Whose fault? ผิด...ที่ใคร (Drama,Yaoi) ผิดครั้งที่ 43 จบแล้ว 22/03/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Whose fault? ผิด...ที่ใคร (Drama,Yaoi) ผิดครั้งที่ 43 จบแล้ว 22/03/2562  (อ่าน 37513 ครั้ง)

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2



                                        Whose Fault ?



                                        ผิด...ครั้งที่ 17











โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม











ทุกครั้งที่ตื่นจากฝันอันยาวนาน





สิ่งที่พบคือความเงียบเหงาจากการนอนอย่างเดียวดาย...ทุกค่ำ...ทุกคืน





เสียงแอร์...เสียงนกร้อง...เสียงผ้าปูที่นอน





แล้วทุกครั้งก็จะพบว่าเขาอยู่คนเดียว...ไม่มีใคร





ถ้าวันไหนไม่สบาย ก็จะฝันร้าย





ฝันถึงพ่อ...ทำร้ายเขา...อย่างเจ็บปวด...ทรมาน





เสียงฟ้าผ่า...เสียงกรีดร้อง...เสียงสะอื้น





ทุกค่ำ...ทุกคืน...ผ่านไป





แล้วทุกครั้งก็จะพบว่าเขาอยู่คนเดียว...ไม่มีใคร





เหมือนเดิม















"พวกมึงปล่อยกูดิวะ!"





สัมผัสแรกที่รับรู้คือเสียง...โวยวาย





"ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ คุยกันดีๆ"





"นี่พวกนาย เอะอะโวยวายอะไรกัน มันรบกวนคนไข้นะ! ออกไปข้างนอกให้หมดเลย"





"ผมจะอยู่ครับพี่หมอ"





เสียง...





"อยู่กับผีสิ มึงน่ะควรออกไปคนแรกและเดี๋ยวนี้ด้วย"





"ดิน"





"มึงดูมันพูด หึย รอให้เอมเป็นอะไรไปก่อนค่อยมาเห็นใจหรือไง ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยสนใจเลย"





"แล้วพวกมึงเป็นใคร รู้จักกูรึไง"





เสียงของ...คิน





"ไอ้เวรนี่ ดูมันถาม...พวกกูก็เป็นเพื่อนเอมน่ะสิวะ!"





"ดินมึงหยุดพูดเลยเดี๋ยวกูคุยเอง"





"ราม นี่มึง...!"





"กูไม่ได้จะมาห้ามมึงหรอกนะคิน แต่มึง...คนที่เคยทำเอมร้องไห้โดยไม่แยแสเขาเลยน่ะ...มาทำอะไรที่นี่"





"...นี่มันไม่ใช่เรื่องของพวกมึง กูไม่จำเป็นต้องบอก"





คิน...ใช่คินจริงๆ





สัมผัสต่อมาคือ...ฟูกที่นอน และ ผ้าห่ม เพดานสีขาว และ...คนที่อยู่ตรงหน้า





"...ใคร..." เสียงโหยเอ่ยขึ้น





"!" เหมือนทั้งห้องเงียบไป แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและใบหน้าที่รู้จักก็เริ่มรุมล้อมเข้ามา





"ตื่นแล้วเหรอ" คนข้างๆ เตียงที่ร่างผอมบางไม่รู้จักพูดขึ้น "เอาล่ะ พวกนายออกไปกันได้แล้ว มันเกะกะนะ"





"ผมบอกพี่หมอไปแล้วว่าผมจะอยู่"





"คิน..." ร่างบางเรียกชื่อเสียงแผ่ว สายตามองแต่ที่ใบหน้าคมเครียดขึง





เสียงที่ได้ยินคือคินจริงๆ ...เขาไม่ได้หูแว่วไปเอง





คินอยู่ที่นี่





"นี่มึงยังจะ...!" ดินถลึงตา





"เอาล่ะๆ ออกไปรอข้างนอกได้แล้ว" สินที่เงียบที่สุดเอ่ยขึ้น ดึงตัวดินที่ขืนตัวออกไปจนได้ ส่วนรามก็เดินตามไป "พวกเรารออยู่ข้างหน้านะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ร้องดังๆ เลย"





"นี่พี่ก็อยู่ด้วยนะ จะเกิดอะไรขึ้นได้กันล่ะ จริงๆ เลยเด็กพวกนี้" หนุ่มคณะแพทย์ส่ายหน้าอย่างระอาใจ หันมาก้มหน้าพูดกับชะเอมที่นอนปรือตาอยู่เหมือนคนตื่นไม่เต็มที่ "ว่าไงครับ น้องชะเอม รู้สึกยังไงบ้าง"





ร่างผอมบางยิ้มบาง พยักหน้าน้อยๆ "...ครับ รู้สึกเหนื่อย ไม่ค่อยมีแรงเลยครับ" พยายามยกแขนขึ้นก็รู้สึกหนักเหลือเกิน





"จำได้ไหม ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น"





"...ผม...” ร่างบางพยายามนึก “ผม...จำไม่ค่อยได้"





อิฐยิ้มเข้าใจ "น้องเป็นลมน่ะ จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกตัวแล้วนะ แต่ก็หลับไปทันทีเลย”





“เหรอครับ ผมจำไม่ค่อยได้เลย”





 “พี่ก็ว่างั้น แถมน้องรู้สึกจะมีไข้ด้วย ก่อนหน้านี้ไม่สบายเหรอ"





"น่าจะนะครับ" ร่างบางตอบเสียงเบาไม่ค่อยแน่ใจ





"อืม ถ้างั้นวันนี้พี่ขอห้ามไม่ให้ออกไปทำงานแล้วนะ นอนพักไปจะดีกว่า เดี๋ยวถ้าเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาอีกคราวนี้อาจต้องส่งโรงพยาบาลให้น้ำเกลือแทน" หมออิฐทำหน้าดุขู่ แต่เขาไม่ได้ขู่เล่นๆ นะ...พูดจริงทั้งนั้น กับคนที่ดูหัวดื้อไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองไม่สบายอยู่อย่างน้องคนนี้เนี่ยต้องใช้ไม้แข็งเข้าว่า





"ตะ...แต่..."





"ห้ามแต่"





"..." มือบางขยุ้มผ้าปูเตียง อุตส่าห์ได้อยู่ใกล้ๆ กับคินแล้วแท้ๆ ...เขามีเวลาแค่วันนี้กับพรุ่งนี้เท่านั้นที่จะได้อยู่ข้างๆ ...มีแค่ช่วงนี้เท่านั้น





แล้วทำไม...ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้





"พี่หมอ ต้องตรวจอะไรอีกมั้ยครับ" ร่างสูงยืนมองอยู่พูดกับว่าที่แพทย์ ซึ่งร่างโปร่งในเสื้อกราวน์สีขาวก็ส่ายหน้า มือล้วงกระเป๋าหยิบปากกาออกมากด





"น่าจะไม่ต้องแล้วล่ะ" เจ้าตัวทำท่านึกเหมือนติดใจอะไรบางอย่าง ก่อนร้องเสียงดัง "เอ้อ ว่าแต่น้องชะเอมมีโรคประจำตัวรึเปล่า พี่ว่าจะถาม"





ร่างบางได้ยินก็เผลอสบตาคมกริบที่จ้องมองมา ก่อนจะเบนหลบตอบคำถามเสียงเบา "...ไม่ครับ"





หนุ่มแพทย์ควงปากกาเคาะกระดานจดในมือ "อือฮึ แล้วปกติไม่ได้กินยาอะไรใช่ไหม"





"ไม่ครับ" ร่างบางส่ายหน้าอีกรอบ





"โอเค เรียบร้อย" มือจดยิกๆ เป็นลายมือที่เจ้าของอ่านออกคนเดียว





"ผมขอคุยกับเขาสองคนได้มั้ยครับ" คินพูดกับอิฐแต่มองหน้าชะเอม





"อ่า เอาสิ" ร่างโปร่งใช้ปากกาเกาหัว...ไหนบอกว่าเพิ่งรู้จักกันไง





อิฐโคลงหัวประมาณว่าตามสบายเลย ขาเรียวเดินออกไปให้ความเป็นส่วนตัว จากนั้นในห้องเหลือแค่สองคน...ตามลำพัง





"คิน..." ร่างบางขยับตัว





"ไม่ต้องลุกหรอก" ร่างสูงบอก หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างเตียง มือใหญ่ยื่นมือมาสัมผัสหน้าผาก ไล้มาที่แก้ม ชะเอมปรือตาเอียงหน้าเข้าหาฝ่ามือ





อุ่นจัง...เหมือนฝันเลย





นานแค่ไหนแล้วนะ





"คิน" เสียงใสสั่นเครือ สัมผัสละออกไปแล้ว...ทำไงดี น้ำตามัน...จะไหล







ร่างบางขยับตัวอีกครั้ง แขนยันตัวเองจะลุกขึ้น อยากคุย...





"อย่าฝืนน่า"





"ไม่เป็นไรครับ ผม...ผมไหว" กว่าจะพาร่างหนักๆ ของตัวเองขึ้นมาได้โดยไม่มีความช่วยเหลือ จนในที่สุดชะเอมก็ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรง ทุกการกระทำอยู่ภายใต้สายตาคม "...เรย์ล่ะ"





คินเลิกคิ้ว "ถามทำไม"





"ปะ เปล่า" เสียงเรียบนิ่งของร่างสูงทำให้ชะเอมตอบเสียงละล่ำละลัก "ไม่มีอะไรครับ"





แค่แปลกใจ เพราะตั้งแต่ทะเลาะกัน ก็มักจะเห็นเรย์อยู่กับคินเสมอ





"ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง"





"เอ๊ะ เอ่อ..." ชะเอมอึกอัก สมองคิดคำตอบไม่ทันเพราะคำถามที่ไม่ได้ยินมานาน





"ไม่สบายทำไมไม่บอก ออกไปฝืนทำงานทำไม" เสียงทุ้มเรียบนิ่ง ทำให้รู้สึกว่าโดนตำหนิ ร่างบางหน้าชา ที่ถามเมื่อกี้เพราะอย่างนี้เองเหรอ...ไม่ได้เป็นห่วงกันสินะ





"ขอโทษ...ครับ" ชะเอมพูดเสียงเบาใบหน้าก้มต่ำ "ก็แค่..."





เสียงพัดผ่านแผ่วเบา คินเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน





"ผมก็แค่อยากจะอยู่ใกล้ๆ คินเท่านั้นเอง"





เรื่องแค่นี้ที่ปรารถนา แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนจนได้





"ขอโทษครับ ฮึก"





แปะ แปะ





"คินโกรธผม เกลียดผมแล้วใช่มั้ย" เสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลผ่านปลายจมูกหยดลงบนผ้าปูสีขาว "เอมไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำยังไง คินถึงจะคุยกับผมดีๆ บ้าง"





"ผมพยายามแล้ว...แต่ อึก ฮึก"





'นายนั่นแหละ หยุดพูดได้แล้ว!!'





แต่อีกฝ่ายไม่ยอมฟังกันบ้างเลย







"พอรู้ว่าได้ทำงานกับคิน เอมก็คิดว่าจะได้อยู่ใกล้ๆ ...ก็เลย..." ไม่ว่าจะรู้สึกไม่ดี จะไม่สบาย...ร่างกายจะต้องฝืนแค่ไหน ก็อยากจะอยู่ข้างๆ





อยากคุย





อยากอธิบาย





ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด





'พี่ขอห้ามไม่ให้ออกไปทำงานแล้วนะ นอนพักไปจะดีกว่า'





สิ่งที่ปรารถนากลายเป็นแบบนี้...เพราะร่างกายอ่อนแอของตัวเอง





"ผมไม่ได้ตั้งใจ...ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนครับ" มือยกขึ้นปาดน้ำตา...บ้าจริง...ร้องไห้แบบนี้เดี๋ยวก็โดนว่าว่าเรียกร้องความสนใจอีก





"นาย..." ร่างสูงได้ฟังก็นิ่งอึ้งกับความคิดและความในใจของอีกคน "ทำไมถึงต้องทำขนาดนั้น"







'คินชอบเอมที่สุด'





คำสารภาพในสมัยเด็กไร้เดียงสา ที่ตอนนี้เติบโตเป็นหนุ่มร่างสูงใหญ่...คงจะลืมไปแล้วสินะ





แต่เขายังจำได้ดี...ไม่เคยลืมเลย





'เอมก็ชอบคินที่สุดเลย'





"ชอบ...ชอบคิน" ชะเอมยิ้มทั้งน้ำตา ทั้งสั่นเครือและแผ่วเบา แต่กลับดังก้องในหัวใจ...คำๆ นี้ "ผมชอบคิน"





เรื่องอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง





แต่แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่อยากให้อีกฝ่ายเชื่อ...ความรู้สึกของเขา





"ผมชอบคินครับ ชอบ..." ยิ่งพูดความรู้สึกยิ่งทะลักทลาย พร้อมกับน้ำตาที่ไหลผ่าน





ทั้งเจ็บปวด ทั้งทรมานเวลาที่คิดว่าสายตาคมคู่นี้มองอย่างเกลียดชัง เย็นชา





ความรู้สึกของเขาถ้าหากส่งผ่านไปได้...ก็อยากจะให้อีกฝ่ายรับรู้เอาไว้





เสียงสะอื้นดังต่อเนื่องไม่มีใครพูดอะไรออกมา ผ่านไปนานจนคิดว่าร่างสูงคงไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว





"ไม่ต้องพูดแล้ว" ในที่สุดคินก็พูดขึ้น เป็นประโยคที่ทำให้ร่างบางต้องรีบกลั้นสะอื้นเช็ดน้ำตา





อา คงรำคาญสินะ





"ฮึก คะ ครับ ขอโทษ..."





"อย่าบอกนะว่าเพราะนายชอบฉัน ก็เลยทำร้ายเรย์" น้ำเสียงเรียบนิ่งกับสายตาคมที่จ้องมาทำเอาไม่กล้าสบตา ถึงอารมณ์จะไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อนแต่ก็ช่างบีบคั้นหัวใจ "นายรู้ว่าเรย์ชอบฉัน นายก็เลยไม่ชอบเรย์ไง เป็นแบบนั้นใช่รึเปล่า"







"มะ ไม่ใช่..." ชะเอมพูดได้ไม่เต็มปาก เขาก็ไม่ชอบเรย์จริงๆ แต่ไม่ใช่อย่างที่คินเข้าใจ





"หรือคิดว่าพูดเรื่องนี้แล้ว ฉันจะลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น"





"...มะ ไม่ใช่นะ..." ริมฝีปากบางขบกัด สายตาลังเลว่าจะพูดออกไปดีหรือไม่ เป็นเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้ชะเอมไม่กล้าที่จะพูดอะไรทั้งนั้น





ไม่ เขาสัญญาแล้วว่าจะพยายาม จะอดทนจนกว่าจะทำให้คินเข้าใจเรื่องนี้ให้ได้...





"ไม่ใช่...เรื่องนั้นผมไม่ได้ทำนะ"





"หืม?"





"ครั้งแรกก็เหมือนกัน ที่คินเห็น เรย์ล้มใส่แจกันเอง แถมแจกันนั่นเขาก็เป็นคนทำแตกเอง" เสียงใสอธิบายสั่น แววตาของคินยังคงนิ่งไม่แสดงอะไร "ผมไม่ได้ทำอะไรเลย จริงๆนะ"







เสียงทุ้มครางต่ำ ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย "แล้วรอยตบบนแก้มล่ะ จะบอกว่าเรย์ตบหน้าตัวเอง?"







"นั่น...ผมเป็นคนทำเอง แต่นั่นก็เพราะว่าเรย์น่ะ...!"





"จะยังไงมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่นายทำได้หรอก" คินเอ่ยด้วยแววตาคุกรุ่น "แล้วไงอีก จะบอกว่าคราวที่โรงพยาบาลนั่นเรย์ก็กระโดดไปให้รถชน? ยังงั้นเหรอ? หึ มีแต่คนบ้าเท่านั้นล่ะมั้งที่จะทำแบบนั้น"





คินแค่นเสียง หัวเราะเยาะเหมือนเรื่องที่เขาบอกเป็นเรื่องตลก





"ผมเป็นคนผลักเขาก็จริง แต่ผมไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไงให้รถมาชนพอดี ผมพูดจริงๆ นะคิน...เรย์เป็นคนสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งหมด"





"เพื่ออะไรล่ะ" ร่างสูงสูดลมหายใจเหมือนพยายามจะฟังเรื่องที่บ้าบอคอแตกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา แต่ชะเอมยังพูดต่อแม้เสียงของตัวเองจะสั่นขนาดไหน





"เพราะเรย์ชอบคินไง คินได้ยินมั้ย เพราะเขาต้องการให้คินเลิกกับผม"





"เลิกพูดเรื่องนี้ซักที ฉันไม่อยากได้ยิน!" ร่างสูงหายใจแรงอย่างหมดความอดทน





‘กูบอกแล้วไงให้มึงเปิดตาที่สาม อย่าใช้สองตามอง แล้วกูถึงจะบอก’





‘นี่คินคิดจะทำอะไร จะประกาศให้คนเขารู้ใช่มั้ยว่าจะรีเทิร์นน่ะ อยู่กันแค่แปปเดียว ถ่านไฟเก่าจะคุเหรอ’





‘เพราะเขาชอบคินไง คินได้ยินมั้ย เพราะเขาต้องการให้คินเลิกกับผม’







มีแต่คนปั่นหัวเขา ทั้งไอ้เอก ทั้งเรย์ แล้วนี่ยังจะต้องมาฟังเรื่องบ้าบออีก นี่เห็นเขาโง่มากใช่ไหม!





“คะ...คิน”





“...อะไรอีก” ร่างสูงถอนหายใจ





"คินไม่เชื่อที่ผมพูดเหรอ" ชะเอมถามเสียงสั่นเครือ ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่อดเสียใจไม่ได้...เขาได้มีโอกาสอธิบายแล้ว แต่ก็ยังเปลี่ยนอะไรไม่ได้





"แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ยังไง นายก็แค่พูด แต่สิ่งที่ฉันเห็นมันไม่ใช่”





"แล้วต้องทำยังไงคินถึงจะเชื่อผมล่ะ"





"ก็ลองคิดดูเองสิ”





"เดี๋ยวคิน! อย่าเพิ่งไป...ผมขอโอกาส ขอร้องล่ะ คินจะทำแบบนี้ไม่ได้" ร่างบางผุดลุกขึ้นจับแขนร่างสูงที่ทำท่าจะลุกออกไป “คิน...”





"โอกาสอะไร"





ถ้าหากพูดไปแล้วยังไม่เชื่อ ก็มีแต่ต้องทำให้เชื่อให้ได้...เขาไม่มีทางให้เลือกอีกแล้ว





"อยากให้คินกลับมา...คบกัน" ชะเอมสูดลมหายใจ ตัดสินใจพูดออกไปแล้ว "ได้มั้ย"





ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวรอคอยคำตอบ ผ่านไปครู่เดียวก็เหมือนนานหลายนาที





"ไม่ได้หรอก"





"ทำไมล่ะ" ตาโตไหววูบ







"ตอนนี้ฉันคบอยู่กับเรย์แล้ว"





"...อะไรนะ" ร่างบางเบิกตาหน้าซีดเซียว สิ่งที่คิดไว้พังทลายลงมากองตรงหน้า





"..."





ทั้งห้องเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรนานนับหลายนาที มือที่จับแขนแกร่งไว้เริ่มสั่นแต่ก็ไม่อยากปล่อย ปากบางขบอย่างตัดสินใจ





พูดออกไปสิ...โอกาสสุดท้ายแล้ว





ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็มีแต่ต้องเสียไปเท่านั้น





"...แล้วถ้า...ถ้าหลังจากนี้ ผมอยากให้คินกลับมาอยู่ที่ห้องบ้าง...แค่นี้...ได้รึเปล่า"





"..."





"แค่วันเดียวก็ได้...กลับมากินข้าวบ้าง...ได้ไหม"





เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายเงียบไปนาน แววตากลมสีดำฉายแววตัดพ้อ มือสั่นเทาลดลง





แค่นี้ก็ไม่ได้สินะ





"...ก็ได้"





ร่างบางชะงักตาโต สายตาที่จับจ้องมือตัวเองเมื่อครู่รีบเงยหน้ามอง "จริงเหรอ" เสียงใสถามเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ยินผิดไป





"หรือจะไม่เอา?"





"ฮื่อ!" ใบหน้ามนรีบส่ายแรงๆ ยิ้มดีใจ "แค่นี้ก็พอ...ขอบคุณนะ"





แค่เขาไม่ปฏิเสธเราก็ดีมากพอแล้ว แค่นี้ก็ดีแล้ว





ดวงตากลมโตไล่มองสันหน้าคมของร่างสูงช้าๆ รู้สึกว่าวันนี้คินใจดีจัง คุยกับเขาดีๆ ...แล้วยังมาหาเขาทั้งที่นอนอยู่ในห้องพยาบาลนี้ก็ด้วย





แถมได้อยู่ใกล้ขนาดนี้





ร่างสูงเหมือนจะรู้สึกตัวว่าโดนมองก็ปรายตา ถามขมวดคิ้ว "อะไร"





"เปล่าครับ" ชะเอมยิ้มบาง ก่อนจะชวนคุยเพราะคิดว่าห้องเงียบจนเกินไป "คุณลุง...คุณลุงเป็นยังไงบ้าง"





"ไม่รู้สิ ไม่ได้คุยกันเลย" คินยักไหล่ "ฉันต่างหากที่ควรจะถาม ปกตินายก็คุยกับพ่อเป็นประจำอยู่แล้วไม่ใช่รึไง"





"วันก่อนคุณลุงบอกว่าไปทำงานที่เมืองนอก แต่ตอนนี้ติดต่อไม่ได้เลย" ชะเอมเล่าเสียงใส แต่พอร่างสูงเงียบอีกครั้งก็เอ่ยถาม "คินรู้รึเปล่า"





เสียงทุ้มหัวเราะหึ "จะไปรู้ได้ยังไง พ่อทำอะไรก็บอกนายคนเดียว พ่อคงเห็นนายเป็นลูกแทนฉันไปแล้วมั้ง" คำพูดที่ฟังไม่ออกว่าเสียใจรึเปล่า แต่ร่างบางก็รีบแย้งทันที





"ไม่ใช่หรอก! คุณลุงน่ะ รักคินมากนะ" ชะเอมรีบอธิบาย ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเขามาแย่งความรักจากพ่อแท้ๆ ของคินไป "คุณลุงถามถึงคินทุกครั้งเลยว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย"





คุณลุงน่ะเป็นพ่อที่ดีมากๆ ...เขาต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายอิจฉาคินด้วยซ้ำที่มีพ่อดีๆ แบบนี้





เขาก็แค่อยากมีพ่อดีๆ แบบนี้บ้างเท่านั้น





ความรักของผู้บังเกิดเกล้าที่เกิดมายังไม่เคยได้รับ...และไม่มีวันได้





ร่างสูงถอนหายใจขี้เกียจฟัง "เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ ฉันชินแล้ว ส่วนนายก็นอนพักซะ"





"ผะ ผม...ผมไม่เป็นไรครับ"





"นายไม่สบายอยู่ และพี่หมออิฐก็สั่งไว้...ห้ามขัด"





"ผมไม่เป็นไรจริงๆ" ชะเอมรีบบอกยืนยัน ก็นานแล้วที่ไม่ได้คุยแบบนี้กับอีกฝ่าย





คินจิ๊ปาก "อย่าดื้อน่า"





"ผมไม่..."





"พรุ่งนี้ยังมีงานที่ต้องทำอีก ถ้าวันนี้ไม่พักแล้วพรุ่งนี้ไม่มีแรงก็ช่วยไม่ได้นะ"





พรุ่งนี้...งานที่ต้องจับคู่ทำยังเหลืออีกหนึ่งวัน แสดงว่ายังมีเวลาที่เราจะได้อยู่ใกล้ๆ คินอีกหนึ่งวัน





"ก็ได้" ชะเอมอุบอิบหน้างอกำลังจะเอนตัวลงนอน แต่ก็หันขวับทำตาโต...สาบานได้ว่าเมื่อกี้เหมือนเห็นรอยยิ้มมุมปากนิดหน่อยของอีกฝ่ายด้วย พอมองดีๆ ก็หายไปแล้ว...ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเปล่า





แต่จะตาฝาดหรือไม่ แค่นั้นก็ทำให้ใจดวงน้อยพองโตขึ้นแล้ว





วันนี้รู้สึก...มีความสุขจัง





"ฉันจะอยู่จนกว่านายจะหลับ" ร่างบางฟังแล้วหัวใจพองโตขึ้นอีกครั้ง "เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ฝืนอีก ถ้าพรุ่งนี้ฉันทำงานในครัวคนเดียวก็คงลำบาก"





ชะเอมพยักหน้า จับผ้าห่มคลุมถึงอก หลับตาพริ้มและเพียงไม่นานก็เข้าสู่นิทราด้วยความเพลีย





แค่นี้ก็พอ...





วันละนิด...แค่วันละนิด





ถ้าหากพูดไปแล้วยังไม่เชื่อ ก็มีแต่ต้องทำให้เชื่อ...



จะต้องทำให้อีกฝ่ายกลับมารักเขาให้ได้



และเขาก็ไม่มีทางให้เลือกอีกแล้ว



นอกจากจะต้องแลกด้วยหัวใจดวงนี้













************************Whose fault? ************************

ต่อด้านล่าง



ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ต่อจากด้านบน


ตกดึก หลังจากทำงานเหนื่อยๆ และกินข้าวจนเสร็จ นักศึกษาหลายคนโดยเฉพาะผู้ชายส่งเสียงอึกกระทึกเฮฮา เสียงดังเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด แถมมีการแย่งห้องอาบน้ำกันปิดประตูปึงปังยิ่งส่งเสียงดังกันยกใหญ่





"กูขอก่อน!"





"เห้ย อย่าโกงดิวะ กูจองแล้ว!"





"ใครเร็วใครได้เฟ้ย"





"หนอย ลองทำแบบนี้ดูซิจะเร็วได้อีกมั้ย"





"แว้ก! อย่าดึงผ้าสิวะ เดี๋ยวมังกรโผล่!"





แล้วเสียงหัวเราะลั่นก็ดังตามมา โดยเฉพาะเหล่านักศึกษาชายคณะวิศวะ ...ทำแบบนี้ก็คงไม่แปลกเลยที่จะโดนสาวๆ ว่าพวกวิศวะเถื่อนแถมพ่วงด้วยคำว่าลามกจกเปรตอีกต่างหาก





“ไอ้พวกนี้หนวกหูชะมัด” เสียงบ่นก็ลอยตามมา





คินกับเพื่อนๆ รอสักประมาณชั่วโมงกว่าเนื่องจากคนเข้าออกห้องน้ำตลอดเวลา กะจะให้คนซาลงก่อนแล้วค่อยเข้าไปอาบจะได้ไม่ต้องรีบร้อนด้วย





“คินไปกัน” ร่างเล็กเอ่ยชวนคนที่นั่งเล่นมือถืออยู่ พลางหยิบของที่ต้องใช้ในห้องอาบน้ำ มือพาดผ้าเช็ดตัวรอบคอ





คินยังนิ่งมือกดเกมบนหน้าจอยิกๆ ปากพูดแต่ไม่ละสายตา “เรย์ไปก่อนเลย”





ร่างเล็กเห็นการกระทำตอบกลับที่ดูเรียบนิ่งก็อดเอ่ยไม่ได้ “คิน ยังไม่หายโกรธเรื่องนั้นอีกเหรอ”





“...”





“เรย์ขอโทษก็ได้ อย่าทำเย็นชาใส่เรย์แบบนี้เลย นะ” เสียงใสอ้อน แถมยังนั่งมองอยู่แบบนั้น ร่างสูงก็ถอนหายใจ กดปิดมือถือแล้ววางลง เท่านั้นแหละ ร่างเล็กก็ยิ้มออก





เจอลูกอ้อนเข้าหน่อยก็ยอมแล้ว นึกว่าจะโกรธมากกว่านี้ซะอีก





“รีบๆ ไปสิ”





มัวแต่คิดอะไรเข้าข้างตัวเอง รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นคินยืนมองอยู่ “อะ อืม ไปๆ”





ผลัดกันเข้าไปอาบจนเสร็จ ร่างสูงเดินขยี้ผมเปียกชื้นออกมาจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย ส่วนเรย์น่าจะออกไปสักพักแล้ว





สายตาคมพลันเห็นร่างบางของใครบางคนเดินตรงมาพร้อมเครื่องอาบน้ำที่อยู่ในอ้อมแขน ซึ่งตอนนี้ห้องน้ำโล่งว่างไม่มีใคร เพราะเป็นเวลาที่หลายคนเข้านอนพอดี





ทำไมถึงมาซะดึกป่านนี้?





ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สังเกตเห็นร่างสูงเลยแม้แต่น้อย คินจึงทำเป็นยืนเช็ดผมมองไปทางอื่น ได้ยินเสียงเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเมื่อขาเรียวก้าวเข้าเขตห้องน้ำที่เรียงรายพบคินยืนเช็ดศีรษะอยู่หน้ากระจกก็เกิดอาการเลิ่กลั่กทันที ร่างสูงทำเป็นไม่เห็นแต่สายตาคมเหลือบมองผ่านกระจกเห็นเจ้าตัวจะถอยหลังออกไป





"จะไปไหนล่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยทัก ทำเอาไหล่บางสะดุ้งโหยง "มาอาบน้ำไม่ใช่เหรอ"





คินมองร่างผอมบางที่เม้มปาก "อ่ะ ครับ" ชะเอมพยักหน้าตอบเสียงเบา สังเกตเห็นแขนบางเกร็งกอดเสื้อผ้าที่อยู่ในอ้อมแขนแน่น “คินอาบน้ำดึกจัง”





ร่างสูงเลิกคิ้วกับคำทักนั่น “นั่นมันนายต่างหาก”





“เอ๊ะ อืม...จริงด้วยเนอะ” เจ้าตัวตาโตเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ก็หัวเราะออกมาเหมือนขำตัวเอง





สายตาลอบมองใบหน้าหวานที่ผ่อนคลายมากขึ้น พาลให้นึกถึงคำพูดก่อนหน้าที่ไม่คิดว่าจะกล้าเอ่ยขอของอีกฝ่าย





‘เดี๋ยวคิน! อย่าเพิ่งไป...ผมขอโอกาส ขอร้องล่ะ’





‘อยากให้คินกลับมาคบกัน...ได้มั้ย’





ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะ...





‘ผมชอบคินครับ ชอบ...’ ยังจำได้ถึงความรู้สึกที่หัวใจเต้นหนักหน่วง





‘ไม่ได้หรอก ฉันคบอยู่กับเรย์แล้ว’ แล้วถ้าหากเขาไม่ได้คบอยู่กับเรย์...จะตอบไปว่ายังไง





ความรู้สึกของชะเอมที่ยอมให้แทรกเข้ามาทำให้ผมยอมอ่อน





‘แล้วถ้า...ถ้าหลังจากนี้ ผมอยากให้คินกลับมาอยู่ที่ห้องบ้าง...กลับมากินข้าวบ้าง...ได้ไหม’





‘...ก็ได้’





เพราะงั้นผมถึงยอมให้โอกาสเขา





แต่ว่า... ‘ผมพูดจริงๆ นะคิน...เรย์เป็นคนสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งหมด’ ...ผมน่ะยังไม่ได้ลืมเรื่องนี้หรอกนะ





"ทำไมถึงมาซะดึก รอห้องว่าง?" คินเดา เหตุผลอาจจะเหมือนเขาก็ได้ แต่มาตอนนี้ก็ออกจะดึกเกินไปหน่อย ยิ่งอยู่บนเขา ยิ่งมืดค่ำเท่าไหร่ อากาศก็จะยิ่งเย็นมากขึ้นเท่านั้น





ใบหน้ามนส่ายยิ้มๆ "เปล่าครับ"





"เปล่า?" คินเอ่ยทวน





"ผม... อืม แค่ช่วยคุณป้าล้างจานในครัว...เพิ่งเสร็จน่ะ" ร่างบางอธิบาย ริมฝีปากยิ้มจางเพราะนึกถึงคุณป้าใจดีหลายคนที่คุยอย่างเป็นกันเอง





ล้างจาน? จนป่านนี้เนี่ยนะ...นั่นมันไม่ใช่หน้าที่ไม่ใช่เหรอ?





ร่างสูงขมวดคิ้ว “นี่แสดงว่าหายดีแล้วสิ ไปช่วยเขาทำทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่เนี่ย”





“คะ ครับ ผมดีขึ้นบ้างแล้ว ก็เลย...ฮะ ฮัดชิ้ว!” ชะเอมปิดปากจามแล้วสูดจมูกฟืดฟาด คินเห็นแล้วก็ถอนหายใจ อากาศเย็นๆ กับคนที่ไม่สบายอยู่มันคงไม่ถูกกันเท่าไหร่





“รีบๆ ไปอาบน้ำสิ แล้วก็ห้ามสระผมด้วย” มันดึกแล้ว เดี๋ยวผมไม่แห้งมันจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่





ร่างผอมบางพยักหน้าหงึกหงัก ขาเรียวกำลังจะเร่งเดินผ่านไปแต่ก็...





"เหวอ!" ร้องเสียงหลงเมื่อเท้าเหยียบน้ำที่เจิ่งนองบนพื้นกระเบื้องจนพลาดหงายท้อง





"เห้ย!" คินก็ตกใจแต่แขนแกร่งเอื้อมไปรับคนอยู่ไม่ห่างอัตโนมัติทันก่อนที่ร่างผอมบางจะกระแทกพื้นเจ็บตัว





เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชะเอมที่หลับตาปี๋เตรียมตัวรับความเจ็บปวดแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าคมอยู่ในระยะประชิด ร่างผอมบางเด้งตัวออกจากอ้อมแขนของร่างสูงอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวเกาหูเกาแก้มที่แดงอย่างเคอะเขินกับสัมผัสร้อนผ่าวผ่านผิวกายเพียงเล็กน้อย...ทุกกิริยาเต็มไปด้วยความใสซื่อ





"ขะ ขอบคุณครับ" เสียงใสอึกอัก ใบหน้ายังแดงอยู่







“ระวังหน่อยสิ” คินเอ่ยเสียงเครียด ใจเกือบตกไปที่ตาตุ่ม นี่ถ้าอยู่คนเดียวคงล้มกระแทกพื้นไปแล้ว







“ก็คินบอกว่าให้รีบ” เสียงใสเถียงออกมา คินยื่นนิ้วออกไปดีดหน้าผากมนดัง เพียะ!







“โอ๊ย” ชะเอมกุมหน้าผากป้อย







“เถียงเหรอ...ให้รีบ แต่ก็ต้องระวังตัวเองด้วย เจ็บตัวขึ้นมามันคุ้มกันมั้ย”







“ฮื่อ” ร่างบางส่ายหน้าหน้ามุ่ยแต่ยังกุมหน้าผากตัวเองอยู่





“เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ได้ยินคินถามใบหน้ามนก็ส่ายอีกครั้ง เพราะว่าเมื่อกี้ร่างสูงช่วยเอาไว้เลยไม่เจ็บตรงไหนเลย จะเจ็บก็ตรงที่นิ้วยาวดีดเข้าให้นั่นแหละ





ชะเอมลุกขึ้นเก็บของที่หล่นกระจัดกระจายแล้วรีบแจ้นเข้าห้องน้ำไป คินยืนมองหน้าประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ได้ยินเสียงน้ำไหลเกินสิบห้านาทีก็ส่ายหน้าระอา





“ทำอะไรอยู่ นานเกินไปแล้วนะ”





“คะ ครับ! ...ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย” เสียงใสพึมพำ แต่หารู้ไม่ว่าเสียงในห้องน้ำดังก้องขนาดนี้ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างนอกก็ได้ยินนะ





ไม่นานประตูก็เปิดออก คินมองด้วยสายตาคมกริบ “บอกว่าอย่าสระผมไง”





ชะเอมตาโต ลืมไปซะสนิทเลย...ก็มัวแต่ตื่นเต้นกับสัมผัสเมื่อกี้ ร่างสูงพูดอะไรไปบ้างก็เลยลืม





“มานี่” คินเรียก พอเห็นเจ้าตัวเดินท่าทางลื่นๆ แล้วก็ต้องเอ่ยดุอีกครั้ง “เดินระวังๆ หน่อย” นี่เขากำลังพูดกับเด็กอยู่หรือไงกัน







ร่างสูงวางผ้าเช็ดตัวของตัวเองบนแท่นอ่างล้างมือ แล้วนั่งทับมัน พอร่างบางเดินมาใกล้ๆ ก็แบมือ







“ส่งผ้าเช็ดตัวมาแล้วหันหลังพิงตรงนี้” เจ้าตัวทำหน้างง แต่ก็ส่งให้ ท่าทางชักช้ามือใหญ่จึงจับชะเอมให้หันหลังพิงอยู่ตรงกลางระหว่างขายาวสองข้าง







“ฮะ ฮัดชิ้ว!” เสียงจามดังขึ้น แขนบางยกขึ้นกอดตัวเอง...หนาวชะมัด







คินคิดอย่างระอาระหว่างขยุ้มผ้าขนหนูลงบนหัวของอีกฝ่าย นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ “อย่าลืมกินยาดักก่อนนอนด้วย”





“อือ คิน...คินหายโกรธผมแล้วเหรอ” ชะเอมที่หลับตาพริ้ม เสียงหัวใจเต้นรัวกับสัมผัสบนศีรษะ เสียงใสพูดเบา มือใหญ่ที่กำลังเช็ดหัวอยู่ก็ชะงัก







“อย่าเข้าใจผิดสิ เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน” เสียงทุ้มบอก





ใช่ สิ่งที่ผมทำอยู่ กับเรื่องของเรย์ มันคนละเรื่องกัน...ผมยังไม่ได้ลืมหรอก





“...ครับ” เสียงใสรับคำ หัวใจที่เต้นรัวแผ่วเบาลง ริมฝีปากบางแย้มยิ้มเศร้าที่คนข้างหลังมองไม่เห็น







นั่นสินะ







อย่าเข้าใจผิดสิ






************************Whose fault? ************************


 :katai4: :hao5:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

                                      Whose Fault ?

                                      ผิด...ครั้งที่ 18




โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม


“อันนี้ทำแบบนี้ครับ”



สาวรุ่นน้องยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย “ว้าว พี่ชะเอมเก่งจังเลย”



“น้องออยก็เริ่มคล่องแล้วนะ เทียบจากวันแรกเก่งขึ้นมากเลย” ชะเอมยิ้มเอ่ยให้กำลังใจ



“แล้วอันนี้ล่ะคะๆ”



“ส่วนอันนี้ทำแบบนี้”





เสียงฮือฮาของผู้หญิงหลายคนดังขึ้นในห้องครัว การทำงานในวันที่สามสลับกับวันก่อน เห็นได้ชัดว่าแค่เพียงไม่กี่วันร่างบางก็เริ่มเป็นที่รู้จัก แถมยังมีเสียงชื่นชมระงมของป้าๆ อีกด้วย





“หนูเอมน่ารัก แถมสุภาพมาก ป้าล่ะช้อบชอบ”





“ใช่ๆ ถ้าป้ามีลูกสาวล่ะก็จะให้มาขอชะเอมเป็นลูกเขยทันทีเลย”





“แต่ป้าว่าให้หนูเอมเป็นลูกสะใภ้น่าจะเหมาะกว่านะ น่ารักขนาดนี้”





“จริงด้วยเนอะ ฝีมือการทำอาหารก็เก่งกว่าผู้หญิงซะด้วย”





“ใช่ๆ” เสียงหัวเราะคิกคักและเสียงเม้ากัน ให้ชะเอมหน้าแดงหูแดง น้องๆ ผู้หญิงหลายคนที่เริ่มสนิทก็หัวเราะตามไปกับเสียงคุยนั่นด้วย





“โธ่ คุณป้าครับ อย่าพูดแบบนี้สิ ผมอายนะครับ” ร่างบางเสียงอ่อย





หญิงวัยทองหัวเราะแซว คนวัยหนุ่มนี่เวลาเขินก็น่าเอ็นดู “ก็ป้าพูดจริงนี่นา หนูๆ หลายคนก็เห็นด้วยใช่มั้ยจ๊ะ”





“ค่า!” รุ่นน้องผู้หญิงประสานเสียงถูกใจ ให้ใบหน้ามนส่ายระอาทั้งที่ยังเขินๆ





“ดูสนิทกันจังนะ” ชะเอมชะงักกับทักของร่างสูงที่อยู่ข้างๆ





“เอ่อ ครับ...คือผมอยู่ในครัวตั้งแต่วันแรก ก็เลยสนิทกับพวกน้องๆ น่ะครับ”





“หืม ดูท่าทางนายจะชอบทำอาหารนะ”





ริมฝีปากยิ้มบางกับคำพูดนั้น “ผมแค่ชอบเวลามีคนทานอาหารที่ผมทำแล้วมีความสุขครับ”





อันที่จริงก็เป็นเพราะคินนั่นแหละ เวลาร่างสูงทานอาหารที่เขาทำ...คำชมและคำให้กำลังใจที่อีกฝ่ายมีให้เมื่อก่อน จนตัวเองชอบทำอาหารไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้





“อุ๊บ!” มัวแต่เหม่อเผลอคิดถึงอย่างอื่นทำให้พลาด คมมีดก็บาดนิ้วมือเรียวจนเลือดออก





 คินวางมือทันที แล้วจับมือเล็กให้เดินตามมาโดยระวังไม่ให้โดนแผล “มานี่ ทำอะไร ทำไมไม่ระวังตัว”





ซ่า





“ซี้ด ขะ ขอโทษครับ” ชะเอมอดสูดปากไม่ได้เมื่อร่างสูงล้างแผลด้วยน้ำก๊อก...โอย แสบ





“แล้วมัวเหม่ออะไรอยู่ ดีนะที่แผลไม่ลึก” เสียงทุ้มเรียบนิ่งของอีกฝ่ายดังก้องในความรู้สึก ดวงตากลมโตอดจ้องมองสันหน้าคมอย่างเก็บรายละเอียดไม่ได้ นี่เป็นวันสุดท้ายแล้ว...หลังจากนี้คงไม่ได้ใกล้ชิดแบบนี้อีก





“ไม่มีอะไรหรอก...ขอบคุณนะ” ร่างบางแย้มยิ้มบาง ใบหน้าใสขึ้นริ้วแดงกับสัมผัสเพียงเล็กน้อยบนมือ ร่างสูงตอนนี้ช่างอ่อนโยนรู้ตัวบ้างหรือไม่ เขาห้ามหัวใจของตัวเองไม่ได้เลย...กับคินที่ใจดีแบบนี้ เขาห้ามไม่ให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เลย











อีกมุมหนึ่ง





“แกๆ ดูนั่น พี่ชะเอมกับพี่คินเขาละมุนกันมากเลยอ่ะ”



“ฉันก็ว่างั้น ดูสายตาพี่เอมที่มองพี่คิน กรี๊ด ฉันล่ะอิจฉาแทน”



“แต่เขาเลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ แถมตอนนี้พี่คินเขายังคบกับพี่เรย์เป็นแฟนด้วยนะ”



“เลิกกันแล้วยังไงล่ะ ฉันเชียร์พี่เอมย่ะ แล้วแกไม่เห็นเหรอว่าพวกเขาห่วงใยกันขนาดไหน”



“จริง จริง ฉันเห็นด้วย พอได้คุยกับพี่ชะเอมแล้ว ใครๆ ก็หลงรักทั้งนั้นแหละ”



“พอมองดูแบบนี้ก็แอบสงสัยเรื่องข่าวลือก่อนหน้านี้เหมือนกันนะ”



“เออจริง ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าพี่เรย์นี่ยังไง นี่ๆ แกว่าไงอ่ะ คิดเหมือนกันป่ะ”



“ใช่ จริงๆ ฉันก็ไม่ได้รู้จักพี่เรย์อะไรนั่นมากหรอก แต่ยังไงพี่ชะเอมก็ไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นได้แน่ พี่เขาเป็นคนดีแถมดูซื่อๆ ด้วย”



“แล้วเรื่องนี้มันมาได้ยังไงอ่ะ”



“ก็น้องสาวพี่เรย์ ที่ชื่อรินนั่นไง นางเป็นคนโพนทะนาเรื่องนี้ออกไปจนมันฉาวโฉ่ ฉันว่ามันต้องมีซัมติงรองแน่นอน”



“จะยังไงก็เถอะ ตอนนี้ใจฉันเทให้พี่เอมหมดแล้ว ใครลองว่าอะไรดูสิ แม่จะตบให้!”





เสียงคุยกันเบาๆ ของสาวกลุ่มหนึ่งที่พยายามไม่ให้ชะเอมกับคินได้ยิน แต่ไม่ได้สังเกตว่ามีอีกคนยืนอยู่ด้านหลัง ร่างเล็กเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพร้อมกับมือที่กำมีดคมกริบแน่น แววตาลุกโชนด้วยความกราดเกรี้ยว

ยัยพวกนี้...มันน่านัก







“คิน พะ พอแล้ว” ใบหน้ามนเขินอาย รีบบอกตะกุกตะกัก “เลือดหยุดไหลแล้ว”





มือเล็กดึงออกมาจากการเกาะกุม รู้สึกถึงความร้อนผ่าวแม้จะถูกล้างด้วยน้ำเย็นๆ ยิ่งสายตาคมที่มองมา ยิ่งต้องหลบ





ใครจะไปกล้าสบตา แค่นี้หัวใจก็เต้นรัวเร็วดังอย่างกับกลอง ถ้าอยู่ใกล้กว่านี้คงได้ยินเสียงหัวใจของเราแน่





“คะ คือ ผม ผมไปทำต่อนะ”





คินได้ยินก็หัวเราะในลำคอ ท่าทางยึกยักนั่นน่าตลก “ก็ไปสิ ใครห้ามล่ะ”





“เฮ้ย เอม มาทางนี้หน่อยสิ” เสียงเรียกของดินทำให้เอมหันไปมอง เห็นร่างสูงผิวคล้ำกวักมือเรียกเขายิกๆ “มาช่วยกูหน่อย”





ร่างบางเดินเข้าไปใกล้ เห็นกองเนื้อหมูที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดูน่าประหลาด คิ้วขมวดน้อยๆ “นี่อะไรเหรอ”





“อ้าว ก็บอกให้กูหั่นหมูไม่ใช่เหรอ” ดินทำหน้าเหรอหรา กับคู่ทำงานของดินที่ยืนด้วยกันทำหน้าไม่แตกต่างกันเลย





“อา...” ชะเอมมองกองเนื้ออย่างสงสาร เขาไม่ได้บอกให้ทำแบบนี้สักหน่อย แต่ก็ไม่รู้จะพูดกับเพื่อนยังไง “เวลาดินกินผัดเผ็ดหมูที่ร้านอาหารตามสั่ง หมูมันเป็นรูปร่างยังไงเหรอ”





ร่างสูงกุมคางทำท่านึกแบบแทบจะเค้นออกมาจากสมอง “ก็...มันก็จะเป็นชิ้นแผ่นพอดีคำ กินแล้วก็จะอร่อยๆ หน่อย” ซึ่งชะเอมก็ยังโล่งอกกับคำตอบที่ได้ นึกว่าจะตอบว่าเวลากินก็กินอย่างเดียวไม่ได้มองซะอีก





“ถ้างั้นดินหั่นแบบที่เคยกินนั่นแหละ ทำได้ไหม” ...แบบที่มันไม่ใช่แบบที่ทำอยู่นี่น่ะ





“อะไรกัน ถ้ามันง่ายขนาดนั้น กูไม่เรียกมึงมาช่วยหรอก”





ตาโตกระพริบปริบ “งั้นเดี๋ยวเราทำให้ดูก่อน พวกดินดูแล้วทำตามนะ”





ทั้งสองคนผู้ไม่มีความรู้ด้านการทำอาหารเลยแม้แต่นิดเดียวพยักหน้าเป็นลูกคู่ ชะเอมจับมีดหั่นเนื้อหมูในมืออย่างคล่องแคล่ว...ทำไมถึงไม่เอาร่างบางซักสิบคนมาทำอาหารแทนฟะ มันจะไวกว่าที่ให้มือใหม่อย่างพวกเขามาทำตั้งเยอะแยะ





“หั่นให้หมดเลยก็ดีนะ” ดินบอกอย่างอดไม่ได้ เมื่อมือเรียวส่งมีดมาให้





“เราก็มีงานทำเหมือนกันนะดิน”





ร่างสูงฟังแล้วปรายตามองชะเอมที่ยิ้มตาใส “นี่มึงแอบด่ากูทางอ้อมรึเปล่าเนี่ย หน้าซื่อๆ งี้มองไม่ออกเลย”





“เราจะไปว่าดินได้ยังไง รีบๆ ทำเข้านะ เดี๋ยวจะไม่เสร็จ”





“เออๆ” ดินโบกมือไล่ ตั้งท่าหั่นอย่างตั้งใจแต่พอดูผลลัพธ์มันกลับไม่ได้เหมือนที่ชะเอมทำ...ทำไมมันยากอย่างงี้วะ!!





“แล้วนี่รามกับสินล่ะ” ชะเอมว่า สายตามองหา





จะว่าไปวันนี้ไม่เห็นน้องสาเลย





“ซักที่น่ะแหละ” เสียงทุ้มตอบส่งๆ เพราะกำลังจริงจังกับงานตรงหน้า คนที่ได้รับคำตอบก็พยักหน้าเบาๆ “เหรอ” ขาบางทำท่าจะหมุนตัวกลับไปที่เดิม แต่ก็โดนเรียกเอาไว้ก่อน





“ระ รุ่นพี่...ครับ”





เสียงของคนเรียกเบามาก ร่างบางจึงไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเรียกตัวเองหรือว่าคนอื่น “ครับ?” แถมน้องคนนี้ยังก้มหน้าซะเกือบชิดอก ผมหน้าม้าก็ยาวจนบังมิดมองไม่เห็นใบหน้าเลย





“ชะ ช่วย มาทางนี้กับผมหน่อย...ได้มั้ยครับ”





ได้ยินคำขอแล้วชะเอมอดมองไปที่คินไม่ได้ ซึ่งจากทางนี้เห็นแผ่นหลังใหญ่ของร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่...ไปแปปเดียวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง “ได้สิ...ไปไหนเหรอ?”





คนตัวเล็กกว่าไม่ตอบ เดินลิ่วออกไปนอกครัว ซึ่งทำให้ชะเอมไม่ทันได้คิดอะไรก็เดินตามออกไปไม่มีใครสังเกตเห็น รุ่นน้องอาจจะมีปัญหาอะไรอยากให้ช่วย แต่ไม่อยากพูดข้างในเพราะคนเยอะล่ะมั้ง





แต่จะว่าไปเขากับน้องคนนี้ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย?





แซ่ก แซ่ก





ขาบางเดินตามคนตัวเล็กกว่ามาเรื่อยๆ ใบหน้ามนมองไปรอบๆ กลางป่ากลางเขาแบบนี้จะเดินไปถึงไหนกัน





“น้องครับ จะไปไหนน่ะ ถ้าไปลึกมากกว่านี้จะหาทางกลับไม่ได้เอานะ”





ชะเอมบอกคนที่ยังเดินไปข้างหน้า เขาว่าไม่ได้พูดเบาอะไรนะ ยิ่งรอบข้างเงียบแบบนี้ด้วยแล้ว แต่น้องยังคงเดินตรงไปเหมือนจะไม่ได้ยิน?





“หรือว่าน้องมีอะไรจะพูดกับพี่รึเปล่า...เอ๊ะ ที่นี่?” พอจะถามอะไรอีก ขาทั้งสองคู่ก็ยืนหยุดอยู่ตรงหน้ากระท่อมไม้ร้างซึ่งรอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ถ้าไม่เดินเข้ามาถึงนี่ก็ไม่รู้เลยว่ามีมันอยู่ด้วย







ครืน





ไหล่บางสะดุ้ง เสียงฟ้าร้อง กับฟ้าเริ่มมืดครึ้มยิ่งประกอบให้ที่นี่ดูน่ากลัวขึ้นอีกหลายเท่า





“คะ คือผม...ได้ยินเสียงคนร้อง นะ ในนี้” คนตัวผอมกะหร่องบอกเสียงสั่น “ผมไม่รู้จะเรียกใคร ก็เลย...”





ร่างบางหน้าซีดทันทีที่ได้ยิน ถึงจะยังไม่เคยเจอผี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่กลัว “แล้ว...ได้ยินว่าอะไร เดี๋ยวๆ! คือพี่ว่า...พี่ไปเรียกให้คนอื่นๆ มาช่วยดีกว่านะ” ชะเอมถามออกไปแต่คิดไปคิดมาเขาว่าเขาไม่อยากฟังแล้ว ขาบางก้าวถอยหลัง ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงไม่เรียกให้คนที่ดูน่าเกรงขามกว่านี้มาช่วยนะ





“ช่วย...ด้วย...”





“อะ...อะ เมื่อกี้...” ชะเอมตาโตเหมือนได้ยินเสียงคนร้องว่าช่วยด้วย ร่างกายบางเริ่มสั่น...เขากลัวจริงๆ แล้วนะ





“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง ช่วยด้วยค่ะ!”





คราวนี้ได้ยินเสียงนั้นชัดเจน ซึ่งมันไม่ใช่เสียงผีพรายอะไรทั้งนั้น มันคือเสียงคน!





“มีคนอยู่ข้างในเหรอครับ!” ร่างบางก้าวเข้าไปใกล้ประตูที่ถูกออกแบบให้ขัดกลอนด้วยท่อนไม้ใหญ่ ถ้าอยู่ข้างในไม่มีทางออกมาได้เลยหากไม่มีคนเปิดให้จากภายนอก





“เสียงนั่นมัน...พี่ชะเอมเหรอคะ! นี่สาเองค่ะ!”





“น้องสา!” ร่างบางตกใจเมื่อรับรู้ว่าสาวรุ่นน้องตัวเล็กคนนั้นอยู่ข้างในกระท่อมร้างน่ากลัวแบบนี้ จึงรีบส่งเสียงให้อีกฝ่ายสบายใจ “รอแปปนึงนะเดี๋ยวพี่ช่วยเปิดประตูให้”





แขนบางยกท่อนไม้ที่ถูกขัดไว้ขึ้น ผลักประตูให้เปิดออก เห็นเด็กสาวสองคนนั่งกอดเข่าอยู่ในความมืดแล้วช่างน่าสงสาร แต่ไม่ทันรู้ตัวว่าใครอีกคนอยู่ข้างหลัง ร่างบางถลันตัวล้มไปข้างหน้าเนื่องจากแรงผลักที่ไม่มีการออมแรง







พลั่ก! ปึง! ตึง!





“อะ!”





“ว้าย!”





ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว ชะเอมรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือและหัวเข่า ทั้งมืดตึ๊ดตื๋อมองอะไรก็ไม่เห็น แต่พอตั้งสติก็พอจะรู้ตัวว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น





“เดี๋ยว!! น้องครับ อย่าเพิ่งไป!!”





ปังๆๆๆ





กำปั้นทุบลงบนประตูไม้ที่ถูกล็อคเอาไว้เรียบร้อยแล้วอย่างบ้าคลั่ง เมื่อคำตอบที่ได้รับคำความเงียบ ก็พอจะรู้แล้วว่ารุ่นน้องคนนั้นไม่อยู่แล้ว





ทำไมน้องคนนั้นถึง...





“พี่ชะเอม เป็นอะไรรึเปล่าคะ แล้วคนเมื่อกี้เป็นใครกันคะ”





“ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ร่างบางตอบปลงตก นี่เขาก็กลายเป็นคนติดอยู่ในกระท่อมร้างนี่เพิ่มขึ้นอีกคนเหรอเนี่ย “ขอโทษนะ พี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้”





“ก็สร้างศัตรูไว้เยอะน่ะสิ โดนเข้าบ้างแล้วเป็นไงล่ะ”





“ริน...”





เอาอีกแล้ว





“ว่าแต่พวกน้องสาเถอะ ทำไมถึงมาอยู่ในนี้ได้ล่ะ?” ชะเอมเมินคำถากถาง แล้วถามสิ่งที่สงสัยแทน





“ก็พอดีเดินมาหาของในนี้ แล้วประตูมันก็ปิดเอง เปิดไม่ได้เลยจนพี่ชะเอมมานี่แหละค่ะ แล้วพี่ชะเอมล่ะคะ” สาถาม ทั้งในความมืดแบบนี้ ชะเอมมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแค่สลัวๆ เท่านั้น





เสียงใสถอนหายใจ “น้องคนเมื่อกี้บอกว่าให้ตามมาหน่อยจนเดินมาถึงที่นี่ บอกพี่ว่าได้ยินเสียงคนร้อง ก็คือเสียงน้องสาล่ะมั้ง”





หลังจากเปิดประตู คิดว่าจะช่วยคนข้างในออกมาได้ แต่กลายเป็นว่าเขาโดนขังซะแทน...ตกลงว่าน้องคนนั้นเขาตั้งใจทำแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วสินะ





สายตากลมโตมองไปรอบๆ จมูกได้กลิ่นเหม็นอับ...แล้วนี่จะทำยังไงดีเนี่ย





จริงสิ! มือถือ!





ร่างบางคิดอย่างมีความหวัง มือบางควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดขึ้นมาก็ใจหดหู่อีกครั้ง...ไม่มีสัญญาณ





“ไม่มีประโยชน์ ต้องรอให้คนเดินผ่านมาแถวนี้อีกครั้งเท่านั้น...นึกว่าจะได้ออกไปแล้วแท้ๆ เชียว ดันโง่โดนขังอีกคนซะได้”





ครืน





“ริน! ทำไมถึงพูดจาดีๆ กับพี่ชะเอมไม่ได้ซักทีนะ!”





“ก็แล้วทำไมฉันต้องพูดจากดีๆ กับมันด้วยล่ะ! มันทำให้พี่เรย์เจ็บตัวจนถึงเข้าโรงพยาบาลเลยนะ!”





เปาะแปะๆ ซ่า...





เสียงสายฝนที่เทลงมา จากเบาๆ กลายเป็นกระหน่ำ เวลานี้คงไม่มีใครฉุกคิดได้ว่ามีคนสามคนหายออกมาจากค่ายอยู่กระท่อมร้างกลางป่ากลางเขาแบบนี้





ก็ยังดีกว่าหลงในป่าแล้วไม่มีที่ให้หลบฝนล่ะนะ





“พี่ชะเอมเขาไม่ได้ทำซักหน่อย ข่าวที่รินปล่อยออกมานั่นน่ะ ยัดเยียดความผิดให้พี่เขาชัดๆ เลยไม่ใช่เหรอ!”





“แล้วเธอรู้ได้ยังไง เธอรู้จักกับพี่เรย์มานานกว่ามัน! แต่นี่อะไร เธอไปเข้าข้างมันซะงั้น นี่เหรอคำว่าเพื่อน!?”





“สาเป็นเพื่อนริน สาไม่ได้เข้าข้างใคร...สาก็แค่สงสารพี่เอม พี่เขาไม่ได้พูดหรือแก้ตัวอะไรกับข่าวนั่นเลย รินก็เห็นไม่ใช่เหรอ”





“ก็การที่มันไม่แก้ตัวอะไรนั่นแหละ คือความจริง!”





ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


ต่อจากด้านบนค่ะ





เปรี้ยง!




สองเสียงของหญิงสาวที่เถียงกัน แสงของสายฟ้าที่ฟาดลงมาปรากฏให้เห็นใบหน้าของคนสองคน ใบหน้าราวกับจะร้องไห้ของสากับใบหน้าโกรธเกรี้ยวของริน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแท้ๆ แต่ก็เดือดร้อนแทนซะชะเอมที่ฟังก็ยิ่งสะเทือนใจ




“นั่นสินะ จะเข้าใจแบบนั้นก็ได้...ความเข้าใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน น้องสาไม่จำเป็นต้องพูดปกป้องพี่ พี่ไม่ว่าน้องรินหรอก”




“บอกว่าอย่ามาเรียกแบบนี้ไง อย่ามาทำตัวสนิทสนม ฉันไม่อยากรู้จักกับนาย แค่อยู่ใกล้ก็อึดอัดจะแย่!”





ร่างบางยิ้มอ่อนกับท่าทางหัวรั้น “ครับ พี่ไม่เรียกก็ได้”





ชะเอมพยายามทำความเข้าใจอารมณ์โมโหรุนแรงของรินที่มีต่อเขา ถ้าหากว่ามีใครมาทำให้คนที่เขารักบาดเจ็บ เขาก็คงจะโกรธเหมือนกัน...โกรธจนแทบอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย





แต่ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ทำซักหน่อย เรย์ทำให้ทุกคนคิดแบบนั้นต่างหาก





ถ้ารินรู้ว่าพี่ชายของตัวเองสร้างเรื่องบ้าบอนี่ขึ้นมาจะเป็นยังไงกันนะ...แล้วเรย์จะรู้บ้างรึเปล่าว่าน้องสาวของตัวเองรักพี่ชายของเธอมากขนาดไหน







“จะยังไงก็เถอะ พวกเราอย่าทะเลาะกันเลยนะ พี่รู้สึกไม่ค่อยดี” ชะเอมพูดเสียงเบารู้สึกว่าตัวเองเหงื่อซึม ตัวเย็นเฉียบแถมยังสั่นหงึกๆ





ร่างบางกลืนน้ำลาย ตั้งแต่เข้ามาในกระท่อมร้างแห่งนี้ เขารู้สึกไม่ดีจริงๆ ความรู้สึกเหมือน...ตัวเองอยู่ในบ้านเก่าหลังนั้น





เปรี้ยง! ซ่า...





กลิ่นเหม็นอับกับความมืด ยิ่งทำให้ประสาทสัมผัสไวกับเสียงฝนกับเสียงฟ้าผ่า ร่างบางสะดุ้งโหยงกอดเข่าตัวเองแน่น แต่กระนั้นก็ยังห้ามอาการสั่นของตัวเองไม่ได้







กึกๆๆ





“พี่ชะเอม? ...หนาวเหรอคะ?” สาถามอย่างสงสัย ได้ยินเสียงฟันกระทบกัน นั่นไม่ได้มาจากเธอกับรินแน่ๆ





“เปล่าครับ พี่ไม่เป็นไร” ร่างบางตอบทั้งๆ ที่กัดฟันแน่นจนกรามปูด ชะเอมหายใจแรง ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวดังจนหูอื้อไปหมด





ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ ...มันผ่านไปแล้ว ไม่ใช่อดีต...แล้วก็ไม่ใช่ความฝันด้วย





เปรี้ยง! โครม!





“มะ ไม่! อึก...แฮ่ก...แฮ่ก...” เจ็บ...เจ็บไปทั้งกาย





พ่อครับ...พอแล้ว เอมเจ็บ





‘ใครพ่อมึง ไอ้เด็กเปรต อย่ามาเรียกกูว่าพ่อ!’





“พี่ชะเอมเป็นอะไรไปคะ!” สาร้องถามอย่างใจไม่ดี เธอหยิบมือถือขึ้นมาส่องไฟไปเพื่อได้เห็นชัดๆ แต่สิ่งที่เห็นคือร่างบางของรุ่นพี่นอนขดตัวหลับตาแน่น ทั้งยังหอบหายใจอย่างน่ากลัวเหมือนอากาศไม่พอ





“...แฮ่ก...เฮือก! มะ...พ่อ...ฮะ...”





‘ยัง...ยังไม่หยุด เอาอีกซักยกดีมั้ยวะห้ะ อยากโดนอีกใช่มั้ย!?’





“กรี๊ด!! พี่เอม!” สาปิดปาก





“นะ นี่เป็นอะไรน่ะ!” รินร้อนรนถามอย่างตกใจ ไม่เคยเห็นคนเป็นอะไรต่อหน้าต่อตาแบบนี้มาก่อน





สองสาวตาเหลือกลานทำอะไรไม่ถูก เมื่อเสียงหอบหายใจติดขัดมากขึ้น มือยกขึ้นกุมตรงหน้าอก ความทรมานจากก้อนเนื้อที่บีบตัวอยู่ข้างในทำให้ร่างกายส่วนอื่นเกร็งแน่น น้ำตาไหลออกจากดวงตา พร่ามัว มองไม่เห็นอะไรเลย





 “เจ็บ...ยา...” เสียงแหบพร่าพยายามเค้นออกมา





“ยา...ยาเหรอคะพี่เอม...ยะ อยู่ไหนน่ะ” สาวตัวเล็กลนลานทำอะไรไม่ถูก เธอน้ำตาไหลอย่างสะเทือนใจกับภาพตรงหน้า





“ช่วย...เอมด้วย...คิน...” เจ็บในอกเหลือเกิน สิ่งสุดท้ายที่ร่างบางร้องเรียกหาไม่ว่าเมื่อไหร่...คนสำคัญของเขา







ในยามนี้...จะมีใคร...







“ริน...ริน! ช่วยหายาหน่อย  ฮึก ฮือ พี่เอมเขาจะตายมั้ยริน”







“ใจเย็นๆ ส่องไฟดีๆ เดี๋ยวรินหาเอง” แม้จะพูดให้อีกฝ่ายใจเย็น แต่มือของเธอเองนั่นแหละสั่นจนจับต้องอะไรไม่อยู่ พยายามควานหาของตามกระเป๋าแล้วก็พบ...ขวดบางอย่างในเสื้อคลุม





“จะ เจอแล้ว! นี่รึเปล่า!?” รินร้องเสียงดัง รีบส่องไฟ เป็นขวดแก้วใสบรรจุเม็ดยาอยู่ข้างใน “น่าจะใช่นะ”





“รีบๆ ให้พี่เขากินเถอะริน!” สาพูดเสียงสั่น มือเย็นเฉียบ





มือบางเทยาออกมาจากขวดยื่นให้กับคนที่นอนหอบหายใจ “นี่...นี่ ยาอยู่นี่แล้วนะ”





ชะเอมพยายามลืมตาขึ้นมามอง มือยังกุมเสื้อตรงหน้าอกแน่น ริมฝีปากบางค่อยๆ อ้าออก รินก็รีบหย่อนยาเข้าช่องปากไป





“แค่ก...แค่ก!” ร่างบางไอค่อกแค่ก ยิ่งสะเทือนหน้าอกจนต้องคู้ตัวลง เม็ดยาหลุดล่วงออกมาจากปาก





รินไม่รู้จะทำยังไง นอกจากกรอกยาเข้าไปอีกเม็ด ทำยังไงก็ได้ให้เจ้าตัวกินยาเข้าไปให้ได้





“ที่นี่มันไม่มีน้ำ อดทนหน่อยสิ” ร่างบางใช้มือช้อนศีรษะของรุ่นพี่วางบนตักเพราะคิดว่าจะทำให้ยาไหลลงคอได้ง่ายขึ้น “นายจะมาตายที่นี่ไม่ได้นะ”





สาที่ได้แต่ตัวสั่นร้องไห้ ก็คลายสะอื้นเมื่อเห็นรุ่นพี่ค่อยๆ สงบลง รินก็ใช่ว่าจะไม่ใจเสีย เห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ ความรู้สึกโกรธมันก็ลดลงไปเยอะ





เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของร่างบางยิ่งกล่อมให้อีกสองคนรู้สึกเหนื่อยอย่างกับไปรบมาหลับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชะเอมนอนหลับปุ๋ยท่ามกลางเสียงสายฝนที่เบาลงจนหยุดในที่สุด ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงจนทั้งสามรู้สึกตัวตื่น ร่างบางก็ลุกขึ้นนั่งก้มหัวให้กับรุ่นน้องทั้งสองคน





“ขอโทษนะ...ที่ทำให้ตกใจ” ถึงจะจำไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ยังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง “แล้วก็ขอบคุณมากเลยที่ช่วยพี่”





“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต้องขอบคุณรินที่มีสติ ถ้าสาอยู่คนเดียวคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ เลย” สาพูดขึ้นแล้วก็ปาดน้ำตาที่รื้นขึ้นมา นึกถึงแล้วยังสะเทือนใจไม่หาย “ว่าแต่พี่ชะเอมเป็นอะไรเหรอคะ ดูร้ายแรงมากเลย สากลัว”





“อืม...ขอโทษที่ทำให้กลัวนะ” ชะเอมยิ้มบาง บ่ายเบี่ยงคำตอบไปเพราะไม่อยากพูดถึงโรคประจำตัวของตัวเอง “ขอบคุณน้องรินมากนะ”





ร่างบางผมยาวนิ่งไม่พูดอะไร จ้องมองใบหน้าซีดเซียวของคนที่ตนคิดว่าเกลียด “โรคประจำตัวเหรอ”





ตาโตเบิกกว้าง “...ใช่”





“โรคอะไร” รินถาม...ถึงในใจจะมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ก็อยากจะรู้ว่าใช่จริงหรือไม่





ร่างบางถอนใจ เจอแบบนี้คงปิดบังกันไม่ได้แล้วล่ะนะ “โรคหัวใจน่ะ...พี่เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว”





“อะไรกัน” สาวตัวเล็กปิดปากอึ้ง...เธอไม่เคยรู้เลยว่ารุ่นพี่คนนี้จะมีโรคน่ากลัวติดกาย ทั้งๆ ที่การแสดงออกภายนอกไม่เหมือนคนที่กำลังป่วยหนักอยู่เลย





“อย่าบอกใครนะ เรื่องวันนี้” ชะเอมส่งสายตาขอร้องไปที่สากับริน





“แม้แต่พี่คินเหรอ” สาวรินถามลองใจ เธอรู้ดีว่าแค่คนตรงหน้าไปบอกว่าตัวเองเป็นอะไร ก็เพียงพอที่จะทำให้พี่คินกลับมาดูแลตัวเองได้แล้ว





“โดยเฉพาะคินเลยล่ะที่ห้ามบอก อย่าให้เขารู้เด็ดขาด พี่ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง...ซึ่งตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบอกไปแล้วเขาจะเป็นห่วงรึเปล่า” เสียงใสพึมพำ แววตากลมโตสะท้อนความเจ็บปวด





คินอาจจะไม่สนใจเลยก็ได้





“นายต้องการอะไรกันแน่” รินกำหมัด กัดริมฝีปากแน่น ถ้าหากเจ้าตัวอ้างเรื่องที่ตัวเองป่วยล่ะก็จะสามารถทำให้เธอลังเลได้เลยนะ! เธออาจจะไม่เอาความโกรธของตัวเองไปลงที่รุ่นพี่คนนี้เลยก็ได้! ...แล้วนี่อะไร เธอยังไม่เห็นแม้แต่การเรียกร้องความเห็นใจสักนิดของชะเอมสักนิด





แล้วเรื่องที่พี่ชายของเธอเล่าให้ฟังทั้งหมดล่ะ เรื่องที่พี่เรย์เล่ามันคืออะไร...ไหนล่ะคือนิสัยเลวๆ ของชะเอมที่พี่เรย์บอกเธอ!?





“พี่บอกน้องรินไปแล้ว ความเข้าใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังไงพี่ก็ว่าน้องรินไม่ได้หรอก” ชะเอมยังยืนยันคำเดิม เขาบังคับใครไม่ได้ ความโกรธเกลียดก็เปลี่ยนไม่ได้เช่นกัน...ต้องให้เวลาคอยเยียวยาทุกอย่าง





“ยังไงก็ตาม เรื่องวันนี้เป็นความลับนะ” ใบหน้าหวานยังคงแย้มยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้จะแสนอ่อนแรง แต่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเกิดมามีร่างกายแบบนี้...ถ้าเลือกได้เขาก็อยากเป็นคนธรรมดา มีร่างกายแข็งแรงเหมือนคนทั่วๆ ไป





“เอาล่ะ จะทำยังไงถึงได้ออกไปจากกระท่อมนี่เนี่ย” ขาบางหยัดยืนมองไปรอบๆ พอฝนหยุดแดดก็ออก จึงทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น มือบางสองข้างยกขึ้นป้องปากตะโกน “ช่วยด้วยครับ ใครก็ได้ช่วยด้วย! มีใครอยู่ข้างนอกบ้างมั้ยครับ!”





แปลบ!





จู่ๆ ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาในทรวงอก มือบางยกขึ้นกุมเสื้อแน่น หน้าซีดลมหายใจหอบสั่น





“พี่ชะเอม! อย่าฝืนเลยค่ะ”





“พี่...ฮ่า...ไม่เป็นไร” ชะเอมผ่อนลมหายใจ พอความเจ็บมันแล่นเข้ามา ในหูมันวิ้งๆ อื้อๆ ได้ยินไม่ค่อยชัด





“นายนั่งเฉยๆ ไปเถอะ เป็นอะไรอีกจะลำบาก” รินเห็นอาการของชะเอมก็อดพูดไม่ได้ แต่สารู้ดีว่ารินอ่อนกับพี่เขามากแล้ว





ร่างบางได้ยินก็พยักหน้า “...ครับ”





เขาเบื่อตัวเองที่เป็นแบบนี้...เป็นตัวถ่วง...เป็นภาระให้คนอื่นอยู่เรื่อย





สองสาวช่วยกันร้องเรียกให้คนช่วยไปเรื่อยๆ กว่าครึ่งชั่วโมงจนหมดแรงก็ยังไม่มีวี่แววจะมีใครเดินผ่านมาสักคน





“นี่เราจะต้องติดอยู่ในนี้ไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย” สาโอดครวญ





“ไม่เอาน่า เดี๋ยวก็ต้องมีคนมาแน่” รินบอก ซึ่งชะเอมก็คิดเหมือนกัน





ใช่ เดี๋ยวต้องมีคนมาช่วยแน่ๆ









************************Whose fault? ************************











“นี่! เอมไปไหน”





“ว่าอะไรนะ” ร่างสูงหันไปมอง ทั้งในมือยังถือมีดอยู่ทำให้คนมาถามผงะ





“ฮะ เฮ้! ใจเย็นสิ แค่ถามว่าเอมอยู่ไหน” ดินพูดเสียงหวาดหวั่น...หน้าไอ้หมอนี่หลอนเป็นบ้า!





“เอมไม่ได้อยู่กับมึงหรือไง ก่อนหน้านี้เห็นอยู่ด้วยกัน” คินขมวดคิ้ว วางมีดลง ปลดผ้ากันเปื้อน เขาก็สงสัยเหมือนกันเพราะร่างบางหายไปนานเป็นชั่วโมงกว่าแล้ว







“เปล่า เอมเดินไปตั้งนานแล้วเฟ้ย ก็เลยนึกว่าอยู่กับมึงไง...งี้ก็แย่เลยดิ กะจะให้สอนอะไรหน่อย” ร่างสูงผิวคล้ำบ่นอุบอิบ





ไม่ได้อยู่กับหมอนี่แล้วเอมไปไหน? คินขมวดคิ้ว





“ถ้าเอมล่ะก็ เห็นเดินออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วนะ แต่ยังไม่กลับมาซักที” คู่ทำงานของดินเดินเข้ามาบอก





“มึงเห็นเหรอวะเกม” ดินถาม





“เออ เห็นเดินไปกับใครไม่รู้อ่ะ จำหน้าไม่ได้” เกมพยักหน้าวางแขนลงบนไหล่กว้างของดิน ก่อนจะรีบเอาออกทันทีเพราะรู้สึกสายตาที่ทำให้เสียวสันหลังวูบๆ ยังไงชอบกล





“ตอนไหน” คินถาม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ “ชะเอมเดินออกไปตอนไหน”





“ก็...ตั้งแต่สอนพวกเราหั่นหมูเสร็จมั้ง เนอะไอ้ดิน” เกมหันมาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ดินก็มองหน้ากลับแบบ ‘ตกลงมึงเห็นจริงป่ะ’





ขายาวก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ชะงัก หันมาคว้าแขนผิวสีแทนให้เดินตามออกไปด้วย “ฮะ เฮ้ย อะไรวะ!?”









ร่างเล็กที่แอบฟังทุกอย่างก็จิ๊ปากอย่างขัดใจ

ได้แค่นี้เองเหรอ

ช่างมัน คราวหน้าก็ยังมีโอกาส











************************Whose fault? ************************

“อะไรกันวะเนี่ย”





กึก





“นี่ๆ ได้ยินเสียงอะไรมั้ย” สาหันขวับ แววตามีความหวัง





ชะเอมขมวดคิ้ว “เสียงอะไร...”

“ไอ้ห่าดินเงียบๆ ดิวะ ยิ่งเข้าลึกมันยิ่งน่ากลัวนะเว้ย”

“ก็มึงดูแม่งลากกูมา แต่ไม่พูดเชี่ยอะไรสักคำ”





ทั้งสามผุดลุกขึ้นยืนทันที เมื่อยืนยันว่านั่นคือเสียงคนคุยจริงๆ





“ช่วยด้วยค่า!!!” สาตะโกนร้องเรียกทันที รินก็เอากับเขาด้วย “มีคนติดอยู่ข้างในนี้ค่ะ ช่วยด้วยค่า”

“ฮะ เฮ้ย พวกมึงได้ยินเสียงอะไรกันป่ะวะ อย่าบอกนะว่า ผะ...”

“นั่นเสียงคน...แถมเสียงผู้หญิงด้วย!”

“นั่นมันกระท่อมร้าง สงสัยจะมีคนติดอยู่ในนั้นแน่เลย”





“ใช่ค่าๆ มีคนอยู่ในนี้ค่า” สายิ้มดีใจเมื่อมีเสียงใกล้เข้ามาเหมือนอยู่หน้าประตู







กุกกัก แอ๊ด





“พี่คิน!” ทันทีที่ประตูไม้เปิด สาก็แทบจะถลาเข้าหาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า...เทพบุตรชัดๆ !





“สา! ริน! ทำไมมาอยู่ในนี้ได้ล่ะเนี่ย” คินแปลกใจ ที่มากกว่านั้นคือแปลกใจ เพราะถ้าไม่มีใครผ่านมาทั้งสองคนนี้จะเป็นยังไง





“แง...พี่คิน นึกว่าจะต้องตายอยู่ในนี้แล้วค่ะ” สาวตัวเล็กน้ำตาแตก “จริงด้วย! คือว่าพี่เอมเค้า...โอ๊ย! ทำอะไรน่ะริน”





รินถลึงตาใส่เพื่อนตัวเองที่จะพูดอะไรไม่เข้าท่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บังเอิญว่าพี่เอมเขาก็ติดอยู่ในนี้เหมือนกัน”





“เอม?” คินหันไปมองร่างบางที่เพิ่งเห็นว่ามีใบหน้าอิดโรยยิ่งกว่ายืนอยู่ข้างหลังสาวๆ ถามเสียงดุ “ทำไมนายถึงเข้ามาอยู่ในป่าลึกแบบนี้ได้”





ร่างบางยิ้มเจื่อนไม่กล้าสบตา ถ้าบอกว่าหลงทางคงจะไม่เชื่อสินะ “คือว่า...”





“เอม!” ดินเข้ามากอดคอซะคนตัวบางแทบปลิว





ชะเอมขยับดุกดิก แขนบางพยายามดันคนตัวสูงออก “โอย ดิน เราเจ็บนะ”





“โทษทีๆ นี่มึงมาอยู่ในนี้ได้ไงเนี่ย น่ากลัวชิบหาย!” ร่างสูงพูดอย่างขนลุก แค่เดินผ่านเข้ามาในป่าแบบนี้ก็ว่าน่ากลัวแล้ว ไอ้กระท่อมหลังนี้แม่งหล่อนยิ่งกว่า





“คือ...” ชะเอมเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง จะเริ่มจากตรงไหนดี “คือเราเดินตามน้องคนนึงมา เขาบอกว่ามีคนร้องอยู่ในนี้ เราเจอน้องสากับน้องรินแล้วดันซุ่มซ่ามเผลอล้มเข้าไปในกระท่อมนั่น แล้วประตูมันก็ล็อค ส่วนน้องคนนั้นก็ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ พวกเราเลยออกไปไม่ได้”





เสียงใสเล่าเป็นฉากๆ ซึ่งมันดูน่าเหลือเชื่อเกิน จนคินต้องหันไปมองหน้าสองสาว เลิกคิ้วถามว่า ‘จริงเหรอ’





สาส่ายหน้าใสซื่อเกินกว่าจะโกหก ก็พี่ชะเอมโดนผลักไม่ได้ซุ่มซ่ามล้มเองซักหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องโกหกด้วย...ส่วนในหัวของรินครุ่นคิดสงสัยอย่างหนักเพราะเสี้ยวหน้าของคนคนนั้นหลังจากใช้แรงผลักชะเอมล้มลงก่อนประตูจะปิดนั่น...ถ้าหากเธอมองไม่ผิด...





เป็นคนที่เธอรู้จัก





“อ้าวนายมีแผลนี่” เกมที่ยืนเงียบเอ่ยทัก





“อะ อ๋อ” ชะเอมก้มลงมอง จะว่าไปมีรอยถลอกตรงเข่ากับแสบๆ ที่ฝ่ามือด้วย นี่เขาไม่รู้ตัวเลยแฮะ “สงสัยจะเป็นตอนที่ล้มนั่นแหละ”





“มาอยู่นี่มีแต่เรื่องนะมึง” ดินมองอย่างเป็นห่วง เจ้าตัวหัวเราะแหะๆ “จะว่าไปแล้ว จำหน้าน้องคนนั้นได้รึเปล่า”





“อ้อ จำไม่ได้หรอก” เสียงใสบอกซื่อ





ดินหรี่ตามอง โกหกไม่เนียนอีกแล้ว “จริงดิ”





“อะ อื้ม ว่าแต่ว่าเรารีบกลับไปกันเถอะ น้องสากับน้องรินคงหิวแย่แล้ว” ชะเอมพูดเปลี่ยนเรื่อง ขาเดินลิ่วไปก่อน ให้คนข้างหลังมองด้วยสายตาแตกต่างกันไป



จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง ไม่มีใครเป็นอะไรไปก็ดีแล้วล่ะนะ







************************Whose fault? ************************


:hao5:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

                                   Whose Fault ?



                                    ผิด...ครั้งที่ 19



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม









“ยินดีต้อนรับครับ”



“ยินดีต้อนรับค่า”



“อ้าว ติม วันนี้ก็มาอีกแล้วเหรอ” ชะเอมถือแผ่นเมนูเดินเข้าใกล้รุ่นน้องที่เพิ่งเจอกันเมื่อวันก่อน ไม่คิดว่าวันนี้ก็จะได้เจออีก



มาบ่อยจังแฮะ



“ท่าทางจะชอบกินอาหารญี่ปุ่นนะเนี่ย” ร่างบางยิ้มเป็นมิตร รุ่นพี่สอนมาต้องทำแบบนี้กับลูกค้า เขาจะได้ชอบและมาบ่อยๆ



ร่างสูงที่เดินเข้ามาในร้านยิ้มตอบ “ครับ” จะยังไงก็ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะเขามาเพื่อเจอร่างบางต่างหาก “พี่ชะเอมขยันขันแข็งดีนะครับ”



“งั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะ...ว่าแต่จะรับอะไรดีล่ะ เหมือนเดิมมั้ย” มือบางยื่นเมนูแผ่นใหญ่ให้



“พี่เอมจำได้เหรอ” ไอติมถามอย่างคาดไม่ถึง ในหัวใจแอบเต้นตึกตัก



ร่างบางเลิกคิ้ว ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “จำได้สิ ก็ติมเพิ่งมาเมื่อวันก่อนแถมพี่เป็นคนรับเมนูเองด้วย”



ร่างสูงรู้สึกเหมือนหน้าหดลงนิดหน่อย เป็นงั้นไป “เหมือนเดิมก็ได้ครับ”



ชะเอมไม่รับรู้ถึงความหดหู่ของอีกฝ่าย จดเมนูในมือยิกๆ “โอเค น้ำล่ะ”



“น้ำเปล่าครับ”



“ครับ งั้นคุณลูกค้ารอสักครู่นะครับ สักพักเมนูจะมาเสิร์ฟ” ร่างผอมบางในชุดเครื่องแบบทวนเมนูเสร็จก่อนจะเดินไปรับออเดอร์โต๊ะอื่นบ้าง โดยมีสายตาคมมองตามไปไม่ละ



หลังจากวันค่ายที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นสี่วันจบลง นี่ก็ผ่านมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว เขาเริ่มหางานพิเศษทำได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะอย่างที่บอกว่าเขาไม่อยากรบกวนคุณลุงมากไปกว่านี้สักนิดเดียว แถมเรื่องที่คินพูดไว้ก็ยังติดตรึงในความทรงจำ



‘หมายถึงเงินของพ่อเหรอ หึ’ ...คำดูถูกนั่น



ถ้าหากเขาหาเงินได้บ้างสักนิด ก็จะสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางอย่างได้ โดยที่ไม่ต้องรบกวนเงินของคุณลุง แต่ยังไงเรื่องค่าเรียนเขาก็คงต้องรอให้เรียนจบก่อนถึงจะหามาคืนได้



ซึ่งเรื่องการทำงานพิเศษนี้ยังไม่มีใครรู้นอกจากไอติมที่บังเอิญมาทานข้าวกับครอบครัว...และมีเรื่องน่าตกใจยิ่งกว่านั้นเพราะเขาเพิ่งรู้ว่าติมเป็นน้องของพี่หมออิฐคนนั้นด้วย ซึ่งดูภายนอกไอติมเหมือนพี่มากกว่าพี่หมออิฐอีก อาจจะเพราะตัวสูงกว่า แล้วบางครั้งก็ดูน่ากลัวกว่า



แหะๆ ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้นินทาว่าพี่หมออิฐไม่สมกับเป็นพี่ชายนะครับ



‘งานค่อนข้างเหนื่อยนะจ๊ะ จะไหวเหรอ’ สายตาของผู้จัดการร้านหญิงวัยสามสิบต้นๆ กวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อชะเอมย่างก้าวมาสมัครงาน

‘ไหวครับ พี่มีงานอะไรให้ผมทำ ผมทำได้หมดเลย ให้ผมล้างจานก็ได้นะครับ ขอแค่รับผมเข้าทำงาน’



เธอเห็นความดื้อดึงและกระตือรือร้นแล้วก็ไม่กล้าปฏิเสธ ไฟแรงมันก็ดีอยู่หรอก แต่ดูผอมแห้งแรงน้อยแบบนี้จะมีแรงทำงานจริงเหรอ ‘โอเคก็ได้ นี่เพราะว่าพี่เห็นเราดูขยันขันแข็งดีหรอกนะ เห็นแบบนี้พี่ก็ใจดีเหมือนกัน ถ้าหากมีปัญหาอะไรก็แจ้งล่วงหน้าได้ จะหยุดหรือยังไงให้บอกก่อน แล้วนี่เราว่างทำงานวันไหนบ้างล่ะ’



‘ตอนเย็นวันธรรมดา วันเสาร์อาทิตย์ผมได้ทั้งวันครับ’ เพราะนอกจากเรียน ปกติเขาก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว



‘ถ้างั้นเดี๋ยวลงเวลาที่เราคิดว่าว่างมาทำ เดี๋ยวพี่ดูให้เองว่าให้เราทำวันไหนบ้าง มีวันหยุดหนึ่งวันต่ออาทิตย์ เรามีธุระที่ต้องไปทำวันไหนเป็นพิเศษรึเปล่า ขอได้นะ’



ชะเอมลังเล ‘งั้น...ผมขอดูก่อนแล้วค่อยบอกวันหลังได้รึเปล่าครับ’



ผู้จัดการหญิงโคลงหัวยิ้มๆ ‘ไม่มีปัญหา’



‘นี่ผม...ได้ทำงานแล้วใช่มั้ยครับ’



‘ใช่จ้ะ แต่เดี๋ยวพี่บอกไปอีกทีว่าให้เข้ามาวันไหน’



‘ครับ! ขอบคุณมากครับ!’



ในที่สุดเขาก็ได้เข้ามาทำงานในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังแห่งนี้ ซึ่งมีชุดเครื่องแบบพนักงานที่ต้องใส่ สำหรับเขาไม่เกี่ยงอะไรอยู่แล้ว แต่มันไม่มีไซส์เขาเลย ต้องสวมชุดคนอื่นซึ่งหลวมโพรกสุดๆ



“ชะเอม เสิร์ฟโต๊ะห้าหน่อย” เชฟหนุ่มกดกริ่งเรียก พนักงานที่ดูว่างไม่ได้ทำอะไรซึ่งร่างผอมบางก็รีบเดินเข้ามาหยิบไปเสิร์ฟลูกค้าทันทีไม่เกี่ยง แถมยังรักษาภาพพจน์ยิ้มหวานตลอดเวลาจนลูกค้าชายหลายคนมองตาม



“ครับ!”



ร้านอาหารเป็นครัวแบบปิดแต่สามารถเห็นข้างในได้เพราะกั้นด้วยกระจกใส ซึ่งผู้จัดการหญิงก็ยืนกอดอกมองผ่านเข้ามาว่าภายในร้านยังเรียบร้อยดีอยู่หรือไม่



“เด็กใหม่คนนี้กระตือรือร้นดีแฮะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น สายตามองตามร่างผอมบางที่สวมชุดหลวมไม่เข้ากับตัว



“ใช่มั้ยล่ะ ฉันล่ะถูกใจจริงๆ”



“ผมว่าคุณฝนชอบหน้าตาเขามากกว่ามั้ง...ก็น่ารักดีนี่”



“นายก็เห็นเหมือนกับฉันไม่ใช่เหรอ ฟ้า”



“หวังว่าคุณคงจะไม่กินเด็กหรอกนะ” เชฟหนุ่มเอ่ยแซวอย่างขี้เล่น



หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ “ซะเมื่อไหร่ล่ะยะ ปากเสียก็ไปซ่อมซะนะคุณสามี!”



“แต่อย่าลำเอียงมากไปล่ะ มันจะไม่เป็นผลดีต่อเด็กคนนั้นหรอกนะครับ” มือหยิบแผ่นออเดอร์ขึ้นอ่าน เตรียมวัตถุดิบจะทำเมนูต่อไป



“ฉันรู้แล้วล่ะน่า...อีกอย่างเด็กๆ ที่ฉันรับมาทำงานฉันก็คัดกรองอย่างดีแล้ว ไม่มีเรื่องกันแน่นอน” ฝนพูด



ฟ้ายักไหล่ “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” แต่ตัวเขารู้ดีกว่าใครว่าภรรยาตนนั้นเก่งอย่างที่ปากว่าจริงๆ



“ขอบคุณมากครับ” ร่างผอมบางก้มหัวให้ลูกค้าคนสุดท้าย มองนาฬิกาก็บอกเวลาสามทุ่ม ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เขามาทำงานพิเศษนี้อยู่ในห้างสรรพสินค้า จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมร้านถึงปิดดึกขนาดนี้เพราะปิดตามเวลาของห้างฯ นั่นเอง



“ผมช่วยเก็บของนะครับ” ชะเอมเดินเข้ามาในครัวร้องบอกเมื่อเห็นพี่ๆ สองคนยังคงเก็บของอยู่ พนักงานคนอื่นคงกลับกันหมดแล้ว



“ไม่เป็นไรๆ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เอมกลับไปพักผ่อนเถอะ” ฟ้าที่ยังอยู่ในชุดพ่อครัวโบกมือไล่ พร้อมกับฝนที่พยักหน้าเห็นด้วย



“เอางั้นเหรอครับ งั้นวันนี้ขอบคุณมากนะครับ” ขาบางเดินมาห้องเปลี่ยนชุด ถอดชุดพนักงานเสิร์ฟออกเก็บเข้าล็อคเกอร์ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คข้อความ พอไม่เห็นข้อความอะไรเข้ามาเลยในช่วงสามวันนี้ หัวใจก็แฟบลง แววตากลมโตหม่นเศร้า



ไหนบอกว่าให้โอกาสเอมแล้ว ทำไมถึงไม่ตอบอะไรกลับมาเลยล่ะ



คิน...คงไม่ได้ลืมจริงๆ หรอกใช่มั้ย



ปึง...



มือบางปิดล็อคเกอร์ ปาดน้ำตาที่รื้นขึ้นมา บ้าจริงๆ แค่นี้ก็ร้องไห้ซะแล้ว



“อ้าว ยังไม่กลับอีกเหรอ” เสียงทุ้มของฟ้าทักทำให้ไหล่บางสะดุ้ง



“อะ คะ ครับ กำลังจะกลับแล้วครับ” ชะเอมเอ่ยตะกุกตะกัก ก้มหน้าก้มตาหยิบกระเป๋าพาดไหล่แล้วรีบเดินออกมา สองขาเรียวภายใต้กางเกงยีนส์เดินเรื่อยเปื่อยริมถนน ใจลอยไปไกล ยังไงก็ไม่มีใครรออยู่ที่ห้องอยู่แล้ว ค่อยๆ เดินไปเดี๋ยวก็ถึงคอนโดเองนั่นแหละ ยังไงก็ห่างกันแค่ไม่กี่กิโล



ปริ๊นๆ



ใบหน้ามนหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ นั่นมันแท็กซี่ ชะเอมส่ายหน้าทันที “ไม่ครับ ไม่ไป” แล้วแท็กซี่คันนั้นก็ขับผ่านไป เพราะดึกดื่นป่านนี้ รถประจำทางก็หาได้ยาก จึงไม่แปลกที่รถแท็กซี่พวกนี้จะเรียกลูกค้าด้วยตัวเอง



ครืด ครืด



เสียงสั่นเป็นจังหวะเรียกให้ดวงตาโตเบิกกว้าง หัวใจเต้นระรัวอย่างมีความหวัง ริมฝีปากแย้มรอยยิ้ม เพราะคิดว่ามีข้อความเข้าจากคนที่รอคอย มือรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอเห็นหน้าจอแล้วขมวดคิ้ว



นี่มันสายเรียกเข้า...เบอร์ใครน่ะ?



ดวงตาจ้องมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่สักพักอย่างลังเล ก่อนใช้นิ้วไถรับ กดมือถือแนบหู “สวัสดีครับ”



(“ฮัลโหล ชะเอม เป็นไงบ้าง คิดถึงลุงมั้ย”)



ริมฝีปากยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงของผู้มีพระคุณ “คุณลุง!” ยังไม่แน่ใจจนต้องละออกมาดูหน้าจออีกครั้ง ก็ยังเป็นเบอร์ไม่รู้จักเหมือนเดิม



(“ว่าไง เซอร์ไพรส์รึเปล่า”) เสียงทุ้มขี้เล่นลอยมา



“คุณลุง ทำไมถึงเพิ่งติดต่อมาล่ะครับ”



(“อะไรกัน ไม่ตอบคำถามลุงเลย”) เสียงคนแก่น้อยใจแว่วมา ซึ่งเสียงใสรีบตอบรับเสียงสั่นเครือ



“คิดถึงสิครับ เอมคิดถึงคุณลุง...” น้ำตารื้นขึ้นมาไม่รู้ตัว คิดถึงจริงๆ



(“ได้ยินแบบนี้ล่ะคนแก่ชื่นใจจริงจริ๊ง ลุงก็คิดถึงเอม คิดถึงมากจนอยากกลับไปหาเลย”)



“คุณลุงยังทำงานอยู่ต่างประเทศเหรอครับ” ชะเอมเอ่ยเสียดาย นี่เขาก็นึกว่ากลับมาแล้วซะอีก



(“ใช่สินี่ลุงให้เลขาหาเบอร์เพื่อโทรหาหนูโดยเฉพาะเลยนะ”)



“แล้วคุณลุงโทรหาคินรึยังครับ”



(“ยังเลย ไม่ต้องหรอกมั้งไอ้ลูกชายนั่น ถ้ามีเอมอยู่ด้วยคงสบายดีนั่นแหละ”)



ร่างบางใจกระตุก ลุงเกษมยังไม่รู้ว่าเขากับคินทะเลาะกัน แถมไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว “ครับ แต่คุณลุงก็โทรหาคินหน่อยนะ ยังไงเขาก็เป็นลูกชาย ไม่งั้นเดี๋ยวคินน้อยใจนะครับ”



อีกฝ่ายเงียบไปก่อนจะระเบิดหัวเราะลั่น ทำให้ชะเอมรีบเอามือถือออกห่าง (“พูดอะไรน่ะเอม อย่างเจ้าคินน่ะนะน้อยใจ โอ๊ย นี่หนูทำลุงท้องแข็งไปหมดแล้ว”)

ใบหน้ามนร้อนผ่าวเมื่ออีกฝ่ายเริ่มหัวเราะเกินกว่าเหตุ “อะ อะไรกันครับคุณลุง นี่เอมจริงจังนะ”



(“อย่างเจ้าลูกชายไม่น้อยใจเรื่องแค่ลุงไม่โทรหาหรอกน่า เอมอย่าคิดมากไปเลย”)



“...” ชะเอมเบะปากเดินเตะก้อนหินข้างทางอย่างงอนๆ ก็เขาเป็นห่วงคิน...ถ้าหากเขาโดนลูกบุญธรรมแย่งความรักพ่อของตัวเองไป ก็ต้องน้อยใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ



(“ว่าแต่นี่เป็นไงบ้างชะเอม สบายดีใช่ไหม ตอนนี้ทำอะไรอยู่ นี่ไม่เห็นเงินที่ลุงให้ลดลงเลย ฮึ นี่หนูไม่ได้ใช้เงินทำอะไรเลยใช่ไหมเนี่ย”) เห็นได้ชัดว่าเกษมศักดิ์เช็คการเป็นไปอยู่ตลอดเวลา นอกจากค่าส่วนกลางคอนโด ค่าน้ำค่าไฟที่ต้องจ่ายทุกเดือน ค่าอาหาร ค่าเรียน ชะเอมก็ไม่ได้ใช้เงินเพื่อซื้ออะไรที่ตัวเองอยากได้เลย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่เขาเป็นห่วงอย่างมาก



เกษมศักดิ์พยายามทำทุกอย่างเพื่อเด็กคนนี้เข้าใจว่าเป็นลูกแท้ๆ แต่ว่ามันกลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้เจ้าตัวยิ่งถอยห่าง กั้นด้วยกำแพงสูงชันที่คิดว่ายังไงตัวเองก็ไม่ใช่ครอบครัวจริงๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าภายในใจยังคงคิดเรื่องอดีตของตัวเองไม่ได้เปลี่ยนไปเลย...ภายในใจยังคงมีความเกรงใจและกำลังคิดมากอยู่แน่ๆ



ชะเอมเข้าใจ เข้าใจสิ่งที่ลุงเกษมต้องการจะให้...แต่เขารับมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว “ก็เอมยังไม่มีอะไรที่อยากได้นี่ครับ คุณลุง”



ร่างบางมองไฟที่เปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวให้คนข้าม เวลานี้ก็ยังมีคนเดินพลุกพล่าน แต่มีแค่ชะเอมเท่านั้นที่ยังยืนนิ่ง มองทางม้าลายแถบขาวดำอย่างเหม่อลอย



สิ่งที่เอมอยากได้น่ะ...ตลอดมา...



“ถ้าหากมีอะไรที่เอมต้องการ เอมจะบอกคุณลุงทันทีเลย เพราะงั้นเงินทั้งหมดที่คุณลุงให้มาตอนนี้เอมเลยอยากเก็บออมไว้ก่อน คุณลุงเข้าใจเอมนะครับ”



(“...หนูว่ามาแบบนี้จะให้ลุงว่าอะไรได้ล่ะ”) เสียงถอนหายใจยาวดังมาตามสาย (“เวลาที่นู่นคงดึกมากแล้วสินะ งั้นลุงวางสายเลยแล้วกัน จะได้ไม่รบกวน”)



เสียงใสค้านทันทีที่ได้ยิน “ไม่กวนเลยครับ เอมอยากคุยกับคุณลุง”



(“อ้อนแบบนี้ ลุงอยากกลับไปเร็วๆ แล้วสิ”)



“แล้วเมื่อไหร่คุณลุงจะกลับล่ะครับ งานติดพันมากเลยเหรอ”



(“ใช่”) ได้ยินเสียงกุกกักของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ (“อาจจะต้องอยู่อีกสองสามเดือน”)



ขาบางหยุดเดิน นี่เขาจะไม่ได้เจอลุงเกษมสามเดือนเลยเหรอ “...นานจัง”



(“คิดถึงลุงก็โทรมาได้นะ เบอร์นี้เลย”)



“แต่คุณลุงทำงาน เอมโทรไปจะรบกวนเปล่าๆ ครับ...อีกอย่างค่าโทรข้ามประเทศก็แพงมากด้วย”



(“ไม่เป็นไรๆ เบอร์นี้ของเลขา โทรมาฝากข้อความไว้ก็ได้เดี๋ยวลุงโทรกลับ ค่าโทรก็ไม่ต้องห่วงลุงจ่ายเองน่า”)



“ครับ คร้าบท่านประธาน งั้นเอมวางแล้วนะครับ” ชะเอมเอ่ยแซวตำแหน่งของอีกฝ่าย



เกษมศักดิ์หัวเราะร่ากับคำเรียกนั้น ก่อนจะบอกลาลูกบุญธรรมอย่างเสียดาย (“อืม ฝันดีนะ”)



เสียงทุ้มอ่อนโยนฟังแล้วร่างบางยิ้มอ่อน “ครับ คุณลุงก็ด้วย”



ครืด ครืด



หลังจากวางสายจากลุงเกษมไปไม่นาน แสงสว่างบนหน้าจอแสดงข้อความ...มาจากอากฤษณะ



‘พรุ่งนี้อย่าลืมนัดของเรานะชะเอม สิบโมงตรง ห้ามเลท’



อา...ลืมไปซะสนิทเลยว่ามีนัดตรวจร่างกายกับอาหมอ



ร่างบางเดินไปเรื่อยด้วยความเคยชิน อีกไม่กี่นาทีก็น่าจะใกล้ถึงคอนโดแล้ว นิ้วกดแอพสีเขียวเช็คข้อความที่ตัวเองส่งไปตั้งแต่วันก่อน





Thu, 9/27

chÄim : คิน วันอาทิตย์นี้ตอนเย็นมาทานข้าวด้วยกันไหม 5:05PM





ยังไม่ขึ้นว่าอ่าน...แล้ววันพรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์แล้วด้วย



คินคงจะไม่ว่าง...ร่างบางได้แต่ปลอบใจตัวเองไปเรื่อย ทั้งๆ ที่ทางเดินข้างหน้าเริ่มพร่ามัวจากน้ำตาจากความน้อยอกน้อยใจ



ถึงจะไม่ว่างยังไง ก็อยากให้ตอบข้อความกันบ้าง...เขาจะได้ไม่ต้องนั่งรอด้วยความสิ้นหวังเหมือนคนโง่คนหนึ่ง



น้ำตาที่เสียไป...มากเท่าไหร่ถึงจะพอกับผู้ชายคนนี้



ร่างบางเดินผ่านความมืดของค่ำคืน เสียงของรถ เสียงของฝีเท้าคนเดินผ่านไปมา เสียงทักทายของลุงยามหน้าคอนโด จนกระทั่งสองขาเรียวเดินถึงห้อง รอจนถึงเที่ยงคืน ก็ยังไม่มีเสียงเตือนใดๆ จากโทรศัพท์อีกเลย







************************Whose fault? ************************


ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


ต่อจากด้านบนค่ะ



“น้ำหนักลดลงอีกแล้ว” กฤษณะเคาะปากกากับโต๊ะ ขมวดคิ้วเครียดมองผลตรวจร่างกายของเด็กที่เปรียบเสมือนหลานแท้ๆ ของตัวเอง



“...ขอโทษครับ” ร่างบางก้มหน้าต่ำ ก็ไม่รู้จะพูดยังไงนอกจากคำๆ นี้อีก เขาผิดเองที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดี แต่การกินข้าวเนี่ย...กินยังไงน้ำหนักมันถึงจะขึ้นล่ะ “แต่ว่าเอมกินไม่ได้ขาดซักมื้อนะครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...”



มือใหญ่วางปากกา สายตามองสบกับดวงตากลมที่นั่งอยู่ตรงข้าม “เอม อาถามจริงๆ เถอะ”



“ครับ?”



“นี่ยังไม่คืนดีกับคินอีกเหรอ”



“อะ คืนดีอะไรกันล่ะครับ เอมไม่ได้ทะเลาะกับคินซักหน่อย” ร่างบางพยายามบ่ายเบี่ยง



“อย่ามาโกหกอาเลย เพราะอารู้เรื่องหมดแล้ว จากเพื่อนของหนูนั่นแหละ” สายตามองตรงมาอย่างจับผิด สิ่งที่กฤษณะพูดทำให้ดวงตากลมโตสั่นไหว “แล้วถ้าปกติเอมจะมาโรงพยาบาล คินคงไม่ปล่อยให้หนูมาคนเดียวแน่ จริงไหม”



ริมฝีปากบางเม้มแน่น เอ่ยบอกเสียงแผ่ว “เราแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ”



“เข้าใจผิดอะไรกัน” กฤษณะยังไม่เข้าใจ



“คินเข้าใจผิดว่าเอมเป็นคนทำให้เรย์โดนรถชนในวันนั้นครับ”



กฤษณะสูดลมหายใจลึก รู้สึกอึ้ง “นั่นมัน...ร้ายแรงมากเลยนะ”



“จริงๆ แล้ว...ก่อนหน้านี้ที่คินพาเรย์มาโรงพยาบาล...ที่อาหมอรักษาให้แผลให้ วันนั้นคินก็เข้าใจว่าเอมเป็นคนทำร้ายเรย์เหมือนกัน เราทะเลาะกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะครับ” เสียงใสเล่าอย่างเจ็บปวด น้ำตาไหลจากดวงตากลม “วันนั้นที่เรย์โดนรถชน...เอมผลักเรย์ก็จริง แต่เอมไม่ได้ตั้งใจ...เอม...”



ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งพูดถึง มันยิ่ง...ทรมาน



“เรย์...เขาว่าคุณลุง เอมก็เลยตบหน้าเขาเพราะอยากให้เขาหยุดพูด ฮึก ที่เขาพูดดูถูกคุณลุง...เอมทนฟังไม่ได้จริงๆ” กฤษณะมองร่างบางที่สะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร “เพราะงั้นวันนั้นที่เขาเข้ามาคุยกับเอม...เอมเลยผลักเขาเพราะไม่อยากยุ่งด้วย แต่ ฮือ เรย์เขาก็...”



“ใจเย็นๆ นะเอม ใจเย็นๆ” ร่างสูงใหญ่เดินมานั่งข้างๆ คอยลูบหลังบางให้คลายสะอื้น “แล้วเอมเล่าให้คินฟังรึยัง บอกเขาว่าไม่ได้ตั้งใจ”



“เอม...บอกแล้วครับ แต่คินโกรธมาก” ชะเอมยิ่งสะอื้นหนักเมื่อนึกถึงวันนั้น วันที่ร่างสูงบอกเลิกกัน “หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอกับคินอีกเลยครับ เพราะคินย้ายออกไปตั้งนานแล้ว...เอาของออกไปหมดเลย เอมไม่รู้ว่าคินเขาไปอยู่ที่ไหนกับใคร” แต่ในใจก็คิดไว้แล้วว่าน่าจะไปอยู่กับเรย์นั่นแหละ



“นี่เจ้าคินกล้าทำถึงขั้นนี้เลยเหรอ” กฤษณะไม่อยากคิดเลยว่าถ้าพี่เกษมรู้เรื่องนี้เข้าจะโมโหขนาดไหน ที่ฝากลูกชายดูแลแต่กลับทำแบบนี้



ชะเอมฟังแล้วน้ำตารื้น “ฮึก อาหมอเชื่อที่เอมพูดเหรอครับ”



กฤษณะขมวดคิ้ว “นี่เห็นอาเป็นคนยังไงกัน อาเห็นหนูตั้งแต่ตัวจ้อยจะไม่รู้เหรอว่าเด็กคนนี้เป็นยังไงน่ะหือ”



น้ำตาเม็ดโตกลิ้งผ่านใบหน้า “...ขอบคุณครับ”



ก็แค่ประโยคง่ายๆ จากปากของอาหมอแบบนี้...ที่เราอยากได้ยินจากปากของคิน แล้วทำไมพอเป็นอีกฝ่ายมันถึงยากนักนะ



ก็แค่อยากให้เชื่อกันบ้าง ทำไมมันถึงยากลำบากขนาดนี้



กฤษณะลูบศีรษะทุยอย่างปลอบประโลมระคนเอ็นดู ถึงร่างกายจะโตแล้วแต่ข้างในก็ยังเหมือนเด็กน้อยที่อยากจะอ้อนใครสักคน



“เรื่องเจ้าคินน่ะ เอมก็ค่อยเป็นค่อยไปนะ เขาเป็นคนขี้โมโหไปหน่อย แต่ลึกๆ แล้วเขายังคงคิดถึงหนูอยู่บ้างนั่นแหละ อาเชื่อแบบนั้น”



“...ครับ” เสียงใสตอบอู้อี้



ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็คงดีนะ



“อยากบอกคุณลุงมั้ย”



ชะเอมหันขวับทันทีที่ได้ยิน บอกเสียงดัง “ไม่ได้นะครับ! ให้คุณลุงรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”



ดวงตากลมสั่นกลัวอย่างหนัก แต่กฤษณะถามใจเย็น “ทำไมล่ะ”



“เอมไม่อยากให้คุณลุงเป็นห่วง...ไม่อยากเป็นภาระให้คุณลุงครับ เพราะงั้น...”



“เอมก็รู้ว่าคุณลุงไม่ได้คิดกับหนูแบบนั้นอยู่แล้ว”



“ยังไงก็ไม่ได้ครับ” ชะเอมยังคงส่ายหน้าทั้งน้ำตา มือสองข้างยื่นจับเสื้อกราวน์แน่น ส่งสายตาอ้อนวอน “อาหมอผมขอร้อง อย่าบอกเรื่องนี้กับคุณลุง...นะครับ”



กฤษณะอดไม่ได้ที่จะคว้าเด็กน้อยเข้ามากอดปลอบ ร่างบางจมอยู่ในอกกว้าง “เอมก็รู้ว่าอาเป็นห่วง คุณลุงยิ่งต้องเป็นห่วงมากกว่าอาเป็นสิบเท่า ร้อยเท่าแน่”



ชะเอมฟังแล้วน้ำตาร่วงเผาะ “อาหมอ ฮึก ฮือ อาหมอครับ” แขนบางกอดตอบแผ่นหลังใหญ่



เวลาไม่มีคุณลุง อากฤษณะก็เป็นคนที่ปลอบโยนเขาเหมือนพ่อคนหนึ่ง...อ้อมแขนนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน



“เอม...เอมกำลังพยายาม...อึก คุยกับคินอยู่ครับ” เสียงใสกลั้นสะอื้นบอก “เพราะงั้นอาหมออย่าเพิ่ง...อย่าเพิ่งบอกคุณลุงเลยนะครับ”



“...เฮ้อ...” นายแพทย์ถอนหายใจยาว เจอแบบนี้ก็ต้องใจอ่อนอีกแล้วสิเรา “นี่คิดเผื่อไว้รึเปล่าว่าคุณลุงจะต้องรู้เรื่องหนูกับคินคบกันเข้าสักวัน หือ?”



“อาหมอ...”



“โอ๊ะๆ อย่าเพิ่งเบะปาก ไม่เอาไม่ร้องแล้ว ตาแดงหมดแล้วเนี่ย อาแค่เตือนเฉยๆ ไม่ได้จะว่า”



“ขอโทษ...ครับ” ร่างบางยกมือขยี้ตาเอ่ยเสียงเบา



“อาไม่ได้รังเกียจความรักของผู้ชายกับผู้ชาย แต่อาแค่กลัวคุณลุงจะช็อคแค่นั้นแหละ...เพราะเขาหวงเอมที่สุดเลยนะรู้รึเปล่า” แพทย์กฤษเอ่ยแซว นึกถึงใบหน้าของเกษมศักดิ์ในยามที่โดนแย่งลูกบุญธรรมสุดรักของตัวเองไป



ไม่ได้พูดเล่นนะ พี่เกษมน่ะ หวงเด็กคนนี้มากกว่าลูกชายตัวเองอีกจะบอกให้...เหอะๆ



“อาหมอพูดอะไรน่ะครับ”



“ช่างเถอะๆ ตกลงว่ากำลังคุยกับคินอยู่จริงเปล่า อย่าโกหกเชียวนา อารู้ๆ” จริงๆ กฤษณะไม่ได้นิสัยขี้เล่นแบบนี้หรอก จะเผยนิสัยเด็กๆ เฉพาะกับชะเอมเท่านั้นแหละ



“กำลังพยายามครับ” ใบหน้าหวานทำปากมุ่ย “ตกลงอาหมอเป็นหมอรักษาโรคหรือว่าหมอดูกันแน่ครับเนี่ย รู้ไปหมดเลย”



“จะหมออะไรก็ช่าง รักษาชะเอมได้ก็แล้วกัน” คนวัยทองยิ้มกว้างยักคิ้ว ซึ่งชะเอมก็หลุดหัวเราะคิกไม่ค้านคำนั้น



“ว่าแต่ไปค่ายเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม”



“สนุกดีครับ”



“เพื่อนสามคนนั้นเป็นไงบ้างล่ะ”



“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอ แต่คิดว่าน่าจะสบายดีกันนะครับ” ร่างบางนึก ครั้งสุดท้ายที่คุยกันก็หลังจากจบค่ายนั่นแหละ ผ่านมาสองอาทิตย์ก็มีแต่เรียนแล้วก็ทำงานพิเศษ ไม่ได้เจอกันเลย



อะ จะว่าไปหลังจากที่ไปค่ายเขากลับมาเขาก็เริ่มมีรุ่นน้องหลายคนที่รู้จัก และทักทายกันเวลาเดินผ่านเจอในมหาวิทยาลัยด้วย...เป็นความทรงจำที่ดีล่ะนะ



“อาห่วงเรื่องสุขภาพของเอมนะ” กฤษณะหยิบกระดาษผลตรวจขึ้นมาดู “ที่อาถามเรื่องคินเพราะอยากให้คืนดีกันเร็วๆ ความเครียดก็เป็นส่วนหนึ่งทำให้จิตใจอ่อนแอ แล้วร่างกายก็จะอ่อนแอตามไปด้วย”



“ครับ เอมเข้าใจ”



“ช่วงนี้ก็ทำแบบที่เคยทำไปก่อน กินอาหารให้ครบ กินยา พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วอย่าลืมมานัดตรวจครั้งหน้า เดี๋ยวอาจะส่งข้อความไปเตือน เท่านี้ล่ะ”



“ขอบคุณครับอาหมอ” ร่างบางไหว้ โถมตัวเข้ากอดคนแก่กว่าแน่นอ้อนๆ ซึ่งกฤษณะก็ลูบหลังลูบหัวทุยอย่างเอ็นดู นายแพทย์อย่างเขาเห็นชะเอมและรักษาเจ้าตัวมาตั้งแต่ยังตัวน้อยๆ น่ารักน่าชัง แต่ถึงยังไง ไม่ว่าจะโตมากเท่าไหร่เด็กคนนี้ก็ยังเป็นเด็กน้อยสำหรับเขาเสมอ







************************Whose fault? ************************







ระหว่างที่กำลังรอรถเมล์หน้าโรงพยาบาลเพื่อนั่งกลับคอนโด ชะเอมยังหยิบมือถือขึ้นมาจ้องมอง ยังหวังว่าจะมีข้อความส่งมา



ครืด ครืด



ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แววตาวาววับเป็นประกาย นิ้วรีบเลื่อนอ่านข้อความอย่างรวดเร็ว ยังแอบคิดว่าโทรศัพท์โหลดช้าไม่ทันใจเพราะหัวใจน้อยๆ เต้นระรัวลิงโลด





Thu, 9/27

chÄim : คิน วันอาทิตย์นี้ตอนเย็นมาทานข้าวด้วยกันไหม 5:05PM Read

Today

ภาคิน : อืม เอาสิ 1:11PM Read

chÄim : งั้นเจอกันนะ 1:11PM Read

chÄim : แล้วคินจะมากี่โมง 1:11PM Read





พออ่านเสร็จ มือบางสั่นระริกรีบตอบกลับเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรอนาน ริมฝีปากขบกัดกลั้นยิ้มอย่างดีใจ ข้อความของเขาถูกอ่านอย่างรวดเร็วเหมือนอีกฝ่ายเปิดแชทค้างไว้ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะได้คำตอบ ร่างบางกดปิดโทรศัพท์สอดเข้ากระเป๋าเมื่อเห็นว่ารถเมล์ที่ผ่านคอนโดมาแล้ว



อะ ในตู้เย็นที่คอนโดไม่มีอะไรเหลือแล้วนี่นา ต้องไปซื้อวัตถุดิบก่อน ก่อนอื่นต้องแวะห้างฯ ก่อน ดีนะที่รถเมล์คันนี้ผ่านห้างฯ ใกล้ๆ คอนโดพอดี



ครืด ครืด





ภาคิน : ตอนนี้อยู่ไหน 1:20PM Read





ชะเอมขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะคินไม่ตอบคำถามเขา ดันถามกลับมาแทน แต่ถึงยังไงร่างบางก็พิมพ์ตอบอย่างรวดเร็ว





chÄim : ผมกำลังจะไปซื้อของที่ห้างครับ 1:21PM Read

chÄim : คินมาประมาณกี่โมงเหรอ ผมจะได้เตรียมของไว้ 1:21PM Read

ภาคิน : ไปห้างที่ไหน 1:23PM Read





อีกแล้ว อะไรเนี่ย...ร่างบางมุ่นคิ้ว ตากลมโตจ้องประโยคคำถามของร่างสูงอีกครั้ง





chÄim : ห้างYYY ใกล้ๆ คอนโดครับ 1:23PM Read

ภาคิน : เจอกันที่นั่น 1:24PM Read





“หืม...?” ร่างบางครางงุนงง ตากลมไล่อ่านประโยคที่คินพิมพ์หลายรอบ...เจอกันที่นั่น? หมายถึงเจอกันที่ห้างฯ เหรอ?



ระหว่างที่ในสมองยังครุ่นคิดสงสัย ร่างบางเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ มองวิวนอกหน้าต่างเห็นตึกคอนโดสูงหรูหราผ่านหน้าไป “อ๊ะ คอนโดเรา” ร่างบางสะดุ้งเพราะคิดว่าเลยสถานที่ที่ต้องลงแล้ว รีบเก็บมือถือลงกระเป๋าลุกขึ้นไปกดกริ่ง แต่พอคิดอีกที ห้างฯ ที่ตัวเองจะไปเลยคอนโดไปอีกนี่นา



“ขอโทษครับ ผมกดผิด” ร่างบางบอกกับกระเป๋ารถเมล์ด้วยใบหน้ารู้สึกผิด คนขับก็ออกรถ สบถด่าไปตามประสา แต่ชะเอมก็ไม่ได้โกรธ กลับกันเขารู้สึกผิดมากขึ้นรีบเอ่ยหน้าซีด “ขอโทษจริงๆ ครับ”



เพราะมัวแต่เหม่อนั่นแหละ...ได้แต่คิดโทษตัวเอง



ร่างผอมบางยืนโหนรถแทนเพราะว่าใกล้จะถึงแล้ว มือบางล้วงมือถือขึ้นมาเช็คข้อความอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติม



เจอกันที่นั่น...เหรอ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความหมาย แต่ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง...ไม่อยากหวังแล้วก็ผิดหวัง



ช่างมันเถอะ ถึงยังไงเย็นนี้คินก็บอกแล้วว่าจะกลับมาทานข้าวด้วยกัน



ชะเอมอมยิ้มคิดอย่างมีความสุข...หัวใจดวงน้อยพองโต





เย็นนี้ จะทำอะไรให้คินกินดีนะ





************************Whose fault? ************************

 :hao5: :katai4:

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :hao5:
นี้อินมาก

ไรท์ค่ะ จะมีฉากที่นายเอกของเราเข้มแข็งขึ้น ฉลาด รู้ทันคน
เอาคืนอีพระเอกอย่างสาสมไหม
ไม่เอาเอาคืนเรย์น่ะ
เอาคืนคินนี้แหละ
ให้มันเจ็บกันไปข้างหนึ่ง


อินมากๆๆๆ

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
เข้มแข็งไว้นะชะเอม

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อยากให้คินรู้ความจริงแล้วง้อ ส่วนเอมก็ไม่สนใจแล้ว

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                                Whose Fault ?



                                ผิด...ครั้งที่ 20




โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ครืด ครืด



ภาคิน : อยู่ไหน 2.02pm Read



ชะเอมขมวดคิ้วกับคำถามสั้นๆ แต่ชวนงง หากย้อนความไปเมื่อกว่าครึ่งชั่วโมงก่อน ร่างบางก็เพิ่งบอกไปเองนะ



chÄim : อยู่ห้างyyy ไงครับ ผมมาซื้อของ 2.04pm Read

ภาคิน : ไม่ใช่ 2.05pm Read

ภาคิน : ฉันอยู่ห้างyyy แล้ว ที่ถามหมายถึงอยู่ตรงไหนของห้าง 2.05pm Read



ชะเอมใจเต้นระรัว ที่บอกว่าเจอกันหมายถึงคินจะมาหาที่นี่เองเหรอ...ถึงจะคิดไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง



จะได้เดินห้างกับคิน



กินข้าวเย็นกับคิน



วันนี้เป็นวันดีจัง



ร่างบางกลั้นยิ้มดีใจอย่างบอกไม่ถูก มองข้อความที่ถูกส่งมาแล้วอ่านวนหลายครั้งให้ตอกย้ำว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจผิด



chÄim : อยู่ชั้นซุปเปอร์ครับ 2.07pm Read

chÄim : คินจะมาเหรอ 2.07pm Read



ตากลมโตสีดำจดจ้องมองข้อความนานกว่าสองนาที แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา จึงเก็บมือถือลงไปนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกง



ร่างผอมบางเข็นรถเข็นใหญ่มองผ่านแต่ละโซนไปเรื่อย ในหัวก็พลางคิดว่าจะทำอะไรให้คินกินดี หรือว่าจะถามเจ้าตัวไปเลยดีกว่า?



ว่าแล้วก็ล้วงมือถือขึ้นมาเปิดแอพสีเขียวอีกครั้ง



chÄim : คินอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย 2.15pm



ผ่านไปสักพัก ก็ยังไม่มีการอ่านใดๆ แถมข้อความด้านบนก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบ



หายไปไหนน่ะ?



ชะเอมครุ่นคิดก่อนจะเหลือบเห็นเด็กผู้หญิงชั้นประถมตัวเล็กกำลังยืนจ้องมองชั้นขนมห่อสีสันสดใสเรียงรายอยู่ตาแป๋วแหวว แถมยังยกมือขึ้นดูดนิ้วจนน้ำลายเลอะเทอะเต็มมือเล็กไปหมด



สงสัยจะนึกว่านิ้วของตัวเองเป็นขนมแน่ๆ เลย ร่างบางคิดอย่างขำๆ



แล้วพ่อแม่ของเด็กคนนี้ไปไหนแล้วล่ะ



ชะเอมสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ในซอกชั้นขนมนี่ก็มีแต่เขากับเด็กน้อยสองคน ร่างบางจึงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ย่อตัวนั่งยองๆ เพื่อให้ความสูงเท่ากับเด็กคนนั้น



"สวัสดีค่ะ มองหาอะไรอยู่เหรอ" เสียงใสเอ่ยใจดี ยิ้มกว้างตาใสเพื่อให้เด็กตัวเล็กจะได้ไม่กลัวคนแปลกหน้า



"น้องลูกอมจะกินขนมค่ะ" เด็กหญิงเอามือที่อมออกจากปากเช็ดกับเสื้อตัวเอง ยิ้มแป้นตอบเสียงชัดเจน ดูไม่กลัวคนแปลกหน้าอย่างเขาเลยแม้แต่นิดเดียว



ร่างบางยิ้มค้าง แอบงง แต่พอคิดแปปนึงก็ได้คำตอบว่าน้องเขาชื่อลูกอมนี่เอง



ใครตั้งชื่อให้เนี่ย...น่ารักจัง



"แล้วน้องลูกอมจะกินขนมอันไหนคะ" ชะเอมถามต่อ



"น้องลูกอมอยากกินขนมอันนั้นค่ะ!" เด็กหญิงใช้นิ้วป้อมชี้บอกความต้องการทันที ซึ่งชะเอมมองตามทิศทางไป...อันไหนหว่า?



ขาบางหยัดยืน แล้วใช้มือชี้ห่อขนมที่คิดว่าเด็กหญิงอยากกิน "อันนี้เหรอคะ?"



ลูกอมส่ายหน้าจนผมทวินเทลสะบัด "ไม่ใช่ค่ะ! อันนั้น!"



"อันนี้?" ชะเอมขมวดคิ้ว นิ้วเลื่อนไปห่อขนมทางซ้ายอีก



"ฮื่อ! ไม่ใช่ค่ะ! อันนั้น!" เด็กหญิงส่ายหน้าหน้ามุ่ย



"เอ่อ..." เขามองตามทิศทางที่นิ้วป้อมแล้ว มันก็ยังอยู่ที่เดิมนี่นา...มือบางเลื่อนไปอีก หรือว่าจะ... "นี้เหรอคะ?"



"ฮื่อ!" ลูกอมยังส่ายหน้า หันมากระตุกขากางเกงถามพี่ที่หน้าตาน่ารักแถมยังใจดี "พี่ๆ พี่ชื่ออะไรคะ?"



"หืม?" ชะเอมเลิกคิ้ว ยิ้มบางกับความใสซื่อของเด็กหญิงที่เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ร่างบางย่อตัวลง "พี่ชื่อชะเอมค่ะ น้องลูกอม"



"งั้นพี่ชะเอมอุ้มน้องลูกอมหน่อย" แขนเล็กสองข้างเข้ามากอดคอร่างบาง "เดี๋ยวน้องลูกอมหยิบขนมเองค่ะ"



"อ๋อ ฮ่าๆ โอเคได้ค่ะ" ชะเอมยิ้มขำ ที่ถามชื่อเขาเพราะว่าจะขอให้อุ้มให้นี่เอง สงสัยว่าเพราะเขาจะไม่ได้ดั่งใจเด็กหญิงจนคิดจะหยิบเองแน่เลย



เด็กอะไรฉลาดจริงเชียว



แต่มาขอคนแปลกหน้าให้อุ้มมันอันตรายไปหน่อยนะ...ถึงเขาจะไม่ใช่คนไม่ดีก็เถอะ



แขนบางประคองร่างเล็กในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง "จับดีๆ นะคะ อึ๊บ!"



ถึงเด็กหญิงลูกอมตัวจะเล็กนิดเดียวแต่สำหรับเขาที่ไม่ได้ตัวใหญ่อะไรมาก จึงคิดว่าน้ำหนักเท่านี้ก็ต้องใช้แรงเยอะพอสมควรกันเลยทีเดียว



"อันนั้นค่ะ!" เด็กหญิงยิ้มร่าเริงทันทีเพราะเห็นขนมที่อยากได้อยู่ใกล้ๆ แค่เอื้อม ไม่ได้มองจากข้างล่างแล้ว



"โอ๊ะ ระวังค่ะ น้องลูกอม เดี๋ยวตกนะ" แรงดิ้นจากเด็กที่เห็นของโปรดปรานทำเอาชะเอมทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแหยกระชับแขนมากขึ้นอีก แล้วเดินตามไปที่นิ้วป้อมชี้



ทิ้งรถเข็นไว้ไม่เป็นไรมั้ง...ยังไงก็ยังไม่ได้หยิบของอะไรเลยด้วยซ้ำ



แล้วก็ลืมเรื่องข้อความในโทรศัพท์ไปซะสนิทเลย



"ได้ขนมพอหรือยังคะน้องลูกอม กินเยอะเดี๋ยวปวดท้องไม่รู้ด้วยนะ" ใบหน้าหวานยิ้มเจื่อน แขนเขาเริ่มเมื่อยจนสั่นแล้ว แต่ดูเหมือนเด็กหญิงลูกอมที่อ้อมแขนเต็มไปด้วยขนมห่อจะยังไม่พอใจซักที เพราะสายตาเปล่งประกายเห็นอะไรก็อยากกินไปหมด



"ขออีกสามห่อนะคะ พี่ชะเอม" ลูกอมยิ้มกว้างโชว์ฟัน แถมยังชูสามนิ้วน่าเอ็นดูแบบนี้ใครจะปฏิเสธลง



แต่ดูสิแค่นี้ก็จะถือไม่หมดอยู่แล้วนา



"ก็ได้ค่ะ...อ๊ะ! ขอโทษครับ" ร่างบางเผลอก้าวถอยหลังชนใครบางคน แต่พอหันไปก็เจอกับร่างสูงที่ไม่ได้เจอกันเกือบสองอาทิตย์ตั้งแต่จบค่ายไป



แผ่นหลังบางเผลอแนบกับอกกว้าง ความร้อนจากร่างกายของร่างสูงทำให้ใบหน้าหวานขึ้นริ้วแดงอย่างห้ามไม่ได้ รีบผละออกอย่างรวดเร็ว



"คิน..."



"มัวทำอะไรอยู่ ไหนบอกว่าซื้อของ" สายตาคมมองเด็กในอ้อมแขนผอมซึ่งทำให้เจ้าตัวซุกหน้ากับซอกคอของชะเอมอย่างกลัวๆ พี่ชายคนนี้ตาดุจัง "เด็กคนนี้ใคร?"



"คือ...ผมเห็นน้องเขาอยู่คนเดียว ก็เลย...ขอโทษทีครับ" ชะเอมก็ไม่รู้จะพูดยังไง แววตาหม่นลงนิดหน่อยเพราะคิดว่าโดนดุอีกแล้ว



“นายไม่ตอบแชท” คินชูโทรศัพท์



“อ่า...ขอโทษทีครับ ผมไม่ได้ดู” เพราะมัวแต่วุ่นวาย



"ช่างเถอะ...แล้วพ่อแม่ของเด็กคนนี้ล่ะ" ชะเอมไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่าว่าร่างสูงเสียงอ่อนลงนิดหน่อย คำถามที่ได้ยินทำให้ร่างบางตาโต...เออเนอะ



"น้องลูกอมคะ ปะป๊ากับหม่าม้าของน้องลูกอมไปไหนแล้วล่ะคะ" เสียงใสถามเด็กหญิงทันที ใบหน้ากลมได้ยินพี่น่ารักถามเลยยอมเงยหน้าขึ้นสบตา



"น้องลูกอมก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ น้องลูกอมยืนมองขนมที่อยากกินอยู่แล้วพี่ชะเอมก็เข้ามาคุยด้วย ส่วนคุณแม่เดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้ค่ะ" เด็กหญิงส่ายหัวจนผมแกละสองข้างแกว่งไปมา



ทั้งสองฟังคำซื่อของเด็กหญิงก็อ่อนใจ นี่แสดงว่าพ่อกับแม่ของเด็กเดินช็อปปิ้งโดยที่ไม่สนใจเด็กน้อยที่ถูกทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหรอเนี่ย "พี่ชะเอมว่าป่านนี้คุณแม่คงเป็นห่วงน้องลูกอมแล้วแน่เลย ถ้ายังไงพวกเรารีบไปหาคุณแม่ของน้องลูกอมกันดีกว่าเนอะ"



เด็กหญิงขมวดคิ้ว ส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ขนมห่อบนชั้น "แต่ว่าน้องลูกอมอยากได้ขนมอีกค่ะ"



ชะเอมลังเลนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้าตามใจ ไม่อยากให้ช้าก็จริงแต่ไม่อยากให้เด็กหญิงงอแงมากกว่า "ถ้างั้นรีบเลือกให้เสร็จแล้วไปค่อยไปหากัน โอเคมั้ยคะ"



"โอเคค่ะ!" ลูกอมยิ้มดีใจ นิ้วป้อมพยายามทำสัญลักษณ์โอเคอย่างน่ารักน่าชัง พี่คนนี้ใจดีที่สุด



ร่างสูงยืนนิ่ง สายตามองสำรวจใบหน้าหวานที่หัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ ชะเอมเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูดทางเพศมากไม่ว่าจะกับผู้ชายหรือผู้หญิง ยิ่งตอนที่ยิ้มและหัวเราะกับเด็ก ดวงตากลมโตจะยิ้มเปล่งประกายไปด้วย ประกอบกับผิวขาวซีด ริมฝีปากบางสีระเรื่อรับกับจมูกได้รูป ยิ่งทำให้น่าเอ็นดู ร่างบางที่เคยมีกล้ามเนื้อนิดๆ แต่ตอนนี้ผอมเกือบติดกระดูกยิ่งทำให้เอวกับสะโพกยิ่งเล็ก แค่แขนข้างเดียวของเขาก็สามารถโอบเอวบางนั่นได้พอดี อาจจะเหลือด้วยซ้ำ



แค่ตัวเขาเองยังสำรวจขนาดนี้แล้วคนอื่นล่ะ?



แถมเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองเรียกสายตาคนรอบข้างให้หันมามองได้มากขนาดไหน



โดยเฉพาะสายตาของพวกผู้ชายหื่นกระหาย...



"ลูกอม...ลูกแม่อยู่ที่ไหน...น้องลูกอม..." เสียงคร่ำครวญของหญิงสาวทำให้คินหลุดจากภวังค์ สายตาคมละจากร่างบาง เห็นผู้หญิงผมลอนยาวคนหนึ่งสอดส่ายสายตาหาบางอย่าง ใบหน้าแสดงถึงความรู้สึกร้อนรน ซึ่งในอ้อมแขนของเธอก็อุ้มเด็กทารกอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย



"น้องลูกอม..." ขาบางเร่งเดินหาซึ่งกำลังจะห่างจากตรงนี้ไป คินหันไปมองชะเอมที่ดูเหมือนจะยุ่งกับเด็กน้อยจนไม่ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนี้ ร่างสูงถอนหายใจ ขายาวเดินเข้าไปใกล้หญิงผมยาว



"ขอโทษครับ คุณกำลังหาเด็กผู้หญิงอายุประมาณประถมอยู่รึเปล่าครับ"



เธอหันขวับ "ใช่ค่ะ! ดิฉันหาลูกสาวอยู่ค่ะ คุณเห็นหรือคะ!?"



"ครับ ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่อลูกอมล่ะก็ ทางนี้ครับ" คินเดินนำ ชะเอมก็สอดส่ายสายตาหาพอเห็นร่างสูงเดินมาก็คลายกังวล "คินไปไหนมา..."



"ลูกอม!"



"คุณแม่!"



ชะเอมสะดุ้งเพราะเสียงเรียก แถมร่างเล็กในอ้อมแขนก็ดิ้นขลุกขลักยกใหญ่ เมื่อกี้เรียกผู้หญิงผมยาวคนนี้ว่าคุณแม่ ร่างบางก็ยิ้มดีใจวางตัวเด็กหญิงลงให้เดินไปหาหญิงสาวผู้เป็นแม่พร้อมกับขนมอีกกองใหญ่ซึ่งไม่รู้ถือไปได้ยังไง "ขอโทษนะครับ พอดีเห็นน้องเขายืนอยู่คนเดียวเลยเข้าไปทัก ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ"



"ไม่เป็นไรเลยค่ะ ดิฉันต้องขอบคุณคุณมากกว่า...ต้องขอบคุณคุณด้วยนะคะ" หญิงสาวก้มหัวต่ำให้ชะเอมกับคิน ร่างบางก็รีบโบกมือปฏิเสธทันที



"มะไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่เล่นกับเด็กเท่านั้นเองครับ ใช่มั้ยคะน้องลูกอม" เสียงใสรีบพยักเพยิดหาพวก ซึ่งเด็กหญิงก็หัวเราะยิ้มกว้าง



"ใช่ค่ะคุณแม่ พี่ชะเอมน่ารักม๊ากมาก ช่วยน้องลูกอมเลือกขนมด้วยค่ะ" เด็กหญิงพูดจ้อย วาจาไพเราะหวานหูซะชะเอมชื่นชมในใจ



"แต่คุณแม่อย่าทิ้งเด็กไว้อีกนะครับ ผมเกรงว่าคนไม่ดีจะมาเจอน่ะ" ร่างบางเอ่ยขึ้น ไม่ได้มีเจตนาจะว่าอะไรใดๆ แค่บอกเพราะเป็นห่วงทั้งเด็กทั้งผู้ปกครองนั่นแหละ ขาเรียวย่อตัวลงให้เท่ากับเด็กหญิง “น้องลูกอมเป็นพี่สาวแล้ว อย่าดื้อกับคุณแม่นะคะ แล้วก็อย่ากินขนมเยอะ เดี๋ยวปวดท้องไม่รู้ด้วยนะ”



ชะเอมเตือนเพราะคุณแม่น้องลูกอมอาจจะยุ่งๆ เพราะมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแลพะวงอีก



"ค่ะพี่ชะเอม บ๊ายบายค่ะ!" มือป้อมโบกหยอยๆ ซึ่งหญิงสาวผู้เป็นแม่ไม่วายก้มหัวขอบคุณอีกครั้ง ชะเอมก็อมยิ้มแต่พอหันมาเจอสายตาคมกริบก็ยิ้มเจื่อน



"...เอ่อ..."

ร่างสูงตวัดกายหันหลังเดินออกไป ซึ่งขาเรียวก็เดินตามหลังกว้างไปทันที ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโมโหอะไรรึเปล่า สายตากลมโตหันรีหันขวางมองหารถเข็นที่ตัวเองเอามา แต่มันหายไปแล้ว สงสัยพนักงานคงจะเอาไปเก็บ...



พลั่ก!



"อุ๊บ!" มือจับจมูกตัวเองเมื่อเกิดแรงกระแทกกับแผ่นหลังแข็ง "อูย..."



"ทำอะไรซุ่มซ่าม" ร่างสูงเอ่ยเสียงดุ



"ก็คินนั่นแหละ..." หยุดเดินทำไมไม่บอกไม่กล่าว



"รีบๆ ไปซื้อของสิ" เสียงทุ้มไล่ ซึ่งชะเอมที่ยังจับดั้งของตัวเองอยู่พยักหน้าหงึกๆ



"ครับ"



เสียงใสรับคำ ขาบางย้อนกลับไปอีกทางเพื่อจะไปเอารถเข็นแต่แทบตัวปลิวเมื่อถูกรั้งไว้ เป็นมือใหญ่นั่นเองที่จับต้นแขนผอมไว้แน่น



"ไปไหน"



ใบหน้ามนมึนงง "ไปเอารถเข็นครับ"



เมื่อได้รับคำตอบ คินก็ค่อยๆ คลายมือ หันหน้าไปทางอื่น “ก็รีบไปสิ”



“คะ ครับ” ชะเอมแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รีบหันหลังเดินไป ซ่อนใบหน้าแดงเถือกของตัวเอง



เมื่อกี้นี้มันอะไรกันน่ะ...









"คินอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า"



หลังจากปรับสีหน้าของตัวเองได้ ร่างบางก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติ



"อะไรก็ได้"



ใจดวงน้อยที่เต้นรอคอยด้วยความหวังฟีบลง



อะไรก็ได้เหรอ...



"ครับ..."



ดวงตากลมเหม่อมองชั้นผักตรงหน้า ยังไงเราก็จะทำของที่คินชอบกินอยู่แล้ว...ก็ไม่เห็นต้องถาม



"ขอบคุณครับ" มือบางรับบลอคโคลี่หัวใหญ่มาจากพนักงาน หลังจากชั่งน้ำหนักติดราคาเสร็จเรียบร้อย



ผักชีต้นหอม มะเขือเทศ หัวหอม บล็อคโคลี่ คะน้า...อืม ผักน่าจะครบแล้ว เหลือพวกเนื้อกับไข่ อะ...เต้าหู้ไข่ด้วย



สายตาเหลือบเห็นร่างสูงยืนกอดอกทำหน้านิ่งอยู่ไม่ไกล



"เอม..."



"อ้าวราม...ติมด้วย" ชะเอมเอ่ยแปลกใจ บังเอิญจัง "ทำไมอยู่ด้วยกันล่ะ"



รามอ้าปากทำท่าจะตอบ แต่ร่างสูงกว่าเอ่ยแทรกขึ้นมา "บังเอิญเจอกันน่ะครับ"



ดวงตาที่ไม่มีใครสังเกตเห็นฉายแววปวดร้าวลึก หึ น่าสมเพชตัวเองชะมัด



"แล้วพี่เอมล่ะครับ มาคนเดียวเหรอ"



ร่างบางเหลือบมองคิน ซึ่งคินก็ไม่ได้มองมาทางนี้ ริมฝีปากบางยิ้มอ่อน "อ๋อ พอดี..."



"เข้าใจกันแล้วเหรอ" รามถามขึ้นยิ้มๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีใจกับร่างบางด้วย



...จะได้มีความสุขซักที



"ก็เปล่าหรอก" ชะเอมส่ายหน้า



"ไม่เป็นไรหรอก เอม นายเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว" รามตบบ่าเล็กให้กำลังใจ ชะเอมที่เป็นอย่างนี้ดีอยู่แล้ว...เพราะใครๆ ก็ต่างชอบนาย รักนาย



...ไม่เว้นแม้แต่คนที่เขาชอบ



"อื้ม ขอบใจนะ"



“ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้เจอกัน” รามพูดขึ้น



ใบหน้าหวานพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็เพราะหลายๆ เรื่องล่ะนะ “อื้ม เราเข้าใจ”



“แต่มีอะไรก็โทรหาได้ ไลน์มาได้ตลอดเลยนะ”



“รามก็เหมือนกันนะ” ริมฝีปากบางอมยิ้ม ก่อนสายตากวาดสำรวจร่างกายสูงโปร่งของคนตรงหน้า มันมีอะไรแปลกไป “ว่าแต่ช่วงนี้รามผอมลงรึเปล่า”



“ก็นิดหน่อย...” รามเลี่ยง “เอมก็เหมือนกันแหละ”



“ผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน พี่ชะเอม พี่ผอมเกินไปแล้วนะครับ” ติมพูดบ้าง ซึ่งชะเอมก็บุ้ยปาก มุ่นคิ้ว



“ก็มันกินแล้วได้เท่านี้ จะทำยังไงได้ล่ะ” ชะเอมหัวเราะคิกใช้กำปั้นชกอกตึงแน่นของร่างสูงเบาๆ “ติมสอนพี่กินให้ได้แบบนี้บ้างสิ”



“ผมว่าพี่ชะเอมอ้วนขึ้นอีกนิดก็น่ารักแล้ว ไม่ต้องเป็นแบบผมหรอก แต่จริงๆ ตอนนี้ก็น่ารักนะครับ” ร่างสูงยิ้มใส่ตา พูดเสียงหวานเชื่อม



รามมองท่าทางนั้นของไอติม “หึ”



ร่างบางตาโต “ติมชมพี่ว่าน่ารักอีกแล้ว พี่เป็นผู้ชาย” ชะเอมซื่อ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนหว่านเสน่ห์ใส่



“ก็...”



"งั้นเดี๋ยวเราไปก่อนนะเอม ไม่อยากอยู่เป็นกอขอคอ...มึงน่ะไปได้แล้ว" รามแทรก มือเรียวยกขึ้นขยี้หัวทุยเบาๆ แล้วเดินผ่านไปโดยไม่ลืมลากคนตัวสูงข้างกายไปด้วย



ชะเอมร้อนหน้าวูบหนึ่งกับคำแซว ก่อนเหลียวหลังหันไปมอง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แต่ได้คุยกันแปปเดียว... "หืม?" เสียงใสครางสูง ไอติมกำลังเอื้อมมือโอบเอวของรามเข้ามาแนบชิด ซึ่งรามก็ดูเหมือนขัดขืนในตอนแรกแต่ก็ยินยอมในที่สุด



หรือว่าทั้งสองคน...?



"ซื้อเสร็จรึยัง"



ไหล่บ้างสะดุ้งเฮือก ริมฝีปากยิ้มเจื่อน



"...ใกล้เสร็จแล้วครับ"



"เดี๋ยวเข็นให้ นายไปเลือกของซะ จะได้เสร็จเร็วๆ" มือใหญ่คว้ารถเข็นไป ชะเอมเลยได้แต่ตอบรับเพราะคินคงเริ่มรำคาญกับการเชื่องช้าเอื่อยเฉื่อยของเขา



"ครับ"



"นี่ พ่อได้โทรมาคุยรึเปล่า"



"คุณลุง?...อ่ะ ขอบคุณครับ" ร่างบางหันไปรับปลานิลตัวใหญ่เนื้อเนียนน่ากินมาวางบนรถเข็น "ครับ โทรมาเมื่อวานตอนดึกๆ น่ะ"



“แล้วคุยอะไรบ้าง”



“อื๋อ” ชะเอมหันไปมองอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าคินจะถามอะไรแบบนี้ “ก็หลายเรื่องเลยครับ เรื่องทั่วๆ ไป คุณลุงบอกว่าคิดถึงก็ให้โทรไปหาได้เบอร์เลขา เพราะอีกนานกว่าคุณลุงจะกลับน่ะครับ”



“...”



“แล้วคุณลุงโทรหาคินแล้วใช่มั้ย เมื่อไหร่ครับ” ชะเอมถามอมยิ้ม ถึงคุณลุงจะพูดว่าคินไม่น้อยใจกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็โทรหานี่นา...แต่เขาว่าไม่โทรหาสิแปลก ลูกชายตัวเองแท้ๆ



“เมื่อคืน...คุยอยู่ประมาณห้านาทีได้”



แค่ห้านาทีเองเหรอ...แต่ก็ถือว่าได้คุยล่ะนะ...ว่าแต่เมื่อคืน? หลังจากที่โทรหาเขาแล้วคุณลุงยังโทรหาคินด้วยเหรอ



“แล้ว...”



"พ่อบอกว่านายไม่ได้ใช้เงินเลย”



ร่างบางชะงัก ดวงตากลมสบตาคินที่มองมา



“ทำไม?"



คุณลุงพูดเรื่องนี้ด้วย?



เสียงใสหัวเราะแผ่วเบา "ครับ...ผมก็แค่ไม่อยากรบกวนคุณลุง"



"..."



"ทุกวันนี้ได้อยู่กินสบายมันก็เป็นบุญคุณมากแล้ว แถมยังได้เรียนหนังสืออีก ผมไม่กล้าใช้เงินของท่านไปมากกว่านี้หรอกครับ" ชะเอมแย้มยิ้มบาง มือขาวหยิบถุงใสเพื่อคีบเนื้อหมูสีแดงก้อนใหญ่...นี่ก็สำหรับอาหารเย็นวันนี้



"เหลือไข่อีกแผงนึง เดี๋ยวผมไปหยิบเอง คินไปต่อแถวจ่ายเงินเลยนะ จะได้ไม่เสียเวลามาก" ร่างบางหันหลังเดินออกไป พอขาเรียวเดินกลับมาหาร่างสูงก็แปลกใจ เพราะเจอคนรู้จักอีกแล้ว ซึ่งต่อแถวแคชเชียร์ช่องเดียวกัน กำลังจะจ่ายเงินเลย



"สวัสดีครับ พี่ฝน"



ฝนที่อายุเกือบสามสิบห้าแต่ใบหน้ายังอ่อนเยาว์ยิ้มรับแปลกใจ "อ้าว น้องชะเอม 'ดีจ้า มาซื้อของเหรอ"



"ครับ นี่คินครับ เอ่อ เพื่อน...เพื่อนผมครับ" ชะเอมแนะนำตะกุกตะกัก คินก็ยกมือไหว้ ถึงจะไม่รู้จักแต่อาวุโสกว่าก็ทำเป็นมารยาท



"ไหว้พระเถอะจ้ะ โอ้โหชะเอม นี่พี่เพิ่งรู้ว่าเราก็มีเพื่อนหล่อเหมือนกันนะเนี่ย...งานดีมาก" ฝนยิ้มกริ่มส่งสายตาเจ้าเล่ห์ ร่างบางยิ้มอ่อน ซึ่งร่างสูงก็ก้มหัวรับคำชมด้วยใบหน้านิ่งไม่พูดอะไร



"แล้วพี่ฟ้าไปไหนล่ะครับ" ชะเอมเห็นหญิงสาวแค่คนเดียวเอง



"อ้อ วันนี้เขาไม่ว่างจ้ะ เลยไม่ได้มาด้วยกัน...ขอบคุณค่ะ พี่ไปก่อนนะเอม วันนี้พี่รีบมาก ขอโทษนะจ๊ะ พรุ่งนี้เจอกัน" ฝนรับเงินทอนแล้วบอกลา เดินจากไปด้วยของเต็มไม้เต็มมือท่าทางพะรุงพะรัง ดูท่าทางหญิงสาวจะรีบมากจริงๆ ชะเอมจึงไม่ได้รั้งเอาไว้



ทั้งสองคนจ่ายเงินเสร็จ โดยที่คินเป็นคนออกเงิน เพราะร่างสูงบอกว่าเป็นคนกินเอง ชะเอมเลยไม่คัดค้าน



"นั่นใคร" เสียงทุ้มถามหลังจากขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ส่วนร่างบางก็นั่งบนเบาะข้างคนขับที่ไม่ได้นั่งมานาน ใบหน้าหวานงุนงง หันไปมองคินที่จ้องกลับมาด้วยสายตาคมกริบ



"เอ่อ...พี่ฝนเหรอ" ชะเอมเดา บรรยากาศในรถเงียบซะได้ยินเสียงลมหายใจ "เขาเป็นผู้จัดการร้านที่ผมไปทำงานพิเศษน่ะ"



"ผู้จัดการ? ทำงาน?"



"ครับ ผมทำมาได้หลายวันแล้ว"



"ทำงานอะไร" ร่างสูงถาม น้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์



"เป็นเด็กเสิร์ฟ บางทีก็ช่วยล้างจานบ้างน่ะครับ"



คินฟังแล้วขมวดคิ้ว หันมามองอย่างไม่เข้าใจ "...ไม่มีอะไรทำหรือไง ถึงต้องไปหางานทำ"



"ผมก็แค่ทำเวลาว่างเท่านั้น...ไม่ไปรบกวนเวลาเรียนหรอกครับ"



“เมื่อกี้พี่เขาบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้ ทำวันธรรมดาด้วยเหรอ”



“ครับ ทำแค่ตอนเย็นหลังเลิกคลาสจากมหาวิทยาลัยแล้ว”



อีกฝ่ายฟังแล้วถอนหายใจ “ที่นายทำงานนี้เพราะอะไร...อยากได้เงิน?”



ริมฝีปากบางขบกัดกันแน่น “ครับ” ไม่รู้เหมือนกันว่าคำถามนั้นดูถูกกันหรือไม่ แต่มันก็ทำให้น้ำตารื้นขึ้นมา



"แล้วนายจะเอาเงินไปทำอะไร หือ"



"ก็ซื้อของที่อยากได้ หรืออาจจะออมเก็บไว้ครับ" เสียงใสตอบสั่นเครือ



"เก็บไว้?"



"ครับ ที่ผมได้มาจากคุณลุง ผมอยากจะคืนให้...ถึงชาตินี้ทั้งชาติผมอาจจะคืนให้ไม่หมด แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย"



"..."



"เพราะฉะนั้นอะไรที่ผมพอทำได้ในตอนนี้ผมก็จะทำ" มือบางกำชายเสื้อแน่นจนข้อขาวซีด ใบหน้าหวานช้อนมองสบใบหน้าคมทั้งๆ ที่น้ำตามันกำลังจะไหล "คินเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่เหรอ"



'เงินของพ่อฉันน่ะเหรอ หึ เงินแค่นั้นครอบครัวเรย์เขาก็มีปัญญาจ่ายหรอก'



"ผมมันก็แค่คนที่ท่านเก็บมาเลี้ยง...ไม่มีสิทธิ์แม้แต่เศษเสี้ยวที่จะไปใช้เงินพ่อของคินด้วยซ้ำไป"



ยังไม่เคยลืม...คำดูถูกที่ตอกย้ำมาตลอดนั่น



"แล้วผม...ไม่อยากเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ทำตัวเป็นกาฝากเกาะชีวิตของคุณลุงเพื่ออยู่สบายๆ ไปวันๆ " เขาน่ะรู้สึกตัวมาตลอด...และไม่เคยคิดหลงระเริงคิดเป็นหงษ์ขาวบริสุทธิ์แสนสูงส่ง "คินคงจะไม่รู้ว่าผมก็...อึก เอมก็รู้สึกสมเพชตัวเองเหมือนกันที่ต้องคอยพึ่งพ่อของคินอยู่ตลอด"



เพราะเขารู้...ว่าเขาเป็นแค่ลูกเป็ดสีดำตัวจ้อยที่กำพืดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน...เขาเป็นได้แค่นั้น



"เพราะงั้นที่ทำไปทั้งหมด ผมก็แค่ไม่อยากรู้สึกติดค้าง...ก็แค่นั้นเอง"



และทั้งหมดที่ทำไป



ไม่ใช่เพราะอยากได้ความสงสารใดๆ จากอีกฝ่ายเลย



ก็แค่อยากจะพิสูจน์ตัวเองให้คินเห็น...อยากให้ร่างสูงหันมามองกันบ้างว่าลูกเป็ดสีดำตัวนี้มันก็มีค่าพอที่จะให้รักเหมือนกัน







************************Whose fault? ************************





อย่าลืมเม้นให้กำลังกันด้วยเน้อออ

เจอกันจ้าาา
 :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เศร้าเด้อจร้า
ไรท์เติมพลังชีวิตให้เอมหน่อย

อย่างให้น้องเป็นยอดมนุดดดดดดดด

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
หน่วงจนจะเป็นโรคหัวใจไปกับเอมแล้ว :katai1:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เสียงต้องเศร้าน้าสงสารมาก มาต่ออีกนะครับ รอๆ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เศร้าอีกแล้ววๆๆๆ

ออฟไลน์ Tak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อึดอัดดดดด มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                                                  Whose Fault ?

                                                     ผิด...ที่ใคร

                                                ตอนพิเศษ วันพ่อ





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





ก๊อกๆ



"เข้ามาได้"



เมื่อได้ยินเสียงทุ้มอนุญาตเอ่ยขึ้น มือบางค่อยๆ บิดประตู



"อ้าวเอม มาทำอะไรแต่เช้าเชียว หืม" เกษมศักดิ์ถามเสียงเอ็นดูเมื่อเห็นว่าคนเปิดประตูเข้ามาเป็นใคร ประธานบริษัทที่ทำงานแม้แต่ตอนอยู่บ้านถอดแว่นตาออกและลุกจากโต๊ะทำงานเดินมาหาคนที่เป็นเด็กน้อยอยู่เสมอในสายตาด้วยตัวเอง



"คุณลุง" ร่างบางโผเข้ากอดคนตัวใหญ่กว่าแนบแน่น เอ่ยเสียงแผ่วเบา "สุขสันต์วันพ่อครับ"



เกษมศักดิ์รู้สึกเหมือนน้ำตารื้นขึ้นมาทันที อา...เด็กคนนั้นที่เขาเก็บมาเลี้ยง...โตขนาดนี้แล้วสินะ แต่ถึงจะโตหรืออายุมากขึ้นแค่ไหน ความน่ารักและใสซื่อก็ไม่เคยเปลี่ยน



"ถ้าจะอวยพรวันพ่อล่ะก็ ขอได้ยินหนูเรียกว่าพ่อสักครั้งได้ไหม"



ชะเอมนิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มเขินพูดออกมาจนได้ "สุขสันต์วันพ่อครับ...คุณพ่อ"



เด็กอะไร...น่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง



“ขอบคุณที่รับเอมมาเลี้ยง เอมดีใจที่สุดเลยครับที่ได้เจอกับคุณลุง”



“ลุงก็ขอบคุณที่ได้เจอเอม”



ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งเด็กตัวน้อยๆ น่ารักขี้อ้อนมาให้เขา...เพราะไอ้ลูกชายแท้ๆ มันไม่สามารถน่ารักได้เหมือนเด็กคนนี้น่ะสิ...โดยเฉพาะนิสัยของมัน



“เอมรักคุณลุง” ร่างบางยิ้มหวานตาปิดพูดจากใจจริง...และรู้ดีว่าเกษมศักดิ์ชอบที่จะได้ยินมันด้วย



"ชื่นใจที่สุดเลย~" คนแก่พูดอย่างที่รู้สึกจริงๆ ไม่ได้แซวหรือเอาใจแต่อย่างใด จมูกโด่งหอมแก้มใสซ้ายขวาเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ ซึ่งชะเอมก็หัวเราะคิกคักเพราะจั๊กจี้ แต่ก็ยอมให้หอมแต่โดยดี



"คุณลุงทำงานแต่เช้าเลย" ดวงตากลมโตจับจ้องที่โต๊ะทำงาน มีแต่เอกสารอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด



"อืม งานเยอะจนต้องเอากลับมาทำน่ะ"



"มีอะไรให้เอมช่วยมั้ยครับ"



"ไม่เป็นไร" เกษมศักดิ์ยิ้ม แค่ความเป็นห่วงที่ถูกส่งมาจากสายตาและน้ำเสียงเขาก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาแล้ว



"ถ้างั้นเดี๋ยวคุณลุงพักสายตาสักหน่อย ลงไปทานข้าวเช้ากับเอมนะครับ"



"ไม่เป็นไร ลุงกินแล้ว"



"กาแฟน่ะเหรอครับ...กาแฟไม่ใช่ข้าวเช้าสักหน่อย" ดวงตากลมโตคาดคั้นดื้อดึง "ไม่ได้นะ ต้องไปทานข้าวเช้านะครับ จะได้มีแรงทำงาน" ไม่พูดเปล่า มือบางดึงแขนคนแก่จอมดื้อแต่หน้าตายังเหมือนคนไม่แก่เดินตามมา ซึ่งตามสเต็ป...ขัดใจไม่ได้อยู่แล้ว



"เจ้าคินล่ะ"



"นอนอยู่น่ะครับ พอดีเมื่อวานกว่าจะกลับมา...ดึกมากเลย เอมเลยปล่อยให้เขานอนไป"



"ดีเลยจะได้ไม่ขัดลาภ" เกษมพึมพำยิ้มๆ อยากจะอยู่กับชะเอมสองคนมานานแล้ว!



“อะไรนะครับ?”



“เปล่าๆ”



จริงๆ แล้วเราสองคนพ่อลูกอาจจะแปลกไปสักหน่อยที่ไม่ค่อยได้แสดงความรักออกมาให้เห็น จนบางครั้งชะเอมยังต้องคะยั้นคะยอให้โทรหาคินบ้างเดี๋ยวคินน้อยใจ



เจ้าลูกชายบ้านั่นมันไม่รู้สึกแบบนั้นหรอก...ก็เพราะเราพ่อลูกเหมือนกันมากจนน่าตกใจ โดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึก



เพราะฉะนั้นตอนที่รู้ว่าคินกับชะเอมคบกันก็แทบช็อค เกิดอาการหวงลูกชายบุญธรรมขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ...แต่เขาก็แค่หวงเท่านั้นแหละ ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่านี้เดี๋ยวมันจะผิดศีลธรรม



ไอ้ลูกชายคนนี้มันตาถึงซะจริง!



เกษมศักดิ์อุตส่าห์เลี้ยงดูชะเอมมาอย่างทะนุถนอม แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอดเพราะลูกชายตัวเอง



จริงๆ ก็แอบโล่งใจที่คนที่ดูแลชะเอมเป็นคิน ไม่ใช่ใครอื่นที่เกษมศักดิ์ไม่รู้จัก...เขาจะได้ไม่ต้องห่วงอีกต่อไปแล้ว และเชื่อว่าลูกชายคนนี้จะทำหน้าที่ทุกอย่างได้ดีพอ



"คุณลุงเอาข้าวเยอะมั้ยครับ" แม้ในบ้านจะมีสาวใช้อยู่สามถึงสี่คน แต่ชะเอมก็อาสาจะตักข้าวให้ผู้มีพระคุณด้วยตัวเอง



"ทัพพีครึ่งก็ได้เอม ลุงไม่กินเยอะเดี๋ยวอ้วน"



เสียงใสหัวเราะคิก "คุณลุงไม่อ้วนเลยนะครับ"



"นั่นแหละ ช่วงนี้เหมือนจะลงพุงหน่อยๆ ด้วย" มือตบบริเวณหน้าท้องที่ไม่แน่นตึงเหมือนเคยดังแปะๆ...เฮ้อ อายุเยอะแล้วก็แบบนี้สินะ



"ลงพุงก็ดูดีครับ ยังไงคุณลุงก็หล่ออยู่แล้ว" ชะเอมชมเปาะยิ้มหวานหลอกล่อคนอายุไม่น้อย "ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ นะครับ กับข้าววันนี้เอมลงมือเองเลยนะ"



"จริงเหรอ มิน่าน่ากิ๊นน่ากิน"



"น่ากินก็ทานเยอะๆ เลยครับ"



"เอม...ตักให้คินด้วยสิ" เสียงทุ้มดังมาก่อนตัว ชะเอมหันมองแล้วแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นร่างสูงปิดปากหาวหวอดอยู่ตีนบันได



"คิน ตื่นแล้วเหรอ เมื่อวานกลับมาซะดึกเลยเอมก็นึกว่าจะนอนตื่นสายๆ ซะอีก"



"นั่นน่ะสิ ตื่นมาทำไม" เกษมศักดิ์เท้าคางพูดเสียงเบื่อหน่าย



"ผมรู้สึกได้ว่าพ่อจะคิดไม่ดีตอนผมไม่อยู่น่ะสิ" พูดเสร็จก็หาวอีก



น่าน...ไอ้ลูกชายมันรู้มันเลยแหกขี้ตาตื่นมาเพื่อขัดลาภพ่อตัวเอง!



ประธานบริษัทเดาะลิ้นอย่างขัดใจ



"คินกินเยอะมั้ย" เสียงใสถามขึ้น ร่างสูงไม่ตอบแต่ชูสองนิ้วเป็นคำตอบ ขายาวเดินมานั่งอย่างเอื่อยเฉื่อยยังรู้สึกง่วงอยู่เลย...แต่ก็ปล่อยไว้ไม่ได้...ปล่อยปลาย่างไว้กับแมวไม่ได้



"คินล้างหน้าแปรงฟันหรือยังครับ"



"แปรงแล้วครับ...ว่าแต่เมื่อกี้เหมือนคินได้ยินเอมชมใครว่าหล่อๆ" คินถาม แม้จะง่วงๆ สลึมสลือแต่ก็ได้ยินเสียงใสหัวเราะคิกคักดังขึ้นมาถึงข้างบนเลย



"อ๋อ ก็คุณลุงบอกว่าไม่อยากกินข้าวเยอะเพราะกลัวอ้วน เอมก็เลยบอกว่ายังไงก็หล่อน่ะ...นี่ครับ คิน" ใบหน้าหวานเล่าไปยิ้มไป ตักเสร็จมือบางก็ยื่นจานที่มีข้าวสวยหอมกรุ่นร้อนระอุให้ร่างสูง



โดยไม่รู้ตัวว่าคำบอกเล่าเมื่อกี้ทำให้ลูกชายหันไปจ้องพ่อบังเกิดเกล้าตาเขม็งแบบไม่กลัวนรกกินกบาล ซึ่งเกษมศักดิ์ยักคิ้วให้ยิ้มๆ



ครั้งนี้พ่อชนะ



"เอม แล้วคินหล่อมั้ย"



"หืม ถามอะไรน่ะ" แก้มใสแดงปลั่งทันทีที่ได้ยิน



"ตอบสิ"



"หล่อสิครับ หล่อมากๆ" เสียงใสอุบอิบ ทิ้งตัวลงนั่งข้างร่างสูงด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว



คินหันไปยักคิ้วให้คนเป็นพ่อ...ครั้งนี้ผมชนะใสๆ



เกษมศักดิ์คิ้วกระตุก "เหอะ ยังไงก็เป็นเชื้อของพ่อนั่นแหละว้า"



“พ่อก็ได้เชื้อปู่มาเหมือนกันนั่นแหละ”



สองพ่อลูกจ้องตาเขม็งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ราวกับเห็นสายฟ้าแปลบปลายผ่านแววตาทั้งสอง



ชะเอมมองงุนงง ก่อนจะเอ่ย "ทั้งสองคนเถียงอะไรกันน่ะครับ รีบทานข้าวเถอะเดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน"



พอได้ยินเสียงใสปราม พ่อลูกก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว



หลังจากนั้นก็สงบศึก...ซะที่ไหน



“อร่อยมากเลยชะเอม นี่หนูทำอร่อยถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”



ร่างบางยิ้มดีใจรับคำชม “ขอบคุณครับคุณลุง พอดีคินเขาช่วยชิมแล้วก็ติ เอมเลยปรับมาเรื่อยๆ น่ะครับ”



“ผมได้กินอาหารฝีมือเอมทุกวันเลย เนอะเอม”



“อ่า อื้ม” ชะเอมพยักหน้ายืนยัน คินได้ทีเลยยักคิ้วอวดใส่เกษมศักดิ์ยิ้มๆ



ยัง...มันยังไม่หยุด



“ลุงก็อยากกินทุกวันบ้างจัง”



“คุณลุงอยากกินงั้นเดี๋ยวเอมทำให้ทุกวันเลยครับ”



ร่างสูงข้างตัวหันขวับ “อ้าวแล้วคินล่ะ”



ร่างบางขมวดคิ้วมุ่น เอียงคองุนงง “เดี๋ยวเอมกับคินกลับมาที่บ้านอยู่แล้วยังไงคินก็ได้กินนะ”



“...”



“ก็กินพร้อมกันสามคนไงครับ”



เขาว่ากันว่าคนหัวเราะทีหลังมักดังกว่า...นั่นคือเกษมศักดิ์ล่ะ



แถมยังได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของสาวใช้แว่วมา เพราะความตลกขบขันของครอบครัวอนันต์โภคทรัพย์ที่มีให้เห็นทุกวัน เรียกได้ว่ามันคือศึกแย่งชิงคุณชะเอมระหว่างพ่อกับลูกบนโต๊ะอาหาร...ล่ะมั้ง



หลายปีก่อนเกษมศักดิ์เคยเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่เฮฮาไปตามประสามองพ่อที่เป็นประธานบริษัททำงานอย่างหนัก แล้วเวลาก็ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว บัดนี้เกษมศักดิ์กลายเป็นประธานบริษัทแทนพ่อและอยู่ในจุดที่มองมุมมองเดียวกับที่พ่อเคยเป็นมาก่อน...ทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกชายทั้งสอง...ภาพครอบครัวที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นด้วยสองมือ แม้จะเลี้ยงพวกเขาทั้งคู่มาโดยไม่มีภรรยา แต่คินกับชะเอมก็เติบใหญ่กลายเป็นคนดีของสังคม...และอีกไม่นานคินผู้ที่เป็นลูกชายแท้ๆ สืบทอดสายเลือดก็จะต้องมาแทนที่ที่เขาอยู่ตรงนี้ กลายเป็นประธานบริษัทเหมือนกับที่เกษมศักดิ์แทนที่พ่อ...ยังไงชีวิตต้องมีวันโรยราไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว



"วันนี้วันหยุด อยากไปไหนกันหรือเปล่า"



คินเหลือบมองก่อนจะพูดเสียงเรียบ "พ่อทำงานไปเถอะ ผมไม่รบกวน...งานเยอะไม่ใช่เหรอ ทิ้งงานไว้แล้วออกไปเที่ยว เดี๋ยวก็โดนเลขาด่าอีกหรอก"



คนเป็นพ่อนิ่งอึ้ง ฟังๆ ดูแล้วเหมือนลูกกำลังว่าว่าเขาไม่รับผิดชอบ...แต่ในอีกมุมมองมันคือการแสดงความเป็นห่วงของคิน...ทั้งๆ ที่ไม่มีใครบอกแต่ลูกชายแท้ๆ ก็ยังอุตส่าห์รู้ว่าภาระหน้าที่ที่เกษมศักดิ์แบกรับมันหนักหนาขนาดไหน



"ใช่ๆ คุณลุงยังมีงานค้างอยู่นี่ครับ" เอมพยักหน้าเห็นด้วย



"มันก็ใช่ แต่ถ้าอยากออกไปไหนลุงพาไปได้"



"ไม่เป็นไรครับ...เอมไม่อยากไปไหนหรอก คุณลุงทำงานเสร็จแล้วจะได้พักผ่อน" เกษมศักดิ์พยักหน้าเข้าใจจากนั้นก็มีเสียงพูดคุย เสียงช้อนกระทบจานเป็นระยะ คนแก่สุดที่กำลังตักข้าวเข้าปากรู้สึกเหมือนโดนจ้อง พอเงยหน้าก็พบว่าเป็นสายตาของเจ้าคินนี่เอง



เกษมศักดิ์เลิกคิ้วถาม แต่มันดันก้มหน้ากินข้าวต่อซะงั้น



...อะไรของมัน



"พ่อ" คราวนี้เสียงทุ้มเรียกขึ้นทำให้เกษมศักดิ์เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง



"อะไร"



"สุขสันต์วันพ่อครับ"



เกษมศักดิ์นิ่งอึ้งหลายวินาทีก่อนหลุดหัวเราะเบาๆ ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากปากลูกชายแท้ๆ เพราะมันไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรแนวๆ นี้ด้วย เลยไม่ได้คาดหวังมาตั้งนานแล้ว



แต่ก็...



"อืม ขอบใจ"



ไม่ว่าคำอวยพรจะมาจากลูกชายคนไหน



ก็ทำให้ชื่นใจจนน้ำตารื้นไม่แพ้กัน







************************Whose fault? ************************





สุขสันต์วันพ่อค่ะนักอ่านทุกคน

ตอนนี้รุยให้เซอร์วิสคุณลุงอย่างแรง

ใครเชียร์คุณลุงตอนนี้บอกเลยน่าร้าก

เอาตอนพิเศษไปก่อนสำหรับวันพิเศษ ส่วนตอนหลักเดี๋ยวตามมาลงค่ะ

นักอ่านทุกคนก็อย่าลืมบอกรักคุณพ่อกันนะคะ ^^




ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สงครามพ่อลูกที่แท้จริง  :hao7:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ถอนแบบกันมาเลยทรเดียว,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
แง่มๆ เมื่อไหร่จะตาหว่าง 55555

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                                             Whose Fault ?

                                              ผิด...ครั้งที่ 21





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



คำพูดก็เปรียบเสมือนดาบสองคม

และตอนนี้ผมกำลังโดนคำพูดของตัวเองนั้นย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเองเข้าอย่างจัง

ไม่เพียงเท่านั้น มันยังทำร้ายใครอีกคนให้เจ็บลึกไม่มีวันลืมเลือน



'เงินที่ผมได้มาจากคุณลุง ผมอยากจะคืนให้ ถึงชาตินี้ทั้งชาติผมอาจจะชดใช้ให้ไม่หมดก็เถอะ'



'คินเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่เหรอ'



'ผมมันก็แค่คนที่ท่านเก็บมาเลี้ยง'



'คินคงจะไม่รู้ว่าผมก็...อึก เอมก็รู้สึกสมเพชตัวเองเหมือนกันที่ต้องคอยพึ่งพ่อของคินอยู่ตลอด'



คำพูดที่ระบายออกมาทั้งหมด ทำให้ผมรู้ว่าคำพูดแค่ไม่กี่ประโยคของผมมันไปทำร้าย...คนที่บอกว่าชอบผม...ทั้งน้ำตา



'ผมชอบคินนะ...ชอบ'



ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น...



ไม่รู้สึกตัวเลย...ว่าร่างบางคิดมากเรื่องนี้มาโดยตลอด...เก็บไว้ในใจคนเดียว...แล้วคำพูดของผมก็ยิ่งไปตอกย้ำ ทำร้ายเขาอย่างทุกข์ทรมานโดยที่ผมไม่คาดคิด



อารมณ์ชั่ววูบ...และคำพูดที่พูดออกไปแล้วไม่สามารถเอากลับคืนมา แม้จะพยายามเยียวยา ก็ยากที่จะให้มันกลับมาเหมือนเดิม



ชะเอมจะรู้สึกอดทนกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มากขนาดไหน...กับสถานะที่เจ้าตัวคิดว่าเป็นกึ่งคนนอกกึ่งครอบครัวก็ไม่ปาน ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องอยู่ในสถานะไหนกันแน่



กัดฟันอดทน...ด้วยร่างกายเล็กๆ ทั้งดูเปราะบางและอ่อนแอ









แคร้งๆ



เสียงกระทะกระทบกัน และกลิ่นหอมอบอวลเต็มห้องทำให้ผมอดเดินไปดูไม่ได้



"คิน อย่าเข้ามาครับ ข้างในร้อน" ร่างผอมบางในชุดผ้ากันเปื้อนสีเข้มส่งเสียงบอก มือบางรีบปิดแก๊สที่ควันกำลังโขมงอยู่เหนือกะทะแล้วเดินมาห้าม



"ทำอะไรอยู่"



"ทำไข่ยัดไส้ครับ รอแปปนึง ใกล้เสร็จแล้ว" ริมฝีปากบางตอบ แต่คิ้วเล็กขมวดเหมือนกังวลว่าผมจะรอนาน ความเอาใจใส่เล็กน้อยที่เจ้าตัวมักจะมีให้ผมอยู่เสมอ



“คิน ออกไปนั่งดูทีวีข้างนอกดีกว่า ในนี้กลิ่นมันแรงครับ เดี๋ยวติดเสื้อนะ” แขนบางดันตัวผมแต่ผมเบี่ยงซะแล้วจับเอวเขาให้หันหลังแล้วดันตัวไป



"เดี๋ยวช่วย"



"เอ๊ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอม...ผะ ผมทำเองครับ" เจ้าตัวบอกแต่ก็ขืนแรงผมไม่ได้ สรรพนามแทนตัวที่มักเผลอพูดออกมาแล้วพอรู้สึกตัวก็จะเปลี่ยนมันทันที



ผมทำเมิน ไม่สนใจที่เขาพูด "เหลืออะไรบ้าง"



"ไม่เป็นไรคิน..."



"อย่าดื้อ" ผมทำเสียงดุ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องยอม นั่นไงทำหน้าบูดทันที "เหลืออะไรบ้าง ช่วยจะได้เสร็จเร็วๆ ...หิวแล้ว"



"เหลือ...อ๊ะ คิน" ตาโตเบิกกว้าง ใบหน้าแดงเถือก เมื่อมือผมเลื้อยจากเอวไปหน้าท้องแบน



ร่างบางนี่ชักจะผอมเกินไปแล้ว...



แขนผอมรีบจับรั้งไว้ กับมือปลาหมึกท่าทางน่าหวาดเสียว "ปล่อยครับ ไหนบอกว่าจะช่วยไง"



"ปล่อยก็ได้..." เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูขาวที่บัดนี้ระเรื่อสีแดง ร่างบางดิ้นขลุกขลักด้วยแรงอันน้อยนิด "แต่เวลาคุยกันต้องแทนตัวเองว่าเอมเหมือนเดิม"



ผมไม่ชอบความเหินห่างที่อีกฝ่ายแสดงด้วยการแทนสรรพนามแบบนั้นกับผม



"..."



"แบบนั้นถึงจะปล่อย"



ร่างบางหยุดดิ้น เม้มปากแน่น แววตากลมโตตวัดมองอย่างดื้อดึง "ไม่...ไม่เอา"



"หืม"



"ผมไม่อยาก...คินก็มีเรย์อยู่แล้วนี่..." ใบหน้ามนก้ม ผมจึงไม่เห็นว่าเขาทำหน้ายังไง แต่น้ำเสียงซ่อนไม่มิดว่ากำลังน้อยใจ



'คินก็มีเรย์อยู่แล้วนี่' หมายถึง...?



"...เอม"



"แล้วจะให้ผมพูดแบบนั้นกับคิน แต่คินก็ไม่เห็นจะพูดบ้างเลย...ไม่เอาด้วยหรอก" เจ้าตัวก็ขบกัดริมฝีปากเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไป จากนั้นร่างบางขืนตัวอีกครั้ง "คิน...ปล่อยสิครับ"



คราวนี้ผมยอมปล่อยอย่างง่ายดาย ชะเอมหลุดจากอ้อมแขนผมแล้วเจ้าตัวก็ง่วนอยู่กับหม้อกับกะทะตรงหน้าไม่ได้หันมาสนใจผมอีก



ความรู้สึกชอบของอีกฝ่าย...มันซื่อตรงมากจนผม...มองข้ามไม่ได้



ไม่อาจละสายตาได้



ตรึงสายตาไว้ที่คนๆ เดียว



"ตกลงจะช่วยมั้ยครับ" ตากลมตวัดมองเหมือนบอกว่า 'ถ้าไม่ช่วยก็ออกไป' อะไรแบบนั้นเลย



"เหลืออะไรบ้าง"



"ผมผัดไส้เรียบร้อยแล้วเหลือแค่ทอดไข่ คินอยากกินกี่ฟอง" มือบางหยิบไข่ขึ้นมาสองฟอง ชูให้ดูว่าพอมั้ย ผมก็พยักหน้า ร่างบางก็จัดการตอกไข่ตีอย่างคล่องแคล่ว เส้นผมสีดำเปียกชื้น ขมับมีเหงื่อซึมน้อยๆ ขนตาแพหนา แก้มขาวผ่อง กับริมฝีปากบางน่า...จูบ



"คิน ไปเตรียมจานสิครับ เดี๋ยวผมก็ทำเสร็จแล้ว"



ผมที่มัวแต่มองสำรวจอีกฝ่าย ก็โคลงหัวรับคำสั่ง(ไล่) อย่างช่วยไม่ได้ "ไปแล้วครับๆ"



ผมนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารไม่นาน กับข้าวหอมฉุย และข้าวสวยสีขาวร้อนๆ ก็วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ



แกงจืดหมูสับ



ปลานิลนึ่งซีอิ๊ว



ไข่ยัดไส้



ผัดผักบร็อคโคลี่



มีแต่ของโปรดผมทั้งนั้น...



ชะเอมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามผมซึ่งถูกกั้นด้วยโต๊ะอาหาร ร่างบางมองหน้าผม ริมฝีปากยิ้มบางประกอบกับดวงตากลมโตที่มีประกายมีความสุข



"ไม่ได้กินข้าวด้วยกันมาตั้งนานแล้ว...วันนี้ขอบคุณมากเลยนะคิน"



ตึก...



"ขอบคุณที่ให้โอกาสผม"



ตึก...ตัก



"ถ้าอร่อย ก็กินเยอะๆ เลยนะ"



แก้มขาวเป็นสีแดงระเรื่อ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่คำพูดที่น่าอายอะไรเลย แต่กลับรู้สึกแปลกใหม่



'ผมชอบคินนะ'



ผมตักข้าวเข้าปาก ลิ้มรสชาดที่ไม่ได้กินมานาน แต่ผมก็จำได้ว่าที่ค่ายของมหาลัย ชะเอมก็เป็นคนทำ...แต่รู้สึกว่ามันไม่เหมือนกัน



"อร่อยมั้ย" เสียงใสถามด้วยสีหน้าและแววตาคาดหวัง



"อืม อร่อยดี"



ไม่อร่อยสิแปลก เพราะเจ้าตัวเต็มที่กับมื้อนี้ขนาดไหน ทำไมผมจะไม่รู้



แล้วนอกจากนี้...เขาก็ยังคิดมากในทุกคำพูดของผม ทำไมผมจะไม่สังเกต เพียงแค่ผมบอกว่า 'กินอะไรก็ได้' ในตอนที่เขาถามทั้งๆ ที่คาดหวังอยากให้ผมเป็นคนบอกเองว่าอยากกินอะไร สีหน้าและแววตาแสดงถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน แม้สุดท้ายแล้วเขาจะทำสิ่งที่ผมชอบกินก็เถอะ



ทั้งเรื่องที่ต้องไปทำงานพิเศษด้วยเหมือนกัน



เขาแคร์ผมมาก



ทุกอย่างนี้รวมกัน มันแสดงออกว่าที่เขาพูดว่าชอบผมมันคือความจริง



มันคือเรื่องจริง



"คิน ครั้งหน้าไปเที่ยวด้วยกันมั้ย" ร่างบางวางช้อนทั้งๆ ที่ยังกินข้าวไม่หมด ริมฝีปากบางขบกัดกันแน่นอีกแล้ว เขาทำทุกครั้งที่ไม่มั่นใจตัวเอง แถมยังไม่สบตาผม "วันอาทิตย์หน้า..."



"ไหนบอกว่าแค่กินข้าวไง"



"...คะ คือ"



"ฉันจำได้ว่านายขอแบบนั้น" แววตาที่ก่อนหน้านี้เปล่งประกาย ตอนนี้กลับสั่นไหวอย่างหนัก



"ผะ ผม...ครับ ขอโทษครับ..." เสียงใสสั่นเครือ ไม่กล้าพูดอะไรอีก มือเอื้อมหยิบช้อนตักข้าวเข้าปาก แต่มันกลับไร้รสชาดทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังอร่อยอยู่เลย



เคร้ง!



"ขอโทษครับ ผมขอไปห้องน้ำ"



ผมมองตามแผ่นหลังบาง ที่เดินหายไปในห้อง ทั้งๆ ที่ห้องน้ำด้านนอกก็มี



ชะเอมกลับมาอีกที ในเวลาไม่นาน เจ้าตัวก็พูดขอโทษเสียงแผ่วอีกครั้ง



"คิน อิ่มแล้วเหรอ เอาอีกไหม เดี๋ยวผมตักเพิ่มให้นะ"



สายตามองเห็นจานว่างเปล่าตรงหน้าร่างสูง ก็รีบลุกขึ้น เดินอ้อมมาหยิบจานผม



ขอบตาแดง...ร้องไห้มาเหรอ



"แล้วงานของนายไม่ทำวันอาทิตย์หรือไง" ผมถามเขา สายตามองจานที่มีข้าวร้อนควันฉุยอยู่



"ครับ ผมได้หยุดวันนึง"



"ทำหกวัน"



"ครับ"



"แล้วจะไปไหน"



"ครับ?"



"...ที่นายชวนไปเที่ยวไง" ใช่ ผมใจอ่อน เพียงแค่เห็นแววตาเศร้าสร้อยของเขา "จะไปเที่ยวไหน คิดแล้วเหรอ"



ใบหน้ามนส่ายสะบัด ยิ้มบาง "ผมลองชวนดูครับ ถ้าคินบอกว่าไปก็ค่อยคิด...แต่ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ"



หมายความว่าเขาคงเผื่อใจไว้แล้วว่าผมอาจจะบอกว่าไม่ไปสินะ



แต่ถ้าบอกว่าไม่เป็นไรจริง แล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วย



ถ้าบอกว่าไม่เป็นไรจริง ก็อย่าทำสีหน้าคาดหวังเวลาขออะไรจากผมได้ไหม



ใครบ้างที่เห็นร่างบางทำหน้าเศร้าแล้วจะปฏิเสธได้ลง?



"ก็คินมีแฟนอยู่แล้ว แต่ต้องมาทำอะไรแบบนี้กับผมคงเป็นเรื่องน่าลำบากใจใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก...แค่มากินข้าวด้วยกันแค่นี้ก็ดีแล้ว" ปากบอกไม่เป็นไรๆ ก็อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ "ขอโทษครับที่ผมขออะไรที่เป็นไปไม่ได้"



"..."



"คินรีบกินเถอะ เดี๋ยวข้าวเย็นหมด" ชะเอมหยิบช้อนกลางตักปลามาไว้ให้ที่ริมจานของผม "เดี๋ยวกินเสร็จแล้ว ผมเก็บจานเอง ถ้าคินรีบกลับก็ไปก่อนได้เลยนะ"



ผมหยิบช้อนตักข้าวพร้อมกับเนื้อปลานุ่มลิ้นเข้าปากพร้อมกัน แต่เขานั่งนิ่งไม่เห็นจะกินต่อเลย ร่างบางนั่งมองผมกินข้าวราวกับจะเก็บรายละเอียด "แล้วนายไม่กินแล้วเหรอ"



"ครับ...ผมอิ่มแล้ว"



ทั้งๆ ที่กินไปแค่ครึ่งจานนี่นะ? "นายกินน้อยเกินไปแล้ว" เขาผอมลงเยอะมาก ถ้าเทียบจากแต่ก่อน



ชะเอมเพียงยิ้มไม่พูดไม่ตอบอะไร



"กินเข้าไปให้หมด...ข้าวบนจานนั่นน่ะ อย่ากินทิ้งขว้างสิ"



"...แต่ผม..."



"จะไปมั้ยเที่ยวน่ะ"



ชะเอมชะงัก ตาโตเหมือนได้ยินอะไรผิดไป "เอ๊ะ?"



"ถ้าจะไปก็กินเข้าไปให้หมด"



"คิน...จะไปเที่ยวกับผมเหรอ" เสียงใสถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ "เมื่อกี้คินบอกว่าจะไปเที่ยวกับผม"



หัวใจของผมกระตุกเมื่อเห็นริมฝีปากแย้มยิ้มดีใจ ก่อนจะพยักหน้ายืนยันในสิ่งที่เขาถามผม "อืม แต่นายต้องกินข้าวให้หมดก่อน แล้วค่อยว่ากัน"



"ครับ!" ร่างบางสีหน้าดีขึ้นมาก จับช้อนส้อมตักกับข้าวกินดูมีชีวิตชีวา แถมยังตักเผื่อแผ่ให้ผมอีกต่างหาก



มันทำให้ผมคิดว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว







************************Whose fault? ************************

 

 

 

 

ครืด ครืด



โทรศัพท์ที่ถูกตั้งเป็นระบบสั่นไว้มันสั่นไม่หยุดอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมกุมมันไว้เพราะถึงจะไม่มีเสียงแต่มันก็ดังอยู่ แต่ดีแล้วที่ชะเอมดูเหมือนจะไม่ได้ยิน



มันดังอยู่เป็นพักๆ แล้วก็เงียบไป



ผมขมวดคิ้ว เปล่าเลย ผมไม่ได้สนใจอะไรข่าวในทีวี...เสียงในทีวียังไม่เข้าหัวผมเลยด้วยซ้ำ



ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พบว่าสายที่โทรเข้ามาแต่ไม่ได้รับตั้งแต่ตอนเที่ยงจนถึงตอนนี้ก็เป็นอย่างที่คาด



Rei

Missed Call (18)



ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากกลับมาจากค่ายมหาวิทยาลัยนั่น เรย์ดูจะติดผมแจมาก เจ้าตัวอ้างความเป็นแฟน แต่มันทำให้ผมอึดอัดมาก



เรย์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน



แล้วช่วงนี้เขาก็ชอบเล่นโทรศัพท์ของผม พอถามเขาก็บอกว่าเช็คอะไรนิดหน่อย แทบจะเก็บมือถือไว้กับตัวเองทั้งๆ ที่มันเป็นโทรศัพท์ของผม จะมีเวลาส่วนตัวหน่อยก็ตอนค่ำๆ นั่นแหละ



แถมวันนี้ผมก็เปิดไลน์ดูเพื่อเช็คข้อความ พบว่าแชทไลน์ของชะเอมถูกปิดแจ้งเตือนเอาไว้ แล้วร่างบางก็ส่งข้อความหาผมตั้งแต่หลายวันก่อน แล้วผมไม่ได้ตอบ...ซึ่งโชคดีที่ผมเห็นก่อน



โดยปกติผมเป็นคนไม่ชอบตั้งรหัสในมือถืออยู่แล้วเพราะมันสะดวกและรวดเร็วต่อการใช้งานมากกว่า จึงได้แต่สงสัยว่าใครเป็นคนตั้งปิดแจ้งเตือน ซึ่งนอกจากผมที่เป็นเจ้าของแล้วก็มีเรย์ แล้วก็มีพวกตาลกับเอกที่เอามือถือผมไปเล่นบ้าง แต่เจ้าพวกนั้นจะทำไปเพื่ออะไร? ...ผมไม่อยากจะคาดเดา เลยเปลี่ยนใจมาตั้งรหัสทั้งไลน์ ทั้งตรงหน้าจอหลักมือถือเอาไว้...กันไว้ดีกว่า



“คินไม่กลับเหรอ ถ้ารีบล่ะก็ไปเลยก็ได้นะครับ เพราะเดี๋ยวดึกมากแล้วขับรถมันจะอันตราย” ร่างบางเอ่ยมาพร้อมกับเสียงล้างจานและพวกกระทะดังโคร้งเคร้ง กับเสียงน้ำไหล



“ยังหรอก ดึกๆ รถโล่งดี เดี๋ยวค่อยกลับ”



ชะเอมมองผมอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “อ่า...” เพราะเจ้าตัวก็ขับรถไม่เป็นด้วยนั่นแหละ



“นายไปมหาวิทยาลัยยังไง” ผมถามเพราะว่าแต่ก่อนผมเป็นคนขับรถให้เขานั่งมาตลอด แล้วตอนผมย้ายออกก็ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินทางยังไง...จะลำบากไหม



“ก็นั่งรถเมล์เอาครับ...แล้วก็ต่อสองแถว”



ผมมองเขาที่ง่วนล้างจานนิ่ง “ลำบากไหม”



เป็นถึงคนที่นายเกษมศักดิ์ อนันต์โภคทรัพย์ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทรายได้หลักร้อยล้านโอ๋ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ...อีกฝ่ายจึงไม่เคยนั่งรถประจำทางด้วยซ้ำ



ถึงจะพูดแบบนั้น จริงๆ ผมก็ไม่เคยนั่งหรอก



“ตอนแรกก็ค่อนข้างครับ แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้ว...ผมว่ามันก็นั่งเพลินๆ ดี” ชะเอมเงยหน้า “แล้วคินล่ะ ตอนนี้พักอยู่ที่ไหน”



“ก็...ใกล้ๆ มหา’ลัย”



“เหรอ...มันก็ไกลจากที่นี่เหมือนกันนะ งั้นคินรีบกลับเถอะ”



ผมเลิกคิ้วมองเขาที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ที่มองผ่านเห็นในครัวได้ “ทำไม? ไล่กันเหรอ?”



ใบหน้ามนรีบส่ายทันที “เปล่านะครับ ก็แค่...ผมขอให้มากินข้าวด้วยเฉยๆ ตอนแรกนึกว่าคินจะรีบกินรีบกลับ”



“...”



“จริงๆ แล้วผมก็อยากให้คินอยู่ด้วยกันนานๆ” ชะเอมแย้มยิ้มบาง “แต่ผมก็เป็นห่วง...”



พอตั้งใจฟังดีๆ แล้ว ประโยคที่เขาพูดออกมาด้วยความใสซื่อ รับรู้ได้ถึงความจริงใจ มันสามารถทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนได้เหมือนกัน...มันรู้สึกเขินนิดหน่อยที่ได้รับความรู้สึกดีๆ และเขาก็พูดออกมาได้อย่างตรงกับที่เขารู้สึก...ออกมาจากใจ



“แต่ผมไม่ได้ไล่เลยนะ ผม...กลัวคินไม่พอใจ พักหลังมานี้จะคุยด้วยก็ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง...กลัวว่าคินจะโกรธเหมือนวันนั้นอีก” ชะเอมสะบัดมือที่เปียกให้น้ำกระเซ็น “เพราะงั้นถ้าคินจะอยู่ ก็อยู่ถึงเมื่อไหร่ก็ได้ ยังไงห้องนี้ก็เคยเป็นของคินนี่นา”



“...”



“หรือว่าคินจะกลับมาอยู่ห้องนี้จะได้เดินทางไม่ลำบาก...ตะ แต่ว่าถ้าอึดอัดล่ะก็เดี๋ยวผมย้ายออกไปเองก็ได้”



“ทำไมพูดแบบนั้น ฉันไม่เคยบอกให้นายออกไปซักหน่อย” ผมย้ายออกไปเพราะผมไปเอง ถึงจะเคยโกรธมากแต่ก็ไม่ได้คิดไล่เขาออกจากห้องนี้...ไม่เคยคิด



ร่างบางเม้มปาก “อันที่จริงผม...คิดไว้ซักพักแล้วล่ะครับว่าถ้าผมเริ่มทำงานหาเงินเก็บได้ ก็จะคืนห้องนี้ให้คิน...แล้วผมก็ลองหาห้องเช่าเอาไว้แล้ว มีเยอะแยะเลย”



ได้ยินแล้วเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ...ทำไม...เขาถึงคิดแบบนี้



“ผมจะได้ไม่รบกวนค่าน้ำค่าไฟต้องให้คุณลุงจ่าย” ชะเอมอมยิ้ม แววตามีความยินดีเมื่อได้คิดว่าจะทำสิ่งที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ “แล้วพอเรียนจบผมก็จะค่อยๆ คืนเงินที่ผมเก็บได้ทีละนิดๆ ให้ทุกเดือน...ดีมั้ยครับ”



ร่างสูงสูดลมหายใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ในสมองนึกคำพูดไม่ออก...ที่อีกฝ่ายคิดไปถึงเพียงนี้ก็เป็นเพราะคิดมากเรื่องที่ผมเคยพูดอีกแล้วใช่มั้ย



“ไม่...” แน่นอนว่าผมน่ะ... “ไม่ดี”



ใบหน้าหวานซีดทันที เสียงสั่นเครือ “ทำไมล่ะ เรื่องนี้น่ะ...ผม...”



“ไม่หรอก ไม่ใช่...ฉัน...คินต่างหาก...”



ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้เขา ซึ่งเจ้าตัวแอบถอยหลังนิดหน่อย มองผมด้วยแววตาตื่น “มะ เมื่อกี้คิน...อ๊ะ...” ฝ่ามือใหญ่คว้ามือบางขึ้นมากุมทั้งที่เปียกชื้น...จูงเขามานั่งตรงโซฟาโดยไม่ปล่อยมือ



จะปล่อยเรื่องนี้ทิ้งไว้ไม่ได้อีกแล้ว



ผมต้องคุยกับเขา...เราต้องคุยกัน



ถึงเรื่องของเรย์ ผมจะยังไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นความจริง แต่ผม...กับคนตรงหน้านี้ที่ผมทำอะไรผิดไป ผมอยากจะบอกเขา...



“คะ คิน...” มือบางสั่นจนผมรู้สึกได้ แววตากลมโตที่มองมาสั่นไหวเหมือนจะร้องไห้ ผมทำเขาเสียน้ำตาอีกแล้ว



“เอม” ผมมองตาเขา “ที่ไม่ดีน่ะ...คือคินต่างหาก...”



จ้องลึกเข้าไป...ในดวงตากลมสีดำดวงนี้



“ขอโทษนะ...ที่ตอนนั้นโมโห...”



อยากให้เขารู้ว่าผมรู้สึกผิด



“ทั้งที่พูดว่าเอมตอนนั้นทั้งหมด...ที่พูดแรงๆ ใส่...เพราะคินโมโหที่...”



เพราะอารมณ์ชั่ววูบของผม



‘เขาเจ็บก็เพราะนาย...ถ้าเรย์ตาย ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ!’



ที่กล่าวโทษเขา...เพราะในตอนนั้นแค่ต้องการให้อีกฝ่ายเจ็บ...แต่ไม่เคยรู้ว่าจะทำให้ร่างบางจะเก็บมาคิดมาก...มากมายถึงเพียงนี้



“คินขอโทษ”



‘ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงเป็นเด็กกำพร้าโดนพ่อทิ้ง’



มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น ที่ผมอยากจะให้เขา...ให้อภัย



เพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ผมยกโทษให้ตัวเองไม่ได้...ที่ผมทำให้ชะเอมต้องทุกข์ทรมานกับคำพูดที่เปรียบเสมือนมีดคมปาดลึกเข้าไป...ติดตรึงในหัวใจ



‘คินเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่เหรอ’



‘ผมมันก็แค่คนที่ท่านเก็บมาเลี้ยง’



ผมเป็นคนฆ่าเขา...ด้วยวาจา



‘เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ทำตัวเป็นกาฝากเกาะชีวิตของคุณลุง’



ที่ต้องทำให้เขารู้สึกแบบนั้น...ทำให้เขาต้องพูดออกมาแบบนั้น



‘ผมไม่มีสิทธิ์แม้แต่เศษเสี้ยวที่จะไปใช้เงินพ่อของคินด้วยซ้ำไป’



‘คินคงไม่รู้ว่าเอมก็รู้สึกสมเพชตัวเองเหมือนกันที่ต้องคอยพึ่งพ่อของคินอยู่ตลอด’



...เป็นความผิดของผม



“เพราะงั้นเรื่องที่ผ่านมา ที่ทำให้เอมต้องเจ็บ...คินขอโทษจริงๆ”



ผมได้แต่หวังให้เรื่องที่อีกฝ่ายคิดจะทำทั้งหมดล้มเลิกไป



“คิน...” หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลผ่านแก้มใส สะอื้นแรงจนตัวสั่นระริก “คินหายโกรธผม อึก...หายโกรธเอมแล้วใช่มั้ย”



ผมคว้าร่างบางที่ร้องไห้เหมือนเด็กให้จมกับอก ได้แต่พร่ำขออภัยกับความผิดนี้ “เอม...คินขอโทษ”



“ไม่ต้อง...ฮึก ฮึก ขอโทษ...แล้วครับ เอม...เอมไม่เคยโกรธคิน” ดวงตาพลันเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ร่างบางเบียดกายโอบกอดแผ่นหลังกว้างตอบ “ไม่เคยโกรธเลยนะ”



...ไม่...จริง...



ชะเอมดันตัวผมออกเบาๆ ช้อนตาฉ่ำน้ำขึ้นสบ “เอมต่างหากที่ต้องขอให้คินให้อภัยเอม”



“ตอนที่คินขอเลิกกับเอม ฮึก เอมเสียใจมาก...มันเจ็บ...” เสียงใสพูดสะอื้น มือขาวยกขึ้นทาบตรงหน้าอกด้านซ้าย ทบน้ำตาไหลอีกครั้ง



ผมยังจำได้



‘เป็น...อย่างอื่นไม่ได้...เหรอ ทำไมถึงต้องขั้นเลิกกันด้วย’



เขาอ้อนวอน...ด้วยสายตาและมือแสนสั่นเทาที่กำรั้งชายเสื้อ



“เอมอยากจะขอโทษเพราะอยากให้เรากลับมาคืนดีกัน...อยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม”



‘ผมขอโอกาส...คิน ขอร้องล่ะ อยากให้กลับมาคบกัน...ได้มั้ย’



“แต่ว่าคิน ฮึก...ฮึก คินเกลียดเอม...แล้วก็โกรธมาก”



ผมผิดเองที่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น...ไม่อาจคัดค้าน



ชะเอมที่ร้องไห้ สะอื้นหนักเป็นเวลานานจนเริ่มหมดแรง ผมลูบหลังเขาแผ่วเบา คนที่อยู่ในอ้อมกอดของผมตัวเล็กขนาดนี้...ผอมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน



“เอมไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่เราเคยเป็นแฟนกัน...คินชอบเอมบ้างมั้ย” สายตาของคนตรงหน้ามีแต่ความกังวล



หลากหลายอารมณ์ที่เกิดขึ้น...มันก็เป็นเพราะผม



เพราะเขาแคร์ผม...แค่ผมคนเดียว



“เอมอาจจะเป็นคนงี่เง่า น่ารำคาญในสายตาของคิน...ที่ยังคบกันเพราะคุณลุงเคยบอกว่าให้ดูแลใช่รึเปล่า”



‘คิน ลูกต้องคอยดูแลเอมไว้นะ ลูกเป็นตัวแทนของพ่อแล้ว พ่อฝากคินด้วยนะ’



นั่นหรือคือสิ่งที่ร่างบางคิดมาตลอด...ผมมองข้ามความรู้สึกของอีกฝ่าย...ไม่เคยที่จะรับรู้



มีแต่อีกฝ่ายที่คอยเอาใจใส่ผม...อยู่ฝ่ายเดียว



“แต่ถึงแม้ว่าคินจะไม่เคยชอบเอมเลยก็ตาม แต่ว่าเอมชอบคินนะ...” เขาบอกเสียงแผ่ว ใบหน้ามนก้มหน้าลงซบกับอกกว้างอีกครั้ง น้ำตาที่ซึมไหลผ่านจนรู้สึกได้ “เอมรักคิน”



เสียงใสพูดแผ่วเบาทว่ากลับหนักแน่น...ความในใจที่จริงจังยิ่งกว่าใคร



ผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆ นอกจากจะรัดคนในอ้อมแขนให้แนบชิดมากขึ้นไปอีก รู้สึกน้ำอุ่นๆ รื้นขึ้นมากองอยู่ที่ขอบตา



ความรู้สึกของเขาที่คอยพร่ำบอก...มันส่งผ่านมา



“เอมรักคิน...”



ซึบซับลงในหัวใจ



‘เอมก็ชอบคินนะ...ชอบที่สุดเลย’ ภาพในอดีตมันซ้อนทับ รอยยิ้มสว่างสดใสและเสียงหัวเราะ





เด็กคนนั้นที่ผมเคยรัก...ยังน่ารักเหมือนเดิม...ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย







************************Whose fault? ************************





รีบมาต่อเพราะเดี๋ยวนักอ่านรอนาน

เรื่องนี้น่าจะประมาณ 40+ ตอนนะคะ

อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อน

และอย่าลืมมาคอมเมนต์ให้กำลังใจรุยและชะเอมกันด้วยนะก๊ะ!

เจอกันนน




ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ ywy1693

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ร้องไห้,,,

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ทำเอาอ่านแล้วร้องไห้เลยอ่ะ
มันเศร้า สะเทือนใจ
ยิ่งตอนที่เอมพลั่งพลูสิ่งที่อยู่ใจออกมา
กับเรื่องที่โดนคินว่าเรื่องพ่อ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยังอยากเห็ากสรเอาคืนที่สาหัสกว่านี้นะ

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
รอวันที่เรย์ได้รับกรรมมมม  :ling1:

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

                          Whose Fault ?

​                           ผิด...ครั้งที่ 22

 



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



"ขอบคุณมากที่มาอุดหนุนครับ" ร่างบางก้มโค้งลูกค้าที่เดินออกจากร้านไป แขนบางปาดเหงื่อ วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษเนื่องจากเดินไม่หยุด คนเข้ามากินอาหารร้านนี้เยอะมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม



สงสัยเพราะอาหารฝีมือพี่ฟ้าจะอร่อย...แต่พูดไป เขาก็ไม่เคยกินหรอก



"ยินดีต้อนรับครับ...อ้าว ดิน! สินด้วย!" ชะเอมเอ่ยอย่างดีใจ เมื่อเห็นร่างสูงสองคนเดินกันมาเป็นคู่ แถมยังใส่เสื้อสีขาวดำเหมือนหยินหยางเลย



คิดถึงจัง...เพราะว่าเขาไม่ได้เจอสองคนนี้นานเกือบเดือนแล้ว



"ดีเอม สบายดีป่ะ" ดินทักทาย ไม่แปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายมายืนทำงานงกๆ เพราะคุยกันผ่านแชทไลน์ตลอด



ได้ยินคำถามก็ยิ้มตาปิด "อื้อ ก็ดีนะ สนุกดี แต่ก็เหนื่อยด้วย"



"เออ ทำงานมันก็ดี แต่อย่าโหมนักล่ะ" ร่างบางหัวเราะคิกเมื่อสินขยี้หัวอย่างหมั่นเขี้ยว “วันนี้สีหน้าดูดีนะ มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเหรอ”



“อื้อ...ก็...” ชะเอมยกนิ้วเกาแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ เห็นอากัปกิริยานั้นร่างสูงสองคนก็สบตากันเอง “นิดหน่อย”



“มีอะไรอยากเล่าให้พวกกูฟังก็ยินดีต้อนรับเสมอเลยนะ” ดินพูด สีหน้าสดใสของชะเอมทำให้พวกเขาดีใจ...เพราะเขาคอยภาวนามาตลอดว่าอยากให้อีกฝ่ายมีความสุข



“โอเค” เจ้าตัวรับปากเสียงใส สายตากลมโตมองหาเพื่อนอีกคน "แล้วรามล่ะ ไม่ได้มาด้วยเหรอ?"



"โอย มันก็ทำงานยุ่งๆ ไม่อยากรบกวนมัน"



"อ้าวเหรอ?" ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลย



ดินเลิกคิ้วยิ้มมุมปาก "มันไม่อยากบอกมึงมากกว่า...มันทำงานหนักกว่ามึงอีกนาจะบอกให้ แทบไม่ได้นอน กูก็ห่วงๆ มันอยู่ ไม่รู้จะทำแบบนี้ได้ไปถึงเมื่อไหร่"



"เหรอ..." ที่เห็นวันนั้นรามก็ดูอิดโรยจริงๆ แถมยังผอมลง อาจจะเพราะโหมงานมากก็ได้



"เอาเถอะ วันนี้เรามาอุดหนุนนะครับคุณพนักงาน พาเราไปนั่งได้รึยัง" สินโบกมือปัด ส่วนดินที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มบ่นว่าหิวๆ แล้วเหมือนกัน เพราะสายตาเริ่มมองเมนูหน้าร้านเหมือนเล็งว่าจะกินอะไรดี



"อะ อ่ะ! ขอโทษครับ เชิญทางนี้เลยครับ!" ชะเอมรีบเอ่ยเหมือนอีกฝ่ายเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่ต้องดูแลอย่างดี พาไปนั่งที่แล้วก็ส่งให้พนักงานคนอื่นเป็นคนรับออเดอร์ไป



‘วันนี้สีหน้าดูดีนะ มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเหรอ’



คำทักของสินทำให้ชะเอมนึกไปถึงคืนนั้น ใบหน้าใสขึ้นสีอีกครั้ง







‘เอม...เอม’



ฟี้



‘หือ?’ ร่างสูงที่โอบกอดร่างเล็กอยู่ครางในลำคอ ก้มมองใบหน้ามนที่ซบอกหลับตาพริ้มทั้งที่ขอบตาแดงก่ำ ริมฝีปากพรูลมหายใจแผ่วเบา ‘หลับแล้วเหรอ...หึ นี่มันกินแล้วนอนชัดๆ’



ประโยคที่พูดกับน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนช่างขัดกัน



คินใช้มือเกลี่ยเส้นผมตรงหน้าผากไปทัดหูเล็ก ไล่สายตามองเครื่องหน้าที่ขาวใสไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป นิ้วโป้งลูบเบาตรงใต้ดวงตาบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก จมูกเล็ก แก้ม ริมฝีปากบางได้รูป



ไม่ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้กี่เดือนแล้วนะ



‘อือ...คิน’ คนในอ้อมแขนดิ้นหลุกหลิกไม่สบายตัว ละเมอครางเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมา ยิ่งเรียกรอยยิ้มมุมปากจากร่างสูง รอสักพักให้ร่างบางหาท่าสบายได้ก็หยุดนิ่งไปเอง ‘ฮื่อ...ฟี้’



นอนแบบนี้นานๆ ก็คงเมื่อยแน่ แต่ครั้นจะปลุกให้ลุกไปนอนที่เตียงก็ไม่อยากรบกวน...คินลังเลไม่นาน จับหัวทุยให้พิงกับไหล่ตัวเอง แขนข้างหนึ่งโอบแผ่นหลัง อีกข้างช้อนใต้ข้อพับขา เช็คแล้วว่าเจ้าตัวยังหลับสนิทค่อยยกขึ้นเบาๆ ...ชะเอมตัวเบาหวิวขนาดยกขึ้นง่ายๆ จนเสียงทุ้มต้องบ่นออกมา



‘ให้ตายสิ น้ำหนักน้อยเกินไปแล้ว’ ถึงแค่โอบกอดก็รู้อยู่แล้วว่าร่างบางจะผอมแค่ไหน แต่แบบนี้มันน่ากังวลมากแล้วไม่ใช่เหรอ



ถ้าไม่บังคับให้กินข้าวให้หมดจาน เจ้าตัวก็คงจะทานอยู่แค่นั้นทุกมื้อแน่...ไม่ผอมก็แปลกแล้ว



ขายาวผ่านประตูเข้าห้อง แล้ววางร่างเบาหวิวลงบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ...แต่แบบนี้คงช่วยไม่ได้ คงต้องปล่อยให้นอนถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยตื่นขึ้นมาอาบแทน



สายตาเหลือบมองนาฬิกา...เกือบจะห้าทุ่มแล้ว



‘อาทิตย์หน้า ไปเที่ยวกันนะ’



ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย



ช่างเถอะ คุยแชทเอาก็ได้...หรือถ้าจะแวะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ยังได้ เพราะว่าชะเอมไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว



ร่างสูงพิศมองใบหน้าหวานที่หลับปุ๋ยอีกครั้ง ก่อนที่ขายาวจะก้าวออกจากห้องโดยไม่ลืมห่มผ้าเปิดแอร์เบาๆ ให้











วันนั้น เขาหลับไปได้ยังไงนะ...น่าอายจัง



แต่ว่าคินจะต้องเป็นคนพาเขามานอนที่เตียงแน่นอน เขาไม่ได้ละเมอเดินมาเองอยู่แล้ว...คิดได้แบบนั้นก็หัวใจเต้นรัว...มีความสุข



คินพูดกับเขาเหมือนเดิมแล้ว



‘เอมรักคิน’



ความรู้สึกของเราส่งผ่านไปถึงอีกฝ่ายแล้ว



แบบนี้มันเป็นสัญญาณที่ดีเลยไม่ใช่เหรอ



“มีอะไรดีๆ เหรอ” เสียงทุ้มของใครบางคนเอ่ยแซว ทำให้ชะเอมที่ยืนเหม่ออยู่สะดุ้ง



“พะ พี่ฟ้า...อ อะไรเหรอครับ?” ร่างบางทำหน้าเหลอหลา...ทำไมพี่ฟ้าพูดเหมือนสินเลยล่ะ



เชฟหนุ่มยิ้ม “ก็แหม เห็นยืนยิ้มอยู่คนเดียว แบบว่า...แอบน่ากลัวหน่อยๆ นะ”



“จริงเหรอครับ” ร่างบางตาโตหน้าตื่น มือบางจับหน้าตัวเอง นี่เขาเผลอทำหน้าอะไรออกไป



คนอายุมากกว่าก็หัวเราะขำ...หลอกง่ายจริงเลย “ล้อเล่นน่ะ ไม่ได้น่ากลัวหรอก แต่เหม่อในเวลาทำงานแบบนี้ระวังคุณผู้จัดการหักเงินเดือนเอานา นั่นๆ จ้องเขม็งใหญ่แล้ว” ฟ้าชี้นิ้วไปทางที่หญิงสาวหรือก็คือภรรยาตัวเองยืนอยู่ ทำให้ชะเอมร้อนรนรีบก้มหัว



“ขะ ขอโทษครับ! ผมจะไม่เหม่อแล้วครับ!”



“เอ่อ...เอ้า รีบไปเสิร์ฟอาหารสิ เสร็จแล้ว” ฟ้ายิ้มเหงื่อตกรีบเปลี่ยนเรื่อง ก็รู้หรอกว่าร่างผอมเป็นคนซื่อ แต่นี่หลอกอะไรเล่นเชื่อซะทุกอย่าง เป็นคนที่จริงจังซะจริงๆ เลย



“ครับ” ชะเอมถือถาดอาหารไปเสิร์ฟตามเลขโต๊ะที่ระบุอย่างกระตือรือร้น



“วันนี้ก็ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะ อ่ะนี่เงินของวันนี้”



ร่างบางยกมือไหว้อย่างสุภาพ “ขอบคุณมากครับ” ร่างบางรับซองสีขาวยิ้มๆ มองมันอย่างภูมิใจทุกครั้ง เพราะได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกายของตัวเอง



“จ้า พี่ก็ต้องขอบคุณเอมเหมือนกัน ทำงานที่นี่มาได้พักหนึ่งแล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ” ผู้จัดการสาวถามความเห็น



“สนุกมากเลยครับ ทุกคนเป็นกันเอง แล้วพี่ฟ้ากับพี่ฝนก็ใจดีมากเลย ผมชอบมากครับ”



“แหม ได้ยินแบบนี้พี่ปลื้มตายเลย” ฝนไม่เคยได้ยินใครชมแล้วชื่นใจขนาดนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะดวงตาที่สื่อออกมาด้วยความจริงใจของร่างผอมบางคนนี้ล่ะมั้ง



“ใช่ๆ รู้ไหมว่าคุณฝนน่ะ เอ็นดูเอมมากกว่าคนอื่นเลย” ฟ้าส่งเสียงแซวเมื่อเห็นรอยยิ้มของภรรยา



“ซะที่ไหนยะ ฉันเท่าเทียมกับทุกคนย่ะ” ฝนแหวใส่ทันที แล้วหันไปพูดกับชะเอมด้วยน้ำเสียงคนละโทน “เอาล่ะ วันนี้เอมรีบกลับเถอะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันตอนเย็นเหมือนเดิมนะ”



“ครับ สวัสดีครับพี่ฝน สวัสดีครับพี่ฟ้า” ร่างบางก้มหัวนอบน้อม หยิบกระเป๋าพาดไหล่แล้วเดินออกมาจากห้างฯ ที่ตอนนี้ข้างนอกมืดไปหมด...แต่เจ้าตัวชินซะแล้ว



หลังเลิกงานพิเศษ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงเกือบสี่ทุ่มทุกวัน



ครืด ครืด



ภาคิน : อยู่ไหน 9:24PM Read

ภาคิน : ทำอะไรอยู่ 9:24PM Read



คำถามเรียบง่ายแต่ก็เรียกรอยยิ้มบาง ขาเรียวที่ก้าวเดินสม่ำเสมอหยุดชะงักข้างถนนที่เงียบสงัดเพื่อพิมพ์ตอบอีกฝ่ายได้ทันท่วงที



chÄim : ถนนแถวๆ ห้างYYY ครับ 9:25PM Read

chÄim : เอมเพิ่งเลิกงานพอดี กำลังจะกลับครับ 9:25PM Read



ร่างบางพิมพ์ตอบเสร็จก็โยนมือถือเข้ากระเป๋า ขาบางก้าวเดินต่อ แต่สิ่งที่อยู่ในกระเป๋ามันก็สั่นแทบจะทันที



ภาคิน : มีรถกลับเหรอ 9:25PM Read

chÄim : เปล่าครับ เอมเดินกลับ 9:26PM Read

ภาคิน : ทำไมไม่ขึ้นแท็กซี่ 9:26PM Read

ภาคิน : มันดึกแล้ว 9:26PM Read



คิ้วบางขมวด เขาทำงานกว่าจะได้เงินมา จะให้หมดกับค่าแท็กซี่นี่นะ...ขณะพิมพ์ตอบ ปากบางก็มุ่ยไปด้วย เหมือนถ้าคินอยู่ตรงหน้าเขาก็จะทำแบบนี้แหละ



chÄim : มันแพงครับ แล้วอีกอย่างเอมเดินได้ เดินแปปเดียวก็ถึง 9:26PM Read



หน้าจอสว่างวาบทันที คราวนี้คินโทรมาเองเลย...ขณะที่มองชื่อสายเรียกเข้า หัวใจก็เต้นรัว ใบหน้าร้อนผ่าว นิ้วเลื่อนรับสาย ค่อยๆ ยกมือถือขึ้นแนบหู



“คิน...”



(“ทำไมถึงดื้อแบบนี้ หือ”)



ประโยคแรกที่ทักทายทำให้ใบหน้าหวานบึ้งตึงทันที “ไม่ได้ดื้อนะครับ เอมเดินแบบนี้ทุกวันนั่นแหละ”



(“เดินแบบนี้ทุกวัน? ค่ำๆ มืดๆ แบบนี้น่ะนะ?”)



“ก็ใช่น่ะสิครับ เอมเป็นผู้ชาย คินไม่ต้องกลัวว่าเอมจะโดนฉุดหรอก”



(“ก็คินบอกให้นั่งแท็กซี่ไง”) อีกฝ่ายพูดเสียงเข้มดุ แต่ตอนนี้ชะเอมไม่กลัวหรอก



“ไม่นั่งครับ” ร่างบางเสียงแข็งใส่บ้าง อีกฝ่ายจะมาบังคับเขาได้ยังไงกัน



(“ดื้อ”)



คิ้วบางขมวด คินว่าเขาอีกแล้ว “ไม่ได้ดื้อสักหน่อย คินนั่นแหละ...”



(“เดี๋ยวไปรับ รออีกห้านาที”)



“หะ? มะ ไม่ต้องครับ เอมบอกแล้วไงว่าเดินแปปเดียวก็ถึงน่ะ!”



ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด



“คิน!”



ชะเอมยกหน้าจอขึ้นมาดู อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว...



“อะไรเนี่ย...” ชะเอมขมวดคิ้วใส่มือถือ ไม่เข้าใจสุดๆ



เอี๊ยด!



รถฮอนด้าแอคคอร์ดสีดำเฉี่ยวแล่นมาจอดข้างๆ ร่างบางภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ไม่ต้องคาดเดาว่าคนขับเป็นใคร เพราะเจ้าของรถเปิดประตูออกมาทันทีที่เบรกจอดข้างทางสนิท คินยืนเต็มความสูง ท้าวข้อศอกหลังคารถ แม้ในความมืดสลัวร่างสูงยังคงหล่อเหลาจนสาวๆ ประปรายข้างทางเหลียวหลังมามอง



“ขึ้นรถ”



ใบหน้าหวานบูดบึ้ง ชะเอมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขยับ แต่พอร่างสูงทำท่าจะเดินอ้อมรถมา มือบางก็เปิดประตูรถข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่ง ท่าทางเหมือนคนแง่งอนทำให้คินส่ายหน้าระอา ก่อนที่ขายาวจะก้าวขึ้นนั่งประจำที่ แล้วเหยียบคันเร่งออกตัว



“...”



“เงียบทำไม หือ” เสียงทุ้มเอ่ย เมื่อเห็นร่างผอมหันหน้าออกนอกหน้าต่างไม่ยอมมองหน้ากัน



“ก็เอมบอกแล้วไงว่าเอมกลับได้ เอมเดินกลับแบบนี้ทุกวัน” ริมฝีปากบางมุ่ยน้อยๆ



“...”



“เอมทำงานพิเศษเลิกดึกเอง เอมก็กลับเองได้ครับ ไม่ได้อยากรบกวนคินซักหน่อย”



ร่างสูงฟังแล้วก็หัวเราะในลำคอ “...สรุปนี่งอน...หรือเป็นห่วงคิน?”



ร่างบางกอดอก บ่นอุบอิบหูแดง “ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ”



คินได้ยินก็หัวเราะหึ ยิ่งทำให้หูแดงยิ่งแดงเข้าไปใหญ่



สายตาคมมองเสี้ยวหน้าคนข้างๆ “แล้วทำไมไม่ลองคิดกลับกันดูบ้างล่ะ”



ชะเอมหันมามองทันที ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ...หมายความว่าไงน่ะ



ใบหน้ามนที่แสดงความงุนงงสงสัย ทำให้ร่างสูงหนักใจ...นี่ไม่เข้าใจเหรอ



“หลังจากนี้เลิกไปทำงานได้แล้ว” คินเปลี่ยนเรื่อง



“ไม่ครับ” เสียงใสตอบทันทีไม่ต้องคิด



คินถอนหายใจ ก็นึกไว้แล้วล่ะนะ แต่ไม่คิดว่าชะเอมจะดื้อขนาดนี้ “แล้วปกติเลิกงานกี่โมง”



“สามทุ่มนิดๆ ครับ”



ใบหน้าคมพยักหน้า เลี้ยวรถเข้าลานจอด “งั้นคินจะมารับ”



“ก็เอมบอกว่าไม่เป็นไรไงครับ...คินนั่นแหละที่ดื้อ” ร่างบางพูด ร่างบางเปิดประตูแต่มันยังไม่ได้ปลดล็อค



“ใช่ คินดื้อเองก็ได้”



“อ๊ะ!” ร่างบางถูกดึงแขนจนตัวปลิวให้ข้ามมานั่งตักแกร่งที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าตัวดิ้นหลุกหลิกตาโต แต่ด้วยน้ำหนักเบาหวิวแบบนี้ร่างสูงไม่รู้สึกอะไรสักนิด ครั้นจะเอื้อมมือไปปลดล็อคประตูก็ถูกมือใหญ่รวบไว้ซะแน่น



“ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองก็ดึงดูดผู้ชายให้เข้าหาเหมือนกันน่ะ หือ” คินโอบเอวบางให้อยู่นิ่งๆ พูดกระซิบข้างหู



“ยิ่งไปเดินคนเดียวบนถนนเปลี่ยวๆ กลางค่ำกลางคืนแบบนั้นน่ะ มันอันตรายมาก...ยิ่งใบหน้าแบบนี้ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของพวกหื่นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ...รู้บ้างรึเปล่า” ชะเอมหดคอเมื่อลมหายใจร้อนเป่าใส่



“คิน พูดอะไรน่ะ ปะ ปล่อยเอมนะ” ร่างบางหน้าแดงเถือก แขนบางพยายามดันอกกว้างออกเพราะใบหน้าคมมันเข้ามาชิดเกินไปแล้ว



แค่ในรถมันก็แคบมากแล้ว นี่ยังต้องมานั่งเบาะเดียวกันอีก



ขะ เขา...เขากำลังนั่งอยู่บนตักคิน...บนตักของคินเลยนะ



ไม่ดีเลย...ไม่ดีต่อหัวใจเลย



ร่างบางมัวแต่กระวนกระวายหน้าแดง ไม่รู้ว่าโดนเสือตัวใหญ่จ้องเขม็งอยู่ เสียงใสโวยวายและดิ้นด้วยแรงเพียงน้อยนิด ริมฝีปากบางน่าจูบขมุบขมิบลอยอยู่ตรงหน้า



“นี่...เคยจูบรึเปล่า”



ใบหน้าหวานแดงอย่างกับมะเขือเทศ เมื่อได้ยินคินพูดอะไรน่าอาย “จะ จะ จะ...จะไปเคยได้ยังไงเล่า! ไม่เอาแล้วคิน เอมไม่คุยด้วยแล้ว...ปล่อยเอมนะ!”



ขนาดตอนคบกับคินเขายังไม่เคยทำอะไรมากกว่ากอดเลย แล้วจะ...จูบอะไรเนี่ยยิ่งไม่เคยเข้าไปใหญ่



ท่าทางใสซื่อเหมือนไม่เคยได้ยินเรื่องทะลึ่งๆ แบบนี้ยิ่งกระตุ้นร่างสูงมากขึ้น สายตาคมกริบมองกระต่ายตื่นตูม



บริสุทธิ์...แม้แต่ริมฝีปาก



แขนบางพยายามงัดแงะมือใหญ่ที่กอดเอวเขาอยู่ ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาทันทีเพราะแขนข้างหนึ่งหลุดออกจากเอว แต่ที่ไหนได้ ร่างสูงจงใจต่างหาก มือใหญ่เอื้อมจับท้ายทอยเล็กให้หันตรงมา แล้วจู่ๆ ริมฝีปากร้อนก็ทาบทับ!



“อื้อ!!”



ตาโตเบิกกว้าง แต่ก็หลับตาปี๋ทันทีเพราะสายตาคมที่สบจ้อง ลิ้นร้อนพยายามแลบเลียรอยแยกที่ปิดสนิท ใบหน้าหวานทั้งแดงทั้งร้อนผ่าว ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง



รู้แต่เพียงสัมผัสนุ่มอุ่นและเปียกชื้นตรงริมฝีปากของตัวเองอย่างชัดเจน



จะหันหนีก็หันไม่ได้เพราะมือแข็งแกร่งที่จับให้รับองศาการจู่โจมของอีกฝ่าย ด้วยความที่ไม่เคย เจ้าตัวก็เกร็งปิดปากซะสนิทจนร่างสูงไม่อาจจูบได้ดั่งใจ ชะเอมรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ผละออกไปแล้วก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มกระซิบสั่งข้างหู



“เอม...ลืมตา”



“...” ชะเอมส่ายหน้าทันทีทั้งๆ ที่ยังหลับตาปี๋ ใครจะไปกล้ามอง...เขาก็อายเป็นนะ! เสียงหัวใจเต้นดังขนาดนี้ เขินจะตายอยู่แล้ว



“เอม...” เสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้งดั่งมนต์สะกด ร่างบางปรือตาขึ้นมอง เห็นเงาสะท้อนของตัวเองในแววตาคมที่จ้องมาที่เขาเหมือนกัน คินกระซิบอีกครั้ง “อ้าปากหน่อย”



ดวงตากลมสีดำยังงุนงง แต่ก็แง้มริมฝีปากน้อยๆ แต่เท่านั้นก็เพียงพอ



“อุ๊บ...อื้อ...” ร่างบางหลับตาปี๋อีกครั้งเมื่อรู้สึกเสียววาบข้างในช่องปาก ลิ้นร้อนๆ ของร่างสูงกวาดต้อนข้างในช่องปากเล็กทุกอณูรูขุมขน ไรฟันซี่เล็ก กระพุ้งแก้ม...เพดานปาก “ฮื่อ!”



ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกไล้เลียเน้นๆ ที่เพดาน เสียงน้ำลายและเสียงจูบดังขึ้นอย่างน่าอาย ร่างกายผอมบางอ่อนระทวยจนแทบจะนอนเกยทับร่างกายสูงใหญ่ แต่ริมฝีปากร้อนก็ยังไม่ลดละ ยิ่งเห็นปฏิกิริยาไร้เดียงสายิ่งสร้างความต้องการ



ดวงตากลมโตที่เฝ้ามองแต่เขา ทั้งจมูก แก้ม และริมฝีปากหอมหวานนี่ก็เป็นของเขาทั้งหมด



คนๆ นี้เป็นของเขา



มือบางทึ้งเสื้อของอีกฝ่ายเมื่อเริ่มหมดลมหายใจ เห็นแบบนั้นริมฝีปากร้อนก็ละออกให้



“ฮ่า...ฮ่า...” ริมฝีปากเล็กอ้าออกกวาดลมหายใจเข้าปอดอย่างคนขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน สติสตังลอยละล่อง ดวงตากลมโตปรือหวานฉ่ำ ร่างผอมนอนหมดแรงซบอยู่บนออกแกร่งอย่างน่าเอ็นดู ร่างสูงใช้จมูกคลอเคลียใบหน้าหวานที่เหม่อลอยไม่รู้สึกตัว



น่ารัก...



รออยู่สักพักเมื่อลมหายใจของชะเอมเริ่มเป็นปกติ มือใหญ่ช้อนคางเล็กขึ้นแล้วประกบจูบอีกครั้งอย่างคนไม่พอ



“ฮื่อ...อือ...จุ๊บ” เสียงครางอือในลำคอของร่างบาง กระตุ้นลิ้นร้อนให้จู่โจมอย่างหนัก จนอีกฝ่ายรู้ว่าจุดอ่อนที่ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตัวเกร็งอยู่ตรงไหน



“อื้อ! อื้อ!” ชะเอมกระตุกเพราะจู่ๆ โดนอีกฝ่ายดูดลิ้นจนรู้สึกแปลบปลาบขึ้นมา...ช่างแปลกประหลาด



“อืม” คินครางออกมา เสียงทุ้มเซ็กซี่อยู่ในลำคอกระทบหูร่างบางยิ่งทำให้ใบหน้าหวานแดงก่ำ ครั้นจะผละออกเพราะรู้สึกดีจนทนไม่ไหวก็โดนมือเหนี่ยวรั้งต้นคอเอาไว้ไม่ให้ผละจาก แถมถูกปรับองศาให้รับกับการกระทำของคิน ได้แต่ระบายอารมณ์ด้วยการกำเสื้อของร่างสูงจนยับยู่ยี่



ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับวันนี้จากคินเป็นครั้งแรกในชีวิต



นี่คือ...จูบเหรอ



รู้สึกดีจัง



“ฮ้า! แฮ่ก...แฮ่ก...” ร่างสูงทำอย่างนั้นซ้ำๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดคินก็ใจดีปล่อยให้เขาได้พักหายใจ จมูกโด่งคมไล้บนใบหน้าขาวใสที่ตาฉ่ำปรือ ริมฝีปากเจ่อบวมเนื่องจากถูกบดขยี้มาเป็นเวลานานอ้าน้อยๆ โดยไม่รู้ว่าท่าทางหมดแรงไร้สติของตัวเองเซ็กซี่ขนาดไหน...ไม่อยากให้ใครเห็นภาพนี้



“คิ...น....พอแล้ว...พอแล้วครับ” เสียงใสพูดทั้งๆ ที่ลมหายใจหอบสั่น จมูกโด่งยังคงไล้ข้างแก้มใส ร่างบางไม่มีแรงแม้แต่จะดิ้นหนีริมฝีปากร้อนที่กำลังจะประกบลงมาอีกครั้ง “เอมเหนื่อย...ไม่ไหว แฮ่ก...แล้ว”



หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างกับกลอง...ใต้แผ่นอกกว้างนี่ก็เหมือนกัน



“...เฮ้อ...โอเค พอก็ได้” คินผละออกพูดอย่างเสียดาย ถ้ามากกว่านี้หยุดไม่ได้แน่



...ช่วงล่างก็เริ่มหนึบๆ ขึ้นมาแล้วด้วย...ดีที่เจ้าคนซื่อ(บื้อ)ไม่รู้สึกตัว



“สรุปว่ายังไง ให้คินมารับนะ ห้ามปฏิเสธ” เสียงทุ้มเอ่ยเข้ม คราวนี้ขัดไว้ก่อนเลย



“แล้ว...” ชะเอมกัดปากลังเล



“แล้ว?”



“อื้อ” ร่างบางส่ายหน้า หลบตา “ไม่มีอะไร”



เห็นได้ชัดว่ามีอะไรอยากพูด แต่เจ้าตัวไม่ยอมพูด มือใหญ่เชยคางเล็กให้สบตา สั่งเสียงเข้ม “พูดมา”



ชะเอมพูดเบาอย่างกับกระซิบ “...แล้วเรย์ล่ะ?” แต่ในรถมีแค่สองคนแถมเงียบสงัด มีหรือจะไม่ได้ยิน

“...”



“...เรย์เป็นแฟนคินนะ มาทำแบบนี้จะดีเหรอ” ร่างบางถามช้อนตา มองมุมนี้ก็ยั่วอารมณ์อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว



“เรย์เกี่ยวอะไรด้วย” คินถามขมวดคิ้วกับสิ่งที่ชะเอมพูด ไม่เข้าใจจริงๆ



“กะ ก็...ถ้าคินเป็นแฟนกับเอม เอมก็ไม่อยากให้คินไปไหนกับใครบ่อยๆ หรอก...” เจ้าตัวอธิบายเสียงแผ่ว “คินไม่เข้าใจเหรอ”



“...”



ร่างสูงนิ่งไป ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะสื่ออะไร...นั่นสินะ



ตัวเขายังมี ‘พันธะ’ อยู่



“เอมดีใจ ที่คินทำเหมือนเป็นห่วงเอมแบบนี้ แต่ว่า...แต่ว่าเอมไม่รู้แล้วว่าจริงๆ คินคิดอะไรอยู่”



“...”



“มาใจดีด้วย เอาใจใส่ มา...จูบ...และทำให้รู้สึกดี” ปลายนิ้วแตะแผ่วเบาที่ริมฝีปาก ยังรู้สึกถึงสัมผัสร้อนผ่าวให้ชวนใจเต้น แต่มันทั้งดีแล้วก็ขมขื่นในเวลาเดียวกัน “ถึงเอมจะดีใจมากก็เถอะ...แถมคินยังบอกเอมว่า ‘อย่าเข้าใจผิด’ อีก”



“เอมเลยไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง...พยายามห้ามใจตัวเองแล้ว...” ชะเอมยกมือขึ้นแตะตำแหน่งอกด้านซ้าย “เพราะไม่อยากเจ็บ...”



มันช่างทุกข์ทรมาน ในยามที่คิดว่า ‘ใช่’ แต่กลับเป็น ‘ไม่’



เหมือนถูกผลักตกลงก้นเหวลึกที่มืดมิด...หรืออาจจะเป็นฝ่ายก้าวลงเหวด้วยตัวเอง...ไม่ว่าจะอย่างไหน...



“...”



“ทำไมถึงมีแต่เอม...ที่ชอบคินคนเดียวล่ะ มีแต่เอมที่บอกชอบคิน” น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะ มือบางลูบแก้วของคนตรงหน้า ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้แล้ว มันทั้งดีใจ แต่ก็เสียใจ “มีแต่เอมที่รักคิน”



“เพราะงั้นคินช่วยบอกมาได้ไหม ที่ทำแบบนี้...คินชอบเอมบ้างรึเปล่า” ถ้าไม่เพียงอีกฝ่ายผูกความสัมพันธ์กับใครอีกคน ใจของเขาคงไม่ทรมานแบบนี้ “บอกมาทีว่าเอมไม่ได้คิดไปเองคนเดียว ฮึก ฮึก คิน”



ความรักที่มีให้กับคิน...มันทั้งสุขและทุกข์...ดีใจและเจ็บปวด



อยากจะหยุดแล้วก็ไม่อยากหยุด



ท้อแล้ว ท้ออีก



“เอม...” ร่างสูงที่นิ่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นซักที “คินขอโทษ”



แต่มันเป็นคำพูดที่เขาไม่อยากจะฟัง



สุดท้ายแล้ว คำตอบของอีกฝ่ายก็เป็นเพียงคำขอโทษที่กำลังจะบอกว่าเขาเป็นฝ่ายคิดไปเองคนเดียวทั้งหมดใช่ไหม   



ทั้งบ้า...ทั้งกระวนกระวาย...ทั้งคิดมาก...ทั้งหัวเราะ...ทั้งยิ้ม...ทั้งร้องไห้...

           





ทั้งรักอีกฝ่าย...อยู่เพียงข้างเดียว

           

 

************************Whose fault? ************************






จูบครั้งแรกของชะเอมกระต่ายจอมซื่อทำให้คินกลายร่างเป็นหมาป่าจอมหื่นและเจ้าเล่ห์

อย่างที่ใครหลายคนคิด มันมาดีแค่ตอนเดียว ตอนถัดไปดราม่าอีกแล้ว เห้อๆ

หนูเอมน่าสงสารสุด นังคินกลับไปเคลียร์กับเรย์เดี๋ยวนี้เลยนะยะไม่งั้นคนอ่านจะเทแกแล้ว!

(แต่หนูเอมไม่เทหรอก แฮ่ๆ)





ติดตามตอนต่อไป!


ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
รอตอนต่อไป. ชอบมาก,,,

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด