▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 38: แม่ที่ขายลูกกิน ผู้ชายคนนั้นกับกลุ่มเพื่อนๆ เข้ามากินอาหารเย็นที่ร้าน "ต้นสน" อีกแล้ว ปกติสนจะรู้สึกลิงโลดใจถ้าผู้ชายคนนี้มา ทุกครั้งจะกุลีกุจอออกไปต้อนรับเสมอ แต่วันนี้สนกลับรู้สึกไม่อยากทำอย่างนั้นเลย เขาไม่ใช่คนโหดร้ายโดยนิสัย ทำไปทำมาสนก็ชักเกลียดตัวเองที่ต้องทำสิ่งที่ขัดกับพื้นฐานนิสัยของตัวเองมากขนาดนี้
ตอนที่ผู้ชายคนนี้มากินข้าวที่ร้านของสนครั้งแรก สนสังเกตเห็นว่าพี่คนนี้แสดงอาการชอบนินาจนออกนอกหน้านอกตา คอยแซวนินาเล่นอยู่บ่อยๆ เวลาที่เธอไปคุยด้วย ตอนหลังสนจึงหาจังหวะเข้าไปคุยทำความรู้จัก ทราบมาว่าชื่อพี่ยศ เป็นข้าราชการอยู่ที่ศาลายา อายุสามสิบต้นๆ สืบไปสืบมาสนก็รู้ว่าพี่ยศเป็นพ่อหม้าย มีลูกสาวเป็นลูกติดหนึ่งคน ดูท่าทางเป็นคนเจ้าชู้มากทีเดียว นี่แหละคนที่สนกำลังรอคอย
"นี่ครับพี่ คูปองพิเศษสำหรับลูกค้าคนที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้าของร้านเราครับ ต่อไปถ้าพี่มากินข้าวที่นี่อีก พี่ใช้ทีละใบนะครับ สิบใบสิบครั้ง กินเท่าไหร่ ผมลดให้ครึ่งราคาเลยครับ"
สนยื่นคูปองส่วนลดพิเศษที่สนทำขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะให้พี่ยศหลังจากที่เขากลับมากินข้าวที่ร้านอาหารของสนอีกครั้ง พี่ยศดูจะแปลกใจมากทีเดียวที่อยู่ดีๆ ก็ได้รับคูปองลดครึ่งราคาถึงสิบใบด้วยกัน
"โห...ทำไมใจดีจัง ให้พี่สิบใบเลยเหรอ ขอบใจมากน้อง ขอให้มีลูกค้าเยอะๆ นะครับ" พี่ยศยิ้มดีใจพร้อมกับหัวเราะถูกใจ ใครๆ ก็ชอบของฟรีหรือของลดราคาทั้งนั้น
"เดี๋ยวพี่จะมากินทุกอาทิตย์เลย เอ...ว่าแต่...น้องคนนั้นไม่อยู่เหรอวันนี้ ไม่เห็นเลย" พี่ยศถามพลางสอดส่ายสายตามองหาผู้หญิงที่เขาแอบชอบอยู่
"อยู่ครับพี่ สงสัยกำลังยุ่งๆ อยู่ข้างใน ถ้าพี่มากินบ่อยๆ เดี๋ยวผมจะให้น้องเขามาดูแลที่โต๊ะพี่เป็นพิเศษเลยดีไหมครับ"
"ดีเลยน้อง" ยศหัวเราะชอบใจ หันไปมองเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันด้วยสายตาที่ก็รู้ๆ กันอยู่
"ว่าแต่น้องคนนั้นเขาเป็นใครเหรอ" คนถามสายตาเป็นประกาย
"อ๋อ...คนรู้จักกันครับ" สนก็ยิ้มเช่นกัน แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ไม่น้อย ให้กินครึ่งราคาถึงสิบครั้งอาจจะดูมากไปสำหรับคนทำธุรกิจ แต่สนก็รู้ว่ามันคุ้มค่ามากทีเดียวถ้าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่สนต้องการ ผู้ชายเจ้าชู้กับผู้หญิงอารมณ์เปลี่ยวมาเจอกัน ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดไปจากที่สนคาดการณ์เอาไว้
"เดี๋ยวพี่จะแวะมากินบ่อยๆ นะ ขอบใจมากสำหรับคูปองส่วนลด"
"ยินดีครับพี่ ขอบคุณนะครับที่มาอุดหนุนร้านต้นสน"
นั่นคือจุดเริ่มต้นของแผนการที่แสนร้ายของสน ทุกครั้งที่พี่ยศมากินข้าวเย็นที่นี่ สนจะให้นินาออกไปต้อนรับเสมอ สนแวะไปทักทายบ้างนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ทำงานของสนไป หลังจากนั้นไม่นานสนก็แอบรู้มาว่าพี่ยศขอเบอร์โทรศัพท์ของนินาไปแล้ว ไม่รู้ว่าได้คุยกันบ้างหรือเปล่าแต่ก็น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับแผนการขั้นต่อไป
น่าแปลกที่คราวนี้นินาไม่ต้องรอให้สนบอก เธอออกไปต้อนรับพี่ยศด้วยตัวของเธอเองด้วยอาการยิ้มแย้มแจ่มใสและระริกระรี้เป็นพิเศษ
"ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของเธอละกันนะนินา"
สนคิดในใจแล้วก็หันมาสั่งงานกับเด็กในร้านต่อ สภาพจิตใจของสนตอนนี้ยังไม่ค่อยดีนักเพราะเมื่อคืนวานร้องไห้หนัก ยังไม่ได้มีโอกาสเล่าให้แม่ฟังเลยว่าเขากับนินาทะเลาะกันเรื่องอะไร แล้วก็ต้องรีบมาที่ร้านแต่เช้าเพราะวันนี้มีลูกค้าจองเข้ามาเยอะ ต้องจัดเตรียมอะไรหลายอย่าง ร้านของสนเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อใช้สื่อสังคมออนไลน์มาช่วยทำการตลาด ประกอบกับรสชาติอาหารที่ค่อนข้างดีอยู่แล้วจึงขายตัวมันเองได้ไม่ยาก ลูกค้าจึงบอกกันไปปากต่อปาก
โทรศัพท์ของสนดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกๆ ที่สนไม่คุ้นเลย แต่พอเห็นหมายเลขโทรศัพท์ขึ้นต้นด้วย +44 สนก็ขอตัวแล้วรีบเดินออกไปข้างหลังร้าน ก่อนจะรับโทรศัพท์ด้วยอาการมือไม้สั่น
"ต้น ต้นหรือเปล่า นายใช่ไหมต้น"
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากอีกปลายสาย จากนั้นก็เหลือแต่เสียงสัญญาณที่บอกว่าคนโทรวางสายไปแล้ว สนพยายามโทรกลับไปที่เบอร์นั้นแต่ก็ไม่ติดเพราะเป็นโทรศัพท์สาธารณะ
ต้องเป็นต้นโทรมาแน่ๆ ต้นโทรมาหาสนทำไม ต้นคิดถึงสนหรือเปล่า หรือว่าเป็นห่วง หรือแค่อยากจะโทรมาย้ำเรื่องที่ต้นฝากแม่มาบอกสน แต่ไม่ว่าต้นจะโทรมาด้วยเรื่องใด สนก็ดีใจมากที่รู้ว่าต้นยังนึกถึงเขาอยู่ แม้จิตใจในตอนนี้จะอ่อนแอแค่ไหน สนก็คงร้องไห้ไม่ได้
สนเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าด้วยอาการเหงาหงอย แล้วก็เดินกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง กลุ่มของพี่ยศดูเหมือนจะกลับไปแล้ว ส่วนนินาก็หายไปด้วย
"แขกโต๊ะสิบสี่กลับไปแล้วเหรอ"
"ครับพี่สน เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี่เองครับ" เด็กในร้านคนหนึ่งตอบ
นั่นก็แปลว่า...ทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามที่สนต้องการแล้ว แม้จะรู้สึกผิดที่เขาทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่สนก็ไม่มีทางเลือกมากนัก อีกอย่าง สนจำเป็นต้องป้องกันตัวเองในหลายๆ เรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ด้วย
สนเดินไปหาผู้ช่วยผู้จัดการของร้านแล้วฝากให้เขาช่วยดูแลร้านให้ชั่วคราว จากนั้นก็รีบเดินแกมวิ่งออกมาดูที่ลานจอดรถของร้านอาหาร คราวนี้มีรถมาสองคัน คันแรกเป็นของพี่ยศ มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งไปด้วย ส่วนอีกคันเพื่อนของพี่ยศอีกสามสี่คนนั่งไปด้วยกัน สนรีบวิ่งออกไปที่ถนนทันที ตรงไปที่วินมอเตอร์ไซค์ใกล้ๆ ยังพอมีคนให้บริการอยู่บ้างคนสองคน รถของพี่ยศออกมาจากร้านแล้ว สนจึงบอกให้มอเตอร์ไซค์ตามรถคันนั้นไปโดยไม่รอช้า
พี่ยศพานินามาที่โรงแรมขนาดเล็กที่ราคาไม่แพงนักแถวๆ เขตรอยต่อระหว่างกรุงเทพกับนครปฐม รถเข้าไปจอดที่จอดรถที่อยู่ด้านหน้าของโรงแรมซึ่งพอมีที่ให้จอดได้ไม่เกินสิบคัน สนลงจากรถแล้วก็แอบหลบตรงมุมกำแแพง ใช้มือถือถ่ายรูปช็อตสำคัญให้ได้มากที่สุด จนกระทั่งสองหนุ่มสาวเดินหายเข้าไปในโรงแรมด้วยกันแล้วสนจึงหยุด เดินมาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดรออยู่แล้วก็กลับไปที่ร้านเหมือนเดิม
"แม่เยา พ่อแอ๊ด ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกจ้ะ"
แม่ของสนนั่งลงบนโซฟารับแขกที่เธอคุ้นเคยเพราะมาที่นี่บ่อยๆ แม้จะกลัวว่าพ่อกับแม่ของต้นอาจรับไม่ได้ถ้าได้รู้เรื่องนี้เข้า แต่เธอก็ไม่สามารถทนนิ่งดูดายได้แล้ว เมื่อเช้านี้พ่อของสนถามว่าเมื่อคืนวานสนกับนินาทะเลาะกันเรื่องอะไร เธอบอกเพียงว่าไม่รู้เพราะสนกับนินาเอาแต่ร้องไห้ด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครยอมพูดอะไร ยังหรอก ขอให้เธอพูดคุยกับพ่อแม่ของต้นให้รู้เรื่องก่อนเสียก่อนเถอะ อย่างน้อย ถ้าพ่อกับแม่ของต้นเข้าใจก็น่าจะช่วยกดดันพ่อของสนได้ง่ายขึ้น เธอก็จะได้มีเพื่อนที่คิดเหมือนกันบ้าง ไม่ใช่ว่าเธอเห็นดีเห็นงามอยู่คนเดียว
"เรื่องอะไรเหรอจ้ะแม่พลอย" แม่เยาถามด้วยความสงสัย เพิ่งกินข้าวเย็นเสร็จได้ไม่นานแม่ของสนก็มาหาถึงที่บ้าน แสดงว่าคงมีเรื่องสำคัญจริงๆ ถึงยอมทิ้งหลานไว้กับปู่คนเดียว
แม่พลอยมีสีหน้าหนักใจทีเดียว มองหน้าแม่เยากับพ่อแอ๊ดอยู่นานพอสมควรจึงค่อยๆ เล่าเรื่องสำคัญที่เธอว่านั้น
"เมื่อคืน...ลูกชายของฉันเขาทะเลาะกับเมียอีกแล้ว ทะเลาะกันหนักเลย ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ว่าจะถามสนเมื่อเช้าเขาก็ออกไปที่ร้านซะก่อน เมื่อคืนสนเขาบอกฉันว่ามัน...เอ่อ..." แม่พลอยมีท่าทางอึกอัก แต่มาถึงขนาดนี้แล้วเธอก็คงต้องพูดความจริง
"สนบอกว่ามันรักต้น เมื่อคืนมันร้องไห้คิดถึงต้นเหมือนคนเพ้อเลย ตอนแรกฉันก็นึกว่าเขาแค่คิดถึงกันเพราะเป็นเพื่อนกัน เขาไม่เคยจากกันไปไหนก็คงจะคิดถึงกันมากหน่อย ที่ไหนได้...สนมันรักต้นมากกว่าเพื่อน แม่เยา พ่อแอ๊ด ฉันสงสารลูกมาก ไม่เคยเห็นสนมันร้องไห้เหมือนจะขาดใจอย่างนี้เลย ฉันก็ไม่รู้ว่าเขารักกันมาก่อน สนมันก็ไม่ยอมบอกฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าแม่เยากับพ่อแอ๊ดคิดยังไงกับเรื่องนี้นะ แล้วถ้าฉันเดาไม่ผิด ต้นก็คงรักสนเหมือนกัน ถ้าลูกชายของเราสองครอบครัวรักกัน แม่เยากับพ่อแอ๊ดจะว่ายังไง" แม่พลอยเล่าไปก็อดร้องไห้ไปด้วยไม่ได้
พ่อแอ๊ดถอนหายใจแล้วก็ยิ้มน้อยๆ "ฉันกับแม่เยารู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วล่ะแม่พลอย"
"จริงเหรอจ๊ะ" แม่เยาดูจะแปลกใจมากทีเดียว เธอคาดเดาว่าพ่อกับแม่ของต้นคงจะตกใจที่รู้เรื่องนี้ แต่การกลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
"ฉันรู้มาหลายปีแล้วล่ะแม่พลอย แต่สนมันขอไว้ว่าไม่ให้ฉันบอกแม่พลอย" แม่เยาบอก
"ตายจริง ทำไมเป็นอย่างงั้นล่ะแม่เยา ทำไมสนมันถึงไม่ให้บอก ไอ้ฉันก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าทำร้ายลูกให้เสียใจมานานกี่ปีแล้ว"
ได้ฟังอย่างนั้นแล้วพ่อกับแม่ของต้นจึงเล่าให้แม่ของสนฟังว่าลูกชายของเธอมีแผนอะไรอยู่ และนั่นก็เป็นสาเหตุที่สนไม่ยอมบอกแม่ แต่ความคิดถึงที่แสนทารุณโหดร้ายคงทำให้สนทนไม่ไหวจนต้องบอกความจริงกับแม่ไปเมื่อคืนวานนี้
"เรื่องพ่อสน ฉันจะจัดการเอง สนกับนินา ฉันคิดว่าเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก ก็ให้เขาหย่ากันซะ ส่วนหลานจะได้ไปอยู่กับใครก็คงแล้วแต่เวรแต่กรรม แต่ยังไงเขาก็เป็นหลานฉัน ถ้าเขาได้หลานไปเขาก็คงไม่ใจจืดใจดำถึงขนาดจะไม่ให้พ่อแท้ๆ ไปหาลูกหรอก แต่ต้นกับสนนี่สิแม่เยา พ่อแอ๊ด ถ้าต้นเขามีแฟนใหม่แล้วก็แปลว่าที่สนทำไปทั้งหมดก็อาจจะเสียเปล่า"
พ่อแม่ทั้งสามคนต่างก็หน้าเศร้า
"ถ้าพวกเราเอะใจกันเร็วกว่านี้ ถ้าฉันเปิดใจยอมรับลูกได้เร็วกว่านี้ เรื่องมันก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอกแม่พลอย ฉันผิดเองแหละ ฉันทำบาปทำกรรมกับลูกทั้งสองคน ที่เขาต้องพรากจากกันก็เพราะฉันเองแหละแม่พลอย" พ่อแอ๊ดอดรู้สึกเสียใจอีกไม่ได้
"อย่าคิดอย่างงั้นเลยพ่อแอ๊ด มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ถ้าจะหาคนผิด พวกเราสี่คนพ่อแม่ก็ผิดด้วยกันทั้งนั้น" แม่พลอยพยายามปลอบใจ
"เอาอย่างงี้ละกัน ถ้าต้นโทรมาอีก ฉันจะคุยกับต้นเอง ถามต้นอีกทีว่าต้นมีแฟนจริงๆ หรือเปล่า ต้นมันก็ย้ำนักย้ำหนาว่ามันลืมสนไปแล้ว ให้สนกลับไปรักลูกรักเมีย แต่ฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าต้นมันพูดจริง ต้นกับสนเขารักกันมาตั้งนานตั้งแต่ยังเรียนมัธยม บทจะลืมก็ลืมง่ายขนาดนั้น มันก็น่าสงสัยนะแม่พลอย"
"แล้วถ้าต้นมันมีแฟนจริงๆ ล่ะแม่" พ่อแอ๊ดถามด้วยความกังวล
แม่เยาถอนหายใจ "ฉันจะทำอะไรได้ล่ะพ่อ ต้นมันก็อยู่โน่น อีกอย่าง...ฉันก็ไม่อยากบังคับจิตใจลูกอีกแล้ว พ่อก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าที่ผ่านมามันเป็นยังไง"
สามคนพ่อแม่มองหน้ากันไปมาอย่างหนักใจอีกรอบ
"พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าต้นมันจะมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ คนเดียวที่ฉันไว้ใจได้ก็เป็นสนนี่แหละ เราเลี้ยงเขามาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ รู้จักนิสัยใจคอพวกเขาดี สนเขาช่วยดูแลต้นอย่างดีมาตลอด ไม่เคยทะเลาะต่อยตีกัน ไม่รู้สิ..ฉันก็เชื่อว่า...ต้นมันยังรักสนอยู่ เขาไม่ลืมกันง่ายๆ หรอก ขนาดสนมันมีลูกมีเมียแล้วมันยังลืมไม่ได้เลย ต้นมันยังไม่มีพันธะอะไรสักอย่าง มันก็ไม่น่าจะลืมง่ายขนาดนั้น ถ้าต้นกลับมา ฉันจะคุยกับลูกเอง แต่ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะไปบังคับเขาหรอก ฉันแค่อยากให้ต้นทบทวนให้ดีๆ ว่าจริงๆ แล้วต้นมันรักใครกันแน่"
แม่สองคนฟังไปก็คิดตามไปด้วย จะว่าไปมันก็น่าสงสัยอย่างที่ว่านั่นแหละ ต้นกับสนรักกันมาเป็นสิบๆ ปี ไม่ใช่แค่สองสามปี อยู่ดีๆ จะลืมกันง่ายดายขนาดนั้นก็ดูจะผิดปกติไปหน่อย
แม่พลอยถอนหายใจ "ไม่เป็นไรหรอกแม่เยา พ่อแอ๊ด ถ้าต้นมันมีแฟนใหม่ไปแล้วก็อย่าไปบังคับต้นมันเลย คงเป็นเวรเป็นกรรมของสนมันเองแหละ แต่ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะให้สนมันเลิกกับนินา ฉันจะบอกลูกว่ายังไม่ต้องคิดหาแม่ใหม่มาให้เจ้าภูคามัน ไหนๆ จะรอแล้วก็รอให้ถึงที่สุด อย่างน้อยต้นก็จะได้เห็นเองแหละว่าสนมันรักต้นมากขนาดไหน ฉันมั่นใจว่า...ถ้าต้นได้เห็นแล้ว เขาก็อาจจะเปลี่ยนใจกลับมารักสนเหมือนเดิมก็ได้ แม่เยากับพ่อแอ๊ดคิดว่ายังไง"
พ่อกับแม่ของต้นหันมามองหน้ากันแล้วหันกลับมายิ้ม
"ฉันก็ว่าอย่างงั้นแหละ ฉันว่ายังไม่ต้องไปกังวลเรื่องต้นมันมีแฟนหรอก ตอนนี้เรามาช่วยกันทำให้พ่อแต้วเข้าใจสน แล้วก็ช่วยให้สนมันเลิกกับนินาดีกว่า สงสารก็แต่เจ้าภูคามันนั่นแหละนะ ฉันก็อยากให้ภูคาอยู่ที่นี่กับพวกเรา ต้นมันรักเด็ก ฉันเชื่อว่าถ้าต้นตกลงใจกับสนแล้ว ต้นไม่มีปัญหากับภูคาหรอก ฉันกับพ่อแอ๊ดก็จะช่วยกันเลี้ยง ถึงเขาจะไม่มีแม่ แต่พวกเราทุกคนไม่ปล่อยให้ภูคาขาดความอบอุ่นแน่นอน แต่ถ้าเขาต้องไปอยู่กับทางโน้นก็น่าห่วงอยู่ อย่าหาว่าฉันอย่างงั้นอย่างงี้เลย ฉันว่านินาไม่น่าจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีได้ เอาอย่างงี้ไหมแม่พลอย เราเสนอเงินให้เขาไป ตอนนี้สนมันมีธุรกิจอยู่สองอย่าง จะขายร้านอาหารหรือว่าจะขายคอนโดที่สนมันซื้อไว้แล้วเอาเงินให้เขาไปก็ได้ แลกกับหลาน ยังไงฉันก็ว่ามันน่าจะคุ้มมากกว่า ฉันก็ไม่ชอบใช้วิธีเอาเงินฟาดหัวหรอกนะ แต่ฉันก็ไม่อยากให้ภูคาไปอยู่กับทางนั้นเลย สงสารภูคามัน แม่พลอยว่ายังไง"
"ฉันจะลองคุยกับพ่อสนแล้วก็สนดูนะแม่เยา ฉันว่ามันก็น่าสนใจอยู่ ทรัพย์สินเงินทอง ยังไม่ตายก็หาใหม่ได้ สนมันยังหนุ่มยังแน่น ยังทำมาหากินได้อีกเยอะ ความรู้มันก็มี คงไม่อดตายกันหรอก ฉันเห็นด้วย ขอบใจแม่เยามากที่เสนอทางออกให้ ฉันว่าทางนั้นเขาก็คงอยากจะได้เงินอยู่ เห็นว่าธุรกิจที่เชียงใหม่กำลังมีปัญหา น่าจะเจ๊งอีกไม่นานนี้แหละ"
เมื่อได้พ่อแม่มาช่วยกันคิดแก้ปัญหาแล้วก็เริ่มเห็นทางออกที่พอเป็นไปได้หลายทาง ถ้าสนบอกแม่ตั้งแต่แรก เรื่องก็อาจจะไม่บานปลายมาถึงขนาดนี้ แต่ถึงกระนั้น ความพยายามที่จะแก้ปัญหาของสนก็คงไม่ถึงกับเสียเปล่า อย่างน้อยสนก็ทำให้พ่อกับแม่ได้เห็นแล้วว่าการบังคับจิตใจของลูกมากเกินไปส่งผลเสียยังไงบ้าง สองปีกับชีวิตครอบครัวที่หาความสุขไม่ได้ก็คงมากเกินพอที่จะอธิบายได้แล้วว่าต่อไปคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องทำยังไง ถ้ายังคิดไม่ได้ก็คงยากที่ครอบครัวจะกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
"แม่ นินาไม่อยากทำแล้วค่ะ นินาจะกลับบ้านแล้ว นินาไม่ไหวแล้วนะคะแม่"
"หยุดสำออยเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าแกไม่ทำ ครอบครัวเราจะเอาอะไรกิน เห็นไหมว่าตอนนี้ขายของก็ไม่ได้ ธุรกิจก็ไม่ดี จะเจ๊งอยู่แล้ว"
"ภูคาเขาเป็นลูกหนูนะแม่ แม่จะให้หนูขายลูกกินเหรอ" นินาร้องไห้สะอึกสะอื้น ในขณะเดียวกันก็คอยเหลียวหน้าเหลียวหลังกลัวว่าคนในร้านจะมาเห็นซะก่อน
"แล้วแกคิดว่าทางนั้นเขาจะยอมให้แกเอาลูกมาเลี้ยงที่นี่ง่ายๆ หรือไง เขารักหลานซะขนาดนั้น ไม่มีทางหรอก ไหนๆ แกก็ต้องให้ลูกเขาไปอยู่แล้ว จะให้ไปเฉยๆ ทำไม แลกเอาของสำคัญมาด้วยสิ จะโง่ทำไมนักหนาฮะ แล้วอีกอย่าง ยังไงแกก็เป็นแม่ จะไปหาลูกเมื่อไรก็ได้ เขาคงไม่ใจร้ายถึงขนาดไม่ให้แกไปหาลูกของแกหรอก"
"แม่"
นินาได้แต่อุทานเพราะไม่รู้จะเถียงสู้แม่ของเธอได้ยังไงแล้ว ถึงเธอจะทำตัวไม่ดีแค่ไหน แต่ให้เธอขายลูกกินมันก็มากเกินไปหน่อย ยังไงเธอก็เป็นแม่ เธออยากได้ร้านของสนก็จริง แต่พอแม่เสนอให้เอาลูกแลกกับร้านหรือเงิน นินาก็ถึงกับพูดไม่ออก แต่คิดไปคิดมาก็ไม่รู้จะหาวิธีไหนอีกเหมือนกัน ทรัพย์สินที่น่าจะขายเป็นเงินได้เยอะๆ สนก็ให้พ่อเป็นเจ้าของ ทั้งร้านอาหารและห้องเช่าในคอนโดอีกหลายห้องแถวๆ ศาลายาที่สนทยอยซื้อเก็บไว้ สนกับนินาจึงไม่มีสินสมรสร่วมกันเลย มีก็แต่ลูกเท่านั้น
"รีบๆ เข้านะนินา ชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันการหรอก เกิดผัวแกมันฉลาดขึ้นมาแล้วจะซวยกันไปหมด ไหนๆ แกก็เสียทั้งตัวเสียทั้งลูกให้มันไปแล้ว ก็ต้องเอาคืนให้มันสาสมกัน นินาได้ยินไหม ได้ยินแม่พูดไหมนินา ฟังแม่พูดอยู่หรือเปล่า"
นินากัดฟันแน่น รู้สึกอดสูใจที่เธอจะต้องทำถึงขนาดนี้ ให้เลวกับคนอื่นเธอก็ยังพอทำได้ แต่ถ้าถึงกับต้องเลวกับลูกในใส้ของตัวเองมันก็คงจะชั่วเกินคำบรรยาย หรือจะว่าไปเธอก็คงไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วไม่ใช่หรือ
"จะเอายังไงฮะนินา เงียบทำไม" แม่ของเธอตะคอกมาจากอีกปลายสาย เสียงดังจนนินาต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูตัวเอง
"ค่ะ เดี๋ยวนินาจัดการให้เองค่ะ"
ไหนๆ ก็ทำเลวไปซะขนาดนี้แล้ว ก็เลวให้มันสุดๆ ไปเลยละกัน นั่นแหละจึงเป็นเหตุให้นินาต้องแอบหนีออกจากร้านมาเพื่อการเจรจาครั้งสำคัญในวันนี้โดยเฉพาะ เธอมาถึงบ้านช่วงบ่ายๆ ภูคาตื่นขึ้นมาแล้ว กำลังเล่นอยู่ในบ้านกับปู่กับย่า เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังไปทั่ว
"ภูคามาหาแม่เร็วลูก"
เสียงพูดนั้นทำให้ปู่กับย่าสองคนหันมามองตามเสียงเป็นตาเดียวกัน ต่างคนต่างก็สงสัยว่าทำไมนินาถึงกลับบ้านมาคนเดียวทั้งที่ยังไม่ปิดร้าน
ภูคาเดินเตาะแตะมาหาแม่พร้อมกับของเล่นในมือที่สนซื้อมาให้ นินาย่อตัวลงนั่งกับพื้นแล้วก็อุ้มลูกเอาไว้ก่อนจะหอมแก้มลูกชายอย่างรักใคร่ แม้เธอจะไม่ค่อยได้เลี้ยงลูกคนนี้มากนัก แต่สัญชาตญาณความเป็นแม่ก็ทำให้เธอรักลูกของเธอไม่ต่างจากแม่คนอื่นๆ
หลังจากที่นินาหยอกเล่นกับลูกสักพักเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองพ่อกับแม่สามี รวบรวมความกล้าอยู่ไม่นานนักก็ตัดสินใจพูดออกไป
"นินาจะขอหย่ากับพี่สน แล้วก็จะเอาลูกกลับไปเลี้ยงที่เชียงใหม่ค่ะ"
แค่คำพูดนี้ก็ทำให้ปู่กับย่าสองคนเต้นได้แล้ว โดยเฉพาะพ่อของสนที่ตกใจมากทีเดียว
"ไม่ได้ ฉันไม่ยอมให้เธอเอาหลานฉันไปเป็นอันขาด หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ยอม" พ่อแต้วเสียงแข็ง มองหน้าลูกสะใภ้อย่างเอาเรื่อง
"ถ้างั้น...พ่อกับแม่ก็คงต้องฟ้องศาลเอาแล้วล่ะค่ะ แต่อย่าลืมนะคะว่านินาเป็นแม่ หนูอุ้มท้องเขามาเก้าเดือน เขาเป็นลูกของหนู ใครจะมาเอาลูกของหนูไปไม่ได้ทั้งนั้นถ้าหนูไม่ยอม ไม่มีศาลที่ไหนเขายอมให้ใครมาพรากแม่พรากลูกหรอกค่ะ หรืออยากจะลองเสี่ยงดูไหมคะ"
นินาเสียงแข็งเช่นกัน เธอหมดความเคารพพ่อกับแม่ของสนไปนานแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอไม่ใช่ลูกสะใภ้คนโปรดของครอบครัวนี้อีกต่อไป พ่อของสนเคยชอบเธอมาก แต่หลังๆ ก็เริ่มรู้เช่นเห็นชาติมากขึ้นจนรักไม่ลง
"เธอนี่มัน..." พ่อของสนหยุดคำพูดไว้แค่นั้น "แม่ พาหลานไปนอนก่อนไป เดี๋ยวพ่อจะคุยกับทางนี้เอง"
นินารีบลุกขึ้นแล้วก็อุ้มลูกถอยหนีไปเล็กน้อยเพื่อปกป้องไม่ให้ใครมาแย่งลูกชายไป "ภูคาเป็นลูกของหนูนะคะ หนูไม่ให้ใครทั้งนั้น"
"จะมากไปแล้วนะนินา เธอปล่อยหลานฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ" พ่อแต้วตวาดเสียงดัง พร้อมกับเดินเข้าไปหาลูกสะใภ้
ภูคาตกใจจนร้องไห้จ้า
"ไม่ค่ะ ภูคาเป็นลูกของหนู หนูไม่ให้ใครทั้งนั้น หนูจะเอาลูกกลับบ้าน หนูจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว หนูไม่อยากมีผัวเป็นเกย์ ได้ยินไหมคะว่าหนูไม่อยากมีผัวเป็นเกย์ พี่สนเขาเป็นเกย์ ลูกชายของพ่อกับแม่เป็นเกย์ได้ยินไหมคะ เลี้ยงเขามาเคยรู้ไหมว่าเขาเป็นเกย์ เขารักผู้ชาย เขารักเพื่อนของเขา หนูรับไม่ได้ค่ะ ให้หนูตายซะดีกว่าจะให้มีผัวเป็นเกย์แบบนี้"
นินาตะโกนเสียงดังลั่น พยายามเน้นย้ำเรื่องที่สนเป็นเกย์เพื่อให้พ่อกับแม่ของสนตกใจ นั่นก็ยิ่งทำให้ภูคาร้องไห้ด้วยความตกใจมากขึ้น เธอพยายามกอดปลอบลูกแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรมากนัก
พ่อของสนตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตัวสั่นเทิ้ม "นังกาลากิณี มึงกล้าดียังไงมาว่าลูกกูแบบนี้ฮะ!"
นินากับแม่ของสนตกใจมากทีเดียวที่ได้เห็นพ่อของสนบันดาลโทสะถึงขนาดนั้น
"ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่คะ หนูเห็นกับตา ที่ทะเลาะกันวันนั้นก็เพราะเรื่องนี้แหละ พ่อได้ยินไหมคะ พี่สนเขาเป็นเกย์ เขาชอบผู้ชาย คนที่เขาชอบก็คือนังตุ๊ดต้นไงคะ พ่อกับแม่ไม่รู้เหรอ หนูขยะแขยง หนูอยู่กับเขาไม่ได้หรอกค่ะ หนูจะหย่ากับเขา แล้วหนูก็จะเอาลูกกลับบ้าน"
แม่พลอยเอามือทาบอก เห็นนินาดูถูกเหยียดหยามทั้งต้นและสนด้วยคำพูดอย่างนี้แล้วเธอก็คงทนต่อไปอีกไม่ได้
"ถึงลูกของฉันจะเป็นยังไง เขาก็เป็นคนดี เธออย่ามาว่าลูกฉันแบบนี้นะ ดูตัวเองซะก่อนเถอะว่าดีขนาดไหนถึงได้กล้ามาด่าคนอื่นเขาแบบนี้ ฉันรู้นะว่าเธอน่ะกำลังวางแผนที่จะเอาลูกมาต่อรอง เธออยากได้อะไรบอกฉันมาเลยนินา"
พ่อของสนกับนินาหยุดชะงักพร้อมกัน แล้วก็เงียบกันไปสักพัก มีแต่เสียงร้องไห้ของภูคาเท่านั้นที่ดังอยู่
"รู้ทันแบบนี้ก็ดีแล้ว หนูจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปอ้อมมา ถ้าอยากได้หลานเอาไว้เลี้ยง ก็ยกร้านอาหารมาให้หนูซะ!"
สิ้นเสียงพูดของนินา พ่อของสนก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นไปอีก จะเรียกว่าช็อกก็คงไม่ผิดนัก พ่อแต้วกัดฟันแน่น มือไม้สั่นเทา
"ทำไมมึงถึงชั่วได้ขนาดนี้ นี่คิดจะขายลูกกินกันเลยเหรอ ได้...ถ้ามึงอยากได้มึงก็เอาไป ก็ดีกว่าให้หลานของกูไปอยู่กับแม่ชั่วๆ อย่างมึง" พ่อของสนตวาดเสียงดังอย่างโกรธจัด
แม้นินาจะเจ็บที่ถูกตราหน้าว่าขายลูกกิน แต่ตอนนี้เธอก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว "ดีค่ะ งั้นพ่อก็จัดการโอนให้หนูพรุ่งนี้เลย"
"พ่อกับแม่ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละครับ"
เสียงของสนดังขึ้นมาจากข้างหลัง ไม่รู้ว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ นินาหันไปมองสามีด้วยความตกใจ คาดไม่ถึงว่าสนจะตามมาด้วย
"ปล่อยลูกของฉันลงเดี๋ยวนี้" สนบอกภรรยาเสียงเข้ม สีหน้าเอาเรื่อง
"ไม่" นินายืนกรานเสียงแข็ง แต่ก็เริ่มรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้สามคนพ่อแม่ลูกกำลังจะรุมเธอคนเดียวแล้ว
"ดี งั้นก็ดูนี่"
สนดึงรูปภาพที่คิดว่าสื่อความหมายได้ชัดเจนที่สุดสองรูปออกมาจากซองเอกสาร ยกขึ้นให้ทุกคนได้เห็นชัดๆ หลังจากที่แอบตามนินากับพี่ยศไปวันนั้น สนก็เอารูปไปอัดเป็นภาพขนาดใหญ่ไว้ แล้วก็เลือกสองรูปนี้มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ สองรูปนั้นเผยให้เห็นชัดเจนว่านินากำลังเดินโอบกอดกับผู้ชายอีกคนเข้าไปในโรงแรม ถ้าไม่เสียสติก็คงจะพอเดาได้แล้วว่าเหตุการณ์ในภาพนั้นหมายความว่าอย่างไร
"นี่มึงมีชู้หรือเนี่ย! อีผู้หญิงชั่ว! มึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
พ่อของสนตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธจัด จากที่รู้สึกรังเกียจอยู่แล้วก็ยิ่งขยะแขยงร้อยเท่าพันทวี รู้สึกเสียใจที่เคยอยากให้ลูกชายแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ แถมยังปล่อยให้ลูกทนทุกข์ทรมานอยู่กับผู้หญิงชั่วๆ คนนี้มาได้ตั้งเกือบสามปี
นินาได้แต่ยืนหน้าซีด แผนที่เธอเตรียมมาทั้งหมดก็คงจะพังคราวนี้เสียแล้ว แม่นะแม่ ถ้าให้นินายอมแพ้แล้วกลับบ้านไปตัวเปล่าตั้งแต่แรก เธอก็คงไม่ต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้!
TBC