รักนาย ❤❤ มายรูมเมท...ตอนที่สิบเจ็ด
“เย้...วันศุกร์ซะที”
ไอ้วินมันดูร่าเริงดีใจจนเกินเหตุ หน้าหวานๆยิ้มแป้นแววตาสดใสแวววาวเหมือนลูกแก้ว
ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะ โต๊ะข้างเคียง และคนที่เดินผ่านต่างเหลียวมามองด้วยความเอ็นดูและสนใจ
รอยยิ้มสว่างไสวของวินเรียกรอยยิ้มของคนรอบข้างได้เสมอ
“ดีใจขนาดนั้นเชียว”
ไอ้ปาล์มที่นั่งติดกับวินลูบหัววินเบาๆ แถมด้วยการปัดผมเส้นนิ่มละเอียดสีน้ำตาลเข้มของวิน
ที่ตกระหน้าผากให้พ้นไปจากวงหน้าหวาน
“แล้วปาล์มไม่ดีใจเหรอ พรุ่งนี้จะได้ตื่นสายไงล่ะ”
มือน้อยที่จับยึดข้อมือแกร่งของคนข้างๆเขย่าเบาๆอย่างสนิทสนม ทำให้ผมหนึบๆในอก
มันสองคนสนิทกันมากในช่วงระยะเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์ที่รู้จักกัน
ผมหันไปมองหน้าไอ้รุจน์ที่นั่งอยู่ข้างตัวผม สายตาของรุจน์จับจ้องอยู่ที่พวกมันสองคนที่คุยกันเหมือนโลกนี้มีเพียงเราสอง
ไอ้รุจน์เม้มปากแน่นแล้วเบือนหน้าหนีออกมาจากภาพตรงหน้า
“กูไปห้องน้ำเดี๋ยว”
ไอ้รุจน์กระซิบบอกผมแล้วลุกพรวดขึ้นยืน จังหวะเดียวกับไอ้ปาล์มที่หันหน้ามามอง
สองสายตาของพวกมันที่ประสานกัน ทำให้ผมคิดถึงหนังการ์ตูนที่คู่อริจ้องหน้ากันแล้วมีรังสีทำลายล้างออกมาฟาดฟันกัน
ต่างกันก็แต่สายตาที่ตัดพ้อของเพื่อนผมและสายตาฉงนของไอ้ปาล์ม
ไม่มีรังสีของความเกลียดชังแต่อย่างใด มันมีเพียงความอึมครึม
“เราไปด้วย”
วินรีบลุกแล้ววิ่งตามหลังไอ้รุจน์ไป
ตอนนี้เหลือเพียงผมกับไอ้ปาล์มแค่สองคน พวกเพื่อนผมมันยังมาไม่ถึง
มื้อเย็นที่ร้านอาหารอาหารเฟรนไชน์ในห้างสรรพสินค้าเป็นที่นัดพบของพวกเราในเย็นวันศุกร์
ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามอัธยาศัยในวันหยุดเสาร์อาทิตย์
“ปาล์ม...มึงจีบวินเหรอวะ”
ผมจ้องดูหน้าของมันอย่างเต็มตาใกล้ๆป็นครั้งแรก
องค์ประกอบของหน้าในแต่ละส่วนของมันจัดได้ว่าดูดี
เมื่อมารวมกันทำให้หน้าตาของมันจัดว่าหล่อเหลาจนสาวๆเหลียวมองได้ง่ายๆ
บวกกับรูปร่างสูงใหญ่มีมัดกล้ามพองาม
ถ้าไอ้วินชอบผู้ชาย ไอ้วินมันจะหวั่นไหวไปกับรูปกายของไอ้ปาล์มมันมั๊ยนะ
ไม่สิถึงจะไม่ชอบผู้ชายมันก็อาจจะเคลิ้มตามได้ ดูอย่างผมที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาชอบเพศเดียวกันได้
ยังตัดสินใจแน่วแน่ที่จะจีบไอ้วินให้ได้
“อยาก...รู้”
ไอ้ปาล์มมันจ้องหน้าผม สีหน้ายิ้มเยาะกับการเลิกคิ้วขึ้นข้าหนึ่งของมันดูเหยียดหยามแต่ยังน่าดู
ผมกวาดสายตามองหาข้อบกพร่องในตัวมัน ถ้าจะหาเรื่องติจริงๆก็คงจะมีแค่สีผิวที่ขาวซีด
หากผิวมันคล้ำเข้มกว่านี้ มันจะดูแมนขึ้นมาทันที แต่อย่างว่าในสมัยนี้ที่นิยมความเป็น “เกาหลี” มันก็ดูโอเค
“อย่ากวน กูถามมึงดีๆ”
ผมข่มความโมโหเอาไว้ ยังไงผมก็เสียเปรียบมันอยู่หลายช่วงตัว
“ตอนนี้ยัง แต่ต่อไป...ไม่แน่”
มันกวนตีนผมด้วยการลากและเน้นเสียงหนักในตอนท้ายประโยค
“แล้ว...มึงยังไม่มีแฟน”
ผมก็รู้ว่ามันไม่มี แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรที่จะสื่อให้มันรู้ว่า อย่ายุ่งกับคนของผม เอ่อ..ในอนาคตอันใกล้นี่แหละ
“ยัง..มึงจะถามกูเพื่อ...”
คิ้วหนาขมวดขึ้นเล็กน้อย ตาตี๋ๆแบบเกาหลีของมันหรี่มองผมอย่างจับผิด
“กูก็แค่อยากเสือก”
ผมเสตามองไปด้านข้างกระจกหน้าต่างของร้าน
ผมเห็นไอ้วินยืนจับมือไอ้รุจน์อยู่ไม่ไกลจากร้านนัก ไอ้วินมันพูดฉอดๆ
ในขณะที่ไอ้รุจน์ยืนมองหน้ามันด้วยกริยาตาโต อ้าปากค้าง
“เอาตรงๆ”
กลายเป็นมันที่เป็นฝ่ายไล่ต้อนผมให้จนมุม อืมมม ไม่มีเวลาแล้ว
เมื่อผมเห็นพวกเพื่อนเดินมาจากทางบันไดเลื่อนเพื่อตรงมาที่ร้าน
“กูชอบวิน”
ผมหันกลับมาหาไอ้ปาล์ม มันจะมองผมเป็นเกย์ก็ช่างแม่งเหอะ
“มึงเป็นเกย์”
สีหน้าเรียบๆของมันทำให้ผมประหลาดใจ นี่มันไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกบ้างเหรอวะ
ที่เสือผู้หญิงโชกโชนแบบผมเปลี่ยนรสนิยมมาชอบผู้ชายด้วยกัน
“มึงจะเรียกการที่กูชอบวินว่ากูเป็นเกย์กูก็ไม่เถียง แต่กูอยากให้มึงรู้ครั้งนี้กูจริงจัง”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมต้องบอกมันหมดสิ้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับความรู้สึกของผมที่มีต่อวิน
คงเพราะสีหน้าและแววตาที่จริงใจของมันไม่มีวี่แววของการดูถูกเหยียดหยาดเหมือนทุกครั้ง
ที่มันมักส่งมาให้ผมเพียงคนเดียวในกลุ่ม
“มึงต้องพิสูจน์ตัวเอง กูไม่อยากให้วินผิดหวังอีกครั้ง ถึงตอนนั้นวินคงทนไม่ไหวแน่”
ไอ้ปาล์มมันรู้เรื่องราวของวินในอดีต ในขณะที่ผมไม่รู้อะไรเลย
นี่ก็เป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าตั้งแต่นี้ต่อไปผมต้องพยายามอย่างหนัก
“กูจะยังไม่จีบวิน แต่ถ้าเมื่อไหร่มึงทำวินเสียใจ กูไม่รับปาก”
ประโยคสุดท้ายจบลงเมื่อวินกับไอ้รุจน์เดินมาถึงโต๊ะที่ผมกับไอ้ปาล์มนั่งอยู่
“คุยไรกันอยู่ น่าสนุกเชียว”
เสียงหวานใสเจื้อยแจ้วโดยไม่ได้เข้ากับบรรยากาศเครียดๆในตอนนี้สักนิด
“ขอเรานั่งทางนี้น้า อยากดูคน”
ไอ้วินรีบทรุดตัวลงข้างผม เพราะฝั่งที่ผมนั่งมันหันหน้าออกไปทางทางเข้าร้าน
จะทำให้มองเห็นคนที่เดินเข้าออกร้านได้ถนัดกว่า
“วินนน..”
ไอ้รุจน์เรียกชื่อวินด้วยเสียงห้วนๆแล้วเม้มปาก
“รุจน์นั่งสิครับ”
ไอ้ปาล์มขยับตัวไปชิดกระจก เพราะก่อนหน้านี้มันนั่งชิดกับไอ้วินจนหัวแทบจะชนกัน
ไอ้รุจน์ทรุดตัวลงนั่งด้วยหน้าตาบึ้งตึง ในขณะที่ไอ้คนข้างตัวผมยิ้มกว้างอย่างชอบใจ
“มาแล้วๆ มาๆนั่งกัน เราหิวจะแย่แล้ว”
นี่วินมันคิดว่ามันเป็นเจ้าของร้านหรือเจ้าภาพอะไรทำนองนี้มั๊ง เมื่อกวักมือเรียกเพื่อนๆผมที่ตามเข้ามาในร้าน
ผมหันไปมองหน้าวิน ตอนนี้โต๊ะยาวขนาด7-8ที่นั่งก็มีสมาชิกร่วมโต๊ะจับจองที่นั่งกันจนเต็ม
ทำให้ตอนนี้ผมนั่งชิดติดกับวิน โดยที่อีกข้างของวินเป็นกระจกหน้าต่างของร้านอาหาร
ตลอดมื้ออาหารทุกคนก็พูดคุยกันตามปกติ
มีเพียงไอ้รุจน์ที่นั่งถอนใจและสีหน้าผะอืดผะอมอยู่เกือบตลอดเวลา
“ขอบคุณ”
ไอ้วินพูดกับผมเบาๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารในจาน
เมื่อผมคอยตักกับข้าวให้มันอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อมันเงยหน้าขึ้นมาก็สบกับทุกสายตาที่มองมา
“เยอะไปแล้ว”
ไอ้ปาล์มมันว่าผมแต่สายตาล้อเลียนส่งไปให้วินที่หน้าขึ้นสีเรื่อๆอย่างน่าดู
ผมใจชื้นขึ้นมาไอ้ปาล์มคงไม่ได้คิดเกินเพื่อนกับวิน
“เอ่อ...ก็เราตักไม่ถึงนี่นา”
ไอ้วินค้อนขวับอย่างลืมตัว
“รุจน์น่ะแหละ ไม่มีน้ำใจ ดูสิปาล์มไม่ได้กินของอร่อยๆเลย”
คราวนี้ไอ้ปาล์มและไอ้รุจน์เป็นฝ่ายหน้าขึ้นสีบ้าง
ไอ้รุจน์น่ะไม่แปลก แต่ไอ้ปาล์มนี่สิหรือมันเองก็มีใจให้เพื่อนผม
“ไม่ใจว่ะรุจน์ มึงมันเห็นแก่กิน”
ไอ้โอมเริ่มกดดันเพื่อนที่นั่งหน้าแดง
“ช่าย...คนเรามันจะพิสูจน์ใจกันก็ตอนกินนี่แหละวะ”
ทฤษฎีสดร้อนที่ไอ้โซลคิดขึ้นมาทำเอาไอ้ฉัตรสำลักน้ำ
“จริงงงง..คนรักกันเค้าต้องตักอาหารให้กันด้วย จริงม๊ะ..อุ๊บ”
ไอ้วินโคตรฮาเมื่อวันคิดขึ้นได้ว่าเข้าตัว
“เหมือนมึงกับเมทใช่ไหมวะเขม”
ไอ้รุจน์ได้ทีเอาคืนบ้าง
“ตามนั้น...”
ผมพูดนิ่งๆด้วยสีหน้าเฉยๆ แต่ภายในใจมันพองฟู
ถึงจะเป็นแค่ถ้อยคำล้อเล่น แต่ผมก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ น่าแปลก..จีบสาวมาก็มาก
กะอีแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กหนุ่มที่ริจีบสาวเป็นครั้งแรก
“กินซะ”
ผมตักกุ้งตัวโตใส่จานของวินด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย
การต้องลุ้นอะไรแบบนี้มันทำให้ผมตื่นเต้น
“ไอ้บ้า..”
วินไม่มองหน้าใคร กลับก้มหน้าลงกินกุ้งที่ผมตักให้
ผมสังเกตหลายครั้งแล้วว่าวินมันชอบกินกุ้ง ที่บ้านมันห่างทะเลมั๊งครับ
ทะเล...ผมมีความคิดดีๆขึ้นมาทันที
“ไปหัวหินกันมั๊ยวะพวกมึง”
พ่อกับแม่ผมซื้อบ้านพักตากอากาศทิ้งไว้ที่หัวหิน นานๆครั้งก็จะไปพักค้างกัน
หรือเอาไว้ให้เพื่อนฝูงญาติสนิทมายืมใช้ บ้านพักมีคนดูแลเป็นคนพื้นที่ที่ไว้ใจได้ และดูแลมาร่วมสิบปีแล้ว
“เอาดิ..กูเซ็งเมืองหลวงเต็มที”
ไอ้ฉัตรมันกำลังเฟลที่คู่ควงคนล่าสุดของมันแอบมีกิ๊ก ซึ่งอีกไม่นานมันก็คงจะได้เลิกกัน
พวกผมไม่ชอบใช้ของและคนร่วมกับใคร
“ดีๆ...กูอยากสูดไอทะเลสักหน่อย แถวนี้มลพิษเยอะ”
ไอ้โซลแกล้งย่นจมูกเมื่อมันยื่นหน้าไปดมๆไอ้โอม
“สัดโซล...”
ไอ้โอมตะคอกเบาๆ แล้วหันมาบอกผม
“ถ้ามันไปกูไม่ไป”
“พวกมึงงอนกันเหรอวะ...ตุ๊ดเอ๊ย”
ไอ้ปาล์มมันสนิทกับพวกผมพอสมควรแล้ว ด้วยอุปนิสัยใจคอที่คล้ายๆกัน
ไอ้ปาล์มพูดไม่คิดในขณะที่ไอ้รุจน์หน้าเจื่อน ผมหันไปมองหน้าวิน สีหน้ามันไม่ค่อยดีเลย
“ไปกันหมดนี่ล่ะ มึงด้วย..ไอ้ปาล์ม”
ทันทีที่ผมพูดจบ ทุกคนพร้อมใจกันหันมามองหน้าผม
พวกมันไม่คิดว่าผมจะญาติดีกับไอ้ปาล์ม ทำไงได้ล่ะครับ ผมคงจำเป็นต้องพึ่งพามันในอนาคตแน่นอน
นัดหมายกันเรียบร้อยสำหรับการเดินทางในตอนเช้ามืดของเช้าวันเสาร์ก็แยกย้ายกันกลับ
โดยที่ทุกคนก็สมัครใจไปหัวหินกัน มีเพียงไอ้วินที่ดูเงียบๆไป
“เราไม่ไปได้มั๊ย”
วินพูดขึ้นมาเบาๆสายตามันมองออกไปด้านหน้ารถ
ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้าของมันดูเศร้าสร้อย
“เป็นไรไป”
ผมเอื้อมมือไปปิดเพลงในรถเพื่อจะได้ฟังวินชัดๆ
“เราเกลียดทะเล”
วินยังคงมองออกไปทางหน้ารถ ผมไม่คิดว่าจะมีคนเกลียดทะเล
ก็คงจะมีถ้าคนๆนั้นมีอดีตที่เลวร้าย อย่างเช่นการสูญเสียคนที่รัก เหตุการณ์แย่ๆในอดีต
“เกิดอะไรขึ้น..ที่ทะเล”
ผมกลั้นใจถามออกไป ผมไม่อยากสะกิดคุ้ยเขี่ยบาดแผลของวิน
แต่ถ้าผมจะใกล้ชิดวินผมต้องเริ่มก้าวเข้าไปหาวิน
เข้าไปใกล้ส่วนที่เรียกว่า... “หัวใจ”
**************************************************************************
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และการติดตามครับผม
เส้นทางของเขมไม่ได้ปูไปด้วยกลีบกุหลาบ
หากยังต้องฝ่าฝันอีกหลายสิ่งหลายอย่างครับผม