สวัสดีครับ ผมชื่อชนาวัติ ธนจันทร เรียกผมว่าชาร์ปก็ได้ครับ เป็นลูกคนโตของตระกูลธนจันทร ตระกูลเจ้าของบริษัทจิเวลรี่อันกับหนึ่งของประเทศ ผมเคยแต่งงานมาแล้วครับ แต่ต้องหย่ากันเพราะเธอไม่สามารถที่จะมีลูกให้ผมได้ และอีกข้อที่ผมต้องหย่าคืออดีตภรรยาผมไม่ได้มีผมแค่คนเดียว คือพูดง่ายๆคือเธอเป็นลูกคนรวยที่ไม่เคยหยุดที่ใคร เอาง่ายๆกว่านั้นคืออีตัวที่คบซ้อนไม่ซ้ำหน้า ผมก็กลัวโรคนะครับ ที่ผมรู้เพราะผมให้คนสนิทของผมสืบประวัติให้ว่าเธอเป็นมาอย่างไรกันแน่ ต้องมีคนถามว่าทำไมผมถึงไม่สืบตั้งแต่แรก ก็เพราะพ่อแม่ผมไงครับ หลังจากที่พวกท่านเสียผมก็ให้คมสันต์ลูกน้องคนสนิทผมสืบประวัติของเธอ โดยได้ข้อมูลมาว่าเธอเคยทำแท้งมาแล้วไม่รู้กี่รอบเลยทำให้ท้องยากและไม่สามารถมีบุตรได้ถาวร และได้รู้อะไรที่ผมไม่รู้มาก่อนอีกมากมายและผมก็ตัดสินใจขอเธอหย่าในที่สุด และผมก็อยู่เป็นโสดมาโดยตลอด และตามหาคนรักของผมที่ผมได้ทำร้ายจิตใจของเขาเมื่อหกปีที่แล้ว ผมเองยังไม่เคยที่จะลืมเขาเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะลืมผมไปแล้วหรือเปล่าถ้าเขาลืมผมก็คงไม่แปลกครับเพราะผมเองที่คิดว่าเขาคงไม่มีลูกให้ผมได้เพราะผมอยากมีลูก ผมยังจำครั้งที่เรารักกันได้ ผมเดินเข้าไปจีบเขาก่อนโดยไม่สนใจว่าเพื่อนผมจะคิดยังไงหรือที่บ้านจะว่ายังไง ตอนนั้นผมเรียนปีสามเขาพึ่งเขาปีหนึ่ง ผมเดินเข้าไปหาเขาแล้วสะกิดคนตัวเล็ก เขาหันมาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่ผมจะบอกเขาว่า
“น้องครับพี่ชอบน้องมากเลย เป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ” แล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วหันซ้ายหันขวาวิ่งจู๊ดดดดดดดออกไปจากตรงนั้นเพื่อนๆน้องเองก็ยังงงว่าน้องเขาเป็นอะไรไป แต่เพื่อนคนนึงที่ได้สติก่อนก็หันมาบอกว่า คนที่ผมบอกรักไปนั้นชื่อวาล และแอบชอบรุ่นพี่คนนึงอยู่ คนนั้นก็คือผมเอง ผมเลยถึงบางอ้อและยิ้มกริ่มพยักหน้าเข้าใจแล้วบอกลาเพื่อนน้องเขาเดินไปหาเพื่อนๆของผมด้วยใบหน้ายิ้มสดใส
ตั้งแต่วันที่น้องวาลวิ่งหนีผมวันนั้นผมก็ตามจีบน้องวาลจนคืนวันนึงน้องวาลก็รับความรักของผม
“น้องวาลครับพี่เองก็จีบเรามานานแล้ว แล้วตอนไหนน้องวาลจะรับรักพี่สักที่ละครับ” พูดคำนี้ออกมาด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวเป็นมากเพราะน้องเขาไม่เคยตอบรับความรับของผมเลย
“เอ่อ...คือ” ผมรอให้น้องตอบออกมาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก “เอ่อ คือว่า”
“ว่าอะไรครับ” ผมไม่ได้รีบนะครับ
“คือว่า วาลเองก็รักพี่ชาร์ปครับ แต่กลัวว่าพี่ชาร์ปจะรับไม่ได้ที่วาลจนแต่พี่รวยและดังมากในมหาลัย วาลไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไง เขาคงไม่ชอบที่เราคบกันโดยเฉพาะพ่อกับแม่พี่ชาร์ป” เพราะเรื่องนี่นี้เองที่ทำให้น้องไม่รับรักผมแต่ในจริงรักผมมากแต่ก็เป็นห่วงความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าห่วงตัวเองเสียอีก
“พี่ไม่สนว่าใครจะว่ายังไง ฐานะทางบ้านพี่อย่าได้ไปสนใจเลย พี่รักวาล วาลรักพี่แค่นั้นก็พอแล้ว” วาลเงยหน้าขึ้นมาแล้วพยักหน้าด้วยน้ำตานองหน้าไม่คิดว่าไม่ฝันว่าผมจะรักผู้ชายคนนี้มากเท่านี้มาก่อน จนวันเวลาเปลี่ยนไปช่วงที่เราทั้งคู่เรียนจบ ผมรับช่วงต่อจากพ่อขึ้นเป็นบริหารงานแทนท่าน วาลเองที่พึ่งจบใหม่ก็ทำงานที่บริษัทผมเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าเราคบกัน แต่วันเวลาก็ทำให้ความคิดของผมเปลี่ยนแปลงไปเพราะผมอยากมีลูก แต่วาลเป็นผู้ชายมีลูกให้ผมไม่ได้ พักหลังผมเลยเที่ยวผู้หญิงเที่ยวกลางคืนกับคอนโดดึกดื่นหรือไม่กลับเลย บางที่ไม่อยากออกไปไหนผมก็จะชอบทำร้ายร่างกายอันบอบบางของวาลด้วยเซ็กส์แบบซาดิส ถึงผมจะทำแบบนั้นแต่ว่าวาลก็ไม่เคยบ่นหรือดุว่าผมเลย ถึลจะทำอย่างไรผมก็ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบใจจริงก็ไม่อยากทำหรอกครับผมรักวาลมากครับแต่เพราะผมอยากมีลูกผมจึงทำแบบนี้ จนแม่ของผมเรียกให้ไปที่บ้านแล้วก็ได้ให้ไปดูตัวกับลูกของเพื่อนแม่ที่ที่แม่ผมได้ไปหามาให้ครับ ไปถึงผมก็ตกอยู่ในความตะลึง ตะลึงถึงความสวยสะพรึงของเจ้าหล่อน เธอเป็นคนสวยมากครับปากนิด จมูกหน่อย หน้าใสใสนั้นเหมาะเป็นแม่ของลูกผมมากครับ ผมมองเธอไม่วางตา จนผมตกลงปลงในคบกับเธอแบบไม่ได้บอกวาล จนเราคบกันมาได้สี่เดือนผมเลยตัดสินในที่จะตัดความสัมพันธ์กันวาลสะเดียวนั้น
“วาลครับพี่มีอะไรจะบอกกับเรา” ในคืนนึงผมก็ตัดสินในที่จะบอกเรื่องที่ผมต้องเลิกกับวาล
“ว่าไงครับพี่ชาร์ป มีอะไรสำคัญจะพูดกับวาลหรือเปล่าครับ” วาลเองก็ยังเป็นวาลอยู่วันยังค่ำไม่เปลี่ยนเพราะน้องเป็นคนน่ารักและผมเองก็รักน้องไม่เปลี่ยนแต่ตอนนี้ผมต้องทำตามเจตนารมณ์ของตัวเอง ผมอยากมีลูกครับผมเลยจำเป็นต้องทำร้ายจิตใจของน้องในวันนี้ ผมต้องใจแข็งเพื่ออนาคตของผมครับ
“คือว่าวันนี้ พี่มีเรื่องอยากจะบอกกับเรา พี่อยากให้วาลทำใจนะ...”
“อะไรครับ พี่ชาร์ปมีอะไรครับ บอกให้วาลทำใจทำไม” พูดยังไม่ทันจบวาลก็โผล่ขึ้นมาด้วยน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ผมเห็นแล้วแทนจะล้มเลิกความคิดทั้งหมดแต่ก็ต้องทำเป็นไม่สนใจก่อนจะพูดต่อ
“พี่จะบอกว่า พี่ขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่เราร่วมทุกข์ร่วมสุข ผ่านอุปสรรคต่างๆนานามาด้วยกัน พี่จะบอกว่าเราเลิกกันเถอะนะ พี่...” ผมหยุดพูดต่อเพราะเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของคนที่ผมรักและทำร้ายจิตใจด้วยความโศกเศร้าไม่แพ้กัน ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะมาใจอ่อนไม่ได้
“พี่ขอโทษที่ต้องมาบอกกับเราแบบนี้ พี่อยากมีลูกและพี่ไม่อยากหลบซ้อนว่าพี่มีแฟนเป็นผู้ชาย พี่ขอโทษ ขอโทษวาลจริงๆ พี่มันเลวมากแต่พี่ตัดสินใจแล้ว เราเลิกกันนะ” ผมบอกออกไปหมดทุกอย่างแล้ว บอกทุกอย่างที่อยากบอก วาลเองยังก้มหน้าก้มตาอยู่ แต่ผมเห็นไหล่ของเขาสั่นแต่ไม่มีเสียงสะอื้น แต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็ปรากฏ วาลลุกพรวดขึ้นมา แล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องนอน และไม่นานน้องก็ออกมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ แล้วเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันมามองข้างหลังเลยแหม่แต่นิดเดียว ผมคงเลวมากสินะครับที่ทำร้ายจิตใจของน้องขนาดนี้
หลังจากวันที่ผมบอกเลิกกับวาลไป สามอาทิตย์ต่อมาผมก็แต่งงานกับผู้หญิงที่แม่ให้มาดูตัวด้วยในครั้งนั้น
หลังจากแต่งงานกันได้ไม่ถึงปีพ่อกับแม่ผมก็เกิดอุติเหตุทางรถยนต์สาเหตุมาจากโดนตัดสายเบรก ผมก็สืบจนรู้ว่าใครเป็นคนทำและจับมันเข้าคุกโดยห้ามประกันตัวโดยเด็ดขาด หลังแต่งงานมาได้สี่ปีผมก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกเลยจนผมได้รับข้อมูลที่ทำให้ต้องตกใจมากจากลูกน้องคนสนิทว่าผู้หญิงที่ผมแต่งงานด้วยไม่ได้ขาวสะอาดอย่างที่คนในครอบครัวผมรู้จัก ครอบครัวเธอปิดประวัติของเธอทุกอย่างที่เป็นสายดำมืด และหลังจากนั้นผมก็ขอหย่ากับเธอโดยเหตุผลทั้งหมดคือเอกสารที่ผมฟาดลงบนหน้าอันสวยหรูของเธอที่ไม่ได้สวยจากภายในเลย หลังจากนั้นผมก็เฝ้าตามหาคนที่ผมรักมาตลอดสองปี จนในที่สุดผมก็มาเจอ ทางจะเจอก็เจอกันง่ายจนน่าตกใจ เจอที่ไหนไม่เจอดันมาเจอที่ร้านสาขาย้อยของผมเอง
“ท่านประธานสวัสดีค่ะ” ผมเดินเข้ามาในร้านก็เห็นพนักงานกำลังซุปซิบนินทาตามประสาหญิงแท้หญิงเทียม
“อืม สวัสดี เอ้อผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ คนที่ออกไปจากร้านเมื่อกี้เขามาทำอะไรครับ” ไม่พูดพร้ำทำเพลงก็รีบถามออกไปอย่างใจคิด
“อ่อ คุณวาฤทธิ์นั้นเหรอค่ะ เขามาสมัครงานที่นี้ค่ะ ท่านประธานจะดูประวัติก่อนมั้ยค่ะ” แล้วเธอก็ยื่นเอกสารการสมัครมาให้ผม ผมอ่านไปจนไปสะดุดเข้ากับสถานะภาพ ในนั้นเขียนว่าโสด แสดงว่าเด็กที่มาด้วยคงจะเป็นหลานของวาลละสินะ ผมยกยิ้มมุมปากแล้วบอกพนักงานให้ติดต่อวาลไปในวันรุ่งขึ้นว่าให้มาสัมภาษณ์งานที่สาขาใหญ่ แล้วผมก็ยื่นเอกสารคืนก่อนจะไปเดินสำรวจร้านสาขาย้อยของผม แล้วก็บอกพนักงานว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้สาขานี้โดยเฉพาะ
“หึ ในที่สุดวาลก็กลับมาหาพี่นะครับ”
“เย้ๆ ถึงบ้านแล้ว แม่ครับผมหิวนะครับ กินข้าวกัน”
“ครับ ครับ ป่ะเข้าบ้านกันเนอะ แม่ครับจะทำของโปรดของน้องวินให้กินนะครับ” พูดจบก็พากินวิ่งเข้าบ้านไปพร้อมกัน รอยยิ้มนี้แหละที่ทำให้เราลืมความทุกข์ขมไปได้หมดสิ้น
“อิ่มแล้วครับ อร่อยที่สุดเลย”
“อิ่มแล้วอ้อนใหญ่เลยนะ ป่ะไปนอนกลางวันกันเดียวแม่ครับจะเล่านิทานให้ฟังนะครับ” เจ้าตัวแสบพยักหน้าขึ้นลงงึกงักอยากดีใจ แต่มีหันหน้ามายักคิ้วให้ด้วย แก่แดดจริงเจ้าลูกชาย แต่ก็ต้องยอมเขาละครับ
“เอาเรื่องอะไรดีครับ”
“เอาเรื่องลูกหมูสามตัวครับ” เล่าเรื่องนี้เกือบทุกคืนไม่เห็นเบื่อเลยของลูกหมูสามตัวตลอดเอ้าเล่าก็เล่าครับ(แต่ตอนนี้มันกลางวันนะน้องวาล : จากไรท์)
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีลูกหมูตัวน้อยสามตัว......” เล่าไปจบลิงหลับเลยครับหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้อีกที่ก็ตอนที่ได้ยินเสียงลมหายใจของลูกชายเข้าออกสม่ำเสมอกันนี่แหละครับ
ปล่อยให้นอนไปแล้วผมก็มามองสภาพบ้าน “อืม ต้องทำความสะอาดแล้วสิเรา เอาละจัดการปัดฝุ่นอันดับแรกเริ่ม” ว่าแล้วก้เริ่มปัดฝุ่น ปัดเสร็จก็กวาดบ้านกำลังจะถูพื้นก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์เข้าพอดี ก็เลยรีบไปรับ
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“เบอร์ใครนะไม่คุ้นเลย” เบอร์ที่ปรากฏในหน้าจอโทรศัพท์ไม่คุ้นเอาเสียเลย แต่ก็ตัดสินใจรับสาย
“สวัสดีครับ วาฤทธิ์รับสายครับ”
“สวัสดีค่ะ โทรจากร้านจิเวลรี่ที่คุณมาสมัครไว้ค่ะ” เอ๊ะ ทำไม่โทรมาเร็วขนาดนี้นะ
“เอ่อ ครับไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้โทรมาหรือต้องการเอกสารอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ” ผมถามออกไปรัวเร็ว กลัวว่าจะไม่ได้งาน
“ออ ไม่มีค่ะทางเราจะโทรมาบอกให้คุณวาฤทธิ์เข้ามาสัมภาษณ์งานที่สาขาใหญ่ค่ะ” หะ สัมภาษณ์งานหรือ ทำไมเร็วอย่างนี้ละ คนเขาขาดขนาดนั้นเลยหรือ
“สัมภาษณ์งานหรือครับ เอ่อครับ ไม่โทรมาเร็วไปหน่อยหรือครับ”
“วันนี้ท่านประธานที่สาขาใหญ่เข้ามาพอดีเห็นว่ามีคนมาสมัครเลยเรียกให้เข้ามาสัมภาษณ์ที่สาขาใหญ่เลยค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านจะให้ลงสาขาย่อยหรือทำที่สาขาใหญ่นะค่ะเพราะทางสาขานี้ไม่ได้ทำการสัมภาษณ์เองค่ะ” หะไม่นะจะไม่ได้เลือกลงที่สาขานี้หรือ ตายแน่ไอ้วาล
“ถ้าไปสัมภาษณ์ที่สาขาใหญ่ คือถ้าเราสัมภาษณ์ผ่านจะไม่ได้ลงทำงานที่สาขาที่ลงสมัครไว้หรือครับ”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าท่านประธานเรียกสัมภาษณ์เนี่ยหาได้น้อยนะคะเพราะท่านไม่ค่อยลงมาสัมภาษณ์เอง คุณคงเป็นกรณีพิเศษค่ะ” กรณีพิเศษหรือ งงสิครับ
“อะครับ แล้วต้องไปกี่โมง สัมภาษณ์ที่ห้องไหนครับ” แล้วพี่พนักงานก็บอกว่าต้องไปกี่โมงเตรียมอะไรไปบ้างแล้วเดินทางไปยังไง จดเสร็จแล้วก็วางสายไป แต่งานใหญ่ก็กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
“แล้วเราจะฝากลูกไว้กับใครดีละทีเนี่ย” นี้แหละครับเรื่องใหญ่ เพราะผมไม่รู้จักใครเลยในหมู่บ้านนี้เพราะผมเอาแต่เก็บตัวมาตลอดหกปีแล้วเวลาออกไปไหนมาไหนก็จะไปกับน้องชาวินแค่สองคน แต่เวลาน้องขอออกไปข้างน้องผมก็จะกำชับว่าไม่ให้ไปไกลเกินสวนสาธารณะ น้องก็ทำตามอย่างเคร่งขัดไม่อิดออดอะไรเพราะเวลาไปเล่นผมให้อิสระน้องเต็มที่ครับ แต่ผมไม่อยากไปเผชิญหน้ากับใคร เพื่อนที่สนิทก็ไม่มีครับเพราะผมเปลี่ยนเบอร์ปิดโซเชียลทุกอย่างเพื่อไม่ให้ใครมาตามติดทางเราได้ เพราะผมอยากเริ่มชีวิตใหม่กับลูกชายที่รักของผม และตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมจะทำยังไงกับเด็กแสบของผม แต่ตอนนี้ขอทำความสะอาดบ้านก่อนนะครับ มีเวลาน้อยครับ
ตอนนี้คงได้เวลาที่เจ้าตัวแสบจะตื่นแล้ว และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่งของลูกชายตัวแสบของผมครับ คือเด็กคนอื่นเวลาที่ตื่นจะงอแงร้องไห้เสียยกใหญ่ แต่สำหรับน้องชาวินนั้นจะไม่มีอาการงอแงหรือร้องหาให้คนอุ้มครับ เลยไม่ทำให้ผมเหนื่อยที่จะต้องวิ่งไปวิ่งมาห้องนอนและห้องครัวหลายรอบ
“น้องชาวินครับ”
“ครับผม” ขานรับแต่ไม่ยอมเดินมาหา
“น้องชาวินครับ มาหาแม่ครับหน่อยเร็ว” เรียกครั้งที่สองแบบซอฟๆ
“แป๊บนึงครับ อีกนิดเดียว” ลูกชายผมทำอะไรอยู่นะ ว่าแล้วเลยเดินไปดูว่าลูกชายตัวแซบทำอะไรอยู่
พอเดินมาถึงที่ห้องนอนผมก็เห็นเด็กชายชาวินกำลังต่อตัวต่ออยู่คนเดียว น้องไม่เห็นผมครับเพราะหันหลังให้ ผมค่อยๆเดินไปนั่งลงข้างๆเจ้าตัวแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนอกจากการสนใจตัวต่อที่วางเกลื่อนพื้นห้องเต็มไปหมด คิดไว้ว่าถ้าไม่เก็บจะเก็บทิ้งให้หมดครับ
“ทำอะไรอยู่ครับตัวแสบ” น้องสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่สนใจตัวต่ออยู่
“อุ๊ย แม่ครับ น้องวินต่อของเล่นครับ แม่ดูสิน้องวินเก่งไหม นี่ๆ นี่บ้านละ นี่ก็น้องวิน และนี่แม่ครับ” เด็กน้อยยิ้มดีใจจนตาปิด ชี้นิ้วป้อมๆเล็กๆของตนให้ดูว่ากำลังทำอะไรอยู่เห็นแค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วครับ แต่ดูตัวต่อที่ไม่เป็นรูปร่าง และดูไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่ด้วยจินตนาการของเด็กเราผู้ใหญ่ก็ต้องเออออไปกับเขาละครับ อย่าได้ทำลายจินตนาการเขาด้วยการดุด่าเขาเลยครับ เพราะเด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำครับไม่มีถูกไม่มีผิดให้เขาได้ใช้จินตนาการของเขาให้เต็มที่ครับ
“ไหนครับ โฮ น้องชาวินของแม่ครับเก่งที่สุดเลยครับ แต่ว่าเล่นเสร็จก็ต้องเก็บด้วยนะครับ” ผมบอกกับลูกชายแบบนี้ประจำเจ้าตัวเขาเองก็ทำตามอย่างไม่อิดออดอะไร แถมชอบที่จะทำและช่วยเก็บบ้างบางครั้ง
“ครับผม จะเสร็จแล้ว” ผมก็นั่งดูเจ้าตัวน้อยของผมต่อตัวต่อจนเสร็จ และนั่งดูเขาเก็บของจนเอาไปเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้วพากันเดินไปข้างล่างเพื่อคุยกันถึงเรื่องที่ว่าพรุ่งนี้เราจะไปข้างนอกกันอีกแล้ว แล้วก็ต้องเตรียมมื้อเย็นด้วยอีกสักพักก็จะห้าโมงเย็นละเอาละได้เวลาลุยของเราแม่ลูกแล้ว
“น้องวินครับมาหาแม่ครับหน่อยเร็ว” หลังจากลงมาถึงห้องครัวผมก็เรียกลูกชายให้เข้ามาหาเพื่อที่จะได้พูดคุยและตระเตรียมความพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ที่ผมต้องไปสัมภาษณ์งานที่พึ่งไปสมัครมา แต่ก็แปลกใจนะครับว่าทำไมถึงได้ติดต่อมาเร็วขนาดนี้ แต่ก็ดีครับจะได้เริ่มทำข้อตกลงกันด้วย
“น้องวินครับ พรุ่งนี้แม่ครับจะไปสัมภาษณ์งานที่แม่ครับไปสมัครไว้เมื่อตอนสายๆจำได้ไหมครับ”
“น้องวินจำได้ จำได้” เด็กชายพยักหน้าขึ้นลงทำเป็นว่าเข้าใจจำได้ดีแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจจริงหรือเปล่า นี้ละนะเด็ก
“โอเคครับ แม่จะคิดว่าจำได้ เอาละเข้าเรื่องนะครับ พรุ่งนี้เช้าแม่จะไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทที่แม่ได้สมัครงานไปเมื่อตอนสายวันนี้ครับ” อธิบายเหตุผลของการเรียกมาคุยครั้งนี้ว่ามีเรื่องอะไร
“สัมภาษณ์คืออะไรครับ” ด้วยความสงสัยเด็กน้อยนามชาวินก็ถามขึ้นมาทันควันว่าการสัมภาษณ์คืออะไร และผมก็จะตอบเพื่อแจ้งแถลงไขให้ลูกชายได้รู้ เพราะเด็กที่ชอบซักถามหรือสงสัยอะไรแล้วถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจคือเด็กฉลาดคือเด็กที่กล้าที่จะถามเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้เอาไว้ เพราะเด็กวัยนี้คือวัยที่อยากรู้อยากลองแล้วก็ชอบซักไซร้ถามสาระพัดที่อยากถาม เราอย่าไปทำอารมณ์เสียใส่เขาเลยครับเพราะถ้าเราทำแบบนี้เด็กจะกลัวแล้วไม่กล้าถามไม่กล้าที่จะพูดบอกออกไปว่าต้องการอะไรหรืออันนั้นคืออะไร อย่าไปดุไปด่าเขาเลยครับ ให้เขาถามเราดีแล้วครับเพราะเด็กจะได้มีความกล้าในการใช้ชีวิตในโลกกว้างที่น่ากลัวนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสมกับคำที่ว่าเด็กคือรั้วของชาติยังไงละครับ
“การสัมภาษณ์คือ การเรียกเข้าไปพูดคุยการสนทนาซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นยังไงละครับ” อธิบายให้ลูกเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
“ออ อย่างนี่นี้เอง เข้าใจแล้วครับ” ทำเป็นกอดอกเข้าใจ แต่ที่จริงก็พูดไปแบบนั้นแหละครับ เด็กหนอเด็ก
“ครับ แล้วพรุ่งนี้น้องชาวินสุดหล่อของแม่ครับ ต้องไปกับแม่ครับพรุ่งนี้นะครับ สัญญากับแม่ครับได้ไหมครับว่าจะไม่ดื้อไม่ซน ไม่เถลไถลไปไหนไกลถ้าแม่เข้าไปห้องสัมภาษณ์ ต้องเป็นเด็กดีนะครับเข้าใจไหมครับ เพราะแม่ครับก็ไม่รู้ว่าที่นั้นจะมีที่ที่ให้เด็กน้อยคนนี้วิ่งเล่นได้หรือเปล่านะ” บอกกฎให้เด็กน้อยได้รับรู้คราวๆแล้วก็รอลุ้นว่าพรุ่งนี้จะทำตัวดีหรือเปล่า
“ถ้าทำตัวดีแม่ครับจะซื้อของเล่นชุดใหม่ให้โอเคไหมครับ”
“ครับ ชาวินสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี” เอาของเล่นเข้าล้อนี้สัญยงสัญญาใหญ่เลยนะครับคุณลูกชาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่นิ่งได้นานขนาดไหนนะครับกลัวก็ตรงนี้แหละ เพราะเด็กวัยนี้ไม่ค่อยจะอยู่นิ่งหรอกครับเพราะเขาต้องเข้าสังคมมีเพื่อนมีฝูง ถ้าได้อยู่กับเพื่อนแล้วแยกตัวออกยากครับ
“เอาละ เราสองคนสัญญากันแล้วนะ แล้ววันนี้แม่ครับตามใจน้องชาวินให้คิดเมนูที่อยากกินมาได้เลยเดี่ยวแม่ครับทำให้ทาน”
“เย้ เย้ เย้ รักแม่ที่สุดเลย วันนี้วินอยากกินข้าวผัดกุ้ง แกงจืดเต้าหู้ครับ”
“สองอย่างเองหรือครับ” ลองถามเจ้าตัวดูว่าเขาจะเอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าคงไม่ละ
“เอาครับ เอาหน่อไม้ฝรั่งผัดน้ำมันหอยครับ” ผิดคาดครับ แต่เห็นลูกยิ้มได้มีความสุขแค่นี้คนเป็นแม่อย่างผมก็มีความสุขจนล้นปริ่มแล้วครับ
ตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าบริษัทที่พี่พนักงานร้านจิเวลรี่บอกให้มาสัมภาษณ์แล้วครับ ใหญ่โตมาก แต่กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ก็เหนื่อยมากพอสมควร เพราะอะไรนั้นหรือครับ ก็เพราะเจ้าตัวแสบของผมนี้แหละครับไม่ยอมตื่น
ย้อนไปแม่ตอนเช้ามืดของวันนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“น้องวินครับ ตื่นหรือยังครับ” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างในห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เคาะประตูรอบที่สอง
“น้องวินครับตื่นยังครับ ถ้าอย่างนั้นแม่ครับเข้าไปนะครับ” ไม่พูดพร่ำทำเพลงผมก็เปิดประตู้เข้ามาในห้อง ภาพที่ปรากฏข้างหน้าผมคือกองผ้าห่มกับเด็กน้องจอมขี้เซาที่ถีบผ้าห่มออกจากตัวไปหมดเหลือแต่ที่นอนกับเด็กจอมซนที่นอนขดอยู่แบบนั้น ดีที่เมื่อคืนผมมาปิดแอร์ให้ตอนเที่ยงคืนไม่อย่างนั้นลูกชายผมได้เป็นหวัดแน่ แต่คงเพราะร้อนละมั่งเลยได้ถีบผมห่มออกไปกองอยู่ข้างเตียงขนาดนั้น
“น้องวินครับ ตื่นได้แล้วครับเดี่ยวไปสายนะ” เดินไปนั่งปลายเตียงแล้วทำการปลุกด้วยการเขย่าตัวน้องเบาๆพอให้รู้ว่ามีคนมาปลุก
“อืออออออ” มีมาอือมาอออีกนะตัวแสบ
“อือ แล้วก็ตื่นสิครับ เดี่ยวไปสายนะ”
“ขอห้านาทีได้ไหมครับ” มีมาต่อรอง ลูกเรานี้เริ่มที่จะเก่งแบบก้าวกระโดดแล้วนะ
“ไม่ได้ครับ ตื่นเลยครับ ไปล้างหน้าแปรงฟันเร็ว เดียวแม่ครับไปสัมภาษณ์งานสายนะ ไหนสัญญากับแม่ครับแล้วไงว่าจะไม่ดื้อฮึ แต่เช้านี้ทำไมน้องวินถึงลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ครับละ” ไม้อ่อนใช้ไม่ได้ต้องเจอไม้แข็งพร้อมเสียงแข็งๆทันที
“ตื่นก็ได้ครับ วินไม่ดื้อสักหน่อย นี้ไงตื่นแล้ว”
“ครับๆตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าอาบน้ำเร็วจะได้ลงไปกินข้าวแล้วได้ออกเดินทางกัน วันนี้แม่ครับทำข้าวผัดกุ้งให้ด้วยนะครับ”
“เย้ รักแม่ที่สุด” กระโดดหอมแก้มผมเสร็จแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองทันที
นั้นแหละครับเหตุการณ์ที่ทำให้ผมมาสายนิดๆของวันมาสัมภาษณ์งาน แต่ก็มาถึงเร็วกว่าที่คิดครับเพราะรถไม่ติดด้วย เอาละทำใจได้แล้วก็เดินเข้าไปเลย จะได้ทำงานไม่ได้ทำก็อยู่ที่จะสัมภาษณ์ผ่านหรือเปล่าแค่นั้นแหละครับ เอาละลุย
“ไปครับน้องวินไปข้างในกัน แต่เดี่ยวก่อนครับ แม่ครับของรางวัลหน่อยครับ” ขอรางวัลเล็กๆน้อยๆจากลูกชายครับ
“แม่ครับก็ก้มลงมาสิครับ เอาละนะ ฟอดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงฟอดลากยาวเลยครับ
“อ้าซ์ ชื่นใจ ขอบคุณครับสำหรับรางวัลวันนี้ แม่ครับหวังว่าเขาจะรับแม่ครับเข้าทำงานนะ”
“รับอยู่แล้ว เพราะแม่ครับชาวินเก่ง” ยอกันเกินไปแล้วไอลูกชาย
แล้วก็เดินเข้ามาในบริษัทครับชื่อบริษัททำไมดูคุ้นจังแต่คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ เพราะบริษัทพ่อพี่ชาร์ปไม่ได้อยู่แถวนี้นี่นะ เอ๊ะเราจะไปคิดถึงเขาทำไมกันนะ ไม่คิดไม่คิด
“แม่สายหน้าทำไมครับ เดียวก็คอหักหรอก” อุ๊ยเผลอสายหน้าจนลูกชายทักเลยเรา
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับมันมีแมลงวันนะ แม่เลยสายหน้าไล่มันไป ตอนนี้มันไปแล้ว ปะเราเข้าไปกันเถอะเนอะเดียวจะสายเอาได้” แล้วผมก็จุงมือเล็กๆเข้าไปในบริษัทที่จะมาสัมภาษณ์งานวันนี้ แต่ชื่อบริษัทนี่มันก็คุ้นจริงๆแหละครับ
“ชนา ธนจันทราจิเวล”
##########################################################
มาแล้วครับตอนที่สอง
อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่ก็อย่าว่ากันนะครับ
ยังไงก็
เม้นให้กำลังใจ
บวกเป็ดให้กันด้วยนะครับ
ตอนต่อไปอาจจะรอนานหน่อยนะครับเพราะแต่งสด และอยู่ให้ช่วงเปลี่ยนงานใหม่อาจจะไม่มีเวลาแต่งได้
ยังไงก็อย่าพึ่งทิ้งกันนะครับ