ จะเป็นญาติกับขี้เลื้อยก็ต้องพยายามขยันอ่านหนังสือนิดนึง


          นี่ถึงขั้นหักห้ามใจไม่ให้พุ่งตัวไปบ้านไอ้หมาบ้าเลยนะ สอบย่อยในคราวนี้เราต้องทำให้ดีที่สุด นี่ก็นั่งมายาวเลยนะตั้งแต่สองทุ่ม จนตอนนี้เลยเที่ยงคืนไปแล้วนิดหน่อย


          แต่ดูๆ แล้ว ทำไมเหมือนอ่านไปได้มี่กี่หน้าเองวะ?
          คิดไปเองมั้ง


          ก๊อกๆๆ


          “ไอ้วิป”
          “จ๋าปู่”
          “เปิดประตูหน่อย”


          ปู่นี่ก็ไม่ยอมหลับยอมนอน คนแก่ควรพักผ่อนนะครับ ผมลุกไปเปิดประตูให้ปู่ กำลังจะอ้าปากถามเลยว่ามีอะไร แต่ปู่ก็ยื่นของให้มือมาให้ซะก่อน มองของที่ยื่นมาแล้วก็แทบจะเบะปากร้องไห้ ซึ้งง่าปู่ ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังเอามาให้อีก


          “นมกับขนม เอาไว้เผื่อหิว”


          “ปู่อ่า~” นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องรับของจากปู่นะจะพุ่งเข้าไปกอดแล้ว ผมรับมาแล้วเอาไปว่างแล้วค่อยเดินกลับไปกอดปู่ ใจดีอะไรอย่างนี้ มีการเอาของกินมาให้ด้วยกลัวเราหิว


          “กอดทำไมเนี่ย อึดอัด”


          “รักปู่~ รักๆ” ผมรัดร่างปู่แน่นขึ้นไปอีก คนแก่ของเราก็ฟอร์มจัดนะ พยายามจะดันผมให้ออกห่าง แต่ดันได้จริงจังมาก แรงแค่นี้มดมันยังไม่กระเด็นเลยปู่ อยากกอดเค้าเหมือนกันก็บอกมาซี่


          “จริงๆ ปู่ควรจะนอนได้แล้วนะ” เมื่อกอดจนพอใจผมก็ผละออกมา มันดึกแล้วไง ผมเองก็เป็นห่วงปู่อยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าปู่จะดูแข็งแรงดีก็เถอะ แต่ยังไงก็อายุมากแล้ว ควรพักผ่อนให้เพียงพอนะปู่นะ คนแก่ที่รักของผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เมื่อผมบอกไปแบบนั้น


          “เดี๋ยวไอ้ลูกหมามันไปรื้อครัวหาของกินตอนดึก เช้ามากูต้องไปนั่งเก็บเศษซากอารยธรรมของมึงอีก” เหมือนจะรักกันเลยเนอะปู่เนอะ


          “เค้าสัญญา เค้าจะไม่รื้อ ถ้ารื้อก็จะไม่ให้รก”
          “หลานเวร”


          “ปู่ไปนอนได้แล้ว ดึกมากแล้วนะ” ผมดันๆ ตัวปู่ให้เดินกลับห้อง แต่ปู่แม่งดื้อ! ยื้อตัวเองไว้อีก นี่อย่าให้หลานต้องโหดนะเว้ย เดี๋ยวเล่นบทโหดแล้วปู่จะเสียใจนะ ไปฝึกบทโหดกับไอ้หมาบ้ามาเยอะ เพราะงั้นสมจริงแน่นอน


          “เดี๋ยวลงไปล้างจานแล้วปิดบ้านให้เรียบร้อยก่อน มึงก็ตั้งใจอ่านหนังสือไปเถอะ ส่งให้เรียนก็เรียนให้ดีๆ หน่อย ไม่งั้นจะส่งไปอยู่ป่ากับพ่อมึง” แหมะ…พ่อจะเอาผมมั้ยนี่ลองไปถามก่อนดีกว่านะ


          “ค่อยล้างพรุ่งนี้ก็ได้มั้งปู่”


          “ไม่กี่ใบเอง กูไม่กวนละ ตั้งใจอ่านล่ะ”


          “ค้าบบบบบ~” ผมยิ้มทะเล้นใส่ ปู่แก่ส่ายหน้าหน่ายๆ แล้วเดินลงบันไดไป ผมปิดประตู หันกลับมามองนมที่ปู่เอาขึ้นมาให้แล้วก็ยืนยิ้มอยู่อย่างนั้น โคตรรักปู่เลย ดูแลดีทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะชอบพูดเหมือนไม่รักกันก็เถอะ คนปากแข็ง!


          โครม!!
          เพล้ง!!!


          !!


          เสียงอะไร!


          ผมชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบแก้วนมขึ้นมาดื่มเพราะเสียงที่ดังมาจากข้างล่างนั่น ทั้งบ้านมีแค่ผมกับปู่สองคน ไม่ใช่ผมก็ต้องเป็นปู่นั่นแหละ มีเสียงมาแต่ยังไม่ได้รู้ว่าเพราะอะไรผมก็ใจหายไปก่อนแล้ว


          ผมรีบเปิดประตูออกไปดู วิ่งลงมาบันไดมา แล้วสิ่งที่เห็นก็เล่นเอาเข่าแทบทรุด ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด รีบพุ่งตัวเข้าไปหาร่างของปู่ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น


          “ปู่!! ปู่!”


          มือผมสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ กวาดสายตามองพื้นที่รอบตัว ตู้โชว์สุดรักของปู่ที่ล้มลง แล้วนั่น…แจกันของแม่ ฉิบหายละ แต่ช่างแม่งไปก่อน ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงน่ะคือปู่ผม


          ผมพลิกตัวปู่กลับมา เรียกยังไงปู่ก็ไม่ตอบไม่รู้สึกตัวเลย แถมที่ศีรษะของปู่ก็มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ใจผมแม่งยิ่งร้อนรนไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี เพียงเวลาไม่กี่วินาทีที่ผมกวาดสายตามองสำรวจรอบๆ ตัว นั้น ในหัวผมมันเสือกคิดไปถึงเรื่องไม่ดีขึ้นมา คิดไปว่าเกิดปู่เป็นอะไร ผมจะทำยังไง


          “ปู่…ฮึก…”


          สติ! มึงต้องมีสติวิป


          แต่…ไอ้เหี้ย! กูควรจะทำอะไรก่อนดีวะ มันรนไปหมด เข้าขั้นสติแตก


          “โทรศัพท์…” ผมพึมพำอย่างนึกขึ้นได้ ปาดน้ำตาออกจากหน้าแล้ววิ่งขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกหาคนที่ผมคิดถึงเป็นคนแรก แล้วก็วิ่งกลับลงมาหาปู่ด้วย


          “รับสิ ฮึก…รับสิวะ”


          แกร๊ก


          [ฮัลโหล มึงโทรมาทำไมดึกๆ วะ]


          “ฮึก นา…ปู่อะ ฮึก ปู่ล้ม…ใช่ น่าจะล้ม แล้วก็…แล้วก็มีเลือดด้วย ฮึก…ไอ้นา กูจะทำยังไงดี กู…” ผมพูดออกไปเท่าที่จะนึกได้ ร้องไห้จนฟังไม่เป็นคำแล้ว


          [เดี๋ยวๆ ช้าๆ ไอ้วิป ปู่เป็นอะไร มึงใจเย็นๆ ก่อน]


          “เย็นเหี้ยไร!! ฮือออ ปู่เลือดออกนะ! มึงอ่า…กู…กู…เหี้ย! กูสั่นไม่หยุดแล้วเนี่ย” ผมโวยใส่มันลั่นบ้าน ไม่เกรงใจบ้านข้างๆ แล้วในตอนนี้ กูตั้งสติโทรหามึงได้ก็ดีเท่าไหร่ละ


          [เออ! มึงใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ พูด กูฟังมึงไม่รู้เรื่อง ปู่เลือดออก เลือดออกยังไง เป็นอะไร] มันพยายามพูดให้ผมใจเย็นลง ถ้าเป็นเวลาปกตินะ ไอ้นานาจอมเหวี่ยงคนนี้ไม่มีหรอกที่จะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบนี้ถ้าเกิดเจอผมโวยใส่น่ะ


          “ฮึก…ปู่ล้ม แต่…กูไม่รู้! หัวปู่เลือดออก แล้วปู่ไม่ยอมตื่นด้วย ฮืออออไอ้นา กูทำยังไงดี” สติแตกเต็มขั้นแล้ว ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างเครียดจัด เดินวนไปวนมารอบๆ ตัวปู่ เผลอไปเหยียบไอ้เศษแจกันสุดรักของแม่เข้าแต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย


          [แล้วทำไมมึงไม่โทรเรียกรถพยาบาล!! ควาย! โทรเรียกเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่พาปู่มึงไปโรงบาลก็โทรเรียกมา แล้วหยุดสติแตกซะ! กูจะรีบไป ไอ้ห่า! บ้านกูเหมือนอยู่ใกล้เลยเนี่ย กูจะรีบไปแล้วกัน] ไอ้นานาสั่งออกมาเป็นชุด ผมพยายามตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ มันกำชับให้ผมโทรเรียกรถพยาบาลซะ ส่วนมันจะรีบมาให้เร็วที่สุด


          หลังจากวางสายไอ้นาแล้วผมก็จัดการโทรเรียกแบบที่มันสั่งเอาไว้ แล้วระหว่างที่รอผมก็พยายามห้ามเลือดในแบบที่ผมพอจะรู้มาบ้าง


          “ฮึก…”
          เหี้ย! ทำไมมันช้างี้วะ


          ผ่านไปแค่ไม่กี่วิแต่เหมือนนานเป็นชั่วโมง พอนั่งรออยู่คนเดียวแล้วก็เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมา ผมหันซ้ายหันขวาเหมือนคนใกล้บ้า มัวแต่สนใจแผลที่ศีรษะของปู่ ไม่ได้สนใจแผลที่เท้าตัวเองเลย ตอนนี้มันเริ่มรู้สึกชาๆ แล้ว


          ผมหันมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัว กัดริมฝีปากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ในตอนนี้ผมต้องการใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่งั้นผมได้บ้าจริงๆ แน่


          คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกเบอร์ไอ้กัน ภาวนาสุดใจให้มันรับสาย ถ้าเป็นเวลาปกติผมจะไม่โทรไปดึกดื่นป่านนี้หรอกนะ เพราะมันอาจจะหลับไปแล้ว แต่ตอนนี้ ถึงมึงหลับกูก็จะปลุกมึงขึ้นมา


          แกร๊ก


          [มีอะไร]


          ขอบคุณครับ มันรับสาย!


          “กันๆ ฮึก…มาหากูหน่อย กูจะบ้าแล้ว กู…”


          [มึงเป็นอะไร] ทางนู้นเองก็แปลกใจเมื่ออยู่ๆ ไอ้บ้าแบบผมก็โทรไปร้องไห้ใส่แล้วขอให้มาหา คือถ้าไอ้ตองอยู่ใกล้ๆ แบบมึงกูก็โทรหามัน ไม่เสียเวลาโทรหาคนพูดยากแบบมึงหรอก แต่เพราะมึงอยู่ใกล้สุดไง เลยซวยไป


          “ปู่หัวแตก ปู่…ไม่ตื่นเลย ฮึก…กูจะบ้าแล้วกันๆ ฮึก…มาหากูหน่อย นะ กูขอร้อง”


          [มึงหยุดร้องไห้ กูฟังไม่รู้เรื่อง แล้วนี่มึงเรียกรถพยาบาลหรือยัง] ในเวลาแบบนี้มึงยังจะมาดุกูอีก ผมปล่อยโฮใส่แม่งเลยเมื่อมันบอกว่าฟังผมไม่รู้เรื่อง


          “ฮืออออมึงอ่า~ เรียกแล้ว เรียกแล้วจริงๆ นะ มาหากูหน่อย ฮึก…นะไอ้กัน มึงอย่าใจร้ายดิ”


          [เดี๋ยวกูไป] ปลายสายตอบกลับมาแค่นั้นแล้ววางไป ผมก็เบาใจขึ้นมาหน่อยเมื่อมันบอกว่าจะมา และเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น เสียงเปิดประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้นและตามมาด้วยร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามา ใบหน้าที่ชื้นเหงื่อบวกกับอาการหอบเล็กน้อยนั่นเป็นตัวบอกได้ดีว่ามันนั้นได้วิ่งมาจากบ้าน


          “กันๆ” พอเห็นหน้ามันปุ๊บน้ำตาก็ทะลักอีกรอบ ยิ่งได้เห็นว่าอีกฝ่ายรีบวิ่งมาแบบนี้ด้วยแล้ว ไอ้หมาบ้าเดินเข้ามา ย่อตัวนั่งลงข้างๆ ดวงตาคมดุกวาดมองสำรวจรอบๆ จากนั้นคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน


          “มึง ปู่จะเป็นอะไรมั้ย”
          “มึงใจเย็นๆ ก่อน”


          “แต่ปู่…” ผมยื่นมือไปกำชายเสื้อมัน โดยที่ลืมไปเลยว่ามือตัวเองเลอะเลือดอยู่ ไอ้กันก้มลงมามองมือผม นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกตัว กำลังจะดึงมือกลับ แต่คนตรงหน้าก็เลื่อนมือลงมากุมมือผมไว้ซะก่อน


          “ปู่ไม่เป็นอะไรมากหรอก มึงอย่าเพิ่งคิดมาก”


          ฮ้อยมันปลอบ อยากยิ้มอยากดีใจ แต่ดีใจไม่ออกจริงๆ ทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับคำเท่านั้น ไอ้ที่เคยบอกเอาไว้ว่ามันใจร้าย เห็นทีคงต้องคิดดูใหม่แล้ว จริงๆ มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ มีปลอบด้วยทั้งๆ ที่มันเบื่อหน้าผมจะตาย แถมขอให้มาก็ยังมาหาอีก ดึกป่านนี้แล้วด้วย


          “แล้วนี่…มึงเลือดออก?”
          “อ่า…กูเหยียบเศษแจกัน”


          “แล้วมึงไม่เจ็บหรือไง” มันถามด้วยเสียงที่เข้มขึ้นมาหนึ่งระดับ ผมทำหน้าเอ๋อใส่ มองหน้ามัน แล้วเลื่อนไปมองเท้าตัวเองที่มีเลือดแห้งๆ ติดอยู่ ลองขยับดูก็รู้สึกปวดหนึบๆ ผมเบะปากใส่ร่างหนา


          “กันๆ ฮึก…กูเริ่มเจ็บแล้วอ่า~”
          “เฮ้อ…”


          ไอ้กันถอนหายใจพร้อมกับทำหน้าเบื่อใส่ มันเองก็คงอยากจะด่าผมอยู่เหมือนกัน ตั้งนานมึงไม่รู้จักเจ็บ พอกูทักเข้าหน่อยก็เจ็บขึ้นมาทันที


          “กันๆ เจ็บอะ”


          “เออ รู้แล้วว่าเจ็บ แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอก เลือดก็หยุดไหลแล้วด้วย อีกอย่างเด็กบ้าๆ แบบมึงน่ะไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก มัวแต่ห่วงปู่ไม่ดูตัวเอง” บ่นเป็นพ่อกูเลยนะมึง ได้ทีล่ะเอาใหญ่เลยนะ


          “ถ้าไม่ห่วงปู่แล้วจะให้ห่วงใครล่ะ”
          “กูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว”


          ร่างหนาพูดตัดบทแต่เพียงเท่านั้น และอีกไม่นานรถพยาบาลก็มา ระหว่างทางที่นั่งรถไปที่โรงพยาบาลผมนี่เบะแล้วเบะอีก จนไอ้หมาบ้ามันขี้เกียจจะปลอบแล้ว ได้แต่ส่ายหน้าเบื่อๆ ให้


          หึ! ไม่ให้เป็นปู่มึงบ้างก็แล้วไป แสส! แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณมันอยู่ดีนะ นี่ผมไม่ได้เอ่ยปากขอร้องให้มันมาด้วยนะ พี่แกสมัครใจมาด้วยตนเองเลย ซึ้งใจแทบอยากจะกอด แต่เอาไว้ก่อน ไว้กอดทีหลังก็ยังทัน


          และพอมาถึง ผมก็ได้รู้ว่าที่ไอ้กันมันมาด้วยเพราะอะไร มันกลัวว่าผมจะห่วงปู่จนทำอะไรไม่ถูก เพราะงั้นมันเลยมาช่วย เรื่องของปู่เสร็จรอหมอตรวจและเย็บแผล ระหว่างนี้ไอ้หมาบ้าก็ลากผมมาให้พยาบาลทำแผลที่เท้าให้


          “มึงๆ” ผมสะกิดเรียกร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ นางพยาบาลคนสวยกำลังเตรียมอุปกรณ์อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ผมมองแบบแหยงๆ บวกกลัวนิดๆ ถึงจะเบาใจไปได้หน่อยนึง (หน่อยเดียวนะ) ตอนที่เขาบอกว่าไม่ถึงกับต้องเย็บแผล แต่เฮ้ย…ล้างแผลมันก็แสบนะเว้ย!


          “อะไร”
          “ล้างแผลนี่มัน…แสบใช่มั้ยวะ” คือ…เค้ากลัวง่ะ
          “แสบ”


          ไอ้เหี้ยนี่ก็ไม่ให้กำลังใจกูเลย


          “กูกลับไปทำแผลที่บ้านเองได้มั้ยวะ กูกลัวอะ” ผมเบะปากเตรียมจะร้องไห้อีกรอบ และนั่น! มึงอย่า ไอ้กันๆ กูเห็นนะว่ามึงแอบหันไปขำกูน่ะ ผมตีหน้าบึ้งใส่ เดี๋ยวก็งอแงใส่เลยหนิ นิสัยจริงๆ


          “อย่างมึงเนี่ยนะกลัว กะไอ้แค่ล้างแผล” เย้ยเข้าไปเถอะพ่อ ผมกระตุกชายเสื้อ (ที่เลอะเลือด) ของมันแล้วส่ายหน้ารัวๆ เค้าไม่เอาอะตัวเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะชาๆ แล้วก็เถอะนะ แต่เค้าก็กลัวนะตัว ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงรอยยิ้มเหี้ยมๆ นั่น


          ปู่จ๋า~


          “นี่วิป”
          “จ๋า…” จะร้องแล้วจ้ะ


          “มันก็มีวิธีที่ทำให้ไม่แสบมากอยู่นะ” ร่างสูงโน้มตัวเอาหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ ผมหูตั้งตาโตทันที พยักหน้าตกลงแบบไม่ต้องรอฟังว่ามันคืออะไร


          “สาดแอลกอฮอล์ไปทีเดียวเลย แสบแป๊บเดียว หึๆ”


          ปู่ครับ ไอ้บ้านี่มันจะแกล้งผม ฮืออออ


          “มาค่ะ ทำแผลกันนะคะ” ไม่ทำได้มั้ยครับ ใจจริงผมก็อยากจะบอกไปแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะเออ แต่คุณคนสวยเล่นเดินเข้ามาเตรียมพร้อมทำแบบไม่ปรึกษาผมเลยสักคำ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เตรียมรอรับความแสบที่จะได้รับ แหมะ…เปิดประสบการณ์ใหม่จริงๆ เลย


          “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ค่ะน้อง ไม่เจ็บหรอก” คำปลอบโยนของพี่ใช้ไม่ได้ผลหรอกครับ


          หมับ!


          ผมหันไปคว้าแขนไอ้หมาบ้าข้างตัวไว้ จับไว้ก่อนเดี๋ยวมันหนีออกไป เดี๋ยวผมไม่มีเพื่อน ช่วงนี้เราอ่อนแอนาย เพราะงั้นเชิญมึงขำได้เต็มที่ เดี๋ยวเอาคืนที่หลัง


          ไอ้กันมันขำจริงๆ นะ มีแบบแค่ยิ้มเยาะ ขำเบาๆ และเบือนหน้าไปขำอีกทาง มึงมีหลายระดับจังวะ แต่ร่างสูงก็ยังมีความใจดีอยู่นิดๆ เพราะไม่บ่นอะไรที่ผมยึดมันไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหน


          ต้องกราบขอบคุณคุณพี่พยาบาลคนสวยนี่จริงๆ มือเบามาก ถึงแม้ว่ามันจะแสบอยู่ก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นที่คิดเอาไว้ ทำแผลเสร็จก็ลำบากคนที่มาด้วยต้องพยุงผมออกมา


          “นั่งก่อน” มันพามาให้นั่งรออยู่ที่หน้าห้องที่ปู่เข้าไป บอกให้นั่งนี่ดูพูดดีนะ แต่มันแทบจะโยนผมลงเก้าอี้เลยล่ะ จากนั้นมันก็มานั่งข้างๆ ต่างคนต่างเงียบไปสักพักผมก็นึกขึ้นมาได้


          “กูต้องโทรบอกไอ้นานาก่อน”
          “ทำไม”


          “มันบอกว่าจะรีบมา ต้องบอกมันก่อนว่าอยู่โรงบาลแล้ว” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ้นานา


          [ว่าไงมึง เป็นไงบ้าง]
          “กูอยู่โรงบาลแล้วนา มึงจะมามั้ย มึงอยู่ไหนแล้ว”


          [กูเกือบถึงบ้านมึงแล้ว งั้นเดี๋ยวกูไปหามึงที่นู้นแล้วกัน มึงโอเคนะวิป ไม่เป็นไรนะ] น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจากแม่สาวโหดทำให้ผมยิ้มออกได้นิดหน่อย ผมบอกชื่อโรงพยาบาลไปจากนั้นก็วางสาย คนข้างตัวผมก็ไม่ได้ชวนคุยอะไร นั่งเงียบแบบนี้ผมเริ่มคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาอีกแล้ว


          “เฮ้อ! กันๆ”


          “อะไร วันนี้เรียกกูกี่ครั้งแล้วเนี่ย” ทำไมต้องเสียงดุใส่ด้วยวะเนี่ย ผมหันหน้าหงอยๆ ของตัวเองไปมองมัน ไอ้กันคงรับไม่ได้กับสภาพผมในตอนนี้ มอมแมมเหมาะแก่การอาบน้ำเป็นอย่างมาก


          “ขอพิงหน่อยได้มั้ยอะ”


          “ไม่มีกระดูกหรือไง เก้าอี้ก็มีพนักพิง พิงไป” โคตรใจแข็งเลย สีหน้าผมหงอยลงไปอีก ไม่พิงก็ได้วะ ขอแค่นี้ก็ไม่ยอมให้ ใจร้ายยย~ ผมดึงหน้ากลับมาพร้อมกับความรู้สึกหงอยๆ ในใจ จิตใจเปราะบางนะเว้ยตอนนี้ ร้องไห้ง่ายนะบอกให้ นี่ดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเหมือนอยากจะร้องอีกครั้ง


          “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจจากไอ้บ้าข้างตัวแม่งยิ่งขับให้น้ำตาผมไหลออกมา
          หมับ!


          “กูให้มึงแค่วันนี้นะ” คล้ายกับว่าร่างสูงทนเห็นผมเป็นอย่างนี้ไม่ไหว มือหนาดึงตัวผมเข้าไปซุกอกแล้วกอดผมไว้แบบนั้น ผมค้างไปนิด จากนั้นบ่อน้ำตาก็แตกทะลัก เครียดเรื่องปู่ด้วย และดีใจด้วยที่มันมากอด แถมเป็นคนดึงเข้าไปกอดเองด้วย


          “ฮือออ กันๆ ฟืดดดด!”
          “ไอ้วิป!”
          “ฮึก”


          “เสื้อกู” ร่างหนาพึมพำกับตัวเอง ดูท่าทางจะรังเกียจมิใช่มั้ย แต่ก็ยอมกอดผมไว้อยู่ ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหนีไปอีกทางอย่างรับไม่ได้ มือหนาแทบจะดันหน้าผมออกห่างอยู่แล้ว ดูก็รู้ว่ายั้งตัวเองอยู่


          “อะไรวะ รังเกียจหรือไง”


          “ขี้มูกนะไอ้วิป ให้กูรักหรือไง” ดูครับ มันมีเถียงด้วย พอ! กูไม่พูดกับมึงแล้ว


          และเพียงไม่นานไอ้นานาเพื่อนรักก็มาถึง ผมเลยย้ายที่พึ่งจากไอ้หมาบ้าสุดโหดนั่นไปที่คนสวยแทน เห็นหน้าเพื่อนแล้วก็ได้ฤกษ์ร้องไห้อีกรอบ เดือดร้อนไอ้นานาต้องปลอบยกใหญ่ และต่อจากนั้นไม่นานหมอก็ออกมา ผมรีบผุดลุกไปหา สรุปได้ว่าปู่นั้น…เป็นลมหัวฟาดพื้น เพราะพักผ่อนไม่พอ


          ปู่ค้าบบบบบ นอนอยู่บ้านทุกวันพักไม่พออะไรกันวะ


          “ยังไงให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็กลับบ้านได้”


          “อ่าครับ ขอบคุณครับ”


          “มึงกลับไปอาบน้ำที่บ้านหน่อยมั้ยวิป เลอะเทอะมากเลยเนี่ย ปู่มึงก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว” พอหมอเดินจากไปไอ้นานาก็หันมากอดอกมองสารรูปผมด้วยสีหน้ารับไม่ได้ เอาจริงๆ ผมก็คิดแบบนั้นนะแต่ว่า…


          “กูห่วงปู่”


          “หมอก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง มึงไม่เชื่อหมอหรือไง” มึงนี่น่ากลัวว่าหมออีกนะนานา สายตานี่มาแบบบังคับผมมากเลย ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากร่างสูงข้างๆ พี่ท่านหาวแล้วครับ คงง่วงนอนน่าดู เห็นแล้วก็รู้สึกผิดหน่อยๆ ที่ลากมันมาด้วยอย่างนี้


          “กันๆ”


          “มึงควรกลับอย่างที่นานาบอก สภาพมึงดูไม่ได้แล้ววิป อีกอย่างเท้ามึงก็เจ็บ” ดวงตาดุๆ นั่นเลื่อนลงไปมองที่เท้าผม นั่นเลยทำให้เพื่อนรักของผมสังเกตเห็นขึ้นมา


          “มึงเป็นอะไรน่ะวิป”


          “กูเหยียบเศษกระเบื้องน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก เดินไม่ถนัดนิดหน่อยเอง”


          “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไอ้ห่า! กูตกใจหมดตอนที่มึงโทรไป ร้อนรนซะจนกูรนไปด้วย ไม่ต้องคิดมาก ปู่ไม่เป็นอะไรมากแล้ว กลับบ้านเหอะเดี๋ยวกูไปส่ง นายด้วย บ้านอยู่ใกล้กันหนิ” คำหลังมันหันไปพูดกับไอ้กัน ไอ้นี่ก็ว่าง่ายครับ พยักหน้ารับคำแบบไม่มีปฏิเสธอะไรเลย ผมเลยดื้อต่อไม่ได้


          “แล้วนี่…ทำไมนายมากับไอ้วิปมันได้ล่ะ” ระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน โดยมีคนสวยเป็นคนขับให้ เพื่อนรักถึงขั้นเอารถออกมาขับเองเลย ทุกทีแม่คุณไม่ค่อยชอบเอารถออกมาใช้เท่าไหร่ ไอ้กันที่นั่งอยู่ด้านหลังเหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนจะตอบไอ้นานาไป


          “มันโทรขอให้มาหา”


          “อ๋อ…” อ๋อเหมือนเข้าใจนะ ทั้งๆ ที่ไอ้หมาบ้ายังไม่ได้อธิบายอะไรเลยด้วย นานาเหล่ตามามองผม ดูก็รู้แม่คุณอยากเผือกเต็มที่แต่สถานที่ไม่อำนวย ทำได้เพียงส่งสายตามาเป็นการถาม พอจะเดาได้คร่าวๆ ว่าพวกมึงไปถึงไหนกันแล้ว


          ผมส่ายหน้าตอบ ก็ไม่ถึงไหน อยู่ที่เดิมแหละ แต่เพราะเกิดเรื่องไง ไม่อย่างนั้นไอ้กันๆ ไม่มีทางยอมออกมาหาแบบนี้หรอก


          “เดี๋ยวมึงนอนค้างกับกูเลยก็ได้นะ ขับรถกลับดึกๆ อันตราย”
          “แล้วให้กูมาหาดึกๆ แบบนี้ไม่อันตรายเลยเนอะ”
          “ก็กูเสียใจอยู่ กูตกใจ กูต้องการที่พึ่ง”


          “ที่พึ่งมึงก็มีแล้วหนิ” แม่คุณเหล่ไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง กันๆ ไม่สนใจบทสนทนาของเราสองคน เอาแต่มองออกไปนอกกระจก แต่ยังไงก็ต้องได้ยินอยู่แล้ว ผมยิ้มแหยๆ ที่พึ่งที่มาแบบบังคับเขาน่ะสิ ดูหน้าด้วย พร้อมงับได้ตลอดเลยนั่น


          “นานา เดี๋ยวเธอจอดที่บ้านไอ้วิปนั่นแหละ ไม่ต้องไปส่งฉันที่บ้านหรอก” พอเลี้ยวเข้ามาในซอยบ้านแล้วไอ้กันก็เอ่ยขึ้นมา พอจอดที่หน้าบ้านผมปุ๊บมันก็เปิดประตูลงไปทันที


          “เดี๋ยวกันๆ” ผมรีบลงไปเรียกไว้
          “อะไรอีก”


          “เดินไปส่งมั้ย” ผมเดินกะเผลกๆ เข้าไปหา พี่ท่านถอนหายใจรดหัวกันแบบเต็มๆ เลย โด่ว~ ไอ้เราก็เป็นห่วง ตัวนายเดินกลับคนเดียวมืดๆ ก็อันตรายนะ เราต้องดูแลคนที่เป็นหัวใจของเราสิ ตอบแทนที่อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนกันจนถึงตอนนี้


          “เดี้ยงแบบนี้มึงเข้าบ้านไปอาบน้ำนอนเถอะ”
          “แต่เป็นห่วง…”


          แปะ!


          “เข้าบ้านไป”
          แล้วทำไมต้องดีดหน้าผากกันด้วยเล่า!


_____________________________________________


เริ่มปลุกความเป็นพระเอกในตัวกันๆ 5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณที่เม้นต์ให้นะคะ กราบงาม  :-[



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 15-05-2016 16:57:46
คุณปู่วววววววววววววววววววววว ฮืออออออ ดีใจที่คุณปู่ไม่เป็นอะไรรรร น้องวิปนี่กลัวมากจริงๆอ่ะ แต่คนที่น้องโทรหาคนแรกคือนานานะคะ เสียใจด้วยนะคะพี่กัน น้องเขารักเพื่อนเขามากกว่า พึ่งพามากกว่า พี่เป็นได้แค่ตัวสำรองค่ะ ว๊ายยยย 5555555555 แต่ต่อจากนี้เราว่าน้องวิปจะจัดการบังคับคุณปู่แน่ๆเลยอ่ะ แต่คนแก่อยู่บ้านคนเดียวนี่อันตรายไงไม่รู้ค่ะ น้องวิปจะทำไงดี เอาคุณปู่ไปเรียนด้วยมะ แงงงง แล้วน้องจะจำหนังสือไปสอบได้ไหมคะเนี่ย เฮ้อออ ความจริงนี่เป็ฯชีวิประวัติน้องวิปใช่ป่ะคะ น้องวิปเป็นพระเอก ไม่คู่กับใครทั้งนั้น อะไรนะคะ? พระเอกชื่อกัน? อ้าว จริงป่ะคะ แงงงงง  :mew3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-05-2016 19:15:14
หมาวิปเจ็บแล้วยังจะไปส่งหมากันอีกสมโดนดีดหน้าผากเลย ฮ่าๆๆๆ ดีใจที่ปู่ไม่เป็นไรมาก ความเป็รพระเอกของหมากันจะตื่น ล้ว จริงอ่ะ ลุ้นต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 16-05-2016 00:37:42
คุณปู่จะเป็นไรมากมั้ย
วิปสติแตกตอนแรกนึกว่าจะนึกถึงกันกัน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 16-05-2016 11:14:18
น่ารักมากกกก
ขอให้จีบติดไวไว พอจีบติดแล้วเราก็เล่นตัวได้พอประมาณนะคะะะ
ฮือออ พี่กันข่นบร้าา เมื่อไหร่จะเขินจะหวั่นไหววว
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 16-05-2016 14:50:19
วิปน่ารักมากๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 16-05-2016 16:07:34
วันหนึ่งวิปท้อ วิปเหนื่อยก็ควรถอยออกมานะคะลูก ตอนนี้ก็สู้ๆค่ะ ส่วนนายกันๆเล่นตัวไปเหอะ หนูวิปถอยเมื่อไหร่จะรู้สึก ชิ!
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mi.07 ที่ 16-05-2016 20:43:51
เมื่อไหร่คู่นี้จะมีความก้าวหน้าซะทีน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 15] [15 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ben10 ที่ 17-05-2016 03:09:37
วิปเอ้ยยยย จะสงสารหรือขำแกดีเนี่ยยย ฮึ? 55555
กันนนนนน ไม่รัก ไม่ห่วง ไม่คิดอะไรด้วยจะมาทำไมมม จิงไหมเอ่ยยย :z1:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 22-05-2016 19:28:07



ตอนที่ 16
 
 


          “อะไรยังไงห้ะ มีน่ารักใส่กันด้วย”

          หลังจากที่ไอ้หมาบ้าเดินกลับบ้านไปแล้ว ผมก็เดินกระเผลกๆ เข้าบ้านบ้าง ไอ้นานาที่จอดรถเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งตามหลังเข้ามาพร้อมกับกระตุกชายเสื้อผมยิกๆ

          เดี๋ยวนะ น่ารักใส่กัน? เพื่อนใช้อะไรมองครับนั่น

          “มึงคิดว่าน่ารักแล้วงั้นเหรอ กูยังไม่รู้สึกเลยว่ะ” หยุดยืนอยู่กลางบ้าน กำลังตัดสินใจว่าควรจะทำอะไรก่อนดี ระหว่างไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยแล้วค่อยลงมาเก็บกวาดข้างล่าง เศษแจกันนู้นนี้เต็มพื้นไปหมด หรือจะเก็บก่อนค่อยขึ้นไปอาบดี

          คิดอะไรไม่เกรงใจจุดยืนที่เจ็บเลย

          “มีดีดหน้าผาก”

          “มันดีดเพราะรำคาญกูปะ” ผมหันไปทำหน้าเอือมใส่เพื่อนคนสวย เจ๊แกเท้าเอวไม่สบอารมณ์กลับมา ผมที่เริ่มเห็นแววโดนข่มมาไกลๆ ก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรต่อ แล้วก็ตัดสินใจเก็บกวาดก่อนค่อยขึ้นไปอาบน้ำนอนทีเดียว

          “เดี๋ยวกูช่วย” มันอาสา

          เก็บกวาดยกตู้โชว์ขึ้นมาเหมือนเดิม หันไปมองเศษแจกันใบสุดรักของแม่แล้วก็สะเทือนใจ ของๆ แม่แทบไม่มีไว้ในบ้านนี้เลย แล้วแถม…ใบรักด้วยเว้ย กูจะโดนอะไรมั้ยเนี่ย ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ค่อยกลับมาก็เถอะ

          แต่ถ้ามาเห็นนี่กูซวยเลยนะเหว่ยยยยย!

          “มึง”

          “ทำไม เครียดเรื่องปู่เหรอ หมอก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มึงก็เลิกเครียดได้แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปหาปู่กันแต่เช้า เดี๋ยวกูพาไป” ไอ้นาเท้าเอวเหนื่อยใจ ผมส่ายหน้า ไม่ๆ มันไม่ใช่อย่างนั้นเพื่อน

          “คืองี้นะมึง ปู่น่ะกูก็ห่วง แต่ก็เบาใจไปได้หน่อยแล้ว ส่วนเรื่องที่กูเครียดเนี่ย…แจกันแม่อ่ามึง ฉิบหายแน่ๆ กู” ไอ้วิปอยากร้องไห้เลยหื้ออออ แม่ผมสายโหดนะขอบอกให้รู้ นี่ผมต้องออกตะเวนตามหาใบที่คล้ายกันมาหลอกตาแม่มั้ย

          “คิดมาก แม่มึงไม่กลับมาเร็วๆ นี้หรอก”

          จ้า ขอให้เป็นแบบนั้น

          หลังเก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยก็ใช้เวลาเหมือนกันนะ ผมทำๆ หยุดๆ ไง แถมจุดยืนเจ็บอีกต่างหาก ในใจมันชอบนึกไปถึงปู่ คิดแล้วก็อดใจหายไม่ได้ ดีนะที่ปู่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่งั้นผมคงบ้ามากกว่านี้แน่ และกว่าจะเสร็จก็…จะเช้าแล้วจ้า

          เวลานอนของเค้าล่ะ อยู่ไหน?

          อาบน้ำเสร็จผมก็เดินมาสลบคาเตียงเลย ไอ้นานาก็นอนกับผมนี่แหละ ถึงแม้ว่าไอ้นาจะเป็นผู้หญิง แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่คิดจะทำอะไรมันแน่ๆ และมันเองก็คงไม่ยอมให้ผมทำเช่นกัน

          ตอนเช้าผมก็โดนไอ้นานาปลุกขึ้นมาในตอนเกือบๆ เก้าโมง แม่คุณอาบน้ำแต่งตัวแล้วเรียบร้อย ผมปรือตามองแล้วซุกหน้าลงกับหมอนนอนต่อ ง่วงหนักมาก เค้าไม่อยากลุกจากเตียงเลยอะแก ขอเค้านอนต่อได้มั้ย

          “มึงตื่นเร็วๆ ดิ๊อย่าลีลา จะไปหาปู่มั้ย”

          เออ ปู่!

          ผมลุกขึ้นมานั่งแบบมึนๆ ตายังลืมแทบจะไม่ขึ้น ไอ้นานาเดินหยิบนู้นจับนี่อะไรในห้องผมก็ไม่รู้ อยู่ในห้วงที่พร้อมจะนอนไม่สนใจอะไร แต่เพราะดวงตาเรียวดุของแม่คุณทำให้ผมต้องย้ายตัวเองออกจากเตียงไปที่ห้องน้ำ

          ขอเราหลับในห้องน้ำอีกแป๊บได้ม้า

          อาบน้ำเสร็จก็สดชื่นขึ้นมาหน่อย ลำบากมากครับเวลาอาบ ต้องระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ เพราะงั้นการอาบน้ำในครั้งนี้เลยกินเวลาเยอะกว่าปกติ เดินออกมาก็ไม่เจอไอ้นานาละ แสดงว่ามันลงไปรอข้างล่างแล้วแน่เลย ผมแต่งตัวคว้ากระเป๋าเงินและโทรศัพท์มา เสร็จแล้วก็เดินลงไปหาไอ้นา

          ลงบันไดลำบากมากนะหื้อไอ้วิปอยากบอก นี่แทบอยากจะไถลลงไปแทน จะเรียกให้เพื่อนรักคนสวยช่วยก็กลัวว่าแม่คุณจะด่ากลับมาว่าสำออย

          เดินลงมาถึงข้างล่างก็แทบจะเบรกตัวเองแล้วย้ายร่างกลับขึ้นไปข้างบน คือ…เดินลงมาปุ๊บก็เจอไอ้หมาบ้ามันนั่งอยู่กับไอ้นานา คือ…มายังไง คือ…มาทำไม แล้ว…เพราะอะไรถึงมา

          ผมยืนเอ๋อแบบนั้นพักหนึ่งเลย กันๆ หันมามองหน้าผมแวบหนึ่งจากนั้นก็เบนหน้าไปทางอื่น ไอ้นานากวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา

          “มึง มันมายังไงวะ” ผมดึ๊บๆ เข้าไปนั่งข้างๆ เพื่อนรัก จากนั้นก็กระซิบถาม ร่างสูงเองก็คงพอได้ยินแว่วๆ แหละ แต่ทำตัวน่ารักโดยการไม่หันมาสนใจ แหมๆ น่าหยิกแก้มสักทีสองทีให้ชื่นใจ

          “กูเรียกมันมาเองแหละ”

          “แล้ว…มาทำไมอะ”

          “มึงไม่แฮปปี้?”

          “แฮปปี้~” ไม่มีความสุขก็บ้าแล้วเถอะ ผมฉีกยิ้มหวานแล้วโบกมือทักทายหน่อยๆ ไอ้กันไม่ได้สนใจที่จะมองรอยยิ้มผม สิ่งที่ดวงตาดุๆ นั่นจับจ้องอยู่ก็คือเท้าข้างที่เจ็บ แหมะ…เราก็อยากยกให้ดูแบบเต็มๆ ตาจังเลย แต่กลัวพี่แกจะหาว่าเสียมารยาทยกทงยกเท้าให้

          “นายพาไอ้วิปออกมาแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะไปเอารถออก” แม่คุณลุกขึ้น บอกเพียงแค่นั้นแล้วชิ่งเดินออกไปก่อนเลย ทำดีมากเพื่อน แบบนี้สิถึงน่ารัก

          หมับ

          “เฮ้ยเดี๋ยวๆๆ” บอกให้พามันก็จะพาจริงๆ นะ พี่ท่านเล่นลุกมาดึงแขนวืดเดียวผมแทบจะปลิวเข้าสู้อ้อมอก แรงมันเยอะครับอยากบอกให้รู้ ผมรีบเบรกมันไว้ก่อน กันๆ ชักสีหน้านิดๆ แต่มือก็ยังไม่ปล่อยจากแขนผม

          “อะไรอีก”

          “เบาๆ ก็ได้”

          “ทำไม”

          “สะเทือนแผล” ตอแหลครับ ผมแกล้งทำหน้าน่าสงสารเรียกร้องความเห็นใจ กะพริบตาปริบๆ อ้อนด้วย อยากเนียนกอดหุ่นแน่นๆ ของพี่ท่านมากเลย แต่กลัวโดนดีดออกมาเลยทำได้เพียงแอบลูบเล่นนิดๆ ไม่ให้เจ้าตัวจับได้

          “ต้องให้กูอุ้มมึงเลยมั้ยวิป” พี่แกหน้าเอือมแล้วถามประชด ผมฉีกยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกหงัก

          “แบบนั้นได้ก็ดีนะ” ผมลอยหน้าลอยตาตอบกลับไป รู้แหละว่ามันไม่ทำหรอก ไอ้บ้านี่ชอบประชด ไอ้เราก็เลยต้องเล่นด้วย ปากดีกลับไปอย่างที่เห็น ดวงตาคมจ้องหน้าผมนิ่งๆ ผมยักคิ้วแล้วจะเดินออกไปหาไอ้นานา

          หมับ!

          “เฮ้ย!!” แล้วก็ต้องตกใจร้องเสียงหลง มือรีบขว้าไหล่แกร่งไว้แล้วจับให้มั่น จู่ๆ พี่แกก็เกิดบ้าขึ้นมา อะไรเข้าสิงแต่เช้าวะเนี่ย ผมก็นึกว่าจะไม่ทำ แต่มันกลับทำจริงๆ!! มันอุ้มผมจริง!! ถ้าจะให้ดีเรียกว่าหิ้วดีกว่า เพราะด้วยส่วนสูง น้ำหนัก ความหนาบางของตัว ทำให้อีกฝ่ายสามารถหิ้วผมได้อย่างง่ายดาย

          มือหนากอดเข้าที่เอวของผมแล้วยกขึ้น ท่าทางการยกมันมีความเป็นไปได้สูงมากที่ผมจะหล่น เพราะงั้นผมนี่เกาะร่างอีกฝ่ายเป็นตุ๊กแกเลย

          ฮ้อยยยย~

          “หึๆ” เสียงหัวเราะทุ้มๆ ที่เจือไปด้วยความสะใจดังขึ้น ผมกัดริมฝีปากฉับ อยากเห็นหน้ามันจริงๆ ว่าทำหน้าแบบไหนอยู่ หัวเราะเยาะเย้ยเราซะด้วย เดี๋ยวเราก็กัดเข้าให้หรอก นี่ดุนะเว้ย!

          เดินออกมาไอ้นานาก็มีท่าทีแปลกใจ เพราะมันไม่คิดว่าหมาบ้าตัวนี้จะหอบหิ้วผมออกมาอย่างนี้ ผมเห็นนะ ว่าเพื่อนรักมีการแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วย ส่วนร่างหนาก็ไม่ได้สะเทือนกับสายตาที่มองมา จัดการยัดผมเข้ารถแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งด้านหลังนิ่งๆ เหมือนเมื่อคืน

          หลังจากนั้นก็เข้าสู่โหมดเงียบ ไอ้นานาตั้งใจขับรถ ไอ้กันก็เงียบเป็นปกติอยู่แล้ว คนที่พูดเยอะไปหน่อยแบบผมเลยเริ่มจะเหงาปาก หันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ดวงตาคมมองออกไปนอกกระจกอย่างเดียวเลย ผมเบะปากนิดๆ

          อยากคุยง่ะ

          “กันๆ”

          “อะไร”

          “ได้นอนบ้างหรือยังครับ” ไม่รู้ว่ากลับไปถึงบ้านแล้วอาบน้ำนอนเลยหรือเปล่า แต่ถึงจะทำแบบนั้นยังไงก็นอนไม่พอหรอก ตอนเช้าก็โดนไอ้นานาลากมาอีก เห็นใจอยู่นะ เราก็เป็นห่วงนะหื้อ นี่ถ้าทำได้จะตามไปดูแลถึงบ้านเลยนะ

          “ก็นอน”

          “แล้วตอนนี้ง่วงมั้ย มึงหลับก่อนได้นะ ถึงแล้วเดี๋ยวกูปลุกเอง” แล้วต้องแสดงว่าเราเป็นคนจิตใจดี เราเป็นห่วง เรารักนายยย~ อะไรประมาณนั้น ผมแถมรอยยิ้มพิมพ์ใจไปให้ด้วย ร่างสูงเบนหน้ามามอง ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆ และ…

          เพี๊ยะ!

          …ดีดหน้าผากผมไปอีกที

          เมื่อคืนนี้ก็ทีนึงแล้วนะ!

          “พูดมาก” เอ่ยแค่นั้นแล้วกลับไปนั่งท่าเดิมเป๊ะๆ ผมเบะปากใส่งอนๆ และแน่นอน มันไม่ง้อ ผมลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ มันไม่ได้ทำให้เจ็บนะ แค่ดีดเอาความสะใจ ดีดเพราะหมั่นไส้แค่นั้น แต่เราจะไม่คิดงั้นนะ เราจะหลอกตัวเองว่านายเอ็นดูเรา

          อั้ยยะ! อั้ยยะ!!

          ไอ้นานาเหล่มองพร้อมด่าด้วยสายตา มึงแรดมากอะไรประมาณนี้ แรดบ้านมึงสิ! แค่อยู่ในช่วงอินเลิฟเฉยๆ เว้ย! หลังจากนั้นก็นั่งเงียบครับ ท้องผมเริ่มร้องแล้วด้วย กะว่าเดี๋ยวไปถึงโรงพยาบาลก่อนค่อยหาอะไรกิน ตอนนี้อยากเจอหน้าปู่ก่อน

          ไอ้กันผมก็คิดว่ามันนั่งเงียบเฉยๆ นะ แต่พอถึงโรงพยาบาล หันกลับไปมอง พี่แกหลับครับ! ท่าหลับยังน่ารักเลยไอ้บ้าเอ้ย! ศีรษะพิงกระจกกอดอกหลับตานิ่งๆ ผมมองแล้วก็อมยิ้ม

          “ถ้าจะบ้า มันแค่หลับมึงก็ยิ้ม”

          “มึงไม่มีความรักมึงไม่เข้าใจหรอก” ไอ้นาส่ายหัวให้แล้วเปิดประตูลงไปก่อน ยกหน้าที่ปลุกเจ้าชายสุดโหดมาให้ผมแทน ผมขยับตัวปีนข้ามไปด้านหลัง ถึงเท้าจะเจ็บแต่แค่นี้วิปสู้ครับ มานั่งข้างๆ ได้ก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กลิ่นหอมจากตัวของมันเป็นอะไรที่ชอบมาก เริ่มโรคจิตขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

          ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีก โอกาสดีงามแบบนี้หายากนะเออ เราไม่ได้ลวนลามคนหลับนะ เราแค่ขอกำลังใจนิดหน่อยเอง ผมกดจมูกลงบนแก้มร่างสูง ค้างไว้แบบนั้นสักแป๊บแล้วผละออก

          “ไอ้วิป กูไม่ได้หลับ”

          กึก

          เสียงโหดเอ่ยขึ้นมา ผมชะงักไป ใจหายแวบเลย แหมเราอายอะตัว ไปขโมยหอมแก้มเขาซะงั้น ดวงตาคมลืมขึ้นแล้วเหล่มอง ผมดึงสติกลับมาแล้วฉีกยิ้ม ความหน้าด้านของผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออยู่ใกล้คนตรงหน้า

          “ไม่ได้หลับงั้น…จูบแทนได้เลยใช่มั้ย”

          ไม่รอให้ตอบละ จูบแม่ง!!

          ผมยืดตัวเข้าไปจูบเลย เราเรียนจากนายมาแล้ว เราพอรู้ว่าต้องทำยังไง กันๆ เองก็ไม่มีที่ให้หนี เพราะนั่งชิดประตู นอกจากว่ามันจะเปิดประตูหนีลงไปน่ะนะ ผมบดเบียดริมฝีปากเข้าหา ยังคงความเงอะๆ งะๆ ไว้อยู่ แต่ผมว่าผมพัฒนาแล้วนะเออ

          ร่างสูงดูไม่เต็มใจแต่ก็ไม่ผลักผมออก ไม่ขยับหนี คงกลัวโดนล้อว่าอ่อน ว่าไม่กล้าอีก แต่ก็ไม่ได้ตอบรับเช่นกัน แต่ผมรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเกร็งตัวเล็กน้อยคล้ายกับว่ากำลังยับยั้งตัวเองอยู่

          ก๊อกๆๆๆ!!!

          และแล้วก็ต้องผละออกเมื่อเจ๊นานาคนสวยเคาะกระจกเรียกแบบรัวๆ เสียดายง่ะ ผมจ้องริมฝีปากสวยที่วาววับจากน้ำลายผมตาเป็นมัน และด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ ฝ่ามือหน้าก็ดันหน้าผมมาที ก่อนจะเปิดประตูลงไป

          “กูจะฟ้องปู่มึง ว่ามึงน่ะแรด ปีนเบาะข้ามไปจูบผู้ชาย” ลงตามมาก็เจอกัดเลยครับ แม่คุณตวัดตาดุๆ ใส่ผมแล้วสะบัดบ๊อบเดินนำเข้าไปก่อน

          ยิ่งเดินใกล้ถึงห้องปู่ผมยิ่งใจเต้นตึกตัก มันกลัวนิดๆ ไม่รู้สิ กลัวว่าถ้าปู่อาการไม่ดีเดี๋ยวผมได้มีน้ำตาแตกอีกแน่ๆ ผมบีบๆ บี้ๆ มือตัวเองระหว่างเดินไปด้วย ไอ้กันขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อเห็นผมทำอย่างนั้น ผมเลยยื่นมือออกไปหามันแทน ตอนแรกพี่แกไม่ยอมจับครับ ผมเลยทำหน้าอ้อนไป ให้ความรู้สึกลูกหมาอ้อน ต้องให้อ้อนก่อนมันถึงยอมดึงมือผมไปกุมไว้

          แฮปปี้~

          และพอถึงหน้าห้อง ไอ้หมาบ้าก็หมดประโยชน์ทันที ผมดึงมือกลับมาแล้วรีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง ปู่นอนอยู่ที่เตียง ได้ยินเสียงเปิดประตูก็หันมามองช้าๆ

          “ปู่! ปู่อ่า”

          น้ำตาแตก! ผมพุ่งตัวเข้าไปหา กำลังจะโถมตัวเข้ากอดเลยแต่ก็ชะงัก เพราะไม่รู้ว่าปู่แกเจ็บตรงไหนบ้าง ผมกวาดสายตามองสำรวจ ที่ศีรษะมีผ้าพันแผลพันไว้ ที่แขนมีรอยช้ำนิดๆ

          “ปู่เป็นยังไงบ้างอะ”

          “ปวดหัว”

          “แล้วเพราะอะไรปู่ถึงไปนอนกองแบบนั้นอะ แล้วๆ ทำไมหมอบอกปู่พักผ่อนไม่พอ ปู่อยู่บ้านทั้งวันนะ หรือว่า…ปู่ทำงานบ้านเยอะไป แล้วปู่…”

          “วิป มึงใจเย็นหน่อย อย่าเพิ่งให้ปู่พูดเยอะ” ไอ้กันเห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้ามาห้าม ผมกัดริมฝีปากด้วยขัดใจนิดหน่อย ก็เค้าอยากคุยกับปู่หนิ ถึงจะไม่ชอบใจแต่ผมก็ยอมทำตาม มือก็เช็ดน้ำตาเป็นเด็กๆ ปู่เห็นเลยโบกมือหน่อยๆ

          “ไม่เป็นไรๆ”

          “เห็นมั้ย ปู่อยากคุยเหอะ!” หันกลับไปทำหน้าเอาเรื่อง โด่ว! แล้วมาห้าม ไอ้กันหมั่นไส้เลยผลักหัวผมมาทีแล้วเดินไปนั่งรวมกับไอ้นานา คุยอะไรกันก็ไม่รู้เงียบๆ เฮ้ยๆ อย่าใกล้กันมากสิ กูหึงนะเว้ย

          ผมนั่งเกาะติดเตียงแทบจะไม่ผละออกไปไหน ปู่พอเจ็บตัวแล้วก็เปลี่ยนไปเยอะนะ ปกติจะปากไม่ตรงกับใจตลอด ด่าผมนู้นนี้ แต่ตอนนี้กลับคุยธรรมดามาก แต่ผมชอบแบบเดิมมากกว่า เพราะมันเป็นตัวบอกว่าปู่สบายดี ปู่ไม่ได้เป็นอะไร ผมอยากให้ปู่หายไวๆ

          จนหมอเข้ามาตรวจผมก็ยังวอแวอยู่ใกล้ๆ จนเกือบจะโดนไล่ออกมาอยู่แล้ว ไอ้กันกับไอ้นานาก็ห้ามจนขี้เกียจจะห้ามละ ไอ้หมาบ้าเลยเดินออกไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนไอ้นาก็นั่งสัปหงกอยู่ที่โซฟา

          แกร๊ก

          สักพักกันๆก็ เดินกลับเข้ามา แหมหายไปซะนาน แต่กลับมาครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว ยังพ่วงด้วยเพื่อนรักคนของมันอีกสองคนเดินตามหลังเข้ามาด้วย ผมยิ้มกว้างไปทักทายก่อนเลย ว่าจะไปหาไอ้ชานก็ลืม ตั้งแต่คราวนู้นก็ยังไม่ได้เจอ ส่วนไอ่แว่นคนหล่อ วันนี้มาแปลก มาพร้อมหน้ากากอนามัยปิดปากด้วย

          “สวัสดีนะ!”

          “ไงหมาเป๋า ตาบวมๆ นะเนี่ย ปู่ครับ สวัสดีครับ ผมมาเยี่ยม” ไอ้ชานนี่ดูท่าจะเข้าหาผู้ใหญ่เก่งนะ ทักผมเสร็จก็เดินไปทักปู่ที่เตียงแบบยิ้มแย้มเหมือนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ ไอ้อาร์คแค่ยกมือไว้แล้ววางของที่หิ้วติดมือมาด้วย

          “ปู่ครับ ผมซื้อมาเยี่ยมครับ” เสียงอู้อี้นิดๆ แถมติดจะแหบด้วย

          “เป็นอะไรน่ะหื้อแว่นๆ”

          “หึๆ แม่งไม่สบาย บอกให้นอนอยู่บ้านก็ไม่เชื่อ อยากจะตามมาด้วย” ไอ้ชานเป็นคนเฉลย พี่หล่อของเราชักสีหน้าใส่เพื่อนรักนิดหน่อยก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมเดาเอานะจากตาหยีๆ นั่น

          “อยากมาเจอมึงไงหมาเป๋า”
          “อ๋อ…เราก็อยากเจอนายนะ”
          “เฮอะ!”

          หืมมมมมมม

          น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของใครบางคนดังขัดขึ้นมา ทุกคนในห้องต่างพร้อมใจกันหันหน้าไปมองไอ้หมาบ้า ดวงตาคมไม่ได้จ้องมาทางนี้ แต่สีหน้าไม่สบอารมณ์นั่นคืออะไร หิวเหรอ?

          “อะไรติดคอมึงเหรอกัน” แว่นๆ ถามขึ้น รู้สึกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ในน้ำเสียงนิดๆ

          “เปล่า” ปฏิเสธเสียงแข็งด้วย ผมเอียงคองงๆ อะไรของมึงวะเฮ้ย หิวมั้ย ให้กูพาไปหาอะไรกินปะ หรือนอนไม่พออาการหมาบ้ากำเริบงี้ ไอ้ชานคนดีหัวเราะเพื่อนตัวเองในลำคอ เหมือนพวกมึงจะเข้าใจกันเนอะว่ามันเป็นอะไร แต่กูนี่แหละที่ไม่เข้าใจ

          “วิป มานี่หน่อย” ปู่เอ่ยเรียก ผมเดินเข้าไปหา ปู่แกมองทุกคนในห้องแล้วขมวดคิ้วหน่อยๆ ท่าทางปู่เพลียๆ แฮะ น่าจะปล่อยให้ปู่พักผ่อนบ้างนะ ผมจะได้ไปหาอะไรกินด้วย หิวชะมัดเลย

          “ว่าไงปู่”

          “กูไม่เห็นรู้เลยว่ามึงมีเพื่อนเยอะแบบนี้” ผมอ้าปากค้างนิดๆ ไอ้พวกข้างหลังนั่นนั่งขำกันไปแล้ว โหยปู่! สะเทือนใจมากเลย ทำไมดูถูกหลานรักแบบนี้ล่ะ แล้วเยอะอะไร นั่นแค่ไม่กี่คนเองนะ คิดว่าไอ้วิปคนนี้จะไม่มีคนคบหรือไงอะ

          “ปู่พูดแบบนี้เดี๋ยวงอแงเลย!” งอน!

          “วิปมันน่ารักครับปู่ เข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว ยังไงเพื่อนก็เยอะครับ” ผมหันไปทำตาวิ๊งๆ ใส่พี่แว่น มึงพ่อพระชัดๆ เลยอาร์ค มาจุ๊บเหม่งทีมา ช่วยแก้ตัวแทนให้ด้วยอะ

          “อย่างนี้เหรอน่ารัก”

          ไม่ว่าที่ไหนก็มีตัวขัดตลอด

          ไอ้หมาบ้า นี่ครั้งที่สองแล้วนะ มึงหิวใช่มั้ย เดี๋ยวกูซื้ออาหารเม็ดให้กินไปก่อนเอาปะ ขัดตลอด อยู่บ้านไม่มีคนให้ขัดใช่มั้ย

          “มึงเป็นอะไรกันๆ หิวหรือไง กูพาไปหาอะไรกินมั้ย ปะๆ” ผมกวักมือเรียกแล้วยื่นมือไปหา จะพาจูงแบบเด็กๆ เลย หนูน้อยกำลังหิวนมแน่ๆ แบบนี้ ร่างสูงชักสีหน้าใส่ เบือนหน้าหนีแล้วไม่ตอบอะไร

          ส้นตีนครับ!

          “ไปกินข้าวไปไอ้วิป กูว่าจะนอนสักหน่อย” ปู่เองก็เห็นด้วยที่จะให้ผมไปกินข้าว ผมรู้ว่าปู่ไม่ได้ง่วงอะไรมากนักหรอก แต่ห่วงผมมากกว่า อยากให้ผมไปหาอะไรกิน ผมก็ไม่ขัด ตอนนี้ไม่อยากเถียงอะไรปู่มาก

          “เอางั้นก็ได้ นานา กินข้าวกัน”

          “มึงไปเหอะ กูแวบไปหาอะไรกินมาแล้ว” เมื่อไหร่วะ ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง

          “กูพาไปก็ได้หมาเป๋า เดี๋ยวมึงหลงทาง” ไอ้ชานเอ่ยแบบขำๆ นั่นคำพูดเหรอ เดี๋ยวตีปากแตกเลย ผมทำปากยื่นปากยาวใส่ จริงๆ คนที่อยากให้พูดคำนี้แม่งกลับไม่พูด นั่งทำหน้าเป็นหมาบ้าอยู่นั่นแหละ

          “ไปกับกูก็ได้นะ กูก็หิวเหมือนกัน กินข้าวกันนะ” ไอ้อาร์คพูดขึ้นมาบ้าง หน้ากากอนามัยไม่สามารถปกปิดความหล่อดูดีของพี่แกได้เลย มือหนายื่นออกมาหาแบบเดียวกับที่ผมทำใส่ไอ้กันเป๊ะ

          เอ่อ…ขอโทษครับ เป็นอะไรกันเนี่ยหื้ออ ทำไมทุกคนพร้อมใจกันเอาใจผมขนาดนี้ ผมยืนเอ๋อ ตัดสินใจไม่ถูก จริงๆ ไปพร้อมกันเลยก็ได้นะ ไอ้นานาเพื่อนรักเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วเบะปากใส่ผมแบบติดจะหมั่นไส้ มึงเป็นอารายยยย

          “ไปกัน…”

          พรึ่บ

          “เรื่องมาก! มึงไปกับกูนี่แหละ!”

          ยังเอ่ยไม่ทันจบคำ ร่างหนาที่นั่งทำหน้าโหดอยู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมา มือหนากอดล็อกคอผมกระชากเข้าหาตัวแล้วเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาดุจัดกวาดมองทุกคนในห้องเหมือนข่มขู่เลยไม่มีใครกล้าเอ่ยขัดอะไร จากนั้นก็ลากผมเดินออกมาจากห้องทั้งแบบนั้น

          “เดี๋ยวๆ พ่อ!”
          “อะไร!”

          “มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย โมโหหิวหรือไง”

          “เรื่องของกูเหอะ” เอ้า อารมณ์เสียใส่กูซะงั้นแหละ ผมหน้าบึ้งปากยื่น พี่แกก็ไม่ยอมปล่อยผมออกสักทีนะ ล็อกอยู่นั่นแหละ หน้ากูจะซุกรักแร้มึงอยู่แล้วนะ เรื่องกลิ่นไม่กลัว พี่ท่านตัวหอมอยู่แล้ว แต่…ก็ไม่น่าซุกปะ?

          อีกฝ่ายเห็นผมทำปากแบบนั้นใส่ก็ยื่นมือมาหยิกปากผม เล่นเอาผมงับปาก เม้มแน่นเลย หยิกเค้ามั้ยเนี่ย! นิสัยไม่ดี! ตีตายเลย!

          “หรือว่า…ไม่พอใจใช่ม้าที่ทุกคนเอาใจกู” ผมชี้หน้าถาม กันๆ ชะงักหยุดเดินไปแวบหนึ่ง ผมยิ้มกริ่ม แน่ะๆ ใช่แน่นอนเลยแบบนี้ หึงเค้าใช่ม้าตัวเอง

          “ไม่ต้องห่วงนะ เราไม่นอกใจนายหรอก” ผมบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ มีแอบถูๆ ไถๆ หน้าลงกับอกของมันด้วย พี่ท่านหยุดเดินแล้วก้มลงมาหา ดวงตาดุจ้องลึกเข้ามา ก่อนจะส่งนิ้วมาจิ้มๆ หน้าผากผม

          “ให้มันจริงเหอะ!”

__________________________________________

ให้มันจริงเหอะ 5555 ความพระเอกเริ่มผุดแล้ว ทำดีแล้วทำต่อไป ปลุกความเป็นพระเอกในตัวกันๆ อย่างต่อเนื่อง
มันเล่นตัวมากเดี๋ยวรู้ฤทธิ์พี่อาร์คเลย เดี๋ยวรู้ เดี๋ยวเจอกัน
ไปเรื่อยๆ ค่ะ เดี๋ยวได้เจอฉากกันๆ ปีนหน้าต่างห้องนุ้งวิป อุอิๆ
ขอบคุณที่ติดตามจ้าา เราจะมาต่อให้ไวที่สุดเลยย

 :mew1: :mew3: :mew1: :mew3:






หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 22-05-2016 20:20:07
กันกันเริ่มหวงละ แอบเอาใจวิปด้วย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Spenguin ที่ 22-05-2016 20:59:19
ซึนน้า...กันๆ o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2016 23:57:57
อร๊ายย. กันๆมีหวงวิปแล้วอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 23-05-2016 10:04:43
ขอให้แรงหึง แรงหวงมันอัดเเน่นภายในอกกันๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ หึ! หมั่นไส้แรงค่ะ ซึนไปเถอะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Janny ที่ 23-05-2016 12:22:58
มีหึงมีหวงนะคะ น้องวิปคะ รุกอีกค่ะ จีบอีกกกกก แต่เราเข้าใจอารมณ์นานานะคะ เออ นี่กูผู้หญิงป่ะ สวยด้วย แต่ทุกคนไปตามเอาใจน้องวิป 5555555555555555555 โอ๊ย เธอ ทำไมเราขำ  :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 23-05-2016 13:55:17
โอยยยยยยยย เป็นเรื่องที่โคตรน่ารักเลย  :m3:

วิปเป็นตัวละครที่น่ารำคาญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ทำไมในความน่ารำคาญนั้นมันถึงได้น่ารักมากๆ อะ?

อ่านแล้วทำให้นึกถึงนางเอกในซีรี่เกาหลีนะ แต่ในความรู้สึกมันก็ไม่ได้เหมือนนางเอกเกาหลีอะ (เข้าใจปะ?)

โอยยยยย ชอบ ถ้ากันๆ ไม่เอา เราขอนะวิปเนี้ย  :laugh3:

.....

กันๆ ก็น่ารัก เหมาะกับการเป็นพระเอกดี แต่คือเราชอบแว่นๆ อะ ผิดไหม ?

 :laugh: :laugh: :laugh:

แว่นน่ารักกกกกก แต่คือแว่นคงคู่กับตองใช่ปะ ?

แล้วชานนี่จะคู่กับนานาไหม ?

แล้วพี่พุอะ..พี่พุจะคู่กะใคร (ออกมาแค่สองฉากก็ยังไม่ลืม)  :jul3:

สงสัยอีกตั้งหลายอย่าง ..  :serius2:

รอติดตามนะครับ..  :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 23-05-2016 20:15:34
ถือว่าเป็นลางดี เราก็นึกว่าพี่กันจะโหดไปตลอด กลัววว 55555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-05-2016 20:36:17
ฮ่าๆๆๆ หมาบ้าออกอาการนิดๆๆๆ
ทำไมเราแอบเชียร์พี่แว่น อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 16] [22 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ben10 ที่ 24-05-2016 17:15:44
หวี๊ดดดดแรงมากกกก กันๆหึงว่ะเห้ยยยย5555
ถึงจะเสียดายพี่อาร์คคนดีแต่เฮียแกทำดีมากคะ ตัวเร่ง ตัวกระตุ้นกันดีมากเลย55555 โอ้ยยย รอตอนต่อไปไม่ไหวววแล้ว มาเร็วๆเถอะะะ :-[
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 17] [28 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 28-05-2016 19:44:31



ตอนที่ 17
 


 
          หลังจากคำว่าให้มันจริงเหอะของกันๆ ผมก็เดินเอ๋อเลย อย่างกับว่ามันหึงงั้นแหละ จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่มโนไปแล้ว เจ๊งปะล่ะ

          เมื่อผมเงียบมันก็ลากพาออกมากินข้าว ดูเป็นคนดีนะ เดินไปซื้อแล้วเอามาให้เสร็จสรรพเลย พี่แกก็นั่งกินของแกไปเงียบๆ ดูยังอารมณ์บ่จอยอยู่นิดๆ ถ้าชวนคุยตอนนี้จะโดนอะไรมั้ยวะ

          อยากคุยนะ คันปากมาก อยากถามว่าหึงใช่มั้ย มันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ อยู่ๆ ก็ลากกันออกมาแบบนั้น ลองคิดย้อนกลับไปดูสิ มีเหรอที่ไอ้หมาบ้านี่มันจะเข้าใกล้ผมก่อน ไม่มีหรอก! แต่คราวนี้พี่ท่านกลับเป็นคนลากผมออกมาเองเลย ไม่เรียกหึงแล้วจะให้เรียกอะไรล่ะ

          “นี่กันๆ”

          “อะไร”

          “มึง…หงุดหงิดอยู่ใช่ปะ”

          โอ๊ะ นั่นไง! ชัดเลย ไอ้กันวางช้อนทันทีที่ผมถามจบ ทำท่าจะลุกหนี ผมร้อนรนรีบดึงแขนอีกฝ่ายให้นั่งต่อ จับช้อนยัดใส่มือหนาเหมือนเดิม รีบไปไหน กินข้าวด้วยกันก่อน โด่ว! ถามแค่นี้ทำเคือง

          จูบปลอบเอามั้ย? หื้อๆ

          ผมพยายามคิดหาเรื่องมาชวนคุย ไม่งั้นพี่แกก็นั่งทำหน้าหงิกอยู่แบบนี้แหละ ปกติก็ออกจะนิ่งๆ แทบจะไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งรอบตัว แต่หน้าหงิกๆ อย่างนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ

          “เฮ้ย พวกกูนั่งด้วย หิวเหมือนกันนะเว้ย เล่นเดินออกมาทิ้งกูเลย” เรื่องชวนคุยยังหาไม่ได้ เรื่องใหม่ก็มาเลยจ้า ไอ้ชานคนดีของเราเดินตรงดิ่งเข้ามาหาพร้อมกับนั่งลงโดยไม่รอให้ใครอนุญาต เพราะมันอนุญาตตัวเองแล้วเรียบร้อย ผมยิ้มให้นิดๆ แล้วมองหาอีกคน

          “ไอ้อาร์คเดินไปซื้อข้าวอยู่ เดี๋ยวก็มา”

          “อ๋อ”

          “ไม่ต้องมองหาขนาดนั้นก็ได้มั้งหมาเป๋า” มันแซว

          เคร้ง!

          เสียงทิ้งช้อนลงบนจานดังขัดบทของผมกับไอ้ชาน ดูเหมือนว่าความอยากอาหารของกันๆ จะปลิวหายไปแล้ว ไอ้เฮียชานเหล่มองก่อนจะก้มลงมากระซิบถามผม

          “มันเป็นอะไรวะ”

          “ผีเข้า”

          “ไอ้วิป…”

          เฮือก!

          “จ๋า~ ที่รัก” ไอ้เราก็นึกว่าจะไม่ได้ยิน พอนินทาไปแค่นั้น เสียงโหดๆ จากไอ้หมาบ้าก็มาเลย ผมยิ้มประจบ เมื่อกี้ไม่นับนะ ร่างสูงเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนตัวเองนิดหน่อยเมื่อผมเรียกมันว่าที่รัก

          “มึงไม่ต้องเหล่กู กูรู้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี” แหงดิ! ก็กูไปร้องห่มร้องไห้ใส่มึงนี่หว่า ถ้าไม่รู้ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว กันๆ ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ดูท่าจะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่ผมชอบและตามจีบมันสักเท่าไหร่

          และอีกไม่นาน ไอ้แว่นที่เดินไปซื้อข้าวก็กลับมา วางข้าวที่ซื้อมาให้ไอ้ชานลงตรงหน้ามัน ก่อนจะนั่งประกบข้างผมอีกด้าน

          เอ่อ…ซ้ายไอ้ชาน ขวาไอ้แว่น พวกมึงขาดความอบอุ่นเหรอ?

          “มึงจะรีบมาทำไมวะ กูว่าจะเลี้ยงข้าวหมาสักหน่อย” ยังไงก็จะมองกูว่าเป็นหมาสินะ ไอ้อาร์คยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ตายิ้มๆ มีเสน่ห์ของพี่แกทำเอาตาพร่าไปชั่วขณะ เจิดจ้าไปพ่อคุณ อะไรจะหล่อขนาดนั้น

          “ไม่เป็นไร กันๆ มันเลี้ยงแล้ว”

          “แค่วันนี้เท่านั้นแหละ!” ไม่วายมีขัดขึ้นมาโดยเจ้าตัว ผมยิ้มแห้งๆ ความดีอกดีใจที่สร้างมาพังหมด ผมว่าไอ้หมาบ้ามันยังตกลงกับตัวเองไม่ได้ว่ะ เดี๋ยวก็ทำเหมือนหึง เดี๋ยวก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ บางทีก็มีห่วงเกินหน้าเกินตา

          ตกลงเอาไง! ช้าจะไม่รอแล้วนะ!

          “มึงไม่เลี้ยงก็ช่างมึง กูเลี้ยงเอง ตัวเล็กๆ แบบนี้เลี้ยงง่าย” ไม่พูดเปล่า ไอ้อาร์คยังมีการมาหยิกแก้มผมด้วยความเอ็นดู และนั่นก็เป็นตัวทำให้หมาบ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเดี่ยวๆ หน้าหงิกหนักกว่าเดิม

          ใจร่มๆ นะ

          “เออนี่ แล้วพวกมึงมากันได้ยังไงอะ” ผมต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกบรรยากาศไม่ดีละ

          “กูโทรหาไอ้กัน แล้วมันบอกว่าอยู่โรงบาล กูถามนู้นนี้ก็เลยรู้เรื่อง ก็เลยว่าจะมาหามึงสักหน่อย” ไอ้ชานเป็นคนตอบ ผมพยักหน้าเข้าใจเบาๆ ร่างสูงฝั่งซ้ายจู่ๆ ก็หันพรึ่บมาหา เหี้ย! ตกใจนะ

          “มีอะไรไม่เคยโทรหากูเลย ไม่เห็นกูเป็นเพื่อนใช่มั้ยห้ะ” อารมณ์ไหนวะเฮ้ย!

          “โทรหายังไง กูมีเบอร์มึงเหรอ” ถามหน้าเอ๋อๆ ผมเคยมีเบอร์มันด้วยเหรอวะ แต่พอนึกๆ ดูแล้วก็ดูจะคุ้นๆ ว่ามีอยู่…มั้งนะ ไอ้ชานทำหน้ายักษ์ใส่ก่อนจะเคาะมือลงมาบนหัวผมเบาๆ

          “ลืมนะ มึงจำไว้เลย”

          “เค้าขอโทษ ต่อไปเค้าจะไม่ลืมนายนะ” แต่กูต้องกลับไประลึกก่อนนะว่าเบอร์มึงอยู่ไหน เอาเข้าจริงๆ ถ้ามีเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก ผมก็คงไม่กล้าโทรหามันหรอก เกรงใจน่ะ เหมือนจะสนิทนะ แต่ก็ไม่กล้าอยู่ดี

          “เห็นมึงยิ้มได้ ยังร่าเริงเหมือนเดิมกูก็ดีใจนะหมาเป๋า น่ารักแบบนี้ไปตลอดนะ” ให้ความสนใจกับพี่ชานได้ไม่เท่าไหร่ พี่อาร์คที่นั่งอยู่ด้านขวาก็ดึงความสนใจกลับไปอีกแล้ว มือหนาวางลงบนศีรษะแล้วขยี้เบาๆ ด้วยความเอ็นดู ดวงตาภายใต้แว่นที่หยีลงนั่นก็บอกได้ว่ามันกำลังยิ้มอยู่

          “วิป มึงจะไม่กินแล้วใช่มั้ย ข้าวน่ะ” หมาบ้ามันขัดขึ้นมาอีกแล้ว ดวงตาดุโหดจ้องผมเขม็งเลย ผมก้มหน้าลงหน่อยๆ เมื่อโดนดุ วันนี้กินน้ำตาลก่อนออกจากบ้านใช่มั้ย ดุฉิบหายเลย

          กินข้าวกันเสร็จก็กลับขึ้นมาหาปู่ที่ห้อง เปิดเข้าไปก็เห็นไอ้นานากำลังแกะส้มให้ปู่กินอยู่ ผมเดินเข้าไปเกาะเตียง

          “ปู่อยากกินส้มเหรอ ผมแกะให้แทนนะ”

          “มึงจะทำห้องเลอะเทอะน่ะสิไม่ว่า” โด่ว~ ปู่ แค่ส้มนะเว้ย ไม่เลอะเทอะอะไรขนาดนั้นหรอก ผมแย่งหน้าที่ไอ้นานามา แม่คุณก็เลยย้ายตัวเองไปนั่งรวมกับไอ้พวกนั้น

          “ส้มนี่หวานดี ขอบใจมากนะ” ปู่หันไปพูดกับไอ้แว่น พี่แกมีท่าทีนอบน้อมขึ้นมาทันทีเลย ผมแกล้งเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ มันดูดีไงไม่ใช่อะไร ร่างหนาชี้นิ้วคาดโทษกลับมา

          “หวานก็ดีเลยปู่ ผมชอบกิน”

          “ไอ้หมาเป๋า ไอ้อาร์คมันซื้อมาให้ปู่ ไม่ได้ซื้อมาให้มึง” ไอ้ชานขัด

          “ไม่เป็นไร ไว้กูซื้อให้ใหม่ก็ได้หมาเป๋า เดี๋ยวเลี้ยงให้อ้วนเลย” มนุษย์จิตใจดี ยังไงก็ยังเป็นมนุษย์จิตใจดีอยู่วันยังค่ำ ผมทำหน้าปลื้มปริ่มใส่พี่แว่น (ให้เป็นพี่พักนึง) ไอ้ชานถีบขาเพื่อนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ นี่คือตัวอย่างของคนนิสัยไม่ดี มันพาลครับ

          “มึงเป็นคนดีแล้วนะชาน แต่มึงควรจะเป็นคนมีน้ำใจด้วยนะหื้อออ” ช่วงนี้ขออวยพี่อาร์คแว่นนะหื้ออ ดีไปซะทุกอย่างจริงๆ ร่างหนายิ้มให้เมื่อโดนชม ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมเดาว่าต้องโดนลูบหัวลูบหางกลับมาแน่ๆ

          พรึ่บ

          “ถ้าไม่มีอะไร กูกลับก่อนนะ” อยู่ๆ ไอ้หมาบ้าก็ลุกพรวดขึ้นมา สีหน้าเรียบๆ แต่ดวงตาดุจัด ใครไปเหยียบหางอะไรมันอีกวะ ผมอ้าปากอยากจะรั้งให้อยู่ต่อ แต่เพราะตาดุๆ ของพี่แกนั่นแหละทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไร

          “แล้วแต่มึงดิ กลับไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องห่วง นานาถ้าเธอมีธุระก็กลับก่อนได้นะ เดี๋ยวไอ้วิปฉันดูแลเอง เดี๋ยวส่งให้ถึงบ้านเอง” แต่ก็ยังมีผู้กล้าอยู่ ไอ้อาร์คพูดขึ้นมาแบบยิ้มแย้ม ไม่สะเทือนหวั่นเกรงอะไรกับความโหดของพี่กันๆ เลยสักนิด แถมตบท้ายด้วยการยักคิ้วให้เพื่อนอีก

          เดี๋ยวไอ้วิปฉันดูแลเอง…ฟังแล้วสยิวแปลกๆ ว่ะ

          “ผมกลับก่อนนะครับปู่” มันลาปู่เสร็จปุ๊บก็จะเดินออกจากห้อง โดยที่ผมยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยรั้งอะไรสักนิด แม้แต่หางตายังไม่แลกันเลย ใจร้าวนะแบบนี้

          “เดี๋ยวไอ้กัน กูขอคุยด้วยหน่อย” และไอ้อาร์คก็ลุกตาม ผมมองพวกมันที่ยืนจ้องตากันเงียบๆ สลับไปมา และก็พากันเดินออกจากห้องไป ผมรีบย้ายตัวเองจากข้างเตียงปู่ไปหาอีกสองคนที่เหลืออยู่

          “พวกมันจะคุยอะไรกันวะ ดูจริงจังเหี้ยๆ” ผมเปิดประเด็นก่อนเลย นี่เรียกว่าการสุมหัวครับ เพราะพวกเรากระซิบการซาบไม่ให้ปู่ได้ยิน

          “กูไม่รู้” ไอ้นาส่ายหัว

          “กูคิดว่ากูรู้” ไอ้ชานยิ้มแล้วยักคิ้ว แต่ไม่ยอมเฉลยนะว่ามันรู้อะไร ผมทำหน้าขัดใจ ไว้รอถามไอ้แว่นตอนกลับมาก็ได้วะ แว่นๆ ของเราเป็นคนดีอยู่ มันบอกแน่ๆ


.

.


          สองหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องมีสีหน้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนแรกมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในแววตากลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ และพร้อมจะอาละวาด ส่วนคนที่เดินตามหลังมากลับมีสีหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่รู้ว่าเพื่อนของตนกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

          และพอเดินมาถึงจุดที่ไร้ผู้คน กันก็หยุดแล้วหันกลับไปหาเพื่อน

          “มึงมีอะไร” เอ่ยถามเสียงเรียบ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนตัวเองขึ้นมาแบบฉับพลัน ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ แต่รู้สึกว่า…พอเห็นหน้ายิ้มแย้มของมันแล้วอยากจะซัดให้สักที

          อาร์คยังไม่เอ่ยถามออกไปทันที กอดอกมองสำรวจท่าทีของเพื่อน ตัวเขาพอรู้ว่าเพื่อนคนนี้มันเป็นอะไร และก็คิดว่าเจ้าตัวก็พอจะรู้ เพียงแต่ไม่ยอมรับเท่านั้น

          “มึงมีอะไร” กันถามย้ำอีกครั้ง อาร์คหุบยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนไปจริงจัง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อนรัก ก่อนจะเอ่ยปากบอก

          “เรื่องไอ้วิป”

         กันชะงักไป ในใจรู้สึกไม่อยากจะคุยขึ้นมาดื้อๆ แต่แน่นอน อีกฝ่ายไม่ยอมให้เดินหนีแน่ ร่างสูงเบือนหน้ามาอีกทาง ทำท่าทีคล้ายไม่อยากคุย อาร์คแสยะยิ้มให้กับเพื่อนตัวเอง ดวงตาคมวาววับขึ้นมาเล็กน้อย

          “กูรู้ว่าตอนนี้วิปมันตามจีบตามตื๊อมึงอยู่”

          “แล้วยังไง”

          “กูอยากถาม มึงคิดยังไงกับมัน” สิ้นคำต่างฝ่ายก็ต่างเงียบด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน ด้านหนึ่งกำลังรอคำตอบ ส่วนอีกด้าน…กำลังคิดหาคำตอบให้ เพราะในหัวเขานั้น…มันไม่มีอะไรที่จะตอบเลย

          คิ้วเข้มขมวดมุ่น ก็คิดเอาไว้แล้วว่าต้องโดนถามอะไรแบบนี้ และก็คิดไว้แล้วเหมือนกันว่ายังไงก็ตอบได้โดยไม่รู้สึกอะไร แต่พอเอาเข้าจริงๆ ปากมันกลับไม่ยอมพูด และคำตอบในหัวกลับไม่มีเอาดื้อๆ

          ยิ่งพอมองหน้าอีกฝ่ายที่กดดันรอคำตอบแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด มันแสดงเจตนาชัดเจน แสดงออกให้เห็นหมดว่ารู้สึกยังไงกับไอ้หมาตัวเล็กนั่น แต่เจ้าตัวยังดูโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว มันน่าหงุดหงิดนัก!

          “มึงจะถามทำไม” และเมื่อคิดคำตอบให้ไม่ได้ ก็เลือกที่จะถามอีกฝ่ายกลับไป ดูเป็นการยื้อเวลาให้ตัวเองเสียมากกว่า เพราะเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าอาร์ครู้สึกยังไง และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจอยู่ในขณะนี้

          “กูคิดว่ามึงรู้นะ แต่ในเมื่อมึงถามกูก็จะตอบให้ กูชอบมัน ชอบมากด้วย”

          เหี้ยเอ้ย!

          คำๆ นี้ดังลั่นขึ้นมาให้หัวทันทีที่อีกฝ่ายตอบ มีความรู้สึกว่าจะได้ตัดเพื่อนก็วันนี้นี่แหละ

          “กูเห็นที่มึงพูดแล้วกูรู้สึกไม่ชอบ วิปมันไม่ควรจะต้องเจออะไรอย่างนี้”

          “มึงจะเดือดร้อนทำไม”

          “ก็เพราะกูชอบมันไง อะไรที่ทำให้มันรู้สึกไม่ดีกูก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ถ้ามึงไม่ได้ชอบมันจริงๆ ก็ควรพูดไปตรงๆ ให้มันตัดใจซะ ไม่ต้องยุ่งเลยยิ่งดี” กันหันขวับมาจ้องหน้าเพื่อน ไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายสั่งแบบนั้น เขาจะทำอะไรยังไง มันก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่ง

          “มึงไม่รู้เหรอว่ากูพูดไปตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่ไอ้วิปเองนั่นแหละที่ยังไม่เลิกเข้าหากู” อาร์คหรี่ตามอง คำพูดกับสีหน้าของเพื่อนมันไปกันคนละทางเลย แต่ในเมื่อเจ้าตัวเขาว่ามาแบบนั้น ก็จะเชื่อไปตามที่บอก

          “งั้นแสดงว่ามึงไม่สนใจถ้ากูจะจีบมัน”

          กึก

          “มึงถอยไปไกลๆ ซะ ยิ่งมึงอยู่ใกล้มัน มันยิ่งตัดใจไม่ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก ที่เหลือกูจะดูแลเอง” ที่ผ่านมาเขายอมแล้ว ยอมให้เพื่อนคนนี้ เพราะส่วนสำคัญเลยคือ…วิปไม่ได้ชอบเขา เจ้าหมาน้อยตัวเล็กนั่นชอบเพื่อนของเขาต่างหาก และแน่นอน เขาไม่ยอมให้เรื่องพวกนี้มาทำให้ความสัมพันธ์ของเพื่อนต้องพังแน่ๆ

          ที่ถอยให้ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจริงจัง แต่คนไม่ชอบไม่รัก จะไปฝืนมันก็ไม่ได้ และเพราะความร่าเริงในทุกๆ ครั้งที่เจอกัน ทำให้เขาไม่อยากเอาเรื่องน่าลำบากใจไปใส่ลงในตัวร่าเริงแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีในแบบที่จะบอกว่าแค่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขก็พอแล้ว ถ้ากันไม่ใช่เพื่อน สาบานได้ว่าเขาแย่งมาเป็นของตัวเองไปนานแล้ว!

          แต่ครั้งนี้ที่ต้องพูด ส่วนหนึ่งก็อยากให้เพื่อนมันเข้าใจตัวเองสักที อาการที่มันแสดงออกมานั้นชัดเจนมากๆ ว่ารู้สึกยังไงกับเจ้าหมาน้อยนั่น มันหึงออกนอกหน้าแบบนี้ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

          วิปเองก็คงรู้สึกได้ แต่เพราะร่างสูงยืนยันว่าไม่ได้ชอบ ปากแข็งขนาดนี้ แถมชอบพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บอยู่บ่อยๆ คงไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองหรอกมั้งว่ามันหึง

          พูดในครั้งนี้ทำเพื่อให้ทั้งสองคนได้รักกันเร็วขึ้น และเพื่อตัวเขาเองด้วย เพราะถ้าคนที่เขากำลังคุยด้วยไม่สนใจวิปจริงๆ เขาจะได้เดินหน้าเต็มที่เสียที!

          “ว่าไง กูรอคำตอบของมึงอยู่” อาร์คกดดัน อยากกระชากคอไอ้โง่ตรงหน้าแรงๆ แค่พูดว่ากูก็ชอบมันเหมือนกัน มันยากมากนักหรือไง มองดูอีกฝ่ายที่กัดฟันกรอดไม่อยากตอบนั่นก็พอรู้แล้ว

          “ไอ้กัน…”

          “มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง!” แต่คำตอบที่ได้กลับมามันเป็นคำตอบที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก อาร์คขมวดคิ้วฉับ จะอ้าปากด่าอีกฝ่ายก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะทันทีที่ตอบออกมาก็หันหลังเดินหนีไปทันที

          “ไอ้ควายเอ้ย!”


……………………..



          ผมนั่งยุกยิกๆ อยู่ไม่สุข เราอยากรู้พวกนั้นคุยอะไรกัน ไอ้ชานนี่ชิวมากเลย ผมพยายามทำหน้าอ้อนให้พูดแล้วนะ แต่มันใจแข็งเกินไป ไม่ยอมเอ่ยปากบอกอะไรสักคำ ส่วนแม่สาวคนสวยก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว นั่งเล่นโทรศัพท์สบายอารมณ์

          “สรุปมีกูคนเดียวเหรอวะที่อยากรู้”

          “ใช่ เพราะมึงมันขี้เสือกไง” ไอ้ชานหันมาแหย่พร้อมกับป้อนส้มเข้าปากผมด้วย จะงอนก็งอนได้ไม่เต็มที่ เห็นแก่ที่มันแกะและป้อนส้มให้กินหรอกนะ

          “เออนี่ไอ้ชาน กูรู้สึกว่า…ไอ้อาร์คมัน…ใจดีกับกูเกินไปเปล่าวะ”

          “เพิ่งรู้สึกเหรอ” อ้าว! พูดอย่างนี้หมายความว่าไงวะ ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วให้หนึ่งทีแล้วกลับไปกินส้มต่อ ไอ้บ้านี่ชอบพูดให้สงสัยอยู่เรื่อย และพอจะถามก็ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง มันน่านัก!

          “หรือว่า…มันจะชอบมึงวะไอ้วิป” ไอ้นานายื่นหน้าเข้ามาพูด ผมตาโตหันไปมอง ดีนะที่ปู่กินยาและหลับไปแล้ว ไม่งั้นล่ะมึงเอ้ย! งานงอกจ้า

          แต่...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็แอบคิดเหมือนไอ้นาว่ะ

          อย่าเพิ่งด่าว่าหน้าตาดี เพราะอันนั้นเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว และผมก็ไม่ได้หลงตัวเองนะ ผมหลงไอ้หมาบ้ามันอยู่ แต่พี่อาร์คท่านดูหยอดแปลกๆ ว่ะ คิดย้อนกลับไป มันพูดประมาณนี้ใส่ผมตลอดเลยนะ

          “มึงอยากรู้ก็รอถามมันดูสิ จะยากอะไร” ไอ้ชานยักไหล่พูดชิวๆ ใช่เลยคนดี! ไม่ยาก แต่พอจะถามจริงๆ มันก็พูดไม่ออกหรือเปล่าหืม อยู่ๆ จะให้เดินเข้าไปตรงหน้าไอ้แว่นสุดหล่อนั่นแล้วถามไปตรงๆ ว่ามึงชอบกูเหรอ…งี้อะนะ?

          คุณพระคุณเจ้า! ไอ้วิปยังไม่มั่นขนาดนั้น

          แกร๊ก

          “นั่นไง มันกลับมาแล้ว มึงถามเลย” ไอ้ชานผลักไหล่ผมเบาๆ พี่แว่นคนหล่อเดินเข้ามาได้ยินพอดีก็เลิกคิ้วถาม ผมส่ายหน้ารัวๆ ห่าชานนี่ก็โยนมาแบบไม่ถงไม่ถามกูสักคำว่าพร้อมมั้ย

          “กันๆ กลับไปแล้วเหรอวะ”

          “อืม ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวกูไปส่งมึงเอง”

          “ไม่ได้ห่วงเรื่องน้านนน~” ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ไอ้อาร์คเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วหยิบส้มที่ไอ้ชานปอกแล้วเรียบร้อยเข้าปาก มีหน้ากากอนามัยอยู่แต่ก็ยังคิดที่จะกินเนอะ ตกลงซื้อมาให้ปู่ใช่มั้ยวะ พวกเรามานั่งกินซะเกือบหมดแล้วเนี่ย

          “แล้วเท้ามึงเป็นอะไรมากเปล่าวิป เห็นเดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่” ไอ้อาร์คก้มลงมองที่เท้าผม สีหน้าและแววตาฉายแววเป็นห่วงเป็นใยออกมาแบบไม่มีปิดบัง เล่นเอาผมหน้าร้อนขึ้นมานิดๆ

          แหมๆ คนหล่อห่วงว่ะ

          “ไม่เท่าไหร่ เดินลำบากนิดหน่อยแต่ก็ได้อยู่” ผมยักคิ้ว

          “หึๆ เก่งมากเลยหมาเป๋า” มันลูบหัวผมแล้วยิ้มให้ พี่แกยิ้มพร่ำเพื่อมากขอบอก ตั้งแต่เจอหน้ากันนี่ยิ้มให้ผมหลายครั้งแล้วนะ ไอ้ผมก็ยิ้มตามได้ทุกครั้ง อย่างที่เคยบอกไป ไอ้อาร์คเวลามันยิ้มให้ คนที่ได้มองแล้วต้องยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้

          พวกเราอยู่กันถึงตอนเย็น หนังสือหนังหาไม่ต้องอ่านกันแล้วแบบนี้ อยู่จนปู่ไล่กลับนั่นแหละถึงได้ยอมย้ายตัวเองออกมา ไอ้เราก็อยากอยู่ต่ออีกนิดง่ะ

          และเมื่อผมมีไอ้อาร์คคอยไปส่งอยู่แล้ว นานาคนสวยเลยแยกไปก่อนได้เลย และก็เหลือเราสามคน กับรถไอ้อาร์คอีกหนึ่งคัน ตอนมาไอ้ชานมากับไอ้อาร์ค

          “เดี๋ยวมึงไปส่งหมาเป๋ามันแล้วกัน ส่วนกูกลับเอง”

          “ได้ไงล่ะหื้อออ พวกมึงมาด้วยกันนะ” ผมแย้ง

          “บ้านมึงอยู่ใกล้ไอ้กันใช่มั้ย อยู่คนละทางกับกูเลย เสียเวลาไอ้อาร์คมันด้วย จะตายหรือยังก็ไม่รู้ ไม่สบายแล้วยังเสือกแรดออกมาอีก” ยังมีไปแขวะเพื่อนตัวเองอีกนะ

          “กูอยากเจอหน้าหมาบ้าง ไม่ได้หรือไงวะ” แว่นๆ เขาเถียง แต่เรารู้สึกไม่ดีเลยตัวเอง หน้าหมา…ฟังเหมือนด่าเลยเนอะ

          สรุปแล้วไอ้ชานก็กลับเอง ส่วนไอ้อาร์คก็มาส่งผม ผมบอกไปว่าอยู่ซอยเดียวกับไอ้กันนั่นแหละ มันเองที่รู้ทางอยู่แล้วก็ไม่ได้ถามอะไร ระหว่างทางก็มีหันมามองผมอยู่หลายครั้ง

          “มองกูบ่อยๆ กูก็เขินนะเฮ้ย” ผมแกล้งพูด

          “ก็กะมองให้เขินอยู่” และดูมัน ตอบอะไรน่าตีเป็นที่สุด

          “เออนี่ มึงออกไปคุยอะไรกับไอ้กันอะ เห็นหน้าจริงจังมาก” เรื่องเผือกเราจะไม่ปล่อยผ่าน ไอ้อาร์คเลิกคิ้วนิดๆ แล้วดึงหน้ากากอนามัยออก เฮ้ยๆ อย่าแพร่เชื้อนะ

          “ถ้ากูติดหวัดจากมึงจะทำยังไงห้ะ”

          “ไม่เป็นไร เดี๋ยวดูแลเอง” จ้า หยอดกูอีกแล้วจ้า ผมยิ้มเก้อๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรดี แหมะ…บรรยากาศเหมือนจะอึดอัดแปลกๆ เนอะ กระโดดลงจากรถทันมั้ยอะ

          “กูคุยกันเรื่องของมึงวิป”

          คุยเรื่องของเค้าทำไม เค้าอยากอยู่เงียบๆ อย่ามายุ่งกับเค้านะ!

          “กูบอกมันไปว่ากูชอบมึง”

          “อ๋ออออ…” แล้วกูจะอ๋อทำส้นตีนอะไร บทนี้ควรจะนั่งอึ้งเงียบๆ ไม่ใช่เหรอวะ แหม…เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย ผมนี่หน้าตาดีจังเลย ไอ้พี่พลุขาโหดก็ทีหนึ่งแล้ว แล้วยังจะมาแว่นอาร์คคนดีอีก

          ขาดก็แต่มึงอะกันๆ ไม่ชอบกูสักที

          “กูบอกมันไปว่าจะจีบมึง ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับมึงก็ขอให้มันถอยไปไกลๆ ซะ” พี่แกพูดต่อ ผมเริ่มอยากรู้และว่าไอ้หมาบ้ามันตอบกลับไปว่ายังไง แต่อีกใจก็กลัวคำตอบเหมือนกันนะ เราไม่อยากเสียใจอะนาย

          “วิป”

          “ครับผม!”

          “มองกูบ้างนะ สัญญาว่าจะทำตัวน่ารัก”


100 %

_________________________________________________
พี่อาร์คคคคคคคคคคคค ทำไมพี่อาร์คถึงดีงามขนาดนี้คะ รักค่ะ รักนะคะ 55555
เป็นไรล่ะ สัญญาว่าจะทำตัวน่ารักด้วย เป็นไงล่ะกันๆ มึงแพ้ไปเลย #สะใจ พระเอกแม่งปากแข็ง เรื่องตูก็ยืดไปอีก เพราะมึงอะกันๆ #โทษ ฮ่าๆ จริงๆ ไม่ใช่หรอก ก็อยากให้ไปเป็นไปตามนิสัยของพี่กันแก แกเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
อย่าได้สงสัยว่าทำไมตัวๆ อยู่ๆ ก็หึง ลองคิดดูนะ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเข้ามาเต๊าะหมาเป๋าแบบต่อหน้าให้เห็น นางก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอเจอเข้าจริงๆ ก็รับไม่ได้จ้าาาา สมน้ำหน้ามึงจ้าาาาา (ไหนบอกสิว่ารักพระเอกเรื่องนี้ 555)
เราจะพยายามไม่ออกทะเลนะ เพื่อที่จะให้คนอ่านได้ฟินกับฉากมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอะห้ะอ้ะห้ะเร็วๆ
ตอนหน้าจะมาให้เร็วครับ ไหนคนอ่าน...สัญญาสิว่าจะทำตัวน่ารัก 555
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ รัก :D



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 17] [28 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 28-05-2016 21:39:03
เค้าสัญญาว่าจะทำตัวน่ารัก 55555

พี่แว่นน่ารักว่ะเฮ้ย จีบได้ไหมเนี้ย 5555555

โอยยยยย นี่ปันใจให้พระรอง อยากให้วิปเห็นนะ แต่วิปคงไม่เห็น เพราะมันซื่อบื้อ 5555555

รักเรื่องนี้จัง รักอิวิปมัน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 17] [28 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2016 21:52:02
สมน้ำหน้าอีกันๆ ชอบทิ้งคว้างวิปดีนัก ทีนี้ละจะรู้สึก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 17] [28 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 28-05-2016 23:03:01
พี่อาร์คคคคคค เอาใจหนูไปเลย ออร่าพระเอกจับมาก รักค่ะ นี่สิคุณค่าที่วิปคู่ควร คนชื่อกันนั้นเค้าคือใครคะ พระเอกคือพี่อาร์ค
ปล. หมั่นไส้ความปากเเข็งของกัน ชิ! 5555555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 17] [28 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 29-05-2016 01:34:05
เชียร์พี่แว่นอ่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 17] [28 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 29-05-2016 05:31:33
พี่อาร์คคคคฮืออคือดีอ่ะฮืออ
หนูรู้ว่าพี่ไม่ใช่พระเอกเเต่หนูเชียร์พี่สุดใจขาดดิ้นค่ะหมั่นไส้กัน555555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 17] [28 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-05-2016 13:06:45
พี่แว่น แบบว่าดีงามค่ะ ยิ่งหลงไปใหญ่ เคลิ้มมมมมม
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 17] [28 - 5 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 30-05-2016 20:08:11
โอ้ยยทำไมอิกันซึนขนาดเน้ :katai1: ระวังเถอะวันไหนวิปเริ่มถอยจะสมน้ำหน้า วะฮ่าๆๆๆๆ :hao6:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 18] [4 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 04-06-2016 15:56:13
ตอนที่ 18
 


 
          พี่อาร์คของเราเดินหน้าอ่อยเต็มที่ด้วยการยื่นหน้าเข้ามาพูดกับผมใกล้ๆ ดีนะที่ติดไฟแดงอยู่ ไม่งั้นได้ไปทักทายกับเสาไฟฟ้าข้างทางแน่ๆ ผมยิ้มแห้งๆ แง่งง~ แบบนี้เค้าควรตอบอะไรดีล่ะ เค้าคิดไม่ออก

          “กูรักเดียวใจเดียวนะ” มันยังไม่หยุดโฆษณาตัวเอง

          จริงๆ อยากบอกมากเลยว่า ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็น่ารักพออยู่แล้ว แต่คือ…ถ้าพูดไปเดี๋ยวหาว่ามีใจให้ ผมเลยเลือกที่จะเงียบไว้ก่อนดีกว่า พอดีกับที่เหลือบไปเห็นว่าไฟเขียวพอดี

          “แว่นๆ ไฟเขียวแล้วนะ” ผมร้องเตือน ร่างสูงชะงักนิดแล้วยิ้มแบบไม่ถือสา

          “เอาตัวรอดนะ”

          แน่นอนสิพ่อคุณ ไม่เอาตัวรอดกูก็ไม่รู้จะตอบอะไรน่ะสิ

          หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เงียบ ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรเหมือนกัน เดี๋ยวโดนคนหล่อหยอดกลับมาอีกเลยนั่งเงียบไว้ดีกว่า คิดๆ ไปแล้วเรื่องมันก็น่าเศร้านะ คนที่เราชอบกลับไม่ชอบเรา คนที่เราไม่ได้รู้สึก ไม่ได้คิดอะไรด้วยกลับมาชอบเราเฉย! สองคนแล้วนะ แถมผู้ชายด้วยแก! ควรดีใจมั้ย

          พี่พลุแกเองก็ไม่ค่อยได้โผล่มาให้เจอสักเท่าไหร่ แต่เวลาเจอกันก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ถึงจะดูโวยวายพร้อมลงไม้ลงมือตลอดก็เถอะ แต่จนถึงทุกวันนี้ผมยังไม่เคยโดนพี่แกทำให้เจ็บตัวเลย

          พี่แกน่ารักนะ

          ส่วนอาร์คๆ รายนี้น่ารักอยู่แล้ว ทั้งนิสัย ทั้งหน้าตา มันพาผมยิ้มได้ตลอด แถมแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเสมอ ทุกครั้งที่เจอก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม ต่างจากใครบางคนลิบเลย

          ไอ้กันน่ะเหรอ…อย่างที่เห็นแหละ หน้าเป็นตูดตลอด! เข้าใกล้ทีก็ตีตัวออกห่าง น่าหมั่นไส้ปะล่ะ แถมวันนี้ยังมีท่าทีแปลกๆ อีกด้วย ทำเหมือนกับว่ามันชอบผมงั้นแหละ

          อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งเวลาที่ผมเข้าหาหรือเข้าใกล้ไอ้กัน รอบข้างจะไม่มีคนอื่น มีแค่ผมกับมัน แต่ในวันนี้ ทั้งไอ้ชานและไอ้อาร์คต่างก็แสดงท่าทีเป็นห่วงและเอาใจผม มันเลยไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในใจหมาบ้าเข้าให้

          ขอให้เป็นเรื่องดีกับผมก็แล้วกัน

          “หมาเป๋า”

          “ครับผม!” ผมขานรับกลับไปเสียงดัง คนกำลังอยู่ในห้วงความคิดก็มาเรียกกันซะงั้น ผมเหรอหรา ไอ้อาร์คดูชอบใจไม่น้อยกับสีหน้าแบบนี้ของผม

          “เหม่ออะไรครับ ถึงซอยบ้านแล้ว กูจะถามว่าบ้านมึงหลังไหน” อ๋อ เรื่องนี้เอง มึงก็นะ ไอ้ผมน่ะขานรับไปแบบไม่ตั้งตัว มันออกไปเอง แต่มันกลับพูดครับกลับมาซะงั้นแหละ เราไม่ได้ชวนเข้าโหมดไพเราะนะ โอเคนะ

          พอขับมาถึงหน้าบ้านผมก็บอกให้จอด กำลังจะเปิดประตูลงไปเลย แต่มือหนาของคนที่นั่งข้างๆ กลับยื่นออกมากุมมือผมไว้เสียก่อน ผมเลยต้องนั่งนิ่ง ลงจากรถไม่ได้

          “คุยกันก่อนได้มั้ย”

          “เอ่อ…อ่า ได้ๆ เข้าไปคุยในบ้านเนอะ”

          “ไม่กลัวกูปล้ำเหรอ”

          กึก

          “เอ่อ…กูรู้มึงไม่ทำหรอก มึงเป็นคนดี จิตใจงาม”

          “ไม่นะ กูไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ตอนนี้กูยังอยากจูบมึงเลย” พี่แกไม่พูดเปล่า เลื่อนสายตามามองที่ริมฝีปากของอีกด้วย! ผมนี่เม้มปากแก้เขินเลย อะไรมันจะรุกหนักแบบนี้ มองซ้ายมองขวาหาทางเอาตัวรอด เอาไงดีวะ

          “คือ…เราไม่ให้หรอกนะ”

          “ว้า…เสียดายแฮะ” ร่างสูงทำหน้าเสียงดายพร้อมกับเสียงเล็กเสียงน้อยที่น่าตบนั่น แต่ดูจากแววตาแล้วไม่ได้รู้สึกเสียดายอย่างที่บอกสักนิด คงรู้อยู่แล้วล่ะว่าผมต้องพูดแบบนี้ อาร์คมันน่ารักก็ตรงนี้แหละ ถึงแม้ปากจะพูดรุกเอาๆ แต่ก็ไม่ทำอะไรให้ผมต้องรู้สึกอึดอัดเกินไป

          เราย้ายเข้ามาคุยกันในบ้าน ผมเดินไปหยิบโค้กออกมาให้มันกระป๋องหนึ่ง นี่ถ้าปู่อยู่ปู่บ่นแล้วนะ ปู่แกไม่ชอบให้กินน้ำอัดลมเท่าไหร่ แต่ที่มีอยู่ในตู้เนี่ย ปู่ก็เป็นคนไปซื้อทั้งนั้น

          “บ้านน่ารักดีนะ รูปมึงเต็มเลย” เข้ามาได้พี่ท่านก็เดินสำรวจบ้านเลย แอบยิ้มให้กับรูปผมตอนเด็กๆ อยู่หลายรูป ผมต้องทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเบือนหน้าไปทางอื่นซะพร้อมกับพัดหน้าตัวเองให้หายร้อนด้วย!

          “นี่ๆ มาคุยกันเถอะ บอกว่าจะคุยไม่ใช่เหรอ เรื่องอะไรล่ะ” ผมต้องรีบเบรกไว้ก่อน ไม่งั้นพี่แกก็เพลิดเพลินกับรูปผมอยู่นั่นแหละ ไอ้อาร์คยิ้มขอโทษนิดๆ แล้วเดินมานั่ง

          “จะจีบ”

          เอ๊อะ!

          “บอกว่าจะจีบ”

          ครับพ่อ

          “บอกว่าจะจีบนะ”

          “เออ กูรู้แล้ว!” ย้ำอยู่นั่นแหละ เริ่มเข้าใจความรู้สึกไอ้หมาบ้าหน้าโหดขึ้นมาหน่อยๆ แฮะเมื่อโดนพูดแบบนี้ใส่ มันทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ ผมเกาแก้มแก้เขิน ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาดื้อๆ

          “แต่…แต่มึงก็รู้หนิว่ากูชอบกันๆ”

          “อะห้ะ กูรู้”

          “แล้วก็รู้ด้วยใช่ปะว่ากูไม่ได้ชอบมึงอะ” ผมตีหน้าแบ๊วบอกออกไป ต้องแบ๊วไว้ก่อน เกิดอีกฝ่ายโมโหร้ายขึ้นมาผมก็แย่น่ะสิ ร่างสูงชะงักไปนิด ไม่คิดว่าจะโดนพูดแบบนี้กลับมา แต่แล้วก็ยิ้มออกมา

          “ให้ตายเหอะวิป มึงไม่ต้องบอกตรงๆ แบบนี้ก็ได้นะ เสียใจเลยว่ะ” ไอ้อาร์คมันยกมือกุมหน้าอก ผมหน้าเสียเลย แง่ง~ เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ

          “กูขอโทษนะ”

          “ไม่เป็นไร ให้อภัยเสมอ” พูดจบก็ขยิบตาให้ จ้าๆ พ่อขยันหยอด พ่อคนรวยมุกจีบ ความเสียใจเมื่อกี้มึงปลิวหายไปไหนแล้วล่ะ ล้อหลอกผมได้ดีจริงๆ ผู้ชายคนนี้

          “วิป ขอกูพูดอะไรหน่อยได้มั้ย”

          “โอ๊ยพ่อ พูดมากขนาดนี้แล้วไม่ต้องขอหรอก”

          ไอ้อาร์คยิ้มขำ “กูอยากบอกมึงว่ามึงน่ะตามจีบไอ้กันได้เท่าที่ใจมึงต้องการเลย แต่มึงควรถอยออกมาบ้าง ถ้ามันเล่นตัวนักก็ไม่ต้องไปสนใจมัน”

          เดี๋ยวนะ นั่นคือคำแนะนำ?

          “มันแสดงออกว่าชอบมึงบ้างมั้ย” พี่อาร์คพาเข้าโหมดจริงจัง ทำเอาผมเครียดไปด้วยเลย เครียดว่าควรจะคุยกับมันไปแนวไหนดี พูดไม่เข้าหูจะโดนฟาดเอามั้ย ผมนั่งคิด แสดงออกเหรอ แบบชัดๆ ก็ไม่มีหรอก กันๆ ขี้เก๊กจะตาย กว่าจะเห็นมันหลุดขำได้ก็นานเหมือนกัน

          “แสดงออกตรงๆ ก็ไม่เคยหรอกนะ แต่หลังๆ มานี้มันยอมก็มากขึ้น ยอมกินข้าวด้วย ยอมให้ไปหา ยอมรับโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าทุกครั้งไอ้กันจะทำหน้าเบื่อใส่ก็เถอะ”

          “อะห้ะ แล้วยังไงต่อ”

          “แล้วมันก็เริ่มมาดีตอนเกิดเรื่องปู่นี่แหละ กูไม่ได้รู้สึกไปเองนะ แต่กูคิดว่ามันเป็นห่วงกูจริงๆ มันน่ารักขึ้นมากเลยอาร์ค แถม…มันยังทำเหมือนกับหึงกูอีก ตอนที่มึงกับไอ้ชานเอาใจกู” ผมเล่าไปยิ้มไป ไม่ได้สังเกตอาการของอีกฝ่ายเลยว่ากำลังยิ้มไม่ออกแล้ว

          “อืม กูก็คิดว่ามันหึง”

          “จริงดิ!!” ผมร้องถามเสียงดังตาเป็นประกาย หึงเหรอ หึงจริงๆ ใช่มั้ย เห็นมั้ยว่าผมไม่ได้คิดไปเองน่ะ มีไอ้อาร์คมาช่วยคิดอีกคนหนึ่งแล้ว

          “กูปวดใจนะเนี่ยที่ต้องมานั่งพูดเรื่องนี้กับมึง”

          “ถ้ารู้สึกไม่ดีเราคุยกันเรื่องอื่นก็ได้นะ” ดูเป็นคนหน้าตาดีมากอะ ทำคนอื่นเขาเสียใจด้วย แต่ผมไม่ชอบความรู้สึกผิดแบบนี้เลย ไอ้อาร์คมันเหมาะกับรอยยิ้มเจิดจ้ามากกว่า นั่งยิ้มเศร้าๆ แบบนี้ไม่เข้ากันเลย

          “อย่าเครียดน่า เพราะกูชอบมึงนะวิปกูถึงจะช่วย” มือหนาขยี้ศีรษะผมเพื่อไม่ให้ผมเครียด ท่าทีอ่อนโยนเหมือนเคย อย่าทำดีด้วยสิ น้ำตาซึมนะเฮ้ย สงสารอ่า

          “กูคิดว่ามันอาจจะชอบมึงเหมือนกัน”

          “ไม่จริงน่า…”

          “อย่าขัด ฟังให้จบก่อน” ผมโดนเขกหัวกลับมา ยู่ปากใส่แม่งเลย ไม่เจ็บหรอกที่มันทำน่ะ ลงแรงเหมือนกลัวว่าผมจะช้ำงั้นแหละ ลองคิดว่าเมื่อกี้เป็นไอ้หมาบ้าทำสิ หึๆ มีเจ็บน้ำตาเล็ดกันล่ะ

          “มันอาจจะไม่เคยแสดงออกให้เห็น คงเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่มีใครมาจีบมึงต่อหน้ามันจะๆ อย่างนี้ และพอเจอเข้าก็อาการออก หึงและพาลไปทั่วอย่างที่เห็น” แว่นอาร์ควิเคราะห์ได้เป็นฉากๆ เลย ถ้าไม่ได้อยู่ในโหมดซีเรียสนะ ผมจะปรบมือให้สักยก เก่งจริงๆ

          “แต่ก็อย่างที่รู้ นิสัยไอ้กันมันก็เป็นแบบนี้ ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ ขนาดกูไปถามและบอกไปว่าจะจีบมึง มันยังปากแข็งทำเป็นไม่สนใจมึงอยู่เลย” ณ เวลานี้คือเวลาของการแฉเพื่อนครับ มึงเล่นซะเพื่อนรักเสียหมดเลยไอ้ที่เก๊กมาทั้งหมดน่ะ

          “มึงคิดงั้นเหรอ จะใช่เหรอวะ” ผมยังไม่มั่นใจ แต่ก็มีบางที่เคยคิดอย่างที่ไอ้อาร์คว่า แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็แจ่มเลย พี่จะรุกน้องให้หนักขึ้น สัญญา!

          “มึงเชื่อเถอะ มันแค่ปากแข็งและไม่ยอมรับใจตัวเอง”

          “แล้ว…กูควรทำยังไงอะ” ผมยื่นหน้าเข้าไปถาม พี่อาร์คคนดีของผมแสยะยิ้มออกมานิดๆ ภาพของเจ้าชายแสนดีในหัวถูกลบออกไปเลย จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาหาผม เอ่อ…ใกล้แบบนี้จูบกูเลยก็ได้นะ

          “อย่างแรก…มึงควรถอยออกมาบ้าง ให้มันได้รู้ให้มันได้เข้าใจคำว่า…เมื่อรู้ว่ามีมันก็สายไปแล้ว เพราะในเมื่อมันบอกเองว่าไม่ได้คิดอะไร กูก็จีบมึงได้แบบเปิดเผย และถ้ามึงจะเล่นด้วยกับกูมึงก็ไม่ผิด และไอ้กันก็ไม่มีสิทธิ์มาห้าม”

          “เอางั้นเหรอ แล้วไงต่อ”

          “ก็…ตัวติดกับกู กินข้าวกับกู ไปไหนกับกู แล้วก็…รักกู”

          “เดี๋ยวนะ นี่ไม่ใช่ว่ากำลังเอากำไรเข้าตัวหรอกเหรอ” ผมหรี่ตามองจับผิด ดูสิ่งที่มันบอกสิ จะให้คิดเป็นอื่นได้ยังไง ไอ้อาร์คหัวเราะออกมาพร้อมกับลูบศีรษะผมไปด้วย

          “ทำไมรู้ทันล่ะ แน่นอน กูช่วยมึงยังไงกูก็ต้องหากำไรให้ตัวเองอยู่แล้ว บอกแล้วไงว่ากูไม่ใช่คนดี” แค่ลูบดูจะยังไม่สาแก่ใจ เลยเปลี่ยนมาล็อกคอแล้วดึงเข้าไปกอดแทน ผมเกร็งตัวขึ้นมาวูบหนึ่ง ไอ้บ้าเอ้ยมากอดทำไมเนี่ย! แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ทำอะไรเกินกว่านี้ผมก็ปล่อยให้กอดไป

          “แต่มึงต้องสัญญานะ ถ้ามันไม่ได้คิดอะไรกับมึงจริงๆ มึงต้องตัดใจ มัวแต่ไปให้ใจกับคนที่ไม่เห็นค่ามันเสียเวลาเปล่า และหลังจากนั้น…ก็หันมามองกูบ้าง กูอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ไปไหนหรอก”

          “…”

          “กูจริงใจเสมอ แค่มึงให้ใจมาก็พอ” จ้ะพ่อ



………………………….



          แผนการของไอ้อาร์คก็ถือว่าดีใช้ได้อยู่ ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกไม่ดีนิดหน่อยก็เถอะ มันเหมือนหลอกใช้ไอ้อาร์คเลยทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคิดยังไงกับผม แต่พี่ท่านก็บอกแล้วว่าให้เอาตามนี้ ห้ามเปลี่ยนใจ ผมก็ขัดอะไรไม่ได้ ไอ้อาร์คก็ใจร้อนครับ ผมถามไปว่าจะให้เริ่มเมื่อไหร่ มันบอกยิ่งเร็วยิ่งดี

          ไม่ใช่เพราะว่าอยากอยู่ใกล้กูหรอกนะ?

          เพราะงั้น…วันสอบ ไอ้อาร์คก็อาสามารับผมถึงหน้าบ้าน! โดยที่ก่อนหน้านี้พี่ท่านได้ทำการแลกไลน์แลกเบอร์กับผมแล้วเรียบร้อย…ตามคำสั่งมันนั่นแหละ พ่อคนเผด็จการ!

          ผมอาบน้ำแต่งตัวรอเวลาที่คนขับรถมารับ ดูดีขึ้นมาทันทีเลยมีคนขับรถส่วนตัวแล้วด้วย ส่วนปู่จริงๆ หมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะ ผมแต่เองนี่แหละที่ดื้อจะให้ปู่อยู่ดูอาการต่อ ก็เพราะปู่นั่นแหละชอบบอกว่าปวดหัวบ่อยๆ ผมเลยไม่วางใจเท่าไหร่

          ผมเองก็ยังไม่ได้โทรบอกคนในครอบครัวเลยนะ พ่อผมนั้นตัดออกไปได้เลย ติดต่อยากมาก ส่วนมากจะเป็นพ่อซะมากกว่าที่ติดต่อกลับมา แม่ผมก็ไม่ได้โทรไปบอก กลัวโดนเรื่องแจกันสุดรักเข้า

          นั่งรอจนไอ้อาร์คมาถึง ผมเดินออกไป ปิดบ้านปิดอะไรเรียบร้อยแล้ว แต่มันไม่ยอมให้ผมขึ้นรถ แถมตัวเองก็เดินลงมายืนพิงรถแบบเท่ๆ อีกต่างหาก ต้องการอะไรวะ? เมาแอร์เหรอ?

          “รออะไร เร็วๆ ดิ กูต้องรีบไปนะ ไอ้นานาเร่งมาแล้วด้วย” ผมชูโทรศัพท์ที่กำลังเปิดไลน์คุยกับไอ้นานาค้างไว้ มันเร่งจริงๆ นะ คุณเธอไปรออยู่ก่อนแล้ว

          “แป๊บนึง อย่าใจร้อน เดี๋ยวซื้อขนมให้กินนะ” ไอ้อาร์คส่งนิ้วมาเคาะปลายจมูกผมเบาๆ แล้วกลับไปยืนเก๊กต่อ ผมหน้าบึ้ง ไปช้ากูโดนไอ้นานาแดกหัวจะทำยังไง แม่คุณยิ่งโหดๆ อยู่

          “อาร์คคคค กูรีบ”

          “รู้~ แต่รอแป๊บนึง จากที่คุยโทรศัพท์กับมันเมื่อกี้ กูว่ามันใกล้จะเดินออกมาแล้วล่ะ” ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมย่นคิ้วไม่เข้าใจ คุยๆ อะไรกับใคร กันๆ เหรอ? ที่คิดงั้นก็เพราะบ้านมันอยู่ใกล้ผมหนิ

          และเพียงอึดใจเดียว พอหันร่างสูงใบหน้าโหดคุ้นตาที่เดินมาก็ทำให้ผมเข้าใจได้ทันที ที่แท้ก็ยืนรอให้หมาบ้ามันมานั่นเอง แต่…เพื่ออะไรง่ะ ไอ้อาร์คโบกไม้โบกมือทักทายเพื่อนตัวเอง กันๆ ชะงักไปเมื่อเจอผมยืนอยู่ด้วย รู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่าอีกฝ่ายทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง

          “ไงมึง กูมารับหมาเป๋า มึงจะไปด้วยมั้ยล่ะ” สวมบทเป็นเพื่อนที่ดีขึ้นมาทันที มันเล่นแนบเนียนมาก จนผมเองยังทึ่งเลย ไม่พูดเปล่านะ มีการวางมือลงบนศีรษะผมด้วย

          ไอ้เราก็ได้แต่ยืนนิ่งเท่านั้น ออ…ยิ้มด้วยอีกอย่าง

          “ไม่เป็นไร กูไปเองได้” ไอ้กันเบือนหน้าหนีปฏิเสธเสียงแข็ง ผมหน้าหงอยลง รู้สึกเศร้าขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว ก็เพราะไม่ค่อยได้เจอเลยน่ะสิ ไอ้อาร์คมันสั่งไว้ว่าโทรหาได้แต่ห้ามบ่อย และห้ามไปเจอ

          ไอ้อาร์ค…คนโหดร้าย!

          “แต่ว่ากันๆ…”

          หมับ

          “หมาเป๋า ขึ้นรถเร็วๆ ไม่งั้นจะอุ้มนะ” ผมกำลังจะเอ่ยขัดและโน้มน้าวให้มันไปด้วยกัน แต่ไอ้อาร์คกลับคว้าข้อมือผมไว้แล้วโน้มใบหน้าลงมาพูดใกล้ๆ ยิ้มทั้งตาและปาก และอีกนัยหนึ่งที่สื่อมาก็คือ…

          …อย่าทำแผนล่ม!

          ผมยู่ปากแบบเด็กที่โดนขัดใจ ก็เค้าอยากคุยกับกันๆ หนิ! ขอนิดขอหน่อยก็ไม่ให้คนใจร้าย! ไอ้อาร์คขยี้หัวผมด้วยความเอ็นดูกับท่าทางที่โดนทำใส่ จากนั้นก็หันไปพูดกับเพื่อน

          “ก็ดีนะ มึงจะได้ไม่เป็นตัวมาขัดกูกับหมาเป๋า เนอะ” ไม่ต้องหันมาเนอะกับกู กูไม่รู้เรื่อง!

          “เรื่องของมึง”

          “หมาเป๋า ขึ้นรถครับ”
          “โอเค~” ไว้ค่อยคุยกันนะกันๆ



…………………………..



          โอ๊ยยยยย เวลาแห่งความเครียดได้หมดไปแล้ววววว ขอชีวิตดี๊ดีจงกลับคืนสู่อ้อมอกของไอ้วิปคนนี้ ผมเดินลั้นลาออกจากห้องสอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มั่นใจในตัวเองอยู่ว่าทำได้ แทบจะมุดเข้าไปสิงในหนังสือแบบนั้นทำไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปดิ

          ผมเดินลงมานั่งรอไอ้นานาคนสวยอยู่หน้าตึก แม่คุณไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนี้ก็ไลน์หาไอ้แว่นไปด้วยว่าเสร็จแล้ว จากนั้นก็ไลน์หาไอ้ตองเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอหน้ากันซะนานเลย ส่งไปบอกแค่ว่ามาหาหน่อยเท่านั้น

          หมับ

          “กูอยากอ้วกว่ะวิป” ไอ้นานาเดินกลับมา นั่งลงข้างๆ แล้วซบหน้าลงกับไหล่ผมอย่างหมดแรง มึงขี้มาเหรอนา ทำอย่างกับไปออกรบเพิ่งกลับงั้นแหละ

          “หิวปะ หาอะไรกินกัน”

          “ก็ดี”

          ปากก็ถามไปแต่ตัวก็ยังไม่ได้ลุกออกไปไหน ไอ้นานาเองก็ไม่ได้ท้วงอะไร ผมนั่งรอไปสักพักไอ้ตองก็เดินเข้ามาหา เพื่อนตัวเล็กวันนี้ยิ้มแย้มแสดงว่าอารมณ์ดีสินะแบบนี้

          “ไง เอ่อ…นานาเป็นอะไรอะ” ดวงตากลมโตลอบมองไปที่ไอ้นานาแบบหวาดๆ กลัวแม่คุณลุกขึ้นมางับหัว ไม่รู้มันจะกลัวอะไรนักหนา ไม่ใช่ทุกครั้งเสียหน่อยที่แม่คุณจะองค์ลงน่ะ

          “กูเหนื่อย”

          “มันไปขี้มาน่ะ”

          “เดี๋ยวมึงได้เจ็บตัวไอ้วิป” ขอโทษจ้ะคนสวย ผมกำลังจะพากันออกไปหาอะไรกิน หิ้วไอ้น้องตองไปด้วย คิดถึงนะหื้อไม่ได้เจอนานเลย แต่แล้วโทรศัพท์ผมก็สั่น หยิบขึ้นมาดูก็เป็นแว่นๆ คนดีที่ไลน์มา

        …อยู่ร้าน…หน้ามอ ออกมาดิ คิดถึง…

          กูไม่ไปได้มั้ย พอดีกูไม่คิดถึงมึงน่ะ

          แต่ยังไงผมก็ไม่มีทางเลือก ยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนอีกสองคนดู ซึ่งได้รับปฏิกิริยาตอบรับที่ต่างกันมากๆ ไอ้นานาพยักหน้าแบบขอไปที ยังไงก็ได้ ส่วนน้องตองคนน่ารักกลับชักสีหน้าไม่พอใจ ทำท่าทางไม่อยากไปขึ้นมากะทันหัน

          ซะงั้นอะ อะไรของมึงวะ

          เดินออกไปหาที่ร้าน พอเข้าไปก็อยู่กันครบเลย เดี๋ยวนี้รวมตัวครบบ่อยเนอะ ที่รักของผมนั้นมีท่าทางเบื่อหน่ายไม่สบอารมณ์อย่างเคย ผมสงสัยจริงๆ นะ ปกติมันเคยยิ้มแย้มกับเขามั้ยวะ ดูท่าชีวิตจะมีแต่เรื่องไม่แฮปปี้เนอะ ไม่เคยเห็นมันอารมณ์ดีเลย

          “หมาเป๋า~ มานี่มา” ไอ้อาร์คกวักมือเรียกพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ข้างตัวออกมา ทำให้ผมต้องเดินเข้าไปนั่งอย่างช่วยไม่ได้ มันเลือกที่ได้ที่จริงๆ ซ้ายก็เป็นอาร์คนั่นแหละ ส่วนขวา…หมาบ้าของเค้าเอง~

          “หมาเป๋า มึงสอบเป็นยังไงบ้าง ทำได้มั้ย กูส่งกำลังใจเต็มที่เลยนะ” จ้า ขอบคุณนะ แหมๆ ร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาถาม ผมทำตัวไม่ถูกนิดหน่อยแฮะ ถ้าเป็นก่อนหน้าที่มันจะสภาพว่าชอบผมก็เฉยๆ กับคำพูดพวกนี้ของมันนะ แต่พอมาตอนนี้…ไม่รู้ว่าควรคิดเป็นอย่างไหนดีระหว่างมันกำลังแกล้งไอ้กันหรือออกมาจากใจจริงๆ

          “ทำได้สิ เก่งอยู่แล้ว~”

          “เก่งมากเลย~ ขอมือหน่อย”

          มันแบมือ ผมก็บ้าจี้เล่นตาม ส่งมือไปให้

          หมับ

          มันกุมมือผมแล้วยกขึ้นไปแนบแก้มตัวเองเบาๆ ผมนิ่งค้าง ทั้งโต๊ะก็ค้าง มึงๆ มึงแสดงออกมากไปเฮ้ย! ผมเม้มปากหน้าร้อนผ่าว ไอ้บ้าเอ้ย! ทำอะไรควรปรึกษากันก่อน! ฮือออ ไอ้กันจะมองกูยังไงเนี่ย

          “พวกมึงจะกินกันมั้ย ถ้าไม่กูจะได้กลับ” ร่างสูงทางด้านขวามือผมเอ่ยขัดขึ้นมา เรียกสติคนในโต๊ะให้กลับมาเช่นกัน

          “จะรีบไปไหนล่ะ อยู่ด้วยกันก่อนสิ” ผมหันไปพูดกับมันเบาๆ อาศัยตอนที่ไอ้อาร์คดูเมนูนี่แหละ ร่างหนาตวัดสายดุจัดแบบที่ผมเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกมามอง ผมเผลอกลืนน้ำลายแบบหวั่นๆ

          “อย่ายุ่ง”

          ผมหน้าหงอย อะไรอ่า เราอุตส่าห์คุยด้วยดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือน้ำเสียงดุๆ แบบนั้นอะนะ ผมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความน้อยใจแล้วสะบัดหน้าหนี ร่างสูงชะงักไปนิดเมื่อเจอแบบนั้น ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่นแล้วเบือนหน้าไปสบถด้วยความหัวเสีย

          “เอาล่ะๆ อย่าเครียด อยากกินอะไรก็สั่งเลย วันนี้กูเลี้ยง ฉลองให้มึงเลยนะหมาเป๋า เพิ่มคะแนนให้กูด้วยล่ะ” ไม่วายมีหันมาหยอดใส่ด้วย ไอ้ชานถึงกับรับเพื่อนตัวเองไม่ได้ เบือนหน้าไปเบ้ปาก

          “ออ…น้องด้วยนะครับ” แล้วก็หันไปพูดกับไอ้ตอง สวมบทผู้ชายแสนดีทันที เอ๊ะ จะบอกว่าสวมบทก็ไม่ถูกสิ ปกติมันก็ดีอยู่แล้ว

          แต่ความดีงามของแว่นๆ ทำอะไรน้องตองของเราไม่ได้ ดวงตากลมโตสุดน่ารักของเพื่อนผมตวัดขึ้นมามองไอ้อาร์คแบบไม่พอใจปนๆ ไปกับไม่อยากพูดด้วย

          “ขอบคุณ แต่ผมมีเงิน! จ่ายเองได้! ไม่อยากรบกวน”

          มึงไปกินรังแตนที่ไหนมาวะตอง




 :mew1: :mew1: :mew1:



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 18] [4 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-06-2016 21:31:53
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 18] [4 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 05-06-2016 11:24:57
ทำดีแล้ววิป ทนอีกนิดเดียว  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 18] [4 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-06-2016 16:06:02
อาการอยากเปลี่ยนพระเอกยังบังเกิด
อิอิ ทำไมแว่นๆๆ น่าฟัดอย่างนี้ ขอไปเก็บที่บ้านได้มะ ต้องใช้แผนแบบนี้หมาบ้าถึงแอกอาการ เหนื่อยหน่อยน่ะหมาเป๋า ตองมีอะไรกับแว่นๆๆน่ะอยากรู้จังจะเป็นอีกคู่มะ พี่พลุเงียบไปเลยคิดถึงจังมาคู่กับชานมะน่าลงตัวน่ะ ส่วนนานาเป็นหญิงเหล็กเลยล่ะกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 18] [4 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 05-06-2016 21:00:51
 :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 18] [4 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 07-06-2016 23:55:51
ยังยืนยันว่าแว่นๆ น่ารัก  :laugh:

แต่แว่นๆ ก็คงไม่เจ็บนาน เพราะมีน้องตองรอรับอยู่ อืมมมมมม

โอเคลงตัว  :m20:

รอนะครับ  :impress2:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 08-06-2016 11:25:13



ตอนที่ 19
 


 
          ผมว่านะ ไอ้ตองเพื่อนผมมันยังไงๆ อยู่นะเออ ดูอาการมันสิ ทำอย่างกับว่าเกลียดขี้หน้าไอ้อาร์คมาแต่ชาติปางก่อนงั้นแหละ กับคนอื่นไม่เป็นนะ ไอ้ชานงี้ ก็คุยกันปกติทุกอย่าง แต่พอไอ้อาร์คพูดด้วยหน่อยก็ตีหน้าบึ้งใส่ซะงั้น

          เรื่องนี้น่าสงสัยนะครับคุณผู้ชม

          ผมว่าผมต้องหาโอกาสลากตัวมันไปถามสักหน่อยแล้ว ไม่งั้นก็ข้องใจไม่หายอยู่อย่างนี้แหละ ผมแอบส่งสายตาให้ไอ้นานา พยักพเยิดไปทางน้องตองคนน่ารัก เพื่อนสาวของผมก็เข้าใจได้ทันที เรื่องแบบนี้นานาถนัดนัก แม่คุณแสยะยิ้มชั่วๆ ผมล่ะขนลูกซู่ อดที่จะกลัวแทนไอ้ตองไม่ได้

          ขอให้มึงโชคดีนะตอง

          “แล้วนี่…มึงไปหาปู่มั้ยวิป” สั่งข้าวเสร็จไอ้ชานก็เอ่ยถาม ผมพยักหน้ารัวๆ ตอบกลับไป

          “ไปสิ คิดถึงปู่อยู่ด้วย ไปด้วยกันมั้ย”

          “ไม่ว่างว่ะ กูต้องไปซื้อของให้แม่ต่อ” โอ๊ยลูกที่ดี ผมยักไหล่ มันไม่ไปก็ไม่เป็นไร แต่ที่แน่ๆ ไอ้อาร์คไปด้วยแน่นอน พ่อคุณสุดหล่อคนนี้เกาะติดผมไม่ปล่อย เกาะเป็นเงาเลยล่ะ

          อยากเปลี่ยนจริงๆ เปลี่ยนจากไอ้อาร์คเป็นไอ้หมาบ้าแทน คงจะดีไม่น้อย

          “เออนี่กันๆ” ขอชวนคุยหน่อยเถอะ คิดถึง

          “ไม่คุย!”

          อ้าว

          เดี๋ยวๆ เรายังไม่ได้เปิดประเด็นเลย นายจะรีบปิดประเด็นไปไหนเนี่ย คำเดียวสั้นๆ…ไม่คุย พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ไม่น่าฟัง แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันน่ารักอย่างมาก เป็นคำพูดที่คล้ายกับว่าอีกฝ่ายกำลังงอน กำลังเคืองผมอยู่

          มึงทำกูยิ้มนะกันๆ

          “แต่กูอยากคุยนะ” พูดไปก็เหล่มองคนทางซ้ายไปด้วย พี่อาร์คคนดีงามก็รับรู้ว่าผมชวนหมาบ้าคุย แต่มันก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่ยิ้มให้ผมนิดๆ แหม มีกำลังใจขึ้นมาแล้ว ขอบคุณน้า~

          แต่ไอ้คนที่ผมอยากคุยด้วยนั้นกลับเมินผมแบบไม่แลแม้แต่หางตา ทำอย่างกับว่าสิ่งรอบข้างนั้นน่าสนใจกว่าผมเป็นร้อยเท่าพันเท่า ผมหน้างอ มึงจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย อาการก็ออกชัดเจนแต่เสือกปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ

          และเมื่อมันเมินกันแบบนี้ จะคุยอะไรด้วยก็ยาก มีความเป็นไปด้วยสูงถ้าผมพูดด้วย มันจะกลายเป็นว่าผมพูดคนเดียว ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ไอ้อาร์คแทน มีเรื่องสงสัยเยอะเลย

          “นี่ๆ แว่น” ผมสะกิดเรียก เรียกเบาด้วยนะ กลัวเป็นที่สนใจของคนในโต๊ะ

          “ว่าไง ไม่อยากกินข้าว อยากกินกระดูกแทนเหรอ” ฮึ่ย ดูมัน…เดี๋ยวก็งับให้ซะหรอก ผมมองเอือมใส่ เห็นเราเป็นหมาตลอด ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดด้วยความเอ็นดูก็เถอะ เห็นว่าผมน่ารักอะไรอย่างนี้ แต่…ไม่ประทับใจเท่าไหร่แฮะ

          “อย่าพานอกเรื่อง เดี๋ยวงอแงใส่เลย กูจะถามว่ามึงเคยไปทำอะไรให้ไอ้ตองไม่ชอบขี้หน้าหรือเปล่าวะ หรือเคยไปหาเรื่องมัน ทำมันโกรธอะไรประมาณนี้อะ เคยปะ ดูมันไม่ชอบหน้ามึงเอามากๆ” ผมกระซิบกระซาบถาม ตาก็ลอบมองไอ้ตองไปด้วย กลัวมันหันมา เดี๋ยวมันจะรู้ว่าผมกำลังเผือกเรื่องของมันอยู่ ไอ้อาร์คขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อโดนถามแบบนั้น ก่อนจะขำออกมาเบาๆ

          “มึงเห็นกูเป็นคนยังไงหืม คิดว่ากูจะหาเรื่องใครเขาไปทั่วหรือไง”

          “ก็เพราะว่าไม่ได้มองแบบนั้นกูถึงได้สงสัยไง มึงออกจะนิสัยดี น่ารักน่าลูบหัว แต่ทำไมมันถึงได้ไม่ชอบหน้ามึงนัก” ขอเอาคืนนิดหน่อยตรงที่บอกว่าน่าลูบหัว แต่พี่ท่านดูไม่โกรธเคืองอะไร กลับชอบซะงั้น ยิ้มกว้างเชียว

          “กูดีใจนะที่มึงมองกูแบบนั้น ขอบคุณครับ” มือหนายื่นมาหยิกแก้มผม มันใช่เวลามั้ยหืม กูถามมึงอยู่นะวุ้ย

          ครืน!

          “กูไปห้องน้ำนะ”

          อยู่ๆ ไอ้กันก็ลุกพรวดขึ้นมา บอกเร็วๆ แล้วเดินหายไปเลย ผมนั่งงงอยู่แวบหนึ่ง ปวดขี้เหรอวะ หรือว่ายังไง รีบไปซะ พอหันไปหาไอ้อาร์คก็เห็นพี่แกนั่งหัวเราะอยู่

          “อะไร มองกูทำไม ทำหน้าเป็นหมาเอ๋อเลยนะ ไม่มีอะไรหรอก กับเพื่อนมึงกูก็ไม่เคยคุยกันนะ เคยเจอบางครั้ง ก็รุ่นน้องคนนึง กูจะไปทำอะไรล่ะ” ผมพยักหน้ารับกับสิ่งที่มันบอก แต่ก็ยังไม่หายสงสัย งานนี้คงมีแต่ต้องลากน้องตองไปถามแล้วล่ะ

          แต่ก่อนอื่น…กันๆ

          “อาร์คคุง เดี๋ยวเรามานะ เราจะไปห้องน้ำ”

          “เหรอ ไปหาใครล่ะ” แน่ะ รู้ดี

          “บ้าเหรอ ไปห้องน้ำก็ต้องไปทำธุระส่วนตัวสิ หาใครล่ะ ไม่มีๆ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธตาใสซื่อ แต่คนที่ผมคุยด้วยอยู่ดูจะไม่เชื่อ แต่ก็พยักหน้าเข้าใจไม่ถามอะไร ผมเลยลุกออกมา

          เดินเข้ามาในห้องน้ำ ก็คิดว่าต้องเจอกันๆ แน่ๆ แต่ภายในห้องน้ำกลับว่างเปล่า ไม่มีมนุษย์สักราย ผมยืนงง มึงตกส้วมหรือเปล่าวะกันๆ หายไปไหนหื้ม

          ในห้องน้ำไม่เจอผมเลยเดินออกมาที่นอกร้านแทน กวาดสายตามองหาร่างสูง แล้วก็เจอพี่แกยืนขยี้หัวตัวเองดูท่าทางอารมณ์ไม่ดีอยู่ นายๆ ห้องน้ำไม่เต็มนะ ถ้าปวดขี้ก็เข้าไปได้ เราไปดูที่ทางมาแล้ว

          ผมเดินเข้าไปหาแล้วสะกิดหลังเรียก ไอ้กันหันกลับมา เจอหน้าผมแล้วก็ทำท่าเหมือนอยากจะเดินหนี แบบนี้คนที่อุตส่าห์ออกมาหาก็เสียกำลังใจเหมือนกันนะเว้ย

          “เป็นอะไร เดินออกมาทำไม”

          “เรื่องของกู”

          เอ้า! อะไรเนี่ย คนเขาเป็นห่วง เดินมาถามดีๆ แต่มึงกลับตอบแบบนี้เนี่ยนะ มันน่าโมโหมั้ยอย่างงี้

          “เรื่องของมึงก็เหมือนเรื่องของกูแหละ กูสนใจมึงทุกเรื่องนะ” อยากพูดให้รู้สึกดี แต่ไม่รู้ต้องพูดยังไง เพราะที่ผ่านมาผมพูดอะไรไปไอ้กันก็ไม่เคยรู้สึกดีด้วยเลย มีแต่หงุดหงิด โมโห และรำคาญเท่านั้น

          “สนใจ? กูว่าไม่ใช่มั้ง” อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามก่อนจะยิ้มเยาะเมื่อพูดจบ ท่าทางอารมณ์ร้อนดึงให้ลงไม่ได้ง่ายๆ แน่ แปรปวนยิ่งกว่าสตรีมีเมนส์อีกนะมึงอะ

          ผมยืนจ้องหน้าร่างสูง พยายามคิดตาม หาเหตุผลว่าเพราะอะไรมันถึงได้มีอาการหมาบ้าแบบนี้ และทุกๆ ครั้งที่อาการกำเริบ มันต้องเป็นเวลาที่ผมหันไปคุยกับไอ้อาร์คทุกที หรือไม่ก็เวลาที่ไอ้อาร์คมันถึงเนื้อถึงตัวผม อย่างเช่นลูบหัว จับแก้ม อะไรประมาณนี้

          อาการแบบนี้มันเหมือนคนกำลังหึงชัดๆ เลย

          “นี่”

          “อะไร”

          “มึง…หึงกูอยู่เปล่าเนี่ย” ผมเอามือไพล่หลัง ยื่นหน้าเข้าไปถาม ตาผมเป็นประกายวิ๊งๆ เลย ใจก็เต้นเร็วขึ้น กำลังตื่นเต้นกับคำตอบที่จะได้รับ ก็แหม ดูอาการสิ ไม่ใช่หึงแล้วจะเรียกอะไร เมนส์มาไม่ปกติเหรอ บ้าแล้วววว

          “เฮอะ! มึงไปเอาความคิดนั้นมาจากไหน”

          จากมึงไง ควาย!

          “ก็ดูมึงสิ ที่มึงเป็นอยู่ในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะหึงกูแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ชอบกูแล้วก็บอกมาดิ ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มหรอก กูไม่ล้อมึงก็ได้นะ บอกมาๆ เร็วๆ กูรออยู่” ผมเร่งต่อ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์เดียวกันกับผม สีหน้าพร้อมระเบิด ดวงตาที่ดุจัดพร้อมเอาเรื่อง

          “มึงเลิกคิดเข้าข้างตัวเองสักที กูไม่ได้ชอบมึง”

          “โกหก”

          “มึงคิดว่าใครๆ ก็ต้องชอบมึงไปหมดงั้นสิ มึงดูดี มึงน่าชอบขนาดนั้นเลยเหรอ? เฮอะ! แต่ขอโทษที กูไม่ใช่ไอ้อาร์คหรือไอ้ชาน” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ริมฝีปากแสยะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ชอบใจเอาเสียเลย มันเหมือนกับกำลังดูถูกผมอยู่

          ผมยืนนิ่ง ไอ้กันมันงี่เง่า! รู้สึกยังไงก็ไม่ยอมพูดออกมา แล้วยังมาหาว่าผมคิดเข้าข้างตัวเองอีก ถึงแม้จะรู้ว่าที่มันพูดออกมานั้นไม่ได้ออกมาจากใจจริงๆ แต่มันก็ทำให้ผมจุกเหมือนกันนะ

          “เลิกคิดอะไรไร้สาระแบบนั้นได้แล้ว ทำไมกูต้องไปหึงมึงด้วยห้ะ ต้องให้กูย้ำอีกครั้งมั้ยว่ากูไม่ได้ชอบมึง แล้วก็เลิกวุ่นวายกับกูสักที มึงมีไอ้อาร์คมาจีบแล้วหนิ” ชื่อไอ้อาร์คมาอีกแล้ว อย่างนี้เหรอที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร ตลอดเวลาที่อีกฝ่ายพูด มันไม่ยอมมองตาผมเลย ทำเหมือนว่าแม้แต่หน้ายังไม่อยากจะมองกัน

          แต่ผมกลับคิดว่า…มันไม่กล้าที่จะมองมากกว่า

          “ไม่ได้ชอบจริงๆ ใช่มั้ย”

          “เออ”

          “ถ้างั้นกูจะเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นก็ได้ใช่มั้ย”

          “มึงใจง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง!” เอ้าสัด! ทีงี้มาโวยวายใส่ ร่างสูงหันขวับมา สีหน้าเอาเรื่องอย่างกับจะงับหัวผม นี่เหรออาการของคนไม่ชอบน่ะ ไอ้บ้าเอ้ย!

          “มัวแต่เล่นตัวกูจะไม่รอมึงแล้วนะ”

          “มึงอยากทำอะไรก็เรื่องของมึง ไม่เกี่ยวกับกู กูไม่สนใจ!”

          ต่างฝ่ายต่างใช้อารมณ์ ผมเองก็หัวเสียเหมือนกันนะ คุยกับคนที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ แค่พูดตามที่ใจคิดมันยากมากนักหรือไงวะ! แค่บอกออกมาว่ากูก็ชอบมึงเหมือนกัน แค่นี้! ฟาย! ทำเป็นเล่นตัว ผมยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง กูโกรธแล้วนะ

          “ไอ้กัน!!”

          “อะไรอีก!”

          “มึงแม่งงี่เง่า! งี่เง่าที่สุดเท่าที่กูเคยเจอมาเลย ไอ้ควาย! ไม่อยากให้ยุ่งกูไม่ยุ่งก็ได้!” ผมตะโกนใส่หน้าไอ้หมาบ้า พูดจบก็ไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบอะไร สะบัดหน้าเดินหน้ายุ่งกลับเข้ามาในร้าน กระแทกตัวลงนั่งด้วยความหัวเสีย

          “เฮ้ยๆ เป็นอะไรหมาเป๋า ห้องน้ำเต็มเหรอ” ไอ้อาร์คที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็หันมาถามยิ้มๆ เดี๋ยวเราก็งับหัวให้เลย ใช่เวลาเล่นมั้ยห้ะ ผมเหล่มองไอ้กันที่เดินตามหลังเข้ามา สะบัดหน้าใส่อีกรอบก่อนจะตอบไอ้อาร์คเสียงดัง

          “ตีกับหมามา! หมาบ้าพูดไม่รู้เรื่องด้วย!”

          หัวร้อน! กูอุตส่าห์เปิดทางให้พูดความในใจแล้ว สัญญาแล้วด้วยว่าจะไม่ล้อ เพราะผมเคยแหย่มันไปรอบนึงว่าถ้าเกิดชอบผมขึ้นมานี่หน้าแตกเลยนะ

          แต่ใครจะคิด ว่าไอ้กันๆ มันจะปากแข็งอย่างนี้ รู้อยู่หรอกว่าโกหก แต่ก็ห้ามไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่ไม่ได้ มันจุกๆ เจ็บๆ เหมือนกันนะเว้ย

          ไอ้อาร์คเหลือบมองไปทางไอ้กัน พอเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์แบบนั้นคงพอเข้าใจ มือหนาลูบหลังผมเป็นการปลอบให้ใจเย็นลง ผมนั่งหน้าบึ้ง ไม่อยากกินมันแล้วข้าวเนี่ย ไม่อยากอยู่ใกล้ไอ้บ้านี่! เห็นหน้าแล้วหงุดหงิด เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมไม่อยากมองหน้ากันๆ

          “มึง…ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยวิป” ไอ้น้องตองถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ ปกติไม่ใช่ประเภทที่จะโกรธหัวร้อนอะไรอย่างนี้หรอก นานๆ ครั้งจะได้เจอ มึงโชคดีจริงๆ เลยนะกันๆ

          เรียกได้ว่าการกินข้าวมื้อนี้เป็นมื้อที่อึดอัดสุดๆ เลย บรรยากาศมาคุระหว่างผมกับร่างสูง ทำเอาทั้งโต๊ะถึงกับเครียดไปด้วย ผมก็ไม่ได้อยากทำให้อะไรๆ มันไม่ร่าเริงแบบนี้ แต่เพราะไอ้ตัวข้างขวานี่ล้วนๆ เลย เพราะมันนั่นแหละ

          พวกเรากินข้าวกันเสร็จในเวลาที่รวดเร็วมาก ผมสงสารไอ้ตองหน่อยๆ แฮะ ถูกเรียกมานั่งท่ามกลางสงครามอย่างนี้ ไอ้นี่มันขี้กลัว ไม่แปลกถ้ามันจะกลัวไอ้กัน

          แต่กลับไอ้อาร์คไม่ยักกลัว

          “เดี๋ยวไปเยี่ยมปู่มึงที่โรงบาลกัน มึงก็ไปกับกูด้วยไอ้กัน กูมีเรื่องรายงานที่ต้องคุยกับมึง” เท้าที่กำลังก้าวออกนอกร้านถึงกับชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงนุ่มๆ ของพี่อาร์คคนดีพูดอย่างนั้น ผมหันขวับกลับไป ไม่รู้ว่าสายตาตัวเองนั้นเป็นอย่างไหนเหมือนกัน แต่ไอ้อาร์คเห็นแล้วก็ยื่นมือมาลูบแก้มให้ใจเย็นลง

          พวกมึงคุยกันวันอื่นไม่ได้หรือไง โทรศัพท์คุยกันก็ได้ ทำไมต้องให้ไปด้วยวันนี้ ไม่อยากเห็นหน้ามันง่ะ

          “กูไม่…”

          “ไม่ต้องปฏิเสธ ไอ้ห่า! มานี่เลย” อาร์คจัดการล็อกคอไอ้กันไว้ไม่ให้มันหนี ก่อนจะลากมันไปที่รถ ไอ้ชานโบกมือลาเดินแยกออกไป ผมยืนนิ่งถอนหายใจ แล้วนานาก็เข้ามาสะกิดผม

          “หือ? ไรมึง”

          “ไอ้ตอง ล็อกคอถามแม่งเลย” คุณเธอพยักพเยิดไปที่น้องตอง มันก้มหน้าก้มตาดูโทรศัพท์ เลยไม่เห็นว่าเจ๊นานาของเรานั้นมีสีหน้าเจ้าเล่ห์แค่ไหน

          ร่างเพรียวเดินเข้าไปล็อกคอหนูน้อยตัวเล็กแน่น พร้อมกับลากมาอีกทางเพื่อที่จะได้คุยกันสะดวกยิ่งขึ้น หนูน้อยของเราก็โวยวายดีดดิ้น แต่ไม่กล้าหือเยอะเพราะกลัวไอ้นาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

          ผมยกมือส่งสัญญาณขอเวลาไปให้ไอ้อาร์คแล้วเดินตามเข้าไปหาพวกมันทั้งคู่ ไอ้ตองกำลังถูกสายตาพิฆาตของแม่นานากดดันอยู่เลย

          “อะ…อะไรวะ” เสียงสั่นไปแล้วลูก

          “มึงกับไอ้อาร์ค…มีอะไรกันวะ”

          “ปากเสีย! มีอะไรกันบ้าอะไร” ร่างเล็กโวยวายเสียงดัง อะไรของมึงงงงง~ กูไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้นสักหน่อย คิดไปไหนวะเฮ้ย

          “เดี๋ยวกูตบสักทีจะได้พูดรู้เรื่องขึ้น” มึงใจเย็นนานา

          “กูไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ที่จะถามก็คือ…เพราะอะไรทำไมมึงถึงได้ทำเหมือนไม่ชอบขี้หน้าไอ้อาร์คมันอย่างนั้น กูว่ามันนิสัยดีมากเลยนะ คนดีที่สุดแล้ว แต่มึงกลับทำท่าทางแบบนั้นใส่” ถามนิ่มๆ แต่ใช้สายตากดดัน น้องตองกัดริมฝีปากไม่อยากตอบ ไม่กล้าสบตาคนสวยเลยด้วยนะ

          “พูดค่ะตอง ไม่งั้นกูงับหัวมึงแน่” มึงเป็นตัวอะไรวะนา

          “ก็…”

          “ก็?” ผมทวนตาม

          “ก็มันทำพี่กูอกหัก”

          “ห้ะ!/ห้ะ!!”

          ทั้งผมและนานาพร้อมใจกันประสานเสียง ทำพี่อกหัก? ทำเมื่อไหร่ ยังไงวะ ผมกับไอ้นายืนอึ้ง คือ…จะพูดยังไงดีล่ะ มันเป็นเรื่องช็อกเหมือนกันนะ

          พี่ของไอ้ตอง…พี่เต็ง พวกผมรู้จักเขาดี พี่แกเป็นมนุษย์ที่…เข้าใจยาก และไม่น่าเข้าใจด้วย เป็นผู้ชายที่…พิลึก ผมแทบไม่อยากจะไปบ้านไอ้ตองเลยก็เพราะกลัวจะเจอไอ้พี่เต็งนี่แหละ

          อยากบอกว่า…ครั้งหนึ่งผมเกือบถูกพี่มันปล้ำด้วยนะ

          แต่คือ…ช็อกที่รู้ว่าแบบไอ้อาร์คก็เป็นสเป๊กพี่แก! โอ๊ยจะบ้าตาย มึงไม่ได้ชอบน่ารักตัวเล็กเหรอวะ นี่ผมคิดผิดมาโดยตลอดงั้นดิ แล้ว…ตำแหน่งไหนง่ะ

          “ได้ไงวะ”

          “พี่เต็งเคยมารับกู แล้วเขาก็เจอไอ้บ้านั่น ไม่รู้ว่าไปตามสืบมายังไงนะ แต่พอมาอีกทีก็บอกกูว่ามันหักอก มันควงคนอื่นต่อหน้า พร้อมกับสาปแช่งอีกมากมาย” โอ้ววววว~ กูขอให้มึงโชคดีนะอาร์ค ถ้าโชคดีจริงพี่มันคงไม่ทำตุ๊กตาเล่นของใส่

          แต่ก็ไม่แน่นะ

          “มึงเลยเกลียดขี้หน้ามันไปด้วย”

          “ก็พี่เต็งพูดกรอกหูกูเกือบทุกวัน ทำใจให้ชอบได้ยังไงล่ะ” น้องตองหน้ายุ่ง ผมพยักหน้าเข้าใจหน่อยๆ คนอย่างไอ้พี่เต็ง ถ้ามันไม่ชอบใครแล้ว มันจะปลูกถ่ายความคิดนั้นของตัวเองเข้าสู่สมองคนอื่นด้วย

          มันคือคนนิสัยไม่ดี!!

          “มึงไปสืบกับไอ้อาร์คต่อด้วยวิป กูจะรอ” ไอ้นาหันมาสั่ง จ้ะแม่คุณ กระผมจะทำตามที่ท่านสั่งนะครับ เฮ้ออออ

          หลังจากที่สอบสวนน้องตองเสร็จก็ปล่อยตัวมันกลับไป ไอ้นานาก็ไปตามทางของมัน ส่วนผมก็มาหาปู่ที่โรงพยาบาล โดยมีสองหนุ่มหน้าตาดีติดตามมาด้วย

          ผมไม่เข้าใจไอ้อาร์คเลยว่าจะให้ไอ้กันๆ มาด้วยทำไม บอกเลยว่าผมเคืองอยู่ หางตาผมยังไม่แลมันเลย ไม่รู้ว่าเพราะอย่างนี้หรือเปล่าเลยทำให้พี่ท่านดูบ้าหนักกว่าเดิม

          จะมีการน้ำลายฟูมปากปะ?

          ผมนั่งเล่นนั่งคุยกับปู่จนฟ้ามืด ไอ้พี่อาร์คคนหล่อก็ดูจะสนิทกับปู่ขึ้นมาในระดับหนึ่ง ต่างจากอีกคน เพราะมันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดด้วยแหละ ไม่เหมือนพี่อาร์ค แทบจะชวนปู่คุยทุกสองนาที

          “สอบได้มั้ยไอ้วิป”

          “โด่วปู่ นี่ใคร หลานปู่นะ”

          “ลูกของลูกกูต่างหาก” แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ

          “เออนี่ เอ็งอยู่บ้านใกล้ๆ ใช่มั้ย” อยู่ๆ ปู่ก็หันไปพูดกับไอ้หมาบ้าที่นั่งเงียบๆ คนเดียว ร่างสูงยืดตัวนั่งตัวตรงแล้วก้มหน้ารับ ดูเป็นคนมีมารยาทขึ้นมาหน่อยเมื่อคุยกับผู้ใหญ่

          “ถ้ามีเวลาปู่ฝากดูวิปมันหน่อยนะ หรือไปอยู่เป็นเพื่อนมันก็ได้ อยู่บ้านคนเดียวน่าเป็นห่วง เดี๋ยวโจรเข้าบ้านแล้วมันไปตีซี้กับโจรล่ะยุ่งเลย” ผมหน้าตึงเลย ฝากกับใครไม่ฝาก ดันไปฝากกับไอ้หมาบ้า

          รับรองว่าบ้านเละยิ่งกว่าโจรขึ้นอีก

          ร่างสูงใช้ดวงตาดุๆ นั่นมองผม เหมือนรอดูปฏิกิริยา แต่ผมไม่สนใจ หันมาคุยกับไอ้แว่น เมินพี่ท่านแบบโจ้งแจ้ง

          “ครับ”

          “ฝากด้วยนะ ขอบใจๆ”

          “ฝากมันทำไม ผมโตแล้ว อยู่คนเดียวได้” เป็นเมื่อก่อนคงดีใจ แต่ตอนนี้เคืองอยู่เลยไม่ชอบ พี่แว่นๆ ยิ้มขำ ผมงี้แทบจะพุ่งเข้าไปงับหัว รู้ทันอะไรก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกก็ได้นะหื้อออ

          นั่งคุยกับปู่ต่ออีกนิดหน่อยก็กลับบ้าน ผมยืนยันว่าไม่ต้องให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ปู่ก็ดื้อไม่ยอม ไอ้หมาบ้าก็นั่งเงียบไม่ปฏิเสธ ผมล่ะไม่เข้าใจมันจริงๆ ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ มาอยู่ใกล้ๆ ทำไม

          “หมาเป๋าครับ”

          “ครับผม” ผมขานรับไอ้อาร์คขณะกำลังนั่งรถกลับบ้าน ผมเหมือนตัวเพิ่มภาระให้มันเลยอะ ต้องไปส่งบ้าน ต้องคอยมารับ หยอดเท่าไหร่ผมก็ไม่หวั่นไหว รู้สึกแย่แฮะ

          “ให้กูอยู่เป็นเพื่อนแทนมั้ย ไอ้กันคงไม่ชอบ” อาสาออกมาพร้อมกับเหล่สังเกตอาการคนที่นั่งอยู่เบาะหลังไปด้วย ผมชะงัก เอาเข้าจริงๆ ก็อยากให้ไอ้กันอยู่ด้วยมากกว่าไอ้อาร์ค แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ รู้สึกไม่อยากทำร้ายใจพี่แกเพิ่มแล้ว และดวงตาอ่อนโยนภายใต้กรอบแว่นนั่นก็ดูกำลังมีความหวัง

          “แฮ่…สัญญาว่าจะทำตัวน่ารักเหมือนเดิมใช่ปะ”

          “เปล่า สัญญาว่าคราวนี้จะปล้ำเลย”

          ฉิบหาย

          “แหะๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ ถึงแม้หน้าพี่แกจะดูแค่แหย่เล่นก็เถอะ แต่ผมกลัวจริงนะเว้ย ผมยิ่งน่ารักๆ อยู่ด้วย ถ้ามันจะเปลี่ยวอันนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ

          ผมไม่ได้ตอบอะไรจนมาถึงบ้าน พี่อาร์คก็ไม่มีขับเลยไปส่งเพื่อนรักเลยนะ จอดมันที่หน้าบ้านผมนี่แหละ ปล่อยให้เพื่อนตัวเองเดินกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ คนเดียวซะงั้น ความห่วงใยในใจผมเริ่มผุดขึ้นมาอีกแล้ว

          ผมเปิดประตูบ้าน ไอ้อาร์คจอดรถเสร็จแล้วก็เดินตามเข้ามา แต่คนที่น่าจะเดินกลับบ้านไปกลับเดินตามหลังเข้ามาด้วย ร่างสูงเดินผ่านไอ้อาร์คที่ยืนเลิกคิ้วงงๆ อยู่หน้าประตูเข้าไปข้างใน

          “เอ่อ…” ผมพูดไม่ออก

          “มึงทำอะไรของมึงไอ้กัน”

          “ปู่ขอให้กูอยู่เป็นเพื่อนมัน กูก็อยู่นี่ไง” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา แขนหนาพาดไปที่พนักพิงด้วยท่วงท่าสบายๆ ผมเผลอเคลิ้มไปนิดหน่อยกับความเท่นั่น

          “ก็กูบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวกูอยู่เอง มึงกลับไปเถอะ” เหมือนจะมีวอร์เกิดขึ้นในบ้านของผม นี่มันเครโทสปะทะซูสชัดๆ เลย รูปหล่อสองคนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมยืนกลืนน้ำลายด้วยความหวั่นใจ ไม่รู้อะไรทำให้กันๆ เกิดนึกบ้าที่จะอยู่ขึ้นมา หรือว่า…

          …เพราะไอ้อาร์คบอกว่าจะปล้ำผมหรือเปล่านะ


_____________________________________

มาล้าววววววว เค้ามาต่อให้ล้าววววววว
ไม่มีอะไรจะพูดมาก แค่อยากบอกว่ากรี๊ดพี่อาร์คสุดพลังค่ะ ชอบบบบบ คนบ้าาา 555 ส่วนพระเอก...นั่นแหละค่ะ ตามนั้นเลย หมั่นไส้ได้เต็มที่ อนุญาต 5555
อยากบอกว่ายังไม่ได้ล็อกคู่ให้พี่อาร์คเลยค่ะ ให้พี่อาร์คแกกินกับอะไรก็อร่อยไปก่อนแล้วกัน ฮี่ๆ
ไปล้าวววว เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกท่านที่เม้นให้ รักนะคะ จุ๊บเหม่ง ♥





หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 08-06-2016 16:16:13
'คุณเองก็มีใจให้เหมือนกัน' เขินเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 08-06-2016 16:26:58
หมาเป็าเมินหนักๆเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-06-2016 19:01:26
อีกันๆนี้ปากแข็งจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 08-06-2016 19:53:00
น่ารักนะ หมาเป๋า อยากได้มาเล่นที่บ้าน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 08-06-2016 20:23:08
เล่นตัวจังนะกันกัน เดี๋ยวก็ยกหมาเป๋าให้อาร์คซะเลยนิ  :katai1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-06-2016 20:56:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-06-2016 00:46:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-06-2016 20:55:47
หลงพี่แว่นชอบพี่อาร์ต ฮ่าๆๆๆๆ คนเดียวกันนี่หว่า
หมาบ้าปล่อยให้มันบ้าต่อไป หึหึ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 19] [8 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 09-06-2016 21:41:05
ไม่เอาเราจะแย่งแล้วนะกันๆ 5555
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 11-06-2016 16:51:25


ตอนที่ 20
 
 


          บ้านผมจะพังมั้ย

          จ้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนที่ไม่มีบทพูดอย่างผมก็อึดอัดเหมือนกันนะ ผมมองซ้ายมองขวาหาทางออกจากความอึดอัดนี้

          “เอ่อ…อยู่มันให้หมดนี่แหละ ไม่ต้องไปไหนสักคน” เมื่อเลือกไม่ได้ก็เอามันตามนี้ ไอ้อาร์คยักไหล่ยังไงก็ได้ แล้วเดินไปนั่งใกล้ๆ กับไอ้กัน แต่หมาบ้ามันต่างออกไป พี่ท่านดูไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่ก็พูดมากไม่ได้ น่าจะรู้ตัวว่าตอนนี้ผมยังเคืองอยู่ พูดมากเดี๋ยวโดนไล่

          เริ่มคิดได้ กลัวว่ากูจะเมินแล้วใช่มั้ย

          ผมเดินไปหยิบน้ำกับขนมในครัวออกมานั่งกินกัน คืนนี้จะสรุปยังไงผมก็ไม่อาจบอกได้ เพราะผมเองก็เดาไม่ได้เหมือนกัน ถามว่าง่วงมั้ยผมก็ง่วงนะ แล้วพวกมึงไม่มีงานไม่มีอะไรต้องกลับไปทำกันเหรอ ดูว่างเนอะมานั่งเฝ้ากูเนี่ย

          “วิป” ไอ้อาร์คเรียก ไอ้นี่มาบ้านผมทีไรเป็นต้องมองรูปตอนเด็กของผมทุกที กะว่าจะเอาไปซ้อนละ มองนานๆ เราก็อายเป็นเหมือนกันนะหื้อ

          “ว่าไง”

          “มึงอยู่บ้านกับปู่แค่สองคนเหรอ แล้ว…พ่อกับแม่มึงล่ะ”

          “ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก แม่แต่งงานใหม่ ส่วนพ่ออยู่ป่า” ผมตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก ผมไม่ใช่เด็กเก็บกดอะไรนะที่พ่อแม่ต้องมาแยกทางกันแบบนี้ ไปกันไม่รอดก็แยกกันอยู่ซะ มันก็เท่านั้น และถ้าถามว่าผมรักใครมากกว่าระหว่างพ่อกับแม่ ผมคงต้องตอบว่าผมน่ะรักปู่ที่สุด

          พ่อกับแม่ก็ยังคิดถึง แต่ไม่มีความรู้สึกผูกพัน

          “อยู่ป่า? ทำไมวะ” ไอ้นี่ก็สงสัยไม่จบไม่สิ้น งานเผือกสินะ ผมหยิบขนมส่งเข้าปากพร้อมกับลอบมองสุดที่รักไปด้วย เอ๊ะ…ไม่ดิ ตอนนี้ไม่ให้เป็นสุดที่รักแล้ว เคืองอยู่ มันทำเหมือนไม่สนใจที่จะฟังนะ แต่กูรู้กันๆ มึงตั้งใจฟังอยู่

          “ก็ตอนพ่อกับแม่เลิกกัน พ่อเสียใจหนักมาก ตอนนั้นกูก็เด็กมากเหมือนกัน ไม่ค่อยเข้าใจหรอก โตมาพอคิดย้อนกลับไปเลยเข้าใจขึ้นเยอะ แม่ไม่ได้รักพ่อแล้ว แต่พ่อไม่ใช่ พอเลิกกันพ่อก็เสียใจ แทบจะไม่เลี้ยงกูเลยล่ะ ปู่เลยทนไม่ได้ ถามว่าอยากไปทำใจมั้ย วันต่อมาพ่อก็ไปเลย” ตอนนั้นยอมรับว่าใจหายหน่อยๆ อารมณ์เด็กถูกทิ้ง แต่เพราะมีปู่นี่แหละ เลี้ยงผมอย่างดี ดูแลดีมาก ทำให้ผมเลิกเศร้าไปได้

          “ได้คุยกันมั่งมั้ย”

          “ไม่ค่อย ปกติพ่อจะเป็นคนติดต่อกลับมาเอง ส่วนมากโทรมากูก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เลยได้คุยแต่กับปู่ แต่เมื่อหลายปีก่อนพ่อก็กลับมาอยู่นะ มาอยู่สองสามวันแล้วก็กลับไป” เหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของพ่ออีกต่อไปแล้ว

          “มึงเก่งนะ ไม่เสียใจเลย” ชมแล้วไม่วายแอบเนียนลูบหัวผมอีก

          “ไม่เก่งหรอก แต่มันนานแล้วไง ไม่รู้สึกอะไรแล้วล่ะ”

          จบเรื่องครอบครัวของผมก็แทนจะไม่มีบทคุยอะไรกันอีก ส่วนมากจะเป็นไอ้แว่นสุดหล่อหาเรื่องหยอดใส่ผมเสียส่วนใหญ่ หมาบ้าก็นั่งเงียบเหมือนไม่ได้เอาปากมา

          “แล้วพวกมึงจะกลับกันเมื่อไหร่” กูง่วงนะ ผมถามเสร็จก็หาวให้ดูไปด้วยเลย น้ำตาปริ่มๆ ขึ้นมา ร่างสูงใส่แว่นที่มองอยู่ก็ยิ้มเอ็นดู แล้วเอือมมือมาเช็ดออกให้อย่างเบามือ

          รอยยิ้มของพี่แกทำให้ผมหน้าแดงขึ้นมา มันต่างจากของกันๆ รายนั้นไม่ค่อยยิ้ม แต่ถ้ามันยิ้มก็ทำให้ผมใจเต้นแรง เขินและอยากเข้าไปฟัด กับไอ้อาร์คมันแค่เขินนิดๆ รู้สึกอายที่โดนจ้อง

          “มึงไม่กลับไปทำรายงานหรือไงอาร์ค” ความชมพูวิ๊งๆ รอบตัวถูกทำลายด้วยน้ำเสียงโหดๆ ของไอ้กัน มึงสองคนตีกันเลย ใครชนะได้อยู่กับกูงี้ ไม่ต้องมานั่งเล่นจ้องตากันหรอก มันเสียเวลา

          “รายงาน? อ๋อใช่! ทำสิ” มึงกำลังกวนตีนใช่มั้ยพ่อคนหล่อ ยกยิ้มแบบว่ากำลังปั่นให้อีกฝ่ายหัวเสีย และดูท่าทางมันจะได้ผลเสียด้วย เก่งไปซะทุกเรื่องเลยนะพ่อคุณ

          “มึงก็กลับพร้อมกูเลยสิ” ไอ้อาร์คลุกขึ้นแล้วชวน

          “กูขอเข้าห้องน้ำก่อน” ไม่รอให้เพื่อนตอบรับ ร่างสูงลุกเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที ไอ้อาร์คหันมามองหน้าผมก่อนจะยักไหล่

          “กูก็อยากเข้าห้องน้ำเหมือนกันนะ”

          “งั้นไปเข้าข้างบนก็ได้ ตามมาดิ” ผมกวักมือเรียกแล้วเดินนำขึ้นมาข้างบน รีบๆ เข้า แล้วรีบๆ กลับกันไปได้แล้วนะครับคนหล่อทั้งหลาย เราก็ต้องการพักผ่อนบ้างอะไรบ้างนะหื้อ

          “ห้องไหนของมึงน่ะวิป”

          “นั่นไง แล้วก็นู้นห้องนะ…”

          “อ๋อ…”

          หมับ! พรึ่บ!

          แกร๊ก ปัง!

          เอ่อออออ… อะไรวะเฮ้ยยย!

          พอผมบอกห้องไปเท่านั้นแหละ ร่างสูงก็เปิดประตูแล้วดึงผมเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตูเรียบร้อย ผมยืนเอ๋ออยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะตั้งสติได้แล้วถอยห่างออกจากไอ้แว่น

          “เดี๋ยว เราคุยกันได้นะ” ผมยกมือห้ามกล้าๆ กลัวๆ

          “หึๆ มึงคิดว่ากูจะทำอะไรมึงจริงๆ เหรอวิป” ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ด้วยท่าทางขี้เล่นเหมือนอย่างเคย แต่คุณครับ ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้ คือแก อยู่ๆ ก็ลากเข้ามาในห้องแบบนี้ ผมก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นนะเว้ย!

          “มึงหื่นเหรออาร์ค”

          “ก็อยากอยู่”

          นั่นไง!!

          อยากจะกรี๊ด ทำไมกูต้องพบมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย คุณพระคุณเจ้า! ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำบุญสินะ เรื่องซวยๆ ถึงเข้ามาหาบ่อยจัง ผมทำหน้าอยากจะร้องไห้ ร่างสูงของคนตรงหน้าอาศัยจังหวะที่ผมกำลังยืนบ้าอยู่นั้นสาวเท้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับดึงตัวผมเข้าไปในอ้อมกอด

          เดี๋ยวๆๆๆ!!! เดี๋ยววววววว

          “เอ่อ…แฮ่…ใกล้ไปเนอะ” ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องเสียงอ่อนเสียงอ่อยด้วยวะ ผมไม่กล้าสบตากับมันเลย ณ ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจ อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคามอะไร ก็อ่อนโยนนุ่มนวลตามสไตล์ของพี่ท่านนั่นแหละ

          “วิป”

          “ครับผม” ผมก้มหน้าก้มตาขานรับกลับไป อาจจะเป็นเพราะมันแค่กอดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรที่มากกว่านั้น และส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมเชื่อใจอีกฝ่ายด้วย เชื่อว่ามันต้องไม่ทำอะไรผมแน่ๆ

          แต่ก็แอบหวั่นนะเออ

          “รู้มั้ยกว่ากูอยากกอดมึงแบบนี้ที่สุดเลย” ไม่พูดเปล่า ยังเอาใบหน้าหล่อๆ ของตัวเองมาเกยที่ไหล่ผมอีกต่างหาก มือหนาเลื่อนมาโอบประคองแผ่นหลังผมไว้ ตัวผมนั้นเกร็งขึ้นมาทันที กอดไว้แบบนี้ไม่ได้รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้ชอบเช่นกัน

          “คือ…ตอนนี้กูต้องทำตัวยังไงวะเนี่ย”

          “หึๆ ไม่ต้องทำอะไร แค่เป็นเด็กดี แล้วฟังกูก็พอ” น้ำเสียงหัวเราะนุ่มทุ้มชวนเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างมาก แถมริมฝีปากหนายังเลื่อนมากระซิบข้างหู ผมอดที่จะขนลุกซู่ไม่ได้

          ตุบ

          ระหว่างที่กำลังตบตีกับตัวเองในใจ ร่างผมนั้นก็ถูกดันให้ล้มลงไปบนเตียง พอแผ่นหลังผมสัมผัสกับเตียงสติก็คืนกลับมา เบิกตากว้างเมื่อร่างสูงขยับขึ้นมาคร่อมไว้ เดี๋ยวๆ ท่าทางแบบนี้มันไม่ปลอดภัยแล้วจริงๆ นะ ผมรีบใช้มือดันแผ่นอกแกร่งไว้ อย่าเข้าใกล้เรากว่านี้เลย ฮืออออ

          “อาร์ค กูไม่โอเคแล้วนะอย่างนี้”

          “ให้กูบ้างไม่ได้เหรอวิป กูอยากอยู่ใกล้ๆ มึงนะ อยากทำแบบนี้มาตลอดเลย” พูดธรรมดาก็ได้ ทำไมต้องทำน้ำเสียงชวนหลงแบบนั้นด้วย แถมเวลาพูดคนด้านบนก็ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ใช้ปลายจมูกเกลี่ยเข้าที่แก้มผม

          ผมว่านะ ไอ้อาร์คมันต้องเก็บกดมาหลายอาทิตย์แล้วแน่ๆ พี่แกดูหื่นอะ ปกติออกจะเป็นคนดีเรียบร้อยและน่ารัก แล้วที่น่าแปลกใจหนักเลยก็คือ…ทำไมกูถึงได้ยอมให้มันขึ้นคร่อมขนาดนี้! โอ๊ยจะเป็นลม

          “นะครับ…”

          นะครับคำเดียวแทบจะน็อกตายคาเตียง ผมไม่ได้ใจง่ายนะเว้ย แต่มัน…มัน…

          ร่างสูงเห็นผมนิ่งไปก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สิ่งแรกที่ผมควรทำในตอนนี้ก็คือผลักมันออกไปซะ แต่ผมกลับเอาเวลาเหล่านี้มาคิดไปว่า…บนเตียง…กำลังจะจูบ…เดี๋ยวก็เลยไปไกล…ผมจะแย่…และ…

          แกร๊ก

          “เหี้ยอาร์ค!!”
          พรึ่บ! พลั่ก!!!
          “มึงกำลังจะทำเหี้ยอะไร!”

          เอ๋…

          ผมเด้งตัวขึ้นมาหลังจากรวบรวมสติได้ เหตุการณ์เมื่อกี้มันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมคิดตามไม่ทัน อยู่ๆ ไอ้กันก็เปิดประตูพรวดเข้ามา เจอฉากเด็ดเข้าพอดี นั่นทำให้ร่างสูงเลือดขึ้นหน้า พุ่งเข้ามาถีบเพื่อนรักเข้าเต็มๆ จนตกเตียง เท่านั้นยังไม่พอยังตามไปซ้ำต่ออีก

          “เฮ้ย เดี๋ยวๆ หยุดก่อน”

          ทำไมต้องมาวอร์กันในห้องของกูด้วย ผมพยายามจะเข้าไปห้ามไอ้หมาบ้าที่กำลังคลุ้มคลั่ง ทั้งคู่ซัดกันนัวเนียไม่เปิดช่องให้ผมได้เข้าไปแยกเลย

          ใจผมเริ่มเสียแล้ว จู่ๆ ก็ต้องมากลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ไอ้กันก็ไม่ฟังเสียงร้องห้ามของผมเลย อาละวาดเต็มที่ อารมณ์โกรธที่มีถูกระบายใส่ไอ้อาร์คจนหมด

          “ไอ้กัน! มึงหยุดก่อน! อย่า…” ผมหาจังหวะดีๆ แล้วรีบเข้าไปรั้งแขนร่างสูงไว้ แรงมันเยอะมากจนผมแทบยั้งไว้ไม่อยู่ ก่อนอื่นเลยต้องดึงมันออกห่างจากไอ้อาร์คซะก่อน พอเห็นว่าใบหน้าของไอ้อาร์คมีรอยช้ำและรอยแตกผมก็น้ำตาคลอมือไม้สั่น

          “ไอ้วิป ปล่อยกู!”

          “ไม่เอา เดี๋ยวมึงก็ไปต่อยมันอีก” ผมส่ายหน้ารัวๆ มือก็กอดแขนไอ้กันไว้มั่น ร่างสูงหันขวับมาจ้องหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ และพอเห็นว่าที่ดวงตาของผมกำลังเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ ก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้อีกฝ่ายหนักเข้าไปอีก

          “นี่มึงห่วงมันถึงขั้นร้องไห้เลยเหรอ!! ไหนบอกว่าชอบกูไง!”

          ห่วงพ่อง!! กูแค่รู้สึกผิด!

          “แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย เมื่อกี้มึงเข้ามาขัดรู้ตัวมั้ย” ไอ้อาร์คเช็ดเลือดออกจากใบหน้า แว่นพี่แกหล่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เจ้าตัวก็ดูไม่สนใจที่จะหา ยันตัวขึ้นมาจากพื้นแล้วนั่งลงบนเตียง คำพูดนั้นของมันยิ่งปลุกความเป็นหมาบ้าในตัวไอ้กันให้เริ่มมากยิ่งขึ้น

          “ขัดงั้นเหรอ!”

          “ไอ้กัน หยุดดดดด!” ผมต้องยื้อร่างสูงไว้อีกครั้งเมื่อกี่แกจะพุ่งเข้าใส่เพื่อนตัวเองอีกรอบ ต้องลากๆ ให้ไปยืนหน้าประตู ห่างกันไว้ยิ่งดี ผมแทบจะกอดมันไว้ทั้งตัวแล้วนะ!

          “มึงอย่ามาทำตัวเป็นหมาหวงกระดูกหน่อยเลย” เดี๋ยวอาร์ค กูไม่ใช่กระดูก ถ้าจะเปรียบแบบนี้ให้กูเป็นหมาเป๋าเหมือนเดิมดีกว่านะ

          “อาร์ค มึงก็อย่าไปพูดยั่วมันสิ” ในเมื่อห้ามทางนี้ดูจะยาก เลยต้องเปลี่ยนไปปรามทางนั้นแทน ไอ้อาร์คดูจะพูดง่ายกว่า แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ร่างสูงยักไหล่แล้วเบือนหน้าไปอีกทาง

          บรรยากาศอึดอัดมาก เป็นที่ไหนไม่เป็นนะ ทำไมต้องเป็นห้องของผมด้วย แล้วซัดกันเมื่อกี้ทำห้องรกอีกต่างหาก ใครเก็บ? กูมั้ย?

          “อาร์ค”
          “ว่าไง”

          “มึงกลับไปก่อนได้มั้ย นะ” เลือกพูดกับคนที่น่าจะพูดง่ายกว่า และที่สำคัญที่สุด…ไอ้กันคือคนที่ผมชอบ ยังไงมันต้องมาก่อนไอ้อาร์คอยู่แล้ว จริงอยู่ผมอาจจะเห็นแก่ตัว เหมือนหลอกใช้ไอ้อาร์ค แค่ยืมตัวมันมาแสดง แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนกัน ให้ไอ้กันกลับไปแล้วให้ไอ้อาร์คอยู่ต่อ ความรู้สึกที่มีต่อมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ผมไม่ได้ชอบมัน ผมชอบไอ้กัน

          ผมขอร้องอีกฝ่ายผ่านทางสายตา ร่างสูงยิ้มเศร้าออกมาแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไป ลุกขึ้นไปหยิบแว่นของตนขึ้นมา เดินตรงเข้ามาหาผม มือหนายื่นออกมาแตะที่แก้มเบาๆ

          “ขอโทษนะ” แววตาเศร้าๆ แบบนั้นเล่นเอาผมจุกไปเหมือนกัน คำพูดนั่นผมควรจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่าหรือเปล่า ร่างสูงสบตากับเพื่อนของตัวเองแวบหนึ่งก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไป

          พรึ่บ!

          ไอ้หมาบ้าที่ผมกอดอยู่หมุนตัวขวับกลับไปปิดประตูแล้วจัดการล็อกเสร็จสรรพ ไม่ถงไม่ถามเจ้าของห้องที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยสักนิด

          “ใจง่าย!”

          ห้ะ!!

          ล็อกประตูเสร็จก็หันกลับมาด่าผมด้วยคำๆ นี้ กระแทกหน้ากระแทกใจอย่างแรง ใจง่าย? กูนี่นะ? อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้นวะ ผมยืนงงไม่เข้าใจ อยู่ๆ ก็มาด่าแบบนี้มันใช่เหรอ มันน่าต่อยปากแตกมั้ยห้ะ

          “บอกว่าชอบกูแล้วเมื่อกี้อะไร บนเตียงเลย!” มือหนาชี้ไปที่เตียง แววตาโกรธจัดของมันทำเอาผมร้อนๆ หนาวๆ อยู่บ้าง ผมล่ะเกลียดอาการแบบนี้ของมันที่สุดเลย ปากยืนยันแทบตายว่าไม่ได้คิดอะไรด้วย แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับเป็นไปอีกอย่าง แล้วอย่างนี้ผมควรจะทำยังไงวะ

          “มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มึงอย่าบ้า”

          “แล้วถ้ากูไม่ขึ้นมา มันก็เกิดใช่มั้ย” ร่างสูงไม่ยอมใจเย็นฟังอะไรเลย ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพียงแค่ผมถอนหายใจก็ไปกระตุ้นต่อมโมโหของอีกฝ่ายเข้าให้อีก

          สรุปกูทำอะไรได้บ้างเนี่ย?

          “แล้วมึงจะบ้าทำไม ไหนบอกไม่ได้คิดอะไรกับกูไง” ผมกอดอกพูอตอบไป เบื่อที่จะคุยแล้วนะ ย้ำอยู่ได้ว่าไม่ได้คิดๆ แต่พอเจอเรื่องแบบนี้ก็โมโหกลายเป็นหมาบ้า กูต้องทำตัวยังไงห้ะไหนบอกสิ นู้นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ จะเข้าหาก็ทำรำคาญใส่ พออยู่กับคนอื่นก็มาโมโหใส่อย่างนี้

          “…”

          “มึงก็ตอบไม่ได้ กูเบื่อนะกันที่ต้องย้ำกับมึงน่ะ กูบอกแล้วไงว่าไม่นอกใจหรอก ไม่ว่ามึงจะคิดหรือไม่ได้คิดอะไรกับกูก็ช่าง” ดูสิ ชอบมันมาก ขนาดที่มันทำเรื่องแบบนี้ผมยังโกรธไม่ลงเลย

          “ไม่นอกใจ? เมื่อกี้จะจูบเลย คิดว่ากูไม่เห็นเหรอ”

          “ก็…”

          “มึงไม่แม้แต่จะผลักมันออก”

          “ก็กู…”

          “กูอะไร!” ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยวะ!

          “ก็กูเคลิ้ม แบบเผลอไปนิด…แบบ…ซอรี่~”

          “เฮอะ! เคลิ้มงั้นเหรอ มานี่เลย!” ร่างสูงทำหน้ายักษ์ใส่เมื่อเจอผมพูดกลับไปแบบนั้น ผมไม่ได้โกหกเลยนะ ความจริงล้วนๆ มันเคลิ้มจริงๆ นี่หว่า ก็ดูไอ้อาร์คดิ เป็นใครจะไม่เคลิ้ม พี่ท่านนุ่มนวลชวนฝันซะขนาดนั้น

          ไอ้กันคว้าตัวผมแล้วจับโยนไปบนเตียง ช่างแตกต่างจากผู้ชายอีกคนที่จับผมลงเตียงไปเมื่อไม่นานนี้ หลังแทบหัก เตียงกูไม่ได้นุ่มนิ่มนอนสบายเหมือนบ้านมึงนะ โยนลงมาได้

          พอจับผมโยนขึ้นเตียงได้เสร็จอีกฝ่ายก็ตามมาคร่อมทับ เหตุการณ์คุ้นมากเลยแบบนี้ และไม่รอให้ผมได้อ้าปากพูดอะไร ร่างสูงก็กระแทกริมฝีปากลงมาอย่างแรง ผมเบิกตากว้างช็อกโลก เฮ้ยๆ ไอ้บ้า!

          คนด้านบนไม่สนว่าผมจะมีปฏิกิริยาตอบรับยังไง บดเบียดริมฝีปากเข้ามาแบบดุดันระบายอารมณ์ ใส่ความโกรธของตนทั้งหมดรวมมาอยู่ในจูบนี้ ผมเบ้หน้าเมื่อโดนงับเข้าอย่างแรงที่ริมฝีปากล่าง มือพยายามจะดันอีกฝ่ายออกเพื่อร้องบอกว่าผมกำลังเจ็บ แต่ก็โดนมันดึงขึ้นไปขึงไว้เหนือหัว

          นี่ไง นอนจับมือกันขอแท้เลย ไม่ได้จับแบบนุ่มนวลนะ จับขึงเลยล่ะ!

          ร่างสูงทั้งเม้มทั้งกัดจนผมต้องยอมเปิดปากออก ทำให้มันนั้นสามารถแทรกลิ้นเข้ามาได้ ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงฟินตัวลอย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ มันกำลังบ้า!

          “อื้อๆๆ” ผมร้องอู้อี้ในลำคอประท้วง ไอ้กันมอบสัมผัสรุนแรงดุดันให้ผมจนรู้สึกเจ็บไปทั้งปาก ผมไม่รู้ว่าควรจะห้ามมันยังไงดี เพราะตอนนี้แม้กระทั้งร้องออกมาผมยังทำไม่ได้เลย

          “อาห์…” เมื่อทำร้ายริมฝีปากผมจนพอใจแล้วอีกฝ่ายก็ย้ายเป้าหมายไปที่ซอกคอแทน ผมขนลุกซู่ไปทั่วร่างเมื่อปลายจมูกโด่งนั่นเกลี่ยเข้าที่ผิว ซุกไซ้ซอกคอแรงๆ จนผมต้องเบ้หน้าอีกครั้ง

          “กัน…กูเจ็บ”

          ร่างสูงไม่ฟังคำผมเลยแม้แต่น้อย ยังคงหมกมุ่นอยู่กับซอกคอขาวของผม ฟันคมขบกัดลงมาเต็มแรง แถมด้วยการดูดดุนจนเจ็บจี๊ดขึ้นมา

          “เฮ้ย! พอแล้ว!” ผมเริ่มดิ้นแล้วก็ด่าตัวเองในใจไปด้วย ทำไมเพิ่งมาดิ้นเอาตอนนี้ ควรจะขัดขืนก่อนหน้านี้แล้วสิ

          ร้องห้ามยังไงมันก็ไม่หยุด ณ ตอนนี้ไอ้กันบ้าเต็มขั้นแล้ว เอาจริงๆ ผมจะยอมมันก็ได้ ถ้าเป็นไอ้กันผมยอมให้ได้อยู่แล้ว แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่มันปากแข็งไม่ยอมรับว่าชอบผม

          ถ้ายังไม่เคลียร์ให้เรียบร้อย ผมก็จะไม่ยอม

          มือหนาสอดเข้ามาภายในเสื้อ ผมสะดุ้งเฮือก จู่โจมเร็วเกินไปแล้ว! ผมเริ่มกลัวนิดๆ แล้วนะ ตั้งใจว่าจะไม่ยอม แต่ผมจะสู้แรงอีกฝ่ายได้หรือเปล่าเนี่ยสิ แถม…ร่างกายไม่รักดี! จะโอนอ่อนตามเขาตลอดเลย

          ผมกัดริมฝีปากนอนตัวเกร็ง เหงื่อแตกพลั่กๆ อย่างกับไปวิ่งมา ใจผมเต้นรัวเร็ว พยายามรวบรวมสมาธิไว้เพื่อที่จะพูดกับมัน แม่งจะเคลิ้มตามตลอด!

          “กูยอมให้มึงทำได้นะกัน” บังคับเสียงตัวเองไม่ใช่สั่น พยายามทำน้ำเสียงให้ดูจริงจังเข้าไว้ และมันก็ได้ผล ร่างสูงชะงักไปแต่ยังไม่ผละออกมาจากซอกคอ และมือก็ยังไม่ดึงกลับออกไป

          “มึงก็รู้ว่ากูชอบมึงมากขนาดไหน กูยอมได้อยู่แล้ว”

          “…” ไอ้กันไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา แต่ผละออกมาเล็กน้อยเพื่อสบตา ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาดุๆ นั่น สื่อความในใจให้รู้ว่าครั้งนี้นั้นผมจริงจังมาก

          “ถ้ามึงบอกกูได้…จากใจจริงของมึง ว่าคิดยังไงกับกู ชอบกูหรือเปล่า และถ้าคำตอบของมึงคือชอบกูเหมือนกัน กูสัญญาเลย กูให้มึงได้ทุกอย่าง”

          “แล้วถ้าคำตอบคือไม่ล่ะ”

          อึก…

          “กูก็จะเลิกแล้ว พอแล้วล่ะ ถ้ามึงยังยืนยันแบบนั้นจริงๆ กูจะไม่วุ่นวายกับมึงอีก” เพียงแค่ลองถามแต่ใจผมกลับรู้สึกไม่ดีนำไปก่อนแล้ว ไม่อยากได้ยินคำว่าไม่จากปากมันเลย

          “มึงยังตอบกูไม่ได้ใช่มั้ย”

          “…” มันเงียบ

          “งั้นเอางี้มั้ย” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วดันแผ่นอกอีกฝ่ายให้ถอยออกไป ซึ่งร่างสูงก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี ดูท่าอาการหมาบ้าจะจางหายไปบ้างแล้ว เรานั่งจ้องตากัน ผมบีบมือตัวเองแน่น ผมกลัว อย่างที่พูดไป ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามันไม่คิดอะไรจริงๆ ผม…จะไม่ตามแล้ว

          “ก่อนวันหยุดยาว…อาทิตย์นึงพอดี กูให้เวลามึงกลับไปถามใจตัวเองดู คิดดูให้ดีๆ ว่ามึงชอบกูจริงๆ หรือแค่…แค่หวงของ เพราะกูตามตื๊อมึงอยู่บ่อยๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้ ถ้าคำตอบของมึงคือไม่…กูจะถอย” พูดไปเรื่อยๆ เสียงของผมก็เริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ดวงตาร้อนผ่าว น้ำใสๆ เอ่อคลอขึ้นมา ทำไมต้องร้องด้วยวะเนี่ย

          ผมกลัวจริงๆ นะ กลัวที่จะไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันอย่างนี้อีก

          ผมชอบมันมาก ชอบมากจริงๆ นะ แต่ถ้าให้ตื๊อต่อไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน

          “กูจะไปเอาคำตอบที่บ้านของมึง ตอนสองทุ่มก็ได้เวลากำลังดี ถึงเวลานั้นมึงคงมีคำตอบให้กูนะ” ผมปาดน้ำตาทิ้งแล้วฝืนยิ้มให้ ไอ้กันมันนิ่งจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูก เลยเบือนหน้าหนีไม่มองดีกว่า

          “แล้วถ้าเกิดกูไม่อยู่ที่บ้านตอนนั้นล่ะ”

          “ฮึก…กูก็จะรอ รอให้มึงกลับมา” ผมสูดน้ำมูกยกใหญ่แล้วหันกลับไป

          “…”

          “แต่ถ้ามันนานเกินไป มึงไม่กลับมา หรือไม่มีคำตอบให้กู…กูจะไม่รอแล้วนะ”


_______________________________________




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 11-06-2016 19:52:56
 :m16: :m16: :m16: เคืองกันๆมากเลยค่ะ มาทำแบบนี้กับวิปได้ไง ตัวเองยังไม่เคลียร์เลยนะ หึ! ทำมาเป็นหึง แค่ใจตัวเองก็ยังไม่รู้ สงสารวิปมากอ่ะ เลิกตามก็ดีเหมือนกันนะ
ปล. หากพี่อาร์คไม่มีใคร มาหาเราให้ดามใจก็ได้ 55555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 11-06-2016 21:35:33
โอ๊ย กันๆขัดใจอ่ะ วิปไม่ชอบพี่อาร์ค งั้นเราขอได้มั้ย  :-[
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 11-06-2016 21:47:01
ฮือออพี่อาร์คคู่กับเราก็ได้เราว่างง555555
คือเป็นคนยังไงทำไมไม่สนใจคู่พระเอกนายเอก55555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 11-06-2016 22:04:54
เคืองกันๆเหมือนกันค่ะ หมาบ้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 11-06-2016 23:06:11
เบื่อกัน ไม่ชัดเจนเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 11-06-2016 23:14:22
คนรอ รอแบบมีหวังหรือไม่มีหวัง ก็ทรมาน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-06-2016 00:49:36
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 12-06-2016 04:04:52
อาร์คมาซบอกป้าไหมลูกกกก
เอ็นดูวววว
 :man1: :man1:
เอาเลยๆๆ เลิกตามเลิกตื้อไปเลยหนูวิป
ไปสวีทกับอาร์คให้อิกันโมโห ลงแดงตายไปเลย
ทำเป็นนิ่ง มาดเยอะอยู่นั่นแหละ
ขอให้แห้ว ขอให้วิปเลิกรอไปเลย
อยากเห็นคนช้ำในตาย555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-06-2016 08:50:28
หมากันไม่ได้ความเลย หวานเมื่อไรค่อยยกโทษ

แว่นๆๆมามะมาทาวนี้เดี่ยวป้าจัดฝห้ อิอิ
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 24-06-2016 18:29:25



ตอนที่ 21
 
 


          หลังจากที่ผมพูดออกไปแบบนั้นต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ เป็นความเงียบที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย ปกติถ้าอยู่กับร่างสูง ไม่ว่าจะบรรยากาศแบบไหนผมก็ชอบทั้งนั้น แต่ในตอนนี้….ใครก็ได้ มาพากูออกไปจากตรงนี้ที

          แต่เฮ้ย…นี่บ้านกูนี่หว่า

          ผมไม่รู้ว่าไอ้กันคิดอะไรอยู่ เพราะมันนิ่ง นิ่งอย่างเดียวเลย เดาความในใจไม่ออก อาจจะกำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ก็ได้มั้ง ประมาณว่า…จะเอายังไงกับตัวเองต่อไปดี อาจจะชอบผมนิดหน่อย แต่ไม่อยากคบกัน ไม่ถึงขั้นอยากเป็นแฟน หรืออาจจะไม่ชอบเลยก็ได้

          หยิบยื่นระยะเวลาให้กลับไปคิดแบบนั้นผมก็เสี่ยงเหมือนกันนะ ยังไม่อยากจาก แต่ถ้าเขาไม่ต้องการจริงๆ เราก็ควรที่จะถอย ถึงแม้ว่าใจของเราจะเจ็บมากก็ตาม ยังไงเราก็ต้องยอมรับมันให้ได้

          ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะถอยมาก่อนเลย ต้องบอกว่ามันไม่เคยอยู่ในหัวมาก่อน จนได้คุยกับไอ้อาร์ค ได้กลับมานั่งคิดคนเดียวเงียบๆ ดู มันก็จริงอย่างที่ไอ้อาร์คว่า มัวไปให้ใจกับคนที่ไม่เห็นค่ามันเสียเวลาเปล่า ทุ่มไปเท่าไหร่มันก็ไม่เคยเต็ม สู้ดึงใจกลับมายังดีเสียกว่า

          ผมไม่รู้ว่าเรานั่งเงียบกันนานเท่าไหร่ ต่างฝ่ายต่างอยู่ในความคิดของตนเอง จนเวลาผ่านไปร่างหนาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปแบบเงียบๆ ผมมองตามแผ่นหลังกว้างก่อนจะเม้มปาก

          มันคงจะกลับบ้าน

          มองตามไปแล้วก็อดรู้สึกวูบโหวงในใจไม่ได้ หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนี้ผมคงต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกังวลสินะ กลัวคำตอบที่จะได้รับ มีเปอร์เซ็นสูงที่มันจะบอกชอบ แต่เปอร์เซ็นที่มันจะปฏิเสธก็มีมากกว่า

          หนักใจจริงๆ

          ผมนั่งนิ่งจนได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านเลื่อนปิด ผมลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง มองผ่านลูกกรงลงไปก็เห็นร่างสูงกำลังปิดประตูบ้านให้ แต่ถึงยังไงผมก็ต้องลงไปล็อกอีกทีอยู่ดี

          ไหนๆ กันๆ มันก็กลับไปแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องจัดการกับตัวเองแล้วสินะ

          ผมก้มลงมองช่วงล่าง อะไรบางอย่างมันแข็งดันกางเกงขึ้นมา เหตุการณ์เมื่อกี้นี้พาอารมณ์ขึ้นเหมือนกันนะ เคลิ้มมากด้วย แต่เราต้องกัดฟันไม่ยอม เราต้องไม่ง่าย แต่ตอนนี้…

          “มึงทำให้กูต้องช่วยตัวเอง ไอ้หมาบ้า!”




……………………




          สองวันต่อจากนั้นผมก็ไปรับปู่ออกจากโรงพยาบาล โดยมีไอ้นานามาเป็นเพื่อน คนสวยเอารถออกมาขับเองอีกแล้ว เพราะแม่คุณบอกว่าไม่อยากให้ปู่นั่งแท็กซี่กลับ ขับดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยตัดปัญหาด้วยการเอาออกมาขับเองซะเลย

          ผมรักมันจังเลยว่ะ สัญญานะ ถ้าเลิกชอบผู้ชายเมื่อไหร่ จะจีบมึงนะนา

          และผมก็ไม่ได้ไปรับปู่เพียงแค่สองคนนะ เราพ่วงพี่อาร์คไปด้วย นายคนนี้ตัวติดผมมาก เช้าโทรหา เย็นไลน์คุย ไม่เคยขาด ทำตัวน่ารักอย่างที่เคยสัญญไว้จริงๆ

          แต่ถ้าผมชอบมัน ผมคงมีความสุขมาก แต่บังเอิญ…ขอโทษนะอาร์ค

          “ปู่คอยๆ เดินนะ เดี๋ยวล้มไปอีก คราวนี้ได้นอนโรงพยาบาลอีกยาวแน่” ผมพยุงปู่เดินมาที่รถ ปู่แกแทบจะถวายมะเหงกใส่หัว ข้อหาพูดอะไรไม่เป็นมงคล ผมรีบยิ้มประจบแล้วซบไหล่อ้อน ดีใจอะปู่จะได้กลับบ้าน เอาจริงกลับได้ตั้งนานแล้ว แต่ผมอยากให้ชัวร์ว่าปู่ไม่เป็นอะไรจริงๆ

          “กูนี่แหละจะถีบมึงให้เละให้นอนแท้กู” อุ้ยสายโหด

          “ไม่เอาน่าปู่ ผมรู้ปู่รักผม” อ้อนเข้าไปอีก คนแก่เกร็งหน้าตึงเลย แหมๆ ริ้วรอยแทบมองไม่เห็นเลยอ่า เกร็งอะไรขนาดนั้น อนุญาตให้ยิ้มได้น่า ผมไม่ล้ออะไรหรอก แหมๆ

          ปู่แกเป็นคนแข็งแรง ทำอะไรได้เองมาตลอดโดยไม่ต้องมีคนช่วย อยากเดินไปไหนก็เดิน จะทำอะไรก็ตามที่ใจอยาก แต่พอต้องมาเดินแล้วมีผมคอยพยุงคอยให้เดินช้าๆ แล้วปู่แทบจะสะบัดผมออกด้วยความอึดอัด ดูทำสิ คนเขาก็เป็นห่วงหรอก

          ผมกับปู่นั่งที่ด้านหลัง ย้ายไอ้พี่อาร์คไปนั่งคู่กับนานาข้างหน้าแทน กับไอ้อาร์คหลังจากเรื่องในคืนนั้นพี่แกก็ไม่เอ่ยถึงให้ผมรู้สึกอึดอัดหรือทำตัวไม่ถูก ผมไม่ด่ามันหรอกที่มันทำตัวเหมือนว่ากูไม่เคยทำอะไรผิด ดีซะอีก เพราะผมคงอึดอัดน่าดูถ้าต้องพูดเรื่องในคืนนั้น

          มันจะปล้ำกูนะเฮ้ย!

          แถมไอ้เราก็เคลิ้มตามด้วยไง ไอ้บ้าเอ้ย!

          “นี่ปู่ กลับถึงบ้านปู่ไม่ต้องทำอะไรเลยนะ เดี๋ยวงานบ้านผมทำแทนเอง กับข้าวก็ไม่ต้องทำ การคืนสามทุ่มก็เข้าห้องไปนอนได้เลย เรื่องปิดบ้านเดี๋ยวผมทำเอง” นี่ไม่ใช่การขอร้องแต่เป็นคำสั่ง ปู่แกหน้าหงิกไม่ชอบใจขึ้นมาทันที

          “กูไม่ได้พิการไอ้วิป”

          “แต่เค้าเป็นห่วง” ผมตีหน้าอ้อน ทำตัวขี้เกียจปล่อยให้ปู่ดูแลมามากพอแล้ว เพราะงั้นถึงเวลาที่ผมจะต้องดูแลปู่บ้าง
          “ผมก็คิดแบบเดียวกับที่วิปบอกนะครับ ปู่ควรพัก ไม่ควรทำงานหนักอะไรแบบนั้น ปล่อยให้วิปมันทำไปบ้าง เดี๋ยวจะว่างเกิน” คนหล่อเอี้ยวตัวกลับมาพูดยิ้มๆ ถึงจะดูเหมือนพูดแซวแต่ให้อภัย เพราะช่วยโน้มน้าวปู่

          “เห็นมั้ย ไอ้อาร์คยังคิดเหมือนผมเลย ปู่อย่าดื้อสิ เดี๋ยวไม่รักนะ”
          “กูปู่มึงนะวิป”

          จ้า ปู่จ้า เราก็รักมากด้วยจ้า

          ไอ้นานาขับรถมาส่งพวกเราที่บ้าน พาปู่เข้ามาในบ้านเสร็จนางก็ขอตัวไปทำธุระต่อ ดูเป็นควรรวย มีความเป็นประทาน ธุรกิจรัดตัวเหลือเกิน

          “ปู่หิวเปล่า” พาปู่นั่งเสร็จก็เอ่ยถาม ปู่แกมองไปรอบๆ ด้วยความคิดถึงบ้าน คนแก่ก็งี้ ห่างหายบ้านไปหลายวัน
          “ก่อนออกจากโรงพยาบาลก็เพิ่งกินมา อย่าลืม”

          “เออเนอะ ลืมง่ะ” ผมตีหน้าแบ๊วไม่รู้เรื่อง คุณปู่ที่รักส่ายหน้าเอือมๆ ให้กับความขี้ลืมของผม ก็แหม…ไอ้เราก็กลัวว่าปู่จะหิว ก็ไม่ทันคิดโน๊ะ เพราะงั้นเราไม่ผิด

          “แต่มึงน่ะยังไม่ได้กินนะวิป” แล้วร่างสูงก็เอ่ยแทรกขึ้นมา พูดโดยไม่ได้หันมาทางนี้เลยสักนิด ดวงตาคมจับจ้องอยู่ที่รูปตอนเด็กของผม โดยที่นิ้วมือหนาก็เกลี่ยเข้าที่รูปอย่างหลอกล้อ ริมฝีปากเปื้อนยิ้มเอ็นดู

          กับรูปมึงก็เอานะหื้ออออ

          “งั้นมึงออกไปหาอะไรกินเลยไอ้ลูกหมา” ผมตีหน้าโหดใส่หลานรัก ผมกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ ก็เรายังไม่หิวเท่าไหร่เลย แต่โดนสายตาดุๆ บังคับให้ไป ผมเลยต้องยอมย้ายตัวเองออกมาหาอะไรกินกับไอ้พี่อาร์คอย่างช่วยไม่ได้ เดินออกจากบ้านก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แต่พอผ่านไปสักพัก…แง่งงงง! ความอึดอัดนี้มาจากแห่งหนใด

          “นี่วิป”

          “จ๋าจ้ะ!!” ไอ้บ้าเอ้ย! อยู่ๆ ก็เรียกขึ้นมาซะงั้น ผมขานรับกลับไปแบบสะดุ้งเล็กน้อย ร่างสูงอมยิ้มเมื่อผมขานรับกลับไปด้วยคำพูดน่ารักๆ อย่างนั้น

          เราเผลอหรอกนาย

          “กูรู้นะมึงอึดอัด เพราะงั้นเรามาเคลียร์ให้ความอึดอัดนี้มันหายไปกันเถอะนะ” พี่แกทำเสียงผ่อนคลาย พยายามดึงให้ผมไม่เครียด ผมหยุดเดินแล้วนิ่งไปนิด ก่อนจะกดหน้าตอบรับเบาๆ

          ไอ้อาร์คยิ้มรับแล้วจูงมือผมเพื่อที่จะเดินไปหาที่นั่งคุยในสวนย่อมเล็กๆ ที่เดียวกันกับที่ไอ้พี่พลุลากผมเข้ามา แต่พอมันจับปุ๊บ ความรู้สึกในตอนที่โดนพี่แกคร่อมคืนนั้นก็แวบเข้ามา ผมสะบัดมือหนาออกด้วยความตกใจ ไอ้อาร์คหน้าเสียไปนิดเมื่อเจอแบบนั้น ผมรู้ตัวก็รีบมองมันแบบขอโทษ

          “ไม่เป็นไรๆ ตามมาเนอะ” พี่แกส่ายหน้าไม่โกรธแล้วเดินนำไปก่อน หามุมเงียบๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหญ้า ผมเม้มปากก่อนจะเดินเข้าไปนั่ง เว้นระยะห่างไว้สักเล็กน้อย เอาแบบไม่น่าเกลียดแต่ก็ไม่ได้ใกล้จนเกินไป

          “กูขอโทษ เรื่องคืนนั้นน่ะ”

          “…”

          “เราคงต้องเปิดใจคุยกันแบบตรงๆ แล้วล่ะ หึ…ตอนแรก กูยอมรับนะว่ากูคิดที่จะแกล้งยั่วให้ไอ้กันมันหัวเสียเฉยๆ ถ้ามันออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอใคร มันจะเอะใจแล้วตามขึ้นมาแน่ แต่พอ…” พี่แกพูดออกมาโดยไม่มองหน้าผม คงไม่อยากให้ผมอึดอัด แต่ผมเองนี่แหละที่จ้องพี่แกตลอด ตลอดเวลาที่เอ่ยออกมาร่างสูงที่สีหน้ายิ้มๆ คล้ายกับว่ากำลังนึกไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น

          มึงนึกแล้วยิ้มแบบนี้ มึงหื่นอยู่ใช่มั้ย

          “แต่พอกูได้อยู่กับมึงแค่สองคน ไอ้มีมึงมาอยู่ในอ้อมแขน วินาทีนั้นกูเพิ่งจะรู้ตัวว่า…กูน่ะ อยากกอดมึงจริงๆ อยากจับฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวกับความน่ารักของมึงที่แสดงออกมาตลอด ที่กูทำไปกูไม่ได้เผลอ…แต่กูตั้งใจ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมาหา สื่อผ่านมาทางสายตาว่าที่พูดมาทั้งหมดคือความรู้สึกของมันจริงๆ

          “เอ่อ…”

          “กูถึงได้บอกว่ากูขอโทษ กูรู้มึงไม่ชอบ แต่กูก็ยังบังคับ กูเหี้ยเนอะ” อีกฝ่ายยิ้มเยาะตัวเอง ผมไม่ชอบเลย เจ้าชายแสนดีแบบมันควรที่จะยิ้มเจิดจ้าเหมือนเคยสิ

          “กูตกใจนะ กูไม่ได้จะยอมด้วย แต่กูไม่ได้ถึงกับโกรธ แค่หวั่นๆ มึงนิดหน่อย ถึงจะรู้จักกับมึงได้ไม่นาน แต่กูคิดว่ามึงเป็นคนนิสัยดีคนนึงเลย มึงไม่มีทางอะไรแบบนั้นกับกูจริงๆ หรอกถ้ากูไม่เต็มใจ”

          “เปล่านะครับ กูอยากทำนะ”

          “กูกำลังชมมึงอยู่นะอาร์ค” ผมหน้าเอือมใส่ ร่างสูงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยกมือขอโทษ
          “ต่อเลยๆ ขอโทษนะครับ”

          “ก็นั่นแหละ ไม่ถึงกับโกรธ แต่พอเจอหน้ากันมันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง” คงต้องขอเวลาให้พี่ทำใจสักพักล่ะนะถึงจะกลับไปพูดเล่นคุยเล่นได้เหมือนปกติ ตอนนี้เราห่างกันสักพัก~

          “มึงรู้มั้ยว่าที่กูทำอยู่นี้ กูกำลังเห็นแก่ตัวนะ” ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองฟ้า มองจากมุมนี้พี่ท่านโคตรหล่อเลย ผมกัดปากแอบอิจตาร้อนเบาๆ แต่ไม่เป็นไร เราไม่หล่อแต่เราน่ารัก

          “ที่กูเข้ามายุ่งกับเรื่องของมึงและไอ้กัน ส่วนหนึ่งก็ตามที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ อยากให้ไอ้กันมันรู้ใจตัวเองสักที และไม่อยากเห็นมึงต้องเศร้าเวลามันทำเหมือนไม่ใส่ใจด้วย และถ้ามึงตัดใจจากมันได้ กูก็มีโอกาส” ผมพยักหน้ารับเบาๆ ใช่ มันเคยบอกมาแล้ว ซึ่งผมนับถือใจมันมากเลย ใจต้องแกร่งขนาดไหนกันเชียวถึงได้ทนเห็นคนที่ตัวเองชอบไปจีบคนอื่นต่อหน้าต่อตา

          “แต่สิ่งที่กูต้องการจริงๆ ในการเข้ามายุ่งครั้งนี้ คือกูอยากอยู่ใกล้มึงต่างหาก”
          หืออออ?

          ผมเลิกคิ้ว ต่อจากนี้ไปจะเป็นการสภาพรักอะไรหรือเปล่า เรายังไม่ได้เตรียมตัวมานะ ถ้าเพิ่งจู่โจมเราแบบนั้นสิ ผมทำหน้าไม่ถูก ไอ้อาร์คมันเลยนิดๆ รอยยิ้มสลายความกดดันได้จริงๆ

          “กูรู้อยู่แล้ว ว่ายังไงโอกาสของกูมันก็ไม่มีหรอก แต่อยู่อยากอยู่ใกล้มึง อยากกินข้าวด้วย อยากคุย อยากเห็นหน้า อยากกอด ที่บอกจะช่วยทำให้ไอ้กันหึง…กูเอากำไรเข้าตัวเองทั้งนั้น มันจะหึงหรือเปล่ากูไม่ได้สนใจหรอก”

          อ้าว!

          เดี๋ยวๆ อย่าบอกนะว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะอยากแต๊ะอั๋งกูแค่นั้น ไอ้กันเหมือนเป็นแค่ข้ออ้างเฉยๆ อย่างนี้ใช่มั้ย ผมหน้าเหวอ เราต้องมองนายใหม่หรือเปล่าวะอาร์ค เราอุตส่าห์หลงคิดว่าแกเป็นเจ้าชาย แกเป็นคนดี

          “กูขอโทษ ขอโทษนะครับ” มานะครับใส่พร้อมกับสีหน้าหงอยๆ รับผิดนั่น แบบนั้นใครจะโกรธลงวะ ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

          “ไม่ๆ กูไม่ได้โกรธอะไร แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้น”

          “กูรู้สึกผิดต่อมึง เลยคิดว่าบอกดีกว่า ไม่อยากให้มึงโกรธ” ไอ้อาร์คยิ้มโล่งใจไปหน่อยนึง นี่สินะที่เขาบอกว่าคนดีๆ ทำไมไม่รัก ไอ้อาร์คมันดีงามมากจริงๆ ดีไปซะทุกอย่าง ยอมให้ผมหมด กลัวแม้กระทั้งว่าผมจะโกรธจนต้องรีบมาขอโทษ

          “ถามหน่อยได้มั้ย” ผมเอ่ยแบบไม่แน่ใจเท่าไหร่
          “ว่ามาสิ”

          “ถ้ามึงรู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาส มึงจะมาช่วยกูทำไม เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ แค่นั้นเหรอ กูน่าเข้าใกล้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” นี่สงสัยนะหื้อ~ ดูอย่างไอ้หมาบ้าสิ แทบจะบินหนีตลอด

          “มันก็หลายๆ อย่างที่ทำให้กูเข้ามายุ่งทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาส แต่ไม่ว่ายังไงกูคิดแล้ว มันดีกับกูแน่ๆ เพราะถ้ามึงไปกับไอ้กันไม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นกูก็จีบมึงได้แบบเต็มที่ กับไอ้กันค่อยไปเคลียร์กันทีหลัง แต่ถ้าพวกมึงรักกัน กูจะได้ตัดใจได้เร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จริงๆ แอบชอบต่อไปมันเหนื่อย เคลียร์ความรู้สึกให้มันจบไปเร็วๆ ดีกว่า” ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าอมยิ้ม

          ผมนับถือใจมันจริงๆ เป็นความที่คิดบวกดีแท้ ความคิดของมันดีมากเลยนะ แบบ…เห็นผมค้างคากับไอ้กันแบบนี้ก็ตัดใจยาก เลยส่งให้พวกมันรักกันซะ กูจะได้ตัดใจได้เร็วขึ้น

          สุดยอด!

          “สรุปไม่โกรธนะหมาเป๋า”

          “เออ ไม่โกรธ” ผมยิ้มตอบแล้วกระเถิบเข้าไปใกล้ แสดงให้เห็นว่าไม่โกรธจริงๆ แถมอีกหน่อยด้วยการตบไหล่หนาอย่างแรง แต่พี่ท่านดูไม่สะกิดเลย

          “ขอบคุณนะ จะไม่ทำตัวแย่ๆ แบบนั้นอีกแล้ว สัญญาใหม่…ต่อไปจะเป็นเพื่อนเป็นพี่ที่ทำตัวน่ารัก เนอะ” ยื่นหน้าเข้ามาขยิบตาโปรยเสน่ห์ ตาพร่าไปแวบหนึ่งกับออร่าความหล่อ

          จ้าๆ เอาที่พ่อสบายใจเลย

          หลังจากที่เคลียร์กันเรียบร้อยพี่อาร์คสุดหล่อก็พาผมไปเลี้ยงข้าว ซื้อขนมให้กินอีกเต็มมือ นี่สินะที่บอกว่าจะดูแลอย่างดี ขุนให้อ้วนกันเลยทีเดียว

          เดินเล่นกันได้ไม่นานผมก็จะกลับบ้าน ไม่อยากให้ปู่อยู่คนเดียวนานเกินไป ช่วงนี้ห่วงตลอด หลังจากปู่ล้มไปผมต้องดูแลปู่ให้ดีขึ้น

          ระหว่างที่กินข้าวกัน ผมก็เล่าให้ฟังว่าคืนนั้นหลังจากที่มันออกไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เล่าหมดแม้กระทั้งเรื่องที่ให้ไอ้หมาบ้าไปตัดสินใจในหนึ่งอาทิตย์นี้

          เล่าไปไอ้อาร์คยังอดที่จะเครียดแทนผมไม่ได้เลย มันถึงกับพูดออกมาว่าเดาใจไอ้กันน่ะยาก และมันก็ตัดกำลังใจผมด้วยการบอกว่า…ไอ้กันมันอาจจะไม่ตอบรับความรู้สึกผม ถึงแม้ว่าจะสวนทางกับสิ่งที่อยู่ในใจของมันเอง

          ร้องห้ายยยยยย~

          ไอ้อาร์คเดินมาส่งผมที่หน้าบ้านแล้วมันก็กลับไป ผมไม่ได้รั้งไว้ มันเองก็คงอยากจะอยู่คนเดียว ณ ตอนนี้ ฝืนพาผมไปกินข้าวได้แบบนี้ถือว่าเก่งมากเลยนะ เราน้ำตาจะไหลเลยนาย ผมเดินเข้ามาในบ้านพร้อมขนมเต็มมือ เข้ามาก็เจอปู่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์พอดีเลย

          แอ๊ะแอ๋~ แอบคุยกับสาวที่ไหนว้า~

          “ปู่คุยกับกิ๊กเหรอ จะจุดธูปฟ้องย่า” ผมเอาขนมไปวางแล้วกลับมายืนยิ้มเจ้าเล่ห์แกล้งปู่เล่นตรงหน้า คนแก่แทบจะยกเท้าถีบกลับมา

          “พ่อมึง!”
          “ด่าพ่อทำไม เดี๋ยวพ่อสะดุ้ง” ผมส่ายนิ้วน่ารักๆ

          “ไม่ใช่ พ่อมึงโทรมา” ปู่ตีหน้าเอือมใส่ก่อนจะเฉลยว่ากำลังคุยกับใคร ผมยิ้มกว้างดีใจแล้วแบมือไปตรงหน้า ขอเค้าคุยม้าง~ เค้าไม่ได้คุยกับพ่อนานแล้ว ปู่ก็ส่งโทรศัพท์ให้อย่างว่าง่าย น่ารักจริงๆ

          “โย่วว~”

          [มายงมาโย่วอะไร นี่พ่อนี่เชื้อนะ]
          “โย่วๆ”
          [ดู๊ววว มันไปติดนิสัยกวนๆ แบบนี้มาจากไหนนะ]

          “มาจากพ่อ” ตีหน้าซื่อตาใสตอบกลับไป ปู่แกส่ายหน้าเอือมๆ แล้วปล่อยให้ผมคุยต่อไป ส่วนแกก็ลุกเดินเข้าไปในครัว ผมนี่ชะเง้อตามเลย กลัวปู่วูบอีก

          [นี่พ่อนิสัยแบบนั้นเหรอ] นี่ก็มีรับมุกด้วยนะ ทำเสียงสงสัยกลับมา เฮ้อ…นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้คุยกับพ่อเลย คิดถึงน่ะมันก็มีบ้าง ไม่รู้ตอนนี้พ่อแก่ไปขนาดไหนแล้ว มีตีกายังอะ

          พ่อผมหน้าเด็กนะเว้ยบอกไว้ก่อนเลย ผมนี่แทบจะก๊อปทุกอย่างมาจากพ่อ ปู่เคยเล่าให้ฟังว่าผมเหมือนพ่อมากจนแม่ยังแขวะว่าผมเป็นลูกของพ่อแค่คนเดียว

          เจ๊แกน้อยใจมั้ง

          [เป็นยังไงบ้าง พ่อคิดถึงนะ]
          “สบายดี หน้าตาดีกว่าเดิมด้วยไม่อยากจะคุย”
          [งั้นวางสาย]

          “ไหนบอกคิดถึงกัน ไม่มีมาหากันเลยแล้วจะวางสายอีก ใช่ซี่~ เดี๋ยวงอแงใส่เลยนะ” ผมย่นปากใส่ ลืมไปเลยว่าพ่อไม่มีทางเห็น แหมะ…คิดๆ ไปแล้วก็อยากเจอพ่อเหมือนกันนะ

          [โอ๋ๆ รักๆ]
          และผมก็คุยกับพ่ออีกยาวเลย



………………………..



          สองวัน สี่วัน อาทิตย์หนึ่ง

          ทำไมวันเวลามันช่างผ่านไปเร็วยิ่งนะ เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงวันที่ผมนัดแนะกับไอ้กันไว้ซะแล้ว ยังไม่ทันได้เตรียมยังไม่ทันได้เตรียมใจอะไรเลย

          เรียนแทบจะไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว ไอ้นานาที่รู้เรื่องไอ้กัน (เพราะผมเล่า) ก็หันมามองด้วยความเป็นห่วงอยู่หลายครั้ง จนเลิกเรียน เจ๊แกต้องดึงแขนผมไว้เพื่อไม่ให้เดินชนคนอื่นเขา

          “มึงไหวมั้ยวิป”
          “กูกลัวว่ะมึง”

          “มาถึงขนาดนี้แล้วจะกลัวห่าอะไรอีก ให้มันรู้ไปเลย คิดมากทำไม” เพื่อนสาวชักสีหน้า แต่ผมดูออกนะ มันก็แอบเครียดกับผมด้วยเหมือนกัน ผมถอนหายใจ ตั้งแต่คืนนั้นผมก็ไม่ได้ไปเจอไอ้กันอีกเลยจนถึงตอนนี้ โทรศัพท์ก็ไม่โทรไป ไลน์ก็เงียบ หนีหายออกมาเพื่อให้มันมีเวลาคิดเงียบๆ

          ผมคิดถึงมันนะ ถึงคิดมาก แต่…เริ่มไม่อยากเจอแล้วง่ะ

          ผมยอมรับเลยว่าป๊อด เอาเข้าจริงๆ ก็รับไม่ได้เหมือนกันถ้ามันจะบอกว่ากูไม่ได้ชอบมึง โอ๊ย เครียดจนจะบ้าตาย
          “ให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย” ไอ้นาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงจะกลัวแต่ยังไงก็ต้องเจอ คอยไปลุ้นเอาที่นู้นก็ได้วะ

          “ไม่เป็นไร กูโอเค” แต่หลังจากวันนี้กูอาจจะไม่โอเคก็ได้นะ

          ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกกำลังใจแล้วแยกจากไอ้นานาเพื่อกลับบ้าน จริงๆ ก็ไม่ได้กลับบ้านตัวเองหรอก ไปบ้านไอ้หมาบ้ามันต่างหาก ไม่รู้ว่าพี่แกอยู่บ้านหรือเปล่า แต่ถึงไม่อยู่ก็อย่างที่บอกไป ผมจะรอ

          แต่อย่าให้นาน เพราะนานกว่านั้นผมคงทนรอต่อไปไม่ไหว

          “มึงคงไม่ทำให้กูเสียใจหรอกใช่มั้ยกัน” ผมพึมพำเบาๆ ระหว่างเดินไปที่ป้ายรถเมล์ กลัวนะ แต่ใจอยากไปให้ถึงเร็วๆ จะโบกแท็กซี่ไปเลยก็ดูจะเกินไปหน่อย

          ขอให้คำตอบที่ได้…ไม่ทำให้ผมเสียใจนะ



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 20] [11 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 24-06-2016 18:32:29


[ต่อ]


          การยืนรอรถเมล์เป็นความน่าเบื่ออย่างหนึ่ง แล้วยิ่งเป็นตอนที่รีบๆ แบบนี้ด้วยแล้ว สามนาทีก็เหมือนสามชั่วโมง ถึงจะบอกไอ้กันเอาไว้ว่าจะไปตอนสองทุ่มก็เถอะ แต่ผมก็อยากไปถึงก่อน

          ผมเผลอคิดเล่นๆ ด้วยนะ สมมติว่าไอ้กันไม่บอกว่าผมชอบขึ้นมาจริงๆ ผมจะทำยังไงต่อ ความคิดเด็กน้อยก็ผุดขึ้นมาเลย เมามั้ย? ไปเมาให้สุดๆ แล้วร้องไห้ให้บ้านแตก หรือไม่ก็เมาแล้วทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำ ตอนเมาๆ เราไม่รู้เรื่องหรอก ตื่นมาก็ลืม…มั้งนะ

          ความคิดบ้ามาก

          แต่พอคิดว่าไอ้กันบอกว่าชอบผมเหมือนกัน…แค่ยิ้มถึงตรงนี้ผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้แล้ว ถ้ามันเป็นความจริงคงจะดีไม่น้อย ผมจะได้มีความสุขสักที

          ยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในหัว รถเมล์สายที่รอก็ยังไม่มา ความเซ็งก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าให้ต้องหมดความอดทนนะ เดี๋ยวก็โบกแท็กซี่ซะหรอก

          ผมยืนถอนหายใจทิ้งไปเรื่อยๆ มองนู้นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็ไปปะทะเข้ากับร่างสูงโดดเด่นคุ้นตาที่เดินตรงเข้ามาทางนี้ แวบหนึ่งผมเผลอบ่นความบังเอิญในใจ คนที่อยากเจอน่ะไม่ค่อยได้เจอหรอก ไอ้คนที่…ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ กลับเจอออกบ่อย

          “ไง หน้าบึ้งเมื่อเจอกูแบบนี้ แสดงว่าไม่อยากเจอสินะ” ไอ้อาร์คตรงเข้ามาทักผม รู้สึกช่วงนี้เจอแว่นๆ บ่อยจัง ก่อนหน้านี้หาตัวเจอยากจะตาย เดินนี้เดินสะดุดทีเงยหน้าขึ้นมาก็เจอไอ้อาร์คอยู่ตรงหน้าแล้ว

          “ไม่ใช่ไม่อยากเจอ แค่รู้สึกว่าเจอบ่อยไปนะ”

          “ไม่ได้บังเอิญหรอก เมื่อกี้กูเจอนานาเลยถามหามึงน่ะ” ก็เลยตามมาหาที่นี่งั้นสิ? ผมพยักหน้าเข้าใจเบาๆ อารมณ์ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอยากคุยเล่นอะไรเท่าไหร่นัก คิดๆ แล้วผมก็ถอนหายใจอีกที

          “วันนี้แล้วใช่มั้ย”

          “อืม”

          “อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ” มือหนายื่นออกมาขยี้ศีรษะผม พยายามจะปลอบให้หายเครียด แต่ถ้าเป็นผมนะ ผมไม่แค่ขยี้อะ ผมจะดึงทึ้งแม่งเลย!

          “กูคิดมากจนหัวจะระเบิดอยู่แล้วอาร์ค” ผมโอดครวญ ร่างสูงเกาศีรษะแบบไม่รู้จะปลอบยังไงดี ผมโบกมือหน่อยๆ ไม่อยากให้พี่แกเครียดตาม ผมเครียดคนเดียวพอแล้ว

          “เดี๋ยวกูนั่งรถไปส่งมึงที่บ้านแล้วกัน”

          “มะ…”

          “กูห่วง” พูดด้วยเสียงที่เข้มขึ้นพร้อมกับแววตาจริงจังที่ส่งมา ทำให้ผมไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ยอมยืนเงียบๆ เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ไอ้อาร์คก็ไม่ได้ชวนคุยอะไรอีก ยืนเงียบๆ กันจนรถมา

          อยู่บนรถผมก็แอบลอบมองหน้าหล่อๆ ของมันไปด้วย คิดเล่นๆ ว่าถ้าใครได้มันไปเป็นแฟนนี่คงโชคดีมาก เพราะไอ้อาร์คดูแลคนเก่ง เอาใจเก่ง แถมทุกสิ่งอย่างที่เป็นมันคือดีงามไปหมด

          ทำไมกูไม่ชอบคนดีๆ แบบนี้วะ ทำไมต้องไอ้หน้าโหดไร้ความอ่อนโยนนั่นด้วย

          ไอ้อาร์คมันทำตามอย่างที่พูดจริงๆ นะ บอกจะมาส่งก็แค่มาส่ง เดินตีคู่มาด้วยกันเงียบๆ หลังจากที่ลงจากรถ ชอบนิสัยตรงนี้ของมัน ไม่เซ้าซี้ ไม่ถามอะไรที่ทำให้ต้องคิดมากต้องลำบากใจ

          ผมคิดว่าจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยไปหาไอ้กันที่บ้าน แต่พอเดินถึงหน้าบ้านปุ๊บก็ต้องหยุดชะงัก ไอ้อาร์คที่เดินมาด้วยกันมองร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าบ้านผมด้วยความสงสัย ก่อนจะมามองเหมือนจะถามว่าใคร

          “พี่พลุ!” ผมส่งเสียงเรียกออกไป เจ้าของชื่อหันมา ใบหน้าโหดๆ ที่ผมไม่ได้เจอซะนานก็ขยับยิ้มให้ เพียงแวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นโหดพร้อมฆ่า สาวเท้าเร็วๆ เข้ามายืนตรงหน้า อะไรก็ช่างเหอะ แต่ผมสนใจสิ่งที่อยู่บนมือพี่แกมากกว่า

          “น้องวิป ไอ้เวรนี่เป็นใคร” เสียงโหดถามพร้อมกับปลายตาไปมองร่างสูงข้างตัวผม พี่แกนี่หาเรื่องตลอดเลยนะ อยู่ๆ ก็เดินเข้ามาเรียกคนอื่นว่าไอ้เวรซะแล้ว โชคดีนะที่พี่อาร์คของเราเป็นคนใจเย็น ไม่อย่างนั้นได้มีมวยแน่ๆ

          “อ๋อ…เพื่อนผมเอง ชื่ออาร์ค” ไอ้เราก็แนะนำหน้าซื่อๆ เลย จะมีศึกอะไรเกิดขึ้นมั้ย สองคนนี้แสดงออกชัดเจนว่าชอบผมทั้งคู่ อย่าเพิ่งตีกันนะ ตอนนี้เราเครียดอยู่ อย่าหาเรื่องให้เรา

          “แล้วนี่…” คนหล่อข้างตัวผมปลายตาไปมองอีกฝ่าย เจ้าชายผู้แสนดีมีท่าทีกวนตีนอยู่พอตัว ผมล่ะหวั่นว่ามันจะตีกันจริงๆ
          “กูชื่อพลุ และกูจีบน้องวิป” ชัดเจนไป๊~

          “อ๋อ…ครับ พยายามเข้านะครับ” ร่างสูงพยักหน้ารับยิ้มๆ ผมหรี่ตามอง ไม่แสดงอาการอย่างอื่นเลยนอกจากกวนเบื้องล่าง พี่พลุตีหน้าโหดใส่ก่อนจะหันมาที่ผม เล่นเอาเผลอสะดุ้งไปนิดเลย

          “พี่มีของมาให้”
          “อะไรครับ”

          ว่าแล้วแกก็ยื่นของในมือมาให้ มันคือกระบองเพชรจิ๋วน่ารักในกระถางเล็กๆ ตรงกระถางมันถูกวาดเป็นหน้ายิ้มด้วย ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ให้ผมเหรอ

          “พี่ซื้อมาให้ พี่ว่ามันเหมาะกับเราดี”
          “อ๋อ…”

          “รับสิ!”

          อะจ้ะ รับจ้ะ! แค่นี้แม่งก็ต้องดุใส่กูด้วย ผมรับมาแล้วยิ้มขอบคุณ มันน่ารักดีนะ ผมชอบ พี่พลุแกยิ้มแป้นเลยเมื่อทำให้ผมยิ้มได้ แต่คือ…ผมไม่เคยดูแลอะไรพวกนี้ ผมจะทำมันตายหรือเปล่าเนี่ย

          “ขอบคุณนะหื้อ ผมชอบนะ”

          “เราชอบพี่ก็ดีใจ” นี่ถ้าตัดเรื่องโหด เรื่องชอบขึ้นเสียงใส่แบบไม่มีเหตุผลออกไป พี่พลุนี่แม่งน่ารักมากเลยนะ อย่าไปมองหน้าตา อันนั้นมันไม่สำคัญ ดูสิ มีการซื้อขงซื้อของมาให้ด้วย น่ารักซะ แต่ไม่เข้าใจ มันเหมาะกับผมยังไงวะ มีหนามเยอะๆ งี้เหรอ บ้าไปแล้ว!

          “แล้วทำไมต้องหน้ายิ้มล่ะพี่” ผมถามแล้วยกกระถางให้ดู
          “ก็อยากให้ยิ้มไง”

          อ๋ออออ

          “โอเค พี่มาแค่นี้แหละ พี่ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว วันหลังจะมาหาใหม่นะ ส่วนมึง…อย่าเข้าใกล้แฟนกูให้มาก” ไอ้พี่พลุชี้หน้าข่มขู่เฮียอาร์ค ดวงตาโหดๆ นั่นมาเต็มมาก แต่เดี๋ยวเฮ้ย! กูรับของมึงหน่อยเดียวเป็นแฟนกันเลยเหรอวะ

          ตายละ อย่าไปรับของจากคนอื่นมั่วซั่วนะ เดี๋ยวมีแฟนแบบไม่รู้ตัว

          พอพี่พลุแกไป ไอ้อาร์คก็กลับไปอีกคน ไม่ถามเรื่องไอ้พี่พลุสักแอะ เพียงแค่ลูบหัวผมเบาๆ แล้วเดินจากไป เห็นใจมันอยู่ แต่ตอนนี้ผมเองก็น่าเห็นใจไม่ต่างกันเท่าไหร่

          ผมเอากระบองเพชรที่พี่พลุให้มาไปวางไว้ที่หน้าต่างที่ห้อง จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วก็…นั่งรวบรวมความกล้า

          หันมองนาฬิกา ณ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็น ฟ้ากำลังมืดเลย มีอะไรบ้างวะที่ทำแล้วหายตื่นเต้น

          ผมลุกเดินวนๆ อยู่ในห้อง ก่อนจะตัดสินใจไปบ้านไอ้กันสักที เดินอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้เรื่องหรอก ผมเดินลงมาข้างล่าง เจอปู่กำลังนั่งดูทีวีอยู่เลย พอปู่เห็นผมก็กวักมือเรียก

          “มีอะไรปู่”
          “จะออกไปไหนน่ะ จะมืดแล้วนะ”

          “โถ่~ ปู่ ผมอายุเท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่เด็กสี่ห้าขวบนะหื้อ” ผมพยายามจะคุยหลอกล้อกับปู่ให้ได้เหมือนเดิม พยายามให้เป็นปกติที่สุด แต่รอยยิ้มที่แสดงออกมามันกลับดูฝืนจนสังเกตได้ มือละสายตาจากโทรทัศน์มามองผมตรงๆ

          “มึงเป็นหลานที่กูรักมากที่สุดนะวิป”
          “อะ…อะไรเนี่ยปู่ อยู่ๆ ก็มาบอกรัก จะทำซึ้งเหรอ”
          “มึงชอบไอ้เด็กที่อยู่บ้านใกล้ๆ นี้ใช่มั้ย”

          !!!

          รอยยิ้มที่มีอยู่จางหายไปจากใบหน้าของผมในทันที ดวงตาผมเบิกกว้างขึ้น รู้สึกเหมือนใจมันหล่นวูบลงไป ปู่จ้องตาผมนิ่งๆ ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนอย่างเคย ผมอ้าปากค้าง พยายามจะหาคำมาพูดแต่มันก็พูดไม่ออก

          “มึงจะบอกกูเมื่อไหร่วิป”
          “ปะ…ปู่รู้ได้ยังไง”

          “สังเกตเอา จากที่มึงชอบหายออกจากบ้านไปบ่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่บ้านใกล้แถวนี้ จากโรงพยาบาล สายตามึงฟ้อง” ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ

          “ปะ…ปู่” จู่ๆ น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาซะอย่างงั้น รับไม่ได้แน่ๆ ปู่แกเล่นพูดขึ้นมาก่อนเลยว่าผมเป็นหลานที่เขารักมากที่สุด แล้วอย่างนี้…อึก…ปู่กำลังเสียใจแน่ๆ

          “มึงจะร้องไห้ทำไม”

          “ฮึก ขอโทษอะปู่ ขอโทษ” ผมก้มหน้าก้มตาขอโทษปู่ ยื่นมือออกไปจับชายเสื้อแกเหมือนเดิมตัวน้อยๆ ที่กำลังโดนดุแต่อยากอ้อนให้หายโกรธ ส่วนมืออีกข้างก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าด้วยท่าทางขี้แง

          “ฮึก…ปู่”
          “เลิกร้องไห้ ไอ้ห่า! กูไม่ได้จะด่าสักหน่อย”

          ห้ะ!

          ก๊อกน้ำตาผมถูกปิดทันที เงยหน้าพรึ่บขึ้นมามองปู่แบบงงๆ คือยังไงอะ ไม่ได้จะด่าสักหน่อย จะบ้าเหรอ! รู้ว่าหลานชอบผู้ชายแบบนี้จะไม่ด่าเลยเรอะ! จะใจดีเกินไปแล้ว

          “กูแค่ถาม เพราะกูอยากรู้ว่ามึงจะบอกกูเมื่อไหร่กัน กูเลี้ยงมึงมากับมึงนะ มึงเป็นยังไงมีหรือกูจะไม่รู้ แต่มึงกลับกลายเป็นว่ามีเรื่องอะไรไม่เคยบอกกู หึ! โตเป็นหนุ่มแล้วหนิ” ปู่มองเหยียดใส่ ผมรีบโถมตัวเข้าไปกอดปู่แน่นเลย น้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว ที่ถามเพราะน้อยใจใช่มั้ย

          “ขอโทษอ่า ฮืออออ ก็กลัวปู่รับไม่ได้ง่ะ”
          “ก็รับไม่ได้หรอก”

          “ง่ะ!”

          “แต่เพราะมึงเป็นหลานที่กูรักมาก จะบอกกูลำเอียงก็ได้ ก็กูเลี้ยงของกูมา กูเคยบังคับมึงเหรอ กูเคยห้ามในสิ่งที่มึงชอบเหรอ อะไรที่เป็นความสุขของมึงกูไม่เคยห้ามมึงเลย รวมถึงเรื่องนี้ด้วย” ปู่แม่งพาเข้ามาโหมดซึ้ง ทุกทีไม่มีกอดตอบ แต่คราวนี้กลับกอดซะแน่นเลย

          “แต่ปู่ไม่ชอบ” ผมพึมพำ
          “ใช่ ไม่ชอบ แต่จะไม่ห้าม”

          “…”

          “สักวันนึงถ้ามึงคิดได้ว่ามันไม่ดี มึงจะถอยออกมาเองโดยที่ไม่ต้องมีใครสั่งมึงเลย แต่ในตอนนี้ถ้ามึงคิดว่ามันดีที่สุดสำหรับมึงแล้ว ก็ทำไปเถอะ” ปู่พูดไปก็ลูบหัวผมไปด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ปู่ยังต้องคอยโอ๋ผมอยู่

          “ฮึก…ผมรักปู่มากๆ เลยนะ”



……………….



          หลังจากฉากซึ้งของปู่กับหลานจบลงไป ผมก็เดินตาแดงๆ ช้ำๆ แบบนั้นแหละมาที่บ้านของไอ้กัน เงยหน้าขึ้นมาตัวบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ได้มาเยี่ยมชมซะนาน กดออดเรียกคนออกมาเปิดประตู แล้วก็เป็นคุณลุงชมคนเดิมที่วิ่งมา

          “อ้าวไอ้หนู ไม่เจอซะนานเลย”
          “หวัดดีฮะ! ผมมาหาไอ้กันน่ะลุง ขอเข้าไปหน่อยน้า” นาทีเราต้องอ้อนให้ผู้ใหญ่เห็นใจ
          “คุณกันยังไม่กลับมาเลยนะ”

          กึก

          ผมชะงักไป แล้วรีบกลบเกลื่อนสีหน้าแย่ๆ ของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่เป็นไร ขอเข้าไปรอข้างในแล้วกัน ลุงแกก็ให้เข้าโดยง่าย ผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของร่างสูง

          เปิดประตูเข้ามา กลิ่นหอมเฉพาะตัวของร่างสูงก็ปะทะเข้ามาทันที ผมเผลอสูดหายใจเข้าลึกๆ ดมกลิ่นนั่นเหมือนโรคจิต เดินไปนั่งที่เตียงแล้วถูมือเข้าหากันระบายความตื่นเต้น

          ใกล้เวลาที่บอกเข้าไปทุกทีแล้ว ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้กันมันอยู่ที่ไหน คิดที่จะกลับมาหรือเปล่า แต่ในเมื่อมันยังไม่ถึงเวลาที่บอกไว้ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะหวัง

          จะว่าไป ทุกครั้งที่ผมมาที่บ้านไอ้กันผมไม่เคยเจอญาติมันคนไหนเลยนะ เจอแต่ตัวมันนั่นแหละ แล้วก็ลุงชม ออ…มีแม่บ้านด้วย แค่นั้นแหละ ไม่เจอใครอีกเลย

          ผมก็ไม่เคยถามกับพวกเพื่อนมันด้วยว่าไอ้กันอยู่กับใคร จะให้ถามเจ้าตัวน่ะเหรอ เลิกคิดไปได้เลย เพราะพี่แกไม่มีทางตอบอยู่แล้ว คุยกันดีๆ ได้ไม่เกินสามประโยคหรอก

          พออยู่ในที่เงียบๆ คนเดียวหัวผมมันก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านอีกแล้ว มือผมชุ่มไปด้วยเหงื่อที่แตกพลั่กๆ ยิ่งใกล้สองทุ่มมากเท่าไหร่ผมยิ่งตื่นเต้นปนกลัว กลัวว่าเราจะไม่สมหวัง กลัวคำตอบ กลัวไปทุกอย่าง

          แต่ยังไงก็เถอะ ขอแค่มันกลับมาตอบแบบชัดๆ ก็พอแล้ว ผมจะได้รู้ว่าตัวเองควรทำยังไง ควรอยู่ตรงไหนต่อไป
          การรอคอยไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ช่างยาวนานเสมอ เข็มนาฬิกาขยับเดินไปเรื่อยๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช้าลงทุกครั้งที่ขยับ เหมือนกับใจที่ผมเริ่มจะเต้นช้าลงเรื่อยๆ

          ผมนั่งรอให้เจ้าของห้องกลับมา เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ชันเข่าขึ้นมาแล้วซบหน้าลงไป หูก็ได้ยินแต่เสียงเข็มนาฬิกาขยับ

          ไอ้กัน…มึงไม่คิดที่จะกลับมาจริงๆ ใช่มั้ย นี่คือสิ่งที่มึงต้องการจะตอบกูหรือเปล่า นี่บ้านของมึงแท้ๆ ไม่คิดจะกลับมาหน่อยหรือไง ทำไมต้องปล่อยให้กูนานขนาดนี้ด้วย

          ผมนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นเป็นเวลานาน พอเงยหน้าขึ้นมาดูนาฬิกาอีกครั้ง แล้วจู่ๆ ภาพของเข็มนาฬิกาก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำใสๆ ที่เอ่อคลอขึ้นมาพร้อมจะไหลรินลงมาได้ทุกเมื่อ ผมพยายามกัดฟัน สั่งห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ต้องทนจนถึงที่สุดก่อนสิวะ! ก็เป็นคนบอกไว้เอง ถึงแม้ว่าเลยเวลาไปแล้วก็ยังจะรอ

          ถึงแม้ว่า…จะเลยมาจนเกือบสี่ทุ่มแล้วก็เถอะ
          ฮึก…

          กลับมาสักทีเถอะ กูขอร้อง

          พยายามเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะยิ่งห้ามยิ่งฝืนตัวเองมากเท่าไหร่ น้ำตามันก็ยิ่งไหลออกมา จนผมต้องล้มเลิกที่จะห้ามแล้วปล่อยให้มันไหลไปแบบนั้น สะอึกสะอื้นจนตัวโยน

          พรึ่บ!

          ผมทนอยู่กับความเงียบที่กดดันตัวเองแบบไม่ไหวอีกต่อไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายหาไอ้นานา ผมต้องการให้มันอยู่เป็นเพื่อนผม อย่างน้อยๆ ผมจะได้มีกำลังที่จะรอต่อ

          [ว่าไง เป็นไรบ้างเพื่อนรัก]

          “ฮึก…นานา มึงคุยกับกูก่อนนะ” เพียงแค่ได้ยินเสียงของเพื่อนรัก น้ำตามันก็ยิ่งทะลักทลายออกมา ผมเกร็งมือจิกเล็บไปลงบนฝ่ามือ กับความรักทำไมถึงได้อ่อนแบบนี้กันนะ

          [วิป มึง…มึงเป็นอะไร ไอ้กันมันปฏิเสธเหรอ!] ไอ้นานาถามกลับมาด้วยเสียงที่ดังขึ้น ผมกัดริมฝีปากส่ายหน้าน้ำตานอง ไม่เลย ไม่ใช่อย่างนั้นเลย

          “เปล่า มัน…ฮึก…มันยังไม่กลับมาเลยมึง…ฮึก…แต่กู…กูยังอยากจะรออีกหน่อย กูยังไม่อยากคิดว่านี่คือคำตอบของมัน”
          [ให้กูโทรไปตาม…]

          “ไม่เอา! กูอยากให้มันกลับมาเองแบบที่ไม่มีใครบังคับ” ผมร้องห้ามเสียงดัง ภายในใจผมเจ็บไปหมดแล้ว มันปวดหน่วงๆ อยากร้องไห้ออกมาดังๆ อยากระบาย ในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกตัวเอง ผมกำลังหลอกตัวเองว่าเดี๋ยวไอ้กันก็กลับมา

          ทั้งๆ ที่…มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย

          [มึงยังมีกูนะวิป มันไม่รักก็ช่างหัวแม่ง! กูนี่! กูสวย! กูรวยด้วย ไม่ต้องไปสนไอ้เหี้ยนั่น] ผมฝืนยิ้ม พยายามจะเคลิ้มไปตามคำพูดของเพื่อน แต่ใจผมมันไม่ไหวแล้วจริงๆ

          กูให้ใจมึงไปเท่าไหร่ กูยอมมึงขนาดไหน กูเจ็บแล้วเจ็บอีกแต่กูก็ยังทน มึงมันใจแข็งเกินไปแล้วกัน มึงมองไม่เห็นความรักที่กูมีให้กับมึงเลย

          ไม่เลยสักนิด

          อย่างนี้…ก็คงบอกได้แล้วสินะ ว่าผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ถึงเวลาที่ต้องถอยแล้วใช่มั้ย ผมเงยหน้าขึ้นมากวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องเพื่อเก็บภาพของห้องนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะมันคงไม่มีอีกแล้วที่ผมจะได้เข้ามา

          ผมพยายามยื้อตัวเองต่ออีกหน่อย จ้องไปที่บานประตู หวังว่ามันจะเปิดออก หวังว่าคนที่ผมกำลังรออยู่กลับมาสักที แต่ก็มีเพียงแต่ความว่างเปล่า

          “นานา…”
          [ว่าไง]

          “กูคง…ต้องกลับแล้วล่ะ”



____________________________________________




หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 24-06-2016 18:34:58

ตอนที่ 22
 


 
          “เฮ้ยไอ้กัน ไปหาข้าวกินกันเหอะ กูหิวแล้ว”

          ร่างแกร่งเจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก ดวงตาดุมองหน้าเพื่อนเพียงแวบเดียวแล้วเบือนกลับมาที่เดิม ถ้าปกติเขาคงตอบตกลงและเดินตามไปโดยไม่ขัดอะไร แต่ในตอนนี้ ตอนที่เขามีเรื่องให้คิด มันทำให้เขาไม่อยากอาหารขึ้นมาดื้อๆ   “มึงไปชวนไอ้อาร์คแทนแล้วกัน กูยังไม่หิว”

          เอ่ยปฏิเสธเพื่อนเสร็จก็เดินแยกออกมา ทิ้งให้ชานยืนมองตามแผ่นหลังกว้างไปด้วยความสงสัย วันนี้ดูเพื่อนของเขาจะแปลกกว่าทุกวัน ดูเงียบดูขรึมขึ้น เหมือนมีอะไรในใจ

          ขายาวก้าวพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าบ่อปลาซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาชอบมานั่งบ่อยๆ เพราะมันเงียบ ไม่ค่อยมีคน สำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายแบบเขาถือว่าเป็นที่ๆ ดีทีเดียว

          แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็โดยทำลายความสงบจากใครบางคน

          กายสูงทิ้งตัวลงนั่ง ใบหน้าหล่อดุน่ามองเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

        “ก่อนวันหยุดยาว…อาทิตย์นึงพอดี กูให้เวลามึงกลับไปถามใจตัวเองดู คิดดูให้ดีๆ ว่ามึงชอบกูจริงๆ หรือแค่…แค่หวงของ เพราะกูตามตื๊อมึงอยู่บ่อยๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้ ถ้าคำตอบของมึงคือไม่…กูจะถอย”

        “กูจะไปเอาคำตอบที่บ้านของมึง ตอนสองทุ่ม ถึงเวลานั้นมึงคงมีคำตอบให้กูนะ”

        “ฮึก…กูก็จะรอ รอให้มึงกลับมา”

        “แต่ถ้ามันนานเกินไป มึงไม่กลับมา หรือไม่มีคำตอบให้กู…กูจะไม่รอแล้ว”

          คำพูดเล่านี้กำลังวนเวียนอยู่ในหัวเขา พยายามสะบัดไล่มันออกไปแล้ว แต่ก็เป็นต้องเผลอนึกถึงตลอด และยิ่งเจ้าของคำพูดพวกนี้พูดออกมาด้วยท่าทางน่าสงสารราวกับว่ากำลังจะถูกทิ้งด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้เขาไล่คำพูดเล่านั้นออกไปไม่ได้

          ในคืนนั้น…ร่างแกร่งเดินกลับบ้านด้วยความหัวเสีย สบถคำหยาบออกมาหลายครั้ง เปล่าเลย เขาไม่ได้ด่าไอ้ลูกหมาตัวเล็กนั่น แต่ด่าตัวเองต่างหาก! ด่าที่ตัวเองเผลอทำอะไรแบบนั้นออกไป

          อยากจับหัวตัวเองโขกกำแพงนัก ทั้งๆ ที่พยายามห้ามตัวเองไว้แล้ว แต่พอเขาไปเห็นภาพของร่างเล็กกับเพื่อนสนิทกำลังกอดกันอยู่บนเตียงมันก็ทำให้ความอดทนเขาหมดลง

          ทั้งๆ ที่บอกเอาไว้แล้ว ว่าเพื่อนอยากจะทำอะไรก็เชิญ เขาจะไม่ใส่ใจ ทั้งๆ ที่บอกออกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ชอบ แต่กลับต้องหลุดบ้าออกไปอย่างนั้น

          ไม่ใช่ไม่รู้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นคืออะไร แต่เพราะรู้ไงมันถึงได้พาลหงุดหงิดไปเสียทุกทีที่นึกถึง ไม่อยากยอมรับความรู้สึกในใจตนเอง

          เรียกว่าไม่อยากเสียฟอร์มก็ได้มั้งล่ะ

          เล่นพูดอยู่ตลอดว่าไม่ได้ชอบ

          “เฮ้อ…” นี่ก็สามวันแล้วหลังจากเกิดเรื่องในคืนนั้น และเป็นสามวันที่เขาไม่เจอคนตัวเล็กเลย ไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายหลบหน้าด้วยหรือเปล่า

          แต่ถ้าไม่ใช่ มันก็เป็นตัวบอกได้ดีเลยว่าทุกครั้งที่เขาได้เจอกับคนตัวเล็ก ทุกครั้งคืออีกฝ่ายตั้งใจมาหา เพราะถ้าใช้ชีวิตปกติของตัวเอง ไม่มีทางได้เจอกันได้ง่ายๆ

          ที่เขาต้องคิดมากอยู่อย่างนี้ก็เพราะกำลังหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่ ก็ใช่ รู้ว่าในใจคิดกับยังไงกับร่างเล็ก แต่เขาอยากมั่นใจจริงๆ ว่าต้องการให้อีกฝ่ายมาอยู่ข้างกายหรือเปล่า หรือแค่ชอบนิดๆ หน่อยๆ ถ้าห่างหายไปก็จะไม่สนใจ

          ก็เริ่มจะรู้สึกก็ตอนที่เพื่อนของเขาเข้ามา หงุดหงิดทุกครั้งที่ทั้งคู่อยู่ใกล้กัน หงุดหงิดที่เห็นร่างเล็กยิ้มให้อีกคน หงุดหงิดที่สายตาคู่นั้นไม่ได้มองมาที่เขา

          ถึงจะทำเป็นหงุดหงิดหรือรำคาญเวลาที่วิปเข้ามาใกล้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเขาเริ่มจะชินขึ้นเรื่อยๆ กับการที่มีตัววุ่นวายมาป่วนในทุกๆ วัน ชินจนบางทีที่ว่า…ถ้าไม่เห็นก็เผลอมองหา

          รำคาญความฟอร์มจัดของตัวเองเหมือนกัน ปากแข็งจนน่าต่อย ต้องพูดทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายตลอด แต่วิปก็ไม่เคยถอย มองผ่านคำพูดของเขาไปไม่เก็บเอามาคิด แต่เพราะมั่นใจว่าตัวเขาเองคงไม่รู้สึกอะไรกับวิปไปมากกว่านี้ เพราะงั้นเลยไม่รับความรู้สึกของอีกฝ่าย

          ก็แค่เริ่มสนใจ จากรำคาญเป็นความเคยชิน คิดว่าคงไม่มากไปกว่านี้

          แต่เพราะเพื่อนตัวดี มันเข้ามาทำให้ความรู้สึกเริ่มสนใจมันไม่นิ่งอยู่แค่ตรงนั้น จนเผลอแสดงท่าทางไม่พอใจออกไปในเวลาที่สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน

          ร่างสูงส่ายหัวเบาๆ ยังคิดไม่ตกว่าควรจะทำยังไงดี ควรจะให้คำตอบแบบไหนกับร่างเล็กดี ถ้าตอบตกลง มันจะดีจริงๆ เหรอ และถ้าตอบไม่…เขาจะไม่เสียใจทีหลังใช่มั้ย

          เมื่อยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ร่างสูงก็ล้มเลิกความคิดที่จะนั่งไปเรื่อยๆ แบบนี้ ยันตัวลุกขึ้น เขานั่งรถกลับมาที่บ้าน ระหว่างที่เดินเข้าซอยก็พาลคิดไปถึงเวลาที่ได้เดินกับไอ้หมาน้อยนั่นอีกแล้ว ความป่วนของวิปทำเอาเขาปวดหัวตลอด แต่พอมาย้อนคิดในตอนนี้ กลับทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาซะงั้น

          พอเดินมาถึงหน้าบ้านของคนตัวเล็ก ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องหยุดมอง มองประตูบ้านของเขาแล้วก็พาลนึกถึงเจ้าตัว วูบหนึ่งในความคิดของเขาคือ…ป่านนี้วิปกำลังทำอะไรอยู่นะ

          ร่างสูงส่ายหน้าให้กับตัวเอง ท่าจะเป็นเอามาก ทำไมต้องไปนึกถึงด้วย ทำตัวเหมือนก่อนหน้านี้สิ ตอนนั้นยังทำได้ ตอนนี้ก็ต้องทำได้เหมือนกัน

          กันสะบัดไล่เรื่องของคนตัวเล็กออกไปจากหัวแล้วเดินกลับบ้าน หาอะไรทำเพื่อไม่ให้นึกถึงเรื่องของวิป แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็วนกลับมาคิดถึงตลอด นั้นทำให้เขาหัวเสียอยู่พอตัว

          “มึงมันวุ่นวายจริงๆ วิป”



………………………….



          ยิ่งวันเวลาผ่านไป เข้าใกล้วันนั้นมากเท่าไหร่ ภายในใจของเขายิ่งร้อนรน คำตอบที่จะให้ก็ยังหาไม่ได้ แถมไม่ได้เจอหน้ากันอีก เขายิ่งตัดสินความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

          นั่งเรียนอยู่แต่ก็ไม่มีสมาธิเลย มือหนากำปากกาในมือแน่น คิ้วเข้มขมวดเป็นปมดูท่าทางเครียด ในใจมันร้องบอกว่าไม่อยากให้คนๆ นั้นหายไป แต่…มันก็ยังไม่คิดที่จะตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่าย

          แล้วยิ่งพอเรียนเสร็จ เดินลงมาจากตึก เจอหน้าเพื่อนที่เขาเพิ่งฟัดกับมันมาเมื่อไม่นานนี้ก็พาลคิ้วกระตุก ความหงุดหงิดพุ่งขึ้นมาในอก ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหันมายักคิ้วกวนเบื้องล่างยิ่งทำให้อยากถลาเข้าไปซัดมันอีกสักรอบ

          เฮอะ! กวนตีนไปเถอะ กูไม่ยกไอ้วิปให้มึงหรอก

          กึก!

          กันชะงักไป จู่ๆ ความคิดนั้นก็พุ่งขึ้นมาแบบที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน ฟันคมขบกัดริมฝีปากสวย ไม่ชอบใจเอาเสียเลย ไม่อยากยอมรับ แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาจะทำอย่างที่คิดเอา ไม่ยอมยกให้หรอก! มึงอย่าฝัน!

          หมับ

          “มึงมายืนจ้องหน้าไอ้อาร์คมันทำไมวะ เข้าไปนั่งดิ”

          กันหันไปมองเพื่อนอีกคนที่เดินเข้ามากอดไหล่พร้อมกับพยักพเยิดไปที่อาร์ค ร่างสูงถอนหายใจ เขาไม่อยากจะเข้าไปหามันเลยสักนิด แต่ก็ต้องยอมเพราะโดนลากไปด้วย นั่งลงที่โต๊ะเดียวกันอาการหน้าตึงก็แสดงออกมาเลย

          “ไงมึง ไม่เจอหลายวันเลยนะ” คงมีแต่มันนี่แหละที่ยังยิ้มแย้มได้อยู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ติดใจอะไร แต่ในตอนนี้…มันเพิ่งมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น ให้มองอย่างเดิมคงทำไม่ได้ ตอนนี้เขาเห็นแต่ว่ามันกำลังกวนตีนเขาอยู่

          “หึ” เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอแล้วเบือนหน้าหนี

          “มึงเป็นอะไรของมึงวะกัน”

          “ช่างมันเถอะ กูพอรู้อยู่ อย่าใส่ใจเลย” อาร์คตบไหล่ชานเบาๆ ดวงตาอ่อนโยนภายใต้แว่นอันสวยก็ลอบมองเพื่อนแล้วยิ้มๆ เท้าคางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมดุก่อนจะเอ่ยพูด

          “พรุ่งนี้แล้วสินะ”

          กึก

          ร่างสูงชะงักแล้วหันขวับมาจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง พูดแบบนี้แสดงว่ามันรู้เรื่องที่เขาคุยกับวิปเอาไว้ เห็นมั้ย ว่าไอ้หมาตัวเล็กนั่นชอบทำอะไรให้เขาหงุดหงิดอยู่เรื่อย แล้วเรื่องนี้เอาไปบอกไอ้อาร์คมันทำไม ตกลงมีใครถามอะไรก็จะบอกเขาหมดเลยใช่มั้ย ไอ้พูดมาก!

          “มีอะไรกันวะ” ชานทำหน้างงมองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา

          “เปล่า แค่ช่วงเวลาดีๆ” อาร์คยักไหล่ตอบยิ้มๆ

          “กูกลับก่อนนะ” ร่างสูงทนมองหน้าเพื่อนไม่ได้ ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาเลย ไอ้ชานจะงงหรือเปล่าเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้หัวร้อนมาก ขืนอยู่นานอีกนิดรับรองได้ว่าเขาได้ต่อยหน้าเพื่อนตัวเองอีกรอบแน่

          แล้วมึงด้วยไอ้วิป…พูดมากเหลือเกิน!


………………………



          แล้วคืนนั้น เขานอนไม่หลับทั้งคืน ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อย เอาแต่คิดเรื่องของคนตัวเล็ก เขาพยายามไม่ปิดใจ พยายามเอาความรู้สึกของตัวเองออกมาก่อน แล้วเขาก็ได้ข้อสรุปว่า…เขาชอบมันจริงๆ นั่นแหละ

          ถึงจะหวงความเป็นส่วนตัว หวงความเงียบสงบของตัวเองอยู่บ้าง แต่ลองๆ คิดดูแล้ว…ถ้ามีวิปเข้ามาอันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด อาจจะวุ่นวายไปบ้าง แต่…ถ้าเขาปล่อยให้อีกคนหลุดมือไป เขาอาจจะต้องเสียใจก็ได้

          และที่สำคัญ…ไม่ยกมันให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!

          คำตอบที่จะให้นั้นมีอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่พอลองนึกเล่นๆ ดู…มันกลับรู้สึกอายนิดๆ มือหนายกขึ้นมาถูจมูกตัวเองเบาๆ แก้เขิน แล้วแอบบ่นร่างเล็กในใจไปด้วย…กล้ามากที่มาทำให้เขาเขินแบบนี้

          เมื่อคืนนี้เขาคิดจนหัวแทบแตก แต่ก็นะ…ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆ คงไม่เริ่มชอบ เพราะถ้าแค่เริ่ม ก็แสดงว่าชอบแล้ว แสดงว่ามีความรู้สึกต่อเขาคนนั้น ถึงแม้จะเถียงกับตัวเองว่าแค่นิดๆ ก็เถอะ

          แต่ถ้าปล่อยไป…เขาคงเสียใจ

          เพราะงั้น…คืนนี้รอกูก่อนนะวิป

          วันนี้ร่างสูงออกไปเรียนด้วยท่าทางอารมณ์ แต่ก็ไม่มีใครรับรู้ได้ เพราะใบหน้าของเขาที่เรียบนิ่งตลอด ถ้าไม่ได้สนิทกันจริงๆ คงไม่รู้

          จริงๆ จะไปบอกกับร่างเล็กตอนนี้เลยก็ได้ แต่ไหนก็นัดมาแล้ว เพราะงั้นก็เอาตามเดิมนั้นแหละ เขาแทบรอให้ถึงเวลานั้นไม่ไหว คนตัวเล็กจะทำหน้ายังไง จะดีใจแค่ไหนกันนะตอนที่เขาบอก แต่คิดก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

.

.

เที่ยง
          ร่างสูงไม่เข้าใจ ทำไมเวลาเร่งรีบชอบมีมารมาขัดตลอด ณ เวลานี้ พอเขาเดินลงจากตึก ก็เจอร่างสูงของเพื่อนรักยืนคอยอยู่ก่อนแล้ว จะไม่คิดว่ามันคอยแล้วนะ ถ้ามันไม่มองตรงมาที่เขาแล้วส่งสายตาเรียกให้เดินเข้าไปหา

          กันโคลงหัวหน่อยๆ อยากรีบกลับให้ถึงบ้านเร็วๆ ก็ต้องมาเสียเวลากับไอ้เพื่อนคนนี้ ขายาวก้าวเข้าไปหา สีหน้าเบื่อหน่ายไม่อยากคุย แต่อีกฝ่ายทำเมินไม่สนใจ

          “คุยกันแป๊บดิ”

          “มึงมีอะไร”

          “ก็บอกให้คุยกันแป๊บไง” อาร์คย้ำคำเดิม กันจิ๊ปากไม่สบอารมณ์แต่ก็ยอมเดินไปนั่งลงที่โต๊ะที่ว่างอยู่ อาร์คเดินเข้ามานั่งที่ฝั่งตรงข้ามแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อน

          “มึงมีคำตอบให้วิปมันหรือยัง”

          “กูไม่จำเป็นต้องบอกมึง”

          “เฮ้ยๆ ไม่เอาน่า กูกับมึงเพื่อนกันนะเว้ย แค่ผู้ชายคนเดียวจะทำให้กูกับมึงตัดเพื่อนกันเลยเหรอวะ” กันนิ่งไปหน่อยแล้วคลายท่าทีของตัวเองลง จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะตัดเพื่อนหรอก เพียงแค่เวลาเห็นหน้าแล้วรู้สึกหงุดหงิดก็เท่านั้น ก็ดูมันปั่นเขาสิ เขาไม่ใช่คนมีความอดทนขนาดนั้น

          “กูชอบมันก็จริง แต่มึงก็ยังเป็นเพื่อนกูนะ”

          “แล้วไง”

          “มึงอย่ามาทำนิ่งไม่สนใจ กูคุยกับมึงจริงจังอยู่นะ” อาร์คเอ็ดเพื่อนหน่อยๆ อยากฟาดหัวให้สักรอบ ข้อหาทำเมินไม่อยากคุย

          “…”

          “มึงชอบไอ้วิปเหมือนกันใช่มั้ย” อาร์คจ้องตาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่ต้องมาจี้ถามแบบนี้เพราะเขาเองก็ห่วงคนตัวเล็กด้วย กลัวว่าต้องเสียใจอีกครั้ง แต่ท่าทางนิ่งๆ ของคนตรงหน้าก็เดาไม่ได้เหมือนกันว่าคิดยังไง

          “กูไม่จำเป็นต้องบอกมึง”

          “แต่กูอยากรู้”

          “ไว้มึงรอถามกับไอ้วิปเอาแล้วกัน มึงอาจจะมีความสุขก็ได้นะ” ร่างสูงลุกขึ้น ทิ้งคำพูดเอาไว้ให้อีกฝ่ายคิดไปเองเล่นๆ เขาไม่รู้ว่าเพื่อนรักมีสีหน้าแบบไหน แต่ก็อย่างที่บอก เขาไม่จำเป็นต้องบอกมัน เรื่องนี้เขาควรพูดกับวิปมันมากกว่า

          ร่างสูงไปหาข้าวกิน เสร็จแล้วก็ว่าจะกลับบ้านเลย แต่ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น มือเขาก็ถูกดึงเอาไว้ หันกลับไปมองก็เจอสาวสวยที่เป็นเพื่อนในขณะกำลังหอบหน่อยๆ เหงื่อเกาะใบหน้า

          “ไอ้กัน”

          “…”

          “จะไปไหน”

          “กลับบ้าน”

          “มึงอย่าเพิ่ง มาช่วยงานก่อน” คุณเธอสั่งเสียงโหด แต่ก็ทำอะไรร่างสูงผู้ที่มีความโหดกว่าไม่ได้ คิ้วเข้มขมวดมุ่น ใจเขาอยากกลับบ้านใจจะขาด ทำไมต้องมีมารมาขัดตลอดเวลาด้วยนะ

          “ไว้…”

          “มึงอย่า! คราวที่แล้วมึงก็บอกไว้ก่อน คราวนี้มึงต้องช่วย งานของขณะมึงไม่เคยโผล่หัวเลย เร็วๆ ไอ้บินก็หนีไปคนนึงแล้ว มึงนั่นแหละมา” ไม่รอให้ร่างหนาได้ปฏิเสธ คนสวยตัวเล็กก็จัดการลากกันให้เดินตาม ร่างหนาขมวดคิ้วไม่พอใจ จะปฏิเสธแม่คุณก็ไม่ยอมฟังอะไรเลย

          จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ คงไม่นานเท่าไหร่ น่าจะกลับไปทัน

          แต่เหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งเขาเข้าเสียแล้ว อาจจะเอาคืนที่เขาทำให้เจ้าหมาตัวเล็กนั่นเสียใจอยู่บ่อยๆ เพราะจากที่คิดเอาไว้ว่าคงไม่นาน มันลากยาวมาจนถึงเกือบสองทุ่ม

          ยิ่งเข้าใกล้เวลานัดเข้ายิ่งร้อนใจ ดวงตาคมหันมองนาฬิกาอยู่หลายครั้ง จะแยกตัวออกไปก่อนเพื่อนก็ต่างรั้งเอาไว้ให้ช่วย ความจริงเขาก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวขนาดนั้น เพียงแต่วันนี้เขามีเรื่องต้องทำจริงๆ

          ไม่รู้ป่านนี้คนที่กำลังรอจะทำหน้ายังไง จะใจเสียไปแค่ไหน คราวนี้เขาจะไม่ทำให้คนๆ นั้นต้องเสียใจอีกแล้ว

          “จะให้ฉันกลับได้หรือยัง” เอ่ยเรียบเอ่ยถามกับคนที่ลากเขามา ร้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้ ถึงแม้คนตัวเล็กจะบอกว่าจะรอจนกว่าเขาจะกลับไป แต่ก็ใช่ว่าจะรอตลอด

          ถ้าเขากลับไปไม่ทันคราวนี้…เขาอาจจะไม่ได้เห็นความวุ่นวายที่น่ารักจากร่างเล็กอีกแล้ว

          “มึงถามกูบ่อยไปนะ”

          “ฉันรีบ” กันหน้าเครียด เธอเห็นสีหน้าของร่างหนาแล้วก็ไม่มีคำพูดเอ่ยรั้ง พยักหน้าตอบตกลงให้ไปเบาๆ เท่านั้น ร่างแกร่งก็ลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกมาเลย

          เดินมาถึงป้ายรถเมล์แล้วก็ต้องหัวเสียเพราะรถที่ติดกันยาวแทบไม่ขยับ จะนั่งวินกลับก็ไม่มีสักคัน เขาเลยตัดสินใจที่จะขึ้นแท็กซี่กลับ อย่างน้อยๆ ก็เร็วกว่ารถเมล์ที่ขึ้นประจำแน่ๆ

          ยิ่งเวลาล่วงเลยไปมากเท่าไหร่ ในใจเขายิ่งอยู่ไม่สุข ร้อนรนไปหมด สีหน้าฉายแววเครียดอย่างชัดเจน มองดูรถที่ติดแล้วก็สบถคำหยาบอยู่หลายครั้ง ป่านนี้ไอ้วิปมันจะหนีกลับบ้านไปหรือยังนะ จะร้องไห้หรือเปล่าที่เขาไม่กลับไปสักที

          พอมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วร่างสูงก็ยิ่งบ้า มองออกไปนอกกระจกก็เห็นว่าใกล้ถึงบ้านแล้ว อีกประมาณสองป้ายรถเมล์เห็นจะได้

          แต่บนถนนที่รถไม่ขยับเลยแบบนี้ ให้รอต้องไปคงไม่ทัน

          “พี่ครับ เดี๋ยวผมลงตรงนี้แหละ”

          บอกไปก็หยิบเงินออกมาจ่าย ไม่รอเงินทอน ร่างสูงเปิดประตูลงไปเลย ก้าวขึ้นฟุตบาทแล้วออกวิ่ง ไม่สนระยะทาง ไม่สนว่ามันจะต้องเหนื่อย เขารู้เพียงแค่ว่า ต้องกลับไปให้เร็วที่สุด

          ขอล่ะ อยากเพิ่งกลับไปเลยนะ อย่าเพิ่งคิดว่าเขาไม่อยากเจอ อย่าเพิ่งคิดว่าเขาไม่อยากให้คำตอบ คำตอบน่ะมีแล้ว มึงรอกูก่อนนะวิป

          ระยะทางที่วิ่งกลับบ้าน ทำเอาคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างเขาหอบแฮกๆ ได้ ใบหน้าคมเหงื่อชุ่ม เสื้อนักศึกษาเปียกไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา แต่เขาไม่ได้สนใจสักนิด คิดเพียงแต่ว่าต้องกลับไปให้ทันเท่านั้น

          คนที่เห็นอาจจะคิดว่าเขาไปทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ก็ได้ เพราะดึกดื่นแบบนี้แต่กำลังวิ่งไม่คิดชีวิต ไม่ว่ายังไงก็น่าสงสัย ไม่รู้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะมายืนอยู่บ้านหน้าตัวเองอย่างนี้ มือหนาเท้ากระประตูรั้วหอบหายใจรัวๆ

          ดวงตาคมจ้องมองเขาไปในบ้านก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ลุงชมที่เป็นคนสวนก็วิ่งเหยาะๆ ออกมาทันที

          “คุณกัน เพื่อนคุณมารอ…”

          พรึ่บ

          ไม่รอให้ลุงได้พูดจบ ร่างสูงก้าวพาไปอย่างรวดเร็ว ขายาววิ่งขึ้นบันไดมาที่ห้อง เพราะเขามองหาจนทั่วบ้านแล้วก็ไม่เจอร่างเล็ก เพราะงั้นก็น่าจะรออยู่บนห้อง แถมที่ลุงชมบอกมาก็แสดงว่าไอ้วิปมารอเขา

          กายสูงหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องของตนเอง ก้อนเนื้อในอกสั่นรัวๆ ด้วยความหวาดกลัวปนตื่นเต้น มือหนาสั่นนิดๆ เมื่อเอื้อมออกไปเพื่อเปิดประตู ขายาวก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาคมกวาดสายมองหาร่างเล็ก แต่ก็ไม่พบ!

          วินาทีนั้นเหมือนหัวใจเขาหล่นวูบ ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้น ร่างกายชาไปทุกส่วน ในใจกำลังร้องถาม…เขากลับมาไม่ทันเหรอ ร่างเล็กไม่รอแล้วใช่มั้ย

          ร่างสูงเลื่อนสายตาไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ เห็นเวลาที่เลยเวลานัดมามากก็ปวดในใจ ฟันคมขบกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซิบ

          ตุบ

          ร่างสูงถึงกับหมดแรงยืนเอาดื้อๆ ทิ้งตัวทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ใบหน้าคมก้มลงมองมือที่สั่นระรัวของตน ความเสียใจพุ่งโถมเข้าใส่ ภายในใจก็ก่นด่าตัวเองไป

          เพราะมึง! มึงมันช้าเอง มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง! เพราะมึงตัดสินใจช้า ทำให้เขาเสียใจแล้วไม่รอมึงแล้ว

          “วิป…” เสียงเข้มสั่นเครือ ก่อนที่ใบหน้าคมจะเงยขึ้นอย่างนึกอะไรได้ ร่างสูงผุกลุก แล้ววิ่งออกจากห้อง

          ใช่! ต้องไปหามันที่บ้าน!

          ร่างสูงวิ่งมาที่บ้านของวิป หยุดยืนอยู่หน้าบ้านแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าต่างห้อง เห็นไฟปิดสนิทก็ใจไม่ดีเท่าไหร่ และตอนนี้มันก็ดึกแล้วด้วย ตัวเขาก็เกรงใจปู่ที่อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ว่า…ตอนนี้มันด่วนจริงๆ

          มือหนากดออดย้ำๆ หลายทีด้วยความร้อนใจ

          “วิป! ไอ้วิป!”

          ร้องเรียกร้องเล็กไปด้วย เขาไม่เคยร้อนใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้ากันแล้ว อีกฝ่ายจะใจแข็งใส่เขาหรือเปล่า จะโกรธมากแค่ไหนที่เขากลับมาไม่ทัน ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหน่วงในใจ เมื่อก่อนเป็นยังไงไม่รู้ แต่ตอนนี้พอทำให้ร่างเล็กเสียใจแล้วใจเขารู้สึกแย่มาก

          “วิป! ออกมาคุยกันก่อน”

          ร่างสูงตะโกนเรียกอีกครั้ง เขาไม่สนใจแล้วว่าข้างบ้านจะเปิดประตูออกมาด่าหรือเปล่า ที่รู้อย่างเดียวคือตอนนี้เขาต้องการเจอหน้าคนตัวเล็กมากกว่าสิ่งอื่นใด

          แกร๊ก

          ประตูบ้านถูกเปิดออก แต่คนที่ก้าวออกมาไม่ใช่คนที่เขาอยากจะเจอ กันขมวดคิ้วมองปู่ของร่างเล็กที่เดินตรงมาหา เขาไม่เอ่ยทักทายผู่ใหญ่ ยอมเป็นเด็กเสียมารยาทในครั้งนี้

          “วิปล่ะครับ”

          “ไม่อยู่แล้ว”

          “ไม่อยู่? หมายความว่ายังไงครับ” ร่างสูงใจหายไปแวบหนึ่งเมื่อได้ยินว่าวิปไม่อยู่แล้ว แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะหนีไปไหน พยายามปลอบใจตัวเองก่อนว่าคงไม่มีอะไรมาก ปู่มองใบหน้าที่ร้อนรนนั่นด้วยความรู้สึกเรียบเฉย แล้วพาลนึกไปถึงหลานตัวเองที่เดินร้องไห้กลับบ้านมา

          เขาไม่รู้ว่าหลานรักของตัวเองเป็นอะไร แต่ดูจากท่าทางแล้วคงเสียใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าไอ้เด็กนี่มันคิดยังไงกับหลานเขา

          แต่พอเห็นท่าทางร้อนรนอย่างนี้ก็พอจะเดาได้หน่อยๆ แล้ว

          “พ่อมันมาเอาไปแล้ว”

          “พ่อ?” ร่างสูงทวนคำ

          “ใช่ กลับมาเห็นลูกร้องไห้ก็ทนไม่ได้ พาไอ้วิปไปแล้ว” ปู่บอกเพียงแค่นั้นแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านเลย ร่างสูงยืนอึ้งค้างอยู่กับที่ ในตอนนี้เหมือนมีใครเอาของแข็งมาฟาดใส่หัวเขาอย่างแรง มันมึนไปหมด เหมือนโดนน็อคในเวลาเพียงเสี้ยววินาที พ่อมาเอาไปแล้ว? ไม่อยู่แล้ว?

          หมายความว่ายังไง

          ร่างเล็กเสียใจมากถึงกับหนีไปอยู่กับพ่อเลยเหรอ เขาจำได้ วิปเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อของตนนั้นอยู่ป่า นานๆ ทีจะติดต่อกลับมา และเห็นบอกว่าไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วย

          มึงหนีไปแล้วจริงๆ เหรอวะวิป

          “กู…ขอโทษ…” คำขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงที่ส่งไปไม่ถึงหลุดออกมา ริมฝีปากสวยเหยียดยิ้มให้ตัวเอง พร้อมกับก่นด่าตัวเองในใจไปด้วย มึงมันโง่เองกัน มัวแต่ห่วงฟอร์ม สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ เขาหนีมึงไปแล้ว

          กันเดินกลับบ้านแบบอ่อนแรง ปฏิเสธที่จะกินข้าวแล้วเดินขึ้นมาบนห้อง มองรอยยับที่เตียงค้างอยู่แบบนั้น แสดงว่าร่างเล็กมานั่งรอเขาอยู่ตรงนี้ นั่งรอให้เขากลับมา แต่เขาก็ทำให้วิปต้องเสียใจอีกครั้ง

          ตุบ

          กายสูงทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลองกดโทรออกเบอร์ที่เขาไม่คิดที่จะโทรมาก่อน และเมื่อก่อนนี้…เขาก็ไม่อยากรับสายเบอร์นี้ที่สุด

          ร่างสูงหวังว่าอีกฝ่ายจะรับแล้วยอมคุยกับเขา แต่มันแย่ยิ่งกว่านั้น เพราะไม่เพียงแต่ไม่รับ เขายังโทรไม่ติดเลย อีกฝ่ายปิดเครื่องนี้ ริมฝีปากแค่นยิ้มให้ตนเอง แบบนี้มันโทษใครไม่ได้ ต้องโทษที่ตัวเขาเองนี่แหละ

          เขาเหมือนคนบ้า รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายปิดเครื่องแต่ก็ยังกระหน่ำโทรไม่หยุด มือหนากดโทรออกเรื่อยๆ ไม่สนใจว่าจะโทรติดหรือไม่ เขาคิดแค่ว่า…ถ้าร่างเล็กเปิดเครื่องเมื่อไหร่ เขาจะได้คุยทันที

          แต่สุดท้าย…ทั้งคืนนั้นเขาก็ติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ ร่างสูงพลิกตัวนอนคว่ำ ฝังหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ รู้สึกเจ็บใจที่กลับมาไม่ทัน อยากชกตัวเองหลายๆ ทีให้รู้สึก ให้เจ็บได้เท่าที่อีกฝ่ายต้องเจ็บ

          “มึงอย่าร้องไห้นะวิป กูขอโทษ…”


[มีต่อ]



หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 24-06-2016 18:36:26


[ต่อ]




…………………….



          เช้า

          เขาไม่ได้นอนทั้งคืน ใช้เวลาทั้งคืนไปกับความรู้สึกผิด พอเช้ามาเขาก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปหาใครบางคน ในวันหยุดยาวแบบนี้จะไปเจอร่างเล็กที่มหาลัยก็ไม่ได้ เขาทำได้เพียงไปหาคนใกล้ตัวของวิปเพื่อถามข่าว

          กันบุกมาที่บ้านของนานา เพื่อนเก่าที่รู้จักกันมานาน รู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหนแต่ไม่เคยได้มาสักครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขามา คิดอยู่ว่าถ้าไม่มีเรื่องของวิปเขาก็คงไม่ได้มาที่นี่แน่ๆ

          ร่างสูงถูกเชิญให้เข้ามาในบ้าน ระหว่างนี้เด็กใบบ้านก็ไปตามร่างสวยลงมา กันร้อนรนถึงขนาดนั่งไม่ติด เดินวนไปวนมารอให้เพื่อนลงมา และพอเห็นร่างสวยเดินเข้ามา ขายาวก็ก้าวเข้าไปหา พอหยุดอยู่ตรงหน้าร่างสูงก็ถูกทำให้ชะงักด้วยหมัดเล็กๆ

          ผัวะ!!

          ใบหน้าคมหันไปตามแรงกระแทก ร่างสูงค้างอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มนิดๆ เห็นตัวเล็กๆ มือเล็กๆ แบบนั้น แต่พอต่อยมาแล้วก็เจ็บใช่ย่อย

          “ไอ้เหี้ย!” แล้วตามมาด้วยคำด่าที่เขาไม่เคยได้รับจากคนสวยตรงหน้าเลยสักครั้ง ดวงตาสวยฉายแววเครียดแค้น ไม่ต้องสงสัย คงจะแค้นแทนเพื่อนตนเองแน่ๆ กันก้มหน้ายอมรับไม่เอ่ยเถียง ใช่…เขาเหมาะกับคำนั้นจริงๆ

          “มึงมาทำไม กูไม่อยากเจอหน้ามึง ฮึ่ย…” คนสวยหัวเสียสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เธอทำใจได้ลำบากเหลือเกิน ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นเพื่อน แล้วยิ่งทางนี้รู้จักมาก่อนหน้าวิปอีก แต่ช่างเถอะ เพราะมันทำตัวน่าหมั่นไส้ เธอจะไม่เข้าข้าง นานาทำเป็นมองผ่านสีหน้ารู้สึกผิดนั่น ทำเมินเหมือนอย่างที่มันเคยเมินเพื่อนรักเขา

          “วิปอยู่ไหน”

          “กูไม่รู้”

          “ฉันรู้ว่าเธอรู้” กันไม่เชื่อ ยังไงนานาก็เป็นคนที่วิปสนิทด้วยที่สุด มีเหรอที่จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าจะติดต่อยังไง มันเป็นไปไม่ได้

          “ถึงกูรู้ก็ไม่บอก มึงจะมาถามหามันทำไมอีก แค่นี้ยังทำมันเสียใจไม่พอใช่มั้ย” นานาเท้าเอวจ้องหน้าเอาเรื่อง อยากจะต่อยให้อีกสักที ที่ทำไปเมื่อกี้นี้ก็ไม่ทันได้คิดเหมือนกัน มันออกไปเองตามความรู้สึกข้างใน โกรธแทนเพื่อนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร โมโหแทนจะเผลอถลาเข้าไปต่อย

          “มันไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อคืน…”

          “เออ! เมื่อคืนนี้ไงที่ไอ้วิปมันร้องไห้ อยู่รอมึงตั้งนานมึงก็ไม่มา ไอ้เลว!” จัดให้อีกคำนึง คนสวยจะไม่ทนแล้ว ร่างสูงขมวดคิ้วไม่ชอบใจที่โดนด่ามาแบบนี้ แต่ในตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมคนตรงหน้าไป

          “ฉันมีธุระ ทำให้กลับมาไม่ทัน พอกลับมาวิปก็ไม่อยู่แล้ว”
          “แหงดิ คิดว่าคนอื่นเขาต้องรอมึงตลอดงั้นเหรอ เป็นใครมาจากไหนวะ”

          “นี่ ฉันขอล่ะ เธออย่าใช้อารมณ์ได้มั้ย” กันพยายามใจเย็น เพราะอีกฝ่ายร้อนมาแบบนี้ ถ้าร้อนกลับไปคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ นานาเชิดหน้าขึ้น สะบัดหน้าหนีแล้วเดินไปนั่ง

          กันเห็นว่าอีกฝ่ายยอมอ่อนลงบ้างแล้วก็เดินเข้าไปนั่งด้วย ร้อนใจเรื่องของวิปพอแล้ว ไม่อยากปวดหัวเพิ่มเพราะต้องเถียงกับคนสวยนี่

          “นายมาหาฉันทำไม ปกติไม่เคยโผล่มานะ”

          “ปู่บอกว่าวิปไปกับพ่อแล้ว เธอรู้มั้ยว่าพ่อวิปอยู่ที่ไหน แล้วจะติดต่อได้ยังไง เพราะฉันโทรหาวิปไม่ได้เลย” ร่างสูงพยายามถามด้วยความใจเย็น ทั้งๆ ที่อยากจะเขย่าคอคนสวยแล้วถามให้ได้คำตอบเร็วๆ ร่างเพรียวเลิกคิ้วหน่อยๆ ไปกับพ่อ? เรื่องนี้ไม่เห็นวิปบอกอะไรเธอเลย

          “ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าวิปมันไปกับพ่อ พ่อมันกลับมาแล้วเหรอ” ร่างสูงชะงักไปเมื่อได้รับคำตอบกลับมาอย่างนั้น นี่แสดงว่านานาเองก็ไม่รู้ว่าวิปไปที่ไหน แถมไม่รู้ด้วยว่าวิปไปกับพ่อแล้ว ดวงตาดุจ้องลึกเข้าไปสังเกตท่าทีว่าอีกฝ่ายโกหกหรือเปล่า แต่ก็ไม่เจอท่าทางผิดปกติอะไร

          “แล้วฉันจะตามหาวิปได้ที่ไหน” ยิ่งเป็นแบบนี้เขายิ่งร้อนใจ เพราะตอนนี้เท่ากับว่าหนทางที่จะได้เจอคนตัวเล็กนั้นห่างไกลออกไปอีก นานาลอบสังเกตสีหน้าของร่างหนาที่ซึมลงไปนิด ก่อนจะเชิดหน้าแล้วถาม

          “นายจะตามหามันทำไม ไม่ได้ชอบไม่ใช่เหรอ ไล่ให้มันไปไกลๆ ไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้มาตามหาทำไม ปล่อยมันไปสิ ให้มันไปได้กับเพื่อนมึงก็ได้ นิสัยดีกว่ามึงตั้งเยอะ มันรักไอ้วิปจริงแน่นอน” นานาลองพูดแหย่อีกฝ่ายดู แล้วก็ต้องขนลุกเกรียวเมื่อดวงตาดุๆ นั่นฉายแววโกรธออกมาเมื่อได้ยินที่พูด

          “ตามหาทำไมฉันจะเป็นคนบอกกับไอ้วิปเอง ส่วนเรื่องยกให้คนอื่น…เลิกคิดไปได้เลย ไม่มีทาง!”



……………………



          อะไรเอ่ยที่ทำให้เหงา…และเศร้า…

          เฉลย…ก็ทุกๆ อย่างรอบตัวในตอนนี้นี่แหละ ทุกอย่างเป็นสาเหตุทั้งหมดเลย ผมนั่งถอนหายใจทิ้งไปอย่างไร้ค่านานหลายชั่วโมงแล้ว เอาแต่นั่งมองไปที่สระว่ายน้ำสวยๆ ข้างนอก มองฟ้ามองฝนไปเรื่อย แล้วก็พาลให้ใจห่อเหี่ยว

          มันเจ็บในอกแทบทนไม่ไหว เมื่อคืนนี้นอนร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตาไหลเปียกหมอน สัญญากับตัวเองว่าต้องทำใจให้ได้เร็วๆ เลิกเศร้าเร็วๆ และกลับมาร่าเริงให้ได้เหมือนเดิมเร็วๆ

          เมื่อคืนหลังจากที่ผมเดินกลับมา เจอหน้าปู่ที่พอเห็นว่าผมร้องไห้แล้วก็รู้สึกผิด ปู่ดูแย่ที่เห็นผมร้อง และก็ยังคงเป็นคุณปู่ที่น่ารักเหมือนอย่างเคย ไม่ถามเซ้าซี้ให้ผมต้องรำคาญใจ พูดแค่ว่าอยากบอกเมื่อไหร่ก็บอก ปู่อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวปลอบเอง ปู่แม่ง…พระเอกกว่าใครบางคนซะอีก

          และก็ได้เจอเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีกหนึ่งเรื่อง เพราะเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ผมก็ได้เจอหน้าคนที่ไม่ได้เจอมานานหลายปี ถึงกับหยุดร้องไห้ไปแวบหนึ่งเพื่อยืนอึ้งกันเลย พ่อพอเจอหน้าผมก็พุ่งเข้ามากอดเต็มแรงเต็มรัก ฟัดผมจนพอใจก็ผละออก นั่นแหละถึงได้เห็นหน้าของผมเต็มๆ ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

          แล้วก็นะ…จิตใจในขณะนั้นกำลังบอบบาง พอโดนถามเข้านิดหน่อยก็สะอึกสะอื้นในจะขาด คนเป็นพ่อเห็นลูกเป็นอย่างนี้ก็ทนไม่ได้ จัดการเก็บกระเป๋าแล้วลากผมออกมาเที่ยวอย่างนี้

          โดยไม่ปรึกษากูสักคำ

          ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ และไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะปฏิเสธด้วย ก็เลยยอมตามมาเงียบๆ พ่อพาผมมาที่ทะเลทางใต้ สวยงามตามแบบทะเลไทย บรรยากาศดี ที่พักดีเยี่ยม เดินออกจากห้องพักก็เป็นสระว่ายน้ำสุดหรู แถมที่พักยังติดกับทะเลอีกด้วย ไม่อยากว่ายน้ำสระก็ไปว่ายน้ำทะเลได้

          พ่อลงทุนมาก ถึงขั้นนั่งเครื่องมาเลย จริงๆ แกเป็นคนมีเงินนะ ไปอยู่ป่าก็ไม่ค่อยได้ใช้จ่ายอะไรมากมาย เงินเก็บจากตอนที่ทำงานเลยมีเยอะ เที่ยวได้สบาย

          และที่พามาทะเลส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่ออยากมาด้วย ปกติอยู่แต่ในป่า เจอแต่ลำธาร คงอยากสัมผัสน้ำทะเลกับเขาบ้าง ผมก็ยังไงก็ได้ จะให้ไปที่ไหนก็ไปหมดแหละ

          เพราะอยู่บ้านไปก็ช้ำใจ ไหนๆ ก็หยุดยาวแล้ว

          หลังจากที่ออกจากบ้านไอ้กัน วางสายนานาเสร็จผมก็ปิดเครื่องเลย ไม่ต้องการคุยอะไรกับใครทั้งนั้น และที่มากับพ่อแบบนี้ก็ไม่มีใครรู้นอกจากปู่ ผมก็ห่วงปู่อยู่เหมือนกันนะ ปล่อยให้อยู่คนเดียวแบบนั้น แต่ปู่แกก็ยืนยันว่าอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องเป็นห่วง และไล่ให้ผมหนีมาทำใจกับพ่ออย่างนี้

          หมับ

          “ลูกรักของพ่อ คิดอะไรอยู่ นั่งซึมเป็นส้วมเลย”

          กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ พ่อก็โผล่มาจากด้านหลัง กอดคอแล้วนั่งลงข้างๆ ก็นะ อุตส่าห์หนีออกมาหามุมเงียบๆ นั่งคนเดียวแล้วนะ พ่อยังตามมาเจออีก

          “ผมกับพ่อนี่ไม่มีดวงเรื่องความรักเลยเนอะ อกหักทั้งคู่เลย” ผมพูดเสียงหงอยๆ คุณพ่อที่รักตีหน้ายักษ์ใส่ แต่ดูยังไงก็ไม่น่ากลัวเลยสักนิด

          “อย่าหยาบคาย อย่างพ่อไม่เรียกว่าอกหัก เขาเรียกว่าทำตัวเป็นพระเอก ให้เธอได้กับเขาแล้วจงโชคดีต่างหาก” พ่อยืดอก ไม่ยอมรับว่าตัวเองก็อกหักจากแม่ ผมพยักหน้ารับขี้เกียจเถียงด้วยต่อ เอาที่พ่อสบายใจแล้วกัน เพราะตอนนี้แม่ก็ได้กับเขาคนนั้นและโชคดีไปนานแล้ว

          ขอบอกว่าพ่อกับผมนั้นเหมือนกันมากๆ ส่วนสูง นิสัย หน้าตา เหมือนกันทุกอย่าง แถมพ่อแกยังหน้าเด็กอีกต่างหาก อยากรู้ว่าในป่ามีครีมดีๆ ใช้ด้วยเหรอวะ หน้าขาวเนียนเหลือเกินพ่อ

          “อ้าว ยังทำหน้าหงอยอยู่อีก เจอพ่อเจอเชื้อแทนที่จะร่าเริงมีความสุข”

          “เค้าอกหัก”

          “รักกับพ่อนี่มาไม่นอกใจด้วย”

          “ไปเล่นที่อื่นไปพ่อ”

          “เสียใจ” แกว่าเสียงเล็กเสียงน้อยแล้วตีหน้าเศร้า บอกแล้วว่าพ่อลูกเหมือนกันเด๊ะๆ น่ารักเหมือนกัน นี่ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงเล่นกับแกตอบกลับไปแล้ว แต่อารมณ์ของผมในตอนนี้มันไม่พร้อมที่จะเล่นจริงๆ

          “ผมอยากอยู่คนเดียวพ่อ”

          “เพิ่มพ่อเข้าไปอีกคนสิ จะได้ไม่เหงา” ยัง พ่อแกยังไม่จบ ผมหันไปทำหน้าเอือมใส่ อยู่คนเดียวอะยูโนว์ คนเดียวไม่มีคนอื่นเข้ามายุ่ง ถอนแกถอนหายใจเมื่อบิ้วผมไม่สำเร็จ ยื่นมือออกมาวางลงบนศีรษะผมแล้วลูบเบาๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ห่างหายสัมผัสแบบนี้ไปนานมากแล้ว

          “เอ็งไม่ยอมบอกพ่อเลยว่าเป็นอะไร โดนสาวที่ไหนหักอกมา เอาแต่ร้องไห้แล้วก็นั่งซึมแบบนี้พ่อก็เป็นห่วงนะ” แค่ลูบดูยังปลอบไม่พอ พ่อดึงผมเข้าไปกอดแล้วโยกเหมือนกำลังโอ๋เด็ก ผมหลุดยิ้มออกมานิดๆ จำแทบไม่ได้เลยว่าพ่อก็มีมุมแบบนี้ด้วย

          “อย่าห่วงผมเลยพ่อ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

          “ใช่ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทำตัวหล่อๆ เข้าไว้แล้วหาสาวใหม่ จะคิดมากให้มันวุ่นวายทำไม เห็นมั้ย เบื้องบนเป็นแผ่นฟ้ากว้าง เบื้องล่างเป็นธารน้ำใส ตัวฉันมีกาน้ำหนึ่งใบ กับกองฝืนที่วางอยู่เรียงรายยยย”

          โอ๊ยย…

          “พ่อ เลอะเทอะละ”

          “ซอรี่เน้อ”

          เมื่อปลอบผมไม่ได้ผล พ่อเลยปล่อยให้ผมอยู่เงียบๆ คนเดียวตามที่ขอ ส่วนตัวแกก็ออกไปเดินเล่น เห็นบอกว่าเย็นๆ จะมาพาไปกินข้าว ผมเริ่มรู้สึกเบื่อจุดที่นั่งอยู่เลยออกไปเดินเล่นที่ชายหาด หามองบิกินี่สวยๆ เล่นไปพลางๆ

          ไอ้กันมันจะรู้บ้างมั้ยว่ามันทำให้คนๆ นึงต้องเสียใจขนาดนี้ คงไม่หรอกมั้ง ป่านนี้คงยิ้มมีความสุขที่สลัดผมออกจากชีวิตได้เสียที คงดีใจที่ไม่ต้องมีคนไปคอยป่วนอยู่ใกล้ๆ สบายขึ้นเยอะเลยล่ะสิ

          คิดๆ แล้วน้ำตาก็พาลจะไหลอีกรอบ ผมต้องเงยหน้ากลั้นน้ำตาเอาไว้ ร้องจนปวดตาไปหมดแล้ว ร้องไปไอ้บ้านั่นก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ร้องไปมันก็ยังกินข้าวอร่อยเหมือนเดิม

          ผมไม่รู้จะหนีไอ้กันได้อีกนานมั้ย แต่พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว ก่อนหน้าที่จะรู้จักกันก็ไม่เคยได้เจอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ซอยเดียวกันก็เถอะ เพราะงั้นคงไม่ต้องห่วงเลยเจอแล้วล่ะมั้ง กลับไปทำตัวตามปกติเหมือนก่อนที่เคยรู้จัก

          หมับ!

          “เฮ้ย เดินหน้าเศร้าแบบนี้แฟนทิ้งมาเหรอ”

          ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดแล้วหันขวับไปมองไอ้บ้าที่บังอาจมากอดคอทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน หันไปก็เจอเข้ากับใบหน้ากวนโอ๊ยกำลังยิ้มกวนเบื้องล่างให้อยู่ ผมขมวดคิ้วใส่ สนิทเหรอพ่ออยู่ๆ มากอดแบบนี้

          “ปล่อย”

          “อืมมมมมม…” มันลากเสียง “ไม่ว่ะ เห็นเดินหน้าเศร้าคนเดียวเลยเข้ามาทัก หน้าตามึงน่ารักดี กูชอบ” รอยยิ้มขี้เล่นถูกส่งออกมา มึงชอบแต่กูไม่ชอบ จบนะ ผมยกแขนหนักๆ ของมันออกไปแล้วเดินหนี กูเจอคนบ้าแต่วันเลยเหรอวะ

          “เฮ้ย รีบไปไหนวะ”

          ไอ้บ้านั่นยังไม่ยอมแพ้ วิ่งตามมากอดคอผมอีกรอบ กูเริ่มขึ้นแล้วนะ เล่นอะไรดูหน้ากูด้วย กูพร้อมเล่นกับมึงเหรอ แม่งกวนตีนฉิบหาย มองหน้าแบบไม่พอใจใส่ก็แล้วยังไม่รู้สึกตัว ตีมึนมองผ่านซะงั้น

          “วันนี้อารมณ์ไม่ดี ไม่เป็นมิตร ปล่อย!”

          “เหรอ เดี๋ยวตีสนิทเองก็ได้”

          หมับ
          อุ๊บ

          ไอ้บ้า!! มันจูบบบบบบ!!

          สิ้นคำของอีกฝ่าย ใบหน้ากวนๆ นั่นก็โน้มเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว แขนหนาล็อกคอไว้ไม่ให้ขยับหนี จากนั้นก็ประกบริมฝีปากเข้ามา บดเบียดเข้ามาแนบชิดไม่เหลือที่ว่าง ผมเบิกตากว้าง ไอ้บ้าเอ้ย!! มึงกล้าไป๊! คนอยู่เยอะแยะมึงอายบ้างมั้ย ผมนิ่งค้างไปแวบหนึ่ง ช่วงนั้นเลยปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบสบายเลย ปลายลิ้นร้อนชื้นไล้เลียทั่วกลีบปากและดูดแรงๆ มันเป็นสัมผัมที่ทำให้ผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ไอ้บ้า! กูขยะแขยง!

          “อื้อๆๆ!” ผมดีดดิ้นอยู่ในอ้อมแขนอีกฝ่าย แรงไอ้เวรนี่ก็เยอะเหลือเกิน พอสะบัดมันหลุดออกไปได้ผมก็ใช้หลังมือเช็ดถูปากตัวเองแรงๆ แสดงออกว่ารังเกียจแบบโต้งๆ ร่างหนาตรงหน้ายิ้มเยาะถูกใจ ปลายนิ้วลูบริมฝีปากตัวเองด้วยท่าทางเซ็กซี่

          “เดี๋ยวกูจะจูบมึงอีก”

          !!

          ฉิบหาย กูอยู่ตรงนี้ไม่ได้ละ

          ผมหันหลังวิ่งหนีมันกลับมาที่ที่พัก ใจยังเต้นรัวเร็วอยู่เลย ไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่กูรังเกียจ ว่าแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำล้างปากยกใหญ่ ถึงกูจะชอบผู้ชายก็เถอะ ใช่ว่าจูบกับผู้ชายทุกคนกูจะโอเคนะเว้ย ไม่ใช่คนที่รักยังไงก็ไม่โอเคทั้งนั้นแหละ อย่างไอ้อาร์คไม่ถึงกับรังเกียจแต่ก็ไม่ยอมให้จูบ แล้วนี่มึงเป็นใคร!! โอ๊ยปากกู

          มีเรื่องให้เศร้าแล้วก็มีเรื่องให้จิตตกด้วย ครบสูตรได้อีก ผมนั่งเครียดอยู่ในห้องจนตอนเย็นพ่อมาเรียกไปกินข้าว บอกจะพาไปร้านอร่อย เรานี่ผวาตลอดว่าจะเจอไอ้บ้านั่น แต่โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง

          “เป็นอะไรลูกพ่อ มองซ้ายมองขวามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

          “เปล่าพ่อ มองดูบรรยากาศน่ะไม่มีอะไรมาก สั่งข้าวๆ” ผมบอกปัดแล้วเปิดเมนูดู มันมีเรื่องให้เศร้าแบบนี้อาหารน่ากินแค่ไหนผมก็ไม่รู้สึกอยาก แต่ต้องฝืนกินไปเพื่อไม่ให้พ่อเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ผมเลือกๆ ดูของที่น่ากิน ปิดเมนูจะสั่งของที่เลือก เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องชะงักอ้าปากค้าง

          ไอ้บ้านั่น!...มันนั่งอยู่โต๊ะถัดไปนี่เอง!!

          ดวงตาเจ้าเล่ห์จ้องตรงมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเห็นผมมาก่อนหน้านี้ ผมขนลุกวูบกับสายตาของพี่แก อีเหี้ยกูกลัวมึง ชัดมั้ย อย่ามองกู

          “พ่อ เปลี่ยนร้านมั้ย” ผมถามพ่อเสียงสั่นๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันละ พ่อสั่งอาหารไปแล้วเรียบร้อย ผมกุมขมับคิดหนัก นี่กูต้องนั่งกินไปแล้วเจอสายตาโรคจิตจากไอ้บ้านั่นไปด้วยใช่มั้ย

          ร่างสูงจ้องตรงมาไม่มีละ มันนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน แต่ไม่ได้สนใจสิ่งที่เพื่อนตนเองกำลังเล่า เอาแต่จ้องผม สายตากำลังสื่อให้ผมเข้าใจว่า…เดี๋ยวกูจะทำอย่างที่บอก

          ฉิบหายแล้วมั้ยล่ะกู!


_____________________________



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21 + 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 24-06-2016 21:59:23
โอ๊ย!! จะร้องไห้ตาม กันกันจะตามมามั้ย

ไอ้บ้านั่นใคร
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21 + 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-06-2016 22:32:21
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21 + 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 24-06-2016 23:29:07
กันกันถ้าหล่อนช้าชุ้นจะเชียร์ให้น้องวิปมีผัวใหม่
ที่บอกจะไม่ยอมยกให้ใครน่ะขอให้มันจริง
พยายามหน่อยเว้ย
หมั่นไส้แรง
มายอมรับเอาเมื่อตอนสายไป
ขอให้หล่อนกระวนกระวายหาน้องไม่เจอมั่ง
สมควร ชิส์
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21 + 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 24-06-2016 23:42:05
มะรุมมะตุ้มรุมรักเจ้าวิป55555555555

โหนี่ ก่อนหน้านี้สามคนก็ว่ายุ่งแล้ว นี่มีตัวละครลับตัวใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วยแถมมาแปปเดียวแกได้จูบแล้วด้วยเว้ยยย แสบจริงคนนี้ เหมือนวิปต้องใช้พลังที่ใช้กะบสามคนนั้นกับมันคนเดียวเนี้ยย55

ตอนนี้นี่4คนนี้มีสิทธิ์จีบวิปพอๆกันแล้วใช่มั้ยคะ พ่อหนุ่มคนใหม่นี่คงติดลบอยู่ล่ะ แต่ช่วงนี้คนมันอ่อนไหวอ่ะแถมวิปมันขี้ใจอ่อนอีก ส่วนกันกัน วิป โกรธนานๆหน่อยก็ดี แต่ก็อย่าไร้สติจนไม่ฟังเค้านะ พี่โหดก็คิ้วท์อ่ะ น่ารัก มีต้นมงต้นไม้มาให้ พี่อาร์คก็ นั่นแหละค่ะ แววพระรองมาไกล สรุปมัน มะรุมมะตุ้มรุมรักเจ้าวิปจริงๆนะ5555555

นี่ขนาดมาต่อสองตอน ตอนละสองรีพลายยังรู้สึกไม่พอ เราชอบเรื่องนี้มากๆนะคะ ติดตามเสมอ
ขอบคุณคนเขียนค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ  :man1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21 + 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 25-06-2016 07:25:16
 :pig4: มีคนใหม่โผล่มาจีบวิปอีกแระ เชียร์สะดีมั๊ยกันอยากช้า
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21 + 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-06-2016 10:31:45
ตัวละครใหม่ก็โผล่ เอแกตัวแรงด้วย ได้จูบไปเลย เอาดิๆๆๆ งานนี้ หมากันได้เป็นหมาหัวเน่า
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21 + 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 25-06-2016 14:05:54
ว้าวววววว เปิดตัวพระเอก 55555555 ไม่ใช่ละ ทำไมเรารู้สึกสนใจตัวละครใหม่คนนี้จัง อยากรู้จักพี่แกอ่ะ ส่วนอิหนูวิปนี่น่าอิจฉาจริงๆเลย ผู้ชายมารายล้อม เปิดฮาเร็มเลยก็ดีนะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 21 + 22] [24 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 25-06-2016 16:01:50
จะยืดเยื้อไปไหน หนีกันไปหนีกันมา เฮ้อ มีคนมาเพิ่มอีก เรายอมรับว่าเราใจร้อนไปมั่ง เหอๆ คือให้คบกันๆไปซะ จะมีปัญญาตามมาทีหลังก็ไม่ว่า แต่นี่ยังไม่ทันคบปัญหาก็มาขวางก่อนอ่านจนจะครึ่งเรื่องแล้วมั้ง หรือพอคบกันแล้วจบเลย เราอินมากไปก็ขออภัยอย่างแรง  :ling2:
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 25-06-2016 19:19:05



ตอนที่ 23


 
 
          ผมนั่งเหงื่อตกหน้าซีด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวใครแบบจริงๆ จังๆ กลัวแบบไม่อยากอยู่ใกล้ มึงได้สิทธิ์นั้นทันทีเลยนะ ดีใจมั้ย กูไม่อยากเข้าใกล้มึงเลย ไปไกลๆ!

          ดวงตาเจ้าเล่ห์ที่จ้องตรงมาทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ นั่งไม่ติดที่ พ่อสุดที่รักก็ไม่ได้รับรู้อาการของลูกรักเลยแม้แต่น้อย สั่งอาหารเสร็จก็นั่งซึมซับบรรยากาศดีๆ ของร้าน แล้วมองออกไปที่ทะเลอันกว้างใหญ่ ใบหน้ามีความผ่อนคลาย พ่อผ่อนคลายไม่เกรงใจลูกน้อยเลย

          ไม่เข้าใจ แค่อกหักช้ำรักแค่นี้ยังไม่สาแก่ใจเบื้องบนอีกหรือไง ทำไมต้องส่งไอ้โรคจิตมาป่วนชีวิตด้วย แถมๆ…มันจูบกูไปแล้วด้วยยย~ ว่าแล้วก็อยากกลับไปล้างปากอีกรอบ กลับกรุงเทพเมื่อไหร่จะไปทำบุญ สงสัยสร้างบาปไว้เยอะเลยมาเจออะไรอย่างนี้

          “นี่พ่อ”

          “ว่าไงลูกรัก”

          “พ่อเป็นพ่อใช่มั้ย”

          “เป็นแม่มั้งลูก พ่อเบ่งลูกออกมาเองเลย”

          เดี๋ยวๆ กูลูกหรือขี้?

          “ถ้าผมมีปัญหา พ่อต้องช่วยผมใช่มั้ย” ผมทำตาวิ๊งๆ ใส่ พยายามไม่มองไปที่ไอ้โรคจิตนั่น กลัวว่าเดี๋ยวอดใจไม่ไหวชูนิ้วกลางไปให้แล้วจะเป็นเรื่อง เพราะถ้าผมทำอย่างนั้นจริงๆ มันคงไม่ยอมนั่งเฉยๆ แน่ ผมอาจจะต้องเสียอีกหนึ่งจูบ!

          “ก็…แน่นอน พ่อรักลูก”

          “กินข้าวเสร็จเรากลับกรุงเทพกันเลยมั้ย” พูดออกไปแล้วก็จ้องด้วยสีหน้าจริงจัง บอกให้พ่อรับรู้ว่าผมไม่ได้เอ่ยเล่นๆ นะ คุณพ่อผู้น่ารักย่นคิ้วเล็กน้อย นี่ถ้าเอียงคอด้วยนี่เป็นหมางงเลยนะ กูบาปมั้ยวะว่าพ่อแบบนี้

          “ทำไมล่ะ เราเพิ่งมาเองนะ แล้วก็อยู่แค่สามวันด้วย ไม่นานเลย ทำไม คิดถึงปู่แล้วเหรอ” อย่ามายิ้มล้อเหมือนว่าผมเป็นเด็กสามขวบติดปู่นะ เออ ไอ้คิดถึงน่ะก็คิดถึงอยู่ แต่สาเหตุที่แท้จริงคือไอ้เวรด้านหลังพ่อนู้นต่างหาก มันจ้องจะเขมือบลูกชายพ่ออยู่รู้ตัวมั้ย ไม่ปลอดภัยอะเข้าใจปะ

          “อยากกลับแล้วง่ะ”

          “ไม่เอาน่า พ่อพามาพักผ่อน เห็นเราเศร้าๆ แบบนี้ กลับไปก็ยิ่งเศร้าดิ ทำใจให้สบายแล้วเที่ยวเล่นไปซะ สามวันเอง อย่างอแง โอเคนะ” ผมหน้าหงอยลงเมื่อการเจรจาไม่สำเร็จ ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วแอบๆ เหลือบมองไปที่โต๊ะด้านหลังพ่อ ก็ยังเห็นว่าทางนู้นยังจ้องผมอยู่ ผมรีบหลบตาขวับแล้วทำเนียนมองนู้นมองนี้ไปแทน ชีวิตอีกสามวันของผมจะใช้มันยังไงให้มีความสุขได้วะ เล่นเจออะไรอย่างนี้

          ผมนั่งกินข้าวแบบร้อนๆ หนาวๆ แทบกลืนไม่ลง สัมผัสนั่นมันยังขยะแขยงอยู่เลย ทำใจปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ แล้วก็จบมื้อเย็นโดยที่ผมกินไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น เดินกลับที่พักชนิดที่ว่าตัวติดกับพ่อเลย พ่อแกก็คิดว่าผมอยากอ้อน ดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวลูบหางใหญ่

          “เราไปอาบน้ำไป แล้วถ้าอยากออกไปเดินเล่นอีกก็ได้นะ แต่พ่อเริ่มง่วงๆ แล้ว”

          กลับถึงที่พักพ่อก็บอกมาแบบนั้น ผมพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้าต่อเลย อาบน้ำน่ะอาบแน่ แต่ให้เดินเล่นข้างนอกเนี่ยไม่เอาแล้ว เกิดพลาดไปเจอไอ้เวรนั่นอีกผมก็ซวยน่ะสิ

          ผมอาบน้ำเสร็จพ่อก็เข้าไปอาบต่อ พอนั่งเงียบๆ ก็พาลคิดถึงคนที่ไม่น่าคิดถึงอีกแล้ว ไม่อยากเปิดโทรศัพท์เลย กลัวไอ้นานาโทรมา กลัวไอ้อาร์คโทรมาแล้วผมต้องฟังอะไรที่ไม่อยากได้ยิน

          กลัวว่าจะร้องไห้อีกครั้ง

          แต่ตอนนี้ผมไม่อยากร้องแล้ว ได้แต่นั่งถอนหายใจทิ้งไปเรื่อยๆ อย่างนี้ มันเหนื่อยที่จะร้องแล้ว แต่จะให้ร่าเริงเหมือนอย่างเคยคงต้องใช้เวลาสักพักให้กับการทำใจ มันไม่ง่ายหรอก แต่ยังไงต้องผ่านไปให้ได้

          ยังไงซะ กลับไปก็ไม่ได้เจอกันอยู่ดี ที่ได้เจอกันบ่อยๆ เป็นเพราะผมเสนอหน้าไปหาเช้าเย็น ลองใช้ชีวิตปกติดูสิ ยังไงก็ไม่มีทางบังเอิญเจอง่ายๆ หรอก

          เฮ้อ~ สามวันนี้ใช้เป็นเวลาทำใจแล้วกัน



……………………….



          สามวันที่ว่าใช้เป็นเวลาทำใจจริงๆ นะ ทำใจอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนเลย ไม่ใช่เพราะเสียใจจนไม่อยากออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันนะ ผมกลัวไอ้บ้านั่นต่างหาก!

          พอพ่อบอกว่าให้เก็บของจะกลับกรุงเทพเท่านั้นแหละ ดีใจแทบกระโดดลงสระว่ายน้ำ ผมรีบเก็บของอย่างไว พ่อยิ้มเอ็นดู คงนึกว่าผมคิดถึงบ้านอยากกลับใจจะขาด จากนั้นก็เดินเข้ามาลูบหัวผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

          “ปู่ก็คงคิดถึงเราแล้วล่ะ”

          ผมพยักหน้าตอบ

          “เราออกไปรอข้างนอกก่อนเลย เดี๋ยวพ่อตามไป” ผมพยักหน้ารับอีกทีแล้วเดินออกมา แต่ก็ไม่ได้เดินไปไหนไกลเดี๋ยวพ่อออกมาแล้วจะไม่เห็น อีกอย่างคือไม่อยากเจอคนที่ไม่ต้องการเจอด้วย

          ทะเลที่นี่สวยมากเลยนะ บรรยากาศก็ดี ถ้ามาในอารมณ์ปกติผมคงจะมีความสุขมาก จะวิ่งแม่งรอบหาดเลยขอบอก แต่นี่เหมือนมาเปลี่ยนที่นอนเท่านั้น แถมยังต้องมาเจอโรคจิตอีก

          “อย่าให้เจอนะ จะซัดให้!” มันไม่อยู่ ปากเก่งได้

          “หมายถึงกูหรือเปล่า”

          เหี้ย!!

          ผมสะดุ้งโหยงแล้วกระโดดถอยหนีไปหลายก้าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาถูหูตัวเองแรงๆ ไอ้บ้าเอ้ย! อยู่ๆ ก็โผล่มาด้านหลังแล้วกระซิบข้างหูแบบนี้ ที่บ้านมึงสอนมาเหรอ แล้วดู…ยังทำหน้าไม่สำนึกอีก ผมมองอีกฝ่ายตาขวาง จะกลับอยู่แล้วทำไมต้องมาเจอด้วยวะ ร่างสูงทำสีหน้ากวนๆ ลิ้นดันกระพุ้งแก้มท่าทางน่าตบ

          “ว่าไง ที่บ่นเมื่อกี้หมายถึงกูหรือเปล่า”

          “เปล่าเลย!” ส่ายหน้ารัวๆ

          “งั้นเหรอ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับเบาๆ แต่ดูแล้วมันไม่ได้เชื่อผมหรอก จ้องหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะสาวเท้าเข้ามา ผมตาโตผวาเฮือกแล้วก้าวถอย แต่ก็ไม่ทันอีกคน ด้วยช่วงขาที่ยาวกว่าทำให้มันสามารถก้าวมาประชิดตัวผมได้อย่างรวดเร็ว เท่านั้นไม่พอ มันยังรวบผมเข้าไปในอ้อมกอดของมันอีก

          ไอ้ห่านี่! เอะอะกอด มึงขาดความอบอุ่นเหรอ ที่บ้านไม่มีให้หรือไง

          “จำคำกูได้มั้ย”

          “ไม่ได้! จำอะไรไม่ได้สักอย่าง!” ผมส่ายหน้ารัวๆ ไอ้บ้าเอ้ยใครจะไปอยากจำ แล้วมือน่ะ ช่วยย้ายออกไปด้วย ไม่ชอบนะหื้อมากอดแบบนี้ กูเริ่มหวงตัวละ ปกติก็ไม่หรอก กับมึงน่ะไม่โอเค ปล่อยไอ้สัด!

          “งั้นกูเตือนความจำให้เอามั้ย” ร่างสูงพูดพร้อมแสยะยิ้มน่ากลัว ด้วยตาวาววับพร้อมกินเหยื่อ ซึ่งไอ้เหยื่อตัวนั้นก็คือผมเอง พ่อออออ~ อยู่ไหน มาเร็วๆ สิ ลูกจะไม่รอดแล้วนะเฮ้ย เห็นมั้ยว่ามันพร้อมจะกินแล้วเนี่ย!

          ผมเอียงหน้าหนีเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ความหล่อของมึงทำอะไรกูไม่ได้นะบอกไว้เลย คนเดียวที่กูหวั่นไหวคือไอ้หมาบ้าเท่านั้น และมึงก็หล่อสู้ไอ้อาร์คไม่ได้เลยสักนิด เออ! ก็หล่อ แต่ไม่เข้าตา แถมเสือกเป็นโรคจิตอีก ไม่ไหวนะแบบนี้ ไม่น่าเข้าใกล้

          “คิดว่าหลบพ้นเหรอ กูลากมึงไปปล้ำตอนนี้ยังได้”

          ไม่ได้~

          ผมเหงื่อแตกหน้าซีด กลับบ้านไปกูทำบุญแน่ๆ ถ้าดวงมันจะซวยขนาดนี้ ผมมองซ้ายมองขวาหาทางหนีให้ตัวเอง สะบัดตัวแรงๆ แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนแข็งแรงนี้ได้ มันแรงเยอะมาก และพอผมดิ้นมากเข้าอีกฝ่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น เมื่อไม่มีทางเลือก ผมเลยต้องใช้วิธีสุดท้ายคือแหกปาก

          “พ่อ!!...ชะ…อื้อออ!!”

          เหี้ยยยยยยยยยยย~ จูบอีกแล้ว

          ตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด ไอ้บ้านี้แม่งฉวยโอกาสอีกแล้ว ในจังหวะที่ผมกำลังจะร้องเรียกนั้น มันก็กระแทกริมฝีปากลงมาปิดกั้นเสียง รัดร่างผมแทบจะจมหายเข้าไปในอก ขนผมลุกไปทั้งตัว ความรู้สึกขยะแขยงมันกลับมาอีกแล้ว

          “อื้ออๆๆ” ร้องอื้ออึงในลำคอ มือก็ทั้งทุบทั้งจิกเมื่อให้มันปล่อย ไอ้ห่านี่ก็ถึกเกินไป ไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย แล้วผมก็ต้องตกใจหนักกว่าเก่าเมื่อรับรู้ได้ถึงมือหนาที่เลื่อนลงไปที่ก้นผม! ผมตัวแข็งค้าง ถ้ากูช็อกรบกวนพากูส่งโรงพยาบาลด้วย

          พรึ่บ

          เมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออก ผมก็รีบสะบัดตัวหลุดแล้วถอยมายืนให้ไกลที่สุด จริงๆ อยากต่อยแม่งแรงๆ สักทีให้หายแค้น แต่คิดๆ ดูแล้ว ถ้าผมพลาดอีกเดี๋ยวได้เสียมากกว่านี้ เพราะงั้นถอยดีกว่า อีกฝ่ายก็ลูบริมฝีปากด้วยท่าทางเซ็กซี่ ดวงตาเป็นประกายวาววับถูกใจ

          แต่กูสลดใจ!

          และในขณะที่ผมกำลังยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น พ่อก็เดินออกมาพอดี ผมรีบวิ่งไปเกาะแขนพ่อไว้แน่นชนิดที่ว่าถ้าสิงได้ผมทำไปแล้ว พ่อมองหน้าตื่นๆ ของผมแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันไปที่ไอ้เหี้ยนั้น กำลังจะอ้าปากถามเลยด้วย

          “กลับกันเถอะพ่อ! เร็วๆ” ไม่รอให้พ่อได้เอ่ยถามอะไร รีบลากพ่อออกมาเลย ร่างสูงคนนั้นก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรเช่นกัน เพียงแค่มองตามด้วยแววตาที่ทำให้คนถูกมองร้อนๆ หนาวๆ

          ไม่เอา! ไม่รับรู้ กลับบ้านๆ!



………………………..



          ใช้เวลาเดินทางกลับมาบ้านกี่ชั่วโมงผมก็ไม่รู้ เพราะตลอดเวลาที่กลับผมใช้มันไปกับการนั่งผวา เหมือนโดนโรคจิตคุกคาม จริงๆ ก็ไม่เหมือนหรอกนะ มันใช่เลยต่างหาก!

          พ่อก็เป็นห่วง คอยถามตลอดว่าผมเป็นอะไร แต่เรื่องนี้ใครจะบ้าเล่าให้พ่อตัวเองฟัง แต่ถ้าเป็นปู่ก็ไม่แน่ ถึงผมจะคุยเล่นกับพ่อได้แบบดูสนิทสนม แต่จริงๆ ก็ไม่ได้สนิทใจอะไรขนาดนั้น กับปู่นู้นที่คุยได้ทุกเรื่อง แล้วยิ่งปู่รู้เรื่องไอ้กันแล้วด้วย เพราะงั้นผมไม่มีความลับอะไรกับปู่แล้ว

          “ไงมึง ไปเที่ยวมาสนุกมั้ย” ปู่ถามเมื่อผมเดินเข้ามาในบ้าน…ด้วยท่าทางอ่อนแรง ผมส่ายหน้าตอบเบาๆ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งแบบหมดแรง พ่อเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้อง ห้องของพ่อก็ไม่ได้เปิดใช้มานานแล้ว เดี๋ยวต้องเข้าไปทำความสะอาดสักหน่อย

          “มึงเป็นอะไรวิป เหมือนจะตายเลย”

          “ใช่เลยปู่ จะตายยย~”

          “ยังเศร้าอยู่อีกหรือไง” ปู่เหมือนถามเล่นๆ แต่ก็ทำให้ผมชะงักไปแวบหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องดีหรือเปล่าวะที่ไอ้บ้านั่นโผล่มาโรคจิตใส่ ทำให้ผมลืมเรื่องไอ้กันออกไปจากหัวเลย จากที่ต้องเศร้ากลายเป็นว่าตอนนี้ผมเฉยๆ แทนแล้ว แต่พอนึกถึงก็เหนื่อยใจ ผมถอนหายใจก่อนจะตอบปู่

          “ไม่หรอกปู่ แค่เหนื่อยๆ น่ะ”

          “ไม่คิดมากก็ดีแล้ว” แกว่ามาอย่างนั้นแล้วลุกเดินเข้าไปในครัว กลับออกมาพร้อมกับเอาน้ำมาให้ผม ปู่แม่งน่ารักตลอดเลย ผมยกดื่มหมดแก้ว แง่งงง~ รู้สึกร่างกายไร้กำลัง

          “พ่อออออ~ เดี๋ยวคืนนี้ผมนอนกับพ่อก่อนน่า พรุ่งนี้ค่อยทำความสะอาดห้อง” คุณพ่อที่รักที่เอาของขึ้นไปเก็บ พอลงมาก็ร้องเรียกพ่อตัวเองเสียงดัง ปู่ทำหน้าเอือม รับไม่ได้กับเสียงเล็กเสียงน้อยของลูกตนเอง ผมยิ้มนิดๆ แบบนี้ก็น่ารักดี ดูอบอุ่นขึ้นเยอะเลย

          “นี่วิป”

          “ว่าไงปู่”

          “มึงไม่อยู่เพื่อนมึงมาหาด้วยนะ”

          “เหรอ อืม ช่างเถอะ” คงเป็นไอ้นานามั้ง หลังจากคุยกันผมก็ปิดเครื่องหนีทุกอย่างเลยนี่น่า

          ปู่มองผมนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมก็ไม่ติดใจอะไร หยิบโทรศัพท์ที่ปิดตายมาหลายวันขึ้นมาดู ชั่งใจอยู่ว่าจะเปิดเครื่องเลยดีมั้ย หรือจะปล่อยไว้อย่างนี้ก่อนดี

          “เปิดเครื่องไปสิ เพื่อนมึงคงเป็นห่วงแย่แล้ว โทรเข้ามาที่บ้านถามหามึงตั้งหลายครั้ง” เมื่อเห็นผมตัดสินใจไม่ได้ปู่เลยเป็นคนตัดสินใจแทนให้ ผมนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเปิดเครื่อง

          และพอเปิดเครื่องปุ๊บ ผมก็ต้องพบกับเรื่องให้ประหลาดใจอีกแล้ว หลายข้อความเด้งเข้ามารัวๆ มีทั้งของไอ้นานา ของไอ้อาร์ค ข้อความที่บอกว่าพวกมันโทรเข้า แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ…

          …ไอ้กันโทรหาผมเป็นร้อยๆ สาย!

          ผมนั่งงง คืออะไรวะ ร้อยๆ สาย มันคืออะไร? มึงต้องการอะไรวะกัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มึงก็ไม่เคยแม้แต่จะโทรหากู กูโทรหายังไม่อยากรับสายกูอยู่เลย แล้วนี่อะไร มึงเพี้ยนเหรอ

          นั่งงงยังไม่ทันหายเลย โทรศัพท์ผมก็สั่นขึ้นมา ดูหน้าจอ ชื่อที่ขึ้นก็ทำเอางงหนักกว่าเดิม…ไอ้กัน มันโทรเข้ามา คงเป็นเพราะผมเปิดเครื่องแล้ว คงมีข้อความแจ้งเตือนไปที่มัน ดวงตาจ้องมองชื่อที่ขึ้นไปมือก็สั่นไปด้วย

          เอาไงดีวะ

          ลังเลอยู่เล็กๆ แต่ผมก็กดรับจนได้ ยกขึ้นมาแนบหูด้วยใจที่เต้นรัวๆ ทั้งที่บอกตัวเองว่าต้องตัดใจ ต้องหักห้ามใจไม่ให้ไปนึกถึง ไปคิดถึงมันอีก แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ยังเป็นคนที่ผมรักอยู่ดี เวลาสามวันมันทำใจไม่ได้หรอกนะ

          ผมเงียบ รอให้อีกฝ่ายพูดออกมาก่อน ซึ่งทางนู้นเองก็เงียบเหมือนกัน ผมบีบมือตัวเองแน่น กำลังคิดอยู่ว่าไอ้กันมันเผลอเอามือไปโดนหรือเปล่าเลยโทรหาผมแบบนี้

          [วิป…]

          เฮือก!!

          พอได้ยินเสียงเข้มที่ฟังดูต่างออกไปจากทุกทีที่ได้ยิน ผมก็เกิดอาการตกใจ ดึงโทรศัพท์ออกมาวางสายอย่างรวดเร็ว พอวางไปแล้วก็นิ่งไปแวบหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเอง

          กูวางทำไมวะ อะไรของกูวะเนี่ย

          แล้วมัน…โทรหาผมทำไมกัน

          คืนนั้นอะไรๆ ก็น่าจะเคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอ มันไม่กลับมา มันไม่อยากเจอผม เพราะงั้นก็ควรที่จะจบได้แล้วหรือเปล่า แต่ทำไมยังต้องโทรหากันอีก มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกหรือไง หรือจะขอโทษ อันนี้ไม่ต้องหรอก ขอโทษมากูก็ไม่หายเสียใจอยู่ดี

          “มึงเป็นอะไรของมึงวิป” ปู่ที่นั่งดูผมอยู่ตลอดก็ถามออกมา ผมหันไปมองก่อนจะส่ายหน้า ส่วนพ่อนั้นเข้าครัวไปหาอะไรกินแล้วเรียบร้อย ไม่งั้นคงได้สงสัยผมอีกคน

          “ผมกำลังสับสนอยู่ปู่ ขอเวลาแป๊บ”

          ไอ้บ้า~ นี่คิดหนักเลยนะเนี่ย อยู่ๆ มึงก็กลับมาทำให้กูคิดมากเรื่องของมึงอีกแล้ว มึงมันร้ายไอ้กัน! แล้วอย่างนี้จะให้กูตัดใจ เลิกชอบมึงแบบเด็ดขาดได้ยังไงเพราะมึงก็เป็นซะอย่างนี้

          และในขณะที่กำลังนั่งงงนั่งคิดมากอยู่นั้น ออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ผมหันขวับไปมองที่ประตูด้วยสายตาหวาดระแวง ทำไมเหมือนมีลางอะไรบอกว่าคนที่มานั้น…เป็นคนที่เพิ่งโทรหาผมเมื่อกี้นี้

          “วิป! อยู่หรือเปล่า!”

          นั่นไง ชัดเลยท่าน!

          อยู่ๆ ก็เกิดอาการหูอื้อขึ้นมาซะอย่างนั้น ไอบ้าเอ้ยบุกมาถึงบ้านทำไม เรามีอะไรติดค้างกันอีกหรือไง ผมมองประตูประหนึ่งกำลังกลัวว่าจะมีตัวอะไรโผล่เข้ามา ไม่รู้! ตอนนี้สมองไม่รับรู้อะไรแล้ว บ้าเหรอ มาทำไม

          “จะเอายังไง” ปู่ถามขึ้นเมื่อเห็นผมยังนั่งนิ่งไม่ขยัน ปู่นี่สมแล้วที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กๆ เดาได้ด้วยว่าผมน่าจะมีปัญหากับไอ้กันหลังจากที่กลับบ้านมาแล้วร้องไห้วันนั้น ผมชั่งใจคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยอมลุก เปิดประตูออกไปหา

          พอผมเปิดประตูออกไป ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูด้านนอกก็ชะงัก ส่วนผมเองก็ยืนค้างอยู่กับที่ไม่ได้เดินออกไปมากกว่านั้น มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ที่เด่นชัดที่สุดเลยคือสับสน
          ต้องการอะไรวะ

          “วิป…”

          เรียกทำไม จะพูดอะไรก็พูดดิ

          “กู…ขอโทษ”

          …

          นั่นไง สรุปเป็นอย่างที่คิดใช่มั้ย แค่จะมาขอโทษเฉยๆ เท่านั้น ผมก้มหน้ายิ้มเยาะให้กับตนเอง เมื่อกี้กูหวังอะไรอยู่หรือเปล่าวะ ทำไมรู้สึกผิดหวังหน่อยๆ แฮะ ผมถอนหายใจออกมา แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย โดยมีประตูรั้วที่สูงแค่อกกั้นเอาไว้

          “กัน”

          “วิป กูขอโทษจริงๆ วันนั้น…”

          “พอเหอะ! มึงไม่ต้องมาขอโทษกูหรอก ไม่ต้องมาถึงบ้านขนาดนี้ก็ได้ ไม่มาเจอเลยง่ายกว่า กูจะได้ทำใจได้ด้วย ยิ่งมึงมาหา ยิ่งเห็นหน้ามึงอย่างนี้ กูตัดใจไม่ได้นะ ถือว่ากูขอก็แล้วกัน ยังไงมึงก็ไม่อยากเจอหน้ากูอยู่แล้วหนิ” ผมร้องขออย่างเหนื่อยใจ มือที่แนบข้างตัวก็กำแน่น ห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา

          “มันไม่ใช่อย่างนั้นวิป ฟังกูก่อนได้มั้ยวะ” ร่างสูงส่ายหน้า ซึ่งผมเองก็ส่ายหน้ากลับเช่นกัน ไม่อยากฟังว่ะ รู้สึกเข็ดกับคืนนั้น

          “กูขอโทษที่กูกลับมาไม่ทัน ขอโทษที่ปล่อยให้มึงต้องรอ จริงๆ แล้วกู…”

          “เดี๋ยว” ผมยกมือห้าม ไอ้กันมันเล่นพูดพรวดๆ ออกมาแบบไม่ถามใจคนฟังเลยว่าพร้อมมั้ย แต่จากคำพูดทั้งหมดของมันที่พูดออกมา ทำให้ผมไม่กล้าที่จะฟังคำต่อไป เหมือนจะรู้ แต่ก็มีเถียงกับตัวเองในใจ และ…ไม่กล้าที่จะฟัง

          “กู…กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงจะบอกอะไร แต่ว่า…กูยืนยันคำเดิมที่บอกมึงไป ถ้ามึงไม่มีคำตอบ ถ้ามึงไม่กลับมา กูจะพอแล้ว ซึ่ง…พอแล้วล่ะ” พูดจบผมก็เชิดหน้ากะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แต่ก็ไม่สำเร็จ ร่างสูงมีสีหน้าไม่ดีนักเมื่อเห็นผมน้ำตาคลอ เฮอะ! รู้สึกช้าไปหรือเปล่าวะ

          “อย่าร้อง อย่าเพิ่งพอ…ได้มั้ย” มือหนายื่นผ่านรั้วเหล็กมากุมมือผมไว้ แน่นด้วย ผมจะดึงมือกลับอีกฝ่ายก็ไม่ยอม นั่นยิ่งทำให้น้ำตาผมทะลักออกมาหนักกว่าเดิม

          “วิป เงยหน้ามองกูหน่อย” ไอ้กันพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน กูตามมึงไม่ทันแล้วกัน ตกลงจะเอายังไงกับกูกันแน่ ต้องการอะไร

          “ฮึก…มึงต้องการอะไรกันแน่วะ”

          “ต้องการมึง”

          เหี้ย!

          ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตะลึงนิดๆ ไม่คิดว่าจะพูดออกมาตรงๆ อย่างนี้ ไม่นะ ผมไม่ได้รู้สึกดีใจหรือเสียใจ มันอึ้งๆ ซะมากกว่า ปนๆ ไปกับความคิดที่ว่าไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายพูดจริง

          “มึง…”

          “กูพูดจริงนะวิป”

          “ลูกพ่อ ใครมาหาน่ะ” ยังคุยอะไรกันไม่ทันเรียบร้อย พ่อที่เข้าไปหาของกินในครัวก็เดินออกมาหน้าบ้าน พร้อมกับแอปเปิ้ลในมือ ชะโงกหน้าไปมองไอ้กันที่ผมยืนบังไว้อยู่ก่อนจะขมวดคิ้ว

          “ใครน่ะ เพื่อนเราเหรอ”

          “เอ่อ…” ผมหันกลับไป จะบอกว่าเพื่อนมันก็ไม่เชิง และผมก็เพิ่งรู้ตัว ว่าไม่ควรหันกลับไปในเวลานี้ เพราะน้ำตายังคงนองเต็มหน้า ดวงตาแดงก่ำ พ่อชะงักไปทันที จากนั้นก็ก้าวเร็วๆ เข้ามาประชิดตัว

          “ร้องไห้ทำไมลูกพ่อ ใครทำอะไร!” ร้องถามเสียงร้อนรน มองสำรวจร่างกายว่าผมเจ็บตรงไหนหรือเปล่า แผลน่ะไม่เจอหรอก ไอ้ที่เจอน่ะ…คือมือผมที่ถูกไอ้กันจับไว้ไม่ยอมปล่อย พ่อชะงักไปเลย ผมนี่ตัวชาวูบ พ่อไม่รู้นี่หว่าว่ากูชอบผู้ชาย

          “เฮ้ยๆ ไอ้หนุ่ม จับมือทำไม ปล่อยเลยๆ” พ่อผู้หวงลูกก็โวยวายพร้อมกับตีมือไอ้กันยกใหญ่จนมันยอมปล่อย จากนั้นผมก็ดึงผมให้ออกห่างจากประตูรั้ว แล้วแทนที่ด้วยตัวเองที่ไปยืนประจันหน้ากับร่างสูง

          “แปลกๆ นะเนี่ยนะ มีจับมงจับมือ แถมวิปมันร้องไห้อีก อะไรกันเนี่ย” พ่อหรี่ตามองจับผิด ซึ่งทางนู้นก็ไม่หลุดอะไรให้จับได้หรอก นอกจากยืนนิ่งมองตรงมาที่ผมอย่างเดียว มึงข้ามหน้าข้ามตาพ่อสุดๆ เลย เขายืนหัวโด่วอยู่อย่างนั้นมึงไม่แลเลยสักนิด และเมื่อพ่อเห็นว่าไอ้กันมันมองข้ามก็เท้าเอวไม่สบอารมณ์

          พ่อครับ ตัวกระเปี๊ยกแบบนั้นอย่าไปหือกับมัน

          “กลับบ้านไปเลย” ไล่แล้ววุ้ย

          “ผมขอคุยกับวิปก่อนครับ” ไอ้ทางนั้นก็ไม่ยอม ไอ้ผมนี่หยุดร้องไห้ไปแล้ว เจอพ่อโผล่ออกมาที ผมหันกลับไปมองด้านหลัง ปู่ยืนมองเฉยๆ อยู่หน้าประตู คนนั้นผู้ซึ่งรู้ทุกอย่าง

          “ไม่คุย ไม่ให้คุย ทำวิปมันร้องไห้ใช่มั้ย เพราะงั้นไม่ให้คุย กลับบ้านๆ แยกย้าย” พ่อผมตีมึนไม่ยอมให้คุย สะบัดมือไล่ร่างสูงแล้วหันกลับมาฉุดผมให้เดินเข้ามา

          “วิป! เดี๋ยวก่อน”

          “ไม่เดี๋ยวเว้ย!”

          “วิป! คืนนั้นกูขอโทษที่กูกลับมาไม่ทัน กูมีธุระ รถแม่งก็ติด! กูพยายามกลับมาแล้ว และสิ่งที่กูอยากจะบอกมึงก็คือ…กูชอบมึง! กูชอบมึงเหมือนกันวิป ขอโทษที่กูรู้ตัวช้า!!” ไอ้กันตะโกนออกมา ผมหันไปมองตาโต มึงตะโกนอะไรเกรงใจคนแก่แถวนี้บ้าง เดี๋ยวเขาช็อกหัวใจวายขึ้นมาทำไง

          พ่อที่รักถึงกับเบรกเอี๊ยดเมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้กันตะโกนมา ควันออกหู หันกลับไปทำหน้ายักษ์ใส่อีกฝ่าย อาการหวงลูกกำเริบ

          “ไม่ต้องมาชอบ! ไม่อนุญาตเว้ย! กลับบ้านไปซะ อย่ามาให้เห็นหน้าอีกนะ เอ๊ะ! ไล่แล้วยังไม่ไปอีก” พ่อทั้งแยกเขี้ยวทั้งทำหน้าโหดไล่ แต่ไอ้กันก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด ผมยืนอึ้ง คือ…กูควรจะดีใจดีมั้ยมึงมาบอกกูเอาตอนนี้ ตอนที่กูคิดจะตัดใจไปแล้ว

          ผมไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป หันหน้าหนีหลบตาไม่ยอมสบ แต่รับรู้ได้ว่าร่างหนามีท่าทีร้อนรนเมื่อผมไม่ยอมตอบรับอะไรกลับไป อาการแบบนี้ไม่เคยเจอจากไอ้กันมาก่อนเลย

          “เข้าบ้านเลยลูกพ่อ!” เมื่อไล่ด้านนู้นไม่สำเร็จ พ่อก็หันมาลากผมเข้าบ้านแทน ผม ณ ตอนนี้ที่ไม่รู้จะตอบอะไรว่าอย่างไรดีก็ยอมเดินเข้าบ้านอย่างว่าง่าย

          “วิป! เดี๋ยวกูโทรหานะ รับสายกูด้วย” ไอ้กันตะโกนมาอีกครั้ง พอดีกับที่พ่อลากผมเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตู จากนั้นก็ยืนเท้าเอวขวางหน้าประตู

          “พ่อจะบ้า! ลูกพ่อมีหนุ่มมาเกี้ยวพาราสี!”






_____________________________________________





หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 25-06-2016 19:52:54
กว่าจะยอมรับ ก็สายไปเสียแล้ว งั้นเลย
พ่อกีดกันเยอะๆเลย เอาให้กันกันหงอยไปเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 25-06-2016 20:17:15
 :katai1:
เดะแม่ตบกันให้เองลูกวิป  ลูกต้องเล่นตัว!  อย่ายอมมันง่ายๆ   :hao3:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-06-2016 22:10:23
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 26-06-2016 20:11:34
 :m15: วิปเป็นคนตลก แต่ทำไมเราร้องให้ประหนึ่งอ่านนิยายดรามาละ ปวดหัวไปหมดละ

ไอ้คนที่โรคจิตลวนลามวิปอ่ะขอให้พี่แกได้กะพี่พลุไปเลยน่ะ 5555นึกภาพคงมันน่าดู คู่โหดคู่หื่น
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 27-06-2016 21:26:43
รู้ใจตัวเองสักทีนะกันๆ
แต่ว่าคุณพ่อโหดๆเลยค่ะ นายกันรี่แหละทำลูกรักคุณะอต้องไห้
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: since92 ที่ 30-06-2016 10:44:02
โง้ยยยยยยยย กำลังจะดีขึ้นละเชียว
พ่อต้องยอมให้เค้ารักกันน้าาา อุส่าห์ได้พูดละอะเกือบจะดีแล้ว
ฮื่ออลุ้นจนไม่รู้จะลุ้นยังไงละอะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 30-06-2016 21:56:49
5555 มีเรื่องให้ขำตลอดดดเลย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-07-2016 13:38:21
เจอด่านพ่อซะแล้ว
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 23] [25 - 6 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 03-07-2016 13:51:16
อุ..
เรื่องนี้พระเอกเปลี่ยนตัวได้ชิมิเคอะ
ชอบคนเถื่อน
ยังไม่ทันรู้จักก็จับจูบแล้ว
พิศาลมากๆ
555555555555
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 03-07-2016 16:46:03




ตอนที่ 24



 
 
          พ่อผมทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ออกอาการรับไม่ได้แบบสุดๆ ผมก็หนักใจอยู่นิดหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กลัวเหมือนคราวของปู่ แค่รู้สึกหนักใจเล็กๆ เท่านั้น

          “พ่ออย่าเว่อร์น่า”

          “เว่อร์เหรอ! ไม่นะลูกรัก พ่อรับไม่ได้อย่างรุนแรงเลยนะเออ นี่ถ้าอยู่ป่าพ่อวิ่งไปร้องไห้ที่ลำธารแล้วนะ” พ่อเอามือทาบอก เล่นใหญ่ได้อีก ผมเกาหัวไม่รู้จะพูดยังไงให้พ่อเข้าใจดี ไม่เห็นเหมือนปู่เลย รายนั้นเข้าใจง่ายมาก แถมไม่มีห้ามด้วย ถึงจะบอกว่าไม่ชอบเหมือนกันก็เถอะ

          “มันก็…ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่น่า” ผมบ่นอุบอิบ

          “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ ไม่ๆ พ่อสะเทือนใจ นี่พ่อ! พ่อดูหลานของพ่อสิ เอาใหญ่แล้ว จับมือถือแขนกับผู้ชายหน้าบ้านเลยนะพ่อ ดูมันทำสิ” เมื่อบ่นผมแล้วผมดูไม่สำนึก ก็หันไปหาแนวร่วม ทำสีหน้าเจ็บปวดใส่คนเป็นพ่อ ปู่แกถอนหายใจแล้วมองไปทางอื่นเหมือนไม่รับรู้

          “หลานกูอะไร ลูกมึงหรอก”

          “เหรอ”

          “เออ”

          “เออ นั่นแหละ ลูกผมนี่แหละ ดูมันสิพ่อ ไม่ได้การละ แบบนี้ต้องคุมเข้มหน่อยแล้ว ใจพ่อแกว่งเลยเนี่ย” พ่อเล่นใหญ่ไปอีก มือกุมขมับแล้วดึงออกมาโบกพัดใบหน้า ผมถอนหายใจ อย่างนี้ควรคิดมากเรื่องไหนก่อนดี เรื่องที่ไอ้กันเพิ่งตะโกนบอกชอบเมื่อกี้ หรือเครียดเรื่องพ่อก่อน

          “มึงไม่กลับหรือไง”

          “ยัง ยังกลับไม่ได้ น้ำเชื้อมันไม่รักดี” พูดพร้อมตวัดสายตางอนๆ มาทางผม เออนะ กูกลายเป็นน้ำเชื้อไปแล้ว นี่โตขนาดนี้ไม่เรียกน้ำเชื้อแล้วปะ แล้ว…ไม่กลับด้วย

          “ไม่ดีมั้งพ่อ พ่อไม่ชินกับการอยู่ที่บ้านหนิ” โน้มน้าวให้พ่อกลับไปซะ เพราะเห็นแววมาไกลๆ แล้วว่าถ้าพ่ออยู่ เรื่องมันจะวุ่นวายแล้วยากขึ้นอีกหลายเท่า เพราะดูสีหน้านั่นสิ จริงจังมาก ดูรับไม่ได้ที่ผมชอบผู้ชาย

          แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือนโกรธ

          “ไม่เป็นไร พ่อจะทำใจให้ชิน พ่อจะอยู่ยาว” เชิดหน้าจริงจังแล้วเดินมาประชิดตัวผม จ้องลึกเข้ามาในดวงตา รู้สึกเหมือนโดนกดดันอยู่เลยว่ะอย่างนี้

          “บอกพ่อมา เราคิดอะไรกับไอ้หนุ่มนั่นหรือเปล่า” ชี้หน้าคาดคั้น แหม อยากจะบอกจริงๆ ไม่ใช่แค่คิดเถอะ ลูกพ่อน่ะไปตามจีบเขาเองเลยด้วยซ้ำ ถ้าบอกออกไปพ่อจะหัวใจวายมั้ยอันนี้น่าคิด

          “เอาความจริงเลยนะพ่อ”

          “จริงจังเลยลูก”

          “ผมรักมัน ไอ้วันนั้นที่พ่อเห็นผมร้องไห้ก็เพราะมันอีกนั่นแหละ” สารภาพออกไปซะจะได้ไม่รู้สึกติดค้างอะไรในใจ พ่ออ้าปากค้างตาเบิกกว้าง ผมล่ะเริ่มเอือมละกับไอ้ท่าทางเยอะๆ ของพ่อเนี่ย

          “พ่ออออ~ หลานพ่อมันไม่รักดี~”

          “อะไร ไม่ใช่หลานกู”

          ผมหน้างอ ปู่ง่ะ อีกครั้งจะงอนแล้วนะ บอกไม่ใช่หลานอยู่นั่นแหละ

          “ไม่มีอะไรแล้ว ผมขึ้นไปอาบน้ำนะ ง่วงนอนด้วย” หาทางชิ่งก่อนดีกว่า แล้วก็ไม่รอให้ใครอนุญาต ผมอนุญาตตัวเองเลย เดินหนีขึ้นมาข้างบน แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงตะโกนดังตามหลังขึ้นมา

          “วิป! ถ้าไอ้หนุ่มนั่นโทรมาห้ามรับนะ ห้ามคุยกับมันนะ เข้าใจมั้ย! ตัดสายตัดเยื้อใยไปเลย!”

          ไม่รู้ ขอคิดดูก่อนนะพ่อ

          ผมเข้าไปอาบน้ำอย่างที่บอก กลับเข้ามาในห้องก็จัดการล็อกประตูด้วยทั้งๆ ที่ไม่เคยล็อกมาก่อน ป้องกันพ่อเปิดพรวดเข้ามา ปกติผมไม่ได้ล็อกปู่ก็ไม่เคยเปิดเข้ามาก่อนนะ จะเคาะตลอด ปู่น่ารัก~

          ผมนั่งลงบนเตียง เอาโทรศัพท์มาวางไว้ตรงหน้า ถึงจะคิดว่าไม่ได้รอสายจากใคร แต่การกระทำก็สวนทาง หยิบมาวางไว้งี้ นั่งจ้องโทรศัพท์ไปแล้วก็ถอนหายใจ สับสนว่ะ แล้วผมควรทำยังไงต่อไปดี ในคืนนั้นก็หวังให้ได้คำตอบอย่างที่มันตะโกนบอกผมเมื่อกี้ แต่ตอนนี้พอได้รับจริงๆ แล้วกลับทำตัวไม่ถูก

          และมันหมดหวังไปแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะได้แล้วด้วย

          Rrrrrrrr

          พรึ่บ!

          เหี้ย…ไม่ใช่

          “ฮัลโหล ว่าไงมึง” ผมรับสายไอ้นานาด้วยเสียงผิดหวังเล็กๆ ไอ้บ้าเอ้ย! มึงเป็นอะไรของมึงวิป มึงควรที่จะเลิกนึกถึงไอ้หมาบ้านั่นได้แล้ว แค่มันมาบอกว่าชอบมึงเหมือนกัน ไอ้เรื่องก่อนหน้านี้ก็จะลืมเลยงั้นเหรอ ใจง่าย!

          [มึงหายหัวไปโดยไม่บอกกู ไอ้ห่าราก! เห็นกูเป็นเพื่อนมั้ย] แทนที่จะทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส หรือถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ไม่มีหรอก เจ๊แกตะคอกถามเสียงโหดมาตามสาย อยากบอกคนสวยเหลือเกิน ไม่เคยมองเป็นเพื่อนอะ ทุกวันนี้มึงดูเหมือนแม่กูเข้าไปทุกที แถมดุเหมือนกันด้วย

          “กูขอโทษ กูแค่อยากอยู่เงียบๆ”

          [ป่าช้ามั้ยไอ้ห่า จะได้เงียบสมใจ]

          กัดกูทำไมเนี่ย

          [แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ โทรเข้าไปที่บ้านเห็นปู่มึงบอกว่ามึงไปเที่ยวกับพ่อ แต่ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้กูไม่ได้บอกไอ้กันนะ] แน่ะ มีพูดดักไว้ก่อนด้วย

          “ก็ไปเที่ยวแหละ พ่อกลับมาเห็นกูร้องไห้พอดี เลยอยากทำให้รู้สึกดีขึ้น ก็เลยพาไปเที่ยว แต่เป็นการเที่ยวที่กูไม่ประทับใจเท่าไหร่ ช่างแม่งเหอะ อย่าไปพูดถึง” นึกถึงแล้วความขยะแขยงยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก

          [เหรอ เออ ไม่อยากพูดถึงก็ช่าง แล้วนี่มึงอยู่ไหนล่ะ]

          “อยู่บ้าน กูกลับมาแล้ว กลับมาวันนี้นี่แหละ”

          [กูก็นึกว่ามึงจะช้ำใจไม่กลับมาแล้วซะอีก หนีไปแล้วงี้] ไอ้นานาพูดด้วยน้ำเสียงติดจะขำ ผมย่นจมูกใส่คนปลายสาย หนีบ้านมึงดิ เสียใจก็จริงแต่ไม่จำเป็นต้องหนีเปล่าวะ

          “เรื่องแค่นี้กูต้องหนีด้วยเหรอวะ ใช่เรื่อง! กูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องหนีเลย แค่เสียใจนะเว้ย ไม่ได้ฆ่าคนตาย” ผมบอกกลับแบบขำๆ แล้วนอนแผ่ไปกับเตียง ไอ้นานาโทรมาก็ดีแล้ว งั้นก็ปรึกษามันเลยแล้วกันเรื่องไอ้หมาบ้าเมื่อกี้

          “แต่มึง…เมื่อกี้อยู่ๆ ไอ้กันก็โผล่มาหากูที่บ้าน แล้วตะโกนบอกชอบกู ทั้งปู่และพ่อได้ยินหม๊ด! กูงงมันมากเลยมึง ก่อนหน้านี้ที่กูปิดเครื่องมันก็โทรหากูเป็นร้อยๆ สาย เหมือนคอยกดโทรออกอยู่ตลอด” ไม่ได้มโน แต่มันคือความน่าจะเป็น

          [อืม ตอนมึงไปมันก็โผล่มาหากูถึงบ้านเหมือนกัน ถามหามึงใหญ่ กูก็ซัดหน้ามันไปที หมั่นไส้] เจ๊แกใส่อารมณ์ในน้ำเสียงเต็มขั้น ผมอมยิ้มนิดๆ รู้สึกดีแฮะ ที่มันทำไปอย่างนั้นก็เพราะผมล้วนๆ น่ารักมากเลยนานา~

          “แล้ว…กูควรทำยังไงต่อดีวะ”

          [อยากทำอะไรก็ทำ เข็ดแล้วไม่เอาอีกแล้วก็บอกมันไปตรงๆ เลย ด่าแหกเหมือนตอนที่มันไล่มึงอะ ทำอย่างนั้นกลับไปเลย เท่าเทียม แต่ถ้ามึงยังชอบมันอยู่ ยังโอเค ให้อภัยกับเรื่องที่มันทำได้ ก็คบกันไปซะ] ผมนั่งบิด เขินกับคำว่าคบกันไปซะของไอ้นานา ไอ้บ้าเอ้ยยยยย!! เขินนะเนี่ย~

          “แต่ไม่มันง่ายอะดิ ปู่อะรับได้ แต่พ่อกูเล่นใหญ่มาก เมื่อกี้ก็ไล่ไอ้กันยกใหญ่” เล่าแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก

          [ไม่รู้ เคลียร์เอง]

          อ้าว หอยหลอด!

          ติ๊ด ติ๊ด!

          กำลังคุยๆ อยู่ โทรศัพท์ก็มีเสียงดังแทรกขึ้นมา ผมดึงออกมาดูแล้วก็ตาโต ไอ้กันโทรมา! เอาไงดี รับดีมั้ย แล้วถ้ารับแล้วจะพูดอะไรก่อนล่ะ

          “มึงๆ ไอ้กันโทรมา!!”

          [ตกใจทำไม จะรับมั้ยล่ะ ไม่รับก็คุยกับกูนี่แหละ] ไอ้ทางนี้ก็ไม่อินกับผมด้วยเลย ผมชั่งใจ สองจิตสองใจเลือกไม่ถูก อยากคุยก็อยาก แต่มันก็ตงิดในใจเล็กๆ

          ผมนั่งเงียบตกลงกับตัวเองไม่ได้ จนสายทางนู้นตัดไป ใจก็วูบไปเล็กน้อย แต่พอมันโทรกลับเข้ามาอีกที แหม…กูนี่หล่อเลย ดูเป็นการเล่นตัวเล็กๆ ไม่ยอมรับสายในทันทีอย่างนี้ ดูหล่ออะ ใช้ได้

          [เอาไงเฮ้ย นั่งเงียบเลย]

          “เดี๋ยวกูโทรไปหาแล้วกัน”

          [ห่า เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน กูออกจะสวย เป็นอะไรกันไปหมด จับไอ้ตองทำผัวแม่งเลยดีมั้ยวะ ขี้กลัวคุมง่ายดี] นานาบ่นออกมา ผมเริ่มกลัวความคิดไอ้นาละ รู้อยู่หรอกว่ามันพูดเล่น แต่ถ้าเกิดเอาจริงขึ้นมานี่มันไม่น่าดูเลยนะ สงสารไอ้ตองขึ้นมาทันทีเลย

          ผมวางสายจากไอ้นาแล้วกดรับสายไอ้กัน โดยที่ไม่ได้พูดอะไรลงไป ทางนู้นก็เงียบกลับมาเช่นกัน ผมกรอกตานิดหน่อย โทรเข้ามามึงก็ควรเป็นฝ่ายพูดเปล่าวะ จะเงียบฟังเสียงลมหายใจอยู่แบบนี้ใช่มั้ย

          [วิป…]

          “อะไร”

          [ที่กูบอกมึงไปเมื่อกี้ มึงเข้าใจใช่มั้ย]

          “ไม่เข้าใจหรอก”

          [วิป] ปลายสายกดเสียงเข้มกลับมา เหมือนจะบอกว่าอย่ามาเล่นนะ เฮอะ! กูไม่ได้เล่นสักหน่อย กูไม่เข้าใจอย่างที่พูดไปนั่นแหละ อยู่ๆ ก็มาตะโกนบอกแบบนั้น ใครจะไปเข้าใจวะ อธิบายน่ะเป็นมั้ย ก็รู้ว่าไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเงียบแบบนี้ก็ไม่ต้องได้กูหรอก อยากได้ไม่ใช่เหรอ

          “กูรู้แค่ว่า…มึงไม่มีคำตอบให้กูในวันนั้น และมึงไม่ยอมกลับมา”

          [กูบอกแล้วไงว่ากูกลับไม่ทัน กูขอโทษ] นี่ใช่ไอ้กันตัวจริงเปล่าวะ ขอโทษง่ายไปมั้ย ได้ยินคำขอโทษจากมันหลายคำแล้วนะ

          “มีอะไรจะพูดอีกมั้ย” ผมถามเสียงแข็งกลับไป แต่ทางนู้นไม่มีทางได้เห็นหรอกว่าตอนนี้ผมกำลังกลั้นยิ้มสุดฤทธิ์ ไอ้บ้าเอ้ย! เพิ่งเคยเป็นครั้งแรก ที่ผมอยู่เหนือไอ้กัน รู้สึกสะใจแปลกๆ

          [กูชอบมึง]

          เอิ่มมม…

          [จริงๆ นะ] มีย้ำด้วยเว้ย!

          “แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่ากูตัดใจจากมึงไปแล้วน่ะ”

          [ไอ้วิป!] อีกฝ่ายขึ้นเสียงกลับมา ผมเบะปากใส่ปลายสาย เฮอะ! แค่ผมพูดแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ มึงไม่มีความอดทนเอาซะเลย กูโดนมึงพูดใส่มากกว่านี้อีกนะ เกิดอาการหมั่นไส้

          “แค่กูพูดแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ไม่พอใจ ขึ้นเสียงใส่กูอีก”

          [ขอโทษ…] น่ารัก~ พอผมดุกลับไปก็ขอโทษกลับมาเสียงอ่อย ผมล่ะอยากเห็นหน้าไอ้กันตอนนี้จริงๆ อยากรู้ว่ามันกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ จะน่ารักขนาดไหน ผมเกร็งปากกลั้นยิ้มจนตะคริวจะกินอยู่แล้ว

          “กูให้เวลามึงพูดแค่สามนาที อยากพูดอะไร อยากอธิบายอะไรก็พูดออกมา หลังจากนี้จะเอายังไงต่อเดี๋ยวกูคิดเอง” ผมเชิดหน้าขึ้น ถึงเวลาที่กูจะอยู่เหนือมึงแล้วกันๆ หมดยุคของมึงแล้วครับ ร่างสูงเงียบไปนิดเหมือนกำลังคิดหาคำพูด หรือไม่ก็กำลังกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิดอยู่

          [กูบอกมึงไปหมดแล้ววิป]

          “เหรอ แค่นี้ใช่มั้ย”

          [วิป…]

          “ไม่อยากพูดก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้ามาพูดในตอนที่กูไม่อยากฟังแล้ว อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ” อยู่เหนืออออ~ เป็นไงล่ะ โคตรหล่อเลย ปลายสายเงียบไป ขี้เก๊กก็ต้องเจอแบบนี้ อยากฟอร์มจัดดีนัก

          […]

          “ไม่มีอะไรก็แค่นี้…”

          [เออ! กูพูดแล้ว กูชอบมึง! กูขอโทษที่กูแม่งรู้ตัวช้า ขอโทษที่กูฟอร์มเยอะ กูมันปากแข็ง กูขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่างเลย วันนั้นกูตั้งใจจะกลับมาให้ทันแล้ว รู้มั้ยพอกูวิ่งมาหามึงที่บ้านแต่ปู่มึงบอกว่ามึงไปกับพ่อแล้วกูรู้สึกแย่แค่ไหน อย่าหายไปอีกนะ มึงชอบมาหากูไม่ใช่เหรอวิป มึงบอกเองว่าอยากอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้…กูก็อยากอยู่ใกล้ๆ มึงเหมือนกัน]

          ร่างสูงร่ายยาวอย่างกลัวว่าผมจะตัดสายทิ้ง ทุกคำของมันทำเอาผมนั่งบิดตัวด้วยความเขิน ไอ้บ้าเอ้ย! สารภาพออกมาหมดเลยไม่มีเหลือ ฟอร์มที่เคยรักษาไว้ก็พังทลายหมด ผมยิ้มปากแทบฉีก

          “ชอบจริงเหรอ”

          [เออ!] ขึ้นเสียงด้วยวุ้ย สงสัยเขิน

          “เอออะไร พูดเพราะๆ ดิ๊” โอ๊ยผมสนุกว่ะ การอยู่เหนือใครสักคนมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ นะ แล้วยิ่งไอ้คนนั้นคือคนที่ฟอร์มจัดขี้หงุดหงิดแบบนี้ด้วย สนุกว่ะ

          [ไอ้วิป!] ทางนู้นกดเสียงโหดใส่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงไม่กล้าเล่นต่อ แต่ในตอนนี้…ผมคิดว่ามันต้องง้อผมว่ะ เพราะงั้นความกลัวเลยไม่อยู่ในหัวผมเลยแม้แต่น้อย

          “แค่นี้นะ”

          [เดี๋ยวๆ…ชอบครับ ชอบมากด้วย]

          “หึๆ”

          [ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ]

          “แน่นอน”

          ก๊อกๆๆ!

          “ลูกพ่อ เปิดประตูหน่อยเร็ว” เสียงเคาะประตูดังขัดความสุข ผมหันไปที่ประตูด้วยความตกใจ ดีนะที่ล็อกไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นพ่อได้เปิดพรวดเข้ามาแน่ แล้วอาจจะได้เจอฉากเด็ด ลูกชายนั่งเขินกับคำพูดของคนในสาย

          “มึง พ่อกูมา”

          [แล้วยังไง] ไอ้นี่ก็เข้าใจอะไรยากแท้

          “ก็ต้องวางไง พ่อกูสั่งห้ามไม่ให้คุยกับมึง ไม่ให้รับโทรศัพท์ ต้องตัดขาดกันไปเลย” ผมไม่ได้โกหกนะ ทั้งหมดนั่นพ่อเป็นคนพูดเองเลยด้วย

          [มึงไม่ทำแบบนั้นหรอกใช่มั้ย]

          “คิดดูก่อน”

          [ไอ้วิป!]

          “แค่นี้แหละ” ผมทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นแล้ววางสาย ก่อนจะเด้งตัวลุกจากเตียงไปเปิดประตู พ่อหรี่ตามองจับผิดที่ผมลุกมาเปิดช้า ก่อนจะสอดส่องมองเข้ามาในห้องเหมือนกลัวว่าผมจะซ่อนใครไว้ แหม…ก็คิดได้เนอะ

          “มีอะไรพ่อ”

          “คืองี้ คิดๆ ดูแล้วพ่อก็ไม่ได้กลับมาซะนาน ลูกอาจจะคิดถึง แล้วพ่อก็คิดถึงลูกเหมือนกัน เพราะงั้น…พ่อเลยตัดสินใจมานอนกับเราแทน ห้องพ่อก็ปล่อยให้ฝุ่นมันอยู่ต่อไปเนอะ” พูดรัวๆ ออกมาเสร็จก็แทรกตัวเข้ามาในห้อง ผมยืนเหวอ เฮ้ยเดี๋ยวพ่อ ใครอนุญาตกัน

          “ได้ไงล่ะพ่อ”

          “ได้สิ ด้วยความคิดถึงเลย” พ่อเดินไปนั่งที่เตียงแล้วหันมาทำตาใสซื่อใส่ ขอบอกว่ามันไม่ได้ผลหรอกนะ แล้วคิดถึงอะไร จะมาจับผิดผมซะมากกว่า แบบนี้มันเรียกคุมทุกวินาทีเลยนี่หว่า จะบ้าตาย

          “ไม่เอาแบบนี้ดิ” ผมหน้างอ พ่อนี่เร้าหรือว่ะ อะไรจะเยอะขนาดนี้

          “เออ ไม่เอาแบบนี้ดิ มึงอย่าไปกวนลูกมัน มันต้องเรียนต้องอ่านหนังสือ มีมึงมานอนด้วยมันไม่สะดวกซะเปล่าๆ” นี่ไง ทัพเสริมของผมมาแล้ว ปู่เดินขึ้นบันไดมาได้ยินเข้าพอดี ก็ออกตัวพูดช่วยผม พ่อแกหน้างอใส่ปู่ โด่ว~ คิดว่าตัวเองเป็นเด็กหรือไงหืมมม

          “แต่ผมคิดถึงลูกไง”

          “กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน ออกมา เร็วๆ ไม่งั้นกูไม่ให้นอนนะ”

          “นอนกับวิปก็ได้นี่ไง”

          “ไม่ให้นอนบ้านกู ไปหาที่ซุกหัวนอนที่อื่น” เด็ดขาด! นี่สิคนจริง

          พ่อทำหน้าไม่พอใจ มองผมเหมือนจะขอความเห็นใจ ผมแกล้งเมิน ตอนนี้ไม่เห็นใจอะไรทั้งนั้น เห็นใจตัวเองมากกว่า พอพ่อไม่มีทางเลือกก็เลยยอมเดินออกไปแต่โดยดี ผมยิ้มหวานขอบคุณปู่ที่ช่วย นี่ไงน่ารักตลอด ปู่ส่ายหน้าหน่ายๆ แล้วเดินตามออกไป เท่านี้ห้องผมก็สงบแล้ว

          ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพ่อนอนด้วยจะวุ่นขนาดไหน


…………………………..



          เช้า

          Rrrrrr

          เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดการนอนอันสุขสันต์ ผมงัวเงียลืมตามองหา ยื่นมือไปหยิบมารับโดยไม่ดูชื่อคนโทรเข้า กรอกเสียงลงไปแบบง่วงสุดๆ

          “ฮัลโหล ต้องการนอน~”

          [ยังไม่ตื่นอีกเหรอ]

          “ยางงง~”

          [กูไปหานะ]

          หืม

          พอบอกว่ากูไปหานะผมก็หยุดคิด ไปหา? ใครวะ? ดึงโทรศัพท์ออกมาดูชื่อแล้วก็ตกใจ ไอ้บ้าเอ้ย! ไอ้กันโทรมาแต่เช้าเลย ปล่อยให้กูนอนฝันหวานก่อนไม่ได้หรือไง แต่เอาเถอะ มึงโทรมาก็ฝันหวานสำหรับกูเหมือนกัน

          ความง่วงปลิวหายไปทันที ผมนอนยิ้มกว้าง รู้สึกดีแฮะเมื่ออีกฝ่ายออกปากเองเลยว่าจะมาหา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่อยากจะเจอกันเลย ดูตอนนี้…เห็นมั้ย ลดฟอร์มลงไปอะไรๆ ก็ดีขึ้น แต่ว่านะ…

          “มาไม่ได้! มาพ่อกูก็ไล่มึงอีกนั่นแหละ”

          [อยากเจอ]

          เหี้ยยยยย~ ส่งไอ้กันคนเดิมคืนมานะ! แม่ง! ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายนั้นพูดตรงๆ สั้นๆ ได้ใจความ แต่พอมาเป็นคำพวกนี้แล้วมัน…จั๊กจี้หัวใจดีแท้ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ ยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้วไอ้บ้า~

          “ขอร้องกูดิ แล้วกูจะไปหา”

          [นี่มึงเอาคืนกูอยู่ใช่มั้ย] ไอ้กันถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ เหมือนกับว่ามันกำลังทำใจเตรียมพร้อมที่จะโดนเอาคืน ผมยิ้มขำ จริงๆ ก็ไม่ถึงกับเอาคืนหรอก ผมไม่อยากให้มันรู้สึกไม่ดี เพียงแค่แกล้งเล่นนิดๆ หน่อยๆ เอง อยากเห็นอีกฝ่ายทำตัวน่ารักเฉยๆ คงไม่แกล้งแรงไปมากกว่านี้แล้วล่ะ

          “เร็วๆ ไม่งั้นจะนอนต่อแล้วนะ”

          [ก็ได้…วิป มาหาหน่อย อยากเจอ] น้ำเสียงไม่แข็งอย่างทุกทีแต่ก็ยังไม่มีความนุ่มนวลเท่าไหร่ หึๆ จริงๆ เสียงก็อ่อนลงมากแล้วจากแบบเดิม แต่ผมยังไม่พอใจเลย

          “พูดเพราะๆ ด้วย เดี๋ยวไปหาเดี๋ยวนี้เลย”

          [วิปครับ คิดถึง มาหาหน่อยนะครับ]

          ไปเดี๋ยวนี้แหละจ้า~

          ผมรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เช้าตรู่แบบนี้พ่อยังไม่ตื่นหรอก แต่ปู่น่ะตื่นแล้วเรียบร้อย ได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากข้างล่าง น่าจะเป็นปู่ลงไปหาอะไรกิน ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็คว้าโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์วิ่งลงมาข้างล่าง ฉีกยิ้มอารมณ์ดี แล้วก็ต้องเบรกตัวแทบไม่ทันเมื่อลงมาปุ๊บก็เจอพ่อนั่งอยู่กับปู่

          “หือ? ตื่นเช้าจังเลยลูกพ่อ”

          เออนะ! นั่นสิ ลืมไปได้อย่างไรว่าพ่อเนี่ยอยู่ในหมู่บ้านในป่า เช้าๆ ก็มีอะไรให้ทำเยอะแยะ คงไม่นอนกินบ้านกินเมืองหรอก แถมพ่อยังสอนหนังสือเด็กที่นั่นอีกด้วย จะตื่นเช้าก็ไม่แปลก ลืมไปเลย

          “ครับ ไปนะ” ชิ่งเลยดีกว่า

          “จะไปไหนน่ะ”

          “ไปไหนก็ได้ โตแล้ว” คำตอบเสี่ยงโดนเตะฉิบหายเลย พ่อทำหน้าตกใจเมื่อผมตอบไปแบบนั้น ผมเลยรีบกลบเกลื่อนด้วยการยิ้มเหมือนล้อเล่น

          “จะไปหาอะไรกินน่ะพ่อ”

          “ที่บ้านก็มีนะลูก อยากกินอะไรพ่อผมทำให้ได้นะ” แน่ะ มีการเอาใจ ผมเดาไม่ได้ว่าพ่อรู้ตัวแล้วหรือเปล่าว่าผมจะออกไปหาไอ้กัน มองหน้ากันยั่งเชิงอยู่ครู่หนึ่งผมก็ยิ้มประจบ

          “เบื่อแล้วอะพ่อ อยากออกไปเดินดูเองมากกว่า นี่กะว่าจะซื้อขนมมาฝากพ่อด้วยนะ ขนมแถวนี้อร่อยมาก พ่อคงลืมไปหมดแล้วแน่ๆ” ผมชี้นิ้วด้วยท่าทางขี้เล่น พ่อนั้นพอผมบอกว่าจะซื้อขนมมาฝาก ไอ้ท่าทีจับผิดนั่นก็ปลิวหายไปทันที ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ลูกชายจะซื้อขนมให้

          “น่ารักจริงๆ เลย เดี๋ยวพ่อจะรอนะ”

          “ค้าบบบ~” ฮี่ๆ เรียบร้อย ปู่ส่ายหน้าให้กับผมจากนั้นก็โบกมือไล่ ดูจากสีหน้าเอือมๆ อย่างนั้นแล้วปู่น่าจะรู้ว่าผมจะไปไหน รู้ว่าไม่ได้ไปหาอะไรกินหรอก

          เมื่อผ่านด่านที่บ้านมาได้แล้วผมก็เดินลั้นลาอารมณ์ดีมาที่บ้านของไอ้หมาบ้า ซึ่งมาคราวนี้นั้นต่างออกไปจากทุกที ทุกทีจะเป็นลุงชมที่เป็นคนเปิดประตูให้ แต่คราวนี้กลับเป็นไอ้กันที่ออกมายืนรอผมที่หน้าบ้าน ผมรีบปั้นหน้าหุบยิ้มเดินหน้านิ่งเข้าไปตรงหน้าร่างสูง

          หมับ

          “อื้อ!”

          “ไอ้ลูกหมา ได้ทีมึงเอาใหญ่เลยนะ สนุกมากมั้ย” ไอ้กันถามเสียงเหี้ยม พอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ามันปุ๊บ มือหนาก็ยื่นออกมาบีบแก้มผมจนปากจู๋ มันไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่มือของมันก็หนักอยู่เหมือนกัน ก้มหน้าลงมาถามใกล้ๆ ดวงตาดุนั่นเป็นประกายกร้าวเลย

          “อื้อๆๆ อ่อย” แถมจับแล้วยังไม่ปล่อยอีกต่างหาก ผมส่ายหน้าเพื่อหวังให้หลุด ไอ้กันก็แหย่คืนด้วยการบีบการจับให้ผมส่ายหน้าตามแรงมือ

          เฮ้ย! มึงผิดบทเปล่า กูอยู่เหนือ! เข้าใจใหม่ด้วย

          “ถ้าไม่ปล่อยจะกลับแล้วนะ”

          พรึ่บ

          ร่างสูงชะงักไปก่อนจะปล่อยมือออก แล้วเปลี่ยนไปกุมมือผมไว้แทน พูดง่ายเฮ้ยเว้ย แต่มาจับมือนี่อะไร

          “จับมือทำไม”

          “เดี๋ยวมึงหนี”

          ผมก้มหน้าซ้อนรอยยิ้ม ไอ้บ้า~ ที่จับมือเพราะกลัวกูหนีแค่เนี่ยะ? ถ้าจะหนีกูไม่มาหามึงถึงบ้านหรอก ผมนี่แม่งก็บ้าเนอะ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังร้องไห้เพราะคนตรงหน้าอยู่เลย พอมันขอโทษปุ๊บก็ใจอ่อนยอมให้ง่ายๆ

          ก็…ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไม ยังไงผมก็ชอบมันมากอยู่แล้ว อยู่ใกล้ๆ รักกันดีกว่า ดีกว่าเล่นตัวแกล้งนู้นนี้ไม่เลิก มันเสียเวลา แล้วอาจจะทำให้ไอ้กันเปลี่ยนใจได้

          “จะไม่ให้เข้าบ้านเหรอ” ผมเนียนเปลี่ยนเรื่องพูด ไอ้กันไม่ตอบอะไรแต่จูงมือผมเข้ามาข้างในแทน เดินผ่านลุงชมที่นั่งอยู่แถวๆ หน้าประตูรั้วผมก็ก้มหัวทักทาย ลุงแกมองมือที่จับกันอยู่ก็เกิดอาการอึ้งๆ เพราะคราวนี้ไอ้กันจับเองเลย

          หึๆ มาเหนือครับลุง

          ผมเดินตามโดยไม่ถามว่าจะพาไปที่ไหน มันไม่ได้พามานั่งที่สวนอย่างคราวที่แล้ว แต่พาขึ้นมาที่ห้องของมันแทน แหมะ…ครั้งล่าสุดที่เข้ามาเรามีความทรงจำไม่ดีนะในห้องนี้

          “กูเข้าห้องมึงครั้งล่าสุดกูร้องไห้นะ พากูมาไม่กลัวกูโกรธเหรอ”

          “ไม่กลัว เพราะถ้าโกรธเดี๋ยวกูค่อยง้อ” ร่างสูงยักไหล่แล้วเดินไปนั่งที่เตียง ปล่อยผมยืนเคว้งกลางห้อง ผมพยายามทำใจว่านี่คือนิสัยของมันแล้วเดินไปนั่งข้างๆ

          “อย่างมึงเนี่ยนะจะง้อ”

          “ก็ถ้าไม่ง้อ มึงก็หนีกูไปอีกใช่มั้ยล่ะ” มันดูฝังใจมากเลยนะที่ผมหายไป หึ! แต่ก็ดีนะเออ รู้สึกซะบ้าง นี่หมั่นไส้ล้วนๆ เลยนะ พูดตรงๆ เลย

          “ก็แหงดิ มึงเล่นไม่กลับมาอย่างนั้นจะให้กูคิดว่าไงล่ะ กูก็รอจนถึงที่สุดแล้วเหมือนกัน” ผมเชิดหน้าพูด ไม่ได้อยากทำให้รู้สึกผิด แต่มันก็อดไม่ได้ ร่างสูงเลื่อนมือมากุมมือผมไว้ ถึงจะชอบแต่ไม่ชินจริงๆ นะไอ้กันเวอร์ชั่นนี้

          “ขอโทษ จะไม่ทำอีกแล้ว” เสียงอ่อนได้อีก ผมหันไปมอง ดวงตาของมันไม่แข็งกร้าวเหมือนอย่างทุกที อ่อนลงเยอะมาก แล้วแถมมาด้วยแววตาที่ออกจะ…อ่อนโยนนิดๆ มึงทำกูเขินเลยเนี่ย

          “สัญญาดิว่าจะทำตัวน่ารัก” ยืนคำไอ้อาร์คก่อนนะ ไม่ว่ากันเนอะ

          “สัญญา”

          “ครับด้วยดิ”

          “…สัญญาครับ”




____________________________________



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 03-07-2016 21:06:20
น่ารักอ่ะ แต่ยังไม่ได้คบกันเลยนะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 03-07-2016 21:49:18
กันกันเชื่องอ่ะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-07-2016 23:21:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-07-2016 23:23:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 04-07-2016 07:31:54
เชื่องเลยนะกัน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 04-07-2016 10:35:18
วิปหนูท่องไว้ เราเหนือกว่า เราเหนือกว่า ทำให้หมากันเชื่องให้ได้ลูก เอาเชื่องยิ่งกว่านี้ 55555555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-07-2016 21:16:22
แหมๆๆๆหมากันล่ะตอนนี้วิ่งใส่น่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 06-07-2016 09:01:16
 :laugh: :laugh: :laugh:

สะใจแทนวิป
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 06-07-2016 16:56:35
แหมกันๆเชื่องมาก
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 07-07-2016 23:45:18
วิปนี่ได้ทีเอาคืนใหญ่เลยนะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-07-2016 00:21:29
แค่คิดถึงคนที่เจอที่ทะเล
จะมาสร้างความโมโหให้หมาบ้า ก็กลัวแทนวิปแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: KS.F ที่ 10-07-2016 00:23:34
 :-[
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 10-07-2016 15:10:15
น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 24] [3 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 11-07-2016 01:02:56
โหยยย กันโคตรเชื่อง เรียกได้ว่าหนังคนละม้วนเลย5555

ชอบๆๆๆๆๆ อ่านรวดเดียวเลยก่อนหน้านี้พลาดไปได้ไง แต่ดีมาตอนเด็ดพอดี
สงสารพี่อาร์ค คนดีประเสริฐศรี พี่พลุก็ตลกดีนะ แต่โรคจิตล่าสุดคือใครหว่าจะโผล่มามั้ยเนี่ย

คุณพ่อคุปู่น่ารักมาก
ให้กำลังใจคนแต่งนะคะ รออ่านจ้า
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 14-07-2016 18:42:50




ตอนที่ 25

 
 


          ผมนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าไอ้กันจะว่านอนสอนง่ายอะไรอย่างนี้ บอกให้พูดอะไรก็หมดตามหมด ดูๆ แล้วเจ้าตัวเองก็เขินไม่แพ้กันหรอก แต่ทั้งหมดนั้นก็เก๊กไว้ได้ภายใต้หน้านิ่งๆ นั่น

          พอเห็นผมนั่งเขินหนักเข้าร่างสูงก็หลุดยิ้มออกมา มือหนาอีกข้างที่ว่างเลื่อนมากุมแก้มผมแล้วบีบๆ บี้ๆ เล่น นอกจากจะไม่ทำให้ผมหายเขินแล้ว ยังทำให้ผมหน้าแดงหนักกว่าเดิมอีก พอบีบแก้มจนพอใจแล้วก็เลื่อนมือไปที่หูแดงๆ ของผมแทน

          “มึงหูแดงนะ”

          “ก็เขินอะเฮ้ย!”

          “หึๆ” ยังๆ ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก

          ร่างสูงดูสนุกที่ทำให้ผมเขินก้มหน้าก้มตาได้ ขอพูดบ้างเถอะคำนี้ ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะ ไอ้ผมก็เลยต้องรีบสะบัดความเขินของตัวเองทิ้งไปแล้วเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมาขึ้น ซึ่งคราวนี้…ดูมันจะชอบใจเป็นพิเศษ

          “นี่ ขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ย”

          “ว่ามาสิ” ปากก็ตอบแต่มือก็ยังไม่ละออกไปจากหูจากหน้าผม

          “อยู่กับกูมึงไม่ต้องเก๊กแล้วนะ อยากพูดอะไรกับกู อยากทำอะไรก็ตามที่มึงต้องการเลย กูไม่ล้อมึงแน่นอน สัญญา อย่ามาฟอร์มเยอะอีก โอเคมั้ย” เราต้องตกลงกันก่อน เพราะผมเกรงว่ามันจะเก๊กหน้านิ่งเหมือนอย่างเคย ร่างหนานิ่งไปนิดกับคำพูดของผม เหมือนแทงเข้ากลางใจจังๆ

          “…ก็ได้”

          ดีมากกกก~

          พรึ่บ

          “เฮ้ยๆ อะไรเนี่ย” ผมย่นคอหนีนิดๆ เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็ยื่นหน้าเข้ามาหาซะงั้น เล่นเอาตกใจเลยเฮ้ย ไอ้กันเลิกคิ้วกลับมาแต่ก็ยังไม่ยอมดึงหน้ากลับไป

          “ก็บอกให้ทำตามที่กูต้องการไม่ใช่เหรอ” อื้อหื้อ~ มึงก็ทำเร็วปายยยย~ บางทีก็ให้กูตั้งหลักบ้างนิดนึงก็ดีนะ ผมล่ะโคตรเขินกับสายตาของไอ้บ้านี่เลย ทุกทีจะเจอแต่ดุๆ แต่คราวนี้…ระยะประชิด มองด้วยสายตาวาววับ ในจะยิ้มน้อยๆ นั่นของมันอีก ตายดิ!

          “ไอ้วิปที่เก่งๆ ไปไหนซะแล้วล่ะ” มันแซว

          “เฮ้ย! ก็ให้กูเขินบ้างเถอะ! มึงคิดว่าสายตามึงธรรมดามากเลยงั้นสิ เคยส่องกระจกแล้วมองตัวเองมั้ยว่ามันเป็นยังไง” ผมโวยวายกลบเกลื่อน ไอ้บ้าหื้ออออ~ แหย่กูอยู่นั่นแหละ และดูเหมือนว่าผมจะคิดผิดนะที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะไม่ได้ทำให้มันผละออกไปเลย แถมยังทำให้มันเลิกคิ้วกวนๆ ยื่นหน้าเข้ามาจนปลายจมูกแตะกัน

          “แววตากู…เป็นยังไงล่ะ” กระซิบถามเสียงแหบแต่ชวนให้หลง ผมกัดริมฝีปากหักห้ามใจตัวเอง เล่นยื่นหน้าเข้ามาซะใกล้อย่างนี้ ริมฝีปากสวยนั่นก็ลอยเด่นล่อใจเหลือเกิน แทนที่ผมจะมองตาไอ้กัน ผมกลับจ้องไปที่ริมฝีปากของมันแทน

          “มองอะไร”

          “มองปาก” ถามมาก็ตอบตามตรง คราวก่อนนู้นจำได้ว่านั่งมองมันกินข้าวด้วยความเคลิบเคลิ้มกับริมฝีปาก คราวนี้ได้มองระยะใกล้อย่างนี้มีหรือที่ผมจะพลาด จ้องวนไปสิ

          “วิป”

          “ครับผม”

          “กูจะไม่เก๊กแล้วนะ”

          “เต็มที่เลยครับ” ผมยิ้มตอบ

          เมื่อเราเข้าใจตรงกัน ร่างสูงก็เผยยิ้มออกมา มันช่างน่ามองอะไรอย่างเน้~ ผมตาพร่าไปนิดกับรอยยิ้มที่ได้รับ ร่างสูงอาศัยจังหวะที่ผมค้างอยู่นั้นแนบริมฝีปากลงมา ผมตาโตแต่ไม่ถอยหนี ไอ้กันไม่เก๊กอย่างที่บอกจริงๆ อยากทำก็ทำเลยอย่างที่เห็น กดจูบย้ำๆ อยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่อีกฝ่ายเม้มริมฝีปากลงมา ผมรู้สึกได้ถึงขนที่ลุกซู่ทั้งร่าง

          หมับ

          อ้อมแขนแกร่งรั้งผมเข้าไปกอด ในใจที่แทบจะโบนบินไปร้องเฮดังๆ ในที่สุดผมก็มีวันนี้ ฝันเป็นจริงแล้วครับ ฮืออออ กอดแน่นด้วยไม่ใช่กอดธรรมดาด้วย ปากก็ยิ่งบดเบียดเข้ามาแนบแน่น ไม่ได้หนักหน่วงแต่ก็ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มหลับตาพริ้ม

          โอ๊ยเคลิ้ม~

          ผมแบบเสียดายนิดหน่อย เฮียกันเสือกมีความเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมาซะอย่างงั้น จูบนิดๆ หน่อยๆ ก็ผละออกไปแล้ว ผมทำหน้าเซ็งแวบหนึ่ง ไอ้บ้า~ เราอยากได้มากกว่านี้ เราปล้ำนายได้มั้ย

          “หน้าเคลิ้มเลยนะ”

          “แน่นอน กูชอบ~”

          “หึๆ” มึงเองก็ชอบกูรู้ สิ้นเสียงหัวเราะไอ้กันก็ปล่อยผมแล้วขยับถอยไปนิด ผมหน้าเซ็งอีกรอบ อะไรวะ ไม่สวีทเลยแบบนี้ แต่เอาเถอะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ยังมีเวลาอีกนาน

          “มึงบอกว่าพ่อมึงไม่ยอมให้คุยกับกูไม่ใช่เหรอ แล้วออกมาได้ยังไง”

          “ก็บอกว่าจะออกมาหาอะไรกิน” ว่าไปแล้วก็เกือบลืม ต้องดูเวลาไว้ด้วย ถ้านานเกินไปเดี๋ยวพ่อจะสงสัยเอาได้ ไอ้กันพยักหน้ารับรู้แล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ นั่งจ้องหน้าผมอยู่อย่างนี้ แรกๆ ผมก็ปล่อยให้มันจ้องไป อยากทำอะไรทำ บอกไปแล้ว แต่พอนานๆ เข้าก็เริ่มรู้สึกเขินแปลกๆ

          “มึง…อย่าจ้องได้มั้ยวะ”

          “กูไม่เข้าใจ ทำไมก่อนหน้านี้กูไม่มองว่ามึงน่ารัก”     

          ไอ้บ้า~ นี่กำลังชมอยู่ใช่มั้ย

          “เพราะก่อนหน้านี้มึงเกลียดขี้หน้ากูไง มึงไล่กูไง มึงไม่ชอบกูไง” ไหนๆ ถามมาละก็ตอบซะหน่อย ไอ้กันทำหน้าไม่ถูกไปแวบหนึ่ง สะใจนะนี่บอกเลย เอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ถือว่าไม่ผิด

          “มึงจะแค้นกูอีกนานเลยใช่มั้ยวิป”

          “เปล่าเลยที่รัก เราแค่ตอบนายเฉยๆ เราไม่มีเจตนาอย่างนั้น” ทำตาใสซื่อเข้าไว้ ไอ้กันหรี่ตามองแบบไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ผมยิ้มแล้วขยับเข้าไปชิด ไอ้กันเป็นสุภาพบุรุษแต่ผมไม่ใช่ หาเรื่องลวนลามมันดีกว่า

          “กันๆ”

          “ว่าไง”

          “อยากกอด” ทำหน้าอ้อนไป และก็ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต ผมกอดมันทันทีเลย แต่โคตรจะลำบาก เพราะด้วยร่างกายของมันที่ใหญ่มาก แต่ตัวผมก็เล็กนิดเดียว การที่รวบตัวควายๆ อย่างนั้นมากอดเป็นอะไรที่ลำบากมาก ไอ้กันเลยเปลี่ยนให้ มาเป็นรวบผมเข้าอ้อมกอดอุ่นๆ ของมันแทน ผมยิ้มกริ่ม

          แฮปปี้~

          “มึงออกมามึงกินอะไรหรือยังวิป”

          “แน่ะ ทีก่อนหน้านี้มาหาไม่เคยถาม”

          “อีกทีกูจะถีบมึงกลับบ้านแน่วิป” ฮ่าๆ พี่กันของขึ้นเว้ยเฮ้ย ผมยิ้มล้อเลียน อะๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้ ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ตื่นมาก็พุ่งมาหาผู้ชายเลย นี่ถ้าเป็นผู้หญิงนะกูโดนด่าไม่เหลือแล้ว

          “งั้นไปหาอะไรกินกัน”

          “ไปดี้~”

          ผมตอบกลับไป ไอ้กันก็พาออกมากินข้าว ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่หรอก ตลาดใกล้ๆ นี่แหละ อย่างนี้ก็ดีเลยจะได้เนียนซื้อขนมไปฝากพ่ออย่างที่บอกไว้ด้วย เราเลือกร้านอาหารตามสั่งที่อร่อยที่สุดในแถวนี้ ปกติผมไม่ค่อยได้ออกมากินข้าวนอกบ้านอย่างนี้หรอกนะ ปู่จะทำให้กินตลอด และผมก็ติดรสมือปู่ด้วย

          “อยากกินอะไรก็สั่ง เดี๋ยวกูจ่ายเอง” พี่กันโชว์ความป๋าทันที ผมส่ายหน้า

          “ไม่เป็นไร กูเลี้ยงเอง มึงกินให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูดูแลเอง” ผมตบอกแล้วยักคิ้วตอบ ไอ้กันทำหน้าเลี่ยนๆ เมื่อผมบอกว่าจะดูแลเอง อะไรวะ ไม่ชอบเหรอ นี่พูดจากใจเลยนะ

          “มึงหยุดแสดงท่าทีแบบนั้นใส่กูสักทีเหอะวิป”

          “ทำไม มีคนดูแลมึงไม่ชอบเหรอ”

          “อยู่เฉยๆ ให้กูดูแลก็พอ” มันตัดบท ก็ยังคงความเป็นไอ้กันหมาบ้าเอาไว้อยู่ ยังขี้หงุดหงิดเหมือนเดิม ผมทำปากยื่นใส่ อุตส่าห์จะดูแลกลับไม่เอาซะงั้น แต่ก็อดยิ้มในใจไม่ได้ที่มันบอกว่าอยู่เฉยๆ ให้ดูแลก็พอ น่ารักไปอีกหมาบ้าของผม

          “แล้วพ่อจะอยู่ยาวเลยเหรอ” ระหว่างที่นั่งรอข้าวไอ้กันก็ถามขึ้นมา พอได้ยินคำถามก็เกิดอาการเซ็ง ดูเป็นลูกที่แย่มากอยากให้พ่อกลับไปเร็วๆ แทนที่จะดีใจที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าอยู่แล้วเป็นแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอก

          “กูก็ไม่รู้ แต่ดูท่าจะยาว เพราะมึงเรื่องมึงไง”

          “เข้าไปคุยกับพ่อมึงตรงๆ เลยมั้ย” ผมเกือบสะลักน้ำลายกับคำพูดของไอ้กัน ส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ เลย มึงจะบ้าเรอะ เดี๋ยวพ่อกูก็ได้ไล่มึงออกมาอีกหรอก

          “อยากหัวแตกหรือไง”

          “ก็คุยให้รู้เรื่อง กูจะได้เข้าไปหามึงที่บ้านได้ตลอด” ไอ้กันยักไหล่ ดูมันไม่ค่อยแคร์อะไรเท่าไหร่เลย เป็นคนไม่คิดมากก็ดีเนอะ…หรือเปล่าวะ จริงๆ เรื่องนี้มันควรต้องคิดไม่ใช่เหรอ

          “กูจะได้คุมมึงด้วย เดี๋ยวแรดไปหาผู้ชายคนอื่นอีก” ร่างสูงยิ้มเหี้ยม ผมขนลุกซู่เลย ผมก็เชิดหน้ากลับไป แรดบ้าอะไร เรามีนายในใจแค่คนเดียวหรอก

          “ทำไมหยาบคายอย่างนั้นล่ะหื้ออออ~ กูมีมึงคนเดียวอยู่ในหัวใจนะ ไม่เชื่อลองจับใจดูมั้ย”

          “กูก็มีมึงคนเดียวเหมือนกัน” มันยิ้ม

          อั้ยยะ!

          “แต่คนรอบตัวมึงมันเชื่อไม่ได้ โดยเฉพาะไอ้เหี้ยอาร์ค จ้องจะงาบมึงตลอดเวลา ไหนจะไอ้คนที่ให้เบอร์มึงอีก เยอะนะมึงน่ะ” พูดไปก็อารมณ์ขึ้นเองโดยที่ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย ผมนั่งหน้าเหวอ อยู่ๆ ก็มาพลาดใส่กูซะงั้น

          “ไม่ต้องหึง”

          “ห้ามไม่ได้”

          ผมก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม ไอ้บ้า~ พูดตรงๆ เราก็เขินนะเว้ย หรือนี่จะเป็นนิสัยอีกมุมหนึ่งของกันๆ น่ารักน่าหยิกชวนให้หลงหนักกว่าเดิม ดูคำพูดคำจา พอปากตรงกับใจแล้วอะไรๆ ก็น่ารักไปหมด เราจะไม่เอ่ยถึงเรื่องก่อนหน้านี้นะ

          กินข้าวกันเสร็จก็เดินหาซื้อขนมกลับไปเซ่นพ่อสุดที่รัก โดยที่ข้าวมื้อนี้ป๋ากันเป็นคนเลี้ยง และขนมป๋าก็เป็นคนซื้อให้อีก ดูแลดีอย่างนี้เดี๋ยวจุ๊บๆ ให้เป็นรางวัล พอได้ขนมเยอะพอแล้วก็เดินกลับบ้าน

          “วันนี้มึงน่ารักมากๆ เลยนะกันๆ”

          “ก็รักกูสิ” ร่างสูงตอบกลับมา ดวงตาก็มองตรงไปข้างหน้า ถึงจะไม่ชินกับกันๆ เวอร์ชั่นนี้ แต่มันดีกับใจจริงๆ พูดอะไรน่ารักตลอด เมื่อก่อนหยอดไปจะได้รับสายตาเอือมๆ ใช่มั้ย แต่ตอนนี้หยอดอะไรไปพี่แกตบกลับคำหยอดมาตลอด ผมแม่งก็ยิ้มไม่หุบเลย

          “กูชอบที่มึงพูดแบบนี้นะกัน น่ารักกว่าเยอะเลย”

          “ถ้ามึงชอบ กูก็จะเป็นอย่างนี้แหละ” ร่างหนาหันมายิ้มให้นิดๆ ผมคิดว่าถ้ามือของมันว่าง ไม่ได้ถือของให้ผม พี่แกคงยื่นมาบีบๆ แก้มผมอย่างที่ทำตอนอยู่ที่บ้านแน่ ดูสายตาสิ เหมือนกับว่าอยากจับผมฟัดงั้นแหละ

          พอเดินใกล้ถึงบ้านก็รู้สึกหวั่นใจนิดๆ พ่อจะรู้มั้ยว่าลูกหนีไปหาผู้ชายมา ก่อนจะเดินถึงหน้าบ้านผมก็หยุดแล้วกระตุกเสื้อไอ้กันให้หยุดตาม ร่างสูงเลิกคิ้วสงสัย

          “มึงไม่ต้องเดินส่งถึงหน้าบ้าน เดี๋ยวพ่อเห็น เอาขนมมา” ผมยื่นมือไปถึงถุงในมือไอ้กันมาถือไว้เอง หมาบ้าชักสีหน้าไม่พอใจ มึงนี่ก็เอาใหญ่เลยนะ

          “บ้านกูยังไงก็ต้องเดินผ่านบ้านมึงก่อน”

          “แต่อย่ามาเดินพร้อมกูสิ เกิดพ่อเห็นทำไงเล่า!” จะพูดยังไงให้มันยอม บทจะดื้อก็ดื้อขึ้นมาซะอย่างนั้น

          “แล้วต้องทำยังไงให้พ่อมึงยอมรับกู จับมึงปล้ำทำเมียเลยมั้ยแล้วคอยไปรับโทษทีเดียว” ร่างสูงสวนกลับมาอย่างหัวเสีย ผมยืนอึ้งหน้าแดงก่ำ ปากพะงาบๆ ทำเมีย!! ไอ้บ้าเอ้ยยยยยย~ มึงคิดว่าคนฟังจะล้มตายกับคำของมึงบ้างมั้ยห้ะ

          “พอ! ไม่ว่ายังไงก็เถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้แยกย้ายก่อน ถ้าแวบได้กูจะไปหามึงที่บ้านเอง” ผมตัดบท ไม่งั้นก็ยืดเยื้อ ไอ้กันมันไม่ยอมอยู่แล้ว ผมเดินมาที่บ้าน โดยมีไอ้กันเดินตามหลังมาด้วย แม่ง แยกไปเดินฝั่งนู้นก็ไม่ได้นะ ต้องตามหลังมาติดๆ อย่างนี้อีก

          “พ่ออยู่บ้านแป๊บนึงก่อนนะ เดี๋ยวผมออกไปตามลูกก่อน หายออกไปนานแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้” จังหวะที่เดินถึงหน้าบ้านพอดี พ่อก็เปิดประตูออกมาแล้วตะโกนคุยกับปู่ที่อยู่ด้านในไปด้วย

          ผมยืนตัวแข็งทื่อ ใจนี่หล่นวูบเลย ไอ้บ้าเอ้ย! พ่อออกมาตอนไหนไม่ออก มาออกตอนที่ผมเดินถึงหน้าบ้านพอดี กำลังจะหันไปไล่ไอ้กันให้เดินห่างออกไปก็ไม่ทันแล้ว พี่แกก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างหลังผมแล้ว

          เอ่อ…จะรอดมั้ย

          พ่อตะโกนคุยกับปู่เสร็จก็หันมา ท่าทางผมจะออกมานานเกินไปพ่อเลยเป็นห่วง โทรศัพท์ผมก็ไม่ได้หยิบออกมาซะด้วย แล้วก็เจอฉากเด็ดเลย แวบแรกพ่อยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าผมกลับบ้านมาได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่รอยยิ้มสว่างไสวนั่นจะค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อหันไปพบกันร่างสูงข้างๆ ผม

          “เฮ้ย!! มาด้วยกันได้ยังไง!!”

          พ่อชี้หน้าไอ้กันแล้วรีบวิ่งดุ๊กๆ เปิดประตูรั้วออกมา ดึงผมไปหลบอยู่ข้างหลังอย่างกับกลัวว่าไอ้กันจะทำร้ายผมงั้นแหละ พ่อๆ ลูกพ่อนี่แหละที่จะทำมัน

          “เอ็งมาล่อลวงอะไรลูกข้าอีก!”

          “พ่อ ใจเย็นก่อน ผมนี่แหละล่อลวงมัน” ผมดึงพ่อไว้ ไอ้กันหลุดขำออกมาเมื่อผมบอกแบบนั้น ไอ้บ้า มึงยังมีหน้ามาขำอีกเนอะ ผมแยกเขี้ยวใส่ร่างสูง มันใช่เวลาขำมั้ยที่รัก

          “สวัสดีครับ” ร่างสูงเมินคำด่าของพ่อแล้วยกมือไหว้อย่างเด็กมารยาทดี ผมยิ้มนิดๆ ไอ้กันมุมนี้ก็ดูน่ารักเหมือนกันนะ ดูเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย

          “ไม่รับไหว้ ไม่อยากรู้จัก โอ๊ยพ่อจะเป็นลม” เล่นใหญ่มาอีกแล้ว บางทีก็ขำพ่อตัวเอง อย่างเช่นตอนนี้ ผมต้องกลั้นขำไว้ไม่ให้หลุดออกมา พ่อแกเล่นยกมือใช้หลังมือแตะหน้าผาก นี่ถ้าสะเทือนใจแล้วเอามือแนบออกถอยเซๆ หน่อยนี่จะส่งพ่อไปเล่นลิเกแล้วนะ

          “เข้าบ้านมั้ยพ่อ แดดมันแรงเห็นมั้ยจะเป็นลมเลย”

          “พ่อเป็นลมเพราะลูกนั่นแหละ!”

          “อ้าวเหรอ ไม่รู้ววววว~” ผมตีหน้าซื่อ ไอ้กันยิ้มเอ็นดูให้ผม มึงอย่าๆ ตอนนี้ยังไม่ได้ พ่ออยู่เห็นมั้ย มายงมายิ้มเดี๋ยวก็หนีพ่อไปบ้านมึงซะเลยหนิ

          “วิป เข้าบ้าน!”

          “จ้ะพ่อ เข้าบ้านกัน” ไอ้เข้าน่ะเข้าอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมเข้าคนเดียวแน่ เดี๋ยวพ่อไปตีกับไอ้กันล่ะยุ่งเลย ตัวพ่อใช่ว่าจะใหญ่อะไรมาก มันดีดทีเดียวก็ปลิวแล้วมั้ง แต่พ่อใจใหญ่ครับ ไม่เกรงกลัว

          ผมลากพ่อเข้าบ้าน พ่อแกก็พยายามยื้อจะเอาเรื่องไอ้กันให้ได้ ก็บอกแล้วไงพ่อว่าผมนี่แหละที่ล่อลวงมัน พ่อชี้หน้าร่างสูงอย่างไม่ยอม ดีนะที่พี่แกไม่ติดใจอะไร หันมายิ้มให้ผมนิดๆ แล้วขยับปากแบบไม่ออกเสียงว่าเดี๋ยวเจอกัน

          เจอยังไงหื้ออ~

          ตุบ!

          พอลากผมกลับเข้ามาในบ้านได้แกก็สะบัดตัวออกแล้วเดินไปนั่งลงอย่างแรง ใบหน้ายุ่งๆ ขัดใจ แถมด้วยการกอดอกเชิดหน้า ปู่ส่ายหน้าให้กับลูกตัวเองที่ดูเหมือนเด็กไม่โต

          “พ่ออออ~”

          “งอน!”

          ไม่ง้อได้ปะ? ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า ผมยิ้มกว้างแล้วนั่งลงข้างๆ พ่อ กอดแขนอ้อนเอาหน้าซุกลงไป ถูๆ ไถๆ นิดหน่อย เพียงแค่นั้นพ่อก็ยอมใจอ่อนดึงผมเข้าไปกอดแล้ว

          “เลิกยุ่งกับมันไม่ได้เหรอ” ผมอ้อนไปพ่อก็อ้อนกลับ ขอร้องเสียงอ่อนอ่อย ปู่ลอบมองหน้าผมเพื่อดูอาการ แกเลี้ยงของแกมา รู้อยู่แล้วแหละว่าผมไม่ยอมหรอก ผมก็เนียนไม่ตอบ ยื่นมือไปหยิบขนมที่ซื้อขึ้นมาแทน

          “กินขนมดีกว่าพ่อ เจ้านี้ทำอร่อยมาก” เนียนนนนน~

          “จริงเหรอ ไหนๆ ลองหน่อย” พ่อก็เหมือนเด็ก หลอกง่ายซะ พอชวนเปลี่ยนเรื่องเข้าหน่อยก็ตามโดยง่าย ผมลุกไปหยิบจานหยิบช้อนมาให้ พ่อก็แกะยิ้มตักเข้าปากด้วยความฟิน

          “อร่อยจริงๆ ด้วย น่ารักมากเลยลูกพ่อ”

          “จริงเหรอ”

          “จริงสิ ไหนจุ๊บเหม่งที” ว่าแล้วก็ยื่นหน้ามาจุ๊บ พ่อๆ พ่อกินขนมอยู่ปะ หน้าลูกจะเป็นสิวมั้ยเนี่ย

          “อร่อยก็ดีแล้วพ่อ ไอ้กันซื้อให้ทั้งนั้นเลย มันน่ารักเนอะ”

          พรวด!!

          “แค่กๆๆ…ว่าไงนะ” พ่อถึงกับสะลัก ไอหน้าดำหน้าแดง ปล่อยช้อนปล่อยจานในมือลงทันที ผมกะพริบตาปริบๆ หน้าใสซื่อ อะไรง่า~ เราก็แค่อยากให้พ่อเห็นความดีงามของกันๆ ก็เท่านั้นเอง พ่อทำหน้ารับไม่ได้

          “ไม่กิน! ไม่กินมันแล้วววว~”

          “พ่อมึงบ้าไปแล้ววิป”

          เห็นด้วยเลยปู่



…………………..


          หลังจากที่พ่อคลุ้มคลั่งไปนั่น ผมก็โดนสั่งให้อยู่แต่ในบ้านห้ามออกไปไหน ส่วนขนมที่ซื้อมาพ่อก็ไม่แตะอีกเลย ปู่ก็กินหวานๆ มากไม่ได้ หน้าที่กินเลยตกมาอยู่ที่ผมแทน ผมก็โอเคนะ สุดที่รักซื้อให้ทั้งที

          และตลอดทั้งวันก็ได้แต่นอนเล่นอยู่บ้าน มีโทรคุยกับไอ้นานานิดหน่อย ไอ้อาร์คก็โทรมาแต่ผมไม่ได้รับ ตอนนั้นเข้าห้องน้ำอยู่ และยังไม่ได้โทรกลับไปด้วย ไอ้กันก็มีคุยไลน์บ้าง แต่พี่แกมีงานต้องทำ เลยไม่ค่อยว่างคุย

          พอตกดึกใกล้เวลานอนผมก็ไปอาบน้ำ พ่อเองก็คงเห็นว่าดึกแล้วเลยไม่ได้นั่งคุมอยู่ข้างล่าง เข้าห้องนอนไปแล้ว แต่พ่อหารู้ไม่ ไอ้ลูกคนนี้น่ะ ดึกๆ ดื่นๆ ก็วิ่งไปหาไอ้กันที่บ้านมาแล้ว ไม่เชื่อถามปู่ดูสิ

          แต่งตัวเสร็จผมก็โดนขึ้นเตียง กลิ้งๆ ม้วนๆ อยู่อย่างนั้นสักพักแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เปิดไลน์หาไอ้กันแล้วส่งความความรู้สึกออกไป

        VIP : คิดถึงงงงง

        G’ : ยังไม่นอนเหรอ

        VIP : กำลังจะนอน แต่คิดถึงมึงไง ดีใจปะ ไหนพูดดดดด~

        G’ : อืม

          อืมพ่อง~ สั้นๆ แค่เนี้ยะ? ผมหน้าเซ็งนิดหน่อย ชีวิตเราต้องการความหวานอะนาย นายให้เราได้มั้ย แต่เอาเถอะ ได้แค่นี้ก็ดีละ

        G’ : ให้ไปหามั้ย

          ห้ะ!

        VIP : เวลานี้เนี่ยนะ มึงจะบ้าเหรอ มาให้พ่อกูสับหัวเล่นหรือไง

          พ่อผมไม่โหดขนาดนั้นหรอกผมก็พูดเปรียบๆ ไป แต่ไม่ว่าจะยังไง มาตอนนี้ก็ไม่ปลอดภัย จะเจอกันยังไงวะ นี่ถ้าแอบย่องออกไปแล้วเกิดพ่อมาเจออีก คะแนนเฮียกันยิ่งติดลบแน่ๆ

          ไอ้กันมันเงียบหายไปอ่านแต่ไม่ตอบ ผมเบะปากใส่โทรศัพท์ ไอ้บ้าเอ้ย อยู่ๆ ก็หาย จะไปทำอะไรก็บอกกูก่อนมั้ย เป็นอย่างนี้กูก็นึกว่ามึงไม่อยากคุยกะกูน่ะสิ ช่างมัน ไปคุยกับไอ้ตองก่อนก็ได้

          ระหว่างที่กำลังนอนคุยเล่นนู้นนี้กับไอ้ตองไปเรื่อยๆ ผมก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆ ที่หน้าต่าง เหี้ย! ตัวอะไรวะ แมวหรือเปล่า หรือโจรขึ้นบ้าน ผมลุกขึ้นมานั่งมองไปที่หน้าต่างด้วยความหวาดระแวง

          ที่คิดอย่างแรกเลยถ้าเป็นโจรจะตะโกนเรียกปู่ ฮ่าๆ เอาน่า หน้าต่างผมมีลูกกรงอยู่มันเข้ามาไม่ได้หรอก แล้วก็นะ มึงจะบ้าเหรอ ห้องกูยังเปิดไฟอยู่เลย เลือกผิดห้องแล้วลูก

          นั่งมองไปสักพักก็ต้องเบิดตากว้างกับสิ่งที่ได้เห็น รีบเด้งตัวทิ้งโทรศัพท์ไปชิดที่หน้าต่างทันที ไอ้บ้าเอ้ย! ไอ้กัน! มันปีนบ้านผม มึงจะมาขโมยของกูหรือเปล่าวะเฮ้ย

          “มาได้ยังไง!” ผมเปิดหน้าต่างออกพร้อมกับร้องถาม แม่งกูขัดใจลูกกรงก็วันนี้แหละ ปกติก็ไม่เคยอะไรกับมันหรอกนะ วันนี้มึงขัดขวางกู แต่อะไรก็ตามเถอะ ไอ้บ้า! ไม่เคยคิดมาก่อนว่าร่างสูงจะทำอะไรอย่างนี้ อย่างเช่น…ปีนหน้าต่างหาแบบนี้ ผมไม่ห่วงมันอยู่แล้ว ร่างกายพี่แกแข็งแรง ตกลงไปไม่เจ็บอะไรมากหรอก

          “ไหนบอกคิดถึง” พอเกาะได้มั่นแล้วก็เลิกคิ้วถามกวนๆ ผมถอนหายใจ เออใช่บอกว่าคิดถึง แต่ไม่ได้บอกให้มาหาอย่างนี้นะหื้ออออ

          “ก็ใช่ แต่ไม่ได้บอกให้มาปีนบ้านกูอย่างนี้ พ่อรู้เขาเอามึงตายแน่” ผมบอกแล้วมองออกไปข้างนอก กลัวใครมาเห็นและกลัวว่าอีกฝ่ายจะร่วงลงไปด้วย บ้าระห่ำเกินไปแล้ว ร่างสูงดูไม่สลด ทำหน้าไม่แคร์ เออ…เอาเหอะ กูก็ไม่คิดว่ามึงจะกล้าขนาดนี้ ไอ้กันที่นิ่งๆ นั่นเป็นเพียงฉากหน้าสินะ

          “กูดีใจนะเนี่ย ทำถึงขนาดนี้” ผมเท้าคางลงกับขอบหน้าต่าง คุยกันผ่านลูกกรงอย่างนี้แหละ

          “เพราะกูก็คิดถึง” พูดจบก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้ม ผมก้มหน้าเขินๆ ดวงตาคมนั่นเป็นประกายวิบวับเลย ผมต้องเลื่อนกระบองเพชรสุดน่ารักของพี่พลุออกห่างๆ เดี๋ยวเขินมากเผลอไปปัดตกล่ะยุ่งเลย

          “ดูน่าตื่นเต้นดีเนอะปีนหน้าต่างอย่างนี้ แหมะ…อยากลองปีนหามึงแบบนี้บ้างจัง” ผมทำหน้าเพ้อฝัน แค่คิดเล่นๆ นะ ไม่ได้จะเอาจริง

          “หึ ปีนได้เหรอ ขาสั้นแบบนั้น”
          “ถ้าไม่ถึงมึงก็อุ้มกูสิ”

          “อืม เดี๋ยวอุ้ม” พี่กันยิ้มเอ็นดูให้ ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเลย อยากพุ่งตัวเข้าไปจูบมากแต่ติดที่ลูกกรงสุดที่รักนี่แหละ เลยได้แต่ทำหน้าอ้อนใส่เท่านั้น

          “ไม่คิดว่าก่อนเลยว่ากูจะบ้าได้ขนาดนี้” มือหนายื่นมาแตะแก้มผมเบาๆ แล้วก็ต้องรีบดึงกลับไปจับไว้ ไม่งั้นตัวเองได้ร่วงลงไปแน่น

          “ที่บ้าเพราะตอนนี้มึงชอบกูใช่ม้า~”
          “อืม ชอบมาก”

          กูจะแทะขอบหน้าต่างแก้เขินแล้วนะถ้าจะหยอดกลับขนาดนี้ ผมก็ระแวงอยู่บ้าง หันมองประตูห้องตัวเองตลอดเลย ดีนะที่มาตอนดึกแล้ว ไม่งั้นมึงได้โดนกล่าวหาว่าเป็นโจรแน่ๆ

          “มึงเมื่อยมั้ยเนี่ย กลับบ้านแล้วโทรคุยกันก็ได้นะ” เฟซไทม์ก็ได้นะพ่อ

          “เมื่อย แต่อยากเห็นหน้า”
          จ้า

          “เฟซไทม์ไง”

          “อยากเจอตัวเป็นๆ” เอากูไปนอนกกที่บ้านเลยมั้ยล่ะ ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่า ต่อไปนี้เฮียกันๆ ของเราจะเป็นโรคคลั่งวิป หึๆ หล่อไปอีกกู

           แกร๊ก

          “วิป”
          เหี้ย!!

          ผมขวับหันไปมองที่ประตูเมื่อมันถูกเปิดออก ใจหล่นวูบทันที คนที่เกาะอยู่ข้างนอกก็ผงะตกใจไปเหมือนกัน เบี่ยงตัวหลบให้พ้นขอบหน้าต่าง แต่พอเห็นว่าเป็นใครที่เปิดเข้ามาผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไอ้เราก็นึกว่าพ่อ ที่แท้ก็ปู่ ปู่แกเห็นไอ้กันแล้วแหละ มันเองก็รู้เลยไม่แอบ แกจ้องมองพวกเรานิ่งๆ ผมรีบบีบตาอ้อนไปก่อนเลย

          “รีบๆ คุยกันซะ ก่อนที่พ่อมึงจะมาเห็น”

          ผมยิ้มกว้างเมื่อปู่ไม่ว่าอะไร ดีนะที่เป็นปู่ เห็นแต่ว่าปล่อยผ่านไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าปู่รู้อยู่แล้วว่าไอ้กันอยู่ที่หน้าต่างหรือเปล่า เพราะครั้งนี้ปู่แกเล่นเปิดประตูเข้ามาเลยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ แต่ถึงจะไม่ว่าแต่ดูจากสีหน้าแล้วก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน

          “แล้วอย่าให้มีอีก” คราวนี้หันไปบอกกับคนที่เกาะหน้าต่างอยู่

          “ครับ”

          ไอ้กันรับคำ จากนั้นปู่ก็เดินออกไป ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ไอ้บ้าเอ้ย! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้กัน เป็นไงล่ะมึงงงงง~

          “เหี้ย กูใจหายหมด”

          “ตื่นเต้นดีใช่มั้ยล่ะ” มันยังไม่สลด เดี๋ยวกูก็ดีดตกหน้าต่างซะเลยหนิ

          “คราวหลังไม่เอาแล้วนะเว้ย บ่อยๆ กูช็อกตายขึ้นมาทำไง” ถึงจะชอบที่ลงทุนปีนมาหาแบบนี้ก็เถอะ แต่อย่าเลย เดี๋ยวรอให้พ่อกลับไปก็ได้เจอกันเหมือนปกติแล้ว

          “ไม่รับปาก ถ้ากูคิดถึงกูก็จะมา”
          เหี้ยนี่ก็ดื้อ!

          แกร๊ก

          “วิป เมื่อกี้พ่อลงไปกินน้ำ ได้ยินเสียงอะไรที่นอกบ้านก็ไม่รู้ เราได้ยินหรือเปล่า”

          พรึ่บ! ตุบ!!

          เหี้ยแล้ว

          “เอ่อ…ไม่เห็นได้ยินเลยพ่อ สงสัยแมวมั้ง มันชอบเดินเล่นแถวๆ นี้แหละ” ผมหันไปตอบพ่อแล้วยิ้มแห้งๆ มองหน้าพ่อได้แป๊บเดี๋ยวก็ต้องหันกลับไปที่หน้าต่าง ไอ้บ้าเอ้ย! เมื่อกี้ผมก็นึกว่าเป็นปู่ คงลืมบอกอะไรสักอย่าง แต่ปรากฏว่าไม่ใช่! พ่อเปิดประตูเข้ามา พอผมได้ยินเสียงพ่อ ผมก็รีบยื่นมือผ่านลูกกรงออกไปผลักไอ้กันจนร่วงลงไปข้างล่าง เฮ้ย! ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายมึงนะกัน กูตกใจ! และกูกลัวพ่อเห็น

          ให้ผมเดานะ ถ้าผมไม่ผลัก ไอ้กันก็ไม่หนีหรอก ไอ้นี่มันเปรี้ยว ท้าทายพ่อตลอด
          “แต่เมื่อกี้พ่อได้ยิน…”

          “แมววววว~”

          “เหรอ เออ คงเป็นแมวมั้ง แล้วหน้าต่างมีอะไรลูก มองหลายทีละ แล้วไปนั่งทำไมชิดหน้าต่างแบบนั้น” นี่ก็สงสัยไม่เลิก ผมยิ้มเก้อๆ แล้วรีบปิดหน้าต่างเดินกลับมานั่งที่เตียง

          “รับลมไงพ่อ นี่จะนอนละ ง่วงแล้ว” ตบท้ายด้วยการหาวปลอมๆ ไปให้ พ่อก็เหมือนอย่างเคย ว่าง่าย พอบอกว่าง่วงนอนก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี แต่ก็ไม่วายมองที่หน้าต่างเหมือนสงสัย

          อย่าสงสัยเลยครับ เพราะพรุ่งนี้ผมจะเจอไอ้กันมันเล่นงานยังไงผมยังไม่กล้าสงสัยตัวเองเลย


______________________________________

มาต่อแล้วค่าาาาาา หายไปหลายวันเลยต้องกราบขอโทษด้วยจริมๆ ฮึกก
คราวนี้พระเอกเริ่มเป็นพระเอกขึ้นมาแล้ว นี่ลืมพี่อาร์คไปละ 55555 เอาพี่กันแทน ><

เราลงไม่สม่ำเสมอแต่ก็ยังมีคนตามอ่าน ขอบคุณมากเลยนะคะ ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณที่ยังรอไม่ทิ้งไปไหน  :mew1: :mew1:

ไม่ว่าจะเพิ่งเข้ามาอ่าน หรืออ่านนานแล้ว ก็อยู่กับเราก่อนนะคะ #อ้อน #ทำตาปิ๊งๆ
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้าาา










หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 14-07-2016 19:25:41
กันๆโหมดนี้ไม่ไหวนะ ใจละลาย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-07-2016 19:42:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 14-07-2016 20:10:15
ฮาวิปอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-07-2016 23:47:49
ก้น จับ วิฟ ทำเมียแล้วอุ้มลูกไปขอเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-07-2016 10:30:20
ถึงคราวจะหวาน ก็หวานซะ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 15-07-2016 17:25:38
ตลกดี
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-07-2016 23:43:19
ถึงขั้นปีนบ้านปีนหน้าต่าง กันกันหนักละ 55555
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-07-2016 21:45:12
หมากันมีโหมดมุ้งมิ้งด้วยอ่ะ น่ารัก อิอิ
ไม่ลืมแว่นหรอกแค่เก็บไว้ก่อน ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 25] [14 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 26-07-2016 22:50:21
ยังกับพระเอกนางเอกหนัง
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 28-07-2016 17:21:32


ตอนที่ 26
 
 


          หมดช่วงวันหยุดก็ต้องกลับมาเรียนนะจ๊ะ ผมรีบชิ่งไอ้กันมาก่อนเลย เมื่อคืนหลังจากที่มันกลับบ้านไปแล้ว ก็ส่งไลน์มาบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนพร้อมกัน ลงท้ายว่ามึงได้เจอกูแน่!

          แบบนี้ใครจะกล้ารอมาพร้อมกันวะ เกิดมันเอาคืนผมก็แย่น่ะสิ หนีมาตั้งหลักก่อน

          เฮียกันก็เกิดอาการคิดถึง กระหน่ำไลน์มารัวๆ ผมก็ไม่เปิดอ่านรัวๆ ส่งมาว่าไงบ้างก็ไม่รู้หรอก เดี๋ยวขอตั้งหลักก่อน อยากเจอมั้ยน่ะมันก็อยาก แต่ถ้าเจอแล้วเจ็บตัวเราไม่เอานะหื้อออ

          “นี่สรุปมึงไปได้สวยกับไอ้กันแล้วใช่มั้ย” ไอ้นานาถามขึ้นพร้อมกับดูดน้ำแดงของมันไปด้วย ไอ้ตองก็กำลังแกะขนมให้เจ้าแม่กิน เกิดเป็นมึงนี่สบายจังเลยนา

          “ก็ประมาณนั้น”

          “หึ! ต้องโดนต่อยก่อนแม่งถึงจะฉลาด” คนสวยทำหน้าหมั่นไส้ คงหมายถึงที่มันต่อยไอ้กันไปวันนั้นมั้ง มึงกล้าหาญมากๆ เลยนานา กูนับถือ หน้าแม่งโหดดุอย่างนั้น แค่เห็นก็ต่อยไม่ลงแล้วมั้ย

          “เออนี่ไอ้ตอง มึงเลิกเกลียดไอ้อาร์คหรือยัง” เมื่อนึกขึ้นได้ก็ถามซะหน่อย ไอ้ตองทำหน้าเซ็ง ปากแดงๆ ของมันเบะออก เห็นแล้วอยากหยิกว่ะ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมมันถึงได้โดนพี่เต็งแกล้งบ่อยๆ ก็เพราะน่ารักน่าหยิกอย่างนี้ไง

          “ไม่ได้เกลียด แค่รู้สึกไม่ชอบนิดหน่อย”

          “กูอยากรู้ มันหักอกพี่มึงยังไงวะ อย่างพี่เต็งไม่น่าจะมีใครทำอะไรได้นะ” ไอ้นานาหยิบขนมส่งเข้าปาก ผมพยักหน้าเห็นด้วยเลย คนประหลาดแบบนั้นไม่น่าจะมีใครทำอะไรได้

          “กูไม่รู้ พอถามไปกูก็โดนดุ พี่เต็งไม่เคยบอกเลยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง บอกแค่ว่าโดนหักอก แต่ไม่เห็นพี่เต็งเสียใจนะ เห็นแต่แค้นอย่างเดียว” ร่างเล็กบอกด้วยสีหน้าหงอยๆ ดูสิ ขนาดอกหักไอ้พี่เต็งยังไม่เสียใจสักนิด ป่านนี้มึงโดนทำตุ๊กตาเล่นของใส่แล้วแน่เลยอาร์ค

          “มึงเคยย่องเข้าห้องพี่เต็งไปดูความลับบ้างมั้ย เผื่อเจออะไรดีๆ” ผมยื่นหน้าเข้าไปถาม พี่เต็งมันมีนิสัยประหลาด ห้องนอนตัวเองจะไม่ยอมให้ใครได้ก้าวเข้าไปแม้แต่คนเดียว

          “กูยังไม่อยากตายไอ้วิป”
          “โด่ว~ มึงไม่กล้าอะดิ”
          “งั้นเย็นนี้มึงไปกับกูเลย บุกห้องพี่เต็งกัน”

          “หูยยยย เกรงใจ ต้องรีบกลับบ้าน พ่อกูเป็นห่วง” ผมส่ายหน้ารัวๆ เลย จะบ้าเหรอ ไปบ้านไอ้ตองเหมือนไปฆ่าตัวตาย ไอ้พี่เต็งแม่งน่ากลัว แล้วยิ่งไปบุกห้องของพี่มันด้วย กูคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาแน่ๆ

          “มึงสนิทกับไอ้อาร์คไม่ใช่เหรอวิป ไปหลอกถามมันดิ” ไอ้นานาโยนหน้าที่มาให้ แม่คุณนี่ก็อยากรู้เรื่องสุดๆ เลยเนอะ ผมแอบหน้าเซ็ง สนิทเหรอ ก็คงงั้นมั้ง ระดับหนึ่งแหละ แต่จะให้ถามเรื่องนี้มันก็ยังไงๆ อยู่นะ ผมนิ่งไปนิดก่อนจะส่ายหน้า ไม่เอาว่ะ

          “กูว่าอย่าไปสงสัยเลยว่ะ เดี๋ยวไอ้พี่เต็งก็หลุดอะไรออกมาให้ไอ้ตองรู้เองแหละ เห็นมึงบอกว่าพี่มันชอบด่าไอ้อาร์คให้ฟังบ่อยๆ ใช่มั้ย” ไอ้ตองพยักหน้ารับ ไอ้นานาถอนหายใจเบื่อๆ อดเผือกเลยสินะ

          “กูไม่ยุ่งเรื่องนี้ก็ได้ แค่เรื่องต่อไปกูขอยุ่งแบบสุดตัว นู้น เดินหน้าโหดมานู้นแล้ว” คนสวยพูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางด้านหลังผม ทำไมรู้สึกว่าเสียวสันหลังแปลกๆ วะ ผมค่อยๆ หันกลับไปมอง แล้วก็พบกับร่างสูงเดินหน้าโหดเข้ามาอย่างที่ไอ้นามันบอก อูยยยย จะรอดมั้ย

          ผมรีบยิ้มประจบไปก่อนเป็นทัพหน้าเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโกรธมาก เหงื่อเริ่มตก เราใจตรงกันแล้ว หวังว่ามึงคงไม่ทำอะไรกูหนักนะกันๆ กูบอบบาง กูน่าทะนุถนอมนะเฮ้ย

          “ไอ้วิป”

          “จ๋าจ้ะ” ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วเอ่ยเรียก ผมขานรับกลับไปด้วยเสียงที่หวานหู แอบมองสำรวจร่างกายอีกฝ่ายไปด้วย เมื่อวานตกจากที่สูงไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย จากที่ดูๆ ภายในก็ไม่พบอะไรที่น่าเป็นห่วง เห็นแต่ที่แขนมีรอยช้ำรอยใหญ่อยู่ อูยๆ ฝีมือเราใช่มั้ยนั่น

          หมับ

          “มึงกล้ามากนะ” มือหนายื่นออกมาบีบแก้มผมจนปากจู๋ พร้อมกับกระซิบด้วยเสียงเหี้ยมโหด ดวงตาดุๆ นั่นจ้องมาแบบอยากจะขย้ำกัน ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ผมก็เบาใจได้หน่อย เพราะโดยรวมทั้งหมดแล้วไม่มีแววความโกรธปนอยู่เลย อย่างนี้น่าจะคุยง่าย

          “แฮ่~ คิดถึงจังเลย” ผมดึงมืออีกฝ่ายออกแล้วพูดออกไปอีกเรื่อง ไอ้กันแสยะยิ้มนิดๆ ไม่ตอบอะไรกลับมา แต่ส่งมือออกมาอีกครั้งแล้วดึงจมูกผม!

          “เฮ้ย!”

          “ผลักกูตกจากหน้าต่างเมื่อคืนยังไม่พอ เช้านี้มึงยังหนีกูมาอีก บอกสิว่าจะให้จัดการกับมึงยังไงดี” มือหนาทั้งดึงทั้งส่าย จมูกกูจะหลุดแล้วพ่อ เพื่อนรักทั้งสองคนที่นั่งอยู่ก็ไม่มีช่วยกันเลยสักนิด นั่งเท้าคางมองเหมือนกำลังชมละครสุดสนุก

          “ไม่ต้องทำอะไร แค่รักเราเพิ่มขึ้นก็พอแล้ว”

          “งั้นเหรอ”

          ผมดึงมือไอ้กันออกอีกครั้ง พี่แกก็ยอมปล่อยแต่โดยดีและขยับมานั่งลงข้างๆ แหมๆ ประกบเลยเนอะ นั่งซะชิดเลย เราเพิ่งรู้นะเนี่ยว่านายขาดความอบอุ่น ไอ้นานามองไอ้กันแล้วเบะปากใส่

          “แหม นั่งชิดแบบนั้นไม่สิงไอ้วิปไปเลยล่ะ เฮอะ! ทีก่อนหน้านี้ทำรังเกียจเพื่อนกู”
          “นานา ฉันก็เพื่อนเธอนะ”

          “เกือบจะเลิกเป็นเพื่อนก็ตอนที่นายรังแกไอ้วิปนี่แหละ” อย่าเพิ่งกลายร่างนะแม่ คนสวยแยกเขี้ยวใส่ร่างสูง พี่กันของเราก็ไม่ได้หวั่นเกรงแม้แต่น้อย ยิ้มนิดๆ แล้วยกมือขึ้นมากอดไหล่ผม

          “อย่าห่วงเลย เพราะต่อไป…วิปได้โดนฉันรังแกอีกยาวแน่” อ๊ากกกก! รังแกอะไร! แล้วทำไมต้องหันมาทำสายตาร้อนแรงใส่กูด้วย คิดว่ากูจะเขินมั้ย แต่…แต่ว่านะ อยากทำอะไรทำเลย! กูพร้อม

          “กูกับไอ้ตองยังนั่งอยู่ เห็นหัวด้วย” ไอ้นานาทนไม่ไหวต้องขัดจังหวะการสบตาปิ๊งๆ ของเรา ผมหันหน้ากลับมาแล้วเกาแก้มแก้เขิน

          “แล้วนายไม่มีเรียนหรือไง ไปๆ ไปเรียนได้แล้ว” นี่ไง อย่างที่เคยบอกเมื่อนานมาแล้ว ไอ้นานาจะเห็นคนมีความรักความสุขฟรุ้งฟริ้งใกล้ๆ ตัวไม่ได้ เพราะตัวเองไม่มี

          ขี้อิจฉา!

          “ก็มี…แต่คิดถึง” คำหลังหันมาพูดกับผม
          “ไปเรียน!!!”

          จ้า~ แยกย้ายได้แล้วเนอะ

          ไอ้กันจำต้องยอมแยกไปเรียน พร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่าตอนเที่ยงจะมารับไปกินข้าว ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่แน่นอน มันจะมีตัวขัดตลอดงานนะครับ ไอ้นานาไงจะใครล่ะ เพราะงี้แหละผมถึงอยากหาแฟนให้มัน



………………



          เที่ยง
          พอเที่ยงไอ้กันก็มารับไปกินข้าวอย่างที่บอกไว้ แต่ไม่ได้มาเพียงคนเดียว ยังหิ้วเพื่อนอีกสองคนมาด้วย ผมเดินเข้าไปหาทั้งสามคน ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองนะ กับไอ้อาร์คกันๆ มันดูหมั่นๆ หน้ายังไงชอบกล หรือยังไม่ดีกันอีก

          “ไงหมาเป๋า ยิ้มร่าเลยนะ ตอนไอ้กันบอกว่าจะมารับมึงไปกินข้าวกูนี่ตกใจ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้นะเนี่ย” เดินไปถึงไอ้ชานก็ทักก่อนเลย ผมยักคิ้วหล่อๆ ให้ เป็นไงล่ะ ในที่สุดกูก็ได้มาครองหึๆ ร่างสูงตาดุไม่สนใจคำแซวของเพื่อน ขยับมายืนตรงหน้าผมพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะที่ปลายจมูกเบาๆ

          ไม่เข้าใจเลยนาย ทำไมต้องจมูก แก้มก็มีมั้ย

          “จมูกกูมีอะไรหรือไง” ผมถาม

          “เปล่า แค่เห็นแล้วอยากกัด” เป็นอะไรที่ตอบตรงมาก ตอบอะไรไม่เกรงใจอีกสามคนที่ยืนอยู่เลยแม้แต่น้อย ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ไอ้กันมันมีความรู้สึกอย่างนี้หรือเปล่า เพราะมันไล่ผมตลอด แต่ดูตอนนี้ดิ…ดูวววว~

          “กลับบ้านไปกัดกันเลยมั้ยล่ะ ส่วนพวกกูจะไปกินข้าว” บอกแล้วว่ายังไงก็มีตัวขัดตลอดงาน ไอ้นานากอดอก จ้องตรงมาด้วยสายตาเอาเรื่อง ไอ้ชานหันไปหัวเราะเบาๆ แหม…โดนใจมึงล่ะสิ

          “ใจเย็นนะแม่ ไปๆ ไปกินข้าวกัน” ผมเมินไอ้กันแล้วเดินไปควงแขนคนสวย นาทีนี้เอาเพื่อนไว้ก่อน ไอ้กันคงไม่โกรธหรอก แต่พอหันกลับไปมองก็ได้รู้ว่าผมคิดผิด ไอ้กันจ้องมาที่มือผมเขม็งเลย พร้อมกับชี้บอกให้ปล่อย ผมยิ้มแหย่ๆ แล้วรีบปล่อยมือออก แค่นี้มึงก็หึงเนอะ

          แต่เพื่อนสาวของผมนั่นไม่ได้เกรงกลัวด้วยเลย พอผมโดนสั่งมาแบบนั้น แม่คุณก็เปลี่ยนมาควงผมแทน พร้อมกับส่งสายตาเยาะเย้ยไปให้ร่างสูง

          เป็นไงล่ะ ไม่มีใครขัดแม่กูได้หรอกนะ

          พวกเราพากันมาที่ร้านเนื้อย่างแห่งหนึ่ง ซึ่ง…พอมาถึงหน้าร้านปุ๊บ เหล่าผู้ชายก็ได้รับสายตาจิ๊กที่ร้อนแรงแทบฆ่าจากคนสวยเพียงหนึ่งเดียวทันที

          “เลือกร้านอะไรไม่เกรงใจกูเลย แดกเสร็จกูต้องกลับบ้านสระผมใช่มั้ย” สะบัดเสียงใส่ไม่สบอารมณ์ แต่ตัวเดินนำคนอื่นเข้าไปในร้านก่อนเลย ไอ้อาร์คหัวเราะเบาๆ เมื่อไอ้นานาเดินเข้าไปแล้ว แหม ต่อหน้าไม่ยอมขำให้เห็นเนอะ

          “กูยกให้นานาเป็นแม่ประจำกลุ่มเลย ดุกว่าแม่กูอีก” ไอ้ชานเอ่ยขึ้นมาเบาๆ หึๆ มึงคิดเหมือนกูเลยชาน แต่เรื่องดุกว่าแม่อันนี้ไม่นะ แม่ผมก็ดุพอๆ กับไอ้นานานี่แหละ

          “ถ้าชอบมึงก็จีบเลย” ไอ้อาร์คใช่ศอกกระทุ้งแหย่เพื่อน

          “เฮ้ย กูยังไม่อยากมีแม่เพิ่มอีกคน” ไอ้ชานส่ายหน้ารัวๆ มึงแม่งทำร้ายเพื่อนกูมากเลย เหมือนไอ้นาเป็นมารร้ายน่ากลัวงั้นแหละ แต่…ผมก็คิดอย่างนั้นนะ

          “จะไม่กินกันหรือไง จะยืนเป็นบอยแบรนด์ใช่มั้ย!”

          เมื่อเรายังไม่เดินเข้าไปในร้านกันสักที ไอ้นานาก็เดินออกมาตะโกนเรียก

          “เข้าไปกันเหอะ เดี๋ยวแม่ด่าอีก” ผมบอกแล้วเดินนำ ปล่อยให้เจ๊แกรอนานไม่ดีครับ สงสัยจะโมโหหิวด้วยดูของขึ้นแบบสุดๆ พวกที่เหลือก็กำลังเดินตามมา แต่ไอ้อาร์คก็รั้งไอ้กันไว้ซะก่อน

          “กัน กูขอคุยกับมึงหน่อยแป๊บนึง”

          ผมหันกลับไปมองทั้งคู่ ร่างสูงทั้งสองคนยืนจ้องตากันเงียบๆ พักหนึ่ง ผมหวั่นว่ามันจะต่อยกันจริงๆ เลย ภาพวันนั้นยังติดตาอยู่เลยนะ ไอ้ชานเหมือนจะเข้าใจทั้งสองคนเป็นอย่างดี เดินมากอดคอผมเพื่อพาเข้าร้าน เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อน พวกนั้น…

          “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มันคุยกันแป๊บเดียว”

          “ใช่ กูคุยกันแป๊บเดียว มึงเข้าไปก่อนเลยวิป ส่วนมึงไอ้ชาน…ปล่อยมือด้วย” สุดที่รักผมหันมาบอก ประโยคหลังของเฮียแกเสียงโหดมาก ไอ้ชานรีบยกมือขึ้นเมื่อได้รับทั้งเสียงทั้งสายตาโหดๆ

          ไอ้ขี้หึง!

.

.

          สองหนุ่มเดินแยกออกมาหลังจากพวกนั้นเดินเข้าไปในร้านกันแล้ว กันมีสีหน้าเรียบเฉย ตัวเขานั้นไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเพื่อนคนนี้หรอก เพียงแค่เห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ แถมมันยังชอบมาวนเวียนใกล้ๆ ร่างเล็กอีก

          ก็ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะหวงอะไรวิปมันเลย แล้วก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ด้วย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ใครหน้าไหนก็ห้ามเข้าใกล้วิปของเขา โดยเฉพาะไอ้เพื่อนคนนี้ วิปมันยิ่งเคลิ้มง่ายกับไอ้เวรนี่อยู่

          “คุยกับกูก็ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยดิวะ” อาร์คแหย่เพื่อน เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าหงุดหงิดแล้วมันก็อดไม่ได้ ก็พอรู้อยู่ว่าเพื่อนรักเป็นอะไร ไม่คาดคิดเหมือนกันว่ามันจะมีนิสัยขี้หึงได้มากขนาดนี้

          “มึงเรียกกูออกมาเพื่อนกวนตีน?”

          “เปล่า เรียกมาขอโทษ”

          “หืม?”

          “ทั้งหมดเลย ไม่ว่าเรื่องไหนที่กูทำให้มึงไม่พอใจ กูขอโทษ ถึงบางเรื่องกูไม่ได้คิดว่ากูผิดก็เถอะ” กันคิ้วกระตุกกับคำพูดของเพื่อน มาขอโทษมันยังกวนตีน

          “กูจะไม่พูดว่ากูทำไปเพราะอะไร แต่อยากให้มึงรู้ไว้ กูไม่คิดจะแย่งไอ้วิปจากมึง มึงยังเป็นเพื่อนกู มึงเองก็สำคัญสำหรับกูนะ” กันทำหน้าไม่ถูกไปแวบหนึ่งเลย เผลอคิดตลกกับคำพูดที่ว่ามึงก็สำคัญ อาร์คเห็นเพื่อนทำหน้าแปลกๆ ก็หัวเราะออกมา ก่อนจะยกแขนกอดคอเพื่อน

          “มึงสำคัญจริงๆ นะ”
          “ไอ้เหี้ยมึงพอเลย!”
          “ฮ่าๆ”

          “ส่วนกูไม่ขอโทษมึงหรอกนะ กูคิดว่าที่กูต่อยมึงกูทำดีสุดแล้ว แต่แค่อยากบอกให้รู้ ว่ากูรู้สึกผิด” กันแสยะยิ้มนิดๆ แล้วยักไหล่ เป็นอย่างที่บอกนั่นแหละ เขารู้สึกดีสุดๆ แล้วที่ได้ถีบเพื่อนรักในวันนั้น

          “หึ ต่อไปมึงก็ไม่ต้องหึงไอ้วิปกับกูแล้ว กูจะตัดใจ” อาร์คบอกพร้อมกับถอนหายใจ ตัดใจมันต้องใช้เวลา แต่ยังไงก็ต้องทำ เพราะฝืนชอบต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา กันมองเพื่อนด้วยความเห็นใจเล็กน้อย แต่ให้มันตัดใจน่ะดีแล้ว เขาจะได้หมดคู่แข่ง

          “แต่อย่าปล่อยให้หลุดมือล่ะ เสร็จกูแน่ๆ”

          “มึงจะเอาใช่มั้ยไอ้เหี้ยอาร์ค” กันชักสีหน้าใส่ เหมือนจะดีนะที่ออกมาคุยกันแบบนี้ แต่มันทำให้หงุดหงิดหนักกว่าเดิมอีก อาร์คที่แกล้งเพื่อนได้ก็หัวเราะชอบใจ มือหนาขยี้ศีรษะเพื่อนแรงๆ

          “หูยโกรธๆ”
          “เหี้ยอาร์ค!!”

          “หึ! ต่อไปนี้มึงได้ตามหึงไอ้วิปเหนื่อยหน่อยล่ะ เห็นมีพี่คนนึงก็ชอบมันอยู่เหมือนกัน มาหาถึงบ้านเลย ที่ชื่อพลุน่ะ” กันนิ่งไปนิด กำลังนึกอยู่ว่ามันคือใคร แล้วภาพผู้ชายตัวใหญ่หน้าโหดที่เคยมาบอกชอบไอ้วิปก็แวบเข้ามาในหัว

          “หึ! มันไม่ได้แดกหรอก”
          “แล้วกูมั่นใจ ไอ้วิปมันน่ารัก ไม่ได้มีแค่พี่คนนั้นหรอกที่ชอบ มึงเหนื่อยแน่กัน”

          ถ้าใจร่างเล็กยังอยู่ที่เขา มันก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอก



………………………..



          หลังจากกินข้าวกันเสร็จพวกเราก็แยกย้าย ไอ้ชานกลับไปเรียนต่อ ส่วนนานาเห็นบอกว่าจะไปซื้อของแก้เซ็ง ไอ้อาร์คก็ยอมถอยตามไปเพื่อให้เวลาผมและไอ้กันได้อยู่ด้วยกัน แม่งน่ารักว่ะ!

          พวกเราไม่มีที่ไป ก็สรุปกันว่าจะกลับบ้าน เมื่อกี้พ่อโทรมาหาถามด้วยว่าจะกลับเมื่อไหร่ จะเตรียมข้าวเย็นไว้ให้ ผมต้องเดินออกมารับให้ห่างจากไอ้กัน เผื่อมันเกิดบ้าพูดขึ้นมาเดี๋ยวพ่อจะสงสัยเอาอีก

          ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่บนรถเมล์ที่คนแน่นเอี๊ยด ผมได้นั่งแต่พี่กันของเรานั้นยืน ผมมองจากมุมนี้ หุ่นกันๆ มันดีจริงๆ นะ แต่พอเห็นสุดที่รักยืนนานๆ ก็สงสาร ร่างสูงรู้ตัวว่าโดนจ้องอยู่ก็ก้มหน้าลงมายิ้มให้นิดๆ

          “นั่งตักกูมั้ย”
          “ตลกละ”

          “จริงจังนะเออ เราเป็นห่วง” ร่างสูงยิ้มรับ ก่อนจะโน้มลงมาพูดชิดหูผม ริมฝีปากแตะโดนเบาๆ เพราะรถที่เคลื่อนที่ตลอด ผมเกร็งตัวขึ้นมาแวบหนึ่ง

          “ถ้าห่วงจริงก็ลุกสิ แล้วมึงมานั่งตักกู หึ! ถ้าไม่อายคนอื่นล่ะก็นะ”
          โอเค กูอาย หน้าไม่ด้านแล้ว เพราะงั้นมึงก็ยืนต่อไปแล้วกัน

          และแล้วก็กลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัยไม่มีใครต้องอายสายตาประชาชี ก่อนจะเดินเข้าซอยไอ้กันก็แวะไปซื้อให้ติมมากินกันคนละแท่งด้วย เอาใจกันเต็มที่ เราก็เดินเข้าซอยกับเงียบๆ กำลังจดจ่ออยู่กับของอร่อย

          ร่างสูงข้างกายก็หันมามองผมอยู่บ่อยครั้ง ผมก็เงียบไม่ได้ถามอะไร จนมือหนาค่อยๆ เลื่อนมากุมมือผมไว้แบบเนียนๆ นั่นแหละผมถึงได้หันไปหา

          “อะไรเนี่ย” ว่าแล้วก็ชูมือข้างที่โดนจับอยู่ขึ้นมา
          “ไม่มีอะไร แค่อยากเดินจับมือ”

          “โอ๊ย ทำเป็นเด็กน้อยวัยใสไปได้ เดินจับมือ น่ารักอะ!” ผมทำเสียงแหย่อีกฝ่ายกลับไป ที่รักของผมนี่มีทุกมุมเลยนะ ทั้งโหด หมาบ้า น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง อยู่ด้วยแล้วครบรสมาก ไม่หาคนอื่นละ เอาแค่คนนี้คนเดียวพอ

          “เดินจับมือไม่ชอบงั้นนอนจับมือกันบนเตียงมั้ยล่ะ” เมื่อได้โอกาสไอ้กันก็หยอดกลับมา ผมผงะไปนิดกับรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจนั่น แหมๆ นอกจากหลายๆ มุมที่ว่าไปนั่นแล้ว ยังมีมุมหื่นอีกด้วย ผมยิ้มไม่ตอบแต่ยักคิ้วกลับไปให้แทน

          ถ้าน้องกล้า พี่ก็กล้า!

          “วิป”
          “ครับผม”

          “ไอ้คนที่ชื่อพลุยังตามจีบมึงอยู่อีกเหรอ” อยู่ๆ ก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา ผมลังเลเล็กๆ ในใจว่าจะบอกความจริงดีมั้ย ไอ้หมาบ้านี่แม่งยิ่งขี้หึงอยู่ด้วย จากที่เห็นมาหลายๆ ครั้งนิดเดียวมันก็หึงได้ กับไอ้นานามันยังหึง แล้วถ้าเกิดบอกเรื่องพี่พลุไปมันไม่ยิ่งบ้าเหรอ และผมก็ไม่อยากให้มันไปหาเรื่องพี่พลุด้วย ถึงพี่แกจะโหดแต่พี่แกก็น่ารักนะ

          กระบองเพชรยังอยู่ให้ผมชมทุกเช้าเลย
          “ก็…ไม่ค่อยได้เจอหรอก มึงอย่าใส่ใจเลย”

          “ต่อไปนี้ทุกเรื่องของมึงกูจะใส่ใจ” ผมยิ้มกว้างแล้วยกนิ้วโป้งให้ ถือว่าทำดี เดี๋ยวพี่ให้คะแนนพิเศษ ทำตัวน่ารักอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ล่ะ

          “วิป”
          “ครับผม”

          “ไปบ้านกูก่อนมั้ย” ร่างสูงก้มลงมาถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ้อนนิดๆ เอาจริงไม่ต้องถึงขนาดอ้อนกันหรอก แค่มันชวนผมก็ไปแล้ว แต่ไหนๆ พี่แกก็อ้อนมาละ เล่นตัวหน่อยดีกว่า ผมทำสีหน้าคิดหนัก

          “ไปดีมั้ยอะ เดี๋ยวพ่อสงสัย”
          “ให้พ่อมึงรู้ไปเลย”

          เปรี้ยวไป!!

          “ยิ่งทำให้พ่อโมโหมึงจะยิ่งไม่ได้เจอกูนะเออ ไม่เอาน่า อย่าเปรี้ยวนักเลย” ผมส่ายนิ้วด้วยท่าทางขี้เล่น แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงนั้นจะไม่เล่นด้วย ใบหน้าหงุดหงิดเริ่มกลับมาอีกครั้ง โด่ว~ แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ไม่ถึกเลย

          “แล้วจะให้กูทำยังไง ให้กูไปคุยกับพ่อมึงตรงๆ มึงก็ไม่ยอม กูพามึงไปกกที่บ้านเลยดีมั้ย ไม่ต้องปล่อยกลับบ้านแม่งเลย” หัวเสียไปอีก ผมหัวเราะออกมา ไอ้บ้า~ กกอะไร พูดให้มันดีๆ หน่อย นี่ดีใจไปก่อนแล้วนะเออ ร่างสูงชักสีหน้าใส่เพราะคิดว่าผมหัวเราะเยาะมัน

          “พอเลย กูไม่ปล่อยกลับบ้านละ ไปกับกูนี่แหละ” มือหนาข้างที่กุมมือกันไว้อยู่เลื่อนออกมากอดล็อกคอผมไว้แทน ดึงให้ผมเข้าไปซุกอยู่กับอกแน่นๆ นั่น

          อื้อหื้ออออออ~ กลิ่นหอมเฉพาะตัวตีเข้าจมูกทันที ขอสูดหน่อย

          สรุปแล้ว…ก็มาที่บ้านไอ้กันนั่นแหละ ผมปล่อยให้ร่างสูงเดินเข้าบ้านไปก่อน ส่วนตัวเองก็ย่องมาหาลุงที่กำลังตัดหญ้าอยู่ พอยืนอยู่ข้างหลังแกก็ลังเลนิดหน่อย จะแกล้งให้ตกใจดีมั้ย ถ้าทำไปแล้วกรรไกรตัดหญ้าในมือแกมันจะทำร้ายผมหรือเปล่า

          “เฮ้ยลุง!!”

          “เฮ้ย!!!” ลุงแกก็ร้องตกใจตามเสียงร้องของผม สะดุ้งสุดตัวพร้อมกับปล่อยกรรไกรตัดหญ้าในมือทิ้ง ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะยิ้มกว้างโลกสว่างจ้าไปให้

          “หวัดดีครับลุงงงงง~”
          “เอ็งแกล้งข้า!”

          “เอ้า! แน่นอน นี่แกล้งเต็มๆ เลยเออ!” เราเป็นคนดี เราทำอะไรแล้วเรายอมรับ ลุงชมส่ายหน้าให้ผมแล้วกลับไปทำงานของแกต่อ แต่ไอ้ตัวป่วนอย่างเรานั้นก็ยังไม่หยุดกวน ผมสะกิดไหล่แกจึ้กๆ

          “คุยกันก่อน ผมเหงา”
          “เอ๊ะ ทำงานอยู่”

          “เอ๊ะ ดื้อออออ~” เรื่องกวนคนอื่นขอให้บอก ผมล่ะถนัดนัก สุดท้ายลุงแกก็ไม่ยอมคุยด้วย ผมเบะปากใส่แบบงอนๆ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้ามาในบ้าน ไอ้กันๆ ไม่รอผมเลย สงสัยขึ้นไปบนห้องก่อนแล้วแน่เลย ผมก็เดินขึ้นมา เปิดประตูเข้ามาในห้องแต่ก็ไม่เจอร่างสูง

          มึงหายหัวไปไหนที่รัก

          ผมยักไหล่ ยังไงก็บ้านมัน มันไม่หลงหรอก เมื่อทางสะดวกผมก็กระโดดขึ้นเตียง กลิ้งเล่นได้แบบสบายเพราะมันใหญ่มาก ดึงหมอนใบใหญ่นุ่มๆ เข้ามากอด อื้อหื้ออออ~ กลิ่นพี่กันนนน~

          จะว่าไปผมยังไม่เคยรื้อห้องไอ้หมาบ้าดูเลยนะว่ามีอะไรบ้าง เผื่อเราจะได้เจอความลับบ้างอะไรบ้าง แต่เอาเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ได้รื้อเอง เพราะยังไงไอ้หมาบ้าต้องลากผมมาหาบ่อยๆ แน่

          แต่เราก็เต็มใจ

          แกร๊ก

          ผมได้ยินเสียงเปิดประตูแต่ยังไม่ได้หันไปมอง มีคนเดียวนั่นแหละ เจ้าของห้องไง ผมนอนซุกกับหมอนพี่แกนิ่งๆ สักพักก็ต้องเบ้หน้าด้วยความจุก ร่างสูงเดินมาทิ้งตัวทับผมแบบเต็มๆ ดังตุบ!

          แอ๊ก! หนัก!

          “ขึ้นมานอนบนเตียงแบบนี้ ยั่วกูเหรอ”

          “โหยคิดได้ ลุกออกไปก่อนได้มั้ย มึงหนักมากเลย” ผมหันไปทำอ้อน มึงไม่ได้ดูตัวมึงเลยเนอะ ร่างสูงเลิกคิ้วกวนๆ กลับมา ผมนึกว่ามันจะไม่ยอมทำตามที่ขอแล้วนะ แต่ก็ไม่ใช่ พลิกตัวลงไปนอนข้างๆ แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น มือหนายังเกี่ยวตัวผมติดไปด้วย ให้ไปนอนทับอยู่บนอกอีกฝ่ายแทน

          “แน่ะๆ อยากกอดกูล่ะสิ”
          “ใช่ อยากกอด” พูดเฉยๆ ก็ได้ สายตาร้อนแรงยังไม่ต้องหรอก

          “เออนี่กันๆ กูสงสัย มึง…รู้สึกแปลกๆ บ้างมั้ยเวลากอดหรือจูบกูอะ คือกูก็เป็นผู้ชายงี้ ถึงแม้ว่ากูจะน่ารักหน้าตาดีมากก็เถอะ มึงโอเคใช่มั้ย” ผมดึ๊บๆ ขึ้นไปให้พอมองหน้าอีกฝ่ายได้ จ้องตากดดันในระยะประชิดเลย ถ้าคำตอบไม่โอเคกูโหม่งมึงแน่กันๆ

          ร่างสูงทำหน้าล้อเลียนใส่เมื่อผมชมตัวเองว่าหน้าตาดี แหมมึง ก็ให้กูนิดนึงเหอะ ถ้ากูไม่น่ารักมึงจะชอบเหรอ จริงปะ? ผมหมั่นไส้ เอาคืนด้วยการฟาดไปที่ปากสวยๆ ของมันเบาๆ แล้วก็โดนยึดมือไว้อย่างนั้น ค้างอยู่ที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะโดนกดจูบย้ำๆ ลงมา

          ไอ้บ้า~

          “มีเรื่องนึงที่มึงไม่เคยรู้นะวิป”
          “เรื่องอะไรครับ”

          “กูชอบผู้ชาย ไม่เคยชอบผู้หญิง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้กูจะรำคาญมึงก็เถอะ แต่การที่มึงเข้ามาป่วนเปี้ยนใกล้ๆ แถมยังจูบกูอีก มึงคิดว่ากูต้องยั้งตัวเองไว้แค่ไหนกัน” คนใต้ร่างพูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยม ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่เพิ่มได้รู้

          ชอบผู้ชาย!!! โอ้ว~

          “เอ่อ…แฮ่~ จริงดิ”
          “คิดว่าไงล่ะ”
          “แฮ่~ คือ…ยั้งไว้ไม่ให้ต่อยใช่ม้า~”

          “ไม่ให้ปล้ำต่างหาก” ร่างสูงเฉลยก่อนจะพลิกผมให้ผมลงไปนอนด้านล่างแล้วแนบริมฝีปากลงมา จู่โจมเร็วไป! จะจูบก็ไม่ยอมบอกกันก่อนเลย มือหนาล็อกตัวผมไม่ให้ขยับหนี ริมฝีปากก็จูบย้ำๆ ลงมาแล้วเพิ่มความหน่วงหนักขึ้นเรื่อยๆ

          ผมคิดว่า ผมอาจจะใจง่ายอย่างที่ไอ้กันเคยด่าไว้ก็ได้นะ เพราะเพียงแค่ริมฝีปากของเราแตะกัน ผมก็โอนอ่อนยอมให้จูบแต่โดยดี ไม่มีขัดขืนแถมยังให้ความร่วมมือ เปิดปากออกให้อีกฝ่ายได้เข้ามา ร่างสูงพอเห็นว่าผมไม่ดิ้นก็คลายแรงล็อกลง เปลี่ยนมาลูบแขนผมเบาๆ แทน

          “อื้มม…อะ” เสียงน่าอายหลุดออกมา แต่ผมไม่มีความคิดที่จะอายแล้ว ต้องบอกว่าไม่ทันคิดจะดีกว่า ไอ้หมาบ้ามันชักจูงผมให้เคลิบเคลิ้มตามไปกับสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ร้อนแรงนี่

          ผละออกมาจ้องผมแวบหนึ่ง แล้วก็วนเวียนกดจูบย้ำๆ อยู่ที่ปากผมไม่เลิกรา มือหนาเลื่อนขึ้นมาแตะที่แก้มขาวแล้วออกแรงลูบเกลี่ยแผ่วเบา

          “ชักหลงมึงแล้วสิวิป” เสียงเข้มที่เคยโหด พอมากระซิบแบบแหบพร่าอย่างนี้เล่นเอาใจคนได้ฟังถึงกับสั่น ขนลุกวูบวาบไปหมด เป็นความรู้สึกแบบดีนะ อย่าคิดเป็นอื่น

          “แต่กูหลงมึงมานานแล้ว”

          “หึๆ ขอลิ้นหน่อย…อยากดูด”

__________________________________________

วู้วววฮู้วววววว มาแล้วจ้าาาา คิดถึงๆ ><
ตอนนี้หลงพี่กันของน้องมากเลย พี่แกน่ารัก เราลืมพี่อาร์คละ ได้ใหม่ลืมเก่า 55555
บอกเลย พี่อาร์คนางคือคนไม่จำเป็นในตอนนี้ ฮึก เสียใจด้วยนะคะ ^o^
มาลงช้าไปนิดดดดด ต้องขอโทษด้วยนะคะ และก็ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านกันอยู่ ยังอยู่ด้วยกัน รักนะ ♥
ไปล้าวววววๆ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านที่คอมเม้นให้ ไหนนน มากอดที ฮึ้บๆๆ
 :mew1: :mew1: :mew1:




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-07-2016 18:44:32
 :-[ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 28-07-2016 22:08:43
หวานมากกกกกก กรี๊ดมาขอลงขอลิ้นนนน เขินนนน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 29-07-2016 07:37:15
ประโยคสุดท้ายนี่คืออะไรรรรร :pighaun: :katai1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-07-2016 10:12:54
พอรู้ใจตัวเองแล้วน่ารักนะกันกัน
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-07-2016 09:22:09
กันกันแม่งขี้หึง
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: fannaio ที่ 30-07-2016 09:52:15
ขอพี่อาร์คแล้วกันนะวิปจ๋าาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-07-2016 12:52:04
หมากันมานรุกหนักเรื่อยๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 26] [28 - 7 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 31-07-2016 13:45:58
อ้ายยยย
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 27] [3 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 03-08-2016 17:31:38


ตอนที่ 27



 

 

          ร่างสูงเล่นเอ่ยขอแบบหน้าด้านๆ พร้อมกับส่งสายตาที่แลดูติดจะออดอ้อนมาให้ด้วย ผมนอนใจเต้นตึกตักรัวๆ แทนที่จะหยิบยื่นลิ้นออกไปให้ตามที่ขอ ผมกลับขบกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น


          ไม่ใช่เพราะหวง แต่เพราะตื่นเต้นและรู้สึกหัวใจพองโตต่างหาก


          “วิป” เรียกอีกครั้งเพื่อกระตุ้น


          ผมรวบรวมสติสตางค์กลับมาแล้วหลับตาปี๋อ้าปากยื่นลิ้นออกมาตามที่อีกฝ่ายขอ ร่างสูงยิ้มรับนิดๆ แล้วโน้มใบหน้าลงมา อ้าปากเม้มปลายลิ้นของผมเบาๆ เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั่วร่าง ร่างหนาค่อยๆ แทะเล็มไปทีละนิดอย่างไม่รีบร้อน อารมณ์ประมาณว่าขนมหวานตรงหน้านี้ยังไงก็ได้กินจนอิ่มแน่ๆ


          โอ๊ย กูคิดอะไรอยู่!


          ผมรู้สึกมือไม้ตัวเองเกะกะไปหมด ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี พี่กันคนดีของผมเลยช่วยหาที่วางให้ โดยการรั้งแขนผมทั้งสองข้างให้ยกขึ้นกอดรอบลำคอแกร่ง ส่วนตนเองนั้นก็มัวเมากับริมฝีปากผมไม่เลิก


          ล่องลอย~ ล่องลอยสุดๆ แล้วในตอนนี้ มันนุ่มนวลชวนให้เคลิบเคลิ้มแล้วค่อยเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ผมเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ปลายลิ้น


          รุนแรงไปนะหื้อออ~


          “อะ…อื้ม~” เสียงร้องครางหลุดออกมาเบาๆ ไอ้กันดูชอบใจไม่น้อย ยิ่งบดเบียดเข้ามาแนบแน่น มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข เลื่อนลงไปลูบแขนผมเบาๆ ปลายนิ้วเกลี่ยหยอกล้อกับผิว


          ผมนอนละทวยใต้ร่าง ใจก็เต้นรัวๆ เลย ในหัวกำลังคิดภาพต่อจากนี้อยู่ บนเตียง จูบกัน มีลูบแล้วด้วย ต่อไปจะเป็นอะไรวะ เฮ้ยตื่นเต้น!


          ร่างหนาเมื่อจูบจนพอใจแล้วก็ผละออกไปเล็กน้อย จ้องตาผมด้วยสายตาที่ร้อนแรงและดึดดูด เล่นเอาในใจผมแวบนึงอยากจะดึงพี่แกมาจูบอีกรอบ ยิ้มให้นิดๆ แล้วจูบปลายจมูกผมไปก่อนจะย้ายลงไปนอนข้างๆ


          อ้าว


          “ไม่ทำต่อเหรอวะ” ผมยันศอกหันไปถาม หน้าตาดูข้องใจมาก พากูเคลิ้มแล้วก็ทำกันอย่างนี้เหรอ


          “อยากให้ทำเหรอ” ไอ้นี่ก็กวนตีนกลับมา สายตาโคตรจะล้อเลียน ผมเชิดหน้าแล้วสะบัดหน้าหนีแม่งซะเลย โด่ว~ ไม่ได้อยากให้ทำสักหน่อย แต่ถ้าจะทำกูก็พร้อมนะเออ ไอ้กันหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วรั้งตัวผมเข้าไปกอด


          เฮ้ยๆ กอดไมเนี่ย

          “อย่ามากอด กำลังหวงตัวอยู่”


          “ไม่ทันแล้ววิป เมื่อกี้กูได้ไปเยอะแล้ว” ดูว~ ดูมันพูดเข้า ผมยกมือตีปากไปมันไปที ข้อหาหมั่นไส้ล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ผมคงจะโดนกลับมาไม่ใช่น้อย แต่ในตอนนี้ร่างสูงเพียงแค่หัวเราะด้วยความอารมณ์ดีเท่าไหร่ ไม่พอ ยังจับมือผมขึ้นไปจูบหนักๆ อีก


          เอาเลย~ กูเขินแน่นอนอยู่แล้ว

          “แกล้งมึงก็สนุกดีนะวิป”

          “แกล้งมากกูน้อยใจนะเออ”


          “เดี๋ยวค่อยง้อไง” นัวเนียชุดใหญ่ เดี๋ยวจูบแก้มเดี๋ยวจูบที่ปลายจมูก มึงรักจมูกกูมากเลยสินะกันๆ เอะอะวนเวียนเข้าแถวนี้ตลอด ผมก็นิ่งใจง่ายยอมให้ผม เล่นตัวทำไมล่ะจริงมั้ย


          “ถ้าก่อนหน้านี้กูไม่ฟอร์มจัด กูคงได้กอดมึงเร็วขึ้นกว่านี้สินะ” อยู่ๆ ไอ้กันก็พูดขึ้นมา ผมเบะปากด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเอานิ้วจิ้มๆ ริมฝีปากสวยของมันแรงๆ


          “ก็ใช่น่ะสิ มึงเพิ่งจะรู้หรือไง มัวแต่เล่นตัวอยู่นั่นแหละ ฟายยยยย~ ฟายมากๆ”

          “พอๆ พอแล้ว เลิกจิ้มได้แล้ว ขอโทษๆ”


          “ดีมาก เด็กดีๆ” ผมยืดมือออกไปลูบศีรษะของมัน คราวนี้ไม่มีโมโหวุ้ย ยิ้มยอมให้จับให้ลูบได้อย่างเต็มที่ น่ารักไปอีกหมาน้อยของผม ร่างสูงก็ยิ่งขยับเข้ามาชิดมากยิ่งขึ้น ช่องว่างตรงกลางแทบไม่มีเหลือ


          Rrrrrrrr


          กอดกันกลมได้สักพักเสียงโทรศัพท์ของก็ดังขึ้น ไอ้กันชักสีหน้าไม่พอใจที่มีคนมาขัดจังหวะ ผมลูบหัวปลอบไปหนึ่งทีก่อนจะหยิบออกมา เบอร์ที่บ้านโชว์หลามาเลย ผมมองร่างสูงก่อนจะยิ้มแหยๆ


          “ฮัลโหล วิปวิปพูด~”

          [ลูกพ่อ กลับบ้านหรือยังลูก ถึงไหนแล้ว]


          ต้องโทษโทรศัพท์มั้ยที่เสียงมันดังเกินไป ดังทะลุออกมาข้างนอกให้อีกคนได้ยิน จากที่หน้าบูดอยู่แล้วยิ่งบูดหนักเข้าไปอีก นี่สงสัยถ้าไม่ติดว่าคนในสายคือพ่อของผมนะ ไอ้หมาบ้าคงดึงโทรศัพท์ไปตัดสายทิ้งแล้วแน่ๆ


          “เอ่อ…เดี๋ยวก็กลับแล้วพ่อ”


          “ไม่ให้กลับ” เหมือนว่าคำตอบที่ผมตอบพ่อไปนั้นจะไม่ถูกใจไอ้หน้าบูดอย่างแรง พี่แกยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูว่าอย่างนั้น กระซิบธรรมดาก็ไม่ได้นะ ต้องทำเสียงเซ็กซี่ด้วย แบบนี้มันยั่วกันชัดๆ เลย ผมกัดริมฝีปากฉับ ไอ้บ้า~ ทำไมแรดแบบนี้ ผู้ชายอ่อยเข้าหน่อยก็ไม่อยากกลับบ้านแล้ว


          แต่ว่า…

          [เดี๋ยวพ่อรอกินข้าวเนอะ]


          เห็นมั้ย จะปล่อยให้พ่อรอมันก็ไม่ถูกต้อง นานๆ ทีพ่อจะกลับมาสักครั้ง แล้วครั้งนี้ก็อยู่นานด้วย (ด้วยเรื่องของผมนี่แหละ) เราต้องใช้เวลาอยู่กับพ่อบ้าง


          “โอเค เดี๋ยวกลับแล้ว” ผมบอกก่อนจะวางสาย


          “วิป มึงอย่าใจร้ายกับกูสิ” หมาบ้ามันกลายเป็นลูกหมาไปแล้วครับ คงรู้ว่าโมโหใส่ผมก็กลับอยู่ดี เลยเปลี่ยนมาอ้อนแทน แหมรู้มากนะมึง รู้ว่าทำอย่างนี้แล้วกูจะใจอ่อน มองผมตาระห้อยเลย ผมยิ้มแล้วยื่นมือออกไปลูบหัวอีกฝ่าย


          “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีก กลับแล้วน้า~”

          เอาคืนเล็กๆ ก็คือความสะใจอีกแบบ




……………………..




          ผมต้องบอกเลยว่า ไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าผมจะพยายามพูดข้อดีของไอ้กันๆ ออกมายังไง พ่อก็ไม่ยอมรับมันแม้แต่น้อย ฝังใจเป็นอย่างมากว่าร่างสูงนั้นจะมาล่อลวงลูกชายตนเอง


          พ่อก็ช่างคิดได้


          และพ่อเองก็ไม่มีแพลนว่าจะกลับด้วยนะ เหมือนอยู่ยาว อยู่ทนคอยขัดขวาง หลังๆ พ่อเริ่มรู้งาน รู้ตารางเรียนของผม พอเลิกปุ๊บมีโทรเช็กด้วยว่าอยู่ไหนแล้ว จะกลับหรือยัง ซึ่ง…หมาบ้าที่ผมเลี้ยงไว้ก็ออกอาการอย่างหนักเพราะไม่ได้อยู่ใกล้เจ้าของ


          จะเจอกันก็ได้แค่แป๊บๆ เท่านั้น ซึ่งพี่แกก็หาทางล่อลวงผมไปที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ติดที่พ่อนี่แหละก้างชิ้นใหญ่เลย ขัดตลอด ถ้าเห็นไอ้กันเดินมาส่งผมที่หน้าบ้านเมื่อไหร่นะ เป็นอันได้ไล่ตะเพิดตลอด สงสารหมาบ้าเหมือนกันนะ


          มันเองก็เริ่มเคืองผมเหมือนกันที่ไม่ยอมไปเจอ เช้านี้ไม่มีไลน์หรือโทรหาเลย โทรศัพท์เงียบสนิท ผมหยิบขึ้นมาดูแล้วยักไหล่ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไรทำไมถึงได้ไม่อะไรมาก อาจจะเป็นเพราะเห็นไอ้กันมันคลั่งผมมากล่ะมั้ง ยังไงมันก็ไปไหนไม่รอดอะไรอย่างนี้


          ผมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปซื้อของให้ปู่ตามที่แกสั่งไว้เมื่อคืน มีการทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าถ้าไม่รีบซื้อ ข้าวเช้าก็ได้กินช้า แหมะ…เล่นขู่ซะไม่กล้าขัดเลย


          ผมเดินลงมา รับตังค์จากปู่แล้วออกมา จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าหมาบ้ามันงอนอยู่นะ วันนี้ก็กะจะชวนไปเดินซื้อของที่ตลาดด้วยกันอยู่หรอก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายงอนเป็นเด็กๆ อย่างนี้ก็ปล่อยมันไปก่อนแล้วกัน


          ผมเดินมาถึงหน้าปากซอยก็ดูใบรายการที่ปู่ให้มาไปด้วย ซื้อเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ทำอย่างกับว่ากินกันหลายคนงั้นแหละ นี่ถ้าตังค์ถอนเหลือเรามุบมิบได้มั้ยเนี่ย


          พรึ่บ!

          เฮ้ย!


          กำลังเดินดูใบรายการอยู่ดีๆ จู่ๆ กระดาษในมือก็ถูกดึงออกไป ผมตาโตรีบเงยหน้าคนที่มาดึงมันไป ก่อนจะเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ไอ้พี่พลุมองกระดาษในมือก่อนจะเบ้หน้าหน่อยๆ ด้วยเพราะหน้าพี่แกโหดอยู่แล้ว พอทำอย่างนี้เลยดูเหมือนว่าไม่พอใจรายการที่เขียนไว้


          “พี่พลุ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

          “คิดถึงใช่มั้ยล่ะ”

          “เปล่าเลย”


          “ว่าไงนะ!!” ผมย่นคอหนีเสียงดังๆ นั่น ไอ้บ้า! แค่พูดความจริงแค่นี้ทำไมต้องตะคอกกลับมาด้วย ผมรีบยิ้มประจบแล้วกวักมือเรียกให้เดินตามไปด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมไปด้วยอย่างว่าง่าย เออดีเว้ย


          “จะไปซื้อของเหรอ”


          “เปล่า จะไปขโมย”


          “ตลกเหรอ”


          “ช่วยขำหน่อยสิ” ไอ้พี่พลุยิ้มรับก่อนจะเดินตามมาเงียบๆ จนถึงตลาด ผมก็ไม่ได้ถามนะว่ามีธุระอะไรที่ไหนหรือเปล่า แต่เดินตามมาขนาดนี้คงไม่มีหรอกมั้ง


          พี่แกมาด้วยก็ดีอย่างนะครับ มีคนช่วยถือของด้วย ป้าแม่ค้าแกก็ตกใจนิดหน่อยเมื่อพี่พลุยื่นมือไปรับของแทนผม ป้าแกส่งให้ผมไง แต่พี่พลุมันตัดหน้า เขาก็นึกว่าจะขโมย แต่พอเห็นหน้าก็ไม่กล้าโวย โถ่พี่พลุ คนกลัวพี่เยอะเลยเนอะ


          “พี่พลุ วันนี้พี่ไม่ทำงานเหรอ”


          “วันนี้พี่หยุด” เอ่ยตอบแล้วรับถุงไข่ไก่จากแม่ค้ามาด้วย พี่พลุแม่งพึงพาได้ว่ะ ตัวใหญ่แรงเยอะ ถือเท่าไหร่ก็ไม่บ่น แบบนี้เรียกเอาใจได้หรือเปล่านะ


          พอซื้อของเสร็จก็ได้เวลากลับบ้าน ผมเหมือนมีองค์รักษ์ข้างกายเลยว่ะ ไอ้พี่พลุเดินหน้าโหดจนไม่มีใครกล้าเดินเฉียด มันจะดีก็ดีหรอกนะ แต่เหมือนตัวเชื้อโรคยังไงก็ไม่รู้แฮะ


          และในระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้น สายตาผมก็เหลือบไปเห็นเด็กในชุดนักเรียนกำลังปั่นจักรยานอยู่ริมถนน มึงเปรี้ยวมากไอ้น้องเอ้ย ไม่กลัวรถเลยหรือไง ตัวก็เล็กนิดเดียว ผมมองไปเรื่อยๆ ด้วยความเป็นห่วงอยู่ลึกๆ แล้วเรื่องที่กำลังห่วงมันก็เกิดขึ้น! รถมอไซค์ที่ขับมาอย่างเร็ว เฉียดเข้ากับน้องมันอย่างแรงจนร่างเล็กๆ นั่นล้มลง ผมเบิกตากว้าง มือกระตุกแขนเสื้อพี่พลุยิกๆ


          “พี่ๆ ดูนั่น!”


          “เฮอะ! โง่เอง ขี่ยังไงให้ล้ม” ร่างหนาทำสีหน้าเยาะๆ ไม่มีความรู้สึกเห็นใจอยู่ในนั้นแม้แต่น้อย ขายาวก็ก้าวเดินต่อ ผมอ้าปากค้างนิดหน่อย เอ่อ…กับคนที่พี่ไม่ชอบคือพี่ไม่เอาเลยใช่มั้ย


          “เฮ้ยเดี๋ยวสิพี่พลุ! ไปดูน้องมันก่อน”


          “มันไม่ตายหรอก!!”


          แล้วทำไมต้องตะโกนใส่กูด้วย?


          “งั้นเดี๋ยวผมไปดูน้องมันเอง พี่รออยู่นี่นะ เอ้าฝากของด้วย” ผมบอกอย่างร้อนใจ ไอ้บ้า น้องมันตัวนิดเดียว นั่นยังไม่ลุกจากพื้นเลย รถก็เยอะ เดี๋ยวมีคันไหนมาซ้ำอีกเดี๋ยวจะยิ่งไปกันใหญ่ ผมส่งของในมือให้ร่างหนาถือ พี่พลุขมวดคิ้วฉับหน้าดุซะจนผมยังอดที่จะหวั่นใจไม่ได้ มึงอย่าเพิ่งฆ่ากูนะพี่พลุ


          “เรารออยู่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ดูเอง รถเยอะอันตราย” ด้วยความที่เป็นห่วงผมมากกว่าห่วงไอ้น้องคนนั้น ร่างหนาก็ยัดของที่ถือมาให้ผมแล้วเดินไปดูไอ้เด็กนั่น ผมก็เดินตามเข้าไปด้วยอย่างเป็นห่วง


          “เฮ้ย!!” เดี๋ยววววววว!! ไอ้พี่พลุ สาบานดิ๊ว่านั่นคือมึงจะเข้าไปช่วยเขาน่ะ เฮ้ยซะน้องมันตกใจเลย


          ร่างเล็กที่นั่งกองอยู่กับพื้นถนน ข้างๆ เป็นจักรยานที่นอนกองอยู่ ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมามองไอ้พี่พลุด้วยความตื่นกลัว อย่างว่าแหละ แค่น้ำเสียงพี่มันก็กินขาดแล้ว ดวงตากลมโตน่ารักแบบสุดๆ ไหนจะรูปร่างเล็กนิดเดียวที่น่าพบกลับบ้านนั่นอีก ผิวขาวออร่ามาก แต่ท่าทางดูอ่อนแอไม่น้อย


          “พะ…พี่อย่าปล้นผมเลยนะ! วันนี้ผมเพิ่งโดนไถเงินมาเอง”


          “ห้ะ!”


          อุ๊บ!


          ผมเกือบหลุดขำพรืดออกไปดีนะงับริมฝีปากไว้ได้ทัน แต่ก็กลั้นขำจนตัวเกร็งเหมือนกัน ก๊ากกกกก ไอ้บ้า! น้องมันคิดว่ามึงมาปล้นว่ะพี่พลุ ไม่ได้คิดว่ามาช่วย ฮ่าๆๆ โอ๊ย ผมล่ะฮาหน้าพี่แก ทั้งเหวอทั้งอยากถีบปนๆ กันไป ร่างเล็กน้ำตาคลอด้วยความน่าสงสาร เห็นแล้วโคตรอยากจับฟัด น้องมันมีลักษณ์คล้ายๆ กับไอ้น้องตอง น่ารักน่าหยิก แต่น้องคนนี้เขาดูบอบบางกว่าเยอะเลย


          “มึงจะบ้าเหรอ!!!” ตะคอกใส่เสียงดัง ขนาดผมที่ไม่ใช่คนที่ถูกตะคอกนะ ผมยังหัวหดเลย แล้วน้องมันล่ะ จะเหลือเหรอ จากที่น้ำตาคลออยู่นั้น ทีนี้ก็ไหลพรากเลยจ้า


          “แงงงงงงง!!”


          “พี่พลุ! พี่ทำเด็กน้อยร้องไห้!” กูใส่ไฟ ตอนแรกร่างหนาดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน มึงจะเป็นอะไรก็เรื่องของมึง แต่พอผมโวยเท่านั้นแหละ อีกฝ่ายก็ถอนหายใจ สบถอย่างหัวเสียก่อนจะย่อตัวลงไปเอามือแตะไหล่เล็กเบาๆ


          “กูมาช่วย เห็นมึงล้ม”


          “อะ…อ้าว” เหวอไปดิ พี่พลุพยุงร่างเล็กขึ้นมา น้องมันดูท่าจะเจ็บขานะ หักเปล่าวะนั่น ยิ่งดูบอบบางปลิวง่ายอยู่ด้วย ผมมองด้วยความเป็นห่วง น้องมันน่ารักน่าฟัด เห็นแล้วชอบ นอกใจหมาบ้าแป๊บนึงแล้วกันนะ


          สรุปแล้วผมก็ให้พี่พลุแกไปส่งน้องเขาซะ บ้านอยู่ถัดไปอีกซอยนึงนี่เองใกล้ๆ พี่พลุตอนแรกแกไม่ยอม บอกไม่ใช่เรื่อง ไม่มีความสงสารให้น้องมันเลย แต่พอผมขอร้องก็เลยยอมไปให้ เห็นมั้ยว่าพี่พลุแกก็น่ารัก


          ผมเดินกลับบ้านพร้อมของพะรุงพะรัง ปู่ก็สั่งไม่ดูรูปร่างหลานตัวเองเลยว่าถือไหวมั้ย และพอเดินใกล้ถึงบ้านก็เบรกแทบไม่ทัน ของแทบร่วงจากมือแน่ะพ่อคุณ ร่างสูงของสุดที่รักผมยืนพิงเสาอยู่ใกล้ๆ กับบ้านผมพอดี เหมือนกับว่ากำลังรอผมอยู่ ผมรีบสาวเท้าเข้าไปหา

          “มาได้ไง! แล้วมายืนทำไมตรงนี้ เดี๋ยวพ่อเห็น!”


          “ให้เห็นไปเลย กูจะอกแตกตายอยู่แล้ว ได้เจอมึงแค่แป๊บเดียวเอง” ไอ้กันก็ไม่ยอม พูดกลับมาด้วยอารมณ์เต็มเปี่ยม มือหนาก็ยื่นมาแย่งถุงของสดในมือผมไปถือไว้แทน เออดี กูกำลังเมื่อย


          “เดี๋ยวไปหาที่บ้านก็ได้”

          “ไปแล้วก็ให้พ่อมึงมาขัดอีกน่ะเหรอ”


          แฮ่~ อย่าทำตาดุสิ


          “ทำไมไม่ยอมให้กูเข้าไปคุยกับพ่อมึงตรงๆ วะวิป มึงกลัวอะไร”


          “มันไม่ใช่อย่างนั้น มึงก็เห็นว่าพ่อกูไม่ยอมฟังอะไรเลย เขาเอาแต่ไล่มึง กูก็ห่วงมึงนะกันๆ” ผมพูดด้วยความเหนื่อยใจ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกันที่พ่อคอยตามบังคับตามคุมผมอยู่แบบนี้ แต่เพราะเขาเป็นพ่อ ผมเลยไม่ค่อยอยากจะขัดใจ


          ร่างสูงเห็นสีหน้าผมไม่ดีก็ยืดตัวตรงแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาจนหน้าผากเราแตะกัน คงเพราะมือไม่ว่างมั้ง เอาหน้าผากแตะก็ยังดี

          “อยากกอดมึงมากเลยรู้มั้ย” อย่ามาอ้อน เดี๋ยวละลายไอ้บ้าเอ้ย


          “อยากกอดเหมือนกัน แต่ตอนนี้กูต้องเข้าบ้านแล้ว” สิ้นคำผมร่างสูงก็มีสีหน้าหงุดหงิด ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันว่ะ พ่อไม่ได้กีดกันแบบรุนแรง แต่บางครั้งมันก็น่ารำคาญ


          “งั้นเอางี้ เดี๋ยวกูเอาของเข้าไปเก็บก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปหาที่บ้าน โอเคนะ”


          “ก็ได้ เร็วๆ นะครับ” กันๆ ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็ยอม แถมยังทิ้งคำว่าครับไว้เป็นตัวกระตุ้นให้ผมรีบไปหาอีกด้วยนะ มึงมันร้ายไอ้หมาบ้า! รู้ว่าเราแพ้ก็พูดจังเลย


          ผมเอาของที่ซื้อเข้ามาเก็บในบ้าน กวาดสายตามองหาพ่อแต่ก็ไม่เจอ ปู่ที่นั่งอยู่เลยชี้ขึ้นไปข้างบน ผมยิ้มกริ่มแล้วพุงตัวเข้าไปอ้อนปู่

          “ปู่อ่า~”

          “จะเอาอะไร”


          “ฮี่! ทำไมรู้ใจเค้าขนาดนี้ รักจุงเบยยยยย~” ผมซบหน้าลงกับแขนของปู่ นี่อ้อนสุดฤทธิ์เลยนะเออ ปู่แกสะบัดออกเหมือนรังเกียจ หูยยยย ทำงี้ใจร้าวนะเว้ย


          “คือจะไปหากันๆ อะ ปู่ช่วยหน่อยได้มั้ย”


          “ช่วยให้หลานได้ไปหาผู้ชายเนี่ยนะ!” ปู่ขึ้นเสียงใส่ ผมรีบทำเสียงชู่เอานิ้วแตะปาก จะเสียงดังทำไมเล่า เดี๋ยวพ่อก็ได้ยินพอดีหรอก ผมบีบตาอ้อนหวังให้ปู่ใจอ่อน ยังไงๆ ปู่ก็คุยง่ายกว่าพ่อเยอะ แล้วปู่นี่แหละตัวช่วยชั้นดีเลย


          “น้า~”

          “…”

          “จะรีบไปรีบกลับเลย”


          “เออๆ อย่านานจนพ่อมึงสงสัยก็แล้วกัน” ปู่ตอบเสียงสะบัดด้วยความรำคาญ ผมยิ้มกว้างลุกขึ้นกระโดดดึ๋งๆ ด้วยความดีใจ ก่อนจะพุงเข้าไปหอมแก้มปู่ฟอดใหญ่ น่ารักอ่า~ แบบนี้เอาใจไปเลย ปู่ทำสีหน้ารังเกียจใส่แล้วสะบัดมือไล่ ผมล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาวางไว้


          “ฝากไว้หน่อย เดี๋ยวกลับมาเอา”


          เอาไปพ่อก็โทรตามน่ะสิ ทิ้งไว้นี่แหละ ไม่รู้สึกผิดด้วยเวลาเห็นแต่ไม่รับสาย




……………………




          คุณพ่อผู้หวงลูกชายเป็นชีวิตนั้น พอได้ยินเสียงเหมือนว่าลูกจะกลับมาจากซื้อของแล้วก็เดินหน้าบานยิ้มร่าลงบันไดมา กวาดสายตามองหาลูกรักแต่ก็ไม่พบ พบเพียงแค่ของพี่ถูกซื้อมาแล้วเรียบร้อย


          “พ่อ วิปล่ะ ไปไหน” เอ่ยถามคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าสงสัย ในใจตงิดๆ ว่าลูกจะแอบไปหาไอ้หนุ่มนั่นอีกหรือเปล่า มันบังอาจมากมายุ่งกับลูกชายผู้เป็นดวงใจของเขา ไม่ยอมหรอก ไม่ยกให้!


          “ออกไปแล้ว”

          “ไป?!! ไปไหนพ่อ!!”


          “เห็นบอกว่าเพื่อนมีเรื่องกลุ้มใจ โทรคุยกันเสร็จก็รีบออกไปเลย ท่าทางร้อนรนอยู่ ดูสิ ขนาดโทรศัพท์ยังลืมเอาไปเลย” ว่าแล้วก็ชี้ไปที่โทรศัพท์ที่ถูกวางทิ้งไว้ คุณพ่ออ้าปากค้างนิดๆ ก่อนจะพยักหน้าสองสามหงึกเข้าใจ


          “อืม สงสัยจะด่วนมากแน่ๆ เลยพ่อ เป็นห่วงแล้วสิ”


          “อืม เป็นห่วงแล้วสิ” คุณปู่ผู้รักหลานพยักหน้าเออออเห็นด้วยแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไอ้หลานตัวดี! หาเรื่องให้ได้ตลอดเลย! มันน่านัก!




………………………….




          ผมลั้นลาวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ มาที่บ้านร่างสูง เดี๋ยวนี้สามารถเข้ามาได้แบบไม่ต้องรอใครอนุญาต เปิดทางโดยกันๆ ที่อนุญาตตลอด ผมโบกมือทักทายลุงชมแกนิดหน่อย แกก็ชินแล้วเห็นที่ผมเข้าๆ ออกๆ บ้านหลังนี้


          แกไม่เคยถามอะไรด้วยนะ ไม่สงสัยว่าเป็นผู้ชายทั้งคู่รักกันได้ไง ไม่สงสัยว่าเจ้านายตัวเองเป็นเกย์ด้วยเหรอ ถือว่าดีมากเลย ลุงน่ารัก

          “คุณกันอยู่ห้องออกกำลังกายนะ!” ลุงชมแกลุกขึ้นตะโกนบอกด้วยความหวังดี ผมยิ้มกว้างเป็นการขอบคุณแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องที่ว่านั่น


          เปิดประตูเข้าไปก็พบกับร่างสูงกำลังซิทอัพอยู่เลย ถอดเสื้อโชว์กล้ามท้องสวยๆ ผิวสีแทนชุ่มไปด้วยเหงื่อ เห็นแล้วเกิดอาการน้ำลายไหลขึ้นมาวูบหนึ่ง

          ไอ้กันหยุดชะงักลงเมื่อเห็นผม ก่อนจะกวักมือเรียกเข้าไปใกล้ ผมจ้องมองหน้าท้องอีกฝ่ายด้วยความอิจฉาปนๆ อยากลูบ อื้อหื้อออออ~ มันน่าจะแน่นน่าดูเลยนะ


          “จ้องใหญ่เลยนะ”

          “ชอบ~”


          “ลูบมั้ย” ไม่ถามเปล่า ยังมีการลูบหน้าท้องตัวเองให้ดูด้วยเป็นตัวอย่าง แม่งอ่อยว่ะ! ผมริมฝีปากด้วยความหมั่นเขี้ยว ไอ้กันรู้ว่าผมเป็นอะไรก็หัวเราะออกมา ก่อนที่มือหนาจะยื่นออกมาดึงผมให้ล้มเข้าไปในอ้อมกอด


          “อี๋~ เหงื่อ”


          “อ้าว ไม่ชอบเหรอ” ดูว~ มันถามหน้าระรื่น แล้วก็ไม่ยอมปล่อยผมด้วยนะ อ้อมแขนแกร่งรัดผมไว้แน่นเลย และในเมื่อมันไม่ปล่อยอย่างนี้ผมก็เอนตัวพิงอกหนาเต็มที่


          “นึกยังไงมาออกกำลังกาย”

          “เดี๋ยวมึงไม่หลง”


          “ขอความจริงได้มั้ยหื้ออออ” อีกฝ่ายหัวเราะ


          “แค่หาอะไรทำ ไม่คิดว่ามึงจะมาเร็วขนาดนี้” พูดไปแล้วเอาหน้ามาแนบแก้มผมไปด้วย คางก็วางอยู่ที่ไหล่เล็กของผม อ้อนเต็มขั้น ไอ้คนถูกอ้อนก็ตายไปเลย ผมวางมือลงบนมือหนาที่กอดรัดผมไว้อยู่แล้วลูบเล่นเบาๆ


          “ขอโทษที กูรีบเองมั้ง”


          “รีบมาสิดี คิดถึง” ว่าแล้วก็ขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ เต็มที่ครับพี่ ผมนั่งนิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำตามที่ใจต้องการ เอาใจเขาหน่อย เดี๋ยวได้อกแตกตายซะก่อน และเมื่อผมไม่ห้าม ร่างสูงก็วนเวียนจูบแก้มไม่ผละห่าง พอเผลอเข้าหน่อยก็ลากริมฝีปากลงมาที่ซอกคอขาว


          “เดี๋ยวๆ น้องเปลี่ยวเหรอ”

          “นิดนึง”


          กูว่าไม่นิดละแบบนี้ นัวเนียไม่มีปล่อย แถมมือก็เริ่มเลื้อยไปเรื่อย จากที่กอดอยู่เฉยๆ ก็เปลี่ยนมาลูบเบาๆ แล้วย้ายมาวางที่หน้าท้อง ปลายนิ้วค่อยๆ เกลี่ยเข้าที่ชายเสื้อ


          “กันๆ กูหิวข้าว”


          “อืมมม กูก็หิวเหมือนกัน” กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหู มึงหิวกูใช่มั้ยไม่ใช่หิวข้าวหรอกใช่ปะ ไม่ห้ามแบบจริงๆ จังๆ ก็เอาใหญ่ มือหนาสอดเข้ามาภายในเสื้อยืดตัวบาง ผมสะดุ้งทันทีที่ความร้อนจากมืออีกฝ่ายแตะโดนผิว จากที่แค่เอนตัวพิง ตอนนี้มันระทวยทรงตัวไม่อยู่แล้ว


          “กันๆ…อืม…อย่าดูดนะ” ผมร้องห้ามเสียงแผ่วเมื่อริมฝีปากสวยที่ผมชอบ วนมาจูบเข้าที่ซอกคอ ขนผมลุกซู่ไปทั่วร่าง ร่างสูงครางรับในรับคอเบาๆ ตอบกลับมา แต่ผมก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจอย่างที่บอกหรือเปล่า


          มือหนาลูบไล้ผิวกายของผมขึ้นมาสูงขึ้นเรื่อยๆ วนเวียนอยู่แถวๆ แผ่นอก ริมฝีปากก็คลอเคลียไม่ห่าง ก่อนจะย้ายขึ้นมาเม้มที่ติงหูเบาๆ พร้อมกับกระซิบเสียงเซ็กซี่

          “ขอกินได้มั้ยครับ…”


          อึก!


          “ตะ…แต่ กูยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ” เรายอมนายได้อยู่แล้ว แต่ปากท้องเราก็สำคัญนะเว้ย ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ข้างหู ก่อนที่ใบหน้าหล่อๆ นั่นจะซบลงกับไหล่ผมอย่างหมดแรง


          “อยากกอด…อยากจูบ…อยาก…”


          เออออออ!! ก็รู้ว่าอยาก ไอ้บ้าเอ้ย!


          “กินข้าวกันเถอะ ไม่ห่วงกูเหรอ”


          “แล้วมึงไม่ห่วงกูเหรอวิป” น้ำเสียงที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นโคตรจะหมาหงอย ผมเลิกคิ้วถาม แต่อีกฝ่ายไม่เห็นหรอก ทำไมต้องห่วงวะ เรื่องแค่นี้เอง


          แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าทำไมผมต้องห่วงมันเมื่อมือหนาจับมือผมแล้วรั้งให้ไปแตะโดนอะไรบางอย่างที่มันแข็งๆ เข้า ผมนิ่งค้างเบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก

          “เริ่มห่วงกูบ้างยัง” แล้วก็ตบท้ายด้วยการพูดอ้อนข้างหูอีกครั้ง มึงวนเวียนวอแวกับหูกูเหลือเกินเนอะ ผมหลับตาปี๋รีบดึงมือกลับ


          กูเริ่มไม่ห่วงละ กูห่วงสภาพกูเองมากกว่า

          “กินข้าวกันเถอะ!!” ผมตีเนียนเอ่ยไปเรื่องอื่น ไอ้กันเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ก่อนจะหัวเราะหึๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยวแล้วกอดรัดตัวผมแรงๆ ไปหนึ่งที


          “โอเค กินข้าวก็กินข้าว”

          “ดีมากค้าบบบ”


          “เสร็จแล้วค่อยกินมึงก็ได้” แฮ่~ ยิ้มร้ายด้วยไง กูไม่รอดแน่ๆ งานนี้


          ไอ้กันพาผมออกมานั่งรอป้าแม่บ้านทำกับข้าวให้กิน ส่วนพี่แกก็ขอตัวแวบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ กลับลงมาแบบตัวหอมฟุ้ง แต่ก็ยังคงไว้ด้วยสภาพเดิมคือไม่ใส่เสื้อ มาพร้อมกางเกงยีนส์เท่ๆ ตัวเดียว เห็นขอบบ๊อกเซอร์แพลมๆ

          “เสื้อไม่ได้ซักเหรอพี่”


          “ซัก แต่จะอ่อยคนแถวนี้ เลยไม่ใส่”


          ไอ้บ้าาาาาาาาาาา~


___________________________________________

 :mew3: :mew3: :mew3:



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 27] [3 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 03-08-2016 18:32:10
กันอ่อยหนักมาก!!
ยอมให้กันไปคุยกับพ่อเหอะวิป พ่ออาจจะยอมก็ได้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 27] [3 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-08-2016 19:11:49
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 27] [3 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-08-2016 20:32:44
ทำไมมันหวานกันขนาดนี้ อ่อยเข้าไป ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 27] [3 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 15-08-2016 04:37:51
อ่อยขนาดนี้แล้วนะวิปจะรอดมั้ย
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 27] [3 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-08-2016 07:18:30
คุณพ่ออย่าหวงน้องวิปนักเลย
เดี๋ยวหมาบ้าฉุดลูกไปไม่รู้ด้วยนะ

 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 27] [3 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 16-08-2016 11:38:17
มีอีกคู่โผล่มารึเปล่านะ

ห่วงหมาบ้าหรือสวัสดิภาพวิปดีหล่ะ
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 28] [30 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 30-08-2016 16:43:18
 

 


ตอนที่ 28

 

 

 

 

          ผู้ชายอะไรขยันอ่อย พอโดนผมจ้องก็เหมือนจะเขินซะเอง เดินมานั่งลงข้างๆ แล้วโถมตัวเข้าใส่ เฮ้ยๆ มึงก็เลื้อยจังเลย ไม่มีกระดูกหรือไง ผมยันแผ่นอกแกร่งไว้เบาๆ

 

          “นั่งดีๆ ดิ”

 

          “ใช่ นั่งดีๆ ดิ จะกอด” ดูมันสวนกลับมา ผมเหนื่อยใจที่จะพูดก็ปล่อยให้พี่แกเขากอดต่อไป ท้องก็ร้องหน่อยๆ แล้ว ไอ้กันเองก็ได้ยิน แม่งหัวเราะก่อนจะส่งมือมาลูบพุงผม กวนตีนละมึง

 

          “หิวขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

 

          “ไม่หิวมั้ง กูต้องรีบออกมาหามึงเนี่ย กับข้าวฝีมือปู่เลยไม่ได้กินเลย แถมต้องเดินไปซื้อของอีก เห็นใจบ้างดิ” ผมย่นปากใส่อีกคน จริงๆ จะอยู่รอกินข้าวก่อนแล้วค่อยออกมาก็ได้นะ แต่มันจะยากอยู่พอสมควรกว่าจะผ่านด่านพ่อออกมา เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจอย่างนี้

 

          “อย่างอแงดิ”

 

          “ไม่ใช่เด็กแล้วนะ!” ผมแกล้งพูดเสียงสะบัดใส่ เออดีนะ อยู่ด้วยกันแม่งก็เล่นกันทุกอย่างเลย ดีๆ ไม่เงียบเหงา ผมกับไอ้กันนั่งเล่นรอสักพัก ป้าแม่บ้านก็เดินมาบอกว่ากับข้าวเสร็จแล้ว ผมนี่เด้งตัวลุกขึ้นแบบทิ้งหมาบ้ามันเลย ร่างสูงชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ ผมยักไหล่ไม่แคร์ เดินดุ๊กๆ ตามหลังป้าแกมาที่โต๊ะกินข้าว

 

          “หนูทานเผ็ดได้มั้ยคะ”

 

          “ได้ครับ กินได้ทุกอย่างเลย” ผมยิ้มกว้างทำตัวน่ารักเดินไปนั่ง ป้าแกยิ้มให้อย่างเอ็นดู ไอ้กันที่เดินตามมาก็เข้ามาผลักหัวผมไปที

 

          “มันกินได้หมดแหละป้า อย่าไปห่วงมันเลย”

 

          ดูวววว ดูสุดที่รักของผม ผมเอี้ยวตัวกลับไปเลิกคิ้วใส่

 

          “ไม่ห่วง?”

 

          “ห่วงสิ” กลับตัวแทบไม่ทันแน่ะ รีบโน้มตัวลงมากอดผมที่นั่งอยู่ไว้เต็มอ้อมแขน ผมสะดุ้งแล้วหันมองป้าแกอย่างตื่นๆ ได้บ้า~ ทำอะไรไม่เกรงใจป้าแกหน่อยเหรอ มึงๆ เห็นมั้ยป้าเขามองอยู่ ผมตีแขนหนาไปหลายๆ ทีเพื่อให้มันปล่อย

 

          “หึ! เดี๋ยววันนี้จะกอดให้ช้ำเลย” เลื่อนใบหน้ามากระซิบข้างหูก่อนจะผละออกไปนั่ง ผมนั่งตัวแข็งทื่อ หน้าแดงก่ำแทบระเบิด โอ๊ยยยย! พูดอะไรไม่เห็นใจคนฟังบ้างเลย

 

          ป้าแกหลังจากเตรียมของให้พวกเราเสร็จแล้วก็เดินจากไปทำงานของตัวเองต่อ ผมเลิกสนใจร่างสูงตรงข้ามไปพักหนึ่งแล้วจัดการกับของอร่อยตรงหน้า ตักเข้าปากได้รสชาติที่ถูกใจก็ยิ้มกริ่มมีความสุข

 

          “อร่อยมั้ย”

 

          “มากๆ ป้าเขาฝีมือดีนะเนี่ย”

 

          “ถ้าชอบก็มาบ่อยๆ สิ” ผมหรี่ตามอง หึ! ไม่ได้ผลหรอกกันๆ

 

          “อย่าหลอกล่อเลย ไม่ได้ผลหรอก ไม่ว่ายังไงกูก็ชอบกับข้าวที่ปู่ทำมากกว่าที่ไหน” ร่างสูงยิ้มรับนิดๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เราสองคนนั่งกินข้าวกับเงียบๆ พอเสร็จผมก็โดนลากมาเดินย่อยที่สวน เป็นเรื่องจริงอย่างที่ไอ้นานาเคยพูดไว้เลย ว่าไอ้กันมันชอบต้นไม้มาก

 

          “นี่ๆ” ผมกระตุกแขนเสื้ออีกฝ่ายเพื่อเรียก

 

          “ว่าไง”

 

          “ถ้ากูตัดต้นไม้ของมึง มึงจะโกรธอย่างที่ไอ้นานาเคยบอกกูเปล่า” ถามออกไปก็ไม่ได้คิดที่จะทำจริงๆ หรอกนะ แต่พอร่างสูงได้ยินคำถามปุ๊บ ดวงตาคมกริบนั่นก็วาววับขึ้นมาแวบหนึ่ง เล่นเอาเสียวสันหลังไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องลูกรักของมัน

 

          คนตรงหน้าผมยังไม่ได้ตอบออกมาในทันที ดวงตาคมดุกวาดมองต้นไม้รอบๆ ก่อนจะมาจบที่สบตากับผม ขายาวก้าวเข้ามาหา ผมได้กลิ่นอันตรายลอยมา! ก้าวถอยหนีอีกฝ่ายเรื่อยๆ จนแผ่นหลังชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่

 

          “ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ามึงทำจริงๆ…” พูดค้างไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ ผมกลืนน้ำลายลงคอแบบหวั่นๆ มันเป็นความอันตรายไปอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่จะตบตีให้ผมเจ็บตัว แต่ทำอะไรอย่างอื่นกับร่างกายน่ะไม่แน่ ดูสายตามันสิ วาววับพร้อมขย้ำ และมีความหื่นปนอยู่!

 

          “…ถึงตอนนั้นกูค่อยคิดบัญชีทีเดียว”

 

          “หูยยยๆๆๆ กับกูก็คิดเหรอ”

 

          “คิดทุกเม็ดเลย” ว่าจบก็กดจมูกลงมาบนแก้มผม

 

          “เดี๋ยวพ่อ! นี่ข้างนอกเลยนะ! อายต้นไม้ต้นหญ้าแถวนี้บ้างมั้ย”

 

          “งั้นไปที่ห้อง”

 

          พรึ่บ!

 

          คนอะไรใจร้อน คำตอบ…คนอย่างไอ้กันนี่แหละ พอผมร้องห้ามไปพี่แกก็สวนกลับมาอย่างนั้นแล้วอุ้มผมขึ้น มาเดินขึ้นมาบนห้อง ผมใจเต้นรัวๆ ตื่นเต้นด้วย กลัวด้วยนิดหน่อยปนๆ กันไป พอเข้ามาในห้องแล้วร่างสูงก็จัดการล็อกประตูกันคนเข้ามาขัดจังหวะแล้ววางผมลงบนเตียงด้วยความนุ่มนวล

 

          ทีนี่้มึงนุ่มนวลเนอะ

 

          “กันๆ”

 

          “ว่าไงครับ” มันครับด้วย!

 

          “กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย” ตอแหลลลลลล~ อาบตั้งแต่เช้าตรู่แล้วเฮอะ ดวงตาคมหรี่มองจับผิด ก่อนที่ริมฝีปากสวยจะแสยะยิ้มออกมาเหมือนรู้ทัน ผมตีหน้าซื่อเข้าสู้

 

          “งั้นก็อาบเลยแล้วกัน” ฮะ…เฮ้ย! ผมร้องในใจอย่างตกใจอีกครั้ง โดนอุ้มอีกแล้ว คราวนี้อุ้มเข้าห้องน้ำแทน วางผมลงใต้ฝักบัว ห้องน้ำแม่งกว้างกว่าห้องนอนกูอีกมั้งเนี่ย

 

          ร่างสูงไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ผมยังไม่ทันได้อ้าปากร้องห้ามอะไรเลย มือหนาก็จัดการดึงเสื้อผมออกไปแล้วโยนไปด้านหลังอย่างไม่สนใจ รู้สึกว่าจะโยนไปไกลด้วยนะ กันผมหยิบขึ้นมาใส่อีกมั้ง

 

          “แอ๊ะแอ๋~ กูอาบเองได้นะ”

 

          “อาบเองทำไม ช้า กูอาบให้” โน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูเสียงกระเซ่าเลย มึงอารมณ์นำไปก่อนแล้วใช่มั้ยกันๆ ผมรู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแบบนั้นของอีกฝ่าย มันก็…เอ่อ…กระตุ้นได้ดีเหมือนกันนะ

 

          เอาล่ะ เข้าสู่โหมดใจง่าย อั้ยยะ!

 

          อีกฝ่ายนิ่งไปแวบหนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงหึเบาๆ ในลำคอ ท่าทางเหมือนคิดอะไรได้ ก่อนที่ผมจะได้ถาม มือหนาก็ยื่นออกไปเปิดน้ำให้ไหลลงมา ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเบิกตากว้าง เฮ้ยๆ กางเกงกูยังไม่ได้ถอดเลย!

 

          “กันๆ มันเปียก!”

 

          “นั่นแหละที่ต้องการ มึงจะได้กลับบ้านไม่ได้ไง” ผมอ้าปากค้างกับคำคิดนั่นของอีกฝ่าย มึงเอางี้เลยเหรอ เมื่อกางเกงผมเปียกจนอีกฝ่ายพอใจแล้ว มือหนาก็เลื่อนลงไปปลดมันออก รวดเร็วทันใจ ผมรู้สึกวูบวาบแปลกๆ กับสายตาที่ร่างสูงมองมา

 

          “ขาวแฮะ” ดวงตาคมจ้องมองที่ช่วงล่างที่ยังมีกางเกงในปกปิดเอาไว้อยู่ เล่นเอ่ยชมโต้งๆ อย่างนี้มีหรือที่ผมจะไม่เขิน แต่ร่างสูงนั้นก็ไม่ปล่อยให้ผมเขินนาน เบียดตัวชิดเข้ามา มือหนาเกี่ยวเอวผมเข้าไปกอดแล้วแนบริมฝีปากลงมา

 

          มืออีกข้างก็เชยคางผมให้เงยรับสัมผัส ค่อยๆ ไล้เลียแทะเล็มช้าๆ พาให้เคลิบเคลิ้ม ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามลับดับ ร่างสูงดูท่าจะมีความหมั่นเขี้ยวให้กับผมสูงมาก เพราะเมื่อเผลอๆ อีกฝ่ายก็งับลงมาอย่างไม่เบาแรงเท่าไหร่

 

          “อะ…อื้ม”

 

          ผมค่อยเปิดปากออก ร่างสูงก็รู้งานเป็นอย่างที่ สอดแทรกลิ้นอุ่นร้อนเข้ามาด้านใน แล้วตวัดกวาดต้อนไปทั่วทั้งโพรงปาก วนเวียนทักทายกับปลายลิ้นของผมเล่นเป็นบางครั้ง

 

          มือหนาเลื่อนไปลูบไล้เนื้อตัวผมก่อนจะออกแรงบีบเค้นเบาๆ ขาแกร่งแทรกเข้ามาที่หว่างขา แล้วใช้ต้นขาของตนบดเบียดกับส่วนนั้นของผม ผมสะดุ้งเฮือก มือบีบไหล่แกร่งไว้แน่น ร่างสูงไม่ยอมให้ผมขยับหนี และริมฝีปากก็ไม่ยอมผละออกให้ได้หายใจ

 

          “อื้อ!” กูจะตายแล้วกันๆ

 

          ผมส่งเสียงร้องในลำคอดังๆ อีกฝ่ายก็ดูเหมือนแกล้งกันเลย ไม่ยอมผละออก แถมยังดูดดุนที่ปลายลิ้นหนักๆ เสียวแปล๊บไปทั่วร่าง มือหนาบีบเค้นเนื้อตัวไม่หยุด

 

          ผมควานมือไปด้านหลังเพื่อจะปิดน้ำซะ ไหลเข้าหน้าเข้าตาจนรำคาญ แต่ไอ้หมาบ้ามันไม่ยอม ตรึงมือผมไว้ไม่ให้ทำ ริมฝีปากผละออกไป เลื่อนไปพรมจูบที่แก้มหลายๆ ที ผมเชิดหน้าโกยอากาศเข้าปอดทันที แต่พอเงยหน้าขึ้นไปปุ๊บ น้ำที่เปิดอยู่ก็เข้ามาเต็มๆ ปากเลย

 

          “กัน…อึก…ปิดน้ำ”

 

          “อืมมม…” อืมแล้วก็ช่วยทำตามด้วยสิวะ!

 

          ที่ร้องขอไปดูจะไม่เป็นผล ร่างสูงยังคงมัวเมาอยู่ที่ซอกคอขาว ปลายลิ้นหนาตวัดเลียเหมือนผมนั้นเป็นขนมแสนอร่อย ผมเลื่อนมือไปกอดรอบคออีกฝ่ายเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะทรงตัวไม่อยู่

 

          “อะไร แค่นี้ขาอ่อนเลยเหรอ” กระซิบหยอกข้างหูก่อนจะตวัดปลายลิ้นเลีย เออ ตอนนี้ผมปล่อยให้มันได้ใจไปก่อน จบกิจแล้วเราค่อยเอาคืน เพราะตอนนี้…ระทวย~

 

          พรึ่บ

 

          มือหนาช้อนอุ้มผมขึ้น ทำให้ผมต้องตวัดขาเกี่ยวรอบเอวของมันแบบช่วยไม่ได้ ส่วนนั้นบดเบียดเข้าหากันจังๆ เลย ร่างสูงก้มลงไปมองก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยท่าทางเซ็กซี่เกินบรรยาย

 

          “รู้งานดีหนิ”

 

          ผมแยกเขี้ยวใส่ มึงจะแซวทำไมเนี่ย แล้วไม่ใช่เพราะมึงเหรอที่อยู่ๆ ก็อุ้มก็ขึ้นเนี่ย กูไม่เกี่ยวกูก็ตกมั้ย ไอ้หมาบ้าไม่สนว่าผมจะทำหน้ายังไง ดันแผ่นหลังผมให้ชิดกำแพง แล้วดันช่วงล่างนู้นๆ แข็งขืนของตัวเองเข้ามาบดเบียด

 

          “อ้าปากหน่อยวิป”

 

          ผมอ้าปากให้ตามที่ขอ อีกฝ่ายก็ไม่รอช้ากระแทกริมฝีปากเข้ามา เจ็บจนผมต้องเบ้หน้าลงเล็กน้อย ฟันคมขบกัดริมฝีปากผมย้ำๆ ก่อนจะดูดดุนอย่างแรง มันต้องเจ่อบวมแบบไม่ต้องสงสัยเลย

 

          มือหนาย้ายมาลูบไล้อยู่ที่แผ่นอกของผม ปลายนิ้วสะกิดเข้ากับตุ่มไตบนนั้นเบาๆ ผมกระตุกเฮือกยิ่งจิกมือลงบนไหล่แกร่งแน่นขึ้น ต้องเป็นรอยเล็บผมไปแล้วแน่ๆ มึงอย่าโกรธนะกันๆ

 

          และครั้งนี้ดูเหมือนไอ้กันจะรู้สึกเหมือนผมบ้างแล้วว่าน้ำที่เปิดอยู่นี่มันโคตรน่ารำคาญเลย มือหนาเอือมไปปิดก่อนจะดึงผมให้ลงมายืนดีๆ จากนั้นก็ถอดชิ้นส่วนสุดท้ายบนตัวผมออกไปอย่างรวดเร็ว

 

          “เฮ้ย!”

 

          “ตกใจอะไร…ยังไงกูก็ต้องเห็น” แต่กูยังไม่เตรียมใจให้มึงเห็นเลย ร่างสูงจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผมด้วยแววตาที่โคตรจะร้อนแรง บ่งบอกถึงอารมณ์ในตอนนี้ของเจ้าตัวเต็มที่ ขาวยาวแทรกเข้ามาตรงกลางดันให้ผมแยกขาออก

 

          “อืมม…วิวดี”

 

          ไอ้เหี้ยยยยย~ ทะลึ่ง!

 

          ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอ้กันมันจะหื่นได้มากขนาดนี้ มึงเก็บกดใช่มั้ยกันๆ มึงไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้ใช่มั้ย พอมีกูปุ๊บมึงจัดเต็มเลยอ่า~

 

          ผมรู้สึกว่าการมองหน้าหล่อๆ ของมันจะทำให้ผมเขินหนัก ผมเลยเลี่ยงด้วยการมองลงข้างล่างแทน แล้วสายตาไม่รักดีก็ไปจ้องเข้ากับส่วนที่นูนดันกางเกงขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้าที่จะขึ้นห้องมานี่…ผมได้จับมันไปครั้งหนึ่งแล้ว

 

          “อยากดูเหรอ” เมื่อเห็นผมจ้องตาไม่กะพริบก็โน้มลงมากระซิบเสียงกระเซ่า มือหนาดึงมือผมให้ไปวางลงตรงนั้นอีกครั้ง ก่อนจะขยับมือบังคับให้ผมลูบเจ้าสิ่งนั้น

 

          โอ๊ยคุณพระคุณเจ้า! มึงไม่อายแต่กูอายนะเออ!

 

          “อืมมมม…” เสียงครางต่ำๆ ข้างหูทำให้ผมรู้สึกวูบวาบไปทั่วร่าง แค่เสียงครางแค่นี้ก็สามารถยั่วให้ผมมีอารมณ์ตามได้แล้ว จากที่มันต้องบังคับมือผม ตอนนี้กลายเป็นว่าผมลูบแท่งแข็งๆ นั่นผ่านเนื้อผ้าเองซะแล้ว

 

          “อ่าาา…” เสียงครางฟังดูโคตรหื่นเลย

 

          ริมฝีปากสวยย้ายมาพรมจูบที่ไหล่ผม ขบกัดลงมาอย่างแรงสร้างรอยฟันได้ ผมเม้มปากกลั้นเสียงครางเอาไว้ ถึงมันเจ็บแต่ก็รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด และตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำรอยในส่วนนอกผ้า ผมก็โอเคทั้งนั้น

 

          “อื้อ…กัน…มึงกัด…อึก…แรงไปแล้ว”

 

          ขอนับถือเลย ไอ้กันเลื้อยเร็วมาก จากที่ไหล่ตอนนี้ลงมาที่อกแล้ว หัวนมกูจะขาดติดปากมึงอยู่แล้วกันๆ ผมเบ้หน้าแล้วเบ้หน้าอีก อีกฝ่ายก็เมามันไม่ยอมปล่อย

 

          “ซี้ด…ไอ้กัน…”

 

          “อืม…ครับ…” เหลือบตาขึ้นมามอง แต่ริมฝีปากก็ยังค้างอยู่ที่ตุ่มไตบนอก ผมกัดริมฝีปากฉับ ข่มอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมา ที่มันบอกว่าวิวดีเมื่อกี้ ตอนนี้ผมขอพูดบ้าง วิวดีจริงๆ

 

          พรึ่บ

 

          เหมือนว่าไอ้กันจะทนไม่ไหวแล้ว ขยับถอยไปนิดให้ผมได้หายใจหายคอ แล้วจัดถอนสลัดเสื้อผ้า ถอดออกไปจนตัวเปลือยเปล่า ผมมองช่วงล่างของมันแล้วกัดปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ร่างสูงขยับเข้ามาชิดอีกครั้ง มือหนาคว้าหมับเข้าที่ก้นผม

 

          “เต็มไม้เต็มมือ หึๆ”

 

          “กูไม่คิดว่ามึงจะหื่นขนาดนี้”

 

          “แค่กับมึงไง” ตบท้ายด้วยรอยยิ้มชวนให้หลง จากนั้นร่างสูงก็ย่อตัวลง พรมจูบที่หน้าท้องหนักๆ หลายที ผมเชิดหน้าร้องครางแผ่วๆ มือจิกที่ไหล่ที่อีกฝ่ายแน่น ไอ้กันยิ้มกริ่มแลดูหื่น ก่อนจะส่งมือกำรอบส่วนนั้นของผม

 

          “อื้อ…”

 

          “วิป”

 

          “วะ…ว่าไง”

 

          “ครางดังๆ ได้มั้ย กูชอบ” ร้องขอแบบหน้าด้านๆ เลย และไม่ยอมให้ผมตอบอะไรด้วยนะ กระทำให้ผมต้องร้องอย่างห้ามไม่อยู่ มือหนาขยับรูดรั้งส่วนนั้นเนิบๆ ก่อนจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มืออีกข้างก็เลื่อนไปที่ช่องทางด้านหลัง ผมสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกครั้ง

 

          “กัน…อึก…”

 

          “อ้าขากว้างๆ หน่อย” สั่งเข้าไป ผมก็ไม่มีแรงจะขัดขืน ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ปลายนิ้วหนาลูบวนๆ อยู่ตรงช่องทางนั้น ผมยืนขาสั่นแทบทรงตัวไม่อยู่

 

          “อ๊า!!...” แหกปากร้องลั่นห้องน้ำเมื่อนิ้วที่ลูบวนอยู่ถูกดันเข้ามา ผมอ้าปากค้าง มันเจ็บแปล๊บขึ้นมานิดหน่อย รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไอ้กันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปล่อยมืออกจากแก่นกายผมแล้วใช้ริมฝีปากครอบครองลงมาแทน

 

          “อาห์…กัน…อึก…อื้อ”

 

          ริมฝีปากสวยรูดรั้งส่วนนั้นหนักๆ ส่วนมือก็ขยับนิ้วขยายช่องทางนั้นเรื่อยๆ ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น มีเผลอเอามือไปจิกศีรษะอีกคนด้วย กันๆ กูโทษ

 

          พรึ่บ

 

          ร่างสูงจัดการจับตัวผมให้พลิกหันหลังให้ มือหนาบีบเค้นแก้มก้นหนักๆ ด้วยความมันมือ จับผมให้โก่งโค้งแล้วสอดนิ้วเข้ามาอีกครั้ง ขยับมือเล่นกับตรงนั้นอยู่สักพักใหญ่ๆ เลย ผมก็ครางจนเสียงแหบเสียงแห้ง

 

          พรึ่บ

 

          “ไปที่เตียงดีกว่า” อยู่ๆ ร่างสูงก็ดึงมือออกไป ไม่บอกไม่กล่าวอะไรก่อนเลยกูสะดุ้งรู้มั้ย แขนหนาช้อนตัวผมขึ้น เออดี ตอนนี้แข้งขากูอ่อนเดินเองไม่ได้แล้ว ไอ้กันพาออกมานอนที่เตียง ก่อนจะขึ้นมาคร่อมทับแล้วบดจูบให้อีกรอบ

 

          มีการเอาแต่ใจด้วยการบังคับให้ผมกอดรอบคอตัวเองด้วย ผมยกยิ้มในใจ มึงไม่ต้องบังคับกูก็กอดมึงนะกันๆ ผมหลับตาพริ้มรับจูบที่ดุเดือดนั่น แล้วจูบตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ เรียนรู้มาจากกันๆ ล้วนๆ เลย อาจารย์สอนดีก็งี้แหละ

 

          “อื้มมม”

 

          จุ๊บ…จ๊วบ

 

          เสียงจูบที่ดังออกมาไม่สามารถทำอะไรผมได้เลย ตอนนี้ในหัวผมมันขาวโพลนไปหมด เคลิมเคลิ้มไปกับสิ่งที่คนด้านบนมอบให้ พออีกฝ่ายผละออกไปก็ยังรู้สึกเมากับจูบอยู่เลย

 

          “พร้อมหรือยัง”

 

          “อะไร…” ถามกลับอย่างเพ้อๆ สติยังไม่กลับมา

 

          “พร้อมเป็นเมียกู”

 

          อึกกก!!

 

 

          “อ๊า!!! ไอ้กัน!...” ผมเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ ไอ้หมาบ้ามันก็แทงพรวดเข้ามา มึงให้กูเตรียมตัวก่อนได้มั้ย ผมอ้าปากค้างพะงาบๆ พูดอะไรไม่ออก จุกฉิบหายไอ้เหี้ย! ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด ถึงแม้ไอ้กันจะเล่นกับตรงนั้นในห้องน้ำอยู่นานจนมันขยายขึ้นมากแล้วก็เถอะ มึงคิดว่ากูจะไม่เจ็บหรือไง

 

 

          “นอกจากน่ารักแล้ว…มึงก็เซ็กซี่ได้เหมือนกันหนิ” ปลายนิ้วเกลี่ยเข้าที่รอบดวงตา ซึ่งตอนนี้มันคลอด้วยน้ำใสๆ นิดหน่อย ผมปรือตามองอีกฝ่าย ไม่รู้หรอกว่าหน้าตัวเองตอนนี้เป็นยังไง แต่ดูจะถูกใจไอ้กันไม่น้อย

 

 

          “กูขยับนะ…”

 

 

          “อะ…อืม”

 

 

          ผมพยักหน้าอนุญาต เห็นหน้าไอ้กันแล้วเกรงใจ กัดฟันกรอดทนอดอยู่ แรกๆ มันก็ขยับเนิบๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ผมนอนจิกมือลงบนเตียง ช้าๆ ก็จริงๆ แต่มันก็…เสียวนะเออ

 

 

          “อาห์…”

 

 

          พอผมไม่ร้องห้ามเข้าหน่อย จากที่ช้าๆ มันก็เริ่มความความแรงขึ้น ใบหน้าหล่อดุชื้นเหงื่อ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสวยอ้าออกเล็กๆ เพื่อร้องคราง เสียงครางต่ำๆ ของกันๆ โคตรเซ็กซี่เลย

 

 

          “ซี้ด…วิป”

 

 

          ร้องครางชื่อผมไปด้วยแล้วก็ก้มลงมาสบตา แววตาร้อนแรงทำเอาเขิน ผมกัดปากแล้วส่งมือลงไปขยับส่วนล่างของตนเอง ไอ้กันปัดมือผมออกแล้วกอบกุมขยับให้แทน

 

 

          “ขอแรงกว่านี้นะ” เสียงแหบพร่าร้องขอ ผมพยักหน้าตอบกลับไปรัวๆ ร่างสูงยิ้มรับแล้วโน้มตัวลงมาจุ๊บให้เป็นร่างวัล สะโพกแกร่งขยับกระแทกเข้ามารุนแรงมากขึ้น ผมทั้งจุกทั้งเสียวจนร้องไม่ออก

 

 

          “กัน จูบหน่อย…” ผมดึงคอมันลงมา กันๆ ก็น่ารัก จัดให้ตามที่ขอ มือหนาก็ขยับรัวๆ นิ้วมือปัดผ่านส่วนปลายจนร่างผมกระตุกอยู่หลายครั้ง

 

 

          “อะ…อาห์…”

 

 

          “ทนนะวิป” ร่างสูงกระซิบข้างหู ทีแรกผมยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่วินาทีต่อมาผมก็ได้เข้าใจ ที่ว่าให้ทนก็เพราะมันจะใส่ไม่ยั้ง ผมพยายามจะดิ้นหนีแต่ไอ้กันก็ไม่ยอม ล็อกตัวผมไว้ด้วยอ้อมแขนแกร่งแล้วขยับสะโพกกระแทกเข้ามารัวๆ

 

 

          “กัน…อ๊า!!”

 

 

          ร่างผมกระตุกเกร็งทนไม่ไหว ปล่อยออกมาเลอะมืออีกฝ่าย ไอ้กันยังขยับมือรูดรั้งอีกพักหนึ่งก่อนจะยิ้ม ผมนอนหอบหายใจ ร่างสั่นคลอนไปตามแรงอีกฝ่าย

 

 

          “ซี้ดดด…” ไอ้หมาบ้าเชิดหน้าร้องออกมาเสียงดัง ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งอุ่นๆ ที่ถูกปล่อยเข้ามา พี่แกยังไม่ยอมถอนตัวเองออกไป ขยับสะโพกอีกสามสี่ทีก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกอดผม

 

 

          “มึงรู้มั้ยวิป…”

 

 

          “อะไร” ผมถามกลับไป เสียงนี่ยังหอบอยู่เลย

 

 

          “มึงรัดกูแน่นมากเลย หึๆ” แล้วมันใช่เรื่องที่จะต้องบอกมั้ย ผมหันหน้าหนีรับไม่ได้ อยู่ๆ ก็เกิดอายขึ้นมา ขอความหน้าด้านก่อนหน้านี้กลับมาได้มั้ย

 

 

          “พ่อกูสงสัยแน่ กูหายมานานอย่างนี้” นี่แต่เช้าเลย ไอ้บ้ากลางวันแสกๆ ทำไปได้ ไอ้กันยิ้มขำแล้วขยับตัว อะไรๆ ที่มันเพิ่งส่งผ่านมาให้ผมก็ไหลออกมาตาม ผมชะงักก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆ เห่อร้อนขึ้นเรื่อยๆ ไอ้ตัวคนทำก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หัวเราะร่า

 

 

          “ขำหาอะไร!”

 

 

          “ดูมันน้อยไปเนอะ เอาอีกสักรอบมั้ย”

 

 

          “เอ๊ะ ทำไมหื่น”

 

 

          “หึๆ”

 

 

 

 

…………………..

 

 

 

 

          Rrrrrr

 

 

          อืม…เสียงไรวะ

 

 

          Rrrrrrrr

 

 

          มันยังดังไม่หยุด

 

 

          ผมงัวเงียลืมตาขึ้นมา รอบตัวมืดสนิท นั่งอึนอยู่สักพักท่ามกลางเสียงโทรศัพท์นั่นแหละ ระลึกได้ว่าหลังจากเสร็จรอบแรกไอ้กันก็พาจัดรอบสองต่อเลย สุดท้ายก็หลับไปด้วยความเพลีย จนตอนนี้ฟ้ามืดไปแล้ว

 

 

          ผมมองหาโทรศัพท์ที่มันแหกปากร้อง ไม่ใช่ของผมแน่ๆ เพราะผมทิ้งไว้ที่บ้านเรียบร้อย พอจอแล้วจะยืดตัวไปหยิบก็ติดที่อ้อมแขนแกร่งมันกอดรัดผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมต้องค่อยๆ ดึ๊บไปหยิบ

 

 

          “กันๆ ไอ้กัน” สะกิดเรียกเจ้าของเครื่องที่นอนหลับอยู่ ร่างสูงได้ยินเสียงรบกวนก็คิ้วขมวดหน้าไม่พอใจ ดวงตาดุลืมขึ้นมา ผมส่งโทรศัพท์ไปให้แล้วล้มตัวลงนอนต่อ

 

 

          ระบมอยู่ แง่งงง~

 

 

          “ฮัลโหล!!” เสียงโคตรดุเลย ท่าทางจะไม่พอใจเป็นอย่างมากที่โดนขัดจังหวะการนอน แขนหนาเกี่ยวผมเข้าไปกอดให้แนบแน่นขึ้น มึงเห็นมั้ยเนี่ยว่ากูเบ้หน้าแล้ว กูเจ็บตูด ระบมอยู่!

 

 

          [เสียงโหดมาเลยนะ หลับอยู่หรือไง] ผมได้ยินเสียงแว่วๆ ดังออกมา น้ำเสียงนุ่มๆ ที่ติดหูฟังครั้งเดียวก็รู้ได้เลยว่าเป็นไอ้อาร์คคนหล่อ

 

 

          “มึงมีอะไร” ถามกลับไปด้วยเสียงหงุดหงิด ผมไม่รู้ว่ามันหงุดหงิดจริงหรือเปล่านะ เพราะพี่แกพรมจูบที่หลังคอผมย้ำๆ ซุกไซ้มันอยู่นั่นแหละ

 

 

          “อื้อ…กัน…พอก่อน”

 

 

          [อยู่กับหมาเป๋าเหรอ]

 

 

          “อยู่กับเมีย!”

 

 

          เฮ้ยๆ

 

 

          มันตอบแบบเต็มปากเต็มคำ ถึงจะเป็นเรื่องจริงก็ยังไม่ต้องประกาศกร้าวขนาดนั้นก็ได้ม้างงงง~ ผมหันไปทำหน้าดุใส่ และนอกจากมันจะไม่กลัวแล้ว ผมยังได้รับจูบหนักๆ กลับมาอีกต่างหาก

 

 

          […หึ เป็นเมียแล้วเหรอวะ] ปลายสายทางนู้นเสียงไปพักหนึ่งก่อนจะแซวกลับมา ผมอดที่จะเป็นห่วงพี่แว่นอาร์คนิดหน่อยไม่ได้ แหมๆ เขาชอบเรานะหื้อ ได้ฟังแบบนี้จะทนได้จริงน่ะเหรอ

 

 

          “มึงมีอะไรรีบๆ พูด ขัดจังหวะกู”

 

 

          [เดี๋ยวกูกลับไอ้ชานจะเข้าไปหามึง เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ มึงอย่า! อย่ามาปฏิเสธ ไม่ทันแล้วล่ะ ไอ้ชานมันออกไปก่อนกูแล้ว ใกล้ถึงแล้วด้วยมั้ง] ปลายสายรู้ทันรีบดักคอไว้ก่อน ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งด้วยความหัวเสีย

 

 

          “แล้วทำไมไม่บอกกูก่อนวะ!”

 

 

          [ก็บอกอยู่นี่ไงวะ หึๆ]

 

 

          “ไม่ต้องมา!”

 

 

          [ไม่ทันแล้วววว ขอโทษนะครับ เจอกันที่บ้านมึงนะ รอต้อนรับพวกกูด้วย] พี่อาร์คมาวินว่ะ กันๆ สู้ไม่ได้เลย ผมมองคนที่นั่งขยี้หัวตัวเองแล้วก็ขำ ไอ้อาร์คชิงตัดสายไปก่อนแล้วพี่แกเลยด่าอะไรไม่ได้

 

 

          “ขำอะไรเมีย!”

 

 

          “ขำสามี~” มันเล่นมาก็เล่นกับมันหน่อย แต่พูดแล้วอายปากว่ะ

 

 

          “หึ อาบน้ำกัน เดี๋ยวพวกมันจะมา” ยื่นหน้ามาหอมแก้มเสร็จก็จัดการอุ้มผมเข้าห้องน้ำโดยไม่รอให้ได้ตอบอะไร แม่ง ห้องน้ำอีกละ หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ

 

 

          ถือว่าไอ้กันยังมีความเมตตาให้กับผมอยู่บ้าง อาบน้ำให้โดยไม่ทำอะไร แต่ดูอาการแล้วมันเองก็อยากทำนะ เสื้อผ้าของผมก็เปียกไปอย่างที่ร่างสูงต้องการ มันเพิ่งจะเอาไปซักให้เอง ผมเลยต้องใส่เสื้อผ้าของไอ้กันไปก่อนหลวมฉิบหาย

 

 

          “นี่กันๆ พวกมันจะมาทำไมวะ”

 

 

          “นั่งเล่นแหละ” ตอบกลับมาโดยไม่หันมามอง เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อกล้ามออกมาใส่ ผมแทบจะถลาไปกราบขอให้เปลี่ยนเสื้อ แต่แน่นอนมันไม่ยอมหรอก มึงขี้อวดเหรอกันๆ รอยเล็บผมเต็มตัวมันเลยนั่น

 

 

          ร่างสูงหันกลับมา เห็นผมจ้องตามตัวของมันอยู่ก็ก้มลงมามองบ้าง มือหนายกขึ้นมาแตะตามรอยพวกนั้นก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์น่าหาอะไรมาฟาดสักที

 

 

          “ร้อนแรงเหมือนกันนะเนี่ย”

 

 

          “กวนตีน!”




______________________________________________



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 28] [30 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-08-2016 21:04:21
อร๊ายยย อีกันๆหื่นมากๆอิอิ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 28] [30 - 8 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: tinmoiy ที่ 03-09-2016 21:40:29
ติดตามจ้าติดตาม
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 29] [9 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 09-09-2016 17:20:30

ตอนที่ 29

 



 

          ผมถูกไอ้กันลากให้ลงมานั่งเล่นกับพวกมันด้วย ไอ้ชานมาถึงก่อนหน้าไอ้อาร์คสักพัก ซื้อเนื้อซื้อผักมาชุดใหญ่ ทำอย่างกับว่ายกมากินกันทั้งหมู่บ้าน มึงๆ อยู่กันแค่ไม่กี่คนเองนะ


          ตอนแรกผมจะไม่ลงมาแล้วนะ ไม่เคยรู้สึกขี้เกียจขนาดนี้มาก่อนเลย จะกลับบ้านก็ไม่ได้อีกเพราะเสื้อผ้าเพิ่งจะเอาไปตาก กลับชุดนี้พ่อสงสัยแน่ๆ จะให้ปีนเข้าหน้าต่างก็ทำไม่ได้อีก แม่งติดลูกกรง


          สักวันผมจะตัดลูกกรงนั่นทิ้งซะ


          “มึงเหมือนเพิ่งผ่านศึกมาเลยหมาเป๋า เพราะงั้นนั่งเฉยๆ แล้วกัน” ไอ้ที่เอาของเข้าไปล้างในบ้านเสร็จก็เดินออกมา นั่งแม่งกลางสวนนี่แหละบรรยากาศดี…ไม่ใช่ผมบอกนะ เจ้าของบ้านรูปหล่อนั่นต่างหาก


          “กูก็อยากช่วยนะหื้อ”


          “ไหวเหรอหื้อ” มันล้อเลียน ผมเบะปากใส่ก่อนจะสะบัดหน้าหนี ไอ้ชานหัวเราะเบาๆ แล้วเอามือเปียกๆ ของมันมายีหัวผม เฮ้ยๆ ก็รู้ว่ามือสะอาด แต่อย่ามาจับตอนมือเปียกๆ ได้มั้ย


          ผมนั่งสบายปล่อยให้สามหนุ่มเขาเตรียมพื้นที่กันเอง นี่รอกินอย่างเดียวเลยนะเนี่ย คุณชายอะ ไอ้สามหนุ่มนี่ก็ดูเรียบร้อยดีเหมือนกันนะ ปกติเพื่อนรวมตัวกันต้องมีเหล้ามีเบียร์ใช่มั้ย นี่ไม่จ้ะ กินหมูกระทะกันเฉยๆ ไม่มีใครหิ้วของอย่างว่ามาเลยสักคน น่ารักอะ



          “มองแล้วยิ้มหมายความว่าไงวะหมาเป๋า” รูปหล่อใส่แว่นหันมาเห็นผมยิ้มพอดีก็ร้องทัก


          “พวกมึงน่ารักเนอะ”


          “แน่นอน!” ไม่ปฏิเสธเลยนะไอ้ชาน


          หมับ!


          “ชมกูได้ แต่คนอื่นห้าม ต่อหน้าต่อตากูเลยนะ” ชมไปได้ไม่เท่าไหร่ คอผมก็ถูกล็อกโดยแขนหนาของไอ้กัน ผมย่นจมูกใส่ ไอ้บ้า กูก็ชมไปตามที่เห็นเหอะ ไม่ได้คิดอะไรเป็นอื่นเลย มึงแม่งคิดมาก ผมโบกมือไล่ให้มันไปจัดการของตรงหน้าต่อ ล็อกไว้แบบนี้หายใจไม่ออก


          จัดเตรียมของเสร็จก็ได้เวลากิน หมาบ้าทำตัวน่ารักด้วยการย่างให้ผมกินแบบไม่ต้องลำบาก ร่างสูงไม่เกรงใจสายตาของเพื่อนรักทั้งสองเลยแม้แต่น้อย อยากแสดงออกก็ทำซะอย่างนั้น



          เออดีๆ



          “นี่สรุปคบกันแบบจริงจังแล้วใช่ปะ” นั่งกินไปได้สักพักไอ้ชานก็เอ่ยถามขึ้นมาพลางมองผมกับไอ้กันสลับกัน ผมคาบตะเกียบไว้ที่ปากก่อนจะกะพริบตาปริบๆ ถามมาแบบนี้ก็ฉุกคิดขึ้นได้ คบจริงจังหรือเปล่าก็ไม่รู้แฮะ


          ผมหันไปมองคนข้างตัว มึงตอบก่อนดิ ไอ้กันก็ดูจะไม่เข้าใจสายตาที่ผมส่งไปให้ ใบหน้าหล่อดุนั่นเริ่มเปลี่ยนไปทางหงุดหงิด แขนหนายกขึ้นมากอดไหล่ผมดังหมับ



          “ทำไมไม่ตอบ ไม่มั่นใจหรือไง!”


          “เอ้า! หมาบ้าอะไรเข้าสิงมึงอีกเนี่ย ก็กูไม่รู้อ่า~”


          “ไม่รู้หมายความว่าไง! ไม่รู้ใจตัวเองหรือไง”


          “ไม่มั่นใจตัวมึงต่างหาก!”


          “ทำไม!! แค่นี้กูยังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกหรือไง!” แล้วทำไมต้องตะโกนใส่หน้ากูด้วยวะ! มึงไม่เคยบอกเลยว่าคบกันหรือเปล่า อย่าให้กูต้องมโนไปเองนะ ถ้ากูมโนแล้วมึงหลุดยากนะบอกเลย ร่างสูงนั้นทำหน้าเหมือนอยากจะกินหัวผม ส่วนเพื่อนรักของมันทั้งสองคนก็นั่งเท้าคางดูเราตีกัน


          “ตีกันให้เสร็จแล้วค่อยตอบกูก็ได้นะ”


          “คบ! จริงจัง! และกูไม่ให้มึงเลิกด้วย” คำหลังหันมาพูดกับผม


          “เออ!! ไม่ให้เลิกเหมือนกัน!”


          “เอ้า! ไอ้อาร์ค ไชโยกับบ่าวสาวหน่อยเร็ว” ไอ้ชานเอ่ยแซวพลางยกแก้วน้ำอัดลมของตนเองขึ้น ผมคิดว่าพี่แว่นจะไม่บ้าตามนะ แต่เปล่าเลย พ่อรูปหล่อบ้าจี้ยกแก้วขึ้นตามด้วย ผมแยกเขี้ยวใส่พวกมัน


          “แหย่เล่นน่าหมาเป๋า อย่าคิดมากดิ”


          “ไม่เคยคิดมากเลย มันแค่รู้สึกแปลกๆ”


          “เจ็บตูดแปลกๆ?”


          “กันๆ กูขอสั่งให้มึงเลิกคบเพื่อนคนนี้ มันเลววววว~” ผมเขย่าแขนคนข้างตัว ไอ้ชานแม่งหัวเราะชอบใจใหญ่เลย ส่วนพี่กันๆ ก็ดูชอบใจนะที่ผมทำเหมือนอ้อนอยู่กลายๆ เหอๆ มึงยังไม่เคยเจอลูกอ้อนของจริง เดี๋ยวเจอเลย เดี๋ยวได้หลงเลย อุบ๊ะ!


          นี่ดีนะพี่กันรอบขอบจุดยากันยุงแล้วเรียบร้อย ไม่งั้นยุงได้หามพวกเราไปหมดนี่แล้วแน่ๆ แต่ยุงก็ยังอันตราย มีบินเล็ดลอดมากันผมอยู่บ้าง ร่างสูงข้างตัวเห็นผมแอบเกาแขนก็คิ้วขมวด จับแขนผมไปลูบเบาๆ ตรงรอยแดง


          “เข้าบ้านมั้ย ยุงกัดหมดแล้ว”


          “หูยยยย ไม่เอา อยากนั่งกับพวกมึงต่อ”


          “ไม่เอาพวกสิ น่ารักหน่อย บอกว่าอยากนั่งกับกูสิ” อาศัยจังหวะที่เพื่อนสองคนหันไปคุยกันก้มหน้าลงมาใกล้ ส่งสายตาหวานๆ ในระยะประชิด ผมอมยิ้มแก้มแทบแตก เป็นการเอาแต่ใจที่น่ารักมากเลย


          “อยากนั่งกับมึง”


          “น่ารักมาก” เอ่ยชมเสียงหวานแล้วยกมือขึ้นมาแตะแก้มผมเบาๆ


          “อาร์ค กูก็อยากนั่งกับมึงนะ”


          “หึๆ น่ารักมาก” มีคนล้อเลียน ไอ้ชานแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่พี่แว่น ไอ้อาร์คก็ตบมุกอย่างดีด้วยการยื่นมือไปแตะที่แก้มไอ้ชานเหมือนกับที่ไอ้กันทำเป๊ะๆ เลย แต่สายคนของพี่เจ้าชายนั้นยิ่งกว่าไอ้หมาบ้าของผมอีก มึงก็สมจริงไป ผมตีหน้าเอือมใส่ ก็ปล่อยให้เราหวานบ้างอะไรบ้างซี่~ พวกนายก็แซวตลอดเลย


          เรานั่งกินนั่งเล่นกันต่ออีกไม่นาน ไอ้ชานกับไอ้อาร์คก็โดนไอ้กันไล่กลับบ้าน ส่วนตัวมันก็หิ้วผมขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง จับวางลงบนเตียงแล้วโถมตัวเข้ามากอด


          “มึงไม่คิดจะให้กูกลับบ้านบ้างเหรอวะ”


          “คิดแต่จะขังมึงไว้ไม่ให้กลับอย่างเดียว” ตีเหม่งสักทีได้มั้ย


          “กูกลับบ้านไปกูโดนพ่อด่าแน่ๆ” ผมบอกด้วยสีหน้าเครียดๆ จริงๆ ก็ไม่ได้เครียดอะไรมากมายหรอก ต้องบอกเลยว่าผมเนี่ยเป็นลูกไม่ดี ผมแคร์ความรู้สึกของปู่มากกว่าพ่ออีกนะ และที่ยังไม่ร้อนใจถึงขั้นต้องวิ่งกลับบ้านก็เพราะปู่อนุญาตให้มาได้


          แต่อนุญาตให้ค้างหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้~


          “เดี๋ยวกูรับหน้าเอง จะไปสารภาพผิดว่าเอาลูกเขามากก” ไม่มีสลด พอได้กอดอยู่กับอกล่ะหน้าระรื่นเชียวนะ ผมชอบนะที่ไอ้หมาบ้ามานัวเนียแบบนี้ แต่มากไปก็รำคาญนะเฮ้ย! ผมดันหน้าหล่อๆ นั่นออก ต้องทำอย่างเนียนๆ ด้วยนะ ไม่งั้นพี่แกหาว่ารังเกียจไม่อยากให้หอม


          “คืนนี้กูค้างที่นี่ก็ได้ แต่พรุ่งนี้ต้องกลับแต่เช้านะ” ผมยืนคำขาด ร่างสูงหน้าเซ็งเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง ผมยิ้มกว้างแล้วเกี่ยวคอแกร่งเข้ามากอด ใบหน้าโหดๆ ของมันซุกอยู่กลางอกผม


          “น่ารักมาก ทำตัวน่ารักแบบนี้บ่อยๆ แล้วพี่จะรักน้องมากขึ้นเรื่อยๆ”


          “เหรอ แต่มึงไม่ต้องทำอะไรเลยนะ ยังไงกูก็รักมึงเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว”


          ว้ายยยย~ หยอดกลับ




………………………..




          เช้า


          ผมรีบแหกขี้ตาลืมมาแต่เช้า ฟ้ายังไม่ทันจะสว่างดีเลย ผมคำนวณเวลาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ว่าเช้านี้ยังไงก็ต้องเสียเวลาแงะไอ้หมาบ้าข้างตัวนานแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด กว่าจะหลุดจากอ้อมแขนแกร่งได้ก็เล่นเอาเหนื่อย



          กันๆ ไม่ได้เต็มใจให้ผมกลับหรอก แต่ผมเองก็ไม่ยอม สุดท้าย…ก่อนจะปล่อยผมกลับบ้าน ที่รักก็จัดจูบดูดดื่มให้มาเป็นของฝาก เล่นเอาปากเจ่อดูไม่ได้ ของฝากที่ว่าน่ะฝากผมพ่อนะ ไอ้หมาบ้า! มึงแม่งร้าย! ถ้าพ่อคุมเข้มหนักกว่าเดิมมึงอย่าโวยวายนะ


          ผมรีบติกสปีดกลับบ้าน วิ่งด้วยขาสั้นๆ ของตัวเองนี่แหละ มายืนหน้าบ้านได้ก็หอบแฮกๆ เป็นลูกหมาเลย สอดส่ายสายตามองเข้าไปข้างใน เงียบแฮะ ปู่ยังไม่ตื่นหรือไงนะ



          ผมมองที่ประตูรั้ว ไม่ได้ล็อกกุญแจอย่างทุกที แสดงว่าปู่ตื่นแล้วแน่ๆ แล้วอย่างนี้พ่อผมล่ะ หวังว่าคงยังไม่ตื่นหรอกเนอะ อากาศดีนะพ่อตอนเช้าๆ นอนต่อไปก่อนก็ได้



          ผมค่อยๆ เปิดประตูเบาๆ ให้มันเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วค่อยๆ ย่องเข้าบ้าน เหมือนขโมยเลยง่าแบบนี้ ผมเปิดประตูเข้ามาในบ้าน กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งกับสายตาของคนที่นั่งอยู่ ปู่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าถมึงทึง ผมยิ้มประจบไปก่อนเลย แล้วเดินดุ๊กดิ๊กๆ เข้าไปหา



          “ปู่อ่า~”


          “กลับซะเช้าเลยนะ”


          “นิดนุงงงงงง~”


          “แรดใหญ่แล้วนะมึงเนี่ย” นั่นกำลังชมหลานอยู่หรือเปล่า~ ผมตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องว่าปู่หมายถึงอะไร แบ๊วไว้ก่อนยังไงก็ชนะ ผมยิ้มกว้างเต็มปากแล้วกอดแขนปู่ นี่ถ้าไม่ปู่นะผมก็ไม่ได้เสียตัว เอ้ย! ไม่ใช่! ไม่ได้ไปเจอไอ้กันแน่ๆ


          ผมนั่งกอดนัวเนียอยู่ได้สักพัก คุณพ่อที่รักก็เดินงัวเงียลงมาจากชั้นบน พอเห็นผมก็ตาโตอย่างน่ารัก ถลาเข้ามาหา ดึงตัวผมไปยืนแล้วจับหมุนสำรวจ


          “เดี๋ยวๆ พ่อ”


          “เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นลูกไม่กลับบ้านพ่อห่วงมากเลยนะ”


          “ผมสบายดี”


          “แล้วเพื่อนเราเป็นยังไงบ้างล่ะ เห็นเมื่อวานปู่เอ็งบอกว่าเพื่อนมีปัญหา รีบร้อนออกไปโทรศัพท์ก็ไม่ยอมเอาไปด้วย” พ่อถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพื่อนเหรอ? ผมหันกลับไปมองปู่ทันที ปู่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองไปทางอื่น ผมนิ่งไปนิดก่อนจะเข้าใจได้เอง หันกลับมายิ้มให้พ่อ


          “อ๋อ มันไม่เป็นไรแล้วพ่อ โอเคแล้ว แฮปปี้สุดๆ” กลัวไม่เชื่อ ยกนิ้วโป้งให้สองข้างเลย


          “อ๋อ…”


          “หึ ท่าทางจะแฮปปี้มากด้วยนะ”


          ปู่อย่าแซวดี้~


          ผมทำเนียน ยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ คุยกับพ่อต่ออีกนิดหน่อยแล้วก็ขึ้นมานอนต่อ พ่อก็เบาใจ เห็นผมนอนก็ระความระแวงว่าผมจะออกไปหาไอ้กันลงไป ผมนอนแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเที่ยง ไอ้กันไลน์มาอยู่แต่ผมยังไม่ได้ตอบกลับไป ลุกไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินลงมาข้างล่าง



          “ปู่ มีอะไรกินบ้างอะ”


          “ตื่นมาก็จะแดกเลยนะ”


          “หิวข้าว~”


          “ในครัวเลยลูก ไปอุ่นกินเลย” ผมพยักหน้ารับที่พ่อบอก เดินเข้าครัวไปอุ่นกับข้าว ระหว่างที่ยืนรอก็คุยไลน์กับไอ้นานาไปด้วย แม่คุณบ่นมาเป็นชุดเลยว่าไม่มีอะไรทำ อยากเที่ยว


          มึงไปเที่ยวคนเดียวเถอะนะ กูจะนอนเปื่อยอยู่บ้าน



          อุ่นกับข้าวเสร็จผมก็ตักราดๆ ใส่จานแล้วเดินไปนั่งกินหน้าโทรทัศน์ ปู่แกดูละครยามบ่ายอีกแล้ว นี่แหละคนแก่ไม่มีอะไรทำ เห็นว่าติดหนึบหนับด้วยนะ อย่าไปแย่งแกดูเชียว



          ครืน ครืนนน



          นั่งกินข้าวอยู่โทรศัพท์ก็สั่น ดีนะที่ผมปิดเสียงไว้ แต่เสียงสั่นของมันก็ดึงความสนใจได้เหมือนกัน ผมหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเบิกตากว้างแล้วสำลักข้าว ไอแค่กๆ หน้าดำหน้าแดง



          มึงโทรมาทำไมตอนนี้ไอ้กันๆ!!


          “แค่กๆ…”


          “กินน้ำสิลูก” ผมพยักหน้ารับแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม มือรีบกดวางสายไอ้กันเลย ไม่พร้อมคุย คุยไม่ได้! จะเดินหนีไปรับที่ห้องก็ดูน่าสงสัยเกินไป หลังจากวางไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีพี่แกก็ไลน์เข้ามาแทน


          G’ : ไม่รับสาย อยากตายเหรอ


          VIP : รับไม่ได้ นั่งอยู่กับพ่อ


          G’ : ถ้างั้น พ่อเผลอแล้วเจอกัน


          ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคำพูดนั้นของไอ้กัน แหม มึงก็มีอารมณ์ขันเนอะ



          “คุยกับใครน่ะ นั่งยิ้มมีความสุขเชียว”


          เฮือก!


          ผมรีบลดโทรศัพท์ลง วางคว่ำหน้าด้วยไม่อยากให้เห็น ยิ้มเนียนๆ ก่อนจะส่ายหน้า พ่อหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ เดี๋ยวนี้คุณพ่ออัพเวลเหรอ เมื่อก่อนจะยังเชื่อได้ง่ายๆ เลย



          “เอ่อ…นี่พ่อก็มาอยู่นานแล้วนะ จะกลับเมื่อไหร่เหรอ” ผมต้องรีบหาเรื่องมาพูดให้ผมลืมๆ ไป แต่เหมือนคำถามจะไม่ถูกใจคนฟังเท่าไหร่นัก พ่อมองผมด้วยสีหน้าช้ำใจนิดๆ เล่นเยอะไปแล้วพ่อ เบาๆ ลงหน่อย


          “อยากไล่พ่อไปขนาดนั้นเลยเหรอ จะได้ไปหาไอ้หนุ่มนั่นใช่มั้ย!”


          “หูยยยยย~ พ่อคิดอะไรอย่างนั้น นี่ๆ ถามเพราะสงสัยหรอก แบบพ่อจะอยู่ที่นี่ถาวรเลยมั้ย ก็เห็นไม่กลับไปสักที แต่อีกใจนึงผมก็ห่วงพ่อน่า ออกมานานแล้ว คนที่นู้นเขาไม่เป็นห่วงพ่อเหรอ ไม่ได้บอกไว้ใช่ม้าว่าจะมาหลายวันน่ะ” อยู่ๆ สมองอันชาญฉลาดก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ พ่อนิ่งไปก่อนจะมีสีหน้าคิดหนัก


          นั่นไง!! คิดตามแล้วช้ะ


          “ก็จริงนะ มึงมานี่นานแล้ว ได้บอกทางนู้นไว้หรือเปล่า”


          “เปล่าง่ะ” พ่อตอบเสียงอ่อยๆ พลางทำหน้าอยากจะร้องไห้ กัดนิ้วคิดหนักเป็นเด็กๆ เลย ผมแอบบอกรักปู่อยู่ในใจ มีช่วยพูดด้วย…หรือเปล่าไม่รู้ อาจจะห่วงทางนู้นของพ่อก็ได้ แต่ก็ขอบคุณครับ


          ผมรู้นะว่ามันดูแย่ที่ทำเหมือนอยากไล่พ่อไปไกลๆ จริงๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย กับพ่อเองผมก็อยากจะอยู่ แต่ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ผมก็จะบ้าตายเหมือนกัน ต้องคอยโดนจับตามองอยู่ตลอด ใช้ชีวิตไม่สนุกเลย



          “เอาไงล่ะ”


          “แต่ว่า…” พ่อมองผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล แหมๆ ขนาดนี้แล้วยังจะกลัวลูกหนีไปหาผู้ชายอีกนะ นี่ถ้ารู้ว่าลูกชายตัวเองเสียตัวให้คนอื่นไปแล้วจะทำหน้ายังไงน้า~ แหม…กูนี่ก็บาปจริงๆ


          “มึงจะห่วงอะไรนักหนา ก็ปล่อยลูกมันใช้ชีวิตของมันบ้าง มันโตแล้วนะ” ดูเหมือนปู่จะทนไม่ไหว โวยออกมา สีหน้าหงุดหงิดมาเต็มขั้น พ่อเจอพูดแบบนี้ใส่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน


          “เพราะโตแล้วเลยต้องยอมปล่อยให้มันไปมีแฟนเป็นผู้ชายงั้นเหรอ”


          “มีแล้วมันจะตายหรือไง! กูยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย”


          “ก็เพราะว่าพ่อตามใจมันจนเคยตัวไง!”


          “ก็กูรักของกู! กูจะตามใจมันผิดตรงไหน!!” ปู่โวยกลับไปเสียงดังมากขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วย ผมหน้าเหวอที่จู่ๆ ก็เกิดสงครามขึ้นซะงั้น ผมกระตุกแขนดึงให้ปู่นั่งลงเหมือนเดิมแต่กลับโดนสะบัดออก


          “แฟนผู้ชายเลยนะพ่อ!! จะให้อยู่เฉยๆ ตามใจไม่ได้นะ!” ทางพ่อเองก็ไม่ยอมแพ้ ปู่ลุกพ่อก็ลุกมั่ง ยืนประจันหน้าใช้สายตาฟาดฟันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมกลืนน้ำลายแบบหวั่นๆ แล้วลุกขึ้นไปยืนแทรกกลาง


          “อย่าทะเลาะกันซี่”


          “ก็พ่อมึงมันงี่เง่า”


          “พ่อนั่นแหละงี่เง่า! พูดไม่รู้เรื่อง!” พ่อสวนกลับด้วยอารมณ์โมโห ปู่ทำหน้ายักษ์ใส่ก่อนจะง้างมือขึ้นจะฟาด พ่อนี่ถอยหนีแล้วเบะปากใส่แบบงอนๆ


          “กูไม่พูดกับมึงแล้ว” ปู่สะบัดหน้าหนีกระแทกตัวลงนั่งอย่างเดิม ปู่เบาๆ ซี่ ไม่ได้วัยรุ่นแข็งแรงอย่างเมื่อก่อนนะ ผมหันมองพ่อ แกยืนทำหน้าบูดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขยิบไปนั่งข้างปู่ ยื่นมือไปกระแขนปู่เบาๆ


          “ขอโทษนะพ่อ เมื่อกี้อารมณ์ขึ้นไปนิด”


          “กูว่าไม่นิดละ”


          “แฮ่ๆ”


          “แล้วสรุปมึงจะเอายังไง จะอยู่ถาวรเลยมั้ย”


          “ยังอะ ไม่ได้บอกทางนู้นไว้ด้วย เดี๋ยวจะพาลเป็นห่วงกันหมด เย็นนี้กะว่าจะกลับไปสักหน่อย พวกทางนู้นจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง บอกไว้ว่าจะมาแค่ไม่กี่วันเอง” พ่อบอกด้วยสีหน้าหงอยๆ ผมแม่งก็ลูกเลว เผลอยิ้มกว้างออกมา ต้องรีบงับปากตัวเองไว้เดี๋ยวพ่อเห็น


          ฮี่ๆ ไม่ต้องห่วงนะพ่อ ลูกคนนี้จะเป็นเด็กดี จะรีบแวบไปหากันๆ แล้วจะรีบกลับบ้าน ไม่ทำให้พ่อต้องเป็นห่วงแน่นอน สัญญา~


          นั่งกินข้าวเสร็จผมก็รีบย้ายตัวเองขึ้นมาบนห้อง ปิดประตูล็อกเรียบร้อยกันคนเปิดเข้ามา ไว้ใจไม่ได้แล้วบ้านนี้ ปู่น่ะไม่ว่าหรอกถ้าเห็นว่าทำอะไรอยู่ แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยกับสายตาทิ่มแทงของปู่



          จัดการล็อกประตูเสร็จก็โดดขึ้นเตียง มือจิ้มๆ โทรศัพท์โทรออกหาไอ้หมาบ้า ซึ่งทางนู้นก็ไม่ปล่อยให้ผมต้องรอสายนาน รับสายอย่างรวดเร็ว



          “กันนนนนนนนนๆ~”


          [ว่าไงครับ]


          “หึๆๆๆ” ผมไม่พูดแต่หัวเราะออกไปแทน หัวเราะชั่วๆ ด้วยนะ นี่ไงล่ะ พ่อเผลอแล้วเจอกันของแท้เลย เดี๋ยวได้จัดแน่ๆ ไม่ต้องห่วง


          [อะไรของมึงวิป โทรมาแล้วก็หัวเราะใส่เนี่ย]


          “คิดถึงกูมั้ยไหนบอกให้ชื่นใจหน่อย”


          [คิดถึงสิ]


          “มากมั้ย”


          [อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ] แน่ะ มีย้อนกลับด้วย ผมย่นจมูกใส่คนปลายสาย นี่อุตส่าห์จะบอกเรื่องดีๆ เดี๋ยวก็เล่นตัวไม่ยอมบอกซะเลยหนิ


          “ตอบให้ถูกใจ เพราะถ้าถูกใจจะมีเรื่องดีๆ มาบอก”


          [เรื่องอะไร]


          “เรื่องของเรา~”


          [ดูมึงอารมณ์ดีนะ มีอะไรดีๆ หรือไง] น่านนนนน~ กันๆ สัมผัสได้ ผมกลิ้งๆ ไปบนเตียงยังไม่ยอมพูดออกไป มีความเล่นตัวหนักมาก ปลายสายเห็นผมไม่ยอมบอกสักทีก็ส่งเสียงเร่งออกมา


          [บอกมาเร็วๆ]


          “ใจร้อนจริงๆ คืองี้ พ่อกูเขาจะกลับไปเย็นนี้”


          [หืม?]


          “อ้าว ไม่ดีใจเหรอวะ” ผมหน้าเหวอรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งเมื่อปลายสายทำเสียงสงสัยกลับมา อะไรวะ ผมก็นึกว่ามันจะดีใจซะอีก โด่ว~ เล่นเอาใจห่อเหี่ยวเลย ขอเวลาแวบไปนั่งทำใจในห้องน้ำแป๊บ


          [กูยังไม่ได้คุยกับเขาตรงๆ เลย เรื่องของเราก็ยังไม่ได้บอกให้เขารับรู้อย่างเป็นทางการเลย] ผมเบ้ปากใส่ ดีแล้วที่มันไม่เห็น เดี๋ยวโดนตีเหม่ง ขนาดนี้ไม่ต้องบอกแล้วล่ะกันๆ พ่อกูเขารู้หมดแล้วแหละ


          “มึงอย่าพาเข้าเรื่องจริงจังดิวะ เดี๋ยวกูรู้สึกผิด”


          [เฮ้อ…ช่างเถอะ อย่าคิดมากก็แล้วกัน มึงก็ดีใจไว้ล่ะ เดี๋ยวเราจะได้เจอกันบ่อยขึ้นแล้ว และกูจะได้ลากมึงมากกที่บ้านได้อย่างสบายใจสักที] คำหลังทำไมน้ำเสียงมันฟังดูหื่นๆ จังวะ


          ผมคุยกับกันๆ ต่ออีกยาวอยู่พอตัว พอตกเย็นได้เวลาที่พ่อจะกลับก็เดินลงมาส่ง ตอนแรกจะไปส่งขึ้นรถนะ แต่พ่อบอกให้ผมอยู่ดูแลปู่ซะ ผมยืนมองพ่อที่กำลังคุยร่ำลากับปู่อยู่แล้วก็รู้สึกใจหายนิดๆ พ่อหันมาเห็นผมทำหน้าหงอยๆ ก็เดินเข้ามากอด



          “โอ๋ๆ อย่าร้องนะ”


          “ไม่เด็กขนาดนั้นหรอกน่า” แต่อย่าบิ้วนะ เดี๋ยวน้ำตาไหลจริง


          “เอาล่ะ เดี๋ยวพ่อจะรีบมาหาเนอะ แล้วอย่าไปเจอไอ้หนุ่มนั่นล่ะ!” แน่ะ ไม่วายมีสั่งไว้อีกนะ ผมก็พยักหน้ารับไว้ก่อนให้แกสบายใจ ผมเดินออกไปส่งพ่อที่หน้าบ้าน ยืนมองตามหลังไปสักพักก่อนจะเดินกลับเข้ามา


          ปู่นั่งกอดอกอยู่ พอผมเดินเข้าไปก็กวักมือเรียก แหมๆ หน้าตาจริงจังแบบนั้นไม่อยากเข้าไปหาเลย แต่ไม่มีทางเลือก ผมเดินเข้าไปนั่งทำหน้าเด็กดีเข้าไว้



          “ไอ้หนุ่มนั่นน่ะ…”


          “ใครเหรอปู่”


          “ถ้ามึงแบ๊วใส่กูอีกที กูจะไม่ให้มึงออกจากบ้าน”


          “หูยยยยยย นิดนุงงงงง~” แง่ง! เหมือนปู่จะไม่เล่นด้วยแฮะ ผมเปลี่ยนสีหน้าตัวเองใหม่ เอาให้จริงจังเข้ากันได้กับปู่ “ไอ้กันน่ะเหรอปู่ มีอะไรอะ”


          “ไปเรียกมาคุยกันหน่อยสิ รู้สึกว่าเรื่องของมึงน่ะ…ยังไม่ได้คุยกันจริงๆ จังๆ เลยนะ” ปู่บอกพร้อมกับใช้สายตากดดัน นั่นทำให้ผมไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้ เลยได้แต่พยักหน้าตกลง



_______________________________________



หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 29] [9 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-09-2016 23:57:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 29] [9 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-09-2016 07:33:55
รักคุณปู่จัง

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 29] [9 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-09-2016 11:39:55
ปู่วัยรุ่นไปอีกก
หัวข้อ: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ranmaru ที่ 12-09-2016 18:08:28


ตอนที่ 30



 

 

          ผมกับร่างสูงกำลังนั่งรอการโดนสอบจากปู่ ผมน่ะโคตรหวั่นเลยเหอะ! ถึงแม้ว่าปู่จะเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ได้ห้าม แต่อย่าลืม ว่าปู่ก็ไม่ได้ชอบเหมือนกัน


          แต่ร่างสูงข้างตัวผมนั้นช่างต่างกับผมเหลือเกิน นั่งนิ่งไม่หวั่นต่อสายตาที่ถูกจ้องมา หลังยืดตรงพร้อมตอบทุกคำถาม มึงเท่มากเลยนะกันๆ ตอนนี้อะ และสงสัยว่าผมจะเผลอใช้สายตาชื่นชมมองไอ้กันมากไป ปู่เลยหันมามองแบบปรามๆ


          แฮ่! นิดนึงงงงงง~


          “เอ่อ…ปู่ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ” เห็นนั่งเงียบมานานผมก็ทักขึ้น


          “มึงนั่งเงียบๆ ไปเลยวิป ไม่งั้นก็ขึ้นห้องไปซะ” อุ้ยโดนดุ ผมตีเนียนทำเป็นไม่ได้ยินที่ปู่ว่า เรื่องอะไรใครจะไป เราก็อยากรู้นะเออว่าจะคุยอะไรกัน แล้วนี่…ก็นั่งจ้องมานานแล้วนะ เดี๋ยวกันๆ มันก็ท้องเอาหรอก


          “มึงๆ กลัวบ้างปะ” ปู่ไม่ยอมพูดอะไรสักที ผมเลยใช้ศอกสะกิดคนข้างตัวแล้วกระซิบถาม ต่อหน้าต่อตาปู่แบบนี้แหละ ปู่ไม่ว่าอะไรหรอก ร่างสูงยิ้มรับก่อนจะก้มหน้าลงมากระซิบกลับ


          “ไม่กลัว ถ้ากลัวกูก็ไม่ได้มึงน่ะสิ”


          “หูยยยยยย น่ารัก”


          “เห็นหัวกูมั้ย”


          “เอ้า! มีขัดอีก ก็ปู่ไม่ยอมพูดอะไรสักทีนี่หว่า นี่ถ้าเกิดปวดขี้ขึ้นมาปู่จะให้นั่งอยู่อย่างนี้ต่อมั้ยเนี่ย” ผมอดที่จะบ่นไม่ได้ รู้สึกพอมีแฟนแล้วนิสัยเสียขึ้นเยอะ ปู่ชี้หน้าคาดโทษ เหมือนจะบอกว่าเดี๋ยวมึงเจอกูนอกรอบ หูยยยยย ขนลุก!


          “เอาล่ะ เอ็งน่ะ…ชอบวิปมันได้ยังไง” มาแล้วๆ คำถามแรก


          “ที่ชอบก็เพราะวิปน่ารักครับ ถึงแม้ว่าตอนแรกผมจะรู้สึกรำคาญมากก็ตาม” ผมหันขวับมองคนข้างตัวคอแทบหัก ไอ้บ้า! มึงๆ พูดดีๆ ดิวะ เดี๋ยวปู่ก็ดีดมึงออกจากบ้านหรอก


          “อืม ตรงดี”


          เอ้า! ชอบใจซะงั้น


          “ตอนนี้อาจจะมองว่ามันน่ารัก แต่อีกหน่อยจะไม่มองว่ามันน่ารำคาญเหมือนเดิมเหรอ อย่างที่เห็น มันขี้อ้อน กวนตีนไปวันๆ ทำอะไรไม่ค่อยเป็นสักอย่าง แก้ปัญหาอะไรไม่ค่อยได้ ดีแต่สร้างปัญหามากกว่า แบบนี้ต่อไปจะไม่รำคาญมันเหรอ” ปู่กอดอก จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของร่างสูง ผมอยากจะค้านปู่อยู่เหมือนกัน ว่าผมน่ะไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย แต่พอเห็นสายตาที่จริงจังของปู่แล้วมันทำให้ผมไม่กล้าพูด


          ร่างสูงข้างตัวผมเงียบไปพักหนึ่ง เป็นพักเดียวที่ผมโคตรหวั่นใจเลย นั่นดิ ตอนนี้มันอาจจะชอบ ต่อไปมันอาจจะกลับไปรำคาญเหมือนเดิมก็ได้


          “ผมไม่คิดว่าจะมีวันที่ผมกลับไปรู้สึกแบบเดิมอีก เพราะก่อนที่ผมจะมาอยู่ตรงนี้ ผมคิดดีแล้ว คิดหลายรอบแล้ว ปู่บอกว่าวิปคือตัวปัญหา แต่เขาสร้างสีสันให้ชีวิตผมนะ วุ่นวายไปบ้าง สร้างเรื่องให้ปวดหัวบ้าง แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ และผมก็ไม่เหงาเมื่อมีวิปอยู่ข้างๆ ผมคิดดีแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่ปล่อยให้วิปไปเป็นของคนอื่นแน่ๆ”


          ร่างสูงตอบด้วยสายตาแน่วแน่ ปู่อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ไอ้ผมนี่น่ะโคตรจะเขินเลย หูยยยยยๆๆ หมาบ้าของเค้า น่ารักมากเลยอ่า~ เดี๋ยวจบนี่เราจุ๊บๆ ให้เป็นรางวัลนะ


          “และถึงวิปจะสร้างปัญหา หึๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมแก้ปัญหาเอง” พูดกับปู่นะ แต่หันมามองผมเฉยเลย ผมยิ้มแก้มแทบแตก ไอ้หมาบ้าก็ยักคิ้วกลับมาให้ผม


          “เฮ้ย! ไอ้คู่นี้! เอะอะมองตากันตลอดเลยเว้ย! ยังคุยกันไม่เสร็จ!!” คนแก้ที่โดนเมินเรียกร้องความสนใจ ฮี่ๆ ล้อเล่นน้าปู่ เค้ารักปู่มากที่สุดเลย เมื่อกี้มันแค่ช่วงขอเวลานอกเท่านั้น ส่งสายตากันปิ๊งๆ งี้ ปู่ไม่เข้าใจ


          “แต่พ่อมันไม่ยอมรับนะ”


          “ครับ”


          “ครับ?”


          “พูดถึงเรื่องพ่อผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงให้ถูกใจ ผมรู้ว่าเขาไม่ยอมรับ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ถอย เอาไว้ผมทำให้เขาดูดีกว่าว่าผมก็รักลูกเขาไม่ต่างกับที่เขารัก จะดูแลให้อย่างดี ให้วิปรักกับผมน่ะยังไงก็ดีที่สุดแล้วครับ เพราะรักกับผม ผมดูแล ถ้าไปรักกับคนอื่น วิปอาจจะต้องดูแลเขา” กันนนนนนนนนนนๆ~ แง่งงงงงง~ ทำไมน่ารักแบบนี้วะ นี่ถ้าไอ้หมาบ้าหันมาหน่อยนะ มันจะได้เห็นสายตาที่โคตรปลื้มปริ่มเลย ตาผมนี่วิ๊งๆ แล้ว


          ผมยกมือขึ้นมาแตะที่อกเบาๆ ใจโคตรเต้นแรกเลย ไม่คิดว่ามันจะพูดอะไรได้ดีอย่างนี้ ถึงจะมีความกวนตีนแฝงมาด้วยในประโยคก็ตามเถอะ


          ปู่หรี่ตามองร่างสูง ท่าแกเขาเท่มากเลยนะ กอดอกงี้ ผมเองก็โคตรลุ้นเลยว่าปู่จะว่ายังไงต่อ โอเค ใช่ ปู่ให้คบกันน่ะแน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมก็อยากให้ปู่โอเคกับตัวไอ้กันมันด้วย


          “มึงน่ารักมากเลยนะกันๆ” ผมเอียงตัวไปกระซิบ


          “กูน่ารักเพราะกูรักมึงมากไงล่ะ”


          ฮ้อยยยยยยยยยยย~


          “หึ! ก็ดี ถือว่าพูดได้ดี แต่ช่วยทำให้ได้อย่างที่พูดด้วยล่ะ นี่หลานที่ข้ารักมากที่สุด ข้าเลี้ยงมันมากับมือ อย่าได้บังอาจทำให้มันเสียใจอีกแม้แต่ครั้งเดียว เพราะถ้าข้าเห็นว่ามันร้องไห้เพราะเองอีก เอ็งจะไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับมัน”


          “ครับ”


          ปู่ยื่นคำขาด ซึ่งร่างสูงเองก็ตอบรับอย่างหนักแน่น ผมกะพริบตาปริบๆ มองทั้งสองคนสลับกันไปมา นี่คือ…คุยกันรู้เรื่องแล้วช้ะ


          “แต่เรื่องพ่อของมัน ไปเคลียร์เอาเองแล้วกัน”


          แล้วก็จบลงอย่างแฮปปี้ บอกแล้วว่ากับปู่น่ะคุยง่ายจะตาย ผมดี๊ด๊าใหญ่เลยจนปู่อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ ไล่ให้ผมขึ้นมาบนห้อง ปู่ก็ไม่ได้บอกให้ไอ้กันกลับบ้าน ผมเองหิ้วร่างสูงขึ้นมาด้วย


          หมาบ้าก็ใจง่าย เดินตามมาโดยไม่ขัดสักคำ



          ผมเดินมานอนแผ่บนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร่างสูงล็อกประตูเสร็จก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ เตียงผมนั้นก็ไม่ได้ใหญ่อะไรเลย เพราะแบบนี้เลยต้องเบียดๆ กันหน่อย


          แน่นอนนน~ ชอบบบบบ~


          “มึงดูโล่งใจนะวิป”


          “แน่นอน ตอนนี้ก็เหลือแต่พ่อ” แต่เขาจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ลืมถามเลยด้วยมัวแต่ดีใจ จะติดต่อไปถามก็ทำไม่ได้อีก


          “ไม่ต้องห่วง กูไม่ยอมแพ้หรอก ต่อให้เขาเอามึงไปอยู่ป่าด้วยก็ตาม กูจะไปตามเอามึงกลับมา” ผมพลิกตัวมาหาคนข้างๆ ใช้ศอกยันตัวขึ้นมา ท่าทางของผมในตอนนี้ ถ้าเปรียบเป็นหมาก็คงเป็นหูตั้งหางกระดิกดิ๊กๆ


          “จริงง่ะ!”


          “อืม ก่อนกลับเปลี่ยนบรรยากาศปล้ำมึงในป่าก่อนด้วย ได้อารมณ์ดี หึๆ” อุ้ย ทำไมหื่น ผมย่นจมูกใส่ เดี๋ยวนี้ความหื่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะเออ สงสัยเก็บกดจริงๆ ด้วย กันๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมล่ะหมั่นไส้ตาแบบนี้ของมันมากเลย เป็นประกายวิบวับน่าตบ


          “จุ๊บที”


          “เล่นตัวได้มะ”


          “ไม่ได้ ขอสั่งให้ใจง่ายกับกูซะ!” เผด็จการ!


          ก็ตามนั้นแหละ มันสั่งให้ใจง่ายผมก็ใจง่ายตามที่อีกฝ่ายต้องการ หลบตาพริ้มรับจูบที่ร่างสูงมอบให้ แต่เดี๋ยวนะ ไหนบอกแค่จุ๊บไง แล้วลิ้นที่สอดเข้ามานี่คืออะไร! จากที่บอกว่าจุ๊บก็กลายเป็นจูบที่ดูดดื่ม พาให้เคลิบเคลิ้ม กันๆ รุกหนักแบบไม่เว้นช่วงให้ผมได้หายใจ มือหนาใช้จังหวะที่ผมเผลอดันผมให้นอนราบลงไป แต่พอแผ่นหลังสัมผัสกับเตียงปุ๊บผมก็รู้สึกตัว รีบดันอกไอ้หันเป็นการห้าม


          “นี่บ้านกู ไม่เอาๆ เดี๋ยวปู่ช็อกตาย”


          “หึ โอเค ยอมให้” คราวนี้ยอมถอยออกไปง่ายๆ อาจจะเป็นเพราะเกรงใจปู่ก็ได้มั้ง ร่างสูงอยู่ๆ ก็ความอยากรู้อยากเห็นเข้าครอบงำ ลุกเดินสำรวจห้อง ห้องผมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ของก็มีไม่ค่อยเยอะหรอก ร่างสูงเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนที่มือหนาจะหยิบกระบองเพชรที่พี่พลุให้ขึ้นมา


          “น่ารักดีหนิ เอามาจากไหนล่ะ” ถามพลางหมุนดูของในมือ


          “เอ่อ…พี่พลุให้มาน่ะ” ผมตอบแล้วเอานิ้วจิ้มๆ กัน ร่างสูงเลิกคิ้วด้วยใบหน้านิ่งๆ


          “เหรอ” ตอบกลับมาเพียงแค่นั้น ผมเผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่มันไม่ว่าอะไร แต่ในวินาทีต่อมาก็ต้องเบิกตากว้าง ถลาไปคว้ากระบองเพชรจากมืออีกฝ่าย แม่งงงงง!! ไอ้บ้า! เมื่อกี้มันยกขึ้นเหนือหัวจะปาทิ้งแล้วนะ


          “เฮ้ยๆ ของกูนะ”


          “มึงจะเก็บไว้ทำไม ทิ้งไป!”


          “ได้ไงล่ะ พี่เขาอุตส่าห์ให้นะเว้ยยยย~ แล้วกูก็ชอบด้วย มันน่ารักดี” ผมว่าแล้วเอากระบองเพชรเข้าอ้อมอกอย่างหวงแหน ร่างสูงแทบจะกลายร่างเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น


          “มึงว่าไงนะ!!”


          “กันๆ”


          “มึงจะเก็บไว้ทำไม! ถ้าชอบเดี๋ยวกูซื้ใหม่ให้ก็ได้ ส่วนอันนี้จัดการแม่งซะ” หมาบ้ามันชี้นิ้วสั่ง ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ พูดยากเนอะมึงเนี่ย


          “กันๆ มึงอย่างี่เง่าได้มั้ย”


          “กูหึงมึงนี่กูงี่เง่างั้นเหรอ!!!”


          ผมหลับตาปี๋หนีเสียงตะคอกนั่น หัวหดเลยจ้าเมื่อเจออย่างนี้ ดีนะ หึงก็พูดว่าหึงตรงๆ น่ารักดี แต่หึงแล้วหัวร้อนแบบนี้ไม่ไหวนะเออ ผมลืมตาขึ้นมาแล้วบีบตาอ้อนใส่ ยื่นมือไปกระตุกชายเสื้อมันเบาๆ


          “กันๆ ง่า~”


          “อะไร!”


          “กูไม่ได้คิดอะไรกับพี่พลุนะเว้ย ที่กูเก็บไว้เพราะกูชอบเฉยๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่พลุเลย อีกอย่างมันอยู่กับกูมาสักพักแล้วนะ มึงอย่าใจร้ายให้กูต้องทิ้งมันสิ มึงรักน้ำรักปลารักต้นไม้ไม่ใช่เหรอ อย่าใจร้ายสิ” หลอกล่อครับ งานนี้ต้องหลอกล่อ ร่างสูงชะงักไป เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าลืมความชอบของตัวเองไปชั่วขณะ


          “เฮ้อ…”


          “ยอมแล้วใช่ม้า” ผมยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าด้วยท่าทางขี้เล่น ไอ้กันเบือนหน้าหนีไปปรับอารมณ์พักนึงก่อนจะหันกลับมา วางบนลงบนศีรษะผมและขยี้เบาๆ


          “ให้แค่ครั้งนี้นะ ต่อไปห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่นอีก”


          “ปู่ก็ห้ามเหรอ”


          “แล้วปู่เขาจีบมึงมั้ยล่ะ” โด่ววว~ ถามแค่นี้ทำไมต้องมองแรงด้วย





…………………………..



          Rrrrrrr


          “ฮัลโหลลลลลลล~ ว่าไงน้องตอง” ผมรับสายไอ้น้องตองด้วยเสียงที่ร่าเริงเต็มขั้น พักนี้เราอารมณ์ดีนะ ชีวิตเราแฮปปี้ ตอนนี้ผมอยู่บ้านไอ้นานา มันเรียกร้องให้มาหา บอกอยู่คนเดียวแล้วเบื่อๆ


          ไอ้คนเดียวนี่ว่าน่ะ คือมันแยกมาอยู่คนเดียวในห้องแล้วเบื่อ ในบ้านมันนี่พ่อแม่ก็อยู่ ไหนจะญาติมันอีก คนเดียวบ้านมึงสิ! แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ครับ เดี๋ยวแม่องค์ลง


          [มึงอยู่ไหนวิป]


          “บ้านไอ้นา ทำไม มึงมีอะไร” ผมกำลังนอนกลิ้งเล่นบนเตียงของแม่เลย ส่วนแม่นั้นลงไปหาขนมมาให้กิน ประมาณว่าเอาอะไรมายัดปากหลอกล่อไม่ให้ผมกลับบ้าน


          [ง่ะ งั้น…ไม่เป็นไรละ] เสียงอ่อยๆ ตอบกลับมา ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย เดาได้เลยว่าสีหน้าตอนนี้ของไอ้ตองต้องน่ารักมากแน่ๆ ลองจินตนาการถึงหมาที่กำลังหงอยดูสิ แบบหูตกตาเศร้า นั่นแหละ ใช่ไอ้ตองเลย


          “ทำไม มึงมีอะไรหรือเปล่า ใครตายหรา”


          [มึงน่ะสิตาย! ปากหมา! คือพี่เต็งไม่สบาย กูไม่รู้จะดูแลยังไงให้ถูกใจ] ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงฟังดูกลุ้มใจ อืมนะ กูฟังมึงกูยังกลุ้มใจแทนเลย เห็นใจนะเหว่ยยยยย~


          “ไอ้พี่เต็งมันป่วยได้ด้วยเหรอวะ” ไหนเขาบอกว่าคนบ้ามักไม่ป่วยไง


          [นอนซมอยู่ที่ห้องกูเนี่ย กูไม่รู้จะทำยังไงแล้ววิป ให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน พอกูไม่เอาอะไรให้กินก็หาว่ากูไม่ใส่ใจ ดูแลใกล้ๆ ก็บอกรำคาญ พอหายไปหน่อยก็บ่นบ้านจะแตก กูปวดหัว!] คุณพระ! เอ้ย! คุณเพื่อน กูไม่ใช่พี่เต็งของมึงงงง~ ไม่ต้องมาตะโกนใส่กูก็ได้


          “ลองปล่อยให้ไข้ขึ้นสูงๆ แล้วช็อกตายไปเลยดีมั้ย”


          [มึงเป็นคนเลวเหรอวิป]


          “เปล๊า! เป็นคนดีและใสๆ” โปรดมองเข้ามาในตาฉัน~ แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงความไร้เดียงสานี้~ แล้วคุณจะรู้~ ตัวตนที่แท้จริงของเรา~


          [เกลียดมึง!]


          อย่าเพิ่งร้องไห้นะหนู


          แกร๊ก



          “คุยกับไอ้กันหรือไง หน้าระรื่นเชียวมึง” ไอ้นานากลับมาพร้อมขนมและน้ำเต็มเลย มาถึงก็เอ่ยปากแซวกันทันทีเลยนะ วางขนมไว้บนโต๊ะเล็กๆ แล้วลากมาข้างเตียง แล้วทิ้งตัวลงนั่งจ้วงขนมเข้าปากแบบไม่มีรอ


          “เปล่า ไอ้ตองน่ะ คุยมั้ย”


          [ไม่เอานะ! กูไม่คุย] น้องตองเขาไม่อยากคุยกับมึงว่ะนานา เสียใจด้วย


          “แล้วมันมีอะไรล่ะ”


          “พี่เต็งไม่สบาย แล้วแม่งเรื่องเยอะไง ไอ้ตองปวดหัวขั้นสุด ที่โทรนี่มึงจะให้กูไปหาใช่ปะ” ประโยคหลังผมถามกับคนในสาย โทรมาคร่ำครวญขนาดนี้ก็น่าจะให้ไปหาอย่างที่คิดไว้นั่นแหละ


          [ใช่ แต่มึงอยู่กับไอ้นานา ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูดูเอง]


          “มันหงอยแล้วว่ะมึง พอรู้ว่ากูอยู่กับมึงปุ๊บมันเกรงใจขึ้นมาทันทีเลย” ผมเอามือปิดโทรศัพท์ไว้แล้วหันมาพูดกับคุณแม่ คนสวยตวัดสายตาดุๆ ใส่ผมพรึ่บเลย อะไรอ่า~ เค้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทำไมต้องดุกันด้วย


          พรึ่บ!


          “มึงเป็นส้นตีนอะไรของมึงห้ะไอ้ตอง! มันอยู่กับกูแล้วยังไง ก็ลากแม่งไปสิ! กูไม่แดกหัวมึงหรอก ไอ้ห่าจะกลัวอะไรกูนักหนา กูออกจะสวย!” คนสวยองค์ลงแล้ว อยู่ๆ ก็ยืดตัวขึ้นมาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือ ว้ากใส่ปลายสายด้วยเสียงที่ดังแสบหู แถมตบท้ายด้วยการอวยตัวเองอีกเบาๆ


          ติ๊ด!


          “อ้าวๆ ตัดสายทำไม กูยังคุยไม่เสร็จเลย”


          “ไม่ต้องไปคุยกับแม่งแล้ว รำคาญ มึงน่ะก็ไปหามันสิ เดี๋ยวมันจะบ้าตายไปซะก่อน” นานาโยนโทรศัพท์คืนให้ผม ย้ำว่าโยน ผมนี่ถลารับแทบไม่ทัน ถึงแม้ว่าถ้าตกก็ตกลงบนเตียงก็เถอะ


          “แล้วมึงล่ะ ไปด้วยกันมั้ย”


          “ไม่อะ กูไม่อยากเจอคนประหลาด” ปฏิเสธเสียงแข็งเลย


          สรุปแล้วผมก็ต้องมาบ้านไอ้น้องตองเพียงคนเดียว อย่างที่เห็นนั่นแหละ ไอ้นานาไม่ยอมมาด้วย ขนาดชวนแล้วนะ ก็ยังยืนยันคำเดิม มันคงกลัวว่าเดี๋ยวจะทนไอ้พี่เต็งไม่ไหวแล้วตีกันแน่ๆ เลย


          ไอ้พี่เต็งก็ไม่ได้ประหลาดอะไรขนาดนั้นหรอก ไม่ได้น่ารังเกียจนะ แต่ผมก็ยังหวั่นๆ อยู่ บอกแล้วไงครั้งนึงผมเกือบโดนพี่มันปล้ำแล้วนะ ถึงจะดูทีเล่นทีจริงก็เถอะ พี่เต็งมันแค่เรื่องเยอะเฉยๆ พูดมาก ขี้บ่น แล้วทุกคนต้องอยู่ใต้ล่างมันตลอด


          แม่งเผด็จการ!


          ไอ้ตองออกมารับผมที่หน้าบ้านแล้วพาเดินขึ้นมาดูคนที่นอนซมอยู่บนห้อง ดีนะ มานอนที่ห้องนอน เพราะตัวเองไม่สบาย แต่ไม่อยากให้ใครเหยีบบเข้าไปในห้องตัวเอง


          ผมมองดูร่างที่นอนจมเหงื่อด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ปกติเวลาเจอจะเจอแต่แบบเวอร์ชั่นร้ายกาจไง ไม่เคยมาเจอแบบเงียบสงบดูน่ารักแบบนี้ ใบหน้าขาววิ๊งนั่นชื่นไปด้วยเหงื่อ พี่เต็งมันมีลักษณ์เด่นคือริมฝีปากที่ดูนุ่มนิ่มเล็กๆ สีชมพูอ่อนๆ น่าจูจุ๊บ ปากพี่มันสวยมาก สวยกว่าไอ้กันอีก บวกกับตอนนี้ผมที่ยาวประบ่าดูยุ่งๆ คลอเคลียกับใบหน้า


          “พี่มึงเซ็กซี่ดีเนอะ” ผมกระซิบกับไอ้ตองเบาๆ


          “อืม แต่อย่าให้ตื่นล่ะ” ไอ้ตองกระซิบกลับ ผมพยักหน้าเห็นด้วยทันที แต่มึงนี่ก็เผาพี่ตัวเองเนอะ ผมมองดูไอ้ตองที่เดินไปเอาน้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้พี่ชาย มีน้องอย่างไอ้ตองนี่ก็ดีนะ โดนแกล้งโดนใช้สารพัด แต่ก็ดูแลไม่เคยทิ้ง


          “อือออ…” เสียครางดูอ่อนแรงดังมาจากคนที่นอนอยู่ ใบหน้าเบ้ลงหน่อยๆ หันหน้าหนีผ้าเย็นๆ ที่ไอ้ตองกำลังเช็ดอยู่


          “พี่ ให้หนูเช็ดตัวก่อน”


          ผมเบือนหน้ามากลั้นขำ ได้ยินทีไรก็จั๊กจี้ทุกทีเลย งี้แหละ ไอ้ตองเวลาคุยกับพี่ ไม่หนูก็น้อง มีสองคำนี้แหละ มันเคยเล่าว่าจริงๆ ไม่อยากพูดหรอก แต่พี่เต็งมันบังคับ มันเลยชินจนไม่คิดอะไรแล้ว


          “ไม่เอา พี่หนาว”


          “แต่พี่ตัวร้อน”


          “โว้ยย!! แค่กๆ…” นั่นไง อวดเก่ง จะโวยน้องแต่เสียงไม่มี ไอจนตัวโยนหมดแล้ว ผมต้องเข้าไปช่วยดันให้พี่เต็งมันนอนลงไปดีๆ ช่วยจับตัวไว้ให้ไอ้ตองได้เช็ดตัวง่ายๆ พี่เต็งมึงแม่งดื้อจริงๆ ตัวร้อนขนาดนี้แล้ว


          “ทำไมพี่เต็งถึงไม่สบายได้วะ ปกติดูแลตัวเองดียิ่งกว่าอะไร”


          “ไปนั่งตากฝน”


          “ห้ะ!”


          “นั่งตากฝนนั่นแหละ บอกอยากซึมซับบรรยากาศ นี่ไง ซึมเข้ามาจนเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ” ไอ้ตองบอกด้วยสีหน้ายุ่งๆ คงปวดหัวกับนิสัยแปลกๆ ของพี่ตัวเอง ผมพยักหน้ารับรู้เบาๆ ดีนะกูไม่มีพี่แบบนี้ ไม่งั้นกูคงอยากโดนตึกฆ่าตัวตายวันละหลายๆ ครั้ง


          “น้อง”


          “ครับ”


          “พี่ต้องตายแน่ๆ เลย” ถุ้ย! ไอ้พี่เต็ง มึงไม่สบายแค่นี้ แดกยาแล้วนอนพักสามวันมึงก็หาย จะตายบ้านมึงดิ! ผมมองหน้าหมั่นไส้มองคนที่ปรือตาขึ้นมาอ้อนน้องชายตัวเอง ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะพิษไข้ แต่ดูแล้วโคตรเซ็กซี่เลย


          “ไม่ตายหรอกน่า”


          “ใช่ เพราะพี่เป็นคนดี พี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก”


          เอ้า! เอากับมันดิ


          ผมส่ายหน้าพูดอะไรไม่ออก นี่ดีนะที่พี่เต็งดูเหมือนจะยังไม่รับรู้ว่าผมอยู่ด้วย ไม่งั้นก็เยอะมากกว่านี้อะ ไอ้ตองเช็ดตัวให้พี่ชายก่อนหายามาให้กิน พอกินเสร็จพี่เต็งก็หลับไปเลย ไอ้ตองถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งแผ่ลงกับพื้นข้างเตียง


          “เหนื่อยอ่า~”


          “ใช่ เหนื่อยใจมากเลย” ผมตบไหล่เล็กนั่นอย่างให้กำลังใจ


          “แล้วนี่มึงกินข้าวหรือยัง” แล้วก็นึกขึ้นมาได้ ไอ้ตองจะได้กินข้าวหรือยังมัวแต่ดูแลคนป่วย ร่างเล็กส่ายหน้ากลับมาเบาๆ


          “มึงลงไปกินข้าวก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูดูให้ คงยังไม่ตื่นขึ้นมาตอนนี้หรอก” ผมบอก ทีแรกไอ้ตองมันไม่ยอม ปากก็บ่นแต่ใจก็ยังห่วงพี่ชาย คงรู้แหละว่าเมื่อพี่เต็งไม่สบายขึ้นมามันไม่เอาใครเลยนอกจากน้องชายตัวเอง แต่สุดท้ายมันก็ยอมลงไป แต่ไม่ได้ลงไปกินนะ ไปเอาข้าวขึ้นมากินบนห้องนี่แหละ


          ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ไอ้กันกำลังทำรายงานอะไรสักอย่างอยู่เลย ผมก็ทำตัวเป็นแฟนที่ดี ชวนคุยทุกสองวินาที ร่างสูงก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ตอบผมทุกสองวินาทีเหมือนกัน


        G’ : แล้วตอนนี้มึงอยู่นี่ไหน


        VIP : อยู่บ้านไอ้ตอง พี่ชายมันไม่สบาย กูเลยมาช่วยดู


        G’ : ผู้ชาย?


        VIP : อะห้ะ


          ตอบไปแล้วก็หวั่นๆ ใจ หมาบ้ามันขี้หึงไง นิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้ ไม่ยอมเลย นี่ถ้าเป็นไปได้มันคงขังผมไว้ที่บ้านแน่ๆ ผมมั่นใจ


        G’ : ห้ามเข้าใกล้นะ กูขอสั่ง


          นั่นไง มาละ มันมาละ


          เพื่อความสบายใจของทั้งผมและมัน ผมเลยจัดการถ่ายรูปไอ้พี่เต็งที่นอนซมอยู่นั่นแล้วส่งให้มันดูซะเลย เอาให้รู้ว่านั่งห่างกันแค่ไหน และด้วยสภาพนั้นพี่เต็งไม่สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรผมได้แน่ๆ


          Rrrrrrr


          แล้วหลังจากที่ทางนู้นได้รับรู้ สักพักมันก็โทรเข้ามาเลย ผมมองดูเบอร์ที่โชว์ขึ้นมาแล้วขมวดคิ้ว มึงไม่เข้าใจเหรอวะเนี่ย


          “ฮัลโหล”


          [สวยดีนะ พี่ของเพื่อนมึงน่ะ]


          หื้มมมมมมม~


          “โทรมาเพราะจะบอกแค่นี้น่ะเหรอ”


          [เปล่า โทรเพราะอยากได้ยินเสียง] น้ำเสียงติดจะอ้อนถูกส่งออกมา ผมยิ้มรับนิดๆ แล้วลุกขึ้นไปหาไอ้พี่เต็ง มันสบายดิ้น สะบัดหน้าไปมาจนผ้าที่แตะไว้บนหน้าผากตกลงมา ผมหยิบขึ้นมาวางไว้ให้เหมือนเดิม แต่คนที่นอนซมอยู่กลับค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา จ้องมองผมนิ่งๆ แวบหนึ่งก่อนที่มือเรียวจะยื่นออกมาดึงโทรศัพท์ผมไป


          “โหล…สวัสดี คือเงินกูด้วย”


          ตุบ


          เอ่อ…


          หลังจากที่แย่งไปพูดแบบนั้นเสร็จพี่แกก็ปล่อยโทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือแล้วหลับตา ผมกะพริบตาปริบๆ ตามไม่ทัน ไอ้บ้า!! มึงละเมอหรือไงพี่เต็ง คืนเงินอะไร คนเป็นหนี้มึงเยอะใชมั้ย!



_________________________________________________




หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-09-2016 18:49:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Starry[Blue] ที่ 25-10-2016 17:37:27
มีช่วงนึงลืมไปเลยว่าอ่านเรื่องนี้ นึกขึ้นได้ว่าเอออ่านค้างไว้นี่ อิ กลับมาอ่านเจออัพตั้งสามตอนนน เฮ่ ดีใจๆ
หัวข้อ: Re: จีบครับ...รับรักด้วย : Power of love [ตอนที่ 30] [12 - 9 - 59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 11-09-2017 10:46:24
น่าจะมาลงต่อให้จบนะคะ ถึงแม้ว่าจะมาทำเป็นหนังสือแล้ว แต่เราชอบอ่านในเว็บมากกว่าแล้วค่อยไปตามอ่านในหนังสค่ต่ะ กำลังหวานๆเลย