รัก....ที่ขาดหาย พิเศษ ลูกชายคุณพ่อผมขอได้มั้ยครับ 100% จบแล้วย้ายเลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รัก....ที่ขาดหาย พิเศษ ลูกชายคุณพ่อผมขอได้มั้ยครับ 100% จบแล้วย้ายเลยค่ะ  (อ่าน 197867 ครั้ง)

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
พ่อพี่พาร์ทต้องมาพูดอะไรแน่ๆ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
สงสารพาร์ทรักปัตมากด้วย

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
หายไปหลายวัน

โหวว อ่านอีกที มีเบียร์????? โผล่มาพร้อมหม้อมาม่า ใบหญ่ายยยยยย...
ปัตเลือกเบียร์จริงหรอออออ.....????
พี่พาร์ทสู้ๆ

แง่มๆๆๆๆๆ ซู๊ดดดดดดดดดดดด.......
(// เสียงซดมาม่า)

ขอบคุณค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ

ปล. รถเบียร์เจิดมากกก...



ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เรื่องที่ปัตขอพาร์ทเลิกมันต้องเกี่ยวกับพ่อของ
พาร์ทแน่ๆเลย
สงสารทั้งสองคนเลย
มันค้างมากๆเลยอะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย น้องปัตต้องมีเหตุผลอะไรแน่เลยช่ายป่ะ

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ป๊ะป๋า แอบทำให้น้องกับพี่พาร์ทตายใจก่อนเรอะ ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
OMG!!!!คดีพลิกซะงั้น

คุณพ่ออยู่เบื้องหลังชัวร์เลย ถ้าไม่ชอบจะปล่อยให้เค้าคบกันมาถึงวันนี้ทำไมนะ

สงสารทั้งคู่เลยอะ

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
อ่าเกิ่นก่อนเรื่องนี้อาจจะดราม่าหนัก...มากอ่ะ
ไม่รู้รับได้รึเปล่า  แต่วาง พอร์ทเรื่องไว้แบบนี้ค่ะ  ยังไงซะ  ไม่อยากอ่่านก็ไม่ว่ากันค่ะ




Unit 28  เจ็บ.....ที่แตกต่าง 

“แกร๊กๆ .....แอ๊ด” เสียงประตูห้องเปิดออก ผมไม่แม้แต่จะหันไปมอง ยังคงนั่งเหม่อมองไปไกลแสนไกล คำถามเดิม ๆ ผุดอยู่ใน
หัว “ทำไม”

อาจจะเป็นเพราะ.....ผมแก่เกินไป  อาจจะเป็นเพราะ.....น้องอาจจะพึ่งรู้ใจตัวเอง  ว่าจริงๆ แล้วคนที่ใช่เป็นเบียร์  อาจจะ
เพราะ...ผมไม่ดีพอ

หรืออาจจะเป็นเพราะ................

.

.

.

ปัตหมดรักผมแล้ว

.


.

“พาร์ท”  เสียงเรียกจากด้านหลัง เสียงที่คุ้นเคย  ก่อนที่มือแข็งแรงจะแตะลงเบาๆ บนไหล่ ผมกลืนน้ำลายลงคอหนัก แต่....ยังไม่
พร้อมจะสู้หน้าใคร

ก้มหน้าลงต่ำมองดูพื้นผิวกระเบื้องซึ่งตอนนี้ผมไม่เห็นด้วยซ้ำว่ามันเป็นลายอะไร เพราะน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่รอบนัยตา  พี่ภีมนั่ง
ลงข้างๆ

ตบหลังผมเบาๆ เป็นการปลอบใจ  เหมือนๆ ทุกครั้งที่ผ่านมา  เพียงแต่....ครั้งนี้มันเจ็บกว่าครั้งก่อน เพราะผมไม่มีเวลาจะเตรียม
ใจ


“เป็นไงบ้าง..พี่พึ่งรู้”  พี่ภีมว่า ยื่นกระป๋องเบียร์มาให้  ส่วนมืออีกข้างกำลังยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่  ผมเปิดกระป๋องเบียร์แล้วดื่ม
ตามทันที 

รสขมๆสาดลงคอ  แต่ว่าคอมันแทบไม่รับรส  ......  เมื่อใจป่วยดูเหมือนทุกอย่างในร่างกายจะป่วยตามไปด้วย


“อือ...ยังไม่ดีเลยพี่  ผมขอเวลาหน่อย..”  ยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวก็หมดกระป๋อง  ก่อนจะวางกระป๋องเปล่าข้างๆ ตัว

“อือ  พี่อยากให้เราคิดถึงอนาคตบ้าง  อย่างน้อยก็คิดถึงคุณลุงบ้างท่านแก่แล้ว อย่าให้ท่านมากลุ้มใจเรื่องเราอีก เข้าใจนะ”  พี่
ภีมลูบหัวผมเบาๆ

สำหรับพี่ภีม  แค่นี้.....ก็เป็นการปลอบที่ดีที่สุดแล้วนั่งข้างๆ  ไม่มีคำหวานๆ คอยให้กำลังใจ แต่กำลังชี้ประเด็นที่เราหลงลืมไป 
กำลังบอกผม

ว่าจริงๆ ผมสำคัญสักแค่ไหนสำหรับคนอื่น  อย่าทิ้งชีวิตเพื่อคนใครสักคนหนึ่ง....ที่เค้าหมดรักเราแล้ว

“ครับ ...ผมเข้าใจ  ขอบคุณครับพี่”  ผมหันไปมองพี่ภีม....  แล้วยิ้มตอบ  ตอนนี้มันก็ได้แค่นี้แหล่ะ

.

.

หลังเงียบอยู่นาน  ....ไร้ซึ่งการสนทนาระหว่างผมกับพี่ภีม มีเพียงเบียร์เย็น ที่พี่ภีมลงทุนไปหยิบกระติกใบย่อมใส่เบียร์แช่น้ำแข็ง
มาประเคนถึงที่

ตามคนต่างจิบ  ...คิดอะไรไปเรื่อยเปลื่อย   ไม่มีการวิพากวิจารณ์ถึงสาเหตุ ไม่มีการพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นใดๆ ทั้งนั้น 

น่าแปลก.....ที่ผมสบายใจขึ้น แม้จะยังเสียใจกับเรื่องราวที่ผ่านมา  แต่ผม...ก็มีจุดมุ่งหมายในการดำรงชีวิตเพิ่มมากขึ้น  รู้ว่า
ต้องอยู่เพื่ออะไร

ชีวิตนี้อาจจะไม่ได้มีไว้ให้เฉพาะเพื่อ “คนที่เรารัก”  จนทิ้งขว้างอีกคน  “ที่รักเรา”    แต่ก็นะ...ถึงจะไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก 

แต่ก็ไม่จำเป็นต้องลืมความรักที่เคยมีไปใช่ไหม?  เพราะถ้าลืมแล้วมันเจ็บ...ก็จะจำมันอยู่อย่างนี้  จำในสิ่งที่ดี วันคืนดีๆ ที่มีร่วม
กัน .... 

อาจจะเจ็บบ้าง  เศร้าบ้าง  เสียใจบ้าง  แต่อย่างน้อย ช่วงเวลาหนึ่งมันก็มีสุขอย่างล้นเอ่อ  และมันก็เป็น “ความรัก”  ในแบบผม 
.

.

“สบายใจขึ้นแล้วเหรอ?”  พี่ภีมถาม โดยที่ไม่ได้หันมามองผมสักนิด  สายตากลับมองไปยังฟากฟ้าที่ว่างเปล่า พี่ภีมก็เคยเจ็บ

เหมือนกัน 

แต่ต่างกันตรงที่ผมไม่เคยทำหน้าที่ปลอบใจอะไรทั้งนั้น  ความเจ็บมันคงฝังใจ  .....ตอนนี้พี่ภีมถึงได้ “กลัวที่จะรัก”   ถึงจะมีใคร
ผ่านเข้ามา

พี่ชายผมก็ตั้งท่าสร้างกำแพงรอ  จนถึงทุกวันนี้ ถึงไม่มีคนอยู่ข้างๆ สักที   ผมหันพยักหน้าตอบ

“ครับ ”  หันไปมองหน้าที่ภีม  รอให้อีกฝ่ายบอกสาเหตุจูงใจอีกอย่างที่มาหาผมถึงที่นี่

“ดีแล้ว ”  พี่ภีมหันมายิ้มให้ผม  เป็นรอยยิ้มเดิมที่อบอุ่น รอยยิ้มธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ....เพราะพี่ภีมทำให้ผมเชื่อว่าจะไม่มีวันหัก

หลังผม

“พรุ่งนี้ถ้าว่างก็ไปพบคุณลุงหน่อยสิ  ..  ท่านอยากจะพบเราน่ะ”   ว่าแล้วก็กวาดกระป๋องเบียร์เปล่านับโหลใส่ถุงขยะที่ถือติดมือ
มาด้วย

“ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปพบท่าน” อีกฝ่ายมัดปากถุงขยะจนเรียบร้อย หันมามองผมนิด ๆ พยักหน้ารับรู้

“อืม...งั้นพี่กลับหล่ะ พรุ่งนี้ธุระแต่เช้าว่ะ  ไปนะ ดูแลตัวเองด้วย ตอนนี้หน้าตาดูไม่ได้หว่ะ  เดี๋ยวสาวๆ หันมาสนพี่แล้วจะเสียใจ” 
พี่ภีมกระเซ้า


หันมาบอกเสร็จ   ผมก็ยิ้มตอบ  แล้วพี่แกก็เดินออกไป  แต่ผมยังนั่งตรงที่เก่า.........มองดูดาวที่แทบไม่มีประดับประดาบนฟากฟ้า

 จะมีก็แต่พระจันทร์ที่ส่องสว่างไสวในคืนเงียบเหงาอีกวัน  เหมือนๆ กับ......................คืนนั้น

.

.

.

“สวัสดีครับพ่อ”  ผมเดินไปเข้าไปหาท่าน บริเวณสวนหลังบ้านที่พ่อขยันหาต้นไม้ยืนต้นชนิดนั้น ชนิดนี้มาปลูก   จนเขียวชะอุ่ม

ไปทั่วอาณาบริเวณ

“อืม ดีๆ  เป็นไงบ้างหล่ะเรา”  พ่อหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่  วางถังน้ำลง  พร้อมกับหยิบจอบที่วางราบกับพื้นเอามาพิงกับ
ต้นไม้จะได้ไม่เผลอ
ไปสะดุดเข้า วักน้ำในถังมาล้างมือเล็กน้อยก่อนจะเดินตัวปลิวตรงมาที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ที่ผมภูมิใจเป็นหนักเป็นหนา เพราะซื้อด้วย
เงินเดือนก้อนแรก

ของตัวเอง เรียกว่าทุ่มสุดตัวแคะกระปุกร่วมด้วย  หย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามหันมาสบตาผมนิ่ง ๆ ก่อนจะเสไปมองแมกไม้อย่าง
เช่นทุกที

“เลิกกับปัตแล้วเหรอ”  น้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์อะไร  เป็นเสียงที่เรียบนิ่ง  ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่มองไปที่แมกไม้ป่าเขา
ของพ่ออีกด้าน

แย่ตรงที่......ไม่ได้เตรียมใจมา ที่จะถูกถามตรงๆ แบบนี้ เลยขอตั้งสติแป๊บหนึ่ง  ก่อนจะตอบพ่อกลับ

“ครับ...เลิกแล้ว”  ผมว่าเสียงแผ่ว  มันตอกย้ำจนเจ็บไปหมดแม้ที่ผ่านมาจะพยายามทำใจอย่างเต็มที่แล้ว  แต่....มันก็ได้แค่นี้
จริงๆ

“อืมม...”  พ่อว่าแค่นั้น พยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปสนแมกไม้  ชมนกชมไม้  เพียงเพื่อจะรอให้บรรยากาศคุกรุ่นเมื่อครู่มันจางลง

“..........”



.

.

.”พาร์ท.. ยังจำน้องปิ่นได้มั้ย?”  ผมหันมามองพร้อมๆ กับพยายามนึกถึงภาพเด็กผู้หญิงข้างบ้าน  ตัวเล็กๆ ถักเปียยาวจนถึงกลาง
หลัง 

ใบหน้าขาวสะอาด  แก้มสีแดงระเรื่อเต็มไปด้วยเลือดฝาด  แถมยังยุ้ยเสียจนเป็นที่ถูกใจของเหล่าบรรดาเพื่อนผู้หญิงในห้อง แต่ก็
มักจะเดิน

ตามผมต้อยๆ ยามกลับบ้าน  เพราะว่าน่ารัก แต่กลับไม่ค่อยแข็งแรง จริงๆ เป็นที่หมายปองของเด็กผู้ชายหลายคน  แต่มักจะเข้า
มาจีบ

ในรูปแบบที่เรียกว่าแกล้งซะมากกว่า เพื่อจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมขึ้นไปอีกนิด แต่น้องดันกลัว ผมเลยต้องกลายเป็นฮีโร่ผู้พิทักษ์
เจ้าหญิง 

ด้วยความจำเป็น    แต่ก็สนุกดี  ปิ่นอยู่ที่จนถึง ม.ต้น ส่วน ตอน ม.ปลาย ปิ่นย้ายไปเรียนที่เชียงใหม่ตามที่พ่อกับแม่ที่ย้ายงาน

ไปตั้งบริษัทท่องเที่ยวที่นั่น

“ครับจำได้...ทำไมเหรอครับ?”  ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย ว่าเพราะเหตุใดพ่อถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมา

“ปิ่นน่ะ พอขึ้น ม.ปลายไม่นานก็ป่วย เลยต้องส่งไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ เรียนที่นั่นเลย เพราะการรักษาต้องใช้เวลาที่นาน ตอน
นี้น้องจบ

ปริญญาตรีแล้วนะ เห็นว่าอยากกลับมาอยู่เมืองไทย  แต่พอกลับมาได้ไม่เท่าไหร่ อาการยิ่งกำเริบหนักมากขึ้นกว่าเดิมอีก

เลยต้องนอนประจำที่โรงพยาบาลนั่นแหล่ะ   เห็นหมอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะไม่มีแรงบันดาลใจให้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปก็เป็นได้ พ่อ
กับแม่ของปิ่น

เสียแล้วทั้งคู่ ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อสองปีที่แล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่น้องปิ่นกับป้ากันแค่สองคน ขาดทั้งคนดูแล แถมยังต้อง
ดูแลธุรกิจตัวเองอีก

เห็นแล้วก็น่าเวทนานัก  พ่อ...อยากจะไปเยี่ยมน้องสักหน่อยอยากให้พาร์ทไปด้วย อยากให้ไปเป็นกำลังใจให้น้อง เผื่อได้เจอ
เพื่อนเล่นสมัยเด็กๆ

ก็อาจจะนึกถึงวันเก่าๆ น้องเค้าอาจจะมีแรงบันดาลใจให้อยู่ต่อก็เป็นได้  พาร์ทหล่ะว่ายังไงลูก ?  ”

พอพ่อเล่าเรื่องปิ่น  มันก็ทำให้น้องสงสารน้องจับใจ  เพราะปิ่นเป็นคนนิสัยดีมาก น่ารัก มองโลกในแง่ดี มีน้ำใจมากๆ คนหนึ่ง ปิ่น

นั้นก็เหมือน

น้องสาวผมคนหนึ่ง  แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ความทรงจำดีๆ ก็ยังไม่เคยจางหาย   

“ได้อยู่แล้วครับ   อยากเจอน้องเหมือนกันไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี ป่านนี้โตเป็นสาวแล้ว” ผมว่าขำ  ๆ นึกภาพไม่ออกว่าโตมาจะน่า
รักสักแค่ไหน

ตาโต ๆ ผิวขาวๆ ถึงจะมีร่างกายอ่อนแอ  แต่หากว่ากันอารมณ์ดีอย่างผิดคาด  คงจะเป็นผู้หญิงที่สวยทั้งกาย และใจ  ได้อย่างไม่
ยากนัก


.
.

ถึงโรงพยาบาลผมกับพ่อเดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดินจนถึงเคาร์เตอร์ประชาสัมพันธุ์พ่อหยุดยืนยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร พยาบาล
หน้าหวาน


ก็ส่งยิ้มมาให้ พร้อมทั้งแจ้งสถานที่ที่น้องปิ่นอยู่ทันที  ราวกับพ่อผมมาที่นี่เป็นประจำอย่างงั้นแหล่ะ

“มาเยี่ยนคุณปิ่นอนงค์เหรอคะคุณลุง เห็นเธอพึ่งไปที่สวนหย่อมเมื่อสักครู่น่ะคะ ”  พ่อผมยิ้มพยักหน้าน้อยๆ รับทราบ 

“ขอบใจนะหนู ”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง”  ผมหันโค้งพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ เป็นการขอบคุณ ก่อนจะหอบตะกร้าผลไม้เดินตามพ่อไปที่สวนหย่อมตามที่
พยาบาลบอก

ที่สวนมีต้นไม้ใหญ่ไม่มากนัก  ส่วนมากมักจะเป็นต้นไม้เตี้ยๆ ไม้พุ่ม  พื้นปูด้วยสนามหญ้าที่เขียวขจีบ่งบอกถึงความใส่ใจของเจ้า
ของสถานที่


ผมมองสำรวจไปยังลานกว้างแม้จะไม่ได้กว้างมากนัก แต่ก็ถือว่ามากพอสมควรในเขตปริมณฑล กำลังมองเพลินๆ สายตาก็ไป
หยุดอยู่ที่

เด็กสาวคนหนึ่ง เธอนั่งอยู่บนรถเข็นใต้ต้นไทร  ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโรงพยาบาลชอบปลูกกันนัก ...ทั้งที่ในเวลากลางคืน
มันดูวิเวกวังเวง

เสียมากกว่า  ร่างกายที่ดูผอมบางกว่าผู้คนทั่วไปยิ่งเวลาที่ลมพัดผ่านชุดตัวบางของโรงพยาบาลยิ่งลู่เข้าหาตัวเข้าไปอีก ทำผมใจ

หาย

อย่างบอกไม่ถูก  นึกถึงผิวพรรณที่เคยชมพูเปล่งปลั่ง หากตอนนี้ผิวสีซีดๆ นั่น ทำให้รู้ว่าเจ้าของร่างไม่ได้แข็งแรงอย่างที่พ่อเล่า
ผมยาวสลวย

ถูกมัดรวบตึงไว้บนศรีษะ   สายตาเหม่อมองไปยังกิ่งบนสุดของต้นไทร ที่มีนกส่งเสียง จิ๊บๆ อยู่ด้านบน  ไม่ห่างนักมีผู้หญิงวัย

กลางคน

ตัวค่อนไปทางอวบ นั่งอยู่มานั่งใกล้ๆ เมียงมองที่หญิงสาวด้วยรอยยิ้ม    อีกไม่กี่เมตรผมกับพ่อก็จะเดินไปถึงน้อง หากแต่ผู้หญิง
วัยกลางคน


ที่นั่งอยู่ใกล้ กับหันมาเจอก่อน เธอหันมายิ้มให้พ่ออย่างคุ้นเคย  ถ้าผมจำไม่ผิดผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นน้าสาวญาติห่างๆ ของน้าภา
แม่ของปิ่น



“คุณกำพลสวัสดีค่ะ มาตั้งแตเมื่อไหร่คะ?”  น้าสาวหันมาทัก  พร้อมยกมือไหว้พ่อ  พอยกมือรับไหว้ แล้วส่งยิ้มไปให้

“สวัสดีครับ พึ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เองพอดีพยาบาลบอกว่าน้องปิ่นมานั่งเล่นในสวนเลยตามมาครับ อ้อนี่ยังจำได้รึเปล่าตาพาร์ทลูกชาย
ผม” พ่อแนะนำ

ผมยกมือไหว้น้าสาวทันที  น้าสาวยิ้มรับ พร้อมกับรับไหว้ 

“สวัสดีครับน้าสาว”

“หวัดดีจ้า โอ้โหเหมือนไม่เจอกันแป๊บเดียวโตเป็นหนุ่มหล่อเชียวนะตาพาร์ท”

“ขอบคุณครับ จริงๆ ก็ไม่ได้หล่ออะไร แค่พอดูได้เท่านั้นหล่ะครับ” 


“ยายปิ่นจำพี่พาร์ทได้รึเปล่าลูกที่หนูวิ่งตามตอนเด็กไง  แถมยังให้พี่เค้ามาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวอีก”  น้าสาวไปหยอกน้องปิ่นที่
ยิ้มกว้างอยู่แล้ว

“จำได้สิคะน้าสาวก็ สวัสดีค่ะคุณลุง สวัสดีค่ะพี่พาร์ท”

“อืม  ไหว้พระเถอะลูก”

“สวัสดีครับ”

“วันนี้ลุงพาตาพาร์ทมาให้บริการหนูปิ่นเต็มที่เลย อยากใช้อะไรตามสบายเลยนะ  ถ้าตาพาร์ทขัดใจหล่ะก็บอกลุง เดี๋ยวลุงจัดการ
ให้”


“โหคุณลุงก็ ”

“ดูน้องด้วยนะพาร์ท เดี๋ยวพ่อกับน้าสาวจะไปคุยธุระกันเรื่องโรงงานที่สระบุรีหน่อย”

“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวพาร์ทดูแลเอง”  แล้วผู้ใหญ่ทั้งสองก็ผละตัวออกไป  เหลือเพียงผมกับน้องปิ่นแม้จะใจหาย แต่ก็ยังดีใจที่
รอยยิ้มสดใจ

ยังแตะแต้มบนใบหน้าของคนตรงหน้า  ผมลูบหัวน้องเบา ๆ

“เป็นไงไอ้ตัวเล็ก....ให้พี่เข็นรถไปรอบๆ ให้มั้ย?”   

“ก็ดีค่ะ  พี่พาร์ท?”

“ครับ”

“ขอบคุณนะคะ”    ผมเข็นรถเข็นน้องเบาๆ ให้มันเคลื่อนไปเรื่อยๆ ตามทิวแถวร่มไม้ที่พอจะมีให้เห็นอยู่บ้าง  พลางคุยกับน้องไป

เรื่อยๆ

“ทำไมถึงต้องนั่งรถเข็นหล่ะครับ เมื่อก่อนพี่ก็เห็นเราแข็งแรงดีนี่นา ยังวิ่งไล่งับแขนพี่อยู่เลย”

“โหยยยย พี่พาร์ทอ่ะ เรื่องสมัยกระนู้นยังขุดมาแซวปิ่นอีกนะคะ  แต่จะว่าไปเพราะใครมาแกล้งปิ่นหล่ะ”

“ฮ่าๆ  ยังได้เหรอเรา  แค้นพี่ฝังหุ่นป่ะเนี่ย”

“ไม่ใช่ซะหน่อย”


“ยังไม่บอกพี่เลยว่าทำไมถึงต้องมานั่งรถเข็นหือ?”

“ปิ่นไม่ค่อยมีแรงค่ะ เลยเดินไม่ค่อยไหว ปิ่น...เอ่อเป็นโรคลูคีเมียน่ะค่ะหน้าเลยมืดบ่อย”

“ไม่เป็นไรนะไอ้ตัวเล็ก ยังจำตอนที่เราเป็นเด็กได้มั้ย? ตอนนั้นปิ่นยังวิ่งเล่นกับพี่อยู่เลย แถมยังตอนวิ่งหนีไอ้ดุ (หมา)ที่บ้านตา
แช่ม ยังวิ่งเร็ว

กว่าพี่ซะอีก เชื่อพี่นะปิ่นจะต้องหาย จะต้องกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม” 


“ต...แต่ปิ่...ไม่อยากห..าย  คร..อบครัว...ปิ่น.. ฮึกๆ ...ไม่เหลือแล้ว”  เด็กสาวว่าเสียงกลั้นสะอื้น  นัยตาแดงก่ำมีน้ำตาคลอปิ่มอยู่
รอบดวงตา

ผมคุกเข่าลงกับพื้นนั่งลงด้านหน้าหญิงสาว  กอบกุมมือเล็กที่ซูบซีดเหลือเกิน  นั่นอาจจะเป็นเพราะการตรอมใจของอีกฝ่าย ตอน

นี้ความรู้สึกที่

เจ็บจากการถูกทิ้งมันดูช่างเล็กน้อย เมื่อเทียบกับน้อง  .....ตอนที่ไม่เหลือใคร  แม้แต่ชีวิตที่เหลือยังพร้อมจะทิ้งมันเพื่อหนีความ
เจ็บปวดนี้

“มีสิ  ปิ่นยังมีพี่ไงครับ ลืมผู้พิทักษ์คนนี้แล้วเหรอ พี่จะดูแลปิ่นเอง...จนกว่าปิ่นจะหาย อย่าลืมนะครับว่าปิ่นยังมีพี่ มีน้าสาว แล้วก็

ไหนจะ

พ่อของพี่อีก  เยอะพอรึยัง  พี่อยากเห็นปิ่นมีความสุข อยากเห็นน้องสาวคนนี้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม พี่เชื่อว่าพ่อกับแม่น้อง

ปิ่นก็หวังเช่นนั้น”

“พี่พาร์ท  ฮึกๆ   พี่....พ..าร์..ท”   ปิ่นโถมตัวเข้าหาผม ซุกหน้าที่มีแต่คาบน้ำตา ผมโอบกอดน้องไว้แน่น ร่างกายและจิตใจที่
เหมือนจะแตกสลายได้

ทุกเมื่อ ร้องไห้จนสุดเสียง  ใต้ร่มไทรที่ยังมีนกตัวเดิมเกาะอยู่   ภาพเก่าฉายขึ้นมาราวกับดูหนัง ภาพตอนเด็กที่เด็กหญิงตัวเล็ก
เกี่ยวนิ้วมือผม


นิ้วอวบอูมเล็กๆ นั่น ไม่ยอมปล่อยมือไปไหน  ดวงตากลมโตของเด็ก 5 เดือน ที่เอาแต่จับจ้องมาที่ผม  ซ้อนทับกับภาพ สมัย
ประถม เด็กหญิง

ผมเปียยาวไปถึงกลางหลังวิ่งหน้าตูมเข้าเกาะแขนผมแน่น  แถมยังร้องไห้โฮใหญ่ เพราะถูกผู้ชายในห้องแกล้งจนผมต้องตามไป

ขู่

ภาพสมัยมัธยมต้น...ทุกๆ เช้าจะได้ยินเสียงดังผู้หญิงดังเจื้อยแจ้วร้องเรียกอยู่หน้าบ้านเพราะกลัวจะไปโรงเรียนสาย ผมวิ่งกระหืด
กระหอบ

ลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพาน้องสาวแก้มยุ้ยซ้อนท้ายจักรยานปั่นไปโรงเรียน มันเป็นแบบนั้นทุกๆ วัน จนกระน้องย้ายไปตอน
ช่วงม.ปลาย


การติดต่อก็ขาดหายไป  จนผมได้มาพบกับเธอในวันนี้

.

.

“สัญญานะว่าจะสู้”   ผมยื่นนิ้วก้อยทำท่าสัญญา  ปิ่นที่เช็ดน้ำตาอยู่เมื่อครู่ถึงกับยิ้มกว้างออกมา

“สัญญาค่ะ”





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2012 01:47:44 โดย Tassanee »

ออฟไลน์ Gemm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
 :เฮ้อ:


พูดได้คำเดียว สงสารปัต

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2012 04:12:26 โดย PetitDragon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
คงไม่ใช่พ่อพี่พาร์ทขอให้ปัตเลิกกับพี่พาร์ท เพื่อให้พี่พาร์ทมาดูแลและแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้นะ   o22 o22

แบบรับไม่ได้กับความคิดนี้ ( โดยส่วนตัว) :z3: :z3:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
สงสารปัตอะตอนนี้

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
สงสารปัต ทำไมเหรออยากเพื่อคนๆหนึ่ง ถึงกับต้องทำลายความรักของคนสองคนเลย

เป็นพ่อประสาอะไร

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ไม่ชอบพ่อพาร์ทเลยที่ทำแบบนี้

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
ถ้าพ่อพี่พาร์ทยุให้ปัตเลิกกับพี่พาร์ทนะ จะตามไปตบเลย หึ๊ย (ทำได้หรอ)  :m16:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เกิดหยังขึ้นหว่า ปัตเลิกทำไม   o22 :a5:

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
พึ่งตามอ่านคะอยากบอกว่าตอนแรกหวานปานมดขึ้น..แต่ไหงตอนนี้กลับดราม่าซะ
อย่าบอกนะว่าที่ปัตขอเลิกเพราะคุณพ่ออะ !!

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ   ....  อยากบอกว่า   เจ็บแต่จบ  ค่ะ  ฮ่าๆ
ยังมาม่าได้อีกนะ  แต่ก็นะ......หนักเอาการแหล่ะค่ะ

ยังไงก็จะพยายามไม่ให้ดราม่ามาก (รึเปล่า)   ทำที่ทำได้ แต่เรื่องมันต้องดู
มีเรื่องราวนิดนึงน่ะคะ  หวังว่าคงเข้าใจ  อิอิอิ

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ถ้าพี่พาร์ทรู้เรื่องทั้งหมดล่ะ

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
UNIT   29   ทางเลือก

สองเดือนที่แล้ว
.
.
“สวัสดีครับพ่อ ครับเลิกเรียนแล้วครับ ไม่ยากครับ  ฮ่าๆ  อ๋อ..วันนี้พี่พาร์ทไม่ได้มารับครับ  เอ๋...พ่อจะมารับปัตเหรอครับไม่เป็นครับเดี๋ยวปัตนั่ง

แท็กซี่กลับดีกว่าฮะ พ่อจะได้ไม่ลำบาก ตอนนี้ก็พึ่งบ่ายโมงเอง  พ่อมาถึงแล้วเหรอครับ ได้ครับเดี๋ยวปัตไปหา ครับสวัสดีครับ” 

วางสายเสร็จก็รีบเก็บข้าวของลงกระเป๋าเพราะเกรงใจจะให้ผู้ใหญ่รอนานคงไม่ดี กำลังง่วนอยู่กับข้าวของที่ดันทำตกกระจายทั่วพื้นซะนี่

แทนที่จะเร็วคงจะได้ช้าแทน  ก้มหน้าเก็บงุดๆก็มีมือดียื่นหนังสือเล่มหนาที่ผมพึ่งทำตกเมื่อกี้มาให้  เงยหน้าขึ้นก็เจอรอยยิ้มกวนๆ ที่เจอกันอยู่

ทุกวี่ทุกวันน่ะแหล่ะ  ผมยิ้มตอบ

“อ้าวเบียร์” ผมทักขึ้น ปกติผมจะกลับพร้อมเบียร์แวะกินข้าวกันเสร็จก็จะกลับหอพักเลย  ลืมบอกมันว่าวันนี้จะกลับไปคอนโดพี่พาร์ทไอ้คุณเพื่อน

ตัวดีเลยมาโผ่อยู่ที่นี่เก้อซะงั้น

“รีบอะไรว่ะ ปกติไม่เห็นเคยซุมซ่ามเดินผ่านคนอื่นยังไม่รู้สึกตัวแท้ๆ”  ปากมันก็กวนมือก็ช่วยผมเก็บเป็นระวิง

“มะเหงกนิ  กุไม่ใช่ผีนะจะได้เบาล่องลอยขนาดนั้น  แต่วันนี้รีบจริงๆ ว่ะ”  ผมตอบมือก็ขยับเป้ให้เข้ารูปเข้ารอยหลังจากของที่หยิบใส่ทิ่มไป

ทางโน้นทีทางนี้ทีจะกลายเป็นทุเรียนอยู่รอมร่อ  ไอ้เบียร์เงยหน้าขึ้นมาผมด้วยความสงสัยคิ้วขมวดนิด ๆ
“จะไปไหน?”  มันถามผมเรียบๆ แต่ผมกลับอดอมยิ้มไม่ได้เหงาหล่ะสิ  ปกติมันเป็นเก็บตัวมากคนหนึ่งไม่ค่อยมีใครเข้าถึงสักเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไมถึง

มาสนิทกันได้ มากขนาดนี้ เรียกว่าสนิทจนตัวติดกันก็ว่าได้มีมันที่ไหนมีผมที่นั่น ยกเว้นเวลาเรียนอ่ะนะ

“โทษทีว่ะเมื่อวานลืมบอก  วันนี้พ่อพี่พาร์ทมารับกุ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน  มึงอ่ะวันนี้จะไปไหนเปล่า”  ไอ้เบียร์ทำหน้าหงอย ผมเลยตบไหล่มันเบาๆ

ปลอบใจ แล้วหันไปตะโกนเรียกเพื่อนในห้องอีกคนที่แอบเล็งมันมานานแล้ว แต่มันไม่ค่อยรู้ตัว

“นก...นกคร๊าบบบบบ  มานี่หน่อย ปัตรบกวนอะไรหน่อยครับ”  ผมตะโกนพอให้ได้ยิน นกค่อยๆ เดินมาหา

“อืม....มีอะไรให้นกช่วยเหรอปัต?”   ผมยื่นมือไปจับแขนไอ้เบียร์ข้างหนึ่ง แล้วอีกมือจับมือนกให้มาวางแหมะ บนแขนไอ้เบียร์อีกที


เห็นนกออกอาการหน้าแดงยกใหญ่ ปกติทำเนียนเก่ง แต่จริงนกขี้อายมาก น่าตาน่ารัก แถมนิสัยดีอ่ะ  ถ้าผมไม่มีแฟนผมจะจีบนกนี่แหล่ะ

“พาเพื่อนปัตไปกินข้าวหน่อยนะครับ  วันนี้ปัตรีบต้องไปธุระไม่ได้บอกมันไว้ก่อน  รบกวนด้วยนะครับ ปัตไปหล่ะรีบ  ฮ่าๆๆๆ”

เป็นพ่อสื่อเสร็จก็วิ่งหูตั้งลงไปหน้าตึกที่พ่อพี่พาร์ทรออยู่  ผมกวาดตามองอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นผู้ชายรูปร่างสมส่วนสวมเชิ้ตสีฟ้า

กางเกงสแล็คสีดำ ในมือหิ้วสูท ไม่ค่อยเห็นพ่อในลักษณะแบบนี้เท่าไหร่รู้แค่ว่าพ่อชอบทำสวน และปล่อยให้พี่ภีมกับพี่พาร์ททำงานแทน

ส่วนพ่อที่นานๆ จะเข้าบริษัท ก็ยังดูดีไม่เปลี่ยน  ผมเดินไปถึงขณะที่พ่อยังหันหลังอยู่

“สวัสดีครับพ่อ  รอนานไหมฮะ?”  ผมยกมือไหว้ตอนพ่อหันหลังมา  พ่อยกมือรับไหว้ส่งยิ้มมาให้ พร้อมกับส่ายหน้าน้อย ๆ

“ไม่นานเลยลูก  ปัตหิวมั้ยไปหาอะไรทานก่อนรึเปล่า พอดีพ่อว่าจะแวะไปเยี่ยมคนรู้จักน่ะ อยู่ชานเมืองไกลหน่อย ปัตไม่รีบใช่มั้ยลูก?”

“ไม่รีบครับ   แล้วแต่พ่อดีกว่าฮะปัตยังไงก็ได้”

“อืม...  งั้นแวะทานกันร้านแถวนี้แล้วกันนะ  ไม่ได้ทานนานแล้วตั้งแต่เจ้าพาร์ทจบ  ...คิดถึงแม่ครัวจริงๆ  หึหึ” พ่อว่าขำ แล้วเดินนำไปที่รถ

.

.

หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ทำหน้าที่สารถีขับรถไปตามเส้นทางที่พ่อบอกจนถึงโรงพยาบางแห่งหนึ่งที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว

ถ้าเทียบกับโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ  ผมขับไปจอดตรงหน้าตึกให้พ่อลงไปก่อนส่วนตัวเองขับไปจอดในส่วนที่ทาง รพ. จัดไว้ให้
แล้วเดินย้อนกลับมาหน้าตึกอีกที  กวาดสายตารอบๆ มองหาพ่อ สักพักก็เห็นพ่อยืนยิ้มกวักมือเรียกผมอยู่  ผมเดินตรงเข้าไปหา


“ป่ะไปกัน พ่อถามเบอร์ห้องเรียบร้อยแล้ว” 

“ห้องอะไรเหรอครับ?”

“ห้อง 808 น่ะ”   ผมพยักหน้ารับทราบ

“พ่อพึ่งเคยมาเหรอครับ”  ผมหันไปถาม  พ่อพยักหน้าน้อย ๆ

“อืม  ....พึ่งรู้เมื่อวานนี้เอง  ปิ่นเค้าเข้าโรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้วแท้ๆ”

“ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วเหรอครับ”

“ก็ยังงั้นแหล่ะ.....ปิ่นเค้าย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ ม.ปลาย พึ่งกลับมาเมื่อสองปีก่อน ก็อยู่ที่เชียงใหม่แต่ป่วยหนัก เลยต้องย้ายเข้ามารักษา

ที่นี่แทน   ปิ่นน่าจะอายุมากกว่าปัตสัก 2-3 ปีเห็นจะได้นะ” พ่อหันมามองผมแล้วพิจารณาว่าอายุอานามผมประมาณเท่าไหร่
“อ้าวเหรอครับ  ผมนึกว่าจะเด็กว่าผมซะอีก”  ผมว่า  พ่อยกมือตีหัวผมปุ๊ ๆ  อย่างเอ็นดู


“ติ๊ง”   เสียงลิฟท์เปิดออกบอกให้ทราบว่าถึงชั้น 8  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พวกเราเดินกันต่อไปยังห้อง 808  ผมมองประตูห้อง

ที่บอกเบอร์ห้อง 805 แสดงว่าอีกแค่ 3 ห้องเราก็จะเดินไปถึงห้อง 808    กำลังจะก้าวเดินต่อก็เห็นบุรุษพยาบาล และพยาบาล หลายคน

วิ่งกรูกันเข้าห้องไป  ประตูเปิดอ้าค้างไว้  ได้ยินเสียงหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้นมาว่า  “ไม่หายใจ”   พยาบาลทำการปั๊มจนได้ยินเสียงพูดดัง

ขึ้นมาว่า  “หายใจแล้ว” จากนั้นรถเข็นผู้ป่วยที่มีหญิงสาวผิวซีด ผมยาวสลวย แต่รูปร่างกลับผอมจนน่าตกใจ  ก็ถูกเข็นอย่างเร่งด่วนไปยัง

-ห้องฉุกเฉิน-    โดยมีผู้หญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากห้องเร่งรีบเพื่อจะตามให้ทันรถเข็นคันนั้น  ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลเป็นสาย

สะอื้นไห้อย่างไม่อายสายตาใคร ร้องออกมาอย่างเปิดเผย  แม้แต่ผมที่มองดูภาพนั้นยังทั้งอึ้งทั้งตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า อดรู้สึกเจ็บ

ตามไปด้วยไม่ได้  พ่อสาวเท้าก้าวอย่างรวดเร็วเอื้อมมือไปแตะไหล่ะผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า   ใบหน้าที่แสดงสีหน้ากังวลของ
และเจ็บปวดของทั้งสองฝ่าย ทำให้รู้ว่าทั้งคู่น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี ทำได้แค่ปลอบใจกัน



“สาว...ไม่เป็นไรนะ  เดี๋ยวหมอเค้าต้องช่วยปิ่นได้แน่”  พ่อว่าปลอบใจผู้หญิงตรงหน้า

“ฮือๆๆๆ  ”  เธอพยักหน้าตอบ เพราะคงพูดออกมาไม่ไหว  ยังทำได้แค่ร้องไห้มองตามร่างที่พึ่งห่างออกไป ก่อนจะสาวท้าวก้าวตามไปต่อ

.

.

หน้าห้องฉุกเฉิน.....  มีแต่เพียงสายตาอาทรร้อนใจที่ถูกส่งมองเข้าไปในห้องนั้นไม่ขาดสายไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างกัน  นั่งกันอยู่เงียบ ๆ แต่ผม

กลับรู้สึกว่า เสียงหัวใจของแต่ละคนกำลังเต้นระทึกด้วยความคาดหวัง   หวัง..........ที่จะทำให้อีกคนยังมีลมหายใจต่อไป  น้าสาวหยุดร้องไห้

ไปแล้ว  เสียงแว่วๆ ภายในห้องฉุกเฉินที่เจ้าหน้าที่หมอพยาบาลกำลังทำงานอย่างขวักไขว่ดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ  แม้จะแทบไม่ได้ยินเสียง

หากแต่กลับทำให้หัวใจกระตุกเป็นระยะ  นานนับชั่วโมงที่เรานั่งรอกันอยู่อย่างนั้น สังเกตุเห็นสีหน้าอิดโรยของแต่ละคนก็ลุกขึ้นยืน

ลงไปด้านล่างหาของอุ่นทั้งกาแฟ ทั้งชา และโอวัลติน เพราะหน้าห้องฉุกเฉินแต่ละคนดูหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูก กลับมาถึงชั้นบน

ผมตรงเข้าไปหาน้าสาวก่อน ยื่นของอุ่นๆ ทั้งสามถุงตรงหน้า

“ดื่มอะไรร้อนๆ ก่อนนะฮะ จะได้สดชื่นขึ้น”  น้าสาวเงยหน้ามามองผมเล็กน้อย ยิ้มจางๆ มาให้ แล้วเลือกหยิบถุงโอวัลตินร้อน ที่ด้านในใส่

แก้วกระดาษแบบกันความร้อนบรรจุโอวัลตินหอมกรุ่นอยู่ภายใน

“ขอบใจนะหนู” 

“ไม่เป็นไรครับ”  ผมยิ้มรับ  ก่อนจะเดินไปหาพ่อ  แล้วยื่นถุงชาไปให้  พ่อตบไหล่ผมเบาๆ ยิ้มมาให้

“ขอบใจลูก”  ผมยิ้มรับ  แล้วนั่งลงข้างๆ พ่อ  ทุกคนดื่มกันไปเงียบๆ จนหมดไม่นานนัก  ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก  พร้อมด้วยแพทย์

ผู้ทำการรักษา ออกมายืนด้านหน้า สีหน้าเคร่งเครียดมองตรงมาที่เราทั้งสามคน แม้จะมีเหงื่อพุดพรายเต็มตัว 

“ใครเป็นญาติผู้ป่วยครับ?” น้าสาวถลาเข้าไปหา

“ดิฉันค่ะ  ดิฉันเอง”

“ครับ.....ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ   แต่คงต้องอยู่ในห้องฉุกเฉินอีกสัก 2วัน เพื่อตรวจเช็คอาการอื่นๆ”

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ  ขอบคุณมากค่ะ ทำไมแกถึงเป็นแบบนั้นหล่ะคะ  ทำไมอยู่ดี ๆ ถึง...กำเริบได้ขนาดนี้”  น้ำเสียงขาดห้วงไป

“เป็นเพราะเซลล์มะเร็ง ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเร็วมากกว่าปกติ แล้วไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ซึ่งสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว

และเกร็ดเลือด จนเกิดอาการหน้ามืด เป็นลมร่วมด้วย  ส่วนเรื่องการหยุดหายใจกระทันหันอาจจะเป็นอาการช็อคซึ่งต้องตรวจหาสาเหตุ

อีกที   เอ่อ...อยากให้ทางญาติทำใจไว้หน่อยก็ดีครับ เนื่องจากการขยายตัวของมะเร็งที่รวดเร็วมากกว่าปกติ คนไข้พร้อมจะไปทุกเมื่อ
อยากให้ทางญาติดูแลอย่างใกล้ชิด อยากให้ลองถามความต้องการของคนไข้หากได้ทำสิ่งที่ชอบอาจจะช่วยยืดระยะเวลาให้นานเพิ่มขึ้น

ก็เป็นได้”  คุณหมอกล่าวจบน้าสาวก็แทบทรุด ดีที่ผมประครองน้าสาวไว้ทัน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นทันที

“คุณหมอหมายความว่ายายปิ่น ...จะต้องตายเหรอคะ?  ...ฮือๆ ...   แกมีเวลาเหลือสักเท่าไหร่เหรอคะ?”   น้าสาวว่า เสียงสะอื้นไห้

“เท่าที่ดูอาการไม่น่าเกิน 2 ปีครับ  หมอต้องขอตัวไปดูคนไข้รายอื่นก่อนนะครับ” คุณหมอกล่าวเรียบๆ ก่อนจะเดินตามพยาบาลที่มาเชิญคุณหมอ

น้าสาวถึงกับลมจับทรุดตัวลงกับพื้นดีที่มีผมประครองไว้ก่อนไม่อย่างนั้น... คงได้หัวกระแทกพื้นจนบาดเจ็บเป็นแน่  ผมกับพ่อพาน้าสาว

กลับไปยังห้องผู้ป่วย ให้น้าสาวนอนพัก  .....     
“ขอโทษนะปัต พ่อพามาเจอแต่เรื่องยุ่ง  ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้”  พ่อเอ่ยเสียงเบา เพราะเกรงว่าจะทำให้น้าสาวตื่น

“ไม่เป็นไรครับ  ดีแล้วครับที่พาปัตมาด้วย มีอะไรจะช่วยกันได้  ผมว่าถ้าผมไม่มาด้วยผมว่าพี่พาร์ทมารู้ทีหลังจะเป็นห่วงเอานะครับ” 

“ขอบใจนะลูก...เดี๋ยวพ่อขอตัวลงข้างล่างสักพักนะ อยากไปสูดอากาศ ยืดเส้นยืดสาย สักหน่อยน่ะ คนแก่ก็แบบนี้ พ่อฝากดูสาวด้วยนะลูก” 

“ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ..... เดี๋ยวปัตจะดูแลให้”   ผมหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านได้สักพัก....  ได้ยินเสียงขยับตัวของน้าสาว ที่ชันตัวลุกขึ้นบนเตียง

มือข้างหนึ่งยกขึ้นบีบขยับตัวเองเบาๆ  ผมลุกขึ้นไปหาหยิบพิมพ์เสนแบบน้ำที่มักจะพกติดตัวเสมอยื่นให้  น้าสาวรับไปแล้วสูดดมแก้วิงเวียน

น้ำตาสองข้างเริ่มหยดลงข้างๆ แก้ม  สองมือยื่นมากอบกุมมือผมแน่น  ผมได้แต่มองการกระทำทุกอย่างอยู่อย่างนั้นไม่ได้ว่าอะไร

“พาร์ทช่วยป้าหน่อยนะลูก  ช่วยป้าหน่อย...ฮือๆ  ป้าขอร้องช่วยแต่งงานกับน้องได้ไหมลูก  น้องรักพาร์ทมาก รักมานานแล้ว 

ตอนนี้..น้องจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว  ป้าขอร้อง....ฮือๆ ช่วยให้ยายปิ่นมีความสุขในนาทีสุดท้ายของชีวิตด้วยเถอะนะ  ....ฮือๆ..

จะให้ป้ากราบก็ได้นะลูก   ช่วยแกทีสงเคราะห์แกทีเถอะลูก .....ไม่รู้จะทำยังไงที่จะให้ยายปิ่นมีความสุขนอกจากวิธีนี้  นอกจากพาร์ทแล้ว

ป้าไม่เห็นหนทางอื่นแล้ว  ....ช่วยน้องทีนะลูก  ..ฮือๆ  ....ช่วยน้องทีให้น้องได้มีความสุขจนวาระสุดท้าย”  น้าสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นจนโยน

ผมดึงน้าสาวมากอดไว้แน่นๆ  เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ น้าสาวคงรักพี่ปิ่นเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง  ถึงได้เจ็บราวจะขาดใจขนาดนี้   

ความรัก.....ที่บริสุทธิ์ขนาดนี้   แล้วผมจะเห็นแก่ตัวดึงพี่พาร์ทเก็บไว้เป็นของตัวเองได้ไง  .....  เพื่อเห็นแก่  “ความรักของแม่”  ที่พร้อมจะทำทุก

อย่างเพื่อ “ลูกรัก”  ผมเองรู้จักดี......แม่ผมก็เสียสละมาแล้ว  แม่ยอมอุ้มท้องผม และยอมจบชีวิตที่เลิศหรูแห่งวงการมายา เพียงเพื่อจะให้

“ลูก”  อย่างผมมีสิทธิ์ลืมตาดูโลก  แม่ทิ้งทุกอย่าง...ก็เพียงเพราะความรัก ที่ประเมินค่าไม่ได้  ความรักที่ยิ่งใหญ่กว่าความรักทั้งมวล

ยอมทุกอย่าง....แม้กระทั่งศักดิ์ศรี   ขอให้พ่อแต่งงานด้วยแม้ว่าพ่ออ้าแขนรออยู่ก่อนแล้ว.....ก็เพราะอยากให้ผมมีครอบครัวที่สมบูรณ์ 

ถึงตอนนั้นจะไม่ได้รักพ่อ แต่ตอนนี้ผมรู้ว่าแม่รักพ่อหมดใจเลย  เพราะพ่อดี.......ดีเกินกว่าจะปฏิเสธความรักที่พ่อมอบให้ได้ 

แล้วตอนนี้หล่ะ .....  ผมจะต้องตอบยังไง   รู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก

 “น้าสาวครับ ผมไม่ได้ชื่อพาร์ทครับ” น้าสาวผละตัวออกงงๆ  หลุบตามองต่ำ  เหมือนๆ จะอายที่ขอร้องผมทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันสักนิด

“น้าขอโทษ.....ขอโทษทีนะลูก”  เช็ดคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้เหือดแห้ง  ผมเหลือบไปเห็นประตูห้องเปิดอ้าอยู่เล็กน้อย ค่อยๆ ปิดลง

จนสนิท  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร......พ่อคงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้ว      ไม่นานนักพ่อกลับเขามาอีกครั้งพูดคุยกับน้าสาวจนสบายใจขึ้น

ถึงได้ขอตัวกลับ ผมขับรถกลับตรงไปที่คอนโดพี่พาร์ท ระหว่างไม่มีบทสนาใดๆ  มีแต่ความเงียบงันจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง 

.

.

.

“พี่พาร์ท...ถ้าบังเอิญว่ามีเรื่องให้เราต้องห่างกันไปสองปี พี่จะลืมผมมั้ย?”  ผมถามเสียงอู้อี้กับอกพี่พาร์ท ขณะที่เรานอนกอดกันอยู่บนเตียง

เรื่องวันนี้ทำผมสับสน ผม.....ควรจะเลือกทางไหน  ทั้งสองทางมันเจ็บ  ทางหนึ่งมันต้องเจ็บหากผมต้องจากหัวใจผมไป แต่อีกทางถ้าผมอยู่

มันก็รู้สึกเจ็บที่ผมเหมือนกำลังเมินเฉยต่อความรักที่บริสุทธิ์นั่น  ทั้งเจ็บทั้งรู้สึกผิด ...   ทำยังไงดี

“ทำไมถามยังงั้นหืม?  พี่ไม่ยอมปล่อยปัตให้หนีไปหรอก”  พี่พาร์ทว่ากดจูบแผ่วเบาที่หน้าผากผมแล้วละออก ผมหันไปสบตา นัยตาคู่คมของ

พี่พาร์ท ความรักที่มันเอ่อล้น....มันส่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น ผมเลื่อนมือไปลูบแก้มพี่พาร์ทเบาๆ

“ตอบก่อนได้มั้ยครับ....ปัตอยากรู้นะนะ ตอบหน่อย  ถ้าวันหนึ่ง....” ผมกลืนน้ำลายลงคอ  เหมือนมีก้อนแข็งที่มันจุกแน่นจนพูดไม่ออก
“ถ้าวันหนึ่งเราต้องห่างกันไป  ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร  จะลืมปัตมั้ย?”   ผมถามเสียงแผ่วในใจลุ้นระทึก  ทั้งเจ็บปวด ทั้งเสียใจ  แต่จะให้ทำยังไง

อีกคน......กำลังจะตาย  จะทำยังไงได้ 

“ไม่ลืมครับ...ทำยังไงก็ไม่ลืม  ทั้งชีวิตนี้พี่จะไม่รักใครอีกแล้ว  อย่าทิ้งพี่นะปัต”  พี่พาร์ทว่าเสียงสั่น  จ้องลึกเข้าไปในดวงตาผม จนต้องซุกหน้า

ลงกับอกกว้างเพื่อหลบสายตาคมที่จ้องมองมา  กอดกันแน่น...แน่นกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา

“ปัตรักพี่พาร์ทนะฮะ”  อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอ พยายามฝืนไม่ให้น้ำตาไหล  ค่อยๆ ยื่นริมฝีปากไปสัมผัสริมฝีปากหนาของอีกฝ่าย

อย่างเอาใจ พี่พาร์ทสอดมือจับท้ายทอยผมมั่น ก่อนจะส่งริมฝีปากเร่าร้อนมาชิมความหวาน สัมผัสอบอุ่นค่อยๆ ลามเลียไปทั่วทั้งตัว

บทรัก...ที่ร้อนแรงและหวาบหวาน  ผมเองก็เลือกจะจดจำมัน   ตั้งแต่วันนี้.......ขอเวลาแค่สองเดือนรอผมจบให้ผมได้มีกำลังใจบ้างสักหน่อย

.

เพราะรู้แล้วว่าผมเลือกที่จะตอบน้าสาวยังไง  ....  คนตรงหน้าช่างแสนดี ความอบอุ่นที่มีผมอยากแบ่งปันให้พี่ปิ่นบ้าง  อยากให้พี่ปิ่น

ได้มีรอยยิ้ม....มีความสุขเหมือนผมตอนนี้  จนวาระสุดท้ายของชีวิต  อย่างน้อย...หัวใจพี่พาร์ทที่อยู่กับผมมันก็จะอยู่ตลอดไป  ผมยังมีชีวิต

ผมมียังมีโอกาสได้มอง  ได้รับรองการมีตัวตนของคนตรงหน้า.......  แม้ว่าจะต้องปล่อยมือ  แต่ผมเชื่อนี่มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

เท่าที่ผมจะทำได้  อย่าโกรธปัตนะครับที่ปัตเอาแต่ใจตัวเอง  .....  แต่นี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่งของชีวิตของเราก็ได้ 

ถ้าพี่....แต่งงานได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติ ....  อาจจะดีกว่าอยู่กับปัต  ขอโทษ....ที่ผมเลือกที่จะจากไป  เกิดมาได้รับความรักจากพี่

....มันก็ดีเท่าไหร่..........



ขอบคุณครับ........ที่รักกัน




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
มันเป็นเช่นนี้นี่เอง

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เศร้าอะ ปัตเป็นคนดีเกินไปแล้ว

ยังไงน่าจะถามพี่พาร์ทก่อนนะ รอตอนต่อไปค้า

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกก มันกลืนไม่เข้า คายไม่ออกเลย

สงสารทั้งคู่ และห็ปิ่นด้วย

เฮ้ออออออ

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
พวกผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงคนที่อยู่ข้างหลัง คิดจะทำให้คนที่มีเวลา2 ปีมีความสุข แล้วคนที่รักกันต้องแยกกัน2ปีจะอยู่ยังไง ไม่คิดถึงใจเขาใจเราเลย ในเมื่อคนที่เป็นทุกข์หนึ่งในนั้นเป็นลูกของตัว คิดถึงแต่คนที่จะจากไป แต่ไม่คิดถึงคนที่อยู่ คนที่อยู่เขายังจะอยู่กับเราอีกนานไม่คิดถึงความรู้สึกของเขาบ้าง

ปล รออ่านตอนจบที่เดียวตอนที่เหลือคงรับไม่ได้ ( ส่วนตัวไม่ชอบแบบนี้)

ออฟไลน์ KaeM_PonG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
สงสาร น้องปัต :o12: :o12: :o12:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
คนดี ก็ควรจะมีอะไรดีๆ รออยู่จริงมั้ย?

^_________^

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ทำไมปัตตัดสินใจแบบนี้ ทำไมไม่ลองปรึกษาพี่พาร์ทก่อน มันอาจจะมีทางอื่นที่ดีกว่านี้ก็ได้ เฮ้อออออออ

ออฟไลน์ Ju

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-2
ง่า  :sad4:

ปัตทำไมทำอย่างงี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด