Whose fault? ผิด...ที่ใคร (Drama,Yaoi) ผิดครั้งที่ 43 จบแล้ว 22/03/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Whose fault? ผิด...ที่ใคร (Drama,Yaoi) ผิดครั้งที่ 43 จบแล้ว 22/03/2562  (อ่าน 38594 ครั้ง)

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


>>>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบนค่ะ<<<<<<<<<<<<<<<<


"เอม ผ่อนคลายนะ เดี๋ยวคินจะสอดนิ้วเข้าไป" จบคำพูดก็สอดนิ้วกลางเข้าไปทันที ไม่ทันให้ร่างบางได้เตรียมใจ

"อื้อ!!"

ภายในอุ่นร้อนและบีบรัดแน่นยิ่งทำให้คินกัดฟันกรอดอย่างอดทน

"คิน" ดวงตากลมโตมองมาน้ำตาคลอ ทำให้ร่างสูงก้มลงจูบซับน้ำตา

"ผ่อนคลาย อย่าเกร็ง..." เสียงทุ้มพูดปลอบและค่อยๆ คืบคลานสอดนิ้วกลางเข้าไป...จนสุด

"ฮึก"

"ชู่ว...เดี๋ยวคินจะทำให้รู้สึกดีนะ"

"มันแปลกๆ ครับ อ๊ะ คิน...อย่...า อ๊ะ"

"สุดยอด" นิ้วกลางยาวขยับสอดเข้าออกสร้างความเคยชินให้ช่องทางนุ่มอุ่นที่ขมิบรัดแถมยังตอดถี่รัว...นี่แค่นิ้วนะ ถ้าเป็นของที่ใหญ่กว่านี้ไม่อยากจะนึก

เพียงแค่คิดก็เผลอสูดปากไม่ได้

มือใหญ่จับขาเรียวที่ค่อยๆ หุบเข้าหากันเพราะความเสียวซ่านจากเบื้องล่างให้อ้าออกเพื่อจะได้มองเห็นชัดๆ ปากทางสีชมพูดูดกลืนนิ้วยาวเข้าไปจนสุด...เป็นภาพที่น่ามอง

ชะเอมเม้มปากหลับตาปี๋ ไม่รู้เลยว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร...บางอย่างสอดแทรกเข้าช่องทางด้านล่าง เสียดสีเข้าๆ ออกๆ ...มันร้อนวูบวาบ แถมยังเสียวแปลบปลาบให้ร่างกายกระตุกสะดุ้ง มือบางจิกทึ้งผ้าปูจนมันยับย่นเพื่อระบายอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย

นานหลายนาที ในความรู้สึก นิ้วยาวสอดจนครบสามนิ้ว

"อ๊า อ๊ะๆๆ คิน เอมไม่ไหว" ร่างกายขาว บิดเร่ายั่วยวน ปากบอกไม่ไหวแต่สะโพกเล็กขยับสอดรับให้นิ้วยาวกระทุ้งเข้าไปลึกขึ้น...ทำไปอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคมกริบมองทุกการกระทำที่ใสซื่อ จึงเลียริมฝีปากที่แห้งผาก

...จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว...

"รู้สึกดีมั้ยครับ"

"คะ อ๊ะ ครั...บ...อืม" เสียงทุ้มแว่วหวานหลอกล่อ สะกดให้คนอยู่ในห้วงอารมณ์ตอบรับ ร่างสูงโน้มตัวคร่อมลงป้อนจูบเร่าร้อน ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดระบายอารมณ์ที่มี คินดูดลิ้นเล็กแรงจนช่องทางด้านล่างขมิบแรง

เฮือก!

"ฮ่า...ฮ่า..." หน้าอกบางสะท้อนหอบเหนื่อยอ่อน เมื่อร่างสูงผละจูบออก แถมด้านล่างก็โล่งวูบเพราะนิ้วยาวถอนออกไปแล้ว “แฮ่ก”

วันนี้คิน...เร่าร้อนจัง

ร่างบางถูกมือใหญ่จับข้อพับให้แยกขากว้าง ท่าทางน่าอายของตัวเองทำให้ชะเอมเม้มปากแก้มแดง แก่นกายใหญ่จ่อตรงปากทางสีแดงที่ขมิบถี่จนเจ้าของสะดุ้งเฮือกกับความร้อนที่ดุนดัน "คิน?"

"เอม คินจะเข้าไปแล้วนะ อดทนหน่อยนะครับ"

ร่างบางตัวสั่นระริก...

"คิน...จูบเอมหน่อย" ร่างบางยื่นแขนสั่นๆ ไปด้านหน้า ทำให้ร่างสูงโน้มตัวลงมาประกบจูบให้ตามคำขอลิ้นกวาดต้อนไล้เลียในช่องปากอ่อนโยนและค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรุนแรง ณ ตอนนั้นเองที่คินสอดส่วนปลายเข้าไปในตอนที่ชะเอมกำลังเผลอไผลกับจูบ

"อื๊อ!!" หยาดน้ำตาไหลอาบเพราะความเจ็บปวดแทรกเข้ามา เพราะขนาดมันใหญ่ผิดจากนิ้วในตอนแรกมาก

เจ็บ

จุ๊บ...

คินจับหน้าเล็กไม่ให้หนีจากจูบ ลิ้นร้อนละเลงหลอกล่อให้สนใจด้านบนเพื่อที่จะผ่อนคลายช่องทางด้านล่าง แต่ดูเหมือนจะไม่พอ มือใหญ่ทั้งสองเลื่อนบีบคลึงจุดอ่อนไหวทั้งสองตรงหน้าอก เม็ดสีชมพูที่เต่งเป็นไตรับสัมผัสกับนิ้วโป้งเป็นสัญญาณที่ดี พอด้านล่างผ่อนคลายลงอีกนิด แก่นกายก็คืบคลานแทรกลึกเข้าไปอีก

คินซี้ดปาก หลุบมองแก่นกายที่หลุดเข้าไปได้กว่าครึ่ง แต่ภายในยังไม่หยุดตอดรัด ร่างสูงเกร็งหน้าท้องจนขึ้นเป็นลูก หอบหายใจหนักหน่วงแต่กระนั้นก็ยังเป็นห่วงอีกฝ่าย "เอม ไหวมั้ย"

"ฮ่า...แฮ่ก..." ดวงตากลมโตฉ่ำปรือ มือลูบตรงหน้าท้องแบนราบ...บริเวณที่รู้สึกเหมือนมีอะไรร้อนระอุอยู่ด้านใน

...ของๆ คิน

"คิน..."

เสียงทุ้มครางรับในลำคอ ท้าวแขนคร่อมต่ำและแนบริมฝีปากแผ่วเบา "เจ็บเหรอ"

ร่างบางค่อยๆ ส่ายหน้ายิ้มบาง หลุบมองส่วนล่างที่เชื่อมต่อกัน "คินเข้าไป...หมดแล้วเหรอ"

"ยังเลย"

ชะเอมเบะปาก "เอมต้องตายแน่เลย"

คินหัวเราะขำคนงอแง "ไม่ตายหรอก"

"คิน..."

"หืม?"

"รู้สึกดีมั้ย"

คำถามที่ทำให้คนได้ยินยิ้ม...ไม่รู้ทำไม ชะเอมถึงได้น่ารักขึ้นทุกวัน และความรักที่มีก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

"คินรู้สึกดีมาก ข้างในของเอมมันรัดคินแน่นไปหมด"

"..." มือบางยกปิดหน้า แต่หูแดงก่ำ

"อุ่นมาก"

"คินอย่าพูด เอมอาย อ๊ะ..." ชะเอมสะดุ้งเมื่อสะโพกแกร่งเผลอแกล้งขยับเข้าอีกนิด มือใหญ่จับเอวบางแน่นไม่ให้ขยับหนี

"เอม ผ่อนคลาย..." ลิ้นร้อนเลียปาก กลืนน้ำลายที่สอขึ้นมา "อย่าเกร็ง"

ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตากลมปรือมองใบหน้าคมที่สะกดกลั้นอารมณ์ แถมยังหอบหายใจแรงเหมือนคนอดทนอดกลั้นอย่างมาก

ชะเอมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ มือบางตะปบที่ข้อมือแกร่งทั้งสอง อ้าขากว้างตามเสียงทุ้มบอก จนในที่สุด...

"ฮ้า..." ชะเอมหอบหายใจหนักหน่วง รู้สึกวันนี้หัวใจจะทำงานหนักมาก...ภายในท้องตึงแน่นไปหมด

"อา อึก เอม...ตอดคินแน่นเกินไปแล้ว" คินกัดกรามแน่น เกร็งหน้าท้องแน่น ไม่เคยอดทนกับอะไรขนาดนี้มาก่อน ลมหายใจหอบสั่นไม่ต่างกับร่างบาง ความอบอุ่นบีบรัดนี่มัน...จะทำเขาทะลักทะลายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขยับ

คินรอจนชะเอมน่าจะปรับตัวได้ ก่อนจะเริ่มกดสะโพกบดคลึงจนร่างผอมดิ้นพล่าน

"ฮั่ก คิน แป...ป น...เอมยัง...อื๊อ" สิ่งที่อยู่ในร่างกายมันร้อนระอุ ยิ่งขยับเข้าออกเสียดสียิ่งรู้สึกร้อนวูบวาบเสียวซ่านเกินจะทานทน "อ๊า อ๊าาา"

คินสูดปากเสียงดัง ขยับสะโพกกระชับหนักหน่วง พยายามควบคุมไม่ให้แรงไปมากกว่านี้ เพราะเดี๋ยวร่างผอมอาจจะเจ็บตัวได้ มือใหญ่ช้อนขาเรียวให้อ้ากว้างมากกว่าเดิม สายตาคมกริบหลุบมองช่องทางอบอุ่นที่กลืนกินความเป็นชายและมันยังขมิบรัดตอดถี่รัวมอบความเสียวซ่าน...รู้สึกดีจนอยากจะฝังกายเอาไว้ในความอุ่นร้อนนี้ตลอดเวลา

"อา..." ใบหน้าคมเชิดครางเสียงต่ำ หยุดขยับสะโพกไม่ได้เลย ช่องทางสีสวยมันขมิบเชิญชวนให้ลิ้มลองไม่หยุด

"อ๊า ฮ้า คิน...คิน...!" ใบหน้าหวานส่ายไปมา เสียงใสกรีดร้องเรียกชื่อคนรัก มือบางจิกทึ้งผ้าปูแทบขาด ความรู้สึกมันรุนแรงจนทนไม่ไหวแล้ว!

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะหนักหน่วง ปะปนกับเสียงครางเครือหอบหายใจ

ร่างสูงโน้มคร่อมตัวร่างบางลงจูบ แต่สะโพกยังทำหน้าที่ของมันไม่หยุด มือใหญ่จับแขนบางให้โอบกอดแผ่นหลังกว้าง เล็บสั้นจิกครูดจนเป็นรอย แต่ก็ไม่อาจระบายความเสียวซ่านนี้ได้เลย

"คิน อ๊ะ อ๊ะ เอมรักคิน"

เสียงทุ้มครางต่ำ "คินก็รักเอม" เพราะคำพูดของชะเอมทำให้รู้สึกหวามในอกจนเผลอใส่แรงไปนิดจนร่างบางกระตุกเฮือก

"คิน ฮั่ก เอมจะ อ๊ะ จะถึง"

"คินก็ใกล้แล้ว อา พร้อมกันนะ"

ร่างบางเกร็งแน่นจนคินร้องซี้ดเพราะช่องทางขมิบตอดรัด พยายามอดทนไม่เผลอกระแทกรุนแรงเกินไป เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไม่ถึงสิบครั้งก่อนที่สะโพกปอดขยับแทรกให้ลึกที่สุด...ลึกที่สุดและปลดปล่อยออกมา

เสียงใสครางยาว ขาเรียวหนีบแน่นเกร็งรับสายธารอุ่นร้อนที่พ่นเข้ามาในท้องจนแผ่นหลังบางหยัดโค้ง ทั้งวาบหวิวเสียวซ่าน รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ร่างสองร่างกระตุกเป็นพักใหญ่ก่อนที่เสียงหอบหายใจจะดังประสาน ดวงตากลมปรือเปิดเหนื่อยอ่อนมองใบหน้าคมหล่อเหลาชื้นเหงื่อใกล้เข้ามาและก้มลงป้อนจูบอีกครั้ง

...คิน...

นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนจะสลบไป





************************Whose fault? ************************





"เอม...เอมตื่นเถอะ"

"อือ..." ปกติชะเอมไม่ใช่คนขี้เซา แต่ว่าตอนนี้ยังรู้สึกง่วงอยู่เลย...ขออีกสิบนาทีได้ไหม

ร่างบางพลิกตัวหนี ช่วงล่างพลันเจ็บแปลบขึ้นมาทันที!

"โอ๊ย...!"

ร่างบางค่อยๆ ขดตัวเข้าหากัน ก่อนที่จะลืมตาแต่ก็หลับลงทันทีเพราะแสงแดดจากหน้าต่างส่องลอดเข้ามาจนแสบ...เช้าแล้วเหรอ?

"เอม เจ็บมากมั้ย"

"คิน" ชะเอมขยี้ตา รู้สึกเมื่อยล้าไปทั้งตัว

"ครับ"

"เอมเจ็บ" โดยเฉพาะตรงข้างล่างนั้นมันแสบมากเลย...ทำไมถึงเจ็บขนาดนี้

"คินขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคืนคงแรงไปหน่อย”

เมื่อคืน?

ภาพความทรงจำย้อนคืนเหมือนม้วนเทป มาชัดทั้งภาพทั้งเสียง...ใบหน้าหวานร้อนผะผ่าวเพราะเพิ่งจำได้ว่าเมื่อคืนเขากับคิน...

“แต่คินทายาให้แล้ว เอมทนหน่อยนะ" ร่างสูงทรุดลงข้างเตียง บีบผ้าในกะละมังก่อนจะไล้ตัวให้กับคนที่นอนห่มผ้าอยู่ แต่เพียงแค่เลิกผ้าห่มขึ้นชะเอมก็พลันหน้าแดงเข้าไปใหญ่

นี่เขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น!

มือบางแย่งผ้าห่มจากร่างสูงแต่สู้แรงไม่ได้อีกตามเคย

"เอม อยู่นิ่งๆ สิ คินจะเช็ดตัวให้”

"ไม่เอาเอมโป๊ คินอย่ามองนะ" แขนเรียวๆ กอดตัวเองแถมขดขาขึ้นมาปิดบังลืมความเจ็บไปเสียอย่างนั้น

คินหัวเราะขำ "เมื่อคืนคินเห็นมาหมดแล้ว เอมก็เลิกเขินได้แล้วมั้ง"

แก้มใสพองลม ก็ใครจะไปหน้าไม่อายเหมือนคินกันล่ะ!?

“หรือจะให้คินแก้ผ้าด้วย จะได้เลิกเขิน” คินเลิกคิ้วเสนอ

ชะเอมแก้มแดงปลั่งปฏิเสธเสียงดัง “ไม่ต้อง!!” แบบนั้นมันจะยิ่งทำให้อายมากกว่าเดิมน่ะสิ!

"งั้นมานอนดีๆ คินจะเช็ดตัวให้ เอมไม่สบายอยู่นะรู้มั้ย" มือใหญ่ต้องโยนผ้าลงกะละมังและมาจับคนตัวเบาหวิวนอนราบดีๆ แม้จะยังมีแรงขัดขืนแต่ก็ไม่มากอาจเพราะเหนื่อยล้าจากภารกิจเมื่อคืนก็เป็นได้

คินก้มลงใช้หน้าผากแตะหน้าผากวัดอุณหภูมิ "อืม ยังรุมๆ อยู่เลย เดี๋ยวคินเช็ดตัวเสร็จ เอมก็กินข้าวกินยานะ แล้วจะได้นอนพักต่อ"

"แล้วคนอื่นล่ะครับ?"

"คินบอกให้ทยอยกลับไปแล้ว ไม่ต้องรอ"

"แล้วทุกคน..." รู้หรือเปล่า...เรื่องเมื่อคืน...

คินมองแก้มแดงๆ แล้วยิ้ม "น่าจะรู้นะ ก็นอนซมเสียขนาดนี้"

"...งือ..."

"เลิกเขินได้แล้ว แล้วก็นอนดีๆ" เสียงทุ้มเอ่ยดุๆ มือใหญ่แปะผ้าลงลำคอและไล้ตามใบหน้ามน "เมื่อ คินตกใจหมดเลย เพราะอยู่ดีๆ เอมก็สลบไป...คงจะเหนื่อยมาก"

ดวงตากลมมองใบหน้าคมที่เหมือนจะหล่อมากกว่าเดิม...หวงขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

"คิน เมื่อคืน รู้สึกดีมั้ย"

"รู้สึกดี...ดีมาก" มือไล้ผ้านุ่มที่ลำตัว ลงมาที่ขา "ดีจนอยากจะทำอีกหลายๆ รอบ"

"คนหื่น" เสียงใสบ่นงุบงิบเผลอถดตัวหนี ซึ่งคนโดนว่าก็หัวเราะรับไม่สะทกสะท้าน

“คินยังไม่ได้ขอบคุณเรื่องเมื่อคืนเลย...ขอบคุณนะครับ”

เสียงทุ้มที่เอ่ย และรอยยิ้มที่ปกติคินจะไม่ค่อยทำให้ใครเห็นทำให้ชะเอมเขินอีกครั้ง

อะไรล่ะนั่น

“คินไม่เห็นต้องขอบคุณเลย” ริมฝีปากบางเม้มแน่น แก้มแดงเรื่อ “เพราะเอมก็...รู้สึกดี”

คินยิ้มกว้าง คว้าคนตัวบางเข้ามากอดอย่างดีใจ ซึ่งตอนแรกชะเอมก็ตกใจตาโตก่อนจะหลุดหัวเราะคิก

“เอมเป็นของคินแล้วนะ”

คนฟังเบะปาก น้ำตารื้นขึ้นมา “คินก็เป็นของเอมแล้วเหมือนกันนะ”

ดีใจเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้

ความเจ็บปวดที่ผ่านมาทั้งหมด...มันเหมือนจะถูกทำให้เลือนหายไปเพราะความสุขล้นใจ

“ขี้แย” ร่างสูงแซว ซึ่งแน่นอนว่าชะเอมหน้างอง้ำยกมือปาดน้ำตาป้อยๆ

“เอมไม่ได้ขี้แยซักหน่อย...ก็น้ำตามัน...ไหลเองนี่นา”

เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ มือใหญ่ลูบหัวทุยก่อนจะกดจมูกข้างขมับอย่างหมั่นเขี้ยว...น่ารัก

"เอมอ้าขาหน่อย"

"หะ!?" ชะเอมตาโตตกใจรีบผละหนี...เมื่อกี้กำลังซึ้งอยู่เลย ทำไมอีกฝ่ายเป็นคนหื่นแบบนี้นะ!?

"ใจเย็นๆ คินแค่จะดูแผลตรงนั้นให้ คินกลัวมันอักเสบจะได้ทายาให้อีกรอบ"

ร่างบางยอมนอนนิ่งก่อนที่แก้มจะแดง เม้มปากแน่นมองภาพคินที่จับเข่าของตนแยกออกและสายตาคมจ้องมองมาที่ตรงนั้น ความรู้สึกมันเหมือนจะถูกหมาป่ากินอีกครั้ง

"เย็น...!"

"ไม่ต้องเกร็งนะ ผ่อนคลาย"

"คิน อ๊ะ ไม่..." นิ้วยาวสอดเข้าลึกที่ช่องทางแดงช้ำ กระทุ้งเข้าออกและควานเล็กน้อยก่อนจะถอนออกอย่างรวดเร็ว "อือ..."

"ยานี้ต้องทาข้างใน จะได้หายเร็วๆ ขอโทษนะที่ทำให้กลัว" จมูกโด่งกดข้างขมับปลอบคนตัวเล็กที่นอนหอบหายใจสั่น ร่างสูงเดินไปหยิบเสื้อผ้าและเอามาให้ชะเอมใส่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเอนตัวนอนห่มผ้าอีกครั้ง

"เดี๋ยวคินเอาข้าวมาให้นะ"

"ครับ...คิน...”

“หืม?”

“คินเอายาเมื่อกี้มาจากไหนเหรอ" ร่างบางนอนตาปรือถามเสียงง่วงงุน

เพราะเห็นอีกฝ่ายรู้ดีจังเลยว่าต้องใช้ยาป้ายแบบไหนยังไง

"อ๋อ คินโทรถามอากฤษแล้วเขาก็แนะนำมาน่ะ" แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไปแวะซื้อมาระหว่างทางตอนที่ขับรถกลับจากตลาดที่ไปเมื่อวาน

"เหรอครับ..."

"เอมอย่าเพิ่งหลับนะ ต้องกินข้าวกินยาก่อน" คินบอกอย่างเป็นห่วง ไม่ใช่ยาแก้ไข้อย่างเดียว ยังมียาโรคประจำตัวที่อีกฝ่ายต้องทานอีกด้วย

"แต่เอมง่วง..."

"งั้นนอนไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวคินเข้ามาแล้วจะปลุก"

คนง่วงพยักหน้าแผ่วเบา จำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายพูดอะไร แต่ได้ยินว่าเหมือนอนุญาตจึงปล่อยตัวเองให้เข้าสู่ห้วงนิทรา

"เอม"

ผ่านไปแค่แปปเดียวในความรู้สึก เจ้าตัวก็ถูกปลุกอีกครั้ง แขนหนักอึ้งยกขึ้นขยี้ตา รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมายังไงไม่รู้

"หนาว..."

เสียงใสพึมพำแผ่วเบาทั้งที่ยังลืมตาไม่ขึ้น สัมผัสเย็นๆ แตะที่หน้าผากให้ต้องหันหนีอีกครั้ง

"เอมตัวร้อน กินข้าวแล้วกินยาจะได้หายไวๆ นะครับ" เสียงทุ้มพูดหวานหูเพราะคนไม่สบายมักจะอ่อนไหวเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับร่างบางคนนี้ด้วย

คินมองใบหน้าหวานซีดเซียวด้วยความเป็นห่วงและกังวล พอจะศึกษามาบ้างว่าเวลาผู้ชายที่ถูกสอดใส่ครั้งแรกจะไม่สบาย...รู้อยู่แล้วแต่ก็อดโทษตัวเองไม่ได้ ดังนั้น เขาต้องดูแลชะเอมให้ดีที่สุด

จากนี้และตลอดไป

ร่างสูงค่อยๆ ช้อนคนตัวเบาที่ยังตาปรือนั่งพิงกับหัวเตียง ยกชามข้าวต้มหมูร้อนหอมฉุยตักขึ้นเป่าและจ่อปากคนป่วย "อ้า..."

ดวงตากลมปรือเมื่อได้ยินเสียง ริมฝีปากบางค่อยๆ อ้าออกงับช้อน รสชาดฝืดเฝื่อนทำให้เจ้าตัวส่ายหน้าตั้งแต่คำแรก

"ไม่เอาแล้ว..."

"อีกคำนะครับ"

"ฮือ..." เสียงใสครางอือดื้อดึง แต่ก็ต้องอ้าปากเพราะเสียงทุ้มอ้อนกล่อม คำที่สามและสี่ แต่เพียงแค่ห้าช้อนเจ้าตัวก็หันหน้าหนี "อิ่มแล้ว"

"อีกคำนึงนะ"

"ฮื่อ" ส่ายหน้า

คินถอนใจยิ้มๆ กับเด็กดื้อ แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่คิดเบื่อหน่าย หนำซ้ำยังเอ็นดูมากขึ้น พอคนป่วยปฏิเสธมาแบบนี้ก็มีแต่ต้องวางชามข้าวต้มที่ไม่พร่องลงจากตอนแรกแม้แต่นิด และเปลี่ยนเป็นแก้วน้ำและเม็ดยาสีขาวแทน "งั้นกินยาครับ"

คราวนี้ไม่ต้องบอกซ้ำ ชะเอมจัดการโยนยาเข้าปากและดื่มน้ำอย่างว่าง่าย ดวงตากลมมองคินที่วางแก้วลงกับโต๊ะข้างเตียงเรียบร้อยแล้วก็จ้องนิ่งๆ ทำให้คินเลิกคิ้วถาม

“เอมมีอะไรหรือเปล่า”

เสียงใสเอ่ยออดอ้อน “กอดหน่อยครับ”

คินหย่อนตัวนั่งร่างบางเขยิบเข้าใกล้โอบกอดร่างกายอุ่นๆ ของร่างสูงแน่น

"เอมหนาว"

คินจัดการกดรีโมทปิดแอร์ให้ ห่มผ้าคลุมร่างบางจนถึงลำคอ นอนสักพักลูบแผ่นหลัง ลูบศีรษะทุยจนลมหายใจดังสม่ำเสมอ

“ฟี้...”

ครั้นจะผุดลุกขึ้นปล่อยให้อีกฝ่ายนอนพักแต่แล้วแขนบางก็เกร็งกอดร่างสูงไว้แน่น

"ไม่เอา...คินอย่าไป" เสียงใสสั่นเครือ หยาดน้ำตาซึม...ทั้งๆ ที่ยังหลับอยู่ “...อย่าทิ้งเอมไปอีกเลยนะ”

"ไม่ไปแล้วครับ อย่าร้อง" ร่างสูงโอบกอดร่างบางที่อุณหภูมิสูงไว้ เอ่ยปลอบและจูบหน้าผากมนอุ่นร้อนย้ำซ้ำๆ หวังให้อีกฝ่ายฝันดี "คินอยู่ตรงนี้นะ"

เสียงทุ้มเอ่ยกล่อมจนชะเอมสงบลงและนอนหลับปุ๋ยอีกครั้ง ดวงตาคมพิศมองใบหน้าใสสักพักก็เริ่มง่วงบ้างจึงหลับตาลงและเข้าสู่นิทราไปพร้อมๆ กัน

คินอยู่ตรงนี้...จะไม่ไปไหนอีกแล้ว...คินสัญญา



************************Whose fault? ************************





หนูเอมท้องก่อนแต่ง =.,=// ในที่สุด...ในที่สุด!! น้องก็เสียตัวให้พี่แล้วค่า

แบบสมยอมด้วยนะคะ (จริงๆ ก็สมยอมเพราะลีลาและการออดอ้อนของหมาป่าด้วยนั่นแหละ)

อย่าลืมไปเยี่ยมชมทดแทนรัก คู่ติมรามนะคะ

ใครสนใจหนังสือผิดที่ใคร โอนได้เลยไม่ต้องจอง และแจ้งโอนที่เพจ H.Rui Novels นะค้า

ebook ก็มีจำหน่ายแล้วที่ meb, ookbee , fictionlog ค่ะ จัดการได้ตามสะดวกเลย



ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                            Whose Fault ?

                             ผิด...ครั้งที่ 36



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ปัง! ...ปัง! ...ปัง!



เสียงค้อนตอกตะปูเข้ากับไม้หน้าสามอันใหญ่ดังลั่นใต้ตึกคณะอักษร ส่วนนักศึกษาคนอื่นก็วิ่งวุ่นดูวุ่นวายเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะรุ่นน้องปีหนึ่ง เพราะนี่เข้าใกล้ช่วงกีฬาสีของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้แล้ว เป็นกิจกรรมที่ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันแสดงฝีมือ ไม่ใช่แค่เพียงปีหนึ่ง แต่ปีสอง สาม สี่ ก็มีส่วนร่วมด้วยแม้จะไม่ใช่เสาหลัก



ส่วนใหญ่ปีหนึ่งก็จะต้องทำเกือบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสแตนด์เชียร์ พาเหรด ส่วนผู้นำเชียร์ส่วนใหญ่เป็นปีหนึ่งก็จริงแต่ถ้าไม่มีอาสาสมัครก็ต้องขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ปีก่อนๆ มาช่วยเสริมเพราะต้องฝึกซ้อมอย่างหนักยิ่งใกล้วันจริงต้องซ้อมถึงเช้าเลยก็มี ดังนั้นคนที่อยากเป็นจึงน้อยมากเพราะไม่อยากเหนื่อย บางคนก็เห็นว่าไร้สาระไม่โผล่มาช่วยงานเลยก็มีเหมือนกัน



"รุ่นพี่ครับ เดี๋ยวผมช่วย..." ขาเรียวรีบผุดลุกขึ้นเมื่อเห็นชายคนหนึ่งกำลังยกของหนักด้วยท่าทางทุลักทุเล



"อ่า น้องเอม ไม่ต้องๆ พี่ไหวครับ ไปช่วยพวกผู้หญิงวาดรูปตรงนั้นเถอะ" พี่คนนั้นรีบเอ่ยห้ามตะกุกตะกัก จากที่เหนื่อยๆ อยู่แล้วเหงื่อไหลท่วมมากกว่าเดิม



ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันขวับเมื่อพี่คนเดิมตะโกนเรียกเพื่อนมาช่วยแทน



แล้วทำไมไม่ให้เขาช่วยล่ะ...ใบหน้าหวานคงมีแต่เครื่องหมายคำถามติดอยู่ เพื่อนผู้หญิงหลายคนก็หัวเราะขึ้นมา พอร่างบางหันไปมองก็เกิดอาการเลิ่กลั่กหลบตา เป็นปฏิกิริยาที่แปลกตาสุดๆ สำหรับร่างบาง



นี่เขาน่ากลัวเหรอ?



คงไม่ได้รังสีอะไรบางอย่างที่ไม่น่าเข้าใกล้ติดมาจากคินหรอกนะ?



"เฮ้ย เอม ทำอะไรตรงนั้นวะ ผู้หญิงเยอะแล้วมาช่วยกูทางนี้ดีกว่ามา" ดินตะโกนเรียกและกวักมือ สินกับรามก็อยู่ด้วย ทำให้ชะเอมรีบรุดเข้าไปหา ทางนี้มีแต่ผู้ชาย และส่วนใหญ่ก็นั่งเฉยๆ ไม่ค่อยได้ลงมือทำอะไรเพราะมันเป็นงานฝีมือที่ไม่ค่อยถนัดมากกว่า



"มากูวาดรูปแล้ว มาช่วยลงสีหน่อย ไอ้พวกนี้ก็ไม่ได้เรื่องสักคน ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง" ร่างสูงบ่นชี้นิ้วโป้งไปที่ 'ไอ้พวกนี้' ที่นอนเอกเขนกมองอย่างเดียว บางคนนอนกรนครอกๆ ด้วย "เฮ้ย!! อาจารย์อุตส่าห์ยกคลาสให้มาช่วยน้องทำกิจกรรม เสือกมานอนซะงั้น"



"โห่ย~ ไอ้ดิน มึงมีดีก็แค่วาดรูปกับเล่นเกมแหละว้า ไม่มีสิทธิ์มาว่าพวกกูนะเฟ้ย"



"ใช่ๆ"



จากนั้นก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายมากันใหญ่ สินที่นั่งฟังก็หัวเราะท้องแข็ง รามก็นั่งมองยิ้มๆ



กำปั้นใหญ่มีเส้นเลือดปูด "ไอ้-พวก-เวร"



"น่าๆ เขาพูดเรื่องจริงนี่" ร่างโปร่งเอ่ยไกล่เกลี่ย ให้ดินแหวหนักไปใหญ่



"นี่มึงเข้าข้างใครกันฟะ!?"



ชะเอมได้ยินแล้วหัวเราะเสียงใส ดินกับเพื่อนนี่สนิทกันดีจัง



"เดี๋ยวเราช่วยนะดิน"



ร่างสูงผิวคล้ำลดมือที่ชูขึ้นอย่างหาเรื่องลงเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจ "เจอมึงแล้วกูอารมณ์โมโหกูหดเลย"



"ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ" ชะเอมยิ้มบาง ก้มมองรูปที่เขาต้องลงสีแล้วดวงตาเป็นประกาย อดชมไม่ได้ "ดินวาดสวยมากเลย"



ธีมของคณะอักษรคือเทพผู้พิทักษ์ ดังนั้นรูปที่ดินวาดออกมาบนผ้าดิบผืนใหญ่คือรูปของเจ้าหญิงสวมมงกุฏ สยายผมยาว และมีดวงตาน่าเกรงขามนั่งอยู่บนบัลลังก์และมีชายกำยำตัวใหญ่ใส่เกราะถือดาบอยู่ข้างกายสี่คล้ายองครักษ์อะไรประมาณนั้น รายละเอียดของภาพมันเยอะมากจนไม่อยากเชื่อว่าถูกสร้างสรรค์ด้วยผู้ชายอย่างดิน



ชะเอมเกาหน้าแอบหัวเราะในใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะว่าดินหยาบคายหรอกนะ...ขอโทษนะดิน



ส่วนร่างสูงได้ยินคำชมแล้วอดถูจมูกแก้เขินไม่ได้ ปกติเคยได้ยินแค่คนที่ชมไปงั้นเป็นมารยาท แต่กับชะเอมมันออกมาจากใจจนคนฟังรับรู้ได้ "เออ ก็ของถนัดนี่หว่า"



"เอมไม่ต้องชมมากเดี๋ยวมันเหลิง" สินพูดยิ้มๆ ไม่สนใจดินที่แยกเขี้ยวใส่



"มีอะไรให้ช่วยมั้ย" รามถามพลางขยับเข้ามานั่งข้างๆ



"รามจะช่วยเราเหรอ"



"อืม ถ้าเรื่องช่วยเปลี่ยนถังน้ำล้างพูกัน หรือผสมสีล่ะก็พอจะช่วยได้อยู่" ร่างโปร่งอมยิ้ม "แต่เราลงสีไม่เป็นหรอก เดี๋ยวเละหมด"



"แค่นั้นก็ช่วยได้เยอะแล้วล่ะ" มือบางลงมือแกะฝากระป๋องสีที่คิดว่าจะใช้ ต้องค่อยๆ ทำเพราะตอนนี้ใส่ชุดนักศึกษาสีขาว โดนสีกระเด็นใส่ขึ้นมาล่ะก็ไม่พ้นต้องซื้อเสื้อใหม่เป็นแน่



“ไม่รู้ทำไม เหมือนทุกคนไม่ค่อยอยากให้เราเข้าใกล้เลย รามรู้ไหม?” ชะเอมพูดสิ่งที่กังวล ติดอยู่ในใจมาตั้งแต่แรก ทำให้รามเลิกคิ้ว



“ยังไง เล่าให้ฟังหน่อย”



“ก็...เมื่อกี้เราเห็นรุ่นพี่เขายกของหนัก เลยจะเข้าไปช่วย แต่เขาปฏิเสธมา แถม...พวกผู้หญิงเธอก็พากันหลบตาใหญ่เลย นี่เราน่ากลัวเหรอ?”



ใบหน้าหวานขมวดเครียด นี่เขาติดเชื้อน่ากลัวมาจากคินจริงๆ เหรอ



ดินกับสินที่นั่งฟังพากันหลุดหัวเราะพรืด



“ฮ่าๆ ซะที่ไหนเล่า ก็เขากลัวผัวมึงมาเขม่นเอาต่างหาก”



ชะเอมหน้าแดงกับคำเรียกนั้น...อีกแล้ว “ดิน เบาๆ สิ แล้วคินเขาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”



“ถ้าใครหน้าไหนเข้าใกล้มึงหรือใช้งานมึง ก็ไม่วายโดนไอ้คินมันจ้องตาเขม็งเอาทุกรายหมดแหละ”



“อะไรกัน...” ชะเอมหน้ามุ่ยแต่ก้อนเนื้อภายในอกบางเต้นตุบๆ อย่างดีใจ



“คินคงหวงน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” รามบอกยิ้มๆ เมื่อเห็นหน้าใสงอง้ำ...น่ารักจนไม่แปลกใจเลยที่ ‘ใครๆ ’ ต่างก็มาชอบ



ผ่านไปไม่นาน พู่กันที่ใช้เริ่มเลอะเปรอะเปื้อนจนล้างไม่ออก แถมน้ำเปล่าที่ใช้ล้างก็ข้นจัด รามจึงยกไปเปลี่ยนโดยมีเพื่อนผู้ชายคนอื่นอาสาไปช่วยด้วยทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังนอนเอกเขนกกันอยู่เลย



"ขอบคุณนะ" ใบหน้าหวานยิ้มๆ พูดกับเพื่อนๆ ที่เห็นหน้ากันบ่อยๆ แต่ไม่เคยได้คุยกันแม้แต่ครั้งเดียว



"มะ ไม่เป็นไร"



และหนุ่มๆ ก็หน้าแดงกันเป็นทิวแถบ คิดแบบเดียวกัน



นางฟ้าของคณะอักษร...ชะเอม...น่ารักโคตร



สายตาของผู้ชายหลายคนจับจ้องร่างผอมบาง ใบหน้าขาวที่ผมปรกหน้า แต่ยังเห็นดวงตากลมสีดำมุ่งมั่นกับสิ่งตรงหน้าจนน่าหลงใหล จมูกเล็กเชิดรั้น กับริมฝีปากบางสีแดงเรื่อน่าจูบ จริงๆ แล้วชะเอมเป็นคนที่น่าจับตามองมากที่สุดตั้งแต่เข้าคณะมาตอนปีหนึ่ง แต่เป็นคนที่เข้าหายากเพราะดูเงียบๆ พอต้นปีมานี้ก็ดูเศร้าๆ ซึมๆ อีกและเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่เจ้าตัวเปลี่ยนไปมาก น่าเข้าหาและที่สำคัญคือน่ารักขึ้นเยอะ ทั้งรอยยิ้มและแววตาสดใส ยิ่งมีหลายคนอยากคุยด้วย ไม่แปลกเลยที่ตอนนี้จะมีหลายคนดึงความกล้าและเข้าไปคุย ถ้าหากไม่มีคิน แฟนหนุ่มสุดหล่อเดือนคณะวิศวะอยู่ด้วยละก็นะ



แน่นอนว่าการกระทำซุ่มแอบมองของชายหลายคนชะเอมไม่ได้ทันสังเกตหรอก เพราะเจ้าตัวซื่อ(บื้อ)เกิน รามมองแล้วถอนหายใจ...ดีนะที่คินมันไม่ได้อยู่แถวนี้



"เอม ผมเริ่มยาวไปหน่อยแล้วหรือเปล่า" สินทัก มองผมสีดำประกายน้ำตาลนุ่มนิ่มเริ่มระต้นคอส่วนหน้าม้าก็เริ่มยาวจะปิดตาอยู่แล้ว



"อ่า เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน" มือบางเปรอะเปื้อน จึงไม่อาจหยิบจับอะไรได้เอง เพราะอากาศอบอ้าวไม่มีลมพัดผ่านจึงทำให้เหงื่อเริ่มผุดไหลซึมข้างขมับ แขนบางยกขึ้นเช็ดใบหน้าไม่ค่อยถนัด เช็ดไปเช็ดมาเหงื่อเข้าตาจนแสบไปหมด จากนั้นชะเอมก็ได้ยินเหมือนเสียงฮือฮาอะไรไม่รู้



"มาแล้วว่ะ..."



"มาทีไรขัดลาภทุกทีอะ โธ่ นางฟ้ากู"



ร่างบางไม่เห็นว่าคืออะไร เพราะดวงตากลมหลับปี๋ จากนั้นได้กลิ่นอะไรคุ้นๆ หอมๆ โชยมา ริมฝีปากบางยิ้มกว้างเมื่อจำได้แล้วว่าเป็นใคร และสัมผัสนุ่มนิ่มก็ซับเบาๆ ลงบนใบหน้า ขมับ และเหงื่อที่เข้าตาออกให้



"ขอบคุณครับ" เสียงใสเอ่ย ก่อนที่ดวงตากลมปรือเปิด ใบหน้าคมหล่อเหลาที่สาวๆ หลายคนเผลอกรี๊ดปรากฎอยู่ตรงหน้า "คิน"



อีกฝ่ายเลิกคิ้ว "รู้ด้วยเหรอว่าเป็นคิน"



"เอมจำกลิ่นได้"



เหมือนได้ยินเสียงวี้ดว้ายจากที่ไกลๆ



'อ๊าย แก หวานอะ กรี๊ดๆ'



'มีเช็ดหน้าเช็ดตาให้กันด้วย แถมเมื่อกี้อะไร บอกว่าจำกลิ่นของแฟนได้'



"ฮะๆ" เสียงทุ้มหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินคำตอบ "เป็นหมารึเปล่าเนี่ย"



คนโดนว่ายู่ปาก "เปล่าสักหน่อย...ว่าแต่คินมาได้ไงครับ ไม่ได้อยู่ช่วยงานน้องๆ เหรอ"



"คินเอาข้าวมาให้ กินด้วยกันนะ" ร่างสูงชูถุงผ้าสะอาดที่บรรจุกล่องข้าวเอาไว้ข้างในแม้มองไม่เห็นแต่ร่างบางก็รู้ว่ามันคืออะไร เพราะเขาเป็นคนลงมือทำเองทั้งหมด



"ใกล้เที่ยงแล้วเหรอ"



"ใช่ ว่าแต่เอมทำอะไร...ลงสี"



ชะเอมพยักหน้าน้อยๆ มองมือที่เปรอะเปื้อนสีจนเหนียวเหนอะหนะไปหมด "เดี๋ยวเอมต้องไปล้างมือก่อน"



"เดี๋ยวคินไปด้วย"



ร่างสูงผุดลุกขึ้นและเดินตาม ไม่สนใจว่าตั้งแต่เขามามีแต่คนมองมากและซุบซิบมากกว่าเดิม ชะเอมหน้าแดงเรื่อเพราะเริ่มได้ยินเสียงนินทาเหล่านั้น ไม่ได้เบาเสียเลย



'แก แค่ไปล้างมือยังตามติดเลยอะ นี่เรียกว่าโรคติดแฟนป่ะ โอ๊ย ฟินจะเป็นลม'



'ไม่เคยเห็นพี่คินโหมดนี้ ทั้งหล่อ ทั้งอ่อนโยน โฮก สามีในฝันของกู'



'เขาอ่อนโยนกับแค่แฟนเขาเท่านั้นแหละย่ะ'



'พี่ชะเอมก็ดูจะเขินๆ นะ เห็นแก้มแดงตลอด น่ารักง่ะ'



'อ๊า อยากให้พี่คินมาที่คณะทุกวัน จะได้เห็นอะไรฟินๆ'



"คิน..." ดวงตากลมโตช้อนมองคนข้างๆ อย่างอายๆ ฟันขบกัดริมฝีปากล่างอย่างไม่รู้จะทำยังไง



"ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล" คินพูดยิ้มๆ เขาก็ได้ยินเช่นกัน แต่คนเหล่านั้นไม่ได้ปองร้ายหรือคิดไม่ดี เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ต้องกังวล



"แล้วทำไมเอมทำอยู่คนเดียว คนอื่นไม่คิดจะช่วยเลยเหรอ" สายตาคมกริบตวัดมองคนที่กินข้าวเสร็จแล้วมานอนเอกเขนกเช่นเดิม ต้องสะดุ้งสุดตัว ร่างบางยิ้มแหยเอ่ยปราม



"ไม่เอาน่าคิน คนอื่นเขาทำไม่ได้ก็เลยขอให้เอมมาช่วยไงครับ" เสียงใสเหมือนน้ำเย็นที่ชะโลมคนอารมณ์กรุ่นให้เย็นลง "เดี๋ยวเอมต้องทำงานแล้ว คินกลับไปที่คณะตัวเองเถอะ พวกเอกคงตามหาอยู่"



ก็ให้มันหาไป...คินคิดแบบนี้แต่ปากตอบไปอีกอย่าง "ไม่เป็นไร เดี๋ยวคินอยู่ช่วยเอม"



"ไม่ได้นะ"



"ทำไม"



เชื่อว่าถ้าเป็นคนอื่นคงหัวหดไปแล้วถ้าเจอเสียงดุๆ และตาดุๆ แต่ชะเอมยังคงว่าเสียงใส "นี่มันงานของคณะอักษร คินมีงานของคินก็ไปทำสิครับ"



"ไล่คินเหรอ" คิ้วเข้มกระตุก มองหน้าผากมนขาวเนียนที่เปิดกว้างเพราะหน้าม้าถูกผูกเป็นจุกให้ตั้งขึ้นไปเห็นดวงตากลมสีดำใสชัดเจน ใบหน้าหวานน่ารักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า...แล้วแบบนี้จะให้ปล่อยไว้คนเดียวท่ามกลางเจ้าพวกนี้ได้ไง



ต้องคอยนั่งกันเอาไว้...พวกแมลงจะได้ไม่มาตอม



ชะเอมขมวดคิ้วส่ายไปมาปฏิเสธ "เอมเปล่า"



คนที่เอ่ยไล่ยังไม่รู้ตัว...



"คินไม่ไป"



"ทำไมคินดื้อ" แก้มใสพองลม มองคนที่นั่งนิ่งไม่ไปไหนอยู่ข้างๆ แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจอีก อดเอ่ยเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้ "ถ้าพวกเอกว่าเอมไม่รู้ด้วยนะ"



มันไม่ว่าหรอกน่า



"ทำไมมึงยังไม่ไปอีกวะ งานการไม่มีทำไง?" ดินพูดกับคินซึ่งร่างสูงหูทวนลมไม่สนใจ "มานั่งเฝ้าเมียอยู่ได้ ไอ้ขี้หวง"

คนโดนว่าไม่สะทกสะท้าน แต่คนข้างๆ สะดุ้งโหยงหน้าแดงกับคำเรียก (อีกแล้ว) มองซ้ายมองขวาก่อนจะโล่งอกเมื่อน่าจะไม่มีใครได้ยิน "ดิน...พูดอะไรน่ะ"



"เสร็จมันแล้วก็บอก"



"..." แค่ใบหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศนี่ก็เฉลยคำตอบแล้วคงไม่ต้องพูดหรอก คินเท้าคางมองท่าทางนั้นยิ้มๆ ...จะว่าไปนิสัยซื่อๆ นี่ก็ดีนะ ดูง่ายดี



น่ารักจนไม่อยากให้ใครมอง



ผัวะ!



"อย่าล้อเพื่อน" สินโบกเข้าที่ท้ายทอยดินไม่แรงนักเป็นการเตือน



"รู้แล้วน่า..." ดินโอดโอยทำหน้าเหม็นเบื่อ



"จะเสร็จเมื่อไหร่?" เสียงทุ้มถามขึ้นเมื่อนั่งมองท่าทางขมักเขม้นตั้งใจของชะเอมอยู่นานสองนานจนรู้สึกง่วง



"เอมก็ไม่รู้เหมือนกัน"



"ไม่เสร็จก็มาทำต่อพรุ่งนี้ได้ ไม่ต้องรีบ" ดินบอก พลางมองรูปที่ตัวเองเป็นคนวาดเริ่มมีสีสันประปรายแล้วรู้สึกดีที่ให้ชะเอมมาช่วย



"ว่าแต่รูปนี้จะเอาไปทำอะไร วาดซะใหญ่เลย"



"น่าจะพื้นหลังของอะไรซักอย่าง"



"นี่วาดทั้งๆ ที่ไม่รู้เนี่ยนะ"



"ก็จัดให้ตามสั่งแค่นั้น ทำไมกูต้องรู้ด้วยวะ" ดินพูดตามที่คิด เขาแค่คิดว่ามันออกมาดีก็ดีแล้วนี่



"กูก็แค่ถามไปงั้น"



ดินคิ้วกระตุก...คนอย่างนี้นี่มันมีดีอะไรให้เอมชอบนอกจากกวนส้น...



"ว่าแต่รามหายไปไหนนะ" ร่างบางมองหา



"คงไปกับไอติมล่ะมั้ง" สินละสายตาจากโทรศัพท์ "อ้าวนั่นไง จริงด้วย"



ร่างสูงที่นั่งอยู่ตาขวางทันที



"พี่ชะเอมหวัดดีครับ" ไอ้คนมาใหม่รีบเดินเข้ามาทักชะเอมคนแรก มองข้ามหัวใครบางคนไป แน่นอนคินก็ไม่สนใจเหมือนกันเพราะไม่ได้อยากจะรู้จักมันแต่แรกอยู่แล้ว



แต่ปล่อยผ่านไม่ได้เพราะไอ้หมอนี่ชอบมายุ่งกับคนของเขา



"อื้อ ไม่ได้เจอนานเลย" ใบหน้าขาวยิ้มสว่างสดใส



"ไปเที่ยวต่างจังหวัดก็เพิ่งเจอนี่ครับ"



รอยยิ้มบางเจื่อนลงเล็กน้อย "อ่า จริงด้วย เราไม่ได้คุยกันเลยนี่เนอะ" แต่คินแอบยิ้มมุมปากเยาะๆ



"ก็เกิดเรื่องขึ้นเยอะนี่ครับ...ว่าแต่พี่ชะเอมผูกจุกแบบนี้แล้วน่ารักมากเลย" ริมฝีปากคมยิ้มละมุน ผิดกับร่างโปร่งข้างๆ ที่ได้ยินคำนั้นแล้วยิ้มฝืดเฝื่อน ขบปากจนเลือดซึม



ชะเอมหัวเราะแหะๆ ไม่พูดตอบอะไรเพราะเดี๋ยวคินโมโห  เสียงใสร้องเรียกเพื่อนแทนทำให้ร่างโปร่งต้องปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ "...รามมาช่วยเราหน่อยสิ ไม่มีใครช่วยเปลี่ยนน้ำให้เลย"



"ได้สิ" ร่างโปร่งเดินเข้ามาหยิบถังน้ำที่มีน้ำเปล่าข้นๆ ที่มองแทบไม่ออกว่ามันคือน้ำเปล่าขึ้น



"งั้นเดี๋ยวเราไปด้วย ต้องล้างแปรง"



"คินช่วย" มือใหญ่แย่งบางส่วนมาถือเองจนสีเลอะมือไปด้วย



"งั้นผมไปด้วย"



"มึงจะไปทำไม" คินคิ้วกระตุกพูดเสียงเข้ม พอเห็นแบบนั้นร่างบางเลิ่กลั่กเงยมองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนรามยืนนิ่ง สินเลยเข้ามาปราม



"เฮ้ยๆ ใจเย็นหน่อยเว้ย คนมองหมดแล้ว"



"จะไปกับแฟน มีปัญหาอะไรครับ"



"ไปเถอะเอม" รามที่ถูกพาดพิงเอ่ยขึ้นมาและเดินนำไปก่อน ทำให้ชะเอมรีบเดินตามไปติดๆ และแน่นอนคินกับไอติมเห็นแบบนั้นก็เดินตามมาด้วย



ระหว่างทางเดินผ่านไปยังห้องน้ำที่จะต้องไปเปลี่ยนน้ำและล้างอุปกรณ์ ก็มีซุ้มบางอย่างที่กำลังต่อเติมไม้เป็นชั้นเวทีหรืออะไรสักอย่าง ดูวุ่นวายจนต้องเดินห่างออกมา แต่แล้วก็มีอีกกลุ่มเดินเข้ามาอีกทางไม่ได้มองแบกท่อนไม้หน้าสามท่อนใหญ่หลายท่อนมาและชนกับชะเอมกับรามเข้าอย่างจัง



"ระวัง!!" คินตะโกนดังลั่น ร่างสูงทั้งสองรีบกระโจนเข้าไป ก่อนที่เสียงโครมและเสียงของหล่นจะดังขึ้นต่อเนื่อง ไม้ที่ถูกแบกมาหลายท่อนร่วงกราวลงมาทับแต่ดูเหมือนจะโชคดีที่ชะเอมจะไม่เป็นไร แต่ร่างโปร่งถูกตะปูขึ้นสนิมตัวใหญ่หลายตัวที่ติดมากับไม้หน้าสามพวกนั้นทิ่มลึกเข้าที่แขนจนเลือดไหลท่วม



"เอมไม่เป็นไร...ราม!" เสียงใสตกใจทำให้คนอีกสองคนหันมามอง



เจ็บ...

ฟันขาวขบกัดริมฝีปากล่างจนเลือดซึม แผลนี้เจ็บมาก...แต่ก็ไม่เจ็บเท่ากับที่เห็นไอติมกระโจนเข้าไปปกป้องชะเอมโดยปล่อยเขาทิ้งไว้



>>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


ต่อจากด้านบนค่ะ<<<<<<<<<<<<<<<<<<


รู้อยู่แล้ว...ว่าไม่ใช่คนสำคัญ



ร่างบางปรี่เข้ามาดู ไม่ได้สนใจรอบข้างที่ฮือฮา แต่ตอนนี้เพื่อนของเขากำลังบาดเจ็บ "ราม...เลือด..."



"เอม ไม่เป็นไร..." เสียงทุ้มใสสั่นเครือ ภาพข้างหน้ามันพร่ามัว รู้สึกท้อแท้เหลือเกิน...ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าใครคนนั้น



"ไม่เป็นไรที่ไหน ราม...ติม ช่วยพารามไปห้องพยาบาล..."



"ไม่! ไม่ต้อง...เดี๋ยวเราไปเอง" เพียงแค่ได้ยินชื่อก็ปฏิเสธเสียงแข็งทันที หยาดน้ำตาที่ไหลก็ปล่อยให้มันไหลไป รามฝืนดึงแขนออกจากเหล็กแหลมที่ติดกับไม้จนเผลอกัดปากเข้าที่แผลเดิม จากนั้นขาเรียวพยายามลุกขึ้น "โอ๊ย..."



เท้าของเขา...



พอดวงตาเรียวเห็นว่าสภาพของข้อเท้าตัวเองมันบวมแดงขนาดไหน ก็ยิ่งตัดพ้อ...บ้าจริง...ทุเรศที่สุด



ตัวเขาในตอนนี้มันทุเรศจนมองไม่ได้



"อึก..." น้ำตามันไหลซึ่งพยายามเช็ดเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมหยุดเสียที บอกความรู้สึกนี้ไม่ได้ มีแต่จุก...เจ็บ



ภาพเมื่อครู่มันติดตรึง...ไม่หายไป ในยามมีอันตรายคนที่อีกฝ่ายจะเลือกปกป้องก่อนคือชะเอม ไม่ใช่เขา



"ราม...ไปหาหมอเถอะนะ" ชะเอมบอกด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นรามเป็นแบบนี้...ร้องไห้แบบนี้



เพื่อนของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้



มือแตะแขนเรียวเบาๆ ที่เลือดไหลท่วมแต่เจ้าของไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่นิด ยิ่งน้ำสกปรกในกระป๋องเมื่อกี้ที่รามถือมาเพื่อจะทิ้งก็หกหมดแถมเลอะจนเสื้อนักศึกษาเป็นรอยด่างดำ นั่นไม่สำคัญเท่าน้ำนั้นสาดโดนแผลฉกรรจ์ด้วย ดวงตากลมหันไปมองรุ่นน้องตัวสูงที่ยังยืนนิ่งแล้วก็ไม่เข้าใจ ทำไมถึงนิ่งได้ขนาดนั้น รามกำลังบาดเจ็บนะ



"คิน..." เสียงใสเรียกคนรักขอความช่วยเหลือ คินก็เดินเข้าใกล้กำลังจะช้อนร่างโปร่งขึ้น แต่ทันใดนั้นเองร่างสูงอีกคนก็เข้ามาแทรก



"หลบ" ติมเอ่ยเสียงเข้ม แต่พอเข้าใกล้คนเจ็บ รามก็ถอยหนีทั้งๆ ที่เลือดยังไหล...ไม่ห่วงตัวเองเลยสักนิด



"ไม่ต้อง! พี่ไปเอง..." ร่างโปร่งปาดน้ำตากัดฟันลุกขึ้นอีกครั้ง จนในที่สุดก็ยืนขึ้นจนได้ ขาเรียวด้านขวาเกร็งสั่นเพราะต้องรับน้ำหนักทั้งตัวเนื่องจากขาซ้ายไม่อาจใช้งานได้



ก่อนที่เท้าจะลอยขึ้นเหนือพื้นในวินาทีต่อมาเพราะถูกช้อนตัวโดยคนที่ไม่อยากมองหน้ามากที่สุด



“ติม!”



"ติมพี่ฝากด้วยนะ" ชะเอมพูด ถึงแม้ใจจะคิดว่าทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่หรือไม่ ไม่ว่าจะยังไงก็อยากให้ดีกันไว้



"ครับ"



"ปล่อยพี่...!" และมีหรือที่คนโดนอุ้มจะยอมดีๆ แต่เสียงโวยวายก็ค่อยๆ เบาลงเพราะขายาวพาร่างสองร่างให้เดินห่างออกไป ใบหน้าหวานซีดเซียวหลังจากที่เห็นเลือดสีแดงฉาน ยืนนิ่งงันไม่ขยับไปไหนจนกระทั่งมีเสียงเรียกจากคิน



"ถ้าเป็นห่วงล่ะก็จะตามไปดูมั้ย"



ริมฝีปากบางเม้มแน่น ก่อนจะพยักหน้าไม่คลายความเป็นห่วงและกังวล "แต่เอมต้องเก็บของตรงนี้ก่อน แล้วก็ต้องไปบอกพวกดินด้วย"



คินพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งสองคน และคนตรงนั้นจะมาช่วยเก็บของ น้ำที่หก เลือดที่หยดนองเต็มพื้นให้สะอาดเหมือนเดิม





************************Whose fault? ************************





ณ มุมตึกอันเงียบสงัดที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน มันจึงมักเป็นที่ซ่องสุมของพวกขี้เหล้า เมายา สูบบุหรี่แต่ตอนนี้มีกลุ่มของนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งประมาณสี่ถึงห้าคนที่ใส่ชุดนักศึกษายืนเรียงหน้ากระดาน และเสียงแหลมกร้าวก็ดังแทรกจากนั้นใบหน้าของชายเหล่านั้นก็สะบัด



เพียะ! เพียะ!



"ไอ้พวกโง่!! ไม่ได้เรื่อง!" เสียงเล็กด่ากราดและตบหน้าคนที่ยืนก้มหน้าแถวนั้นดังฉาดทุกคนจนหน้าแดงขึ้นรอยนิ้วมือ บางคนเลือดกลบปากไปเลยก็มี



"มันไม่เป็นอะไรเลยพวกมึงไม่เห็นรึไง!?" ลมหายใจเข้าออกแรงดังฟืดฟาด เขาซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ หวังว่าจะให้มันเลือดตกยางออกบ้างแต่มันไม่มีแม้แต่รอยถลอกหรือรอยขีดข่วนเลย



"แล้วที่กูบอกให้เอายาไปเปลี่ยนน่ะทำกันรึยัง!?"



"..."



ความเงียบเป็นคำตอบที่ดีที่สุด...และมันก็ทำให้โมโหมากที่สุดเช่นกัน!



เพราะมันแปลว่าพวกมันยังไม่ได้ทำตามที่เขาสั่ง!



"กระเป๋าของมันมีคนเฝ้าอยู่ตลอดนะครับ ไม่เจ้าตัวก็ไอ้คิน..."



"กูไม่อยากฟังคำแก้ตัว...แล้วก็อย่ามาเรียกคินว่าไอ้!"



เพียะ!



คนๆ นั้นที่โดนมือเล็กสะบัดเข้าที่หน้าอีกทีก็กระเด็นล้มลงกับพื้นหญ้า...ไม่คิดจะออมแรงให้แม้แต่นิด



"ถ้ามึงพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับคินอีก จะโดนหนักกว่านี้"



"..."



ร่างเล็กกอดอกพ่นลมหายใจ "มีกันตั้งเยอะแยะแต่ไม่รู้จักใช้หัวคิด โง่จริงๆ"



"ขอโทษครับ..." เสียงทุ้มพากันพูดเสียงซึมหงอยประสาน มีแค่บางคนที่ไม่ชอบสักนิดกับการรองรับอารมณ์ไม่มีเหตุผลแบบนี้



"คราวหน้า...ถ้ายังพลาดอีกกูจะไม่ให้เงินแม้แต่แดงเดียว และอย่าหวังว่าคราวนี้กูจะมีอะไรให้ เพราะแค่ทำให้มันมีแผลซักนิดก็ยังทำไม่ได้!"



เสียงเล็กเกรี้ยวกราดทิ้งคำสบประมาทไว้และเดินกระทืบเท้าออกไป



เงาดำมืดบางอย่างที่อยู่อีกฟากของผนังราวกับยืนฟังอยู่นานแล้วก่อนจะยิ้มมุมปากและเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ



"ผมทนไม่ไหวแล้วนะ" คนที่โดนตบถึงสองครั้งจนเลือดกลบพูดออกมาเมื่อคาดว่าเรย์พ้นจากบริเวณนี้ไปแล้ว



"กูก็ว่าแม่งทำเกินไปว่ะ ตอนแรกเห็นน่ารักจริงแต่ก็น่ารำคาญชิบหาย มิน่าไอ้คินถึงได้ทิ้ง สมน้ำหน้า" ชายคนหนึ่งพูดไม่สบอารมณ์ เขาน่ะโดนใบหน้านั้นหลอกเข้าตายใจเลย...ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วนิสัยอีกฝ่ายเป็นแบบนี้กัน



"เลิกดีไหม?"



พอโดนพูดแบบนี้มากเข้าแน่นอนว่าต้องมีคนลังเล แต่ใครคนหนึ่งพูดขัดขึ้นมา



"แต่ได้เงินเยอะนะมึง คิดดีๆ จะมีงานไหนที่ง่ายกว่านี้อีกวะ"



"ใช่ แค่เปลี่ยนยาสำเร็จก็น่าจะพอใจแล้ว เราทำแค่นั้นก็พอนี่"



หลายๆ คนพยักหน้า ถ้าแค่นั้นล่ะก็...



คำสั่งของผู้ว่าจ้างคือให้ไปสลับยาที่ให้มากับที่ชะเอมกำลังพกติดตัว ตอนแรกพวกเขาก็กังวลว่ามันจะมีอะไรร้ายแรงหรือไม่ แต่ก็ได้คำตอบมาแล้วว่ามันคือยาแก้ปวดธรรมดา



แต่หารู้ไม่ นั่นน่ะคือคำสั่งให้ไปฆ่าคนเลยต่างหาก





************************Whose fault? ************************





"คิน เจ็บมากมั้ย" เสียงใสเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล มือบางช่วยทำแผลให้ร่างสูง ทายาแดงติดผ้าก๊อซ วันนี้แผลหนักกว่าทุกวัน ชะเอมขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยสุดฤทธิ์ "ทำไมช่วงนี้คินถึงซุ่มซ่ามบ่อยจังเลยล่ะครับ?"



ร่างสูงนิ่งเงียบ ดีที่หันหลังให้อยู่จึงไม่เห็นหน้าเครียดขึงของใบหน้าคม ช่วงนี้ทำไมถึงซุ่มซ่ามบ่อยงั้นเหรอ อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้ซุ่มซ่าม แต่ชะเอมต่างหากที่มักจะเจอเรื่องบ้าบอคอแตกอย่างคนเดินมาชนทำของหล่นใส่ น้ำร้อนกระเด็น ทุกวี่ทุกวันแต่เจ้าตัวก็ไม่บาดเจ็บเลยเพราะร่างสูงมองเห็นทันและป้องกันไว้ก่อน ถ้าไม่อย่างงั้นร่างผอมๆ นี่คงอ่วมก่อนแน่



เรื่องบาดเจ็บไม่น่าสงสัยเท่าคนที่สร้างเหตุการณ์อุบัติเหตุเหล่านั้น เป็นใบหน้าเดิมๆ คนเดิมๆ ชะเอมคงไม่ได้สังเกต แต่นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้วนับจากวันแรกที่รามบาดเจ็บ



"โอ๊ย! ...แสบ" คินสะดุ้งโหยง แผลจากกระจกหน้าต่างแตกแล้วกระเด็นมาปักที่แผ่นหลังนี่มันเจ็บปวดกว่าที่คิด



"เอมขอโทษ..." ใบหน้าหวานซีดเซียวมองอย่างเป็นห่วง ริมฝีปากบางเม้มแน่น น้ำตาคลอ เพราะสงสารร่างสูงจับใจ "คินเจ็บมากมั้ย เอมขอโทษครับ"



"ไม่ต้องขอโทษ..."



แขนแกร่งคว้าคนตัวผอมที่น้ำตาซึมมากอดปลอบ รู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงเขามากแค่ไหน แต่ถ้าจะให้ชะเอมเจ็บตัวเขายอมเจ็บแทนดีกว่า เขาคงทนไม่ได้แน่ถ้าเห็นร่างเล็กที่เขารักเป็นอะไรไป "เอมไม่ผิดเลย"



ร่างสูงกอดปลอบ ลูบหัวลูบหลังกว่าจะสงบ



"เอมเป็นห่วงคิน"



"ไม่ต้องห่วง แผลแค่นี้เลียหน่อยก็หาย" เสียงทุ้มพูดติดขำ แต่คนฟังทำหน้างงไม่เข้าใจว่ามันเป็นมุข



"เลียอะไรล่ะครับ คินไม่ใช่น้องหมาที่เลียแผลตัวเองแล้วจะหายสักหน่อย"



"ก็ถ้าเลียเองไม่หาย ก็ให้เอมเลียก็ได้ คินว่าคินหายแน่นอน"



แก้มใสแดงเรื่อ บ่นอุบอิบ "มันจะไปหายได้ยังไงล่ะครับ"



คินหัวเราะ กดจมูกหอมแก้มใสคนที่ทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูจนมันแดงกว่าเดิม



"อีกไม่กี่วันนี้ก็ถึงวันกีฬาสีแล้ว คินลงแข่งวิ่งกับบาสเก็ตบอลไว้ไม่ใช่เหรอครับ"



"อ่า จริงด้วย" เสียงทุ้มครางต่ำ...ลืมเสียสนิท "สงสัยโดนไล่ออกจากทีมแล้วล่ะมั้ง"



ดวงตากลมเบิกกว้างตกใจ หันขวับไปมองคนที่พูดเสียงนิ่งไม่ทุกข์ร้อน "ทำไมล่ะครับ?"



"ก็คินไม่ได้เข้าไปซ้อมเลยนี่นา"



"อ้าวเขามีซ้อมกันเมื่อไหร่ เอมไม่เห็นรู้เลย" นอกจากนี้คินก็ไม่ได้บอกอะไรด้วย



"ก็มีซ้อมทุกเย็นนั่นแหละ" คินบอก ก็เห็นเพื่อนในทีมว่าอย่างนั้นนะ...ชวนอยู่ทุกวันแต่ทำไงได้ เขามีภารกิจที่ต้องเป็นไม้กันหมาให้ชะเอม จะละเลยต่อหน้าที่ได้ยังไง



"งั้นก็ไปซ้อมสิครับ โธ่ แล้วทำไมเวลาเอมถามถึงตอบว่าไม่มีธุระล่ะ"



ร่างสูงเหงื่อตก ถ้าชะเอมรู้ความจริงล่ะก็เขาต้องโดนไล่แน่ๆ



"ไม่รู้ล่ะ ถ้าเอมรู้ว่าคินถูกไล่ออกจากทีมเพราะมาตามติดเอมจนไม่ได้ไปซ้อมล่ะก็ เอมไม่ยอมจริงๆ ด้วย" สาบานว่าคินเพิ่งเคยเห็นคนที่เอ่ยคำขู่ได้น่ารักขนาดนี้มาก่อน



"ไม่มีคินเขาก็หาคนอื่นมาแทนได้นี่" เสียงทุ้มพูดเรียบง่ายไม่เดือดร้อน แต่คนที่เดือดร้อนแทนคือร่างบางเนี่ย



"ไม่ได้!"



เห็นสีหน้าจริงจังแล้วจะตอบอะไรได้นอกจาก "...ครับ คินไปซ้อมก็ได้ แต่เอมต้องไปดูคินซ้อมด้วย" เสียงทุ้มเอ่ยเข้มแกมบังคับ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ชะเอมอยู่คนเดียวเด็ดขาด ทั้งหวงทั้งห่วง



"เอมมีงาน"



"งานนั่นให้คนอื่นทำก็ได้"



ชะเอมอึกอัก “ทำแบบนั้นไม่ได้นะ..."



"งั้นก็ให้คนอื่นมาแข่งแทนคิน"



แก้มใสพองลม เอาแต่ใจที่สุดเลย "คินขี้โกง"



" เดี๋ยวคินไปรับ" ร่างสูงยิ้มสรุปเสร็จสรรพ



ร่างบางส่ายหน้าระรัว "เดี๋ยวเอมไปเอง คินซ้อมที่ไหน"



"โรงยิมของคณะวิศวะ เอมมาถูกเหรอ?"



"เดี๋ยวเอมถามทางคนแถวนั้นก็ได้ครับ" ชะเอมบอกยิ้มๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับแค่ไม่รู้ทาง ลำบากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว



คิ้วเข้มกระตุกทันทีเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายจะ 'ถามทาง' ...นั่นมันหมายถึงร่างบางจะต้องเข้าไป 'คุย'กับคนอื่นไม่ใช่หรือ?



ไม่สนหรอกว่าจะเป็นหญิงหรือชาย...ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด



"ไม่ได้...เอมต้องรอให้คินไปรับ จบนะ ไม่คุยแล้ว" ร่างสูงสวมเสื้อหลังจากที่ทำแผลเสร็จก่อนจะล้มตัวลงนอนหันหลังให้ทันที...ให้รู้กันว่าแบบนี้คือห้ามปฏิเสธ!



"คิน...ทำไมถึงเอาแต่ใจแบบนี้ครับ" ร่างบางคลานตัวพลิกร่างสูงให้นอนหงาย คินก็โอนอ่อนตามแรงง่ายดายกว่าที่คิด ทันทีที่แผ่นหลังติดเตียงแขนแข็งแกร่งก็ดึงแขนบางตวัดให้ชะเอมมานอนคร่อมตนทันทีที่เผลอ ทำให้ร่างเบาหวิวหน้าแดงดิ้นขลุกขลัก แต่พอคินไม่ได้ทำอะไรชะเอมก็นอนนิ่งให้กอดอยู่อย่างนั้น



"คินเอาแต่ใจเพราะหวงเอม"



เสียงทุ้มเอ่ยออดอ้อน เป็นท่าทางที่คนอื่นจะไม่มีวันได้เห็นนอกจากคนๆ เดียวคือคนตรงหน้า



"หวง?" ชะเอมนิ่งนึก ช่วงนี้ก็ไม่เห็นมีใครมาคุยด้วยเลย "เอมยังไม่ได้ทำอะไรให้คินต้องหวงเลยนะ"



"ก็เอมบอกว่าจะไปถามทางคนแถวนั้น"



ฟังคำบอกเล่าแล้ว เสียงใสหลุดหัวเราะเสียงดัง



"ไม่ต้องขำเลย ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองเสน่ห์แรงขนาดไหน"



"โอเวอร์ไปแล้วครับ" ชะเอมกระถดตัวขึ้นให้ใบหน้าใกล้กัน ริมฝีปากบางแย้มยิ้มแก้มใสแดงเรื่อ "ยังไงเอมก็รักคินคนเดียวนะ"



"คินรู้ แต่มันก็อดหวงไม่ได้อยู่ดี"



"ก็คินจะมารับเอมใช่มั้ยล่ะครับ" จมูกเล็กหอมข้างแก้มใบหน้าคมซ้ายขวาเอาใจคนขี้หวง ก่อนจะพูดอุบอิบอายๆ "งั้นเอมจะรอก็ได้"



ร่างสูงมองดวงตากลมสีดำสั่นไหวเพราะเขินอายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มกลับบ้างอย่างหมั่นเขี้ยวและกดท้ายทอยเล็กมอบจูบที่อ่อนโยนและยาวนานที่สุดให้กับคนรักที่ผละออกหายใจหอบสั่น



ผ่านไปสักพักก่อนที่ไฟในห้องดับมืดลง ชะเอมนอนหลับปุ๋ยพรูลมหายใจเหมือนเด็กๆ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจนอดไม่ได้ที่จะแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง จนร่างบางส่งเสียงอืออาพลิกตัวดิ้นหนีเพราะถูกรบกวน



ภายนอกเหมือนจะรู้สึกสบายใจแต่ลึกลงไปภายในใจนั้นมันเป็นหลุมดำมืด ความกังวลและลางสังหรณ์บางอย่างกำลังร่ำร้องว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นร้ายแรงมากกว่านี้



...มากยิ่งกว่านี้



************************Whose fault? ************************


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                                                  Whose Fault ?

                                                  ผิด...ครั้งที่ 37



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



“เฮ!!”

ในโรงยิมที่เต็มไปด้วยเสียงฝีเท้า เสียงเอี๊ยดอ๊าดของรองเท้าที่เสียดสีกับพื้น เสียงเดาะบาสดังปึ้งๆติดต่อกันเป็นเวลานาน และเสียงเฮฮาเสียงกรี๊ดเชียร์ของผู้ชมที่นั่งอยู่เต็มสแตนด์เชียร์ แน่นอนว่ามีแข่งกันมานี่ก็วันที่สองแล้ว แต่วันนี้คนแน่นเอี๊ยดเป็นพิเศษเพราะว่าหนึ่งในทีมที่แข่งกันตอนนี้คือคณะวิศวกรรมศาสตร์แชมป์บาสเก็ตบอลหลายสมัย ดังนั้นจึงเป็นเกมที่พวกสายกีฬาโดยเฉพาะนักบาสทุกคนต้องมาดู พลาดไม่ได้เด็ดขาด

นอกจากนี้ก็ยังมีสาวๆ หลากหลายมานั่งเต็มที่นั่ง พูดได้ว่าจำนวนมากกว่าผู้ชายที่ตั้งใจมาดูกีฬาเสียด้วยซ้ำ แน่สิเพราะพวกเธอน่ะมาดูคนต่างหาก...ก็ผู้ชายวิศวะมีแต่คนหล่อๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะ...

ตึ้ง!!

"โอววว"

เสียงเชียร์โห่ร้องดังขึ้นอีกครั้ง เพราะนักกีฬาคนหนึ่งของฝั่งวิศวะเพิ่งจะกระโดดดังค์ลูกเข้าห่วงทำแต้มไป

“สุดยอด นั่นใครน่ะ” สาวคนหนึ่งปิดปากอุทาน ถามเพื่อนคนข้างๆ

“ก็พี่คินไง เห็นว่าเป็นเดือนคณะวิศวะเมื่อสามปีก่อน ทั้งหล่อทั้งรวยแถมเก่งกีฬาอีกด้วย นี่ขนาดไม่ได้มาซ้อมกับทีมทุกวันยังโชว์ฟอร์มได้ขนาดนี้ เท่สุดๆ เลย!”

ฟังสรรพคุณที่เพื่อนสาธยายออกมาแล้วตาวาว ​“จริงเหรอๆ?...แล้วเขามีแฟนยังอ่ะแก”

“มีแล้ว นั่นไง นั่งอยู่ตรงที่นั่งเชียร์ฝั่งวิศวะชั้นล่างสุด เห็นมั้ย ที่ขาวๆ หน้าหวานๆ หน่อย” หนึ่งสาวชี้ไปฝั่งตรงข้าม ทั้งที่อยู่ไกลพอสมควรแต่ก็ยังเห็นว่าใครเป็นใคร โดยเฉพาะ ‘แฟนคิน’ น่ะเด่นสุดๆ

“ไหนยะ แกมั่วรึเปล่า ชั้นล่างสุดฉันเห็นแต่ผู้ชาย”

“ก็ฉันบอกแกตอนไหนว่าเป็นผู้หญิง...แฟนพี่คินเขาเป็นผู้ชายย่ะ!”

"หา!?" ​คนใส่แว่นใบหน้าเต็มไปด้วยฝ้ากระตกใจตาเหลือกเมื่อได้คำตอบ

“แกเถอะไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกันมา ถึงได้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเล้ย”

“ย่ะๆ ฉันมันไม่รู้อะไร ไหนเล่ามาหน่อยซิ” สาวรอบรู้เอือมระอาเพื่อนที่เปลี่ยนจากหน้าตกใจเป็นสนใจและอยากรู้อยากเห็นแทน “ชื่ออะไรน่ะ เรียนคณะอะไร ไหนๆ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคนไหน”

“ก็คนที่เด่นที่สุดในชั้นล่างน่ะสิ ไม่เห็นหรือไง”

ในระหว่างที่กำลังจ้องมอง เสียงนกหวีดก็ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงเป็นสัญญาณการบอกเวลาจบเกมนักกีฬาทั้งสองทีมต่างจับมือขอบคุณสำหรับความสนุกและหยาดเหงื่อในครั้งนี้ และทีมผู้ชนะจะเป็นใครไปไม่ได้ ก็คือทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์นั่นเอง

“เหนื่อยหน่อยนะครับ” ผ้าขนหนูผืนสีขาวสะอาดถูกส่งจากมือบางยื่นตรงหน้าร่างสูงเหงื่อโชกในชุดเสื้อกล้ามสีดำขอบแดง มีตัวเลขสีขาวตัวใหญ่แสดงอยู่บนตัวบ่งบอกว่าเป็นตัวจริงในทีม

“ขอบคุณครับแฟน”

ร่างสูงยิ้มหวานเช็ดทั้งหน้าและลำคอที่เปียกเหงื่อด้วยท่าทางที่ทำให้สาวๆ บนแสตนด์เชียร์กรี๊ดเกรียวกราว ทำให้ชะเอมยิ้มเขินๆ ก่อนจะส่งน้ำเย็นให้กับคิน โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องออกแรงเปิดขวดให้เสียเวลาเพราะร่างบางเปิดฝาและปักหลอดไว้ให้แล้ว

“กรี๊ดดด” เสียงสาวๆ กรี๊ดระลอกสองเพราะเดือนวิศวะสุดหล่อไม่รับขวดน้ำจากแฟนแต่ก้มลงดูดจากมือบางแทน

“ไอ้ห่าเอ๊ย หวาน...หวานเกิน” เพื่อนร่วมทีมส่งเสียงแซวเป่าปาก “น้องชะเอมจ๋า ขอน้ำให้พวกเราบ้างสิ”

“ได้สิครับ พี่นายเขาเตรียมไว้ให้สำหรับทุกคนเลย” ชะเอมยิ้มสว่างพูดถึงผู้จัดการทีมก่อนจะยื่นน้ำเย็นที่วางอยู่ให้อีกหลายขวดอย่างไม่ถือสา เพราะตั้งแต่มาดูคินซ้อมหลายวันก็สนิทกับเพื่อนๆ และพี่ๆ เขาพอสมควร

“น่าร้าก...อ้าว” พอพี่คนหนึ่งจะรับน้ำก็ถูกยัดใส่มือจากอีกคนแทนซะงั้น และเป็นขวดเปล่าที่กินหมดแล้วด้วย “ไอ้ห่าคิน”

คินไม่สนคำด่าแต่หันไปพูดกับร่างบางแทน “อย่าไปแตะนะเอม เดี๋ยวติดเชื้อ”

“ไอ้ขี้หวง! กับพี่ก็ไม่เว้นเลยนะ” รุ่นพี่ร่วมทีมแหวเสียงดัง เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ

“พี่ไม่ใช่พี่ผมซักหน่อย”

“โอ้โห มันตัดพี่ตัดน้องกันตอนนี้เลยเว้ย...กระซิก น้องเอมดูมันสิ พี่จะร้องไห้~” ร่างสูงที่ตัวพอๆ กับคินทำท่าปาดน้ำตาคร่ำครวญหันมารวบมือบางทั้งสองข้างกำไว้แน่น โดยที่เจ้าตัวที่ยังดูงุนงงเลยไม่ทันได้ปฏิเสธอะไรด้วยซ้ำ

“บอกว่าอย่ามาจับไง!”

คินตะคอกก่อนรวบร่างบางกลับมาและกอดเอาไว้แนบอก การกระทำที่แสดงออกมาทำให้คนทั้งโรงยิมโห่ฮิ้ว ชะเอมหน้าแดงเถือก ความอุ่นร้อนจากการออกกำลังและกลิ่นกายของร่างสูงก็ยิ่งทำให้ใจเต้นแรงมากขึ้นไปอีก

“คินครับ ปล่อยเอมก่อน...”

“พี่คินขา พี่ชะเอมหน้าแดงหมดแล้วค่า!”

“กรี๊ดๆ”

ร่างสูงหน้าเรียบนิ่งไม่ยินดียินร้าย รีบจูงมือบางลากเดินไป จุดหมายคือประตูโรงยิม ไม่สนใจเสียงร้องกระตู้วู้หรือเสียงโห่ของเพื่อนร่วมทีมแม้แต่น้อยราวกับพวกมันคืออากาศธาตุ

"คิน จะไปไหนครับ?" ชะเอมถามคนที่ทำอะไรปุบปับรวดเร็ว แต่ขาเรียวก็เดินตามไม่ได้ขัดขืน ดีนะที่กระเป๋าพกของสำคัญแขวนติดตัวไว้ตลอดไม่งั้นคงได้ลืมวางไว้ที่ไหนไม่สักที่ก็สักวันแน่นอน

"หิว" คินตอบอ้างสั้นห้วน

ไม่ใช่แค่นั้นหรอก นอกจากนี้ก็รำคาญเสียงพวกนี้ด้วยต่างหาก

“เฮ้ยคิน มีแข่งตอนบ่ายต่อนะเว้ย ตรงเวลาๆ!” รุ่นพี่คนเดิมป้องปากตะโกนบอกสองคนที่กำลังจะพ้นประตูโรงยิม ซึ่งเจ้าของชื่อแค่โบกมือไม่หันกลับมาเป็นเชิงรับรู้ จนแผ่นหลังทั้งสองเล็กลงจนหายไปในที่สุด

"พี่คิวก็ ไม่เห็นต้องไปยั่วไอ้คินมันเลยครับ" รุ่นน้องคนหนึ่งทักขึ้น นั่งยืดขาโปะผ้าลงบนศีรษะอยู่บนเก้าอี้สำหรับนักกีฬาข้างสนาม

"แหม ก็น้องชะเอมน่ารักจริงๆ นี่นา"

เพื่อนร่วมทีมทุกคนหันมามองพูดประสานเสียง "ขืนพูดแบบนั้นให้ไอ้คินได้ยินอีกมีหวังโดนเขม่นใส่แน่"

เจ้าคนโดนเตือนเกาหัวหัวเราะอ้าปากกว้างไม่รักษามาดใดๆ "งั้นเหรอๆ"

"ให้ตายสิ พี่คิวนี่จะชิวเกินไปแล้วนะ..."

"ทำตัวให้สมกับเป็นกัปตันทีมหน่อยสิคร้าบ"

"แล้วแบบนี้ช่วงบ่ายมันจะมาช่วยเราเล่นเหรอ"

คิวยักไหล่ไม่ยี่หระ "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังไงเราก็มี 'ตัวช่วยพิเศษ' ที่ยังไงคินมันก็ต้องยอมฟังแน่ๆ อยู่คนหนึ่ง"

"หมายถึงชะเอมเหรอ"

 "ช่าย จะบอกว่าที่ช่วงหลังมาซ้อมด้วยกันก็เพราะน้องเอมเป็นคนบอกให้มานั่นแหละ"

"อุหวา..." หลายๆ คนอุทานไม่อยากจะเชื่อ โดยปกติคินจะเป็นคนที่นิ่งๆ เข้าหาค่อนข้างยากถ้าไม่สนิทไม่คิดจะพูดกับใครหรือว่าฟังใครพูดด้วยซ้ำ ขนาดกัปตันไปขอให้มาช่วยยังยากเลย

...แสดงว่าคินเป็นพวกเกรงใจเมียสินะ...

แถมยังเป็นคนขี้หวงมากด้วย

“แก๊ ฟินมาก คุ้มมาก ได้มาเจอพี่คิน แถมพี่เอมก็อยู่ด้วย”

“ตอนบ่ายยังมีแข่งต่ออีกใช่ป่ะ”

“ใช่ๆ”

“งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จตอนบ่ายมาอีกเนอะๆ”

“อื้อ~”

เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งได้ยินสาวๆ คุยกันแล้วถามขึ้นเสียงเบื่อหน่าย “ถามไรหน่อยดิ มานั่งดูคนหล่อๆ สวีทกับแฟนผู้ชายมันน่าดูตรงไหนวะ”

“โห่ย มึงมันไม่เข้าใจฟีล”

“จริงๆ ตอนแรกฉันก็ใจสลายเหมือนกัน แต่พี่ชะเอมน่ารัก ให้อภัย คิคิ”

“แล้วพี่เรย์อ่ะ” สาวคนหนึ่งพูดอย่างนึกขึ้นได้ แต่กลับโดนเพื่อนสาวอีกคนรีบโบกความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

“แกอย่าไปขุด ป่านนี้คงถูกทิ้งตกกระป๋องไปแล้ว ตอนนี้ตัวจริงของพี่คินคือพี่ชะเอมย่ะ”

ท่ามกลางเสียงคุยจอแจของผู้คนในโรงยิมที่กำลังทยอยเดินออกไปเพราะการแข่งจบลงแล้วแถมเป็นช่วงเวลาพักเที่ยง ยังมีคนกลุ่มหนึ่งนั่งสุมหัวด้วยใบหน้าทะมึนเครียดขึงขัดกับบรรยากาศรอบตัว น่าแปลกจนบางคนต้องหันมามอง

"ถ้ามันติดกระเป๋าไว้กับตัวตลอดแล้วจะเปลี่ยนได้ยังไงกันวะ!?" ชายหัวร้อนคนหนึ่งสบถใช้กำปั้นทุบหน้าตักอย่างอารมณ์เสีย เพื่อนข้างๆ รีบกระซิบ

"ใจเย็นหน่อยดิวะมึง แล้วก็พูดเบาๆ ด้วยเดี๋ยวคนอื่นได้ยินจะสงสัยเอา”

“ตอนบ่ายเห็นว่ายังมีแข่งอีก งั้นแสดงว่าก็ยังมีโอกาสอยู่" อีกคนพูดขึ้น

"โอกาสห่าไรอีก นี่กูอดทนรอมาหลายวันแล้วเว้ย!"

"กูมีแผนแล้ว"

ชายอารมณ์กรุ่นชะงักหรี่ตามองเพื่อนที่เปรียบเสมือนเป็นหัวโจกก่อนที่จะได้เห็นรอยยิ้มแสยะ

"เดี๋ยวออกไปข้างนอกแล้วค่อยคุยกัน"





************************Whose fault? ************************

"อ้า--"

"คิน...ทานเองสิครับ" เสียงใสท้วงหน้าแดงเรื่อเมื่อคนตัวสูงนั่งเท้าคางอ้าปากรอแถมส่งเสียงเหมือนเด็กอ่อนทั้งๆ ที่มือทั้งสองข้างก็ว่างแท้ๆ

ทั้งสองคนกำลังนั่งกินข้าวด้วยกันใต้ต้นไม้ร่มเงาไม่ไกลจากโรงยิมใกล้ๆ ที่จอดรถพอดีเพราะอย่างที่พี่คิวบอกคินต้องแข่งตอนบ่ายต่อเพราะตอนเช้าแข่งชนะไปและในงานกีฬาสีแบบนี้คนก็วิ่งไปวิ่งมาดูไม่เงียบสงบเหมือนวันปกติทำให้ชะเอมอายสายตาคนรอบข้างที่มองมาไม่น้อย "คนมองกันหมดแล้ว"

"ก็ปล่อยให้มองไปสิ คินหิว เอมป้อนหน่อย" ว่าแล้วก็อ้าปาก ไม่สนใจสาวๆ ที่เดินผ่านแล้วซุบซิบเลยแม้แต่น้อย ร่างบางแก้มแดงปลั่งมัวแต่เขิน คินเลยอ้าปากเก้อไม่ได้กินซักที "หิวจัง...ตอนบ่ายมีแข่งด้วย สงสัยต้องเป็นลมเพราะหิวข้าวแน่"

โครกคราก...

เสียงเอฟเฟคต์ของกระเพาะอาหารตามมา ทำงานได้ตรงเวลาทำให้คำพูดนั้นดูน่าเห็นใจมากขึ้นไปอีก

...ข้าวกล่องก็ตั้งอยู่ตรงหน้าไม่ใช่หรือไง...

"โธ่ คินนี่ล่ะก็" เสียงใสเอ่ยเสียงอ่อนแกมเอือมระอา...เรียกร้องเหมือนเด็กๆ เลย

ร่างสูงเห็นอีกฝ่ายอมยิ้มแล้วก็รู้ทันทีว่าชะเอมยอมเขาแล้ว ขายาวรีบผุดลุกขึ้นย้ายไปนั่งข้างๆ ร่างบางแทน ทำให้ชะเอมมองงุนงง

"?"

"เดี๋ยวหก" พูดเสร็จก็อ้าปาก ทำให้ชะเอมหัวเราะตาปิด

"ครับๆ" จะทำอะไรได้นอกจากตอบรับ มือบางจับช้อนตักข้าวพอดีคำป้อนเข้าปากคนข้างๆ สายตาคมที่จ้องมองร่างบางทุกการกระทำทำให้ใบหน้าใสร้อนผะผ่าว

อย่าจ้องกันแบบนั้นสิ

ชะเอมตักข้าวกล่องของตัวเองทานบ้าง เคี้ยวหงับๆ ตากลมเสมองไปทางอื่นทั้งที่แก้มร้อนผ่าว ไม่กล้ามองคนข้างๆ ที่จ้องเขาตาไม่กระพริบเสียอย่างนั้น...บอกเลยว่าอาย

"อร่อย"

คนได้ยินคำชมยิ้มกว้างสว่างไสว ถึงจะได้ยินทุกวันแต่ก็ยังดีใจ "อร่อยก็กินให้หมดเลยนะครับ"

คินยิ้มรับมองท่าทางน่ารักนั้นแล้วไม่อยากละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว

"อยากกินทุกวัน"

"ทุกวันนี้ก็กินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ"

"คินหมายถึงทุกวัน...ตลอดไป"

ชะเอมชะงักนิ่ง ...ตลอดไป?

ดวงตากลมน้ำตารื้นเอ่อเมื่อเข้าใจความหมายของมัน มือบางยกขึ้นขยี้ตา "เอมทำให้ได้อยู่แล้ว แต่คินก็อย่าเพิ่งเบื่อไปก่อนนะ"

ทั้งสองคนกินข้าวพูดคุย ได้ยินเสียงกลองเชียร์ที่แว่วมาแต่ไกล ใช้เวลาพักเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงไปด้วยกัน...ค่อยๆ ทดแทนเวลาที่เคยเสียไป

ทีละนิด ทีละนิด

คินมักจะชอบเอ่ยหยอกล้อให้ร่างบางที่ชอบแสดงออกมาแง่งอน แก้มใสพองลมแต่ประเดี๋ยวเดียวก็หัวเราะออกมาเมื่อโดนมือใหญ่รวบเอวและจั๊กจี๋ ก่อนที่ชะเอมจะบอกยอมแพ้แต่แขนแกร่งก็ยังไม่ปล่อย ซ้ำยังกอดรัดแน่น...ดวงตากลมหลบวูบก่อนที่ ใบหน้าคมจะยื่นเข้าใกล้กระซิบทุ้มข้างใบหูเล็ก ก่อนแก้มใสจะแดงปลั่ง เม้มปากแน่น จะดิ้นหนีก็ถูกล็อคตัวไว้แน่น ปฏิเสธก็ไม่ได้ มองซ้ายมองขวาทำใจพักหนึ่งก่อนที่จมูกเล็กกดลงข้างแก้มของใบหน้าคม และผละออกอย่างรวดเร็วก้มหน้างุดๆ ซบอกกว้าง...ได้ยินเสียงหัวใจเป็นจังหวะเดียวกัน

คินก็รู้สึกเหมือนกัน ดีใจจัง

...ถ้าเป็นแบบนี้ทุกๆ วันก็คงจะดี...

...ถ้าได้มีความสุขแบบนี้ทุกวัน...ก็คงดี...

"น้องเอมขาอยู่นี่เอง!" ร่างบางรีบดันตัวเองออกหน้าร้อนผ่าวและหันไปมอง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า และเธอก็ดูเหมือนจะวิ่งมาจากที่ไหนไม่รู้แต่คงไกลมากถึงได้หอบหายใจท่าทางเหนื่อยสุดๆ

"ครับ...พี่?" ดวงตากลมงุนงง ก็คุ้นๆ หน้าอยู่หรอกแต่ว่าเขาจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่รู้ว่าเป็นรุ่นพี่ที่คณะของตัวเอง "มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"พี่ชื่อนุชนะ คือพอดีว่าพี่มีเรื่องด่วนมาวานน้องชะเอมหน่อยน่ะ น้องชะเอมพอจะช่วยพี่หน่อยได้มั้ยคะ ขอร้องล่ะ!" สาวนุชก้มหัวต่ำ ทำให้ชะเอมรีบโบกมือ

"รุ่นพี่ครับ ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ แล้วผมก็ยังไม่รู้เลยว่าคือเรื่องอะไร...ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือเปล่าด้วย"

"ช่วยได้แน่นอนค่ะ!"

"อ่าครับ แล้วมันคือ...?" ชะเอมกระพริบตาปริบ

"พอดีว่างานพาเหรดที่จะจัดพรุ่งนี้ คนที่แต่งตัวเป็นเจ้าหญิงเขาเกิดอุบัติเหตุกะทันหัน แล้วพี่ก็หาใครมาแทนไม่ได้เลย พี่ก็เลยนึกถึงน้อง..." รุ่นพี่อธิบายเว้นช่วง หวังให้ชะเอมปะติดปะต่อเอาเอง

ชะเอมพยักหน้า ธีมของคณะอักษรคือผู้พิทักษ์ ยังจำที่ดินวาดรูปลงผืนผ้าได้เป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นคนลงสีเองกับมือ ดังนั้นพาเหรดที่จะจัดแสดงวันพรุ่งนี้ ก็คงจะไม่หลุดออกไปจากนี้ ก็คือต้องมีคนที่สวมเกราะถือดาบและต้องมีเจ้าหญิงนั่งบัลลังก์ และเมื่อกี้พี่นุชก็เพิ่งบอกว่าผู้หญิงที่ได้รับบทแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงเกิดอุบัติเหตุ...แต่แล้วยังไงล่ะ?

นุชมองหน้าใบหน้ารุ่นน้องคนซื่อที่ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจ ผิดกับคนข้างๆ ที่เปลี่ยนสีหน้าและแววตาไปเรียบร้อยแล้วทำเอาเธอเหงื่อตก

แต่เธอจะยอมตรงนี้ไม่ได้! อุตส่าห์วิ่งทั่วมหา'ลัยเพื่อที่จะหาตัว แล้วก็เจอจนได้...อย่างน้อยก็ขอให้ได้พูดออกไป

"คือพี่อยากจะวานให้น้องเอมมาช่วยแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงแทนให้หน่อยน่ะค่ะ"

"จะ เจ้าหญิง!?" ชะเอมอุทานตกใจแล้วชี้หน้าตัวเองประมาณว่า...เขาเนี่ยนะ ก่อนจะหลุดหัวเราะขำ "พี่นุชครับ ผมเป็นผู้ชาย"

นุชเหงื่อตก มองดูใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นล่ะค่ะน้อง เธอล่ะอยากจะขยี้หัวตะโกนก้อง ทำไมพูดกับร่างบางคนนี้มันถึงได้ยากลำบากขนาดนี้เนี่ย!

และมันยิ่งยากมากขึ้นเป็นสามเท่าเพราะมีคินทำหน้าโหดอยู่ข้างๆ ด้วย!

"พี่รู้ค่า แต่น้องชะเอมน่ารักหน้าหวานจะตาย แต่งหญิงยังไงก็ขึ้นค่ะ พี่ขอล่ะนะคะน้อง ช่วยพี่หน่อยได้มั้ย"

ชะเอมยิ้มแห้ง ก็ได้ยินคำชมว่าน่ารักมาบ่อยๆ อยู่หรอก...แต่เป็นผู้ชายจะให้มาแต่งหญิงเนี่ยเกินไปหน่อยมั้ย

"แต่ผมว่าพี่นุชไปหาผู้หญิงในคณะดีกว่านะครับ เยอะแยะเลย น่าจะดีกว่าผู้ชายแบบผมด้วย"

"ไม่มีใครอาสาเลยค่ะ พี่ก็เลยมาหาน้อง..."

"จริงเหรอครับ?"

เฮือก

นุชสะดุ้งหน้าซีดเมื่อเจอสายตาดุดันเย็นชา

"ไม่มีใครอาสา หรือพี่ไม่หากันแน่ครับ"

"พะ พี่...พี่หาแล้วจริงๆ ค่ะ..."

ชะเอมมองรุ่นพี่หน้าเจื่อนตอบคินตะกุกตะกักแล้วก็อดสงสารไม่ได้

"ถ้าหาไม่ได้จริงๆ เอมก็ช่วยได้นะครับ"

"จริงเหรอคะ!?"

"แต่ว่ายังไงเอมก็ต้อง..." ดวงตากลมเหลือบมองคนข้างๆ ที่ฟังแล้วยังนิ่งเงียบ ดูแล้วไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไรอยู่ "งั้นพี่ลองถามคินดูนะครับ ถ้าคินโอเค ผมก็โอเค"

นุชหน้าเหวออยากจะกรีดร้องดังๆ เหมือนกำลังดูหนังผี

น้องชะเอมคะ...ส่งพี่ไปตายชัดๆ!

นุชฮึดสู้ทำใจดีสู้เสื้อ แย้มรอยยิ้มที่มันแหยสุดๆ

"แหะๆ น้องคิน..."

"ไม่อนุญาตครับ"

ฮือ...เด็ดขาดมาก

>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2



ต่อจากด้านบน<<<<<<<<<<<<<<<<<



"ค่ะ..." เธอร้องไห้น้ำตานองและเดินคอตกออกไป

ไม่ต้องพูดซ้ำสอง...เพราะไม่กล้าพูด ใครจะกล้าพูด!! ถ้าจะต้องให้เสี่ยงตายขนาดนี้พี่ไปหาคนอื่นก็ได้ค่ะ!

"ทำไมคินพูดห้วนจังครับ" พอหญิงสาวรุ่นพี่เดินหน้าจ๋อยออกไป ชะเอมก็ขมวดคิ้วหันมาถามด้วยความเป็นห่วงรุ่นพี่คนนั้น...ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง แถมเป็นรุ่นพี่ด้วย

"คินพูดห้วนตรงไหน" คิ้วเข้มเลิกถามสงสัย สุภาพจะตายไป เขารู้หรอกน่าว่าต้องมีคำลงท้ายกับคนอายุมากกว่าน่ะ

"ก็น้ำเสียง..." ชะเอมชะงักนิ่งไป ที่เป็นแบบนี้เพราะคินอาจจะทำเพื่อเขา แถมจะให้ไปบังคับอยากให้อีกฝ่ายเป็นยังไงก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นอึดอัดกันทั้งสองฝ่าย "อื้อ ไม่มีอะไรครับ"

ถ้าพูดมากๆ คินอาจจะไม่ชอบก็ได้...เขาไม่อยากให้กลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว

คินเท้าคางมองใบหน้าใสที่ขมวดคิ้วมุ่นดูกังวล น่าจะไม่ใช่เรื่องเมื่อกี้ ...แต่เป็นเรื่องของเขาต่างหาก "คินแค่ไม่ชอบให้เขามายุ่งกับเอม"

"เอ๊ะ...?"

"คินน่ารำคาญรึเปล่า ที่ทำแบบนี้ ทั้งกีดกัน ทั้งหึงหวง ไม่ว่าใคร คินก็ไม่อยากให้เข้าใกล้เอม..."

ฟังที่อีกฝ่ายพูดแล้วชะเอมก็อดหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงไม่ได้ ร่างบางเม้มปากก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ "ไม่เลย เอมไม่เคยรำคาญคิน"

ร่างสูงยิ้มบาง "คินก็เหมือนกัน"

ตึกตัก!

เหมือนกัน? ...หมายถึง?

"ไม่ว่าเอมจะพูดเอาแต่ใจ งอแง ขี้แยยังไง คินก็ไม่รำคาญเอมหรอกนะ เพราะงั้น..."

ชะเอมน้ำตารื้นอีกครั้ง แค่คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้เขารู้สึกอย่างง่ายดาย

นี่สังเกตเขาด้วยเหรอ? ...รู้ด้วยเหรอว่าเขากังวลอะไร?

"เอมทำตามที่ใจต้องการเถอะนะ"

ชะเอมมุ่นคิ้วเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่มั่นใจ "เอมหวงคินได้เหรอ?"

"คินยังหวงเอมเลย ทำไมคินถึงจะห้ามเอมไม่ให้ทำแบบนั้นล่ะ...กลับกันคินดีใจด้วยซ้ำ"

ชะเอมยิ้มรับ ถึงอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ไม่รู้ว่าถึงเวลาจริงๆ เขาจะกล้าหรือเปล่า...

ร่างสูงเท้าคางมอง ก็รู้อยู่หรอกว่าอะไรๆ ไม่น่าจะเป็นไปอย่างที่คิดได้ง่าย เพราะเสียใจมาหลายต่อหลายครั้งเพราะตัวเขา จึงสูญเสียความมั่นใจไปด้วย แต่เขาก็จะไม่เร่งรัด...ต้องทำให้ชะเอมมั่นใจในความรู้สึกของเขาให้ได้สักวันหนึ่ง

สักวันหนึ่ง...ที่เราสองคนจะมีความสุขโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นอีกต่อไป





************************Whose fault? ************************





"ไอ้คิน มาทางนี้ได้แล้ว! มาซะเลทเลย ให้ตายสิ" เพื่อนร่วมทีมชื่อว่านกวักมือเรียก ดูเหมือนนักกีฬาทุกคนจะพร้อมแล้ว และผู้ชมก็เริ่มมากันประปราย

ร่างสูงยกนาฬิกาขึ้นมาดู "ผมมาตรงเวลานะครับ"

กัปตันคิวกุมขมับ "ไอ้นี่ก็ซื่อตรงเกิน เวลานัดเขาต้องมาก่อนเวลาสักสิบห้านาที มันเป็นมารยาทที่ควรรู้นะเฟ้ย"

"..."

"ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลย ไปๆ ไปได้แล้ว...น้องชะเอมจ๋าเดี๋ยวพี่มาหานะ" ร่างสูงของรุ่นพี่คิวไม่ลืมหันมาฉอเลาะร่างบางแฟนน้องร่วมทีม โดยไม่สะทกสะท้านกับสายตาคมกริบของคินแม้แต่น้อย

ชะเอมหัวเราะแหะๆ และชี้ไปที่สแตนด์ "เอมนั่งเชียร์อยู่ที่เดิมนะ"

ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินหันหลังไป

เพียงแค่มองใบหน้าและท่าเดินของคินก็รู้ว่าเหนื่อยหน่ายขนาดไหน

ที่คินยอมมาแข่งแบบนี้ก็เพราะเขาเป็นคนขอร้องให้มา เรื่องซ้อมทีมก็เหมือนกัน...ไม่ใช่อยากจะบังคับให้อีกฝ่ายทำตามที่เขาอยากให้ทำ แต่เขาก็อยากจะเห็นคินได้อยู่กับเพื่อน...อยากจะเห็นคินได้ทำหลายๆ อย่างหลายๆ มุม

"นาย เรานั่งข้างๆ ได้เปล่า"

จู่ๆ ก็มีคนมาทัก ชะเอมเลยหันไปมอง "อ่า เชิญครับ" ใบหน้าพยักน้อยๆ ยิ้มให้กับผู้ชายสองคนที่ไม่คุ้นหน้าเลยแม้แต่นิดหย่อนตัวลงนั่งถัดจากเขาไป...ดูจากหน้าไม่รู้ว่าเป็นรุ่นพี่หรือเป็นรุ่นน้อง

น่าจะปีเดียวกันมั้ง?

ปรี๊ดดด!

นกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มเกมทำให้ชะเอมหันกลับไปมองที่สนาม ลีลาการเล่นของร่างสูงช่างน่าหลงใหลจนละสายตาไม่ได้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสาวๆ ถึงกรี๊ด แม้ลูกบาสสีส้มจะหลุดจากมือส่งไปให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นแล้วแต่ดวงตากลมโตก็ไม่อาจละสายตาจากคนที่รักและหลงใหลได้ มีแค่เขาคนเดียวที่ได้ครอบครองหน้าตาหล่อเหลาร่างกายสูงแขนขายาวสมส่วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เวลาเหงื่อออก หอบหายใจ เสียงทุ้มต่ำครางเครือ...ยิ่งเร่าร้อน

ชะเอมเม้มปากหน้าแดงไม่รู้ตัว ทำไมถึงได้คิดอะไรทะลึ่งตึงตังขึ้นมาตอนนี้นะ

"เอม เป็นอะไร หน้าแดงๆ"

"!?"

จู่ๆ ใบหน้าคมเข้ามาปรากฏในระยะใกล้ ทำให้ร่างบางผงะหน้าแดงก่ำหนักเขาไปใหญ่ มือใหญ่ยื่นเข้ามาทาบทับที่หน้าผากมน

"ตัวไม่ร้อนนะ"

"อะ เอม...ไม่เป็นไร" เสียงใสตอบแผ่ว "แล้วคินแข่งเสร็จแล้วเหรอครับ"

ร่างสูงเท้าสะเอวชี้นิ้วโป้งไปด้านหลัง "พวกนั้นขอเวลานอก นี่เหม่ออะไรอยู่ ไม่ได้สนใจคินเล่นเลยใช่มั้ย"

"..." คนเหม่อเม้มปาก ไม่มีทางบอกหรอกว่าก่อนหน้านี้เขาคิดอะไร...แล้วก็ไม่ได้ไม่สนใจอีกฝ่ายสักหน่อย...สนใจมากๆ ต่างหาก...สนใจมากจนคิดลึกไปไกล

อาการแปลกๆ ที่คินไม่ได้เอ่ยทักแต่เพียงยิ้มมุมปาก ยังไงในหัวเล็กๆ นี่ก็คิดถึงแต่เขาคนเดียวมาตลอดอยู่แล้วนี่นะ

"มึงอย่าหวานมาก กูหมั่นไส้"

"พี่เป็นอะไรกับผมนักหนา" ร่างสูงถอนหายใจเสียงดัง เหนื่อยหน่ายเหลือเกินขี้เกียจจะเถียงด้วย

"ไม่เป็นอะไรกับมึง กูเป็นกับน้องเอมต่างหาก ใช่มั้ยจ๊ะ!" กัปตันยิ้มแป้นหันไปถามร่างบางแสนน่ารักน่าชัง แต่ถูกดันหน้าไว้โดยร่างสูงข้างๆ

"ไปไกลๆ"

ชะเอมหัวเราะแห้ง ส่วนเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ดื่มน้ำอึกๆ หันหลังคุยกันทำเป็นไม่สนใจ ไอ้พี่คิวนี่มันวอนตายจริงๆ

ก่อนที่ความวุ่นวายจะเกิด กัปตันที่สร้างความวุ่นวายเองนั่นแหละเป็นคนปรบมือเรียกความฮึกเหิม "เอ้าพวกเราได้เวลาแล้ว...ทีมนั้นกำลังอ่อนแรงเพราะเจอเราไล่ต้อน ตอนนี้เป็นเวลาดีที่จะทำแต้มนำห่างไปอีก แล้วพวกเราก็ยังมี 'ไม้ตาย' อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัว...ทำให้เต็มที่ไปเลยนะพวกเรา!"

"โอ้!"

ชะเอมมองแล้วยิ้มบาง...ถึงจะเห็นแบบนั้นก็เป็นกัปตันจริงๆ ล่ะนะ...สมแล้ว

"อ้าว น้ำหมด...เวรล่ะ ไม่ได้ซื้อเตรียมไว้ซะด้วยสิ" รุ่นพี่ผู้ชายตัวเล็กผิวสีน้ำผึ้งคนหนึ่งที่คล้ายๆ เป็นผู้จัดการทีมบาสเก็ตบอลของคณะวิศวะเกาหัวบ่นเปรยๆ "เดี๋ยวถ้าพวกไอ้คิวมันเล่นจบแล้วไม่มีน้ำให้แดกล่ะบ่นหูชาแน่"

"ไปซื้อดีมั้ยครับ พี่นาย เดี๋ยวผมไปซื้อให้" ชะเอมอาสาขึ้นพลางค้นหาเงินในกระเป๋า แต่นายรีบโบกมือระรัวทำตาเหลือกหน้าเหวอด้วย

"เห้ยๆ ไม่ต้องๆ! เดี๋ยวพี่จัดการเอง เอมนั่งเฉยๆ"

คิ้วบางขมวดมุ่น "ทำไมล่ะครับ ผมไปช่วยดีกว่า"

"เดี๋ยวคินมันบ่นพี่ ถ้าใช้เอมอ่ะดิ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่นายคิดมากเกินไปแล้ว" ใบหน้าใสพูดยิ้มขำ "ถ้าจะซื้อให้ครบ ของมันคงหนักแย่ พี่นายถือคนเดียวคงไม่ไหว ให้ผมไปช่วยเถอะนะ"

"อ่า เออๆ ไปก็ไป" นายเกาหัว จริงๆ ก็กลัวไอ้คินมันด่าอยู่หรอก แต่จะให้ปฏิเสธความหวังดีคนมันยากกว่าอีก

"แต่กระเป๋าผม..." ชะเอมมองลังเล กะจะถือไปแค่เงินอย่างเดียว ส่วนกระเป๋าที่ข้างในไม่มีอะไรสำคัญมากมายนอกจากยาโรคประจำตัว

"นายวางไว้ก็ได้ เดี๋ยวเราดูให้" คนข้างๆ ที่มาขอนั่งเมื่อกี้พูดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าชะเอมเกรงใจ ไม่รู้จักกันแท้ๆ แถมคนๆ นี้กับเพื่อนอาจจะออกไปธุระหรือไปห้องน้ำเมื่อไหร่ก็ไปไม่ได้เพราะว่าต้องเฝ้าของๆ เขา "เรายังอยู่อีกสักพัก ไม่ต้องห่วง"

"อ่า..." ร่างบางขมวดคิ้วลังเล ถึงอีกฝ่ายจะยืนยันแบบนั้นแต่ยังไงก็เกรงใจอยู่ดี

"เอมวางกระเป๋าไว้ตรงที่นั่งนักกีฬาก็ได้นะ ไม่มีใครขโมยหรอกพี่รับรอง" พี่นายเสนอชี้ไปตรงที่นั่งที่กองกระเป๋าของพวกคินพะเนิน ซึ่งร่างบางก็ยิ้มแห้ง

"คือผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ...งั้นยังไงเราฝากหน่อยนะแต่ถ้าจะไปไหนก็ไปได้เลย ไม่ต้องห่วง...แล้วก็ขอบคุณมาก" ชะเอมตัดสินใจวางกระเป๋าไว้ตรงที่ตัวเองนั่งก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมกับนาย

โดยที่ไม่เห็นว่าคนๆ นั้นที่เสนอตัวอย่างหวังดีแสยะยิ้มและแอบสับเปลี่ยนของบางอย่างในกระเป๋าตนเอง

ไม่ได้รู้เลยว่ามันถูกสลับไป...เพราะด้วยสิ่งของสองสิ่งที่มีรูปลักษณ์เหมือนกันทุกอย่าง

ไม่รู้เลย...จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้น





************************Whose fault? ************************





("เรียบร้อยแล้วครับ")

"แน่ใจนะ"

("ครับ")

ร่างเล็กยิ้มพอใจ "เดี๋ยวโอนเงินไปให้ บอกเลขบัญชีมาก็แล้วกัน"

("ขอบคุณมากครับ")

"ไว้ครั้งหน้ามีอะไรจะเรียกใช้อีก แล้วเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับด้วย คงรู้นะว่าถ้าพูดออกไปพวกมึงจะเป็นยังไง"

("ครับ")

หึ...หึหึ

เสียงใสหัวเราะอยู่คนเดียวในความมืด ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นจนแสงสว่างส่องหน้า นิ้วเลื่อนไถไปเจอรูปๆ หนึ่งในโซเชียล ดูเหมือนจะมีคนแอบถ่ายรูปคู่รักคู่หนึ่งที่นั่งกินข้าวหวานชื่นใต้ต้นไม้อย่างมีความสุข ดวงตากลมโตมองภาพนั้นแล้วก็แสยะยิ้ม

“สวีทหวานกันเข้าไป เพราะเดี๋ยวมึงก็จะไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว...ไอ้ชะเอม”

มือใหญ่วางโทรศัพท์กระแทกโต๊ะสแตนเลสอย่างแรงไม่เกรงว่ามันจะพัง เสียงหอบหายใจแรงสูดเข้าออกราวกับกำลังอดกลั้นความโมโหที่มันจะทะลักออกมา

"ครั้งหน้าเหี้ยไร ไม่มีอีกแล้วเว้ยกับคนอย่างมึง" เสียงเค้นลอดไรฟันกระแทกกระทั้น ยังไม่ลืมว่าถูกเรย์ตบหน้าเอาไว้เพียงแค่ทำเรื่องไม่สำเร็จอย่างดั่งใจ จนเพื่อนต้องตบไหล่เบาๆ ให้อารมณ์เย็นลง

"ใจเย็น แล้วตกลงได้เงินป่ะ"

"เออเดี๋ยวมันโอนมาให้” พอพูดถึงค่าตอบแทนมันก็คุ้มค่าอยู่กับงานง่ายๆ แบบนี้

“ถ้าได้เงินก็จบแล้วเว้ย"

"ครั้งเดียวก็เกินพอว่ะ ถ้าจะให้ทำอะไรอีกกูก็ไม่เอาแล้วเหมือนกัน"

หลายคนเห็นพ้องต้องกัน ตามที่ผู้ว่าจ้างว่า งานครั้งนี้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ

...งานครั้งนี้สำเร็จผ่านไปได้ด้วยดี...

แต่ละคนเริ่มยิ้มและหัวเราะได้เมื่อเห็นตัวเลขเงินค่าตอบแทนถูกโอนผ่านเข้ามาทางมือถือ มันมากมายจนทำให้ลืมความโกรธก่อนหน้านี้ไปจนหมด

น่าสงสารที่คนเหล่านี้ไม่ได้นึกถึงผลลัพธ์ที่ตามมา

ว่ามันร้ายแรงจนถึงทำให้อนาคตของตนดับสิ้น





************************Whose fault? ************************





ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2




                                                    Whose Fault ?

                                                    ผิด...ครั้งที่ 38



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ภายในครัวของคอนโดหรูห้องหนึ่ง ขาเรียวขยับโยกย้ายพาตัวเองไปนู่นมานี่อย่างยุ่งวุ่นวายมีเสียงดังกอกๆ แกกๆ เกิดขึ้นทุกๆ เช้าตรู่ ถ้าหากมองจากห้องนั่งเล่นก็จะเห็นร่างบางที่ยังใส่ชุดนอนเนื้อนิ่มสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเข้ม ใบหน้าชื้นเหงื่อขมักเขม้นกับการทำข้าวเช้าและเตรียมข้าวกล่องสำหรับข้าวกลางวัน บอกได้เลยว่าการทำอาหารกินเองเป็นอะไรที่สะอาดและประหยัดมาก เขาจึงตื่นเช้าทุกวันมาทำไม่ได้ขาดตกบกพร่อง



"เอ...สามกล่อง...หรือสี่กล่องดี...สี่ดีกว่า เผื่อภรรยาของลุงธรรมด้วย" มือบางหยิบกล่องข้าวมาวางไว้และตักข้าวสวยร้อนๆ ลงไป จากนั้นก็ตักกับข้าวใส่ปิ่นโตอย่างละชั้นทั้งหมดสี่ชั้นสองชุด ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังก่อนจะยิ้มน้อยๆ ...ได้เวลาพอดี มือบางยกจานกับข้าวไปวางเตรียมบนโต๊ะเรียงไว้อย่างสวยงาม ถอดผ้ากันเปื้อนก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป



ความเงียบที่มีแต่เสียงแอร์แผ่วเบาทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงไม่รู้สึกตัวตื่นสักที



"คิน...ตื่นได้แล้วนะ"



"อือ..." แรงเขย่าทำให้ร่างสูงที่ง่วงงุนพลิกตัวนอนคว่ำกดหน้าลงกับหมอนแน่นและส่งเสียงอืออาอู้อี้เรียกรอยยิ้มจากคนมอง



นี่น่ะหรือคินสุดหล่อเดือนวิศวกรรมศาสตร์เมื่อสามปีที่แล้ว...มาเจอสภาพนี้สาวๆ คงเมินกันหมด



"วันนี้มีแข่งวิ่งนะครับ"



"..."



"คิน" ชะเอมถอนหายใจก่อนจะมองนาฬิกา เอาเถอะ ให้อีกฝ่ายนอนต่ออีกสักสิบนาทีก็ได้ แล้วค่อยมาปลุกใหม่ "งั้นเอมไปอาบน้ำก่อน ออกมาต้องตื่นแล้วนะ...อ๊ะ!"



จู่ๆ ก็แขนบางก็ถูกรั้งโดยไม่ทันตั้งตัวจึงเซล้มทับไปบนร่างกายกำยำที่นอนหงายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้อย่างจงใจ



"คิน ตื่นแล้วก็ลุกสิครับ!" กำปั้นเล็กทุบปั้กๆ เข้าที่อกแกร่งด้วยความหมั่นไส้พร้อมดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่อาจสู้แรงรัดของอ้อมแขนที่โอบรอบเอวนี้ได้เลย "ฮื่อ!" แถมยังต้องหนีจมูกโด่งที่พยายามจะหอมแก้มนี้ด้วยความยากลำบากด้วย



"ปล่อยเอมนะ..."



"จูบอรุณสวัสดิ์หน่อยครับ"



สายตาคมจ้องมองทำให้ปรากฏสีแดงที่แก้ม "จูบอะไรล่ะ...ไปแปรงฟันก่อนเลย..."



"คินแปรงแล้ว"



ดวงตากลมกระพริบปริบ "ตอนไหนครับ?"



"ตอนเอมทำกับข้าว"



ใบหน้าหวานเหวอ...งั้นก็แสดงว่าตื่นนานแล้วน่ะสิ!!



"ฮึ่ม!" หลอกกันได้นะ...!



แขนบางดันอกแกร่งยกตัวขึ้นหวังจะให้หลุดออก แต่ก็สู้แรงไม่ได้...ทำไมถึงแรงเยอะขนาดนี้นะ



ท่าทางกระต่ายโมโห ดิ้นพล่านบนตัวเขานี่เป็นอะไรที่เพลิดเพลินน่าดู สนุกสุดๆ สำหรับคิน



"ยอมให้คินจูบดีๆ ก็จบแล้ว"



"..." แก้มใสแดงก่ำน่ารัก...ก็เวลาจูบแล้วไม่ยอมจบแค่จูบนี่แหละที่น่าระแวงที่สุด



"คราวนี้จูบจริงๆ"



ก็พูดแบบนี้ทุกที แล้วสุดท้ายเป็นไงล่ะ



"ไม่ใช่ลิ้นด้วย"



"คิน!!!"



ชอบจริงๆ เลยนะทำให้เขาอายเนี่ย!



"ฮ่าๆ ขอโทษครับๆ"



จุ๊บ!



"ป่ะ เห็นมั้ยจบแล้ว...ไป ไปอาบน้ำกัน" ร่างสูงยกตัวขึ้นช้อนร่างเบาหวิวด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิง ชะเอมกระพริบตาปริบ ยกมือจับริมฝีปากที่มีความอบอุ่นประทับเมื่อครู่อย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ก่อนที่จะรู้สึกตัวประตูห้องน้ำก็ปิดลงพร้อมเสียงโวยวายและเสียงครางเครือเล็ดลอดออกมา



"คิน อ๊ะ อ๊า..."



ยังไงๆ กระต่ายซื่อก็เสร็จหมาป่าเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำนั่นแหละ





************************Whose fault? ************************





"นี่ครับ" แขนยาวส่งกระเป๋าใส่ปิ่นโตใส่กับและกล่องข้างที่น้ำหนักพอควรส่งผ่านทางหน้าต่างรถยนต์ให้กับลุงยามที่รู้จักกันดีขณะที่จะขับออกจากคอนโด



"หูย ลุงเกรงใจ"



"เอาไปเถอะครับ ปกติชะเอมเขาก็ทำทุกวันอยู่แล้ว ทำเผื่ออีกหน่อยก็ไม่หนักหนาอะไร แล้วก็อยากขอบคุณหลายๆ อย่างด้วยครับ เพราะงั้นรับไปเถอะ"



"ครับ งั้นลุงขอล่ะ กับข้าวฝีมือคุณชะเอมก็อร่อยอย่างบอกใคร ลุงกับเมียนะติดใจ๊ติดใจ...ขอบคุณคุณคินมากนะครับ คุณชะเอมด้วยนะ" ธรรมย่อตัวลงมองเข้าไปด้านที่นั่งข้างคนขับ และเห็นร่างบางก็ยิ้มให้กลับมาเช่นกัน



เป็นเด็กดีจริงๆ



"กินให้อร่อยๆ นะครับ เดี๋ยวผมทำมาให้อีก" เสียงใสบอก



"ครับ ขับรถดีๆ นะครับ"



"สวัสดีครับลุง" คินบอกลาก่อนจะเลื่อนกระจกปิดและเหยียบคันเร่งออกไป



ท่ามกลางความเงียบภายในรถที่แล่นอยู่บนท้องถนนต่างจากด้านนอกที่มีแต่เสียงเครื่องยนต์เสียงบีบแตรอย่างลิบลับ ไม่มีเสียงพูดคุย บอกได้เลยว่าบรรยากาศมาคุอึมครึมสุดๆ



"เอม..."



"..."



"เอมครับ"



"ไม่ต้องมาคุย" ชะเอมนั่งกอดเข่าโชว์ขาขาวเรียว เพราะใส่กางเกงวอร์มขาสั้นเพื่อที่จะขยับสะดวกๆใบหน้าหวานหันไปอีกฝั่ง แก้มใสพองลม เห็นชัดว่างอน



แต่งอนแบบเขินๆ นะ



"หายงอนเถอะนะ นะครับ" ร่างสูงเอ่ยออดอ้อน ระหว่างติดไฟแดงก็เอื้อมมือไปแตะแขนแต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วเหมือนโดนของร้อน "อย่ามาจับ!"



กระต่ายดุขนพอง แต่หน้ากับหูงี้แดงจนหาพื้นที่สีขาวไม่เจอ



"เอมโกรธอะไร...คินขอโทษ"



"คินรู้ ไม่ต้องมาถามเลย"



"คินไม่รู้ คินยังไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจาก..."



"ไม่ต้องพูดเลยนะ!"



ชะเอมตะโกนหน้าแดง ริมฝีปากขบกัดกัน อายไม่รู้จะอายยังไง



"แล้วคินต้องทำยังไงเอมถึงจะหายโกรธ"



"..."



"เมื่อกี้คินล้างจานให้แล้วหลังกินข้าวเป็นการไถ่โทษ..." เสียงทุ้มหงอยซึม มองไฟแดงเปลี่ยนเป็นเขียวแล้วได้แต่ออกรถ สายตายังเหลือบมองคนข้างๆ ง้อๆ



แต่ร่างบางก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร คินจึงเปลี่ยนเรื่องพูดซะ ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง



"เอมกินยาหรือยัง"



ชะเอมอ่อนลงเมื่อรับรู้ได้และเขาก็ไม่อยากงอนนานด้วย "ยังครับ...เอมลืม"



"งั้นกินเลยสิ อย่าขาดนะ คินเป็นห่วง"



ชะเอมพยักหน้า มือบางหยิบกระปุกยาขึ้นมาจากกระเป๋าขึ้นมาถือไว้ "แต่เอมไม่มีน้ำ"



"เดี๋ยวคินแวะซื้อให้" ร่างสูงบอก มองกระจกก่อนตีไฟเตรียมหักรถเข้าร้านสะดวกซื้อ



"ไม่ต้องหรอกครับมันจะสายแล้ว เดี๋ยวไปถึงมหาลัยค่อยกินก็ได้ ตรงนั้นก็น่าจะมีน้ำให้ซื้อครับ"



คินเหลือบมองคนข้างๆ ก่อนจะมองถนน อีกแปปเดียวก็ถึงมหาลัยแล้ว



"เอาแบบนั้นก็ได้"



"มาช้าชิบ"



"หนักหัวใคร"



"หนักหัวกูไง มึงมีศึกที่ต้องตัดสินกับกูวันนี้! และขอบอกว่าวันนี้คณะอักษรจะต้องชนะ...เห้ย สนใจกันหน่อยสิฟะ!"



ชะเอมยืนหัวเราะกับความตลกขบขันของดินที่จู่ๆ พอเขาสองคนเดินมาที่สนามฟุตบอลที่ถูกล้อมด้วยสนามแข่งวิ่งพื้นลาดยางตีเส้นขาวเป็นลู่วิ่งก็ถูกทักทายตามฉะนี้แล



ใช่ วันนี้ทั้งวันที่นักกีฬาที่ลงแข่งวิ่งจะมารวมตัวกัน ก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กีฬาอย่างอื่นเลยทีเดียว แถมก็จะเจอคนที่รู้จักกัน หรือเป็นเพื่อนกันมาแข่งกันเอง อย่างดินกับสิน แล้วก็คินเป็นต้น



ถามว่าเขาเชียร์ใครเหรอ...ก็เชียร์ทั้งคู่นั่นแหละ



ที่หัวเราะก็เพราะว่าคินเมินดินอย่างสิ้นเชิง เดินไปที่อัฒจรรย์วางกระเป๋าที่ใส่รองเท้าและของส่วนตัวและกวักมือเรียกเขาให้เดินไปหา ริมฝีปากบางยิ้มกว้างเมื่อเจอคนรู้จัก



"ไงเอม ไม่ได้เจอกันพักใหญ่เลยเป็นไงบ้าง" ร่างโปร่งในชุดนักวิ่งรองเท้าวิ่งกำลังนั่งกินไอศกรีมโคนช็อกโกแลตท่าทางเอร็ดอร่อยเหมือนเคย



"เราสบายดี ตาลล่ะ"



"อื้ม ดีๆ"



"ลงวิ่งด้วยเหรอ" เสียงใสถามอย่างแปลกใจ ดูตาลเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกายเหมือนเขาแท้ๆ แต่ว่าอย่างน้อยเจ้าตัวก็ไม่ผอมไร้กล้ามเนื้อแบบเขา



"แน่นอน นี่นักวิ่งเพรียวลมนะขอบอก" เจ้าตัวตบอกอวดๆ ก่อนจะกัดของในมือเข้าปากกร้วมๆ อย่างมีความสุขโดยที่เอกนั่งมองยิ้มๆ ข้างกาย



"เห้ยเอก มีน้ำป่ะ ขอหน่อย" คินที่เปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อยแล้วหันมาถาม



"อ่ะ เอมไม่ได้เตรียมมาให้เหรอวะ"



"เปล่า กูไม่ได้กิน จะให้เอมกินยา" คินส่งขวดน้ำมาให้เขาที่ยืนมองอยู่ ก่อนที่ร่างบางจะเอ่ยขอบคุณเอก รับขวดน้ำมาและหยิบขวดยาออกมาเทใส่ฝ่ามือ และจับมันใส่ปากดื่มน้ำตามอย่างเคยชิน



"ขมรึเปล่า"



"อื้ม ก็ยาน่ะ ปกติ"



"คงเบื่อแย่เลย ต้องกินยาทุกวัน" ตาลพูดพลางเบะปาก เขาเกลียดยาที่สุดเพราะนอกจากไม่หวานแล้วยังขมปี๋อีกต่างหาก



"เราชินแล้วล่ะ" ชะเอมยิ้มบางให้



'นักกีฬาวิ่งทุกคนขอให้มารวมตัวกัน ณ กลางสนามฟุตบอลด้วยค่ะ มาเข้าแถวลงทะเบียนแล้วรับป้ายไปติดที่เสื้อด้วยนะคะ ภายในเวลาแปดโมงครึ่งทุกคนต้องเตรียมพร้อมแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นขอให้รีบมาลงทะเบียนและรับป้ายชื่อ ประกาศอีกครั้ง...'



"คินฝากของหน่อยนะเอม...เอกกูฝากเอมด้วย"



"เออ" เอกครางรับพลางโบกมือเป็นเชิงไล่



"ไปยังตาล"



"อืมๆ" ร่างโปร่งยัดขนมที่เหลือไม่มากเข้าปากและเคี้ยวๆ กลืน ก่อนที่เอกจะจับคางเล็กให้หันไปและเช็ดปากที่เลอะเทอะให้ อย่างกับพ่อดูแลลูกยังไงยังงั้น



"ฮ่า...แต๊งกิ้วเอก" ตาลยิ้มโชว์เขี้ยวก่อนจะกระโดดแผล็วลงพื้นเดินตามคินที่หันหลังเดินไปนู่นแล้ว



ชะเอมมองแผ่นหลังกว้างเดินไปกับตาล ก่อนจะหัวเราะนิดๆ ...ขนาดตัวนี่คนละไซส์เลย



"ตาลตัวเล็กจัง"



เอกหัวเราะหึๆ กับคนที่บอกคนอื่นว่าตัวเล็กในขณะที่ตัวเองตัวเล็กกว่าใครเพื่อนเลย



"เอมพวกกูฝากของด้วยดิ"



ร่างบางหันมองร่างสูงสองคนที่เดินมาก็ยิ้ม "ดิน สิน...วางเลยๆ เดี๋ยวเราเฝ้าให้"



"แต๊งกิ้ว"



ร่างบางมองคนที่กำลังเดินทยอยเข้าไปในพื้นสนามสีเขียวแล้วต้องร้องโอ้โหกับคนที่เดินยั้วเยี้ย...นักกีฬาวิ่งนี่มีเยอะเหมือนกันแฮะ



ชะเอมหันมาถามคนข้างๆ ตาใส "เอกไม่เล่นกีฬากับเขาบ้างเหรอ"



"ไม่ล่ะ ขี้เกียจ" เอกตอบไปงั้น จริงๆ แล้วเขาไม่ชอบที่จะออกไปทำอะไรแบบนี้แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ชอบออกกำลังกายหรอก ปกติก็เข้าฟิตเนสอยู่แล้วทุกวัน



"เหรอ..." ชะเอมฟังคำตอบแล้วครางในลำคออย่างอิจฉาหน่อยๆ ทั้งๆ ที่มีร่างกายที่แข็งแรงแท้ๆ ...เขาน่ะอยากจะวิ่งได้เหมือนคนอื่น ออกแรงได้เหมือนคนอื่นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องโรคบ้าๆ นี่



ตึก...



จู่ๆ ก้อนเนื้อด้านในก็บีบตัวเต้นผิดจังหวะ ทำให้มือบางรีบยกขึ้นมากุม



"อึก..."



"เอม?" เอกรีบหันมาเมื่อสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของคนข้างกาย ก่อนที่ร่างบางจะละมันออกเมื่อหัวใจเข้าสู่ความปกติ



ขนาดชะเอมยังแปลกใจ เพราะเมื่อกี้ไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ๆ



เมื่อกี้...มันเป็นอะไร



"ไม่เป็นไร...หายแล้ว"



ถึงจะตอบแบบนั้นแต่เอกก็ยังกังวลอยู่ดี



"ฮาย~"



"ทราย ไม่เอาแฟนมาด้วยเหรอ"



"ทำไมทั้งแกทั้งคินถึงชอบแซะฉันเรื่องศรนักยะ" หญิงสาวแหว วันนี้เม็ดทรายดูสวยเฉี่ยวเป็นพิเศษเพราะมัดผมรวบขึ้นไปทั้งหมดและปล่อยผมน้อยๆ คลอเคลียข้างแก้ม...เปลี่ยนลุคไปเลย



"ก็เธอทำตัวติดแฟนเองไม่ใช่เหรอ"



"ติดแล้วหนักหัวใครยะ โน่น ตามมาโน่นแล้ว" ทรายชี้ไปอีกทางเห็นร่างสูงกำยำของแฟนหนุ่มกำลังเดินมาทางนี้อย่างโดดเด่น



"คุณทราย สวัสดีครับ"



"บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องสุภาพ" ร่างบางทิ้งตัวนั่งข้างชะเอมบ่นระอาๆ ซึ่งริมฝีปากบางยิ้มตอบคำนั้นไม่พูดอะไร เนื่องจากเหงื่อเริ่มซึมข้างขมับทั้งๆ ที่ไม่ได้ร้อนอะไรเลย อากาศกำลังดี ลมพัดเย็นสบาย



ตึกตัก...ตึกตัก



หัวใจมัน...บีบรัด



"อึก..." มันเอาอีกแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่า "เอก แฮ่ก..."



"เอม!?" เอกและทรายอุทานอย่างตกใจ เบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างบางกุมอกคู้ตัวเหงื่อซึมและหายใจติดขัด คนที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างศรก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าไม่ดี



"เราขอ...น้ำ" ชะเอมกัดฟันในขณะที่อีกมือฝืนหยิบขวดยาขึ้นมาเทยาลงบนมือแต่มันก็หกออกมาเกือบหมดและหล่นเต็มพื้น แต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจ ตบยาที่มีอยู่สองสามเม็ดเข้าปากรวดเร็วและกลั้นใจดื่มน้ำแม้ว่าจะอึดอัดจนกลืนแทบไม่ลงมากแค่ไหน



ทุกๆ ครั้งที่เคยกินยาระงับอาการ มันจะดีขึ้นในไม่ช้าแต่ครั้งนี้มันยิ่งเจ็บ เจ็บมากขึ้นไปอีก...ทำไมล่ะ เมื่อกี้ก็กินยาเข้าไปแล้วนี่...มันควรจะดีขึ้นสิ...



“อั่ก...ฮึก!”



ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน



ยิ่งผ่านไปร่างบางยิ่งดิ้นทุรนทุรายหนักมากขึ้น จนคนมองใจไม่ดี เม็ดทรายมือไม้สั่นไปหมด



"ศร ทำไงดีคะ เอม...เป็นอะไร อาการกำเริบอีกแล้วเหรอ"



ศรก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชะเอมเป็นอะไรแต่ก็ตอบและบีบมือแน่นให้แฟนสาวสบายใจ "ไม่เป็นไรหรอก เขาทานยาไปแล้ว เดี๋ยวก็..."



"แต่นี่ผมว่ามันไม่ใช่แล้ว..." เอกมองยาสีขาวบนพื้นหญ้าสีเขียว ที่เมื่อกี้ชะเอมยิ่งมีอาการมากขึ้น ร่างสูงประคองร่างบางที่คู้ตัวเกร็งแน่นเพราะความเจ็บปวดที่เกิดจากการบีบตัวของหัวใจ จนหยาดน้ำตาหลั่งไหล


>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2



ต่อด้านบน <<<<<<<<<<<<<<<<



"เอก...เจ็บ...เจ็บ! ฮึก..." นิ้วเกร็งจิกที่เสื้อของเอกจนมันเกือบขาด ทำให้คนมองหน้าซีด นอกจากนี้ก็เริ่มฮือฮามากขึ้นเพราะแถวๆ นั้นก็คนเยอะไม่น้อยต่างมองมาและตกใจหน้าซีดกันเป็นทิวแถว



"เฮ้ย แก เค้าเป็นไรวะ"



"เชี่ยไม่รู้ เหมือนเป็นหอบ"



“แต่กูว่าเหมือนคนหัวใจวายมากกว่า”



"เค้าจะชักป่ะวะ กูเคยได้ยินเป็นหนักๆ ถึงขั้นชักได้เลยนะเว้ย"



"ทราย เรียกคินให้หน่อย เร็ว!! ต้องพาเอมไปโรงพยาบาลแล้ว" ไม่ต้องพูดซ้ำหญิงสาวรีบวิ่งไปบอกคินซึ่งร่างสูงก็รีบวิ่งออกมาใบหน้าเครียดขึง ทั้งตาลทั้งดินและสินก็ตามมาด้วย พอได้ยินเม็ดทรายพูดก็ไม่มีใครมีกระจิตกระใจจะไปวิ่งแข่งแล้ว พอคินเห็นอาการของชะเอมก็ไม่ถามให้มากความรีบช้อนคนตัวเบากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่รถ ไม่สนใครทั้งนั้น



"เอก ขับรถให้กูหน่อย!"



"คิน...ฮึก ฮึก เอมเจ็บ...อึก" ชะเอมทั้งจิกทั้งทึ้งแผ่นหลังกว้างที่โอบกอดเอาไว้ ซึ่งคินไม่ว่าอะไรเลย ซ้ำยังยกมือขึ้นมาจับหอมขมับเล็กกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมา



"เอม ทนหน่อยนะ ทนหน่อยนะครับ คินจะพาไปโรงพยาบาลแล้ว" พอเห็นร่างบางทรมานแบบนี้แล้ว ใจของเขาเหมือนถูกบดขยี้ "เอก เร็วหน่อย กู..."



"รู้แล้ว กูกำลังเร่งอยู่" เอกตอบหน้าเครียด มองกระจกหลังแล้วเสกลับมามองที่ถนน ทำเป็นไม่เห็นว่าเพื่อนกำลังหลั่งน้ำตา



เพราะเห็นคนที่รักเจ็บปวด...ใจจึงเจ็บปวดยิ่งกว่า



"คิน..." ใบหน้าคมของคิน มันเลือนลาง...ใจที่เต้นแรงจนรู้สึกได้เมื่อกี้มันกำลังแผ่วเบา...แผ่วเบาลงทุกทีจนคล้ายจะหยุดเต้น



...คิน...



มือใหญ่กำมือเล็กที่เริ่มอ่อนแรงไว้แน่น



"เอม..."



ผมอยากจะขออ้อนวอนต่อพระเจ้า...



"เอม ขอร้อง...ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ...ได้โปรด อึก ได้โปรด อย่าทิ้งคินไป..."



...อย่าเอาชีวิตของคนสำคัญของผมไป...





************************Whose fault? ************************





"ขอโทษค่ะ ญาติผู้ป่วยกรุณารอด้านนอกนะคะ"



ร่างสูงมองร่างบางและใบหน้าหวานซีดเซียวที่ถูกเข็นเตียงเข้าห้องฉุกเฉินไป ก่อนที่ประตูจะปิดลง



คินทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าห้องอย่างหมดแรง ก้มหน้าเสียจนเอกไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไรอยู่



เอกหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ และตบไหล่เพื่อน "คิน เอมถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงก็เอมก็ต้องปลอดภัย"



ถึงจะพูดแบบนั้น แต่จะให้นั่งสบายใจเลยมันก็...ร่างสูงกุมมือหลับตาแน่นคล้ายภาวนา



ได้โปรด...ช่วยเอมด้วย



ขอให้ปลอดภัยทีเถอะ



"คิน"



"คิน!"



"เอก!"



เสียงเรียกและเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังก้องมาตามทางเดิน คือพวกดินที่เพิ่งตามมาถึงนั่นเอง



แน่นอนว่าการแข่งขันพวกเขาคงต้องสละสิทธิ์ ไม่มีใครกล่าวโทษกันในสถานการณ์แบบนี้



คินเงยหน้ามอง ดวงตาคมช่างว่างเปล่า เพราะไม่รู้ว่าคนข้างในนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้วตอนนี้ มันสงบใจไม่ได้แม้สักนิดเดียว



จิตใจมันร้อนรน



"ตกลงเอมเป็นไงบ้าง"



"ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ออกมาเลย" เอกตอบแทน



"แล้วจู่ๆ เป็นแบบนี้ได้ไง เอมมันไปออกแรงที่ไหนมา" ดินถามขมวดคิ้ว ปกติชะเอมค่อนข้างระวังตัวเองจะตายไป



"เอมไม่ได้ทำอะไร ปกติดี" เอกตอบ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ด้วยกันกับร่างบางคนนั้นตั้งแต่แรกจนเกิดเรื่อง "ว่าแต่ทรายเก็บยามารึเปล่า"



"เก็บมาหมด" หญิงสาวส่งขวดยาที่ว่าใส่มือใหญ่ให้ มันคือขวดยาโรคประจำตัวของชะเอมนั่นเอง



"ของกูก็เก็บมาหมดแล้ว อยู่บนรถไอ้สิน" ดินหมายถึงพวกกระเป๋าและของส่วนตัวที่พวกคินมันทิ้งไว้ แหงล่ะ สถานการณ์แบบนั้นใครจะมาห่วงเก็บของ



"ว่าแต่ยานั่นมันทำไม" เม็ดทรายถามอย่างสงสัย จุดขึ้นมาเป็นประเด็นให้ทุกคนสนใจกับมัน และคินก็เช่นกัน



เอกหันมาหาคินที่นั่งอยู่ ชูขวดยาขึ้นในระดับสายตาและถามเสียงจริงจัง "คิน กูถามหน่อย ทุกครั้งที่เอมกินยานี่ มีครั้งไหนมั้ยที่มีอาการแปลกๆ เกิดขึ้น...อะไรก็ได้"



คินขมวดคิ้วเพราะคำถามที่ถามมันฟังดูทะแม่งแปลกๆ แต่ก็พยายามนึกตามที่อีกฝ่ายบอก



ชะเอมมักจะกินยาตามที่กฤษณะบอกทุกวันวันละสองมื้อเช้าเย็น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกวันดำเนินชีวิตตามปกติเพราะเขาแทบจะอยู่กับชะเอมตลอดเวลา ดังนั้นถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นเขาก็ต้องรู้



"...ไม่ ทำไมวะ"



"แล้วยานี่ใช่ขวดเดิมรึเปล่า" เอกส่งของในมือให้คินดู ซึ่งทั้งสัมผัสและมองสำรวจดูแล้วเหมือนเดิมทุกอย่าง



"ใช่”



"มึงแน่ใจ?"



"มึงต้องการจะพูดอะไรกันแน่" ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าไอ้เอกมันกำลังจะบอกว่า...



"คิน มึงเคยบอกกูว่ามึงก็พกยาไว้เหมือนกันใช่มั้ย...เอามารึเปล่า"



ใช่ หลังจากที่รู้ว่าชะเอมป่วยเป็นโรคหัวใจและมักจะขี้ลืมวางยาไว้ที่นู่นที่นี่เป็นประจำ เขาจึงขอแบ่งครึ่งเอาไว้ที่ตัวเองอีกขวด เผื่อร่างบางเกิดลืมขึ้นมาก็จะได้มีของเขาสำรองไว้



"เปล่า อยู่ในกระเป๋า" ก็เพราะเมื่อกี้กำลังจะแข่งวิ่งเลยไม่ได้พกอะไรเลย "ตกลงมึงกำลังจะบอกกูว่าอะไร...เอก"



คินถามเสียงเครียด ทำให้เอกถอนหายใจ พอไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบก็ไม่อยากจะพูดหรือฟันธงอะไร...มันเป็นแค่ข้อสันนิษฐานของเขาเท่านั้น



"คิน ตั้งแต่ที่เอมกินยาวันนี้ตอนเช้าที่เราเห็น จู่ๆ ก็มีอาการกำเริบ และหลังจากนั้นชะเอมก็กินยาเข้าไปอีก เพราะคิดว่าจะช่วยแต่ไม่เลยอาการมันเริ่มหนักขึ้น...จนอยู่ในสภาพที่มึงมาเห็นนั่นแหละ"



"ใช่ เป็นแบบนั้นเลย" เม็ดทรายพยักหน้ายืนยันกอดแขนแฟนหนุ่มแน่น เธอน้ำตาคลอยังขวัญเสียกับสิ่งที่เห็นอยู่เลย เพราะคนรอบตัวเธอมีแต่คนร่างกายแข็งแรง เจอแบบนั้นเข้าไปก็ทำอะไรไม่ถูก



"มึงหมายความว่า..."



"ยานี่ไม่ใช่ยาขวดเดิม เป็นสิ่งของที่เหมือนกันถูกสับเปลี่ยนมา นั่นคือสิ่งที่กูคิด"



"!?"



"แต่กูก็ไม่รู้หรอกนะว่าถูกเปลี่ยนจริงหรือเปล่าและถูกเปลี่ยนตอนไหน กูเลยให้ทรายเก็บมาเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่กูคิดถูกต้องหรือเปล่า...ต้องให้หมอลองตรวจดู"



"เชี่ย ถ้ามันเป็นยาคนละตัวจริงๆ ล่ะ" ดินถามหน้าซีด นั่นหมายถึง...



เอกพยักหน้ารับคำนั้น "แสดงว่าคนเปลี่ยนมีเจตนาจะทำให้ชะเอมถึงตายเลย"



คำว่า 'ตาย' ที่เอกเอ่ยออกมา ทำให้สายตาคมกริบวาววับ คินกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด กรามกัดขึ้นเป็นรอยนูน ท่าทางทรมานของชะเอมและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดมันยังติดตราตรึง



'คิน เอมเจ็บ'



หยาดน้ำตา...ที่หลั่งออกมา



'เอมรักคิน'



'ได้โปรด...อย่าทิ้งคินไป'



ปึง!!!



กำปั้นทุบลงเก้าอี้ข้างตัวจนดังลั่นระบายอารมณ์โมโหที่มาจากไหนไม่รู้ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่ฝ่ามือเพราะข้างในอกมันเจ็บยิ่งกว่า



ถ้าหากพระเจ้าจะพรากชะเอมไปจากเขา เขาอาจจะพออ้อนวอนได้บ้าง แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่คิดชั่วๆ ...คิดจะพรากชีวิตของร่างบางไป...เขาจะไม่ให้อภัยมัน!



"คิน ใจเย็นก่อน กูบอกแล้วว่ายังไม่แน่ใจเท่าไหร่ ลองให้หมอตรวจดูก่อนแล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงก็ค่อยมาคิดอีกทีว่าจะทำยังไงกันต่อ" เอกว่า...ถึงเขาจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่าถ้ามันเป็นจริงแล้วใครจะเป็นคนทำก็เถอะ



คนที่วางแผนทำเรื่องนี้ทั้งหมดมีแค่คนเดียว



สายตาของเอกเหลือบมองเพื่อน ก่อนจะหลุบตาลง ถ้าหากเป็นจริงล่ะก็...



ไอ้คินจะต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนี้จนอยากตายเลยล่ะ



ปึง...



ร่างสูงเด้งตัวลุกขึ้นก่อนใครและเดินเข้าหาแพทย์ที่เปิดประตูออกมา ถามอย่างร้อนรนระคนเป็นห่วงคนข้างในอย่างยิ่ง "อากฤษ...เอม เอมเป็นไงบ้างครับ"



กฤษณะยิ้มบาง ยื่นมือตบไหล่กว้างของคนที่เปรียบเสมือนหลานชาย "ปลอดภัยแล้ว ดีใจด้วย"



"ขอบคุณมากเลยครับ" คินผ่อนลมหายใจสั่นเครือ เหมือนในอกจะโล่งลงนิดหน่อย



...ชะเอมปลอดภัยแล้ว...



"สรุปเอมเป็นอะไรครับ" เอกถามทะลุปล้องขึ้นมา "ไม่ใช่อาการกำเริบธรรมดาใช่รึเปล่าครับ คุณหมอ"



จู่ๆ กฤษณะก็เปลี่ยนท่าทีเมื่อได้ยินคำถามนั้น แววตาคมกริบของหมอกฤษณะเครียดขึงขึ้นมาทันใด กวาดตามองหนุ่มสาวหลายคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของชะเอม ก่อนจะจบลงที่คิน "เรื่องนี้อาขอคุยหลังจากที่ย้ายชะเอมไปพักที่ห้องผู้ป่วยแล้วดีกว่านะ"



คินพยักหน้าเพราะตอนนี้ใจมันไม่ได้ห่วงอะไรมากไปกว่าอยากจะเห็นใบหน้าของคนสำคัญ



พยาบาลเข็นเตียงของชะเอมออกมาจากห้องฉุกเฉิน ร่างบางยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่บนนั้น ใบหน้าหวานซีดไม่ต่างจากตอนเข้าไปเลย ขายาวไม่รอช้ารีบก้าวตามเตียงที่เข็นออกไป และเพื่อนที่เหลืออยู่ก็มองหน้ากัน รีบเดินตามไปด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน



ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...

คินยืนจ้องมองคนที่นอนอยู่บนเตียงนิ่ง ฟังเสียงเครื่องตรวจอัตราการเต้นของหัวใจดังเป็นจังหวะ ถ้าหากไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ชะเอมก็ดูเหมือนแค่หลับไปเฉยๆ เท่านั้น



ร่างสูงหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ค่อยๆ ช้อนมือเล็กบางเย็นเฉียบขึ้นมากุมให้ความอบอุ่นแผ่วเบา



เพียงแค่รู้ว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่...ก็รู้สึกยินดีมากจนอธิบายไม่ได้



ได้แต่ ขอบคุณ...ขอบคุณที่มันยังไม่ถึงเวลาที่พระเจ้าจะมาเอาชีวิตของเขาไป



ขอบคุณจริงๆ



"..." ไม่มีเสียงพูดใดๆ มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นของคินที่เล็ดลอดออกมา เป็นสภาพที่ไม่แม้แต่เพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันก็ไม่เคยเห็นมาก่อน



ดินที่กำลังจะเดินเข้าไปดูอาการชะเอมบ้างก็ถูกสินรั้งไหล่เอาไว้ ก่อนจะถูกดึงออกไปจากห้อง คนที่เหลือก็เช่นกัน



...ปล่อยให้เขาสองคนได้อยู่ด้วยกัน



ให้ซึมซับความรู้สึกนี้เอาไว้...



เอกเดินรั้งท้าย มองแผ่นหลังของเพื่อนที่งองุ้มสั่นเทาและประตูก็ปิดลงอย่างแผ่วเบา



"เอม...คินขอโทษ..." เสียงทุ้มเอ่ยสั่นเครือ แม้จะรู้ว่าชะเอมไม่ได้ยิน แต่ก็อยากจะพูด "ขอโทษครับ"



...อย่าให้มันสายเกินไป...



คำเตือนเหล่านั้นที่เพื่อนสนิทกรอกหูเขา มันกำลังจะย้อนกลับมาทิ่มแทงให้รู้สึกผิด...ในสิ่งที่แก้ไขไม่ได้



ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เป็นเพราะเขาทั้งสิ้น เพราะเขาเองที่ทำให้ร่างกายนี้อ่อนแอลงจนน่าหวั่นใจ พอมีอะไรมากระทบร่างกายหรือจิตใจเข้าหน่อยก็หวั่นกลัวว่าสักวันหนึ่งจะ...ร่างกายบอบบางนี้จะเย็นชืดไปตลอดกาล



และเขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น



"ผมขอโทษ..."



คำขอโทษครั้งนี้...ไม่รู้จะต้องเอ่ยกับใคร อาจจะเป็นความผิดบาปในอดีตที่เขาก่อมันขึ้น หรืออาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่จ้องเอาชีวิต



...ได้โปรด...



อยากจะได้ก็ขอให้เอาชีวิตของเขาไป...ความผิดของเขามันก็ควรให้เขาได้ชดใช้ อย่าลงโทษเขาด้วยวิธีแบบนี้...อย่าลงโทษเขาด้วยการเอาชีวิตของชะเอมไป...เพราะมันทุกข์ทรมานและเจ็บปวดยิ่งกว่า



"ผมขอโทษ"



ร่างสูงพูดซ้ำๆ ย้ำไปย้ำมา...ในที่ซึ่งไม่มีใครได้ยิน



และรู้ดีว่าคำขอโทษของเขามันไม่มีวันส่งไปถึง



เพราะบาปนี้มันหนักเกินกว่าจะให้อภัย





************************Whose fault? ************************


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                                           Whose Fault ?

                                            ผิด...ครั้งที่ 39



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ฉึบ...



สัมผัสที่ไหล่ทำให้คินที่นอนฟุบหน้าอยู่ข้างเตียงรู้สึกตัว เขาไม่ได้หลับ เพียงแค่อยากจะอยู่เงียบๆ ฟังเสียงลมหายใจของร่างบางเท่านั้น



ร่างสูงเงยหน้าขึ้น เป็นกฤษณะนั่นเองที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้และด้านหลังก็คือเพื่อนที่มาด้วยกันยืนประปรายอยู่ทำให้ในห้องดูคับแคบขึ้นมาทันตาเห็น



"คิน เอมไม่เป็นไรแล้ว แค่รอให้เขาฟื้นขึ้นมาเท่านั้นเอง”



“ครับ” ใบหน้าคมพยักหน้าเชื่องช้า เสียงทุ้มช่างไร้ชีวิตชีวาจนกฤษณะต้องพูดอีกครั้ง



“เธอต้องเข้มแข็งไว้นะ อย่าอ่อนแอให้ชะเอมเห็น พอเขาฟื้นขึ้นมาจะได้ไม่เป็นห่วงเธออีก"



พอได้ยินแบบนั้น แววตาคมก็เริ่มมีประกาย...นั่นสินะ



ตลอดมาเขาเอาแต่ทำตัวให้ชะเอมต้องมาเป็นห่วงตลอด



คินยกยิ้มบางๆ พยักหน้าอย่างเข้าใจ



เมื่อครู่นี้ที่เขาอยู่กับชะเอมสองคนท่ามกลางความเงียบงัน มีเพียงเสียงดังติ๊ดๆ ของเครื่องตรวจอัตราการเต้นหัวใจและเสียงลมหายใจของคนป่วย เขาโทษตัวเองมามากพอ ชะเอมถ้าเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็คงโทษตัวเองเช่นกัน เพราะงั้น...เขาจะไม่ทำให้ร่างบางต้องนึกเสียใจอีกเด็ดขาด



"ขอบคุณครับ อากฤษ"



กฤษณะพยักหน้ารับก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง "พร้อมจะคุยกันได้แล้วสินะ"



"คุย?"



"เรื่องอาการกำเริบของชะเอมไง" เอกพูดแทรกขึ้นมา ทำให้คนฟังทั้งห้องเผลอกลั้นหายใจ คินหันกลับไปมองหน้ากฤษณะที่ยืนล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์แล้วถามอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้



"จริงด้วย...สรุปว่าเอมอาการกำเริบได้ยังไงครับอากฤษ" เสียงทุ้มถามเรื่องที่สงสัยขึ้นมา สายตาคมกวาดมองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าเพื่อนทุกคนก็คงอยากจะรู้จึงได้ทำใบหน้าเครียดและหนักใจ



"จากผลการตรวจ อาการกำเริบที่เกิดขึ้นของชะเอมเกิดจากการที่ทานยาหรือสารเคมีบางอย่างที่มีฤทธิ์ทำให้โรคประจำตัวแสดงอาการออกมาอย่างรุนแรง"



"!?" คินขมวดคิ้วฉับและกุมขมับ "นั่นมันหมายความว่า..."



"หมายความว่าสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ มันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ยครับ" เอกว่า



กฤษณะพยักหน้ารับคำนั้น ก่อนที่จะล้วงขวดยาที่เอกเคยเอาให้เขาดูขึ้นมาชู



ขวดยาโรคประจำตัวของเอม...



"อาฟังที่เอก เพื่อนของเธอเล่าให้ฟังแล้วมันมีความเป็นไปได้มากเลยทีเดียว อาจึงส่งยาตัวนี้ไปตรวจมา ได้ผลว่ามันไม่ใช่ยาโรคประจำตัวที่อาเอาให้ชะเอมกิน...มันคือยาแก้ปวดทั่วๆ ไปที่มีหน้าตาเหมือนกัน ดังนั้นไม่แปลกใจว่าทำไมชะเอมถึงได้กินมันเข้าไปโดยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามันเป็นคนละตัวกัน"



"ถ้าเป็นแค่ยาแก้ปวดอย่างที่คุณหมอบอก แล้วทำไมมันถึงส่งผลรุนแรงขนาดนั้นล่ะคะ" หญิงสาวถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย และคนอื่นๆ ก็คงเหมือนกัน



"ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปทานเข้าไปก็คงไม่เป็นอะไรหรอก" กฤษณะเสมองคนป่วยหน้าซีดที่นอนหายใจแผ่วเบา ทำให้ทุกคนมองตามโดยเฉพาะคินที่มีสีหน้าเจ็บปวด "ไม่สิ...จริงๆ แล้วสำหรับคนทั่วไปก็ห้ามกินยาแก้ปวดพร่ำเพรื่ออยู่แล้ว ยิ่งถ้าหากผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูงทานยาแก้ปวดเข้าไปจะส่งผลให้โรคที่เป็นอยู่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น"



"..."



กฤษณะนิ่วหน้า "ร้ายแรงที่สุด...ถ้าหากได้รับยาเกินขนาด แล้วอาการกำเริบและมาส่งถึงโรงพยาบาลไม่ทัน...ก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้"



ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ พอได้ยินเรื่องอะไรที่มันน่าเหลือเชื่ออย่างการทานยาผิดตัวแล้วทำให้คนป่วยถึงขั้นเสียชีวิตนี่เป็นอะไรที่น่าสลดใจเมื่อมันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว



พวกเขาเกือบจะเห็นเพื่อนคนสำคัญตาย...ต่อหน้าต่อตา



"อาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนเล่นอะไรพิเรนทร์ถึงขนาดนี้"



"เล่น? นี่มันไม่ใช่การเล่นแล้วครับ นี่มันกะจะฆ่าชะเอมชัดๆ!!" คินตะโกนก้องห้องผู้ป่วย หายใจเข้าออกแรงอย่างโมโห ใครที่มันทำถึงขนาดนี้ แล้วมันทำได้ยังไง!?



เอกจับคาง ถามเพื่อนในสิ่งที่ตนสงสัย "คิน ปกติชะเอมเก็บยาไว้ในกระเป๋าใช่รึเปล่า"



"ใช่"



"แล้วติดกระเป๋าไว้กับตัวตลอดหรือเปล่า"



คราวนี้คินขมวดคิ้วนึก "คิดว่าน่าจะตลอด...แต่ถ้าอยากแน่ใจต้องถามเจ้าตัว"



สายตาคมเบนมองใบหน้าซีดเซียว และคงต้องรอให้ฟื้นก่อนด้วย



"แล้วใครล่ะที่เป็นคนทำ ชะเอมมันเป็นคนดีจะตาย ใครจะคิดร้ายกับมันถึงขนาดนั้น" ดินกัดฟันกรอดเมื่อได้รับรู้ในสิ่งที่คาดไม่ถึง เขาก็เป็นคนหนึ่งที่โมโหไม่แพ้กัน พวกเขาเป็นเพื่อนคนแรกของชะเอม รู้ดีกว่าใครว่าร่างบางที่มักจะยิ้มแย้มคนนั้นจิตใจอ่อนโยนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ขนาดไหน...ใครๆ ที่ได้รู้จักต่างก็รักชะเอมกันทั้งนั้น



แล้วนี่คืออะไร?



เขาไม่เชื่อหรอกว่าชะเอมจะไปทำอะไรให้ใครเกลียดถึงขั้นจะปองร้ายเอาชีวิตแบบนี้



"มีคนๆ เดียวไม่ใช่เหรอที่เป็นไปได้มากที่สุด" เอกพูดขึ้นมา มองหน้าเพื่อนกลุ่มตัวเองที่ต่างพากันหน้าซีดเมื่อได้คำตอบ



"ถึงฉันจะคิดไว้แล้วก็เถอะ แต่จะใช่จริงๆ เหรอ" เม็ดทรายถามเสียงสั่น กุมมือกันเองแน่นอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คิด ไม่เคยคิดว่าคนๆ นั้นจะทำได้ขนาดนี้



...น่ากลัว...



"จะเป็นไปได้หรือไม่ได้ มันก็เป็นไปแล้ว"



ยิ่งเอกพูดย้ำ ยิ่งทำให้คินกุมขมับก้มหน้าต่ำ



มีเพียงสินกับดินและกฤษณะที่ไม่รู้เรื่องอะไร ต่างพากันมองหน้า สลับไปมา มองคนนู้นคนนี้พูดจนดินเริ่มมีน้ำโห



"แล้วมันเป็นใครล่ะวะ?! พูดกำกวมรู้กันเองอยู่ได้!"



"เรย์" คินเอ่ยขึ้นทำให้ทั้งห้องเงียบ "ต้องเป็นเรย์แน่"



เขายังจำได้ดี แววตาคลั่งที่เต็มไปด้วยความแค้นนั่นในวันนั้น



‘มึงคงคิดดีแล้วที่คิดจะมาข่มกูแบบนี้...แล้วกูจะคอยดูความพินาศของมึง’



หรือนี่จะเป็นการกระทำของคำเตือนในวันนั้น



"ใช่ และที่เรย์ทำแบบนี้ก็เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้คิน" เอกว่า



"กู..."



ในขณะที่ทุกคนสลดใจ เป็นดินที่กำหมัดแน่นเดินเข้าไปใกล้ "ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!!"



ผัวะ!!



"เอมเป็นแบบนี้ตลอดเลยก็เพราะมึง! ไอ้เหี้ยคิน!" ดินเงื้อหมัดลงแรงทั้งหมดไปที่ใบหน้านั้นอีกครั้ง "และครั้งนี้ก็เป็นเพราะมึงอีกแล้วเหรอ!?"



พลั่ก! ปั่ก!



กำปั้นที่กำลังจะกระทบใบหน้าคมอีกครั้งก็ละออกเพราะดินโดนสินรั้งตัวเอาไว้ "ดิน อย่า นี่มันในโรงพยาบาลนะเว้ย!"



"..."



ทั้งห้องเกิดความวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง ด้วยแรงโมโหทำให้สินไม่สามารถดึงตัวดินที่ใหญ่พอๆ กับเขาเอาไว้ได้ เอกกับศรจึงเข้ามาช่วยห้าม ทำให้ดินดิ้นจนเหนื่อยและหยุดไปเอง ก่อนจะสะบัดออก มือทั้งสองกระชากคอเสื้อคินอย่างแรง



"พวกกูอยู่กับเอมตลอด มึงเคยรู้บ้างมั้ยว่ามันเจออะไรมาบ้าง ทั้งรักมึง เจ็บเพราะมึง มันทั้งโง่ทั้งงี่เง่า...แต่ก็ยังรักมึงคนเดียว..." เสียงของดินสั่นเครือ ยิ่งนึกถึงแต่ก่อนมันยิ่งทำให้เพื่อนอย่างเขาสงสารและเศร้าใจแทน "แล้วมึงดูสภาพมันตอนนี้สิ..."



ชะเอมที่ทั้งอ่อนแอและบอบบางแต่ใบหน้ามักจะประดับด้วยรอยยิ้มสดใส บัดนี้นอนนิ่งหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล



คินเงียบนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ไม่พูดอะไรเลย ปล่อยให้แรงโมโหของอีกฝ่ายมันกระทบเข้าที่ใบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า...เพราะรู้ดีว่านี่แหละคือสิ่งที่เขาสมควรโดนแล้ว



สิ่งที่ทำกับเอม...นี่คือบทลงโทษที่เขาสมควรโดน



เขาต้องโดนแบบนี้ถึงจะคุ้มค่ากับความเจ็บปวดที่ชะเอมเคยเจอ



"ต่อยกูอีกสิ" เสียงทุ้มเอ่ยเรียบนิ่ง แม้เลือดจะไหลออกจากจมูกและมุมปาก แต่ก็ยังพูดออกไป



ยังไม่พอหรอก โดนแค่นี้น่ะ...เขาอยากจะรู้สึกเจ็บให้มากกว่านี้



เพราะอยู่กับชะเอมมากเกินไปก็เลยลืมไปว่าความผิดของเขามันมากมายขนาดที่ชดใช้ด้วยชีวิตก็ยังไม่ได้



ดินกัดฟันแน่นจนกรามปูดเพราะดูเหมือนว่าคนพูดมันจะยังไม่เข็ด แว่วเสียงห้ามจากหมอกฤษกับสินและหลายๆ คนแต่มันดังอื้ออึงเพราะในหัวไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากจะต้องกระทืบไอ้หมอนี่ให้สาแก่ใจเท่านั้น



"ถ้ายังไม่พอ มึงจะกระทืบหรือจะฆ่ากูเลยก็ได้"



"!?"



คนทั้งห้องมองอย่างตกใจที่จู่ๆ เขาเอ่ยอะไรออกมา



"นี่มึง..." ดินชะงักนิ่งอึ้ง มองแววตาคมที่ฉายชัดออกมา...มันเอาจริง



“ฆ่ากูเลยสิ!” เสียงทุ้มตะโกนกร้าว



"ดิน พอเหอะ..." สินปราม ดินจึงคลายมือออกจากคอเสื้อของคิน ไม่ใช่เพราะสินเป็นคนบอกหรอกแต่ดินรู้แล้วว่ามันก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน



รู้อยู่แล้ว



ในเวลาแบบนี้คนที่จะเจ็บปวดมากที่สุด...ก็คงเป็นตัวคินเองนั่นแหละ



"ตอนนี้เรามาคิดกันดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อ แทนที่จะมาทะเลาะกัน" เอกว่า



สินพยักหน้าก่อนตบไหล่ดินเบาๆ "สรุปว่าเป็นเรย์จริงเหรอ คิน"



ร่างสูงจัดปกคอเสื้อก่อนจะยกมือเช็ดเลือด ซึ่งกฤษณะอาสาเข้ามาช่วยทำแผล ก่อนที่เสียงทุ้มจะตอบ "กูแค่เดา แต่เหมือนทุกคนจะคิดเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้เรย์เคยเข้ามาคุยกับชะเอม ตอนนั้นพวกเราทุกคนก็อยู่ด้วย แล้วก็มีปากเสียงกันก่อนที่เรย์จะหายไป...ไม่เจอกันอีกเลย"



...ไม่รู้อีกฝ่ายทำอะไร อยู่ที่ไหน เวลาเรียนก็ไม่มาเรียน งานกีฬาก็ไม่เห็นโผล่มาแม้แต่เสี้ยวหน้า...



เอกจับคางขมวดคิ้วอีกครั้ง ถ้านั่นคือล่าสุดที่เจอล่ะก็... "ช่วงนี้ก็ไม่เจอเลยใช่มั้ย"



"อืม"



"ถ้าเป็นอย่างที่ว่า แสดงว่าตอนเปลี่ยนขวดยาเรย์จะต้องสั่งให้คนอื่นมาแน่" เอกมองหน้าเม็ดทราย "เพราะตามที่ทรายเล่าให้ฟัง เรื่องก่อนหน้านี้หมอนั่นก็สั่งให้คนอื่นขับรถมาชนตัวเองนี่นะ"



"หะ!? เหี้ย เรื่องนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุเหรอ!" เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่มากที่ดินกับสินเพิ่งรู้ จึงตกใจแทบหัวใจหยุดเต้น ไม่เพียงเท่านั้นกฤษณะที่ยืนฟังอยู่ก็เช่นกัน



ในคืนนั้นที่ชะเอมร้องไห้อย่างหนักและโทษตัวเองมาตลอดว่าตนเป็นคนทำให้เรย์บาดเจ็บถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล พวกเขาก็อยู่ด้วยและรับรู้ว่าชะเอมเจ็บปวดมากแค่ไหน...แต่เรื่องนี้ชะเอมก็คงรู้ความจริงนานแล้ว คงจะเป็นตั้งแต่ที่ค่ายนั่น แต่ก็ไม่เคยบอกพวกเขาเลยว่าความจริงแล้วเป็นอย่างไร



"ใช่ พอดีทรายไปได้ยินตอนเรย์คุยโทรศัพท์เข้าพอดีว่านั่นคือเรื่องที่หมอนั่นมีเจตนาไม่ดีให้เกิดขึ้น"



“เอมบอกว่า...เรย์อยากให้กูเลิกกับเอมก็เลยกุเรื่องพวกนี้ขึ้นมาทั้งหมด”



คินก้มหน้าต่ำ ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง...ยังไงซะเป็นเขาเองที่บ้าบอเข้าใจผิดไปมากมาย ทำให้เข้าแผนเรย์ไปซะหมด



ดินฟังเหตุผลแล้วนิ่วหน้าขยะแขยง "ถึงขั้นทำขนาดนี้ ไอ้หมอนี่มันโรคจิตชัดๆ"



"แล้วยังจะเรื่องนี้อีก..." สินคราง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ที่มันดู...ไร้สาระอะไรแบบนี้เกิดขึ้นจริง...แถมยังเกิดกับคนใกล้ตัวอีกต่างหาก



"อาว่าเรื่องนี้ต้องแจ้งตำรวจแล้วล่ะ" กฤษณะเสนอขึ้น เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างการกลั่นแกล้งกันทั่วไปของเด็กแล้ว



ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงได้น่ากลัวขนาดนี้นะ



"ไม่ได้หรอกครับ เรายังไม่มีหลักฐาน" เอกแย้งขึ้นตามความเป็นจริง เพราะตำรวจเขาไม่รับเรื่องการแจ้งความด้วยลมปากลอยๆ หรอก แถมเรย์ยังมีหลักฐานว่าชะเอมเป็นคนทำร้ายเรย์ที่กล้องวงจรปิดหน้าโรงพยาบาลอีกด้วย เผลอๆ จะโดนฟ้องกลับในข้อหาทำร้ายร่างกาย...ถึงแม้จะไม่มีเจตนาก็เถอะ



จู่ๆ คนที่เงียบที่สุดเอ่ยขึ้น "ลองถามคนใกล้ตัวเรย์ดูสิ"



เอกหันขวับถามคนตัวเล็กข้างกาย "ใคร"



"มีด้วยเหรอ" คินก็ขมวดคิ้ว



ตาลเลิกคิ้ว "อ้าว ก็น้องสาวของเรย์คนนั้นไง"



ทั้งห้องเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึง



จริงด้วย



************************Whose fault? ************************



"พี่ชะเอม...เป็นแบบนี้อีกแล้ว น่าสงสารจังค่ะ" รสายืนมองชะเอมที่นอนหลับนิ่งก่อนจะน้ำตารื้นอย่างสงสารจับใจ มือเล็กค่อยๆช้อนมือขาวซีดทั้งบางและเบาขึ้นมากุม อุณหภูมิเย็นเฉียบที่สัมผัสได้ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย



เหมือนกับที่กระท่อมร้างในวันนั้น



"พี่ชะเอมหลับไปนานหรือยังคะ" สาวตัวเล็กช้อนตามองคินที่ยืนข้างๆ



"ตั้งแต่อาการกำเริบก็ยังไม่ฟื้นเลย" คินตอบพลางยิ้มบาง



"เหรอคะ..." เสียงใสเศร้าสร้อย



รุ่นพี่ที่น่ารักคนนี้ทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้นะ



ร่างสูงยกมือลูบหัวเล็กเบาๆ เอ่ยคำที่ทำให้รสายิ้มดีใจ "ถ้ารสามาเยี่ยม เดี๋ยวเขาก็คงฟื้นเร็วๆ นี้แหละ"



"ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีนะคะ!"



"อืม"



หญิงสาวผมยาวอีกคนที่ยืนข้างกายเพื่อนสาวก็มองใบหน้าหวานที่นอนหลับตานิ่ง แผ่นอกสะท้อนขึ้นลงแผ่วเบา ดูเหมือนแค่หลับไปเฉยๆ ...แต่คงไม่ใช่สินะ



และที่เธอโดนเรียกมาแบบนี้ คงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย



"อยู่ๆ พี่เขาอาการกำเริบได้ไงคะ" รินถามขึ้นพร้อมมองไปรอบๆ ห้อง รุ่นพี่ที่เธอรู้จักกับคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของพี่ชะเอมอยู่เต็มไปหมด ได้ยินคำถามของรุ่นน้องแบบนั้นทำให้คินสบมองจริงจัง



"พี่เรียกสามาก็เพราะอยากจะคุยกับรินเรื่องนี้แหละ"



เธอพยักหน้าเข้าใจด้วยหัวสมองอันชาญฉลาดก่อนจะขมวดคิ้ว พอจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างสาก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย



"เรื่องอะไรเหรอริน"



รินมองหน้าเพื่อนก่อนจะถอนหายใจ "...สา ฉันหิวน้ำ เธอไปหาซื้ออะไรให้ดื่มหน่อยสิ"



ใบหน้าเล็กส่ายแรงๆ จนผมสั้นๆ กระจาย



"ไม่เอาหรอก นี่รินจะไล่สาอีกแล้วใช่มั้ย ทำไมรินถึงชอบทำเหมือนสาเป็นคนนอกไม่รู้เรื่องอะไรเรื่อยเลย...ถ้าเรื่องที่จะคุยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพี่ชะเอมล่ะก็สาจะอยู่ฟังด้วย!" รสาพูดรัวอย่างดื้อดึง มีไม่มากที่เธอมักจะกล้าที่จะบอกอะไรอย่างที่ใจคิด และทุกครั้งมักจะเป็นเพราะชะเอม ได้ยินแบบนั้นทำให้รุ่นพี่ต่างหัวเราะ รินก็ถอนหายใจอีกครั้ง



"ตามใจเธอ" หญิงสาวใบหน้าคลับคล้ายกับคนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทมองหน้าคิน "ว่ามาเลยค่ะ"



คินทำหน้าลำบากใจ "พี่อยากจะถามว่าช่วงนี้เรย์ได้ไปไหนกับใคร บ้างหรือเปล่าหรือแบบ...ทำอะไรที่เห็นว่าดู...แปลกๆ”



เขาพยายามหาคำพูดที่ดูไม่กระทบมากเกินไปเพราะยังไง เรย์ก็เป็นพี่ชายของริน โดยที่ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าแต่ละคนรู้เรื่องนิสัยจริงๆ ของเรย์แล้ว



"พี่พูดมาตรงๆ เลยก็ได้ค่ะ เพราะรินก็พอจะรู้บ้างแล้วว่าพี่เรย์เขาเป็นคนยังไง" รินพูดสบายๆ เหมือนกับไม่ได้พูดถึงเรื่องคนในครอบครัวหรือพี่ชายตัวเอง...เธอตาสว่างได้ก็เพราะรุ่นพี่ที่ชื่อชะเอมคนนี้



ถ้าหากพี่ชะเอมต้องการความช่วยเหลือ เธอก็จะให้ความร่วมมือ



"?" คินประหลาดใจแกมสงสัย ยังไม่เข้าใจซะทีเดียวว่าที่รินพูดหมายความว่ายังไง "หมายความว่าไงน่ะริน?"



"เรื่องอุบัติเหตุนั่นไงคะ รินรู้แล้วว่าพี่เรย์เป็นคนจ้างคนให้ทำแบบนั้น" หลายๆ คนต่างตาเหลือกตกใจ แต่เธอกลับยิ้ม "แล้วรินก็รู้แล้วด้วยว่าคนๆ นั้นที่พี่เรย์จ้างเป็นใคร"



คราวนี้หลายๆ คนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าอะไรๆ มันจะได้เรื่องอย่างรวดเร็ว...คิดถูกแล้วที่เรียกเธอมา



คินสูดลมหายใจ "รินพูดจริงเหรอ?"



>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง





ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


ต่อจากด้านบน<<<<<<<<<<<<<<<<<



"ค่ะ เป็นคนงานที่บ้าน" เธอพูดออกไปหมด "แล้วถ้าพี่คินยังจำได้ คนๆ นี้ก็เป็นคนเดียวกับที่ขังเราไว้ที่กระท่อมร้างที่ค่ายต่างจังหวัดด้วยค่ะ"



คินกับดินที่อยู่ในเหตุการณ์ยังจำได้ดี ได้แต่กำหมัดแน่น



เรื่องมันชักจะ...



"ไอ้ห่าเอ๊ย แม่งเลวจริงๆ" ดินสบถกำหมัดแน่น ทำให้สินรีบปรามเพราะคนที่ดินว่านั่นก็พี่ชายของริน และเธอยังยืนฟังอยู่ตรงนี้



"เดี๋ยวนะ คนงานที่บ้านกับคนที่ไปที่ค่ายนั่น...?" ดินกุมขมับกับข้อมูลที่รับมา "ถ้าเป็นคนเดียวกัน งั้นก็แสดงว่า..."



"เขาเป็นรุ่นน้องที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพวกเราค่ะ"



"แล้วเธอรู้ได้ยังไง" ดินถาม "ว่าเป็นเขาจริง"



"พอดีว่าวันนั้นฉันก็เห็นหน้าน้องเขาแวบหนึ่ง ไม่มั่นใจเท่าไหร่ก็เลยไปถามพี่ชะเอม" เธอก็ได้คำตอบในวันที่ไปถาม ยังจำได้ถึงใบหน้าหวานที่มีสีหน้าลังเลและลำบากใจ "และก็เป็นอย่างที่คิด พี่ชะเอมจำหน้าน้องเขาได้ แต่กลับไม่บอกใคร"



ชะเอมคงคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก จึงเก็บความลับให้มันตายไป...แต่หารู้ไม่ ความอ่อนโยนและใจดีนั้นกำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองและคนรอบข้าง



“ถ้ารินบอกว่ารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก แล้วทำไมถึงไม่แจ้งตำรวจ” เอกกอดอกถามเสียงนิ่ง ยังไงรินก็เป็นน้องสาวของเรย์ อาจจะช่วยกันปกป้องก็ได้ใครจะรู้



“พี่เอก...!”



สาวตัวเล็กผุดลุกขึ้นเตรียมแย้ง แต่รินก็ยกมือปรามไว้ เธอหันมามองรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนของพี่ชายด้วยแววตานิ่งไม่แพ้กัน “ตอนแรก...ฉันน่ะเกลียดพี่ชะเอม คนที่บังอาจมาทำร้ายพี่เรย์...ฉันเกลียดมาก”



“...”



“แต่ไม่ว่าฉันจะต่อว่าหรือด่าเขาแรงแค่ไหน พี่เอมเพียงแค่ยิ้มและไม่ใส่ใจ ตอนแรกฉันคิดว่าคนแบบนี้หน้าด้านเกินทน ถึงด่าไปแล้วไม่รู้สึกอะไร...แล้วตอนอยู่ในกระท่อมนั้นโรคหัวใจของพี่เขากำเริบ ฉันก็คิดว่าไม่ว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง ก็ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว...แต่เขาก็เพียงแค่อ้อนวอน ขอให้ปิดมันเอาไว้เป็นความลับ...”



“...”



รินมองหน้าคิน “ฉันเคยถามพี่เขาว่าทำไมถึงไม่บอกพี่คินไปว่าโรคหัวใจกำเริบ ถ้าบอกไปล่ะก็เพียงเท่านั้นก็น่าจะทำให้พี่คินกลับมาหาเขาได้ แต่เขาก็ยิ้มและตอบเพียงแค่ว่า...ไม่อยากให้พี่เป็นห่วงเขา ไม่อยากให้คนอื่นๆ ต้องมากังวล”



“...”



“ ‘อา คนแบบนี้น่ะหรือที่จะทำร้ายคนอื่นได้’ ... ‘คนที่ร่างกายอ่อนแอแบบนี้แล้วยังมีความคิดที่จะเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองแบบนี้น่ะนะจะกล้าทำร้ายใคร’ ...ฉันคิดแบบนั้น” เธอเล่าไปยิ้มไป...ยังจำได้ถึงรอยยิ้มของชะเอมวันนั้น มือบางปัดผมที่ปรกหน้าผากมนของใบหน้าหวานที่หลับตานอนนิ่งออกแผ่วเบา



เธอไม่เคยเห็นใครที่อ่อนโยนได้เท่าพี่คนนี้มาก่อน



เธอถูกชะเอมชโลมจิตใจให้ละจากความโกรธ...เปลี่ยนเป็นเคารพนับถือ



“...”



“ถ้าหากสิ่งที่พี่ชะเอมแสดงออกมาให้ฉันเห็นมันไม่ใช่สิ่งหลอกลวง...แล้วแบบนี้จะเป็นใครกันล่ะที่โกหก” คราวนี้เสียงของเธอกลับมาจริงจัง “ฉันก็แค่ลองกลับไปถามพี่เรย์ดูแล้วก็ได้เรื่องมาแค่นั้นแหละค่ะ”



คินฟังแล้วรู้สึกเหมือนยิ้มออกมาได้ รู้สึกดีแทนชะเอม...ถ้าหากคนป่วยฟื้นขึ้นมาจะต้องยิ้มอย่างดีใจแน่เพราะรินพูดได้แบบนี้ก็เพราะตน



 “ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมไม่แจ้งความ เพราะถูกขอเอาไว้ค่ะ”



“ใคร? อย่าบอกนะว่าเรย์” ดินถามขึ้นอย่างมีน้ำโห



รินส่ายหน้าใจเย็น “เปล่าค่ะ หมายถึงคนที่ถูกจ้างที่ว่า...คนงานที่บ้านน่ะค่ะ”



“แล้วทำไม...” คินไม่เข้าใจ



“เพราะเขาก็ถูกพี่เรย์บังคับให้ทำเหมือนกัน พูดง่ายๆ ก็ถูกขู่น่ะแหละค่ะ”



“แต่วันนั้นได้ยินว่าได้เงินด้วยนะ เรย์จ่ายเงินค่าจ้างให้นี่” ทรายพูดขึ้น เพราะจำได้



“เขาไม่ได้เอาเงินนั้นไปทำอะไรเลยค่ะ คืนให้รินมาแล้วด้วย” รินว่า “นามและแม่ของเขาถูกคุณพ่อช่วยเหลือเอาไว้จึงมีที่พักอาศัยแล้วก็ได้เรียนด้วยแต่ทั้งคู่ก็ทำงานที่บ้านเป็นการทดแทน แต่พี่เรย์ทำเหมือนเขาเป็นทาสแถมขู่ว่าจะฟ้องคุณพ่อด้วยถ้าหากไม่ทำตาม...กับคนที่เป็นลูกชายของผู้มีบุญคุณนามคงไม่อยากจะปฏิเสธน่ะค่ะ”



“แต่นี่ให้มาทำร้ายคนอื่นนะเว้ย! จะเชื่อฟังยังไงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ!” ดินโมโห ฟังแล้วไม่เห็นเข้าใจ



“ไม่ใช่ทำร้ายคนอื่นค่ะ ทำร้ายตัวเองให้คนอื่นเข้าใจผิดต่างหาก” รินแก้ความเข้าใจผิด



“...” ดินอึกอัก เถียงไม่ออก ก่อนจะกอดอกพูดเปลี่ยนเรื่อง “แล้วไงล่ะ มันสำนึกผิดก็ใช่ว่าจะไม่มีความผิดสักหน่อย”



“ค่ะ นามบอกว่าถ้าจะให้เป็นพยานยืนยันเรื่องความผิดของพี่เรย์ล่ะก็เรียกได้ตลอดเลย เขาก็คงกลัวเหมือนกันว่าจะถูกพี่เรย์ใช้ไปทำอะไรไม่ดีอีกรึเปล่า”



“ถ้าไม่ได้มีเจตนาอย่างที่รินว่า พี่ก็ไม่อยากเอาเรื่องหรอก” คินนิ่งคิดก่อนจะพูดขึ้น แต่ผิดกับเอกที่แย้งถาม



“จะดีเหรอวะคิน”



“อืม ก็เขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะช่วยเป็นพยาน แล้วอีกอย่าง...” คินก้มหน้ามองชะเอม “ถ้าเอมฟังอยู่ด้วยล่ะก็ เขาก็คงยกโทษให้คนที่ชื่อนามไปแล้วล่ะ”



ไม่งั้นร่างบางคงไม่ปิดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกหรอก



“แต่กับเรื่องนี้มันไม่เหมือนกัน เจตนาครั้งนี้มันจงใจอย่างเห็นได้ชัด แถมผลลัพธ์มันก็ร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัยได้”

"พี่พูดเรื่องคะ" รินถามสงสัย



"ที่ชะเอมอาการกำเริบและเป็นอยู่ตอนนี้เนื่องจากกินยาผิดตัวเข้าไป เพราะมีคนสลับขวดยา"



"นั่นมัน..."



"พี่คาดว่าเรย์น่าจะเป็นคนทำ ครั้งนี้เรย์น่ะ...เกือบจะฆ่าเอมจริงๆ แล้ว ถ้าพวกพี่พามาโรงพยาบาลไม่ทัน" ยิ่งนึกยิ่งแค้นจนกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน



สาได้ยินแล้วปิดปากร้องไห้น้ำตาไหล "อะไรกัน..พี่ชะเอมเขาไปทำอะไรให้เหรอคะถึงต้องทำร้ายกันถึงขนาดนี้"



คินยิ้มเศร้าก่อนจะหันมาถามรินต่อ "พี่เลยอยากรู้ว่าช่วงนี้เรย์ทำอะไรกับใครที่ไหนบ้าง เพราะพี่ไม่เจอเขาเลย"



คิ้วบางขมวด ช่วงนี้เธอไม่ค่อยได้คุยกับพี่ชายซะด้วยสิ "พี่เรย์หมกตัวอยู่แต่ในห้อง...บางครั้งก็หายออกไปข้างนอกแล้วกลับมาซะดึก ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะเรื่องนี้"



ในขณะที่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป เธอไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น



พี่เรย์ พี่กำลังคิดอะไรอยู่...ทำไมพี่ถึงทำอะไรแบบนี้



ถ้าคุณพ่อรู้เรื่องล่ะก็...



"อย่างนี้เราก็ไม่มีทางรู้ตัวคนทำเลยสิ" สินถามเสียงเครียด



"นี่พวกเราจะต้องปล่อยให้ไอ้หมอนั่นมันทำอะไรตามใจแล้วลอยนวลไปแบบนี้เหรอ กูไม่ยอมนะเว้ย" ดินว่าอย่างโมโห ก่อนจะชะงักเมื่อคนที่แก่ที่สุดเอ่ยขึ้น



"อาถามอะไรหน่อยได้มั้ย" เสียงทุ้มนุ่มทำให้บรรยากาศมาคุในห้องลดลงพอสมควร "ที่อาฟังมาทั้งหมดมันน่าเหลือเชื่อมาก อาน่ะเคยเจอเรย์ครั้งหนึ่ง เขาดูไม่เหมือนเด็กที่ทำแบบนั้นได้เลยนะ...ถึงอาจะไม่รู้จักเด็กคนนั้นดีเท่าพวกเธอก็เถอะ...เขาจะทำเรื่องพวกนี้ไปเพื่ออะไร"



พอได้ยินคำถาม ในห้องก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ไม่มีใครสามารถตอบได้



"ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะเรย์ชอบคินมากก็ได้นะครับ" เอกพูดขึ้นมา แต่นั่นทำให้คนไม่เข้าใจขมวดคิ้ว



"แค่ความรักทำได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ"



"หนูว่านิสัยเขาเปลี่ยนไปด้วยนะคะ จากตอนที่เจอกันครั้งแรก แบบว่าดูอารมณ์รุนแรงมากขึ้น" เม็ดทรายยังจำได้ดี วันนั้นที่พอเรย์โมโหขึ้นมาก็ตะคอกด่าตาแดงก่ำ ไม่สนใจใครทั้งนั้น แถมยังทำลายข้าวของของทางร้านจนเสียหายอีกต่างหาก



"อันนี้ฉันเห็นด้วยค่ะ"



กฤษณะกุมคาง พึมพำเบาๆ "...ปัญหาทางจิตหรือ"



รินหน้าซีด "นี่พี่เรย์เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ"



"จากที่อาได้ยินถ้าทำได้ถึงขนาดวางแผนจะฆ่าแกงกันเนี่ยก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน...แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้นอกจากต้องลองตรวจดูอย่างละเอียดอีกที"



"แล้วเอาไงต่อ"



"นี่...ขวดนั้นน่ะถ้าส่งให้ตำรวจตรวจสอบลายนิ้วมือได้รึเปล่า" คินเสนอ



"แล้วจะหาคนทำได้ไงล่ะ" ทุกคนมองหน้ากัน



ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก



"กูรู้แล้วว่าจะทำยังไง" เอกยิ้มมุมปากทำให้ทุกคนหันมอง "ก็ทำให้คนร้ายแสดงตัวออกมาเองก็หมดเรื่อง"



************************Whose fault? ************************



เพจติดตามคนดัง



'ทอล์คออฟเดอะทาวน์!



แอดมินสาวกน้องคินน้องชะเอมขอใช้พื้นที่ของเพจติดตามคนดังมาประกาศข่าวร้าย



หลายๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันแข่งกีฬากรีฑาที่สนามฟุตบอลอาจจะรู้และเห็นแล้วว่าตอนนี้น้องชะเอมเป็นโรคหัวใจและอาการกำเริบนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งจะไม่ใช่เรื่องร้อนอะไรเลยถ้าหากนี่ไม่ใช่ฝีมือของคนเลวที่บังอาจสับเปลี่ยนขวดยาที่น้องชะเอมพกอยู่เป็นประจำ ทำให้อาการของน้องย่ำแย่จนเกือบถึงชีวิต (เรื่องจริงนะคะไม่ได้ล้อเล่นยืนยันจากแพทย์ประจำตัวของน้องแล้ว)



และขวดยานั้นก็ถูกส่งให้ถึงมือตำรวจและตรวจสอบลายนิ้วมือเรียบร้อยแล้วด้วย บวกกับมีการแจ้งความข้อหามีเจตนาเอาชีวิตผู้อื่น ถ้าหากคนทำเห็นข้อความนี้ โปรดออกมามอบตัวเสียโดยดีนะคะ ถ้าไม่อยากให้ตำรวจแวะไปถึงที่บ้าน นอกจากนี้โทษจะได้ลดลงจากหนักเป็นเบาด้วยนะคะ



แอดมินได้รูปภาพของคนทำมาแล้ว อย่าให้ถึงขั้นแฉลงโซเชียลเลยค่ะเพราะคุณคงไม่สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติอีกต่อไป



ปล.โปรดแชร์ให้คนเลวได้รู้ตัว จะได้รู้ว่าการทำเลวอยู่บนโลกนี้อย่างสงบสุขไม่ได้ค่ะ!



ขอขอบพระคุณชาวโซเชียลที่ช่วยกัน'



100k liked  12.4k ความคิดเห็น  20k shared



ปลาฉลามขึ้นบก : คนทำเลวจริงๆ ชะเอมก็ดูบอบบางอยู่แล้วยังไปทำเขาได้อีก



Rasa : พี่ชะเอมน่าสงสารมากค่ะ ทำกันแบบนี้พี่คินจะต้องไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวลแน่นอน



Hokkins : ใครบังอาจมาทำลูกรักของคณะเรา มันต้องโดนประนาม!!! ทำกันแบบนี้ต้องแฉไม่ให้มันไปผุดไปเกิดอีกเลยค่ะถึงจะดี!



J : อยู่โรงพยาบาลไหนครับ อยากไปเยี่ยมจัง



ตามตม : คนทำไม่รู้หรือจงใจ แต่ไม่รู้นี่ก็เกินไป ส่วนถ้าจงใจนี่ก็ควรส่งมันลงนรกนะครับ



ชาติชายชาตรี : @ตามตม พูดดีครับตม



ตามตม : สุดหล่อก็งี้แหละครับชาย @ชาติชายชาตรี



MaEgh : ขอให้น้องหายไวๆ



Pakin : ตอนนี้เอมอาการทรงตัวแล้ว ขอบคุณทุกๆ คนที่เป็นห่วง ถ้าชะเอมได้สติขึ้นมาก็คงจะดีใจเหมือนกัน ส่วนเรื่องคนร้ายทางเรากำลังดำเนินคดี และผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด



สามเกลอ : สู้ๆ ครับ



Rasa : หายไวๆ นะคะพี่ชะเอม



Hokkins : เจ๊เอาใจช่วยค่ะ ขอให้น้องชะเอมหายไวๆ

"เห้ย มึง เห็นในเฟสป่ะวะ นั่นมันคนที่เราไปเปลี่ยนยานี่หว่า เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้ได้ไงวะ เหี้ยเอ๊ยทำไงดี" คนพูดยกมือขย้ำหัวตัวเองอย่างกระวนกระวาย หน้าซีดร้อนรนผิดปกติ



"ก็ไหนเรย์บอกว่าไม่เป็นไรไง... โธ่เว้ย!" อีกคนเตะเก้าอี้พลาสติกจนปลิวกระเด็นไปกระแทกกำแพงเสียงดัง "แม่งหลอกเรา!"



"รีบโทรหามันสิวะ!"



อีกคนรีบกดเบอร์โทรออก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ "มันไม่รับว่ะ...ทำไงดี นี่กูต้องโดนตำรวจจับเข้าคุกใช่มั้ยวะ"



เมื่อคนหนึ่งเริ่มขวัญเสีย คนอื่นๆ ก็เริ่มสั่นกลัวตามมาไม่แพ้กัน ไม่นึกว่าการรับจ้างที่ได้เงินเยอะและดูอะไรๆ มันจะง่ายดายสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้



"หรือเราจะยอมมอบตัว ถ้าเราบอกว่าถูกจ้างมาเขาอาจจะไม่เอาผิดเราก็ได้"



"บ้าหรือไง ใครจะไปเชื่อ"



"แล้วทำไมถึงไม่รับสายวะเนี่ย!?"



"ทำไงดี ทำไงดี"



เกิดความวุ่นวายขึ้นใหญ่ เพราะข้อความที่ถูกโพสต์ลงเพจติดตามคนดังบอกว่าถ้าไม่ยอมไปมอบตัวจะถูกแฉหน้าลงโซเชียลด้วย มีหวังพวกเขาทุกคนคงโดนไล่ออกแถมไม่มีหน้าไปเรียนที่ไหนต่อด้วย แล้วจะหางานทำก็ยาก...พูดได้เลยว่าหมดอนาคต



เพียงเพราะหลงเชื่อคนพรรค์นั้นและความโลภในเงินทอง



ตึง!



“ทุกคนใจเย็นๆ” คนที่ทุบโต๊ะเสียงดังพูดขึ้นเสียงเรียบทั้งที่ใบหน้ามีเหงื่อผุดซึม “กูว่ามันต้องหลอกพวกเราแน่ๆ จริงๆ แล้วมันยังไม่รู้หรอกว่าเราเป็นคนทำ ถึงจะมีรอยนิ้วมือแต่ถ้าไม่เอาไปเทียบก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าคนร้ายคือใคร”



ฟังดูแล้วมีเหตุผลจนใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความหวัง “จริงเหรอ?”



“เออ พวกเราต้องอยู่เฉยๆ อย่ามีพิรุธ...”



แกร๊ก...



“โอ๊ะโอ๋...กูว่าพวกมึงคงจะอยู่เฉยไม่ได้แล้วล่ะนะ”



“!!!”



“อย่าขยับ ถ้าไม่อยากให้หัวของเพื่อนมึงมีรูไปประดับ” ชายถือปืนจ่อศีรษะยิ้มเหี้ยม เป็นคนที่ใส่หมวกแก๊ปดึงปีกหมวกปิดหน้าซะมองไม่เห็นว่าเป็นใคร “แล้วก็อย่าโวยวายด้วย”



ชายร่างสูงอีกคนเดินเข้ามาล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างน่าเกรงขาม แต่คนๆ นี้ไม่ได้ปกปิดใบหน้าแต่อย่างใด เมื่อขายาวก้าวเข้ามาจนแสงสาดส่องก็เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราฮอลลีวูด “ไอ้พวกนี้เหรอวะ”



“ใช่ กูเห็นพวกมันสุมหัวกันตั้งแต่ครั้งแรก”



“อ้อ...” ชายหน้าหล่อรับคำเสียงนิ่งเข้าใจความหมายกันแค่สองคน ก่อนที่จะเดินเข้ามากระชากผมหัวโจกจนหงายเงิบ



แกร๊ก!



“กูบอกว่าอย่าขยับไง หรืออยากได้รูบนหัว” ชายอีกคนหน้าซีดตัวสั่นขลาดกลัวเห็นท่าไม่ดีก็เลยว่าจะชิ่งหนี แต่ชายใส่หมวกตาไวเหลือเกิน มืออีกข้างที่เคยล้วงกระเป๋าเสื้อควักออกมาจ่อ มันคือปืนดำเลื่อมอีกกระบอก...สรุปชายคนนี้ถือปืนสองข้าง ไม่ได้ถือไว้ขู่เล่นๆ เพราะชายคนนี้ถนัดทั้งสองมือ



“ขะ ขอโทษครับ! อย่ายิงนะ...” คนขี้ขลาดบอกเสียงสั่น ยกมือขึ้นบังราวกับจะช่วยอะไรได้



คนถือปืนเดาะลิ้นขัดใจ “กูบอกว่าอย่าเสียงดังไง เดี๋ยวยิงแม่งเลย”



“ใจเย็นๆ สิธาร” เสียงทุ้มเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะดังขึ้นจากหนุ่มหน้าหล่อ และปืนที่จ่อเล็งเป้าหมายก็ละลงตามคำสั่ง แต่ก็ไม่ประมาท



“พวกมึงเป็นใคร” หัวโจกถามขณะที่ยังถูกจิกหัวอยู่ “ต้องการอะไร”



“ไม่ได้ต้องการอะไร”



“...”



“แค่จะมาบอกว่าอย่าคิดหนี” มือที่ล้วงกางเกงชูบางอย่างขึ้นในระดับสายตา มันคือเครื่องบันทึกเสียง “เพราะพวกกูมีหลักฐาน”



ชายหน้าหล่อยิ้มกริ่ม กดปุ่มเล่นมันซะก่อนที่คนทั้งห้องก็ตื่นตะลึง เพราะมันคือเสียงของพวกเขาและนายจ้างที่เคยตกลงกันเรื่องงานถูกบันทึกเอาไว้...ตอนนั้นมีคนแอบฟังอยู่ด้วย!?



ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาหย่อนไอพอดลงกระเป๋ากางเกงเช่นเดิม ก่อนจะพูดเสียงนุ่มอีกครั้ง “คงได้ยินกันแล้วนะ แต่กูจะให้โอกาสพวกมึงได้ไปมอบตัวด้วยตัวเอง...โดยไม่ส่งหลักฐานชิ้นนี้ไปด้วย”



“...”



“เพราะฉะนั้น...กูก็หวังว่าพวกมึงจะทำตัวกันดีๆ” มือใหญ่ที่จิกทึ้งปล่อยเป็นอิสระ ก่อนจะปัดมือกับกางเกงอย่างรังเกียจ และก้าวเดินออกจากรังสุมหัวไป ไม่ลืมทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยเสียงที่น่าขนลุก



“เข้าใจแล้วนะ”



************************Whose fault? ************************


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
โอ้ยยย กำลังเข้มได้ที่เลย ฉับกันซะงั้น ลุ้นไปด้วยเลย

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ตื่นเต้นๆ มาต่ออีกนะครับ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ลุ้นมากเลย,,,

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                                             Whose Fault ?

                                              ผิด...ครั้งที่ 40



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



"เห็นว่าคนทำมามอบตัวแล้ว" เอกที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟาริมห้องผู้ป่วยห้องใหญ่สำหรับวีไอพีหันมาบอกคินที่นั่งข้างเตียงผู้ป่วย ก่อนจะกลับไปคุยในสาย "ขอบคุณมากครับพ่อ"



"เส้นสายใหญ่จริงๆ เลย" ร่างบางที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยปิดปากหัวเราะเสียงใส ทำให้คินเอ่ยเสียงดุๆ



"เอม นอนพักสิ"



"ก็เอมนอนพักมาทั้งวันแล้วนี่นา เอมเบื่อ" แก้มใสซีดเซียวพองลมงอนๆ



"ที่คินบอกเพราะเป็นห่วงนะ"



"เอมรู้ครับ..." ชะเอมยอมแพ้ ก่อนจะค่อยๆ เอนตัวลงโดยมีคินประคองอยู่ข้างๆ "แล้วคินจะทำยังไงกับเรย์เหรอ"



"เอาผิดตามกฏหมาย" เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่นไร้ความปราณี...หมอนั่นผิดเองที่ทำกับชะเอมแบบนี้



"แล้วเรย์จะยอมรับผิดเหรอ"



"พยานเยอะแยะขนาดนี้ คงหนีไม่รอด" เอกลุกขึ้นเดินมาข้างเตียงที่ชะเอมนอนอยู่ ก่อนจะยิ้ม "ไม่ต้องกลัวนะ เพราะตำรวจต้องจับคนผิดได้แน่...พวกมันทุกคน"



"มีเอกก็เลยช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณนะ...ขอบคุณคุณพ่อด้วย" เสียงใสเอ่ยอย่างจริงใจ



"ไม่เป็นไรหรอกน่า...เรื่องเล็ก ทุกๆ คนเขาก็เป็นห่วงเอมกันทั้งนั้น เราก็เหมือนกัน"



"แล้ว..." ร่างบางขมวดคิ้ว เม้มปากแน่น "แล้วถ้าเรย์ถูกจับจริงๆ จะถูกลงโทษอะไรบ้าง"



"โทษที่คิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาหรือไตร่ตรองไว้ก่อนน่ะมันหนักหนามาก" เอกยิ้มนิดๆ แต่ในใจก็หนักอึ้งไม่แพ้กัน "ถ้าไม่ประหารชีวิต...ก็อาจจะติดคุกตลอดชีวิต"



ทั้งห้องเงียบไป ราวกับสิ่งที่ได้รับรู้มันอาจจะหนักหนาเกินกว่าที่คิด



"สมควรแล้วล่ะ" คินพูดขึ้นมา ไม่ได้แคร์สักนิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทหรือแฟนเก่า



ชะเอมเงียบไปไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาก็เข็ดมากเช่นกันที่ถูกทำถึงขั้นปองร้ายจะเอาชีวิต ยังจดจำความเจ็บปวดได้อยู่เลย...ตอนนี้ก็ยังเจ็บหนึบๆ เพียงแค่ขยับตัว



"ยังไงเอมก็พักผ่อนตามที่คินบอกไปก่อนดีกว่านะ เอาไว้หายดีแล้วจะได้ออกไปเดินเล่นได้" เอกบอกก่อนจะหันไปพูดกับคิน "เดี๋ยวกูจัดการเรื่องนั้นให้ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะโทรมาบอก"



"ขอบคุณมากเอก กูขอบคุณจริงๆ" คินมองหน้าเอกยิ้มๆ ไม่รู้จะเอ่ยยังไงให้สมกับที่รู้สึกตอนนี้...อยากจะขอบคุณมากกว่านี้ด้วยซ้ำ...ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้ หรือตอนนี้



เอกหัวเราะหึ "มึงติดหนี้กูแล้วคิน"



"...จะให้ใช้เมื่อไหร่ก็บอก" เขาพร้อมเสมอเพื่อเพื่อนคนนี้



"เออ เจอกัน"



หลังจากที่ประตูปิดลง ร่างสูงก็ทรุดลงนั่งอีกครั้ง และเลิกคิ้วมองหน้าชะเอมที่ยังนอนตาแป๋วแหวว



"ยังไม่หลับอีกเหรอ"



"ก็เอมไม่ง่วง..."



คินยิ้มบาง มันทั้งดูจืดเจื่อนและโศกเศร้า "ยังเจ็บ...อยู่รึเปล่า"



"ครับ นิดหน่อย" ชะเอมตอบตามจริง ไม่โกหก



พอมือใหญ่ยกขึ้นมากุมแน่นนิ่งเงียบไป ก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตากลมโตพิศมองใบหน้าคมหล่อเหลาที่มีรอยช้ำข้างแก้มและรอยแตกตรงมุมปากและจมูกโด่ง



ถึงจะมีรอยตำหนิ แต่ก็ยังดูดีสมกับเป็นเดือนคณะจริงๆ



"เจ็บมั้ยครับ"



คนที่กำลังเหม่อ เลิกคิ้วมองมางงๆ เล็กน้อยก่อนจะรู้ตัวว่าถูกถามเรื่องอะไร "อ๋อ...ไม่เจ็บหรอก..."



"..."



เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ทั้งที่ชะเอมอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่พอจะพอจะพูดมันก็...



'เป็นไงบ้าง'



'อื้ม โอเคแล้วล่ะ'



'นี่สิน...แผลที่หน้าของคินน่ะ อาหมอบอกเราว่า...' เขาถามขึ้นมา ไม่ได้อยากกล่าวโทษ แต่แค่อยากรู้ว่าทำไม...



'ต้องขอโทษแทนดินมันด้วย แต่ว่าเราก็อยากให้เอมเข้าใจมันนะ'



'เรา...'



'ดินมันแค่เป็นห่วงนายเท่านั้นเอง' ร่างสูงมองใบหน้าหวานซีดเซียวที่บอกว่าโอเคขึ้นแล้ว แต่ก็ยังดูน่าเป็นห่วง 'พวกเราก็โกรธคินเหมือนกันนะที่ทำให้เอมเป็นแบบนี้ ถ้าจะให้ทนมองอยู่เฉยๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้'



'...'



'เพราะว่านายไม่เคยบอกอะไรพวกเราที่เป็นเพื่อนเลย แม้จะเป็นเพื่อน...ก็ไม่ได้วางใจถึงขนาดอยากเล่าให้ฟังทุกเรื่องสินะ'



เสียงใสแย้งขึ้นทันที 'ไม่ใช่นะ! ไม่ใช่...เราแค่...!'



หยาดน้ำตาคลอหน่วย...ทำไมล่ะ มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ



'ไม่เป็นไร...อย่ากังวลไปเลย แล้วก็ทำใจสบายๆ เดี๋ยวอาการแย่ลงแล้วไอ้คินมันจะมาด่าเราเอา' เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน มือใหญ่ยกลูบผมนุ่มของคนที่ทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ 'เรารู้ว่าเป็นห่วง แต่รู้มั้ยว่าทั้งราม ทั้งเรา ทั้งดินมันก็เป็นห่วงเอมไม่แพ้กัน ...เพราะอย่างนั้นช่วยเชื่อใจพวกเราให้มากกว่านี้หน่อยได้มั้ย'



'...'



'พึ่งพากันบ้าง...'



มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่น เขาทำให้พวกดินเป็นห่วงโดยที่ไม่เคยรู้เลย



"เอมรู้แล้วว่าดินเป็นคนทำ..." ริมฝีปากบางเม้มแน่น ไม่พูดต่อแต่ร่างสูงก็รู้ว่าร่างผอมบางต้องการจะบอกอะไร



"คินโกรธดินมั้ยครับ?"



"ไม่โกรธ...ไม่โกรธหรอก" เสียงทุ้มตอบทันที เห็นสีหน้ากังวลและคิ้วขมวดแล้วคินก็หัวเราะ "ทำไม กลัวว่าคินจะไม่ถูกกับเพื่อนของเอมเหรอ"



หัวทุยพยักหงึกหงัก หน้าซึม



"เอมมีเพื่อนที่ดีนะ...เพื่อนที่คอยเป็นห่วงหรือรู้สึกแทนกันแบบนี้หาได้ยากมาก" คินยกมือลูบรอยช้ำตรงแก้ม ยังจำความโกรธเกรี้ยวและความเจ็บปวดในแววตานั้นได้...เจ้าพวกนั้น



ชะเอมยกยิ้มบาง "ครับ ดินเป็นเพื่อนของรามอีกที รามเป็นคนพามารู้จักน่ะ"



เขารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้รู้จักเพื่อนทั้งสามคน



'นี่นาย เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีดๆ นะ'



ยังจำได้ถึงครั้งแรกที่เราเจอกันบนรถเมล์



ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดี



ทำให้เขาได้เจอเพื่อนแท้



"พูดถึงราม หมอนั่นมาเยี่ยมด้วยนะ ตอนที่เอมยังหลับอยู่"



"รามเหรอ?" ดวงตากลมโตขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอรามมาซักพักแล้ว ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคราวนั้นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน แล้วรามก็ไม่ได้มามหาลัยอีกเลยเพราะต้องนอนพักเนื่องจากขาและแขนข้างหนึ่งใช้งานไม่ได้



ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ?



"แล้วมาได้ยังไงครับ รามหายแล้วเหรอ" เขายังจำได้ว่าวันนั้นหมอดามขาของรามแพลง และห้ามใช้งานมัน สองเดือนกว่าจะหายสนิท



"อ่า..." คินกลอกตา ไม่อยากจะพูดเท่าไหร่ "ก็มากับ...ติม แต่พอเห็นเอมหลับอยู่ก็กลับไปน่ะ"



"เหรอ สองคนนั้นดีกันแล้วสินะ" เสียงใสพูดอย่างโล่งอกสบายใจ ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสิ...ไม่งั้นคงไม่ดูแลรับส่งกันแบบนี้หรอกเนอะ ชะเอมคิดอย่างแง่บวก



แต่คินกลับนั่งนิ่งไม่แก้ไขความเข้าใจผิด เพราะสิ่งที่เขาเห็นมันตรงกันข้ามมากกว่า



"เอาล่ะ สบายใจก็นอนได้แล้วสิ หืม" คินลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะจัดผ้าห่มให้คลุมร่างผอมดีๆ ยกมือปัดหน้าม้าที่ปรกหน้าผากมนออกและก้มลงแนบริมฝีปาก



แผ่วเบา...อ่อนโยน



ดวงตากลมจ้องมองที่ใบหน้าหล่อเหลาแล้วทำให้นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...ก่อนที่เขาจะหลับไป



"คิน..."



"หืม?"



"ตอนนั้น...เอมนึกว่าจะไม่ได้เห็นหน้าคินอีกแล้ว" คินฟังแล้วนิ่ง ก่อนจะช้อนมือขาวซีดขึ้นมากุม มันอุ่นขึ้นมานิดหน่อย ให้ความรู้สึกดีกว่าก่อนหน้านี้มากมายนัก



"เอมกลัวมากเลย" เสียงใสสั่นเครือ ทำให้คนฟังสะเทือนใจ



...ความหวาดกลัว...ที่ต้องจากลา...



"...คินก็...กลัวเหมือนกัน..." สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่สั่นระริก "นึกว่าจะไม่ได้คุยกับเอมอีกแล้ว"



ทำไมกันนะ? ทำไมทุกครั้งที่เกิดเรื่อง เขาถึงไม่ได้อยู่ข้างกายร่างบาง...แต่กลับเป็นคนอื่น?



"เอมขอโทษ...ที่ทำให้เป็นห่วง"



"คินก็ขอโทษเหมือนกัน...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง..." คินก้มต่ำหยาดน้ำตาไหลกระทบหลังมือสีซีด มันทำให้คนมองเจ็บปวด "เป็นเพราะคิน..."



"ไหนบอกว่าจะไม่โทษตัวเองแล้วไงครับ" ชะเอมบอกพลางดึงมือใหญ่มาแนบอก "สัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอ"



ใบหน้าคมเงยขึ้น หยาดน้ำตาเหือดแห้งราวกับว่าความอบอุ่นของชะเอมถูกส่งมาทำให้น้ำตาระเหยไป



ตึกตัก...ตึกตัก



แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ยังสัมผัสได้ ก้อนเนื้อในนั้นยังคงเต้นดัง...เป็นจังหวะ



พอสบดวงตากลม ริมฝีปากคมก็ยิ้มออกมาจนได้ ทำให้ชะเอมยิ้มเผล่ "เดี๋ยวนี้คินกลายเป็นคนขี้แยแทนเอมแล้วสิเนี่ย"



คำล้อทำให้เสียงทุ้มหลุดหัวเราะ และเอ่ยกลับด้วยคำที่ทำให้แก้มใสพองลม "ก็คงติดคนแถวนี้มาแหละ"



"ว่าเอมอีกแล้ว ...จะงอนจริงๆ แล้วนะ" ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ใบหน้ายิ้มแย้ม แถมยังจับมืออีกฝ่ายไว้แน่นพลิกตัวนอนตะแคงหันเข้าหาร่างสูงและค่อยๆ ปรือตาลง



คินยิ้มน้อยๆ ลูบหัวทุยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มแผ่วเบา "นอนเถอะ อย่าฝืนนัก"



"คินก็เหมือนกัน อย่าฝืนนะครับ เอมเป็นห่วง"



"ครับ"



"เอมรักคิน..." เสียงใสพึมพำเหมือนคนละเมอ แต่ถึงกระนั้นก็รู้ว่ามันมาจากใจจนต้องบอกกลับไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนกัน



"...คินก็รักเอม"





************************Whose fault? ************************





"บอกแล้วไงว่าผมถูกจ้างมา ทำไมถึงไม่เชื่อผม! ผมไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย!" ภายในสถานีตำรวจมีเสียงดังจอแจขึ้นเนื่องจากกลุ่มชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่มาโวยวายเสียงดัง ทั้งๆ ที่ทำความผิดแต่กลับไม่มีความสำนึกแม้แต่น้อย



"พวกคุณช่วยสงบสติอารมณ์หน่อยนะครับ ทางเราจะขอตรวจสอบประวัติก่อน"



"ผมแค่จะมาบอกเท่านี้ ว่าผมไม่ได้เป็นคนวางแผน ผมแค่ทำตามที่ว่าจ้างบอกแค่นั้น แล้วพวกผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในขวดยานั่นมันคืออะไร!?"



"แต่ของกลางมีลายนิ้วมือของพวกคุณทุกคน จะแก้ต่างอะไรก็ฟังไม่ขึ้นหรอก" เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังทำให้เหล่าคนทำผิดสะดุ้งหันขวับ



"คุณเอกวิน"



เอกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะก้มหัวทักทายตำรวจทุกคนในที่นี้ที่อาวุโสกว่าเขา แต่ที่เรียกอย่างสุภาพเพราะเอกเป็นลูกชายของคนใหญ่คนโต ถ้าไม่ทำงั้นขืนคุณเอกวินไม่พอใจพวกเขามีหวังถูกเฉดหัวส่งแน่!!



...แต่ว่าเอกไม่เคยทำกับใครแบบนั้นสักคน...พวกนั้นคิดไปเองทั้งนั้น...



"มึงเป็นใคร..." คนที่เหมือนเป็นหัวโจกพูดขึ้นตาขวาง



"ก็เป็นคนที่ล่อพวกมึงมาที่นี่ไงล่ะ" เอกพูดพร้อมแบ้มรอยยิ้มแสยะน่าขนลุก "มีหลักฐานมัดตัวขนาดนี้ก็อย่าหวังว่าจะรอดจากคุกไปได้"



"กะ ก็บอกแล้วไงว่าพวกกูไม่ได้ตั้งใจ!! แค่ถูกจ้างมาไม่เข้าใจหรือไงวะ ใช่มั้ยพวกเรา!"



ต่างคนต่างพากันพยักเพยิดตาม



"ใช่ๆ"



"ผู้ว่าจ้างให้เงินเท่าไหร่ล่ะ ถึงจ้างให้ไป 'ฆ่า' คนแล้วพวกมึงก็ยังยอม...คงมากพอดูสินะ หือ"



"ไม่ได้ฆ่านะ!!"



"..."



คนขี้ขลาดหน้าซีดตาลึกโหลคนหนึ่งตะโกนลั่นทั้งๆ ที่ปากสั่น "พะ พวกเราไม่รู้สักหน่อยว่ายาในขวดนั่นน่ะ..."



"ไม่รู้? ถ้าใช้คำนี้แล้วคิดว่าตำรวจจะปล่อยพวกมึงไปล่ะก็คิดผิด" ใบหน้าคมจ้องเย็นเยียบกดดัน "เพราะยังไงการที่มึงทำให้คนๆ หนึ่งเกือบตายนั่นก็เปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้"



"แต่มันก็ยังไม่ตายใช่มั้ยล่ะ"



ฟังเสียงระรื่นที่ของคนหัวโจกพูดที่ทำสีหน้ายียวนแล้วทำให้ร่างสูงข้างๆ เอกที่มาด้วยอีกคนกำหมัดแน่นและพุ่งออกไปไม่ทันตั้งตัว



"ไอ้เลวเอ๊ย!!"



ผัวะ!!



"โอ๊ย!"



พลั่ก!



ยังไม่พอ ร่างสูงตึงใช้เท้าถีบที่สีข้างคนเดิมอย่างแรงจนกระเด็นไปนอนที่พื้น



"เห้ย คิน ใจเย็นดิวะ"



"ใจเย็นเหี้ยไร มึงฟังที่มันพูด!"



"กูฟังอยู่หรอกน่า แต่มึงก็ใจเย็นหน่อยไม่งั้นกูจะให้ตำรวจหิ้วมึงออกไป" เอกพูดเสียงเย็นทำให้คินสะบัดตัวออกและจัดเสื้อผ้า



"ไอ้ห่านี่!" คนที่ล้มลงหมดสภาพเช็ดเลือดที่ปากและเตรียมจะพุ่งเข้ามาแต่โดนตำรวจล็อคตัวไว้



"มึงต้องโดนตำรวจจับ ใครๆ ก็เห็นว่ามันทำร้ายผม ...ต่อหน้าต่อตา!"



"กูเอาคืนต่างหาก" คินตอบเสียงเข้มไม่สะทกสะท้าน สายตาคมกริบกวาดมองหน้าทุกคนที่อยู่ในความทรงจำ "ไม่ใช่แค่มึง ...แต่พวกมึงทุกคน อย่าคิดว่ากูจำไม่ได้"



"มึงพูดเรื่องเหี้ยอะไร!"



"คิน มึงหมายความว่า?"



"พวกมันคือคนที่ลอบมาทำร้ายชะเอมก่อนที่จะเกิดเรื่อง...ผู้ว่าจ้างคงสั่งมาล่ะสิ"



คราวนี้พวกมันหน้าซีดปากสั่นกันทุกคน



"ความผิดสองกระทงแล้วสินะ" เอกถอนหายใจ บอกให้ตำรวจจดข้อกล่าวหาเพิ่มเข้าไปอีกข้อ



"ถ้ายังไม่ยอมรับ ก็ไปเปิดกล้องวงจรปิดที่มหาลัยดูได้ เพราะกูจำได้หมดว่ามันเกิดที่ไหนบ้าง...ทุกเหตุการณ์...ทุกสถานที่" คินหัวเราะหึ "มันจะต้องมีหน้าของพวกมึงปรากฏอยู่ในนั้นแน่นอน"



ดวงตาคมกริบเย็นชา



จะไม่ให้อภัย...กับคนที่มาทำร้ายนาย



"ก็ลองจับพวกกูเข้าคุกดูสิ กูจะบอกพ่อกูแน่ว่าพวกมึงใส่ร้าย!" หัวโจกตะโกนกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้ พลันเอกหลุดหัวเราะเสียงดังจนตำรวจในกรมสะดุ้ง ร่างสูงขำจนต้องกุมท้องที่หัวเราะจนปวด



"โทษทีๆ ฮะๆ อะไรเนี่ย กูเพิ่งเคยเห็นคนที่แถจนเลือดออกซิบๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกเลย..."



"กูไม่ได้พูดเล่นนะโว้ย!! ถ้าอยากลองดีกับพ่อกูก็ลอง..."



"ก็ลองดูสิ! ถ้ามึงคิดว่าพ่อมึงจะมีอำนาจหรือบารมีมากพอจะต่อกรกับคดีครั้งนี้ได้ก็ลองดู!"



คนที่ทำผิดแล้วคิดจะเอาเงินกลบฟังแล้วกัดฟันกรอด ทำไม...อะไรที่ทำให้มันมีความมั่นใจถึงขนาดนั้นกัน



"ถ้ามึงคิดว่าผู้ปกครองของคนที่เสียหายจากการกระทำของพวกมึงในครั้งนี้จะยอมล่ะก็ มึงคิดผิดแล้ว"



เอกวินไม่ได้โอ้อวดแต่อย่างใด กับภาคินนั้นว่าน่ากลัวแล้ว แต่เทียบไม่ได้กับบิดา เกษมศักดิ์ อนันต์โภคทรัพย์จะไม่มีทางยอมอย่างแน่นอนที่มาทำร้ายคนสำคัญของเขา



"ตัดใจซะเถอะ จะดิ้นยังไงพวกมึงก็ไม่มีทางรอดอยู่แล้ว" เอกยิ้มแสยะ พูดเสียงเหี้ยมจนคนฟังตัวสั่น "แต่ก่อนที่จะต้องให้พวกมึงได้รับโทษอย่างสาสมก็จะขอให้มาเป็นพยานจับผู้ว่าจ้างสักหน่อยล่ะ"





************************Whose fault? ************************





 "อย่างนั้นเหรอ แล้วตอนนี้เอมเป็นยังไงบ้าง" เสียงทุ้มถามเรียบนิ่งผิดปกติ กรอกใส่โทรศัพท์ ทั้งเลขาข้างตัวและคนในสายรู้ดีที่สุดว่าชายคนนี้อดทนอดกลั้นมากขนาดไหน...ที่จะไม่เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง



("อาการทรงตัวครับ แต่ต้องตรวจอาการและนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน")



"งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบกลับไป ภายในอาทิตย์นี้"



("ครับพี่เกษม")



"ขอบใจมากกฤษ"



เสกมองท่านประธานเกษมที่วางสายจากอีกฝั่งที่อยู่คนละฟากโลกไปสักพัก ใบหน้าคมที่แม้จะกรำวัยแต่ยังคงหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบ ทว่าเส้นเลือดปูดโปนที่หลังมือและขมับ แววตาคมกริบตวัดสบมองทำให้เสกสะดุ้งรีบตอบรับ



"ครับ ท่านประธาน"



"เสก ฉันวานไปเอางานทั้งหมดที่ต้องเคลียร์มา ฉันจะต้องทำให้เสร็จภายในสามวัน"



"สะ สามวัน!?" เลขาหนุ่มตกใจ ก่อนจะขมวดคิ้วกังวล "แต่นั่นมันเยอะมากเลยนะครับ ผมเกรงว่า..."



แต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อถูกสายตาคมกริบสบอีกครั้ง



"อย่าให้พูดซ้ำ"



เสกกลืนน้ำลายรู้สึกถึงเหงื่อชื้นที่แผ่นหลัง "ครับ" และร่างโปร่งในชุดสูทถูกระเบียบก็เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว



ไม่มีเรื่องใดที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวของประธานเกษมศักดิ์เปลี่ยนไปได้นอกจากเรื่องคู่แข่งในการงาน...



กับคนในครอบครัว



************************Whose fault? ************************







ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                                              Whose Fault ?

                                               ผิด...ครั้งที่ 41



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ก๊อกๆๆ

"พี่เรย์"

ก๊อกๆๆ

"...พี่เรย์คะ"

มือเรียวเคาะประตูไม่สักที่ทั้งใหญ่ทั้งหนารัว แต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้าของห้องจะเปิด ไม่มีทางที่จะไม่อยู่เพราะเธอเช็คดูแล้วว่าทั้งรถทั้งรองเท้าก็ยังอยู่ในบ้าน

"พี่เรย์คะ" เรียกแล้วก็รัวเคาะไปอีก แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ

รอเพียงอึดใจ มือบางจึงถือวิสาสะเปิดประตู แต่ติดกลอนที่ล็อคเอาไว้

หรือว่าจะไม่อยู่? แล้วไปไหน?

"คุณริน" ร่างเล็กๆ ของชายคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าก้มต่ำและเรียกชื่อหญิงสาวร่างบางที่อยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดขาสั้น คุณหนูของบ้านหลังนี้ "คุณเรย์บอกว่าอย่ารบกวนครับ"

"นาม" ตาคมเฉี่ยวหรี่ลงเล็กน้อย "แสดงว่าอยู่จริงๆ ด้วยสินะ"

ก๊อกๆๆ!

"พี่เรย์ เปิดประตูหน่อย รินมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ!" รินหาได้ฟังคำเตือนของสาวใช้ไม่ ยิ่งทำในทางตรงกันข้ามคือใช้มือเคาะประตูรัวและดังกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแม้แต่นิดเดียว

...มันเงียบราวกับไม่มีคนอยู่อย่างนั้นแหละ

ทั้งๆ ที่เธอตั้งใจจะมา...

"คะ คุณนาย! คุณหนู! แย่แล้วครับ! แย่แล้ว!" แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงตะโกนลั่นบ้านด้วยน้ำเสียงร้อนรนรินรีบวิ่งไปเกาะที่ระเบียงและมองลงไป เห็นชายอายุเกือบสี่สิบที่เป็นคนขับรถประจำของบ้านวิ่งเข้ามาตาลีตาเหลือก

"คุณทศ มีอะไรคะ"

"คุณริน! คะคือ!" ชายชื่อทศเงยหน้ามอง และก่อนที่จะได้พูดหรืออธิบายอะไร ผู้หญิงวัยเกือบสี่สิบแต่ใบหน้าราวกับยี่สิบปลายๆ เดินใส่ชุดนอนเรียบลื่นสีเข้มรองเท้าแตะนวยนาดออกมาจากห้องทีวี

คุณหญิงฉัตรแก้ว โรจน์ศักดินา ภรรยาของคุณชาญณรงค์ โรจน์ศักดินา...กล่าวได้ว่าหญิงคนนี้ก็คือคุณแม่ของเรย์กับรินนั่นเอง

"อะไรกันนายทศ เสียงดังอะไรกัน" เธอถามสีหน้าค่อนข้างไม่พอใจ เพราะเธอไม่ชอบคนที่ไม่มีมารยาทใครๆ ก็รู้แต่บัดนี้ทศหน้าซีดและชี้ออกไปข้างนอกประตูซึ่งไม่รู้ว่ามีอะไร

"ตะ ตำรวจครับ! ตำรวจมา!"

"ห๊า!" เสียงแหลมอุทานตกใจพร้อมกับปิดปากตาโต รินที่ได้ยินก็เบิกตาและสูดลมหายใจลึก เธอรู้ว่าตำรวจมาหาใครและมาทำไม

"แล้ว แล้วตำรวจจะมาทำไม มาหาใคร!?" พอคุณหญิงตั้งสติได้ก็รีบถาม เธอมั่นใจมากว่าครอบครัวของเธอไม่เคยทำอะไรที่เข้าข่ายให้ตำรวจต้องเข้ามาสงสัยหรือตรวจสอบใดๆ และสามีของเธอ คุณณรงค์ก็เป็นคนมีชื่อเสียงที่ทำงานออกสื่อสังคมอยู่ตลอดเวลา จึงต้องซื่อตรงและบริสุทธิ์อยู่เสมอ...งั้นแล้วทำไมกัน!?

"ขะ เขาบอกว่ามาหาคุณเรย์ครับ!"

พอได้ยินฉัตรแก้วก็ตะลึงยิ่งกว่าเดิม ยังไม่ทัน

"แล้วผมก็มีหมายจับมาด้วยนะครับ" นายตำรวจสองคนเดินเข้ามาในบ้านได้อย่างไรไม่มีใครทราบ ชูใบสีขาวมีตราบางอย่างบ่งบอกถึงความเป็นทางการและชื่อและนามสกุลของเรย์ปรากฎเด่นหราอยู่บนนั้น

...นายเรชิตา โรจน์ศักดินา...

นั่นมันชื่อของลูกชายเธอ!

"พวกคุณมาจับลูกชายของดิฉันในข้อหาอะไรกันคะ!?" คุณหญิงหน้าอ่อนถามเสียงสูง มองข้ามคำถามที่ว่านายตำรวจทั้งสองถึงเข้ามาในรั้วบ้านได้ยังไงไป...เพราะตอนนี้มีสิ่งสำคัญที่ต้องพูดมากกว่า "ถ้าพูดมั่วๆ กล่าวหาลอยๆ ล่ะก็เรื่องมันไม่จบแค่นี้แน่ คงรู้ใช่มั้ยคะ!"

นายตำรวจหน้านิ่งจริงจังคนหนึ่งก้าวเข้ามาข้างหน้า อย่างไม่สะทกสะท้านกับเสียงแหลมและคำขู่เหล่านั้น "นายเรชิตา โรจน์ศักดินา โดนแจ้งความข้อหาฆ่าคนโดยเจตนาครับ"

"วะ ว่าไงนะ!"

"ทางเรามีการตรวจสอบ มีพยานให้การและหลักฐานมัดตัวคนร้ายอย่างแน่นหนา และในตอนนี้ก็ถึงขั้นตอนการออกหมายจับเพื่อนำตัวคนร้ายไปดำเนินคดี ฉะนั้นคุณผู้หญิงช่วยหลีกทางด้วยครับ มิเช่นนั้นพวกเราจะถือว่าคุณไม่ให้ความร่วมมือและขัดขวางเจ้าหน้าที่"

ฟังแล้วเธอหน้าซีดเซียวเหมือนจะเป็นลม แต่ด้วยความเป็นแม่ก็ยังยืนหยัดด้วยร่างบอบบางกางแขนปกป้อง "ละ ลูกของดิฉันเป็นเด็กดีทุกคนค่ะ! เพราะงั้นดิฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเรย์จะไปทำอะไรแบบนั้นพวกคุณตำรวจเข้าใจผิดเป็นคนอื่นรึเปล่าคะ...!"

"คุณแม่คะ"

"ริน..." บัดนี้ฉัตรแก้วหน้าซีดเหลือเกิน แต่พอเห็นลูกสาวที่เดินเข้ามาก็เหมือนมีความหวังบางอย่าง คุณหญิงเดินเข้าไปเกาะแขนบอบบาง "รินมาช่วยแม่พูดหน่อยสิลูก ตำรวจพวกนี้จะมาจับเรย์ บอกว่าเรย์ฆ่าคน นี่มันบ้าไปแล้ว ไม่มีทางหรอก..."

แต่ปฏิกิริยาของรินธิดา ลูกสาวของเธอกลับนิ่ง แววตาไม่มีความสั่นไหวใดๆ ยิ่งทำให้ใจเธอตกไปที่ตาตุ่ม

"ริน...?"

ตาคมเฉี่ยวที่ได้จากแม่ เสมองไปที่ตำรวจ "เชิญทางนี้ค่ะ ห้องของพี่ชายอยู่ด้านบน"

"ริน!"

"แม่คะ อย่างที่ตำรวจบอก มันเป็นความจริงค่ะ เรื่องที่พี่เรย์วางแผนจะฆ่าคนอื่น" รินเอ่ยเสียงเยียบเย็น

ยิ่งได้ฟังจากปากลูกสาวแท้ๆ ยิ่งทำให้น้ำตาเธอไหลบ่า มือบางยกขึ้นปิดหน้า เรียวขาไม่อาจจะทรงตัวได้อีกต่อไป "อะไรกัน ไม่จริง...ฮึก ฮือๆ"

เสียงร้องไห้สั่นเครือ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกชายของเธอ...เรย์จะทำแบบนั้นจริงๆ!

รินมองร่างบอบบางของแม่นั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ร้องไห้อย่างไม่สนใจภาพพจน์คุณหญิงใดๆ อีกแล้ว

พี่เรย์ ทำไมพี่ถึงทำให้แม่เสียน้ำตาถึงขนาดนี้...นี่ถ้าพ่อรู้เรื่อง ไม่สิ...ป่านนี้เรื่องนี้คงถึงหูบิดาที่ไปออกงานอยู่ที่ต่างจังหวัดแล้วแน่ๆ

"ทางนี้ค่ะ" ร่างบางเดินนำสองตำรวจให้ตามขึ้นไป และหันไปสั่งสาวใช้ที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเซียวกังวลเมื่อได้ยินเรื่องน่าตกใจ "เธอไปเอากุญแจสำรองห้องพี่เรย์มาให้หน่อยสิ"

"ค ค่ะ!"

รอเพียงไม่ถึงห้านาที ก็ได้กุญแจที่ต้องการ รินรับมันมาอย่างรวดเร็ว สอดมันเข้ารูและบิดให้หยักเข้ากันเพื่อปลดล็อค

แกร๊ก

"!"

พอเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่อยู่ในห้องทำให้คนมองอึ้งตะลึง ของในห้องกระจัดกระจายเต็มไปด้วยเศษกระดาษที่ถูกทึ้งฉีกขาดปลิวว่อน ทั้งหมอนทั้งผ้าห่มถูกกรีดจนไส้ทะลัก สิ่งที่ควรจะอยู่ที่เดิมอย่างโคมไฟตั้งโต๊ะที่เพิ่งเปลี่ยนไปก็แตกอยู่บนพื้น เรียกได้ว่าห้องนี้ที่เคยหรูหราบัดนี้พังพินาศไม่เหลือเค้าเดิม...ซึ่งในคฤหาสน์หลังโตที่มีความปลอดภัยขั้นสูงแบบนี้ไม่น่าจะโดนโจรปล้นหรือขโมยยกเค้าอะไรหรอก

ทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้าของห้องเองนั่นแหละ

"พะ พี่..."

"ถอยไปครับ"

ตำรวจในเครื่องแบบกันตัวของรินที่กำลังจะก้าวเข้าห้อง ก่อนที่ทั้งสองจะแทรกตัวเข้ามาแทนเดินเข้ามาอย่างอุกอาจ กวาดตาสำรวจอย่างระมัดระวัง เดินรอบห้อง เปิดดูทุกซอกทุกมุมและในที่ๆ คิดว่าคนจะสามารถเข้าไปซ่อนตัวได้ แต่ก็ไม่พบอะไร

"ไม่พบตัวคนร้าย"

"หนีไปแล้วเหรอ"

"รีบแจ้งไปที่กรมก่อน เร็วเข้า"

รินตาโต

บ้าน่า...เธอเช็คทั้งรถทั้งรองเท้าแล้วก็ยังอยู่นี่

หรือว่าตั้งใจตบตากันเหรอ!?

แล้วจะไปที่ไหน?

'...ปัญหาทางจิตเหรอ?'

'นี่พี่เรย์เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ'

'ถ้าคิดถึงขั้นวางแผนฆ่าคนกันได้ขนาดนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงอยู่นะ'

...ฆ่า...

และหัวพลันนึกไปถึงโพสต์อันนั้นของแอดมินเพจดังในโซเชียล

'ตอนนี้อาการของชะเอมทรงตัวแล้วครับ ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ตอนนี้ทางเรากำลังเดินคดีและจับตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด'

รินเบิกตาโตอย่างตกใจจนลมหายใจเหมือนหยุดไปชั่วขณะ

แย่แล้ว...!

"คุณตำรวจคะ รีบไปที่โรงพยาบาล...เดี๋ยวนี้เลยค่ะ!"

นายตำรวจคนหนึ่งที่กำลังโทรศัพท์รายงานผลหันมามองงงๆ

"ดิฉันคาดว่าพี่เรย์กำลังจะไปที่นั่นค่ะ รีบหน่อยนะคะ" เธอบอกรัวก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมา ค้นหาเบอร์โทรคนที่ต้องการแต่ก็ต้องสบถออกมาอย่างหงุดหงิดหลุดมาดคุณหนู

บ้าจริง! เธอไม่มีเบอร์ติดต่อรุ่นพี่เลยสักคน

นิ้วจึงเลื่อนหาเบอร์ของเพื่อนตัวเล็กที่สามารถติดต่อรุ่นพี่ได้ด้วยมืออันสั่นเทาที่น่าขัดใจ

ได้โปรด

ขออย่าให้สายเกินไป...!



************************Whose fault? ************************



"กรี๊ด!" เสียงแหลมเล็กกรีดร้องดังขึ้นในห้องเครือไปด้วยเสียงหัวเราะ

"คิก ฮะๆ"

"แบร่ๆๆ~"

"ไอ้เด็กพวกนี้มันมาจากไหนกันวะ" ดินที่มาพร้อมกับสินเปิดประตูเข้ามาก็แทบตกใจเมื่อมีเด็กหญิงวัยประถมสองคนอยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพีของชะเอม กระโดดโหยงๆ บนเตียงที่มีร่างบางของเจ้าของห้องนั่งอยู่ เสียงร่าเริงสดใสทำให้ห้องพยาบาลที่ควรจะซึมเศร้าดูไม่เงียบเหงา

"เป็นเด็กห้องข้างๆ น่ะ พวกเขาขอมาเล่นด้วย"

"พี่ชะเอมน่ารักค่ะ อิงชอบ" เด็กหญิงผมแกละน้ำตาลอ่อนตอบพลางยิ้มแป้น หนูน้อยตัวเล็กก็อยู่ในชุดผู้ป่วยเช่นกัน แต่ทำตัวไม่เหมือนคนป่วยแม้แต่นิด

"อรก็ชอบ" เด็กอีกคนตอบ เพิ่งสังเกตว่าหน้าเหมือนกันเดี๊ยะ ต่างกันแค่คนนี้ใส่ชุดลำลองปกติ

ดินหัวเราะ "เฮ้ยๆ ไม่มาเยี่ยมแปปเดียวไปหว่านเสน่ห์สาวข้างห้องมาติดได้ไงวะเนี่ย"

"ดิน พูดแบบนั้นเดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ของเด็กๆ มาได้ยินเข้าก็เข้าใจผิดพอดี" เสียงแหลมอีกเสียงกล่าวเตือน ทำให้ร่างสูงหันมอง...ทรายนั่นเอง

ดินหัวเราะ มองไปรอบห้องเห็นแค่เม็ดทรายกับศรที่นั่งอยู่โซฟาริมห้อง และเด็กโข่งหนึ่งเด็กจริงอีกสองบนเตียง

"ไอ้คินไปไหนล่ะเนี่ย"

"ไปซื้อของกินเดี๋ยวคงขึ้นมา"

"ให้มันกินอย่างอื่นนอกจากฝีมือชะเอมบ้างก็ดี" เสียงทุ้มพูดกระแทกแซวตามประสา ไม่ได้จริงจัง...จริงๆ คืออิจฉามากกว่า คือเขาอยากกินบ้างไง ไม่ได้กินนานแล้วตั้งแต่ที่ค่ายโน่น

ดินทิ้งตัวนั่งพร้อมสิน ในที่ว่างของโซฟาที่ศรเขยิบให้ พร้อมกับที่วางตะกร้าผลไม้วางบนโต๊ะที่เตรียมไว้รองรับแขกที่มาเยี่ยม

"แมงมุมลายตัวนั้นฉันเห็นมันอยู่บนหลังคา~" เด็กหญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดผู้ป่วยร้องนำ พลางจีบนิ้วที่หลังมือตัวเองอีกข้างหนึ่ง เด็กหญิงอีกคนทำตามและร้องท่อนต่ออย่างน่าเอ็นดู

ชะเอมปล่อยให้เด็กๆ เล่นกันส่วนร่างบางหย่อนขาลงจากเตียงและเดินมาหาเพื่อนยิ้มๆ

"เอม เรากับดินเอาผลไม้มาฝากนะ" สินชี้

"อื้ม เราเห็นแล้วล่ะ ขอบใจนะ" ชะเอมจ้องมองพลางหมุนตะกร้าหรูหราไปมา "จริงๆ ไม่ต้องซื้อมาก็ได้นะ เราเกรงใจมากเลย"

"ถ้าเกรงใจก็ปลอกผลไม้กูแดกดิ" สินกำลังจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่ดินแทรกขึ้นมาด้วยคำพูดที่ทำให้สินต้องโบกหัวอีกฝ่ายแรงๆ

ผัวะ!

"ไอ้ห่า นั่นซื้อมาฝากเขา" ...แถมยังไปใช้คนป่วยอีก

นี่มันยังมีสามัญสำนึกอยู่อีกเหรอเนี่ย

ดินลูบหัวบุ้ยปากมองคนข้างๆ แรง "มึงนี่ชอบทำร้ายร่างกายกูอยู่เรื่อย"

"ดูมึงพูดมันไม่น่าทำร้ายเลยมั้ง"

ความตลกขบขันของทั้งสองคนทำให้คนนั่งมองหัวเราะเสียงใส "ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวเราทำให้ เรากินคนเดียวไม่หมดหรอก"

"เอาดิๆ" ดินตอบรับทันที ไอ้ที่ซื้อมาเพราะเห็นมันน่ากินด้วยแหละ มีโอกาสได้กินก็ตอบรับทันที

ร่างบางไม่อิดออดยกทั้งกระเช้าไปที่ที่มีอ่างล้างน้ำ จานและมีดเตรียมไว้อย่างกับห้องอะไรสักอย่างไม่ใช่ห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล นอนทั้งวันบนเตียงก็เบื่อหน่าย จึงอยากจะเดินไปมาหรือทำอะไรที่มากกว่านอนหลับตาหรือดูโทรทัศน์บ้าง ดีที่ได้เด็กหญิงสองคนที่เพิ่งรู้จักกันมาเล่นสนุกหัวเราะกันแก้เหงาเพราะน้องอรเปิดห้องเยี่ยมผิดแทนที่จะเป็นแฝดของตนที่ชื่ออิง แต่กลายเป็นห้องของเขาซะงั้น หลังจากนั้นก็เลยได้คุยกัน พอสนิทใจก็มาเล่นที่ห้องเสียเลย

เด็กหญิงทั้งคู่น่ารักน่าชัง

แกร๊ก

ตอนที่มือบางกำลังแกะพลาสติกที่ซีลกระเช้าออก ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหน

"คิน" ร่างสูงเดินเข้ามาพร้อมหิ้วถุงพลาสติกบางอย่างมาด้วย

"อ้าวเอม ทำอะไร...ทำไมลุกจากเตียง?" เสียงทุ้มถามอ่อนโยนปนเป็นห่วง พลันสายตาคมมองไปที่กระเช้าผลไม้ก็เลิกคิ้ว

"คือดินกับสินเขาเอามาฝากครับ เอมก็เลยมาปอกให้ทุกคนกิน เอมกินคนเดียวไม่หมด"

เสียงทุ้มครางในลำคอ มองเข้าไปในห้องก็เห็นความวุ่นวายที่น่าระอาใจ ขายาวจึงก้าวเข้าใกล้ร่างผอมที่สูงเพียงแค่ปลายจมูกวางถุงที่ถือมาไว้แถวนั้นและใช้มืออีกข้างช้อนท้ายทอยให้ใบหน้าหวานเงยขึ้น

"!"

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว ไม่ทันให้ชะเอมได้ท้วงอะไร

ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะปรือลงรับสัมผัสนุ่มอุ่นที่ริมฝีปาก แนบชิดเปลี่ยนองศาและ ลิ้นร้อนก็แลบเลียริมฝีปากบางที่ไม่ได้ลิ้มรสมานานหลายวัน ...ยังคงหวานฉ่ำเหมือนเคย

"อึก..." ชะเอมหน้าร้อนผ่าวเมื่อร่างสูงไม่หยุดแค่จูบธรรมดา เพราะทันทีที่แง้มริมฝีปากเพียงเล็กน้อยเพื่อรับอากาศเข้าปอดลิ้นร้อนก็ไหลลื่นเข้ามาอุดทำให้มือบางต้องปล่อยวางจากทุกสิ่งยกขึ้นมากำชายเสื้อของอีกฝ่าย ปลายเท้าต้องเขย่งเพื่อรับจูบเนื่องจากความสูงต่างกันแต่คินไม่ทำให้ชะเอมต้องเมื่อยนานเพราะแขนยาวโอบเอวบางให้แนบชิดจนตัวลอย ความร้อนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อยๆเพราะสองลิ้นที่กระหวัดเกี่ยว

นานนับนาที...ทั้งคู่ลืมสิ้นไปแล้วว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน

ในที่สุดคินก็ยอมผละจากอ้อยอิ่ง ให้ชะเอมได้หายใจเฮือก

อา...ไม่ไหวเลย

อยากจะจูบมากกว่านี้แท้ๆ ...ริมฝีปากสีหวานนี่

สายตาคมกริบละจากริมฝีปากที่โดนบดเบียดจนอวบอิ่ม กวาดมองทั่วใบหน้าขาวใสที่แดงเรื่อเล็กน้อยกับดวงตาฉ่ำปรือ จนมือเผลอนวดคลึงที่เอวบางราวกับสะกดกลั้นความรู้สึก

"ปอกผลไม้ต่อสิ" เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็กสีแดงจนร่างบางต้องสะดุ้ง

"คะ ...ครับ"

ตากลมสีดำจดจ้องอยู่ตรงหน้ามือที่จับมีดและแอปเปิ้ลสั่นระริก ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเพื่อน ก็เขา...ทำเรื่องน่าอายทั้งๆ ที่มีคนเต็มห้องเลยนี่นา

ส่วนร่างสูงที่ยังไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่แต่ก็ยอมเดินผ่านเข้าไปไม่รบกวนร่างผอมอีก โดยที่ไม่ลืมหยิบถุงที่ซื้อมาด้วย เห็นสายตาล้อๆ ของเพื่อนก็รู้ทันทีว่าเมื่อกี้เห็นกันทุกคน

"ทำอะไร พวกฉันเห็นนะจะบอกให้~" เม็ดทรายพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่นี้ เพราะเดี๋ยวชะเอมคนขี้เขินจะได้ยิน

คินยิ้มมุมปากยักไหล่ประมาณว่า...เห็นก็เห็นไปสิ ทำให้ทรายส่ายหน้า

"ไม่เกรงใจพวกกู ก็เกรงใจเด็กหน่อยดิ เดี๋ยวน้องมันเข้าใจผิดหมดหรอก" ดินสอนจริงจัง การทำตัวเป็นแบบอย่างเป็นสิ่วที่สามารถสอนให้เด็กได้ในทางหนึ่ง โดยด้านหลังของคินมีเสียงร้องเพลงของเด็กน้อยสองคนเป็นซาวน์เอฟเฟคต์เป็นการบอกว่าไม่ใช่เด็กไม่เห็นอย่างเดียว เด็กมันไม่แม้แต่สนใจเลยด้วยซ้ำ

คินหย่อนตัวนั่งเก้าอี้ตัวเล็กและแหวกถุงเอามาม่าถ้วยหอมกรุ่นออกมาตั้ง การเมินแบบเงียบๆ นั้นทำให้ดินชูกำปั้นอย่างโมโหถ้าไม่มีสินห้ามไว้คงได้มีซัดกันซักตั้ง

"คิน ทำไมกินของไม่มีประโยชน์อย่างนั้นล่ะครับ" เสียงใสทักมาก่อนตัว ก่อนที่ชะเอมจะวางจานที่ใส่แอปเปิ้ลมาตั้งไว้ตรงกลางโต๊ะพอดี พลันมือคล้ำที่ไวกว่าใครฉกมันขึ้นมามองในระดับสายตา

"โอโห...รูปกระต่ายด้วย"

สายตาชื่นชมวาววับของดิน และหมุนสำรวจตัวกระต่ายรอบด้านทำให้ชะเอมที่มองอยู่ปิดปากหัวเราะ "อาหารจะอร่อยก็ต้องหน้าตาดูน่ากินด้วยใช่ไหมล่ะ"

ดินพยักหน้าหงึก "เห็นด้วย" และโยนเข้าปากเคี้ยวหงุบๆ ส่วนศรก็หยิบขึ้นส่งให้เม็ดทรายก่อนจะหยิบกินเองบ้าง

...อืม ถึงจะแอปเปิ้ลเหมือนกัน แต่ความรู้สึกแตกต่างนิดหน่อย "...อร่อย"

"อร่อยก็กินเยอะๆ นะ เดี๋ยวเราปอกอย่างอื่นมาให้" พูดเสร็จก็เดินไปที่เดิม

"ชะเอมสุดยอด แม่ศรีเรือนสุดๆ" ทรายชม และคินก็พยักหน้าเห็นด้วย

ก็เขากินอาหารฝีมือร่างบางทุกวัน อร่อยทุกวัน...ไม่เคยเบื่อเลย

"ผิดกับทรายสุดๆ เลยเนอะ" ศรพูดขึ้นหยอกล้อ ทำเอาคนข้างๆ ที่กำลังเคลิ้มๆ กับรสชาดแอปเปิ้ลพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหันขวับ

"พูดแบบนี้อยากโดนใช่มั้ยคะศร"

ชายตัวโตหุ่นนักกล้ามหัวเราะแหะๆ "เปล่าจ้ะเปล่า"

ก๊อกๆๆ

ชะเอมที่ยืนอยู่ใกล้ประตูที่สุดหันมอง มือวางมีดและสาลี่ลงก่อนจะเช็ดมือที่เปียกชื้นกับผ้าที่วางอยู่แถวนั้น

ก๊อกๆๆ

"ครับ มาแล้วครับ อ้าว..."

"สวัสดีค่า/สวัสดีครับ" หญิงสาวหนึ่งชายหนุ่มหนึ่งหน้าตาดูดีทั้งคู่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเป็นคนคุ้นตาของชะเอมดี เพราะทั้งคู่คือพ่อแม่ของเด็กหญิงฝาแฝดอิงอรนั่นเอง "ขอโทษนะคะ ลูกๆ ของดิฉันคงมารบกวนอีกแล้ว"

"อ้อ ครับ อยู่ข้างใน" ชะเอมยิ้มหัวเราะก่อนจะเบี่ยงตัวให้ผู้ปกครองมองเข้าไป "จริงๆ ก็ไม่ได้รบกวนอะไรเท่าไหร่หรอกครับ เด็กๆ น่ารัก"

ทั้งคู่หัวเราะยิ้มรับกับคำนั้นของร่างบางก่อนจะส่งเสียงเรียก "น้องอิงน้องอร พ่อแม่มาแล้วค่ะ"

"อ๊า คุณพ่อ~คุณแม่~" เด็กหญิงทั้งสองร้องดิ้นดุกดิกเมื่อได้ยินเสียงแม่ของตน พยายามจะลงจากเตียงแต่ด้วยความสูงและขาสั้นๆ จึงลงไม่ได้ ทำให้คินที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดลุกขึ้นช่วยอุ้มลงมาวางพื้นอย่างปลอดภัยทีละคน หลังจากนั้นก็วิ่งพล่านเข้าอ้อมอกคนที่อ้าแขนรอ

"ขอโทษนะคะที่มารบกวน/ขอโทษนะครับ"

ชะเอมยิ้มขำกับความเกรงใจ "ไม่เป็นไรครับ... น้องอิงน้องอรบ๊ายบายค่ะ"

"บ๊ายบาย~/พี่ชะเอมบายค่ะ" ทั้งสองยกมือเล็กสองข้างโบกระรัว ความร่าเริงทำให้ชะเอมเอ็นดู...น่ารักจริงๆ "ไว้จะมาเล่นใหม่นะค้า~!"



>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง





ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2



>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบน



ก่อนปิดประตูยังได้ยินเสียงเล็กๆ เล็ดลอดเข้ามาและตามด้วยเสียงเอ็ดของพ่อแม่คู่นั้นอย่างไม่จริงจังทำให้ริมฝีปากบางหลุดยิ้ม

ชะเอมก้าวยืนประจำตำแหน่งและหยิบมีดคมขึ้นและสาลี่ที่ปอดค้างไว้เช่นเดิม

ครืด ครืด

คินวางส้อมที่ตักเส้นมาม่าในถ้วยหมดแล้วลงข้างๆ ก่อนจะควักมือถือขึ้นมาดู ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ชะเอมหันมองและขมวดคิ้ว มือวางมีดที่เพิ่งถือลงและเดินไปหน้าประตูอย่าสงสัยก่อนจะเอื้อมแตะกลอนและแง้มออก

("พี่คินคะ แย่แล้วค่ะ!")

พลันปรากฏใบหน้าแสยะยิ้มที่เห็นแล้วร่างบางต้องเบิกตากว้างตกตะลึง

"ว่าไงนะ" ได้ยินเสียงของคินดังขึ้นด้านหลัง ดูเหมือนจะยังไม่มีใครรู้ตัวว่าคนในสายที่กำลังพูดถึงนี่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว!

("พี่เรย์ไม่อยู่ที่บ้าน ฉันก็เลยโทรมาบอกเพราะคิดว่าพี่เรย์อาจจะไปหาพี่ชะเอมที่นั่น พี่คินระวัง...!")

"ระ...!"

วัตถุแข็งเย็นสีดำที่อีกฝ่ายไม่คิดจะปกปิดยื่นจ่อที่หน้าท้องแบนราบแนบชิด ทำให้ชะเอมที่คิดจะพูดชื่ออีกฝ่ายเงียบลงทันใด

ร่างเล็กกว่าค่อยๆ เดินผ่านประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบใช้วัตถุอันตรายจี้เข้ามาทำให้ชะเอมต้องค่อยๆถอยร่น ฟันขบริมฝีปากที่สั่นระริกจนห้อเลือดขึ้น ใบหน้าชื้นเหงื่อด้วยความเครียดระคนหวาดกลัว ยังคงได้ยินเสียงคินที่คุยมือถือกับใครไม่รู้และวางสายไปในที่สุด

"ดูเหมือนรินจะบอกว่าเรย์ไม่ได้อยู่บ้าน ตำรวจเข้าไปตรวจค้นแล้วไม่เจอ"

"ว่าอะไรนะ"

"ชิบแล้ว แล้วมันไปไหน"

"ดูเหมือนว่ารินจะบอกให้ระวังเอาไว้เพราะคิดว่าเรย์จะมาที่นี่”

ฟังแล้วยิ้มมุมปากผิดกับดวงตาแข็งกร้าว ใบหน้าเล็กพยักเพยิเสั่งให้ชะเอมหันหลัง ร่างบางทำตามนั้นเปลี่ยนจากด้านหน้ากลายเป็นถูกจ่อด้านหลังแทน

"เอม เมื่อกี้ใครมาน่ะ" คินตะโกนถาม มองจากตรงที่คินนั่งจะมองเห็นส่วนทางเดินก่อนประตูห้องแค่เพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงโซฟาที่จัดอยู่ริมผนัง ดังนั้นตอนนี้ไม่มีใครเห็นเลยว่าด้านหลังของเขามีคนไม่พึงประสงค์เข้ามาอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว

"คะ คิน..." ชะเอมค่อยๆ เดินเข้ามาช้าๆ ด้วยใบหน้าซีดเซียว คินมองงุนงงก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจร่างสูงผุดลุกขึ้นทำให้เพื่อนในห้องหันมามองและเด้งตัวขึ้นพร้อมๆ กัน

"เอม!!?"

"เรย์" เม็ดทรายกลั้นลมหายใจ

"เรย์" คินกำหมัดแน่น ก่อนจะมองใบหน้าหวานเซียวที่มีสีหน้าหวาดกลัว "คิดจะทำอะไร!?"

"ปล่อยเอมนะเว้ย!!" ดินตะโกนกร้าว

"โอ๊ะๆ ถ้าไม่อยากให้ไอ้ชะเอมมันโดนเจาะหลังจนเป็นรูไปก่อนล่ะก็นะ อย่าทำอะไรผลีผลามจะดีกว่านะ" เรย์พูดยิ้มกริ่มพลางดันชะเอมให้เดินไปข้างหน้าอีกเพื่อที่จะให้

"โอ๊ย" มือเล็กจิกผมตรงท้ายทอยคนที่สูงกว่าบังคับให้เดินอ้อมไปฝั่งระเบียง ดวงตากลมจ้องมองอยู่เพียงคนเดียว "คิน..."

"เอม!"

"เรียกกันเข้าไป รักกันหวานชื่น" เรย์กัดฟันกรอดและมองด้วยความอิจฉาริษยา

พลั่ก!

"โอ๊ย!!" ชะเอมหน้าสะบัดเพราะถูกมือที่ถือปืนกระแทกข้างขมับอย่างแรง แต่ไม่อาจล้มลงไปเพราะถูกกระชากหลังคอเสื้อขึ้นมาใหม่ ทำให้ต้องฝืนยืนทั้งๆ ที่ขาอ่อนแรง

เม็ดทรายปิดปากแน่นไม่กล้ามองภาพตรงหน้า ส่วนคนอื่นๆ ได้แต่ยืนกำหมัดกัดกรามอย่างอดทน

ชะเอมยืนโงนเงนมึนหัว...ตรงที่โดนทุบ มันเจ็บมาก...จนกระทั่งรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ไหลอาบข้างใบหน้า มือบางแตะขึ้นมาดูมันคือ...เลือด

"เรย์ นี่มึงต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม!!!?" คินคอกอย่างโมโห ให้ยืนมองแบบนี้มันทนไม่ไหวแล้ว

ลืมสิ้นความที่เคยเป็นเพื่อนกันมา...คนตรงหน้ามันไม่ใช่เพื่อน มันกลายเป็นบ้าไปแล้ว

"ก็ต้องการให้มันตายน่ะสิ!! ไอ้เหี้ยชะเอมนี่แหละ!" เสียงสูงตะโกนกลับ ใบหน้าที่เคยน่ารักบัดนี้บิดเบี้ยว"ทั้งลอบฆ่าก็แล้ว! วางยาก็แล้ว! มันก็ยังทนทายาทไม่ตายๆ ไปซักที!"

"ทำไม..." เสียงใสอ่อนแรงพูดแทรก "ทำไมนายถึงต้องคิดแค้นเราขนาดนี้ด้วย"

...ไม่เข้าใจเลย...เขาไปทำอะไรให้...

"ก็เพราะว่ามึงแย่งคินไปจากกูไง!"

"...นั่นน่ะ..." เป็นความผิดของเขางั้นหรือ?

"กูชอบคินมากกว่ามึง ดีกว่ามึง เหมาะสมกับเขามากกว่ามึง กูรวยกว่า หน้าตาดีกว่า...แล้วมึงมันอะไร ไอ้ขี้เหร่! มึงมันก็แค่ไอ้เด็กไม่มีพ่อแม่แท้ๆ! แล้วคิดจะตีเสมอขึ้นมาเทียบเคียงกู!? ไม่มีทางที่คินจะเลือกมึงหรอก!! มึงวางยาเสน่ห์ใส่คินใช่มั้ย บอกกูมา...บอกกูมา!!!!" ยิ่งพูดยิ่งโมโห แววตาของเรย์เต็มไปด้วยความเกลียดชังทั้งแดงก่ำและบ้าคลั่ง มือยกขึ้นใช้ปืนจ่อกดแน่นที่ใต้คางทำให้ชะเอมกรีดร้องตัวสั่นน้ำตาไหลพราก

"ฮือออ คิน! ช่วยเอมด้วย ช่วยเอมด้วย!"

"เอม! เอม!!!" คินได้แต่ตะโกนร้องเรียกชื่อคนรัก ใจมันบีบรัดอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นน้ำตาและความหวาดกลัวถึงขีดสุดของร่างบาง

ถ้ามันลั่นขึ้นมา...ชะเอมจะต้อง...

"กรี๊ดดด!!" เม็ดทรายปิดหูปิดตากอดศรแน่น ไม่อยากเห็นอะไรทั้งนั้น

"ไอ้เหี้ยเอ๊ย!! อย่าทำอะไรเอมนะเว้ย!" ดินตะคอกหน้าแดงก่ำ ส่วนสินได้แต่กำโทรศัพท์ภาวนา

ร่างบางหวั่นกลัวเหลือเกินว่าปืนมันจะลั่นไก แต่ก็ขัดขืนไม่ได้เพราะมือที่จิกรั้งศีรษะมันทึ้งอย่างเหนียวแน่น

ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นไปมากกว่านี้ ร่างสูงทิ้งตัวลงคุกเข่า ทั้งห้องพลันเงียบงันมีแต่เสียงสะอื้นหวาดกลัวของชะเอมดังแผ่ว

"ฮึก คิน..."

"คิน? คิดจะทำอะไร" ร่างเล็กมองอย่างหวาดระแวง แต่การกระทำของร่างสูง ทำให้มือเล็กละปืนออกมาเล็กน้อย

"เรย์...ขอร้อง...ได้โปรด" สายตามองตรงไป น้ำตาค่อยๆ หลุดจากขอบตาไหลอาบใบหน้าคม "ปล่อยเอมไปเถอะ อย่าทำอะไรเอมเลย"

"คิน..."

เอม ...คินสัญญาไว้แล้ว...

ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ก็จะปกป้อง

"ได้โปรด..."

ไม่ว่าจะต้องคุกเข่าอ้อนวอนคนที่เกลียดเข้ากระดูกดำ...อย่างน่าสมเพชมากเพียงใด

'เอมรักคิน'

ถ้าเพื่อนาย...ก็จะทำอย่างไม่ลังเล

"ได้โปรด..."

"คิน..." เสียงใสสั่นเครือเมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่สั่นพร่าเพราะหยาดน้ำตา คินอ่อนลงก็เพื่อขอร้องให้ไว้ชีวิตเขา

...เพื่อช่วยเขา...

ความจริงใจที่อยากให้เรย์รับรู้เผื่อว่าเรย์อาจจะเห็นใจกันบ้าง แต่หารู้ไม่มันกลับยิ่งเติมเชื้อเพลิงให้ไฟริษยาลุกโหมกระหน่ำ

"นี่เพื่อมัน...นี่คินทำเพื่อมันถึงขนาดนี้เลยเหรอ!!"

ปึง!

"อย่าขยับ! ตำรวจเข้าล้อมไว้หมดแล้ว!" ประตูห้องถูกกระแทกเปิดอย่างแรงและตำรวจในเครื่องแบบใส่เกราะกันกระสุนกรูเข้ามาในห้องในจำนวนพอประมาณอย่างรวดเร็ว

"!"

ร่างเล็กตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถอยกรูดจนแผ่นหลังชนประตูกระจกที่สามารถเปิดผ่านไปที่ระเบียงกว้างได้ ในขณะที่คนอื่นๆ ถูกตำรวจอพยพออกไปนอกห้อง ส่วนคินที่พยายามเข้ามาก็ถูกกักเอาไว้

"เอม!"

"คิน! โอ๊ย!" ร่างบางยื่นมือพยายามคว้า แต่ถูกรั้งคอเสื้อเอาไว้รัดคอแน่นจนหายใจลำบาก รู้สึกเริ่มออกอาการหวิวๆ ตาพร่าเหมือนจะเป็นลมเพราะขาดเลือดมาก

"คุณเรชิตา คุณถูกจับข้อหามีอาวุธในครอบครองและพยายามฆ่าผู้อื่น ยอมจำนนแต่โดยดีเถอะ" ตำรวจคนหน้าสุดพยายามเอ่ยเกลี้ยกล่อม "โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา"

"จับห่าอะไร พ่อกูเป็นใคร พวกมึงไม่มีสิทธิ์จะมาจับกูทั้งนั้น! ถอยออกไปไม่งั้นไอ้นี่ตาย!!" เรย์ยกปืนขึ้นขู่ แน่นอนว่าได้ผลเพราะตำรวจนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีใครกล้าขยับ

"คุณเรชิตา ใจเย็นๆ ...ปล่อยตัวประกันมาเถอะ"

"ไม่! พวกมึงนั่นแหละถอยออกไป!"

"คุณเรชิตา..."

"บอกให้ถอยออกไป!" เสียงเล็กตะโกนจนเส้นเสียงแทบขาด ทำให้ตำรวจค่อยๆ ก้าวถอยหลังแค่เพียงครึ่งก้าว เท่านั้นก็ทำให้ร่างเล็กแสยะยิ้มย่ามใจ ทั้งๆ ที่ตัวทั้งตัวสั่นระริก

ไม่ใช่ว่าไม่กลัว...กลัวมาก...แต่...เขาไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกแล้ว...

ทำไมมีแต่คนจ้องมองมาที่เขา...สายตานั่น...ไม่ใช่เทิดทูน แต่เป็น...หวาดระแวง...ไม่พอใจ

"ทำไม!? ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเลย...ความรักของกูมันไม่มีค่าเลยใช่ไหม!? ห๊ะ ตอบมาสิ คิน!" เรย์พึมพำกรอกตาล่อกแล่ก สักพักก็เหมือนคุยกับใครบางคน แล้วตะคอกถามเพราะเหลือบไปเห็นร่างสูงอยู่แถวนั้น ไม่มีอาการของคนปกติอีกต่อไปแล้ว

"นี่...คิน ถ้ากลับมาล่ะก็ จะยอมยกโทษก็ได้นะ เอามั้ย...? เรย์จะกลับไปเป็นคนดี น่ารักเหมือนเดิม คินจะได้รัก..."

ห้องทั้งห้องเงียบงัน มีเพียงเสียงของเรย์ที่พูดอยู่คนเดียว ลมหายใจของชะเอมขาดห้วงติดขัด แต่ดวงตากลมก็ยังสังเกตเห็นว่าคินกระซิบอะไรบางอย่างกับตำรวจ ก่อนที่จะหันมาสบตากันอย่างมีความหมาย ชะเอมมองหน้าคินพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ แต่คินกลับมองมาด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยว

ไม่นะ...คิน

"ได้สิ เรย์ ถ้านายต้องการแบบนั้น" เสียงทุ้มพูดขึ้น ค่อยๆ ก้าวมาข้างหน้าแทนเพื่อให้ความแน่ใจแก่คนที่ถูกกดดันรอบด้าน

"จริงเหรอ!? จริงนะคิน" เรย์มีน้ำเสียงดีใจ แต่นัยน์ตาไม่สะท้อนภาพใดๆ อีกแล้ว

"อืม เพราะงั้น..." ขายาวก้าวเข้าไปทีละนิด...ทีละนิด มือยื่นออกไปใกล้จะถึงตัวประกัน "เรย์ปล่อยชะเอมไปเถอะ"

ร่างเล็กเกร็งขึงผิดท่าทีกับตอนแรกที่กำลังจะโอนอ่อนเพราะถูกเกลี้ยกล่อมด้วยคำหวาน เมื่อได้ยินคำเดียว

ชื่อของมัน...ชะเอม

"ไอ้ชะเอม...ไอ้ชะเอม..." ร่างเล็กหายใจเข้าออกแรงอย่างคนบ้าคลั่ง กอนจะตะโกนออกมาทำให้ร่างสูงสะดุ้งตกใจ "ไอ้ชะเอม!!"

อะไรๆ ก็มีแต่คนพูดถึงมัน! ชอบมัน! สรรเสริญมัน!

เด็กกำพร้าขี้ริ้วขี้เหร่มันจะมีอะไรดีกว่าเขาซึ่งเป็นลูกนักการเมืองชื่อดัง...แค่เกิดมาก็ต่ำกว่าแล้ว ยังจะตะเกียกตะกายดิ้นรนมาเพื่ออยู่สูงกว่า!?

แค่มันเท่านั้นที่เขาจะไม่ยอม!!

"คินจะต้องกลับมารักเรย์ แต่มันต้องตาย!" ปืนที่ละออกเพราะโดนเกลี้ยกล่อมกำลังจะจ่อกลับเข้าที่เดิม ดวงตากลมโตสบตาคมที่อยู่ใกล้กว่าเดิม

"คิน!"

"เอม!"

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่คินทำไปจะต้องไม่เสียเปล่า...การเสียสละเจรจาเพื่อยื้อให้คนของเรา 'พร้อม'

"ยิง!" คำสั่งประกาศิตดังขึ้นและเสียงดังราวกับฟ้าผ่าที่ตามมาในเสี้ยววินาทีถัดมา

ปัง!

"อะ อ๊ากกก! ขะ ขากู!!" ความเจ็บปวดและเสียงกรีดร้องทรมานดังขึ้นเมื่อลูกกระสุนวิ่งทะลุต้นขาเล็กของคนร้ายที่มีอาวุธปืนอย่างแม่นยำ ทำให้เรย์ต้องทรุดนั่งและปืนก็หลุดจากมือ ชะเอมเห็นดังนั้นจึงดิ้นหลุดมาได้อย่างหวุดหวิด คินถือโอกาสดึงแขนบางเข้าอ้อมอกและโอบกอดแน่น เมื่อได้สัมผัสอ้อมกอดที่อบอุ่นแม้จะเพียงไม่นาน แค่นั้นก็ทำให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลบ่า

"ฮือออ"

"เอม ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ" คินประคองคนอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ แต่พอคิดว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี สายตาคมพลันเบิกตะลึงเมื่อเรย์ฝืนหยิบปืนที่กระเด็นลงพื้นไม่ไกลขึ้นมาถือเอาไว้และจ่อมาทางเขาสองคนด้วยดวงตาแดงก่ำกร้าว

เจ็บ...ทั้งเจ็บแสบปวดร้อนแผลที่ต้นขา แต่ไม่สนใจ...แค่มันเท่านั้น

ถ้ากูไม่ได้ครอบครอง...ก็อย่าหวังว่ามึงจะได้!!

ต้องตาย...ต้องตาย...มันต้องตาย

"ตายซะเถอะมึง!!"

"ระวัง!!!" เสียงตะโกนมาจากไหนไม่อาจรู้ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจนมองตามไม่ทัน

คินโอบกอดร่างบางไว้แน่นจนมิด พลิกตัวหันหลังบังวิถีกระสุนเพื่อปกป้อง...

สัญญาไว้แล้ว

ปัง! ปัง!

ถ้าหากอยากได้ชีวิตล่ะก็...

ขอให้เอาของเขาไปแทน

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ไม่กี่วินาที เสียงปืนที่ดังครั้งแรก เรย์ที่ล้มลงฝืนจิกเล็บเข้าเนื้อเพื่อใช้ความเจ็บข่มความเจ็บหยิบปืนขึ้นมาเล็งยิง เสียงตะโกนกร้าวและเหนี่ยวไก ร่างสูงที่ตวัดตัวเขาแทนที่และค่อยๆ ล้มลง...มันเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่วินาที

"คิน!!!" ชะเอมกรีดร้องเสียงดังเมื่อร่างสูงค่อยๆ ทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรงจนคนตัวเล็กกว่ารับน้ำหนักไว้ไม่ไหวทำให้ล้มลงกระแทกพื้นไปพร้อมกัน แขนบางโอบกอดแผ่นหลังกว้าง พอยกขึ้นมาดูก็พบน้ำสีแดงข้นส่งกลิ่นคาวเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด...มันค่อยๆ ไหล...เจิ่งนองเต็มพื้น

คินถูกยิง...เพราะรับกระสุนแทนเขา

“คิน ฟื้นสิ! ไม่นะ...ได้โปรด...”

ไม่อาจห้ามหยาดน้ำตาที่ไหลนี้ได้ แม้จะพร่ามัวแต่ก็ได้แต่เงยหน้าร้องขอให้ช่วยคนสำคัญ

"ใครก็ได้! ช่วยด้วย...คุณตำรวจช่วยคินด้วยครับ!"

"มีคนโดนยิง! บาดเจ็บสาหัส!"

มันวุ่นวาย...วุ่นวายไปหมด

“โอ๊ย เจ็บนะโว้ย ปล่อยกู! ปล่อยกู!!! กูจะฆ่ามัน!” เสียงกระโชกโฮกฮากและดิ้นเพื่อออกจากการกอบกุมไม่เข้าหูคนฟัง จนเสียงนั้นค่อยๆ เงียบลง

ชะเอมได้แต่ยืนมอง ร่างสูงที่หลับตาไร้การตอบสนองถูกหามเปลออกไป

เสียงดังลั่นของปืนในตอนนั้น กระสุนอีกนัดหนึ่งคือกระสุนที่ยิงจากกระบอกปืนของตำรวจที่ยิงเข้าใส่เรย์เพื่อสกัดการกระทำ แต่ไม่อาจห้ามได้ทัน...ดังนั้นตอนนี้เรย์ก็บาดเจ็บเช่นเดียวกัน แต่แล้วไงล่ะ...เขาไม่สนใจใครอีกต่อไปแล้ว

"คิน..." ขาเรียวอยากจะเดินตาม...แต่มันก้าวไม่ออก ภาพด้านหน้าคือแผ่นหลังที่พร่ามัวของเพื่อนที่วิ่งตามเตียงเข็นที่แบกคนรักของเขา...ห่างออกไปเรื่อยๆ

เสียงดังทั้งๆ ที่มันควรจะวุ่นวายรอบกายแต่ตอนนี้กลับอื้ออึง...น่าหดหู่ไปเสียหมด

"อาหมอ ช่วยคินด้วยครับ" เสียงใสแผ่วเบา และแขนบางก็ตกลงข้างกาย มันช่างหนักอึ้ง ก่อนที่ร่างบางทั้งร่างตกลงตามแรงโน้มถ่วง

"คุณครับ! คุณ!"

...ขอร้องล่ะ อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ...

...พระเจ้า ผมขอร้อง...อย่าเอาชีวิตคินไปจากผมเลย...

...ได้โปรด...



************************Whose fault? ************************



มาแย้วว

เจ้มจ้น เต็มเม็ดเต็มหน่วย

ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้วนะคะ...นักเขียนคงจะคิดถึงนักอ่านมากแน่ๆ

อย่าลืมไปติดตามอ่านเรื่อง Love Substitute ทดแทนรัก คู่ติมรามนะคะ กำลังต้มมาม่าสุกได้ที่

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ลุ้น


ลุ้น



ลุ้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
โหย อ่านกันเหนื่อยเลย ลุ้นตัวโก่ง 5555

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ตัวโกงโดนแล้วเห้ยๆ

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


Whose Fault ?

ผิด...ครั้งที่ 42



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





ติ๊ด...ติ๊ด....ติ๊ด...



ชะเอมนั่งมองคนบนเตียงที่นอนหน้าซีดอย่างเหม่อลอย ใบหน้าคมหล่อเหลามีเครื่องช่วยหายใจปิดไว้ครึ่งหน้า สายระโยงระยางทั้งน้ำเกลือและอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดเชื่อมกับเครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ใบหน้าหวานใสบัดนี้ซีดเซียวไม่ต่างกัน ขอบตาทั้งบวมทั้งแดงก่ำ แต่ก็ฝืนยืนยันที่จะนั่งเฝ้าคนป่วยอยู่แบบนี้ ตั้งแต่ออกมาจากห้องผ่าตัด แม้จะยืนยันแล้วว่าปลอดภัยแต่ใจดวงน้อยนี้ก็เต้นเชื่องช้าไม่ต่างจากคนใกล้ตาย





"เอม ฟื้นแล้วเหรอ"



เมื่อลืมตาฟื้นขึ้นมา ดวงตากลมกระพริบงุนงงและหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มองไปรอบห้องก็เห็นสายตาหลายคู่ของเพื่อนที่มองมาอย่างเป็นห่วง มือบางยกขึ้นกุมขมับเมื่อรู้สึกตึงๆ สัมผัสได้ถึงผ้าก๊อซแปะอยู่ตรงนั้น



นี่เรา...เป็นอะไร?



ปัง! ปัง!



'คิน!!!'



เสียงปืนและเสียงกรีดร้องของตัวเองย้อนเข้ามาในความทรงจำทำให้ร่างบางผุดลึกขึ้นทันที ไม่ห่วงอาการของตัวเอง



"คิน! คินเป็นไงบ้าง!?"



เลือดสีแดงที่ติดอยู่ที่เสื้อผ้าของเขา...มันคือของๆ คิน



หยาดน้ำตาไหลทันทีที่นึกขึ้นได้



คินโดนยิง...มันไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริงอันแสบเจ็บปวดทรมาน



"เอม นายเป็นลมเพราะขาดเลือดนะ อย่าลุกขึ้นกะทันหันแบบนั้นสิ"



พอใครบางคนพูดก็ดูเหมือนจะรู้สึกหวิวๆ จริงๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาอ่อนแอ



"คิน...คินล่ะ ฮือออ คินเป็นไงบ้าง ดินบอกเราสิ! ...คินเป็นยังไงบ้าง!" ชะเอมร้องไห้โฮอย่างคนไร้สติเพราะใจนึกเป็นห่วงอีกคนอย่างถึงที่สุด มือบางเขย่าตัวร่างสูงที่เข้ามาประคองอย่างบ้าคลั่ง แต่ละคนทำสีหน้าลำบากใจ เม็ดทรายก้มหน้าหลุดร้องไห้ยิ่งทำให้ชะเอมสะเทือนใจหนัก "ทำไมถึงไม่พูดเล่า!?"



มันหมายความว่ายังไง!



"เอม...คือ..."



"เอม คินปลอดภัยแล้ว" ชะเอมหันขวับมองเมื่อได้ยินเสียงพูดของใครบางคนดังขึ้น กฤษณะนั่นเองที่เพิ่งเดินเข้ามาและเห็นว่าชะเอมรู้สึกตัวแล้ว



แต่...มันไม่ดี...ไม่ดีเลย



"จริงเหรอครับอาหมอ" ดวงตากลมประกายยินดี แล้วทำไมเพื่อนๆ ถึงมีท่าทีแบบนี้กันล่ะ?



กฤษณะมีสีหน้าลำบากใจ ไม่อยากจะบอกความจริงนี้...แต่รังจะเก็บไว้ ถ้ารู้เอาภายหลังเจ้าตัวก็จะเจ็บปวดยิ่งกว่า



ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดเดินเข้ามากอดร่างบางแน่น ได้ยินเสียงหลุดสะอื้นของเพื่อนในห้องที่กลั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป



"คินปลอดภัยแล้วจริงๆ แต่...เอมฟังอาดีๆ ...ทำใจดีๆ ไว้นะ"



"อาหมอ...อาหมอพูดเรื่องอะไรน่ะครับ" ร่างบางทั้งเสียงทั้งใจสั่นดันคนที่กอดแน่นออก ดวงตากลมโตมองอย่างไม่เข้าใจ กฤษณะจับไหล่บางและมองหน้า...สบตาและพูดอย่างจริงจัง



"เอม คินปลอดภัยแล้วก็จริง แต่..." นายแพทย์สูดลมหายใจเข้าลึกที่ดูจะยากลำบากกว่าทุกครั้ง "กระสุนที่ยิงเข้าแผ่นหลังนั้น ไปโดนเส้นประสาทที่เกี่ยวกับการควบคุมขาทั้งสองข้างจนเสียหาย"



"ไม่...จริง..."



"ตั้งแต่สะโพกลงไป คินอาจจะไม่มีความรู้สึก...และไม่สามารถกลับมาเดินได้อีก"



ชะเอมเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง น้ำตาไหลลงอีกครั้ง ความยินดีเหมือนถูกคำพูดเมื่อครู่เหยียบมันให้จมลงดิน



"อ๊า...ไม่จริง...ไม่!!" มือบางยกขึ้นกุมหัวและกรีดร้องจนคนมองสะเทือนใจ เม็ดทรายกลั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เพื่อนๆ ที่รู้ความจริงในตอนแรกก็เจ็บปวดมาก แต่คนที่เจ็บปวดมากที่สุดคงไม่พ้นร่างบางคนนี้ "อาหมอโกหก!"



"เอม...เอมใจเย็นๆ" กฤษณะไม่โกรธสักนิดที่ทั้งกำปั้นทั้งฝ่ามือรัวทุบลงบนตัวเขา ซ้ำยังกังวลระคนเป็นห่วงพยายามกล่อมคนป่วยที่ดูจะไม่ห่วงตัวเองเลยสักนิดให้อารมณ์เย็นลงหน่อย ถ้าหากฝืนกว่านี้อาการโรคหัวใจของเจ้าตัวอาจจะกำเริบได้



กลัวว่าจะเป็นอะไรไปอีกคน



พี่เกษมกลับมาคงเอาเขาตายแน่



"ไม่จริง...ไม่จริง!! อาหมอโกหก! โกหก!!" รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครผิด แต่ก็อยากจะระบายความเจ็บปวดนี้ออกไป



ทำไม...



ทำไมต้องเป็นคิน...ทำไมต้องลงโทษคนที่เขารักแบบนี้



คนที่ผิดคือเขาเอง...เขาน่าจะโดนยิงตายๆ ไปซะ



"ฮือ คิน...คิน...!"



นานกว่าครึ่งชั่งโมงกว่าอารมณ์จะสงบ ร่างบางนอนหมดแรงอยู่ในอ้อมอกของกฤษณะ ใบหน้าหวานซีดเซียวเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ดวงตาบวมแดงเพราะร้องไห้ไม่หยุด แม้ในตอนนี้น้ำตาก็ยังคงไหล



"อาหมอช่วยรักษาคินไม่ได้เหรอ..." นัยน์ตากลมช้อนมองอ้อนวอน "อาหมอเป็นหมอที่เก่งที่สุดไม่ใช่เหรอครับ"



กฤษณะใจกระตุก...หมอที่เก่งที่สุด?



"..."



"ขอร้องล่ะครับ ฮึก อาหมอ..."



แพทย์กฤษณะก้มหน้าต่ำ ไม่สามารถตอบอะไรได้เลย...



และความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด ที่ไม่ต้องตอกย้ำความเป็นจริงใดๆ แต่มันก็ทำให้ชะเอม...เจ็บปวดชอกช้ำ



"ฮึก ฮึก! อาหมอครับ คินอยู่ไหน เอมอยากไปหาคิน..."



"อย่าฝืนเลย เอม คินยังไม่ฟื้น...เพราะฉะนั้นพักก่อนเถอะ"



"เอมอยากไปหาคิน...นะครับ" เสียงใสโหย "...ได้โปรด..."





ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...



"ฮึก! อึก..."



เพียงแค่มอง...ก็เจ็บเหลือเกิน



มือบางที่กุมมือใหญ่บีบแน่นจนมือของตัวเองเจ็บแทน เสียงใสสะอึกสะอื้นไร้เรี่ยวแรง



 น้ำตาไหลไม่หยุด...ไม่มีวันหมด



"คิน...เอมอยู่นี่แล้วนะ"



อยากได้ยินเสียง...อยากเห็นรอยยิ้ม...



"เอมรักคินนะ"



บอกรัก...ด้วยความรู้สึกอย่างทุกครั้ง



เพราะฉะนั้นก็ช่วยบอกกลับมาด้วยความรู้สึกเดียวกันที



'คินก็รักเอม'



"เอม...นายนั่งอยู่ตรงนานแล้วนะ ไปกินข้าวกินยาพักผ่อนบ้างสิ"



เสียงทักทำให้ร่างบางยกศีรษะขึ้น...นี่เขาเผลองีบหลับไปตอนไหนกันนะ



"สิน..."



"เดี๋ยวให้คนอื่นเฝ้าเอง นายไปล้างหน้าหาอะไรกินบ้างเถอะ จะได้มีแรงมาเฝ้าไอ้คินมันต่อ"



ชะเอมเสมองใบหน้าคมที่ยังหลับสนิทแล้วก็พยักหน้าเบาๆ ขาเรียวพลันลุกขึ้นแต่โซเซ เสียการทรงตัว



"เอม!" ความรู้สึกเหมือนห้องหมุนแทรกเข้ามา ...ลมหายใจหอบสั่นอย่างแรง ร่างบางถูกร่างสูงช้อนอุ้มมานอนที่โซฟาและจากนั้นใครบางคนก็เรียกอาหมอเข้ามาตรวจ



สมองมึนงงกว่าจะตั้งสติอะไรได้ก็พักใหญ่ ดูเหมือนจะไม่ได้รับสารอาหารและการพักผ่อนอย่างเพียงพออาหมอว่าแบบนั้นและโดนดุอีกตามเคย



"ขอโทษครับ" ไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากคำนี้จริงๆ



"มึงนั่งพักบ้าง เดี๋ยวพวกกูซื้ออะไรมาให้กิน" ดินเอ่ยขึ้นและเรียกให้สินไปพร้อมกัน



"ขอบคุณนะ..."



"เอมอย่าทำแบบนี้เลย อารู้ว่าหนูเป็นห่วงคิน แต่อย่าฝืนตัวเองแบบนี้ ถ้าคุณลุงมาเห็นจะยิ่งเป็นห่วงนะ"



พอได้ยินกฤษณะพูดถึงคุณลุง ยิ่งเรียกหยาดน้ำตาให้ไหลริน



"ถ้าคุณลุงรู้ต้องโกรธต้องเกลียดเอมมากแน่ๆ"



เป็นเพราะเขาที่ทำให้คิน ลูกชายของท่านเป็นแบบนี้



"ใครบอกหรือว่าลุงจะโกรธ"



ชะเอมหันขวับเพราะคนที่ตอบไม่ใช่อาหมอที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นคนที่มาใหม่ที่เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ



"คุณลุง ฮึก ฮึก! คุณลุงครับ" ชะเอมเบะปากเมื่อเห็นคนที่ไม่ได้เห็นมานานนับหลายเดือน ขาเรียวพลันลุกขึ้นโผเข้ากอดอ้อมแขนใหญ่ที่อ้ารอรับ โดยที่เกษมศักดิ์ก็กอดร่างผอมแน่น



ไม่ได้เจอนานมากจริงๆ



เพราะได้ยินแต่เสียงผ่านทางโทรศัพท์เพียงเท่านั้น จึงไม่เคยรู้เลยว่าชะเอมผอมลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่



"คุณลุง ฮึก คินเค้า..." ร่างบางสะอื้นฮักๆ ช้อนมองหน้าใบหน้าผู้ปกครอง "...เพราะเอม...เป็นเพราะเอมที่..."



เกษมศักดิ์ลูบหัวลูบหลังปลอบ ปาดน้ำตาจากใบหน้าใส "ชู่ว ลุงรู้แล้ว ลุงรู้ทุกเรื่อง เพราะงั้นเอมอย่าโทษตัวเองเลย...นะ"



ชะเอมไม่ตอบไม่พยักหน้า เพราะจะไม่ให้โทษตัวเองนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าหากเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นคืนก็คงจะไม่โดนยิง



ถ้าหากไม่มีเขาซะ...



ก็จะไม่มีใครเดือดร้อนแท้ๆ



เกษมศักดิ์รู้ดีว่าพูดไปยังไงอีกฝ่ายก็คิดมาก...เรื่องนี้คงต้องให้เวลาช่วยเยียวยา



แถมป่านนี้เจ้าคินก็ยังไม่ฟื้นเลยด้วย



เกษมศักดิ์โอบกอดคนร้องไห้จนเหนื่อย หมดแรงแต่ยังกอดตอบตนแน่น ใช้สายตาบอกกฤษณะและเลขาตนให้ออกไปรอนอกห้องอย่างเงียบเชียบ ในห้องเหลือกันแค่สามคน



"ร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว ไหนดูซิ มาให้ลุงดูเด็กขี้แยหน่อย" ร่างสูงช้อนตัวคนเบาหวิวแถวร่างกายอ่อนปวกเปียกไม่มีแรงขัดขืนขึ้นแนบอก พามานั่งที่โซฟา ให้ชะเอมได้นอนเหยียดขา พอเจอแบบนี้ร่างกายก็เหมือนจะสับสวิตช์ เปลือกตาบางปรือกระพริบพยายามฝืนแต่ยากลำบากเหลือเกิน



"คุณลุง..."



 "หลับซักหน่อยนะ ชะเอม" คนแก่จุ๊ปากเหมือนเลี้ยงเด็กน้อย ก่อนจะก้มลงประทับจูบเหมือนที่เคยทำสมัยเด็กตอนกล่อมให้คนตรงหน้านอน "ฝันดีครับ"



คล้ายกับคำอนุญาต ร่างบางก็ทิ้งความคิดและหลับลึกจมดิ่งลงไปทันที...



พอชะเอมหลับไปแล้ว ท่านประธานบริษัทก็หยิบหมอนแถวนั้นมารองศีรษะให้อย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น แต่ว่าหลับลึกขนาดนี้คงจะตื่นยาก



ร่างสูงเดินไปยืนนิ่งข้างเตียงผู้ป่วยซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขาเอง เกษมศักดิ์กลับมาเมืองไทยได้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ และข่าวเรื่องนี้เข้าถึงหูทันทีเพราะเลขาหนุ่มเป็นคนรายงาน อยากจะตรงมาถึงโรงพยาบาลทันทีที่ได้ยินด้วยซ้ำแต่ก็ต้องไปจัดการเรื่องคดีก่อน และบอกไว้ว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ที่ทำให้ลูกชายทั้งสองของเขา...บาดเจ็บทั้งกายและใจ



'เกษม ฉันขอโทษแทนลูกชายด้วย'



แค่คำขอโทษ ...มันจะไปพออะไร



กับสิ่งที่เขาสูญเสียไป



กับสิ่งที่ลูกชายของเขาสูญเสียไป



แปะ...แปะ



"เจ้าลูกชายบ้าเอ๊ย..."



นานนับยี่สิบหรือสามสิบปีก็ไม่รู้ที่ดวงตาคมกรำงานแห้งผาก แต่บัดนี้หยาดน้ำตาถูกกลั่นออกมาจากดวงตาอย่างง่ายดายเพียงเพราะเห็นลูกชายคนสำคัญนอนอาการสาหัสอยู่บนเตียง



แม้จะปลอดภัยแล้ว...แต่ผลที่ออกมาคือสูญเสียการควบคุมไปครึ่งตัวส่วนล่าง...ไม่อาจใช้การขาทั้งสองข้างได้อีก...



'เส้นประสาทไขสันหลังเสียหายอย่างหนัก'



มันหมายความว่าคินจะเดินไม่ได้ตลอดชีวิต



"ทำไมถึงเป็นแบบนี้"



เพราะเขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการทำงาน...ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันถึงได้สูญสิ้น...พังทลายไปหมด



ร่างสูงที่มีแผ่นหลังหยัดตรงและมองไปข้างหน้าเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาก็เอาชนะมันได้จนมาถึงจุดๆนี้...แต่มาดูตอนนี้สิ...ถ้าแลกกลับมาได้เขาก็อยากจะแลก...



ไม่ว่าจะงาน ทรัพย์สินเงินทองหรือชื่อเสียงที่สร้างมา



มันไม่สำคัญอีกแล้ว...ไม่สำคัญเลย...



"คิน พ่อขอโทษ..."

.

.

.

พ่อขอโทษ



>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่างค่ะ


ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2



ต่อจากด้านบน<<<<<<<<<<<<


"ฮือออ...ฮือ"



เขาได้ยิน...เสียงร้องไห้ของใครบางคน ดังสะท้อนในความเงียบงัน



"ฮือๆ คิน"



และเสียงนั้นเรียกชื่อเขา



ใครน่ะ



"เอมกลัว...เอมกลัว"



เอม? ชะ...เอม?



จำได้แล้ว...เขาจำได้แล้ว



แต่เสียงนั้นเด็กกว่าที่เคยได้ยิน และตอนนี้รอบด้านยังคงมืดสนิท ไม่เห็นอะไรเลย



"เอมจะกลัวอะไร คินอยู่ตรงนี้" เสียงของใครอีกคนตอบไป เป็นเสียงของเขาแต่ไม่ใช่ 'เขา'



"คินอย่าทิ้งเอมไป"



พลันแสงสว่างวางขึ้นจนแสบตา พอปรับโฟกัสก็เห็นเด็กน้อยยืนขยำเสื้อเบะปาก ดวงตากลมแวววาวด้วยน้ำตาชุ่มฉ่ำ



...ทิ้งเหรอ...ทำไมถึงพูดแบบนั้น...



"คินไม่มีทางทิ้งเอมหรอกน่า เพราะงั้นก็หยุดร้องไห้ก่อนสิ"



"ฮึก...ฮึก"



"จำเอาไว้...จำเอาไว้เลยนะคินไม่มีทางทิ้งเอมเด็ดขาด"



"จริงนะ?"



"จริงสิ! สัญญาเลย!"



...สัญญา...ว่าจะไม่ไปไหนอีกแล้ว...



...เอม...





นิ้วมือของคนที่นอนนิ่งขยับเล็กน้อย ทำให้เกษมศักดิ์ที่นั่งเฝ้ามองอยู่ตลอดสังเกตเห็น ร่างสูงผุดลุกขึ้นแววตาฉายความยินดี



"คิน...คิน! กฤษ เจ้าคินลืมตาแล้ว"



...เสียง...



"ชีพจรคงที่...ทุกอย่างปกติดีครับ...คินได้ยินที่อาพูดมั้ย"



อากฤษ?



นี่เรา...



"คิน คิน ได้ยินพ่อมั้ย"



เสียงของ...พ่อ



ใบหน้าของพ่อที่ชะโงกเข้ามาในคลองสายตา



น้ำตา...ของพ่อ



ใครทำพ่อร้องไห้...เขาเหรอ?



"พ..." พยายามจะส่งเสียงแต่ลำคอนั้นแห้งผาก...เจ็บแสบเหลือเกิน ซ้ำยังไอค่อกแค่กแทนจนสะเทือนแผล...



เจ็บ...!



เจ็บร้าวไปทั่วทั้งแผ่นหลัง...ปวดแสบปวดร้อนจนน้ำตาเล็ด



“อย่าเพิ่งขยับตัวสิ” คนเป็นพ่อเอ่ยเมื่อเห็นหน้านิ่วของลูกชาย



กฤษณะเห็นดังนั้นรีบหยิบแก้วน้ำและใส่หลอด แต่ไม่ให้คนป่วยดูด เขากลับเอานิ้วกั้นหลอดด้านหนึ่งและส่งน้ำเพียงแค่ครึ่งหลอดเข้าปากทีละนิด



"ค่อยๆ จิบนะเดี๋ยวสำลักแล้วจะกระเทือนแผล อาต้องขอโทษด้วยแต่คนที่เพิ่งผ่าตัดจะไม่อนุญาตให้ทานน้ำเยอะมาก อดทนหน่อยล่ะคิน"



"คินเป็นยังไงบ้าง พูดอะไรหน่อยสิ"



"ใจเย็นๆ ครับพี่เกษม เขาอาจจะยังมึนๆ เบลอๆ อยู่"



คินกระพริบตาช้าๆ จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เบลอ ได้ยินทุกคำพูด...เห็นทุกอย่าง แต่ร่างกายมันไม่ฟังคำสั่งของสมอง



"...พ่...อ..."



"แกจำอะไรได้บ้าง" เสียงทุ้มถามร้อนรน ทำให้ร่างสูงนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ



'ระวัง!!!'



"ผม...ถูกยิง"



'คิน...คิน!!! ใครก็ได้! ช่วยด้วย...คุณตำรวจช่วยคินด้วยครับ!’



คนป่วยเบิกตาน้อยๆ พยายามผงกหัวขึ้นมองหาใครบางคน แต่เจ็บแผลมากจนต้องนอนลงเหมือนเดิม



"อย่าขยับสิคิน เธอเพิ่งจะผ่าตัดไปได้ไม่กี่วันเอง"



คินไม่สนใจแต่ถามในสิ่งที่อยากรู้ "เอมล่ะครับ?"



"ไม่ต้องห่วง เอมปลอดภัยดี นอนอยู่ตรงนั้น" เกษมศักดิ์ชี้ให้ลูกชายโล่งใจ



"คุณลุง...?" คนที่กำลังนอนอยู่ขยับตัวเพราะเหมือนได้ยินเสียงโวยวายบางอย่าง ชะเอมถึงได้รู้สึกตัว มือบางกำลังยกขยี้ตาแต่กลับชะงัก ตากลมโตเบิกกว้าง "คิน!? คินฟื้นแล้ว!"



ขาเรียวรีบผุดลุกขึ้นเดินมาไม่ระวัง จนเดินชนขอบโต๊ะ ไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิดเพราะความดีใจมันมากยิ่งกว่า



คินยิ้มรับ "เอม...ปลอดภัยสินะ"



ดวงตากลมโต ทั้งๆ ที่แดงก่ำก็ยังเหมือนจะผลิตน้ำตาได้อีก "ครับ ฮึก เอมไม่เจ็บตรงไหนเลย เพราะคินช่วยเอมไว้"



มือบางช้อนกุมมือที่ทั้งใหญ่ทั้งอุ่นแน่นนานหลายนาทีจนเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น



เป็นการสนทนาที่คนทั้งห้องต้องกลั้นลมหายใจ



...ความจริงที่แสนเจ็บปวดทรมาน...



"อากฤษ..." คินตะขิดตะขวงใจมาตั้งแต่เมื่อกี้ พยายามจะขยับถูกส่วนของร่างกาย แต่... "ขาผม...มัน..." ไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะอธิบายไม่ถูก



...มันยกไม่ขึ้น...



ไม่สิ มันไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยด้วยซ้ำ



ดูจากสีหน้าของคนในห้อง ทั้งกฤษณะ ทั้งพ่อ ทั้งชะเอมที่ดวงตาแดงก่ำ...เขาก็พอจะรู้



"ฮึก คิน...เอม..."



"อากฤษ...ช่วยบอกความจริงกับผม..."



กฤษณะพยักหน้า ก็ไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้วเพราะด้วยจรรยาบรรณแพทย์ แต่เขารู้สึกเป็นห่วงผู้ป่วยมากกว่า...เด็กคนนี้จะรู้สึกอย่างไรที่ชีวิตประจำวันที่เคยเป็นมันจะเปลี่ยนไป ...พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยทีเดียว "คิน กระสุนที่ถูกแผ่นหลังมันไปโดนเส้นประสาทไขสันหลังที่เป็นตัวควบคุมขาทั้งสองข้าง มันส่งผลทำให้เธอ...อาจจะเดินไม่ได้อีก"



เดินไม่ได้อีก



หมายความว่าเขากลายเป็นคนพิการ...?



มือใหญ่กำผ้าปูแน่น...ทึ้งจนมันแทบขาดก่อนจะผ่อนออก



"เหรอ...ครับ..." ภาคินดูนิ่งกว่าที่คิด



ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ...เสียใจมาก



ถ้าบอกว่าทำใจได้...มันไม่ใช่เลย



แต่...พอได้ยินเสียงร้องไห้ของชะเอมแล้วมันทำให้เขาคิดได้...ว่านี่คือผลจากการที่เขาได้เสียสละ...ปกป้อง...อย่างที่ตั้งใจไว้



เพราะสัญญาเอาไว้แล้ว



คินก้มหน้าต่ำ เพราะแบบนี้เองสินะ เกษมศักดิ์ที่ไม่เคยร้องไห้กลับน้ำตาไหลเพราะเรื่องนี้



"พ่อครับ ผมขอโทษ" ...ที่ทำให้เสียใจ ผิดหวัง และอีกมากมาย "ขอโทษนะครับ"



เกษมศักดิ์ส่ายหน้าน้ำตารื้น "ไม่เลย พ่อต่างหาก ที่ไม่ได้อยู่ข้างๆ คอยดูแล... ที่แกเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อ..."



"ไม่ใช่นะครับ! เป็นเพราะเอมต่างหาก! ฮือออ ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นเพราะเอม! เพราะคินรับกระสุนแทนเอม!!" เสียงใสตวาดกร้าว น้ำตานองเพราะแต่ละคนเอาแต่ว่าๆ เป็นความผิดของตน



แต่จริงๆ แล้วมันคือบาปของเขา! คินเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา!



เขาเป็นคนเดียวที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลง!



แล้วทำไมถึงไม่มีใครโทษเขาเลยล่ะ...ถ้าทุกคนมาลงที่เขา...มันอาจจะดีกว่านี้



คินมองใบหน้าหวานที่บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจแล้วก็ได้แต่เอ่ยปลอบ "เอม อย่าร้องไห้สิ..."



ยังมีคน...ที่เจ็บแทนเขา



เป็นห่วงเขา



รักเขาอย่างสุดหัวใจ



"ฮึก ฮึก คิน เอมขอโทษ..." ชะเอมสะอึกสะอื้น รู้ความจริงครั้งแรกว่าทรมานแล้ว แต่มันไม่เท่ากับตอนที่เห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้เลย



อย่าปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน...เพราะมันทำให้ยิ่งรู้สึกผิด



"พ่อครับ ผมขอโทษที่เป็นแบบนี้" คินยกมือลูบผมนุ่มเบาๆ และช่วยปาดน้ำตาคนขี้แย ที่ร้องไห้จนตาบวมปูด



"...แต่ผมไม่เคยนึกเสียใจ เพราะถ้าย้อนกลับไปได้...ผมก็จะทำแบบเดิม"



"คิน...พูดอะไรน่ะ" ชะเอมครางไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมา



"เพราะว่าเอมยังยืนอยู่ตรงนี้ ยังร้องไห้ให้ผมได้ยิน...ยังสามารถยิ้มหัวเราะและมีความสุข..." แววตาคมฉายความเด็ดเดี่ยวทว่าอ่อนโยนด้วยรอยยิ้มจาง ไม่มีความเจ็บปวดเจือปนอยู่อีกแล้ว "เพราะเอมยังมีชีวิตอยู่ ผมถึงไม่เสียใจที่แม้จะแลกด้วยขาทั้งสองข้างของผม"



"คิน..." น้ำตาเม็ดโตไหลรื้นขึ้นอีกครั้งก่อนจะโผเข้ากอดร่างสูงที่นอนเจ็บอยู่จนคนโดนโถมใส่ร้องโอดโอย และแว่วเสียงเอ็ดห้ามจากกฤษณะและเกษมศักดิ์



ความเป็นจริงที่น่ายินดีที่สุดในตอนนี้คือเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ ...ยังสามารถพูดคุย หัวเราะ หรือกอดกับคนที่รัก



สัญญาแล้ว...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม...ก็จะปกป้องนาย



สัญญาแล้ว...ว่าจะไม่ทิ้งนายไปอีก...



ในตอนนั้นถ้าหากเขาไม่ทำแบบนี้ เอมอาจจะถูกยิง แล้วก็อาจจะตายก็ได้



และนั่น...คงทำให้เขาเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่...มากกว่าที่เป็นตอนนี้



เพราะฉะนั้น...เป็นแบบนี้...ดีแล้วล่ะ...ดีแล้ว



คินยกมือกอดตอบร่างบางแน่นและยิ้มน้อยๆ



...ขอขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้พวกเราทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่...



...ขอบคุณจริงๆ...





************************Whose fault? ************************





ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


Whose Fault ?

ผิด...ครั้งที่ 43

​ตอนจบ



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



'การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่



ภาคิน อนันต์โภคทรัพย์ ลูกชายเพียงคนเดียวของนักธุรกิจบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับร้อยล้าน เกษมศักดิ์อนันต์โภคทรัพย์ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลังโดยเรชิตา โรจน์ศักดินา ลูกชายของนักการเมืองชื่อดัง ชาญณรงค์โรจน์ศักดินา ด้วยเหตุทะเลาะวิวาทหรือขัดใจบางอย่างจนอาการบาดเจ็บสาหัส พิการไม่สามารถใช้ขาทั้งสองข้างได้อีก เป็นฝันร้ายและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจริงในครอบครัวของอนันต์โภคทรัพย์ไม่มีวันลืมเลือน



และไม่น่าเชื่อว่าอย่างครอบครัวที่ทำเพื่อสังคมมาตลอดอย่างโรจน์ศักดินาจะทำเรื่องฉาวโฉ่ได้ถึงขนาดนี้ ตำแหน่งในงานนักการเมืองของคุณชาญณรงค์อาจจะต้องได้รับพิจารณาอีกครั้ง



ทางฝ่ายคุณเกษมศักดิ์ขอยืนยันว่าจะเอาเรื่องอย่างถึงที่สุดเพราะเรชิตายังมีชีวิตอยู่แม้จะอาการบาดเจ็บเพราะถูกตำรวจยิงสกัดก็ตาม



'จริงๆ แล้วผมไม่อยากเอาเรื่องเด็กๆ เข้ามาเป็นอารมณ์ส่วนตัว แต่ลูกชายคนสำคัญของผมเป็นแบบนี้แล้วก็อย่าหวังว่าลูกชายของคุณจะได้มีชีวิตเหมือนคนทั่วไปอีกเลย'



นอกจากนี้ยังมีความผิดอีกหลายข้อหาที่ถูกแจ้งความจับนายเรชิตา มีอาวุธผิดกฏหมายในครอบครองวางแผนวางยาผู้อื่นให้ถึงแก่กรรม และมีการจ้างคนให้ไปทำงานผิดกฏหมายอีกด้วย เรื่องเหล่านี้ที่เกิดขึ้นจึงมีการตั้งข้อสงสัยว่านายเรชิตาคนนี้จิตปกติหรือไม่ จึงถูกส่งตัวให้ไปตรวจเช็คสุขภาพจิตที่โรงพยาบาลจิตเวชเพิ่มเติมพบว่านายเรชิตานั้นมีอาการคล้ายผู้ป่วยโรคประสาทชนิดหนึ่ง คนในครอบครัวก็ไม่ทราบดีว่าอาการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จนสายเกินไป ผลลัพธ์ที่ออกมาจากการกระทำคือนายเรชิตาโดนจิตหลอกหลอนเลยคิดจะคร่าชีวิตผู้อื่นไปเสียแล้ว



ผลการดำเนินคดี ผู้สมรู้ร่วมคิดของนายเรชิตาทุกคนรวมเป็นจำนวนหกคน ถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลาสองปีและไม่อนุญาตให้ประกันตัว และการกระทำและความผิดทั้งหมดของนายเรชิตาถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตและไม่อนุญาตให้ประกันตัว



เป็นข้อสรุปที่น่าสลดใจอย่างยิ่ง'



ก๊อกๆๆ



"ท่านประธานครับ มีคนมาขอพบคุณคิน" เสกเคาะประตูเรียกความสนใจของคนในห้องที่มีอยู่เต็มไปหมด ทั้งเพื่อนที่ยืนกระจัดกระจาย ชะเอมที่กำลังป้อนข้าวให้ร่างสูงและเกษมศักดิ์ก็อยู่ด้วย



"ใครครับ"



"ครอบครัวของคุณชาญณรงค์ครับ"



ทั้งห้องเงียบไปทันใด พร้อมใจกันมองหน้าคิน ต่างคนต่างคิดกันไปหลากหลาย



...ทำกันขนาดนี้ยังกล้ามาเจอหน้าอีกหรือ...



เกษมศักดิ์มองหน้าคิน แลเห็นลูกชายตนพยักหน้าก็ถอนหายใจ



"เด็กๆ ออกไปรอข้างนอกสักครู่นะ"



พอได้ยินเกษมศักดิ์บอกแต่ละคนก็พยักหน้าและค่อยๆ ทยอยเดินออกไป และอนุญาตให้เสกพาแขกเข้ามาในห้อง ก่อนเลขาจะเดินออกจากห้องไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว



ทั้งสามคนที่เดินเข้ามามีสีหน้าทุกข์ใจ ยิ่งเห็นร่างสูงของภาคินอยู่ในชุดผู้ป่วยยิ่งสะเทือนใจ



"ภาคิน...ลุงเอาของฝากมาเยี่ยม..." ชายในชุดสูทเรียบร้อยบุคลิกดีมีภูมิฐาน แถมหน้าตาก็ยังสะอาดสะอ้าน จนไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายของอีกฝ่ายจะเป็นคนที่กล้าเกรี้ยวกราดทำร้ายคนอื่น ชาญณรงค์พยักหน้าให้รินยกกระเช้าผลไม้ไปวางบนโต๊ะในห้อง



"ขอบคุณมากที่มาเยี่ยมเจ้าคิน แต่ถ้าณรงค์กับฉัตรมีอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า" เกษมศักดิ์เอ่ยขึ้นเพราะเห็นใจทั้งคินทั้งชะเอมที่ดูคนหลังจะหนักกว่าเพราะตอนนี้ตาเริ่มกลับมาแดงก่ำอีกรอบ



ชาญณรงค์พยักหน้าก่อนจะมองหน้าคิน "ลุงขอโทษแทนเจ้าเรย์มันด้วย"



ทั้งห้องเกิดความเงียบ รู้ดีอยู่แล้วว่าคนเหล่านี้จะมาพูดอะไร เพราะเป็นครอบครัวของคนที่ทำให้ภาคินมีชีวิตไม่ต่างจากคนพิการ



ชะเอมกำหมัดแน่น เม้มปาก นิ่วหน้า ไม่อยากจะเห็นหน้าคนพวกนี้ทั้งนั้น



"ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้มันมาขอโทษเธอเองด้วยซ้ำ แต่..." ร่างสูงทั้งร่างทิ้งตัวลงคุกเข่าจนคนในห้องมองตกใจ



คนที่มีหน้ามีตาในสังคม มาทำแบบนี้ ถ้ามีนักข่าวคงพาดหน้าหนึ่งยกใหญ่



"คุณคะ!"



"คุณพ่อ!"



"ลุงณรงค์ อย่าทำแบบนี้เลยครับ พ่อ...ห้ามเขาทีสิครับ" คินเอ่ยเสียงเครียด



"นี่เป็นสิ่งที่ลุงควรทำ อย่าห้ามเลย" เจ้าตัวก้มหน้าไม่ยอมเงย "คิน...ได้โปรดอโหสิกรรมให้ลูกชายลุงด้วย ยังไงมันก็ติดคุกไปแล้ว จะให้ลุงทำยังไงก็ได้..."



สิ่งที่เรย์ทำไว้ มันส่งผลร้ายไปทั่ว



ทำให้พ่อแม่เสียน้ำตา เสียใจ เสียหน้า



"ผมไม่โกรธหรอกครับ...เพราะงั้นเงยหน้าแล้วลุกขึ้นเถอะครับ"



"แต่ผมโกรธ" ชะเอมผุดลุกขึ้นพูด แม้น้ำเสียงจะแข็งแต่ใบหน้าที่ราวกับจะร้องไห้มันทำให้คนมองรู้สึกเข้าใจและเจ็บปวด "พวกคุณรู้ไว้ด้วยว่าผมไม่มีทางยกโทษให้เรย์หรอก! ไม่มีวัน!"



คนที่ทำให้คินเจ็บ ...เขาน่ะไม่ยกโทษให้เด็ดขาด



จะให้ยกโทษง่ายๆ ได้ยังไง



มือบางกำแน่นจนสั่น แล้วน้ำตาก็ไหลอาบใบหน้าใส จนคินต้องดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแม้จะสะเทือนแผลและเจ็บแค่ไหน แต่ชะเอมคงเจ็บที่ใจมากกว่าหลายเท่า



พอเห็นคนสำคัญเจ็บ ใจของตนก็เจ็บไปด้วย ...พวกเราต่างเหมือนกัน...จึงเข้าใจ



"...เธอ..." ชาญณรงค์อึ้งที่เด็กตรงหน้าแสดงความโกรธได้อย่างตรงไปตรงมา



"ลูกชายอีกคนของฉันเอง" เกษมศักดิ์พูดก่อนจะเดินเข้ามาดึงแขนของเพื่อนที่เคยสนิทกันสมัยก่อนลุกขึ้น "ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจของพวกเราคงตะขิดตะขวงใจเรื่องนี้ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่"



"..."



"อย่างที่ชะเอมว่า ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้น...ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้ลูกชายของนายได้ลิ้มรสความรู้สึกเดียวกันด้วยซ้ำ" ดวงตาคมกริบบ่งบอกว่าไม่ล้อเล่น ทำคนฟังหน้าซีดกันเป็นแถบ "ลูกชายของนายก็เหมือนตัวแทนครอบครัว ที่จะทำอะไรก็บ่งบอกไปหมดว่าการดูแลและสั่งสอนของผู้ปกครองเป็นยังไง"



"นี่คุณ!" ฉัตรแก้วทนฟังไม่ไหวจึงแผดเสียงออกมาหน้าแดงก่ำแต่ก็ถูกทำให้เงียบลงด้วยสายตาเย็นเยียบของนักธุรกิจกรำงาน



"นายคงหมดอนาคตในหน้าที่การงานของนายแล้วล่ะณรงค์ มันก็สมกันดีเพราะลูกของนายก็ทำให้คินหมดอนาคตเหมือนกัน"



คำพูดที่ดูเรียบง่าย แต่กับน้ำเสียงช่างเย็นชา



เกษมศักดิ์ไม่มีความปราณีใดๆ ทั้งสิ้น แม้คนตรงหน้าจะเคยเป็นเพื่อนหรือไม่ นี่คือสิ่งที่อีกฝ่ายควรจะได้รับแล้ว



เฉพาะเรื่องงานกับครอบครัวเท่านั้นที่เขาจะไม่ยอมให้ใคร



จะไม่ยอมสูญเสียไปอีกแล้ว



ก่อนที่ครอบครัวของเรย์จะออกไป รินหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “พี่คิน พี่ชะเอม รินต้องขอโทษแทนพี่ชายด้วยจริงๆ ค่ะ” และหลังจากนั้นเธอก็เดินตามพ่อกับแม่ออกไป



คล้อยหลังครอบครัวโรจน์ศักดินา ไม่ถึงสิบนาที ก็มีเสียงเคาะประตูอีกครั้งหนึ่ง เป็นเสกที่เปิดประตูเข้ามา ไม่ใช่เพียงคนเดียว



“สวัสดีค่ะ คุณเกษมศักดิ์ คุณภาคิน คุณเอมภัทร” หญิงร่างผอมติดกระดูกวัยสี่สิบกว่าปีอยู่ในสภาพเสื้อผ้าสีทะมึนทรุดโทรมยกมือขึ้นไหว้คนในห้อง จนรับไหว้แทบไม่ทัน บวกกับสีหน้างุนงงว่าเธอคนนี้เป็นใคร “ดิฉันเป็นแม่ของน้องนามค่ะ”



“นาม?” เกษมศักดิ์จำได้ว่าในหัวสมองของเขาไม่มีคนรู้จักชื่อนี้



“ผู้สมรู้ร่วมคิดกับเรย์ครับพ่อ” คินตอบคำถามพ่อตัวเอง ขณะที่กำลังลูบหัวคนตัวบางที่ยังคงร้องไห้อยู่



ท่านประธานเลิกคิ้ว “แล้วคุณมีธุระอะไรครับ”



“ดิฉันแค่อยากจะมาขอโทษเท่านั้นค่ะ” หญิงคนนั้นห่อไหล่ลง และพูดเสียงสั่นเครือ “เพราะน้องนามเป็นเด็กดี ที่น้องนามเขาทำแบบนี้ก็เพราะ...”



“เอาเถอะครับ ผมไม่อยากฟัง” เกษมศักดิ์ยกมือเบรก เส้นเลือดที่ขมับปูดโปนอย่างอดทนอดกลั้น “ผมขอรับไว้แค่คำขอโทษก็แล้วกัน เสกพาเธอออกไป”



“ครับ!”



ใครมาเห็นอาจจะมองว่าใจร้าย ท่านประธานหยิ่งยโสไม่ฟังแม้แต่คำอธิบายใดๆ ...แต่ใครจะรู้ล่ะว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร



คำขอโทษมันไม่มีความหมายอะไรใดๆ ด้วยซ้ำ



“ได้โปรดเถอะค่ะ คุณเกษมศักดิ์ น้องนามเขา...!”



“จะอย่างไรความผิดที่เขาทำมันก็ไม่เปลี่ยน...และคุณเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีกแล้ว”



“...”



“แม้จะติดคุก แต่ลูกของคุณยังมีชีวิตอยู่! แต่ลูกชายของผมเขาเดินไม่ได้อีกแล้ว!”



ความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ทำไมเขาถึงจะไม่เข้าใจ



แล้วความรู้สึกของเขาล่ะ เคยมีใครคิดจะเข้าใจบ้าง



เกษมศักดิ์กัดกรามแน่น สูดลมหายใจเข้าออกลึก แต่พอได้ยินเสียงของลูกชายจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเพิ่งหลุดมาดประธานไป



“พ่อครับ...” คินคราง พ่อไม่เคยหลุดมาดขนาดนี้ เลขาเสกต่างหากที่มองอย่างตกใจยิ่งกว่า



เกษมศักดิ์หลับตา ก่อนจะสั่งเสียงเข้มอีกครั้ง “เสก พาเธอออกไปเดี๋ยวนี้ แล้วก็อย่าเชิญใครเข้ามาอีก”



“ครับ ท่านประธาน...เชิญครับ”





************************Whose fault? ************************





"เขาว่ายังไงบ้าง...พ่อกับแม่ของเรย์น่ะ" เอกถามขึ้น



"ก็มาขอโทษ"



“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ด้วยเหรอวะ”



“อืม”



“เมื่อกี้ได้ยินเสียงของพ่อมึงด้วย” ที่ตาลพูดได้เพราะเกษมศักดิ์ไม่อยู่แล้ว สงสัยจะออกไปธุระ



ก็พ่อของคินโคตรน่าเกรงขาม แถมยังน่ากลัวอีกต่างหาก



“อืม” ร่างสูงฟังแล้วยิ้มน้อยๆ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพ่อโมโห...และนั่นเป็นเรื่องของเขา



คินยังคงกอดคนตัวบางที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุดแนบอก ก่อนจะโยกๆ ลูบหัวลูบหลังเหมือนปลอบเด็ก "เอม หยุดร้องได้แล้วนะ ดูสิ ใครกันบอกไม่ขี้แย...ใครหนอๆ"



"ก็...ก็! ฮึก!" ยิ่งพูดน้ำตาเม็ดโตยิ่งไหล จนชุดบางๆ สีฟ้าอ่อนของคินเปียกไปหมด



"ตาบวมหมดแล้ว ไม่อายเพื่อนหรือไงครับ หืม"



ชะเอมมุดหน้าซุกกับไหล่กับอกกว้าง ไม่มีทีท่าจะหยุดร้องง่ายๆ ...ก็คนมันเสียใจ



เขารู้ว่าคินคงยังทำใจไม่ได้...แต่ก็ยังคอยปลอบเขาเหมือนเดิม



ทั้งอ่อนโยน...ใจดี



"ปล่อยชะเอมเถอะ เพราะเขาเสียใจเรื่องนายมากกว่าใคร" เม็ดทรายบอกอย่างเห็นใจ



คินยิ้ม เขาก็รู้อยู่...แต่อยากให้อีกฝ่ายพักบ้าง ตั้งแต่เขานอนโรงพยาบาลมาหลายวัน ชะเอมนอนน้อยกว่าเขา แถมยังมาร้องไห้แบบนี้อีก...คงจะเหนื่อยน่าดู



ดื้อจริงๆ เลย



"เอม คินง่วงแล้ว ปรับเตียงให้หน่อยสิ"



ร่างบางขยับตัวทันทีที่อีกฝ่ายพูด พอจัดอะไรเสร็จเรียบร้อยก็ถูกมือใหญ่ดึงให้ขึ้นมานอนด้วยกัน



"ไม่เอา เดี๋ยวคินนอนไม่สบาย"



"ไม่เป็นไรหรอกน่า เอมตัวนิดเดียว"



"เดี๋ยวเอมไปโดนแผล"



"ไม่เป็นไรครับ ก็คินอยากนอนกับเอม...นะ"



มีแต่ต้องพูดแบบนี้เท่านั้น อีกฝ่ายถึงจะยอมนอนได้ซักที



และทันทีที่เอนตัวชะเอมก็พรูลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทันที เพราะกลิ่นกายหอมๆ ของคินที่ทำให้ชะเอมนอนหลับสนิท



"มาเดี๋ยวกูพาเอมมันไปนอนตรงโน้นดีกว่า จะได้ไม่เบียดมึง" ดินเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะค่อยๆ สอดแขนใต้ร่างผอมและดึงออก



"ฮือ...ไม่เอา! คิน...!" ชะเอมขมวดคิ้วงอแงทั้งๆ ที่ยังหลับสนิท มือบางคว้าเสื้อคินแน่นเมื่อรู้สึกได้ว่าถูกดึงออกห่างจากกายอุ่น ดินเห็นดังนั้นก็เลยปล่อยลง และร่างบางก็ขยับซบหน้าลงที่เดิมที่นอนสบายสุดและระบายยิ้ม



อากัปกิริยาที่ดื้อรั้นเหมือนเด็กน้อยหวงของเอมทำให้เพื่อนในห้องหัวเราะขำ



"ไอ้เอมนี่มันอย่างกับเด็กติดหมอนข้าง" เสียงทุ้มบ่น เกาหัวแกรกๆ



คินยิ้มเอ็นดูคนนอนละเมองึมงำ ก่อนจะเอ่ยกับเพื่อน "ไม่เป็นไรดิน กูขอบใจ...ให้เอมนอนตรงนี้แหละ"



ดินยักไหล่ "ก็เห็นจะต้องเป็นแบบนั้นอ่ะนะ"



"มึงเองก็พักเถอะคิน จะได้หายไวๆ" เอกก็พูดขึ้นบ้างอย่างเป็นห่วง



ร่างสูงปรือตา บอกเสียงอ่อน "อืม กูฝากด้วย"



"ไม่ต้องห่วง พวกกูจะอยู่เฝ้าจนกว่ามึงจะตื่นเลย"



ร่างสูงต้องโอบเอวบางของอีกฝ่ายเข้ามาอีก ชะเอมไม่ใช่คนนอนดิ้นก็จริง แต่ป้องกันไว้ก่อนเพราะถ้าตกเตียงไปคงเจ็บไม่น้อย



จมูกโด่งหอมผมนุ่ม ขมับและข้างแก้มสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ นอนฟังเสียงคุยกันของเพื่อนในห้องเหมือนกล่อมให้หลับตาและเข้าสู่นิทราไป





************************Whose fault? ************************





ผ่านมาแล้วสองเดือนครึ่งนับจากวันนั้น...วันที่เกิดความวุ่นวายที่สุดในชีวิต



แผลของคินที่โดนยิงดีขึ้นมากจนอาหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ คุณลุงต้องจ้างคนมาอีกหนึ่งคนเป็นชายฉกรรจ์ตัวใหญ่แต่อัธยาศัยดี คนรู้จักของพี่เสกเอาไว้คอยช่วยให้พยุงคินในการขึ้นลงจากรถเข็นวีลแชร์ที่ถูกเตรียมเอาไว้



"ขอบคุณครับพี่รัก เดี๋ยวผมเข็นเอง" ชะเอมขอบคุณคนตัวโตแต่ชื่อน่ารัก ที่ลูบหัวตัวเองยิ้มๆ



รักรีบโบกไม้โบกมือ "อย่าเลย มันเป็นหน้าที่ผมครับคุณชะเอม"



"ไม่เป็นไรผมเข็นเองได้ แล้วก็ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหรอกครับ เรียกธรรมดาเหมือนพี่เสกดีกว่านะครับ"



รักลูบศีรษะตัวเองหัวเราะแหะๆ อีกครั้ง... จะให้เรียกเจ้านายแบบนั้นได้ยังไงกัน


>>>>>>>ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2



ต่อจากด้านบน<<<<<<<<<<<<



'อย่าขัดใจเจ้านาย เขาอยากจะให้ทำอะไรก็ทำ'



เสียงของเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่เด็กบัดนี้เป็นเลขาคนใหญ่คนโตไปแล้วดังขึ้นในความคิด



"คะ ครับ คุณ เอ๊ย น้องชะเอม" เรียกชื่อห้วนๆ คงไม่ดี เรียกแบบนี้ก็แล้วกัน



คำตอบที่ได้รับคือรอยยิ้มกว้าง...ช่างสดใส



"ขอบคุณนะเอม ถ้าเหนื่อยก็ให้พี่รักเขามาเข็น..."



"ไม่เหนื่อยเลยครับ เอมอยากดูแลคิน" แม้เหงื่อจะผุดซึมแต่ปากสีแดงเรื่อก็ยังยืนยัน



"แต่เอมต้องดูแลตัวเองด้วยนะ อย่ามัวแต่ห่วงคิน" ชะเอมพยักหน้าหงึกหงักรับคำยิ้มๆ ก่อนจะชะงักเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาในสายตา



"ราม!"



"ไงเอม"



"รามมาทำอะไรเหรอ" เสียงใสเอ่ยถามด้วยความดีใจ เพราะไม่ได้เจอรามนานมาก ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะอาการดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำและแขนก็ไม่ต้องคล้องผ้าที่ใช้ประคอง



ร่างโปร่งมองคิน "ก็ได้ข่าวว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายเลยมาแสดงความยินดี"



คินผงกหัวยิ้มน้อยๆ "ขอบใจ แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง"



รามชะงัก คำถามที่รู้กันแค่สองคน...เป็นยังไงบ้างเหรอ?



ร่างโปร่งยิ้มเฝื่อนไม่ตอบ เพียงเท่านั้นคินก็รู้



"แค่ก...แค่ก!" รามปิดปากไอหนักสามสี่ครั้งก่อนจะหอบหายใจแรง



"ราม?" คนตัวเล็กขมวดคิ้วเป็นห่วงเพื่อน "เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ"



"ไม่เป็นไร..." ร่างโปร่งยิ้มเหมือนเดิมเพื่อให้ทั้งคู่ที่มองอยู่ไม่สงสัย



"ไอติมล่ะ? ไม่ได้มาด้วยเหรอ..."



"นายได้เจอรักแท้ของนายแล้วนะเอม...ขอให้พวกนายทั้งคู่มีความสุข รักกันนานๆ" รามพูดยิ้มๆ น้ำเสียงจริงใจ



ขอให้พวกนายมีความสุข



ส่วนเขา...



"ขอบใจนะราม" ชะเอมยิ้มรับแก้มขาวใสแดงเรื่อ มีความสุขที่สุดที่ได้ยินคำๆ นี้จากปากอีกฝ่าย...เพื่อนคนแรกของเขา



"ฉันก็ขอบใจมาก แล้วก็ขอให้นายมีความสุข" สายตาคมกริบจ้องตอบดวงตาเรียวที่อ่อนล้าอย่างสื่อความหมาย...ขอให้นายได้เจอความสุขและขอให้ 'มัน' ได้รู้สึกตัวเสียที



อย่าให้...คนสำคัญต้องหายไป...



รามยิ้มน้อยๆ ไม่ตอบอะไรอีกเช่นเคย ก่อนจะโบกมือลาคนทั้งคู่และเดินจากมา รอยยิ้มของชะเอมช่างสว่างเจิดจ้าจนคนมองอิจฉา



เพื่อนของฉัน...นายได้เจอความสุขที่สุดในชีวิตแล้ว



รามไม่ได้บอกว่าการพบกันครั้งนี้ระหว่างเรา...อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย



...ไม่มีใคร...ล่วงรู้อนาคต...



ชะเอมกับคินคุยกันระหว่างรอคุณลุงกับอาหมอคุยกันประมาณห้านาที ถึงจะได้กลับบ้าน



...บ้านของเรา...





"คอนโดนั้นจะเอาไงต่อดี ขายให้คนอื่นดีมั้ย ยังไงก็ไม่ได้เข้าไปอยู่อีกแล้ว" เกษมศักดิ์ถามกึ่งๆ เสนอเพราะเจ้าของห้องเป็นชื่อคินกับเอม เขาไม่อยากจะทำไปโดยพลการ



"เอมยังไงก็ได้ เพราะจะอยู่กับคินครับ"



"ผมแล้วแต่เอม"



ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ทั้งคู่ก็มีสีหน้าตะขิดตะขวงไม่อยากจะทิ้งมันไปให้คนอื่น คนแก่ยิ้มน้อยๆ



"งั้นปล่อยไว้แบบนั้นก่อนดีกว่าเนอะ จะขายทิ้งก็เสียดาย" เสียงทุ้มบอกทำให้ทั้งคู่พยักหน้าพร้อมกัน



จริงๆ แล้วไม่ได้อยากขายมันให้คนอื่น...เพราะห้องนั้นเป็นความทรงจำของเราสองคน



“เอมอ่านหนังสืออะไรน่ะ” คินชะโงกหน้าไปมอง ชะเอมก็ยิ้มกว้างหันหน้าปกให้ดูแทน



‘กายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตครึ่งซีก’



คินเลิกคิ้วเป็นคำถามว่าอ่านทำไม



“ก็เอมได้ยินว่าถ้าหากดูแลเอาใจใส่และมีการทำกายภาพบำบัดให้ผู้ป่วยทุกวันก็สามารถมีโอกาสกลับมาเหมือนปกติได้นะครับ”



ดวงตากลมโตประกายระยิบ...ในใจลึกๆ เขายังคงมีความหวัง...ว่าสักวันหนึ่งจะเห็นคินยืนได้ด้วยสองขาของตัวเองอีกครั้ง



“เรื่องนั้นลุงก็เคยได้ยิน” เกษมศักดิ์ชะโงกหน้ามาดูก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย อืม เป็นเรื่องที่น่าคิดและน่าสนใจ



“ใช่มั้ยครับ” คนฟังยิ้มดีใจ ก่อนจะเอ่ยกับร่างสูงที่ยิ้มตอบกลับมาเหมือนกัน “เอมก็เลยลองซื้อหนังสือมาอ่าน จะได้มีความรู้และช่วยคินทุกๆ วันเลย”



“ขอบใจนะเอม” ร่างสูงอดยกมือลูบผมนุ่มไม่ได้...อีกฝ่ายชอบทำตัวให้น่า ‘รัก’ ได้ทุกวัน



เกษมศักดิ์มองภาพที่ชวนยิ้ม ก่อนจะเสนออะไรดีๆ ออกมา “งั้นเดี๋ยวลุงจ้างคนมาช่วยดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะดีกว่า ส่วนเอมก็ลองให้เขาสอนและฟังคำแนะนำดู”



“ดีครับ!” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ถ้าดีกับคินเขายินดีทุกเรื่องอยู่แล้ว



ตอนที่รู้ว่าภาคินป่วยหนัก ทุกคนที่บ้านใหญ่ต่างเสียใจร้องไห้กันหลายวัน โดยเฉพาะพวกป้าๆ ที่ทำงานรับใช้ครอบครัวนี้มานานช็อคแทบเป็นลม แต่พอสุชาติเห็นแบบนี้แล้วอดนับถือไม่ได้ คุณชะเอมกับคุณคินช่างเข้มแข็ง



เพราะว่าจะมามัวแต่นั่งเศร้าไม่ได้ คนป่วยต้องการการดูแลเอาใจใส่และกำลังใจ...ดังนั้นชะเอมก็เลยทำตัวร่าเริงสดใสเอาไว้



จมูกเล็กรั้นกดข้างแก้มของใบหน้าคมทั้งสองข้างแรงๆ จนคินหน้าเหวอ ก่อนจะยิ้มออกมา



"เดี๋ยวนี้มีแต๊ะอั๋งเหรอ"



ร่างบางหัวเราะแหะๆ ถ้าปกติคนขี้เขินคงหน้าแดงม้วนต้วนไปแล้ว แต่นี่ไม่อายซ้ำยังให้จมูกโด่งหอมกลับหลายๆ ที



แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะลืมไปว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน



“เฮ้ๆ เกรงใจพ่อกับชาติหน่อยสิ”



ใบหน้าใสแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างโดยที่ยังจับมืออุ่นของคินไม่ปล่อย



“นี่สงสัยพ่อคงต้องทำใจเรื่องทายาทเอาไว้ซักหน่อยแล้วสิ”



“คุณลุง...” ชะเอมเม้มปาก



เกษมศักดิ์ยิ้มน้อยๆ “รู้มั้ยว่าพ่อรู้ตั้งแต่แรกแล้วเรื่องแกกับเอม”



ทั้งคู่หันขวับ สีหน้าแตกต่างกัน ชะเอมเบิกตากว้าง แต่คินขมวดคิ้วไม่เข้าใจ...ตั้งแต่แรกคือตอนไหน



“แล้วก็ตอนที่ทะเลาะกัน ที่เอมบอกลุงว่าคินไปทำงานกลุ่ม ลุงก็รู้แล้วว่าเริ่มมีอะไรไม่ชอบมาพากล”



ชะเอมขบริมฝีปาก...ตอนนั้นด้วยเหรอ?



แสดงว่าคุณลุงก็รู้น่ะสิว่าเขาโกหก



“ลุงไม่อยากไปทำงานโดยปล่อยพวกเธอทิ้งไว้สองคน แต่ลุงก็เชื่อว่า...ยังไงสักวันหนึ่งคินมันจะต้องกลับมาหาหนูแน่ๆ”



คินยิ้มน้อยๆ เพราะความรู้ดีของพ่อตัวเอง



“เฮ้อ นี่ลุงมีลูกคนชายคนเดียว...ถ้าหากว่าเจ้าคินมันคบกับผู้ชาย ลุงคงหมดสิทธิ์ที่จะมีหลานแล้วล่ะนะ”



ร่างบางเกร็งตัวแน่น หัวใจเต้นระรัว หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลผ่านแก้มหยดลงหลังมือแหมะๆ



คุณลุงกำลังจะพูดอะไร? พูดอะไรน่ะ?



“พ่อ” คินส่งเสียงเข้ม ขมวดคิ้วเปลี่ยนสีหน้า



“แต่ตอนนี้ลุงมีลูกชายอีกคนแล้ว แถมยังน่ารักน่าชังมากกว่าลูกชายคนเดิมอีก” เกษมศักดิ์พูดกลั้วหัวเราะ “แบบนี้ลุงคงไปไหนไม่รอดเพราะไม่ว่าลูกคนนี้อยากจะทำอะไร ลุงก็ห้ามไม่ได้...อ้าว เอมร้องไห้ทำไม!?”



“ฮึก...ฮึก! ฮือ...” ชะเอมเบะปากน้ำตาไหลหนักกว่าเดิม มือบางที่สั่นระริกถูกมือใหญ่กำแน่น



“เจ้าคินแกทำอะไรเอม” ท่านประธานหันมาคาดคั้นลูกชายตัวเอง



“พ่อนั่นแหละพูดอะไร!”



เกษมศักดิ์ขมวดคิ้ว “พ่อพูดอะไร ก็แค่จะบอกว่าไม่ว่าชะเอมจะทำอะไร ก็ไม่ห้าม ถึงนั่นจะเป็นการคบกับเจ้าคินมันเป็นแฟนก็เถอะ”



ร่างบางปาดน้ำตาค่อยๆ คลายสะอื้น “คุณลุง...”



“ลุงแค่อยากเห็นหนูมีความสุข” เด็กน่ารักแววตาหม่นเศร้าที่เขารับมาดูแลในวันนั้น



สัญญากับตัวเอง...ไม่ว่าจะยังไงก็อยากเห็นเด็กคนนี้ยิ้มอย่างมีความสุข



คำพูดของเกษมศักดิ์ทำให้น้ำตาปริ่มไหลอีกครั้ง



“ขอบคุณครับ...คุณลุง”



คุณลุงจะรู้ไหมว่าตอนนี้เขามีความสุขแล้ว เพราะความสุขของเขาอยู่ที่คนเหล่านี้...อยู่รอบตัวเขานี้เอง



“พ่อนี่พูดอะไร...เห็นมั้ยพ่อทำเอมร้องไห้อีกแล้ว”



“อะไรกัน นี่พ่อผิดเหรอ” ท่านประธานหัวเราะขำ ทำให้สุชาติยิ้มตาม ไม่ค่อยได้เห็นมุมนี้ของคุณท่านบ่อยๆ นัก นอกจากอยู่กับลูกชายทั้งสองคน “ว้า สงสัยพ่อต้องผลิตคนใหม่ซะแล้วสิ เพราะลูกชายมันดันคบกันเองซะงั้น”



"พ่อผลิตตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วแหละ" คินพูดเอือมๆ



"ดูถูก! คนอย่างพ่อน่ะแข็งแรงปึ๋งปั๋งตลอดเวลาหรอก"



"อ๋อเหรอ"



ร่างบางที่ปาดน้ำตาหลุดหัวเราะ



“แถมเอมก็เคยชมลุงว่าหล่อด้วย ใช่ไหมเอม”



คำถามของเกษมศักดิ์ทำให้ใบหน้าคมตวัดมองชะเอมขวับ ร่างบางสะดุ้งก่อนจะตอบความจริง “ครับ”



“แกก็ได้หน้าตามาจากพ่อ เพราะฉะนั้นขอบคุณเชื้อแข็งแรงๆ ของพ่อซะนะ”



คินมุ่ยหน้าก่อนที่เสียงหัวเราะประสานดังขึ้น



"เอ้าถึงแล้ว"



พอเปิดรถปุ๊บก็มีทั้งแม่บ้านทั้งคนสวนมาต้อนรับ



"คุณคินขา~" เสียงป้าเรืองป้าอุ่นป้าใจมาก่อนเลย แถมถือผ้าเช็ดหน้าปาดน้ำตาด้วย



"ยินดีต้อนรับกลับครับคุณท่าน คุณคิน คุณชะเอม"



ชะเอมกับคินมองหน้ากันแล้วหลุดหัวเราะ...อย่างน้อยที่บ้านยังมีคนคอยเป็นห่วงเป็นใย...และรอคอยพวกเขากลับมา





"คินอยากทำอะไรมั้ยครับ" หลังจากที่พี่รักพาคินเข้ามาในห้องแล้ว ชะเอมก็จัดของจัดอะไรต่างๆ ที่เป็นสิ่งจำเป็นให้ดูเป็นระเบียบและหยิบจับง่าย



คุณลุงสั่งให้ป้าแม่บ้านย้ายของๆ คินลงมาให้อยู่ห้องด้านล่างเพื่อจะได้ไม่ต้องขึ้นลงให้ลำบากลูกชายและจัดห้องข้างๆ ให้เป็นที่พักของพี่รักด้วย...ส่วนตัวเขาก็นอนห้องเดียวกับคินเพื่อดูแลได้ตลอดเวลา



"ไม่ล่ะ เอม ขอบใจ"



"เบื่อหรือเปล่าครับ"



"นิดหน่อย"



"งั้นมาดูหนังกันมั้ย เอมเปิดให้" ร่างบางลุกขึ้นไปเปิดคอมพิวเตอร์ใช้สายยูเอสบีต่อเข้ากับทีวีจอแบนขนาดใหญ่บนผนัง



"หนัง...เรื่องอะไร"



"ก็...อืม คินชอบดูการ์ตูนมั้ย เอมดูในโรงมาสนุกมากๆ"



คินเลิกคิ้ว ก่อนจะค่อยๆ นิ่วหน้า "อย่าบอกนะว่าที่คินเจอเอมที่หน้าโรงครั้งนั้น กับไอ้...กับติม"



"ใช่ครับ" ชะเอมพยักหน้างุนงง จำได้ด้วยเหรอ



"งั้นคินไม่ดู...ไม่เห็นจะอยากดู"



ใบหน้าหวานหันขวับกับน้ำเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อย พอเห็นใบหน้าคมบึ้งตึงเสหน้าออกไปมองหน้าต่างที่เห็นวิวสระน้ำภายในบ้านด้านนอก ริมฝีปากบางยิ้ม ขาเรียวผุดลุกขึ้นทิ้งโน๊ตบุ๊คที่เปิดค้างไว้ แล้วหย่อนตัวนอนข้างกายสูงบนเตียงกว้าง



"คินงอนเอมเหรอ" ชะเอมซุกซบอกกว้างอ้อนๆ แต่คินก็ยังไม่ตอบอะไร จนดวงตากลมต้องช้อนมองยื่นหนาจูบปลายคาง "งอนเหรอครับ"



คราวนี้เรียกความสนใจได้ซักที แถมยังเรียกร้องอะไรให้ชะเอมแก้มแดง



"จูบหน่อยครับ"



ซึ่งแน่นอนว่าชะเอมไม่อิดออด ยื่นหน้าเข้าไปใกล้โดยมีมือใหญ่ประคองท้ายทอย และดวงตากลมก็ค่อยๆ ปรือตารับสัมผัส



ทันทีที่ริมฝีปากทั้งสองประกบแนบชิด บรรยากาศก็พลันเร่าร้อนเพราะลิ้นร้อนหนาตวัดเกี่ยวลิ้นเล็กในช่องปากไม่หยุด



เพราะไม่ได้จูบนาน...จึงโหยหามากกว่าที่เคย



"ฮ่า..."



มือใหญ่นวดท้ายทอยเล็กด้วยอารมณ์ค้างคา อีกมือช่วยปาดน้ำลายที่เลอะออกมาข้างมุมปากสีแดง ดวงตากลมฉ่ำน้ำปรือปรอย



"...รักนะครับ...เอมรักคิน..."



คินยิ้มรับ แขนกระชอบคนในอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม



มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ดีกว่าใครว่าคำว่ารักที่อีกฝ่ายพร่ำบอกมันจริงใจ...จริงจังแค่ไหน



ความรู้สึกที่ชะเอมมีให้กับเขามันยิ่งใหญ่จนเขาต้องยอมแพ้ให้กับมัน



"คินก็รักเอม"



ร่างสองร่างนอนยิ้มโอบกอดกันนิ่ง ฟังเสียงลมหายใจของทั้งสองดังประสานสม่ำเสมอและเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นไปพร้อมกัน



มันช่างสงบสุขจนอดนึกถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้...ว่าเราทั้งสองนั้นต่างผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน



ความเจ็บปวด...ความเศร้า...ความทุกข์...ความสุข...ถึงแม้ว่าเส้นทางจะเต็มไปด้วยขวากหนามคอยทิ่มแทง...แต่อย่างน้อยเรื่องเหล่านั้นก็ทำให้เราได้เรียนรู้กันและกัน...ได้รู้จักความรัก...ความเชื่อใจ...



ได้รู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนั้น...สำคัญมากจนสามารถเสียสละแม้ชีวิตของตนเพื่อปกป้องรักษาสิ่งนั้นไว้...



และจะขอจับมือประคับประคองอีกฝ่ายให้ไปถึงฝั่ง



มีแค่กันและกันแบบนี้ตลอดไป





-THE END-



************************Whose fault? ************************



ในที่สุดรุยก็ได้ปิดเรื่องนี้เสียที ผิดที่ใครถึงตอนอวสานแล้วค่า!

​ถึงเรื่องนี้จะจบแล้ว ก็อยากให้ไปติดตามเรื่องอื่นๆ กันนะคะ

ขอบคุณมากจริงๆ จ้า

รักนักอ่านทุกคน

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


สปอยล์ตอนพิเศษในเล่ม





ตอนพิเศษ  สักวันหนึ่ง... (สินxดิน)​

(ปล.ตอนนี้อยู่หลังตอนหลักที่ 8 นะคะ เผื่อใครลืม)



ปัง!

"เดี๋ยว สิน...!"

"อะไรอีก" ร่างสูงถามเสียงขุ่น แต่ตาจดจ้องแค่ริมฝีปากสีชมพูเข้ม

สินเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองด้วยท่าทางหื่นกระหาย

"จะอะไรล่ะ" มือสีเข้มดันหน้าคมที่อยู่ในระยะประชิดให้ห่างออก ไอ้นี่มันไวเกินไปแล้ว! "กูเหนื่อย อยากอาบน้ำ ขะ...ขออาบน้ำก่อน! ฮื่อ!" ดินสะบัดหน้าแดงๆ ของตัวเองหนีริมฝีปากร้อนที่ฉกลงมาเฉียดมุมปากไปนิดเดียว

"อย่าหนี มึงสัญญาแล้ว" สินจับคางของคนตรงหน้าแน่น ให้หันมาเผชิญหน้า

สายตาเต็มไปด้วยความต้องการ ที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตา เหมือนกับมนต์สะกด...ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

หัวใจเต้นดังลั่นเหมือนมีกลองตีกันอยู่ในอก "ดิน กูชอบมึง" ดวงตาที่ค่อยๆ ลดระยะเข้ามาเรื่อย ไม่อาจถอยหนีไปไหนได้อีก "กูชอบมึง"





ตอนพิเศษ  รับผิดชอบ (สินxดิน)​



​เฮือก

อะ อะ...อนาคอนด้า!

"รู้สึกดีมั้ย"

"หะ...?" สายตายังไม่ละจากสิ่งนั้น นั่นใครให้มึงมาทำไมมันใหญ่ขนาดนั้น

"มัวแต่มอง ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวมึงก็ได้" เสียงทุ้มหัวเราะ "กูถามว่ารู้สึกดีมั้ย"

"หะ อะ...กะ ก็ ก็ดีนะ" คือ...มึงช่วยเก็บมันไปได้ป่ะกูชักกลัวแล้ว

สินยิ้มกว้าง "ดีใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวจะทำให้รู้สึกดียิ่งกว่านี้อีก"

"สิน กูว่า..."

"กูไม่หยุด"

ดินกลืนน้ำลาย ​"อึก...แต่ถ้าเจ็บ...กูไม่เอาจริงๆ ด้วยนะ"

"ไม่เจ็บๆ ไม่เจ็บแน่นอนครับ"

"ทีงี้พูดเพราะเชียวนะมึง!"





ตอนพิเศษ ข่าวดี​ (คินชะเอม)



"ที่ผมกำลังจะบอกก็คือ..." กฤษณะสบตาทั้งสามคนเป็นลำดับและจบที่คินเป็นคนสุดท้าย "คินอาจจะมีโอกาสกลับมาเดินได้อีกครั้งหนึ่ง"

มันเป็นประโยคที่ทำให้คนที่นั่งรถเข็นอยู่เบิกตากว้าง ในใจจุดประกายความหวังราวกับแสงสว่างส่องทาง

"นี่อากฤษพูดจริง..."

"อาหมอ...อาหมอพูดจริงเหรอครับ!?"

ส่วนคนที่ดีใจที่สุดคงจะเป็นชะเอมถามไปร้องไห้ไปอีกครั้ง...ด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี

ศัลยแพทย์พยักหน้ายิ้มๆ "ถ้าหากทำกายภาพบำบัดและดูแลเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง ประมาณปีครึ่งถึงสองปีอาจจะกลับมาใช้ขาได้เหมือนเดิม"

ทั้งสามคนสูดลมหายใจเข้าลึก จากที่เคยทำใจไว้ว่าอาจจะเป็น 'ตลอดชีวิต' แต่พอได้ยินคำว่า 'สองปี' มันเป็นอะไรที่ยอมรับได้อย่างรวดเร็ว

แค่ 'สองปี' เท่านั้นเอง

"เอาไงคิน จะสู้หรือเปล่า"





ตอนพิเศษ หึง! หวง!​ (คินชะเอม)



"น้องพี่หิวน้ำจัง"

"...ครับ ผมหยิบให้" ชะเอมเดินเชื่องช้า ใบหน้าหวานนั้นนิ่งกว่าที่คิด แต่น่ากลัวสำหรับคินยิ่งนัก มือบางยื่นแก้วน้ำไปให้พี่นัต แต่แล้วจู่ๆ มือไม้เขาก็อ่อนหรือยังไงไม่อาจทราบ ทำแก้วน้ำหกใส่มาทางเขาจนเลอะกางเกง!

"เฮ้ย!"

"คิน! พี่ขอโทษ...น้องพี่ขอผ้าหรือทิชชู่หน่อยนะ" อีกครั้งที่พี่เขาหันไปบอกกับชะเอมที่ยืนยิ่งกำหมัดแน่นราวกับอดทน ขาเรียวตวัดเดินเข้าห้องน้ำที่ติดอยู่ในห้องนอนของเขา "เดี๋ยวพี่เช็ดให้นะคิน"

"ไม่เป็นไรครับ..." เขารีบฉุดกางเกงขึ้น กับปัดมือที่กำลังจะพยายามปลดซิปกางเกงเขาออกเหลือเกิน

"อีกนิดเดียว เดี๋ยวพี่เช็ดให้คินเอง...โอ๊ะ!"

"จะทำอะไร!" ชะเอมตะโกนหน้าบึ้ง มือถือผ้าขนหนูสีขาวแน่นสั่นระริก

พี่นัตโดนเสียงใสขึ้นใส่ ก็ลุกขึ้นเสยผมแก้มาด "นี่น้องไม่เห็นเหรอว่าพี่กำลังช่วยเช็ดกางเกงที่มันเปียก"

"เช็ดกางเกง? จะเช็ดหรือจะถอดกันแน่ครับ นี่ตกลงพี่มากายภาพบำบัดหรือจะมาอ่อยแฟนผม!?"





ตอนพิเศษ รถใหม่​ (คินชะเอม)



"นี่คินจะทำอะไรอีกแล้วครับเนี่ย!?"

"คินอยากทำบนรถ"

ชะเอมสะดุ้งเฮือกหน้าแดง ดิ้นขลุกขลักทันที "มะ ไม่เอานะ!!"

"ก็คราวก่อนทำในห้องแล้วเอมบอกว่าคนอื่นได้ยิน คราวนี้คินเลยมาทำข้างนอกแทนไง"

"แต่นี่มันในรถนะครับ!?" รถใหม่เอี่ยมป้ายแดงด้วย ทำไมอีกฝ่ายถึงได้หื่นขนาดนี้!?

"เอาน่า นะครับนะ คินตื่นเช้ามาไม่เจอเอม รู้มั้ย 'มัน' คิดถึงเอมขนาดไหน" คินไม่ว่าเปล่ายังยกสะโพกบด 'มัน' ขึ้นมาเสียดสีร่องสะโพกเล็กหนักหน่วงจนชะเอมกระตุกเฮือกกัดปาก

"อะ ฮึก!"

ดวงตากลมมีน้ำตารื้นเอ่อ เมื่อสัมผัสถึงความร้อนที่ผ่านเนื้อผ้าบางขึ้นมา...คินรู้สึกอีกแล้วเหรอ





ตอนพิเศษ แอดมิน สาววายจงเจริญ​ (คินชะเอม)



"คิน อย่าสิครับ คนข้างนอกเยอะแยะ" มือบางยกดันอกแกร่งผ่านชุดสูทราคาแพงเบาๆ ดวงตากลมโตหวานเชื่อม ริมฝีปากบางเผยอขึ้นน่าจูบยิ่งทำให้คินวอนขอ

"จูบเดียวเอง"

"โธ่...เอาแต่ใจที่สุดเลยครับ" แก้มใสแดงปลั่ง เสียงใสบ่นอุบแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายตักตวงความหอมหวานอย่างเร่าร้อนนานนับนาที "พะ พอแล้วนะครับ"

ชะเอมกระซิบหอบติดริมฝีปากหยัก คินจึงต้องผละออกอย่างเสียดายสุดซึ้ง ใช้นิ้วโป้งลูบคลึงริมฝีปากบางที่บวมแดงเล็กน้อยอย่างต้องการ

"เอม..."

"ครับ?"

"เอารถไปจอดแล้วไปหาคินข้างบนที่ห้องทำงานนะ"

พลันหน้าหวานแดงก่ำ "คิน...เมื่อคืนกับเมื่อเช้าก็ทำไปแล้วนะ" ยิ่งพูดยิ่งต้องเม้มปากแน่นเขินอาย

"แต่เวลาคินอยู่กับเอมแล้วคินทนไม่ได้" คินจับมือบางให้สัมผัสของๆ ตนที่แผ่ความร้อนผ่าวผ่านกางเกงหนา "ข้างล่างมันปวดหนึบต้องการเอมตลอดเวลาเลย"

"..." หน้าแดงไม่หาย

"เร็วๆ นะครับ คินจะรอ"

ทุกอย่างในบทสนทนาเป็นเพียงจินตนาการของเราเองค่ะ! แต่ท่าทางแบบนั้นมันจะต้องเป็นบทสนทนาแบบนี้แน่นอน!!! โฮก! อยากรู้ต่อว่าเขาจะทำอะไรกัน กรี๊ด นี่มันหน้าบริษัทนะ! ที่ทำงานที่มีคนพลุกพล่านแบบนี้ยังสามารถสวีทหวานกันได้อีก งือออ ไม่ได้แล้ว เราต้องตามติด! ต้องรู้ให้ได้ว่าเขาทำอะไรกันค่ะ!!

ใครอยากรู้...ตามมา!





ตอนพิเศษ ชะเอม​ (คินชะเอม)



"ลุงมีบางสิ่งอยากจะบอกหนู ความจริงที่ลุงเก็บไว้นานมาแล้ว"

เก็บไว้นานจนกลายเป็นความลับที่ไม่อาจเปิดเผย ถ้าหากเขาตายไป ความลับนี้มันจะจมหายไปตลอดกาล ...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกษมศักดิ์ต้องการ "ลุงรอมาหลายปี...รอให้ถึงเวลา และตอนนี้ลุงคิดว่าชะเอมคงพร้อมแล้วที่จะรับฟังเรื่องราวต่อไปนี้"

เกษมศักดิ์พูดไปยิ้มไป ยกมือขึ้นลูบหัวชะเอม เด็กชายตัวน้อยน่ารักที่เขาพบที่สถานที่แห่งนี้

เขาไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะสูญสิ้นไปเมื่อใด เด็กน้อยของเขาอายุสามสิบกว่าแล้ว เติบโตเป็นผู้ใหญ่อยู่เคียงข้างเจ้าคินลูกชายที่รัก ในขณะที่เขาก็มีแต่แก่ลงเรื่อยๆ รอวันที่อายุขัยจะหมดลง

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คินและชะเอมจะอยู่เคียงข้าง ประคองชีวิตคู่กันตลอดรอดฝั่ง เพราะฉะนั้นชีวิตของเขาคงไม่จำเป็นอีกต่อไป

...นี่จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว...

"เอม...ที่หนูคิดมาตลอดว่าหนูไม่ใช่ครอบครัวของลุง เป็นเพราะหนูคิดว่าลุงเป็นลูกบุญธรรมไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดใช่มั้ย" เกษมศักดิ์ถามเสียงอ่อนโยนไม่เร่งรัด ชะเอมฟังแล้วเม้มปากแน่น พยักหน้าช้าๆ

"แล้วถ้าลุงบอกว่าหนูเกี่ยวข้องกับเราทางสายเลือดล่ะ"





************************Whose fault? ************************



จบแล้ววว นี่จบของจริง

บอกแล้วว่าตอนพิเศษของเราพิเศษจริงๆ ...เนื้อหาเข้มข้นไม่แพ้กับตอนหลักหรอกนะ^^

สามารถติดตามอ่านได้ในหนังสือหรืออีบุ๊คเท่านั้นค่ะ

ผู้ที่เปย์แล้วขอความกรุณาอย่านำเนื้อหาเหล่านี้ไปเผยแพร่ในที่ใดๆ

หากละเมิดลิขสิทธิ์นำไปขาย ระวังความซวยจะวิ่งเข้าตัวนะคะ^^


ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :กอด1: :pig4: :mew1:ขอบคุณผู้แต่งค่ะ
ความหน่วง น้ำตาซึมมาจัดเต็มมาก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Nattarat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีค่ะ แต่ยังค้างเรื่องของ ติมกับรามอ่ะค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด