[novel] เรื่องวุ่นวาย ของนายเด็กดื้อ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] เรื่องวุ่นวาย ของนายเด็กดื้อ  (อ่าน 287307 ครั้ง)

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
 :freeze: ลู คี เมีย ..........  o22 :sad5: :sad3:

เฮ้อ  ความสุขมันอยู่กะเราไม่นานจริงๆๆๆ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

ไม่ว่าอะไรในโลกนี้ มันมีจุดจบของมันเอง

รออ่านต่อไปนะ

มารีดึกไปหน่อย ไปดูปามมี่มาอ่า.....

 :teach:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
สงสารพี่อาร์ทจังเลย  :m15:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
แบงค์อ่า.......
ทำไมทำแบบนี้ล่ะ
ไม่สงสารตัวเองก็น่าจะสงสารคนที่เรารักและรักเราบ้างน้า :sad4:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
สงสารพี่อาร์ท สงสารกาว สงสารพี่ตั้ม
สงสารคนที่รักแบงค์ทุกคน
 :m15: :m15: :m15:

เอ๊ะ...แล้วเราไม่สงสารแบงค์หรอ  :confuse:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
มะเร็งเม็ดเลือดขาว เหรอ หว๋ายยย  :m15:


ว่าแต่โรคนี้มันรักษาหายได้ป่าวอ่ะ  ม่ะมีความรู้เรื่องนี้....

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อะไรๆดูเหมือนจะมีความสุขแล้วเชียว

 :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2
อืมแล้วโรคนี้มันสามารถรักษาได้ป่าวคับ :o7:

ใครรู้ช่วยตอบหน่อย :sad2: :

ออฟไลน์ pajaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-5
******************************
บทที่ 67 มันต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้สิ

“ทางโรงพยาบาลบอกว่า  ได้ตรวจพบนานมาแล้วว่าแบ๊งค์เป็นลูคิเมีย   และพยายามติดต่อที่จะคุยกับแบ๊งค์

“แต่แบ๊งค์ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด”   พี่อาร์ทพูดพลางร้องไห้

“.....................”   แบ๊งค์นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร

“แบ๊งค์.....มันเกิดตั้งแต่วันนั้นใช่มั้ย  วันที่เราพาแบ๊งค์ไปโรงพยาบาล”   กาวเข้ามาเขย่าตัวแบ๊งค์ครับ

“.......................”   แบ๊งค์พยักหน้า  แทนคำตอบ  ตอนนี้แบ๊งค์ไม่อยากพูดอะไรเลยจริง ๆ

“ทำไมแบ๊งค์ไม่บอกเรา  เราบอกแล้วใช่มั้ยว่ามีอะไรให้บอก”   กาวเขย่าตัวแบ๊งค์  แล้วทรุดตัวลงนั่งร้องไห้กับพื้นโดนมีพี่ตั้มเข้าปลอบ

“แบ๊งค์ขอโทษ   แบ๊งค์ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง”  แบ๊งค์กล่าวออกมา

“แบ๊งค์ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงอย่างนั้นน่ะหรอรู้มั้ยยิ่งแบ๊งค์ทำแบบนี้น่ะ  มันยิ่งทำให้ทุกคนเป็นห่วง”    ปรินซ์พูดขึ้นบ้างครับ

“กลับกันได้แล้ว   วันนี้แบ๊งค์ต้องกลับไปหาหมอที่กรุงเทพฯ”   พี่อาร์ทลุกขึ้นแล้วพูดครับ

“แต่..............”   แบ๊งค์กำลังจะขออยู่ต่อที่นี่

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”  พี่อาร์ทตะคอกออกมาครับ

“ตั้ม  แมค กาว ปรินซ์  กลับไปเก็บของที่บ้านก่อนนะเดี๋ยวที่นี่ พี่จัดการเอง”   พี่อาร์ทพูด  แล้วทุก ๆ คนก็แยกย้ายกันออกไป  พี่อาร์ทคงออกไปจ่ายเงินค่ารักษาแบ๊งค์ล่ะมั้ง   ตอนนี้ก็เลยมีแค่แบ๊งค์ที่อยู่คนเดียวในห้อง
.
.
.
ตลอดทางตั้งแต่หัวหิน  จนถึงกรุงเทพฯ   แบ๊งค์กับพี่อาร์ทไม่ได้ปริปากพูดคุยอะไรกันแม้แต่คำเดียว  แบ๊งค์เอาแต่ร้องไห้มาตลอดทาง  ร้องจนตอนนี้รู้สึกปวด ๆ ที่ตาแล้ว   พอมาถึงกรุงเทพฯ  พี่อาร์ทก็ขับรถเข้าไปยังโรงพยาบาลทันที  โดยมีพวกพี่ตั้ม  กาว แมค และปรินซ์ตามมาด้วย

พี่อาร์ทพาแบ๊งค์เข้าไปหาหมอที่ห้องตรวจครับ  โดยที่ทุกคนขอตามเข้ามาฟังผลด้วย  ซึ่งหมอก็ต้องยอมแต่โดยดี
หมอบอกว่าแบ๊งค์เป็นลูคิเมีย  หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั่นเอง  และตอนนี้แบ๊งค์เป็นอาการเริ่มแรก  ยังไม่แสดงอาการออกมามากเท่าไหร่  แต่หมอก็อยากให้แบ๊งค์อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด  แต่แบ๊งค์ก็พยายามที่จะเลี่ยงตลอดมา

หมอบอกว่าโรคที่แบ๊งค์เป็น ในตอนนี้เป็นอาการของลูคิเมียแบบเฉียบพลัน  ซึ่งไม่สามารถจะระบุได้  ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่  จึงอยากให้อยู่ใกล้แพทย์ให้มากที่สุด  เพราะถ้าเกิดโรคนี้เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันแล้ว  หมอกลัวว่าจะรักษาได้ไม่ทันการณ์
การรักษาของโรคนี้มีอยู่ 2 วิธีคือการปลูกถ่ายไขกระดูก  หรือปลูกถ่าย stem cell  วิธีนี้เป็นวิธีที่สามารถทำให้โรคหายขาดได้  แต่ก็เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง    แล้วการปลูกถ่ายไขกระดูก  หรือ stem cell ก็ค่อนข้างยากลำบาก  เพราะต้องหาคนที่มีเนื้อเยื่อตรงกันเท่านั้น  ซึ่งโอกาสก็มีอยู่น้อยมาก 

ส่วนอีกวิธี  เป็นวิธีที่นิยมใช้แพร่หลายมากในการรักษาผู้ป่วยโรคลูคิเมียแบบเฉียบพลัน  นั่นก็คือการรักษาด้วยเคมีบำบัด  แต่วิธีนี้จะทำให้เชื้อเข้าสู้ระยะสงบเท่านั้น  กล่าวคือโรงคนี้จะกลับมาอีกหลังจากการรักษา ผ่านไป 3-9 เดือน และวิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างมีผลข้างเคียงสูง

ผู้ป่วยที่รักษาด้วยเคมีบำบัด  อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน  ผมร่วง และเม็ดเลือดต่ำลง  ทำให้ติดเชื้อง่าย และมีไข้   ระยะนี้เป็นระยะที่เกิดภาวะแทรกซ้อนและอันตรายถึงชีวิตได้ง่าย   ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องอยู่ในโรงพยาบาล  เพื่อให้ยาปฏิชีวนะ  และให้เลือดประมาณ 34 สัปดาห์  หลังจากนั้นหากไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนเชื้อก็จะเข้าสู่ระยะสงบ

ทุกคนต่างอึ้ง  เมื่อหมออธิบายจบ  โรคที่แบ๊งค์เป็นอยู่มีความเสี่ยงสูงมาก  ที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิต  และก็ไม่มีทางที่จะหายขาดจากโรคนี้ได้เลย   เพราะโรคนี้โอกาสที่จะหายมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น  นั่นก็คือการปลุกถ่ายไขกระดูก  แต่ก็เป็นการยากที่จะหาเนื้อเยื่อที่ตรงกัน

“คุณหมอครับ  ช่วยตรวจเนื้อเยื่อของผมได้มั้ยครับว่าตรงกับของน้องเค้ารึเปล่า  ถ้าตรง ก็ปลูกถ่ายไขกระดุกของผมไปได้เลย”  พี่อาร์ทอาสา

“ของผมด้วยครับ”  จากนั้นทุก ๆ คนก็พูดตาม ๆ กัน  คือให้หมดตรวดูเนื้อเยื่อ  เผื่อว่าจะมีของใครซักคนที่ตรงกลับแบ๊งค์บ้าง
สรุปแล้วว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  แบ๊งค์ต้องนอนอยู่แต่ในโงพยาบาลครับ  เพื่อรอดูอาการ  และเพื่อรอคอย  เผื่อว่ามีใครที่มีเนื้อเยื่อที่ตรงกัน  จะได้ทำการรักษาในทันที

ตอนนี้พี่อาร์ทโทรไปบอกทุกอย่างให้ทางบ้านแบ๊งค์รู้แล้ว  อีกไม่นานแม่แบ๊งค์ก็คงจะมาหาแบ๊งค์ที่กรุงเทพฯ   ไม่อยากให้ใครต้องห่วงแบ๊งค์แบบนี้เลยจริง ๆ
.
.
.
แบ๊งค์ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาครับ  ผ่านไปแล้วกับหนึ่งคืนในโรงพยาบาล แบ๊งค์เห็นทุก ๆ คนยังคงยืนอยู่รอบ ๆ ตัวแบ๊งค์  แล้วรู้สึกว่าแม่จะนั่งข้าง ๆ แบ๊งค์ 

“ตื่นแล้วหรอลูก”   เสียงแม่ถามไถ่มาด้วยความเป็นห่วงครับ  ตอนนี้เหมือนกับว่าแม่ของแบ๊งค์พยายามสะกดกลั้นน้ำตาอยู่   แต่แม่ก็ทำไม่ได้  น้ำตาก็ยังไหลออกมาอยู่ดี

“แม่ร้องไห้ทำไม   แบ๊งค์ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”  แบ๊งค์พยายามตอบออกไป  ทั้ง ๆ ที่แม่และทุกคนก็รู้หมดแล้วว่าอาการมันร้ายแรงขนาดไหน

“อืม....แม่รู้”   แล้วแม่ก็เอามือลูบหัวแบ๊งค์  แล้วร้องไห้ออกมาอีก  ตอนนี้ทุก ๆ คนในห้องเริ่มที่จะมีน้ำตาคลอ ๆ อยู่เหมือนกัน   ไอ้กาวมันคงกลั้นน้ำไว้ไม่ได้  เลยรีบวิ่งออกไปนอกห้อง  ส่วนคนอื่น ๆ ก็พยายามไม่มองมาที่แบ๊งค์  บางคนก็หลบมุมแอบเช็ดน้ำตาไป

“เดี๋ยวแบ๊งค์ก็หายแล้ว  ปีนี้แบ๊งค์จะกลับไปเล่นสงกรานต์ที่บ้านนะชวนเพื่อน ๆ แบ๊งค์ไปได้มั้ย”  ตอนนี้แบ๊งค์พูดไปยิ้มไป  แต่น้ำตาก็ไหลอาบแก้มไปด้วย

“อืม....ได้สิ  เดี๋ยวแม่จะทำอาหารเลี้ยงเอง”    แม่แบ๊งค์พูด ออกมา  แบ๊งค์เลยโผเข้ากอดแม่ซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง

“แม่...เอ่อ   คือแบ๊งค์กับพี่อาร์ท”   ตอนนี้แบ๊งค์กำลังอยากจะบอกแม่ว่า  แบ๊งค์กับพี่อาร์ท เป็นอะไรที่มากว่าพี่น้องกัน

“ไม่ต้องพูดแล้วลูก  แม่รู้เรื่องแล้วไม่เป็นไรหรอกนะ   แม่ไม่โกรธหรอก  ลูกพักผ่อนดีกว่านะ”   แม่พูด  พลางค่อย ๆ ดันแบ๊งค์ให้นอนลงกับเตียง

“เดี๋ยวพ่อกับแม่พี่เค้าก็จะมาเยี่ยมแบ๊งค์แล้วนะ”   พี่อาร์ทพูดครับ  ตอนนี้พี่อาร์ทก็มีน้ำตาไหลออกมาเหมือนกัน  อีกซักพัก  พ่อกับแม่ของพี่อาร์ทก็เข้ามาในห้อง

“เป็นไงบ้างลูก “  แม่พี่อาร์ทเดินเข้ามาหาแบ๊งค์พร้อมด้วยกระเช้าผลไม้ครับ

“พ่อครับ  แม่ครับ  นี่เป็นแม่ของน้องแบ๊งค์ครับ”   พี่อาร์ทแนะนำให้พ่อกับแม่ของพี่อาร์ท  รู้จักกับแม่ของแบ๊งค์

“ สวัสดีค่ะ”   แม่แบ๊งค์ยกมือไหว้ไป  พ่อกับแม่ของพี่อาร์ทก็รับไหว้

“เอ่อ...คุณครับ  ผมขอคุยด้วยหน่อยนะ”   พ่อพี่อาร์ทเรียกแม่แบ๊งค์ออกไปคุยข้างนอกครับ   แบ๊งค์ก็ได้แต่มองตาม ด้วยความอยากรู้ว่าพ่อพี่อาร์ทจะพูดอะไรกับแม่ของแบ๊งค์

“ไม่ต้องห่วงนะลูก  พ่อเค้าไปคุยเรื่องของลูกนี่แหละลูกต้องหายนะ  เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวแม่ออกให้เอง”   แม่ของพี่อาร์ทพูดครับ  แล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของแบ๊งค์เบา ๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  อย่าให้แบ๊งค์ต้องรบกวนคุณแม่เลย”   แบ๊งค์กล่าวขอบคุณไปครับ

“ไม่เป็นไรหรอกลูก   ยังไงลูกก็ต้องหายนะ”   แม่พี่อาร์ทพูดครับ  แบ๊งค์จ้องมองเข้าไปในแววตาของแม่พี่อาร์ท  มันเป็นแววตาที่ดูอบอุ่น  แต่ตอนนี้กลับมีน้ำใส ๆ เคลือบอยู่  ซึ่งน้ำใส ๆ นี้เตรียมที่จะไหลทะลักออกมาแล้ว  แม่พี่อาร์ทเลยเดินหนีออกไปก่อน  ราวกับว่าไม่อยากให้แบ๊งค์ต้องมาเห็นน้ำตา

“ไงไอ้ตัวเล็ก  คราวนี้หมดลายเลยนะ”   พี่ตั้มซึ่งปาดคราบน้ำตาออกไปหมดแล้วเข้ามาทัก

“หมดลายอะไรล่ะ  ถ้าแบ๊งค์ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่นะแบ๊งค์จะไปคิดบัญชีที่พี่ตั้มคนแรกเลย”    แบ๊งค์พูดครับ

“ยังไงก็พักผ่อนเยอะ ๆ นะแบ๊งค์พวกเรารอแบ๊งค์อยู่นะ”   แมคพูดครับ

“อืม.....รอไม่นานหรอก เดี๋ยวแบ๊งค์ก็ออกโรงพยาบาลแล้ว”  แบ๊งค์พูดปลอบทุกคน

“แล้วอย่าลืมคำพูดที่พูดไว้ล่ะ  แบ๊งค์ต้องออกจากโรงพยาบาลไว ๆ นะแล้วเราจะพาแบ๊งค์ไปทัวร์จตุจักรให้ได้เลย”   ปรินซ์พูดครับ

“ขอบใจนะ”   แบ๊งค์กล่าวขอบคุณไป  ตอนนี้แบ๊งค์เองก็เริ่มที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน   แล้วจู่ ๆ ไอ้กาวก็เดินเข้าห้องมาครับ  ตอนนี้ตาของมันดูแดง ๆ  พอแบ๊งค์มองไปที่มัน  มันก็ยิ้มกลับมาให้แบ๊งค์ครับ

“เป็นอะไรไปกาว  ตาดูแดง ๆ นะขี้แยจริง ๆ เลย นายคนนี้ ฮะฮะฮะ”   แบ๊งค์พยายามฝืนหัวเราะ หากแต่ยามนี้ไม่มีใครคิดที่จะหัวเราะตามไปกับแบ๊งค์เลยแม้แต่คนเดียว

“กาว   เข้ามายืนใกล้ ๆ แบ๊งค์สิ”   พี่อาร์ทเรียกกาวเข้ามาครับ  ไอ้กาวก็เลยเดินเข้ามายืนข้าง ๆ พี่อาร์ทที่ข้างเตียงของแบ๊งค์

“เมริงจะร้องไห้ทำไมวะ”  แบ๊งค์พูดแล้วเอามือจับมือ  ของไอ้กาวเอาไว้  ตอนนี้มันเริ่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้อีกรอบแล้วครับ  มันก็เลยระเบิดออกมา   มันร้องไห้ใหญ่เลย

“กาวไม่เอาน่า  อย่าร้อง ร้องไห้มาก ๆ เดี๋ยวเมริงไม่หล่อนะเว้ย”   แบ๊งค์พูด 

“อืม.....กรูส์จะพยายามไม่ร้องนะเว้ย”    ไอ้กาวพูดไว้แค่นั้น  แล้วก็หนีออกไปนอนห้องอีกครั้ง

“พี่ว่าแบ๊งค์นอนก่อนดีกว่านะ”  พี่อาร์ทพูดครับ

“อืมก็ได้........พี่อาร์ท”   แล้วแบ๊งค์ก็เรียกพี่อาร์ทอีกรอบ

“ครับมีอะไรหรอ”    พี่อาร์ทหันมามองหน้าแบ๊งค์

“ถ้าแบ๊งค์ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วอ่ะแบ๊งค์จะไปเสิร์ฟน้ำให้พี่อาร์ท  ที่สนามบาสทุกวันเลยนะ”   แบ๊งค์พูดครับ   ไม่มีเสียงตอบจากพี่อาร์ท   มีแต่น้ำตาที่ไหลออกมาจากตาของพี่อาร์ทแทนคำตอบ แล้วแบ๊งค์ก็ค่อย ๆ หลับไป
.
.
.
ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว     สรุปว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดน่ะ  พ่อกับแม่ของพี่อาร์ทจะเป็นคนออกให้   แม่แบ๊งค์ก็เลยขอบคุณพ่อกับแม่ของพี่อาร์ทซะยกใหญ่เลย  เหมือนกับว่าแม่ของแบ๊งค์กับแม่ของพี่อาร์ท  จะเข้ากันได้ดีด้วยนะ  ดีใจจัง
.
.
.
“อะไรนะครับหมอ  ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก  ตรวจผิดรึเปล่า”    เสียงพี่อาร์ทโวยวายครับ  แบ๊งค์เลยค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา  ตอนนี้มีแค่พี่อาร์ท  และกาวเท่านั้นที่เฝ้าไข้แบ๊งค์ 
 
“ตื่นแล้วหรอแบ๊งค์”   กาวค่อย ๆ เข้ามาพยุงแบ๊งค์ให้ลุกขึ้นนั่งครับ

“มีอะไรหรอ”   แบ๊งค์ถามกาวไป

“เอ่อ............”  ไอ้กาวไม่ยอมตอบครับ

“มีอะไรกันหรอครับ คุณหมอ”   แบ๊งค์เลยหนไปถามหมอแทน  ส่วนพี่อาร์ทตอนนี้  ลงไปนั่งที่โซฟาอย่างไม่พอใจแล้ว

“คือผลตรวจเนื้อเยื่อของเพื่อนคุณทุกคนออกมาแล้วน่ะครับผลปรากฏว่าไม่มีใครเลย  ที่มีเนื้อเยื่อตรงกับคุณ”   หมอพูด

“อ่ะ.........หรอครับ  ไม่เป็นไรครับ”    แบ๊งค์พูด  แล้วหมอก็เดินออกจากห้องไป

“พี่อาร์ท.....ไม่เอาน่า  อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”   แบ๊งค์พูด

“ก็จะให้พี่ไม่พอใจได้ยังไงล่ะ  มีคนตั้งมากมายแต่มันจะไม่มีใครที่มีเนื้อเยื่อตรงกับแบ๊งค์เลยหรอ”    พี่อาร์ทพูดอย่างไม่พอใจ

“คงจะเป็นเพราะความซวยของตัวแบ๊งค์เองก็ได้”   แบ๊งค์พูด

“แบ๊งค์.......อย่าพูดแบบนั้นสิ”    กาวห้ามครับ

“นี่ ๆ  พี่อาร์ท  กาว”   แบ๊งค์เรียกทั้งสองคนครับ

“แบ๊งค์ขออกไปเดินเล่นข้างนอกได้มั้ยอ่ะอยู่ในนี้นาน ๆ แล้วมันเบื่ออะ”    แบ๊งค์พูด

“แต่..........”  พี่อาร์ทอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

“นะครับ  ขอร้องล่ะ”   แบ๊งคืทำท่าขอร้อง

“พี่อาร์ทครับ  ให้แบ๊งค์ออกไปบ้างนะครับ “   กาวพูด

“อืม  เอางั้นก็ได้”   พี่อาร์ทพูด

“งั้นเดี๋ยวแบ๊งค์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”    แล้วแบ๊งค์ก็ค่อย ๆ ลุกไปเข้าห้องน้ำ  โดยมีพี่อาร์ทและกาวคอยพยุง   
 
แบ๊งค์ยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ   ตอนนี้แบ๊งค์ดูซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด   ผิวของแบ๊งค์จากที่เคยเป็นผิวสีออกน้ำตาลอ่อน ๆ  ตอนนี้กลับกลายเป็นสีคล้ำซีด   เฮ้อ~~~เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ

แบ๊งค์ค่อยเดินออกมาจากห้องน้ำครับ   เราสามคนเดินเล่นที่สวนหย่อมของโรงพยาบาล  ก็เห็นคนไข้อยู่หลายคนเหมือนกัน  ที่ออกมาเดินเล่นที่สวนหย่อมตรงนี้  ขณะที่เดินไป  อยู่ ๆ แบ๊งค์ก็รู้สึกไม่มีแรง  แล้วก็ล้มลงไป

“แบ๊งค์   แบ๊งค์”   พี่อาร์ทประคองเอาไว้ 

“เดี๋ยวผมไปตามพยาบาลนะครับ”   ไอ้กาวพูดแล้ววิ่งไป  จากนั้นแบ๊งค์ก็ไม่รู้เรื่องอีกเลย
***************************************
 :m15: :m15:

 :bye2:


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
บีบหัวจายจริง ๆ  :sad2:  :sad2:  :sad2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ง่า........ :sad2: :sad2:

เศร้าจายยยยยยยยยยยยยยยยย :o12:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
แบงค์ สู้นะครับ

ทุกคนเป็นห่วง
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
สู้ สู้ เป็นกำลังใจ

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าสุดชีวิต
 :sad2: :sad4: :dont2: :o7:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ทำไมไม่ลองของพ่อแม่ แล้วก็ญาติๆก่อนหล่ะ
 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2
ทามมายมานส้าวแบบนี้ :o7: :o7:

แบงค์ต้องหายแน่ๆ ใช่ป่ะคับ


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เศร้า   o7

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

แบงค์ต้องหายนะ ไม่ง้านเศร้าตายแน่เลย

 :teach:

MyLoveMyBabe

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปน้ำตาแอบซึมเล้กน้อย   :m15:

ขอให้เจอ stem cell ที่เข้ากันได้นะครับ

ออฟไลน์ pajaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-5
วันนี้ผมลงให้ถึงตอนจบเลยนะคับ จะได้ไม่ขาดช่วงเนอะ

*******************************
บทที่ 68 แบ๊งค์ต้องไม่ไปไหนนะ

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น  แบ๊งค์ก็ถูกเข้มงวดมากขึ้น   ปรากฏว่าตอนนี้แบ๊งค์ได้แสดงอาการของโรคลูกคิเมียเฉียบพลันออกมาแล้ว    เพราะช่วงนี้  แบ๊งค์จะตัวซีดเอามาก ๆ  แล้วยังมีอาการไข้ขึ้นสูงอยู่บ่อย ๆ ด้วย  หมอก็เลยลงความเห็นให้แบ๊งค์รักษาด้วยเคมีบำบัด  หรือที่เราเรียกกันโดยทั่วไป   ว่าทำคีโมนั่นแหละ

การทำคีโมจะทำโดยการ  ฉีดสารเคมีอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ    ในปริมาณค่อนข้างสูงเข้าสู่เส้นเลือด    มันเจ็บมาก   เจ็บเกินกว่าจะบรรยายออกมา  แบ๊งค์พยายามจะไม่แสดงอาการให้ทุกคนรับรู้   เพราะตอนนี้แบ๊งค์เห็นทุก ๆ คน  ทั้งแม่แบ๊งค์  แม่พี่อาร์ท   พี่อาร์ท  กาว พี่ตั้ม  แมค และปรินซ์  กำลังมองมาอย่างสงสารอยู่

แบ๊งค์เอามือจิกผ้าปูเตียงที่กำลังนอนอยู่  ราวกับจะฉีกให้ขาดออกเป็นชิ้น ๆ   เพื่อที่จะสะกดกลั้นความเจ็บไม่ให้ใครรับรู้   แต่ผลสุดท้ายแบ๊งค์ก็ทำไม่ได้   ต้องร้องแผดเสียงออกมาดังไปทั่วห้อง 

แบ๊งค์เห็นเหมือนกับว่าแม่ของแบ๊งค์  กับแม่ของพี่อาร์ทจะมีน้ำตาไหลอาบแก้ม  ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง   ท่านคงรับไม่ได้มั้ง  ที่ต้องเห็นแบ๊งค์ทรมานแบบนี้  ตอนนี้ก็เลยเหลือแต่พวกเพื่อน ๆ พี่ ๆ ของแบ๊งค์ที่กำลังจ้องมองดูวิธีการรักษาแบ๊งค์ในครั้งนี้อยู่  แล้วแบ๊งค์ก็หลับไปด้วยอาการเจ็บปวด
.
.
.
ช่วงนี้เป็นระยะเฝ้าระวัง  เพื่อไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อน  แบ๊งค์เลยถูกจำกัดบริเวณให้อยู่ภายในห้อง  จะออกจากห้องได้ก็เฉพาะเวลาที่ไปรับยาปฏิชีวนะ  และไปรับเลือดก็เท่านั้น

“พี่อาร์ท   แบ๊งค์อยากออกไปข้างนอกบ้างอ่ะ”   แบ๊งค์พูด

“ไม่ได้นะครับ  ตอนนี้แบ๊งค์ต้องพักผ่อนเยอะ”   พี่อาร์ทพูด

“น่าเบื่อจะตาย    พี่ตั้มแบ๊งค์อยากกินโจ๊กที่ข้างมหาวิทยาลัยอ่ะ”   แบ๊งค์เลยหันไปหาพี่ตั้มบ้าง

“เอาไว้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่  พี่จะพาไปนะ”    พี่ตั้มพูด

“โอยย ๆๆๆๆ  ทำไมน่าเบื่อแบบนี้เนี่ย”    แบ๊งค์เริ่มเครียดครับ

“แล้ววันนี้  กาว  แมค ปรินซ์ล่ะ  ไปอยู่ไหน”    แบ๊งค์ถามครับ

“สามคนนั้นเค้าไม่ว่างน่ะ  มีธุระนิดหน่อย”    พี่อาร์ทตอบครับ

“เมื่อไหร่แบ๊งค์จะได้ออกจากโรงพยาบาลนี่ซะทีอ่ะพี่อาร์ท”   แบ๊งค์หันไปพูดกับพี่อาร์ทแทน

“รออีกหน่อยนะ  เดี๋ยวอีกไม่กี่สัปดาห์  ก็ได้ออกไปแล้ว”   พี่อาร์ทพูด  แล้วยิ้มให้แบ๊งค์

“ก็รีบหายไว ๆ สิ  ไอ้เด็กดื้อ”   พี่ตั้มพูดครับ

“เดี๋ยวก็หายแล้วน่า”    แบ๊งค์พูด

“เฮ้อ~~~อยากเห็นตัวเองในกระจกจัง”   แบ๊งค์พูด

“ทำไมล่ะแบ๊งค์”  พี่อาร์ทถาม

“แบ๊งค์คงดูน่าเกลียดกว่าเดินแยะเลยเนอะตัวก็ผอม  จนตอนนี้จะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้วตัวยังซีดเป็นไก่ต้มอีก   แล้วไหนยังจะผมร่วงอีกล่ะ”   แบ๊งค์ยื่นแขนออกไป  แล้วมองดูแขนของตนเอง  แล้วเปลี่ยนเอามือมาลูบศีรษะตัวเอง   ซึ่งได้มีผมกระจุกหนึ่ง  ติดออกมาด้วย

“ดูสิ   ผมร่วงอีกแล้ว   สงสัยงานนี้ได้หัวล้านแน่ ๆ เลย ฮะฮะฮะ”   แบ๊งค์หยิบกระจุกผมนั้นขึ้นมาดู  แล้วหัวเราะ   แต่ว่าคนรอบข้าง ไม่มีใครหัวเราะกับแบ๊งค์เลย   ทั้งพี่ตั้มและพี่อาร์ทกลับมีน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม  แทนเสียงหัวเราะ

ตอนนี้แบ๊งค์ต้องออกไปรับเลือดอีกแล้วล่ะสิ  ไม่อยากไปเลย  แต่ก็ต้องจำใจไป  เพราะทั้งพี่อาร์ท  พี่ตั้ม และใครต่อใคร  บังคับแบ๊งค์ให้ไป
.
.
.
ผ่านมาอีก 1 อาทิตย์ ตอนนี้ผมแบ๊งค์ร่วงจนหมดหัวแล้วล่ะ   ไม่เหลือซักเส้นเลย  เฮ้อ~~~กลายเป็นคนหัวโล้นไปเลย  ในอาทิตย์ที่ผ่านม่าอ่ะ  พี่นุ่น  พี่ตี๋  พี่ปอย  เค้าแวะมาเยี่ยมเยียนแบ๊งค์ด้วย   อายจัง  ต้องอยู่ในสภาพนี้   พอมาถึง  ทั้งสามคนก็มีอาการเหมือนกันหมดเลย  ไม่รู้เป็นอะไรกัน  ใครมาเห็นแบ๊งค์เป็นต้องร้องไห้ทุกราย

อีกกี่อาทิตย์กันนะ  ที่แบ๊งค์จะได้ออกจากโรงพยาบาลเนี่ย  อุ๊ก!!!!!!  อยู่ดี ๆ แบ๊งค์ก็รู้สึกอยากอ้วกครับ  ตอนนี้มีกาวอยู่ในห้องเพียงคนเดียว  พี่อาร์ทเค้าลงไปซื้อขนมมาให้แบ๊งค์น่ะ

“เฮ้ยยยย  แบ๊งค์  จะไปไหนน่ะ”  ไอ้กาวเรียกครับ  เมื่อเห็นแบ๊งค์กระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำ   ตอนนี้แบ๊งค์อ้วกออกมาเต็มไปหมดเลย  คงเป็นผลข้างเคียงจากการทำคีโมน่ะ

“เป็นอะไรมากมั้ย”   ไอ้กาวมันมาลูบหลังให้ครับ

“ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”   แบ๊งค์พุด  แล้วลุกขึ้นไปล้างปาก  ตอนนี้แบ๊งค์ยืนจ้องมองไปที่กระจก    แบ๊งค์สวมหมวกไหมพรมเอาไว้  เพราะตอนนี้น่ะ  แบ๊งค์หัวโล้นไม่มีผมซักเส้น  คิดไปคิดมาก็ตลกดีนะ   ส่วนตามเนื้อตัวก็เป็นสีซีด ๆ ออกเขียว ๆ แล้วยังมีจ้ำม่วง ๆ ขึ้นตามตัวด้วย   แบ๊งค์ดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัดเลย   เหมือนจะเป็นหนังหุ้มกระดูกน่ะ  เมื่อก่อนแบ๊งค์เคยกลัวที่จะอ้วนนะ  แต่ผอมขนาดนี้ก็คงไม่ไหวหรอกนะ  เฮ้อ~~~น่าเกลียดชะมันเลยเรา 
   
“ไปนอนได้แล้วแบ๊งค์เดี๋ยวพี่อาร์ทก็กลับมาแล้ว”  กาวพูดครับ  แบ๊งค์ก็เลยค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ  ระหว่างที่กำลังจะขึ้นไปนอนบนเตียง  แบ๊งค์ก็รู้สึกหมดแรง   แล้วเหมือนกับว่าแบ๊งค์จะล้มไป

“เฮ้ยยยยย  แบ๊งค์ !!!!!!”   ไอ้กาวพยุงแบ๊งค์เอาไว้  แล้วอุ้มแบ๊งค์ไปวางบนเตียงครับ

“ก......กาว...........วว”   แบ๊งค์เรียกออกมาอย่างแผ่วเบา    ภาพสุดท้ายที่แบ๊งค์เห็นก็คือ  ภาพไอ้กาวกดสวิตช์เรียกพยาบาลให้เข้ามาในห้อง.....
.
.
.
ผมลงไปซื้อขนมให้แบ๊งค์ครับ  เห็นบ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากกิน     สงสารเค้าเหมือนกันนะครับ  ที่ต้องมาเป็นแบบนี้ระหว่างทางที่กำลังเดินจะกลับเข้าห้อง   ก็เห็น พยาบาล  และบุรุษพยาบาลวิ่งน้ำหน้าผมไปซัก 3-4 คน  สงสัยจะมีใครเป็นอะไรแน่ ๆ
แต่ภาพที่ทำให้ผมหัวใจต้องหล่นวูบไปก็คือ  กลุ่มคนเหล่านั้นวิ่งเข้าไปในห้องของแบ๊งค์ครับ  ถุงขนมที่ผมตั้งใจจะซื้อมาให้แบ๊งค์หลุดร่วงลงจากมือ   แล้วพยาบาลก็ค่อย ๆ เข็นเตียงแบ๊งค์ออกมาครับ  โดยมีกาวตามออกมาด้วย

“พี่อาร์ท   แบ๊งค์..............”   กาวพยายามจะพูดครับ  แต่มันคงพูดอะไรไม่ออก  ผมเห็นกาวเอาแต่ร้องไห้   ผมเองก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน 

“แบ๊งค์......แบ๊งค์ตื่นมาคุยกับพี่นะครับ”      ผมวิ่งตามเตียงนั่นไปด้วย   แต่แบ๊งค์ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ    แล้วเตียงของแบ๊งค์ก็ถูกเข็นเข้าห้อง  ICU ไป

“กาว....แบ๊งค์เป็นอะไรไปหรอ”     ผมถามกาวด้วยเสียงเรียบ ๆ  ผมคงตกใจจนช็อคไปซะแล้ว  ตอนนี้น้ำตาของผมเริ่มไหลตามมา  แต่ผมก็ยังคงนิ่งอยู่

“ผมไม่รู้   อยู่ดี ๆ แบ๊งค์ก็ล้มไป”    กาวพยายามตอบออกมา  ทั้งที่ตัวเองยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่  ผมค่อย ๆ หยิบโทรศัพท์มาไล่โทรบอกทุก ๆ คน  อีกซักพัก  เพื่อน ๆ รวมทั้งพ่อกับแม่ของผม  และแม่ของน้องแบ๊งค์ก็มาจนเต็มหน้าห้อง ICU 
ทุกคนมีอาการไม่ต่างไปจากผมและกาวเลย  ทุกคนมีน้ำตาไหลอาบแก้ม  มาด้วยความเศร้าโศก  และความช็อค   เรารอกันอยู่ซักพัก  คุณหมอก็ออกมา เราทุกคนก็กรูเข้าหาหมอในทันที

“เป็นยังไงบ้างครับ  น้องเค้าเป็นอะไรครับ”   ผมถามไป

“ลูกชายดิฉันเป็นเป็นไงบ้างคะ”   แม่น้องแบ๊งค์ถามด้วยครับ

“เอ่อ.........”   หมอไม่ตอบอะไรครับ

“บอกมาสิครับ  ว่าน้องเค้าเป็นอะไร”   ไอ้ตั้มมันโวยวายครับ

“คนไข้มีอาการของโรคแทรกซ้อนครับ  ตอนนี้ผมให้เค้าอยู่ให้ห้องปลอดเชื้อผมพยายามเต็มที่แล้ว  แต่ผมก็ไม่รับรองนะครับว่าเค้าจะอยู่กับเราได้นานเท่าไหร่”   หมอพูดออกมาครับ   พอหมอพูด  ทั้งแม่ของแบ๊งค์และแม่ของผมต่างก็เป็นลมไปพร้อม ๆ กัน  ทุก ๆ คนก็เลยค่อย ๆ พยุงให้มานั่งที่เก้าอี้หน้าห้อง ICU

ผมยืนจ้องมองผ่านช่องประตูห้อง ICU เข้าไป   แบ๊งค์จะเป็นยังไงบ้างนะ   ไม่น่า.....อาการของแบ๊งค์ต้องไม่ร้ายแรงแบบนี้  แล้วพยาบาลคนหนึ่งก็ออกมาบอกครับ  ว่าตอนนี้แบ๊งค์รู้สึกตัวแล้ว

พ่อกับแม่ของผม  และแม่ของแบ๊งค์ได้เข้าไปเยี่ยมเป็นชุดแรก   ท่านทั้งสามเข้าไปอยู่นานพอสมควร   แล้วพ่อกับแม่ผมก็ออกมา  โดยบอกว่าอยากให้แม่กับลูกได้อยู่กันตามลำพัง    อีกซักพักใหญ่ ๆ  แม่ของแบ๊งค์ก็ออกมาพร้อมกับคราบน้ำตา  ดูท่าทางท่านจะเสียใจมาก

แล้วชุดที่สองก็ตามเข้าไป  มีนุ่น  ปอย  และตี๋ครับ    นุ่นดูอาการหนักกว่าเพื่อน    เพราะนุ่นดูตาบวม ๆ คงร้องไห้มานานแล้วแน่ ๆ เลย

แล้วชุดที่สามก็ได้เข้าไป   โดยมีตั้ม  กาว  ปรินซ์  และแมค   ทั้งหมดเข้าไปด้วยอาการเศร้าสร้อย    แล้วก็ตามคาดครับ  ทุกคนออกจากห้องปลอดเชื้อด้วยอาการเดียวกัน  คือตาที่แดงราวกับคนที่ร้องไห้มาเป็นชั่วโมง ๆ  ชุดนี้กาวหนีออกมาก่อนครับ  โดยอ้างว่า  สงสารแบ๊งค์มาก  ไม่อยากเห็นแบ๊งค์ในสภาพนี้ก็เลยขอออกมาก่อน    แล้วในที่สุด  ก็ถึงคิวของผม

“อาร์ท  ฝากน้องด้วยนะลูก”   แม่ของแบ๊งค์พูดขึ้นครับ

“ครับ........”   ผมรับคำแล้วเดินเข้าห้องไป.
.
.
.
ตอนนี้แบ๊งค์เริ่มรู้สึกตัวแล้ว   แบ๊งค์อยู่ที่ไหนเนี่ย  ทำไมมีสายระโยงรยางค์เต็มตัวแบ๊งค์ไปหมด   เกิดอะไรขึ้นกับแบ๊งค์กันแน่   แบ๊งค์เหลือบตาไปมองพยาบาลคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่ปลายเตียง พอเค้าเห็นแบ๊งค์ลืมตา  เท่านั้นแหละ  เค้าก็วิ่งออกไปเลย  จะวิ่งไปไหนกันนะ

ซักพัก  แบ๊งค์ก็เห็นแม่ของแบ๊งค์และ  พ่อกับแม่ของพี่อาร์ทเดินเข้ามา  ทุกคนอยู่ในชุดคลุมและหมวกเก็บผม   สงสัยแบ๊งค์ต้องอยู่ให้ห้องปลอดเชื้อแน่ ๆ เลย  พอแบ๊งค์เห็นพ่อกับแม่ของพี่อาร์ท  แบ๊งค์ก็พยายามจะยกมือไหว้  แต่ทำไมนะ  แขนมันไม่มีแรงเลย

“ไม่ต้องหรอกลูก  แค่ลูกตื่นมาคุยได้แค่นี้ก็ดีแล้ว”   แม่พี่อาร์ทพูดครับ

“ค....ครับ”   แบ๊งค์ตอบออกไป  ทำเสียงแบ๊งค์มันแหบแห้งแบบนี้เนี่ย  อยากจะพูดออกไปแต่กลับไม่มีเสียงซะงั้น

“เอาไว้ถ้าหายแล้วไปเที่ยวบ้านพ่อกับแม่อีกนะลูก”   พ่อพี่อาร์ทพูดครับ

“......................”   แบ๊งค์ไม่สามารถพูดอะไรได้  ก็เลยได้แต่พยักหน้าไป

“รีบ ๆ หายนะลูก  แม่จะได้เตรียมบ้านให้ลูกพาเพื่อน  ๆ ไปเล่นสงกรานต์กันไง”  แม่แบ๊งค์พูดครับ  ตอนนี้แม่ร้องไห้ไปด้วย  แล้วพ่อกับแม่ของพี่อาร์ทก็ยืนพูดคุยกับแบ๊งค์อยู่ซักพัก  แล้วเดินออกจาห้องไป  ปล่อยให้แบ๊งค์อยู่กับแม่แค่สองคน

“เข้มแข้งไว้นะลูก  แล้วเราจะได้กลับไปเชียงใหม่ด้วยกัน”    แม่แบ๊งค์พูด

“..อ.......อืม....”   แบ๊งค์ค่อย ๆ ตอบออกไป   แม่แบ๊งค์นั่งจับมือแบ๊งค์  แล้วพูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยทำด้วยกัน  อย่างเมื่อก่อนน่ะ  แบ๊งค์ชอบไปเดินซื้อเสื้อผ้ากับแม่  ก็ช่วย ๆ กันดูนั่นแหละแบ๊งค์ช่วยดูให้แม่ว่าอันไหนเหมาะ  ส่วนแม่ก็ช่วยดูว่าอันไหนเหมาะกับแบ๊งค์

คิดแล้วก็อยากไปด้วยกันอีกครั้งจังเลย  เมื่อไหร่แบ๊งค์จะหายนะ  จะได้ไปทำอย่างนั้นอีก แม่รอแบ๊งค์หน่อยนะ  แบ๊งค์จะรีบ ๆ หาย  แล้วเราจะได้เดินเที่ยวด้วยกันอีก

“แม่ออกไปก่อนนะลูก  มีเพื่อน ๆ มาเยี่ยมอีกเยอะเลย”   แม่แบ๊งค์พูด  ก่อนจะออกไปท่านหันมายิ้มให้แบ๊งค์หนึ่งที  มันเป็นยิ้มที่อบอุ่น  แล้วสวยที่สุดเสมอสำหรับแบ๊งค์

อักซักพัก  ก็เป็นพี่นุ่น  พี่ตี๋  พี่ปอย  เข้ามากัน 3 คนครับ 

“แบ๊งค์~~~~”   เสียงพี่นุ่นเรียกครับ 

“.....................”   แบ๊งค์เลยพยักหน้าไป  แล้วพี่ ๆ ทั้งสามก็เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียงแบ๊งค์  โดยมีพี่นุ่นจับมือแบ๊งค์เอาไว้

“แบ๊งค์ต้องหายไว ๆ นะ   เราจะได้ไปเล่นเกมด้วยกัน”   พี่นุ่นพูด

“.....อ.....อืม......แบ๊งค์.........ต.....ต้อง...ห...หา...หาย”    แบ๊งค์พยายามที่จะพูดออกมาให้เป็นประโยค

“แบ๊งค์ไม่ต้องพูดก็ได้  แค่พยักหน้า  พี่ก็เข้าใจแล้ว”    พี่นุ่นพูดพลางร้องไห้ไป

“แบ๊งค์ต้องรีบหายไว ๆ นะครับพี่จะรอแบ๊งค์มาช่วยงานพี่   ที่มหาวิทยาลัยอีก”   พี่ตี๋พูดครับ

“.....................”   แบ๊งค์พยักหน้าอีก

“แบ๊งค์น่ะแข็งแรง  เพราะฉะนั้นต้องหายไว ๆ นะคะ”   พี่ปอยพูด  แล้วอยู่ ๆ น้ำตาของพี่ปอยก็ไหลออกมา   พี่ปอยก็เลยหันไปซบพี่ตี๋แทน   

“เดี๋ยวพวกพี่ไปก่อนนะแบ๊งค์ แบ๊งค์จะได้พักผ่อน  แล้วจะได้หายไว ๆ”   พี่นุ่นพูด แล้วก็พากพี่ตี๋  และพี่ปอยออกห้องไป
********************************

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pajaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-5
****************************
บทที่ 69 อยู่กับพวกเราต่อไปเถอะนะ

สงสัยอาการแบ๊งค์คงหนักมากแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นทุกคนคงไม่แห่กันมาเยี่ยมอย่างนี้หรอก    แบ๊งค์คงจะตายจริง ๆ แล้วใช่มั้ย   แบ๊งค์ก็เลยร้องไห้ออกมา   แล้วชุดต่อไปก็เข้ามา  มีพี่ตั้ม แมค  กาว ปรินซ์   แบ๊งค์พยายามที่จะเช็ดน้ำตาไม่ให้ทุกคนเห็น  แต่ก็ทำไม่ได้  เพราะแขนแบ๊งค์ไม่มีแรงจริง ๆ

“อย่าร้องไห้นะ  ไอ้ตัวเล็ก”  พี่ตั้มเดินเข้าเช็ดน้ำตาให้แบ๊งค์ครับ

“...............................”   แบ๊งค์พยักหน้าแทนคำตอบครับ   แล้วแบ๊งค์ก็มองเห็นไอ้กาวมันหันหลังให้แบ๊งค์อยู่  เหมือนมันกำลังพยายามไม่ร้องไห้อยู่น่ะ

“ก........กา.....กาว”    แบ๊งค์ค่อย ๆ เปล่งเสียงอันแหบแห้งออกไป   ทันทีที่ไอ้กาวได้ยิน  มันก็รีบวิ่งเข้ามานั่งข้างแบ๊งค์เลยครับ

“มีอะไรหรอแบ๊งค์”   มันจับมือแบ๊งค์เอาไว้ครับ   แบ๊งค์เลยค่อย ๆ เอามือเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลออกจากตาของไอ้กาว  อย่างไม่ขาดสาย   แทนที่มันจะทำให้น้ำตาของกาวหยุดไหล  มันกลับทำให้ไหลออกมาอย่างไม่หยุดแทน

“ฮะ........ฮะ...........”   แบ๊งค์ได้แต่ขำออกไป  ที่ไอ้กาวเป็นแบบนั้น

“แบ๊งค์..........”   กาวเรียกชื่อแบ๊งค์ออกมา  แล้วฟุบลงที่ข้างตัวแบ๊งค์  จากนั้นมันก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุดเลยครับ   แบ๊งค์เลยเอามือลูบหัวมันเบา ๆ

“แบ๊งค์ ..........แบ๊งค์ต้องหายไว ๆ นะจะได้ไปกินโจ๊กด้วยกันที่ข้างมหาลัยอีก”   พี่ตั้มพูดครับ  แบ๊งค์เลยพยักหน้า  ทั้ง ๆ ที่แบ๊งค์ก็รู้ว่ามันคงไม่มีวันนั้นอีกแล้วก็ตาม

“ป......ปริน......ซ์”    แบ๊งค์เรียกชื่อปรินซ์ออกมาครับ

“มีอะไรหรอแบ๊งค์  เราอยู่นี่แล้ว”   ปรินซ์มันรีบขานรับครับ

“อย......อย่า.......ซ...........ซน............นะ”   เสียงของเบ๊งค์เริ่มแผ่วเบาลงไปทุกที ๆ

“อืม.......เราจะไม่ซนนะ”   ปรินซ์รับคำ

“แล........แล้ว....เรา....จะ.....ป...ไป..จ....ตุ...จ...จัก....ด...ด้วย....กัน....นะ”   แบ๊งค์ค่อย ๆ พูดออกมา  นึกรำคาญตัวเองเหมือนกัน  ที่เป็นแบบนี้

“อืม........เราจะพาแบ๊งค์ไปหาเจ้าโจบินะ เพื่อนเรามันไม่ขายแล้วล่ะ  มันเลี้ยงไว้ที่จตุจักรนั่นและแบ๊งค์ต้องไปเล่นกับมันนะ”    ปรินซ์พูด   แบ๊งค์ก็ได้แต่พยักหน้า

“ม......นุด.......ต...ต่าง........ดาว”   แบ๊งค์พูดถึงมุกตลกแป๊ก ๆ ของแบ๊งค์ที่เคยเล่นกับเจ้าปรินซ์เอาไว้ตอนที่เจอมันครั้งแรก

“แบ๊งค์~~~~~”    ปรินซ์เรียกชื่อแบ๊งค์ออกมาเบา ๆ

“ม..........แมค”   ตอนนี้แบ๊งค์หันไปทางแมคบ้างครับ

“แบ๊งค์ไม่ต้องพูดหรอก   เก็บแรงเอาไว้ดีกว่านะ”   แมคพูด

“ม.....ไม่...ด....ได้”   แบ๊งค์ค่อย ๆ พูดออกมา

“ร.......เรา.....ต...ต้อง.....พูดดด”   แบ๊งค์พูดต่อ

“อืม...เราจะฟังนะ”  แมคตอบ   แล้วแบ๊งค์ก็ค่อย ๆ กวักมือให้แมคมาใกล้ ๆ ปากแบ๊งค์  ซึ่งแมคก็ทำตาม

“...น...นาย.....ค...คือ...เพื่อน......ขอ...ง....เรา....นะ เร.........เรา.......ไม่......เคย....ก....โกรธ...นา...นาย...เลย”   แบ๊งค์ตอบออกไป  เป็นเหมือนการให้อภัยทุก ๆ สิ่งที่แมคเคยทำไว้กับแบ๊งค์

“จ........จริง.......จ....จริงนะ”   แบ๊งค์พูดไว้แค่นั้น

“ขอบคุณนะแบ๊งค์   เราจะไม่มีวันลืมแบ๊งค์เลยจริง ๆ”   แมคพูด  แล้วรีบเช็ดน้ำตา

“ก...กาว”    แบ๊งค์เรียกกาวอีกครั้ง  มันเลยรีบ ลุกขึ้นมากหาแบ๊งค์

“จ.....จำ....ได้...มั้ย”    แบ๊งค์พูดไป

“จำอะไรหรอ”   กาวถามกลับมา   แบ๊งค์เลยกวักมือให้กาวเข้ามาใกล้ที่สุด  เท่าที่จะใกล้ได้  แล้วแบ๊งค์ก็ยกหัว  พยายามเหมือนกับว่าแบ๊งค์จะหอมแก้มกาว   แต่หน้ากากออกซิเจน  ก็กั้นหน้าของเราสองคนเอาไว้   ที่แบ๊งค์ทำแบบนั้น  ก็มาจากตอนที่แบ๊งค์เดินไปซื้อของกับกาว  แล้วกาวขอหอมแก้มแบ๊งค์ แต่แบ๊งค์ไม่ให้   แล้วเขิน ๆ ไปนั่นเอง   ซึ่งดูเหมือนว่าไอ้กาวเอง  ก็จะจำได้

“แบ๊งค์..............”   มันร้องไห้หนักกว่าเดิม   ตอนนี้น้ำตามันไหลหยด  ลงมาที่หน้ากากออกซิเจนของแบ๊งค์ด้วย   แบ๊งค์เลยยิ้มให้มัน  พลางเอามือไปกุมมือของกาว  ข้างที่กาวเอาเท้าเตียงไว้ตอนที่กาวโน้มตัวลงมาหาแบ๊งค์   พอไอ้กาวเห็นว่าแบ๊งค์ยิ้มให้เท่านั้นแหละ  มันก็วิ่งหนีออกไปเลย

“พิ.........พี่..”   ยังไม่ทันที่แบ๊งค์จะเรียกจบ  พี่ตั้มก็เหมือนรู้ครับ  โน้มตัวลงมาหาแบ๊งค์

“มีอะไรหรอแบ๊งค์”   พี่ตั้มพูด

“ข....ขอ...บ......ค....คุณ...นะ   ส......สำ........ห..หรับ.......น...นาฬิ......ก..กา”   แบ๊งค์ขอบคุณพี่ตั้มเรื่องนาฬิกา

“ไม่เป็นไรหรอกแบ๊งค์  พี่อยากให้แบ๊งค์จริง ๆ ไม่ต้องมาขอบคุณพี่หรอก  เป็นของขวัญคริตมาสนะ”    พี่ตั้มพูด

“............................”   แบ๊งค์พยักหน้า

“แบ๊งค์...................แบ๊งค์ต้องหายนะ แล้วพี่จะเอาของขวัญมาให้แบ๊งค์อีก”     พี่ตั้มพูด

“อ....อืม......ต....ต้อง...หาย...สิ”     แบ๊งค์ตอบ

“พี่ว่า  เรารีบออกไปก่อนดีกว่านะ อาร์ทมันคงรอแย่แล้ว”   พี่ตั้มพูดครับ  แล้วทุก ๆ คนก็ลุกออกไป

“ด.....เดี๋ยว.....ก..ก่อน”     แบ๊งค์พยายามเรียกครับ  ทุกคนก็เลยหยุด  แล้วหันมา

“บ....แบ....แบ๊งค์....ร..รัก....ท...ทุก....ค..น....นะ”   แบ๊งค์พูดออกไป

“อืม.....พวกเราก็รักแบ๊งค์เหมือนกัน”   พี่ตั้มตอบก่อนที่จะออกห้องไป    เวลาของแบ๊งค์มันจะเหลืออีกเท่าไหร่เนี่ย   คนต่อไปต้องเป็นพี่อาร์ทแน่ ๆ เลย   ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าซักวันมันต้องเป็นแบบนี้  ทั้ง ๆ ที่เตรียมใจเอาไว้แล้ว  ทำไมนะ  ทำไม  ถึงยังทำใจไม่ได้อีกก็ไม่รู้    แบ๊งค์นอนหลับตา  แล้วบ่นกับตัวเองในใจ

พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นพี่อาร์ทยืนอยู่ที่ปลายเตียงแล้ว   แบ๊งค์เลยส่งยิ้มไปให้พี่อาร์ท  ซึ่งพี่อาร์ทก็ส่งยิ้มกลับมาเหมือนกัน  แล้วพี่อาร์ทก็ค่อยเดินเข้ามานั่งอยู่ข้าง ๆ แบ๊งค์

ที่ใบหน้าของพี่อาร์ทตอนนี้ ไม่มีแม้แต่รอยน้ำตา   มีแต่รอยยิ้มเท่านั้น  เห็นแล้วสบายใจดีจัง  เห็นคนอื่นร้องไห้มาแยะละ

“เป็นไงบ้างครับ  เด็กดื้อของพี่อาร์ท”  พี่อาร์ทเข้ามานั่ง  แล้วลูบหัวแบ๊งค์เบา ๆ ครับ  แบ๊งค์เลยยิ้มตอบออกไป

“รู้มั้ย  ทำพี่เป็นห่วงแทบแย่แน่ะ”  พี่อาร์ทพูดครับ

“ข...ขอ...โท....โทษ”   แบ๊งค์กล่าวขอโทษพี่อาร์ท    รู้สึกเสียใจจริง ๆ ที่ทำให้พี่อาร์ทเป็นห่วงได้ขนาดนี้

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  แล้วทีหลังอย่าทำอีกล่ะ”   พี่อาร์ทกำชับ

“............................”  แบ๊งค์พยักหน้าให้แทนคำตอบ

“แต่พี่ยังไม่หายโกรธง่าย ๆ หรอกนะ”   พี่อาร์ทพูด  แบ๊งค์เลยทำหน้างง ๆ

“อยากรู้หรอ  ว่าจะทำยังไงให้พี่หายโกรธ”  พี่อาร์ทถามกลับมาครับ  แบ๊งค์เลยพยักหน้า

“อยากให้พี่หายโกรธ  ก็ต้องรีบ ๆ หายไว ๆ แล้วมาเที่ยวกับพี่ไงครับ”   พี่อาร์ทคว้ามือแบ๊งค์มากุมไว้

“จ....จะ....ไป.....ไ....ไหน....หรอ”   แบ๊งค์ถาม  ตอนนี้แบ๊งค์เริ่มหมดแรงที่จะพูดแล้วล่ะสิ

“ก็ไปที่ ๆ เราเคยไปด้วยกันไง ไปให้หมดทุก ๆ ที่เลย  โดยเฉพาะที่ถนนแห่งความทรงจำของเรา”   พี่อาร์ทหันมายิ้มให้แบ๊งค์ครับ

“.....................”   แบ๊งค์ยิ้มตอบ

“พี่จะพาแบ๊งค์ไปทุก ๆ วันเลย เพราะมันเป็นที่แห่งความทรงจำของสองเรา  แบ๊งค์ไปกับพี่นะ”   พี่อาร์ทพูด

“....ค....ครับ....แบ..แบ๊งค์....จ..จะไป”   แบ๊งค์พูดออกมา

“ดีมาก ๆ เลยล่ะ ไม่ดื้อแบบนี้สิ  ถึงจะน่ารักหน่อย”  พี่อาร์ทพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ครับ

“พ....พิ...พี่..อา...อาร์ท”   แบ๊งค์เรียก

“มีอะไรหรอครับ”   พี่อาร์ทถาม

“แบ.....แบ๊งค์..จ..จะ..ตา...ตาย..แล้ว..ใช่มั้ย”   แบ๊งค์ตัดสินใจถามออกไป

“ไม่นะ  แบ๊งค์ยังไม่ตายซักหน่อย แบ๊งค์ยังต้องไปเที่ยวกับพี่อีกไง  แบ๊งค์ยังตายไม่ได้”    พี่อาร์ทพูด  ตอนนี้พี่อาร์ทเริ่มร้องไห้ออกมาแล้ว

“ร..ร้อง...ไห้...ท.....ทำ..ไม”    แบ๊งค์พูดแล้วเอามือเช็ดที่แก้มพี่อาร์ทครับ

“ป...เปล่าครับ  พี่ไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย”   พี่อาร์ทพูด  แล้วเอาหน้าถูไปมากับ  มือของแบ๊งค์

“ก....อ.....กอด....”    แบ๊งค์พูดได้แค่นั้น  แล้วเสียงก็หายไป  ทำไมนะ  การพูดในวันนี้มันช่างเหนื่อยล้าเหลือเกิน 

“ได้ครับ  พี่จะกอดแบ๊งค์เอาไว้นะ”   พอพี่อาร์ทพูดจบ  ก็ค่อย ๆ สอดมือช้อนตัวแบ๊งค์เอาไว้  พลางเอามืออีกข้างหนึ่ง   โอบผ่านตัวแบ๊งค์มา

“อุ่นพอมั้ยครับ”   พี่อาร์ทถามด้วยรอยยิ้ม  มันไม่ใช่ยิ้มที่สดใส  หากเป็นยิ้มที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

“.อ.....อืม.....”       แบ๊งค์ตอบออกไป 

“แบ.....แบ๊งค์....ร...รัก...พี่อา....อาร์ท”    แบ๊งค์บอกรักออกมา   ประโยคที่แบ๊งค์พูดไม่บ่อยนัก  วันนี้แบ๊งค์อยากพูดมันซ้ำ ๆ เป็นร้อยพันครั้ง  แต่ก็ทำไม่ได้เลย  ทำไมนะ  ตอนนี้แบ๊งค์รู้สึกเสียดาย  เสียดายวันเวลา  ที่เคยปล่อยให้มันผ่านไปอย่างไม่รู้คุณค่า  ทำไมนะ แบ๊งค์ไม่เอาวันเวลาเหล่านั้น มาพร่ำบอกคำว่ารักให้พี่อาร์ทได้ฟัง

“ครับ...พี่ก็รักแบ๊งค์เหมือนกันนะ รักมากมายด้วย”   พี่อาร์ทพูดแล้วฟุบลงข้าง ๆ แบ๊งค์ครับ

“ข....ขึ้น....มะ”  แบ๊งค์พูดพลาง  ใช้แรงที่อยู่เพียงน้อยนิด  ขยับตัวให้มีพื้นที่ให้พี่อาร์ท ขึ้นมานอนเคียงข้าง

“ได้ครับ   เดี๋ยวพี่จะขึ้นไปนอนด้วยนะ”    แล้วพี่อาร์ทก็ค่อย ๆ ขยับตัวขี้นมานอนอยู่ข้าง ๆ  พลางเอามือโอบกอดแบ๊งค์ไว้   แบ๊งค์อยากให้เวลาหยุดอยู่อย่างนี้ไปตราบนานเท่านาน  พี่อาร์ทเองก็คงจะต้องการแบบนี้เหมือนกัน

แล้วอยู่ ๆ พี่อาร์ทก็ร้องเพลงออกมา  มันเป็นเพลงที่พี่อาร์ทเคยเล่นเปียโนให้แบ๊งค์ฟัง  มันเป็นเพลงที่ดังก้องอยู่ในใจแบ๊งค์เสมอ

มีคนๆหนึ่งที่ไม่ได้ดีพร้อมทุกอย่าง และยังเป็นคนไม่ค่อยน่าสนใจ
เขาไม่ได้ทำอะไรที่ดูมีความหมาย เป็นแค่คนหนึ่งคน

หน้าตาก็ธรรมดาค่อนข้างไม่พิเศษ ไม่ค่อยสวยงามอย่างคนไหน
และยังเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ไม่ๆซักอย่าง




พี่อาร์ทร้องไป  พลางสะอึกสะอื้นไป  เหมือนพี่เค้ากำลังพยายามที่จะกล่อมแบ๊งค์

“พ...พอ....เหอะ..”   แบ๊งค์บอกให้พี่อาร์ทหยุด   ตอนนี้แบ๊งค์เริ่มง่วงแล้วสิ  เหมือนว่าเปลือกตาของแบ๊งค์มันเริ่มหนักมากขึ้นทุกที ๆ  และมันก็เริ่มที่จะปิดลงมาแล้วล่ะสิ

“ไม่นะแบ๊งค์  ห้ามหลับนะ ตื่นมาฟังพี่ร้องเพลงก่อน   แบ๊งค์!!!!!”    พี่อาร์ท  เรียกแบ๊งค์ครับ   

“แบ.....แบ๊งค์....รัก...พิ...พี่...อาร์ท...นะ...ค..ครับ”    แบ๊งค์พูดออกไป   ทำไมมันง่วงซะเหลือเกิน   ลาก่อนนะทุก ๆ คน  แล้วแบ๊งค์ก็ค่อย ๆ ปิดตาและหลับไป    ตลอดกาล............
.
.
.
“แบ.....แบ๊งค์....รัก...พิ...พี่...อาร์ท...นะ...ค..ครับ”     แบ๊งค์พูดประโยคสุดท้ายออกมาครับ

“ไม่นะแบ๊งค์  ตื่นขึ้นมาสิ  แบ๊งค์!!!!”   ผมตะโกนเรียกชื่อแบ๊งค์จนสุดเสียงโดยไม่สนใจว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลหรือไม่  เมื่อผมเห็นแบ๊งค์หลับไปแล้วนั้น  ผมก็กดสวิตช์ที่ใช้สำหรับเรียกเจ้าหน้าที่ให้ออกมาช่วยคนที่ผมรัก  เมื่อผมยังไม่เห็นว่ามีใครมา  ผมก็รีบลงจากเตียง   ตะโกนเรียกร้องของความช่วยเหลืออย่างบ้าคลั่ง

“หมอ!!!!!!!!!!  อยู่ไหนน่ะ มาช่วยแฟนผมด้วย!!!!!!!”   ผมตะโกนออกไปจนเส้นเสียงแทบแตก  ในที่สุดก็มีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามากันราว ๆ 5-6 คน ผมก็ได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนกันผมเอาไว้

เจ้าหน้าที่เหล่านั้นทำอะไรก็ไม่รู้กับร่างกายของคนที่ผมรัก  ซักพักหมอก็เอาเหมือนเครื่องปั๊มหัวใจ  มาช๊อตที่ร่างกายของแฟนผม

“1...2...3...clear”   หมอพูดแบบในหนัง  หรือละครที่ผมเคยได้ดูมา  จากนั้นก็เอาเจ้าเครื่องที่ว่าช๊อตไปที่หน้าอกของแบ๊งค์     ร่างของแบ๊งค์ลอยตามขึ้นมา  แล้วก็หลุดกลับลงไปนอนอยู่ที่เดิม  หมอทำแบบนั้นอยู่ 3-4 ครั้ง   ระหว่างที่เค้าช๊อตหัวใจแบ๊งค์  ผมร้องออกมาไม่เป็นเสียง  ด้วยความสงสารที่ร่างกาย  บาง ๆ ของแบ๊งค์ต้องโดนกระทำอย่างรุนแรงแบบนั้น  แล้วอยู่ ๆ หมอก็หยุดไป  โดยพูดอะไรกับพยาบาลก็ไม่รู้

“ทำไมหยุดไปล่ะครับ  เค้ายังไม่ฟื้นเลยนี่”   ผมท้วงครับ

“ผมเสียใจด้วยครับ   เค้าจากเราไปแล้ว”  หมอพูดแล้วเดินจากไปครับ   พอผมหันไปที่เตียง  ตอนนี้พยาบาล  เอาผ้าคลุมหน้าแบ๊งค์ไปแล้ว

“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”   ผมตะโกนออกไป
***************************

ออฟไลน์ pajaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-5
บทที่ 70  ลาก่อน...แบ๊งค์

ในที่สุด  แบ๊งค์ก็จากผมไปจนได้  ไม่มีทางใดเลยที่จะรั้งเค้าเอาไว้   ตอนนี้เค้าคงล่องลอยไปอยู่ที่ใดซักที่   โดยที่ ๆ นั้นจะทำให้เค้ามีความสุขหรือไม่  ผมเองก็ไม่อาจทราบได้

ผมยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก  กำลังจัดเนคไทด์ให้เข้าที่ กับสูทสีดำ   วันนี้ผมแต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษ  ด้วยชุดสูทสีดำ   ผมไม่ได้ไปไหนหรอก  มันเป็นงาน ๆ หนึ่งที่ผมไม่เคยปรารถนาจะไปเลยด้วยซ้ำ  งานศพของแบ๊งค์นั่นเอง
“อาร์ท  เสร็จรึยังลูก  ไปกันได้แล้ว”  แม่ผมเรียกออกมาจากนอกห้องผมเลยรีบเดินออกไป
.
.
.
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความเศร้าโศก  ทุกคนใส่ชุดสีดำสนิทมางาน  มันยิ่งทำให้บรรยากาศภายในงานดูเศร้ามากขึ้นเป็นสองเท่า  แม่ของแบ๊งค์เอาแต่นั่งร้องไห้  ไม่พูดไม่จาอยู่ข้าง ๆ โอโต้ซัง  พ่อเลี้ยงชาวญี่ปุ่นของแบ๊งค์    แม่ของผมเองก็เช่นกัน   เธอร้องไห้อย่างหนัก  จนกระทั่งตาของเธอบวมเป่ง  ทำให้วันนี้แม่ของผมต้องใส่แว่นตาสีดำมางาน  เพื่อปกปิดร่องรอยเหล่านั้น

เพื่อน ๆ เองก็ไม่ต่างกัน   นุ่นเป็นคนนั่งจุดธูปอยู่หน้าโลง   เธอเองก็ดูแย่ไปไม่กว่ากัน  ในมือข้างหนึ่งของเธอถือผ้าเช็ดหน้าคอยซับน้ำตาไปด้วย

พวกแมค  ตั้ม ปรินซ์  ก็คอยเอาน้ำเสิร์ฟให้บรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน   ทั้งสามเหมือนว่าจะทำใจได้  มีหลายครั้งอยู่เหมือนกัน  ที่ผมแอบเห็นสามคนนี้แอบไปเช็ดน้ำตา

ปอยกับตี๋  ก็มาช่วยงานนี้เหมือนกัน   โดยทั้งคู่ทำหน้าที่ต้อนรับแขก  ที่พากันเข้ามาในงาน  เพราะตอนนี้แม่ของแบ๊งค์คงยังไม่มีกำลังพอที่จะทำอะไร
 
พอพ่อกับแม่ของผมมาถึงบริเวณงาน   ก็รีบตรงเข้าไปหาแม่ของแบ๊งค์ในทันที   ทั้งคู่พูดอะไรกันก็ไม่รู้  แล้วก็เอาแต่กอดกันร้องไห้    ผมเลยแยกออกมาไปทักทาย เพื่อน ๆ น้อง ๆ ทีละคน   แล้วแบ๊งค์ก็เข้าไปไหว้ศพแบ๊งค์
รูปที่ตั้งอยู่หน้าโลง  เป็นภาพของแบ๊งค์ที่ดูสดใส  ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้ม   ดูแล้วสดใสเกินกว่าจะเป็นคนที่อายุ 19 ปี   มองไปแล้วดูเหมือนจะเป็นแค่เด็ก ในชั้นมัธยมปลายมากกว่า

ผมรับธูปจากนุ่น  ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น  มาไหว้ศพแบ๊งค์ 

“หลับให้สบายนะครับ  เด็กดื้อของพี่”   ผมพูดก่อนจะเอาธูปลงไปปักในกระถาม  แล้วผมก็เดินอ้อม ๆ โลงศพไปข้างหลัง   แล้วผมก็เคาะโลงศพเบา ๆ

“พี่รักแบ๊งค์มากนะครับ”   นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมพูด  ก่อนจะเข้าไปนั่งฟังพระสวดอยู่เงียบ ๆ   หลายคนอาจแปลกใจว่าทำไม  ผมไม่เศร้า  ผมไม่มีน้ำตา   

ผมเองก็ไม่รู้จะตอบเค้าเหล่านั้นว่าอย่างไรเหมือนกัน   ผมร้องไห้จนน้ำตามันเหือดหาย  ตอนนี้อาจจะมีเพียงสายเลือดเท่านั้นที่จะไหลออกมาแทนน้ำตา   ความรู้สึกของผมตอนนี้เหมือนภายในมันแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ     มันอัดอั้นจนผมเองพูดอะไรไม่ออก

ผมก็เลยได้แต่นั่งนิ่ง ๆ อย่างนั้นไป
.
.
.
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว   มีแขกมาเยอะพอสมควร  ส่วนใหญ่ก็เป็นญาติ ๆ ของแบ๊งค์  รวมถึงคณะครูอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย  และคนที่รู้จักแบ๊งค์  ต่างมาแสดงความเสียใจ 

แม่ของแบ๊งค์ทำหน้าที่ถือพานดอกไม้จัน  ส่วนผมทำหน้าที่ ถือพานแจกของชำร่วยอยู่หน้า เมรุ  ผู้คนที่มาร่วมงาน  รวมถึงเพื่อน ๆ ของเราผลัดกันเดินขึ้นยังเมรุ  เสมือนเป็นการไว้อาลัยครั้งสุดท้าย   

แล้วผมกับแม่ของแบ๊งค์ก็เดินขึ้นไป วางดอกไม้จันแม่คนสุดท้าย   ผมค่อย ๆ วางไดอารี่ของผมลงไปด้วย  ไดอารี่ที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก  ความคิดถึงของผมที่มีต่อเค้า  ซึ่งผมตั้งใจจะมอบให้เค้าอ่าน  แต่มันก็สายไปซะแล้ว
นุ่นเดินมาข้าง ๆ ผม  แล้วโยนพวกกุญแจตุ๊กตาอันหนึ่งเข้าไป   มันคือพวกกุญแจตุ๊กตาโอชาเคนนั่นเอง  ตุ๊กตาที่เป็นตัวแทนของไอ้โป้ง

กรูส์ฝากดูแลน้องเค้าด้วยนะเมริง   ผมได้แต่ส่งกระแสจิตไป  หวังว่าโป้งคงจะรับรู้
.
.
.
หลังจากนั้นอีกหนึ่งวัน  ในช่วงเช้า  เราก็ไปเก็บอัฐิของแบ๊งค์กันครับ   ทุกคนมากันพร้อมหน้า  ด้วยเสื้อผ้าสีดำเหมือนเดิม   เราเก็บอัฐิ  โดยแบ่งเป็น 2 โกศ   โดยแม่แบ๊งค์เก็บไว้โกศหนึ่ง  และมอบให้ผมโกศหนึ่ง   ส่วนที่เหลือเราคงจะเอาไปลอยในแม่น้ำเจ้าพระยากัน

ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเรือ  ที่กำลังแล่นออกไป  แล้วจอดลอยลำอยู่นิ่ง ๆ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา   แม่ของแบ๊งค์ค่อย ๆ โปรยห่ออัฐิของแบ๊งค์ลงน้ำไป   เพื่อน ๆ ทุกคนก็ค่อย ๆโปรยดอกไม้ตามไปด้วย

เมื่อเสร็จพิธีลอยอังคาร   แม่ของแบ๊งค์ก็มอบสิ่ง ๆ หนึ่งให้ผมก่อนกลับเชียงใหม่ครับ   มันเป็นโทรศัพท์มือถือของแบ๊งค์นั่นเอง
ผมเปิดดูภาพต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จะว่าไป  เจ้าเด็กดื้อของผมก็บ้ากล้องเหมือนกันนะเนี่ย   ถ่ายไว้ซะหลายรูปเลย มีตั้งแต่รูปที่ใส่ชุดนักศึกษาไปจนถึงชุดผู้ป่วยในโรงพยาบาล   

แล้วผมก็เปิดไปดูไฟล์วิดีโอบ้าง  ข้างในนั้นก็มีอยู่หลายไฟล์เลยครับ   เป็นไฟล์แอบถ่ายนายกาวตอนนอนหลับบ้างล่ะ  บางอันก็เป็นไฟล์ที่แบ๊งค์เล่นวิ่งไล่จับกับไอ้ตั้ม  แล้วก็มาถึงไฟล์ ๆ หนึ่ง  เป็นไฟล์ที่เพิ่งบันทึกไม่นานมานี้
พอผมเปิดเข้าไป  ก็เจอเป็นภาพของแบ๊งค์ที่เข้ามาตั้งกล้อง  แล้วเดินกลับไปนั่งบนเตียง

“หวัดดี    เราชื่อแบ๊งค์นะ”   

“ตอนนี้เราป่วยอยู่อ่ะ  รู้สึกว่าจะเป็นลูคิเมียนะ หมอบอกว่าโรคนี้ร้ายแรงมาก  เราก็ไม่รู้หรอกว่าจะหายรึเปล่า แต่เราก็ไม่เสียใจหรอก  หากเราต้องตายไป เพราะตอนนี้เราได้รู้แล้ว  ว่ามีคนที่รักเรามากขนาดไหน มีทั้งแม่  ทั้งเพื่อน  ทั้งรุ่นพี่ที่ดีต่อเรามากมายแล้วก็ยังรวมไปถึง.........คน ๆ หนึ่ง คน ๆ นี้เป็นคนที่หล่อมากเลยล่ะ  สำหรับเรา เค้าชอบหาว่าเราดื้อ   เราก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าเราดื้อตรงไหน แต่ถึงเค้าจะว่าเราดื้อก็เหอะ  แต่เค้าก็ตามใจเรามาตลอดเลย ไม่เคยขัดใจเราแม้แต่ครั้งเดียวเลย   แต่เรานี่สิ  ชอบขัดใจเค้าตลอด

ตลอดเวลาที่อยู่กับเค้า   เค้ามักจะพูดเสมอว่าเค้ารักเราแต่เราอ่ะ  ไม่ค่อยได้บอกรักพี่เค้าเลย วันนี้เราก็เลยจะมาบอกอ่ะ แบ๊งค์อาจจะเคยทำตัวไม่ดีไปบ้าง ทำให้พี่อาร์ทต้องเสียใจไปก็หลายครั้ง แต่ไม่ว่ายังไง  แบ๊งค์ก็อยากจะบอก แบ๊งค์รักพี่อาร์ทนะครับ”
 
แบ๊งค์พูดไว้แค่นั้น   แล้วแบ๊งค์ก็เดินมาปิดกล้อง  คำพูดคำนี้ที่หลุดออกมาจากปากของแบ๊งค์มันช่างมีค่าเหลือเกินในเวลานี้   

“พี่ก็รักแบ๊งค์เหมือนกัน”    ผมตอบออกไป   เรื่องราวทั้งหมดมันคงจบลงเท่านี้แล้วสินะ   หลับให้สบายนะ........นายเด็กดื้อ.............

......จบแล้วคร้าบ..........
**********************************
:sad2: :sad2:

 :bye2:


ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

เอาจนได้นะนายแบ็งค์

เล่นซะท่วมจอคอมเลย

ขอบคุณคุณ pajaa ด้วยนะครับ ที่นำเรื่องราวดี ๆ มาให้ได้อ่านกัน

รออ่านเรื่องต่อไปอยู่นะคับ

 o15

meeza31

  • บุคคลทั่วไป
 :dont2: :dont2: ง่าทำใมถึงจบแบบนี้

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ถึงแม้จะรู้ แต่ก็ทำใจไม่ได้
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
 o7 ขอบคุณมากคุณจา  เป็นเรื่องให้อะไรดีกับคนอ่านเยอะเลยอ่ะ  อ่านจบก็ชวนให้คิดถึงคนข้างๆ เวลาชองแต่ละคนมันไม่แน่นอน  จะพยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ถ้าเวลามาถึงจะได้ไม่รู้สึกเสียดาย.....

 :o12:ทั้งที่รู้ว่าจะต้องเป็นจบประมาณนี้ แต่มันทำใจไม่ได้จริง อ่านไปน้ำตาซึมไป

ขอให้คุณจามีความสุขกับปัจจุบันและอนาคตมากๆๆๆๆ นะ

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
 :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:


ตอนแรกนึกว่าเรื่องนี้จะเป็นแบบฮาๆ สนุกๆ

แต่พออ่านไปทำไมมันเริ่มเศร้ามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนพี่โป้งตาย

พอตอนจบแบงค์ก็มาตายอีกซะงั้นอ่ะ

ทำร้ายจิตใจอ่ะ
 :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 o7  o7  o7  o7

เศร้ามากมาย

ของคุณคนแต่ง คนโพสจ้า  :m1:

ออฟไลน์ ~prince™~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +161/-2
เริ่มเรื่องด้วยคราบแห่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

แต่กลับจบลงด้วยคราบน้ำตา o7 o7

เศร้าชะมัด

แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้นะครับสนุกมากเลย

ไม่ผิดหวังจริงๆที่ได้อ่านเรื่องนี้ o1 o1

lanlan

  • บุคคลทั่วไป
โหยเล่ยไม่กล้าอ่านเรื่องอื่นเลยอ่านไปเมื่อจนนำตา
คงท่วมบ้านได้แล้วมั้ง :m15: ทำไมต้องให้นายเอกตายง่ะ
ไม่ไหวเศร้าๆๆๆพออ่านเรื่องอื่นไปก็คิดแต่เรื่องของแบงค์เค้านี่แหละ
แต่ขอบคุณมากคับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด