บทที่ 6(Rewrite)
“จะดูเรื่องนี้!”
“ไม่ปัญญาอ่อน ดูเรื่องนี้ดีกว่า”
“ปัญญาอ่อนตรงไหน น่ารักจะตาย พี่เวทย์ตาถั่ว”
“เฮ้ย...ไอ้อ้วน ใครตาถั่ว...โตแล้วนะยังดูหนังติงต๊องอีก”
หนุ่มต่างวัย ต่างไซด์สามารถลดอายุตัวเองให้เท่ากันได้โดยการทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดงหน้าโรงหนังบนห้างดังโดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมา คนเขาก็มองมาอย่างขำๆว่าสองคนนี้ทำอะไรกัน มีบางส่วนที่เป็นเด็กวัยรุ่นหญิงหลายกลุ่มก็เหล่มองออร่าของผู้ชายหน้าตาดีสี่คน สามคนแลดูเป็นผู้ใหญ่ท่าทางเหมือนยืนคุมเชิงอยู่ข้างนอก ข้างในเป็นมวยคู่เอกระหว่างพี่ชายคนที่สี่กับน้องน้อยคนสุดท้องที่กำลังต่อยกันเมามัน เอ้ย...เถียงกัน จนเสียงชักเริ่มดังขึ้นเรื่อยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด จนพี่ชายสุดเซอร์พ่นเสียงออกมาหน่ายๆ
“พอกันที...ฉันไปนั่งละ” เจ้าตัวคงเบื่อเต็มที ความจริงคงไม่ได้เบื่อที่น้องสองคนเถียงกันเพราะเห็นบ่อย แต่รำคาญสายตาของ
คนนอกที่จ้องมาราวกับพวกเขาเป็นดาราหรืออะไรปานนั้น
พี่ชายคนรองผู้อ่อนโยนต้องมาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ เนื่องจากรู้ดีว่าถ้าพี่ใหญ่ออกโรงเมื่อไร เมื่อนั้นจอมเวทย์จะถึงคราวกาลอวสานเนื่องจากจอมราชันต้องเข้าข้างน้องน้อยเป็นที่สุด
“เอาน่าๆ ใจเย็นค่อยพูดกัน เสียงดังแล้วเห็นไหม” ศัลยแพทย์หนุ่มกำลังคิดว่าตัวเองควรจะทำอาชีพเสริมเป็นกรรมการห้ามมวย ถ้าจะเข้าท่า
เจ้าลูกหมูสะบัดบ๊อบใส่จอมเวทย์แล้วเดินไปอ้อนพี่คนโตที่รู้ดีว่าได้ผลเป็นที่สุด
“พี่ราชันจ้า ใจอยากดูเรื่องนี้ นะ...น้า...” เจ้าหนูชี้มือไปที่โปสเตอร์หนังการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องดังที่เพิ่งเข้าโรงได้ไม่นาน
จอมเวทย์เริ่มยืนไม่ติดเมื่อรู้ว่าเมื่อพี่ชายใหญ่ถูกอ้อนเมื่อไร เขานั่นแหละจะไม่ได้ตามที่หวัง เพราะจอมราชันตามใจน้องน้อยเรื่อยไป
...ไอ้อ้วนเสียเด็กก็เพราะแบบนี้แหละ ใครก็ตามใจ...
“พี่ผมว่าเราดูเรื่องนี้ดีกว่า แอคชั่นมันกว่าเยอะ” คราวนี้เขาเริ่มโฆษณาหนังบ้าง ส่วนพี่ๆนั่นดูเรื่องไหนก็ได้ไม่ซีเรียส จนในที่สุดพี่คนรองแสนอ่อนโยนเข้าใจน้องก็เอ่ยแนะนำ
“เอาอย่างนี้สิ แยกโรงเลยไหม” แต่ทว่าเสียงของสองคนที่เถียงกันก่อนหน้าก็ขัดอีก
“ไม่!”
“แหม...ก็ถ้าแยกโรงก็เหมือนไม่ได้มาด้วยกัน อย่างนี้จะมากันหมดบ้านทำไม” เจ้าหนูให้เหตุผล
...ก็นานๆทีเขาจะได้เที่ยวเล่นกับพวกพี่ๆพร้อมกันแบบนี้ ใครจะยอมแยกกันเล่า...
“งั้นสรุปดูเรื่องนี่ก็แล้วกัน” สุดท้ายจอมพลจึงเสนอหนังแฟนตาซี เรื่องราวเกี่ยวกับแม่มด เวทย์มนตร์คาถา เนื่องจากเป็นแฟนตาซีแนวบู๊ซึ่งจอมเวทย์ชอบ และเป็นแนวที่น้องน้อยก็บ้านก็โปรดปรายเช่นกัน
เจ้าน้องทั้งสองพยักหน้างึกๆ ยอมรับขอเสนอ พี่ใหญ่จึงเข้าคิวต่อแถวซื้อบัตร จนในที่สุดร่างสูงใหญ่ก็เดินออกมาพร้อมตั๋วหนังห้าใบในมือ
“ดูรอบบ่ายสองละกัน จะได้ไปกินข้าวเที่ยงกันก่อน” พี่ใหญ่ยื่นตัวให้ดูเป็นรอบบ่ายสอง ที่นั่งแถวดีเสียด้วย น้องๆพยักหน้าเห็นด้วย พลางเดินไปหาพี่ชายคนที่สามที่นั่งเปื่อยอยู่ตรงเก้าอี้
“สรุป...เรียบร้อยนะ” เสียงทุ้มแหบถาม จอมพลพยักหน้าตอบ
ทั้งห้าคนจึงลงบันไดเลื่อนมาข้างล่างชั้นแรกที่เป็นส่วนของฟู๊ตคอร์ดและร้านอาหาร
เดินวนหาร้านอยู่สักพัก เจ้าหนูก็บอกว่าอยากกินบุฟเฟ่ชาบูชาบูที่ทีร้านชื่อดังมาเปิดสาขา ร้านชาบูที่มีควันหอมพวยพุ่งที่มีคนมายืนออต่อคิวมากมาย แต่ทุกคนก็ยังคงอดทนรอเพื่อของอร่อย ครอบครัวตัวจอมก็ยืนปะปนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แต่ด้วยความหล่อเหลา ออร่า หรืออะไรไม่ทราบทำให้ทั้งหมดดูโดดเด่นกว่าคนอื่น
พี่ชายคนโตอย่างจอมราชันยืนหน้าขรึม นัยน์ตาทรงพลังนั้นทำเอาสาวแท้สาวเทียมแทบจะอ่อนระทวยไปกองแถวนั้น พี่คนรองอย่างจอมพลก็ไม่น้อยหน้าความอ่อนโยนบนหน้าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์อ่อนๆสาดส่องให้ทุกคน ความเซอร์สุดติสของพี่ชายจอมทัพก็ทำให้คนอื่นเหลียวหลัง เพียงแต่เจ้าตัวชอบทำหน้าเบื่อโลกก็แค่นั้น ส่วนน้องคนที่สี่ก็ยืนยิ้มแยกเขี้ยวกัดกับน้องน้อยร่ำไปไม่ยอมเลิกรา เป็นไม้เบื่อเมามากี่ชาติก็ยังเป็นอยู่ยังงั้น
“บอกแล้วว่ากินพิซซ่าๆๆ มายืนรอร้านนี้นานจะตาย” จอมเวทย์กระซิบแยกเขี้ยวใส่เจ้าลูกหมูที่ยืนทำลอยหน้าลอยตา
“อะไรเล่า...ก็ใจอยากกินร้านนี้”
“เหอะ...พี่ราชันตามใจเราจนเคยตัว” พอเจ้าหนูได้ยินพี่เวทย์พาดพิงถึงพี่ใหญ่สุดที่รัก เจ้าตัวก็ทำหน้าโหดใส่พร้อมปกป้องสุดฤทธิ์
“อย่ามาว่าพี่ราชันนะ พี่ราชันน่ะใจดีแล้วก็ไม่เคยขัดใจใจเลยด้วย” เอาความจริงคือไม่มีพี่ๆคนไหนขัดใจน้องน้อยของบ้านเลยสักคน แม้แต่จอมเวทย์ที่ดูเหมือนชอบแกล้งแต่เข้าจริงก็ยอมน้องอยู่เรื่อยไป
รอได้สักพักก็ถึงคิวสักที เจ้าหนูนี่แทบเป็นลมเพราะหิวเกิน ร้านบุฟฟเฟ่ชาบูที่มีโต๊ะทั้งเคาน์เตอร์และโต๊ะรวมถูกจับจองเต็มไปหมด อาหารสดถูกลำเลียงขึ้นสายพานไหลไปตามโต๊ะของลูกค้าเพื่อความสะดวกและเสามารถเลือกหยิบได้ตามใจชอบ อาหารกินเล่นที่ถูกจัดไว้ด้านหนึ่งเพื่อนให้ลูกค้าได้เดินตักได้เลยก็มีสีสันน่ากิน ทั้งกุ้งเทมปุระ เกี๊ยวซ่า ซูชิ หรือแม้แต่ขนมหวานอย่างไอศกรีมก็มีให้เลือก เดินมาถึงโต๊ะที่พนักงานพามาก็จัดแจงนั่งลง โดยพี่ใหญ่เข้าไปนั่งในสุดติดกับสายพานตามด้วยน้องน้อยที่แทรกตัวเข้ามานั่งตามติดๆ ประกบท้ายด้วยพี่จอมพลคนใจดี อีกฝั่งจึงตกเป็นของจอมเวทย์และจอมทัพ
เจ้าหนูหยิบไอโฟนขึ้นมากดยุกยิก
“เช็กอินด้วยดีกว่า อิอิ” เจ้าลูกหมูกดเข้าเฟสบุ๊คของตัวเองแล้วทำการเช็กอินว่าตอนนี้อยู่ไหนพร้อมทั้งแท็กถึงพี่ๆทุกคนครบเซ็ต
...อยากอวดคนอื่นว่า...มาเที่ยวกับพี่ชายพร้อมหน้า อิอิ...
“ขี้อวด ขี้โม้นี่คือฉายาเราเลยนะ” จอมเวทย์เอ่ยล้อเลียน ซึ่งเจ้าหนูเลยเอื้อมมือไปตีแขนเบาๆ แล้วกลับมาเช็กเฟสต่อ ก่อนพี่
จอมพลเอ่ยว่าลุกไปตักอาหารทาเล่นได้เลย แล้วเจ้าตัวก็เดินออกไปพร้อมกับจอมเวทย์ ส่วนน้องน้อยก็ยังขอเช็กเฟสอีกครู่ก่อนลุกไปบ้าง จึงเหลือแค่พี่ชายคนโตสุดขรึมกับพี่ชายคนที่สามจอมเงียบที่นั่งจดจ้องควันน้ำซุกที่พุ่งขึ้นมาจากน้ำเดือดราวกับมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
สามคนที่ลุกไปตักอาหารทานเล่นกลับมาด้วยมือที่เต็มไปด้วยของทอด ซูชิคนละจานสองจาน วางจานลงบนโต๊ะ แล้วเริ่มลงมือคีบตะเกียบกันยกใหญ่ คราวนี้พี่ใหญ่เริ่มหยิบของสดบนสายพานที่ไหลไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน ทั้งหมูสไลด์ชวนน้ำลายสอ ผักกาดและอื่นๆเพิ่มสีสันให้หม้อชาบูและเพื่อสุขภาพ อาหารทะเลน่าอร่อยมากมาย เจ้าหนูรับจานมาปุปก็เอาตะเกียบกวาดทุกอย่างลงหมอทันที จนตอนนี้เต็มไปด้วยของสดลอยล่องอยู่ในหม้อ รอจนสุกก็ตักใส่ชามแล้วคีบเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับอย่างเอร็ดอร่อย ดูมีความสุข
พี่ใหญ่ก็คอยดูว่าของสดหมดหรือยัง ถ้าหมดก็ค่อยทยอยหยิบมาเพิ่มให้
“พี่ราชันใจอยากชิมลูกชิ้นแองกรี้เบิร์ดๆๆๆ” เจ้าหนูเขย่าแขนพี่ชายเมื่อตากลมโตเห็นจานใส่ลูกชิ้นทำลายเป็นรูปนกขี้โมโหบนเกมส์ยอดฮิตที่กำลังไหลผ่านโต๊ะไป มือใหญ่คว้าหมับเอาไว้ทันแล้วนำมาวางตรงหน้าเจ้าหนู เจ้าตัวยิ้มตาหยีเอ่ยคำขอบคุณ แล้วคีบลงหม้อต้มไป กินจนอิ่มหนำก็ถึงเวลาจ่ายเงิน พี่ใหญ่จึงล้วงกระเป๋าเงินจากกางเกง หยิบบัตรเครดิตการ์ดแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ น้องๆคนอื่นก็ค่อยเคลื่อนตัวออกมาด้วยสภาพลำบากเนื่องจากอิ่มมาก
ดูเวลาที่นาฬิกาเกือบจะเวลาฉายหนัง ทั้งห้าคนจึงกลับขึ้นมาที่ชั้นโรงหนังอีกครั้ง เดินเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฉายหนังยาว ยืนรอจนสักพักคนก็เริ่มทยอยเข้าโรงกัน บ้านตระกูลจอมจึงเดินเข้าไปบ้าง
พี่ใหญ่จับมือน้องน้อยเดินอย่างมั่นคง เนื่องจากกลัวน้องเดินหกล้มเพราะมันมืดพอสมควร เดินมาจนถึงแถวที่นั่งค่อยๆเรียงแถวตรงเข้าไปที่นั่ง จอมทัพเดินเข้าไปนั่งตามด้วยจอมเวทย์ เจ้าลูกหมูเข้าไปนั่งตรงกลาง พี่จอมพล และปิดท้ายด้วยพี่ใหญ่ของบ้าน หนังตัวอย่างฉายวนไปเรื่อยๆ จนเพลงสรรเสริญพระบารมีดัง คนทั้งโรงก็กันพรึบ เมื่อหนังเริ่มฉาย เจ้าหนูก็ดูจะตั้งใจดูมาก พี่ๆคนอื่นๆก็ดูตามปกติ มีเพียงแค่พี่ชายสถาปนิกคนที่สามที่ดูเหมือนจะไปเฝ้าพระอินทร์ที่เขาไกรลาสก่อนเพื่อนเลย
หนังตื่นเต้นทำเอาเจ้าหนูนั่งไม่ติด คว้ามือเรียวสวยของพี่พลมาบีบอยู่เรื่อยๆ พี่ชายแสนดีก็ไม่ว่าแถมลูบหัวลูบหางด้วย จนหนังจบ ก็เริ่มทยอยออกกัน เจ้าหนูดันปวดฉี่เลยเลี่ยงมาเข้าห้องน้ำ ส่วนพี่ออกไปรอด้านนอก
ทั้งห้าจอมก็เดินเล่นกันอีกสักพักก่อนจะได้เวลา พี่ใหญ่ก็ต้อนน้องๆกลับบ้านกันได้แล้ว
TBC.