แรงแค้นใต้เงารัก [อวสาน 17-5-54]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แรงแค้นใต้เงารัก [อวสาน 17-5-54]  (อ่าน 369585 ครั้ง)

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เบื่อคุณนายจิตราจริงๆ โง่ซ้ำซาก - -
อิทธิตอนนี้ไม่มีบท 55+

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
Re: แรงแค้นใต้เงาũ
«ตอบ #991 เมื่อ26-04-2011 12:31:14 »

พ่อลูกชั่วเมื่อไรจะตายสักที่ อาทีต้องอยู่กับอิทธิ ต้องไม่เป้นไรน่ะ อิทธิอีกคน

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ป้าจิตรโง่อ่ะ

A. marco

  • บุคคลทั่วไป
สุดท้ายไม่อยากให้อาทีตาย
และไม่อยากให้ยัยจิตรเป็นบ้า  ถ้าบ้าก็อดสนุก อดรู้นะสิว่าที่ผ่านมาคุณเทอโง่แค่ไหน. ครอบครัวนายศรก็ เลวได้โล่จริงๆ อยากเลวได้ครึ่งนึงของมันจัง   อ๊ากกกกก ล้อเล่น





ขอบคุณพี่บอย

LifeTime

  • บุคคลทั่วไป
 :L2:
รอเอาใจช่วยอาทิตย์กู้สถานการณ์  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
อีเลวววววววววววววววววว

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ชั่วกว่าครอบครัวนี้มีอีกมัํ๊ย

runynam

  • บุคคลทั่วไป
เกลียดดดดดดดดดดด
ครอบครัว ทรพีนี่จริงๆๆ :z6: :z6:
หวังว่า อิทธิกับอาที จะปลอดภัยนะ :call: ไม่อยากให้อาทีตาย(พี่บอยมาลางหลายตอนล่ะ)
จะรอตอนต่อไปค่ะ :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
เลวมากกกกกกกกกกกก  ครอบครัวนายสิน

สงสาร แต่ อาทีไม่อยากให้เป็นอะไร

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3
.
วุ้ย กิต.เป็นห่วงจังค่ะ
เกรงว่า อ๊าร์ธี่(Arty)มีอันเป็นอะไรไป
ผู้ประพันธ์นิยายบางท่าน
อาจจะมีอาการ
ท้องอืด, ท้องเฟ้อ, เรอเปรี้ยว
นอนไม่หลับ, กระสับกระส่าย
ฝันร้าย, ละเมอกรีดร้อง
โดยมีทราบสาเหตุแน่ชัด
ก็ได้ นะคะ อิอิ

.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






A. marco

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามารออาที 
อาทีอย่าเป็นอาไรเลย
ฟ้าดินอย่าแกล้งอาทีน๊า

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 35
ที่ไร่ลำไยของญาติลุงไกร แม่นางเข้านอนแล้ว ส่วนอาทีและอิทธิยังคงออกมานั่งพูดคุยกันตามปกติ
“มะรืนนี้ก็วันหยุดแล้วมึงจะกลับไปที่ไร่นั้นกะกูมั้ยอาที” อิทธิเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่งเมื่อนึกถึงว่ามันจวนเจียนเวลาที่ตนจะต้องตามไปเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้มารดาตน เรื่องนี้เด็กหนุ่มยังไม่ได้บอกกับมารดา เพราะเชื่อว่าบอกไปมารดาคงไม่ยอมให้ตนทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้แน่
“ถามแปลกๆ กูเคยปล่อยให้มึงสู้กับอะไรเพียงลำพังเหรอ” อาทีเอ่ยตอบ แม้ลึกๆ จะรู้สึกหนักใจกับการเผชิญหน้ามารดาอยู่ก็ตาม แต่การที่จะปล่อยให้เพื่อนรักเดินเขาดงศัตรูเพียงลำพังก็ไม่อาจทำได้
“มึงนี่สมกับเป็นเพื่อนตายกูจริงๆ ไอ้อาที” อิทธิเอ่ยบอก รู้สึกซึ้งใจในน้ำใจเพื่อนจนอดไม่ได้ที่จะยกมือโยกศีรษะเจ้าตัวคลอนเล่นเบาๆ
“แล้วหากการไปครั้งนี้กูไม่ได้กลับมาที่นี่กับมึงอีกล่ะ มึงจะว่ายังไง” อาทีเอ่ยถามขึ้นเสียงสลด เป็นเหตุให้อิทธิต้องสลดตามก่อนเอ่ยถาม
“ทำไมวะ”
“ไม่รู้ดิ กูคิดว่าแม่กูกับพี่อาทิตย์คงไม่ปล่อยให้กูมาที่นี่อีกหากว่ากูกลับไปที่ไร่”
“เชี่ย เรื่องแค่นี้พูดซะกูตกใจ”
“มึงตกใจอะไร”
“ปะ เปล่า ไม่มีอะไร”
อิทธิปฏิเสธก็ไม่รู้จะให้บอกเพื่อนว่ายังไงว่าตัวเองรู้สึกสังหรณ์ใจและกังวลใจอยู่ลึกๆ ถึงเรื่องที่เข้าใจว่าเจ้าตัวมองหีบศพในวันนั้น
“งั้นก็ขึ้นนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”
อาทีเอ่ยบอกแล้วเดินหายกลับเข้าไปยังเรือนก่อน อิทธิมองตามสักพักจึงค่อยเดินตามเข้าไป

 ************************************************************************

เช้าวันใหม่ที่โรงเรียน อิทธิกับอาทีเดินคู่กันขึ้นไปบนอาคารเรียน รู้สึกหน่ายใจหน่อยๆ เมื่อเห็นส้มเดินมาขวางหน้าพร้อมพูดจากระทบกระทั่งได้อย่างน่ารำคาญ
“ห่างกันไม่ได้สักวินาทีเลยนะสงสัยจังเลยว่าตอนนี้ใครเป็นผัวเป็นเมียกันแน่”
“อย่ามากวนประสาทกันแต่เช้าเลยส้ม” อาทีเป็นฝ่ายตอบโต้ อิทธินั้นได้แต่ยืนข่มอารมณ์ เป็นไปได้อยากให้คนตรงหน้าเป็นผู้ชายนัก เขาจะได้ลงทัณฑ์โทษฐานที่ปากไม่ดีได้สนิทใจ
“กวนประสาทอะไรส้มพูดตามที่ไอ้อิทธิมันประกาศปาวๆ ว่าพี่กับมันเป็นอะไรกัน ส้มพูดอะไรผิดเหรอ” ส้มลอยหน้าลอยตายั่วโมโหต่อ เพราะเชื่อว่าสองคนตรงหน้าคงไม่กล้าลงมือทำร้ายหล่อน
“ไปเถอะอาทีอย่าไปสนใจเลย” อิทธิหันมาเอ่ยชวนอาทีเพื่อเดินหนีเสีย เพราะขืนอยู่ต่อไปก็ไม่แน่ว่าตัวเองจะข่มอารมณ์เอาไว้ได้นานแค่ไหน เด็กหนุ่มเห็นเพื่อนยืนจ้องหน้าส้มนิ่งจึงเอื้อมมือไปฉุดแขนเจ้าตัวซึ่งส้มเองก็มองเห็นพอดีจึงร้องวี้ดว้ายขึ้นตามจริต
“ว้าย จับมือถือแขนกันด้วย จะลากกันไปไหนจ๊ะ ที่นี่มีแต่ห้องเรียนนะไม่มีห้องนอน”
“ขืนเธอพูดจาแบบนี้อีกคำเดียวเธอได้ไปนอนห้องพยาบาลแน่ส้ม” อิทธิหันมาเอ่ยเสียงนิ่งเมื่อนึกไม่ชอบใจท่าทีและคำพูดของคนที่เดินเข้ามาหาเรื่อง
“กล้าทำอะไรฉันเหรอไอ้ลูกขี้ข้า” ส้มลอยหน้าลอยตาท้าทาย อิทธิพยายามข่มอารมณ์ไว้ด้วยการกำหมัดแน่นมองจ้องหน้าส้มเขม็ง
“กูเข้าใจว่ามึงคงอยากกระทืบผู้หญิงคนนี้อิท แต่อย่ามามัวเสียเวลาเลยนะ เก็บแรงไว้จัดการนายศรกับนายสินดีกว่า” อาทีเอ่ยบอกเมื่อเกรงว่าเพื่อนจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ส้มได้ยินเช่นนั้นแทนที่จะสลดกลับหัวเราะขึ้นเอ่ยบอก
“คิดว่าไอ้อิทธิมันจะมีโอกาสไปถึงตัวพี่สินกับพ่อส้มได้เหรอพี่อาที”
“เธอหมายความว่าไงส้ม” อาทีถามขึ้นทันควันแต่ส้มก็ยังยียวนตอบได้อย่างน่าหมั่นไส้เช่นเคย
“ก็ไม่ได้หมายความว่าไงหรอก แค่พูดให้ฟังเฉยๆ ทำไมเหรอคะ กลัวเหรอกับคำพูดส้มแค่นี้”
“แล้วเธอพูดให้เป็นปริศนาทำไม”
“ปริศนามีเอาไว้ให้หาคำตอบ พี่กับไอ้อิทธิลองใช้มันสมองของพวกผิดเพศคิดกันดูนะเผื่อจะนึกได้ ส้มไปล่ะ ยืนอยู่ด้วยนานๆ เดี๋ยวคนอื่นจะพาลว่าส้มคบค้ากับพวกวิปริต”
ส้มเดินหัวเราะร่าจากไปอย่างสะใจเมื่อเอ่ยจบ อาทีมองตามหลังเกิดอารมณ์ครุกรุ่นขึ้นจนอยากจะตามไปคุยกับฝ่ายนั้นให้รู้เรื่อง เด็กหนุ่มกำลังจะออกก้าวเดินตามไปจริงๆ แต่ต้องหยุดไว้เมื่อคนยืนข้างๆ ดึงแขนไว้พร้อมบอก
“อย่าไปสนใจมารยาของส้มเลยอาที ขึ้นห้องเรียนเถอะไป”
อาทียอมเดินตามอิทธิไปห้องเรียน แต่ตลอดการเรียนคาบเช้าเด็กหนุ่มคิดไปถึงคำของส้มตลอดจนเรียนไม่รู้เรื่องสักวิชา กระทั่งเที่ยงจึงมีโอกาสเจอกับส้มอีกครั้งที่โรงอาหาร หนุ่มน้อยจึงตามไปถามถึงเรื่องที่ข้องใจทันที
“คุยกันก่อนส้ม เมื่อเช้าที่เธอพูดเธอหมายความว่ายังไง พ่อเธอคิดจะทำอะไรไอ้อิทใช่มั้ย”
“ไม่ใช่แค่ไอ้อิทหรอกพี่เองก็ระวังตัวให้ดี ไม่มีส้มคอยคุ้มกะลาหัวแบบนี้ระวังจะเรียนไม่จบม.6” ส้มเอ่ยบอกออกมาเมื่อนึกแค้นเคืองถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่หล่อนโดนฉีกหน้าจนโดนหลายคนสุมหัวนินทาและมองด้วยสายตาแปลกๆ มาแล้ว
“มันจะมากไปแล้วนะส้ม กล้าดียังไงถึงมายืนขู่ไอ้อาทีแบบนี้ เธอเป็นใครแล้วไอ้อาทีมันเป็นใคร” อิทธิตรงเข้ามาต่อว่าถึงความโอหังของส้ม ซึ่งก็โดนโต้กลับทันควันเช่นกัน
“ตอนนี้คนที่ฉันจะเคารพในฐานะหลานเจ้าของไร่หรือลูกชายคุณจิตรคือพี่อาทิตย์คนเดียวเท่านั้น ส่วนลูกนอกคอกอย่างพี่อาทีหมดความสำคัญกับฉันนับตั้งแต่ฉันรู้ว่าเป็นพวกวิปริตแล้ว”
“ส้ม! ขอโทษไอ้อาทีเดี๋ยวนี้” อิทธิเอ่ยตวาดพลางชี้หน้าคนที่พูดจาไม่คิดอย่างส้ม นึกสงสารเพื่อนรักจับใจที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวต้องมาโดนตราหน้าแบบนี้
“ฉันไม่ขอโทษ ฉันพูดเรื่องจริง พี่อาทีเคยฉีกหน้าฉัน ทำไมฉันจะต้องให้ความเคารพด้วย” ส้มตวาดกลับ อิทธิเองก็ขึ้นเสียงโต้
“แต่อาทีพูดมันเรื่องจริงทั้งนั้น เธอมันไม่ยอมรับความจริงแล้วเที่ยวมาพาลต่างหาก”
“เรื่องจริงอะไร พ่อฉันไม่ได้เป็นอันธพาล พ่อฉันไม่ได้เป็นกะเทย พ่อฉันไม่เคยโกงไร่ พ่อฉันเป็นคนสนิทคุณจิตรซึ่งเป็นแม่พี่อาที พ่อฉันคอยดูแลไร่ไม่ให้ยัยแม่นางขี้โกงขี้ประจบของแกเข้ามาหลอกคุณจันทร์ หากพี่อาทีจะว่าใครเป็นคนไม่ดีพี่อาทีควรจะว่ายัยแม่นางแม่แกที่มันขี้ประจบ ขี้ฟ้อง ตอแหลแกล้งอ่อนแอ ใสซื่อ ทั้งๆ ที่น่าจะร่านพอตัวไม่อย่างนั้นคงไม่หอบท้องหอบไส้ระหกระเหินตอนโดนพ่อแกทิ้งหรอก ไอ้ลูกไม่มีพ่อ”
“เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือหนักๆ ดังสนั่นไปทั่วบริเวณตอนอิทธิตัดสินใจฟาดมันลงบนใบหน้าของส้ม เสียงส้มร้องกรี๊ดออกมาเรียกความสนใจให้หลายสายตาจ้องมองเหตุการณ์ แต่ ณ ตอนนี้อิทธิเหมือนมองไม่เห็นหรือนึกเกรงต่อสายตาใครแล้ว คำที่ส้มต่อว่ามารดาเขาเมื่อครู่มันทำให้ภายในใจเจ็บปวดจนคิดว่าต้องสั่งสอนคนปากดีให้หลาบจำว่าอย่ามาดูถูกผู้ให้กำเนิด เด็กหนุ่มตรงเข้าดึงแขนของส้มตอนเจ้าตัวหันมาเผชิญหน้าเหวี่ยงสะบัดจนฝ่ายนั้นล้มกลิ้งไปตามโต๊ะอาหาร
ส้มร้องกรี๊ดตกใจที่โดนอิทธิกระทำในสิ่งที่หล่อนคาดไม่ถึง หล่อนร้องเรียกให้หลายคนช่วยตอนเห็นอิทธิเดินเข้าหา หลายคนจะกรูเข้าห้ามแต่แล้วต้องชะงักเมื่ออิทธิตวาดลั่นขึ้น
“ใครหน้าไหนอย่าได้เข้ามายุ่ง เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของฉันกับส้มเท่านั้น” เอ่ยจบเด็กหนุ่มก็ตรงไปยังร่างของส้มที่ลุกขึ้นคิดจะวิ่งหนี มือข้างหนึ่งจึงรีบคว้าเอาแขนของฝ่ายนั้นไว้อีกพร้อมกับออกแรงกระชากมาหาตัวแล้วจัดการฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้านั่นอีกหนึ่งฉาดตอนเจ้าตัวหันใบหน้ามาหา
“กรี๊ดด!” ส้มร้องกรี๊ดยกมือขึ้นลูบใบหน้าน้ำหูน้ำตาไหลเมื่อร่างล้มคะมำลงกับพื้น สาวน้อยคิดจะคลานหนีเมื่อเห็นอิทธิเดินเข้าหาแต่แล้วก็ร้องลั่นดิ้นพล่านๆ เมื่อโดนน้ำอุ่นๆ สาดเข้าที่ร่าง ซึ่งมารู้ทีหลังว่ามันคือน้ำซุปจากชามก๋วยเตี๋ยว
“ไอ้อิทธิ ฉันจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด ไอ้เลว ไอ้อันธพาล”
“เออ จะทำอะไรก็ทำเลย เธอมันวอนเจ็บตัวเองก็ช่วยไม่ได้ หากไม่ถึงที่สุดคิดเหรอว่าฉันจะทำกับเธอแบบนี้ หากเธอจะว่าฉันฉันยังพอทนได้แต่นี่เล่นถึงแม่ฉันเธอก็สมควรโดนแบบนี้แหละ” อิทธิเอ่ยออกมาอย่างคนขาดสติ นึกสาใจที่เห็นคนตรงหน้าร้องห่มร้องไห้ปัดเนื้อตัวพัลวัน ก่อนจากไปสายตามองเห็นชามพะโล้วางอยู่ใกล้ๆ มือจึงหยิบมันขึ้นมาสาดไปใส่ร่างนั้นอีกครั้ง
ส้มร้องกรี๊ดอีกรอบเมื่อโดนไข่สองฟองที่ลอยมากับน้ำต้มเครื่องเทศอุ่นๆ กระทบเข้าที่ปากตามด้วยชามพลาสติกเปล่าที่ลอยมากระทบหน้าซ้ำเข้าอีก
“หอบเรื่องนี้ไปฟ้องพี่ชายกับพ่อเธอเลยนะ และหากพวกมันแค้นก็บอกพวกมันด้วยว่าไม่ต้องตามหาฉัน พรุ่งนี้ฉันเข้าไปหาพวกมันแน่” อิทธิเอ่ยทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินจากไป อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ช่างมันรู้เพียงแต่ว่าได้จัดการกับคนที่มาด่าว่ามารดาจนสิ้นฤทธิ์แบบนี้เขาก็พอใจแล้ว
“อิท รอกูด้วย” อาทีที่ยืนอึ้งกับการกระทำเพื่อนอยู่นาน พอสถานการณ์สงบจึงได้สติออกวิ่งตามเพื่อนไป ส่วนส้มนั่นทั้งหวีดร้องทั้งดิ้นพล่านๆ ด้วยความคับแค้นใจกับสิ่งที่ได้ยินคนที่ยืนมองดูหล่อนคุยกัน
“พวกเราพาส้มไปห้องพยาบาลหน่อยเร็ว”
“อย่าไปช่วยมัน มันหาเรื่องเอง”
“ใช่ เห็นมันตามแว้ดๆ ใส่พี่อิทและพี่อาทีตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันแอบเห็น”
“สมน้ำหน้ามัน ฉันอยากให้มันโดนแบบนี้ตั้งนานแล้ว นิสัยไม่ดีมาหลายเรื่องแล้ว”
“กรี๊ดดด! อีพวกบ้า ไม่ช่วยแล้วยังมาว่ากูอีก กรี๊ดดด” ส้มกรีดร้องอย่างคับแค้นใจก่อนจะพยายามลุกขึ้นเองแล้ววิ่งกะเผลกหนีออกไปจากโรงอาหารและกลับไร่ไปรายงานบิดากับพี่ชายโดยทันที

*******************************************************************************

“มันหยามหน้ากูมาก ไอ้สินมึงสั่งให้พวกสมุนมึงลงมือกันเย็นนี้เลยนะ ก่อนที่กูจะหมดความอดทน” นายศรกร้าวใส่หน้าบุตรชายทันทีหลังเห็นสภาพบุตรสาวที่ใบหน้าชอกช้ำและเนื้อตัวเป็นรอยแดงจากโดนน้ำร้อนลวก
“แล้วถ้าไอ้อาทิตย์ไปดักรอมันสองคนอีกล่ะพ่อ อีส้มน่ะแหละทำเสียเรื่อง ไหนบอกว่าวันนี้จะคอยกันท่าให้ แล้วไปยั่วโมโหอะไรไอ้อิทมันล่ะถึงโดนมันเล่นงานมาแบบนี้” สินหันไปต่อว่าน้องสาวเมื่อเห็นเจ้าตัวทำอะไรผิดแผนที่วางไว้
“นี่พี่สิน ฉันโดนทำร้ายมาขนาดนี้แทนที่พี่จะโกรธแค้นแทนฉันนะ” ส้มแว้ดใส่หน้าพี่ชาย ก็หล่อนไม่คิดว่าอิทธิจะกล้าทำร้ายอะไรหล่อน หล่อนก็ตามยั่วตามกวนโมโหหวังให้เจ้าตัวอกแตกตายกับคำว่าผู้ชายไม่สมควรทำอะไรผู้หญิง
“โกรธแล้วยังไง มึงยอมให้กูลากตัวไอ้อาทิตย์ไปพร้อมไอ้เด็กสองคนนั่นมั้ยล่ะอีส้ม” สินโต้กลับ ส้มได้ยินจึงแย้งหน้าตาตื่น
“อย่านะ อย่าคิดแตะต้องพี่อาทิตย์ของส้มแม้แต่ปลายเล็บ”
“ก็ถ้าหากมันไปโรงเรียนเย็นนี้มันก็ไม่แน่หรอก”
“แล้วตอนนี้พี่อาทิตย์ออกไปหรือยังล่ะ ถ้ายังส้มจะรีบไปขวางทางไว้เดี๋ยวนี้แหละ”
“เอ็งทายาแล้วก็นอนพักเถอะอีส้ม สภาพเอ็งตอนนี้อย่าได้ไปเจอหน้าใครจะดีกว่า เดี๋ยวเรื่องนี้ข้าจัดการเอง” นายศรเอ่ยแย้งบุตรสาว
“ยิ่งส้มเป็นแบบนี้ส้มยิ่งต้องไปฟ้องคุณจิตรนะพ่อให้มันเกลียดชังไอ้อิทมากขึ้นไง” ส้มแย้งกลับ
“เกลียดชังมากขึ้นแล้วยังไง ตอนนี้ไอ้เด็กนั่นมันอยู่ให้อีจิตรจัดการหรือไง อีกอย่างเอ็งก็เผลอทำตัวให้อีนั่นชังน้ำหน้าเอ็งแล้ว มีแต่มันจะหัวเราะเยาะเอ็งน่ะแหละที่โดนทำร้ายมาแบบนี้อีส้ม” นายศรเอ่ยให้ได้คิด ส้มจึงยอมอยู่ติดเรือนตามคำสั่ง โดยปล่อยให้บิดาออกโรงในเรื่องนี้เอง
“ถึงมือพ่อแบบนี้ รับรองมึงได้เห็นคนที่มันทำมึงหายไปจากโลกนี้แน่อีส้ม”
สินเอ่ยกับน้องสาวหลังลับลังบิดาไปแล้ว สองพี่น้องมองหน้ากันได้สักพักก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจตอนที่นึกถึงว่าทั้งอิทธิและอาทีได้รับความทรมานก่อนสิ้นใจยังไง แน่นอนที่สุดว่าสินสั่งให้ลูกสมุนค่อยๆ ปลิดชีพเด็กสองคนนั้นอย่างใจเย็นให้พวกมันได้รสชาติความเจ็บปวดก่อนตายให้มากที่สุด!

********************************************************************************
ด้านนายศรไม่ค่อยมั่นใจนักว่าจิตราและบุตรชายจะอยู่ที่เรือนหรือว่าไปที่โรงพยาบาลกันแล้ว แต่ก็ลองเสี่ยงๆ ไปดูที่เรือน และก็คิดว่าตนเองโชคดีที่มาทันขณะสองแม่ลูกกำลังจะไปโรงพยาบาลจึงเดินเข้าไปทักพร้อมตีสีหน้าสลดแสดงให้เห็นว่าตัวเองยังตกในภาวะซึมเศร้าอยู่กับเรื่องที่จันทร์จวงเข้าโรงพยาบาล
“อ้าวนายศร มีอะไรรึทำไมหน้าตาดูไม่ดีเลย” จิตราเอ่ยทักชายหัวหน้าคนงานตอนเห็นเจ้าตัวเดินมาหยุดตรงหน้าขณะตัวเองกำลังจะขึ้นรถ
“คือผมเป็นห่วงคุณจันทร์น่ะครับ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมยังไม่ได้มาถามไถ่ดูอาการท่านเลยเพราะตอนนี้งานในไร่ก็วุ่นวายเหลือเกิน แล้วนี่คุณจิตรจะไปโรงพยาบาลหรือครับ” นายศรเอ่ยตอบพร้อมตั้งคำถาม ชำเลืองมองดูท่าทีของอาทิตย์ที่บัดนี้จ้องมองดูตนด้วยสายตาที่แปลกเหลือเกิน
“อืม ฉันจะไปเยี่ยมพี่จันทร์ ช่วงนี้มันมีเรื่องวุ่นวายหลายอย่างนายศรอาจจะยุ่งๆ บ้างยังไงฉันก็ฝากไร่ด้วยนะ” จิตราเอ่ยตอบก่อนจะหันไปบอกให้บุตรชายขึ้นรถ นายศรรีบเอ่ยถามถึงบุตรชายคนเล็กของฝ่ายนั้นทันทีเผื่อจะรู้ได้บ้างว่าตอนเย็นอาทิตย์จะไปหาเจ้าตัวอีกหรือไม่
“ถามถึงลูกชายฉันทำไม” ในตอนนี้จิตราเสียงเขียวขึ้นมาทันที อาทิตย์ถอนหายใจที่นายศรมากวนอารมณ์มารดาของตนให้ฉุนเฉียวขึ้นได้ เข้าใจว่าที่มารดาเกิดอารมณ์นี้เพราะยังเคืองน้องชายอยู่จนไม่อยากที่จะได้ยินชื่อ ซึ่งตลอดทั้งวันเขาก็เลี่ยงที่จะเอ่ยให้ได้ยิน แต่สุดท้ายนายศรก็ดันมาเอ่ยซะเอง
“ก็ผมไม่เห็นคุณอาทีหลายวันแล้ว ผมก็นึกเป็นห่วงตามประสาคนงานที่ห่วงเจ้านายแหละครับ แม้คุณอาทีจะยังเด็กแต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นหลานชายคุณจันทร์” นายศรแสร้งทำสีหน้าสลด อาทิตย์จึงเอ่ยขึ้นบ้าง
“น้องฉันสบายดี ลูกสาวนายศรน่าจะเห็นน้องฉันที่โรงเรียนนี่นาเพราะน้องฉันยังไปเรียนอยู่ตามปกติ”
“อะ อ๋อ ปกติผมกับลูกไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากมายหรอกครับ ได้ยินแบบนี้ผมก็ดีใจ แล้ววันนี้คุณอาทิตย์จะไปรับคุณอาทีกลับมาที่ไร่มั้ยครับ”
“ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะมาตอบนายศร นายศรกลับไปทำงานต่อเถอะไป ฉันจะรีบพาแม่ฉันไปเยี่ยมป้าจันทร์” อาทิตย์บอกปัด นายศรนึกขัดใจที่ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ จึงคิดอุบายใหม่โดยการขอติดรถไปเยี่ยมจันทร์จวงด้วยคน บอกว่านึกเป็นห่วงจริงๆ
“แล้วงานในไร่ล่ะ ใครจะคุม” จิตราเอ่ยถาม
“นี่มันก็จะหมดวันแล้ว เดี๋ยวผมฝากไอ้สินมันดูให้ก็ได้ครับ ผมขอติดรถคุณจิตรไปเยี่ยมคุณจันทร์ด้วยคนนะครับ ผมเป็นห่วงท่านเหลือเกิน” นายศรเอ่ยขอ อาทิตย์ล่ะกลัวใจมารดาจะโอนอ่อนตามจึงรีบแย้ง
“แม้นายศรไปก็ใช่ว่าป้าจันทร์จะตื่นมารับรู้ได้ ฉันว่ารอป้าจันทร์ฟื้นก่อนดีกว่าแล้วนายศรค่อยพาคนงานไปหากว่ายังอยากเยี่ยมจริงๆ”
“โธ่คุณอาทิตย์ ผมอยู่รับใช้คุณจันทร์มานานแม้คุณจันทร์จะไม่รับรู้ว่าผมไปเยี่ยมแต่อย่างน้อยก็ขอให้ไปเยี่ยมท่านเถอะนะครับ” นายศรไม่ยอมแพ้ โดยการเอ่ยอ้อนวอนทำหน้าสลดต่อ จิตราเห็นอาการก็นึกว่าคนงานหล่อนผู้นี้เป็นห่วงเป็นใยพี่สาวหล่อนจริงๆ จึงเอ่ยออกมาในที่สุด
“จะไปก็รีบกลับไปสั่งงานนายสินไว้ก่อนให้เรียบร้อย ฉันจะรอ”
“แม่” อาทิตย์เอ่ยเรียกมารดาอย่างนึกขัดใจ รู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยกับการเห็นเจ้าตัวไว้อกไว้ใจคนที่ตนเริ่มสงสัยพฤติกรรมทุจริต
“งั้นเดี๋ยวผมรีบมานะครับ” นายศรนึกสมใจที่อุบายนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เหตุที่ขอติดสอยห้อยตามแม่ลูกคู่นี้ไปใช่ว่าจะไปดูอาการหญิงเจ้าของไร่จริงๆ ซะเมื่อไหร่ ที่ไปก็เพื่อต้องการกันท่าอาทิตย์ไม่ให้ไปดักพบเด็กน้อยชะตาขาดสองตัวนั่นต่างหาก แน่นอนที่สุดว่างานที่คิดจะฝากบุตรชายให้เรียบร้อยตามคำบอกของจิตราคือการบอกให้เจ้าตัวสั่งลูกสมุนชิงลงมืออุ้มทั้งอิทธิและอาทีไปเชือดทิ้งให้เร็วที่สุดโดยอย่าทิ้งร่องรอยอะไรให้ต้องสืบมาที่ตัวได้
ชายหัวหน้าคนงานหมุนเดินกลับมายังเรือนเพื่อสั่งบุตรชายอย่างที่คิด เดินไปได้สักพักก็ยิ้มร้ายสมเพชจิตราที่หลงเชื่อมารยาตนง่ายๆ รอให้บุตรชายคนเล็กมันพร้อมเพื่อนคู่หูอย่างไอ้อิทธิสิ้นชีพกันก่อนเถอะ ต่อไปถึงคราวมันกับบุตรชายคนโตบ้างล่ะ ที่ต้องตายตกไปตามกัน ถึงวันนั้นการเข้าครอบครองไร่นี้ก็คงจะง่ายนัก เชื่อเหลือเกินว่าหากตนครองไร่ได้สำเร็จอีนังแม่นางมันคงไม่กล้ามาวุ่นวายอะไร แต่จะว่าไปอีนังนั่นมันก็คงจะขาดใจตายก่อนใครเพื่อนน่ะแหละตอนที่มันได้รู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมันไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว ส่วนอีแก่จันทร์จวงหากมันฟื้นขึ้นมาพบว่าทั้งหลานทั้งน้องมันก็ล้มหายตายจากยกไร่ไปแบบนี้ มันก็คงจะฝืนวัยชราอยู่ได้ไม่นานนักหรอก
ลับหลังนายศรไปแล้วอาทิตย์เอ่ยปากต่อว่ามารดาทันทีที่ยอมโอนอ่อนตามคำพูดของฝ่ายนั้นง่ายๆ
“ก็นายศรจะไปเยี่ยมป้าของลูก มันเป็นความปรารถนาดีที่บ่าวมีต่อนาย ทำไมแม่จะต้องคิดเล็กคิดน้อยล่ะอาทิตย์” จิตราเอ่ยแย้งบุตรชายไปอย่างนั้น เป็นเหตุให้สองคนทะเลาะกันจริงๆ จังๆ
“แต่ตอนนี้ผมขอให้แม่ฟังหูไว้หูเกี่ยวกับนายศรและครอบครัวได้มั้ยครับ รอให้ผมพิสูจน์บางอย่างก่อนแค่นี้แม่รอได้มั้ย”
“พิสูจน์อะไร มันมีอะไรที่ต้องพิสูจน์อย่างนั้นเหรอ ปกติลูกไม่เคยขึ้นเสียงกับแม่นะอาทิตย์”
“ก็พิสูจน์ว่าแท้จริงคนที่โกงกินรายได้เราคือใครไงครับ ตอนนี้ผมกำลังไล่ดูบัญชีย้อนหลัง และรอที่จะพบแม่นางเพื่อปรึกษาเรื่องนี้อยู่”
“จะไปปรึกษาอีนั่นทำไม มันเป็นดูบัญชีของไร่ และบัญชีมันก็เพี้ยนไปอย่างที่ลูกเห็น แม่ว่าการที่ลูกจะไปปรึกษามัน ลูกพาตำรวจไปลากตัวมันเข้าคุกเลยดีกว่า”
“แม่ลองลดละเลิกทิฐิที่มีต่อตัวแม่นางตั้งแต่แรกเจอดูหน่อยก็ดีนะครับ แล้วแม่จะเห็นว่าคนอย่างแม่นางไม่น่าจะทรยศป้าจันทร์ได้”
“แม่จะบอกอะไรให้นะอาทิตย์ คนที่เราไว้ใจนั่นแหละคือศัตรูตัวร้ายที่สุด ป้าจันทร์น่ะไว้ใจยัยแม่นางเกินไปผลสุดท้ายมันก็แว้งกัดแบบนี้ ดีนะที่แม่ยังอยู่มันถึงทำอะไรได้แค่นี้”
“หากว่าวันนี้ผมจะบาปเพราะคำพูดผมผมก็ยอมนะครับแม่ ผมอยากให้แม่เอาคำที่แม่พูดเมื่อครู่บอกและเตือนตัวเองดูหน่อยก็ดีนะครับ เผื่อบางทีแม่จะได้ไม่เสียใจกับความจริงที่ปรากฏ”
“อาทิตย์ นี่ลูกกำลังสั่งสอนแม่มั้ย”
“ผมมิบังอาจครับผมแค่อยากให้แม่คิดได้ตามที่แม่พูดก็แค่นั้น ผมรอในรถนะครับ” เอ่ยจบอาทิตย์ก็เดินขึ้นไปนั่งรอมารดาบนรถ จิตรามองตามหลังด้วยอามณ์ที่เริ่มเคือง สักพักนายศรก็เดินมาถึงพอดี หล่อนจึงชวนขึ้นรถโดยสั่งให้เจ้าตัวเป็นคนขับให้หล่อนกับบุตรชายนั่ง
นาทีที่อาทิตย์ก้าวลงจากตำแหน่งคนขับเพื่อสลับที่ให้นายศร สองคนต่างวัยมีโอกาสมองจ้องหน้ากัน อาทิตย์เห็นรอยยิ้มเยาะนิดๆ ฉายชัดบนใบหน้าชายหัวหน้าคนงาน เป็นไปได้มั้ยที่เจ้าตัวจะมาแอบได้ยินสิ่งที่ตนเอ่ยทะเลาะกับมารดาเมื่อครู่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าเขาแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียแล้ว


โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากผลงานรวมเล่มด้วยครับ


http://bboyseries.thai-forum.net/t39-topic#718
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=23985.0


ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

ออฟไลน์ primmi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
แก้บทได้ไหม

ไม่อยากให้อาทีเป็นอะไรอะ :m15:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :เฮ้อ:คนที่น่าจะตายคนแรกน่าจะเป็นอีแก่ไร้สมองอย่างอีจิตรา อยู่ไปก็รกโลกว่ะ


รกโลกมาตั้งนานแล้วน่าจะตายไปให้พ้นๆ

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
บางทีถ้าความเจ็บปวดเหมือนจะขาดใจตายมันทำให้จิตราตาสว่างขึ้นมาได้บ้างมันก็ดีเหมือนนะ แต่ก็นั่นแหละ...ใครอยากให้เป็นอาทีกัน T^T มันจะมีคนที่โง่ หูหนวกตาบอดได้จนวินาทีสุดท้ายได้อย่างจิตราอีกม้ายยยย คนห่าไรแว๊!!!

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ขอปืนสักกระะบอก เถอะ ม่ายไหวววววววววววววววววแล้วว้อยยยยยยยยยยยย


ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ว้าย จะมาลูบคมกันถึงถิ่นแบบนี้
ลุงไกรอย่ายอมนะคะ ยอมไม่ได้ค่ะ เสียชื่อลุงนะคะ
‘ครูไกร’ - เกรียงไกร ณ ไทยบอย - อดีตเจ้าของค่ายมวยท้องถิ่น
ก่อนไปใช้กรรมเนื่องจากเตะคู่ซ้อมตายโดยไม่เจตนา

เรียกลูกๆหลานๆ ที่เป็นนักมวยเก่งๆมาคุ้มกัน อ.๑, อ.๒, อ.๓ กับแม่นางด้วยนะคะ

๑๔๖ + ๑ = ๑๔๗
ขอบคุณนะคะ คุณ Bboyseries


ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
จิตราก็โง่ซ้ำซากอยู่ได้ -*-

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
อยากเป็นคนเอาปืนไปยิงไอ้พ่อลูกคู่นรกส่งมาเกิดจริงๆ

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เฮ้อ ลูกตัวเองจะตายแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก
แบบนี้มันเรียกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 36


เย็นแล้ว อิทธิกับอาทีเดินออกมารอรถโดยสารเพื่อเดินทางกลับไร่ลำไย สองหนุ่มน้อยเอ่ยคุยกันถึงเหตุการณ์วันนี้เมื่อตอนเที่ยงที่แทบไม่น่าเชื่อว่าเรื่องจะไม่ไปถึงหูฝ่ายปกครอง
“ยัยส้มนั่นหายไปเลย เห็นประกาศปาวๆ ว่าจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุด ที่แท้ก็แค่ขู่ว่ะ” อาทีเปรยขึ้นขณะเดินจะไปถึงท่ารถ
“กูว่าที่ยัยส้มบอกจะเอาเรื่องมันคงให้พ่อกับพี่มันเป็นคนจัดการน่ะแหละ” อิทธิเอ่ยเดา ในใจก็คิดว่าป่านนี้ทั้งนายศรและนายสินอาจกำลังโกรธแค้นตนอยู่ สมแล้วล่ะให้พวกมันรู้สึกทุรนทุรายซะบ้างอยากเป็นอันธพาลกันดีนัก
“แต่พอเรื่องมันเป็นแบบนี้มันก็น่ากลัวนะโว้ยว่านายศรกับไอ้สินมันจะโกรธแค้นแกจนอยากจะฆ่าให้ตายไปเลยก็ได้นะ” อาทีเอ่ยเสียงเครียด แต่อิทธิใช่จะยีระ
“พวกมันสองคนคิดจะฆ่ากูกับแม่ตั้งแต่คืนนั้นแล้วไอ้อาที แม้กูไม่ทำยัยส้ม ก็ใช่ว่าพวกมันจะญาติดีกับกู อีกอย่างก่อนหน้าที่กูจะทำยัยส้มไอ้สินมันก็โดนกูกระทืบซะกระอักมาแล้ว กูว่าหากมีโอกาสพวกมันคงไม่เก็บกูไว้หรอก” อิทธิเอ่ยตามที่คิด อาทีได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจถาม
“แล้วอย่างนี้มึงจะกลับเข้าไปที่ไร่จริงๆ เหรอพรุ่งนี้น่ะ”
“ทำไมกูกับแม่จะต้องเป็นฝ่ายหนีหัวซุกหัวซุนล่ะในเมื่อกูกับแม่ไม่ได้ผิดอะไร แม่มึงจะต้องขอโทษแม่กูในสิ่งที่ทำเอาไว้กับแม่กูทั้งหมด ขอโทษที่กูต้องพูดตรงๆ แต่กูต้องการฟังคำขอโทษจากแม่มึงจริงๆ ต่อให้ยากแค่ไหนกูก็จะหาวิธีง้างปากแม่มึงจนได้ ส่วนนายศรและนายสินหากจำเป็นที่จะต้องฆ่าฟันกันจริงๆ และหากกูพลาดท่าไม่ใครก็ใครล่ะที่จะต้องตายตกลงไปตามกู พวกมันจะต้องรู้สึกถึงความสูญเสีย กูไม่ปล่อยให้มันยืนชนะกูด้วยรอยยิ้มหรอก คนอย่างพวกมันสมควรโอดครวญมากกว่าหัวเราะ”
อาทีใจหายที่ได้ยินเพื่อนรักเอ่ยออกมาแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าแรงแค้นที่เกิดขึ้นในใจเจ้าตัวจะรุนแรงเป็นพายุขนาดนี้ จากตอนต้นที่คิดว่าเรื่องราวจะไม่บานปลายมาขนาดถึงขั้นขู่เอาชีวิต แต่ตอนท้ายทำไมสถานการณ์มันถึงร้ายแรงได้อย่างน่าเป็นห่วง ไม่สิ เขาจะปล่อยให้เพื่อนคู่กายเป็นอะไรไปได้ยังไง มันไม่สมควรเลยที่เจ้าตัวจะต้องมาพบจุดจบที่น่าหดหู่ในวัยที่ยังเด็ก
“อิท ฟังกูสักครั้งนะ กูว่าพรุ่งนี้มึงอย่าเพิ่งกลับไปที่ไร่เลย เรารอปรึกษาพี่อาทิตย์ก่อนดีกว่าว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี”
อาทีเอ่ยบอกเพื่อนในตอนที่คิดจะยื้อไม่ให้เจ้าตัวกลับเข้าไปในไร่ขณะที่ภายในใจกรุ่นด้วยความแค้นแบบขาดสติเช่นนี้ เด็กหนุ่มเชื่อว่าเรื่องนี้พี่ชายตนคงหาทางออกให้ปัญหาได้ เพราะฝ่ายนั้นดูจะเป็นคนเดียวที่คนในไร่ไม่ว่าจะกับมารดา นายศร ไอ้สิน หรือยัยส้มไม่กล้าที่จะหือด้วย หนุ่มน้อยเริ่มเชื่อมั่นในตัวพี่ชายว่าจะเป็นคนเดียวที่น่าจะเป็นคนดับเปลวไฟแห่งความวุ่นวายให้สงบลง
“พี่ชายมึงเคยเข้าข้างกูเหรอไอ้อาที” อิทธิเอ่ยถามเพื่อน รู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ เมื่อนึกถึงว่าอาทิตย์น่าจะหลับหูหลับตาเข้าข้างจิตราเช่นเดิม เป็นไปได้น้อยมากที่ฝ่ายนั้นจะมาเห็นดีเห็นงามกับเขาซึ่งเป็นเพียงลูกขี้ข้าที่กำลังถูกใส่ร้ายว่าโกงกินรายได้ของไร่
“หากเป็นเมื่อก่อนที่มึงพูดมันก็อาจจะจริง แต่ตอนนี้กูว่าพี่อาทิตย์เหมือนจะเริ่มเห็นใจมึงแล้ว ลองเชื่อใจพี่ชายกูสักครั้งเถอะนะ” อาทีเอ่ยตามความรู้สึกจากที่เห็นแววตาพี่ชายมองมายังเพื่อนตอนเมื่อวานขณะทั้งสองมีโอกาสอยู่ด้วยกัน อิทธินั่นจิตใจคงมากด้วยทิฐินั่นแหละถึงไม่รู้ว่าพี่ชายเขานั้นลอบมองอยู่บ่อยๆ ตอนเดินตลาดและนั่งทานข้าวด้วยกัน ฝ่ายพี่ชายเขาก็คงมัวแต่สนใจเจ้าตัวล่ะมั้งถึงไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังจับพฤติกรรมและแววตาที่มองฝ่ายนั้นอยู่เช่นกัน
“มันสายไปแล้วอาที ที่ผ่านมาพี่ชายมึงรังแกกูเกินกว่าที่กูจะไว้ใจได้อีก” อิทธิเอ่ยบอกเสียงหนักแน่นทั้งๆ ที่รู้สึกเจ็บร้าวอยู่ไม่น้อยที่ต้องยึดมั่นในทิฐิและศักดิ์ศรีในใจที่ต้องการทวงถามคืนความยุติธรรมด้วยตัวเอง
“แต่กูเป็นห่วงมึงน่ะไอ้อิท กูเข้าใจว่ามึงแค้นมึงโกรธ แต่มันไม่คุ้มเลยนะมึงถ้าเกิดมึงพลาดท่าเสียทีขึ้นมา มึงลองคิดสิว่าแม่นางจะรู้สึกยังไง แม่นางรักมึงเท่าชีวิต พอๆ กับที่มึงรักเขาเท่าชีวิต มึงเจ็บปวดที่แม่นางโดนกระทำโดนรังแก แล้วมึงลองคิดกลับกันซิว่าแม่นางจะเจ็บปวดที่เห็นมึงโดนรังแกมั้ย กูว่าเรื่องนี้รอให้พี่อาทิตย์ยื่นมือลงมาจัดการเถอะ กูเองก็เคยมีอคติกับพี่ชายกู แต่วันนี้กูขอยอมทำใจนิ่งๆ มองอย่างเป็นกลางว่าตอนนี้พี่ชายกูกำลังหาทางช่วยมึงและช่วยกูอยู่ ดูจากเมื่อวานมึงก็น่าจะดูออกนะว่าพี่ชายกูไม่ได้ตามมาราวีหรือก่อกวนอะไรเราเลย”
ในตอนต้นที่อาทียกเรื่องมารดามาเตือนสติ อิทธิเกือบจะคล้อยตามเพราะเริ่มคิดถึงผลกระทบที่ตามมาถึงผู้ที่รักตนสุดชีวิต แต่ในตอนท้ายที่ฝ่ายนั้นเอ่ยว่าให้อาทิตย์ยื่นมือเข้ามาช่วยสะสางปัญหามันเหมือนกลับทำลายความคิดคำนึงตั้งแต่ต้นให้มลายสิ้น เพราะภายในใจตอนนี้ไม่ได้คิดว่าคนอย่างอาทิตย์จะหวังดีกับตนด้วยใจที่บริสุทธิ์
“มึงเข้าใจผิดแล้วล่ะที่บอกว่าคุณอาทิตย์กำลังหาทางช่วยกูไอ้อาที สิ่งที่พี่ชายมึงทำทั้งหมดตอนนี้คือเขาต้องการช่วยแม่มึงต่างหาก มึงจะหลงกลพี่ชายมึงมึงก็หลงไป แต่กับกูไม่มีวัน!”
เอ่ยจบอิทธิก็เดินผละหนีไปเพื่อหามุมสงบอารมณ์ที่กำลังกรุ่นขึ้นอีกเพราะความสับสน จริงๆ ก็อยากจะเชื่อเพื่อนรักเรื่องที่เจ้าตัวบอกว่าอาทิตย์กำลังยื่นมือมาช่วยเหลือตน แต่ภาพการโดนข่มเหงรังแกยังลำคลองท้ายไร่ในคืนนั้นมันกลับแล่นเข้ามาบดบังจิตใจให้ดำมืดจนไม่อาจมองเห็นความดีและความยุติธรรมภายในจิตใจชายหนุ่มผู้นั่นเลยแม้แต่เศษเสี้ยว!
อาทีมองตามหลังเพื่อนก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะใจหายวาบเมื่อเมื่อเห็นเพื่อนเดินไปชนกับร่างชายฉกรรจ์สองนายที่เดินสวนมาจนร่างเจ้าตัวล้มกระเด็นไปซบพื้น
“ไอ้อิท” หนุ่มน้อยเรียกชื่อเพื่อนแล้วรีบวิ่งไปดู
***************************************************************************************

ที่โรงพยาบาลอาทิตย์รู้สึกขัดใจและกระวนกระวายที่เห็นมารดากับนายศรมาพูดคุยปรึกษาเรื่องงานในไร่กันตอนนี้หลังจากที่ออกจากห้องเยี่ยมดูอาการป้าของตนได้สักพัก
หัวข้อสนทนานั้นนายศรเป็นคนเปิดประเด็นก่อนโดยกล่าวว่าคนงานในไร่ตอนนี้กำลังใจในการทำงานหายหมดหลังจากที่ได้ทราบว่าหญิงเจ้าของไร่นอนหลับไม่ได้สติอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว มันส่งผลกระทบให้งานเสียพลาดไปบ้างซึ่งตนก็ไม่อยากจะไปดุไปว่าเพราะเข้าใจในความรู้สึกที่บ่าวมีต่อนายดี
“หากวันนั้นพี่จันทร์ไม่ตัดสินใจรับนังแม่นางเข้ามาในไร่นี้ เรื่องราวมันคงไม่วุ่นวายแบบนี้นะนายศร ฉันเห็นใจนายศรนะที่ต้องตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ห่วงงานก็ห่วง ห่วงความรู้สึกขวัญเสียของคนงานก็ห่วง ก็เอาเป็นว่านายศรก็ลองๆ ดูไปแล้วกัน อะไรที่มันเสียหายต่องานเกินไปก็ปรามๆ บ้างก็ดี เพราะพี่สาวฉันยังไม่ได้ตาย จะมาโศกเศร้าเสียใจเกินจริตมันก็ดูจะเกินไปนัก” นั่นคือสิ่งที่มารดาตอบกลับนายศร ก่อนที่ทั้งสองจะหาที่นั่งปรึกษาหารือกันเรื่องอื่นๆ อีก ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องรอเพราะไม่อยากให้มารดาอยู่กับนายศรเพียงลำพัง ในใจก็อยากบอกเหลือเกินว่าจะรีบไปรับไปดูแลน้องชายดังเช่นเมื่อวาน แต่ก็เกรงว่าเอ่ยไปมารดาจะฉุนเฉียวและอารมณ์แปรปรวนจนยากจะดับลงอีกจึงทำใจยืนนิ่งรออย่างขัดใจ
“นี่มันกี่โมงกี่ยามกันครับเนี่ย ตายล่ะผมมัวแต่ปรึกษาเรื่องงานซะเพลินเลย ผมว่าเรากลับไร่กันเถอะครับ เดี๋ยวจะค่ำจะมืดเอา
เวลาผ่านไปนานจนน่าพอใจนายศรจึงเอ่ยขึ้น ระหว่างที่พูดคุยเรื่องงานกับผู้เป็นนายอยู่นั้นใช่ว่าจิตใจจะรับฟังเรื่องราวจริงๆ เพราะไม่ได้คิดปรึกษาอย่างจริงๆ จังๆ แต่เหตุที่เอ่ยปรึกษาไปเพราะต้องการถ่วงเวลาไม่ให้อาทิตย์ไปขัดขวางแผนการสมุนบุตรชายลากเด็กน้อยโอหังไปเชือดคอทิ้ง นึกสมใจเหลือหลายที่แอบเห็นอาการกระวนกระวายของอาทิตย์ที่ลุก นั่ง เดินไปมาหลายรอบ จากอาการนั่นแสดงให้เห็นเลยว่าเจ้าตัวคงคิดจะไปดักรอพบเหยื่อโทสะตนเป็นแน่ ซึ่งป่านนี้น่าจะกำลังเผชิญหน้ากับสมุนบุตรชายอยู่แล้วแน่ๆ
“ไม่คุยกันต่อจนค่ำมืดไปเลยล่ะ อีกไม่กี่นาทีตะวันก็จะตกดินแล้วนี่” อาทิตย์เอ่ยแขวะสองคนที่เดินมาหาตนบอกจะกลับกันแล้ว
“คุณอาทิตย์พูดเหมือนกับไม่พอใจเลยนะครับ ตอนนี้ไร่กำลังวุ่นวาย คุณจิตรเองก็เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเพื่อดูอาการคุณจันทร์ หากผมไม่ถือโอกาสนี้ปรึกษาเรื่องงานตอนนี้ผมก็ไม่รู้จะไปปรึกษาได้ตอนไหน ผมขอโทษด้วยนะครับหากว่าผมทำให้คุณอาทิตย์เสียเวลา” นายศรตอบกลับอย่างนึกรู้ทัน ก่อนจะมองจ้องหน้าอาทิตย์ส่งแววตาท้าทายให้นิดๆ เพราะก่อนจะมานี่เขาได้ยินแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้กำลังคิดจะตามสืบเรื่องบัญชียัยแม่นางเพื่อหาคนทุจริต แน่นอนว่าเป้าหมายของเจ้าตัวคือเขานั่นเอง แต่มันไม่ง่ายนักหรอกนะไอ้หนุ่ม เพราะหลังจากได้ข่าวว่าน้องมึงสิ้นชีพแล้ว มึงนั่นแหละจะเป็นรายต่อไปพร้อมอีจิตราแม่มึง!
“มันจะเสียเวลาอะไรลูกชายฉันไม่ได้คิดจะไปไหนซะหน่อย ใช่มั้ยอาทิตย์” จิตราเอ่ยขึ้นในตอนที่นายศรคิดสิ่งชั่วร้ายจบลง อาทิตย์ไม่อยากจะพูดอะไรมากจึงเดินผละไปที่รถก่อนใครเพื่อนด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“นับวันยิ่งแปลกๆ ไอ้ลูกคนนี้” จิตราเอ่ยตามหลังก่อนจะเดินตามไปอีกคน
ลับหลังสองแม่ลูกนายศรยิ้มร้ายออกมาก่อนจะเอ่ย
“ป่านนี้ไอ้เด็กสองคนนั่นคงโดนจัดการไปแล้วแน่ๆ หึหึ”

***************************************************************************************

ที่ไร่ลำไย แม่นางออกมายืนกระวนกระวายนอกเรือนตอนมืดมากแล้วแต่ยังไม่เห็นบุตรชายและอาทีกลับเข้ามา นางเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นกับสองหนุ่มนั่นหรือไม่ เพราะเมื่อคืนเองนางก็ฝันไม่ดีจนสะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วอีกครั้ง ภาพในความฝันนางเห็นอิทธิและอาทีจับมึงกันวิ่งหาทางออกภายในป่ารกร้าง คล้ายๆ กำลังหนีอะไรสักอย่าง และในตอนที่นางสะดุ้งตื่นก็คือตอนที่นางเห็นว่าหนุ่มน้อยอย่างอาทีสะดุดล้มจนมือน้อยที่จับอยู่กับมือบุตรชายตนขาดสะบั้นลง
“แม่นาง”
เสียงเรียกชื่อทำให้แม่นางสะดุ้งตื่นจากภวังค์ นางหันไปมองเจ้าของเสียงก็พบกับหญิงเจ้าของไร่นี้ยืนยิ้มให้อยู่จึงเอ่ยทัก
“พี่ดวง มาซะเงียบเลยนะคะ”
“แล้วแม่นางยืนคิดอะไรอยู่ล่ะถึงกลับสะดุ้ง” ฝ่ายนั้นถามกลับนางจึงเล่าเรื่องราวให้ฟัง

****************************************************************************

   ทีไร่ส้ม นายศรขอตัวกลับไปที่เรือนเมื่อกลับเข้าไร่แล้ว ส่วนอาทิตย์นั่นรู้สึกขุ่นเคืองมาตั้งแต่ต้นจึงขอตัวเข้าห้องพักโดยไม่ยอมพูดคุยกับมารดาเลยแม้แต่คำเดียว
   จิตราส่ายหน้ามองตามร่างบุตรชาย กำลังจะก้าวขึ้นเรือนบ้าง แต่ก็ได้ยินเสียงสวบสาบดังมาทางพุ่มไม้มุมมืดเยื้องๆ เรือน
   “ใครน่ะ” นางส่งเสียงถาม เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ แต่กลับมีเสียงสวบสาบดังขึ้นอีก นางจึงตัดสินใจเดินไปดู พอเข้าไปใกล้ๆ และสายตาปรับชินกับความมืดหล่อนก็เห็นคล้ายเด็กใส่ชุดนักเรียนยืนจ้องมาที่ร่างหล่อน
   จิตราใจสั่นผิดจังหวะเมื่อเดินเข้าไปใกล้ภาพที่เห็นมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ กระทั่งกระจ่างชัดต่อสายตาว่าแท้จริงแล้วภาพนั้นคือร่างบุตรชายคนเล็กที่ยืนยิ้มให้บางๆ
   “อะ อาที นะนี่ แกกลับมาแล้วเหรอ ละแล้วมะ มายืนทำไมมืดๆ” จิตราเอ่ยถามบุตรชายเสียงสั่นเมื่อรู้สึกว่าร่างกายตนเย็นอย่างประหลาดตอนเข้าใกล้ร่างนั้น
   เงียบ ไม่มีคำตอบหลุดออกมาจากปากบุตรชายนอกจากรอยยิ้มบางๆ เช่นเดิม ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆ ยกมือขึ้นพนมแนบอกแล้วก้มศีรษะลงไหว้อย่างอ่อนโยนและงดงาม จิตราแทบน้ำตาไหลที่เห็นการกระทำเช่นนั้นของบุตรชาย นี่หล่อนกำลังได้รับการขอขมาแล้วสินะ หล่อนรีบปรี่เข้าไปหาร่างนั้นเพื่อรับการไหว้ขอขมาที่หล่อนเข้าใจไปเอง แต่แล้วสองขาหล่อนก็ชะงักตอนที่เห็นใบหน้าบุตรชายขณะเงยหน้าขึ้นมองมา
   จิตราอ้าปากค้างนัยน์ตาเหลือกมองไปยังภาพใบหน้าบุตรชายที่จ้องหล่อนเขม็งด้วยแววตาน่ากลัว ใบหน้าที่เจือรอยยิ้มบางๆ บัดนี้กลายเป็นบูดบึ้ง และเต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะ หนำซ้ำหล่อนยังมองเห็นลิ่มเลือดที่ไหลออกมาจากสองตาเจ้าตัวจนส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งมากระทบจมูกพร้อมๆ กับคำพูดแข็งกร้าวเสียงสั่นสะท้อน
   “สาใจแม่แล้วใช่มั้ย สาใจแม่แล้วใช่มั้ย!!”
   จิตรากรีดลั่นสุดเสียงเท่าที่หล่อนจะสามารถเปล่งออกมาได้ตอนนี้เมื่อเห็นใบหน้าและแววตาอันน่ากลัวของบุตรชายพุ่งมาให้หล่อนเห็นชิดนัยน์ตา จิตใจของหล่อนตอนนี้หล่นหายไปด้วยอาการช็อคกลัวจนไร้เรี่ยวแรงยืนทรงตัว ที่สุดร่างทั้งร่างหล่อนก็ทรุดลงกับพื้นหมดสติหลับใหลอยู่ตรงนั้น
   ด้านเรือนนายศร ขณะนี้สามคนพ่อลูกได้นั่งล้อมวงถามไถ่ถึงความคืบหน้าของกันและกันอยู่ภายใต้ความมืด
   “เป็นไงไอ้สิน ได้เรื่องยังไงบ้าง”
   “ระดับพ่อที่ลงมือไปขวางทางไอ้อาทิตย์เอง ผมจะกล้าทำให้เสียแผนเหรอครับ ป่านนี้สงสัยอิ่ทธิและไอ้อาทีคงกำลังร่ำร้องขอชีวิตคนของผมแหละพ่อ” สินเอ่ยออกมากลั้วเสียงหัวเราะ ส้มที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มสลดเมื่อนึกถึงอาทีขึ้นมา
   “พ่อ พี่สิน กลับใจตอนนี้ทันมั้ย ส้มเริ่มสงสารพี่อาทีแล้ว” สาวน้อยเอ่ยขึ้นทำท่าจะร้องไห้เมื่อจินตนาการไปว่าตนเองคงไม่มีโอกาสได้เห็นได้พูดคุยกับอาทีอีกในวันรุ่งขึ้น
   “ตอนนี้ต่อให้ไอ้อีหน้าไหนมีปีกก็ไม่มีทางบินไปช่วยไอ้เด็กสองคนนั่นแล้วอีส้ม มึงทำใจซะเถอะ และอย่ามาทำพิรุธอะไรให้ใครเห็น มันจะซวยรู้เอาไว้” สินตวาดว่าน้องสาว ส้มน้ำตาไหลพรากลงสะอื้นไห้ซบอกบิดาเมื่อรู้สึกใจหายขึ้นมาจริงๆ
   “พ่อ พ่อ ส้มกลัว ส้มกลัวว่าส้มจะทนไม่ได้หากได้ข่าวว่าพี่อาทีตายแล้ว”
   “จะมาคร่ำครวญอะไรตอนนี้นังส้ม เป็นลูกข้าต้องแน่วแน่ต้องเข้มแข็งสิวะ ไอ้อาทีมันเคยรักเอ็งเหรอเอ็งถึงต้องมาอาลัยอาวรณ์มัน ตัดใจซะเถอะ เอ็งน่ะยังสาวยังสวย พอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวเจ้าของไร่ ขี้คร้านเอ็งจะมีแต่หนุ่มๆ มารุมตอม”
   นายศรเอ่ยว่าบุตรสาวในตอนต้นแต่ในตอนท้ายวาดภาพเอาไว้แล้วอย่างงดงามว่าตนจะได้ครอบครองไร่นี้อย่างสมความตั้งใจ

โปรดติดตามตอนต่อไป


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2011 11:29:25 โดย Bboyseries »

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
^
จิ้ม
ส้มเลว ฉึกๆ :m31:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :เฮ้อ:เวรกรรมของยายจิตตราปาบหนาเหลือเกิน


สงสารอาที ต้องมาตายเพราะน้ำมือแม่ตัวเอง ที่หลงเชื่อคนเลวมาตลอด


ดีใจด้วยไอ้อาทิตย์ที่แกเกิดมาเป็นลูกอีแก่จิตราปาบหนาพอกัน


ครอบครัวไอ้ศรไอ้สินจงตกนรก

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
สงสารอาที T^T ไม่น่าตายเล้ย ไอ้คนที่อยากให้ตายดันมีชีวิตอยู่ ลูกมาขอขมาในสภาพนั้นสมใจมึงหรือยังอิ¤*$€พ฿% ปล่อยให้โง่ไปจนตายเลยดีมั้ย ชิ!!!

Annetemis

  • บุคคลทั่วไป
อาที...ที่ไม่เคยคิดร้ายหรือทำร้ายใครก่อน ทำไมต้องมาเจอจุดจบของชีวิตแบบนี้ด้วยค่ะ เค้าไม่เข้าใจและยอมรับไม่ได้ :m15: อาทีที่น่าสงสาร :m15: :o12:

หวังว่าจุดจบของคนเลว ๆ ทั้งไอ้เชี่ยศร ไอ้เชี่ยสิน อีส้มจอมคัน และลูกสมุนของพวกมัน ๆ ทั้งหลาย คงไม่จบแค่เข้าคุกหรอกนะค่ะ เพราะนั่นเทียบกับความเลวที่พวกมันสร้างขึ้นไม่ได้เลย...สักนิด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2011 14:47:43 โดย Annetemis »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เลวกันได้อีกนะ
เฮือกก ใจสลาย สงสารอาที TT

b_hihi

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ย อานวันเดียวจบเลย
ชอบมาก ดราม่ามาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด