Whose fault? ผิด...ที่ใคร (Drama,Yaoi) ผิดครั้งที่ 43 จบแล้ว 22/03/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Whose fault? ผิด...ที่ใคร (Drama,Yaoi) ผิดครั้งที่ 43 จบแล้ว 22/03/2562  (อ่าน 37447 ครั้ง)

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ต้องใส่ใจความรู้สึกเอมด้วยนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :z6: มันมีอะไรที่มากกว่ากระทืบไหมคะ

ออฟไลน์ salaseen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
อ่านรวดเดียว22ตอน ร้องไห้ไปแล้ว21ตอนครึ่ง
ฮือออออออ น้องเอมลูกกกกกกกกก สงสารน้องมากๆๆๆจนอยากเข้าไปดึงน้องออกมาโอ๋ ฮือ อิเรย์มุงงงงงงงงงงอยากเข้าไปกระชากหัวมัน นังตัวดี!!!!!!!

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
จูบดูดดื่มเชียว ชอบๆ

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
สุดท้ายเอมก็ยังต้องเสียใจอยู่ดี

คินเมื่อไหร่จะชัดเจนกว่านี้

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                         Whose Fault ?

                          ผิด...ครั้งที่ 23

​                           ครึ่งแรก



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม





หลังจากวันนั้น คินก็ไปรับไปส่งอย่างที่ปากบอกจริงๆ แต่เรื่องที่คุยกันค้างไว้ก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆไปโดยจบบทสนทนาที่คำว่าขอโทษของอีกฝ่าย



แล้วตอนที่เราสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง ก็มีเพียงถามคำตอบคำ



อึดอัดมากเลย



ก็มีแค่เขาคนเดียวที่ชอบ อยากให้เห็นความสำคัญ อยากให้มองแต่เขาคนเดียว ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ชอบการบังคับและผูกมัด...เขาก็ดันทุรังดื้อดึงจนอะไรที่กำลังจะดีมันพังเละเทะไปหมด



รู้อย่างนี้ให้มันเป็นแบบนั้นไปก็ดี...เขาไม่น่าถามมันออกมาเลย ถ้ามันทำให้สถานการณ์ระหว่างเรากลายเป็นแบบนี้ เขาน่าจะปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปซะก็ดี



...แค่คินใจดีเหมือนเดิมก็ใช่ว่าเขาจะกลับมาหาเรา



เป็นเพราะเราเองที่โลภมากเกินไป...คาดคั้นอีกฝ่ายมากเกินไป



"วันนี้พอแค่นี้ เจอกันครั้งหน้าอย่าลืมเอางานมาส่งไว้ที่โต๊ะด้วยนะนักศึกษา"



"คร้าบ/ค่า"



ชะเอมเงยหน้าขึ้นมอง...อะไรกัน จบแล้วเหรอ



ให้ตายสิ อาจารย์สอนอะไรนะ ไม่เข้าหัวเลย



ร่างบางรวบชีทใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินออกนอกห้องไป...วันนี้เขายังเหลือเรียนคาบบ่ายอีก แล้วเดี๋ยวตอนเย็นค่อยไปทำงานพิเศษต่อ



ตอนนี้เขาเริ่มมีเงินเก็บบ้างแล้ว แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะส่วนหนึ่งเขาแบ่งเอาไว้ซื้อของขวัญให้สำหรับวันเกิดของคินด้วย...ซึ่งมันใกล้เข้ามาทุกที อีกไม่กี่วัน



"พี่ชะเอมสวัสดีค่ะ"



"ครับ" ร่างบางยิ้มทักทาย ในใจนึกโทษตัวเองอย่างหนักว่าทำไมถึงจำไม่ได้ว่ารุ่นน้องตรงหน้าชื่ออะไร...อีกฝ่ายยังจำเขาได้เลย



"พี่เป็นอะไรรึเปล่าคะ?" คำถามของน้องที่เดินผ่านมาเป็นกลุ่มกล่าวทักทายทำให้ชะเอมชะงัก



"เป็นอะไรเหรอ?"



"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เห็นหน้าพี่ดูเพลียๆ เลยเป็นห่วง"



"จริงเหรอ" มือบางยกขึ้นแตะข้างแก้ม ก่อนจะยิ้มบาง "ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง"



"ไม่เป็นไรค่ะ...กรี๊ด เมื่อกี้เห็นป่ะ พี่ชะเอมโคตรน่ารักอ่า"



ประโยคหลังที่พึมพำก็เหมือนหันไปพูดกับกลุ่มเพื่อนของตัวเองทำให้ร่างบางทำเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น ขาเรียวตวัดหันหลังเดินไปไม่ได้พูดอะไร



วันอาทิตย์ที่ผ่านมา วันๆ เดียวกับที่เขาขอให้คินมาทานข้าวด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็มาตามเวลาแต่ก็กลับไปหลังจากกินเสร็จทันที ไม่มีการพูดคุยที่มากไปกว่านี้



หรือว่านี่มันคือสัญญาณของอะไรบางอย่างใช่ไหม



‘เอม คินขอโทษ’



คำขอโทษที่คินพูดออกมามันหมายความว่ายังไงเหรอ...ช่วยบอกเอมที



ที่คินทำให้เอมทั้งหมดคือแค่ความรู้สึกผิดรึเปล่า ที่ไปรับไปส่ง คุยกันเหมือนเดิม ไม่ใช่ความรู้สึกดีๆ ไม่ใช่ความรู้สึกชอบ ทั้งหมดคือแค่ความรู้สึกผิด



'อย่าเข้าใจผิดสิ เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน'



ทั้งหมดคือเขาคิดไปเอง...ใช่รึเปล่าครับ



"อึก..." พอคิดมากทีไร มันก็แปลบปลาบจุกที่อกทุกที ช่วงนี้มันเริ่มถี่มากขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ค่ายในกระท่อมร้างแห่งนั้น



"เอม...เอม!" เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นใกล้ๆ แต่ในหูมันอื้ออึง ไม่รู้ว่าเป็นใคร กว่าจะปรับโฟกัสภาพได้ก็พักใหญ่ ร่างบางถูกพยุงด้วยร่างสูงของดินให้ค่อยๆ เดินมานั่งม้าหินใกล้ๆ วันนี้รามกับสินก็อยู่ด้วยพร้อมหน้า



ดวงตาคมกริบของดินเต็มไปด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไรวะ โรคประจำตัวกำเริบอีกแล้วเหรอ"



ร่างบางส่ายหน้าช้าๆ เพื่อคลายความกังวลให้เพื่อนทั้งสาม "ไม่เป็นไร ก็ปกติน่ะ"



"ไม่ปกติแล้วเอม นายหน้าซีดมากนะ ช่วงนี้เครียดอะไรหรือเปล่า แล้วยาล่ะ?" สินถามขมวดคิ้ว ชะเอมยังนั่งขดตัวห่อไหล่ แสดงว่ายังรู้สึกเจ็บในอกอยู่จนไม่สามารถยืดตัวได้



"เครียดเรื่องเรียนน่ะ" ริมฝีปากยิ้มบาง "ยาก็...กินทุกวันปกติ"



"เอามาไหม"



ใบหน้ามนพยักเชื่องช้า มือบางค่อยๆ ควานหาในกระเป๋าแต่ไม่เจอซักที สินกับรามก็เลยช่วยกันค้นแทน โดยมีดินคอยนั่งอยู่ข้างๆ ใช้มือพัดเรียกลมให้



"กูว่ามึงโหมงานพิเศษหนักไปหน่อยมั้ง ดูสิ ใต้ตาคล้ำเชียว"



สินกับรามเงยหน้าจากกระเป๋า "ไม่มีนะเอม"



"เหรอ...ไม่เป็นไร นั่งพักหนึ่งเดี๋ยวมันก็หาย" ชะเอมผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อคลายอาการเจ็บ โดยเพื่อนๆ มองกิริยานั้นด้วยความกังวล



"แล้วคินล่ะ?" รามถามแทรกขึ้น สายตามองค้นหาดวงตากลมจึงรีบหลบ



"ไม่รู้สิ..."



ถึงจะเจอคินทุกวันแค่หลังเลิกงานเพราะอีกฝ่ายไปส่งที่คอนโด แต่เวลาแบบนี้เขาไม่รู้หรอกว่าคินทำอะไร อยู่ที่ไหน...บางทีอาจจะเรียนอยู่ล่ะมั้ง หรืออาจจะอยู่กับเรย์ก็ได้



"อะไรกัน วันนั้นเห็นอยู่ด้วยกันก็นึกว่าคุยดีๆ กันแล้วซะอีก"



“มันก็...”



"อย่าบอกนะที่วันนั้นมึงอารมณ์ดีก็เพราะเรื่องของไอ้คินด้วย" เสียงทุ้มดังจากร่างสูงผิดคล้ำ เจ้าตัวหน้าขมึง "กูว่าแล้วไอ้เวรนี่มันไม่เคยสนใจเอมจริงๆ จังๆ หรอก ดูสิ เวลามึงเป็นอะไรแบบนี้ขึ้นมาแม่งหายหัวตลอด"



"ไม่ใช่นะดิน...ไม่ใช่คินหรอก..." ร่างบางได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นก็ค้านเสียงสั่น “อย่าโทษคินเลย นั่นน่ะเป็นเพราะเอมเอง”



เรื่องของความรัก...มันไม่ได้ผิดที่ใครทั้งนั้น...ถ้าจะผิดก็ต้องผิดที่ตัวเขาเอง...ผิดที่รักมากไป...ผิดที่ตั้งความหวังสูงเกินไป...ผิดที่คิดไปเอง



กรี๊ด



เสียงฮือฮาที่เรียกสายตารอบข้างหันไปมอง ในใจคิดว่าคนดังที่ไหนมาอีกแล้วเนี่ย เพราะคณะอักษรศาสตร์ไม่ค่อยมีคนดังๆ พอเห็นของแรร์ปรากฏตัวขึ้นก็ต้องวี้ดว้ายกระตู้วู้เป็นธรรมดา



"กรี๊ด! นั่นคินนี่นา"



เฮือก!



ชะเอมสะดุ้งเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ร่างผอมนั่งตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน



"มากันทั้งกลุ่มเลย นั่นเรย์ใช่ไหม เพิ่งเคยเห็นระยะใกล้แบบนี้ครั้งแรก โคตรของโคตรน่ารักเลยว่ะมึง"



"ช่าย~ ดูสิยิ่งอยู่คู่กับคิน ยิ่งฟินๆ ไปอีก"



"เหมาะสมกันมาก"



"แล้วเขามาทำอะไรกันที่นี่วะ"



"สงสัยอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาหาข้าวกินที่คณะเรามั้ง"



“เปลี่ยนบรรยากาศได้ไกลมาก อักษรกะวิดวะคนละฝั่งเลย”



“คินดีกรีหล่อ รวย อยู่แล้ว มีรถก็ขับมา มึงจะเดือดร้อนทำไม”



“ก็ไม่ทำไม หมั่นไส้เฉยๆ”



ชะเอมได้ยินเสียงพูดคุยกันก็หน้าซีดเซียวหนัก หัวใจเต้นดังตึกตักอยู่ภายในจนน่าอึดอัด



"เอม..."



"เรา...เราขอตัวก่อนนะ" ร่างบางรีบผุดลุกขึ้นเดินก้มหน้างุด ไม่พร้อมจะเห็นอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ดีทั้งนั้น มือบางกำสายกระเป๋าแน่น



ไม่อยากตอกย้ำสิ่งที่คิด...



การจะเดินออกไปได้ ต้องผ่านส่วนของโรงอาหารก่อนซึ่งถ้าเป็นตอนนี้ก็อาจจะไม่เจอ...ขอให้ไม่เจอทีเถอะ



พลั่ก!



"โอ๊ะ!" ร่างผอมบางแทบกระเด็น เมื่อปะทะกับใครบางคนเพราะสายตามัวแต่มองพื้น



"ชะเอมนี่นา~" เสียงระรื่นของใครบางคนดังขึ้น นี่มันร่างโปร่งผู้อารมณ์ดี เพื่อนของคิน



ชะเอมหน้าซีด นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว



"เอม..." เสียงทุ้มของคินดังขึ้นให้ชะเอมหันไปมอง



"คิน..."



"อ้าว บังเอิญจังเลย ชะเอม หวัดดี" เสียงเล็กทักทายพร้อมกับร่างเล็กๆ ก้าวเข้ามาในสายตา แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน



เรย์ยืนยิ้มตาหยีอยู่ข้างร่างสูง ซึ่งตอนนี้คินถือถาดที่มีข้างสองจานวางอยู่ และเรย์ก็ถือแก้วน้ำสองแก้วบรรจุน้ำสีสันเอาไว้



'เหมาะสมกันมาก'



ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ ประโยคนั้นก็แล่นเข้ามาในหัว



ดวงตากลมโตสั่นไหวมองทั้งสองคน สบสายตาคมอย่างตัดพ้อ...และเสียใจ



'เพราะงั้นคินช่วยบอกเอมหน่อยได้ไหม ว่าคินชอบกันบ้างรึเปล่า'



คำถามโง่ๆ ...โง่จริงๆ



'เอม...คินขอโทษ'



"เอม!!"



อยากจะวิ่ง...วิ่งไปให้ไกล วิ่งหนีไป...เพราะไม่อยากเห็น...ไม่อยากจะเห็นอะไรทั้งนั้น



นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ความจริงของคำขอโทษ



ในเมื่อคินไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย...



'กลับคนเดียว? ค่ำๆ มืดๆ แบบนี้นี่นะ?'



'สรุปว่า คินมารับนะ ห้ามปฏิเสธ'



แล้วจะมาห่วงกันทำไม



'เคยจูบหรือเปล่า'



สัมผัสทั้งเร่าร้อนและรุนแรงยังตราตรึง



มาจูบเอมทำไม





"แฮ่ก...แฮ่ก..."



แปะ แปะ



"ฮึก ฮึก"



ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน ขอแค่ที่ๆ ไม่มีใครจะได้เห็น ขอแค่ที่ๆ จะได้อยู่คนเดียว...เพื่อให้ได้คิด



มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาก่อนเลื่อนมาขยุ้มเสื้อตรงอกอย่างเคยชิน



ตึกตัก ตึกตัก



อา อย่าเต้นดังนักสิ...หัวใจของเรา...



"อึก..." มันเจ็บ



ร่างกายของเราจะอยู่ได้นานแค่ไหนกัน



ชะเอมควานหาสิ่งที่จะสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้ได้ในกระเป๋าสะพายของตัวเอง



ไม่เจอ...



นั่นสิ เราลืมเอามานี่นา วางไว้ไหนนะ...บนโต๊ะในห้องนอนรึเปล่า หรือว่าในลิ้นชักหัวเตียง



ดวงตากลมโตเชื่อมน้ำตาสะท้อนความเจ็บปวดลึก...และความว่างเปล่า



ความคิดที่อยากจะมีชีวิตอยู่ช่างเลือนลาง



ไม่ว่าจะยังไงก็ช่างมันเถอะ



รอพักใหญ่ที่ทุกอย่างจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ คิดว่าน่าจะเป็นดาดฟ้าของตึกซักตึก ถึงเป็นแบบนั้นแต่กลับดูร่มเย็น มีตะแกรงกั้นกันคนเผลอเดินตกลงไป ขาเรียวเดินไปชิดตะแกรงเหล็ก ใบหน้ามนเหม่อมองไปไกล



“...พยายามทำใจ...ท่องเอาไว้เลย...” ไม่รู้ทำไม ในใจนึกถึงแต่เพลงๆ นี้ “...เธอไม่รัก...เธอไม่รัก...”



ชะเอมได้ยินเพลงนี้จากร้านๆ หนึ่งในห้างฯ ที่เดียวกับที่เขาทำงาน เป็นเพลงที่ต้องหยุดตั้งใจฟัง...เพราะเนื้อหามันเหมือนชีวิตของเขาในตอนนี้เลย



“บอกกับฉัน...ว่าเธอไม่รักก็จบ...เธอไม่อยากจะพบจะผูกจะพัน...ไม่ต้องสงสาร...ฮึก แค่นั้นฉันก็เข้าใจ...” ชะเอมเสียงสั่นเครือจนแทบขาดหาย มือบางกำตะแกรงเหล็กแน่นให้มันเจ็บ เพื่อกลบความเจ็บปวดในใจ ทิวทัศน์เบื้องหน้าพร่ามัว หยาดน้ำตาไหลผ่าน



แทนที่คินจะพูดว่าขอโทษ ทำไมถึงไม่พูดไปเลยว่าไม่ได้รู้สึกดี...ทั้งหมดที่ทำไปเพราะความรู้สึกผิด...รู้สึกผิดที่เคยพูดแรงๆ กับเขา



ยังไงเขาก็ไม่เคยโกรธอยู่แล้ว...พออีกฝ่ายทำเหมือนใส่ใจเขามากเท่าไหร่...มันยิ่งทำให้เขา...



“ยิ่งรักเท่าไหร่...ยิ่งเจ็บ”



           



เขายังไม่เคยลืมว่าความปรารถนาอันดับแรกคือการทำให้คินตาสว่างเรื่องของเรย์ให้ได้ไม่ว่าต้องทำยังไง



อันดับสอง ถ้าสุดท้ายคินกับเขากลับมาลงเอยด้วยกันได้ก็คงดี เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ยังรักคินอยู่เสมอ



แต่ตอนนี้เรื่องของเขาจะเป็นยังไงก็ช่างมันแล้ว...ถ้าหากคินหลุดพ้นจากคนน่ารังเกียจอย่างนั้นได้เมื่อไหร่...







หน้าที่ของเขาก็คงจะจบลง







************************Whose fault? ************************







ชะเอมก็ยังคงเรียนสลับทำงานไปเรื่อยๆ ขากลับก็กลับเอง ไม่ใช่ว่าคินไม่มารับหรืออะไรหรอก...เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายหลบหน้าร่างสูงอยู่ ก็มันไม่อยากเจอ ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ไม่รู้จะคุยอะไร



อาจเป็นเพราะสถานะระหว่างเรามันคลุมเครืออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว



จนตอนแรกที่คินเห็นว่าเขาหนีกลับคนเดียวโดยไม่รอให้ไปรับ ก็โทรมาทุกวันแต่เขาก็ไม่ได้รับสาย...ช่วงหลังๆ นี้ก็ไม่มีแล้ว



นอกจากนี้ก็กำลังคิดว่าจะทำยังไงให้คินเชื่อเขาเรื่องที่เรย์เป็นคนไม่ดี แทนที่จะเสี่ยงเอาหัวใจของตัวเองเข้าไปแลกความรู้สึกที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลยนอกจากความเจ็บปวดทุรนทุราย...เพราะฝ่ายที่มีแต่เสียกับเสียคือเขาคนเดียว



ครืด ครืด





ภาคิน : เอม 21.33pm Read

ภาคิน : กลับหรือยัง 21.33pm Read

ร่างบางกำลังเดินอยู่ริมถนนมืดมิด วังเวง มีแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวคือจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

ภาคิน : ตอนนี้อยู่ไหน 21.34pm Read

chÄim : เอมกลับแล้วครับ 21.34pm Read

chÄim : คินมีอะไรหรือเปล่า 21.34pm Read

chÄim : ถ้าจะมารับไม่ต้องมาแล้วนะ เอมใกล้ถึงแล้ว 21.34pm Read

ภาคิน : เรื่องไปเที่ยวน่ะ 21.36pm Read





ชะเอมยิ้มบาง คินยังจำได้





chÄim : อื้ม วันอาทิตย์นี้ดีไหม 21.37pm Read





ร่างบางเสนอ โชคดีที่อาทิตย์นี้เป็นวันเกิดของร่างสูง เขาจะได้ไปเที่ยวและอยู่ด้วยกันในวันสำคัญของคนสำคัญ





ภาคิน : เปล่า ขอโทษที อาทิตย์นี้ไม่ได้น่ะ 21.46 Read





ดวงตากลมอ่านข้อความนิ่งงัน



อ่า...ให้ตายเถอะ ความรู้สึกนี่มันอะไรกัน



เจ็บ...ชะมัด



"ฮึก...ฮึก!" ร่างบางหยุดเดิน ปิดปากแน่นเพื่อกลั้นสะอื้น "อึก!"



น้ำตา...มาจากไหนก็ไม่รู้ ทำให้ทางข้างหน้าพร่ามัว



การคาดหวังและผิดหวัง รู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน แต่ก็ยังประสบกับมันซ้ำๆ เหมือนราดเกลือลงแผลสดให้มันเหวอะหวะมากขึ้น



เจ็บแสบ



ทรมาน



ทางเดินข้างทางริมถนนที่คนเดินผ่านน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดบัง ยังไงก็ไม่มีใครได้ยินอยู่แล้ว ชะเอมทรุดตัวลงแถวๆ นั้น ไม่สนใจแล้วว่าตนอยู่ที่ไหน จะมืดค่ำหรืออันตรายอย่างไร นานจนมือถือมีข้อความเข้าอีกครั้ง





ภาคิน : เอม 21.55pm Read

chÄim : ครับ ไม่เป็นไรคิน ถ้าว่างตอนไหนคินค่อยบอกเอมก็แล้วกันนะ 21.57pm Read

chÄim : แล้ววันนั้นจะมากินข้าวเย็นมั้ย 21.58pm Read





ไม่เป็นไร ถึงไม่ได้ไปเที่ยว แต่อย่างน้อยก็น่าจะได้กินข้าวด้วยกัน เขาจะถือว่าเลี้ยงวันเกิดด้วยอาหารมื้อเย็นอร่อยๆ แล้วก็เค้ก...





ภาคิน : โทษที นั่นก็ไม่ได้น่ะ อาทิตย์นี้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะ 22.00pm Read





อืม...



รู้สึกดีเหมือนกันที่คุยผ่านข้อความ จะได้ไม่เห็นว่าเขาร้องไห้อย่างน่าสมเพชแค่ไหนในเวลานี้ กับแค่เรื่องเล็กน้อยนิดเดียว





chÄim : ครับ 22.05pm Read





เขาตอบแค่นั้น ไม่รู้จริงๆ ว่าจะพิมพ์อะไรเพิ่มเติมอีก



วันเกิดของร่างสูง เขาอาจจะไปฉลองกับแฟนก็ได้นี่นะ



ทำไมเขาถึงได้คิดน้อยอย่างนี้



โง่จริงๆ เลยชะเอม



ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร



           





ช่างมันเถอะ







************************Whose fault? ************************



**เพลง ยิ่งรักยิ่งเจ็บ (Ost. อุบัติรักข้ามขอบฟ้า) โดย กอล์ฟ ไมค์



เป็นไงบ้าง ดราม่าพอมั้ย ทิชชู่พอรึเปล่า หรือนักอ่านอาจจะต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าแทน?

ส่วนเพลงที่ว่าใครไม่เคยฟังรุยแนะนำลองไปฟังนะคะ

ชอบละครเรื่องนี้  ฟังเพลงแล้วน้ำตาไหล...ชอบมาก

ถ้ายังร้องไม่พอก็ติดตามดราม่าครึ่งหลังได้ในวันพรุ่งนี้ (สงสารเอมมากมาย)

อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ




ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เจ็บๆจุกๆ แต่คงไม่ใช่เรย์หรอกมั้งวันเกิด

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


                               Whose Fault ?
 
                                ผิด...ครั้งที่ 23

                                    ​ครึ่งหลัง



โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



ก่อนหน้านี้กับตอนนี้



ถ้าให้เลือกว่าสถานะระหว่างเขากับคินก่อนหน้านี้กับตอนนี้...ถ้าเลือกได้จะให้มันเป็นแบบไหนดี



ก่อนหน้านี้ คินไม่คุยด้วยเลย แถมยังพูดเสียงแข็งใส่



แต่ตอนนี้ ถึงจะคุยกันดีๆ แล้วก็จริง แต่หัวใจกลับรู้สึกห่างเหินยิ่งกว่า



วันนี้วันอาทิตย์แล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็ว นับจากวันนั้นที่นั่งอยู่ริมถนนมืดๆ อยู่นานสองนานกว่าจะทำใจได้ เดินกลับถึงห้องได้ก็เกือบห้าทุ่ม



ลุงธรรมตกอกตกใจและเป็นห่วงยกใหญ่เพราะปกติเขาต้องเข้าคอนโดประมาณสี่ทุ่ม และต้องเจอหน้า กล่าวทักทายราตรีสวัสดิ์เขาทุกวัน



แถมยังกลับมาด้วยสีหน้าอิดโรยตาบวมอีก ลุงธรรมจะเป็นห่วงก็ไม่แปลกเลย



หลังจากพบอาหมอแล้วเขาก็ไม่มีอะไรทำ



โดนอาหมอว่าอีกตามเคย เพราะน้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นแล้วพอเล่าเรื่องเจ็บหน้าอกบ่อยขึ้น ก็โดนขู่ว่าจะฟ้องคุณลุงเรื่องนี้...ถ้าเล่าเรื่องคินด้วยคงโดนหนักกว่านี้แน่นอนเลย



ร่างบางเดินออกจากโรงพยาบาลก็เดินเล่นอยู่ริมถนนร้อนๆ...เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย



ยังไงวันนี้เขาก็ว่างทั้งวัน



พูดถึงคุณลุง จู่ๆ ก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมา...อยากคุย...อยากได้ยินเสียง



มือบางล้วงมือถือขึ้นมา กดโทรออก



ตรู๊ด...ตรู๊ด...



"สวัสดีครับ...เอ่อ..."



("ครับ จากใครครับ") เสียงที่ดังจากอีกฝั่งน่าจะเป็นเลขาของคุณลุงตามที่คุณลุงเคยบอกไว้ล่ะมั้ง



"คือว่าผม..."



("ท่านประธานกำลังประชุมอยู่ครับ ถ้ามีธุระแจ้งชื่อไว้ เดี๋ยวผมจะแจ้งท่านประธานให้โทรกลับครับ")



"อะ ครับ ขอโทษที่รบกวนครับ งั้น...ช่วยบอกว่าเอมภัทรโทรมานะครับ"



("คุณเอมภัทร...คุณชะเอมหรือครับ")



"ชะ ใช่ครับ"



("ท่านประธาน คุณชะเอมโทรมาครับ")



"อะ เอ๊ะ?" เสียงใสกำลังจะบอกห้ามว่าไม่เป็นไร รอให้คุณลุงประชุมเสร็จแล้วค่อยโทรกลับก็ได้ แต่ว่าในสายมีเสียงดังกุกกัก



จากนั้น...



("อะแฮ่ม! ชะเอม ลุงรอตั้งนาน ผ่านมาหลายวันหนูเพิ่งคิดถึงลุงเหรอ") น้ำเสียงทุ้มระรื่นมาตามสายทำให้คิ้วบางขมวดเป็นปม



"คุณลุง...ไหนเลขาของคุณลุงบอกว่าประชุมอยู่ไงครับ?"



("เอ่อ ก็เปล่า...จริงๆ ลุงไม่ได้ประชุมหรอก")



"แล้วทำไมต้องโกหกด้วยล่ะครับ"



("อ้า ก็แบบว่าชอบมีคนแปลกๆ โทรมาหาลุงเลยให้นายเสกรับแล้วบอกกันไว้ก่อนน่ะ...ว่าแต่ทำไมนายถึงไม่ถามก่อนว่าใครโทรมาฮะเสก!? ดูสิ ชะเอมรู้หมดเลย")



เสกที่ว่าคือชื่อของคุณเลขาสินะ



"คุณลุงไม่ต้องไปโทษคนอื่นเลยครับ" ชะเอมถอนหายใจเอือมๆ



("...ขอโทษครับ") เกษมศักดิ์แพ้เด็กคนนี้อีกจนได้ ร่างบางได้ยินคนแก่ทำเสียงหงอยก็หัวเราะออกมาได้



"ตกลงคุณลุงยุ่งอยู่รึเปล่าครับเนี่ย"



("เปล่าเลย ลุงว่างมาก")



"ทำไมเสียงสูงจังครับ"



("ท่านประธานงานตรงนี้ยังเคลียร์ไม่เสร็จเลยครับ...เฮ้ย! อย่าพูดสิ ไม่ใช่นะๆๆ ชะเอม ถ้าสำหรับหนูล่ะก็ลุงว่างคุยเสมอเลยนะ")



"สรุปว่าคุณลุงยุ่งอยู่ งั้นเอมว่างนะครับ" ชะเอมพูดยิ้มๆ แม้จะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น



("...ลุงน้อยใจแล้วจริงๆ ด้วยนะ") ...นั่นไง



"เอาไว้เดี๋ยวเอมโทรหาอีกก็ได้ครับ เอมไม่อยากกวนคุณลุง ยังไงคุณลุงรีบเคลียร์งานแล้วจะได้คุยกับเอมไงครับ ดีมั้ย") เสียงใสพูดอ่อนใจ จริงๆ เขาก็อยากคุยไม่งั้นคงไม่โทรมาเองหรอก แต่อีกฝ่ายยุ่งอยู่นี่นา ทำไงได้ล่ะ



แล้วตกลงว่าใครเด็กใครผู้ใหญ่น่ะ



("ก็ได้ แต่เดี๋ยวงานลุงเสร็จลุงโทรหาหนูเอง") เกษมศักดิ์รีบพูด เดี๋ยวไม่ทันใจคนแก่ ("งั้นลุงวางละ จะไปเคลียร์งาน")



ชะเอมหลุดหัวเราะ "ครับ สวัสดีครับคุณลุง"



ร่างบางยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกง ยกมือขึ้นบังแดดจ้าแสนแสบตา "...ไปไหนดีนะ"



บรื้น...



พลันสายตาเหลือบเห็นรถเมล์คันที่ไปห้างฯ วิ่งผ่านหน้า ก็นึกได้แล้วว่าจะไปไหน



แวะไปดูที่ร้านพี่ฝนหน่อยดีกว่า...เผื่อจะมีอะไรให้ช่วย



กรุ๊งกริ๊งๆ



"ยินดีต้อนรับครับ!"



ร่างบางเปิดประตูเข้าร้านที่สะดุดแถมเตะตาสุดๆ ในห้างสรรพสินค้าที่กะจะแวะมาดูร้านที่ทำงานพิเศษซักหน่อย แต่...



'อ้าว เอม มากินข้าวเหรอ'



'เอ่อ เปล่าครับ ผม...มาดูว่ามีงานอะไรให้ช่วยมั้ย พอดีวันนี้ผมรู้สึกว่างๆ ไม่มีอะไรทำ'



'ไม่ต้องๆ เอมไปพักเลย ไม่ได้บอกเฉยๆ นะ นี่พี่สั่ง'



'แต่ว่าเอมอยากช่วย...'



'งั้นก็ช่วยทำตามที่พี่สั่งก็แล้วกันนะ ไปๆ พี่ยุ่งมาก'



แล้วหญิงสาวก็เดินหันหลังจากไป เขาเห็นแล้วว่ายุ่งมากจริงๆ ขนาดผู้จัดการร้านยังต้องมาเสิร์ฟอาหารลูกค้าเองเลย เขาจึงเดินไปหลังร้านในส่วนห้องครัว



'พี่ฟ้าครับ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย'



'เอม วันนี้หยุดไม่ใช่เหรอ' เชฟหนุ่มกำลังหั่นซูชิเป็นแว่นๆ อยู่ถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นหนุ่มรุ่นน้องในวันหยุดสุดสัปดาห์



'ครับ...แต่เอมว่างมากเลยจะมาช่วยน่ะครับ'



ฟ้าปฏิเสธทันที 'ไม่ต้องๆ ...เอมนี่แปลกคน มีแต่คนอยากจะพัก นี่เรากลับจะมาทำงาน ไม่มีอะไรทำก็ไปหาหนังสักเรื่องดูไป พี่กำลังยุ่งอยู่'



"อะไรกันน่ะ ทั้งพี่ฟ้า พี่ฝนเลย"



ชะเอมนึกถึงแล้วหน้าบูด อุตส่าห์ตั้งใจจะมาช่วย แต่กลับโดนไล่มาแบบนี้ จึงต้องมาเดินเล่นระหกระเหินเคว้งคว้างอยู่ในห้างฯ ใหญ่ตามลำพัง



สุดท้ายก็เจอร้านขายของกระจุกกระจิกน่ารักที่น่าสนใจสำหรับชะเอมมากที่สุด



ดวงตากลมโตกวาดสายตามองทั่วร้าน ทุกอย่างดูน่ารักไปหมด จนอดไล่ดูสินค้าแต่ละชั้นไม่ได้



พวงกุญแจเหรอ...



"คือว่า...มีพวงกุญแจที่เป็นแบบคู่กันมั้ยครับ" ชะเอมถามพนักงานขายที่ยืนมองอยู่ นิ้วเรียวชี้ไปที่ชั้นแขวนพวงกุญแจเรียงราย



"มีครับ...แต่ว่าจะมีแบบราคาถูกหน่อย ไม่ก็ราคาสูงไปเลยนะครับ คุณลูกค้าต้องการแบบไหนดีครับ" ชายหนุ่มยิ้มสุภาพ ถามคำถามเผื่อให้ลูกค้าเป็นคนตัดสินใจ



"งั้นผมขอดูก่อนได้มั้ยครับ"



"ได้อยู่แล้วครับ งั้นเชิญด้านนี้เลยครับผม" พนักงานผายมือ



ดวงตากลมโตกวาดมองทั่ว ดูเหมือนสินค้าที่พนักงานบอกว่าค่อนข้างราคาสูงนี่...ในตู้กระจกนี้แน่เลยเพราะงานฝีมือช่างละเอียดอ่อนแตกต่างจากสินค้าที่แขวนข้างนอกอยู่ทั่วไปมาก



อ๊ะ...อันนั้น...



"ผมขอดูชิ้นนั้นหน่อยครับ"



"สักครู่นะครับ" พนักงานหยิบกุญแจมาเพื่อไขตู้กระจก แล้วก็หยิบพวงกุญแจอันที่ชะเอมชี้ออกมา



"...น่ารักจัง" เสียงใสอดอุทานไม่ได้ ดวงตากลมโตสีดำเป็นประกายวิบวับ มองพวงกุญแจคู่ที่อันหนึ่งเป็นลูกโลก ส่วนอีกอันเป็นพระจันทร์เต็มดวงที่มีรอยผิดขรุขระเป็นรูปกระต่ายตัวเล็ก ทั้งสองอันเป็นพวงกุญแจแบบสามมิติแถมยังสลักลายลงสีได้อย่างเหมือนของจริงย่อส่วนมาก



"คุณลูกค้าตาถึงมากเลยนะครับ"



"...ครับ ผมชอบมากเลย" มือบางลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา พวงกุญแจลูกโลกนี้ให้คินเป็นของขวัญวันเกิดดีกว่า ส่วนพระจันทร์นี่ก็ของเรา...



"เท่าไหร่เหรอครับ"



"สามพันครับ"



ชะเอมเบิกตากับราคาของมัน "ทำไมแพงจังล่ะครับ"



"ผมคิดว่าราคาเหมาะสมกับสินค้ามากกว่านะครับ พวงกุญแจนี่ทำจากเงินแท้และทนทานมาก สีที่ลงก็กันน้ำ กันลอก เปียกฝนก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเปรอะเลย แถมการสลักลายก็ละเอียดมากเหมือนจริงเลย คุณลูกค้าก็สังเกตได้ใช่มั้ยล่ะครับ"



ฟังคำอธิบายแล้ว ร่างบางก็เบนสายตามามองของในมืออีกครั้ง



มันก็จริงอย่างที่ว่าอยู่หรอก...



แต่เงินที่เรามีมันไม่พอน่ะสิ อุตส่าห์ทำงานพิเศษมา แต่เงินเก็บของเรามันยังไม่พอซื้อของชิ้นนี้...



อยากให้นี่เป็นของขวัญวันเกิดคิน



อย่างน้อย...



"ขายแยกมั้ยครับ"



"คุณลูกค้าครับ นี่มันพวงกุญแจคู่นะครับ" พนักงานชายทำสีหน้าลำบากใจ



"ผมชอบมากเลยครับ แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ...ถ้าคุณพนักงานขายแยกชิ้นหนึ่งก่อน แล้วอีกชิ้นผมมาซื้ออีกทีคราวหลังได้มั้ย"



"เอ่อ..."



"ได้มั้ยครับ"



"...เฮ้อ ก็ได้ครับ" อะไรของลูกค้าคนนี้นะ ทำสีหน้าอ้อนวอนแบบนั้น มันก็แย่น่ะสิ "ยังไงมันก็เป็นพวงกุญแจที่อยู่คู่กัน ดังนั้นอีกชิ้นผมเก็บไว้ให้ก่อนก็ได้ แต่คุณลูกค้าจะกลับมาซื้อจริงๆ นะครับ"



"แน่นอนครับ ผมจะให้เบอร์ของผมไว้ เผื่อคุณจะได้โทรมาตาม" ชะเอมยิ้มดีใจ ยกพวงกุญแจขึ้นมามองตาประกาย "ขอบคุณมากเลยนะครับ"



"ถ้างั้นก็ทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยครับผม"



ร่างบางล้วงกระเป๋าตังหยิบเงินจ่าย "รบกวนใส่กล่องเล็กๆ ให้ด้วยได้มั้ยครับ"



"มีเตรียมให้ครับ แค่ผมคิดเพิ่มห้าสิบบาท"



"ตามนั้นเลยครับ ห่อกระดาษสีเรียบๆ นะครับ"



"เป็นของขวัญให้แฟนเหรอครับ" พนักงานชายถามยิ้ม แต่มือไม่หยุดทำงาน



ชะเอมฟังแล้วก็ส่ายหน้า ยิ้มบาง



"...ไม่ใช่หรอกครับ" ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป "...แต่เป็นคนสำคัญ"



"ท่าทางจะชอบเขามากเลยสินะครับ"



ร่างบางได้ยินแบบนั้นก็ชะงัก ชอบมากเหรอ...ถ้าจะอธิบายความรู้สึกของเขาออกมาได้...ก็คงจะเป็นคำๆ นี้แหละ



"ขอบคุณมากเลยนะครับ นี่เบอร์ผม" มือบางรับถุงสินค้ามา และยื่นกระดาษเล็กๆ ที่บรรจุตัวเลขสิบตัวอยู่ให้พนักงาน



"โอเคครับ คุณ..."



"ผมชื่อชะเอม ถ้าวันจันทร์หน้าผมยังไม่มา คุณพนักงานโทรตามผมได้เลย"



"รับทราบครับผม ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ"



ชะเอมหยิบของในถุงขึ้นมาดู กล่องเล็กๆ ขนาดพอดีมือที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำเงินอย่างปราณีต ผูกโบว์สีแดงเข้ม ดูไม่หวือหวาจนเกินไป จนคนที่ไม่รู้อาจจะเดาไม่ออกว่าของข้างในคืออะไรกันแน่



ของขวัญชิ้นนี้อาจจะไม่ได้แพงมาก แต่มันก็เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาซื้อได้ด้วยเงินที่ตัวเองหามา



ได้แต่หวังว่าคินจะชอบและใช้มันอย่างทนุถนอม



ส่วนพวงกุญแจรูปดวงจันทร์รอก่อนนะ เขาจะต้องกลับมารับมันไปแน่ๆ





chÄim : คิน พรุ่งนี้ตอนเย็นมารับเอมได้ไหม 14.23pm





ร่างบางยืนจ้องโทรศัพท์ในมืออยู่นานสองนาน แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ ก็เลยหย่อนมันลงกระเป๋ากางเกงไป



ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ไม่รู้จะไปไหนแล้ว...กลับห้องดีกว่า



หมับ!



"เฮ้ย!" จู่ๆ ก็มีสัมผัสกอบกุมที่ต้นแขน ด้วยสัญชาตญาณก็สะบัดออกอย่างรวดเร็ว



แต่คนร้ายดันเรียกชื่อเขาอย่างกับคนรู้จัก "พี่ชะเอม"



"อะ...อะไรกัน ติมเองเหรอ พี่ตกใจหมด" พอพบว่าเป็นใคร มือบางยกขึ้นลูบอก สายตาเพิ่งสังเกตว่ารุ่นน้องตัวสูงมีคนพ่วงมาด้วยหนึ่งคน "ราม..."



สองคนนี้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว...?



แววตาของชะเอมคงสื่อด้วยความสงสัยงุนงงอย่างเห็นได้ชัด ร่างโปร่งก็อึกอักไม่รู้จะตอบยังไง



"ไงเอม" รามเอ่ยทักเพียงเท่านั้น ซึ่งร่างบางก็ยิ้มทักทายตอบ



"ผมกำลังจะไปดูหนัง พี่ชะเอมไปด้วยมั้ยครับ" ติมถามขึ้น



"เอ๋ ดูหนังเหรอ" ดวงตากลมมีประกายสนใจ แต่พอมองหน้าของรามสลับกับติมแล้ว... "แต่ว่าติมมากับรามไม่ใช่เหรอ ทั้งสองคนจะไปดูหนังแล้วมาชวนพี่จะดีเหรอ"



เป็นคำถามง่ายๆ ที่ทำให้รามหน้าแดงเห่อ ยิ่งกับคนผิวขาวเหลืองอย่างร่างโปร่ง แค่นิดเดียวเห็นชัดแล้วแต่ดีที่คนซื่อ (บื้อ) ไม่ทันมอง



"ไม่หรอกครับ ผมแค่บังเอิญเจอเขา แต่ไม่ได้จะไปด้วยกันหรอก"



ทันใดนั้นใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อก็พลันซีดเผือด สายตาตัดพ้อ "แต่ติมบอกว่า..." เสียงทุ้มใสเงียบไปทันทีเมื่อเจอสายตาของไอติม



"เอ๊ะ อะไรกันเหรอ" ร่างบางงุนงง ทำไมทั้งสองคนดูมีอะไรลับลมคมในกันจัง



"ไม่มีอะไรหรอกครับ"



"จริงเหรอราม" ชะเอมหันไปถามเพื่อนแทน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมสบตาด้วย



"อืม ไม่มีอะไร เราขอตัวก่อน" แล้วร่างโปร่งก็เดินหันหลังไป ไม่ฟังคำทักท้วงอะไรจากชะเอมสักนิด



"ราม..."



"อย่าไปสนใจเขาเลยครับ พี่ชะเอมไปดูหนังกับผมกันเถอะ" ไอติมดันไหล่ผอมบางให้ไปด้วยกัน



"แต่ว่ารามน่ะ..." แต่ชะเอมยังเป็นห่วงเพื่อนจนอดเหลียวหลังหันไปมองไม่ได้ แต่ร่างโปร่งก็เดินหายไปแล้ว



เขารู้ดีว่าสายตาของรามเมื่อกี้มันคืออะไร...รู้ดียิ่งกว่าใคร



...เพราะมันคือสายตาของคนที่แอบรักข้างเดียวยังไงล่ะ



"ติม...หืม" พอหันไปก็เห็นไอติมกำลังแชทหาใครบางคน พอพิมพ์เสร็จแล้วก็ยัดมันลงกระเป๋ากางเกงไม่สนใจอีก แล้วหันมายิ้มสุภาพให้



"พี่เอมอยากดูหนังเรื่องอะไรดีครับ"



ชะเอมกระพริบตาปริบ นี่เขาตาฝาดไปรึเปล่าว่าเสี้ยวใบหน้ากับดวงตาคมกริบเมื่อกี้...ช่างเย็นชาและมืดมิด



"เอ่อ...พี่ไม่ค่อยจะสนใจอะไรพวกนี้ ก็เลยไม่รู้เรื่องเท่าไหร่" เสียงใสตอบตะกุกตะกัก "ว่าแต่ราม..."



"งั้นเดี๋ยวผมจะเลือกเองก็แล้วกันนะครับ พี่ชะเอมมีแนวที่ไม่ชอบดูมั้ยครับ"



ชะเอมหันขวับ ไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายตั้งใจพูดแทรกรึเปล่า แต่พอเห็นใบหน้าและรอยยิ้มที่ดูไม่มีอะไรแอบแฝงของรุ่นน้องตัวสูงใหญ่กว่าข้างๆ ตัวแล้ว...น่าจะไม่มีอะไรมั้ง



ทั้งสองยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วหนังแล้ว ชะเอมรู้สึกได้ว่ามีหลายคนจ้องมองมา ก็เข้าใจแหละว่าไอติมก็เป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งเวลาอยู่กับคินก็จะมีอารมณ์ประมาณนี้เหมือนกัน



...โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองก็โดนมองเหมือนกัน โดยเฉพาะสายตาของผู้ชาย



"อืม...พี่ไม่ค่อยชอบหนังผี หรือหนังแนวที่ทำให้ตกใจ หรือว่า...ที่ต้องลุ้นๆ งี้อ่ะ" เสียงใสบอก ตาเริ่มเป็นประกาย พอดูไปดูมา ก็น่าสนใจเหมือนกันแฮะ...โรงหนังเนี่ย ไม่ได้เข้านานแค่ไหนแล้วนะ นานจนจำไม่ได้



"ครับผม งั้นรอตรงนี้นะ ให้ผมเลือกเองก็แล้วกัน โอเคมั้ยครับ"



"อะ อื้ม!"



รอไม่นานอีกฝ่ายก็กลับมา ชูตั๋วหนังสองใบโชว์ "มาแล้วครับผม"



"เท่าไหร่เหรอ" มือบางล้วงหากระเป๋าเงิน



"ไม่ต้องครับผมเลี้ยง"



"เห..." ร่างบางครางเสียงยาว เป็นรุ่นน้องเลี้ยงรุ่นพี่เนี่ยไม่เคยได้ยิน



"น่าๆ ยังไงผมก็ชวนมานี่นา นะครับ"



"...ก็ได้"



"นั่นอะไรน่ะครับ" สายตาคมมองถุงในมือขาวอย่างสงสัย



"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก"



"เหรอครับ ว่าแต่พี่ชะเอมอยากกินอะไรมั้ย ป๊อบคอร์น? โค้ก?"



ใบหน้าหวานส่ายแรงๆ "ถ้าพี่บอกว่ากินเดี๋ยวติมก็เลี้ยงอีกน่ะสิ ไม่เอาดีกว่า"



"ออกคนละครึ่งก็ได้ครับ"



"ไม่ๆ พี่ไม่อยากกินหรอก" ชะเอมยกมือห้ามเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายจะเอาจริงๆ



"เอางั้นก็ได้ครับ ผมก็กลัวกินแล้วจะไม่หิวข้าวเย็น"



ร่างบางพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนยื่นหน้าไปดูตั๋วในมือใหญ่



"ว่าแต่ติมซื้อตั๋วเรื่องอะไรมาน่ะ"



"เรื่อง...ครับ"



"ไม่เห็นรู้จักเลย"



"รับรองความสนุกครับ"



"จริงน่ะ?"



"ถ้าจริงจะให้อะไรผมล่ะครับ"



ชะเอมตาโต ขอแบบนี้ก็ได้เหรอ "แล้วติมอยากได้อะไรล่ะ"



"หลังจากดูเสร็จแล้ว ถ้าพี่ชะเอมสนุก ตอนนั้นผมค่อยขอก็แล้วกันครับ"







"สนุกมากๆ เลย!"



"หึหึ ชอบมั้ยครับ"



"ชอบสิ ไม่ได้ดูหนังมาตั้งนานแล้ว เรื่องนี้ดีนะ ติมมีฝีมือในการเลือกเหมือนกันนี่นา" ชะเอมเอ่ยชมแววตาวิบวับ หนังเรื่องที่ไอติมเป็นคนเลือกเป็นหนังการ์ตูนของอเมริกา ดูแล้วทั้งสนุก น่ารัก ตลก เฮฮา คือสรุปว่าเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี...ประมาณนั้นเลย



ร่างสูงอมยิ้มขำมองร่างผอมบางที่ร่าเริงเหมือนเด็ก



"งั้นเอาไว้คราวหน้า พี่ชะเอมเป็นคนเลือกบ้างก็แล้วกันนะครับ"



"เอ๋ จะดีเหรอ" เสียงใสถามตาโต เขาเลือกหนังไม่เป็นหรอก



ร่างสูงเดินลิ่วนำไป หัวเราะขบขันอย่างหยุดไม่อยู่ ไม่ให้รุ่นพี่ตัวเล็กน่ารักรู้ตัวว่าเจ้าตัวตอบตกลงแล้วว่า'คราวหน้า' จะมาดูหนังด้วยกันอีก



น่ารัก...น่ารักจริงๆ



ไลน์!



เสียงข้อความดังขึ้น มุมริมฝีปากหยัดยิ้มไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา



แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นชาวูบหนึ่ง ถึงจะรู้แต่ก็ยังคงปล่อยมือถือของตัวเองให้นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าแบบนั้นไม่คิดจะหยิบขึ้นมาดู



"พี่ชะเอม จะไปไหนต่อมั้ยครับ" ไอติมตวัดร่างกายหันกลับไปมอง "ถ้ายังไงผมจะขอตัวกลับก่อน"



"อะ เอ้อ ไปเถอะ พี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน"



"ให้ผมไปส่งมั้ย"



ร่างบางรีบโบกมือ "ไม่เป็นไรๆ"



ฟอด...



จู่ๆ ร่างสูงก็ก้มลงใช้จมูกกดลงบนแก้มขาวใสสูดดมความหอมจากกลิ่นเด็กๆ ของร่างผอมบาง



ชะเอมนิ่งอึ้ง ทันใดนั้นเมื่อรู้สึกตัวได้ก็จับแก้มของตัวเองที่แดงเถือก "ตะ ติม! ทำอะไรน่ะ!!"



"อ้าว ไม่รู้เหรอครับว่าเรียกว่าอะไร" ติมหัวเราะเสียงทุ้ม มองดูกิริยาเหมือนกระต่ายตื่นตูมที่ตอนนี้กลายร่างเป็นมะเขือเทศช่างน่ารัก...ใสซื่อและบริสุทธิ์



"ระ รู้สิ! แต่หมายถึง..." ชะเอมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนเห่อจนไม่กล้ามองหน้ารุ่นน้อง ไม่คิดว่าจะโดนทำอะไรแบบนี้



"ก็ไหนบอกว่าดูหนังสนุกแล้วจะให้ผมขออะไรก็ได้ไงครับ"



"กะ...ก็พี่นึกว่าเราจะขอของที่ใช้เงินซื้อ ไม่ใช่แบบนี้นี่!"



"เอาน่า พี่ชะเอม อย่างนี้ก็ไม่ต้องเสียเงินเลยเห็นมั้ยครับ ง่ายๆ แปปเดียว"



"ซะที่ไหน!" ชะเอมแหว



"งั้นผมกลับล่ะครับ"



ดวงตากลมโตมองแผ่นหลังกว้างของรุ่นน้องเดินลับไปด้วยความงงเล็กน้อย มาเร็วไปเร็วนะเนี่ย



และไอติมก็ทิ้งความหายนะไว้ให้ร่างบางโดยไม่รู้ตัว



ขวับ!



"อ๊ะ..." ต้นแขนบางถูกกระชากอย่างแรง ดวงตาเบิกกว้างเมื่อคนที่จับแขนเขาแน่นคือ... "คิน!"



"มากับใคร"



"...คิน เจ็บ" ชะเอมคราง มือบางพยายามแกะมือที่เปรียบเสมือนดั่งคีมเหล็กที่บีบแน่นจนเจ็บร้าว



มือใหญ่ผ่อนแรงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือ แถมลากให้เดินผ่านเข้าประตูบันไดหนีไฟเพื่อที่ต้องการคุยในที่ๆ ไม่มีคนเดินผ่านพลุกพล่าน "คินถามว่ามากับใคร"



"ใคร...คินพูดถึงใครครับ เอมมาคนเดียว"



ทันทีที่ได้ยินร่างบางพูด ร่างสูงก็ทำหน้าทมึงถึง "อย่าโกหก! เมื่อกี้คินเห็น บอกมาว่านั่นใคร"



เมื่อกี้...



"นั่นมันรุ่นน้องที่มหาลัย เอมรู้จักเขาที่ค่ายครับ"



"แล้วทำไมถึงอยู่กับมัน ไหนบอกว่ามาคนเดียว"



"เอมมาคนเดียวจริงๆ ...กับไอติมเอมเจอน้องโดยบังเอิญแล้วน้องก็แค่ชวนไปดูหนัง เพิ่งจะดูเสร็จแล้วแยกกันกลับ" ร่างบางอธิบายหมดไม่มีปิดบัง เพื่อให้อีกฝ่ายท่าทางโกรธจัดซึ่งไม่รู้ว่าโมโหเรื่องอะไรสบายใจ



"แล้วไปกับมันทำไม...ใครจะชวนไปไหนก็ไปหมด แล้วยังยืนนิ่งปล่อยให้มันหอมแก้มอีก! ไม่รู้หรือไงว่ามันคิดอะไรกับเอม"



"เอมไม่รู้" ดวงตากลมน้ำตารื้น "ฮึก...แต่ว่าน้องเป็นน้อง" และไหลลงมาผ่านแก้ม



ได้ยินคินพูดแบบนี้ เขาเสียใจมาก



คำว่าชอบของเขามันดูไม่มีความจริงใจเลยอย่างนั้นเหรอ มันถึงทำให้อีกฝ่ายคิดแบบนั้น "คนที่เอมชอบก็อยู่ตรงหน้าเอมนี่ไง...คนที่เอมอยากไปไหนมาไหนด้วยก็คือคนๆ นี้"



ต้องบอกคำๆ นี้อีกกี่ครั้งกี่หน...คำว่า ‘รัก’... ที่ดูเหมือนจะไม่มีความหมายใดๆ ต่ออีกฝ่ายเลย



"..."



"ถ้าคินไม่อยากให้เอมไปไหนกับใคร ฮึก...แล้วทำไมคินถึงไม่มากับเอมเองล่ะ"



ทำไมถึงได้ปฏิเสธ...



คินหลบตาตอบ มือใหญ่คลายออกจากต้นแขนผอม "...ก็คินบอกว่าไม่ว่าง..."



"ฮึก! ...แล้วแบบนี้คินจะมาโมโหเอมได้ยังไง!? ก็เอมบอกแล้วไงว่ามาคนเดียวทำไมไม่ฟังบ้างเลย!" ร่างบางยัดถุงในมือให้อีกฝ่ายแรงจนยับยู่ยี่ "เอมแค่มาซื้อนี่ให้ อึก ถ้าคินไม่อยากได้...ก็ทิ้งมันไปก็แล้วกัน"



อยากจะบอกว่านั่นน่ะคือของขวัญที่เขาตั้งใจเลือกให้...



ครืด ครืด



ในความเงียบที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เสียงโทรศัพท์สั่นจึงทำให้ชะเอมรีบถอยออกมายืนปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เจ้าของเสียงสั่นนั่นคือโทรศัพท์ของคินร่างสูงหยิบขึ้นมาแนบหู โดยร่างบางก็ไม่รู้อีกฝี่งเป็นใคร



("คิน หายไปไหนน่ะ เรย์หาไม่เจอเลย")



ไม่รู้ว่าด้วยความเงียบข้างนอก หรือโทรศัพท์เสียงมันดังออกนอกลำโพง จะอะไรก็แล้วแต่ มันยิ่งทำให้คนได้ยินเสียใจ



"เดี๋ยวคินไป รอตรงนั้นแหละ อย่าเดินไปไหน" คินกรอกเสียงเรียบนิ่ง แล้วกดวางทันทีไม่ต่อบทสนทนา



"รีบไปสิ มีคนรออยู่ไม่ใช่เหรอ ฮึก!"



"...เอม..."



"ถ้าคินไม่ไป เอมไปเอง"



ปึง!



"เอม!"



ขาเรียวออกแรงวิ่งไป...วิ่งฝ่าฝูงชนออกไป อย่างรวดเร็ว ด้วยความโชคดีที่ตัวเล็ก จึงผ่านไปอย่างง่ายดายและถูกคนหลากหลายบังจนหลุดพ้นมาได้ในที่สุด



ต้องกลับ...ต้องกลับไปแล้ว...นั่นไม่ใช่ที่ของเขา



“อึก!”



อย่าอยู่ในที่ๆ สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน...อย่าเห็น...อย่าฟัง...อย่ารับรู้อะไร



แค่นี้ก็เจ็บมากพอ



'โทษที วันอาทิตย์นี้ไม่ว่างน่ะ'



ไม่ว่างก็เพราะต้องอยู่กับใครอีกคน



ฉลองกับใครอีกคน



กินข้าวกับใครอีกคน



ในวันสำคัญของคนสำคัญ...เขาไม่เคยมีตัวตนอยู่เลย







************************Whose fault? ************************







มาต่อแล้ว

แอบมีคู่ติมรามมาแทรกให้ลองเชิง

คินหนอคิน...เมื่อไหร่จะทำอะไรให้มันชัดเจน

คนอ่านอยากเปลี่ยนคู่ใจจะขาด (ฮา)

รักคนอ่าน อย่าลืมเม้นนะ จ้วบๆ


ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ตบ มันต้องตบ งี้จิกหัวเลย ยีๆ. อินเกิ้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
อดทนอีกนิดเอม

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 ตอนนี้ขอด่าติม เห็นแก่ตัวว่ะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
คินจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ. สงสารชะเอม,,,

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ผิดที่ใคร ผิดที่เรานี่แหละที่หลงเข้ามาอ่าน โอยยยย ติดเลย
สคิปไปตอนจบเลยได้ไหม หน่วงไปให้สุดทางแล้วจบที่บทสรุปให้รู้กันไปเลย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew5: :mew5: :mew5: ไม่มีความชัดเจนเลย  เอมน่าสงสาร

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Whose Fault ?

ผิด...ครั้งที่ 24



 

โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

 

 

กริ๊งงง

 

พรึ่บ!

 

"อือ...”

 

ชะเอมสะบัดผ้าห่ม ตวัดกายลงจากเตียงนอน โซเซเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งตื่น ตากลมปรือมองนาฬิกาก่อนทำตาโต

 

“แย่ล่ะสิ!” มือเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

 

วันนี้เขาสายแล้ว...!

 

ถ้าเป็นวันปกติอาจจะไม่เป็นไร แต่วันนี้เขามีพรีเซนต์งานชิ้นใหญ่ซะด้วยสิ อา...เพราะเมื่อวานเคลียร์งานจนดึกๆ ดื่นๆ แน่เลย วันนี้ก็เลยดื้อไม่ยอมลุกจากที่นอนทั้งๆ ที่หูก็ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกตั้งหลายครั้ง

 

ถึงจะรีบแค่ไหนแต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ล้มกระแทกพื้นเหมือนคราวก่อน ถึงไม่กี่วันก็หายปวด แต่นานเป็นเดือนกว่ารอยช้ำสีแดงคล้ำมันจะหายเหมือนเป็นปกติ

 

ร่างบางแต่งตัวอย่างรวดเร็วทว่าเรียบร้อย คว้ากระเป๋าสะพายวิ่งออกจากห้องอย่างลนลาน

 

"วันนี้รีบจังเลยนะครับคุณชะเอม" ลุงยามหน้าตึกทักทายยิ้มๆ เมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนของคนที่รู้จักกันดีพอสมควร

 

"อ้อ! วันนี้ผมสายแล้วครับ!" ร่างบางวิ่งผ่านแล้วยกมือไหว้ "ขอโทษที่ไม่ได้ทักทายดีๆ นะครับลุงธรรม!"

 

ลุงยามก้มหัวยิ้มไม่ถือสา เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่รีบจริงเจ้าตัวไม่วิ่งหอบผ่านหน้าผู้ใหญ่ไปดื้อๆ แบบนี้หรอก

 

ชะเอมโบกมือเรียกแท็กซี่ที่เปิดไฟว่างกำลังวิ่งมาพอดี นานๆ ทีวันนี้ขอใช้บริการรถที่สะดวกรวดเร็วนี้สักครั้งก็แล้วกัน

 

"ไปมหาลัย...ครับ"

 

มือบางล้วงหยิบของที่ต้องทานเป็นประจำทุกวัน วันนี้รีบจนไม่ได้ทานข้าวแต่ยังไงก็ต้องทานยา...แต่ว่าล้วงแล้วล้วงอีกก็ยังหาสัมผัสลื่นของขวดแก้วไม่เจอ เอ๊ะ...หายไปไหน

 

"อีกแล้วเหรอเนี่ย..." แหวกก็แล้ว เทของออกมาดูทั้งหมดก็แล้ว...มันไม่มีเลย "หายไปไหนน่ะ"

 

แค่ช่วงนี้รีบทำงานทั้งของมหาลัยและที่ทำงานพิเศษจนไม่ได้กินข้าวก็ว่าแย่แล้ว ยิ่งร่างกายขาดช่วงจากการทานยานี่แย่กว่า...ถ้าอาหมอรู้คงบ่นไม่หยุด

 

แล้วมันอยู่ไหนล่ะ...นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

 

"น่าจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง" ชะเอมคิดอย่างกังวล ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่าง กวาดตามองวิวไปเรื่อย

 

นี่ก็ผ่านมาตั้งสามวันแล้ว ตั้งแต่วันนั้น แต่ก็ไม่เห็นคินจะติดต่อมาเลย...ไม่มีการโทร...หรือส่งข้อความใดๆ ทั้งสิ้น

 

จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรให้คินเชื่อใจเขาเลยสักนิด

 

‘อย่าโกหก! เมื่อกี้คินเห็น บอกมาว่านั่นใคร’

 

แค่เรื่องนั้นอีกฝ่ายยังไม่เชื่อเลย...แล้วกับเรื่องเรย์ เขาจะทำได้แน่เหรอ...เรย์เป็นแฟน เป็นคนสำคัญของคิน...แล้วเขาล่ะเป็นใคร...ก็แค่คนนอก

 

เมื่อไหร่กันนะ...เมื่อไหร่จะถึงเวลาที่พวกเราเข้าใจกันและกันซักที และกว่าจะถึงตอนนั้น...

 

เขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่อาจรู้

 

ร่างกายนี้บอกความแน่นอนไม่ได้เลยว่าจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่

 

มือบางเผลอยกขึ้นลูบแผ่วเบาตรงอกผ่านเสื้อที่มีก้อนเนื้อที่เขาว่ากันว่าขนาดพอๆ กับกำปั้นของเจ้าของอย่างไม่รู้ตัว

 

ตึกตัก...ตึกตัก...

 

เสียงหัวใจเต้นยังคงดังเป็นจังหวะปกติ

 

ทำไมกันนะ

 

ทำไมถึงเกิดมามีร่างกายที่ไม่รู้ว่าวันไหนลมหายใจจะดับลง กลัวว่าวันไหนที่นอนหลับอยู่แล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

 

กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าคุณลุงกับคินอีก

 

แต่ถ้าเป็นแบบนั้น...พวกเขาก็จะได้ไม่ต้องมาพะวงไม่ใช่เหรอ...จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป

 

ถ้าหากเราตาย...

 

"คุณครับ ถึงแล้วนะครับ" คนขับหันมาบอกเมื่อผู้โดยสารนั่งนิ่งเหม่อลอย

 

"อะ ครับ!" ร่างบางสะดุ้งเฮือก ไม่รู้ตัวเลยว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ "นี่ครับ ขอบคุณมาก"

 

ขาเรียวในชุดนักศึกษาก้าวลงจากแท็กซี่อย่างรวดเร็ว

 

เมื่อกี้นี้เขาเผลอคิดอะไรไปน่ะ...

 

 

 

 

"เยี่ยมมาก ขอบคุณครับ เชิญคนต่อไปได้"

 

"ขอบคุณมากครับอาจารย์"

 

พรีเซนต์งานหรือพรีเซนต์โปรเจค ต้องพรีกับอาจารย์ตัวต่อตัว ถ้าใครพรีเซนต์เสร็จแล้วก็กลับได้เลย

 

เสร็จไปอีกงาน...ดวงตากลมมองนาฬิกา

 

"เกือบบ่ายโมงแล้วเหรอเนี่ย"

 

โครก...

 

มือบางยกลูบท้องแบนราบของตัวเอง

 

“หิวข้าวจัง”

 

ชะเอมไม่เลือกกิน ขาเรียวเดินผ่านโรงอาหารของคณะก็หาอะไรง่ายๆ ทานรองท้องไป...อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่น้ำใส

 

แกร๊ก...

 

"หืม?" ในขณะที่กำลังคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ช้อนอยู่ๆ ก็มีจานข้าววางอยู่ตรงข้าม ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง

 

"สวัสดีค่ะ พี่ชะเอม" ร่างเล็กน่ารักในชุดเสื้อนักศึกษาทับด้วยช็อปสีกรม ยิ้มตาสดใสเป็นเชิงทักทาย

 

"อ้าว น้องสา มาทำอะไรครับเนี่ย" ดวงตากลมโตมองอย่างสงสัยสุดๆ หายากมากที่จะพบคนใส่เสื้อช็อปแถวนี้เพราะคณะอักษรกับคณะวิศวะ มันอยู่ห่างกันถึงขนาดต้องนั่งรถโดยสารของมหาวิทยาลัยมาเลยล่ะ...ถ้าเดินยังไงก็ไม่น่าไหว

 

"พอดีสามาหาเพื่อนแถวนี้น่ะค่ะ ไม่นึกว่าจะได้เจอพี่ชะเอมด้วย...รินก็มาด้วยกันแต่กำลังซื้อข้าวอยู่...สานั่งด้วยคนนะคะ" รสากล่าวขออนุญาตแต่เจ้าตัวก็หย่อนตัวนั่งลงไปแล้วเรียบร้อยแล้วล่ะ

 

"นั่งเลยครับ ไม่ต้องขอหรอก พี่ไม่ใช่เจ้าของโต๊ะ" ชะเอมหยอกหัวเราะ

 

"แหม พี่ชะเอมก็" ท่าทางน่ารักขี้เล่นทำให้สาดีใจที่อีกฝ่ายพูดเหมือนสนิทใจกับเธอ

 

"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวรุ่นน้องผมยาวหน้าตาสะสวยกล่าวทักทาย เธอสวมชุดเดียวกับเพื่อนสาวตัวเล็ก แต่กลับดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก

 

"อ่า...สวัสดีครับ" ชะเอมรู้สึกตัวเกร็งขึ้นทันทีเพราะจำได้ว่าน้องรินไม่ค่อยชอบตนเอง ซึ่งตอนนี้ถึงจะไม่รู้ว่าน้องเขารู้สึกยังไง แต่สายตาเรียบเฉยนั่นก็ทำให้ประหม่าไม่น้อย

 

แต่มันก็ดีกว่าอีกฝ่ายมองด้วยสายตาเกลียดชังล่ะนะ

 

รินนั่งเยื้องไปเล็กน้อย พอเจ้าตัวหย่อนตัวนั่งปุ๊บ หญิงสาวก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวตรงหน้าไม่พูดอะไรอีกเลย สาที่มองข้างๆ ก็ถอนหายใจเบาๆ และยิ้มให้ชะเอมเป็นเชิงบอกว่า 'อย่าไปสนใจเธอเลยค่ะ' อะไรประมาณนั้น

 

ทั้งสามคนทานอาหารจนเสร็จ พอกำลังจะลุกขึ้นไปเก็บจานเพื่อแยกย้ายกลับถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน

 

"เดี๋ยวค่ะ...พี่เอม" ชะเอมชะงักเบิกตานิดๆ เหมือนอึ้ง

 

เมื่อกี้เธอเรียกเราว่าไงนะ

 

พี่เอม?

 

'ในรถคันนี้ไม่มีที่นั่งว่างสำหรับนาย ถ้าจะมีก็คือตรงบันไดขึ้นลงรถโน่น'

 

จะว่าไปเมื่อกี้นี้เธอก็พูดค่ะกับเราด้วย ดูสุภาพขึ้นเยอะ...ผิดหูผิดตา

 

"...ครับ?"

 

"คือว่าฉันอยากจะถามอะไรพี่หน่อย...เรื่องวันที่อยู่ในกระท่อมนั่นน่ะ...ที่ค่าย"

 

ร่างบางขมวดคิ้วสงสัย "อื้ม น้องรินพูดมาสิครับ"

 

"ที่พี่ชะเอมบอกว่าจำหน้าคนที่พาพี่มาที่กระท่อมไม่ได้...พี่พูดจริงเหรอคะ?" รินหรี่ตามอง สายตาของรุ่นน้องทำให้รุ่นพี่เหงื่อตก ยิ้มแหย

 

นี่สาวเจ้ายังจำเรื่องนี้ได้อีกเหรอ ทั้งๆ ที่เขาเกือบจะลืมไปแล้วนะเนี่ย

 

"เอ่อ เรื่องน้องคนนั้นเองเหรอ พี่ก็จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่...พี่พูดจริงนะ" ชะเอมยกมือสองข้างเหมือนสารภาพความผิดกับตำรวจยังไงยังงั้น "แล้วจู่ๆ น้องรินถามเรื่องนี้กับพี่ทำไมเหรอ"

 

"คือว่า...รินบอกสาว่ารินรู้จักๆ คนๆ นั้นค่ะพี่ชะเอม" สาบอกเสียงใส

 

"ยัยสา อย่าขัด" สายตาดุของเพื่อนทำให้ร่างเล็กรีบหดตัว ดวงตากลมโตสีดำมองกระพริบตาปริบ นี่ขนาดเพื่อนกันเองยังกลัวเลยเหรอ...

 

ร่างบางสะดุดหูประโยคที่สาพูดเมื่อครู่ "ว่าอะไรนะ น้องรินรู้จักน้องคนนั้นด้วยเหรอ"

 

แต่ว่าในสถานการณ์ตอนนั้นไม่มีทางที่น้องรินที่อยู่ในกระท่อมก่อนหน้าเขาจะเห็นใบหน้าของรุ่นน้องคนนั้นได้เลยนี่นา เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

 

"แล้วน้องรินเห็นหน้าเขาเหรอ พี่จำได้ว่าตอนนั้นมันแปปเดียวเอง"

 

"ค่ะ...พี่เอมลองดูรูปนี่ก่อน แล้วบอกฉันว่าใช่หรือไม่ก็พอค่ะ" มือบางของหญิงสาวยื่นมือถือมาให้ตรงหน้า

 

"จะดีเหรอ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ เพราะพี่เห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัดซะด้วยสิ" ชะเอมพูด

 

"ยังไงก็ดูก่อนเถอะค่ะ"

 

"ก็ได้ครับ..." ชะเอมดูรูปแล้วก็นิ่งไป ดวงตากลมโตมองรูปในโทรศัพท์ค้าง จากนั้นมือขาวซีดก็ส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของก่อนจะพูดตะกุกตะกัก "พี่...พี่ไม่รู้..."

 

"พี่เอมไม่รู้หรือว่ากำลังโกหกอยู่คะ" เพราะใบหน้าของรุ่นพี่ตรงหน้าพูดโกหกไม่เนียนสักนิด ซึ่งชัดเจนว่าชะเอมอึกอักไม่กล้าสบตา

 

"แค่นี้ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่อยู่ตอบคำถาม ไปเถอะสา" รินผุดลุกขึ้นเดินออกไป เธอคิดว่าเธอได้อะไรบางอย่างแล้ว ถึงรุ่นพี่จะไม่บอกแต่เธอจะหาคำตอบของคำถามที่ติดอยู่ในใจเธอให้ได้

 

...แล้วจะได้รู้กันซักทีว่าตกลงเป็นใครกันแน่ที่เสแสร้ง...

 

ชะเอมนั่งนิ่ง เขาไม่รู้ว่าน้องรินคนนั้นจะอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม ในใจติดสงสัยอย่างถึงที่สุดแต่ก็ได้แต่มองรุ่นน้องทั้งสองเดินจากไป

 

 

 

 

"เอม เสิร์ฟโต๊ะสิบหน่อย"

 

"ครับ!"

 

"ชะเอม คนในครัวล้างจานไม่ทัน รบกวนหน่อย"

 

"ครับ!"

 

"ลูกค้ารอคิวนานแล้ว เอมไปจัดการหน่อยเร็ว"

 

"ครับ!"

 

"เอม..."

 

"เอม..."

 

"เอม..."

 

"ขอบคุณมากเลยครับ" ชะเอมกล่าวขอบคุณก้มหัวให้กับลูกค้าคนสุดท้าย ห้างฯ ใกล้จะปิดแล้วแต่วันนี้ตั้งแต่เข้างานมาเป็นเวลาสี่ชั่วโมงกว่าเขายังไม่ได้หยุดนั่งพักเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะวันนี้พนักงานเสิร์ฟขอลาหยุดกันสองคน และพนักงานในครัวขอหยุดคนหนึ่ง แต่งานที่เพิ่มขึ้นกลับมากหลายเท่าตัว

 

"เหนื่อยจัง..." ใบหน้าหวานเหงื่อซึมอีกทั้งยังซีดเซียว มือบางยกขึ้นปาดเหงื่อแต่ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็วูบไหว...พร่ามัว

 

ขาบางทรุดลงไร้เรี่ยวแรง แต่ดีที่แขนยังคงยันโต๊ะในร้านพยุงตัวเอาไว้ทัน

 

"เฮ้ย เอม! ไหวเปล่าวะ" ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนพนักงานอายุมากกว่าสองสามปีเห็นชะเอมที่หน้าซีด ลมหายใจหอบสั่นอีกทั้งยืนอ่อนแรงเหมือนคนจะเป็นลม ก็รีบเข้ามาพยุงให้นั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ "เฮ้ยเป็นไรป่าว"

 

"ค..รับ ผมแค่เหนื่อย...ไม่...เป็นไร"

 

"เอ็งหน้าซีด"

 

"ครับ พี่เหน่ง...อย่าบอก...ผู้จัดการนะครับ ผมขอ" ร่างบางพูดทั้งๆ ที่ยังหายใจเหนื่อยอ่อน เปลือกตาบางกระพริบถี่ เพราะภาพเบื้องหน้าที่เห็นไม่ค่อยชัดเจน

 

"เออๆ พี่ไม่บอกแต่ถ้าเอ็งยังง่อยๆ แบบนี้ พี่แกก็รู้อยู่ดีเปล่าวะ" ปากคอเหมือนจะเราะร้าย แต่แววตาแสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างยิ่ง ก็น้องชะเอมมันนิสัยดี แถมยังพูดสุภาพกับทุกคน แบบนี้จะไม่ให้เป็นที่รักได้ไง

 

"ว่าแต่ชะเอม นี่เอ็งไม่สบายรึเปล่า" เหน่งไล้มือตามซอกคอ ใบหน้าและหน้าผากมน นึกว่าจะร้อน...แต่นี่กลับเย็นเฉียบ

 

"เปล่าครับ ผมก็แค่วูบ...สงสัยยังไม่ได้กินข้าวเย็นมั้งครับ"

 

"แล้วทำไมไม่กิน" รุ่นพี่ขมวดคิ้ว ดูจากรูปร่างของเจ้าคนผอมบางแล้ว ถ้าไม่กินข้าวก็ไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเดินด้วยซ้ำ

 

"ก็ลูกค้าเยอะนี่ครับ ผมไม่รู้จะกินตอนไหน"

 

"เออๆ เอ็งมันก็อ้างไปเรื่อยนั่นแหละ" เหน่งขี้เกียจบ่น รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากให้เขารับภาระคนเดียว เพราะคนน้อยอยู่แล้ว หายไปอีกคนพนักงานเสิร์ฟจะเหลือเหน่งแค่คนเดียว ได้หัววุ่นตายแน่

 

"พี่เหน่ง..."

 

"นี่เอ็งดีขึ้นยัง เดี๋ยวผู้จัดการก็ออกมาเห็นหรอก" เหน่งบอก ผุดลุกขึ้นแต่สายตายังจับจ้องไปที่ชะเอม

 

"ครับ" ชะเอมพยักหน้า

 

"รีบๆ เปลี่ยนชุดจะได้กลับไปพักผ่อน มันดึกแล้ว" ก่อนที่รุ่นพี่จะหันหลังเดินไปหลังร้านก่อน

 

ร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้น เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยมีแรงมากนัก...สงสัยวันนี้จำเป็นต้องใช้บริการแท็กซี่อีกแล้ว

 

แกร๊ก...แอ๊ด

 

"..." หลังจากเปลี่ยนชุดอะไรเรียบร้อยแล้วมือบางก็เปิดประตูล็อคเกอร์กำลังจะเก็บชุด กระปุกขวดแก้วบรรจุเม็ดยาโรคประจำตัวของเขาตั้งอยู่ในนั้น ที่ไม่แปลกใจเพราะว่าเขาเห็นตั้งแต่ขามาทำงานตอนเปลี่ยนเป็นชุดพนักงานแล้ว ที่แท้มันก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่มันอยู่ในล็อคเกอร์ของที่ทำงานนี่เองล่ะ เขาคงลืมมันไว้แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหน วันไหน

 

จะว่าไปช่วงนี้หลงๆ ลืมๆ บ่อยอยู่เหมือนกัน

 

ชะเอมคว้ามันใส่เข้ากระเป๋า ตรวจทานเรียบร้อยแล้วก็บอกลาพี่ๆ เหมือนทุกที

 

โครก...

 

ร่างบางลูบท้องที่ส่งเสียงประท้วงดัง ถึงจะหิวแต่ก็พอคิดว่าจะซื้ออะไรมากินรองท้องดี ก็รู้สึกเหมือนจะกินไม่ลงขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

ครืด ครืด

 

'คิน'

 

ชะเอมยืนนิ่งมองหน้าจอที่สว่างวาบแสดงชื่อของคนที่มักจะอยู่ในความคิดตลอดเวลา...ไม่อยากคุยเลย...ตอนนี้น่ะ...

 

ทำไมถึงโทรมาล่ะ...จนป่านนี้แล้ว

 

ร่างบางมองโทรศัพท์ที่สั่นเงียบๆ สักพักจนมันดับไป

 

ครืน...ครืน...

 

เสียงฟ้าร้องและสายลมพักกรรโชกทำให้รู้ว่าในอีกไม่นานฝนกำลังตกกระหน่ำอย่างแน่นอน

 

ขาเรียวขยับเดินออกจากห้างฯ ยืนอยู่ริมถนนข้างหน้าเพื่อมองหารถแท็กซี่กลับคอนโด ในใจรู้สึกผิดที่เมื่อครู่ไม่กดรับสายของร่างสูง...ทั้งๆ ที่เขาควรจะดีใจที่อีกฝ่ายโทรมาแท้ๆ

 

เคยหวังมาตลอดว่าอยากให้คินเป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจเขาบ้าง แต่ตอนนี้เขารู้สึกแย่กับสิ่งเหล่านั้นเหลือเกิน

 

ถ้าหากเลิกรักคินได้...เขาคงไม่ต้องทุกข์แบบนี้...ไม่ว่าชะเอมจะทำผิด หรือคินจะทำผิด สุดท้ายแล้วคนที่ทั้งเจ็บปวดและเศร้าใจก็คือเขาเพียงคนเดียว...แค่เขาฝ่ายเดียว

 

เอี๊ยด!

 

จู่ๆ รถเก๋งสีดำสนิทก็แล่นเข้ามาจอดตรงหน้าอย่างฉิวเฉียด เสียงเบรคกะทันหันทำให้ร่างบางเผลอถอยหลังผงะ พอตั้งสติได้ ก็รู้ว่ารถนี่มันคือฮอนด้าแอคคอร์ด

 

รถของคิน

 

ปึง

 

ร่างสูงเปิดประตูรถลงมา "เอม...ทำไมไม่รับสายล่ะ คินโทรไปไม่ได้ยินเหรอ"

 

ขายาวเดินอ้อมมายิ่งทำให้ชะเอมถอยหลังหนี

 

"คินมาทำไม..."

 

คินชะงัก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นประตูฝั่งข้างคนขับเปิดออกมา

 

"คิน ฝนใกล้ตกแล้ว รีบหน่อยเถอะ เรย์ต้องรีบกลับบ้านนะ" ร่างเล็กของเรย์ก้าวลงจากรถตะโกนบอกดวงตากลมโตสีดำส่งสายตาตัดพ้อให้คิน พาเรย์มาด้วยแล้วจะมาหาเขาทำไม แค่นี้ยังทำให้เขาเจ็บไม่พออีกใช่มั้ย

 

"..."

 

"เอม...คินมารับ กลับกับคินเถอะ" ร่างสูงเดินมาจับมือชะเอมและดึงให้เดินตามไป

 

"ไม่! เอมไม่ไป เอมกลับเองได้!" ร่างบางใช้มืองัดแงะมือใหญ่ออก แต่มันก็ไม่ออก เพราะมือใหญ่บีบแน่นไม่ยอมปล่อย "คินปล่อยนะ!!"

 

เสียงใสตะโกนดังกร้าว มันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว...คินทำเหมือนเขาไม่มีความรู้สึกเลย เขาเสียใจมากขนาดนี้ เจ็บปวดทุกข์ทรมานมากขนาดนี้ทำไมถึงไม่เห็นใจกันบ้าง

 

เพียะ! ปั่ก!

 

“ทำไมคินถึงทำกับเอมแบบนี้!”

 

แขนบางทั้งทุบทั้งตีร่างสูงที่ยังคงลากตัวเองเดินไปยังรถ ทั้งที่เขาไม่เคยเลยที่จะคิดทำร้ายคิน เพราะว่ารักมาก...ไม่อยากให้เจ็บ แต่ตอนนี้แม้จะต้องทำยังไงก็ต้องทำให้อีกฝ่ายปล่อยให้ได้ เขาไม่มีวันที่จะไปอยู่ในที่ที่เดียวกันกับเรย์หรอก...ให้เขาอยู่ใกล้กับมันน่ะไม่มีวัน!!

 

แต่คินไม่สะทกสะท้าน เพราะว่าแรงของชะเอมไม่ได้มากขนาดนั้น เขาเจ็บกายก็แค่เล็กน้อย แต่หากสายตาเจ็บปวดทุกครั้งที่ลงมือกับเขานั่นต่างหากมันทำให้เจ็บที่ใจมากกว่า

 

"เอม..."

 

"คิน ถ้าเขาไม่ไปก็ปล่อยเขาเถอะ เจ้าตัวก็บอกว่ากลับเองได้นี่" เรย์เห็นท่าทางสะดีดสะดิ้งของชะเอมแล้วรกหูรกตาจึงพูดออกไปทันทีด้วยความหมั่นไส้ ซึ่งคินก็ไม่ได้สนใจซ้ำยังตวัดสายตามองอย่างรำคาญเสียด้วย ร่างเล็กจึงพ่นลมหายใจแรงอย่างโมโหก้าวขาขึ้นรถปิดประตูดังปัง!

 

พรึ่บ!

 

“อ๊ะ...ไม่...”



ต่อด้านล่างค่ะ

>>>>>>>>>>

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


ต่อจากด้านบนค่ะ

>>>>>>>


ทันใดนั้นคินพลันรวบร่างผอมบางที่ยังงัดแงะมือใหญ่ไม่หยุดตวัดขึ้นพาดไหล่หนา ดีว่าเป็นเพราะดึกแล้วจึงไม่ค่อยมีรถ ไม่งั้นรถสีดำของร่างสูงคงโดนบีบแตรลั่นใส่เนื่องจากจอดไว้ข้างถนนนานหลายนาทีไปแล้ว

 

"อุก..." ชะเอมถูกโยนขึ้นเบาะหลัง ก่อนจะได้ทักท้วงอะไรคินก็ก้าวขึ้นรถล็อคกลอนเรียบร้อยไม่มีทางหนี แถมเท้าเหยียบคันเร่ง...รถออกตัวแล้ว

 

แปะ แปะ...ซ่า...

 

หลังจากขึ้นรถได้ไม่นาน ฝนที่ตั้งเค้าก็ตกลงมา ร่างผอมบางกอดแขนตัวเองแน่นเพราะความหนาวจากแอร์ของรถยนต์ มือใหญ่เอื้อมไปเบาแอร์ให้เนื่องจากมองกระจกหลังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งพอดวงตากลมเผลอสบกับสายตาคมกริบก็เบี่ยงสายตาออกไปมองนอกรถทันที

 

ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบงัน ซึ่งแปลกมากที่เรย์นั่งได้สงบเสงี่ยมผิดปกติ นึกว่าจะพูดจาไพเราะหวานหูอย่างคนเสแสร้งใส่ซะอีก ซึ่งก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่นั่งทนฟัง

 

โครก...

 

มือบางยกมือลูบท้อง...หิวจัง เมื่อไหร่จะถึงซักที...อึดอัด

 

รถสีดำเฉี่ยววิ่งด้วยความเร็วหากแต่ในรถก็มีแต่ความเงียบสงัดที่ได้ยินเพียงเสียงลมแอร์ดังหึ่งๆ และในเวลาประมาณสิบนาทีก็ถึงที่หมาย คินขึ้นมาจอดบนลานจอดรถให้เพราะจะได้ไม่ต้องเสี่ยงโดนฝน

 

ริมฝีปากบางขบกัดแน่น...ความใจดีแบบนี้ที่อีกฝ่ายมีให้ก็มีแต่ทำให้เขาเจ็บ

 

มือบางเปิดประตูรถเพื่อออกไปจากความอึดอัดนี่เสียที แต่หูกลับได้ยินเสียงเหล็กอะไรบางอย่างกระทบกัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร

 

...เหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น

 

ตึก...ตัก!

 

“นั่น...มัน...”

 

“เอ๊ะ...อ๋อ~” เรย์ยิ้มตามปิด ชูสิ่งที่ว่าขึ้นมายิ่งย้ำชัดเจนว่าชะเอมไม่ได้ตาฝาด “สวยใช่ไหม เรย์ชอบมากเลย คินเขาซื้อให้เป็นของขวัญน่ะ”

 

“เรย์...มันไม่ใช่แบบนั้น...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น แต่ก็โดนร่างเล็กพูดแทรกขึ้นมา

 

“อ๋อ มันคือของขวัญการคบกันเป็นแฟนได้หนึ่งเดือนแล้วน่ะ คินจะพูดแบบนี้ใช่มั้ย” เรย์พูดจบก็หัวเราะคิกคัก ไม่สนใจคนที่นิ่งงันไปแล้ว

 

ร่างผอมจ้องมองเหล็กสีเงินวาววับที่ห้อยอยู่กับโทรศัพท์มือถือในมือเล็ก เหล็กที่ทำจากเงินแท้รูปทรงกลมสลักลายเป็นหลุมขรุขระเหมือนพระจันทร์เต็มดวงของจริงย่อส่วน

 

เล็บจิกเข้าที่ฝ่ามืออย่างแรง ริมฝีปากบางขบกัดจนเลือดซึม ดวงตาจ้องเขม็งไปข้างหน้า ภาพพร่ามัวเพราะเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่กำลังจะไหลริน

 

นั่นมันพวงกุญแจของเขา...ที่เขาอยากจะซื้อให้ตัวเอง เพื่อจะได้คู่กับพวงกุญแจวันเกิดของคิน

 

โลกกับดวงจันทร์

 

ทั้งๆ ที่เขาต้องการแค่นั้น...แล้วเรย์ก็ยังจะแย่งมันไปจากเขาอีก...ทุกสิ่งทุกอย่าง

 

“ก็...สวยดีนะ...”

 

"ใช่ไหมล่ะ กำลังจะอวดอยู่พอเลย แต่เห็นเองแบบนี้ก็แสดงว่าตาถึงเหมือนกันนี่นา"

 

"เรย์!" คินปรามเสียงเข้ม

 

"ก็คินซื้อให้มาคู่กัน เรย์ก็อยากจะอวด" ร่างเล็กแก้มพองลม ก่อนจะหันมาบอก แววตาที่มีแต่ชะเอมเห็น แววตาของคนเยาะเย้ย...เหนือกว่า "ของคินเป็นพวงกุญแจลูกโลกล่ะ คู่กันเลยเนอะโลกกับดวงจันทร์"

 

อา น้ำตามัน...บ้าจริง...อย่าไปแสดงท่าทีอ่อนแอแบบนี้ให้อีกฝ่ายเห็นสิ เพราะไม่งั้นจะโดนเหยียบซ้ำ

 

“อืม...วันนี้เราเหนื่อยแล้ว ขอตัว...อึก!” มือบางปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นที่มันออกมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ตอนแรกจะทนได้แต่ตอนนี้มัน...ไม่ไหว...แล้ว

 

ปัง!!

 

มือบางกระแทกประตูรถเสียงดัง ขาเรียวกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป

 

“เอม!” ได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อ ยิ่งเร่งให้ร่างผอมบางวิ่งเร็ว

 

 “เอม เดี๋ยว!!” คินตะโกนเรียก ร่างสูงวิ่งกำลังมาทางนี้

 

ไม่นะ...ไม่! อย่าเข้ามานะ

 

นิ้วกดปุ่มลิฟต์สั่นระรัว ประตูค่อยๆ ปิดลงก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเข้ามา ภาพสุดท้ายที่เห็นคือสีหน้าร้อนรนของใบหน้าคม

 

"ฮึก..." น้ำตาเม็ดโตไหลผ่านฝ่ามือลงพื้นไม่ขาดสาย “ฮือออ”

 

‘คู่กันเลยเนอะโลกกับดวงจันทร์’

 

‘คู่กันเลยเนอะโลกกับดวงจันทร์’

 

‘คู่กันเลยเนอะโลกกับดวงจันทร์’

 

ใช่สิ ไม่ต้องมาบอกหรอก เพราะว่าเขาเป็นคนซื้อของชิ้นนั้นให้คินด้วยตัวเอง...เลือกมันเองกับมือ

 

ของขวัญสำคัญที่เขาตั้งใจเลือกให้

 

คินใช้มันเพราะจะได้ใช้คู่กับเรย์...ก็ถึงขนาดไปหาซื้ออีกอันมาเลยนี่นะ ซึ่งอีกฝ่ายไปได้มาได้ยังไงก็ไม่อยากรู้แล้ว...ไม่อยากรู้อีกต่อไปแล้ว

 

ณ วินาทีแรกที่เห็นของชิ้นนั้นเขาก็ชอบมันมาก

 

โลกกับดวงจันทร์ มันมีความหมายสื่อคู่กัน

 

ชะเอมซื้อลูกโลกให้กับคิน เพราะคินเปรียบเสมือนโลกสำหรับเขา เป็นโลกทั้งใบสำหรับเขา...เป็นคนสำคัญยิ่งในชีวิตที่ขาดไม่ได้ ส่วนดวงจันทร์คือดาวที่โคจรรอบโลกอยู่ตลอดเวลา เป็นดาวที่ไม่สำคัญ ปรากฏมาเฉพาะแค่บางเวลาและมีผิวขรุขระ ขี้เหร่...เหมาะกับเขา

 

ทั้งที่เป็น ‘แค่’ ของชิ้นเล็กๆ เพียงชิ้นเดียว แต่มันก็ทำให้ได้คำตอบบางอย่าง...รู้ชัดแล้วว่าคำอธิษฐานข้อที่สองของเขา...ไม่มีทางเป็นจริง

 

ไม่ว่าจะขอโอกาสจากคินอย่างไร เขาก็ไม่มีทางหรอก...ไม่มีทางทำให้อีกฝ่ายหันมาชอบได้หรอก

 

ไม่มีวันที่เขาจะได้รับความรักจากคนที่รัก...ไม่มีวัน

 

‘เพราะงั้นคินช่วยบอกมาได้ไหม ที่ทำแบบนี้...คินชอบเอมบ้างรึเปล่า’

 

เพราะคินทำให้ชะเอมเห็นถึงคำตอบของคำถามในวันนั้นแล้ว

 

 

 

************************Whose fault? ************************

 

 

 

"พี่ฟ้า ชะเอมล่ะ ไม่มาทำงานเหรอ"

 

"มาสิ อยู่โน่นแน่ะ เห็นบอกว่าวันนี้เหนื่อยๆ เลยอยากอยู่หลังครัว" เชฟหนุ่มบุ้ยปากสีหน้ากังวล เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าร่างผอมบางคนนั้นมีเรื่องไม่สบายใจ...เพราะขอบตาบวมแดงแสดงว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

 

"อีกแล้วเหรอ" เหน่งทำสีหน้าเดียวกัน "เห็นซึมๆ มาหลายวันแล้วด้วย"

 

"นายก็สังเกตเหรอ ผิดคาดแฮะ"

 

"ทำไม!" ชายหนุ่มจ้องเขม็ง

 

"อย่าขึ้นเสียงสิ มันยิ่งเหมือนนักเลงนะรู้เปล่า" ฟ้ายกมือขึ้นสองข้างยอมแพ้ เขาไม่ชอบมีเรื่องซะด้วยแต่รู้ว่าเหน่งไม่ใช่คนไม่ดีหรอก ที่พูดแบบนั้นก็เพราะอีกฝ่ายทำผมทอง หน้าตายังหาเรื่องอีกต่างหาก

 

"ผมเป็นห่วงใครแล้วมันผิดตรงไหน"

 

"ครับๆ ไม่ผิดหรอก ไม่ว่าใครอยู่กับเด็กคนนั้นก็ต้องชอบนั่นแหละเนอะ"

 

คนฟังพยักหน้าช้าๆ หันมามองหน้าเชฟแล้วยิ้ม "ขนาดผู้จัดการยังหลงชะเอมซะจนคนเป็นสามีตกกระป๋องเลยนี่นะ"

 

"ช่ายๆ...ซะที่ไหนล่ะ!" หนุ่มเชฟพยักหน้าเออออ ก่อนจะหันขวับมาปฏิเสธเมื่อรู้ตัว พร้อมกระซิบกระซาบสายตาล่อกแล่ก "อย่าพูดให้ได้ยินเชียว ไม่งั้นนายโดนหนักแน่ ขอบอกไว้ก่อน"

 

"นี่พี่กลัวเมียเหรอ"

 

"เออสิ!"

 

"ตอบซะเต็มปากเต็มคำเชียว" เหน่งพึมพำอย่างเอือมระอาเจ้านาย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก จุดประสงค์แค่แซวเล่นแค่นั้นแหละ

 

"คอยดูเอมให้พี่หน่อยแล้วกัน พี่อาจจะยุ่งๆ" ขนาดตอนคุย มือยังต้องขยับเลยคิดดู คนครัวไม่ได้ว่างอย่างที่ใครๆ คิดกันหรอกนะ "ดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายด้วย"

 

ชายหนุ่มผมทองเหมือนแยงกี้ขมวดคิ้ว "แล้วทำไมไม่ให้เขากลับบ้านไปล่ะครับ"

 

"ไม่ต้องจ้องแบบนั้นเลย เหน่งก็รู้ว่าพี่ไม่ใจร้ายขนาดใช้คนไม่สนใจสุขภาพหรอกน่า แต่ชะเอมดื้อจะอยู่เองต่างหาก ก็เจ้าตัวบอกว่าไหวๆ" ฟ้ายักไหล่

 

เขารู้ตัวว่าเป็นคนขี้ใจอ่อน ไม่ชอบบังคับคนเสียด้วย

 

เอาเถอะ เดี๋ยวยังไงถ้าหากมันเกินกำลังก็ให้คุณผู้จัดการมาบังคับเจ้าตัวด้วยตัวเองก็แล้วกัน

 

 

 

หัวปวดตุ้บๆ

 

กระบอกตาร้อนผ่าว

 

"แค่ก...แค่ก" ร่างผอมบางไอโขลกอย่างแรงจนแผ่นหลังสะท้อน ชะเอมรู้สึกร้อนปากร้อนคอร้อนจมูก อาการโดยรวมรู้สึกแย่มากถึงมากที่สุด เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บคอ ไม่คิดว่าตกเย็นจะอาการแย่ลงถึงขนาดนี้

 

เพราะงั้นเขาถึงขอมาอยู่หลังครัวเพื่อที่จะได้ไม่พบปะลูกค้าทั้งที่ตัวเองยังรู้สึกไม่สบาย แถมยังไอจามอยู่ตลอดเวลาแบบนี้

 

มือบางยังคงล้างจานที่เต็มไปด้วยเศษอาหารกองพะเนิน มือมีแต่รอยพลาสเตอร์เต็มไปหมด เพราะโดนมีดบาดหลายต่อหลายครั้งจนเลือดซึมต้องหาอะไรมาปิดแผลไว้ ทั้งเจ็บทั้งแสบแต่ก็ต้องอดทน นิ้วก็เปื่อยไปหมดเพราะต้องอยู่กับน้ำตลอดเวลา

 

แม้จะอยู่ในครัวที่ร้อนอบอ้าว แต่เหงื่อไม่ออกเลยสักนิด กลับรู้สึกหนาวและขนลุกอย่างแปลกประหลาดแทน

 

"ไหวมั้ย ชะเอม" พี่ฟ้าชะโงกหน้ามาถาม ซึ่งร่างบางก็พยักหน้าอัตโนมัติ

 

"ไหวครับพี่" ตอบเสียงแผ่วเบาอย่างคนเหนื่อยเพลีย

 

อีกชั่วโมงเดียวก็จะเลิกแล้ว อดทนอีกหน่อย พรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์แล้ว...จะได้นอนพักยาวๆ

 

"ปกติกลับบ้านยังไงเหรอเรา"

 

ร่างบางหันไปมอง พลันภาพมืดวูบไหว เปลือกตาบางกระพริบตาหนักๆ หนึ่งที ลืมตาก็ดีขึ้น "ครับ...ผมเดินไปครับ อยู่คอนโดไม่ใช่บ้านครับพี่ฟ้า"

 

"เดิน? เลิกดึกๆ สามทุ่มทุกวันนี่นะ แถวนี้มันมืดจะตาย...เดินคนเดียวมันอันตรายนะ เอม" เชฟหนุ่มพูดอย่างเป็นห่วง "แล้ววันนี้ดูไม่ค่อยดีด้วย จะกลับยังไงล่ะ"

 

"ผมอาจจะนั่ง...แท็กซี่...แค่ก กลับ" ดวงตากลมกระพริบถี่ กระบอกตามันร้อนมาก ปวดหัวหนักกว่าเดิม "พี่ฟ้า ผม...ขอนั่งพัก...."

 

เคร้ง!

 

มีดที่ถืออยู่หล่นจากมือบางลงพื้นเสียงดัง ร่างผอมบางที่คิดจะก้าวถอยหลัง แค่เพียงก้าวเดียวขาก็ไม่มีแรง แต่ดีที่ทรงตัวได้ ไม่ล้มลงกระแทกกับพื้น

 

"เอม!" ฟ้ารีบวางมือ รุดเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว "เป็นอะไรรึเปล่า หน้ามืดเหรอ"

 

"ไม่เป็นไรครับพี่ฟ้า แค่ขาอ่อนเท่านั้นเอง" ร่างบางพูดแล้วหอบหายใจร้อนผ่าว มือบางยกขึ้นปิดปากทั้งที่เปียกชื้น "แค่ก! แค่ก!"

 

แปลบ!

 

"โอ๊ย" เส้นประสาทแล่นแปลบปลาบขึ้นที่ศีรษะวูบหนึ่ง มันเจ็บจี๊ดจนต้องร้องออกมา มือบางยกขึ้นแตะศีรษะตรงที่เจ็บ หายไปแล้ว

 

"เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ" เชฟหนุ่มถามร้อนรน ค่อยๆ พยุงร่างผอมบางขึ้นนั่งเก้าอี้ดีๆ

 

"แค่ก..." ชะเอมยกมือจับลำคอขมวดคิ้วหนัก ปวดหัวไม่พอ...แถมยังเจ็บคอสุดๆ

 

"นายตัวร้อนจี๋เลย" ความร้อนจากการสัมผัสผ่านการพยุงตัวชะเอมเมื่อกี้ทำให้รับรู้ได้ว่าร่างบางอุณหภูมิสูงขนาดไหน

 

"ครับ...ผมขอพักครู่เดียว แล้วเดี๋ยวไปล้างต่อนะครับ" ชะเอมขออนุญาต รู้ดีว่าร่างกายของตัวเองเริ่มไม่ดีแล้ว แต่ก็อยากจะทำงานที่ค้างให้เสร็จๆ

 

อีกแค่แปปเดียวก็จะเลิกอยู่แล้ว...อดทนอีกแปปเดียว

 

"ไม่เป็นไรเดี๋ยวที่เหลือให้คนอื่นทำ นายกลับบ้านเถอะ เป็นแบบนี้พี่ไม่ค่อยสบายใจเลย"

 

"ไม่เป็นไรจริงๆ ครับพี่ฟ้า ผม..."

 

"พี่แกบอกให้กลับก็กลับเถอะน่า สภาพเอ็งแบบนี้อยู่ไปก็เกะกะเปล่าๆ"

 

"เหน่ง..." เชฟหนุ่มคราง เข้าใจว่าเป็นห่วงเหมือนกัน แต่ไม่เห็นต้องพูดแรงขนาดนั้นเลย

 

ชะเอมได้ยินก็พยักหน้าเข้าใจ "ขอโทษครับ..." ถึงจะเข้าใจแต่ก็สะเทือนใจไม่ได้ ใบหน้ามนก้มต่ำซ่อนน้ำตาที่คลอหน่วย พูดเสียงสั่นเครือ "ผมทำให้เดือดร้อน ขอโทษนะครับ"

 

ทั้งที่อยากจะพยายามให้เต็มที่แท้ๆ

 

แต่ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมด

 

ช่างไร้ประโยชน์...จริงๆ

 

"ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก ยังไงวันนี้ก็กลับก่อนเถอะนะ อีกแปปเดียวร้านก็ปิดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้หรอก" เชฟหนุ่มเอ่ยเพื่อคลายบรรยากาศหดหู่ที่เกิดขึ้น

 

"ฮึก คะ ครับ" ชะเอมขยี้ตาเพื่อซ่อนน้ำตา ริมฝีปากบางพยายามฝืนยิ้ม "งั้นผมขอตัว..."

 

ร่างผอมผุดลุกขึ้นโซเซ รีบเดินไปห้องพนักงานหลังร้าน เพื่อเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดเดิมก่อนกลับ โดยมีสายตาเป็นห่วงและรู้สึกผิดสองคู่มองตามหลัง

 

"ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดแรงขนาดนั้นเลย ดูสิเหน่ง นายทำชะเอมร้องไห้แล้วเห็นมั้ย" ฟ้าบอกกับหนุ่มผมทองที่หน้าเจื่อนสนิท...คงจะรู้สึกผิดล่ะสิ

 

"ผะ ผม...ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยนี่" เหน่งหน้าบูด "แค่เป็นห่วงแค่นั้น"

 

เชฟหนุ่มเขกหัวคนเด็กกว่าหลายปีเบาๆ "พี่รู้ แต่นายใช้คำพูดไม่ถูกน่ะสิ เจ้าบ้า คนกำลังไม่สบายอยู่ไปพูดแบบนั้น จะน้อยใจก็คงไม่แปลกเลย"

 

"ขอโทษ"

 

"ขอโทษพี่?"

 

"...ไม่ใช่เฟ้ย!" เหน่งแหวเสียงดัง ก็มีแต่เจ้านายคนนี้แหละที่ไม่ถือสากับคำพูดแสลงหูของเขา นอกจากไม่ถือสาแล้วยังหัวเราะร่าอีกด้วย

 

"งั้นนายก็ไปขอโทษกับเจ้าตัวเองสิ...หมายถึงครั้งหน้าน่ะนะ ส่วนตอนนี้กลับไปทำงานได้แล้ว" ฟ้าชี้นิ้วไปที่กองจานสกปรกที่เพิ่งถูกยกมาวางบนอ่าง "แล้วไปล้างจานที่เหลือด้วย"

 

"คร้าบ คร้าบ"

 

"หืม?" หางตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตกลงบนพื้นใกล้ๆ ...นั่นมันโทรศัพท์มือถือ...ของใคร?

 

"เฮ้ยเหน่ง นายทำมือถือตกไว้เปล่า"

 

"ใช่ที่ไหนล่ะครับ ผมจะไปมีปัญญาซื้อของแพงหูฉี่แบบนั้นได้ไง" หนุ่มผมทองก้มหน้าล้างชามเหลือบมองก่อนตอบยืดยาว

 

"ตอบสั้นๆ พี่ก็เข้าใจแล้ว" เชฟหนุ่มก้มมองไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ถ้านี่ไม่ใช่ของเหน่ง ก็เป็นของชะเอมน่ะสิ

 

ตอนนี้ไปรึยังก็ไม่รู้...ไม่สบายแบบนั้น กลับคนเดียวจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย

 

"พวกนายฝากดูแลด้วย ฉันออกไปข้างนอกแปปนึง!"

 

"ครับลูกพี่!"

 

"บอกว่าอย่าเรียกแบบนั้นไง มันเหมือนหัวโจกนักเลง เจ้าพวกนี้นี่" ฟ้าบ่น ขายาวก้าวไปห้องพนักงานพบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว

 

ร่างสูงของเชฟชุดขาววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หวังว่าจะยังทันอยู่

 

ครืด ครืด

 

เสียงมือถือพร้อมแรงสั่นในมือใหญ่ทำให้ขายาวก้าวช้าลงกลายเป็นเดินเร็วแทน มองหน้าจอที่สว่างวาบก็พบว่าเป็น..

 

'คิน'

 

จะเป็นเพื่อนหรือใครก็แล้วแต่ ถ้าหากเขาวิ่งไปแล้วยังไม่เจอชะเอมก็จะได้ฝากของให้คนๆ นี้ไปก็ยังได้

 

"ครับ"

 

("...นั่นใครครับ เอมไปไหน") ฟ้ารู้สึกได้ว่าเสียงอีกฝ่ายเข้มมาก

 

"ผมเป็น...เจ้านายของชะเอมที่ทำงานพิเศษครับ น้องคินเป็นเพื่อนของชะเอมใช่รึเปล่า"

 

("ก็...ครับ ประมาณนั้น ช่วยบอกเอมว่าทำงานเสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับ ผมกำลังไปรับเขา")

 

"เอ้อ ดูเหมือนเค้าจะไม่สบายหนักเลย พี่ก็เลยอนุญาตให้เค้ากลับไปก่อน แต่เจ้าตัวก็ดันลืมมือถือไว้ พี่กำลังเดินออกไปไม่รู้ว่ากลับไปยัง" แม้ปากจะพูดแต่ขาก็ยังก้าวยาวๆ คนในห้างเริ่มบางตาตามเวลา

 

("อะไรนะครับ")

 

"เดี๋ยวนะ...เอม!!" ฟ้าตะโกนเรียก เมื่อเจอคนที่ต้องการหา

 

ร่างผอมบางนั่งอยู่ขอบฟุตบาธริมถนนหันหลังให้ท่ามกลางความมืด ลมเย็นพัดโกรก ได้ยินเสียงฟ้าคำรามฝนทำท่าเหมือนจะตก ตอนนี้รอบข้างจึงไม่มีคนหลงเหลืออยู่เลย ชะเอมไม่หันมามอง ไม่รู้ว่าไม่ได้ยินเสียงเรียกหรือยังไง

 

ชะเอมนั่งกอดเข่าหลับตาสีหน้าซีดเซียว ลมหายใจหอบสั่น แขนบางกอดรอบเข่าแน่น เนื้อตัวสั่นเทาเพราะอากาศเย็นๆ

 

"เอม..."

 

เปลือกตาบาง ลืมขึ้นมอง ดูเชื่องช้าอ่อนแรง "...พี่ฟ้า...มาทำอะไรครับ"

 

"พี่เอามือถือมาคืน เอมลืมเอาไว้...แล้วทำไมถึงมานั่งหลับตรงนี้" ร่างสูงกวาดสายตามองไปรอบๆ ...แถวนี้มืดแล้วดูอันตรายสุดๆ

 

"คือผม...รอแล้วไม่มีแท็กซี่มาซักทีครับ ก็เลย..." ร่างผอมพูดแค่นั้น ก็หลับตาไปอีก ปวดหัว...เหนื่อยเพลียจนอยากจะหลับไปซะตรงนั้น รู้สึกหนาวแต่ร่างกายก็ร้อนผ่าว เดินไม่ไหว ลุกไม่ไหว เจ็บปวดไปทั้งร่างกายเลย

 

"รอแปปนึงนะ...” ฟ้าจับโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง “คินจะถึงรึยัง พี่ว่าเอมกลับเองไม่ไหวแน่"

 

("ครับ อีกแปปนึง พี่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาสักสิบนาทีทีนะครับ")

 

"โอเค รออยู่หน้าห้างฯ เลยนะ"

 

"เอม...เอม...ไหวมั้ย" ร่างสูงทรุดตัวนั่งข้างๆ รุ่นน้อง มือใหญ่ทาบหน้าผากมนที่ร้อนผ่าวอย่างน่าเป็นห่วง

 

"ครับ" ดวงตากลมโตลืมขึ้นอีกครั้ง แววตาฉ่ำน้ำที่มองแล้วชวนหวั่นไหว แต่ร่างบางกำลังไม่สบาย "ไหวครับ พี่ฟ้ามาทำอะไรเหรอ"

 

ชะเอมเหม่อลอย ไม่รู้ตัวว่าถามคำถามเดิม ซึ่งฟ้าไม่ถือสาอยู่แล้ว

 

"เอมลืมมือถือเอาไว้ พี่เลยจะเอามาคืน” ฟ้าจัดแจงใส่มือถือของเจ้าตัวลงกระเป๋าให้เอง เพราะแค่ร่างบางจะขยับตัวยังดูไม่มีแรงเลยด้วยซ้ำ “อดทนอีกนิดนะเอม เดี๋ยวเพื่อนที่ชื่อคินจะมารับแล้วนะ”

 

“ครับ...” ชะเอมรับคำไปอย่างนั้นเอง ปวดหัวจนไม่อยากฟังอะไร อีกฝ่ายพูดอะไรบ้างก็ไม่รู้ “พี่ฟ้า...ผมขอโทษครับ”

 

“ขอโทษเรื่องอะไร”

 

“ผม ฮึก ฮึก ทำให้พี่เดือดร้อน”

 

“เอม...คิดมากเรื่องที่เหน่งพูดเหรอ เขาไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ พี่เขาเป็นห่วงเอมมากก็เลยพูดแบบนั้นเท่านั้นเอง” เชฟหนุ่มเห็นอีกฝ่ายร้องไห้โยเยเหมือนเด็กน้อยแล้วอดสงสารไม่ได้ มือใหญ่ลูบหัวทุยเบา รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมา

 

“ผมขอโทษ...” ร่างผอมบางกอดเข่าพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาหลุดจากขอบตาไหลซึมผ่านกางเกง “ขอโทษครับ”

 

“ไม่เป็นไรเอม ไม่เป็นไร พี่ไม่โกรธหรอก อย่าร้องไห้” ฟ้าเอ่ยเสียงเบาปลอบประโลมคนไม่สบาย ชะเอมในยามนี้เอาแต่กล่าวขอโทษซ้ำๆ แต่ในคำพูดแฝงไปด้วยความโศกเศร้า...รู้สึกผิด

 

ผ่านไปไม่นาน รถสีดำสนิทแล่นมาจอดตรงหน้าด้วยความเงียบเชียบ ร่างสูงของคนไม่รู้จักก้าวเดินอ้อมรถมา เชฟหนุ่มรีบลุกขึ้นทันที

 

“คิน...ใช่มั้ย?”

 

“ครับ...” คินพยักหน้าให้ฟ้า ร่างสูงทรุดตัวลงใกล้ร่างผอมที่นั่งกอดเข่าตัวสั่นเทา ใช้หลังมืออังหน้าผาก ใบหน้า ลำคอเช็คอุณหภูมิ แต่ชะเอมก็ยังหลับตานิ่ง หอบหายใจแรง “เอม”

 

“เอม...”

 

“ครับ...พี่ฟ้า” ดวงตากลมปรือมอง ไม่ใช่นี่นา “คิน?”

 

ร่างสูงยิ้มบาง กระซิบถามเสียงเบา “เอม ลุกไหวมั้ย”

 

“คิน...คินเหรอ” แขนบางอ่อนแรงเอื้อมกอดคอคนตรงหน้า จะภาพลวงตาหรือความฝันก็ช่าง...ดีใจ “ฮึก!”

 

ความร้อนระอุที่แผ่ออกมาจากร่างผอมบาง ทำให้คินขมวดคิ้วแน่น แม้จะไม่สบายขนาดนี้แต่ก็ไม่เคยบอกอะไรเลย...เวลาชะเอมเป็นอะไรไม่เคยพูดหรือบอกอะไรใครเลย จะมารู้ก็ตอนที่อีกฝ่ายอาการเป็นหนักแล้วแบบนี้

 

อ้อมแขนแกร่งกอดตอบคนไม่สบายที่สะอื้นฮักแนบอก ฟ้าที่ยืนมองอยู่ก็จะมาช่วยพยุง แต่คินส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“ไม่เป็นไรครับ” ร่างสูงตวัดคนตัวเบาหวิวขึ้นอุ้ม ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยความทะนุถนอม อ่อนโยน ใบหน้าคมพยักหน้าขอบคุณคนที่เปิดประตูให้ คินเอื้อมมือปิดแอร์ ปรับเบาะเอนระนาบ หยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่แขนอยู่หลังรถมาห่มให้ชะเอมที่นอนกอดตัวเองตัวสั่นเทา

 

“ขอบคุณมากนะครับ ที่อยู่รอเป็นเพื่อนเอม”

 

“ไม่เป็นไร รีบพาเขากลับเถอะ อีกเดี๋ยวฝนจะตกแล้วจะขับรถลำบาก”

 

“ครับ” คินเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ เหยียบคันเร่งออกตัว สายตาคมกริบเหลือบมองกระจกหลังรถเห็นคนที่อ้างว่าเป็นเจ้านายของชะเอมยังยืนมองอยู่ลิบๆ และสักพักร่างสูงก็หันหลังเดินกลับเข้าห้างสรรพสินค้าไป

 

 

************************Whose fault? ************************



ติดตามตอนต่อไปนะคะ

 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านแล้วเม้นเป็นกำลังใจค่ะ

แจกันนน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
พาไปโรงพยาบาลเถอะ

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
จะกรี้ด บ้าบอที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
 ดึงดราม่ามากไป จนยืดเยื้อ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :angry2: ที่ :fire: :m31: เรย์หรือคินที่ใจร้ายกว่ากันนน

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
 สงสารเอม,,,

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

                                                          Whose Fault ?

                                                           ผิด...ครั้งที่ 25





โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม



"เอม" เขาเรียกชื่อคนตรงหน้า ดวงตากลมแดงก่ำชุ่มฉ่ำด้วยน้ำตา นิ้วเรียวยาวลูบไล้ใต้ตาช้ำแผ่วเบา "คินขอโทษ"



คำขอโทษของเขา พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็รู้ดีว่าไม่สามารถชดใช้บาปที่ทำขึ้นกับคนตรงหน้าได้



เขาทำให้เอมเสียใจมาหลายร้อยครั้ง



มันเป็นเพราะ 'เขา'



ความผิดของเขาทั้งหมด







"คิน ช่วงนี้หายไปไหนบ่อยจัง เรย์โทรหาก็ไม่ค่อยรับ"



"อืม ก็นิดหน่อย" เสียงทุ้มตอบร่างเล็กสั้นๆ สายตามองไปข้างหน้าเนื่องจากขับรถอยู่ โดยทำเป็นไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนจับจ้องจากคนข้างๆ



"เราไปเที่ยวกันบ้างมั้ย ช่วงนี้เรียนหนักมากเลย เรย์เบื่ออะ" เรย์บ่นอิดออด



'ไปเที่ยวด้วยกันมั้ยคิน อาทิตย์นี้'



"เอ้อ ว่าแต่ใกล้วันเกิดคินแล้ว วันไหนนะ อาทิตย์หน้ารึเปล่า เรย์ขอจองตัวไว้ก่อนเลยนะ เดี๋ยวเราจะได้ไปฉลองกันสองคน" เรย์หยิบมือถือขึ้นมาไถๆ เหมือนดูอะไรบางอย่างแล้วพูดอมยิ้ม



"อาทิตย์เหรอ...คินไม่น่าว่าง"



เพราะว่าเขาสัญญากับใครบางคนไปแล้ว



"อ้าว อะไรกัน ไม่ว่างเหรอ" เรย์พูดหน้าซึม "ไปไหนอะ เรย์อุตส่าห์รอวันนี้มาตั้งนาน ตั้งใจจะฉลองวันเกิดพร้อมกับฉลองการเป็นแฟนครั้งแรกซักหน่อย"



เขามองนิดๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำนั้นก่อนเอ่ยต่อรอง "เอาเป็นวันอื่นได้มั้ย วันเสาร์ก็ได้นี่ ยังไงเรย์ก็ว่างไม่ใช่เหรอ"   



"แต่ถ้าไม่ใช่วันเกิดคินก็ไม่มีความหมายนี่นา"



"..."



เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ สายตาคมยังคงจ้องมองไปข้างหน้าก่อนที่รถจะติดไฟแดง ทำให้เขาต้องหันหน้ามาสนทนากับร่างเล็กด้วยอย่างช่วยไม่ได้



"คินไปธุระไหน ทำไมไม่ว่างล่ะ คุณลุงยังทำงานอยู่เมืองนอกไม่กลับไม่ใช่เหรอ" เรย์ถาม ดวงตาที่มองมาทำให้เขาไม่กล้าสบกลับ เหมือนพยายามค้นหา...ว่าเขาพูดจริงหรือโกหก "นี่...มีอะไรที่ 'สำคัญ' กว่าการอยู่ฉลองวันเกิดกับ 'แฟน' อีกเหรอ"



ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกได้ว่าคำพูดนั้นมันช่างประชดประชันและเหน็บแนม



"เดี๋ยวคินขอดูก่อนก็แล้วกัน"



"เย้~! ว่าแล้วเรย์คิดไม่ผิดเลย ยังไงคินก็ต้องเห็นเรย์มาก่อนอยู่แล้วล่ะ"



จุ๊บ!



ร่างเล็กคว้าลำคออีกฝ่ายให้โน้มลงมาเพื่อที่เจ้าตัวประทับจูบลงบนริมฝีปากหยักง่ายดาย



 “ให้รางวัล” อีกฝ่ายพูดอมยิ้ม ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีไฟจราจรก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว ร่างสูงก็ได้แต่เหยียบคันเร่งออกไปไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรอีก



"คินสัญญาแล้วนะ เดี๋ยวเรย์จะได้บอกคุณแม่ วันนั้นจะได้ไปทำบุญที่วัดแต่เช้าพร้อมๆ กันเลย"



คนพูดคนเดียวฮึมฮัมเพลงอะไรสักอย่างและมองออกไปนอกหน้าต่าง



ในเวลาต่อมาก็ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ สรุปแล้วเขาต้องไปกับเรย์...กับครอบครัวของเรย์



นี่หมายความว่าเขาจะต้องปฏิเสธชะเอมงั้นหรือ



'ไปเที่ยวด้วยกันมั้ยคิน อาทิตย์นี้'



นึกถึงรอยยิ้มดีใจในยามที่เขาตอบตกลง...เปลี่ยนเป็นหยาดน้ำตาและเสียงร้องไห้



เพียงแค่นึก...ในใจของเขามันก็แห้งผาก



'ชอบเขาแล้วยังเสือกปากแข็ง ระวังตัวเหอะ เสียเขาไปแล้วเอาคืนมาไม่ได้ ถึงวันนั้นกูจะหัวเราะเยาะมึงให้ฟันหักเลยคิน'



รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเรย์มันเริ่มเข้ากันไม่ได้มากขึ้น...มากขึ้นทุกที



...อยากจะจบมัน...



พูดง่ายๆ และเห็นแก่ตัว...เขารู้ดี



แต่ยิ่งคบกันไป รังแต่จะทำให้ความรู้สึกของเขามันยิ่งแย่ลง



‘ผมชอบคิน’



...อยากจะจบมัน...



เรย์ไม่ได้ทำอะไรผิด ร่างเล็กก็แค่มีนิสัยที่...ควรจะให้คนอื่นที่พร้อมจะยอมรับและดูแลอย่างเต็มใจมากกว่าที่จะเป็นเขา



ตัวเขานี่โคตรแย่ที่ให้โอกาสอีกฝ่ายแล้วตอนนี้ก็ยังคิดจะเลิกราอย่างไร้เหตุผล...และแย่ยิ่งกว่าคือการลากชะเอมเข้ามาเจ็บด้วย



'ถ้ามึงยอมรับความรู้สึกจริงๆ ของมึงได้เมื่อไหร่และยังอยากจะรู้อยู่...ถึงตอนนั้นค่อยมาถามกูก็ได้'



เสียงของเอกผุดขึ้นดังก้องในโสตประสาท



ทำไมก็ไม่รู้ถึงรู้สึกขึ้นมาตอนนี้...แต่เขาอยากรู้ว่าเรื่องที่ไอ้เอกพูดตอนนั้นมันคืออะไร...



ความลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรย์และเอม...อะไรบางอย่าง



แต่มันไม่สำคัญเท่าที่ถ้าหากรู้เรื่องนั้น...เขาจะสามารถหลุดจากการผูกมัดนี้ได้หรือไม่



ไม่อยากให้มันยืดเยื้อไปมากกว่านี้อีกแล้ว







************************Whose fault? ************************







ภาคิน : เรื่องไปเที่ยวน่ะ 21.36pm Read

chÄim : อื้ม วันอาทิตย์นี้ดีไหม 21.37pm Read

ภาคิน : เปล่า ขอโทษที อาทิตย์นี้ไม่ได้น่ะ 21.46 Read

ภาคิน : เอม 21.55pm Read

chÄim : ครับ ไม่เป็นไรคิน ถ้าว่างตอนไหนคินค่อยบอกเอมก็แล้วกันนะ 21.57pm Read

chÄim : แล้ววันนั้นจะมากินข้าวเย็นมั้ย 21.58pm Read

ภาคิน : โทษที นั่นก็ไม่ได้น่ะ อาทิตย์นี้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะ 22.00pm Read

chÄim : ครับ 22.05pm Read

           



"เอม...เอม!!!"



ร่างผอมบางกำลังวิ่งหนีห่างออกไป เสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหันกลับมา...ไปไกล...ไกลมากขึ้นทุกที



ขายาวพยายามวิ่งไล่สุดฝีเท้า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทัน



เสียงทุ้มตะเบ็งสุดเสียงจนเจ็บลำคอ



"เอม...อย่าไป!!!"



เฮือก!



ร่างสูงสะดุ้งลืมตาโพลง ผุดลุกขึ้นนั่ง สัมผัสถึงความเปียกชื้นที่ใบหน้าและแผ่นหลังกว้าง หอบหายใจเข้าออกลึกเนื่องจากความฝันที่เหมือนจริง เขากำลังวิ่งไล่ชะเอมที่วิ่งหนีเขา



"แฮ่ก...เฮ้อ" คินทิ้งตัวลงนอน แขนใหญ่พาดปิดใบหน้า



ฝัน...



แม้ในตอนตื่นก็ยังจำความรู้สึกได้ ว่ามันโหยหาขนาดไหน...ใจหายขนาดไหนที่คิดว่าจะไม่ได้เจอร่างผอมบางคนนั้นอีกแล้ว



แต่ในฝันนั้นเขาไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่ายเลย ชะเอมกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่...กำลังร้องไห้อีกแล้วหรือเปล่า



'ผมชอบคินนะ ชอบ...'



ทั้งๆ ที่บอกแบบนั้นกับคิน แล้วทำไมถึงยังวิ่งหนีไปอีกล่ะ



มันหมายความว่ายังไง



...เอม...









"คิน...คุณภาคินครับ!"



"อะ อืม...ว่าไง"



ร่างเล็กกอดอกพองลม "เหม่ออะไรน่ะ ตั้งแต่ดูหนังแล้วนะ"



ถ้าเป็นแต่ก่อนคินอาจจะมองท่าทางตอนนี้ของเรย์ว่าน่ารัก แต่ไม่มีอารมณ์เลย...ในหัวมันตื้อ รู้สึกเฉยชาไปหมด



คิดถึงแค่คนๆ เดียว



‘ถ้าคินไม่ไป เอมไปเอง’



ถึงจะสังหรณ์ไม่ดีเพราะแผ่นหลังบางวิ่งหนีซ้อนกับความฝัน แต่ถ้าหากเขาตามไปรังแต่จะทำให้อีกฝ่ายถอยหนีมากขึ้นก็เป็นได้...และชะเอมก็คงอยากจะอยู่คนเดียว...ในเวลานี้



กรุ๊งกริ๊ง



เสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้น ทำให้สายตาคมก้มมอง



‘เอมแค่มาซื้อนี่ให้ อึก ถ้าคินไม่อยากได้...ก็ทิ้งมันไปก็แล้วกัน’



ไม่มีทางหรอก



พวงกุญแจที่เป็นของขวัญวันเกิดที่ชะเอมเป็นคนมอบมันให้กับผม...ผมชอบมาก



พวงกุญแจลูกโลกขนาดจิ๋วสลักลายและลงสีได้อย่างละเอียด ที่มองกี่ทีๆ ก็รู้สึกตรึงตราประทับใจ



มันสวยมาก จนร่างสูงต้องเอามันมาแขวนไว้ในที่ๆ เห็นได้ง่ายๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ...เวลามองมันจะได้นึกถึงหน้าของคนที่ให้



เขา...อยากซื้อของให้ชะเอม ถ้าเขาให้ชะเอมบ้าง ร่างบางน่าจะดีใจ และน่าจะทำให้สายตาตัดพ้อนั่นจางลงไปเพียงเล็กน้อยก็ยังดี



ริมฝีปากหยักยิ้มโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่นึกถึงใบหน้าดีใจของคนในภวังค์



"เราดูหนังกันแล้ว เดี๋ยวไปเดินเล่น หาซื้อของกันไหม คินอยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่า"



"ไม่..." ร่างสูงตอบสั้นๆ ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวมันทั้งที่รสชาดจืดชืด ไม่ได้สนใจท่าทางกระตือรือร้นของเรย์ที่ดูเหมือนอยากจะซื้อของให้เขาเสียเหลือเกิน



"ไม่เป็นไร เดี๋ยวลองเดินดูก่อนค่อยคิดก็ได้เนอะ" เขาไม่ตอบ ยกแก้วน้ำขึ้นดูดนิ่งๆ เพราะรู้ว่ายังไงอีกฝ่ายก็เอาแต่ใจ คิดเองเออเองอยู่แล้ว



พักนี้นิสัยนี้ของเรย์ก็หนักมากขึ้นทุกที จนเขา...เบื่อหน่ายแกมเอือมระอา



"ยินดีต้อนรับครับ"



มือใหญ่ดันประตูที่มีกระดิ่งติดดังกรุ๊งกริ๊งและก้าวเดินเข้ามาในร้านที่มีของจุกจิกน่ารักเต็มไปหมด ร้านที่เหมาะกับผู้หญิงจะเดินเข้ามามากกว่าจะเป็นผู้ชายตัวใหญ่บึกบึนแบบนี้ ส่วนเรย์นั้นบอกว่าจะไปดูอย่างอื่น...เขาจึงได้มีเวลาส่วนตัวบ้างเสียที



เอาเถอะ อันที่จริงคินก็ไม่ได้พิศวาสร้านอะไรแบบนี้หรอก ก็แค่อยากจะหาซื้ออะไรตอบแทนเอมบ้างเท่านั้น



และพวงกุญแจก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน



"หืม อ้าว...คุณลูกค้าครับ นั่นมัน..." ร่างสูงหันไปมองเมื่อมีคนทัก พนักงานชายที่จ้องมองส่วนล่างของเขาตาไม่กระพริบ ตอนแรกก็คิดว่าอะไร พอมองตามก็พบว่า "พวงกุญแจนั่น...แสดงว่าคุณก็เป็น...อ้า คุณรู้จักคุณชะเอมใช่มั้ยครับ บังเอิญสุดๆ ไปเลย"



การพูดเองเออเองของพนักงานชายคนนี้ ทำให้คินมองงงปนอึ้ง "นี่คุณรู้จักเอมด้วยเหรอ"



"ใช่ ใช่สิครับ เพราะพวงกุญแจลูกโลกนั่น เขาเพิ่งซื้อมันไปเมื่อบ่ายนี้เอง" อีกฝ่ายพูดอย่างตื่นเต้น คำบอกเล่าทำให้ผมนิ่งฟัง "เขาบอกจะซื้อไปให้คนสำคัญ ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง!"



ตึกตัก!



...คนสำคัญ...



คำบอกเล่าของพนักงานชายแปลกหน้าทำให้ใจของเขากระตุกอย่างแรง



"ว่าแต่คุณหาซื้ออะไรเหรอ"



"พอดีผมก็กำลังมาหาซื้อของตอบแทนให้เอมครับ แล้วก็คิดไว้ว่าจะให้เป็นพวงกุญแจเหมือนกันน่าจะดี..."



พนักงานหนุ่มดีดนิ้วดังเปาะ ยิ้มกว้าง "งั้นก็ดีเลยครับ คุณลูกค้าก็ซื้ออันนี้ไปให้คุณเอมเลยสิ" ว่าแล้วมือก็ค้นในตู้กระจกเพียงชั่วครู่แล้วหยิบมาวาง "จริงๆ มันเป็นพวงกุญแจคู่กับลูกโลกอันนั้นล่ะครับ แต่คุณเอมขอให้ผมเก็บเอาไว้เพราะเงินไม่พอซื้อ...ว่าไปแล้วก็บังเอิญจริงๆ เลยนะครับเนี่ย"



ผมหยิบพวงกุญแจอันที่ว่าขึ้นมาดู เป็นพระจันทร์เต็มดวงมีหลุมขรุขระเป็นลายกระต่าย...น่ารักดี



พวงกุญแจคู่เหรอ...



"งั้นผมเอาอันนี้แหละครับ"



"ขอบคุณที่อุดหนุนครับผม"



"นั่นอะไรน่ะ คิน" ร่างเล็กชะโงกหน้ามาดูถุงในมือใหญ่ ร่างสูงก็รีบเบี่ยงเล็กน้อย "ขอดูหน่อยสิ"



"ไม่มีอะไรหรอก"



"ไม่มีอะไรก็เอามาให้เรย์ดูสิ" เรย์คว้าถุงในมือคินไป จนร่างสูงยืนกลอกตาถอนหายใจเบาๆ



"เรย์ อย่าเอาแต่ใจนักสิ"



"เรย์เปล่า แต่คินมีความลับกับเรย์นี่นา เป็นแฟนกันห้ามมีความลับต่อกันนะ" ร่างเล็กยิ้มหวานตีหน้าซื่อ แหวกถุงมองแล้วตาเป็นประกาย "ว้าว พวงกุญแจสวยจัง"



"...เรย์เอาคืนมาได้แล้ว" เสียงทุ้มบอกเข้มพลางยื่นมือแบค้างตรงหน้า...รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลย



"ทำไมคินต้องทำอะไรดูมีลับลมคมในด้วย" เรย์ยักคิ้วหลิ่วตา "ฮันแน่ อย่าบอกนะ...ว่าจะซื้อให้เรย์"



"มะ..."



เจ้าตัวพูดแทรกพลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ "เสียใจด้วยนะเพราะว่าตอนนี้เรย์รู้แล้ว คราวหลังไม่ต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ ก็ได้...งั้นเรย์ขอล่ะ จะได้แขวนคู่กับคินด้วย" ร่างเล็กยิ้มเขิน รีบแกะถุงแล้วคล้องพวงกุญแจกับโทรศัพท์ของตัวเอง



มือใหญ่รีบคว้าข้อมือเล็กทันที เผลอขึ้นเสียงใส่เพราะนิสัยเอาแต่ใจและคิดเองเออเองไม่ถามเขาสักคำ



"เรย์! อันนี้ไม่ใช่...ถ้าอยากได้เดี๋ยวคินซื้ออันอื่นให้"



นั่นมันของชะเอม...เขาตั้งใจซื้อให้ร่างบางคนนั้น...ไม่ใช่เรย์



เรย์เบี่ยงตัวไม่ให้ร่างสูงเอาของคืน "ไม่เอา ก็เรย์ชอบอันนี้นี่"



"แต่นั่น..."



"จะซื้อให้เอมล่ะสิ" คินชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มบางของร่างเล็ก แต่ทว่าดวงตากลับไม่ได้ยิ้มไปด้วย "คินรู้รึเปล่าว่าเดี๋ยวนี้ที่คินชอบหายไปแล้วเวลาเรย์โทรหาก็ไม่ยอมรับสายน่ะ...เรย์รู้มาตลอดแหละว่าคินไปหาเอม...ไปรับไปส่ง ประคบประหงมยิ่งกว่าแฟนตัวจริงอย่างเรย์"



"..."



"แบบนี้จะไม่ให้เรย์น้อยใจได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเจอมันทุกวันเข้าแล้วคิดอยากจะกลับไปหามันขึ้นมา"



คำพูดของเรย์มันทำให้เส้นบางอย่างในหัวของเขาขาดผึงทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชะเอมว่า 'มัน'



"อย่าลามปามให้มากนัก...แล้วก็อย่ามาเรียกเอมแบบนั้น อย่าให้คินหมดความอดทน"



"ก็ลองดูสิ ถ้าคินทำอะไรขัดใจเรย์เมื่อไหร่ เรย์จะฟ้องคุณพ่อกับคุณแม่"



มือใหญ่กำหมัดแน่นเมื่ออีกฝ่ายอ้างถึงบิดามารดา โกรธยิ่งกว่าอะไรแต่ระบายมันออกไปไม่ได้



นี่เขาเคยคิดว่าเรย์เป็นคนนิสัยดี น่ารัก...ได้ยังไงกัน



เขาเพิ่งได้รู้ เมื่อตอนเจอกับพ่อของเรย์ครั้งแรก



คุณชาญณรงค์ โรจน์ศักดินา เป็นเพื่อนสนิทกับเกษมศักดิ์ พ่อของคินสมัยยังหนุ่มๆ และคุณฉัตรแก้วแม่ของเรย์ก็เป็นเพื่อนของแม่ที่จากโลกนี้ไปนานแสนนานแล้วตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ



และคิดว่าพ่อก็คงยังไม่รู้ว่าเรย์เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทที่ห่างหายไปนาน



"ยิ่งคินอยากจะให้อะไรเอม เรย์ก็อยากได้มันทั้งหมด...ของชิ้นนี้เรย์ก็ชอบ เพราะงั้นเรย์จะเอา" เจ้าตัวจับโทรศัพท์แล้วมองพวงกุญแจแกว่งไปมายิ้มๆ ตาประกาย "ถือเป็นของขวัญครบรอบหนึ่งเดือนของการคบกันเป็นแฟนระหว่างเราละกันเนอะ"



เป็นความผิดของเขา...ที่ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นมองการกระทำเอาแต่ใจแบบนี้ของเรย์และปล่อยผ่านไปโดยไม่ทำอะไร



มันทำให้ต้องทำให้ชะเอมเสียใจภายหลัง







************************Whose fault? ************************







คินโทรหาเอมเพื่อที่จะบอกว่าวันนี้จะไปรับ ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่ม แต่แล้วเมื่อแนบโทรศัพท์กับหูก็ได้ยินเสียงรอสายที่ดังนาน...ทั้งๆ ที่มันควรเป็นเวลาเลิกงานแล้วแท้ๆ แต่อีกฝั่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะรับสาย



เนื่องจากวันนี้เขาเรียนเลิกดึก เพราะอาจารย์ชดเชยคลาสเรียนคราวที่แล้วที่แกไม่ได้เข้าสอน พอเลิกเรียนปุ๊บร่างสูงก็คิดไว้ว่าจะแวะไปหาร่างผอมบางที่ไม่ได้เจอกันซักพักแล้ว



และอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยรับสายของเขาด้วย อาจจะเพราะว่าวันนั้นที่พวกเราทะเลาะกัน แล้วก็ยังไม่ได้คุยหรือทำความเข้าใจกันเลย



แต่ถึงจะไม่รับ...ยังไงเขาก็อยากจะไปเจอ แค่เห็นหน้าก็ยังดี



หมับ!



มือใหญ่ที่กำลังเปิดประตูรถก็ต้องชะงักเมื่อมีแรงโถมจากด้านหลัง



"คินไปส่งเรย์หน่อย"



คินดันตัวร่างเล็กออกห่าง อีกฝ่ายมักจะชอบทำอะไรไม่อายสายตาคนอื่น ไม่ใช่ว่าร่างสูงจะอายอะไรกับเรื่องแค่นี้ แต่แค่รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่อยู่กับเรย์ อึดอัดสัมผัสของเรย์ที่มักจะกอด หอมแก้ม จูบแบบไม่ทันตั้งตัว และช่วงนี้ก็เป็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ



"เรย์ไม่ได้เอารถมาเหรอ" เสียงทุ้มถามอ้อมเป็นการไล่กลายๆ ...ครอบครัวอีกฝ่ายมีฐานะมาก ไม่มีทางที่พ่อแม่จะไม่ซื้อรถให้ลูกชายของตัวเอง ขนาดน้องริน...น้องสาวของเรย์ยังขับรถไปกลับเพื่อมาเรียนเองเลย



"คินพูดอะไรน่ะ แต่ก่อนยังไปรับไปส่งได้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงถามแบบนี้" เรย์พูดจับผิด นี่แหละเป็นอีกนิสัยหนึ่งที่คนอย่างคินเกลียดมาก "อ๋อ ทำเป็นไล่เรย์ แต่จริงๆ แล้วจะไปหาชะเอมสิท่า"



"ถ้าใช่แล้วจะทำไม?" ร่างสูงตอบไม่ใส่ใจ เปิดประตูก้าวขึ้นรถทันที เห็นเรย์ยืนกระทืบเท้าไม่พอใจอยู่นอกรถ เขาก็เฉยชา มือคาดเบลท์และปลดเกียร์ เตรียมเหยียบคันเร่งแต่แล้ว...



เอี๊ยด!! ปริ๊น!!!



จู่ๆ ร่างเล็กก็กระโจนขวางหน้ารถ เสียงทุ้มสบถคำหยาบคายและกำปั้นหนักๆ ก็กระแทกลงหน้าพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิด แต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านซ้ำยังเดินอ้อมมาเปิดประตูขึ้นนั่งอย่างหน้าด้านๆ



"เรย์ไปด้วย"



"ทำบ้าอะไร!!?"



"อย่ามาตะคอกเรย์นะ!"



"ลงไป"



"ไม่!"



"บอกให้ลงไป!!"



"ก็บอกว่าไม่ไง!"


>>>>>>ต่อด้านล่างเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ โฮเซกิ รุย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2


ต่อจากด้านบนค่ะ<<<<<<<



ร่างสูงหายใจแรงจ้องตาคนที่ไม่ได้รับอนุญาตเขม็ง รู้สึกเหมือนเส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบ ขายาวจึงเหยียบคันเร่งกระชากรถเพื่อระบายอารมณ์แม้จะอยู่ในเขตรั้วของมหาวิทยาลัยโดยไม่สนใจเลยว่าเรย์จะคาดเข็มขัดนิรภัยไว้หรือยัง



"คิน เบาๆ..."



"เงียบปากซะ อย่าพูดมาก บอกแล้วไงว่าอย่าให้ฉันหมดความอดทนมากไปกว่านี้"



"..."



"อย่าคิดว่าสถานะตอนนี้ของเราจะทำให้นายทำอะไรเอาแต่ใจอะไรก็ได้นะเรย์ เพราะฉันจะทำให้มันจบลงตรงนี้ เดี๋ยวนี้ก็ยังได้"



"ไม่! ...คินจะพูดยังไง เรย์ก็ไม่เลิกหรอก เรย์จะไม่ทำให้มันจบลงแบบนี้แน่" ร่างเล็กทำเป็นพูดเสียงแข็ง แม้ใจจะเริ่มหวาดกลัวกับอารมณ์รุนแรงของร่างสูง เขาจะไม่ยอมเสียหน้าเป็นคนน่าสมเพชแทนไอ้เอม คนที่ควรจะน่าสมเพชที่สุดคือมันไม่ใช่กู!



“แล้วถ้าคินทำจริง เรย์จะบอกพ่อ” แขนบางกอดอกวางท่าพูดประโยคเดิม



ร่างสูงเบื่อที่จะฟังอีกฝ่ายพูดเรื่องนี้เต็มทน “ถ้าคิดว่าคำพูดนี้จะใช้ได้ตลอดไปล่ะก็นายคิดผิดแล้ว”



 “แสดงว่าคินไม่เห็นหัวพ่อของเรย์เลยสินะ”



“ก็อยากจะเห็นอยู่ แต่ดูนิสัยของลูกชายซะก่อน” เสียงทุ้มหลุดหัวเราะพรืด ขำคำพูดร่างเล็กเสียเต็มประดา เหยียบเบรกเอี๊ยดเมื่อจราจรโชว์ไฟสีแดง เขาตวัดมองคนที่นั่งข้างๆ ด้วยสายตาคมกริบ “ถ้าฉันอยากจะเลิกก็คือเลิก แล้วก็ไม่ต้องเอาพ่อของนายมาอ้าง เพราะฉันจะไม่สนอีกต่อไปแล้ว”



ถ้าหากไม่คิดจะมีความเกรงใจให้กัน...ก็อย่าหวังว่าเขาจะมีให้



“ได้ แล้วเรย์จะคอยดู!” อีกฝ่ายพูดเสียงกร้าว



"หึ" คำพูดและความอวดดีของเรย์ มันทำให้ร่างสูงหัวเราะไม่คิดต่อคำพูดอีกเพราะเปลืองน้ำลายเปล่า มือเอื้อมกดปุ่มเร่งความเย็นของแอร์ให้มันหนาวยะเยือกเพื่อดับอารมณ์ร้อน ไม่สนใจว่าใครอีกคนจะทนความเย็นนี้ได้หรือไม่...เมื่อขึ้นมาแล้วก็ไม่มีสิทธิ์จะบ่น



เพียงไม่นาน ด้วยความเร็วระดับมากกว่าปกติทำให้มาถึงอย่างรวดเร็ว เขาจอดทันทีเมื่อเห็นร่างผอมบางคุ้นตายืนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้า แปลกใจแต่ไม่รอช้าร่างสูงรีบก้าวลงจากรถทันที



"เอม...ทำไมไม่รับสายล่ะ คินโทรไปไม่ได้ยินเหรอ"



ขายาวเดินเข้าใกล้มากเท่าไหร่แต่ยิ่งทำให้อีกฝ่ายผละถอยหนี



"คินมาทำไม..."



ลมหายใจของคนได้ยินกระตุกวูบ ไม่คาดคิดว่าจะเจอคำถามนี้ ชะเอมยังคงโกรธเรื่องวันก่อนอยู่...ดวงตากลมโตสีดำฉายความไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจในการกระทำของคิน



ผม...อยากจะแก้ไขทุกอย่าง ทุกอย่างที่ผมทำมันพัง ผมอยากจะแก้ไขมัน...ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่า



แต่ก่อนอื่น...ต้องพูดอะไรสักอย่าง



"คิน ฝนใกล้ตกแล้ว รีบหน่อยเถอะ เรย์ต้องรีบกลับบ้านนะ" สายตาคมกริบตวัดมองจ้องเขม็งไปยังร่างเล็กที่เปิดประตูลงจากรถมาเมื่อไหร่ไม่รู้พูดขึ้น



อย่าเพิ่งไปสนใจ คนที่ควรแคร์มากที่สุดในตอนนี้คือชะเอมที่มองผมด้วยดวงตาสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้คนนี้



"เอม...คินมารับ กลับกับคินเถอะ" เสียงทุ้มอ้อนวอน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังอะไรอีกแล้ว ตั้งแต่เห็นเรย์ที่ก้าวลงจากรถของเขา ชะเอมมองกลับมาด้วยสายตาตัดพ้อและน้ำตาไหลลงจากขอบตา...หัวใจของเขาพลันเจ็บแปลบ



ก่อนที่ร่างบางจะคิดหนีเหมือนคราวที่ผ่านมา มือใหญ่ก็พลันเอื้อมไปจับข้อมือผอมเสียก่อนแล้วลากให้ขาเรียวเดินตามมา



"ไม่! เอมไม่ไป เอมกลับเองได้!" แต่ทันทีที่สัมผัสชะเอมก็สะบัดอย่างแรงแถมยังขืนตัวฝืน มือบางพยายามงัดมือของเขาออก แต่มันไม่มีผลเลย "คินปล่อยนะ!!"



ท่าทางขัดขืนสุดฤทธิ์มันทำให้คนมองอดปวดใจไม่ได้ ที่เจ้าตัวมีท่าทางอย่างนี้เพราะเขา...ที่ชะเอมตะโกนใส่เขาแบบนี้เพราะอีกฝ่ายอดทนมานานจนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วใช่มั้ย



“ทำไมคินถึงทำกับเอมแบบนี้!”



"เอม..."



เป็นครั้งแรก...ที่ชะเอมลงไม้ลงมือกับผม



แต่จะรู้ไหมว่าคนที่เจ็บกว่าคือเจ้าตัวนั่นแหละ แววตาใสซื่อที่แสดงออกอย่างซื่อตรง รู้สึกทรมานทุกครั้งที่ลงมือทุบตี...ชะเอมยังชอบเขาอยู่...แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่เขาจะพาอีกฝ่ายไปด้วย



ต่อจากนี้จะเป็นฝ่ายเขาบ้างแล้วที่จะไล่ตาม...แม้ว่าอีกฝ่ายจะหนีห่างก็ตาม



"คิน ถ้าเขาไม่ไปก็ปล่อยเขาเถอะ เจ้าตัวก็บอกว่ากลับเองได้นี่"



ร่างสูงไม่สนใจคำพูดพล่ามของเรย์ ตอนนี้ชัดเจนว่าจุดประสงค์ของร่างเล็กคืออะไร...ตั้งใจยั่วยุด้วยคำพูดและดูเหมือนว่าชะเอมที่ฝังใจกับหลายๆ เรื่องยิ่งดิ้นหนักเข้าไปใหญ่



คินกลั้นใจ ตัดสินใจยกร่างผอมบางพาดไหล่ไม่ทันให้ตั้งตัว "อ๊ะ...ไม่..." ความเบาหวิวนั่นยังทำให้แปลกใจไม่น้อยว่านี่คือร่างกายของผู้ชายจริงหรือ



"อุก..."



ขายาวก้าวขึ้นนั่งที่นั่งคนขับ เหยียบคันเร่งออกไปก่อนที่ชะเอมที่ถูกโยนลงเบาะรู้สึกตัว ไม่นานฝนก็พร่างพรายลงมาจากท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำให้อากาศในรถที่หนาวอยู่แล้ว ยิ่งเย็นเสียดผิวมากกว่าเดิม นัยน์ตาคมเหลือบมองกระจกหลังร่างผอมบางที่หน้าซีดกอดตัวเองจนตัวสั่นเทา มือใหญ่เลื่อนไปเบาแอร์จนสุด...และสายตาก็เผลอเหลือบไปมองคนข้างๆ ที่นั่งนิ่งเงียบผิดปกติ



“นั่น...มัน...” เสียงใสคราง ทำให้สายตาคมเหลือบมองผ่านกระจกหลังว่าชะเอมพูดกับใคร ดวงตากลมโตสีดำกำลังจดจ้องไปยังร่างเล็ก



“เอ๊ะ...อ๋อ~” เรย์ยิ้มตามปิด มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นโชว์พวงกุญแจที่คล้องห้อยแกว่งไปมา “สวยใช่ไหม เรย์ชอบมากเลย คินเขาซื้อให้เป็นของขวัญน่ะ”



นั่นมันของที่เขาตั้งใจจะซื้อให้เอม!



“เรย์...มันไม่ใช่แบบนั้น...”



“อ๋อ มันคือของขวัญการคบกันเป็นแฟนได้หนึ่งเดือนแล้วน่ะ คินจะพูดแบบนี้ใช่มั้ย” เรย์ปิดปากหัวเราะคิกคักดูเผินๆ แล้วน่ารัก...หากแต่ความจริงคือการกระทำแสนน่ารังเกียจ



'ยิ่งคินอยากจะให้อะไรเอม เรย์ก็อยากได้มันทั้งหมด...'



ร่างผอมขบริมฝีปากซีดอย่างแรง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยหยาดน้ำตากองหน่วยเตรียมจะไหล



"ก็...สวยดีนะ"



"ใช่ไหมล่ะ กำลังจะอวดอยู่พอเลย แต่เห็นเองแบบนี้ก็แสดงว่าตาถึงเหมือนกันนี่นา"



"เรย์!" คินขึ้นเสียงดัง...โมโหมากเหมือนกำลังจะระเบิดแต่ก็ไม่อยากทำต่อหน้าเอม...ที่เรย์ทำแบบนี้ เท่ากับกำลังท้าทายเขาอย่างแรง



"ก็คินซื้อให้มาคู่กัน เรย์ก็อยากจะอวด" ร่างเล็กแก้มพองลม มองกลับมาอย่างค้อนๆ แง่งอน "ของคินเป็นพวงกุญแจลูกโลกล่ะ คู่กันเลยเนอะโลกกับดวงจันทร์"



น้ำตาไหลเม็ดโตหลั่งไหล “อืม...วันนี้เราเหนื่อยแล้ว ขอตัว...อึก!” มือบางปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น ชะเอมก้าวลงจากรถและ...



ปัง!!



มือบางกระแทกประตูรถเสียงดัง ขาเรียวกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป



“เอม!” คินไม่รอช้า รีบลงจากรถวิ่งตามไปทันที



...ต้องพูดกันให้เข้าใจ...แก้ไขความเข้าใจผิด...ก่อนที่จะสายเกินไป...



“เอม เดี๋ยว!!”



อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้นแต่ชะเอมก็หายไปพร้อมกับประตูลิฟต์ที่ถูกปิดลง



สิ่งที่เห็นคือใบหน้าหวานที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวด...ราวกับจะแหลกสลาย



ดวงตาตัดพ้อและยอมแพ้







ตึง!



"พอใจมั้ย"



"...พูดถึงอะไร"



"ที่พล่ามออกมาเมื่อกี้ไง"



"อะไรกัน เรย์ก็แค่อยากจะอวดของที่คินให้แค่นั้นเอง"



ร่างสูงสูดลมหายใจลึกกับสีหน้าท่าทางที่ไร้ความรู้สึกผิด "ไสหัวไป"



“ไม่...”



“บอกให้ไสหัวไปไงวะ!!”



ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก พูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลลงบนหลังมือแหมะๆ "...ทำไมคินถึงทำแบบนี้ เรย์ไม่เคยทำอะไรผิด ก็แค่หวงคิน เพราะคินเป็นแฟนเรย์...แล้วทำไมคินถึงกลับไปยุ่งกับเอมอีกล่ะ ลืมไปแล้วเหรอว่าเอมเคยทำอะไรเรย์น่ะ...ฮึก"



ท่าทางแตกต่างสุดขั้วจากคนเอาแต่ใจ กลายเป็นร่างเล็กที่ร้องไห้เสียงเครือดูน่าสงสาร



ได้ยินเรย์พูดเขาก็นิ่งเงียบ ปล่อยให้เจ้าตัวร้องไห้ไปอย่างนั้น ไม่คิดจะปลอบอะไรจนกระทั่งขับรถมาถึงบ้านของอีกฝ่ายก็ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด "เรย์...นายไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก...ที่ผิดน่ะคือฉันเอง"



ผิดที่คิดสั้นจนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างล้มพังลงมา...รวมถึงคนที่สำคัญที่สุด



"..."



"เพราะงั้นเราจบกันตรงนี้เถอะนะ” เขาพยายามทำใจให้เย็น อะไรที่โมโหก่อนหน้านี้ก็ผ่อนลงและตัดสินใจพูดกับอีกฝ่ายดีๆ “...ฉันไม่เคยชอบนายมาตั้งแต่แรก จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยชอบ"



เพราะอยากจะให้ร่างเล็กเข้าใจกันบ้าง...ว่าเราทั้งคู่เข้ากันไม่ได้จริงๆ



“อย่างน้อยเราก็ได้กลับเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”



หากแต่ดวงตาฉ่ำหยาดน้ำแข็งกร้าวขึ้นทันใด "พูดง่ายไปรึเปล่าคิน เรย์ไม่ยอมหรอก...บอกไว้เลยว่าเรย์ไม่ยอมเลิกง่ายๆ แน่ ถ้าจะเลิกก็เลิกไปคนเดียว" ร่างเล็กปฏิเสธคำพูดของเขาทุกทาง ขาก้าวลงจากรถ และมือเหวี่ยงปิดประตูรถแรงจนสะเทือน



เสียงทุ้มถอนหายใจยาว มองแผ่นหลังเล็กที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันเดินเข้าบ้านไป



ตอนนี้สถานะระหว่างเราไม่รู้จะเรียกว่าอะไรได้แล้ว...ในใจนึกเป็นห่วงชะเอมมากแต่อะไรๆ ก็ค้างคาไปหมด



'ทำไมมีแต่เอมคนเดียวที่บอกชอบคินล่ะ'



ไม่ใช่...ไม่ใช่นะเอม...ตอนนี้คินน่ะ...



'ง่ายไปรึเปล่าคิน บอกไว้เลยว่าเรย์ไม่ยอมเลิกแน่'



ใบหน้าคมซบหน้าลงกับพวงมาลัยอย่างหนักอก...ถ้าหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป เรย์คงจะไม่มีวันเลิกราแน่นอน





เขาคงต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างได้แล้ว...เพื่อที่จะเอาไอ้บ่วงบ้าๆ ที่เริ่มรัดคอเขาแน่นขึ้นจนหายใจไม่ออกนี่ออกไปซักที



ต้องทำอะไรสักอย่าง...ให้มันชัดเจน





************************Whose fault? ************************



นึกว่าจะไม่ได้มาอัพซะแล้ว

คือที่มาช้าขนาดนี้เพราะมัวแต่รีไรท์ตอนนี้อยู่ คือเขียนไว้นานนมแต่พอมาอ่านอีกที

เฮ้อ เรียบเรียงใหม่ดีกว่า...แก้ไปเยอะ เสริมไปเยอะ

คือรุยอยากได้อะไรที่มันต้องดีที่สุดมาเสิร์ฟให้นักอ่าน...สุดท้ายก็ปิ๊ง มาเสิร์ฟแล้วจ้า




จริงๆ แค่นังคินมีเรย์ก็ถือเป็นบาปเป็นกรรมแล้วล่ะ

จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี นี่แหละคือสิ่งที่ทำไว้กับหนูเอม เจอฤทธิ์นางเรย์เข้าไป

บอกเลยว่าเข็ดไปอีกนาน (หัวเราะสะใจสุดๆ)



เลิฟๆ นักอ่านทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าที่มาเม้นให้กำลังใจ

เจอกันตอนต่อไปนะก๊าา

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m16: เรย์มันร้าย  คินจะฉลาดขึ้นไม๋นะ  :m31:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ mimasopu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ถ้าถามว่าผิดที่ใคร ผิดที่เราจิ้มมาอ่านนี่แหละ
ค้างเติ่งอยู่ตรงนี้ มันค้างคา มันอยากมุดจอลงไปกระทืบกับความสตอของเรย์และเขย่าหัวคิน
เอาจริงๆนะจับมัดมันสองคนให่้ไปอยู่ด้วยกันเถอะ ส่วนน้องเอมให้น้องไปดีหรือไม่ก็หาคนมาช่วยดามใจช่วยดูแลน้องดีกว่า
อีคินมันไม่คู่ควรกับคนดีๆแบบน้อง

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :เฮ้อ: น้องเอม
มาลงเรือพี่ เดี๋ยวพี่พาไปหาผู้ชายอื่นค่ะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เรย์นี่ร้ายกาจขึ้นทุกวัน ทุกวัน นะ,,,

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด