Whose fault? ผิด...ที่ใคร (Drama,Yaoi) ผิดครั้งที่ 43 จบแล้ว 22/03/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Whose fault? ผิด...ที่ใคร (Drama,Yaoi) ผิดครั้งที่ 43 จบแล้ว 22/03/2562  (อ่าน 37524 ครั้ง)

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ขอความชัดเจนด่วนๆ อย่าให้ชะเอมเจ็บไปกว่านี้เลย

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                                                          Whose Fault ?

                                                            ผิด...ที่ใคร
                                               Special on Merry X’mas Day





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม


We wish you a Merry Christmas

We wish you a Merry Christmas

We wish you a Merry Christmas

And a Happy New Year

Good tidings to you, where ever you are

Good tidings for a Christmas and a Happy New Year



เสียงเพลงยอดนิยมที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ว่าจะทั้งในโทรทัศน์หรือโลกภายนอกหรือจากร่างบางที่กำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีนี้อยู่ก็ดี ทำให้รู้ทันทีว่าวันนี้คือวันอะไร



"Good tidings to you, where ever you are~"



แกรก...



"Good tidings for a Christmas and a Happy New Year~"



 คินออกจากห้องน้ำได้ยินเสียงแว่วมาจากห้องครัวจึงเดินมาทั้งๆ ที่ยังพันผ้าขนหนูเพียงแค่ผืนเดียว



"อารมณ์ดีจังนะ"



"คิน" แก้มใสแดงปลั่งเมื่อเห็นสภาพของร่างสูง น้ำเกาะพราวบนกล้ามเนื้อสวยงาม...ดูเซ็กซี่ "ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยสิครับ"



น่าไม่อายจริงๆ



เจ้าตัวว่าเสร็จก็หันหลังให้ทำตัวราวกับดูยุ่งมาก...ก็ยุ่งจริงๆ ...ทำกับข้าวอยู่



คนที่โดนว่าในใจแม้จะไม่พูดออกมาก็เหมือนจะรู้ด้วยความเคยชิน...ร่างสูงยืนนิ่งเอาผ้าขนหนูสีขาวที่พาดไหล่ยกขึ้นขยี้หัวเปียกชื้น ขายาวเดินอ้อมไปซ้อนหลังไม่ทันให้ร่างผอมรู้ตัว ยืนแนบชิดจนแผ่นหลังบางรู้สึกถึงอุณหภูมิเย็นๆ ของผิวกายเพราะอีกฝ่ายเพิ่งอาบน้ำเสร็จ



"คิน...ออกไปสิ มันเกะกะนะ"



"หูแดงแล้ว"



พอโดนทักก็เหมือนจะแดงยิ่งกว่าเดิม



"ออกไปสิเอมทำกับข้าวอยู่!" ชะเอมวางมือจากมีด และใช้ไหล่ผอมๆ ดันคนที่ทำตัวเกาะแกะออก



"ก็ทำไปสิ คินแค่ยืนดูเฉยๆ"



"ก็เอมทำไม่ถนัดไงครับ" คิ้วบางขมวดแน่น พอพูดแบบนั้นอีกฝ่ายก็เหมือนจะขยับห่างออกไปนิดนึง...แค่นิดเดียวจริงๆ



สายตาคมไล่มองทำให้ชะเอมขนลุกขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ...มองจากด้านหลังนี่ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ



ถ้า 'ทำ' จากด้านหลังคงจะรู้สึกดีไม่แพ้กัน...แต่ยังไม่เคยเลยสักครั้ง...ไหล่เล็ก...แผ่นหลังขาว...สะบัก...สะโพกโก้งโค้ง...และขาเรียวที่อ้ากว้างให้กระแทกกระทั้น



"หิว..." จมูกโด่งไล้ซอกคอขาว ทำให้ชะเอมหดคอพูดตะกุกตะกัก



"หิวก็ไปแต่งตัวครับ เอมจะได้ทำสะดวกๆ ...อ๊ะ อะไร..." ร่างบางสะดุ้งเมื่ออะไรแข็งๆ ทิ่มตรงสะโพกแถมพอรู้ตัวว่ามันคืออะไร กำลังจะดิ้นออกก็ถูกกดไว้แน่น



"อืม..."



"คิน คนทะลึ่ง!" ใบหน้าหวานแดงก่ำ "อื้อ...ฮึก"



"หิว..." มือร้อนล้วงเข้าใต้ชุดนอนไล้ผิวเนียนเรียบตั้งแต่หน้าท้องจนถึงแผ่นอก ฟันคมขบกัดที่ติ่งหูเล็กทำให้มือไม้อ่อนแรงปล่อยมีดกระทบเขียงดัง



แคร๊ง!



"ฮึก! กะ ก็บอกว่า...ให้...อะ ไปแต่งตัว...อื๊อ"  ร่างบางคู้ตัวลงเพราะถูกเล้าโลมตรงแผ่นอกจนรู้สึกวาบหวิว แต่นั่นยังทำให้สะโพกเล็กยิ่งบดเบียดแนบชิดแก่นกายที่ปูดนูนของร่างสูงเข้าไปใหญ่



"เอมอย่าทำแบบนี้สิ มันยิ่ง..." เสียงทุ้มหลุดครางต่ำ



"คินก็...อย่าบีบ...ฮึก" นิ้วยาวบดคลึงจุกนมให้ร่างบางดิ้นพล่าน



ก็เพราะคินทำแบบนั้นนั่นแหละ!



ยิ่งโดนจู่โจมร่างยิ่งอ่อนปวกเปียก ทั้งด้านบนด้านล่างถูกบดเบียดจนร้อนว ทั้งวาบหวิวและเสียวซ่าน ถ้าถูกจูบด้วยเขาคงไม่รอดแน่



และก่อนที่จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ชะเอมกลั้นใจฮึดแรงทั้งหมดและส่งศอกไปด้านหลังอย่างแรง



พลั่ก!



"อุก!" คินนิ่วหน้าจับท้องตัวเอง แม้แรงของชะเอมจะไม่มากแต่ก็ทำให้จุกได้เหมือนกัน แล้วพอโดนถองแบบนี้ 'อะไรๆ' มันก็หดหมด "เอม..."



"คนหื่น ไปช่วยตัวเองเลย! เข้าห้องน้ำไปเลยนะ!" ชะเอมที่นั่งกับพื้นเพราะหมดแรง กอดตัวเองเหมือนกำลังจะถูกข่มขืนและตะโกนลั่นห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ "ถ้ายังไม่หยุดอีกก็ไม่ต้องกินข้าวที่เอมทำเลย!!"



จากนั้นคินก็คอตกเดินเข้าห้องและเปลี่ยนชุดตามคำสั่งของภรรยาผู้เขินอาย



อะไรนะ ทำไมไม่เข้าห้องน้ำเหรอ...ก็เพราะมันหมดอารมณ์แล้วไง







เสียงเพลงยอดฮิตที่แม้แต่ในห้างสรรพสินค้าก็ยังเปิด จนเด็กเล็กกระโดดโลดเต้นร้องเพลงตามอย่างมีความสุข แต่ทว่าตอนนี้อารมณ์ของคินกำลังคุกรุ่นอย่างหนัก ร่างสูงยืนกอดอกขมวดคิ้วและจ้องเขม็ง เพราะภาพที่เห็นตรงหน้า



คนสองคนที่หัวเราะต่อกระซิก ใบหน้าหวานยิ้มสว่างสดใสให้กับร่างสูงที่อยู่ข้างๆ กัน แถมแขนแกร่งยังโอบไหล่บางเวลาพูดคุย ทั้งเดิน ทั้งเลือกของ...ไม่ต้องแนบชิดขนาดนั้นก็ได้มั้ง!?



"คุณลุงครับ อันนี้ดีมั้ย"



"เอาสิ ถ้าเอมชอบ ลุงก็ชอบ" เกษมศักดิ์ตอบเอาใจ ก็เห็นตาใสเป็นระยิบระยับแบบนั้นจะปฏิเสธลงได้ยังไง



"แต่ว่าซื้อเยอะแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอครับ" ร่างบางขมวดคิ้วกังวล เป็นครั้งแรกที่จะจัดงานคริสต์มาสที่บ้านใหญ่ แล้วเป็นชะเอมเองที่อยากได้ทั้งต้นคริสมาสต์แล้วก็ของประดับตกแต่ง แค่ต้นไม้ก็ปาเข้าไปหลายพัน แล้วนี่ยังจะพวกของกระจุกกระจิกอีก...พอคิดไปคิดมาก็เริ่มคิดมาก



"ถ้าเอมอยากจัดก็จัดสิ พวกแม่บ้านเขาจะได้สนุกด้วยกัน ไม่ดีหรือ" ร่างสูงเห็นลูกบุญธรรมที่น่ารักเม้มปาก ก็รู้ทันทีว่าเด็กน้อยคนนี้เริ่มเกรงใจอีกแล้ว "ถือว่าลุงอนุญาตเป็นของขวัญก็แล้วกัน"



"แต่นี่มันวันเกิดคุณลุง..."



"เอมกลับมาทำกับข้าวให้ลุงทาน ก็ถือเป็นของขวัญแล้วล่ะ"



"จะดีเหรอครับ"



"ดีสิ...ถ้างั้นลุงเรียกร้องอีกหน่อยเป็นของขวัญก็แล้วกัน"



"ได้ครับ ถ้าเอมให้ได้"



"ได้อยู่แล้ว" ประธานบริษัทใหญ่ยิ้มกว้าง "อืม เอาเป็น...คืนนี้ชะเอมมานอนกับลุงคืนนึงก็แล้วกันนะ"



หูคินกระดิกยิกๆ กำลังจะเข้ามาห้าม



"ได้สิครับ เอมก็อยากนอนกับคุณลุง!" ริมฝีปากบางแย้มยิ้มกว้างจนตาปิด เรียกรอยยิ้มเอ็นดูและหัวใจพองโตจากเกษมศักดิ์ได้เป็นอย่างดี...น่ารัก



ยังคงน่ารักเหมือนตอนเด็กๆ เลย



...ตอนนี้พระเอกของเรื่องถูกแบนเรียบร้อยแล้ว...



"อันนี้น่ารัก...อันนี้ก็น่ารัก..." ตากลมมองของบนชั้นแวววาวเหมือนเด็กเจอของถูกใจแต่ตอนนี้ชะเอมกำลังหนักใจเมื่อเลือกไม่ถูกว่าของตกแต่งต้นคริสต์มาสในมือทั้งสองข้างจะเอาอันไหนดี? ทำให้เกษมศักดิ์ต้องเอ่ยปากอย่างใจป้ำอีกครั้ง



"เอามาหมดเลยก็ได้"



ชะเอมมองร่างสูงข้างกาย...สมกับเป็นท่านประธานจริงๆ "แค่อันเดียวก็พอครับ แต่เอมเลือกไม่ถูก" ระหว่างตุ๊กตาหิมะสีขาวกับสีฟ้าอ่อน



"ลุงว่าน่ารักทั้งสองอัน"



"...ไม่ได้ช่วยเลยครับ"



"งั้นลุงเอาอันที่เอมชอบ" เกษมศักดิ์เท้าคางกับที่จับรถเข็นที่เต็มไปด้วยของตกแต่งต้นไม้คริสต์มาสส่วนต้นน่ะให้คินไปเก็บที่รถเรียบร้อยแล้ว แถมไปเก็บอย่างเร็วเลยด้วย



"คินชอบอันนี้" จู่ๆ คินก็โผล่มาข้างๆ ใบหน้าคมหล่อเหลาคล้ายกับคนอีกข้างหนึ่งยื่นเข้ามาซะชิด ทำให้ใบหน้าหวานแดงเรื่อ



"เอ๋..."



"เอมเอาอันนี้สิ"



"คินชอบเหรอครับ" ร่างบางอมยิ้ม พอได้รับการพยักหน้าเป็นคำยืนยัน ก็จับเจ้าตุ๊กตาหิมะตัวเล็กสีขาวใส่ตะกร้าไม่ต้องพูดซ้ำ



"..."



"มาพ่อเดี๋ยวผมเข็นเอง" คินพูดพร้อมแทรกตัวทำให้เกษมศักดิ์ต้องผละออกมา



คนเป็นพ่อคิ้วกระตุก ก่อนจะยิ้มกริ่ม "...ก็ได้"



จากนั้นคินก็ต้องไปเข็นรถเข็น ส่วนท่านประธานก็เดินนำไปกับชะเอมพร้อมทั้งโอบเอวแนบชิด ลูกชายเห็นดังนั้นก็จิ๊ปาก พ่นลมออกจมูกอย่างเซ็งๆ ...เสียท่าให้พ่อจนได้สิ



"เอมซื้อของขวัญให้ป้าอุ่นป้าใจป้าเรืองด้วยได้มั้ยครับคุณลุง"



คนโดนขอยิ้มขำ "ได้สิ ได้แน่นอนอยู่แล้ว"



เกษมศักดิ์ไม่แปลกใจที่ชะเอมจะเป็นที่รักของแม่บ้านทุกคน เพราะจิตใจที่อ่อนโยนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นึกถึงคนอื่นอยู่ตลอดเวลานี้เอง...จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเอ่ยขอตลอดก็ได้ เพราะไม่ว่าลูกคนนี้อยากได้อะไรเขาก็พร้อมจะให้



"แล้วก็ยังมีลุงปอง พี่ชาติ พี่เสก ลุงธรรม...อือ" ร่างบางนับนิ้ว ขมวดคิ้วเมื่อนิ้วบนมือเริ่มไม่พอ ...ทำไมเยอะจัง แบบนี้ซื้อให้ครบทุกคนไม่ได้แน่เลย



เกษมศักดิ์หัวเราะ เห็นมั้ยดูเข้าสิ นอกจากสาวใช้ที่บ้านแล้วยังนึกถึงคนขับรถกับเลขาของเขาอีกด้วยแต่ละคนช่างโชคดีที่ได้รู้จักเด็กดีๆ อย่างชะเอม



ริมฝีปากบางเม้มแน่น เงยหน้ามองเมื่อมีสัมผัสที่หัว "ลุงบอกแล้ว เอมอยากซื้ออะไรให้ใคร ก็หยิบได้เลยลุงซื้อให้" เสียงทุ้มอ่อนโยนทำให้ชะเอมพยักหน้าดีใจหงึกหงัก



ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินเลือกซื้อของจนน่าจะครบทุกคนแล้ว



"เอม แล้วยลล่ะ" คินเอ่ยเตือน ทำให้ชะเอมตาโต



"จริงด้วยครับ ซื้ออะไรให้น้องยลดีล่ะ"



"เดี๋ยวคินเลือกให้ เอมกับพ่อไปต่อแถวจ่ายเงินเถอะ จะได้ไม่เสียเวลา"



"ครับ"



ร่างบางยืนอมยิ้ม รู้สึกดีใจจนแก้มขึ้นสีแดง เพราะคินรู้ด้วยว่าเขาอยากจะซื้อของขวัญให้กับทุกคนและอาจจะเยอะจนลืมใครบางคนไป อีกฝ่ายถึงได้เตือนเขา...เพราะนึกถึงกันอยู่เหมือนกันสินะ



หารู้ไม่ ที่คินทำแบบนี้ก็เพราะเอาใจตัวเองนั่นแหละ



...เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง...



"ลุงเริ่มหิวแล้วสิ กลับไปอย่าลืมแสดงฝีมือเต็มที่เลยนะเอม" เกษมศักดิ์ลูบหน้าท้องที่คำรามออกมาแต่ยังดีที่คนรอบๆ ไม่ได้ยิน



ชะเอมหัวเราะตาปิด "ได้ครับ"



"แล้วเอมจะทำเค้กให้ลุงมั้ย"



"เอ๊ะ...?"



ท่านประธานมองลูกชาย "ก็วันนี้วันเกิดลุง"



"คือเอมยังไม่คล่องเท่าไหร่ครับ เลยไม่อยากให้คุณลุงกินของไม่อร่อย" เสียงใสตอบอุบอิบ คือเขาสั่งเค้กไว้แล้ว...แต่คุณลุงยังไม่รู้



"เหรอ..."



ชะเอมเม้มปากแน่น ฟังเสียงหงอยของคนแก่แล้วอยากจะบอกออกไปเลยแทนที่จะเป็นเซอร์ไพรส์



แต่สุดท้ายชะเอมก็อดทนเงียบไปจนถึงบ้านได้







"ตายแล้ว คุณหนูเอมคะ เดี๋ยวป้าช่วย" สาวใช้ที่มีอายุมานานเท่ากับบ้านหลังนี้ รับใช้ตั้งแต่คนรุ่นก่อนจนมาถึงรุ่นของคินชื่อว่าป้าใจอายุไม่น้อยลูบอกพูดเสียงสั่นหวาดกลัวเพราะคุณหนูตัวเล็กแม้จะอายุเยอะแล้วแต่ก็ยังน่าเอ็นดูของบ้านอนันต์โภคทรัพย์นั้น บัดนี้ไปอยู่เกือบยอดบันไดสูงเพื่อจะติดของตกแต่งบนต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ที่สูงจนเกือบติดเพดาน



"ใช่ค่ะอย่าปีนไปสูงขนาดนั้นสิป้าหัวใจจะวาย" ป้าเรืองพูดอีกคน ท่าทางทุลักทุเลทำให้คนแก่สะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก



"ไม่เป็นไรครับ ฮึบ อีกนิดเดียว...อ๊ะ!" พอแขวนลูกกลมสีแดงๆ ได้แล้วเท้าก็หลุดลื่นออกจากที่เหยียบ



พรึ่บ!



"ว้าย!!" สาวใช้ต่างพากันปิดตากรีดร้องเมื่อคนที่อยู่บนบันไดสูงเสียหลักร่วงลงมา



"ฮู่ว~" คนหนุ่มก็หัวใจจะวายแต่ดูเหมือนจะไม่เจ็บไม่อะไรเลยเพราะมีคนตัวสูงรองรับอยู่ด้านล่าง แถมยังยิ้มแป้น "ขอบคุณครับคิน"



"ไม่ต้องมาทำตาใสใส่เลย ระวังตัวหน่อยสิ!" คินเอ่ยเสียงดุดังพลางวางร่างผอมไร้น้ำหนักลง ทำให้แม่บ้านหน้าจ๋อยกันเป็นแถบทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนโดนดุเสียหน่อย จริงๆ แล้วถ้าคุณหนูชะเอมเป็นอะไรขึ้นมามีหวังพวกเธอถูกไล่ออกกันหมดแน่



"ขอโทษครับ..."



ร่างสูงมองใบหน้าหวานซึมแล้วถอนหายใจ "เดี๋ยวคินทำที่เหลือเอง เอมไปเตรียมกับข้าวในครัวไป คนอื่นๆ ไปช่วยชะเอมแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมเรียกลุงปองกับพี่ชาติมาช่วยอีกแรง"



"แต่เอมอยาก..." อยากทำเอง...แต่ก็เถียงไม่ออก "...คร้าบ"



มือใหญ่ยกขยี้ผมนุ่ม "คินก็หิวแล้วรีบๆ ไปทำๆ ซะไป"



"..." ตาโตยังมองต้นคริสต์มาสตาปรอย



"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวออกมาจะได้เห็นมันสมบูรณ์แบบเองแหละ"



ชะเอมพยักหน้ายู่ปากงอน เดินไปทางครัวไม่วายเหลียวหลังหันมามองเหมือนเด็กหวงของเล่น ทำให้คินส่ายหน้าน้อยๆ สาวใช้ก็ต่างพากันมองแล้วอมยิ้มเดินตามคุณหนูไป







"ว้าว" ร่างบางอุทานเสียงสูง ตากลมโตสีดำใสเป็นประกายระยิบระยับตามไฟกระพริบเป็นสีสดใสที่พันรอบต้นคริสต์มาส จนคนมองต่างพากันอมยิ้มและหัวเราะกับเด็กคนนี้



"เป็นไงถูกใจมั้ย" คินกอดอกถามยิ้มขำ ได้เห็นรอยยิ้มของชะเอมแล้วก็รู้สึกว่าคุ้มมากที่เต็มที่กับมัน ทั้งลุงปองคนสวนกับพี่ชาติที่เป็นคนขับรถส่วนตัวของเกษมศักดิ์ด้วย



"ชอบมากเลยครับ! ขอบคุณนะคิน" ชะเอมตอบเสียงใส ใบหน้าประดับยิ้มตื่นเต้นดีใจ



"คุณลุง สวยมั้ยครับ" มือบางกระตุกแขนเสื้อถามเกษมศักดิ์เหมือนตัวเองเป็นคนทำเองยังไงยังงั้น



"สวยสิ สวยมากเลย"



"เอมเลือกเองครับ" แก้มใสแดงปลั่งดีใจ ยังไม่หยุดเสนอว่าเป็นฝีมือตัวเองที่เลือกมันมาทั้งหมด ถึงจะไม่ได้ประกอบมันจนเป็นรูปร่างก็เถอะ



"ว้าว สวยๆ สวยจังคับ" เด็กชายตัวน้อยตบมือแปะๆ กระโดดโลดเต้น ไม่เคยเห็นอะไรที่มันทั้งกระพริบวิบวับแวววาวใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน



"ยลลูก อย่าเสียงดัง" สุชาติเดินเข้ามาปรามลูกน้อยอายุสามขวบที่ส่งเสียงแทรกขึ้นมา แต่ชะเอมก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร



ร่างบางยกเด็กตัวป้อมขึ้นอุ้ม "น้องยลชอบใช่มั้ยๆ พี่เอมเลือกเอง นี่ๆ อันนี้เรียกตุ๊กตาหิมะครับ"



"ว้าว ว้าว ยลชอบ...ชอบหิมะ" เด็กน้อยตาวาวพลางยื่นมือไปจับบ้าง ยลกับชะเอมหัวเราะคิกคักคุยกันกระหนุงกระหนิง ส่วนคนอื่นๆ ยืนคุยกันจอแจทำให้เกษมศักดิ์ปรบมือเรียกความสนใจ



"เอ้าทุกคนกินข้าวเถอะ"



ชะเอมส่งเด็กน้อยให้สุชาติและทรุดนั่งเก้าอี้ข้างๆ คิน โดยที่คนที่นั่งบนโต๊ะนอกจากคนในครอบครัวก็มีคุณเสก เลขาคุณลุงเพิ่มมาอีกคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ก็ยืนอยู่ริมห้องรอให้เจ้านายทานเสร็จก่อนถึงจะไปทานได้



"กับข้าวเต็มโต๊ะเลย"



"เอมทำของที่คุณลุงชอบทานเลยครับ แต่พวกของทอดของมันเอมก็งดน้อยลงหน่อยเพราะคุณลุงบอกว่ากลัวอ้วน"



"ถูกใจลุงมาก" เกษมศักดิ์ยิ้มบาง กำลังจะตักข้าวร้อนๆ เข้าปากแต่ชะเอมร้องขึ้นมา



"อ๊ะ! เดี๋ยวครับคุณลุง" ร่างบางผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินแผล็วออกไปนอกห้องอาหารทำให้เกษมศักดิ์มองงุนงง คินก็อมยิ้มอย่างเดียวไม่พูดอะไร เพียงแค่ครู่เดียวชะเอมก็กลับมาพร้อมของขวัญกล่องพอดีมือ



เกษมศักดิ์มองลูกชายบุญธรรมคุกเข่าข้างเก้าอี้และยื่นกล่องในมือมาให้



"สุขสันต์วันเกิดครับ คุณลุง" ดวงตากลมโตช้อนมองแจกยิ้มหวานให้คนมองชื่นใจ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น "เอมกับคินเป็นคนเลือกให้ ขอให้คุณลุงมีความสุขมากๆ นะครับ อยู่กับเอมไปนานๆ เลยนะ"



"สุขสันต์วันเกิดครับพ่อ" คินพูดขึ้นบ้าง



เกษมศักดิ์รู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก "ขอบคุณมากเลยทั้งสองคน"



หลังจากนั้นก็ทานข้าวโดยมีเสียงพูดคุยเสียงแซวดังขึ้นบ้างจนเสร็จ มือบางวางช้อนเป็นคนสุดท้ายก่อนจะพูดขึ้น "วันนี้เอมมีของขวัญให้พวกป้าเรืองด้วยนะครับ ถือเป็นคำขอบคุณที่ทำงานอยู่บ้านนี้มาเป็นเวลานานก็แล้วกันครับ...อ่า จริงๆ ก็ไม่ใช่เอมหรอก เพราะคุณลุงเป็นคนจ่ายเงิน..."



คนได้ยินก็ปิดปากหัวเราะ เกษมศักดิ์จึงพูดเอาใจ "แต่เอมเป็นคนเลือกเพราะงั้นวันนี้คนที่ได้ของขวัญจากเขาก็อย่าลืมขอบคุณซะล่ะ"



ได้ยินแล้วป้าๆ ยิ่งปลาบปลื้มจนแทบน้ำตาไหล รับของขวัญกล่องพอดีมือด้วยมือสั่นเทา



คุณหนูของพวกเขาน่ารักที่สุด



"Merry Christmas ครับ"



"ขอบคุณมากครับ" สุชาติยิ้มดีใจ ดีใจทุกครั้งที่ได้รับอะไรดีๆ แบบนี้จากคุณหนู เพราะงั้นเขาถึงรับใช้ด้วยใจมาได้หลายสิบปี แถมยังมีความเมตตาแบ่งมาถึงลูกและเมียด้วย



"อันนี้สำหรับน้องยลนะครับ" ชะเอมพูดยิ้มๆ ส่งกล่องเล็กๆ ให้เด็กชายที่ตบมือแปะๆ ดีใจ



"Merry Christmas ครับ"



"Mar...marry...kiss..." เด็กน้อยพูดตาม



"ขอบคุณรึยังครับยล" คนเป็นพ่อเตือนก่อนที่มือป้อมจะรับของมาลืมที่จะกล่าว



"ยลขอบคุณ...ขอบคุณคับพี่ชาเอ็ม" มือคู่เล็กประกบไหว้ทุลักทุเลก่อนจะรับกล่องของขวัญที่ใหญ่เกินตัวไปกอดหวงแหน



ชะเอมหัวเราะกับความไร้เดียงสา...น่ารักจนต้องก้มลงกดจมูกข้างแก้มยุ้ยอย่างหมั่นเขี้ยว



"แต่นี่พี่คินเป็นคนเลือกให้ น้องยลต้องขอบคุณพี่คินนะ"



เด็กชายได้ยินก็ก้มหน้างุดๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งห้อง ยิ่งพอเด็กน้อยพูดเสียงอ้อแอ้แล้วยิ่งขำก๊ากเข้าไปใหญ่โดยเฉพาะเกษมศักดิ์



"ยลกลัว...พี่คินหน้าดุ"



สุชาติรีบก้มหัวขอโทษลูกชายเจ้านาย แต่คินหัวเราะหึๆ ไม่ถือสา



"สุชาติ ลูกแกใช้ได้ๆ ฮ่าๆ"



"พ่อ ไม่ต้องหัวเราะดังขนาดนั้นก็ได้มั้ง" ลูกชายกลอกตาท้วง



"ผมมีให้พี่เสกด้วย" คนที่มีตำแหน่งเลขาท่านประธานที่นั่งขำอยู่ก็เลิกคิ้วแปลกใจ แต่ก็แอบดีใจไม่น้อยไม่คิดว่าจะได้ด้วย ที่ชะเอมเรียกว่าพี่เพราะอายุยังไม่ถึงสามสิบดีแต่ก็มีความสามารถมากไม่งั้นเกษมศักดิ์คงไม่เอาไว้ข้างกาย



"ขอบคุณมากเลยนะ" ร่างโปร่งในชุดสูทถูกระเบียบแม้ในวันธรรมดายกมือลูบหัวทุยเบาๆ อย่างเอ็นดู...นี่คือลูกชายบุญธรรมของท่านประธาน เพียงแค่คุยกันไม่กี่ครั้งก็สามารถเข้ามานั่งในใจเขาได้แล้ว น่ารักน่าชังอย่างที่เกษมศักดิ์บอก...ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะชอบโอดครวญและบ่นคิดถึงในยามอยู่ห่างไกล



ชะเอมยิ้มแก้มปริดีใจ จนพ่อลูกกระแอมไอเสียงดัง เลขาคนเก่งละมือออกจากผมนุ่มเก้อๆ



สองพ่อลูกนี่เหมือนกันเกินไปมั้ย



ในขณะที่ให้สาวใช้ยกขนมหวาน ช็อกโกแลต และเค้กวันเกิดสำหรับคุณลุงออกมาอวยพรเสร็จเรียบร้อย ร่างผอมบางยืนมองต้นคริสต์มาสไฟกระพริบหลากสีสวยงามแล้วไม่ทันรู้ตัวว่ามีใครบางคนยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง จนกระทั่งความอบอุ่นโอบล้อมรอบกายให้สะดุ้งเล็กน้อย แขนแกร่งของคินรัดรอบคนตัวผอมทำให้ผิวกายขาวเย็นเฉียบเพราะอากาศหนาวอุ่นขึ้น พร้อมกับหัวใจทั้งสองดวงที่เต้นเป็นจังหวะไปพร้อมๆ กัน



"คิน..."



"ไม่ไปกินเค้กด้วยกันเหรอ"



เสียงใสหัวเราะพลางลูบท้องแบนราบ "เอมอิ่มอยู่ครับ ขอพักก่อนดีกว่า"



"กินไปนิดเดียวจะอิ่มอะไรหือ เพราะงี้ถึงได้ผอมขนาดนี้" มือใหญ่ได้โอกาสลูบไล้เอวบางลื่นมือ แต่อีกคนกลับหัวเราะและดิ้นหนีเพราะจั๊กจี๋



"อย่าสิครับ คิก...ฮ่าๆ"



จมูกโด่งหอมแก้มใสดังฟอด และยื่นหน้าให้อีกคนหอมกลับหน้าแดงก่ำ และยืนกอดก่ายให้ความอบอุ่นกันและกันมองต้นคริสต์มาสอยู่แบบนั้น จนได้ยินเสียงกระแอมไอถึงได้รู้ว่ารอบข้างเงียบกริบขนาดไหน แถมมองด้วยสายตาล้อเลียนด้วย



"เกรงใจพ่อด้วย"



คินยิ้มกริ่มยิ่งกอดรัดคนที่พยายามดิ้นออกหน้าแดงแน่น "นี่แฟนผม"



"ชะเอมมากินเค้กกับลุงดีกว่ามา"



"ครับ" ใบหน้าหวานพยักหงึกหงัก ก่อนจะแงะแขนที่ยังโอบรัดเอว "คินปล่อยเอม..."



คินหน้าบึ้งตึง ริมฝีปากร้อนฉกวูบจนร่างบางหน้าแดงก่ำก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระ เดินล้วงกระเป๋าเดินไปอีกทางไม่สนใจเสียงกรี๊ดกร๊าด หรือเสียงเป่าปากจากคนรอบข้าง พวกป้าๆ ก็เอากับเขาด้วยทำตัวลืมอายุเป็นสาววัยแรกแย้มเลย...ให้ตายสิ



"ลูกชายของท่านประธานเอาเรื่องนะครับเนี่ย"



เกษมศักดิ์ฟังเสียงแซวของคนสนิทแล้วส่งเสียงฮึ่มฮั่ม มองชะเอมที่ปิดปากหน้าแดงแล้วถอนใจ



ทำแบบนี้แล้วชะเอมจะไปไหนรอดวะเจ้าคิน...ร้ายเหลือ



"มาๆ เอมกินเค้กกับลุงดีกว่า อร่อยมาก หนูสั่งที่ไหน" เกษมศักดิ์กวักมือเรียก ยื่นจานที่หั่นเค้กผลไม้เป็นชิ้นสามเหลี่ยมให้ตรงหน้า



"คินต่างหากครับ เป็นคนเสนอ เขาบอกว่าคุณลุงชอบแบบนี้"



"อ๋อ เหรอ" คนเป็นประธานเบะปาก ก่อนจะไม่ถามอะไรอีก



แต่ชะเอมรู้ว่าลึกๆ แล้วคุณลุงก็คงดีใจอยู่แน่ๆ



แปะๆๆ



"We wish you are marry kissmas..." เสียงอ้อแอ้และตบมือแปะดังตามจังหวะของเด็กชายที่กำลังร้องเพลงเลียนแบบเสียงเพลงที่เคยได้ยินในโทรทัศน์ การออกเสียงไม่ชัดเจนจนทำให้คนฟังอมยิ้มขำ ชะเอมลุกขึ้นช้อนอุ้มเด็กชายตัวป้อมแล้วร้องไปพร้อมกัน



"We wish you a Merry Christmas and a Happy New Year~"



"สุขสันต์วันเกิดคุณลุงครับ"



"สุขสันต์วันคริสต์มาส!"



"สุขสันต์วันปีใหม่ด้วย เฮ~!"



เสียงหัวเราะดังครืนประสานเสียงเพราะคำอวยพรที่ปนเปกันจนฟังไม่รู้เรื่อง บรรยากาศเฮฮาที่ทำให้ชะเอมอมยิ้ม



เห็นทุกคนมีความสุขในวันดีๆ แบบนี้ เขามีความสุขที่สุดเลย







"คุณลุง...ฟี้..." เสียงงึมงำคล้ายคนละเมอนอนอยู่บนเตียง ทำให้เกษมศักดิ์ต้องลูบหัวเด็กน้อยและปัดผมที่ปรกหน้าผากมนออก ริมฝีปากบางยิ้มราวกับกำลังอยู่ในฝันดี ลมหายใจพรูเข้าออกแผ่วเบาสม่ำเสมอ



ชะเอมสัญญาจะนอนด้วยหนึ่งคืน เขาจึงไม่เหงา...ตั้งแต่ขาดภรรยาไป ก็มีแค่ลูกๆ กับงานเท่านั้นที่คลายความเงียบเหงาจากชีวิตของเขาได้



"ฝันดีเอม"



ในความฝัน ชะเอมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ประทับบนหน้าผาก มันทั้งอบอุ่นอ่อนโยน จนทำให้ยิ้มออกมา







กลางดึก



แอ๊ด...



ร่างสูงของใครคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนอนสีเข้มย่องเข้ามาในห้องท่านประธานเบาๆ ...ไม่ใช่ขโมยหรือใครที่ไหน



ภาคินนั่นเอง



มือใหญ่ค่อยๆ เลิกผ้าห่มผืนหนาและช้อนคนตัวเบาที่หลับสนิทขึ้นแนบอกโดยคนโดนอุ้มไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยจนร่างสูงแอบคิดในใจ



แบบนี้ลักพาตัวสบายๆ เลย



"ทำอะไรห๊ะ เจ้าคิน" ทั้งๆ ที่มืดแต่เกษมศักดิ์ก็ยังรู้และเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน



คนแอบย่องไม่ตกใจแต่อย่างใด "ผมมาพาชะเอมไปนอนห้องผม"



"แต่วันนี้ชะเอมต้องนอนห้องพ่อ"



"นอนพอแล้ว ผมจะพากลับ" ว่าแล้วก็เดินออกจากห้อง ทำให้ประธานหน้าเหวอมองตามก่อนจะจิ๊ปากขัดใจ



"...เจ้าลูกชายบ้า..."



วันนี้วันเกิดพ่อนะ จะตามใจหน่อยก็ไม่ได้







เปลือกตาบางค่อยๆ ปรือเปิดขึ้นและกระพริบถี่เพราะแสงสว่างลอดผ่านผ้าม่าน มือบางดันตัวเองขึ้นนั่งสลึมสลือและขยี้ตาเบาๆ พอมองไปรอบห้องดูข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ก็หายง่วงทันที เพราะรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่ที่เดิมกับเมื่อคืนที่เขานอน



พอมองคนนอนข้างๆ ก็ไม่ใช่คุณลุง "คิน?"



...ยังไงเนี่ย?



คิดก็คิดไม่ออก จนขี้เกียจคิด ลงไปช่วยป้าแม่บ้านทำกับข้าวดีกว่า



"อ๊ะ..."



ร่างบางถูกดึงให้กลับลงไปนอนเช่นเดิม ไม่ต้องหาตัวคนร้ายให้เสียเวลา แถมยังถูกกักด้วยร่างแกร่งที่ดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด เพราะพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าชะเอมสู้แรงร่างสูงไม่ได้ จึงใช้คำพูดแทน



"คินปล่อยครับ"



"จะรีบตื่นไปไหน นอนด้วยกันก่อนสิ" คนพูดเสียงงัวเงีย ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ



"เอมหายง่วงแล้ว จะลงไปข้างล่าง"



"อือ..."



คินส่งเสียงอือๆ อาๆ และเงียบไป เสียงลมหายใจยืนยันว่าร่างสูงหลับไปแล้ว แต่แขนแกร่งยังโอบคนผอมไม่ปล่อย ชะเอมมองแล้วถอนหายใจ ก่อนจะยอมทิ้งตัว เปลือกตาบางปรือปิดลงอย่างยอมแพ้และเข้าสู่นิทราไปด้วยกัน







ลืมบอกไปเลย

Merry Christmas นะครับทุกคน





************************Whose fault? ************************



เอาตอนพิเศษไปอ่านแก้ขัดก่อน



พอดีรุยกำลังทำโพลล์เพื่อลองเก็บสถิติว่ามีใครอยากได้เล่มเรื่องนี้บ้างมั้ย

รายละเอียดอยู่ในเพจเฟสบุ๊ค H.Rui Novels เจ้าค่ะ

อยากรู้ว่าจะได้ทำเป็นเล่มหรือเปล่าแค่นั้นเอง

เพราะจะมีตอนที่เป็นติดเรท nc 20+ ทั้งตอนหลักตอนพิเศษ

เลยคิดว่าไม่น่าจะเกณฑ์ผ่านสำนักพิมพ์ค่ะ จะสั่งตีพิมพ์เองถ้ามีคนอยากได้เล่มกันเยอะ

ถ้าไม่เสียเวลานักอ่านมาก รุยขอให้ช่วยเข้าไปอ่านๆ ตอบๆ กันหน่อยเน้อ​ ขอบคุณมากๆค่ะ



ส่วนใครกำลังรอตอนหลักตอนต่อไป อีคินจะทำยังไง เดี๋ยวจะตามมาลง​นะจ๊าาา


ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ขอบคุณครับ. สนุกมากครับ,,,

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
​​

                                                              Whose Fault ?

                                                               ผิด...ครั้งที่ 26







โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายวัน เรย์ยังคงตามติดจนไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว



วันนี้ร่างเล็กก็วานให้เขาพามาคอนโดเพื่อเก็บของและไปส่งที่บ้าน...ความเอาแต่ใจที่อีกฝ่ายมักอ้างความเป็นแฟน...คินเกลียดและแขยงมันมากขึ้นทุกที



นอกจากนี้ยัง...



‘แม่ฝากน้องด้วยนะคิน พอดีน้องเรย์ขับรถไม่ค่อยแข็งน่ะจ้ะ รบกวนเกินไปรึเปล่าจ๊ะ'



'...ไม่เป็นไร ไม่รบกวนครับ'



จะให้ผมปฏิเสธยังไง



...เวรกรรมแท้ๆ ...



เสียงเอียดอาดของประตูรั้วขนาดใหญ่ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติด้วยรีโมต ปรากฏคฤหาสน์หลังใหญ่หรูหราที่มีพื้นที่รวมสนามหญ้าสีเขียวรอบๆ อย่างกว้างขวาง...แถมยังมียามเฝ้าหน้าประตูคอยตรวจรถเข้าออกทุกคัน



พ่อของเรย์เป็นนักการเมืองชื่อดังจะร่ำรวยเหมือนมหาเศรษฐีก็คงไม่แปลก



"?" สายตาคมกริบพลันเหลือบเห็นคนตัวเล็กที่กำลังยืนถือสายยางรดน้ำต้นไม้ก็ขมวดคิ้ว...นั่นมันเด็กม.ปลายหรือไง



ในใจมันสงสัยจนอดถามออกมาไม่ได้ "บ้านนายมีเด็กมาทำงานด้วยเหรอ"



"แค่คนใช้น่ะ คินอย่าไปใส่ใจเลย" ร่างเล็กยิ้มร่า ขาเล็กก้าวลงจากรถ



การกระทำของเรย์ที่แสดงออกมาเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



ทั้งๆ ที่ร่างสูงคิดว่าพูดออกไปค่อนข้างชัดเจนแล้ว...แต่เรย์ก็ยังทำเมินมัน



"..."



เรย์ยังยืนอยู่ตรงนั้นขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย มือใหญ่จึงกดปุ่มเปิดกระจก "คินทำอะไรอยู่น่ะ รีบลงมาสิ ไปทานข้าวเย็นด้วยกัน เรย์ให้แม่บ้านเตรียมไว้ให้แล้ว"



"ไม่เป็นไร ฉันมีธุระ"



"แต่เรย์บอกคุณแม่ไว้แล้วนะ"



"..." เสียงทุ้มถอนหายใจ "โอเค เดี๋ยวฉันเอารถไปจอดดีๆ ก่อน"



"ไม่เป็นไร ไม่มีใครว่าหรอก คินจอดตรงนี้แหละ"



นิ้วกดเลื่อนกระจกปิด บิดกุญแจดับเครื่อง ควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หวังจะส่งข้อความบอกชะเอมว่าวันนี้เขาอาจจะไปรับไม่ได้ เขายังคงทำเหมือนเดิมทุกอย่าง



ถึงแม้ว่าช่วงนี้ร่างบางจะไม่ค่อยตอบแชทและไม่ค่อยรับสายเลยก็ตาม



เขาเข้าใจ



ก๊อกๆๆ



"คิน มัวทำอะไรอยู่ ออกมาสิ" ใบหน้าคมเงยขึ้นมอง คราวนี้เรย์เดินมาเคาะกระจกฝั่งคนขับเลยทีเดียว แม้จะอยู่ในรถเขาก็ได้ยินเสียงพูดชัดเจน



คินสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างอดทนอดกลั้น แค่เวลาส่วนตัวแปปเดียว เรย์ยังจะคิดขโมยมัน



ยุ่งวุ่นวายจริงๆ!



"แปปนึง! เข้าไปก่อนเลย" เสียงทุ้มตะโกนบอก ใบหน้าคมก้มมองหน้าจอมือถือกดแอพสีเขียว





ภาคิน : เอม ขอโทษนะ วันนี้คินอาจจะไปรับไม่ได้ 19.54pm Read



chÄim : ครับ ไม่เป็นไร 19.54pm Read



chÄim : จริงๆ คินไม่ต้องมาแล้วก็ได้ 19.54pm Read



chÄim : คินไปดูแลแฟนคินเถอะ 19.54pm Read



chÄim : เป็นเอมก็คงเสียใจเพราะคินมัวแต่มายุ่งกับคนอื่น  19.54pm Read





เหมือนอีกฝ่ายจะจับมือถืออยู่แล้ว ก็เลยอ่านข้อความและตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว



ร่างสูงนั่งมองข้อความของชะเอมนิ่งงัน แม้เขาจะเสนอไปว่าจะไปรับไปส่งอีกฝ่ายหลังเลิกทำงานเพราะว่ามันดึกแล้วและอันตรายมาก เขาอยากเห็นเอมถึงห้องปลอดภัยทุกวัน ครั้งนี้ก็ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นชะเอมกลับไม่เรียกร้องอะไรเลย...กลับบอกว่าไม่เป็นไร...ไม่เคยอยากได้อะไรเลย



‘เป็นเอมก็คงเสียใจเพราะคินมัวแต่มายุ่งกับคนอื่น’



เขาไม่เคยมองว่าอีกฝ่ายเป็นคนอื่น



ร่างบางยังเป็นคนน่ารัก อ่อนหวาน ...อ่อนโยน



'เอมชอบคินนะ'



ทั้งความรู้สึกดีๆ



'คินเหนื่อยมั้ย'



ทั้งความเป็นห่วง



'ที่คินทำแบบนี้ คินชอบกันบ้างมั้ย'



ทั้งน้ำตาและความเสียใจ



ทั้งๆ ที่ชะเอมให้เขามากมายขนาดนี้ แต่เขากลับ...ปฏิเสธมัน



ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเขา...รักเอม



ต้องการอยู่ใกล้ๆ ...ดูแล เอาใจใส่ เป็นห่วงอย่างเปิดเผย



​‘พูดง่ายไปรึเปล่าคิน เรย์ไม่ยอมหรอก...บอกไว้เลยว่าเรย์ไม่ยอมเลิกง่ายๆ แน่ ถ้าจะเลิกก็เลิกไปคนเดียว’



ร่างสูงหลับตาถอนหายใจ หัวสมองเต้นตุบ



สายเกินไป



พลันดวงตาคมกริบลืมโพลงเมื่อนึกอะไรขึ้นได้รีบไถหาชื่อของใครบางคนบนหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างจ้าอย่างรวดเร็ว



'เอาเป็นว่าหลังจากนี้ถ้ามึงรู้ความรู้สึกของตัวเองจริงๆ ได้เมื่อไหร่ และถึงตอนนั้นยังอยากจะ ‘รู้’ อยู่ล่ะก็ค่อยมาถามกูอีกทีก็ได้...ถ้ามันยังไม่สายเกินไปล่ะก็นะ'



เอก...



เขาจะต้องคุยกับมัน...เร็วๆ นี้



ไม่รอช้า คินก็ส่งข้อความหาเพื่อนที่แม้จะเจอทุกวันในมหาวิทยาลัย แต่ครั้งนี้จะมีเรื่องเดียวที่เขาได้คุยกับมันอย่างจริงจัง



ติ๊ง!



ภาคิน : เอก พรุ่งนี้ ออกมาคุยกับกูหน่อย เกี่ยวกับเรื่องที่เคยคุยกันที่ค่าย 20.00pm

 

 

************************Whose fault? ************************

 



ภาคิน : เอก พรุ่งนี้ ออกมาคุยกับกูหน่อย เกี่ยวกับเรื่องที่เคยคุยกันที่ค่าย 20.00pm Read



วิน : เออ ที่ไหน 22.16pm Read



วิน : เฮ้ยลืมไป พรุ่งนี้ไม่ได้ว่ะ ไม่ว่าง ถ้าวันจันทร์ได้อยู่ 22.16pm Read



ภาคิน : จันทร์ก็ได้ 22.26pm Read



ภาคิน : กูคุยที่ไหนก็ได้ 22.27pm Read



วิน : งั้นเป็นร้านขนมแถวๆ ...นะ ไอ้เบาหวานมันอยากกิน 22.28pm Read



ภาคิน : นี่มึงจะพาตาลมาด้วยเหรอ 22.32pm Read



วิน : แน่ดิ กูไม่เคยมีความลับกับมัน 22.33pm Read



วิน : เหอะน่า มันเอ๋อๆ ไปฟังด้วยก็คงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนักหรอก 22.33pm Read



ภาคิน : เออ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ 22.34pm Read



วิน : ว่าแต่มึงเหอะ อย่าหิ้วเรย์มาด้วยนะเว้ย 22.40pm Read



ภาคิน : ไม่หรอกน่า 22.40pm Read



วิน : ก็ดี กูจะได้เห็นเพื่อนหายโง่ก็วันพรุ่งนี้แล้วว่ะ 22.45pm Read



วิน ส่งสติกเกอร์



ภาคิน : ไอ้สัส 22.50pm Read



ภาคิน : พรุ่งนี้ 9 โมงเจอกันที่ร้าน 22.50pm Read



วิน : ไปทำเชี่ยไรเช้าๆ ไอ้เบาหวานมันไม่ตื่น เลื่อนเป็นสิบโมงแล้วกัน 23.00pm Read



ภาคิน : นี่มึงอยู่กินด้วยกันแล้วหรือไงวะ 23.02pm





ร่างสูงนั่งมองข้อความในไลน์ที่เอกมันบอกเอาไว้ ข้อความที่ถูกส่งไปเมื่อคืนก็ยังไม่ถูกอ่าน



ยอมรับว่าใจร้อนรนเมื่อเห็นเอกมันบอกว่าวันจันทร์...เขาอยากคุยตอนนี้เลย แต่ก็ช่วยไม่ได้



แต่ก่อนจะได้คุยกับเอกตามที่นัดกันไว้ คินดันมีเรื่องเข้ามาให้กังวลเสียก่อน



("ครับ")



"...นั่นใครครับ เอมไปไหน" เสียงทุ้มเอ่ยคาดคั้นเมื่อคนที่รับสายไม่ใช่เจ้าของ



("ผมเป็น...เจ้านายของชะเอมที่ทำงานพิเศษครับ น้องคินเป็นเพื่อนของชะเอมใช่รึเปล่า") เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยกลับมา ทำให้อารมณ์ร้อนลดลง



เจ้านาย? แล้วทำไมถึงรับสายแทน ปกติร่างบางไม่ได้พกมือถือไว้กับตัวหรอกเหรอ



"ก็...ครับ ประมาณนั้น ช่วยบอกเอมว่าทำงานเสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับ ผมกำลังไปรับเขา" แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะปกติชะเอมคงไม่รับสายเขา มักจะปล่อยให้สายเรียกเข้าดังจนเงียบไปทุกครั้ง



แต่ยังไงครั้งนี้ต้องเจอเขาให้ได้...และคุยกันให้รู้เรื่อง



("เอ้อ ดูเหมือนเค้าจะไม่สบายหนักเลย พี่ก็เลยอนุญาตให้เค้ากลับไปก่อน แต่เจ้าตัวก็ดันลืมมือถือไว้ พี่กำลังเดินออกไปไม่รู้ว่ากลับไปยัง") อีกฝั่งพูดแทรกเสียงหอบหายใจ



ใจผมเต้นระรัว ด้วยความกังวล



"อะไรนะครับ" มือใหญ่รีบเสียบหูฟังเพื่อคุยแทนเพราะต้องมีสติกับการขับรถบนถนนที่มืดมิด ขายาวเหยียบคันเร่งมากขึ้นเพื่อจะตามหัวใจที่ทะยานนำไป



ไม่สบายหนัก...เป็นแบบนี้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายป่วย แต่ไม่เคยบอกกันเลย...ไม่เคยบอกเลย ชอบปิดบังตลอด



เพราะอะไรกัน



("เดี๋ยวนะ...เอม!!")



คินได้ยินเสียงเรียก พูดคุยแผ่วเบา เสียงกุกกักดังอยู่นาน ผ่านไปสักพักจึงได้ยินเสียงเดิมดังขึ้น



(“คินจะถึงรึยัง พี่ว่าเอมกลับเองไม่ไหวแน่")



ยิ่งได้ยินใจก็ยิ่งร้อนรน ความเร็วร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงยังทำให้รู้สึกว่าไม่เพียงพอ อยากจะไปให้ถึงเดี๋ยวนี้เลย แต่ก็ต้องบังคับใจให้เย็นลง "ครับ อีกแปปนึง พี่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาสักสิบนาทีทีนะครับ"



("โอเค รออยู่หน้าห้างฯ เลยนะ")



อดทนรอไม่นาน สายตาคมมองเห็นสองร่างแต่ไกล และรถสีดำสนิทแล่นมาจอดถนนหน้าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร่างสูงโปร่งในชุดคนทำอาหารสีขาวสะอาดผุดลุกขึ้นทันทีที่ขายาวก้าวลงจากรถ



“คิน...ใช่มั้ย?”



“ครับ...” เจ้าของชื่อพยักหน้าตอบรับแต่สายตาจับจ้องที่ชะเอมที่นั่งกอดเข่าตัวสั่นเทาท่าทางอ่อนแรง ร่างสูงทรุดตัวลงใกล้ ใช้หลังมืออังหน้าผาก ใบหน้า ลำคอเช็คอุณหภูมิ แต่ชะเอมก็ยังหลับตานิ่งไม่รู้สึกตัว แถมลมหายใจอ่อนระโหยโรยแรง “เอม”



เห็นอาการของชะเอมแล้วคิ้วเข้มขมวด จู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมา ชะเอมป่วยหนักขนาดนี้แต่เขากลับไม่รู้เลย “เอม...” เสียงทุ้มเรียกชื่อเจ้าตัวอีกครั้ง



“ครับ...พี่ฟ้า” เสียงใสแหบโหยเรียกชื่อใครที่คินไม่รู้จัก แต่พอดวงตากลมโตฉ่ำน้ำปรือมองก็เรียกใหม่ “คิน?”



ร่างสูงยิ้มบาง เข้าใกล้ร่างผอมและโอบกอดกระซิบถามเสียงเบา “เอม ลุกไหวมั้ย”



“คิน...คินเหรอ” คนไม่สบายหนักถามเหมือนละเมอ และสะอื้นไห้ “ฮึก!”



ความร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากร่างผอม ทำให้ผมกอดกระชับแนบอกมากขึ้น



“ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มเอ่ยปฏิเสธคนที่กำลังจะเข้ามาช่วย พลันร่างสูงตวัดคนตัวเบาหวิวขึ้นอุ้มทั้งที่แขนบางยังคงกอดคออีกคนไม่ปล่อย ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความทะนุถนอม ใบหน้าคมพยักหน้าขอบคุณคนที่เปิดประตูให้ คินเอื้อมมือปิดแอร์ ปรับเบาะเอนระนาบ หยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่แขวนอยู่หลังรถมาห่มให้ชะเอมที่นอนกอดตัวเองตัวสั่นระริก



“ขอบคุณมากนะครับ ที่อยู่รอเป็นเพื่อนเอม” คินไม่ลืมขอบคุณอีกฝ่ายที่อยู่ข้างๆ ชะเอมในยามช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้...ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าร่างบางจะเป็นยังไงบ้าง ซึ่งร่างสูงโปร่งเจ้านายของชะเอมก็โบกมือ พยักหน้ายิ้มบางอย่างใจดี



เห็นแบบนี้ร่างสูงก็รู้สึกโล่งใจที่ชะเอมได้ทำงานกับคนดีๆ



“ไม่เป็นไร รีบพาเขากลับเถอะ อีกเดี๋ยวฝนจะตกแล้วจะขับรถลำบาก”



“ครับ” ขายาวเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ และฮอนด้าแอคคอร์ดก็พุ่งทะยานออกไป



 

************************Whose fault? ************************

 





​“เอม...เอม”



​“ฮือ ไม่” แขนบางสะบัดหนีสัมผัสเย็นเฉียบที่ตนไม่ชอบ แถมกอดอกเกร็งซ่อนแขนไว้ไม่ให้ใครมาจับได้ “หนาว...เอมหนาว”



ร่างสูงถอนหายใจอย่างอ่อนใจปนเอ็นดู แต่ในใจก็รู้สึกกังวลมากเช่นกัน เพราะคนป่วยนอนขดตัวไม่ยอมให้จับ แล้วอย่างนี้จะอุ้มขึ้นห้องได้ยังไง



ชะเอมตัวร้อนจี๋ ลมหายใจก็ร้อนผ่าว แปลกใจเหลือเกินที่ก่อนหน้านี้ร่างผอมยังฝืนไปทำงานอยู่ได้



คินใช้เสื้อคลุมที่ห่มให้พันตัวเล็กๆ ของคนไม่สบายเอาไว้ แล้วช้อนร่างผอมบางขึ้น คราวนี้เจ้าตัวไม่ดิ้นหนีแล้วเพราะไม่ได้สัมผัสโดยตรง



แม้จะถูกเคลื่อนย้ายแต่ชะเอมไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แสดงว่าไม่สบายหนักจริงๆ



เขาวางร่างบางลงบนเตียงในห้องของเจ้าตัว ไม่ลืมห่มผ้าหนาๆ จนถึงลำคอ เสียงใสครางอืออาไม่รู้เรื่องรู้ราวทำให้ขายาวรีบเดินเข้าห้องน้ำหากะละมังขนาดเล็กใส่น้ำและผ้าสะอาดๆ มาเพื่อเช็ดตัวให้ไข้ลด



เฮือก!



ร่างผอมที่ร้อนผ่าวเมื่อโดนน้ำอุ่นแต่ก็ยังรู้สึกว่าเย็นสะดุ้งขดตัวหนีอีกครั้ง



ผิวขาวซีดแดงระเรื่อปรากฏตรงหน้า ตัดกับสีผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้ม เมื่อมือใหญ่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของชะเอมออกทั้งหมดเหลือไว้เพียงชั้นในสีขาวตัวเดียว ก็ปรากฎแผ่นอกเนียนและหน้าท้องเรียบบาง...ต้นขาเรียวเล็กขาวผ่อง ภาพตรงหน้าทำให้ร่างสูงกลืนน้ำลาย เลียริมฝีปากแห้งผาก ก่อนจะส่ายหน้าตั้งสติหันไปบิดผ้าสีขาวในกะละมังให้แห้งหมาด



ชะเอมกำลังไม่สบายอยู่...



แขนบางอ่อนแรงยกขึ้นปัดป้องทันทีที่ผ้านุ่มสัมผัสกาย “อื้อ ไม่ ฮึก ไม่เอา” แถมคนผอมยังพลิกตัวหันหลังให้ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะมีแรงขยับตัวด้วยซ้ำ



ชะเอมสะอึกสะอื้น คินเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้เขาทรมาน จึงใช้มือจับคนป่วยให้อยู่นิ่งๆ ไม่ให้ดิ้นหนี พลางเอ่ยปลอบแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่



“เอม เช็ดตัวแปปเดียว นะ...อย่าดิ้นสิ” เสียงทุ้มพูดกล่อมเหมือนคุยกับเด็กเล็กๆ มือใหญ่เร่งเช็ดตัวให้เสร็จ เน้นย้ำโดยเฉพาะจุดที่กักเก็บความร้อนไว้เยอะๆ อย่างลำคอ จักกะแร้ ข้อพับขาแขน ไล้ไปทั่วแม้กระทั่งฝ่าเท้า ทำให้อย่างไม่รังเกียจแม้แต่นิด



หลังจากสวมชุดนอนเนื้อนิ่มให้เสร็จสรรพก็ห่มผ้าปิดท้าย โดยแปะผ้าสีขาววางไว้บนหน้าผากมน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมให้ชะเอมกินยา



“เอม...เอมตื่นก่อน”



“...”



เสียงหอบและลมหายใจร้อนๆ ที่พรูออกจากริมฝีปากบาง ทำให้ร่างสูงจ้องมันนิ่งงัน เรียกแบบนี้ยังไงเจ้าตัวจะไม่ตื่นแน่ๆ



ถ้าอย่างนั้น...



มือใหญ่หยิบแก้วที่มียาลดไข้และยาแก้ปวดที่เตรียมไว้อยู่ในนั้นเทลงบนมือ ตบมันเข้าปากและดื่มน้ำตาม ผมยกศีรษะเล็กขึ้นแล้วก้มลงประกบปากปล่อยน้ำและยาผ่านช่องปาก ลิ้นร้อนดุนดันเข้าช่องปากเล็กที่ร้อนผ่าวยิ่งกว่าเพื่อส่งเม็ดยาและให้แน่ใจว่ามันจะผ่านลำคอของอีกฝ่ายจริงๆ



“อึก...แค่ก” ชะเอมสำลักเล็กน้อย ร่างผอมยังคงหลับสนิทไม่รู้สึกตัว เขาจึงกรอกน้ำที่เหลือในแก้วเข้าปากและประกบปากอีกครั้ง ลิ้นร้อนกวาดไปทั่วอย่างอุกอาจล่วงเกินคนป่วย นานหลายวินาทีกว่าที่ริมฝีปากจะผละออกอ้อยอิ่งอย่างเสียดายแม้น้ำเปล่าจะไหลลงลำคอหมดแล้ว มีบางส่วนที่ริมฝีปากบางไม่อาจควบคุมได้เนื่องจากไร้สติจึงปล่อยให้มันไหลซึมออกทางมุมปากจากคางสู่ลำคอจนคอเสื้อนอนเปียกชื้นเล็กน้อย



นิ้วโป้งลูบไล้ริมฝีปากบางที่เผยอหอบหายใจแรงและสั่นเครือ ไม่รู้เพราะไข้สูงหรือขาดอากาศหายใจเพราะการกระทำล่วงเกินจากร่างสูงกันแน่ คนมองสูดลมหายใจเข้าออกอย่างอดกลั้น มือปัดหน้าม้าออกจากหน้าผากมน จับผ้าสีขาวจากหน้าผากมนมาเช็ดใบหน้าและลำคอก่อนจะหย่อนลงกะละมังและบิดให้หมาด จัดวางลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง



เพียงแค่จูบเดียวก็ทำให้ใจเต้นรัวได้



เพียงแค่จูบเดียวก็ทำให้แน่ใจ



ว่ารักขนาดไหน



คืนนั้นทั้งคืน ชะเอมนอนเพ้อไข้ขึ้นหนัก แม้จะกินยาไปแล้วแต่ก็เหมือนจะไม่ช่วย



“ฮึก...ฮึก คิน”



“เอม” ร่างสูงชะโงกหน้าเข้าใกล้เมื่อได้ยินเสียงชะเอมเรียก หากแต่เจ้าตัวยังไม่รู้สึกตัว



ละเมอ?



“คิน เอมขอโทษ ขอโทษครับ”



“เอม...”



“คิน อย่าเกลียดเอม...อย่าทิ้งเอมไป” แขนบางยกขึ้นไขว่คว้าสิ่งที่อยู่ข้างหน้า แต่ความจริงมันคืออากาศ หยาดน้ำตาไหลลงผ่านขมับเพราะไม่สามารถคว้าสิ่งสำคัญมาได้ “กลับมา...เถอะ”



ไม่ว่าจะในความฝันหรือความเป็นจริง



ทว่าครั้งนี้มือใหญ่กลับคว้ามือบางเอาไว้ กุมมันไว้ให้แน่น



จะไม่ปล่อย...อีกแล้ว



คินนิ่วหน้าสะเทือนใจกับสิ่งที่เห็น แม้ในยามไม่สบาย...ไม่ได้สติ แต่ร่างบางก็ยังไม่เคยจะหยุดคิดถึงตัวเขาเลยแม้เพียงสักวินาทีเดียว “เอม คินต่างหากที่ต้องขอโทษ”



เป็นครั้งแรกที่หยาดน้ำตารินไหล...ผู้ชายคนนี้กำลังร้องไห้


>>>>>>>ต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2018 18:20:25 โดย โฮเซกิ รุย »

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ต่อจากด้านบนค่ะ<<<<<<<<<<<<<<<



“คินขอโทษ...สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง” สองมือกุมฝ่ามือเล็กร้อนผ่าวของคนป่วยที่ยังไม่สบายหนักแนบหน้าผาก “ได้โปรดช่วยตื่นขึ้นมาฟังที”



“...”



“คินรักเอมนะ” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาทว่าหนักแน่น ความรู้สึกอัดแน่นและดังก้องอยู่ข้างใน



มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ความรู้สึกรักใครบางคนอย่างแท้จริง เพียงแค่ได้บอกออกมาก็ทำให้ใจเต้นแรง



ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นหนักแน่นถึงเพียงนี้ มีให้แค่คนๆ นี้คนเดียว



ริมฝีปากคมยิ้มบาง ใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายสงบลงจากการละเมอแล้ว แต่ใบหน้าหวานแดงก่ำ ริมฝีปากยังคงอ้าหอบหายใจแรงเหมือนอากาศไม่พอ เป็นเพียงอาการหนึ่งของคนไม่สบายหนักเท่านั้น ร่างสูงลุกหยิบผ้าขนหนูสีขาวที่กองอยู่ข้างหมอนเนื่องจากการนอนดิ้นของร่างบางขึ้นมาชุบน้ำในกะละมังบิดให้ใหม่ และค่อยๆ เช็ดผิวกายที่ร้อนผ่าวทั่วร่างอีกครั้ง



ทุกอากัปกิริยาเต็มไปด้วยความใส่ใจและอ่อนโยนมากเพียงใด มีเพียงคนกระทำเท่านั้นที่รู้ดี



“อือ...”



เสียงครางของร่างที่นอนบนเตียงทำให้ร่างสูงที่นั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ สะดุ้งรู้สึกตัว



“...น...น้ำ...”



“เอม นี่...” ไม่รอช้าแขนแกร่งช้อนตัวคนตัวร้อนผ่าวขึ้นพิงอกเบาๆ มืออีกข้างถือแก้วน้ำและเอาหลอดจ่อปากแห้งผากที่เผยอนิดๆ เปลือกตายังปิดอยู่แต่ก็ดื่มน้ำอย่างกระหายจนหมดแก้ว “เอาอีกไหม”



อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่ส่ายหน้ากับอกกว้างเบาๆ เหมือนยังไม่รู้สึกตัวดี ร่างสูงจึงวางแก้วน้ำก่อนจะค่อยๆ วางร่างผอมลงนอนและเพียงไม่นานก็พรูลมหายใจสม่ำเสมออีกครั้ง คินไม่ลืมห่มผ้าให้มิดชิด ดวงตาคมเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง ผ้าม่านที่ถูกแง้มนิดๆ ทำให้เห็นท้องฟ้าที่เริ่มสาง ขายาวเดินไปหยิบกะละมังเพื่อเปลี่ยนน้ำที่อุณหภูมิเริ่มเย็น จะได้เช็ดตัวให้ชะเอมก่อนจะออกไปหาอะไรให้อีกฝ่ายกินสักหน่อย...แถวนี้น่าจะมีโจ๊กหรือข้าวต้มขาย ให้กินอะไรอ่อนๆ น่าจะดีกว่า



หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จ คินก็หยิบกระเป๋าตังแล้วเช็คความเรียบร้อยมองดูคนป่วยที่นอนเหงื่อท่วมอยู่บนเตียงแล้วท่าทางไม่น่าจะตื่นมาเร็วๆ นี้เลยวางใจ แต่คิดไว้แล้วว่าจะออกไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น



“สวัสดีครับลุงธรรม” ร่างสูงเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า คนที่คอยดูแลความปลอดภัยคอนโดตึกนี้มาเป็นเวลานานหลายสิบปี จนเรียกได้ว่าแทบจะจำหน้าทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ได้ทั้งหมดว่าวันไหนมีใครหน้าใหม่หน้าเก่าเข้าออกตึกนี้บ้าง...ถึงจะอายุเยอะมากแล้วแต่แกก็ยังสุขภาพดีตาไวและความจำเป็นเลิศมาก



“คุณคิน! ไม่ได้เจอกันนานเลย เป็นยังไงบ้างครับ” อีกฝ่ายเอ่ยสุภาพด้วยความเคยชินกับลูกชายของเจ้าของบริษัทชื่อดัง แม้จะอยู่ในชุดเสื้อยืดขาสั้นธรรมดาแต่ออร่าของความหล่อและรวยของชายหนุ่มคนนี้ก็ยังคงอยู่ในสายเลือด...ไม่ทิ้งเชื้อพ่อเลยจริงๆ



“ผมสบายดี แล้วลุงธรรมล่ะครับ”



“แหม ลุงก็สบายดีเหมือนกัน ว่าแต่คุณชะเอมล่ะ” ชายวัยห้าสิบกว่าในชุดซีเคียวริตี้ชะโงกหน้ามองหาร่างผอมบางเจ้าของชื่อนั้น



เสียงทุ้มตอบอย่างอ่อนใจระคนกังวล ยังนึกเป็นห่วงคนป่วยที่นอนอยู่ในห้องคนเดียว “ไม่สบายครับ ผมว่าจะลงมาหาซื้ออะไรให้เขากินซักหน่อย แถวนี้มีร้านข้าวต้มหรือโจ๊กมั้ยครับ”



“แถวนี้ไม่มีหรอกครับ ต้องขับรถไปซักหน่อยถึงจะมี”



“จริงเหรอครับ” ร่างสูงขมวดคิ้ว ไม่อยากออกไปนานๆ เลย กลัวว่าชะเอมจะตื่นมาแล้วจะไม่เจอใคร แล้วถ้าหากร่างบางต้องการอะไร ใครจะหยิบจับให้กันล่ะ



“ดูท่าทางคุณคินจะเป็นห่วงคุณเอมมากนะครับเนี่ย”



ร่างสูงชะงัก ก่อนจะยิ้มบางไม่ปฏิเสธ “ครับ...”



“เอาอย่างนี้ดีมั้ยครับ เดี๋ยวลุงให้คนไปซื้อให้ คุณคินจะได้ไม่ต้องออกไปซื้อเอง แล้วเดี๋ยวถ้าได้ของแล้วลุงให้คนโทรขึ้นไปเรียก” คนแก่กว่าเสนออย่างกระตือรือร้น



ใบหน้าคมหันไปมอง ตอนแรกว่าจะตอบรับแต่ก็ลังเล “จะดีเหรอครับ ผมเกรงใจ”



“ไม่เลยครับ คุณชะเอมมักจะซื้อของมาให้ลุงบ่อยๆ แถมยังคอยถามเป็นห่วงเป็นใยด้วย ตอนนี้ลุงก็เป็นห่วงเด็กคนนั้นเหมือนกัน ตอนนี้ถึงตาลุงแก่คนนี้จะได้ตอบแทนบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นคุณคินก็อย่าปฏิเสธเลยนะครับ”



“ขอบคุณ...มากนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ย รู้สึกตื้นตันใจแทนชะเอมมากเมื่อได้ยิน ร่างบางคนนั้นจะรู้บ้างไหมว่ามีคนรอบตัวรักมากมายถีงเพียงนี้...เพราะความใจดีและนิสัยอ่อนโยนของชะเอมที่มักจะมีให้ใครๆ เสมอ



“ไม่มีปัญหาครับผม”



"นี่ครับ" มือใหญ่เปิดกระเป๋าควักแบงค์สีเทาให้หนึ่งใบ



อีกฝ่ายตาโต รีบบอก "โอ้โห โจ๊กข้างทางไม่แพงหรอกครับ เดี๋ยวลุงออกให้ก่อนแล้วกันถ้าคุณคินไม่มีแบงค์ย่อย"



"ไม่หรอกครับ นี่ผมให้ เงินทอนที่เหลือเป็นทิปครับลุงธรรม"



"อูย ไม่เอาหรอกครับ ผมเกรงใจ"



"ถ้าเกรงใจก็อย่าปฏิเสธผมสิครับ ...งั้นเอาเป็นว่านี่เป็นคำขอบคุณที่คอยดูแลชะเอมที่ผ่านมา ตอนที่ผมไม่อยู่ก็แล้วกัน ดีมั้ยครับ" ไม่รู้จะอ้างอะไรดี ก็พูดเหตุผลที่คิดว่าลุงธรรมไม่กล้าปฏิเสธ



"โธ่ ผมเต็มใจต่างหาก" ธรรมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ กับร่างผอมบางคนนั้น จะไม่เอ็นดูได้อย่างไร...แค่นึกถึงรอยยิ้มเวลาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย บางทีเอื้อเฟื้อมาถึงภรรยาและลูกๆด้วย แค่นี้ก็ทำให้ยิ้มได้แล้ว



"เอาเถอะครับ ผมขอโจ๊กสามถุง ไข่ลวกสองฟองนะครับ" ผมควักแบงค์เทาอีกใบกลายเป็นสอง ยัดใส่มือคนแก่อย่างมัดมือชกแล้วพูดยิ้มๆ ประมาณว่าห้ามปฏิเสธ "ทิปนี่แบ่งให้คนที่ลุงให้ไปซื้อของให้ด้วยแล้วกันนะครับ"



ลุงแก่ตาโตตกใจ แถมในอกลำบากใจเหลือเกิน แต่พอมองหน้าชายหนุ่มแล้วก็พูดไม่ออกนอกจากตอบรับ พยักหน้าช้าๆ "ครับคุณคิน"



"เดี๋ยวให้คนเอาของขึ้นไปให้ด้วยนะครับ ห้อง..." ผมบอกเลขห้องไป เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าขันแข็งแล้วก็โล่งใจ



"ครับผม"



ชะเอมนอนกระสับกระส่ายเนื้อตัวร้อนผ่าว ตากลมปรือสลึมสลือไม่รู้สึกตัวดี บางครั้งก็ยังละเมอพึมพำอะไรออกมาไม่รู้เหมือนกำลังอยู่ในฝันร้าย และหลับๆ ตื่นๆ อยู่แบบนี้จนผ่านไปอีกหนึ่งวันเต็มโดยมีคินคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาไม่ห่างกาย



จ๋อม...





มือใหญ่หย่อนผ้าสีขาวที่เพิ่งเช็ดตัวให้ชะเอมลงในกะละมังน้ำอุ่น ร่างผอมนอนหอบหายใจเหงื่อชุ่มโชกจนเสื้อนอนที่ใส่อยู่เปียกชื้น เขาว่ากันว่าถ้าเหงื่อเริ่มออกแสดงว่าเป็นสัญญาณที่ดี และร่างสูงก็เช็ดร่างกายชะเอมอีกรอบไปแล้วและเปลี่ยนเสื้อให้ด้วย ร่างบางจะได้นอนอย่างสบายตัว



มือใหญ่วางชามแก้วที่มีโจ๊กร้อนสีขาวหอมกรุ่นร้านเดิมบนโต๊ะข้างเตียงพร้อมกับแก้วน้ำ ยาลดไข้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งขอบเตียงนุ่มจนมันอ่อนยวบ



"เอม" เสียงทุ้มส่งเสียงเรียก พลางเขย่าอีกฝ่ายให้รู้สึกตัว "เอม..."



"..." ร่างบางลืมตาช้าๆ ก่อนจะหลับลง ทำให้มือใหญ่ต้องเขย่าอีกรอบ



"เอม ตื่นมากินข้าวนะ" มือใหญ่เกลี่ยหน้าม้าที่ชุ่มเพราะเหงื่อออกจากหน้าผากมน ลูบหัวเบาๆ สัมผัสที่ทำให้ดวงตากลมโตปรือเปิดอีกครั้ง มองอย่างเหม่อลอย



ร่างสูงคุ้นตา นั่งอยู่ข้างๆ กำลังมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง...



"เอม..."



เสียงทุ้มนุ่มกำลังเรียกชื่อ...ชื่อของเขา



ฝัน...เหรอ



"คะ...แค่กๆ" จะเรียกชื่อของอีกฝ่ายแต่เจ็บคอเหลือเกิน แก้วน้ำและหลอดสีขาวถูกจ่อตรงริมฝีปากแห้ง กระหายจนอ้าปากงับดูดน้ำหมดแก้วอย่างช่วยไม่ได้



"เอาอีกไหม"



ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงแผ่วเบา แต่พออีกฝ่ายลุกขึ้นเดินหันหลังไป ทำให้มือบางคว้าชายเสื้อของร่างสูงอย่างรวดเร็ว



ไม่เอา...อย่าไป



"อย่าไป...ฮึก" หยาดน้ำเม็ดโตไหลรินจากขอบตา "คิน"



ถ้านี่เป็นความฝัน ขอร้องล่ะ อย่าไปเลย...อย่าปฏิเสธคำขอ...เพียงแค่นี้



"คินไปเติมน้ำให้ไง...เอม ไม่เอาสิ ไม่ร้องครับ" ร่างสูงทรุดตัวลง



คินพูดเพราะจัง...ใจดีเหมือนเมื่อก่อนเลย



ต้องเป็นฝันแน่ๆ



"เอมไม่เอาแล้วก็ได้ คินอย่าไปเลยนะ" เสียงใสแหบโหยอ้อนวอน



"แต่เอมหิวน้ำไม่ใช่เหรอ" ทันทีที่ได้ยินริมฝีปากบางเบะ น้ำตาปริ่มไหลลงอีกครั้ง



"โอเคครับ คินไม่ไปแล้ว โอ๋ๆ" มือใหญ่ลูบหัวทุยของคนป่วยขี้แยอย่างเอ็นดู แขนอีกข้างคว้าร่างผอมเข้ามาซบอก การกระทำนั้นทำให้ชะเอมร้องไห้โฮ



แขนบางกอดอีกฝ่ายแน่นเท่าที่จะทำได้ แม้จะอ่อนแรงแต่ความฝันนี้ไม่อยากให้มันจบลง...คินที่ใจดีแบบนี้



นานหลายนาที กับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น กับเสียงทุ้มคอยปลอบ กว่าจะหยุดลง



"ไม่ร้องไห้แล้วนะ ดูสิ ตาแดงหมดแล้ว" ร่างสูงผละออก ก่อนจะหยิบชามโจ๊กที่ยังอุ่นขึ้นมา "กินข้าวก่อนนะ แล้วจะได้กินยา"



ร่างบางยังสะอื้นช้อนมองใบหน้าคมนิ่ง ก่อนส่ายหน้า "เอมไม่หิวเลยครับ"



"กินหน่อย นิดนึงก็ยังดีนะเอม"



"แต่ว่า..."



"เอมไม่สบายอยู่ ถ้าไม่กินข้าวแล้วจะหายได้ยังไง" อีกฝ่ายดุ แต่ก็เสียงทุ้มก็อ่อนลงทันที "นะ"



คนป่วยยังนั่งเบะปากตาแดงก่ำ ร่างสูงจึงยกชามโจ๊กขึ้นชิดริมจมูกสูดดม แล้วส่งเสียงชวนกิน "หืม นี่โจ๊กหอมน่ากินมากเลยนะเอม คินไปซื้อมาให้ ลองกินดูหน่อยว่าอร่อยมั้ย"



คินพูดแล้วอมยิ้มน้อยๆ ร่างสูงไม่เคยทำแบบนี้กับใคร แต่สำหรับชะเอมที่ทำอะไรให้กับตนเองมาตั้งหลายอย่างจนนับไม่ถ้วนแล้ว...เรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก และดูเหมือนว่าจะได้ผลเพราะร่างบางมองมาทางนี้ตาโต



คินซื้อมาให้...อุตส่าห์ซื้อมาให้เขาเหรอ



ไม่รอช้ามือใหญ่ตักข้าวขึ้นมาทันที "อ้า..." ช้อนที่มีข้าวเหลวร้อนอยู่พอดีคำถูกจ่อเข้าใกล้ และเสียงทุ้มพูดทำให้ริมฝีปากบางอ้างับช้อนอัตโนมัติ โจ๊กอุ่นๆ ไหลลงคอ หยาดน้ำตาที่มาจากไหนไม่รู้ไหลลงมาอีกครั้ง...และปล่อยให้มันไหลอย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะกินหรือร้องไห้ดี ดีใจจนแยกไม่ออกว่ารสชาดของอาหารเป็นอย่างไร



สายตาคมหม่นเศร้า มองท่าทางของชะเอมที่ทั้งกินทั้งสะอื้นฮักแล้วทำอะไรไม่ได้นอกจากรู้สึกผิด



ไม่ถึงสิบคำ ใบหน้ามนก็ส่ายหวือ ดวงตากลมโตแดงช้ำเพราะร้องไห้ปรือเหมือนจะปิด สายตาคมมองโจ๊กที่เหลือ จะบังคับให้กินอีกก็ยากลำบาก ยังไม่ถึงครึ่งของครึ่งชามเลยด้วยซ้ำ



ได้แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะนะ



"กินยาก่อนแล้วค่อยนอนพักนะ" ผมรีบบอกคนที่นั่งพิงหัวเตียงจะหลับอยู่รอมร่อ ดีที่ได้เห็นแบบนี้เพราะหมายความว่าอาการของอีกฝ่ายดีขึ้นมากแล้ว



"กินได้ไหม" มือบางถือยาไว้ หัวทุยผงกน้อยๆ ก่อนจะโยนยาเข้าปาก ผมจึงยื่นแก้วน้ำ (ที่ไปเติมมาแล้ว) ให้ดื่ม



“คิน...อยู่กับเอมนะ” แม้จะง่วงจนแทบลืมตาไม่ไหว แต่ร่างบางที่เอนตัวลงนอนก็ยังยื่นมือคว้าชายเสื้อแล้วเอ่ยอ้อนวอน



มือใหญ่กุมมือบางร้อนผ่าวแน่นเป็นคำยืนยันทำให้ริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆ และดวงตากลมค่อยๆ ปรือปิด พอคิดว่าชะเอมหลับไปแล้วจะดึงมือออกก็เบะปากร้องอืออาทำให้คินต้องอยู่นิ่งๆ อย่างนั้น



กว่าอีกฝ่ายจะนอนหลับสนิทได้ก็ทำเอาเหงื่อตก



เวลาชะเอมงอแงนี่ไม่มีใครเอาอยู่เลยจริงๆ



"อืม โทษทีว่ะ พอดีเอมไม่สบาย ขอเลื่อนไปก่อนแล้วกัน" เสียงทุ้มบอกกับอีกฝั่งขณะแนบหูกับโทรศัพท์ มือตักโจ๊กเข้าปาก สายตาเหลือบมองคนป่วยในห้องที่นอนหลับปุ๋ยไปแล้ว



("อ้าว จริงเหรอวะ เป็นอะไรมากเปล่า") เสียงทุ้มพูดอย่างเป็นห่วง ("แล้วนี่คือมึงอยู่กับเอม?")



"ใช่" มือใหญ่ตักเข้าปากอีกคำ โจ๊กชามโตแต่ไม่ทำให้ผู้ชายตัวใหญ่อย่างคินกินแล้วอิ่มเท่าไหร่ ก็เขาไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน เพราะมัวแต่ห่วงร่างบางนั่นแหละ



("ใครเป็นอะไรเหรอเอก") เสียงทุ้มใสของอีกคนดังขึ้นถามแทรก ("พอดีชะเอมไม่สบาย...จริงเหรอ ไปเยี่ยมได้เปล่า ขอกูคุยกับไอ้คินบ้างสิ...")



เสียงสองคนคุยกันหงุงหงิง ทำให้เขาขมวดคิ้ว นี่พวกมันตัวติดกันตลอดเวลาเลยหรือไงวะ



"พวกมึงจะมาเยี่ยมเอมรึเปล่าล่ะ"



("ได้เหรอวะ...นี่ๆ คินว่าไงอะ อ๊า กูขอฟังด้วยสิ!")



"ได้ดิ...แล้วอีกอย่างกูอยากคุยเรื่องนั้นด้วย" ขายาวผุดลุกขึ้นยืนหยิบชามที่กินหมดแล้วเอาไปวางที่ซิงค์ล้างจาน เปิดน้ำก๊อกแช่ไว้



("กูน่ะได้อยู่หรอก แต่มันจะไม่รบกวนเอมหรือวะ")



"ไม่เป็นไร" ริมฝีปากคมยิ้มไม่รู้ตัว ดีซะอีกยิ่งคนเยอะๆ ชะเอมน่าจะดีใจ แถมไม่เหงาด้วย "เดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้ ถ้ามาถึงแล้วบอกกูละกัน"



("เออๆ แล้วคอนโดมีที่จอดรถป่ะวะ")



"บอกยามว่าเป็นเพื่อนภาคิน เดี๋ยวเค้าน่าจะหาที่จอดชั่วคราวไว้ให้"



อีกฝ่ายหัวเราะ ("ครับ คุณชาย") มันรับคำแล้วเตรียมจะวางสาย ผมเลยเบรคไว้ก่อน



"เดี๋ยวเอก"



("ว่า")



"ฝากซื้อของกินหน่อยดิ เยอะๆ เลยนะ กูหิว"



("ทำไมไม่ซื้อเองล่ะวะ") อีกฝ่ายถามแล้วหัวเราะเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้วว่าทำไม



"เหอะน่า อะไรก็ได้ซื้อมา"



อีกฝ่ายรับคำเสียงยาน ("เออลืมบอกเดี๋ยวกูพาเพื่อนอีกคนไปด้วยนะ")



"ถ้าหมายถึงตาลล่ะก็กูรู้แล้ว" มันจะบอกทำไมเพราะไม่มีทางที่มันจะไม่พาร่างโปร่งมาด้วยอยู่แล้ว แสดงความเป็นเจ้าของด้วยการทำตัวติดอยู่ตลอดเวลาซะขนาดนั้น



("ไม่ใช่ หมายถึงเพื่อนเราอีกคน เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วจะโทรไป แค่นี้นะ")



"เฮ้ย เดี๋ยวดิ...!" ห้ามไม่ทันเพราะเอกมันวางสายไปแล้ว ได้แต่ขมวดคิ้วมองหน้าจอโทรศัพท์



พูดอะไรของมัน



'เพื่อนเราอีกคน' นี่คือใครกัน...?





************************Whose fault? ************************



โดนนักอ่านทวงนิยายโหด ฮือ ขอโทษค่า ขอโทษที่หายเงียบไป

มัวแต่จัดการไฟล์นิยาย เสียใจไม่ค่อยมีใครเข้าไปดูในเพจรุยเลย แต่ต้องขอขอบคุณที่มีคนเข้าไปกดว่าอยากได้หนังสือ ขอบคุณค่ะ มีกำลังใจขึ้นมาก แต่จะบอกว่าถ้าคนอยากได้หนังสือน้อยขนาดนี้รุยอาจจะไม่ตีพิมพ์เพราะไม่มีทุนค่ะ และอย่างที่บอกไปว่าจะไม่ส่งสำนักพิมพ์แล้วเพราะตอนพิเศษมันหื่นติดเรท20+มาก(เนื่องจากเก็บกดเพราะตอนหลักมันดราม่าทุกตอน)

แต่ถึงเราจะไม่ตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม แต่สำหรับคนอยากอ่านตอนพิเศษ รุยกำลังดำเนินการจะนำหนังสือลงเว็บอีบุ๊ค ซึ่งใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ เหลือแค่รอนักวาดวาดปกนิยายอีกสองอาทิตย์ ถ้าไม่มีใครเข้าไปอ่านในเพจเราจะแจ้งข่าวในเว็บนี้ก็ได้ รบกวนอ่านกันหน่อยเน้อ แต่ถ้าใครคิดว่าไม่มีงบซื้อก็อ่านในนี้ไปก็ได้ ก็อาจจะมาต่อให้ช้าหน่อย

รายละเอียดหนังสือ Whose Fault ผิดที่ใคร ทั้งหมด 2 เล่มจบนะคะ

รวมทั้งหมดประมาณ1400หน้าค่ะ ในรูปแบบกระดาษ A5 ตัวหนังสือ Cordia new ขนาด16 Pt ค่ะ

ตอนหลัก 43 ตอน (nc18+ 3 ตอน)

ตอนพิเศษ 7 ตอน (nc20++ 7 ตอน) บอกเลยว่าสำหรับสายหื่นจริงๆ คือเซอร์วิสมากๆ ไม่เหมาะสำหรับคนไสยๆ เอ๊ย ใสๆ ค่ะ

-สินดิน : สักวันหนึ่ง (เป็นตอนระหว่างตอนที่ 8-9 ค่ะ ถ้านักอ่านคนไหนยังจำได้)

-สินดิน : รับผิดชอบ

-คินชะเอม : ข่าวดี

-คินชะเอม : หวง! หึง!
-คินชะเอม : รถใหม่

-คินชะเอม : แอดมิน สาววายจงเจริญ

-คินชะเอม : ชะเอม



ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องรูปเล่มก็อาจจะดูอีกทีในตอนลงใกล้จบเพราะอาจจะมีคนมาอ่านนิยายของรุยมากกว่านี้ ถ้ายังไงมีใครมีข้อสงสัยอะไรก็ถามในเม้นได้เลยค่ะ เดี๋ยวรุยจะมาตอบแน่นอนทุกคน หรืออยากจะคุยยาวๆ ติดต่อแชทเพจ H.Rui Novels ได้นะคะ

แล้วก็ถ้าลงอีบุ๊คเมื่อไหร่ก็จะมาแจ้งข่าวอีกทีค่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2018 18:15:07 โดย โฮเซกิ รุย »

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew5: :sad4: อยากรู้ว่าคุยกันเรื่องไร ไรท์มาไวไวน้า

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ไม่ใช่พาเรย์มาหรอกนะ,,,

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2



                                                    Whose Fault ?

                                                     ผิด...ครั้งที่ 27





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



กิ๊งก่อง



ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีเสียงกดกริ่งหน้าประตู ทำให้ร่างสูงที่นั่งเฝ้าชะเอมที่ยังหลับสนิทลุกขึ้น ไหนบอกว่ามาถึงแล้วจะโทรมาไง



"ไง คิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"



"ทราย?" เขาเลิกคิ้วแปลกใจมากถึงมากที่สุดที่เห็นหญิงสาวที่ไม่ได้เห็นมานาน เพราะแม้แต่ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เจอ



คนตรงหน้ายิ้มบาง หน้าตาสะสวยอยู่แล้วยิ่งทำให้สวยจนน่ามอง "ไม่ได้เจอกันนานนะ"



คินฟังแล้วก็อมยิ้มแซว "นั่นสิ ก็เพราะทรายชอบตัวติดกับแฟนนั่นแหละ"



"อย่าอิจฉาย่ะ" เม็ดทรายเท้าสะเอวแยกเขี้ยว มองไปด้านหลังเห็นตาลโบกมือยิ้มกว้าง กับร่างสูงของเอกทำหน้านิ่งชูถุงก๊อบแก๊บใบใหญ่ "แล้วจะยืนคุยอีกนานมั้ย รีบเชิญพวกฉันเข้าห้องได้แล้ว"



เพื่อนอีกคนที่ว่าของเอกคือเม็ดทรายเองเหรอ



"มึงซื้อมาซะเยอะเลย" มือใหญ่รับถุงในมือเอกมาเปิดดู เยอะเกินจนนึกว่ามันประชดหรือเปล่า มีขนมหวาน แซนวิช ขนมขยะหลายถุงแถมยังมีข้าวแช่เย็นของเซเว่นที่อุ่นแล้วตั้งสามสี่ชุด



"ให้มึงคนเดียวซะที่ไหน พวกกูก็ยังไม่ได้กิน"



...มิน่ามาซะเร็ว



"แล้วพวกมึงขึ้นมาถูกได้ไง"



"อ่อ ก็ลุงยามข้างล่างน่ะสิ แค่บอกว่าเป็นเพื่อนมึงก็แทบจะส่งกูถึงห้องอยู่แล้ว" เอกว่า พลางเอาของจากถุงมาวางบนโต๊ะ "กูเลยบอกว่าไม่เป็นไร แค่บอกเลขห้องมาก็พอแล้ว"



"แถมเขาบอกว่าอยากจะมาเยี่ยมชะเอมด้วยตัวเองด้วยนะ" ตาลเสริม มือจะแกะพายบลูเบอร์รี่กินแต่โดนมือใหญ่แย่งไปซะก่อน ประมาณว่าให้กินข้าวก่อนขนม



เขาฟังแล้วก็ร้องออ รู้ทันทีว่าใคร...หมายถึงลุงธรรมแน่ๆ เลย



"จะยังไงก็เถอะ ขอเข้าไปหาชะเอมได้มั้ย" ทรายพูดแทรก ทำให้ร่างโปร่งเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้



"ไปด้วยสิ!" ตาลพูดขอตาวาว



"ไปก็ได้ แต่เอมนอนอยู่นะ เบาๆ ก็แล้วกัน" ใบหน้าคมพยักหน้าอนุญาต แล้วเดินนำเข้าห้องนอนที่คนป่วยนอนพักอยู่



ขายาวเดินเข้าใกล้ชะเอมที่นอนเหงื่อชุ่มใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงปัดหน้าม้าที่เปียกเหงื่อออกจากหน้าผากมน ขณะที่คนอื่นยืนมองด้วยความเป็นห่วง



"เขากินข้าวรึยัง" ทรายถาม



"ตอนเช้ากินแล้ว แต่เที่ยงยังไม่ได้กินนะ"



"งั้นก็ปลุกขึ้นมากินเถอะ" หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวบอก "จะได้กินยา"



คินได้ยินก็เดินออกมาอุ่นโจ๊กถุงที่ฝากลุงธรรมซื้อมาตอนเช้า เตรียมยาเสร็จก็เดินเข้ามาเห็นทรายกำลังบิดผ้าเช็ดใบหน้าซีดของชะเอม โดยคนทำอะไรไม่เป็นอย่างเอกกับตาลที่ยืนอยู่คนละมุมมองอยู่



"พวกมึงอยู่เต็มห้องแล้วมันยังไงชอบกล"



"ยังไง" ตาลเลิกคิ้ว



"เกะกะ"



ร่างโปร่งหน้าบูดทันที ส่วนเอกยักไหล่เหมือนไม่สนใจว่าจะโดนว่าว่าอะไรก็ตาม เรียกได้ว่าหน้าหนา



"ไม่รวมฉันนะยะ" หญิงสาวรีบพูด ทำให้เขาหลุดขำ ร่างบอบบางของทรายลุกออกให้เขานั่งแทน มือใหญ่ยื่นจับไหล่บางเขย่าตัวชะเอมเบาๆ ที่นอนปรือตาเหมือนรู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงคุยกัน



"เอม”



ดวงตากลมโตกระพริบช้าๆ



“เอม...”



คิน...คินเหรอ...



ร่างบางถูกประคับประคองให้ลุกขึ้นนั่งพิงร่างกายแกร่งโดยที่ดวงตากลมยังมองอีกฝ่ายเหม่อลอย



ทำไมถึง...ฝันเห็นคินบ่อยจัง...



ปวดหัว...ทั้งร้อนทั้งหนาว แถมยังเจ็บคอ...



กรุ๊งกริ๊ง



เสียงกระดิ่ง...ไม่ใช่สิ นั่นมันพวงกุญแจของเขา...ของขวัญของเขา



คินใช้มัน...แขวนมันไว้กับโทรศัพท์



‘สวยใช่ไหม เรย์ชอบมากเลย คินเขาซื้อให้เป็นของขวัญน่ะ’



แต่ที่คินใช้มัน ไม่ใช่เพราะเป็นของขวัญของเขา...แต่มันเป็นเพราะจะใช้คู่กับใครอีกคน



ใจร้าย...คินใจร้าย



“ฮึก! ฮือออ” น้ำตาเม็ดโตไหลริน ยิ่งปวดหัวยิ่งเจ็บเนื้อเจ็บตัวก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแอ



“เอม? เป็นอะไร ไม่เอาไม่ร้องนะ” คนทั้งห้องมองอย่างตกใจปนอึ้งที่จู่ๆ คนป่วยร้องไห้ แต่กับคินที่เจอแบบนี้มาเกือบสองวัน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ



แต่มันไม่ได้ปกติอย่างที่ร่างสูงคิด



“คินใจร้าย...ใจร้าย!” กำปั้นเล็กรัวทุบบนตัวร่างสูงอย่างน้อยอกน้อยใจ ยิ่งเห็นพวงกุญแจอันนั้นอยู่ในสายตา มันยิ่งเจ็บในอก



คินงุนงงอย่างหนัก สองวันนี้ไม่เคยเห็นชะเอมเป็นแบบนี้มาก่อน จู่ๆ เป็นอะไรขึ้นมา “เอม...เป็นอะไรครับ” แขนแกร่งยังคงประคองคนป่วยที่ร้องไห้และทำร้ายเขา พอมือใหญ่จับเข้าที่ต้นแขนอีกฝ่ายก็สะบัดออก



“อย่ามาจับนะ! ...ฮึก”



“เอม”



“คินทำแบบนี้ทำไม ถ้าชอบเรย์แล้วมาใจดีกับเอมทำไม...ทำทำไม!!” เสียงใสตะโกนกร้าว ค่อยๆ ผุดลุกขึ้นทั้งๆ ที่ปวดหัวแทบตาย คินจะเข้ามาประคองร่างผอมที่โซเซแต่ก็ถูกสะบัดออกอีกครั้ง ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ยากที่จะรวบตัวคนไม่มีแรง แต่ตอนนี้ชะเอมกำลังดื้อดึง ถ้าใช้กำลังก็รังแต่จะต่อต้านมากขึ้นไปอีก



ร่างบางไม่ได้สังเกตว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย...ภาพตรงหน้าแสนพร่ามัว



“...”



"เอมเป็นแบบนี้แล้ว ยังไม่พอใจอีกใช่มั้ย!?"



 ทำไมต้องทำเหมือนเขาเป็นคนโง่ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย



"ฮือ ไปให้พ้นเลยนะ!" ทั้งร้องไห้...และไล่ตะเพิด ไม่อยากเห็น...ทั้งใบหน้าคมทั้งของชิ้นนั้น มือบางตะครุบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาและพยายามจะแกะมันออก



“เอม อย่า!”



“นี่ของๆ เอม! เอาคืนมานะ!” นี่มันของๆ เขา...ไม่ใช่ของที่ให้อีกฝ่ายเอาไปใช้คู่กับมัน!



ร่างบางยุดยื้อของในมือกับคิน ในยามปกติจะสู้แรงอีกฝ่ายยังทำไม่ได้ แน่นอนว่ายิ่งไม่สบายยิ่งแล้วใหญ่ พอร่างสูงแย่งออกมาได้ก็ชูสูงจนคนเตี้ยกว่าได้แต่เงยหน้ามองแล้วสะอื้นไห้หนัก “ถ้าคินอยากใช้คู่กับเรย์ก็ไปซื้ออันใหม่สิ ฮึก อย่าทำแบบนี้ เอมเจ็บ...นี่มันของสำคัญของเอมนะ เอมซื้อให้คิน ทำไมคินถึงใจร้ายแบบนี้...”



ใบหน้าตัดพ้อน้อยใจ เห็นกี่ครั้งก็เจ็บปวดทุกครั้ง



"ทำไม" มือบางไร้เรี่ยวแรงยกมือขึ้นกำเสื้อตรงหน้าอก นัยน์ตาร้อนผ่าว หัวก็ปวดหนึบ "ทั้งๆ ที่คินมาทำแบบนี้มันเหมือนกับมาจุดความหวังในใจของเอม แต่คินกลับไม่เคยมองมาที่เอมเลย..." ไม่รู้เลยว่าทุกๆ วัน มีแค่เขาที่เอาแต่คิดถึงเหมือนคนบ้า "...ที่ผ่านมาที่เอมขอโอกาส ที่คินมาจูบ ที่คินขอไปรับไปส่ง...คินทำไปทำไมเหรอ..."



สิ่งที่ได้รับคือความเงียบที่ทำให้ร่างบางกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ



"คินบอกเอมมาตามตรง ถ้าไม่เคยรู้สึกอะไรกับเอมแม้แต่นิด เอมจะเลิก..." มือบางกุมตอบพลางยิ้มฝืดเฝื่อนเหลือเกินในสายตาคนมอง "เพราะเอมก็เบื่อตัวเองที่เอาแต่โง่เง่า คาดหวัง ผิดหวัง เสียใจเพราะคิน"



มันเจ็บ



"..."



"ตอบมาสิ!"



ชะเอมปล่อยมือที่กำเสื้ออีกฝ่ายแน่น ทิ้งแขนไร้เรี่ยวลงข้างตัว สายตาคมที่มองมานิ่งเงียบ ไร้คำตอบอีกตามเคย



“คินไม่เคยรักเอมเลย...”



ดวงตากลมโตว่างเปล่า แค่นยิ้มสมเพชตัวเอง พูดถึงขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบกลับ



ฝันดีของเขาจบลงแล้ว



"เอมเหนื่อย...ไม่อยากรักคินแล้ว" ชะเอมพูดอย่างท้อแท้...อ่อนแรงเหมือนกับที่ใจรู้สึก "พอรักคินแล้วเอมเจ็บ"



หากแต่คำพูดนี้คำพูดเดียวที่ทำให้คินเบิกตากว้าง กัดฟันกรอด...



"ไม่ให้เลิก!" ร่างสูงตะคอก มือใหญ่จับแขนเรียวให้หันมองซึ่งร่างบางก็ไม่ยอมเหมือนกัน



“เห็นแก่ตัวที่สุด!”



ได้ยินคำกล่าวนั้นก็ทำให้อ่อนลง เพราะเขาเป็นแบบนั้นอย่างที่เอมพูดจริงๆ “เอม คินอยากจะคุยด้วย แต่รอให้เอมหายก่อนได้มั้ย”



“ไม่! เอมไม่รอ! ถ้าคินจะพูดอะไรก็พูดมาตอนนี้เลย”



“...”



“ถ้าไม่พูดตอนนี้เอมก็จะไม่ฟังคินอีกแล้ว!! ปล่อยนะ!” ร่างบางตะโกนเสียงดัง และดึงแขนออกมาจากการกอบกุม ทั้งปวดหัวตุ้บจนเหมือนจะระเบิด



“เอม” คินขมวดคิ้วสีหน้าร้อนรน เพราะเนื้อตัวที่สัมผัสเริ่มร้อนมากขึ้น ในหัวได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้ชะเอมอารมณ์เย็นลงได้บ้าง "เอม คินขอโท..."



เพียะ!



มือบางสะบัดเข้าที่ข้างใบหน้าคมอย่างแรง หยาดน้ำตาเม็ดใสไหลอาบหน้าซีดเซียวแต่เจ้าของก็ไม่คิดจะเช็ดมัน ทั้งๆ ที่ทำร้ายอีกฝ่ายแต่ดวงตากลมโตกลับสะท้อนความเจ็บปวดเสียเอง



"เอมไม่อยากได้ยินคำขอโทษของคินแล้ว ออกไป!"



“เอม...” คนได้ยินเจ็บปวด ในอกมันบีบรัดแน่น เพราะคำไล่ตะเพิดของร่างบางที่กรีดร้องเสียงดัง



“ออกไป!!!”



แม้จะตะคอกจนเจ็บคอ ร้องไห้จนแสบตา แต่คินก็ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ร่างบางจึงออกแรงผลักอีกฝ่ายออกไป



ถ้าคินไม่ไป งั้นเขาจะเป็นฝ่ายไปเอง



อยากจะไปจากตรงนี้...ไปที่ไหนก็ได้...ไปให้ไกล



แต่ทว่าร่างบอบบางที่ฝืนสังขารมานานออกเดินเพียงแค่ก้าวเดียวร่างทั้งร่างก็ร่วงหล่นราวกับใบไม้



“เอม!”



คินรับร่างผอมที่ร้อนระอุเอาไว้ได้ก่อนจะกระแทกพื้น ทำเอาเพื่อนๆ ที่มองอยู่ตกใจ ก่อนที่ร่างสูงจะช้อนแขนอุ้มคนไม่สบายมาวางไว้บนเตียงอย่างรวดเร็ว



ชะเอมนอนหน้าซีดเผือด ลมหายใจหอบร้อนเหมือนไข้ขึ้นหนักอีกครั้ง...หมดสติอย่างสิ้นเชิง



ทำให้ต้องรีบเช็ดตัวโดยบอกให้เพื่อนออกไปรอข้างนอกห้อง



และไม่ลืมแกะพวงกุญแจอันนั้นออกเอาไปเก็บไว้ในที่ๆ ชะเอมมองไม่เห็น



“พวกมึง...กลับไปก่อนก็แล้วกัน” ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าที่จะเปลี่ยนชุดเปลี่ยน “ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้มาเห็นเรื่องแบบนี้”



“ไม่เป็นไร แต่เห็นแบบนี้จะให้พวกกูกลับไปได้ไงวะ ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ขออยู่ช่วย...เป็นกำลังใจก็แล้วกัน” ตาลพยักหน้ารับกับสิ่งที่เอกบอกพลางขมวดคิ้วกังวล เม็ดทรายก็เช่นกัน



“เจ็บหรือเปล่า” หญิงสาวถามเป็นห่วง เธอหมายถึงจิตใจ...แต่คนได้ยินตีความไปหมายถึงว่าเรื่องที่โดนชะเอมตบเข้าที่ใบหน้า มันมีรอยแดงขึ้นจริงแต่ก็ไม่ได้เจ็บมากมาย



คินส่ายหน้าเนือยๆ ขายาวเดินเชื่องช้าหย่อนตัวนั่งที่โซฟา และยกมือขึ้นปิดหน้าและผ่อนลมหายใจที่สั่นเครือ



อยาก...ร้องไห้



‘เอมเหนื่อย...ไม่อยากรักคินแล้ว’



เสียงกรีดร้องที่เสียดแทงเข้ามา ทำให้พูดอะไรไม่ออก



‘ออกไป!!’



‘เอมรักคินนะ’



น้ำตาอุ่นไหลผ่านร่องแก้มจนเปียกฝ่ามือ และเสียงสูดลมหายใจติดขัดคล้ายสะอื้นดังขึ้นเงียบๆ



ต้องเจ็บปวดขนาดไหนชะเอมถึงได้ทนไม่ไหวและพูดคำไล่นั้นออกมา...คำที่บอกว่าจะเลิกรักกัน



มันสายเกินไปแล้วงั้นหรือ





‘เอมแค่มาซื้อนี่ให้  ถ้าคินไม่อยากได้...ก็ทิ้งมันไปก็แล้วกัน’



‘เอ๊ะ...อ๋อ~ สวยใช่ไหม เรย์ชอบมากเลย คินเขาซื้อให้เป็นของขวัญน่ะ’



‘มันคือของขวัญการคบกันเป็นแฟนได้หนึ่งเดือนแล้วน่ะ คินจะพูดแบบนี้ใช่มั้ย’



แล้วเสียงเล็กก็หัวเราะคิกคักดังก้องไปทั่วในความฝันอันมืดมิด เสียงน่ารังเกียจ



เขาเกลียดมัน



‘ของคินเป็นพวงกุญแจลูกโลกล่ะ คู่กันเลยเนอะโลกกับดวงจันทร์’



เขาเกลียดมัน!



‘คนอย่างมึง ไม่เกิดมาซะก็ดี’ ชะเอมหน้าซีดหันมองเสียงอีกเสียงที่คุ้นเคยดี มีกลุ่มควันปรากฏร่างของพ่อที่ยังอายุเท่ากับตอนที่เขายังเด็กชี้หน้าตะคอกใส่และยกมือขึ้นจะทุบตีอีกครั้ง ทำให้ร่างผอมขดตัวยกมือขึ้นบัง



พ่อ!...เอมขอโทษ...ขอโทษครับ...!



แต่ก็ยังไร้ความเจ็บปวดใดๆ พอหันไปมองอีกทีพ่อก็หายไปแล้ว แต่ปรากฏร่างอีกร่างขึ้นมาแทน...คือร่างสูงที่เขารักหมดใจ



‘เอมรักคินนะ’ คำบอกรักแสนหวานที่อยากจะได้รับความรู้สึกเดียวกันตอบกลับมา...หวังไว้สักวันหนึ่งว่าถ้าไม่ยอมแพ้ยังไงคินก็น่าจะเห็นถึงความรู้สึกเขาบ้างแต่ใบหน้าคมหล่อเหลานั้นกลับบิดเบี้ยว...ตอกย้ำกลับมาด้วยคำพูดที่ทำให้จิตใจของเขาสลาย



‘แต่คินเกลียดเอม...เกลียด!’



‘ไม่...ไม่!!’ ไม่ใช่!! เขาไม่อยากได้ยินคำๆ นี้!



มือบางยกขึ้นปิดหู แต่คำเกลียดก็ยังเสียดเข้ามาให้คนได้ยินทุรนทุราย ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา



แต่ก็ไม่มีใครสนใจเขาเลย แผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไปพร้อมโอบกอดร่างเล็กของเรย์แน่น



หัวเราะอย่างมีความสุข...โดยทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง



“ไม่...ฮือ ไม่!!”



เสียงกรีดร้องดังขึ้นทำให้เหล่าคนที่กำลังปรือตาหลับอยู่สะดุ้งเฮือก คินพุ่งตัวเข้าไปหาคนแรกคว้าจับมือที่กำลังเอื้อมหาอะไรบางอย่างในอากาศเข้ามากุมแน่น



“เอม! เอม!!” ร่างสูงพยายามเขย่าและส่งเสียงเรียกเพื่อจะปลุกอีกฝ่ายจากฝันร้าย น้ำตาซึมเล็ดไหลจนใบหน้าและหมอนที่หนุนศีรษะเปียกชุ่ม



“ฮือ!! อย่าไป...อย่าไปนะ!!!” เสียงกรีดร้องตะโกนดังในความฝัน...มันดังจนมาถึงความเป็นจริงเพราะเพียงแค่อยากจะให้คนที่รักหันกลับมามอง “คิน!!!”



ร่างสูงนิ่วหน้าน้ำตาไหลรินอีกครั้ง สภาพของชะเอมที่เห็นตอนนี้มันถึงขั้นย่ำแย่จนเก็บเอาไปฝัน ฝันว่าเขาทิ้งอีกฝ่ายไป...และได้แต่ร้องเรียกให้เขากลับมา



นี่เขาทำอะไรลงไป



คินคว้าคนตัวผอมบางที่ยังดิ้นไม่หยุดแนบอกแน่น ทั้งลูบหัวลูบหลังเอ่ยปลอบ ทำยังไงก็ได้ให้อีกฝ่ายสงบลงเสียที...หยุดกรีดร้องด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดแบบนี้เสียทีเถอะ



ได้โปรด



“ชู่วๆ เอม มันคือความฝันนะ...แค่ฝันร้ายเท่านั้น คินยังอยู่ตรงนี้ไงครับ...คินอยู่ตรงนี้”



คนปลอบก็เสียงสั่นเครือไม่แพ้กัน เพื่อนๆ ได้แต่ยืนมองภาพนั้น...ทำอะไรไม่ได้ แทรกเข้าไปไม่ได้ พอเห็นชะเอมเริ่มสงบลง เหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นก็ค่อยๆ ทยอยกันออกไป...เพราะพวกเขาคงช่วยอะไรคนป่วยไม่ได้นอกจากคนที่รัก



“ฮึก ฮือ”



“ไม่ร้องไห้แล้วนะ เดี๋ยวปวดหัวนะครับ โอ๋ๆ ...” ร่างสูงโยกตัวยังคงลูบหลังลูบหัวไม่หยุด อีกฝ่ายรู้สึกตัวตื่นแล้ว แต่ดวงตากลมปรือ ทั้งปวดหัวทั้งลมหายใจที่ร้อนผ่าวทำให้คินต้องค่อยๆ วางคนไม่สบายลงหนุนหมอนเหมือนเดิม ก่อนจะบิดผ้าขาวที่วางอยู่ในกะละมังใกล้ๆ ไล้ใบหน้าที่เลอะทั้งน้ำตาทั้งเหงื่อให้



“คินเกลียดเอม”



“ทำไมเอมถึงพูดแบบนั้น...มันไม่จริงเลย”



“คินพูด...ในฝัน คินพูดว่าเกลียด...เกลียดเอม” ริมฝีปากบางเบะและน้ำตาเม็ดโตก็ไหลแหมะอีกครั้ง ดวงตาฉ่ำน้ำช้อนมองคนที่กำลังเช็ดตัวให้ตนเองแผ่วเบา



“แต่นี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน...คินไม่ได้เกลียดเอม” ร่างสูงยิ้มบาง เกลี่ยผมเปียกเหงื่อให้ออกจากกรอบหน้าใส และก้มลงจรดริมฝีปากร้อนเข้าที่หน้าผากมน “คินรักเอม”’



คำรักแสนหวานที่รอฟังมานานแสนนาน เพราะเขาคิดว่าถ้ายอมอดทน...สักวันหนึ่งอีกฝ่ายจะรู้สึกแบบเดียวกันบ้าง   



“รักนะครับ”



ในที่สุดเขาก็ได้ยินมันแล้ว



“เอมก็ ฮึก เอมก็รักคิน”



ร่างสูงรีบจุ๊ปากเสียงเบาเพราะอีกฝ่ายเตรียมจะร้องไห้อีกครั้ง “คินรู้ แต่ตอนนี้นอนพักก่อนนะ ไม่ร้องไห้แล้วเนอะ” แต่คนป่วยยังจ้องร่างสูงไม่วางตา ทำให้คินต้องหย่อนผ้าขาวที่เช็ดเสร็จแล้วลงกะละมังและลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง มือใหญ่ช้อนจับมือเล็กร้อนระอุไว้ “คินจะอยู่ข้างๆ แบบนี้ไม่ไปไหน พอตื่นมาจะได้เจอคินคนแรกเลยไง ดีมั้ย”



ตากลมมองใบหน้าคมในระยะใกล้ เห็นรอยแดงของฝ่ามือแล้ว นั่น...เป็นฝีมือของเขาเอง



“คินเจ็บมั้ย” ชะเอมเอ่ยถามอย่างรู้สึกผิด “เอมขอโทษ”



“เอมไม่ต้องขอโทษเลย คินไม่เจ็บ”



“แต่มันมีรอย...”



“เอาน่าเดี๋ยวก็หาย เอาล่ะ ถึงเวลาที่เด็กดื้อต้องนอนได้แล้ว” มือใหญ่จับผ้าห่มคลุมถึงคอแต่ยังจับมือบางไม่ปล่อย



“แต่เอมไม่อยากนอน” คนงอแงส่ายหน้าน้อยๆ ปรือตาจะปิดแต่พยายามฝืน เสียงใสโหยอ่อนแรง “กลัวฝันร้ายครับ”



คินยิ้มเข้าใจดี มันคงเป็นฝันร้ายที่ไม่อยากจะเจอ “งั้นคินนอนด้วยดีกว่า จะได้ฝันไปพร้อมกัน ดีมั้ย”



ร่างใหญ่แทรกตัวเอนนอนข้างๆ กอดร่างที่อุณหภูมิร้อนผะผ่าวเอาไว้แนบอก ชะเอมตาโตขึ้นนิดๆ ก่อนจะเอื้อมแขนไปกอดตอบ เปลือกตาปรือลงแนบหูกับอกกว้าง...ฟังเสียงหัวใจ



“ฝันดีนะครับ”



“...”



“คินรักเอมนะ”



แล้วชะเอมก็ได้หลับเต็มอิ่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน







“เอม ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”



"คิน..." ร่างสูงเข้าประคองคนตัวเบาให้ลุกขึ้นพิงหัวเตียง มือบางขยี้ตา



ก่อนที่ดวงตากลมจะจ้องไม่กระพริบ เมื่อคืน...ไม่ใช่ความฝัน



‘คินรักเอมนะ’



"เอมปวดหัว..."



คินจุ๊ปากเมื่อริมฝีปากบางเบะงอแง ใช้มือทาบหน้าผากวัดอุณหภูมิ...ยังร้อนอยู่เลย



"เมื่อเช้าคินปลุกเอมแล้วแต่ไม่ตื่น ตอนนี้จะเที่ยงแล้ว กินข้าวก่อนนะ" เสียงทุ้มกระซิบบอกเบาแต่ได้ยินกันทั้งห้อง ไม่สนใจรอยยิ้มล้อเลียนที่เพื่อนส่งมา ดูเหมือนชะเอมจะยังคงไม่รู้สึกตัวว่ามี 'คนอื่น' นอกจากร่างสูงอยู่ในห้องด้วย...แถมอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว



หัวทุยส่ายหน้า "เอมไม่หิว"



"ไม่หิวก็ต้องกิน" เสียงทุ้มเผลอดุ ทำให้คนป่วยสะอื้นง่ายดายเพราะอ่อนไหว "เอ่อ..."



"ฮึก...ฮึก แต่เอมกินไม่ลงนี่" ร่างผอมน้ำตาซึม  "ทำไมคินต้องดุด้วย"



"คินขอโทษ คินไม่ได้ตั้งใจ" ร่างสูงรีบจับคนป่วยมานั่งพิงอก กอดปลอบลูบหัวเหมือนเด็ก แต่ก็ยังไม่คลายสะอื้น เขาจึงตัดสินใจใช้ไม้ตายสุดท้าย "เอมไม่ยอมกินข้าวแบบนี้ คินก็ไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน เนี่ย ปวดท้องไปหมดแล้ว"



ร่างสูงกุมท้องร้องโอดโอยประกอบ ได้ผลชะงัด ชะเอมหยุดร้องไห้ทันใด แม้ตัวเองจะป่วย แต่ก็รีบหันมาถามผมอย่างเป็นห่วงด้วยท่าทางอ่อนแรง "คินยังไม่ได้กินข้าวเหรอ"



เห็นแล้วน่าเอ็นดู



"ใช่...โอ๊ย" ไม่วายร้องโอดงอตัวให้ร่างบางร้อนรน



"คินรีบไปกินข้าวสิ เดี๋ยวเอมกินทีหลังก็ได้" ริมฝีปากบางพูดในระยะใกล้ชิดยิ่งทำให้รู้สึกถึงความอุ่นร้อนของคนไม่สบาย



เป็นงั้นไป...



จมูกโด่งกดลงข้างขมับชื้นเหงื่อของชะเอมอย่างหมั่นเขี้ยว "ไม่เป็นไร คินทนได้ คินจะรอให้เอมกินก่อน แล้วคินค่อยกินทีหลัง"



"แต่...เอมกินก็ได้" ชะเอมพูดอุบอิบ



"กินข้าวแล้วจะได้กินยา จะได้หายไวๆ" คินจับตัวเขานั่งพิงหัวเตียงดีๆ เหมือนเดิม จะได้ป้อนข้าวง่ายๆ แต่กลับรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมานิ่ง ไม่ใช่เพื่อนๆ แต่เป็นของคนป่วยนี่แหละ



"หืม มีอะไร"



"เอมไม่..."



คินขมวดคิ้ว เพราะไม่ได้ยิน "เอมไม่อะไรครับ?"



มือบางขยุ้มผ้าปู "...เอมไม่อยากหาย"



"พูดอะไรแบบนั้น"



"ก็ถ้าหายแล้ว คินจะไม่สนใจเอมแล้วใช่มั้ย" เสียงแหบพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ "คินจะไปอยู่กับคนอื่น"



คำบอกรักที่ได้ยินเมื่อวานก็คงเหมือนกับเวทมนต์ที่มีนาฬิกาจับเวลา...พอหมดแล้วมันก็จะหายไป



"ไม่หรอก คินจะอยู่กับเอม ต่อจากนี้ไป คินจะอยู่กับเอมตลอดไปเลยนะ" เขาพูดหนักแน่นเน้นย้ำในสิ่งที่สัญญากับตัวเองไว้แล้ว และนี่เป็นความจริง



“ถ้างั้นช่วยบอกรักเอมอีกได้ไหม...นะครับ” ชะเอมขอทั้งๆ ที่เสียงสั่นไหว



บอกรัก...เหมือนที่ได้ยินเมื่อคืนก่อนที่จะหลับไป



แต่พอได้ยินคำขอแบบนั้นคินก็ยิ้มรับและกระซิบเสียงทุ้มข้างใบหูเล็ก ซ้ำยังแถมของขวัญโดยการแนบริมฝีปากที่ใบหูนั้นด้วย



คำพูดของเขาคงถูกใจอีกฝ่ายมากคนป่วยถึงได้อมยิ้มอยู่คนเดียว จากนั้นก็กินข้าวเงียบๆ โดยมีผู้สอดรู้สอดเห็นในห้องอีกสามหน่วย จนกินยาและหลับไปอีกครั้งหนึ่ง ลมหายใจสะท้อนขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ



"พวกมึงช่วยออกไปก่อนได้ป่ะ เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้เอมแล้วจะตามไป"



พวกมันไม่ได้พูดอะไร เดินออกไปเงียบๆ ทำให้ผมหันมามองชะเอมที่นอนอีกครั้ง



เพราะเขาละเลย ไม่สนใจความรู้สึกของชะเอม...ทิ้งให้อีกฝ่ายต้องอยู่คนเดียว ถึงต้องอ้อนวอนให้ใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง



'อย่าไป...เอมไม่เอาแล้วก็ได้ แต่คินอย่าไปเลยนะ'



'เอมไม่อยากหาย...ถ้าหายแล้วคินจะไม่สนใจเอมแล้วใช่มั้ย'



"รีบๆ หายนะเอม คินอยากจะคุยหลายๆ อย่างเลย"



ตอนนี้ผมไม่อยากพูดอะไร เพราะอีกฝ่ายยังไม่หายดี



อยากจะขอโทษกับทุกสิ่ง...และอยากจะบอกว่า 'รัก' อีกสักครั้ง...เหมือนอย่างที่อีกฝ่ายคอยพร่ำบอกเสมอ



ร่างสูงหลับตาแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากมนของร่างบางนิ่ง ความรู้สึกของเขาที่ท่วมท้นขึ้นมานี้ รีบๆ หายแล้วมารับมันเอาไว้ที...เอม







************************Whose fault? ************************





ติดตามตอนต๊อไป่

ใครที่ไม่ได้ออกไปเคาท์ดาวน์ก็อ่านนิยายรอเคาท์ดาวน์ที่บ้านไปละกันเน้อ

สุขสันต์วันปีใหม่เจ้าค่าาา




ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew5: เมื่อไหร่จะได้รู้เรื่องของเรย์อ่ะ ค้างงงงงง

สวัสดีปีใหม่นะคะไรท์ :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เคลียร์เรื่องเรย์ด้วยนะจ๊ะ. หน่องคินนน :fire:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เมื่อไหร่จะรู้ความร้ายกาจของเรย์,,,

ออฟไลน์ Chobreadyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหมือนจะโล่งใจก็โล่งใจไม่สุด น้องดูเจ็บปวดมากจริงๆ ดูแลน้องดีๆนะะ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

                                                        Whose Fault ?

                                                      ผิด...ครั้งที่ 27.5


โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม




"เมื่อกี้หวานซะน้ำตาลขึ้นเลยนะมึง"



พอคินปิดประตูห้องนอนของคนป่วยปุ๊บ เสียงแซวก็ดังขึ้นทันที ไม่ต้องเดาว่าใคร



"ใช่ๆ กูยังเขินแทนเลยอะ ไม่เคยเห็นมุมนี้ของมึงมาก่อนเลย ขนาดตอนอยู่กับเรย์ก็ยังไม่เห็นมีซักนิด" ร่างโปร่งพูด พร้อมบิดตัวทำท่าเขินอายเหมือนสาวน้อย



ร่างสูงทรุดลงนั่งบนเก้าอี้เมินคำล้อเลียน ตาคู่คมมองเพื่อนตาขวางก่อนจะมองหาของกินที่วางอยู่เต็มโต๊ะ



"อันไหนของกู" หิวจะตายอยู่แล้ว...แทบจะกินได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า เพราะกว่าจะจัดการชะเอมที่ป่วยแล้วแสนดื้อและงอแงยิ่งกว่าใครก็ยังไม่ทันจะได้กินอะไร เลยวานให้พวกเพื่อนที่กำลังจะมาเยี่ยมอีกครั้งซื้อมา



"เปลี่ยนเรื่องเฉย...ทั้งหมดนี่แหละของมึง" ได้ยินเอกมันพูดแบบนั้น เขาจึงหยิบกล่องข้าวสองกล่องที่ยังอุ่นอยู่หน่อยๆ มาวางตรงหน้าเพื่อจัดการเป็นอย่างแรก



“ชะเอมดีขึ้นมั้ย”



“อืม ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ” มุมปากกระตุกยิ้ม อย่างน้อยก็ไม่ฝันร้ายหรือละเมอพึมพำเหมือนวันก่อนๆ แล้วล่ะนะ



“เห็นอาการแบบนั้นแล้วเป็นห่วงแทบแย่” เม็ดทรายขมวดคิ้วด้วยความกังวลก่อนจะหันมาถามเพื่อนข้างๆ “แล้วหน้านายเป็นไงบ้าง”



“ไม่เป็นไร” คินตอบทันที แรงของชะเอมน้อยจะตาย แค่ตบเพียงครั้งเดียวไม่ทำให้เขาเจ็บได้หรอก แต่ก็ยังมีรอยแดงจางๆ อยู่เล็กน้อย



ต้องรีบหายเร็วๆ เพราะไม่อยากให้ร่างบางเห็น ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องกล่าวโทษตัวเองอีกแน่



“นี่ๆ ...” เสียงของตาลพูดขึ้นทำให้คินเหลือบมอง แต่เปล่า ร่างโปร่งหันไปพูดกับเอกพลางยิ้มล้อๆ ใส่เขา “คินช่วยบอกรักเอมอีกได้ไหม...นะครับ”



“อึก...แค่ก! แค่กๆ ...” ร่างสูงสำลักข้าวไอจนหน้าแดง มือรีบคว้าแก้วน้ำดื่มอึกๆ จนหมด ไอ้พวกนี้นี่มัน!



“ได้สิเอม เรื่องแค่นี้เอง” เอกมันตอบก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม และทำท่ากระซิบข้างหูเหมือนที่เขาทำกับคนป่วยเมื่อครู่ในห้อง แต่...นั่นเขาไม่ได้พูดซักหน่อย! ร่างสูงคิดอย่างเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟัน ไม่รู้ว่าหูตัวเองแดงขนาดไหน



“โอ๊ย!”



จู่ๆ เอกก็ร้องออกมาทำให้เพื่อนมองกันตาโต คินก็ขมวดคิ้วสงสัยเช่นกัน ส่วนตาลรับบทต่อเนื่องได้อย่างลื่นไหล



“เป็นอะไรคิน”



“ยังไม่ได้กินข้าวเลย หิ๊วหิว”



“แล้วทำไมไม่กินล่ะ”



“ก็ถ้าเอมยังไม่กิน คินก็ยังไม่กินหรอก”



คิ้วเข้มกระติกยิกๆ “นี่พวกมึง...” พูดขู่เสียงเข้มก็แล้ว มองสายตาอาฆาตก็แล้ว แต่ไอ้สองคนตรงหน้ามันยังไม่หยุด เขาก็เลยปล่อยเลยตามเลย ให้มันบ่นหงุงหงิงกันไป



เม็ดทรายมองสองคนที่เล่นตลกแล้วหัวเราะขำ "นี่ไม่คิดจะห้ามพวกมันหน่อยเหรอ ทราย" คินถามขณะฉีกขนมถุงขนาดใหญ่ ข้าวสองกล่องนั้นเป็นซากในถังขยะไปแล้ว



หญิงสาวยังกุมท้องหัวเราะน้ำตาเล็ด "ห้ามทำไม ก็มันเรื่องจริงนี่...แล้วตกลงยังไงล่ะ"



"อะไรยังไง" คนฟังงง



"ยังไม่รู้อีก หมาย-ถึง-ว่ามึงรู้ตัวแล้วใช่มั้ยว่าชอบเอมน่ะ" เอกเลิกล้อหันมาถามเน้นคำ ร่างโปร่งข้างๆ ก็ทำสีหน้าลุ้นๆ



"เออ" เสียงทุ้มตอบ ไม่จำเป็นต้องโกหก และจริงๆ ก็รู้มาสักพักแล้ว "แล้วทำไมพวกมึงถึงรู้ล่ะ"



และดูเหมือนมันจะรู้เรื่องเขาดีกว่าเขารู้เรื่องตัวเองเสียอีก



"ก็กูบอกแล้วว่ามึงมันโง่"



ขมับคนฟังปูดด้วยเส้นเลือดทันที...มันกัดเขาอีกแล้ว ร่างสูงผ่อนลมหายใจเข้าออกลึก ด้วยความดีที่มันเคยทำเอาไว้ เตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า...เพราะฉะนั้นเขาจะยอมยกให้มันไปสักครั้ง ไม่สิ จริงๆ มันก็หลายครั้งแล้วนะที่มันด่าเขาเนี่ย



มือล้วงขนมขยะเข้าปากด้วยความหิว ส่วนในใจท่องนะโมพุทธังสามจบให้ใจสงบ



"แล้วเรย์ล่ะ"



ร่างสูงชะงัก หันไปมองเม็ดทราย เห็นว่าเพื่อนทั้งสองก็รอฟังคำตอบอยู่เหมือนกัน "...บอกเลิกไปแล้ว"



"เออดี" เอกพูดขึ้น ทำให้เขาขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร ทรายก็ถามขึ้นอีกครั้ง



"เรย์ยอมเหรอ"



"...ไม่"



‘บอกไว้เลยว่าเรย์ไม่ยอมเลิกง่ายๆ แน่ ถ้าจะเลิกก็เลิกไปคนเดียว’



ดวงตาแข็งกร้าวของเรย์ พอนึกถึงแล้วขนมที่กินรู้สึกไร้รสชาดขึ้นมาทันที



เรื่องนี้แหละที่ยังหนักใจ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะต้องทำยังไงให้อีกฝ่ายเลิกราไปโดยดี พอมองใบหน้าสะสวยของเพื่อนสาวแล้วก็นึกขึ้นได้ หันไปถามไอ้เอก



"เอก มึงพาทรายมาทำไมวะ"



"อ้าว...เออ กูเกือบลืมละถ้ามึงไม่ถามอะ" ก็ผ่านมาตั้งวันหนึ่งแล้วมีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นจนลืมจุดประสงค์กันหมด "เรื่องที่มึงอยากคุย...เรื่องที่กูรู้น่ะ...ก็มาจากทรายนี่แหละ ก็เลยว่าจะให้มาบอกด้วยตัวเองดีกว่า"



"หืม หมายถึงเรื่องเรย์น่ะเหรอ" ริมฝีปากบางยิ้มสวยจนผู้ชายที่ไหนมองคงจะละลายแน่ แต่กับเพื่อนที่รู้จักกันดีก็รู้ว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง



เรื่องของเรย์...เรื่องอะไร



"เล่าให้ฟังทีสิ"



"อ๋อ ก็เรื่องข่าวลือที่ว่าเอมเป็นคนทำให้เรย์โดนรถชนนั่น...เป็นเรื่องหลอกไง"



ตึก...



ได้ยินแล้วหัวใจเหมือนหยุดเต้น "เรย์เป็นคนจ้างคนขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นให้มาชนตัวเอง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ไง แต่ดูเหมือนหมอนั่นวางแผนมาแล้วว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นได้"



'เอมไม่ได้ตั้งใจ เอมผลักเขาแล้วรถก็วิ่งมา...ชน เอมไม่ได้ตั้งใจนะคิน'



'วันนั้น...เรย์เป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมด เพราะเขาอยากให้คินเลิกกับเอมไง! เรย์ชอบคินเขาเลยอยากให้คินกับเอมเลิกกัน!!'



'เรย์ชอบคิน ให้โอกาสเรย์นะ'



'คินหายโกรธเอมแล้วเหรอ'



'อย่าเข้าใจผิดสิ มันคนละเรื่องกัน'



ในหัวสมองเหมือนได้ยินเสียงในความทรงจำทั้งหมดมันย้อนกลับคืนมา



ตกลงว่านั่นเป็น "เรื่องจริง...เหรอ"



"จะเชื่อที่ฉันพูดหรือไม่ ฉันไม่แคร์หรอกนะ แต่ดูเหมือนนายก็จะรู้อะไรมาบ้างเหมือนกันนี่ ไม่งั้นคงไม่ช็อคขนาดนี้"



"มึงจำที่กูเคยพูดได้ไหม ว่าทุกครั้งที่เรย์กับเอมอยู่ด้วยกัน เรย์จะต้องเจ็บตัวทุกครั้ง และต้องเป็นตอนที่ให้มึงเห็นว่าเอมเป็นคนทำด้วยนะ"



'ไม่จริงนะคิน เรย์โกหก เอมไม่ได้...'



เสียงเหมือนจะขาดใจตอนนั้น ที่อีกฝ่ายพยายามอธิบายให้ฟัง...แต่เขากลับตะคอกใส่ชะเอม...



‘นายนั่นแหละหยุดพูดได้แล้ว!!’



และหันหลังให้ร่างบาง...เดินจากมา...ทิ้งอีกฝ่ายไว้เพียงลำพัง



ทุกสิ่งที่เขาทำทั้งหมด มันทำให้ชะเอมเก็บเอาไปคิด และตีแผ่ออกมาเป็นการกระทำ



'เอมว่าจะออกจากคอนโด ไปหาห้องเช่าถูกๆอยู่ล่ะ เอมจะได้คืนห้องนี้ให้คิน แล้วก็จะได้ไม่รบกวนคุณลุงด้วย'



รอยยิ้มทั้งน้ำตา



'คินบอกเอมเองไม่ใช่เหรอ คินมันก็แค่เด็กกำพร้า เป็นกาฝากเกาะคุณลุงกิน...คินคงไม่รู้...ว่าเอมก็สมเพชตัวเองเหมือนกัน'



เขาทำร้ายชะเอม...ด้วยคำพูดเลวๆ ...ทำร้ายเด็กน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์คนนั้น...ด้วยตัวของเขาเอง



‘ฮือ!! อย่าไป...อย่าไปนะ!!! คิน!!!’



แม้ในความฝันก็ยังพบกับความเจ็บปวด...เพราะการกระทำของเขาทั้งหมด



ความทรงจำหมุนย้อน และความรู้สึกผิดล้นทำให้น้ำตารื้นไหลออกจากขอบตาผ่านร่องแก้มอย่างไม่รู้ตัว



“คิน” เสียงเรียกจากทรายทำให้ร่างสูงหลุดจากภวังค์ กระพริบตามองงุนงง แต่นั่นยิ่งทำให้น้ำตาใสที่รื้นเอ่อไหลลงมาอีก “นาย...ร้องไห้”



“อา...โทษที” มือยกขึ้นปาดน้ำตา ทำให้เพื่อนๆ มองด้วยความเป็นห่วง "ทรายไปได้ยินจากไหน...เรื่องนั้น"



"ได้ยินจากเจ้าตัวเองเลย" กุลสตรีเพียงหนึ่งเดียวคว้าแก้วดูดน้ำเย็นฟืดๆ "เรย์กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ตอนที่ฉันไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลน่ะ แต่คิดว่าคงไม่รู้หรอกว่าฉันได้ยิน"



"เรย์คุยกับใคร"



"ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนที่หมอนั่นจ้างมานั่นแหละ เห็นคุยกันว่า...ทำได้ดีมาก เดี๋ยวจ่ายเงินให้ อ้อ แล้วก็พูดว่าไอ้เอมน่ะเหรอ ป่านนี้โดนคินไล่เตลิดไปแล้ว สมน้ำหน้า อะไรประมาณนั้น...น้ำเสียงเรย์ดูสะใจมาก จนเหมือนเป็นคนละคนเลยล่ะ" ทรายถ่ายทอดสิ่งที่ยังจำได้ออกมาให้เพื่อนฟัง แล้วยักไหล่ดูเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่กับร่างสูงฟังแล้วกัดฟันกรอด "เพื่อนเราคนนี้ไม่ธรรมดา...ร้ายสุดๆ เลยล่ะ"



"ทำแบบนี้แล้วยังเรียกว่าเพื่อนได้อีกเหรอ" เอกพูดขึ้นสีหน้าเรียบนิ่ง ดูไม่ออกว่ารู้สึกยังไง "ถึงขนาดทำให้คนๆ หนึ่งโดนคนทั้งมหา’ลัยมองไม่ดีถึงขั้นเกลียดแบบนี้ ไม่เรียกโคตรเลวแล้วเรียกว่าอะไร"



"ฉันน่ะ ถ้าไม่ต้องเข้าไปยุ่งด้วยก็จะไม่อะไรหรอก" หญิงสาวว่า "แต่สงสารชะเอมมากกว่า เพราะเขาเป็นคนดีมาก...ไม่ควรจะโดนทำอะไรแบบนี้เลย"



ใช่ เขากับเรย์ต่างหากที่ควรจะโดนลงโทษอย่างหนัก โทษฐานที่ทำร้ายชะเอมจนความเจ็บปวดมันฝังลึกเข้าไปในจิตใจ



“คินรู้มั้ย ว่าตัวเองน่าอิจฉามาก...ที่มีคนอย่างชะเอมมาชอบ เขาชอบนายมาก รักนายคนเดียว” เม็ดทรายยิ้มบางขณะคิดถึงตอนที่อยู่ด้วยกันกับร่างผอมบางคนนั้นแม้เพียงครั้งเดียวที่ค่ายต่างจังหวัด “เวลาฟังเขาพูดถึงนาย ฉันยังรู้สึกอิจฉาเลย”



"อืม เรารู้แล้ว"



ตอนนี้เขารู้ดีที่สุด...ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอก



ไม่ว่ายังไง เขาก็จะไม่ปล่อยชะเอมไปอีกแล้ว



“แล้วคนๆ นั้นที่เรย์จ้างคือใครล่ะ” ตาลอมช้อนที่กินของหวานเสร็จแล้วถามขึ้น



“กูก็อยากรู้เหมือนกัน” เอกขมวดคิ้ว ถ้าหากรู้ว่าคนๆ นั้นคือใครก็อาจจะลองคุยให้มาเป็นพยานและหลักฐานได้



ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่นาน ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้...นอกจากจะไปถามจากเจ้าตัวโดยตรง และอย่าหวังเลยว่าจะได้คำตอบ



“ช่วงนี้เรย์เป็นยังไงบ้าง” เม็ดทรายถามถึงอีกคน ทำให้คินที่ในใจรู้สึกขยะแขยงคนชื่อนี้ไปแล้วเริ่มคิด พลางมุ่นคิ้ว



“จะว่าไปสองสามวันนี้ไม่เห็นติดต่อมาเลย”



ผิดปกติสุดๆ ...ทั้งๆ ที่หลายวันก่อนยังโทรมาทุกๆ สิบนาทีได้เลยมั้ง...เรียกได้ว่าถี่จนน่ารำคาญ



พอหายไปแบบนี้ จะว่าดีหรือไม่ดี ดีล่ะ



รู้สึกสังหรณ์ใจ...ไม่ดีเลย



 

************************Whose fault? ************************







ตรู๊ด...ตรู๊ด...



ในระหว่างที่ฟังเสียงรอสาย ขายาวเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องหลังจากที่เพื่อนๆ ขอตัวกลับไปแล้ว สายตาคมก็เหลือบมองไปที่ห้องนอนด้านใน ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อมือถือที่แนบหูอยู่ได้ยินว่ามีคนรับสาย “สวัสดีครับ”



(“อ้าว ว่าไงจ๊ะคิน”) เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแว่วมาตามสาย



“อ่า ป้าฉัตรครับคือผม...” คินรู้สึกติดอ่างขึ้นมาทันที ไม่รู้จะเริ่มพูดว่ายังไง



(“ตายแล้ว ก็แม่เคยบอกแล้วว่าให้เรียกแม่ไงจ๊ะ”) เสียงแหลมสูงแหว จนร่างสูงต้องยกโทรศัพท์ออกห่าง ก่อนจะตอบกลับตะกุกตะกัก



(“แล้วสรุปว่าโทรมามีอะไรรึเปล่า จะว่าไปทำไมช่วงนี้แม่ไม่เห็นเรามาส่งน้องเรย์ที่บ้านเลย”)



“คือผมจะโทรมาเรื่องนี้แหละครับ” ในที่สุดเขาก็พูดเข้าเรื่องได้โดยไม่ต้องเปิดประเด็น



(“หืม?”)



“จริงๆ แล้วผมกับเรย์เลิกกันแล้วน่ะครับ” คินพูดออกไป ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เขาก็ไม่อาจคาดเดา แต่ยังไงก็เตรียมใจพร้อมรับเอาไว้แล้ว



(“อ้าว จริงเหรอ...ทำไมล่ะ น้องไปทำอะไรให้คินลำบากใจหรือยังไงจ๊ะ”) คินเลิกคิ้วผิดคาดที่ได้ยินฉัตรแก้ว มารดาของเรย์พูดออกมาแบบนี้ ดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเท่าที่เขากังวลเลย



“ผมว่าเราคบกันไม่ค่อยราบรื่น ทะเลาะกันบ่อยมาก ก็เลยคิดว่าเราสองคนอาจจะเหมาะกับการเป็นเพื่อนกันมากกว่าน่ะครับ” น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้งหนักใจ แต่ยังไงก็ต้องเอ่ยออกไป “ผม...ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ”



เพราะว่ายังมีคนที่รอคอยเขาอยู่...รอคอยมาตลอด



(“...คินเป็นเด็กที่สุภาพมากรู้ตัวมั้ย...ไม่ต้องกังวลเลย แม่ไม่โกรธหรอก เพราะเราๆ ก็ยังอายุน้อย มีโอกาสได้พบกับคนอีกมาก”) อีกฝั่งพูดไปหัวเราะคิกคักไป ก่อนจะพูดต่อ (“กว่าแม่จะได้เจอกับคุณณรงค์ก็เหมือนรอเวลาลิขิตเราให้มาเจอกันแน่ะ...”)



คินยิ้มบาง “ขอบคุณมากเลยครับที่เข้าใจ”



(“จ้ะ โชคดีนะจ๊ะ ว่างๆ ก็แวะมากินข้าวที่บ้านได้ ไม่ต้องเกรงใจนะ”)



“ขอบคุณมากครับ” คินกดวางสายแล้วมองมันอย่างตะลึง ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกยาวๆ ความรู้สึกมันเหมือนกับยกภูเขาออกจากอกยังไงยังงั้น...นี่เขานั่งกังวลทำไมตั้งนาน



ขายาวเดินเข้าห้องนอนเงียบเชียบที่มีเสียงแอร์ดังแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งข้างเตียง มือปัดปรอยผมหน้าม้าที่ปรกออกก่อนจะจรดจูบหนักแน่นกลางหน้าผากมน



ริมฝีปากหยักได้รูปยิ้มออกมาอย่างยินดี



คินต้องขอโทษที่ทำให้รอนานนะเอม

           



************************Whose fault? ************************



ตึกๆๆๆ!!



เสียงฝีเท้ากำลังใกล้เข้ามาทางนี้ ใบหน้าคมตวัดมองอย่างหวาดระแวง แต่ข้างหน้าเป็นความมืดที่ไร้จุดหมาย...มองไม่เห็นอะไรเลย



“คิน ระวัง!”



พลันได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อดังขึ้นอีกทางและทันใดนั้นก็ถูกผลักให้ล้มลง



ปัง!



เสียงกึกก้องกัมปนาทดังสะท้อนในความคิดจนหูอื้อ ร่างสูงจับหัวตัวเองที่มึนเพราะโขกพื้นอย่างแรง ร่างบางที่กระแทกให้เขาล้มลงนอนอยู่บนตัวเขาคือชะเอม...แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับนอนแน่นิ่ง



“เอม...” มือกำลังยกดันไหล่บางแต่...นี่อะไรกัน มือทั้งสองข้างของเขามันกำลังเปียกชุ่มไปด้วยเลือด! “เอม!!”



เลือดที่ว่านั่นมันไหลมาจากแผ่นหลังบางของชะเอม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?



เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นทำให้เขาหันขวับมองตามทิศทางนั้น ร่างเล็กของเรย์ยืนถือกระบอกปืนที่มีควันโชยอยู่เหมือนลูกกระสุนเพิ่งวิ่งจากปากกระบอก ดวงตาแดงก่ำถลนเส้นเลือดปูดโปนเหมือนคนบ้าคลั่งนั่นยิ่งทำให้เขาโอบกอดร่างของชะเอมไว้แน่น



“อะ...ฮะๆๆ มันต้องเจอแบบนี้แหละ ไอ้คนที่มันแย่งคินไปจากกู ไอ้เด็กกำพร้าไร้พ่อแม่ไม่มีใครต้องการ มึงไม่จำเป็นต้องมีใครหรอก! อย่างมึงน่ะสมควรตายแล้ว!”



ตาย...?



แขนทั้งสองข้างที่กำลังประคองร่างบางมันสั่นระริก...มองคนในอ้อมกอดที่หน้าซีดเผือดอย่างคนเสียเลือดมาก แต่แล้วชะเอมก็ขยับน้อยๆ ให้ร่างสูงใจชื้นขึ้น



“คิน...ไม่เจ็บ...ตรง...ไหน...นะ” มือบางยกขึ้นแตะข้างใบหน้า ความรู้สึกเปียกชื้นที่สัมผัสได้นั้นคือเลือดสีแดงฉานที่ติดปลายนิ้วเรียว รอยยิ้มบางที่ฝืนส่งมาให้คล้ายหมดเรี่ยวแรง เขารีบกุมมือบางไว้เพราะแขนที่ไม่มีแรงจะยกขึ้นตกลงเพราะแรงโน้มถ่วง



“คินไม่เป็นไร เอมต่างหาก เอมถูกยิง...เจ็บตรงไหน อย่าเป็นอะไรไปนะ” เสียงทุ้มถามด้วยความร้อนรน สติไม่มีเหลืออยู่แล้ว “อยู่กับคินก่อน”



“ดี...จัง เอม...ได้ชดใช้...แล้ว” รอยยิ้มอ่อนแรงฝืนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ดวงตากลมโตปรือปิดลง



“ไม่นะ เอม...ไม่จริง” คินเขย่าร่างของชะเอมแรงอย่างไม่กลัวอีกฝ่ายเจ็บ ขอแค่อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาเพียงแค่นั้น...แค่นั้นก็พอ



ได้โปรดตอบคินที



“เอม...อย่าล้อคินเล่นสิ” เสียงทุ้มสั่นเครือ



ลุกขึ้นมา ส่งเสียงเรียกชื่อ...ยิ้มให้คินแล้วบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นเรื่องโกหกสิ



หยาดน้ำตาไหลจากดวงตาคมลงอาบใบหน้าไม่หยุดปนเปผสมกับเลือดสีแดงฉานจนแยกไม่ออก



เป็นเพราะเขา...ความผิดของเขา!



“ไม่!!!”



เสียงกรีดร้องที่ดังเสียดโสตประสาท



นั่นคือเสียงของเขาเอง



เฮือก!



คนที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างเตียงสะดุ้งตัวขึ้น เบิกตาโพลง เสียงทุ้มหอบหายใจหนักอย่างกับคนที่เพิ่งโผล่พ้นน้ำ เหงื่อไหลซึมทั้งหน้าและแผ่นหลังกว้าง



ฝันอะไร...เมื่อกี้ผมฝันเห็นอะไร!



ฝันว่าเอมโดนยิง...ฝันว่าร่างผอมบางคนนั้นนอนแน่นิ่งเหมือนคนตาย



ตาย!?



ร่างสูงผุดลุกขึ้นทันที ใช้มือสัมผัสหน้าผากมน แก้มซีด อังเหนือจมูกเล็กแล้วยังมีลมหายใจอ่อนๆ ผ่อนสม่ำเสมอ แต่เท่านั้นเหมือนจะยังไม่เพียงพอ สะบัดผ้าห่มที่คลุมร่างผอมบางทิ้งและแนบหูลงกับแผ่นอกบาง ฟังเสียงหัวใจที่ยังคงเต้นดังตุบๆ ช้าๆ ...ฟังอยู่นานจนหัวใจที่เต้นรัวเร็วเหมือนค้างจากฝันร้ายค่อยๆ ช้าลงจนหัวใจทั้งสองเต้นใกล้เคียงกัน



ทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ว่าชะเอมยังอยู่ตรงนี้



น้ำตามันไหลออกมา...เพียงแค่รู้ว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิต...นี่คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน



เขาช้อนมือบางขึ้นมากุมและร้องไห้อยู่อย่างนั้น ถึงจะขาวซีดแต่มือนี้ยังอุ่นอยู่ ไม่ได้เย็นชืด



เขากลายเป็นคนน้ำตาตื้นไปแล้วเมื่อรู้ตัวว่าชะเอมเป็นคนสำคัญ



“อือ...” ร่างบางที่หลับอยู่ค่อยๆ ปรือตาขึ้น กระพริบตาถี่รัวเพราะแสงสว่างที่แยงเข้ามา การกระทำนั้นทำให้ร่างสูงยิ้มอ่อนอย่างเอ็นดู



เขาไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว



ไม่อยากให้มันสายเกินไป...จะไม่รอให้มันเกิดอะไรขึ้นแล้วเสียใจภายหลังอีกแล้ว



แค่ความฝันก็หนักหนาเกินจะรับไหว...ไม่อยากคิดถึงความเป็นจริง



แดดลอดผ่านผ้าม่านมาทำให้รู้ว่าแสงแห่งรุ่งอรุณวันใหม่มาถึง



“เอม...เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง” มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวทุยเบาๆ ซ้ำยังไล้จากหน้าผาก ลำคอเพื่อวัดอุณหภูมิ อาการดีขึ้นเยอะเลยจากสามวันก่อน



“ครับ” ชะเอมขยี้ตา แล้วเอ่ยทั้งง่วงงุน “คิน เอมหิว”



ร่างสูงหลุดหัวเราะเบาๆ รู้สึกทั้งโล่งใจทั้งดีใจที่ร่างบางพูดแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ดื้อจะไม่กินข้าวลูกเดียว ถึงจะกินก็ได้แค่นิดหน่อยจนเขากังวลว่าชะเอมจะผอมมากไปกว่านี้...แค่นี้ก็ตัวเบาจนยกได้ด้วยแขนข้างเดียวแล้ว



“อยากกินอะไรดี ข้าวต้มหรือโจ๊ก คินซื้อเตรียมไว้ทั้งสองอย่างเลย”



ได้ยินที่พูดใบหน้าหวานก็บูดบึ้ง สงสัยจะเบื่อแล้วทั้งสองอย่างเพราะสองสามวันนี้ก็กินสลับกันแค่นี้ แต่เจ้าตัวก็คงไม่อยากเอาแต่ใจ “ข้าวต้มก็ได้ครับ”



“งั้นรอแปปนึง...”



“แล้วคินล่ะ...” จู่ๆ เสียงใสก็พูดแทรก ทำให้ขายาวชะงัก ทำหน้างง แต่ก็เข้าใจได้ในวินาทีต่อมา ยกมือลูบผมนุ่มแผ่วเบาเป็นรางวัล



“เดี๋ยวคินกินทีหลัง ไม่ต้องห่วงนะ”



มือบางยกขึ้นจับมือเขาแล้วมองด้วยสายตากล้าๆ กลัวๆ “เอมอยากกินด้วย...อยากกินพร้อมกัน”



“แต่...”



“เอมหายแล้ว” คนป่วยรีบบอก แต่พอเห็นอีกฝ่ายนิ่งไม่พูดอะไรก็หน้าซึมเสียงเศร้า “...ไม่ได้เหรอ”



แพ้ทางจริงๆ



“เอมลุกไหวรึเปล่า กินสองคนต้องไปนั่งกินที่โต๊ะข้างนอกห้องนะ”



“ไหวครับ” ริมฝีปากบางแย้มยิ้มดีใจ แต่ถึงกระนั้นร่างผอมที่ไม่ได้ลุกจากเตียงเลยเป็นเวลาสามวันเต็มก็ต้องมีอ่อนแรงกันบ้าง ขาเรียวทรุดลงแต่แขนแกร่งรับไว้ทันท่วงที แถมยกคนตัวเล็กขึ้นอุ้มแนบอก...เบามาก



“คะ คิน!? เอมเดินไหว ให้เอมเดิน...” แขนบางยกขึ้นคล้องลำคอคนตัวใหญ่ที่เมินคำร้องเสียงใส ขายาวเดินออกนอกห้อง วางร่างบางลงบนเก้าอี้ด้วยความนุ่มนวล



“คราวหลังถ้าไม่ไหวก็บอกว่าไม่ไหวสิ”



“แต่เอม...”



“เอม”



“...ครับ” เสียงใสหงอยซึมเมื่อโดนเรียกชื่อดุๆ ดวงตาหลุบลงไม่กล้ามอง แต่กลับโดนมือใหญ่เชิดคางขึ้นสบสายตาคมกริบ



“ต่อไปนี้พูดความจริงกับคินทุกเรื่องได้ไหม เล่าเรื่องทุกอย่างให้คินฟัง”



ได้ยินแบบนั้นน้ำตาก็รื้นจากขอบดวงตากลมโตสีดำ เสียงใสตะกุกตะกัก “ตะ แต่ว่า...”



แล้วถ้าบอกไปแล้วคินไม่เชื่อล่ะ...ถ้าอีกฝ่ายไม่เชื่ออีกแล้วเราจะทำยังไง



คินยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของชะเอม นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่ไหลปริ่มออกมา “คินขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น...คินขอโทษ”



เขา...จะไม่รออีกต่อไปแล้ว



หัวใจของชะเอม...รอนานแค่ไหนกว่าจะได้รับคำตอบรับ



‘เอมชอบคิน’



คำว่าชอบ...ที่เขาจะตอบรับมันอย่างเต็มหัวใจ



“คิน...” เสียงใสสั่นเครือ ดวงตากลมโตสั่นไหวมองใบหน้าคมที่ยื่นเข้ามาใกล้ จนในที่สุดก็ไม่มีช่องว่างอีกต่อไป



ริมฝีปากทั้งสองแนบชิดสนิท ดวงตากลมโตปรือปิดจนน้ำตาที่ขังอยู่ไหลหยด เนิ่นนานหลายนาทีกว่าริมฝีปากหยักจะผละออก พูดเสียงแผ่วเบาแต่ทว่าหนักแน่น เรียกน้ำตาเม็ดโตของชะเอมให้ไหลอีกครั้ง



“คินรักเอมนะ”





************************Whose fault? ************************



ปรบมือยินดีรัวๆ! อีพระเอกหายโง่อย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ!!

ต่อไปและต่อไป(คิดว่าน่าจะ)หวานแล้วนะคะ

ดีใจมากมีคนมาทวงนิยายถึงในเพจ (ฮา)

จริงๆ ปกติก็เข้ามาอ่านเม้นทวงนิยายเกือบทุกวันในเว็บอยู่แล้ว (ความเห่อของมือใหม่อ่ะ)



ใครอ่านเสร็จแล้ว อย่าลืมอ่านอัพเดทข่าวสารหน้าถัดไป

(ขอความกรุณาเป็นอย่างยิ่ง อ่านเถอะนะพลีส)


ติดตามตอนต่อไปเด้อออจ้า

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อัพเดทเรื่องe-book และรูปเล่มนะคะ

ขอพื้นที่ประกาศหน่อยเน้อ
สำหรับคนที่อยากอุดหนุนอีบุ๊คกับรูปเล่มจงอ่าน
ใครที่อยากตามอ่านแค่ในเว็บก็ไม่ต้องอ่านก็ได้ แต่อ่านก็ดีเผื่ออยากเปลี่ยนใจ -.,-

ขอแจ้งเรื่องอีบุ๊คก่อน
น่าจะได้ลงเว็บไม่วันเสาร์ อาทิตย์ก็จันทร์นี้ (วันที่5,6,7 มค62) นะคะ ที่ไม่แน่นอนเพราะว่าทางอีบุ๊คบอกว่าถ้าหากนิยายผ่านพิจารณาเมื่อไหร่ก็ลงขายทันที (ขนาดคนเขียนก็ไม่อาจรู้ล่วงหน้า) รู้แค่ว่ามีอีเมล์แจ้งเตือนว่าขายแล้วเท่านั้น
ดังนั้นเรื่องของโปรโมชั่นลดราคาจาก 650฿เหลือ600฿ ที่สัญญากันไว้ว่าจะตั้งลดให้ในวันแรกที่ลงขาย ก็น่าจะเป็นตามวันที่บอก
แต่ถ้าลงขายปุ๊บรุยจะแจ้งข่าวอีกทีแบบปัจจุบันทันด่วนในทุกเว็บนิยายและเว็บเพจค่ะ
(แต่ถ้าไม่ผ่านพิจารณาก็จะต้องเลื่อนไปอีกแล้วรุยก็จะมาแจ้งให้ทราบเช่นกันค่า)
รายละเอียดของอีบุ๊ค Whose Fault ผิดที่ใคร
ราคา : 650 บาท/2เล่ม
(โปรโมชั่นวางขายวันแรก 600บาท/2เล่ม)
จำนวน : 2 เล่ม
ตัวอักษร : cordia new 16 pt.
จำนวนหน้าของเนื้อหา : รวม 1365 หน้า
เล่ม1 677หน้า
เล่ม2 688หน้า
เนื้อหา :
ตอนหลัก 43 ตอน (มีลงในเว็บ)
ตอนพิเศษ 7 ตอน (ไม่มีลงในเว็บและเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปค่ะขอเตือน)
-สินดิน ตอน สักวันหนึ่ง
-สินดิน ตอน รับผิดชอบ
-คินชะเอม ตอน ข่าวดี
-คินชะเอม ตอน หวง! หึง!
-คินชะเอม ตอน รถใหม่
-คินชะเอม ตอน แอดมิน สาววายจงเจริญ
-คินชะเอม ตอน ชะเอม

ส่วน...คนที่สนใจหนังสืออ่านทางนี้ค่ะ
เรื่องรูปเล่มหนังสือ
รุยไปนั่งคิดนอนก่ายหน้าผากคิดแล้ว สุดท้ายฟันธงว่าจะตีพิมพ์เด้อจ้า ตอบสนองแก่คนที่อยากได้เล่มเอาไปกอดหรือหนุนหมอนก็ได้ (เพราะมันหนามาก)

รายละเอียดของหนังสือ Whose Fault ผิดที่ใคร
ราคาเซ็ต : 900 บาท/2เล่ม
จำนวน : 2 เล่ม
ตัวอักษร : cordia new 14 pt.
จำนวนหน้าของเนื้อหา : รวม 1106 หน้า
เล่ม1 554หน้า
เล่ม2 552หน้า
เนื้อหา :
ตอนหลัก 43 ตอน (มีลงในเว็บ)
ตอนพิเศษ 7 ตอน (ไม่มีลงในเว็บและเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปค่ะขอเตือน)
-สินดิน ตอน สักวันหนึ่ง
-สินดิน ตอน รับผิดชอบ
-คินชะเอม ตอน ข่าวดี
-คินชะเอม ตอน หวง! หึง!
-คินชะเอม ตอน รถใหม่
-คินชะเอม ตอน แอดมิน สาววายจงเจริญ
-คินชะเอม ตอน ชะเอม

สำหรับรูปเล่มก็จะมีความล่าช้านิดนึง อาจจะได้ไม่ปลายเดือนกุมภาก็ต้นเดือนมีนา (หรืออาจเร็วกว่านั้น) เนื่องจากต้องขอเวลาให้นักวาดปกเล่มสองที่เพิ่งกลับมาจากหยุดปีใหม่กับให้เวลาโรงพิมพ์เขาหน่อย
ถ้ามีนักอ่านคนไหนที่พร้อมรับตามเงื่อนไขที่แจ้งด้านบนนี้(โปรดอ่านอย่างละเอียด) ก็สามารถสั่งจองรูปเล่มหนังสือ โดยการโอนเงินมาได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลยค่ะ

จำนวนเงินที่ต้องโอนคือ 900 บาทถ้วน รวมค่าส่ง EMS แล้วนะคะ (มีที่คั่น2อันลายตามหน้าปกจ้า)

โอนได้ที่ :
เลขที่บัญชี 147-244654-5
ชื่อบัญชี กรองแก้ว ดิลกฤทธิศักดิ์
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)

ขอบเขตการสั่งจองรูปเล่ม : วันนี้ - 15 กุมภาพันธ์ 2562 (วันที่นี้จะยืดหยุ่นตามสถานการณ์นะจ๊า)

ช่องทางแจ้งชำระเงิน :
-ผ่าน inbox เพจ H.Rui Novels (แนะนำช่องทางนี้)
-อีเมล์ Krongkaew.earnอย่าแสดงเมลบนบอร์ด
แจ้งแล้วแนบหลักฐานและชื่อที่อยู่จัดส่งมาพร้อมกันเลยนะคะ

ถ้าหากรุยเช็คหลักฐานเรียบร้อยแล้วจะตอบกลับไปทางช่องทางที่นักอ่านแจ้งโอนมาค่ะ
ถ้าหากไม่ตอบภายในหนึ่งวันกรุณาส่งมาอีกทีเผื่อตกหล่นนะคะ :)

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งงง
สุดท้ายนี้ใครมีอะไรสงสัยก็ทักมาถามได้ที่เพจ H.Rui Novels เลยยย
เลิฟนักอ่านทุกคนเสมอๆ <3


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้ออ กว่าจะหายโง่ได้นะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew5: พระเอกเขาหดหายแล้ว...ปรบมือ :katai2-1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
แล้วเรย์ล่ะ จะรับกรรมยังไง??

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เรย์หายต๋อมจนน่ากลัวจริงๆ  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฉลาดแล้ว  :mew2:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
                           
                                                    Whose Fault ?

                                                    ผิด...ครั้งที่ 28





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





​“ดูสิ ร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว”



“ก็!...ก็คินน่ะ มาพูดแบบนั้น” เสียงใสอุบอิบ ตักข้าวต้มเข้าปากเคี้ยวหงับๆ ทั้งตาแดงก่ำผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก



คินหัวเราะคนขี้เขิน ที่ใบหน้าแดงสลับขาวซีดจนคนมองสับสนแทน ไม่รู้ว่าจะเขินหรือจะอะไรกันแน่



พอเงยหน้าขึ้นก็สบตากับตากลมใสสีดำ ก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าหลบตักข้าวต้มเข้าปากอีกหลายคำ แก้มใสตุ่ยขึ้นสีระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู



"น่ารัก" เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้



"...!?" ตาโตกระพริบ พลันหน้าแดงเห่อเมื่อสบตาคมที่มองมา



อะไรกัน...พูด...แล้วก็มามองแบบนั้น



"คิน...ไม่สบายรึเปล่าน่ะ" เสียงใสถามขมวดคิ้ว



ร่างสูงหลุดหัวเราะพรืด "ทำไมล่ะ"



เขาแข็งแรงอย่างที่เห็น อีกฝ่ายต่างหากที่เป็นคนป่วยนอนซมไม่สบายตั้งสามวัน



"ก็ มาพูดว่า...น่ะ น่า...รั...ก" ริมฝีปากบางขบกัดกันพูดเสียงเบาลงทุกขณะ ยิ่งพูดยิ่งอาย



เสียงทุ้มครางในลำคอ...เรื่องแค่นั้นเอง



"ก็เอมน่ารักจริงๆ"



"...ไม่พูดด้วยแล้ว"



"หึหึ รีบๆ กินให้เสร็จจะได้กินยาเข้าไปนอนพัก"



ชะเอมหน้ามุ่ย "นอนอีกแล้วเหรอ"



"ยังไม่หายดี ทำไงได้ล่ะ" ร่างสูงยักไหล่ พอเห็นว่าชะเอมอ้าปากจะพูดอะไร ร่างสูงก็ลุกขึ้นยกจานของตัวเอง ร่างบางเห็นดังนั้นก็รีบลุกถือชามข้าวต้มของตัวเองขึ้นตามบ้าง



"ไม่ต้อง เดี๋ยวคินเก็บเอง" มือใหญ่แย่งชามในมือเล็กไปให้คนมองตามหน้าบูด



ซ่า



"หืม เอม มีอะไร" เสียงทุ้มถามร่างผอมที่เดินมายืนข้างๆ ตอนกำลังถูสบู่กับเครื่องชามในมือ



"...เอมช่วย" เจ้าตัวพูดเสียงเบา



"ไม่ต้องเลย" ร่างสูงจัดการล้างน้ำ และวางชามและช้อนที่สะเด็ดน้ำแล้วบนตะแกรง "ไปเอายามากินแล้วเข้าไปนอนในห้องซะดีๆ"



ชะเอมฟังแล้วเงียบนิ่ง ทำปากมุ่ย ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องไป ดวงตาคู่คมมองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้า



"...จริงๆ เลย"







"เอม...กินยาก่อนแล้วค่อยนอนสิ"



ร่างผอมที่นอนห่มผ้าตะแคงข้างหันหลังให้คินค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มือใหญ่หยิบเม็ดยาวางลงบนฝ่ามือเล็กก่อนจะส่งน้ำให้



ชะเอมมองยาบนมือนิ่ง เพียงครู่เดียวก็กรอกมันเข้าปาก...ร่างบางเป็นคนกินยาง่ายๆ จนผมไม่ต้องพูดอะไรมาก



แต่ตอนนี้ชะเอมนิ่งเงียบจนร่างสูงไม่สบายใจ น้อยใจอะไรอีกแล้วหรือเปล่า โดยที่เขาไม่รู้ตัว



"อ๊ะ!"



เสียงใสร้องเมื่อถูกตวัดร่างให้ลุกขึ้นนั่งทับตักแกร่งโดยหันหน้าเข้าหากันอย่างรวดเร็ว



"คะ คิน!?" ชะเอมดิ้นขลุกขลัก แขนดันอกกว้างและจะถอยหนีแต่ติดที่แขนแข็งแรงโอบรอบเอวบ้างไว้แน่น แถมถูกดึงเข้าใกล้ชิดจนไม่มีช่องว่าง "ทำ...อะไรน่ะ..."



เสียงใสเงียบลงเมื่อถูกผนึกด้วยริมฝีปากร้อนผ่าว



อีกแล้ว...ถูกจูบอีกแล้ว



จากสัมผัสแนบชิดแผ่วเบาราวกับขนนกให้จักกะจี้ริมฝีปาก เมื่อเห็นเปลือกตาบางปรือเปิดเพียงครึ่ง และริมฝีปากบางเผยอแง้ม เพียงชั่วแวบเดียวความอดทนก็หมดลง



"!"



ร่างผอมสะดุ้งเกร็งตัวแน่น เมื่อจู่ๆ ลิ้นเปียกลื่นไหลเข้ามาในช่องปากเล็กเมื่อชะเอมกำลังจะอ้าปากหายใจ ซ้ำยังซุกซนซอกซอนไปทั่วจนดวงตากลมโตหลับปี๋ ใบหน้าหวานร้อนเห่อกับสัมผัสน่าอายที่เรียกความรู้สึกเสียวซ่าน อยากจะร้องออกมาก็ไม่ได้ เพราะการจู่โจมต่อเนื่องที่อีกฝ่ายตักตวงอยู่ฝ่ายเดียว



หายใจ...ไม่ออก...



เสียงแลกลิ้นแลกน้ำลายดังจ๊วบจ๊าบยิ่งทำให้ปวดมวนในท้องน้อย มือบางจิกไหล่กว้างขยุ้มเสื้อจนยับยู่ยี่ไม่รู้ตัว และลมหายใจร้อนหอบสั่นจากปลายจมูกที่เป่าใกล้ชิด ยิ่งทำให้คินฮึกเหิมมากขึ้น



ชะเอมจะรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองทำให้เขาแทบคลั่ง ลิ้นเล็กที่เกี่ยวพันตอบกลับมาอย่างไร้เดียงสา ตากลมปรือปรอยกับน้ำตาที่ขังอยู่ตรงขอบตาเพราะอารมณ์เร่าร้อน



"...แฮ่ก...อือ..."



ร่างสูงผละออกให้โอกาสให้ร่างบางได้ตักตวงลมหายใจที่ขาดห้วง ชะเอมตัวอ่อนปวกเปียกซบใบหน้าลงกับอกกว้างอย่างหมดแรง แต่ผมยังไม่หยุดละริมฝีปากที่ตามติด มือใหญ่เชยคางมนให้เงยหน้าเตรียมรับการจู่โจมครั้งต่อไป



อีกครั้งและอีกครั้ง



เนิ่นนานจนชะเอมรับไม่ไหว ร่างผอมสำลักน้ำลายที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร



"แค่ก!! แค่ก...พะ...แล้ว" เสียงใสเอ่ยห้ามตะกุกตะกัก แต่เขาไม่อยากหยุด ดูสิ แรงจะดิ้นหนียังไม่มีเลยด้วยซ้ำ แล้วเจ้าตัวคิดได้อย่างไรว่าแค่พูดเท่านั้นจะทำให้เขาหยุดได้ "คิน...พอแล้ว...นะครับ"



ร่างสูงไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แววตาคมกริบจ้องมองริมฝีปากแดงช้ำขยับอยู่ตรงหน้า ชวนให้ลิ้มลอง...มันหวานมาก จนชิมเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลย



"คิน..."



ร่างสูงผ่อนลมหายใจที่ร้อนผ่าว พยายามตั้งสติ รั้งร่างบางเข้ามากอดแน่นๆ ข่มอารมณ์บางอย่างที่มันกำลังพลุ่งพล่าน



แค่จูบยังเป็นถึงขนาดนี้



"คิน?"



"เมื่อกี้...เอมโกรธอะไรคินเหรอ"



"เอ๊ะ...ปะ..."



"บอกมาเถอะ" เขารีบพูดแทรกก่อนที่ชะเอมจะพูดคำที่มักจะพูดว่าเปล่า หรือ ไม่เป็นไร แววตาคมจ้องมองตากลมสีดำลึกลงไป "อย่าโกหกคินเลย"



เพราะชะเอมชอบพูดว่าไม่เป็นไร และปฏิเสธมาตลอด แม้ในยามที่อีกฝ่ายเจ็บไข้ไม่สบายเขาก็ไม่เคยรู้เลย



เขาจึงไม่ชอบ...



ดวงตาสุกสกาวสั่นไหวระริก ริมฝีปากบางเม้มแน่น



"...เอม...คะ คือว่าเอม..."



"..."



"เอมไม่รู้...ไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าที่คินเป็นอยู่นี่ ที่คินใจดีด้วยเป็นเพราะอะไร..."



"..."



"ที่บอกว่ารักนั่นด้วย" น้ำตาเม็ดกลมไหลพาดแก้มใส ทั้งสุขและเศร้า "เอมดีใจมากเลย จนคิดว่าเป็นความฝัน"



"..."



"เอมกลัว...ว่าถ้านี่เป็นความฝัน แล้วตื่นมาแล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เอมเลยไม่กล้าพูด"



"...เอม..."



"ถ้าเอมงี่เง่าอีก คินก็จะทิ้งเอมไปใช่มั้ยครับ" แขนบางโอบกอดลำคอคนตรงหน้าไว้แน่น แน่นจนไม่อยากปล่อย "คินอย่าเกลียดเอมเลยนะ...เอมไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว"



ใบหน้าหวานกดซบลงกับไหล่กว้าง ยังรับรู้ถึงความร้อนระอุจากคนไม่สบาย เสื้อบริเวณไหล่เปียกชื้นเป็นวงเพราะน้ำตา



เขา...ทำร้ายชะเอมจนเป็นแบบนี้ เป็นคนที่กังวลกับทุกสิ่งทุกอย่าง



แค่ทำเสียงดุใส่...ร่างบางก็คิดว่าเขาโกรธ



'ไม่ต้อง เดี๋ยวคินเก็บเอง'



แค่เขาบอกให้ไปนอนเพราะเป็นห่วง...เอมก็คิดว่าเขาขับไสไล่ส่ง



'ไปเอายามากินแล้วเข้าไปนอนในห้องซะดีๆ'



ทุกคำพูดของเขา ทำให้เอมกลายเป็นคนขี้กลัว...กลัวว่าจะถูกเกลียด...ถูกทิ้ง



"เอม..." คินดึงร่างบางออกมา ปาดน้ำตาออกให้อย่างแผ่วเบา แต่ก็ยังไหลผล็อยๆ ออกมาไม่หยุดจนขอบตาบอบบางแดงช้ำ "คินขอโทษจริงๆ ไม่รู้ว่าต้องพูดขอโทษสักกี่ครั้งถึงจะพอกับทีคินทำเลวกับเอม"



"ฮึก...ไม่...ไม่ใช่..."



"ใช่สิ คินมันเลวที่สุด สมควรแล้วที่โดนเอมไล่แบบนั้น”



"ฮึก! ฮือออ" คราวนี้ชะเอมเบะปาก ร้องโฮ "ไม่ใช่นะ...เอมผิดเอง"



เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ควรเกิดมาตั้งแต่แรก เพราะเขาคนเดียวที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวาย...เพราะเด็กกำพร้าอย่างเขา



ทั้งๆ ที่เขาผิดมากมายขนาดนี้ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เคยโทษเขาเลย...ไม่เคยโยนความผิดให้ใคร...และโทษตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวซ้ำไปซ้ำมา



จะมีใครที่อ่อนโยนเท่าเด็กคนนี้อีก



"คินขอโทษ...ขอโทษนะ"



‘เอมไม่อยากฟังคำขอโทษของคินแล้ว!’



แม้อีกฝ่ายจะไม่อยากฟังแล้ว แต่ก็อยากจะพูด สักร้อยครั้ง...ล้านครั้ง



"คินไม่ต้องขอโทษแล้ว ฮึก...เอมไม่เคยโกรธคินเลย เคยบอกแล้วนี่นา" ชะเอมฝืนยิ้มทั้งๆ ที่ยังสะอื้น มือยกลูบตรงข้างแก้มที่เคยฟาดลงไป “ที่ตบคิน เอมขอโทษ”



ยิ่งฟังก็รู้สึกว่าเขามันยิ่งเลวเกินทน



"ไม่ต้องขอโทษคินเพราะมันสมควรแล้วที่เอมจะลงโทษคินแบบนั้น” จริงๆ แล้วเขาควรจะโดนมากกว่านั้นด้วยซ้ำ “แล้วก็อย่ายกโทษให้คิน...อย่ายกโทษให้ผู้ชายเลวๆ คนนี้"



"คิน..."



"แต่คินขอโอกาส...ให้โอกาสคินได้แก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง มันอาจจะลบเรื่องเก่าๆ ไม่ได้ ...แต่จากนี้ไป คินขออยู่เคียงข้างตลอดไปได้มั้ย"



"คิน" น้ำตาไหลรินอีกครั้งเมื่อคำขอโอกาสดังจากปากของอีกฝ่าย...ครั้งนี้มันมาจากคนที่เขาคาดหวังมาตลอด



ครั้งนี้...มันไม่ใช่ความฝัน



"คินรักเอมนะ...ขอให้คินได้หลงรักและดูแลเด็กคนนี้อีกครั้งได้มั้ย"



สมัยยังเด็ก คินได้เจอและได้รู้จักเด็กน่ารักคนหนึ่งที่พ่อพามาที่บ้าน เด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้ชายชื่อชะเอม อายุน้อยกว่าหนึ่งปี หน้าตาน่ารักและตัวเล็กกว่าเขา ผิวขาวใสน่าเอ็นดูเหมือนเด็กผู้หญิง



เด็กคนนั้นที่ไม่ว่าจะเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายแค่ไหนอย่างไรก็ยังคงงดงามเต็มไปด้วยความใสซื่อและบริสุทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง



คินยิ้มมองชะเอมที่ร้องไห้จนใบหน้าเปรอะเปื้อนดูไม่ได้ ดีใจเหลือเกินที่ได้รับความรักจากคนๆ นี้ เอมรักเขามากจริงๆ โดยที่ไม่ต้องเอ่ยออกมา...อีกฝ่ายแสดงให้เขาเห็นแล้ว



"เอม...คำตอบของคินล่ะ"



ศีรษะทุยผงกจนผมสะบัดแรง "คะ...ครับ!" ปาดน้ำตา สูดน้ำมูกและยิ้มกว้างที่สุดในรอบหลายเดือน



ดีใจที่สุดเลย





************************Whose fault? ************************





"สวัสดีค่ะพี่"



"ไง ยัยริน"



"ไปไหนมาคะ" รินส่งเสียงถาม คำถามเหมือนตามมารยาทหรือความเป็นห่วงเป็นใยปกติที่น้องมีให้พี่แต่มันแฝงไปด้วยความอยากรู้



 "ธุระนิดหน่อย" ไหล่เล็กยักก่อนเดินเลี่ยงออกไป ขาเรียวเตรียมก้าวขึ้นบันได แต่โดนน้องสาวเรียกรั้งเอาไว้ก่อน



"เดี๋ยวค่ะ"



"อะไรริน พี่เหนื่อย จะขึ้นไปนอน" น้ำเสียงใสเจือด้วยความหงุดหงิด



"รินมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย"



จมูกเล็กพ่นลมหายใจแรง นึกว่าอะไร "เอาไว้วันอื่นก็แล้วกัน"



"เรื่องสำคัญมากนะคะ"



เสียงเน้นคำทำให้เรย์ปรายตามอง สบกับแววตาจริงจังของสาวสวยผมยาวที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับตัวเอง



"อีกสิบห้านาทีค่อยตามขึ้นมา ขออาบน้ำก่อน"



ครอบครัวโรจน์ศักดินาเป็นครอบครัวนักการเมืองที่สืบสกุลมารุ่นต่อรุ่น โด่งดังมีชื่อเสียงนับตั้งแต่คนรุ่นแรกสร้างเอาไว้ ทำงานอุทิศตนเพื่อสังคมส่วนรวมและมียึดมั่นในความยุติธรรมอย่างสูง จึงไม่แปลกใจที่ใครได้ยินนามสกุลโรจน์ศักดินาแล้วมีแต่คนรู้จัก



ถ้าไม่รู้จักสิน่าแปลก



บ้าน...ไม่สิ คฤหาสน์หลังนี้ก็เริ่มสร้างตั้งแต่ครอบครัวโรจน์ศักดินาเริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ก่อสร้างและต่อเติมมาเรื่อยจนหลังใหญ่โตขนาดนี้ ทั้งยังซื้อพื้นที่ไว้เยอะจนมีอาณาเขตรอบบ้านกว้างขวางสนามหญ้าด้านนอกก็เอาไว้ปลูกต้นไม้ซะเยอะเพราะคุณหญิงของบ้านชอบต้นไม้มาก



และรุ่นนี้ก็มีทายาทสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่งคือเรย์กับรินนั่นเอง



ก๊อก ก๊อก



"เข้ามาสิ"



หญิงสาวได้รับคำอนุญาตผ่านประตูไม้สักหนาแล้วก็หมุนลูกบิดเปิดเข้าไป



ห้องนอนใหญ่โอ่อ่าปรากฏออก เตียงนุ่มใหญ่โตที่มีเสาสี่เสาจนผู้ชายตัวใหญ่ๆ นอนได้ถึงสี่คนและผ้าม่านที่เหมือนเห็นในภาพยนตร์คนร่ำรวย ทั้งตู้ ทั้งโต๊ะ ทั้งเตียงทั้งหมดทำจากไม้สักแท้ราคาแพง สมกับเป็นห้องนอนของลูกชายนักการเมืองชื่อดัง



เมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามาในห้องนอนที่ขึ้นชื่อว่าห้องส่วนตัวของผู้ชาย แต่ไม่มีทีท่าว่าจะเขินอายใดๆเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายของเธอไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้หญิง แถมหน้าตาที่น่ารักกว่าทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายก็ไม่ใช่สเปคของเธอด้วย



แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รักและนับถือพี่เรย์มาก...ขอให้สิ่งที่เธอกำลังจะรู้ในวันนี้ มันไปเปลี่ยนเป็นคำว่ารักและนับถือ...เป็นคำว่าเสียใจและหมดศรัทธาเลย



ร่างเล็กที่มีความสูงกว่าเธอเล็กน้อยทั้งที่เป็นพี่ชายยืนหันหลังให้ ใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาว และกำลังเช็ดเส้นผมเปียกชื้นอยู่ จึงไม่เห็นใบหน้าว่าอยู่อารมณ์ไหน



"มีอะไร รีบๆ พูดมาเลยนะวันนี้พี่ไม่ค่อยมีอารมณ์"



"ค่ะ งั้นรินไม่อ้อมค้อม ขอถามตรงๆ ก็แล้วกัน" ริมฝีปากบางยิ้มหวาน "เรื่องที่พี่บอกรินเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุจนพี่ต้องเข้าโรงพยาบาลในวันนั้น...เป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ?"



มือเล็กชะงักหันมามอง สีหน้าที่แสดงออกมีแต่ความงุนงงสงสัย เนียนจนแทบจับไม่ได้



"แกหมายความว่าไง"



"ก็ที่พี่บอกว่าพี่เอมเป็นคนผลักให้รถมาชนพี่ไง...รินถามว่ามันจริงรึเปล่า" เสียงใสเรียบนิ่งขึ้นทุกที หากแต่ในใจเต้นระรัวกลัวความจริงที่จะต้องรับรู้



"แกพูดเรื่องอะไรน่ะ เห็นพี่เป็นคนขี้โกหกหรือไง มันก็ต้องเป็นความจริงอยู่แล้ว" เรย์โยนผ้าขนหนูที่เช็ดเสร็จแล้วลงตะกร้าผ้า เดินมานั่งที่ขอบเตียงโดยที่น้องสาวยังยืนมองมาเงียบๆ "แล้วนี่อะไร ไปเรียกมันว่าพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ลืมไปแล้วหรือไงว่ามันทำอะไรพี่ของแกเอาไว้"



... ‘มัน’ เหรอ...



ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของรินจับจ้องไปที่แผลบนขมับเพราะอีกฝ่ายเสยให้ดูชัดๆ



"คิดจะไปญาติดีกับมัน คิดถึงใจพี่บ้าง" ร่างเล็กแค่นเสียง ขบกรามจนปูด "คินก็เหมือนกัน ช่วงนี้แจ้นไปหามันซะไม่สนใจพี่ที่เป็นแฟนเลยสักนิด" เรย์พูดเมินคำบอกเลิกของคินราวกับไม่เคยเกิดขึ้นและเขาก็ไม่เคยได้ยินอะไรทั้งนั้น



"เป็นเพราะเขารู้นิสัยจริงๆ ของพี่แล้วมากกว่ามั้งคะ"



ดวงตาวาวโรจน์ตวัดมอง "เธอว่าอะไรนะ"



"เปล่าค่ะ"



"ตกลงเธอมาถามเพราะสงสัยเรื่องแค่นี้?"



"เปล่าค่ะ ยังมีอีกเรื่อง...ตอนอยู่ที่ค่ายต่างจังหวัดพี่เป็นคนส่งคนมาขังพี่ชะเอมไว้ในกระท่อมร้างใช่รึเปล่า"



ดวงตาเบิกกว้างลืมเก็บอาการ "...นี่เธอ..." รู้ได้ยังไง



"ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไง เพราะรินเห็นน่ะสิ..." ถึงจะเพียงแค่แวบเดียว แต่เธอก็จำเสี้ยวหน้านั่นได้ "พี่สั่งนามให้ทำแบบนั้นทำไม"



"ไอ้นามมันเป็นแค่คนใช้ แกจะเดือดร้อนทำไม"



ริมฝีปากบางเม้มแน่น "...แสดงว่าพี่ทำจริงๆ สินะ" ดวงตาฉายแววเสียใจ เธอเพียงแต่พูดออกมาเพื่อหลอกล่อ ไม่คิดว่าเรย์จะเผลอพูดออกมาจริงๆ



"แล้วไง อย่าบอกนะว่าสงสาร พี่แค่จะสั่งสอนให้มันรู้สึกนึกบ้าง...ก็แค่จะเอาคืนแค่นั้น เพราะพี่เจ็บตัวเพราะมันมาตั้งหลายครั้งแล้ว" ร่างเล็กกอดอกพูด แม้แต่คำโกหกที่มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ก็ยังพูดออกมาได้อย่างลื่นไหล...แม้แต่กับน้องสาวของตัวเอง



หญิงสาวน้ำตารื้นจนภาพพร่ามัว ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน



"พี่รู้รึเปล่าคะ ว่ารินก็อยู่ในนั้นด้วย"



เรย์หันมามองอย่างตกใจนิดๆ แต่ไม่มีความสำนึกผิด



"...แล้วแกไปทำบ้าอะไรอยู่ในนั้นล่ะ"



ไม่มีแม้แต่ความเป็นห่วงเป็นใย...รินปาดน้ำตา แค่นหัวเราะ



"เรื่องของรินยังไงก็ช่างเถอะ แต่พี่รู้ตัวมั้ยว่าตัวเองเกือบจะฆ่าคนๆ นั้นไปแล้ว"



“พูดบ้าอะไรของแก” เรย์ชักสีหน้า "ทำไม ก็แค่ขังมันไว้เฉยๆ แล้วมันจะตายได้ยังไงห๊ะ!?"



"พี่ชะเอมเขาเป็นโรคหัวใจ แล้วเขาก็อาการกำเริบอยู่ในกระท่อมนั่น! ถ้าไม่มีรินกับสา เขาคงตายไปแล้วก็เพราะพี่นั่นแหละ!!!"



พอน้องสาวขึ้นเสียงสูงใส่ อารมณ์ก็โมโหขึ้นอย่างไร้เหตุผล ยิ่งได้ยินคำเป็นห่วงไอ้เด็กกำพร้านั่นมันยิ่งโกรธ ร่างเล็กผุดลุกขึ้นถลึงตาตะคอกหน้าแดงก่ำ "เออ ก็ช่างมันสิ! คนอย่างนั้นน่ะ...ให้มันตายๆ ไปเลยซะก็ดี!"



"ทำไมพี่เป็นคนแบบนี้" หญิงสาวมองทั้งน้ำตา ท่าทางก้าวร้าวกับคำพูดใจร้ายที่แสดงออกมา... ทำไมพี่เธอเป็นคนใจโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ "ถ้าหากเขาตาย พี่จะเป็นแค่ไอ้ฆาตกรเลือดเย็น รินสามารถทำให้พี่ไปอยู่ในคุกได้เลย"



"แกก็ลองดูสิ! แกกล้าทำกับพี่ชายคนนี้ได้ลงเหรอ หา!!?" นิ้วชี้หน้าคนในสายเลือดอย่างเอาเรื่อง



"ทำไมคะ พี่ชายทำผิด ทำไมรินจะทำให้มันถูกต้องไม่ได้"



"เหอะ เป็นเดือดเป็นร้อนแทนมันจังนะ ไปโดนมันเป่าหูอะไรมาอีกล่ะ...ไม่ว่าจะหน้าไหนๆ" เสียงใสแค่นแค้น ไม่ว่าจะหน้าไหนๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจเลยแม้แต่คนเดียว



"พี่เอมเขาไม่ได้พูดอะไรเลย"



แต่เพียงเท่านั้นเธอก็เปลี่ยนใจ...จากที่เคยเกลียด เปลี่ยนเป็นนับถือ...รุ่นพี่แสนดีคนนั้น



"เหอะ" เรย์แค่นเสียง ตากลอกมองบนอย่างไม่เชื่อ



แล้วดูคนที่เธอเคยรักสิ พี่ชายที่น่ารักของเธอกลับเปลี่ยนไปขนาดนี้



"ตอนนี้รินชักไม่แน่ใจแล้วว่าเรื่องที่พี่พูดก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกหรือเรื่องจริงกันแน่" ดวงตาเรียวคมของหญิงสาวแข็งกระด้าง แต่ลึกลงไปกลับสะท้อนความเจ็บปวดเมื่อนึกถึงรุ่นพี่คนนั้น "อย่างน้อยพี่ชะเอมก็ไม่เคยโทษใคร ไม่เคยใส่ร้ายใคร...เหมือนอย่างที่พี่เป็น!"



"ยัยริน!!" ดวงตาโตถลึงโมโหอย่างสุดขีดเมื่อถูกเอาไปเปรียบเทียบกับคนที่เกลียด "ออกไปเดี๋ยวนี้...ถ้ายังเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าแกเป็นพี่ชายแท้ๆ ล่ะก็ ออกไป!"



รินหัวเราะ "แทงใจดำหรือไงคะ"



"บอกให้ออกไปไง!"



"พี่คอยดูว่ารินจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่ จนกว่าจะได้รู้ความจริงทุกอย่าง!"



ปัง!!



"พี่จำคำพูดรินเอาไว้นะ!!"



เสียงหอบหายใจฟืดฟาดดังขึ้นหลังแผ่นประตูเพราะความโมโหที่ไม่ได้รับการระบาย



ยัยรินรู้แล้ว



แต่...ยังไม่รู้ทั้งหมด ยังไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาทำให้เกิดขึ้น...ทุกๆ ครั้ง



แค่คินขอเลิกก็แทบจะหมดความอดทน...แล้วนี่ยังจะน้องสาวตัวเองอีก ไอ้เอมมันหว่านเสน่ห์ด้วยอะไร ทำไมใครๆ ถึงรักถึงหลงมันกันนัก!?



เป็นแค่เด็กกำพร้า คิดจะเทียบเคียงเขา คิดจะเหนือกว่าเขางั้นเหรอ



ดวงตาโตแดงก่ำ มีเพียงไอ้เอม...เด็กกำพร้านั่น น้องสาวแท้ๆ กับคนใช้ที่รู้ว่าทุกเหตุการณ์ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่คือการจงใจ



"หึ...หึหึ..."



แต่จะห่วงไปทำไม ยังไงก็ไม่มีใครทำอะไรได้อยู่แล้ว...เขาเป็นใคร ลูกชายของพ่อเชียวนะ...ลูกชายของนักการเมืองชื่อดัง เขาคือผู้ที่จะสืบทอดสายเลือดของตระกูลต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อก็ต้องทำอะไรสักอย่างอยู่แล้ว



ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน...พ่อก็จะต้องช่วยเขาแน่นอน



'พี่ชะเอมเขาเป็นโรคหัวใจ แล้วเขาก็อาการกำเริบอยู่ในกระท่อมนั่น! ถ้าไม่มีรินกับสา เขาคงตายไปแล้วก็เพราะพี่นั่นแหละ!!!'



ถ้าหากถูกเข้าใจแบบนี้แล้ว...แล้วทำไมถึงไม่ทำให้เป็นจริงไปซะเลยล่ะ



ยังไงซะตอนนี้เขาก็ไม่มีใคร...เพราะโดนไอ้ชะเอมมันแย่งไปทั้งหมด



ริมฝีปากบางแสยะยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัว "...ต้องให้มันตายๆ ไปซะ...ไอ้เด็กกำพร้าน่ารังเกียจ ให้สาสมกับที่มึงเอาของสำคัญกูไป"





************************Whose fault? ************************




ต่อด้านล่างเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ต่อจากด้านบนเจ้าค่ะ








ร่างสองร่างกอดกันแน่นไม่ห่างอยู่บนเตียงใหญ่ โดยที่ร่างผอมบางในชุดนอนนั่งคร่อมตักร่างสูงใหญ่ หัวทุยซบอกกว้างแนบชิดโดยไม่มีทีท่าว่าคนโดนนั่งทับกดน้ำหนักอยู่นั้นจะมีท่าทีอึดอัดหรือบ่นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว



"คิน..." เสียงใสแหบโหย เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งตากลมและจมูกเล็กก็แดงก่ำ



ทั้งง่วงทั้งเหนื่อยแต่ก็อยากคุย



"หืม"



มือบางยกขยี้ตาที่แสบจนมือใหญ่ต้องดึงออก



"มีอะไรไหนพูดมาสิ"



"คือ..." ริมฝีปากบางเม้ม เสียงใสพูดแผ่วเบา "คินจำ...ครั้งแรกที่คินเข้ามาเจอเรย์กับเอมทะเลาะกันในห้องนี้ได้ไหม"



คินนิ่งนึก...ภาพความทรงจำย้อนมา เสียงโวยวายของคนสองคนในยามที่เขาเปิดประตูเข้าไป ร่างเล็กของเรย์ล้มกองบนเศษแจกันแก้วแตกกระจาย กับร่างผอมบางของชะเอมที่ยืนหน้าซีดอยู่ไม่ไกล



หมายถึงเรื่องนั้นเหรอ



"จำได้"



"เอมเคยจะบอกคินแล้วที่ค่ายแต่ตอนนั้น..." ชะเอมอึกอัก



'แล้วรอยตบบนแก้มล่ะ จะบอกว่าเรย์ตบหน้าตัวเองงั้นเหรอ?'



'นั่น...ผมเป็นคนทำเอง แต่ก็เพราะว่าเรย์น่ะ...!"



'ยังไงก็เปลี่ยนสิ่งที่นายทำไปแล้วไม่ได้หรอกนะ'



"ตอนนั้นคินพูดถูกแล้ว" ดวงตากลมสั่นระริก น้ำตาปริ่มขอบตาแดงช้ำอีกครั้ง "เอมเป็นคนตบหน้าเรย์เอง"



'อันที่จริงถ้าฉันเป็นพ่อของคิน ก็อาจจะคิดอยู่หน่อยๆ แหละว่าเมื่อไหร่กาฝากอย่างแกจะออกไปซะที'



'ไปอ่อยอะไรไว้ล่ะ เขาถึงเลี้ยงดูแกต่อ เอาคนลูกไม่พอยังจะมาเอาพ่อ...'



"แต่ที่เอมทำแบบนั้นก็เพราะเรย์ว่าคุณลุง เอมยอมไม่ได้...ทนฟังไม่ได้จริงๆ นะ" ผมได้แต่มองคนบนตักพูดเสียงสั่นเครือ "เขาจะว่าเอมกี่ครั้งก็ได้ แต่มาว่าคุณลุงแบบนั้น เอมก็เลย...อึก!"



"..."



มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วพูดต่อ "แล้วอยู่ๆ คินก็เข้ามา เอมรู้ตัว...อึก อีกที เขาก็ปัดแจกันแตกแล้วล้มลงไป ตอนนั้นเอมก็ตกใจ..."



อย่างนี้นี่เอง



"หมอนั่นว่าอะไรพ่อเหรอ" เสียงทุ้มถาม ริมฝีปากคมยิ้มเอ็นดูเมื่อน้ำตาที่ยิ่งเช็ดยิ่งไหลออกมา มือใหญ่ก็ยกขึ้นจับแก้มใสที่เปียกชื้นแล้วใช้นิ้วโป้งช่วยไล้ขอบตาแดงช้ำเบาๆ



ผลิตน้ำตาได้ไม่หยุดเลยเด็กคนนี้



"เขาบอก ฮึก ว่าเอมเป็นเด็กกำพร้า เป็นกาฝากมาเกาะคุณลุง...มาอ่อยคุณลุงให้เลี้ยงดู ฮึก ฮึก!" ยิ่งพูดยิ่งคับแค้นใจ ไม่รู้ทำไมถึงยังจำได้...มันติดตรึงในความทรงจำ...ความทรงจำแย่ๆ



ใจเขากระตุกเมื่อได้ฟัง มือจับไหล่บางสองข้างไว้แน่น และหายใจแรง "เอมพูด...ว่าอะไรนะ..."



กาฝาก? อ่อย...? ทำไมถึงได้พูดแรงขนาดนี้



"แล้วเรื่องพ่อรับเอมมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เขารู้ได้ยังไง" เสียงทุ้มถาม เลี่ยงการใช้คำพูดว่าร่างผอมบางเป็นเด็กกำพร้า...คนที่รู้เรื่องนี้น้อยจนแทบจะนับคนได้ เรื่องที่ว่าเขากับเอมจริงๆ แล้วเป็นพี่น้องต่างสายเลือดกันอย่างถูกกฎหมาย



ร่างบางกระพริบตาปริบ สูดน้ำมูกเสียงดัง แผ่นหลังบางกระตุกเพราะแรงสะอื้น "เรย์บอกว่าคินเป็นคนบอก"



เขาอึ้งอีกครั้ง "ไม่ คินไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับใครเลย"



บ้าไปแล้ว เรื่องสำคัญแบบนี้ ใครจะพูดพร่ำเพรื่อ



แล้วเรย์รู้ได้ยังไง? รู้มาจากไหน?



...เรื่องนี้มันชักจะยังไงๆ แล้วล่ะสิ...



จากนั้นชะเอมก็ค่อยๆ พูดทีละเรื่องออกมา คินก็ได้แต่ฟังและพยักหน้า ลูบหลังคนสะอื้น เอ่ยปลอบเสียงเบา



"จริงสิ...แล้วเรย์ล่ะครับ คินมาอยู่กับเอมแบบนี้ เรย์ไม่..." ชะเอมเงียบไป เพราะไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี...โวยวาย? อาละวาด? เพราะตอนนี้รู้ดีว่าคนที่เอ่ยถึงนิสัยเป็นเช่นไร



"เอม คินเลิกกับเขาแล้ว"



ร่างบางดันตัวมองใบหน้าคมทันที ตาโตเบิกกว้างอย่างแปลกใจ ถามเสียงแผ่วอย่างไม่อยากเชื่อ



"จริงเหรอ?"



ร่างสูงพยักหน้ายืนยัน แววตาจริงจังไม่โกหก



"ทำไมล่ะครับ"



"...ไม่รู้สิ...อันที่จริงคินไม่ได้ชอบเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่คบกับเรย์ก็เพราะเขาขอ..." ใบหน้าคมส่าย เขาจะไม่โยนความผิดให้ใคร เพราะนั่นก็เป็นความผิดของเขาเช่นกัน "เพราะคินมันโง่เง่าเอง แล้วอีกอย่างเราสองคนก็เหมาะจะเป็นเพื่อนกันมากกว่าด้วย"



ดวงตาคู่คมจ้องมองดวงตากลมสีดำใสสุกสกาวที่รอฟังเขาพูดอยู่ ใบหน้าคมเลื่อนแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากมนอุ่นกระซิบบอกอีกฝ่ายให้ชัดเจน



"และเพราะคินตกหลุมรักใครบางคนอย่างเต็มหัวใจ...คนดีของคิน...ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้"



"คิน..." ร่างบางน้ำตาปริ่ม เขาผละออกทันที



"อะอะ ไม่เอาแล้ว ร้องจนตาปูดเป็นมะนาวแล้วเนี่ย"



"กะก็ ก็! คินน่ะแหละ...พูดให้เอม...ดีใจ...ทำไมล่ะ" มือบางรีบปาดน้ำตาทิ้ง



"เด็กขี้แย"



"เอมไม่ได้ขี้แยซักหน่อย!"



ร่างสูงหลุดหัวเราะขำออกมากับคนเถียงข้างๆ คูๆ จนร่างบางก็หัวเราะออกมาบ้าง



"เรื่องเรย์ คินขอโทษนะ ที่ทำให้เอมเสียใจ เพราะคินโง่ คิดง่ายๆ..."



"อื้อ" ใบหน้าหวานส่ายยิ้มๆ นิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากหนา เพราะตอนนี้...ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ ยังไงคินก็อยู่ตรงนี้แล้ว



ยังมีอีกเรื่องที่ยังติดค้างในใจ คินอยากให้มันเคลียร์ออกไปจากใจทั้งหมด เพื่อที่จะเริ่มต้นกับชะเอมอย่างไม่ต้องพะวงเรื่องอดีต



"เรื่องพวงกุญแจ" ร่างบางกระตุกเฮือก ทำให้เขาต้องลูบแผ่นหลังบางปลอบ "คินตั้งใจจะซื้อพวงกุญแจนั่น...ให้เอมตอบแทนเรื่องของขวัญ แต่เรย์ดันมาเห็นแล้วบอกว่าจะเอาให้ได้ มันก็เลย..."



เสียงทุ้มถอนหายใจยาว ยิ่งพูดเหมือนยิ่งแก้ตัว มันก็เป็นเพราะเขาอีกนั่นแหละที่ไม่พูดกับเรย์ให้เด็ดขาดชัดเจน



"ที่คินยังแขวนมันไว้ ไม่ใช่เพราะเห็นว่าอยากจะคู่กับเรย์...แต่มันเป็นของขวัญที่เอมให้...ของสำคัญของคิน...คินชอบมากเลยรู้มั้ย" ร่างสูงจูบปลายจมูกเล็กตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว



"คินชอบเหรอ" ร่างบางฟังแล้วเริ่มยิ้มออก



"ชอบสิ ชอบมากเลย"



"เอมเลือกเอง" เจ้าตัวพูดเสียงใส ยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ แต่ก็เปลี่ยนเป็นหน้าซีด หงอยซึมอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินประโยคถัดมา



"แต่คินจะไม่แขวนมันแล้ว"



"ทำไมล่ะ..."



มือสากจับแก้มใสให้สบตา ไล้นิ้วโป้งอย่างแผ่วเบา "เพราะคินอยากได้ของที่ใช้คู่กับเอมมากกว่า...ไว้เราไปเลือกใหม่ด้วยกันดีมั้ย"



คราวนี้ดวงตากลมโตกลับมาสุกสกาวระยิบระยับ และรอยยิ้มแย้มกว้างตอบรับ ใบหน้าหวานพยักแรงๆ หลายที "อื้อ!"



เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของคนสองคนดังขึ้นในห้องนอนกว้าง คินรู้สึกว่าหลงรักชะเอมมากขึ้นไปอีกเพียงได้อยู่ด้วยกัน คุยกัน ด้วยนิสัยที่ซื่อบริสุทธิ์ แสดงออกมาอย่างซื่อตรงไม่ต้องปรุงแต่งเพิ่มเติมอะไรเลย เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขาเป็นที่รักของคนรอบข้างได้อย่างง่ายดาย...และเขาก็เป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้รับความรักจากคนๆ นี้...จะมีใครที่แคร์และเอาใจใส่เขาได้มากเท่าเด็กคนนี้อีก ใบหน้าหวานที่แสดงอารมณ์หลากหลายเพียงเพราะคำพูดของเขาไม่กี่คำ



อ้อมแขนใหญ่ตวัดโอบกอดอีกฝ่ายเข้ามาแนบอกแกร่งแน่น จนร่างผอมบางแทบจะจมหายเข้าไป



"เอม เล่าเรื่องที่เหลือให้คินฟังด้วยนะ คินอยากฟัง ห้ามปิดบัง"



อยากจะใช้ทุกวินาทีที่มีค่า...ให้คุ้มกับที่เสียไป...กับเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาอย่างทุกข์ทรมานใจ



"...ก็ได้อยู่หรอก แต่เอมอยากอาบน้ำก่อน ตัวเหนียวไปหมดแล้ว"



"ไม่ได้ เอมยังตัวรุมๆ อยู่...เอางี้ เดี๋ยวเอมนอนพักก่อน พอตื่นแล้วค่อยเล่าให้คินฟัง โอเค้"



"แต่เอมเหม็นเหงื่อตัวเอง" ชะเอมบ่นอุบ ยกแขนตัวเองขึ้นดมแล้วย่นจมูกเล็กอย่างน่ารัก



จมูกโด่งถือโอกาสกดลงบนแก้มใสหอมกรุ่น "เหม็นที่ไหน หอมจะตาย"



"คะ คิน!? ทำอะไร...ทะลึ่ง!" ชะเอมตาโตยกมือขึ้นจับแก้มตรงที่โดนจู่โจม จะถดตัวออกแต่ก็โดนรั้งเอวเอาไว้



"เมื่อกี้ก็จูบไปแล้ว เพิ่งจะอายเหรอ" เขาเอ่ยแซวแล้วเหมือนร่างบางเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ใบหน้าหวานแดงเถือกปากพะงาบๆ ท่าทางตลกทำให้ร่างสูงหัวเราะขำ



"อะ...อะ"



"อยากอาบเดี๋ยวคินอาบด้วย ตัวเหนียวแล้วเหมือนกัน"



"มะ ไม่ต้อง! เอมจะอาบคนเดียว!"



"อายอะไร คินเห็นมาหมดแล้วเพราะคินเป็นคนเช็ดตัว เปลี่ยนทั้งเสื้อทั้งกางเกงทั้งชั้นในให้เอมเอง...ทั้งหมดเลย" ดวงตาคู่คมเหลืองมองต่ำและยิ้มกริ่มราวกับจะบอกด้วยสายตาว่าเห็นอะไรๆ มาหมดแล้ว



แต่ที่ไหนได้...กางเกงในน่ะเขาไม่ได้เปลี่ยนให้สักหน่อย



คนขี้เขินหัวระเบิดดังปุ้ง ทั้งหน้าทั้งหูแดงจนไม่เห็นพื้นที่สีขาว...จะอายอะไรปานนั้น



แต่เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้คินรู้ว่าเรื่องที่ผู้ชายทั่วไปเขารู้กัน ชะเอมไม่รู้เรื่องสักนิด...เรื่องอย่างว่าน่ะ



ริมฝีปากหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที



"นี่ รู้มั้ยว่าเป็นแฟนกันแล้วเรื่องแบบนั้นก็ต้องมีบ้างนะ" เขากระซิบพร้อมเป่าลมร้อนเข้าใบหูแดงจนชะเอมหดคอหนี



"ระ เรื่องแบบนั้น? แบบไหน? แล้วนี่ตกลงเอมเป็นแฟนกับคินแล้วเหรอ!?" เสียงใสถามดัง ตากลมที่โตอยู่แล้วโตขึ้นอีก ครั้งนี้กับครั้งที่แล้วถึงจะเป็นแฟนเหมือนกันแต่ว่าความรู้สึกต่างกันลิบลับ



"ไม่อยากเป็นแฟนกับคินเหรอ"



"ยะ อยากสิ"



"งั้นเราคบกันแล้วนะ" เสียงทุ้มพูดสรุปอย่างเร็วก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "แล้วอยากรู้มั้ยว่าคนเป็นแฟนกันต้องทำอะไรบ้าง"



"เอ่อ...อืม ไปเที่ยว? จะ จับมือ...เอ๊ะ ไม่ใช่เหรอ" ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเมื่อคิดคำตอบได้ "หะ หอมแก้ม"



เขาส่ายหน้าอีก คิ้วบางเริ่มขมวดมุ่น



"กอดเหรอ" เสียงใสตอบแผ่ว



คำตอบมันเริ่มน่าอายมากขึ้นทุกที



"หึ"



พออีกฝ่ายส่ายหน้า ใบหน้าใสก็แดงแปร๊ด "จ...จูบ"



"หึ...เกือบถูก แต่นั่นน่ะยังไงก็ต้องมีแน่อยู่แล้ว" เขายิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ แล้วก็เฉลยคำตอบที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงคาดไม่ถึงแน่นอน เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาแต่เรียกเสียงหัวใจเต้นดังก้อง



" 'เซ็กส์' ต่างหากครับ คุณชะเอม"



"!!!?"



หน้าตกใจตาเหลือกทำให้ร่างสูงหลุดหัวเราะเสียงดัง "อย่าบอกนะว่าไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย"



"...ไม่แน่นอนอยู่แล้วล่ะ!"



"ใสซื่อจริงๆ" เสียงหัวเราะในลำคอทำให้คนฟังขนลุกเกรียว



"ใครจะหื่นเหมือนคินกันล่ะ!"



"ไม่ได้หื่นสักหน่อย เรื่องธรรมชาติ ผู้ชายเขารู้จักกันหมดแหละ"



"ผู้ชายที่คิดแต่เรื่องทะลึ่งน่ะสิ"



"ยิ่งผู้ชายที่มีคนรักแล้วก็อยากทำเรื่องลามกกับแฟนกันทั้งนั้นแหละ"



"อุ..." ชะเอมเถียงไม่ออก ถึงจูบของคินจะรู้สึกดีมากก็เถอะ แต่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลย



...เซ็กส์เหรอ...



ดวงตากลมโตเผลอสำรวจกวาดมองคนที่กอดตนตอนนี้ ถ้าหากร่างกายสูงใหญ่ ไหล่กว้างและอกตึงแน่น หน้าท้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนี่จะต้องกอดเขาจริงๆ ...ตอนที่ต้องทำอะไรๆ กัน...คินในตอนเปลือยแก้ผ้า...ไม่มีอะไรบดบังเลย...และส่วนล่างก็...



ร่างบางไล่สายตามองก่อนจะสะดุ้งส่ายหัวแรงๆ สะบัดความคิดลามกที่ถูกบังคับให้ยัดลงมาในสมองออกไป



ใบหน้ามนที่เคยขาวซีดเห่อร้อนแดงก่ำจนคนมองยิ้มกริ่ม อดแซวล้อๆ ไม่ได้ "หน้าแดงแบบนี้ สงสัยเอมกำลังคิดลามกกับคินอยู่ล่ะสิ ใช่แน่เลย...ทะลึ่งเหมือนกันนะเนี่ย"



"มะ ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่สักหน่อย" เสียงใสพูดรัวจนลิ้นพัน...มีพิรุธชัดเจน...ยิ่งปฏิเสธยิ่งหน้าแดงไม่รู้ตัว



"โอเคๆ คินไม่แกล้งแล้ว อยากอาบก็ไปอาบ แต่ห้ามสระผม" แขนแข็งแรงยกร่างเบาหวิวขึ้นวางบนเตียงและลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูที่อยู่ในตู้ให้ร่างบาง พอหันมาเห็นชะเอมหน้างอก็รู้ว่าเป็นอะไร "พรุ่งนี้ถ้าดีขึ้นแล้วจะให้สระนะ"



"...ครับ" ร่างบางรับคำว่าง่ายเดินเข้าห้องน้ำไป โดยมีสายตาคมมองตามไม่ละจนกระทั่งประตูห้องน้ำปิดลง



มือใหญ่ยกทาบอกด้านซ้าย หัวใจเต้นตึกตักหนักแน่น ริมฝีปากหยักระบายยิ้มบาง รู้สึกดีที่เหมือนได้เคลียร์เรื่องหนึ่งออกไปให้หายอึดอัด



แต่ส่วนลึกกับมีบางอย่างที่ติดขัด...ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอีกแล้ว...มันเพราะอะไรกัน



รู้สึก...ชะเอมยังมีเรื่องที่ยังปิดบังไม่ให้เขารู้อยู่อีก





************************Whose fault? ************************


นักอ่านหน้าเก่าหายวับ สงสัยจะอ่านอีบุ๊คจบ แล้วหมดลุ้น กลายเป็นนักอ่านหน้าใหม่มาทวงนิยายแทน

สวัสดีทวกคน ไม่ได้อัพนิยายแค่สี่วันทำไมรู้สึกเหมือนนานแรมปี

มีคนถามว่าจะต่อจนจบมั้ย แน่นอนค่ะเคยแจ้งไปแล้วว่าจะลงจนถึงจบเลย แต่! ตอนพิเศษจะยกเว้นไว้

สำหรับคนพิเศษที่ยอมควักเงินจ่าย ไม่ว่าจะอีบุ๊คหรือรูปเล่ม

และต่อไปนี้จะขอโฆษณา รูปเล่มของรุยกำลังดำเนินการตีพิมพ์นะคะ

สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้นะ ได้เล่มปลายเดือนหรือเร็วกว่านั้น ใครที่โอนแล้วยังไม่แจ้ง กรุณามาแจ้งด้วยเด้อ

ใครอ่านจบแล้วก็ติดตามเรื่องทดแทนรัก คู่ติมรามได้เป็นเรื่องต่อไปนะก๊ะ

มาเม้นๆ ให้กำลังใจกันบ้างก็ได้ อย่าหายไปแบบนี้ ใจไม่ดี (ฮา)

ติดตามตอนต่อไป

ปล.มีข้อสงสัยทักแชทถามเลยที่เพจ H.Rui Novels ตอบไวปานสายฟ้าแลบ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
เรย์น่าจะร้ายได้อีก

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao3: เค้าอข้าใจกันแล้ววว
แต่เอม....ทำไมไม่บอกเรื่องหัวใจกับคนอื่นนะ :katai1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ร้ายกาจมากนะเรย์,,,

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2




                                                               Whose Fault ?

                                                               ผิด...ครั้งที่ 29



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



"อึ...อือ..."



ภายในห้องน้ำกว้าง ที่มีกระจกใสกั้นระหว่างที่อาบน้ำกับส่วนอ่างล้างหน้าและชักโครก ปรากฏร่างสองร่างยืนแนบชิดภายใต้สายน้ำที่ทำให้กระจกใสขึ้นไอพร่ามัว เสียงน้ำไหลจากฝักบัวดังแต่ไม่สามารถกลบเสียงครางใสในลำคอได้ ดวงตากลมโตปรือเงยมองไปด้านหน้าอย่างหลงใหล ทั้งที่ผิวกายเย็นฉ่ำจากน้ำก๊อกแต่กลับร้อนผ่าวเมื่อลิ้นร้อนจากคนตัวโตกวาดต้อนไม่หยุดจนขาเรียวสั่นระริก รู้สึกดีจนแทบขาดใจ



"แฮ่ก...ฮ่า คิน เสื้อเปียกหมดแล้วครับ" ร่างเล็กเอ่ยอ่อนแรง ผมเปียกลู่ยิ่งเซ็กซี่ในสายตาคนมองเข้าไปใหญ่



"ไม่เป็นไร ให้มันเปียกไป"



"แต่ อืม..."



เสียงใสเงียบไปเพราะร่างสูงจู่โจม ประกบริมฝีปากเข้ามาอีกครั้ง เขาไม่ได้เสื้อเปียกหรอก แต่คินต่างหากที่เสื้อเปียกเพราะไม่ได้ถอด ส่วนตัวเขาเปลือยเปล่าเพราะถูกปลดเปลื้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เหลือเพียงชั้นในสีขาวที่มีหรือไม่มีก็มีค่าเท่ากัน



ผ่านมาอีกหลายวัน เขาหายจากเป็นไข้ไม่สบายแล้วแต่ทั้งสองคนก็ยังหมกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน นอกจากชะเอมที่ถูกล่วงเกิน ทำเรื่องน่าอายตลอดตอนเผลอและไม่เผลอ เขาเองก็ยอมให้ถูกกระทำ เพราะก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการ...คิดแค่นั้นก็หน้าร้อนผ่าว



แต่ไม่เคยมากกว่าจูบ...หยุดแค่ที่จูบ



แต่จูบของคินเต็มไปด้วยความต้องการ เร่าร้อน เวลาจูบกันทีไรก็ทำเอาเหนื่อยหมดแรงไปหลายนาทีไม่รู้เพราะขาดอากาศหายใจ หรือ หมดแรงกับความเร่าร้อนนั้นกันแน่



ร่างผอมบางกระตุก สะดุ้งตัวสั่นเป็นพักๆ เมื่อมือใหญ่ทั้งสองข้างลูบไล้ไปทั่ว ทั้งท้ายทอย แผ่นหลัง เอว สะโพก



"ฮ่า...อา"



"เอม..."



"ครับ?" เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อ เสียงใสรับคำตาปรือไม่รู้ตัว แต่มองจากมุมสูงแบบนี้ ร่างผอมตัวขาวจั๊วผิวเนียนเรียบ หมดแรงยืนพิงโถมน้ำหนักมาทั้งตัว แนบชิดไร้ช่องวาง แอบเห็นหัวนมสีชมพูจุกเล็กวับๆ แวมๆ ให้กลืนน้ำลายอย่างอยากกระหาย แก้มใสแดงระเรื่อ ตากลมปรือปรอย ริมฝีปากเจ่อบวมเพราะถูกบดเบียดเปลี่ยนมุมเปลี่ยนองศาหลายต่อหลายครั้ง



ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันนี้ทำให้ชะเอมเป็นคนที่ยั่วยวนอย่างใสซื่อโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว



คนตัวบางตัวสั่นเพราะความหนาวทำให้คินเอื้อมปิดก๊อกน้ำ ทุกอย่างเงียบลงได้ยินเสียงหอบหายใจของคนทั้งสอง



"เอม" แขนยาวรัดเอวบางเปลือยเปล่ากระชับแน่น จมูกโด่งก้มลงสูดดมความหอมกรุ่นทั้งแก้ม ทั้งซอกคอ "ขอทำ...มากกว่าจูบได้มั้ย"



"แฮ่ก...เอ๋?" ดวงตากลมฉ่ำน้ำตาฉายความงุนงง ยังไม่เข้าใจ



"แค่...ตรงนี้ก็ได้" สายตาคมมองหน้าอกแบนที่มีเม็ดติ่งชูชันจากความหนาวอย่างวอนขอ "นะ"



ริมฝีปากบางเม้ม สีแดงพาดแก้มร้อนผ่าว "คิน...จะทำอะไรเหรอ"



ไม่ห้าม แต่เอ่ยถามแทน



ร่างสูงถือว่านั่นเป็นคำอนุญาต



คินจับมือบางลากออกจากห้องน้ำเพราะคิดว่าภารกิจที่กำลังจะทำ ในห้องน้ำคงไม่น่าจะอำนวบความสะดวกมากพอ ขาสองคู่เดินมานั่งบนเตียงทั้งตัวเปียกๆ มีแรงขัดขืนเล็กน้อยเพราะชะเอมเขินอายที่เดินออกจากห้องน้ำทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรปกปิดร่างกาย  แค่ชั้นในบางเปียกๆ สีขาวที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับเปลือยแม้แต่นิดไม่ได้ช่วยอะไร แต่สุดท้ายก็โดนแรงที่มากกว่าลากตัวปลิวไปจนได้ แถมยังโดนจับครอมบนตักแกร่งอีก



"ก็..." คินพูดต่อจากเมื่อครู่ สายตาคมลากจากสิ่งน่าสนใจบนอกแบนขึ้นมามองใบหน้าหวานที่เขินอายจนไม่รู้จะอายยังไง "ทำแบบนี้"



"อ๊ะ!!!" เสียงใสร้องลั่น ปลายนิ้วเล็กจิกเกร็งจนขึ้นขาวที่ไหล่แกร่ง เมื่อความเปียกชื้นอุ่นร้อนจากปลายลิ้นแตะเข้าที่ยอดอกเล็ก "อะ ฮะ คะ คิ...น อื้อ"



ความรู้สึกรุนแรงแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนกำลังจู่โจมอย่างหนัก เสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก...มันมากมายจนรู้สึกมวนในท้อง



"ฮื้อ ฮึก"



ร่างทั้งร่างบิดเร่า กระตุกเฮือกเมื่อริมฝีปากร้อนครอบอม ไล้เลีย ดูดดึง ขบกัด จนได้ยินเสียงเฉอะแฉะจ๊วบจ๊าบน่าอาย



"เอม ไม่ ฮึก ไม่ไหว"



ร่างสูงหายใจแรง แค่ได้ยินเสียงร้องครางใสใกล้หูไม่พอ ร่างผอมยังบดเบียดร่างกายตัวเองเข้ากับร่างกายของเขาด้วยอารมณ์ที่พุ่งสูง ทั้งความหอมกรุ่นกับความนุ่มนิ่ม  ทำให้ช่วงล่างเขาแข็งตัวอย่างง่ายดาย



"อ๊า! อื้อ...ฮึก!"



พอปรนเปรอฝั่งนึงแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นอีกฝั่งทำให้ร่างผอมดิ้นพล่าน เสียงครางเครือเต็มไปด้วยกามอารมณ์ หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลปริ่ม มือเล็กทึ้งดึงเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายแรงแต่คินไม่ว่าอะไร ทั้งยังลงแรงที่ริมฝีปากหนักขึ้นอีก



ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว!



"คิน ฮึก พอแล้ว..."



ปวด...มวนในท้องเหลือเกิน



"เอม" คินยอมละริมฝีปากออกมา มองผลงานที่ตัวเองทำอย่างพึงพอใจ เงยหน้ามองใบหน้าหวานที่เบะปากร้องไห้สะอื้นก็ยิ้มมุมปาก ร่างสูงตวัดร่างบางให้นอนราบ ส่วนตัวเองนอนตะแคงข้างจับขาเรียวให้อ้าออก มือใหญ่ล้วงเข้าไปในชั้นในสีขาวตัวเล็กของร่างบางอย่างรวดเร็ว



"เดี๋ยวคินช่วย...เอมจะได้ไม่ทรมาน...นะ" นิ้วโป้งขยี้ส่วนปลายเบาๆ ให้เสียงใสหลุดคราง



"อ๊ะ! อ๊ะ...คิน ไม่เอามันสกปรก" มือบางตะครุบข้อมือใหญ่ หากแต่ไม่สามารถห้ามได้ ปรือตาครางเสียงสั่น "อือ..."



มือกำรอบแก่นกายเล็กที่แข็งตัวเล็กน้อยรูดรั้งเบาๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้คนตัวเล็กสั่นระริก หอบเครือหายใจหนักหน่วง



"อื๊อออ!" ริมฝีปากบางขบเม้มสกัดกลั้นเสียงครางน่าอายของตัวเองแต่มันห้ามไม่ได้จริงๆ ใบหน้าหวานส่ายไปมาหลับตาปี๋ ไม่อยากมองมือใหญ่ที่ขยับรูดรั้งทำลามกกับร่างกายตัวเอง ในขณะที่มือบางก็ยังจิกข้อมืออีกฝ่ายเหมือนจะห้ามแต่ก็ห้ามไม่ได้



มือใหญ่ละออกจากแก่นกายเล็กชั่วครู่ ก่อนจะถกชั้นในเกะกะลงไปกองที่ท่อนขาเรียวเพื่อจะทำภารกิจได้ถนัดถนี่ ร่างบางสะดุ้งครางฮืออีกครั้งเมื่อมือใหญ่เข้ากอบกุมและชักรูดส่วนอ่อนไหวหนักกว่าเดิม



"ฮึก...ฮื่อ..."



ยั่วยวน...เซ็กซี่...หอมหวาน...



ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากแห้งผาก ขณะที่สายตาคมจ้องมองไปทุกส่วนของร่างบางที่บิดเร่ายั่วอารมณ์หื่นกามจนหยุดที่เม็ดสีชมพูเต่งบวมที่ตนเพิ่งได้ลิ้มลองไปว่ามันหอมหวานขนาดไหน แค่คิดก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปชิมมันอีกครั้ง



"อ๊ะ อ๊า..."



จุดอ่อนไหวโดนเล้าโลมพร้อมกันสองทางแบบนี้ยิ่งทำให้ชะเอมปั่นป่วนในท้องน้อยหนักหน่วง...มันกำลังจะ...



อะไรบางอย่างมันกำลังจะปะทุออกมา...ไม่รู้ว่ามันคืออะไร



หัวใจเต้นรัวดังประหนึ่งกลองโหมกระหน่ำ...วันนี้หัวใจของเขาทำงานหนักเกินไปแล้ว...รับไม่ไหว



"คะ คิน...ช่วย...เอมจะ...ฮะ! อ๊ะ อ๊าาา!!" เพียงไม่นานใบหน้าหวานก็สะบัดเชิดครางเสียงสูง ร่างทั้งร่างกระตุกเฮือกแอ่นหยัดโค้งพร้อมกับปลายมือปลายเท้าที่จิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนรั้งยับย่น



"อา...อือ..."



เมื่อปลดปล่อยออกมาจนหมด ร่างผอมก็ทิ้งตัวนอนหมดแรง หอบหายใจเหนื่อยอ่อน ดวงตากลมโตฉ่ำปรือ รู้สึกดีจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร...ทำไมคินถึงได้เชี่ยวชาญขนาดนี้นะ



"อืม" ริมฝีปากบางเผยอรับจูบเหนื่อยอ่อน คราวนี้เป็นจูบอ่อนโยนให้ใบหน้าร้อนผ่าว...ไม่ได้เร่าร้อนรุนแรงที่เต็มไปด้วยความต้องการ



"...คินไปไหน" ชะเอมเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ...มีเพียงร่างกายของร่างสูงเท่านั้นแหละที่มันกำลังไม่ปกติ ดวงตากลมโตมองคินที่ผละออกไป อีกฝ่ายถอดเสื้อเปียกออกโยนลงตะกร้าที่อยู่ไม่ไกลเผยร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมชายชาตรี ชะเอมหน้าแดงเขินอายขึ้นมาเมื่อเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของร่างสูง ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ



"เดี๋ยวคินขอเข้าห้องน้ำแปป"



"ทำไม...อะ..." เสียงใสเงียบกริบไม่กล้าถามต่ออีก เพราะรู้แล้วว่าทำไม "...ครับ"



คินหัวเราะเสียงต่ำ ลมหายใจร้อนยังไม่กลับเป็นปกติเพียงแค่มองร่างบางผิวขาวนอนเปลือยเปล่าอยู่กลางเตียง "สิบห้านาทีเดี๋ยวคินออกมาแล้วเอมค่อยอาบน้ำนะ ตัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวไข้กลับอีก"



ชะเอมที่ก้มหน้างุด พยักหน้าเบาๆ ไม่กล้ามอง...อย่าหันมาสิ คนบ้า!



สิ่งที่อยู่ในกางเกงยีนส์มันตุงนูนออกมาจนเห็นชัดขนาดนั้นแล้วยังจะหันมายืนโชว์อีก...จะอวดกันหรือไงน่ะ!?



"อึก อา ซี้ด...เอม" เสียงครางทุ้มเรียกชื่อคนรักก้องดังชัดเจนจนเล็ดลอดออกจากประตูห้องน้ำจงใจให้คนข้างนอกได้ยิน



แกร๊ก...



หลังจากนั้นผ่านไปครึ่งชั่วโมง คินออกมาก็ไม่เจอชะเอมที่ควรนอนอยู่บนเตียงเพราะเจ้าตัวย้ายไปนั่งรอเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นแทน...ภาพคนหน้าบึ้งแก้มแดงทำเอาหลุดหัวเราะขำอย่างห้ามไม่อยู่



เฮ้อ...ก็น่ารักแบบนี้ ไม่ให้รักได้ไง







************************Whose fault? ************************







"หาาา!!? เมื่อกี้มึงว่าไงนะ!?"



"น่าน่า ใจเย็นๆ ก่อน"



"ก็แล้วมันไปหนักหัวมึงตรงส่วนไหนล่ะ?"



"มึงดูมันพูดนะสิน!"



"มึงก็ด้วยอย่าไปยั่วมันนักดิ" สินพูดกับไอ้คนที่นั่งข้างๆ ชะเอม พร้อมถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเหลือทน...คนหนึ่งไม่แยแส พูดกวนบาทา(โดยไม่ได้ตั้งใจ) ส่วนอีกคนนี่ก็ยั่วอารมณ์ขึ้นง่ายซะ



"หึ..." ร่างสูงยักไหล่ไม่สนใจ



"คิน ทำไมถึงพูดกับดินแบบนั้นล่ะ"



พอเสียงใสดังขึ้นข้างๆ พร้อมสายตากลมโตที่มองมาทำให้ร่างสูงอ่อนลงนิดหน่อย



"ดินกับสิน ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีของเอม...เขาอยู่เป็นเพื่อนตอนที่...เอมอยู่คนเดียว"



ตอนที่คินทิ้งกันไป...



"เพราะงั้นคุยกันดีๆ ได้ไหม...ดินด้วย เราขอ"



คนผิวคล้ำพอได้ยินเสียงออดอ้อนของเพื่อนร่างบางผู้น่ารัก ก็อดไม่ได้ที่จะหายใจแรงเพื่อระงับอารมณ์โมโห



"เออ"



ดินตอบไปงั้นแต่ก็ชะเอมยิ้มกว้างดีใจ ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ "คิน..."



"ครับๆ เอมว่าไงคินก็ว่างั้น"



ร่างสูงยกมือสองข้างยอมแพ้ ท่าทางที่ยอมให้กับชะเอมนั้นทำให้ดินมองก่อนจะจิ๊ปาก...เออ ยอม(จริงๆ)ก็ได้วะ!



"ว่าแต่วันนี้เรียกมาทำอะไรน่ะเอม" สินถามยิ้มๆ



"แหะๆ ก็ไม่มีอะไร เราแค่อยากให้มารู้จักกันเฉยๆ น่ะ" ร่างบางเกาหน้าเขินๆ ...อยากให้เพื่อนคนสำคัญรู้จักกับคนสำคัญมันแปลกเกินไปรึเปล่านะ "ว่าแต่รามล่ะ ยังไม่มาเหรอ"



ดวงตากลมโตสอดส่องหาเพื่อนอีกคน



"อืม มันบอกเดี๋ยวตามมา อะ นั่นไง...พาใครมาด้วยวะน่ะ" สินมองออกไปนอกร้าน



"นั่น...ติมนี่นา"



คินหันขวับมองใบหน้าหวานที่เรียกชื่อใครอีกคน แถมบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไปทันที



"รู้จักเหรอ"



"ก็...อื้ม" ชะเอมเหงื่อตก เพราะนึกขึ้นได้ว่าติมเป็นคนเดียวกันกับที่คินเคยเห็น...และทะเลาะกันครั้งใหญ่พอสมควรเลยล่ะ



สายตาคมมองสองคนที่เข้ามาในร้าน คนหนึ่งเป็นร่างโปร่งผิวขาวหัวยุ่งเล็กน้อย ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโพรกกับกางเกงยีนส์สีซีดตัวเล็ก อีกคนตัวสูงใหญ่ใส่เสื้อยืดแบบเดียวกัน ความสูงน่าจะพอๆ กันหรืออาจจะสูงกว่าคินเลยด้วยซ้ำ



ไอ้หมอนั่น...!



"พี่เอม หวัดดีครับ" ร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้ยิ้มกว้าง ทักทายชะเอมเป็นคนแรกราวกับคนอื่นเป็นแค่ตัวประกอบ ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศทะมึนที่แผ่ออกมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆ



"อ่า อื้ม หวัดดี...ราม นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว" เสียงใสตอบอึกอัก ก่อนจะหันไปทักเพื่อนของตัวเองที่ยืนอยู่ เลี่ยงให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้คินอารมณ์ไม่ดี



"มาสิ ต้องมาอยู่แล้ว...แต่โทษทีนะที่มาช้า"



"ไม่เป็นไรๆ ทั้งคู่มานั่งก่อน"



สองคนมาใหม่รีบนั่งโดยโต๊ะเป็นโต๊ะกลมใหญ่พอควร ไอติมเห็นช่องว่างตรงข้างๆ ร่างบางก็ได้ทีหย่อนตูดนั่งเลย รามเห็นดังนั้นก็เงียบ เดินไปอีกฝั่งนั่งแทรกคินกับดินเป็นไม้กันหมาไม่ให้สองคนกัดกันโดยไม่รู้ตัว



"ว่าแต่ทำไมทั้งคู่มาด้วยกันล่ะ" สินเป็นคนเอ่ยถาม



"พอดีผมได้ยินว่าพี่ชะเอมนัดรามมากินข้าวผมก็เลยมาส่ง แต่รามชวนมากินด้วยกัน ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ "ติมหันไปถามชะเอม แน่นอนว่าร่างบางยิ้มยินดีไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่คนข้างๆ เนี่ยสิ



"ทำไมรามใส่เสื้อตัวใหญ่จัง" ชะเอมถามอย่างสงสัย ก็เสื้อมันใหญ่จนไหล่จะหลุดแบบนั้น "นี่รามผอมลงมากเลยรู้มั้ย"



ร่างโปร่งอึกอัก "อ่า คือ..."



"นั่นเสื้อผมเองแหละ ผมให้รามยืมใส่น่ะ พอดีเมื่อคืนรามทำงานจนดึกก็เลยไปค้างที่ห้องผม"



"อ๋อ..." เสียงใสครางไม่ถามอะไรต่อ แต่คนสะดุดกับคำพูดนั้นคือดินกับสินต่างหาก



...ไปค้างที่ห้อง



"ว่าแต่มึงไม่เรียกรามว่าพี่วะ ยังไงมันก็เป็นรุ่นพี่มึงนะ" ดินเลิกคิ้ว รามสะดุ้งน้อยๆ รีบโบกมือ



"เฮ้ยไอ้ดิน..."



"ก็ผมเรียกแฟนด้วยชื่อก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยไม่ใช่เหรอ" ร่างสูงเท้าค้างยิ้มมุมปากหัวเราะน้อยๆแต่แววตากลับเย็นเยียบที่ไม่มีใครเห็น



"..."



"หา!!!?"



เกิดความเงียบก่อนพักหนึ่งก่อนที่เสียงร้องตกใจดังขึ้นจากชะเอม แน่นอนสินกับดินด้วย



"...จริงเหรอ?" ชะเอมทำตาโตยิ้มยินดีมองหน้ารามกับติมสลับไปมา



"เฮ้ยเอาจริงเหรอวะ" สินถามบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก มันเป็นสิทธิ์และเรื่องส่วนตัวของเพื่อน แต่ก็ยังคงจำได้ว่าก่อนหน้านี้เหมือนสองคนนี้ไม่ชอบหน้ากันจะตาย...แล้วจู่ๆ มันลงเอยกันได้ไง



"..." ดินมุ่นคิ้วเหมือนคิดอะไรอยู่หลังจากตกใจแทบตาถลน



รามเม้มปากก้มหน้าเหมือนจะเห็นสีหน้าระเรื่อขึ้นวูบหนึ่งเพราะเขินสายตารอบข้างแต่แค่แวบเดียวก็หน้าซีดยิ้มฝืดเฝื่อน



"อืม ตามนั้นแหละ"



"ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ" ชะเอมรีบถาม เพราะก่อนหน้านี้ที่เจอสองคนอยู่ด้วยกันตอนนั้นก็ดูท่าทางไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้น่าจะไปได้ด้วยดี



"ได้สักพักแล้วล่ะครับ"



"พักนี้ก็ว่าไม่ค่อยได้เห็นมึงเลยราม มาเรียนก็สาย เรียนเสร็จก็กลับ คุยก็ไม่ได้คุย"



"โทษทีว่ะ พอดีที่บ้านยุ่งๆ"



"เหรอวะ มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะเว้ย" ดินว่าก่อนจะตบไหล่เพื่อนที่ทำหน้าเครียดดังปั้กๆ



"อืมขอบใจ"



ส่วนคินไม่ได้สนใจฟังบทสนทนาบนโต๊ะแม้แต่นิด มัวแต่นั่งจ้องเขม็งไปที่หน้าของไอ้คนที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม



"วันนี้วันดีจังเนอะคิน" เจ้าของชื่อชะงัก พอเห็นรอยยิ้มกว้างแล้วก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายิ้มตอบ อมยิ้มกับท่าทางมีความสุขไม่ใช่น้ำตา



"อืม"



หัวทุยเอียงรับสัมผัสจากมือใหญ่แล้วหลับตาพริ้ม ร่างบางชอบที่โดนลูบศีรษะแบบนี้เพราะมันเหมือนว่าได้รับความรักความเอาใจใส่



พอทั้งโต๊ะเงียบทำให้สองคนที่ทำตัวเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวรู้สึกตัว สายตารอบข้างมองค้าง



"คะ คือว่า..." ร่างบางสะดุ้ง ใบหน้าหวานแดงเรื่อ ทุกคนเห็นหมดแล้ว



"สองคนนี้ยังไง" สินส่งเสียงแซว ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูสุขุมนุ่มลึกแบบนี้จะเคยทิ้งคนดีๆ อย่างชะเอมได้ลง "สรุปคืนดีกันได้ยังไงเนี่ยเอม"



แต่เขาไม่คิดจะขุดคุ้ยอดีตขึ้นมาพูด



"คืนดีกันแล้วเหรอ" รามถาม



"คะ คือ..." เสียงใสตะกุกตะกัก ดวงตากลมสีดำเหลือบมองไปที่คนข้างกาย พอได้รับรอยยิ้มกลับมาก็กล้าตอบ "อื้ม"



"แล้วคืนดีกันได้ไงล่ะ" ดินถามบ้าง



"เอ่อ...ก็คือวันก่อนเราไม่สบาย คินอยู่ดูแลเราตลอดเลย...ก็เลย..."



"เห..." ดินครางรับอย่างแปลกใจ ไอ้หมอนั่นอ่ะนะ ดูแลคนอื่นเป็นด้วย



"แล้ว?" สินเลิกคิ้ว ทำให้ชะเอมหันมองทำหน้างงใส่



"แล้ว?"



"เป็นแฟนกันยังล่ะ"



"เอ๋"  แก้มใสขึ้นสี รู้สึกร้อนผ่าว คินหัวเราะขำท่าทางน่ารัก ทำให้ใบหน้าหวานตวัดมองบูดบึ้ง "คิน!"



"ครับ"



"ขำเอมเหรอ"



"ขำ 'แฟน' "



"..."



ถ้าร่างบางพองตัวได้ คงพองตัวลอยออกไปแล้ว สังเกตได้จากหน้าแดงหูแดง แล้วเหมือนจะมีควันลอยออกมาจากหูด้วย...เขินหนักเลยนะนั่น



"กูว่าไม่ต้องถามแล้วมั้ง" ดินบอกสินขณะมองคู่ที่ทำตัวอย่างกับอยู่กันสองคน ในใจรู้สึกโล่งอกที่เห็นชะเอม เพื่อนที่น่ารักมีความสุข "คำตอบชัดเจนขนาดนี้"



รามมองชะเอมด้วยความยินดี ทั้งที่ในใจคิดว่ารู้สึกแบบนั้นแต่ลึกๆ แล้วกลับเป็นห่วงใครบางคน ดวงตาเรียวเหลือบมองติม แต่อีกฝ่ายไม่เคยมองกลับมาสักครั้ง ร่างโปร่งยิ้มจืดเจื่อนท่ามกลางความเฮฮาเสียงดัง



"เอมหิวมั้ย เดี๋ยวคินสั่งข้าวก่อน"



"อื้ม เอาสิ คนอื่นก็คงหิวแล้วเหมือนกัน"


>>>>>>>ต่อด้านล่างเด้อ

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2



>>>>>>>>>>>>>>>>>>>ต่อจากด้านบนจ้า



"พี่ครับ" คินกวักมือเรียกพนักงานที่กำลังเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าโต๊ะใกล้ๆ ให้มาจดเมนู

"คุณลูกค้ารอสักครู่นะคะ"



"ราม...ไอ้ห่าราม!"



"หะ...?" ร่างโปร่งสะดุ้ง หลุดจากภวังค์ "ว่า?"



"เป็นไรวะ ช่วงนี้ซึมๆ อึนๆ ทำงานเหนื่อยเหรอ" ประโยคหลังพูดเบาๆ ไม่ให้ชะเอมได้ยิน รามยิ้มอ่อนส่ายหน้าน้อยๆ



"เปล่า โทษที"



"เออแล้วจะกินไร กินเยอะๆ หน่อย...อย่างที่เอมบอกอะ มึงผอมเกินไปแล้วนะ"



"กูไม่ค่อยหิวว่ะ" รามบอกดินก่อนหันไปหาเอม "โทษนะเอม วันนี้คงไม่ได้กินข้าวด้วยแล้ว เดี๋ยวเราต้องไปทำงานต่อ"



ไอติมหันขวับ ส่วนชะเอมครางทำหน้าเสียดายอย่างชัดเจน ร่างโปร่งจึงขอโทษอีกครั้ง



"ไม่เป็นไรราม ครั้งหน้าก็ได้เนอะ” ร่างบางพยักหน้าอย่างเข้าใจ หันไปถามรุ่นน้อง “แล้วติมล่ะเอาไง"



"ผม..." ติมยังไม่ได้ตอบอะไร รามก็แทรกขึ้น



"เดี๋ยวติมอยู่ที่นี่ก็ได้ พี่ไปทำงานคนเดียว"



"ไอ้ห่า งานอีกแล้วเหรอวะ วันนี้อุตส่าห์มาเจอกันทั้งทีก็พักหน่อยดิ" ดินบอก



สินพยักหน้ารับ "กูเห็นด้วย"



"ขอโทษจริงๆ ว่ะ..."



แต่พอร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นก็เซเหมือนจะล้ม คินที่นั่งเงียบเพียงแต่ฟังคอยสังเกตมานานผุดลุกขึ้นพยุงไว้ทันท่วงที ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนและโต๊ะรอบข้าง รามตั้งสติได้รีบผละตัวออกอย่างเร็ว



"ขอบใจ..."



"ราม เป็นอะไร" ชะเอมรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ด้วยความเป็นห่วง ตกใจไม่น้อยที่เห็นคนที่เคยแข็งแรงอย่างรามเป็นแบบนี้ "ราม..."



ดินกับสินก็มีสีหน้าไม่สบายใจเช่นกัน ต่างคิดกันไปว่าเพราะอีกฝ่ายทำงานมากเกินไปจนไม่มีเวลาพักผ่อน



"ไม่เป็นไร เอม แค่หน้ามืดนิดหน่อยเท่านั้น" เสียงทุ้มใสเอ่ยย้ำยืนยัน ใบหน้าที่ซีดลงเล็กน้อยยิ้มให้ร่างบางสบายใจ "โทษทีนะที่ทำให้เป็นห่วง"



"หรือว่าหิวข้าวรึเปล่า ถ้าไม่รีบก็กินอะไรสักหน่อยรองท้องค่อยไปทำงานก็ได้นะ"



"ขอบใจเอม"



"ถ้างั้น..."



"แต่ว่ามันเป็นงานด่วนมาก ครั้งหน้าเดี๋ยวเรานัดออกมาอีกทีดีมั้ย"



ชะเอมแม้จะเป็นห่วงแต่ไม่อยากดื้อดึง "ก็ได้"



"งั้นเราไปก่อนนะ...พวกมึงกูไปก่อน"



ดวงตากลมสีดำมองตามร่างโปร่งที่เดินออกจากร้านด้วยความกังวล ไม่นานร่างสูงที่นั่งเงียบอยู่นานก็ลุกเดินตามไป



"ติม..."



นานๆ ทีกว่าจะได้เจอและคุยกันทั้งทีนะ



"ไม่ต้องห่วงหรอก สัญญาว่าครั้งหน้าไม่ใช่เหรอ"



"คิน"



ร่างสูงกางเมนู แล้วกวักมือเรียก "มากินข้าวก่อน คินหิวแล้ว เอมอยากกินอะไร"



คินมองเมนูแล้วถามความเห็นทำให้ชะเอมหน้ามุ่ยเดินมานั่งข้างๆ เหมือนเดิมแต่โดยดี และประจวบเหมาะกับที่พนักงานหญิงมาจดออเดอร์



"รับอะไรดีคะ"



ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างกลับมาดำเนินเป็นปกติ





************************Whose fault? ************************





"ไปไหนต่ออะ" ดินลูบท้องป่องๆ ของตัวเอง เมื่อกี้กินเข้าไปเยอะใช่ย่อย...ก็แหม อาหารมันอร่อยใช้ได้เลยนี่หว่า



"นั่นสิ คินไปไหนดีล่ะ?" ชะเอมหันไปถามความเห็น "จะกลับเลยมั้ย"



"ไปซื้อของกัน"



"ของ? อะไรเหรอ คินอยากได้อะไร"



"เปล่า ซื้อผ้าปูใหม่"



"ผ้าปู..."



"ก็มันเลอะหมดแล้ว"



ความทรงจำในหัวเล็กหมุนอย่างเร็ว มะ เมื่อเช้า...ผ้าปู!?



"ถ้างั้น! ดะ เดี๋ยวเรากับคินขอตัวก่อนนะ แอะแหะๆ" แขนบางผลักร่างสูงออกไป แล้วรีบบอกลาเพื่อนทั้งสองคน...เมื่อกี้ทั้งคู่จะได้ยินมั้ยน่ะ!?



ดินกับสินมองตามคนสองคนที่เดินหันหลังไป ก่อนจะมองหน้ากันแล้วหลุดหัวเราะ จริงๆ ก็จะไม่คิดอะไรหรอก แต่พอเห็นท่าทางร้อนตัวกับใบหน้าแดงๆ นั่นก็รู้ทันที...ซื่อจริงๆ เล้ย



“คินพูดอะไรน่ะครับ! ถ้าพวกเขาได้ยินกันจะทำยังไงล่ะ” ชะเอมขมวดคิ้วต่อว่าแก้มพองลม คินมองท่าทางนั้นอย่างไม่ยี่หระ...นี่เป็นท่าขู่ที่น่ารักที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย



“ทำไมล่ะ ก็คินแค่บอกว่าผ้าปูมันเปื้อนเฉยๆ อาจจะเลอะอย่างอื่นก็ได้ ไม่ใช่...”



“คิน!!!”



“ชู่ๆ เบาๆ หน่อยสิเอม” คินจุ๊ปาก แต่ตัวเองนั่นแหละดันหลุดหัวเราะเสียงดังกับท่าทางเขินอายสุดขีด



“คินนั่นแหละที่...โธ่ เอมไม่คุยด้วยแล้ว” ดูท่าทางเถียงไปก็ไม่ชนะคนหื่นชอบลื่นไหล จึงเปลี่ยนเป็นเดินหนีแทน ขายาวรีบเดินตามไปจับแขนบางและลากไปอีกทาง



“เอม ไปซื้อผ้าปูร้านอยู่ทางนี้”



“ใครบอกว่าเอมจะไป คินจะไปก็ไปคนเดียวเลย”



“แต่คินอยากให้เอมไปเลือกด้วยกัน” คำว่าด้วยกันทำให้ร่างบางอ่อนลง แต่ใบหน้ายังแดงเรื่อ คินเห็นแบบนั้นรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้ “แล้วเดี๋ยวเราไปหาซื้อของคู่กันดีมั้ย เอมอยากได้อะไร”



“...ไปก็ได้” ชะเอมพยักหน้า อดขมวดคิ้วพูดพึมพำไม่ได้ “แต่ถ้าคราวหน้ามีแบบนี้อีกเอมไม่มาซื้อด้วยแล้วนะ”



คินหัวเราะ “ครับๆ”



ร่างสูงเดินจับมือบางแน่น ริมฝีปากยิ้มกริ่ม ร่างบางจะรู้ตัวมั้ยว่าเป็นคนอนุญาตให้มีคราวหน้าด้วยตัวเอง...แต่เขาไม่บอกให้รู้ตัวหรอก



เดี๋ยวกระต่ายตัวนี้จะตื่นตูมไปเสียก่อน



เพราะยังไงๆ ก็ ‘ต้องมี’ แน่นอน





************************Whose fault? ************************

 



คินกับชะเอมเดินจับมือกันอยู่ในห้างสรรพสินค้า เดินผ่านโซนที่ขายของเกี่ยวกับภายในบ้าน มองนู่นมองนี่ละลานตาไปหมด ร่างบางไม่เคยเดินมาแถวนี้เลยด้วยซ้ำ



ก็ไม่ได้คิดว่าจะซื้ออะไรนี่นา



ขาเรียวหยุดเดิน เมื่อเห็นบางอย่างสะดุดตา ก่อนจะจ้องมองนิ่งไปที่โคมไฟตั้งโต๊ะที่สลักไม้เป็นรูปนกฮูกตัวใหญ่ ที่ท้องของมันมีไฟสีส้มส่องสว่างอยู่...แต่พอเห็นราคาแล้วก็ต้องผละออก



“อยากได้เหรอ”



ร่างบางส่ายหน้าจนผมสะบัด “เปล่า เอมว่ามันสวยดี” ริมฝีปากยิ้มแหย “แต่มันแพงไปหน่อย...แต่เอมว่าก็สมราคาล่ะ”



ชะเอมรีบดึงร่างสูงให้เดินออกมาจากโซนนั้น ซึ่งคินก็ไม่ได้พูดอะไร มองแขนเล็กบางที่จับมือเขาแน่นไม่ปล่อยแล้วได้แต่อมยิ้ม



“เอมคิดถึงคุณลุงจัง” จู่ๆ เสียงใสก็พูดขึ้นมา...จะว่าไปตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย มันกี่วันมาแล้วนะ



“ไม่โทรไปหาล่ะ”



ชะเอมขมวดคิ้วกังวล อยากทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน “ก็คุณลุงท่าทางจะงานยุ่ง เอมไม่อยากกวนนี่ครับ”



คราวที่แล้วโทรไปก็ติดงานจนไม่กล้าโทรไปอีก ตอนนั้นคุณลุงสัญญาว่าจะโทรกลับแต่ก็ไม่ได้โทรมา...แบบนี้ก็แสดงว่างานยังไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ



คินยิ้มบางกับความเกรงใจที่ร่างบางมักจะมีอยู่ตลอด “พ่อน่ะ จะยุ่งแค่ไหนก็หาเวลามาคุยกับเอมให้ได้อยู่ดี”



“จริงเหรอ?”



“จริงสิ”



“แล้ว...คินไม่โทรหาคุณลุงบ้างเหรอ”



“ไม่ล่ะ” เจ้าพ่อบ้านั่น โทรมาบ่อยจะตาย แถมถามไถ่แต่เรื่องของชะเอม ดูเหมือนร่างบางจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ



“ไป ถึงแล้ว เลือกลายที่ชอบสิ” ขาสองคู่หยุดยืนอยู่ตรงแผนกขายเตียง ฟูก หมอน ผ้าห่มและผ้าปูที่นอนที่วางเรียงราย ดวงตากลมโตกวาดมองผ้าปูที่มีลายต่างๆ ละลานตา ก่อนที่จะมีพนักงานหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม



“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”



“พอดีจะมาซื้อผ้าปูที่นอนน่ะครับ” คินบอกเรียบนิ่ง เสียงทุ้มกับใบหน้าคมหล่อเหลาที่ทำให้ใจของหญิงสาวละลาย ยังไม่รวมสายตาคมกริบที่ไม่ว่าใครมองก็แทบจะถูกสะกด



“อ่ะ คะ ค่ะ ไม่ทราบว่าอยากจะได้แบบไหนคะ”



“แล้วมีแบบไหนบ้างครับ”



เหมือนชะเอมจะแอบเห็นพนักงานหญิงอีกสองคนที่แอบยืนกัดผ้าเช็ดหน้าน้ำตานองมองเพื่อนอย่างอิจฉาด้วยล่ะ



ร่างบางหัวเราะแห้ง ดวงตากลมโตมองร่างสูงที่กำลังยืนคุยกับพนักงานหญิงที่พูดแนะนำสินค้าตะกุกตะกักหน้าแดงระเรื่อ แต่คินหาได้สนใจไม่...ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าคินเป็นคนมีเสน่ห์มาก เพราะได้เชื้อพ่อมาเต็มๆ แถมท่าทางยังสุขุมนุ่มลึก ร่างกายสูงกำยำเพียงแค่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ มาก็หล่อจนสาวๆ หลงแล้ว



หวง คำๆ นี้มันผุดขึ้นมาในหัว...ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าเป็นแฟนกันแล้ว แต่เขาน่ะไม่กล้าแสดงออกหรอก



คินหันมามองเลิกคิ้ว ก่อนกวักมือเรียก “ทำอะไรน่ะเอม มาเลือกสิ ชอบลายไหน จะได้บอกเขา”



“อ่า อื้ม”



ครืด ครืด



“อะ แปปนึงนะครับ” มือบางล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู



กฤษณะ



...อาหมอนี่นา



 “ครับ...”



(“นี่ชะเอม! อาทิตย์ที่ผ่านมาทำไมไม่มาหาอาที่โรงพยาบาลหา!?”) พอรับสายปุ๊บเสียงคาดคั้นของกฤษณะก็ดังผ่านสายมาปั๊บ ชะเอมรีบยกโทรศัพท์ห่างจากหูเพราะเสียงดังๆ นั่น ขาเรียวรีบเดินแยกออกมาให้ร่างสูงอีกคนยืนเลือกของไปก่อน



“ขะ ขอโทษครับอาหมอ คือเอม...” ร่างบางเลิ่กลั่กทันที...ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะลืมซะสนิท!



(“บอกอามาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่สมเหตุสมผลอาจะตีให้ก้นลายเลย”)



ร่างบางป้องปากพูดกระซิบกระซาบ แม้จะเดินออกมาห่างจากคินพอสมควรแล้วแต่ก็อดพูดเสียงเบาไม่ได้ “เอมไม่สบายครับอาหมอ ก็เลยไม่ได้ไป ขอโทษนะครับ”



(“ไม่สบาย!? นี่หนูไม่สบายอีกแล้วเหรอ แล้วหายหรือยัง”)



“ครับ หายแล้วครับ”



(“ไม่ได้ อาไม่ไว้ใจ หนูชอบเกรงใจชอบโกหก อาไม่เชื่อหรอก...มาหาอาเดี๋ยวนี้”)



“ครับ!?” ร่างบางตาโต



(“หรือจะให้อาไปหาที่คอนโด เลือกเอา ไม่เกินสองชั่วโมง เราต้องเจอกัน”)



“เดี๋ยวสิครับ อาหมอ คือเอมอยู่กับคิน...ขอเป็นอาทิตย์ที่จะถึงไม่ได้เหรอครับ ตอนนี้เอมหายแล้วจริงๆ นะ”



(“อยู่กับคิน? นี่ดีกันแล้วเหรอ”)



“ครับ...ก็ใช่”



(“งั้นให้คินพามาสิ”)



ชะเอมรีบเอ่ยร้อนรน “ไม่ได้ครับ อาหมอลืมไปแล้วเหรอว่า...”



(“หนูแค่บอกว่ามาตรวจไข้เฉยๆ แล้วอาแค่อยากยืนยันว่าหายดีแล้วจริงๆ เท่านั้น...หรือว่าเรื่องที่ไม่สบายเอมโกหกอา?”)



“เปล่านะครับ...ก็ได้ครับอาหมอ เอมไปก็ได้” เสียงใสอ่อย เบะปากงอนอย่างไม่รู้ตัว



(“ดีมาก แล้วเจอกัน ภายในสองชั่วโมงนะ ไม่งั้นเอมจะเจออารออยู่ที่คอนโดแน่”)



“คร้าบ...” ดวงตากลมโตมองไปที่โทรศัพท์ที่โชว์ว่าอีกฝ่ายตัดสายไปแล้วได้แต่ถอนใจ...โหดชะมัดเลย อย่างกับคุณลุงเวลาโมโหยังไงยังงั้น



“ใครโทรมาน่ะ” คินถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินกลับมาท่าทางหงอยๆ



“อาหมอ...” เสียงใสตอบเบา



“อากฤษ?”



“ครับ” ชะเอมพยักหน้าช้าๆ “คือว่า...คิน...” จะพูดยังไงดีล่ะ



“ว่าไงเอม ตกลงอยากได้ลายไหน เลือกได้แล้วเหรอ” คินถาม พนักงานสาวก็ยิ้มกว้างยื่นแผ่นอะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนแคตาล็อกลายผ้าปูให้ชะเอมดู แต่สายตาสาวเจ้าก็ยังคงเหล่มองไปที่ร่างสูงข้างกายไม่สนใจลูกค้าตัวเล็กคนนี้สักนิด



ชะเอมมองงุนงง กลายเป็นเรื่องนั้นได้ไง “คือ...อันนี้ก็ได้ครับ”



นิ้วบางจิ้มไปมั่วๆ ที่เป็นสีเรียบๆ มีลายเล็กน้อยไม่ฉูดฉาด...ในใจกำลังคิดว่าจะพูดยังไงไม่ให้คินสงสัยดี



“งั้นตามนี้แหละครับ ฝากด้วยครับ” คินว่าก่อนจะหันมามองท่าทางผิดปกติของชะเอม เจ้าตัวขมวดคิ้วมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว



“ลายนี้นะคะ รอสักครู่ค่ะ” หญิงสาวที่ปรายตามองร่างสูงเป็นครั้งสุดท้าย คิดว่าน่าจะเป็นท่าที่เซ็กซี่ที่สุดแต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจทำให้สาวเจ้าต้องเดินส่ายสะโพกเก็บเศษหน้าที่แตกออกไปด้วย



“เป็นอะไรเอม ไม่สบายเหรอ” มือใหญ่ยกทาบทับหน้าผากมนอย่างเป็นห่วงไม่สนใจสายตารอบข้าง แต่สัมผัสที่ได้รับกลับมากลับไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิร้อนผิดปกติใดๆ



คินขมวดคิ้วกังวล เพราะเวลาเจ้าตัวเป็นไข้ทีนอนซมไม่ได้ลุกออกจากเตียงไปหลายวัน



“เปล่าครับ คือเอม...คือ...”



“เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คุยกับอากฤษเมื่อกี้รึเปล่า” คินเดา เพราะตั้งแต่คุยโทรศัพท์กลับมาก็ดูกระสับกระส่ายไม่ร่าเริงอย่างที่ร่างบางเป็นตัวของตัวเอง



“อ่า ครับ คืออาหมอบอกว่าให้ไปหาที่โรงพยาบาลหน่อยเพราะเอมเล่าว่าวันก่อนเอมไม่สบาย แต่ตอนนี้เอมหายดีแล้ว แต่อาหมอไม่เชื่อเลยจะตรวจไข้ด้วยตัวเองน่ะครับ” ชะเอมเล่ารัวเร็ว ในใจเต้นตึกตักลุ้น แต่คินกลับตอบกลับมาสบายๆ เหมือนกับไม่ได้คิดอะไร



“เอาสิ เดี๋ยวคินพาไป”



“จริงเหรอ” ร่างบางโล่งใจ ยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจที่คินไม่ได้สงสัยอะไร “ขอบคุณครับ”



จากนั้นชะเอมก็ทำตัวเหมือนเดิม หากแต่ไม่รู้ตัวว่าคินเก็บความสงสัยไว้ในใจกับท่าทางแปลกๆ เมื่อครู่



เรื่องแค่นั้นน่ะเหรอจะทำให้ชะเอมเลิ่กลั่กกังวลจนเกินเหตุ...มีพิรุธสุดๆ



ดูท่าทางร่างบางจะปิดบังอะไรไว้จริงๆ ด้วย





************************Whose fault? ************************





ตอนนี้แอบเสิร์ฟติมรามนิโหน่ย แต่แน่นอนว่ายังไงฉากเลิฟซีนครั้งแรกที่ชะเอมยังไม่ตกเป็นเมียของนางคินก็มาแรงกว่า ฟันธง คอนเฟิร์ม -.,- เห็นไหมว่าน้องเอมน่าลาก(?)และหมาป่าคินหื่นน้ำลายสอแค่ไหน

แต่ยังไงก็ไม่สู้ตอนพิเศษในเล่มอยู่แล้ว หึหึหึ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด