::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60  (อ่าน 19779 ครั้ง)

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
มันหนาวน้าาาา

จะคืนทำไม

รึจะใช้เนื้อห่มเนื้อ

หึหึหึ

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เอาไปคืนทำไมคะคุณพี่ไค กลางคืนมันหนาวนะคะ
 :mew4: :mew4:
ชื่อไคนี่แฮกเกอร์ยังไม่รู้ แต่ทำไมหนูติณถึงรู้ล่ะคะ
ตอนนี้ขอแค่อย่าจบหักมุมประมาณว่าไคถูกสั่งให้มาพาติณไปนะคะ

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ตอนที่ 12



แสงแดดของเช้าวันใหม่สาดเข้ามาในห้อง มันแยงตาผมจนทำให้รู้สึกตัวและเริ่มขยับร่างเพื่อบิดขี้เกียจ จะบอกให้ว่าเตียงนุ่มในบ้านของบัฟฟอร์จต่างจากไอ้นวมแข็งๆ ในโรงแรมสามดาวนั่นมากโข คราวที่แล้วตื่นมาปวดเนื้อปวดตัวไปหมด แต่ครั้งนี้สบายๆ ลมเย็นจากอากาศด้านนอกทำให้เราไม่ต้องเปิดพัดลมด้วยซ้ำ

เดี๋ยวก่อนสิ!

เตียงน่ะนุ่ม แต่ทำไมหมอนมันแข็งวะ...

ผมรีบลืมตาตื่น สัมผัสได้ถึงไออุ่นของร่างกายมนุษย์ถัดไปประมาณครึ่งไม้บรรทัด เพียงเท่านี้ผมก็รู้ในทันทีว่าสิ่งที่ผมหนุนอยู่ไม่ใช่หมอน หากแต่เป็นแขนแกร่งของผู้ชายที่นอนกับผมทั้งคืน

ผมนอนบนแขนไค!

“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งพร้อมลุกขึ้นนั่งบนเตียงโดยอัตโนมัติ และให้ตายเถอะ ผมเห็นเขาลืมตาชัดแป๋วเลย ถ้าตื่นก่อนผมแล้วทำไมถึงไม่ปลุกหรือผลักผมออกไปวะ จะมานอนหนุนแขนตัวเองในขณะที่อีกแขนก็ปล่อยให้ผมหนุนเพื่อ?

“คุณตื่นนานหรือยังครับ” ไม่รู้จักอธิบายความตกใจแรงในวินาทียังไง โคตรเสร่อ โคตรเอ๋อ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเขินผู้ชายด้วยกันขนาดนี้ แล้วต่อไปไคจะกล้านอนกับผมเหรอวะ ดูดิ ผมรุกล้ำเขตเขายังไม่พอ ดันเสือกไปนอนหนุนแขนเขาอีก ผับผ่าสิ!

“สักพักใหญ่”

เจ้าของร่างบึกบึนลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงอย่างไม่รู้สึกรู้สา ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนหรือมองตาขวางใส่ผมแต่อย่างใด เขายืดแขนตัวเองออกเพื่อยืดเส้นยืดสาย ได้ยินเสียงกึกจากกระดูกที ใจผมนี่ตกไปอยู่ตาตุ่ม

เพราะแบบนี้ไงผมถึงอยากได้ผ้าห่มเพิ่มแทนที่จะใช้ผ้าห่มร่วมกับไค คือผมเป็นคนติดผ้าห่ม ถึงอากาศจะร้อนก็ต้องมี เวลานอนผมมักจะเกลือกกลิ้งอยู่ในผ้าห่มเพราะมันให้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรคุ้มครอง แต่เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นรู้มั้ย ผมต้องนอนเกร็งแม่งทั้งคืน แถมตื่นมาแต่ละครั้งก็พบว่าตัวเองห่มผ้าอยู่คนเดียว เดือนร้อนต้องลุกขึ้นมาห่มให้ไคทุกครั้ง เพราะงั้นผมถึงอยากได้ผ้าห่มเพิ่มอีกผืนไงเล่า

เฮ้อ...ไม่รู้ว่าเขาจะอยากให้ผมเอาผ้าห่มอีกผืนไปคืนทำไม

“ถ้าตื่นแล้วก็น่าจะปลุกผมสิครับ” เห็นแขนไคดูแดงๆ สงสัยผมจะนอนทับอยู่นาน โถ~ คงเมื่อยน่าดู

“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวฉันจะเก็บมุ้งเอง”

“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่าครับ” ว่าแล้วผมก็ลุกออกไปปลดเชือกที่ขึงอยู่กับเสาทันที

“บอกให้ไปอาบก็ไปสิ ไหนบอกจะเชื่อฟังฉันไง”

“อ้า...ก็ได้ครับ” ผมจำต้องยื่นเชือกของมุ้งคืนให้กับไค ขณะเดินไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋า ผมเหลือบมองเขาพับมุ้งด้วยความเรียบร้อยและเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ

“ในห้องของบัฟมีเสื้อผ้าที่พอจะใส่ไปเที่ยวได้ ชอบตัวไหนก็เอามาใส่เลย ฉันจะไปบอกหมอนั่นให้” คำพูดของไคทำให้ผมประหลาดใจ

“ผมต้องไปไหนเหรอครับ”

“นายบอกเองว่าอยากไปเคเบิ้ลคาร์”

“หืม?” อ้อ เมื่อคืนนี้น่ะเหรอ “ผมแค่แนะนำเผื่อคุณจะอยากไป ไม่ได้แปลว่าผมอยากเองสักหน่อย” หลังจากพูดจบประโยค ไคค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“โกหกไม่เนียน” เขาเอ่ย “ถ้าไม่อยากให้ใครจับได้ก็ควรตีหน้าให้มันจริงจังกว่านี้”

ผมทำหน้าเหว่อชนิดกู่ไม่กลับ โดนด่าว่า ‘คนโกหก’ ยังไม่เจ็บเท่าคำว่า ‘โกหกไม่เนียน’ มันให้ความรู้สึกเหมือนผมไม่มีความสามารถพอ แต่มันจะเป็นไปได้ไงวะ ผมไม่ใช่คนใสซื่อหรือคนดีขนาดไม่เคยโกหกนะเว้ย เอ๊ะ! หรือว่าไคจะเก่งเรื่องการวิเคราะห์คนเหมือนแม่ผม

ไม่นานผมก็เห็นไคเดินไปที่ประตู   

“คุณจะ...”

“ฉันจะไปบอกบัฟฟอร์จเรื่องเสื้อผ้าที่นายจะขอยืมใส่” เขาตอบผมทั้งๆ ที่ยังถามไม่จบ เหมือนรู้ว่าจะโดนถาม ‘คุณจะไปไหน’ ซึ่งผมก็แอบดีใจนะ อย่างน้อยเขาก็ทำตามคำที่ผมเคยขอ... 

“ขอบคุณครับ”

 










เคเบิ้ลคาร์เป็นที่เที่ยวยอดฮิตของเกาะลังกาวี ระหว่างเดินทางมาไคเล่าให้ผมฟังว่ามันสูงมาก และตั้งอยู่กลางหุบเขา หากวันนี้มีคำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศจนไม่สามารถขึ้นกระเช้าไปได้ เขาก็จะพาผมไปเดินเล่นที่ชายหาดใกล้ๆ แทน

เมื่อรถยนต์ขับมาถึง ผมเห็นร้านขายอาหารและของที่ระลึกมากมาย ดูจากจำนวนนักเที่ยวแล้วผมว่าวันนี้เคเบิ้ลคาร์เปิดให้บริการแน่ ไคบอกผมให้รออยู่บริเวณทางเข้าเดี๋ยวเขาจะไปซื้อตั๋วมาให้ จากนั้นก็ไปรอขึ้นกระเช้าที่ขึ้นได้ครั้งละหกคน ฉะนั้นในกระเช้าจึงมีคนอื่นอยู่รวมกับพวกเรา 

กระเช้าค่อยๆ เคลื่อนไปเรื่อยๆ ผมเริ่มเห็นผืนผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์กลางหุบเขา เห็นทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย เชื่อว่าภาพพวกนี้ต้องเป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืมแน่ๆ เพราะนอกจากวิวสวยๆ ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ผมก็ยังผู้ร่วมเดินทางเป็นชายชาวต่างชาติที่มีโอกาสรู้จักกันในระยะเวลาสั้นๆ

“วิวสวยใช่ได้เลย” ใบหน้าผมแทบจะติดกับกระจก ส่วนไคก็เอาแต่นั่งกอดอกพร้อมยกขาขึ้นไขว่ห้าง ช่างเป็นความนิ่งเฉยที่ไม่มีอารมณ์ร่วมกับสถานการณ์เอาซะเลย

“มาถ่ายรูปกัน” ผมหันไปพูดกับไค ขอสักหน่อยเถอะ ไหนๆ ก็มาแล้ว

“ฉันไม่ชอบ”

“แต่ผมอยากมีรูปที่ถ่ายกับคุณสักภาพหนิ จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาที่นี่ด้วยกันไง” ผมเอียงคอมองด้วยสายตาเว้าวอน จนเขาถึงกับถอยหายใจยาว

“น่ารำคาญ”

เขาบ่นอุบอิบ แต่ก็อุตส่าห์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา ผมเลยจับมาเปิดกล้องและทำการถ่ายเซลฟี้ด้วยการโน้มตัวไปใกล้เขา แต่ให้ตายเถอะ สีหน้าของคนข้างๆ ผมโคตรจะไร้อารมณ์ ก็รู้ว่าถูกขอให้ร่วมมือโดยที่ไม่อยากทำ แต่ช่วยกันหน่อยเถอะ เราไม่ได้มาถ่ายบัตรประชาชนกันนะเว้ย

“ยิ้มหน่อยสิครับ” ผมถึงกับลงทุนทำปากมุ่ยพร้อมกระพริบตาปริบๆ ให้ในชนิดที่ว่าชาตินี้ต้องจารึก เขาก็ควรให้ความร่วมมือนะ เพราะตอนขอเงินแม่ซื้อคอมพิวเตอร์ผมยังไม่ทำขนาดนี้เลย

ไคหลับตาลงอย่างจำใจ บริหารใบหน้าชั่วครู่ก่อนจะเผยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก ผมรีบถ่ายอย่างไว แถมยังใช้โหมดแบบถ่ายรัวๆ รัวแล้วรัวอีกจนไคต้องเหลือบตามองมา

“พอ!”

น้ำเสียงจับได้ว่านั่นเป็นคำสั่ง ผมจึงลดโทรศัพท์ลงในขณะที่ยังยิ้มแย้มอย่างสาแกใจ เลื่อนรูปดูไปขำไป นึกได้ว่านี่เครื่องนี้เป็นโทรศัพท์ของไค ถ้าอยากได้รูปพวกนี้บ้างก็ต้องให้ไคส่งมาให้

“แอดไลน์ผมด้วยนะ” ผมหันไปบอกเขา

“ทำไม?”

“คุณจะได้ส่งรูปนั้นมาให้ผมในไลน์ไง” ไคนั่งคิดสักพักก่อนจะเอ่ยตอบ

“ฉันไม่มี”

“ไม่มีก็สมัครดิ...”

“...” เงียบแบบนี้หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าทำไม่เป็น

“ผมสมัครให้ละกัน” ว่าแล้วผมก็จัดการทำทุกอย่างให้ แม้กระทั่งตั้งชื่อไลน์ของเขาและเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นรูปที่เราเพิ่งถ่ายกันไป หลังจากนั้นก็ค้นหาไอดีของผมแล้วกดแอดไป

“นี่ไลน์ผมนะ” ผมยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู “ถ้ากลับไปอเมริกาแล้วคิดถึงผมขึ้นมา ก็อย่าลืมทักหากันล่ะ”

ไคไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น จากสภาพแล้วผมว่าเขาไม่น่าจะเล่นพวกแอฟพิเคชั่นในมือถือเท่าไหร่ โผล่มาจากยุคไหนวะเนี่ย ถึงจะอายุมากแล้ว แต่คนที่แก่กว่าเขาเป็นสิบปีก็ยังเล่นเป็นเลย

“นายสะกดชื่อฉันผิด” หืม? ที่จ้องอยู่นานเพราะเอ๊ะใจเรื่องนี้น่ะนะ

นอกจากชื่อจะเรียกยากแล้วยังสะกดยากอีก ผมเลยพิมพ์ไปง่ายๆ ว่า ‘KAI’

“งั้นคุณสะกดมา เดี๋ยวผมอีดิสให้”

“ช่างเถอะ” พูดจบก็เก็บโทรศัพท์ใส่เป๋ากางเกง ผมมองการกระทำของเขา จนกระทั่ง...

“ไว้ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน ฉันจะเป็นคนเปลี่ยนเอง”

พูดคลุมเครืออีกแล้ว ผมละอยากรู้วิธีง้างปากผู้ชายคนนี้ซะเหลือเกิน!

 






ไม่นานกระเช้าก็ขึ้นมาถึงสถานีปลายทาง ผมกับไคเดินลงมาตรงจุดชมวิวเพื่อรับลมเย็น แดดอ่อนๆ ทำให้การขึ้นมาบนนี้มีอากาศสบายๆ จากจุดชมวิวทำให้ผมมองเห็นท่าเรือเปโตรนาสชัดเจน และนอกจากนี้ก็มีทางเดินจากสถานีไปถึงตัวสะพานที่สามารถเดินได้ด้วย ผมกำลังคิดว่าไคจะเดินไปด้วยกันหรือเปล่า เพราะตัวสะพานมันพาดระหว่างหุบเขา หากมองไปด้านล่างมันก็เหวดีดีนี่เอง แต่พอคิดดูอีกที ผมว่าคนอย่างเขาไม่น่าจะกลัวอะไรหรอก

นั่นไง! พูดไม่ทันขาดคำเขาก็เดินนำผมไปละ

“เดินมาสักที” พอเห็นผมยืนมองก็เร่งกันทันที

อืม...จะว่าไป เขาเคยพูดอะไรบางอย่างกับผมไว้นี่หว่า สงสัยต้องจัดให้สักหน่อยละ จะได้รู้ว่าวิถีคนจริงมันเป็นยังไง การมาดูถูกผมแบบนั้นมันยังเร็วไป

โอเค แอคชั่น!

“สะพานมันสั่นๆ ด้วย ผมกลัว ไม่กล้าเดินต่อแล้ว” ริมฝีปากสั่นระริก ผมรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“เดินมา” เสียงเข้มออกคำสั่ง

“ผมรอคุณอยู่ตรงนี้ได้มั้ย”

ไคทำหน้าเอือมระอา ก่อนจะเดินกลับมายืนตรงหน้า เขาฉายแววตาสีฟ้าเพื่อเพ่งมองผมอย่างไม่ลดละ อาจกำลังคิดว่า ‘ควรเอายังไงกับเด็กคนนี้ดี’ จนในที่สุด มือหนาที่เอาแต่ซุกซ้อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงมาตั้งแต่เมื่อกี้ยื่นมาใกล้ เขาดึงมือข้างหนึ่งไปจับไว้อย่างมั่นคง วินาทีนั้นผมสะดุ้งเฮือก เบิกตากว้างด้วยความตกใจ และกว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็โดนคนตรงหน้าจับมือเดินลงไปตรงสะพานซะแล้ว

มืออุ่นๆ ทำให้หัวใจผมรู้สึกหวิวแปลกๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากความสูงที่เราต้องข้ามผ่านหรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งผมกลับสุขใจ ซึ่งดูได้จากรอยยิ้มที่ผมเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว อยากรู้จังว่าคราวนี้ไคต้องใช้ความอดทนกับผมแค่ไหน ถึงได้ยอมช่วยเหลือคนกำลังกลัวด้วยวิธีนี้

คนตัวสูงเดินไปเรื่อยๆ ก้าวเท้าไม่หยุดจนไกลออกไป ผมเชื่อแล้วล่ะว่าเขาไม่มีความเป็นนักท่องเที่ยวอยู่ในจิตใจ เหมือนมางั้นๆ คนส่วนใหญ่เที่ยวกันตรงไหนก็เดินๆ ให้มันจบๆ

เวลาผ่านไปสักพัก เราก็เดินมาจนสุดทาง...

“หูย~ ลมแรงชะมัด” ผมดึงมือตัวเองออกแล้วเดินไปจับราวสะพาน ด้วยอากัปกิริยาแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ก็แหงล่ะ ผมไม่กลัวความสูงจริงๆ สักหน่อย เหตุผลที่ทำก็แค่อยากแสดงการ ‘โกหกอย่างเนียนๆ’ ให้ไคเห็นเท่านั้นเอง

“นี่ไค...” ผมเรียกคนที่เพิ่งเดินมายืนข้างๆ “เมื่อกี้ผมจริงจังพอยัง?”

“...” ไคเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ผมแกล้งกลัวซะเนียนเลยชะ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่เดินเข้ามาจูงมือผมหรอก จริงมั้ย” พูดตามตรงผมก็ไม่อยากกวนตีนเขาหรอก แต่เพราะคำพูดประโยคนั้นมันเลยทำให้ผมอดไม่ได้จริงๆ

‘โกหกไม่เนียน...ถ้าไม่อยากให้ใครจับได้ก็ควรตีหน้าให้มันจริงจังกว่านี้’

นึกแล้วก็ขำ พอผมทำท่าว่ากลัวไคก็เดินมาจับมือผมเลย เห็นอย่างนี้เขาก็มีมุมอบอุ่นเหมือนกันนี่หว่า

“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายแกล้ง”

“หา?”

ไม่จริงน่า ถ้ารู้แล้วจะมาจับมือผมทำไม...เอ๊ะหรือว่า มันเป็นการหลอกซ้ำหลอกซ้อน ดักทางผมได้แล้วก็ตระหลบหลังกันอะไรแบบนี้น่ะเหรอ

โหย ร้ายกาจ~

“วิวบนนี้สวยสุดยอดเลย ผมจะจำภาพนี้ไว้ แล้วเอาความทรงจำกลับไปวาดรูปที่บ้าน” รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างไว

“นายเรียนอยู่ปีไหน?”

“ปี 2 สาขาจิตรกรรมครับ” พอพูดถึงเรื่องเรียนผมก็นึกอะไรขึ้นได้ “จะว่าไป...ผมยังวาดรูปที่ต้องส่งอาจารย์ค้างไว้อยู่เลย การวาดรูปนามธรรมเกี่ยวกับความรักที่มองไม่เห็นเนี่ย เป็นหัวข้อที่ยากมากเหมือนกันแฮะ”

“ความรักก็เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่แล้ว” เขาเอ่ยคล้ายกับพูดขึ้นมาลอยๆ

“ใช่ครับ เพราะมันสัมผัสได้ด้วยใจไง...ใช้ใจสัมผัสและค่อยๆ รับความรู้สึกนั้น”

“ความรู้สึกแบบไหน?”

ได้ยินคำถามนั้นแล้วผมก็หันไปมองไค และเชื่อมั้ยว่ายิ่งมองเขาก็ยิ่งเหมือนประติมากรรมชิ้นเอก เมื่อยามผมปลิวไสวท่ามกลางสายลมยิ่งโคตรเท่ห์ มันปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นที่มีเสน่ห์จริงๆ ผมชักเริ่มเชื่อที่เขาบอกว่ามีคนมองเพราะเห็นว่าเขาหล่อแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ผมมองใบหน้ามุมข้างของไค มากกว่าการชมวิวซะอีก!

“นั่นสิ ผมไม่เคยมีความรักเลยไม่ค่อยใจมั่นใจเท่าไหร่ เพราะงั้นถึงวาดไม่เสร็จสักที” ผมหยุดคิดอะไรสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “ผมว่าความรักมันมีหลายนิยาม แต่มันวิเศษตรงที่ไม่มีเหตุผล อยู่ๆ ก็เกิดขึ้น หรืออยู่ๆ ก็หายไป อนุภาพของมันเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างได้ อันที่จริง...แค่รู้สึกดีกับใครหรือสิ่งไหน มันก็คือการเริ่มต้นของความรักแล้วนะ เพียงแต่มันจะเป็นความรักในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง”

ไครับฟังโดยไม่ออกความเห็น ทว่าอยู่ๆ คำพูดประโยคหนึ่งก็ออกมาจากปากของเขา...



“แสดงว่าฉันก็มีความรักแล้วสิ”

 










 
************
ถือเป็นการลงต้อนรับวันปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญให้กับทุกคน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์เป็นกำลังใจจ้า  :mew1: :mew1: จะพยายามอัพอย่างสม่ำเสมอ ยังไงก็เอาใจช่วยทั้งคู่ให้ผ่านอุปสรรคทั้งปวงไปได้ด้วยน๊าาาา

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:
 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2017 13:22:59 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ขอบคุณคนแต่งสำหรับของขวัญปีใหม่ครับ
HNY2017

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ขอบคุณและHNYคร้าบบ

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ถ้าถึงเวลานั้นจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรคะ
แล้วประโยคสุดท้ายนั่่นหมายความว่าไงคะ ว๊ายๆ
  :impress2: :impress2:

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
❤️ HAPPY NEW YEAR  ขอให้ไรท์ มีความสุข
。◕‿◕。
ไค ยอมรับแล้วว่าตัวเองมีความรัก
ไค ทำให้ติณณ์ หนุนแขนตัวเอง  :katai1:
หรือติณณ์ ไปหนุนแขนไค ซะเอง  :katai1:   
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เดี๋ยวๆนีทริปหนีตายหรือทริปฮันนีมูนจ๊ะทำไมมันถึงได้หวานแบบนี้

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อร๊ายย. แอบมีความโรแมนติกส่งท้ายปี.

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
HNYค่า ชอบมากเลยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ประโยคสุดท้ายรู้สึกเหมือนโดนหมัดน็อคเลย  :-[

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
ตายแล้วววววววววววววว เขินรับปีใหม่กันเลยทีเดียวเรา ในชีวิตจริงจะมีผู้ชายแบบนีมั๊ยน้อออ บอกเลยถ้ามีจริงนี่พ่ายแพ้อ่ะ

ออฟไลน์ nuchhxk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
นุงติณณ์ นุงเด็กขี้อ่อย...แต่เฮียไคเราอ่อยกว่า ฮ่าๆๆ :katai3:

 สวัสดีปีใหม่ค่าาา~

ออฟไลน์ ฮาย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สวัสดีปีใหม่ครับ เรื่องนี้สนุก ชอบบ 55 จะติดตามต่อไปเลย ขอบคุณค๊าบบบ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ La_Pomme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
ตอนที่ 13



หลังจากลงมาจากเคเบิ้ลคาร์ ไคก็พาผมไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหาร บอกตามตรงว่ารสชาติอาหารบนเกาะลังกาวีถูกปากผมมาก ตอนนี้ผมกำลังจะสั่งเมนูที่ไม่ซ้ำกับไอ้ที่ทานไปเมื่อคืน แต่พอกวาดตาดูแล้วมันหลากหลายเสียจนผมเลือกทานไม่ถูก และเพราะมัวแต่เลือกเนี่ยแหละ คนที่นั่งตรงข้ามถึงทำเสียงแข็งใส่ผม

“ทำไมไม่สั่งสักที” ในเมื่อเร่งมาขนาดนี้ ผมคงต้องแล้วแต่เขาแล้วล่ะ

“คุณสั่งเลยครับ ผมกินได้หมด” พูดจบก็ยื่นเมนูคืนให้กับพนักงานที่กำลังรับออเดอร์

“ขอเมนูนี้สองที่ แต่อีกที่หนึ่งไม่เอาผัก”

“ผมด้วยครับ ผมก็ไม่เอา” ได้ยินไคพูดเรื่องผักผมรีบขอแนวร่วมทันที ไม่ยักรู้ว่าไคก็ไม่กินผักเหมือนผม แบบนี้เส้นทางการมีสุขภาพที่ดีโดยไม่พึ่งผักก็พอเป็นไปได้แล้วล่ะ

“ก็สั่งให้แล้วไง” หืม?

“คุณรู้ด้วยเหรอว่าผมไม่กินผัก”

“เท่าที่ดูวิธีการกินของนายในหลายวันมานี้ ฉันก็รู้แล้ว” โอ้โห~ โคตรช่างสังเกต “โตป่านนี้แล้วยังจะเลือกกิน”

ได้ยินเขาพูดแบบนั้นแล้วยัวะมากบอกเลย ไม่เข้าใจว่าคนสูง 180 อย่างผมทำไมถึงมีแต่คนมองว่าเด็กจังวะ จริงอยู่ที่หน้าตาผมดูละอ่อน แต่รสนิยมการแต่งตัวบวกกับสติปัญญาของผมมันไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นเด็กเลยนะ

“แค่ไม่กินผักมันเอามาวัดเรื่องการเจริญเติมโตได้ด้วยเหรอครับ” ยอมรับว่าตั้งใจย้อน แต่พอเห็นสายตาพิฆาตที่เงยหน้าขึ้นมามอง ผมนี่รีบเปลี่ยนเรื่องแทบไม่ทัน “คุณจะไปไหนต่อหรือเปล่า”

“ฉันว่านายคงลืมไปแล้วว่าเรากำลังหลบหนีอยู่” นั่นไง โดนมาหนึ่งดอก ไม่มีความยอมกันแต่อย่างใด 

“ตอบไม่ตรงคำถาม”

“มีที่ที่อยากจะไปอีกหรือไง”

“เปล่าครับ”

“งั้นก็กลับ” เป็นการจบบทสนทนาฉบับไคจริงๆ

ระหว่างรอให้อาหารมาเสิร์ฟ อยู่ๆ ผมก็นึกไปตอนที่ไคพูดทิ้งท้ายทำนองว่าตัวเองอาจมีความรัก กะว่าจะถามกลับแต่ไคดันเดินหนีผม พอมารู้ตัวอีกทีก็มานั่งในร้านอาหารนี้ละ

“ตอนอยู่ที่เคเบิ้ลคาร์ คุณบอกว่าตัวเองอาจมีความรัก...มันคือเรื่องจริงใช่ป่ะ” ไคไม่ตอบกลับทันที เขาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบโดยไม่มองหน้าผม

“อาจจะ”

“เธอคือคนที่คุณกำลังตามหาหรือเปล่า” พอพูดจบ ไคหันมาจ้องผมทันที

“ชีวิตฉันมันน่าสนใจนักหรือไง นายถึงเอาแต่ถามไม่หยุด ถ้าฉันถามเรื่องของนายบ้างนายจะตอบมั้ย”

“ลองถามมาสิครับ” เอาเลย ผมพร้อมจะเล่าทุกอย่างอยู่แล้ว ให้รู้ไปเลยว่าผมเป็นคนจริงใจแค่ไหน เขาจะได้รู้ว่าสังคมมนุษย์ต้องมีความเข้าอกเข้าใจกัน ไม่ใช่ทำตัวลึกลับให้อีกฝ่ายเอาแต่ตั้งข้อสงสัยแบบนี้

มา! สาดคำถามมาเลย

“ที่บอกว่าไม่เคยมีความรัก แปลว่ายังไม่มีแฟนใช่มั้ย”

“...”

ผมอ้าปากค้าง สะตั้นไปพักใหญ่ถึงจะเรียกสติทั้งหมดกลับมาได้

“ผมเคยไม่แฟนหรอกครับ” เชี่ยเอ้ย! โคตรอายเลย ไม่ได้ๆ จะให้เขาเล่นเราฝ่ายเดียวได้ไง พอนึกถึงคำที่บัฟฟอร์จเคยพูด ผมก็พูดโพล่งออกไปทันที “ว่าแต่...คุณเองก็ไม่เคยมีใช่ป่ะ”

เฮือก...หลังจากพูดไปแล้วผมเพิ่งรู้ตัวว่ามันเป็นคำถามที่ควรเลย พับผ่าสิ!

“พอฉันยอมตอบเข้าหน่อยก็ปีนเกลียว แบบนี้เขาเรียกว่าเคารพตรงไหน”

“แต่คุณเป็นคนถามผมก่อนนะครับ”

“นั่นไง เถียงคำไม่ตบฟาก” โว้ว รู้จักใช้สำบัดสำนวนซะด้วย

“ผมว่าคุณมีวิธีเลี่ยงตอบคำถามได้หลากหลายเหมือนกันนะ”

“ยังไง?”

“ถ้าอย่างตอนนี้ก็...เรียกว่าเฉไฉ แต่ถ้าเล่นใหญ่หน่อยก็คงเป็นตอนที่ผมถามว่าคุณเป็นใคร คิดว่าการผลักผมลงกับเตียงแล้วขึ้นคร่อมจะทำให้ผมตกใจจนพูดอะไรต่อไม่ได้ล่ะสิ” พอพูดถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพในหัวก็เข้ามาเป็นฉากๆ ผมยังจำได้เลยว่าใบหน้าเขาคมคายแค่ไหน “แต่เสียใจด้วยที่คุณคาดการณ์ผิด เพราะความอยากรู้ของผมมันมีมากกว่าที่คุณคิด” ดูก็รู้ว่าไคจงใจทำให้สติผมกระเจิดกระเจิง แกล้งกันด้วยวิธีที่คาดไม่ถึงแบบนี้แสดงว่าเขาต้องมีจุดประสงค์แน่ๆ

“อย่าพูดเหมือนรู้จักฉันดีหน่อยเลย”

“ก็มันแปลกหนิ วันแรกๆ ผมเข้าใกล้คุณหน่อยเดียวก็ตาขวางใส่แล้ว แต่นี่อะไร อยู่ๆ ก็จู่โจมผมแบบไม่ทันตั้งตัว ดูยังไงมันก็มีบางอย่างแอบแฝงชัดๆ” ผมพูดจบอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี

“งั้นคราวหน้าถ้ารำคาญคำถามของนายมากๆ...ฉันจะหาอะไรมายัดปากนายแทน”

ผมกลืนน้ำลายลงคอโดยอัตโนมัติ และเชื่อเถอะว่าไม่ใช่เพราะเห็นอาหารตรงหน้าแน่ๆ...

 











พวกเรากลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายโมง จากนั้นผมต้องนั่งถอนหายใจทิ้งระหว่างรอไคเข้าไปดูความคืบหน้าในการแฮกข้อมูลของบัฟฟอร์จในห้องทำงาน จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น พวกเขาบอกให้ผมทานข้าวไปก่อนแถมยังบอกให้ผมหาอะไรทำแก้เบื่อด้วย พอผมบอกว่าจะช่วยอีกแรงไคก็ปฏิเสธ บอกว่าผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก จากนั้นก็หยิบสมุดกับดินสอมาให้ผม อยากให้ฆ่าเวลาด้วยการวาดรูปที่ผมถนัด ก็รู้นะว่ารำคาญที่ผมคอยเสนอตัว แต่จะให้มานั่งวาดรูประบายสีในเวลาแบบนี้มันใช่มั้ยเนี่ย

ผมนอนคว่ำราบไปกับเตียง ลงมือสเก็ตภาพเรื่องราวที่ผมกับไคไปเที่ยวกันมาวันนี้ ทว่าจู่ๆ ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีสี่ทุ่มกว่า เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วพบว่าตัวเองอยู่คนเดียว แสดงว่าไคยังไม่วางมือกับการหาร่องรอยคนร้าย และเพื่อไม่ให้ตัวเองไร้ประโยชน์มากไปกว่านี้ ผมจึงตัดสินใจเดินไปที่ครัวเพื่อชงกาแฟให้พวกเขาดื่ม

กระทั่งเดินมาถึง ผมเห็นบัฟฟอร์จกำลังกะปริมาณกาแฟกับน้ำตาลใส่แก้วพอดี แสดงว่าผมมาช้าไปนิดเดียว ก็เลยตัดสินใจเดินเบี่ยงไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม โดยระหว่างนั้นผมก็มองหน้าเขาไปด้วย

“มีอะไร” บัฟฟอร์จคงรู้สึกได้ว่าผมมองอยู่

“ผมกะว่าจะมาชงกาแฟให้ แต่คุณกลับตัดหน้าผม” สิ้นเสียง ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็เงยหน้าขึ้นมามองผม เห็นได้ชัดว่าเขามีความอ่อนเพลียจากตาปรือๆ และการหยิบจับอะไรที่ช้าลง

“ฉันรู้ว่านายกังวล แต่ไปนอนเถอะ ฉันจะได้ไปรายงานจ่าวีลว่านายหลับไปแล้ว”

“ทำไมต้องรายงานด้วยล่ะครับ”

“ก็หลังจากชงกาแฟเสร็จ จ่าวีลเขาสั่งให้ฉันไปเอาไฟเช็คในห้องนั่นให้น่ะสิ” หืม? ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องที่ผมต้องไปนอนเลยนี่หว่า “ตอนไหว้วานกันไม่ได้มองเล้ยว่าไฟแช็คของฉันวางอยู่บนชั้นเหนือหัวไปนิดเดียว คนช่างสังเกตอย่างเขาจะไม่เห็นได้ไง เป็นไปไม่ได้หรอก หึ...อยากให้ฉันเข้าไปในห้องเพื่อทำเนียนถามฉันว่านายนอนหรือยังซะมากกว่า” แม้จะพูดเอื่อยไปหน่อยแต่ผมก็ฟังจนจบ ไม่คิดเลยว่าไคจะเป็นห่วงผมขนาดนี้

“แล้วพวกคุณใกล้จะค้นหาตัวตนของคนร้ายเจอหรือยังครับ” ผมถาม

“ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืน”

“แสดงว่าใกล้แล้ว”

“ถือว่านายโชคดีที่ได้เขาช่วยเอาไว้นะ เพราะฉันรู้สึกได้ว่าคนร้ายพวกนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่...ก็เล่นลึกลับ ไม่มีข้อมูลรั่วไหลอะไรเลย ทำให้ฉันหัวหมุนได้เกิน 24 ชั่วโมงขนาดนี้ ถือว่าเจ๋งพอควร” ได้ยินแบบนั้นแล้วผมยิ่งหวั่นใจ พวกมันมีกันหลายคน ไคจะจัดการยังไงไหว เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงชัดๆ

“แล้วไคจะไม่เป็นไรเหรอครับ เขาบอกผมว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีของเขา”

“อืม...เขาคงไม่อยากให้นายมาเสี่ยงด้วยล่ะมั้ง” บัฟฟอร์จพูดไปคนกาแฟไป “ตอนขอให้ฉันช่วย จ่าวีลเล่าแค่ว่านายถูกคนร้ายบุกเข้าบ้าน เขาก็เลยช่วยเหลือนายด้วยการพาหนีออกมา แต่สุดท้ายในข่าวกลับบอกว่าเขาดันเป็นคนร้ายลักพาตัวซะเอง พูดแล้วก็ตงิดใจแปลกๆ คดีแค่นั้นเขาน่าจะแก้ปัญหาด้วยการพานายไปส่งแล้วหนีออกนอกประเทศเลยสิ ทำไมจะต้องหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ด้วย หรือถ้ามองเป็นเรื่องของภาพพจน์ก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ในเมื่อนายบอกเองว่าเขาเคยถูกจับเข้าคุก ฉะนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาทางให้ตัวเองพ้นผิดนี่หว่า...ลองเป็นคนอื่น ฉันว่าป่านนี้คงนั่งจิบไวน์แดงบนเครื่องบินไปแล้ว”

ผมคิดตามคำพูดของบัพฟอร์จก็แอบเห็นด้วยในหลายๆ อย่าง จนท้ายที่สุดก็เข้าใจได้ด้วยการกระทำของไคในหลายวันมานี้ เขาทำให้ผมรู้ว่าจุดประสงค์ทั้งหมดคืออะไร

“ไคต้องจับตัวคนร้ายให้ได้ เพราะกลัวว่าครอบครัวผมจะเป็นอันตรายน่ะครับ” ผมเอ่ยก่อนจะก้มหน้าลง “เขาช่วยเหลือผมขนาดนี้ สักวันผมต้องตอบแทนความมีน้ำใจของเขาให้ได้”

“แค่มีน้ำใจมันไม่น่าจะทำให้เขาทุ่มเทขนาดนั้นหรอกน่า” คำพูดของบัฟฟอร์จทำให้ผมขมวดคิ้วหนัก

“คุณจะพูดอะไรเหรอครับ”

“ตั้งแต่รู้จักจ่าวีลมา ฉันไม่เคยเดาสีหน้า ท่าทาง หรือความคิดของเขาได้เลย”

จากนั้นคนตรงหน้าก็จ้องผมด้วยแววตาที่ฉายแววจริงจัง...




“แต่ตอนนี้ฉันโคตรจะมั่นใจ...ว่าเขาคิดอะไรอยู่”











 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2017 22:46:22 โดย La_Pomme »

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
คิดจะเคลมเด็กใช่ไหม //ต่อประโยคให้ :hao7:

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ฮอลลลล.  ขออีกนะ พรีสสสส

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จ่าคิดจะกินเด็กทีต้องลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
รู้นะ ฉันรู้นะว่าเธอคิดอะไรอยู่~~ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
นี่ขนาดเราไม่เคยรู้จักจ่าวีลมาก่อน เรายังมั่นใจเลยว่าตอนนี้จ่าคิดอะไรอยู่

จ่าจะเป็นอมตะะะะะ

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
แล้วจ่าคิดอะไรรู้ล่ะจ๊ะ บอกให้น้องรู้หน่อย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
บัฟจะมาทิ้งชั้นไว้กลางทางแบบนี้ไม่ได้นะ!!!!!!
อยากรุ้อ่า ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง 555555

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
จ่าอยากเป็นอมตะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ทำไม คิดอะไรหรือ
 :hao6:

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
คิดอะไรค่ะ ท่านบัพโปรดชี้เเนะ
 :mew4: :mew4:

ติดตามค่ะ
  :L1: :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด