
รักนาย ❤❤ มายรูมเมท...ตอนที่สี่
“วิน...ทำไมนายย้ายมาเรียนที่นี่ล่ะ”
ถามออกไปแล้วผมก็อยากจะตบปากของตัวเอง
เมื่อหน้าหวานๆของวินสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แววตาปวดร้าวฉายออกมาให้เห็น
“เอ่อ....”
วินกัดริมฝีปากล่างอย่างขบคิดและสับสน
...เซ็กซี่...อ่า..
มันใช่เวลาคิดแบบนั้นมั๊ย...ไอ้เขม เสื่อมจริงๆกู
“ไม่..ไม่เป็นไร กูไม่อยากรู้ล่ะ
ไปกินไอติมกันต่อดีกว่าว่ะ
เนี่ย...กูยังไม่ค่อยอิ่มเลย”
ผมทำท่าลูบท้องที่เริ่มหลามออกมา
จากการกินข้าวมากเป็นสองเท่าของทุกวัน
ซึ่งเป็นผลมาจากปากที่พูดไม่คิด
ในขณะที่ไอ้เพื่อนสี่ตัวอ้าปากหวอ
“คราวนี้กูอ้วกแน่นอน..ไอ้สัดเขม”
ไอ้โอมคำรามขึ้นมาเบาๆ
“โอม...อยากกินสับปะรดเหรอ”
วินลืมเรื่องภายในใจได้เร็วกว่าที่ผมคิด
คงจะเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมาตลอดสินะ...ดีจัง
“มะ...มะ...เอ้อ...อยากกินสิ กินข้าวแล้ว
กินผลไม้ล้างปากสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน พวกมึงว่ามะ”
ไอ้โอมตอนแรกจะปฏิเสธ
แต่สายตาหวานๆทำให้มันใจอ่อน
ผมรู้มันไม่ชอบกินสับปะรดหรอกครับ
สมน้ำหน้ามันโว๊ย
ระหว่างที่เดินย่อยอาหาร ทั้งข้าว ทั้งไอติมและผลไม้
ที่จำต้องฝืนกินเข้าไป
เดินเพื่อจะเข้าไปเอารถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ในมหาวิทยาลัย
ฉัตรที่เดินทอดน่องอย่างจงใจ
มันดึงแขนผมให้เดินช้าลง
“มึงว่า...วิน..อกหักเปล่าวะ”
มันกระซิบถามผมเบาๆ
ผมมองด้านหลังของวินที่กำลังคุยจ้ออยู่กับเพื่อนใหม่
ไอ้สามตัวนั่นก็ล้อมหน้าล้อมหลังเกินจำเป็น
“อาจจะเป็นไปได้นะกูว่า
เพราะพ่อกับแม่มันก็ดูรักมันดี
ข้าวของเครื่องใช้ถึงจะมาจากเชียงใหม่แต่มันก็มีแบรนด์ว่ะ
แล้วที่มันบินมากทม.แทนการนั่งรถทัวร์
ก็น่าจะต้องมีฐานะระดับหนึ่งล่ะวะ”
“ไม่ใช่ปัญหาครอบครัว ไม่ใช่ปัญหาการเงิน
งั้นเรื่องเพื่อนเหรอวะ..”
ผมคิดถึงภาพที่เพื่อนมันบรรจงทำมาให้ที่ฝาผนังห้อง
ที่ผมต้องตอกตะปูให้มัน
ทั้งๆที่หอพักห้ามเจาะผนัง
ตอนย้ายออกต้องเสียตังค์แน่กู
ของๆมัน..แต่ผมเป็นคนเจาะ..รู
“ไม่น่านะ..มึงเห็นรูปที่ผนังป่ะล่ะ”
“อกหัก...ชัวร์”
ไอ้ฉัตรลูบเคราแพะที่คางของมันอย่างใจลอย

****************************************************************************
“เจอกันพรุ่งนี้นะ เดินทางดีๆล่ะ”
เสียงแจ้วๆตรงประตูทำให้ผมขำ
วินมันทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี
ตามออกไปส่งแขกสี่ตัวถึงหน้าประตูห้อง..หอ
เดินทางดีๆไรวะ...หอเดียวกัน ห้องห่างกันไม่กี่ก้าว
“เพื่อนๆของเขมน่ารักทุกคนเลย ใจดีด้วย”
วินพูดขึ้นมาลอยๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมนอนมองรูมเมทสวดมนต์อยู่เป็นนานสองนาน
คงจะสวดระลึกถึงพระท่าน...
ตั้งแต่เชียงใหม่ ไล่ลงมา ลำปาง นครสวรรค์
กว่าจะมาถึงกทม.นี่คงจะหลายร้อยโล
ผม...หลับดีกว่า
ผมเคลิ้มหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมง
“กุ๊กกู..ๆ...ๆ......”
ท่ามกลางความมืด
ผมยกนิ้วขึ้นมานับในใจได้สิบเอ็ดครั้ง
อืมมม ถ้าผมหลับอีกที...
ผมก็ต้องตื่นมาตอนมันร้องอีก
ครั้งหน้า สิบสองครั้ง
ตายๆ ผมต้องตื่นทุกหนึ่งชั่วโมงงั้นเหรอ
ชำเลืองดูคนบนเตียงนอนหลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ
ผมลุกขึ้นแล้วเดินโหย่งปลายเท้าไม่ให้เกิดเสียงดัง
เสร็จกู
ไปสิงสถิตย์ข้างนอกตรงระเบียงเถอะ...ไอ้นกเวร

ผมปิดประตูกระจกตรงระเบียง
แล้วเดินด้วยปลายเท้าเหมือนเดิม
แวะดูรูมเมทมันซะหน่อย พ่อแม่มันอุตส่าห์ฝากฝัง
แสงสลัวจากภายนอกที่ลอดเข้ามาในห้องสลัวๆ
ทำให้ผมมองเห็นเสี้ยวหน้าข้างหนึ่งของวิน
ผมพยายามจะมองหาที่ติ...ที่...ไม่มี
ถ้าจะมีก็ตรงที่หน้าหวานเกินไป
จิ้มลิ้มเกินไปสำหรับผู้ชาย
ผมดึงผ้าห่มที่ลุ่ยลงมาถึงบั้นเอวขึ้นมา
แล้วบรรจงห่มคลุมที่หน้าอกของวิน
เสื้อกล้ามสีขาวที่ใส่
มันดูกลมกลืนกับผิวของวินในความมืด
ผิวพรรณในร่มผ้าที่เผยออกมา
ดูนวลเนียนกว่าผู้หญิงหลายๆคนของผม
แม้กระทั่ง..หลิน..แฟนคนปัจจุบันของผม
ตอนที่ก้มลงพิจารณาใกล้ๆ...
กลิ่นหอมอ่อนๆของแป้งเด็กที่วินใช้
มันทำให้ผม...ปากคอแห้งผาก

****************************************************
“ฮือๆ...หมอก...ตัวอย่าทิ้งเค้าไปนะ..อึกๆ”
เสียงไรวะ
“แม่ครับ..วินเจ็บ..เจ็บที่นี่ ข้างในนี้..ฮือๆ”
แม่ใครเจ็บป่วยแถวนี้วะ
“ฮือๆ...เค้าทำอะไรผิด ตัวถึงทำแบบนี้กับเค้า...ฮือๆ”
ทำไมมันยังดังอยู่นะ
“โว๊ยยย ใครวะ”
ผมลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด
เหมือนหลับได้แป๊บๆแล้วโดนปลุกซ้ำซาก
“ฮือๆ...วินคิดถึงพ่อ..คิดถึงแม่...ฮือๆ”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่เริ่มแหบแห้ง
ทำให้ผมรู้ว่าวินต้องร้องไห้มาสักพักแล้วครับ
“วิน..วิน...”
ผมเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงวิน
“วิน..เป็นอะไรรึเปล่า..เฮ๊ย”
แค่ผมทรุดตัวลงนั่งริมเตียง
แล้วแตะที่ไหล่ของวินเบาๆ
ผมก็โดนวินดึงตัวผมลงไปนอนบนเตียง
เป็นเพราะผมยังไม่ทันตั้งตัว
หรือผมไม่ขัดขืนกันนะ
“แม่..แม่ครับ...วินคิดถึงแม่”
หน้าของวินเกลือกกลิ้งอยู่กับอกผม
เหมือนจะซุกหา..เย้ย...มันจะดูดนมผม
มันคิดว่าผมเป็นแม่
“ปล่อยสิวะ”
ผมดันตัววินออกไปจากอกผม
ที่มันเป็นฝ่ายเข้ามาซุก
“แม่...ฮือๆ...แม่ไม่รักวิน...ฮือๆ”
วินแหกปากร้องเสียงดังขึ้นมาอีก
ผมกลัวเสียงจะดังไปห้องอื่น
เดี๋ยวคนจะว่าผมรังแกรูมเมทอีก
ผมจึงดึงตัววินเข้ามา...เอ่อ...เข้ามากอด
สาบาน..ผมไม่ได้คิดอะไรกับมัน
มันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างหาก
ก็ไม่ได้เดือดร้อนรบกวนอะไรผมมากมายนี่ครับ
ผมเองก็นอนกอดสาวจนสว่างคาตาก็หลายครั้ง
อืมมมม...ตัวมึงทั้งนุ่มทั้งหอม
ถ้าน้องกูตั้งขึ้นมา...มีเฮแน่
“หมอก...ตัวกลับมาหาเค้าแล้วเหรอ..อึกๆ
วินคิดถึงหมอกมากเลยรู้มั๊ย”
ผมอึ้งไปชั่วขณะ
คนในอ้อมกอดของผม...เหมือนเผือกร้อน
ที่ผมแทบจะทนไม่ไหว จนต้องกัดฟัน
ถึงผมจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก
แต่ผมก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร
*************************************************************
“ตุ๊บ..”
“เฮ๊ย...ไรวะ”
“นาย...นายมานอนที่นี่ได้ยังไง”
ผมที่นอนหมอบอยู่ข้างเตียง
กับไอ้คนบนเตียงที่มันทำหน้าบึ้ง
คุณคิดว่าใครที่จะต้องเป็นคนอธิบาย
“วะ...วิน...มึงฟังกูก่อน...คือ...”
“ตุ๊บๆ...ๆ.ๆ..”
ข้าวของประดามีบนเตียงของวิน ลอยมาปะทะหน้าผม
ถึงจะรับไว้ทัน แต่บางดอกก็โดนเต็มๆ
กว่าจะเคลียร์กันได้ หัวหูเนื้อตัวผม..
ราวกับไปฟัดกับหมาบ้ามาทั้งฝูง

“เขม...เขมมมมมม”
หน้าหวานๆที่โผล่มาตรงหน้า
ทำให้ผมต้องกลั้นยิ้ม
“ไร..”
“วินขอโทษน้า วินคงละเมออีกแล้ว”
หน้าสลดของวิน ทำให้ผมโกรธไม่ลง
“เป็นบ่อยมั๊ย”
ผมถามด้วยความเซ็ง
ทุกคืน ทุกสองคืน ทุกสามคืน หรือทุกครั้งที่หลับ
“ก็..ก็ไม่ค่อยแล้วล่ะ”
วินก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่จับกันแน่น
วินมันต้องมีความลับความหลังอะไรสักอย่าง
ที่ผิดหวัง และรุนแรง
“เมื่อก่อนตอน...เอ้อ...เมื่อก่อน...เรา...”
“พอแล้ว...ไม่อยากรู้แล้ว ไป..ไปเรียนกันเถอะ”
น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาที่แฝงความปวดร้าวกับเหตุการณ์ในอดีต
ทำให้ผมไม่อยากรู้ เมื่อเจ้าตัวยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผย
“หลินฟ้อนเล็บเหรอวะ...ฮะ ฮะ”
ไอ้โอมมันหัวเราะเมื่อเห็นรอยข่วนเล็กๆตามตัวผม
ที่แขน ที่คอ และที่สำคัญ
รอยข่วนเล็กๆจางๆที่ใต้ตาซ้ายของผม
“ไม่ได้นะเขม มึงจะให้เมียข่มแบบนี้ไม่ได้นะโว๊ย
หรือ..หรือมึงจริงจังกับหลิน”
ไอ้รุจน์มันทำหน้าสยดสยอง
ผมรู้เพื่อนๆผมไม่มีใครรังเกียจหลินถ้าจะเป็นแค่คู่ควง
แต่ถ้าเป็นตัวจริงพวกมันรับกันไม่ได้
หลินเองก็รู้ว่าเราสองคน
คบกันเพราะพอใจรูปร่างหน้าตากัน
เมื่อไหร่จืดจาง เบื่อหน่ายก็จบกัน
สาวๆในสต๊อคของผมรู้ดีว่า
เมื่อไหร่ที่มาวีนมาเหวี่ยงกับผม....ผม...จบ
หลินเป็นคนที่ผมคบนานที่สุด
คบกันตอนปีหนึ่งได้สองสามเดือน
แล้วก็เลิกรากันด้วยดี
ครั้งนี้เรากลับมาคบกันใหม่ได้เกือบๆสองเดือน
หลินรู้จักผ่อนสั้นยาว
เวลาผมควงคนอื่น เธอจะทำไม่รู้ไม่เห็น
แต่สำหรับผม...ถ้าคบซ้อน..ผมเลิก
เห็นแก่ตัวใช่ไหมล่ะครับ
ผมก็ไม่ได้บังคับ สมัครใจกันทั้งสองฝ่าย
ถึงอีกฝ่ายจะไม่ซิงผมก็ไม่มาย
ผมเป็นผู้ชายคบกี่คนก็ไม่มีอะไรสึกหรอ
แต่ในขณะที่เป็นผู้หญิงของผมๆไม่ชอบแชร์กับใคร
แค่บอกกันตรงๆ แล้วเดินออกไปได้เลย
หลินอาจจะโชว์หึงหวงเล็กๆน้อยๆแต่ไม่ล้ำเส้น
ผมก็อ่อนข้อให้
ทำให้หลายๆคนคิดว่าคนๆนี้คือตัวจริง
“เขม..มึงอ่อนว่ะ”
ไอ้ฉัตรมันไม่ค่อยพูดมาก
แต่ๆละคำที่พูดออกมา แดกดันกูประจำ
“เอาจริงเหรอวะเขม..มึงก็รู้”
ไอ้โซลมันหวังดีครับ
หลินประวัติก็ผ่านมาเยอะพอสมควร
ควงได้แต่ถ้าจริงจังคงต้องคิดหนัก
ผมไม่ทันจะตอบ ตัวต้นเรื่องก็ออกหน้า
“เอ่อ...คือ...”
“มีไรวิน มันทำอะไรวิน”
รุจน์มันรีบจับไหล่วินให้หันมา
แล้วสำรวจไปทั่วตัววิน
โดยเฉพะที่ปากแดงๆของวิน
“ไม่..ไม่มีอะไร..”
วินเบี่ยงตัวออกอย่างอึดอัด
วินเป็นพวกไม่ชอบสกินชิพ
ผมสังเกตว่าหลายครั้ง
ที่พวกเราคนใดคนหนึ่งเข้าใกล้
วินจะหลบเลี่ยงเหมือนหวงตัวแปลกๆ
รูมเมทของผมคนนี้มีอะไรมากมายให้น่าค้นหา
“ฮะ ฮะ......”
ผมคิดอะไรเพลินๆ
เสียงพวกมันหัวเราะขำกันใหญ่
“ทีนี้เราก็ศอกซ้าย พอเขมลุกขึ้นมา
เราก็ข่วนไปที่หน้าเขมอย่างแรง”
“เฮ๊ย...มึง..มึงว่าอะไรนะ...”
เหตุการณ์มันตาลปัตรกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
“เขม..มึงว้อนท์มากเหรอวะ
ถึงวินมันจะหน้าหวานเหมือนผู้หญิง
มึงก็ไม่น่าจะหน้ามืดไปปล้ำมัน”
ไอ้โซลมันส่งสายตาตำหนิโจ่งแจ้งมาให้ผม
“ไอ้...ไอ้วิน...”
ผมชี้หน้าตัวต้นเหตุ
“คริคริ...ไม่เป็นไรเราให้อภัยเขม”
มันหัวเราะ แต่ไม่กล้าสบตาผม
ฝากไว้ก่อนเถอะ...
ไอ้รูมเมทตัวแสบ

**********************************************************************************************

รักนาย ❤❤ มายรูมเมท...ตอนที่ห้า
ในรั้วมหาวิทยาลัย
การเรียกชื่อคนโน้นคนนี้ เราก็มักจะต่อท้ายด้วยคณะที่เรียน
เพื่อที่จะได้ไม่ผิดฝาผิดตัว หากบังเอิญชื่อซ้ำชื่อโหล
พวกผมก็มักถูกเรียกขานกันง่ายๆว่า...
เขม...วิดวะ
รุจน์...วิดวะ
โอม...วิดวะ
โซล....วิดวะ
และ ฉัตร...วิดวะ
ส่วน รูมเมทผม...มันก็จะต้องเป็น..วิน...นิเทศน์
คณะนิเทศน์เป็นคณะที่พวกผมไม่อยากเฉียดเข้ามาใกล้
เด็กคณะนี้แต่ละคน..
จ้องพวกผมยังกะพวกผมเป็นพวกเกรียน ห่ามและหื่น
คนที่เรียนวิศวะ มันก็มีหลากหลายนี่ครับ
มีทั้งเกรียน ทั้งเนี๊ยบ ทั้งเนิ้ด มีหมด
แล้วแต่คุณจะได้สัมผัสกับคนแบบไหน
สายตาคนภายนอกจะดูว่าพวกผม
หยิ่งนิดๆ เจ้าชู้หน่อยๆ เกรียนไม่น้อย
แถมยังเข้าขั้นหน้าตาดี มีฐานะ
ถึงไม่ได้ดีเลิศแต่ก็ไม่เลว...น่าลองใช่มั๊ยล่ะครับ
“ดูดิเขม สองนาฬิกา...กูล่ะหนักอกหนักใจแทน”
ไอ้โอมทำหน้านิ่งไม่วอกแวก
แต่ตามันถลนจนแทบจะหลุดออกมานอกเบ้า
“ไหนๆ...โหย...กูกลัวหายใจไม่ออก..ปอดบวมว่ะ..ฮะ ฮะ”
ไอ้โซลมันหันไปมองทันทีอย่างไม่ระวัง
เรื่องนมต้องมาก่อนเสมอครับ
“ตุ๊บ..อย่าหันไปดิวะ เดี๋ยวเขารู้ตัวก็อดดูหรอกมึง”
ไอ้ฉัตรแม้จะไม่วอกแวก
แต่ก็ซัดไปที่ไหล่ไอ้โชลไม่เบานัก
“เชี้ยยย...อย่าดังไปดิวะพวกมึง”
ไอ้โอมทำท่าจะโวยวายตามนิสัยมัน
“เบาสิพวกมึง กลับไปเรียนกันเถอะ”
ผมห้ามพวกมันกับเรื่องเหล่สาว
ผมมองสาวนิเทศน์แบบไม่ค่อยเข้าตาเท่าไหร่
ผมไม่ชอบพวกเรียนแอคติ้ง
มองหาตัวตนที่เป็นธรรมชาติไม่ค่อยเจอ
ไม่รู้ว่าการกระทำที่ออกมาเป็นจริงหรือแสร้งแสดงออก
(ความคิดของไอ้เขมมัน ไอ้หน่อยไม่เกี่ยวครับผม)
พวกผมเดินเกาะไหล่กันกลับมาจากการยกขบวนไปส่ง
ไอ้วิน..เด็กใหม่ปีสาม ที่คณะนิเทศน์
เอ่อ...ดูจำนวนขากลับมันร่อยหรอลงไป
“อ้าวเฮ๊ย..ไอ้รุจน์ล่ะ”
เดือดร้อนพวกผมต้องเดินกลับไปตามหามัน
กลัวมันจะหลง..ฮะ ฮะ
“ป๊าบ....”
“ยืนดูไรอยู่วะ”
ไอ้รุจน์มันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันทีที่ไอ้โอมตบไหล่แล้วถาม
หน้ามันที่หันมาแดงก่ำอย่างมีพิรุธ
ผมมองตามภาพที่มันยืนดูอยู่ก่อนหน้าที่พวกผมจะมาตาม
“อีกแล้วเหรอวะรุจน์”
ชายหนุ่มหน้าตาดี ขาวๆสูงๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าคณะ
แวดล้อมไปด้วยสาวๆสวยๆ
“อืมมม...ไปเหอะ”
ไม่มีใครพูดอะไรให้รุจน์คิดมาก
สามปีแล้วที่ไอ้รุจน์แอบมองคนๆนี้อยู่ห่างๆ
มันเป็นรักแรกพบล่ะมั๊งครับ
ผมไม่เข้าใจความรักแบบนี้สักนิด
ความรักของผมมันต้องได้สัมผัสถึงจะรู้ว่ารัก
ประเภท...เห็นหน้าแล้วปิ๊งเลยแบบนี้ไม่เคยหรอกครับ
อ้อ...อาจมีบ้างที่ถูกชะตา เหมือนไอ้วิน รูมเมทผม
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย
ไอ้รุจน์ที่ดีแต่ปาก มันไม่เคยจีบใคร ไม่เคยมีแฟนจริงๆ
มีแต่คนมาจีบมาแซว ควงกันดูหนังกินข้าวครั้งสองครั้ง
แล้วมันก็ชิ่งหนีเขา เหมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน
“ก็กูไม่ได้ชอบเขานี่หว่า คบๆไปก็ต้องเลิก”
เหตุผลของมันครับ เพราะฉะนั้นเชื่อได้ว่า...มันซิง
“เมื่อไหร่มึงจะเข้าไปคุยกับเขาวะ
กูเห็นแล้วทั้งรำคาญทั้งอึดอัด”
ไอ้ฉัตรที่ว่านิ่งๆมันยังทนไม่ได้
“ไม่เอาว่ะ กูกลัวเขาไม่ชอบกู”
ไอ้รุจน์มันส่ายหน้า
มันหล่อครับ แต่ไม่ได้หล่อเข้ม มันออกแนวหล่อน่ารัก(ยังไงน้อ)
แต่ไม่ใช่สวยหวานเหมือนผู้หญิงแบบไอ้วินนะครับ
แล้วทำไม...ไม่ว่าพูดถึงเรื่องอะไร
ผมต้องเอาไอ้วินมาเปรียบเทียบตลอดๆ
ผมสะบัดหัวแรงๆให้ไอ้รูมเมทหน้าหวาน
มันออกไปจากสมองของผม
“เป็นเชี้ยไรวะเขม จะส่ายหัว..เพื่อ....”
ไอ้โซลมันดันเห็น
“ไม่มีไร..กูไม่ได้คิดอะไรกับมัน”
********************************************************************************
“เฮ๊ย...”
ไอ้รุจน์ร้องออกมา
เมื่อไอ้วินเดินตรงมาหาพร้อมกับ.....
“เพื่อนๆ เราพาเพื่อนใหม่มาแนะนำให้รู้จักน่ะ
นี่ปาล์ม...เพื่อนคนแรกของเราที่คณะ”
ไอ้วินแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน
“รุจน์เป็นไรอ่ะ ไม่สบายเหรอ..หน้าแด๊งแดง”
ไอ้วินเข้าไปมองหน้าไอ้รุจน์ใกล้ๆ
แล้วแตะปลายคางที่ก้มงุดของไอ้รุจน์ให้เงยขึ้น
“ยะ...อย่า..ไม่เอา..วิน”
ไอ้รุจน์เอามือจับข้อมือวินไว้ หน้ามันเจื่อนๆ
“โห...ไม่สบายแน่เลย มือเย็นเจี๊ยบ”
ไอ้นี่ก็ไม่รู้อะไรกับเขาเลย
“รุจน์เป็นอะไรครับ ไปห้องพยาบาลมั๊ยครับ”
ไอ้ปาล์มขยับเข้ามาใกล้
ยิ่งอยู่ใกล้...
ผมถึงได้เห็นหน้าไอ้คนที่อยู่ในใจเพื่อนรักของผมมาตลอดชัดๆ
หน้าตามันขาวใส ตี๋ๆ ดูสุภาพ
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงโชยมาบางเบา กลิ่นแมนๆ
ท่าทางจะสำอางน่าดู เสื้อผ้าผมเผ้า...กริบ...
พอๆกับผมเวลาตั้งใจจะให้เป็น
บางเวลาผมก็แต่งตัวง่ายๆสบายๆไม่ได้เนี๊ยบตลอดเวลา
“ไม่..ไม่เป็นไรอ่ะ..จะ..จะไปเรียนแล้ว”
ขำไอ้รุจน์ชะมัด ธรรมดา...วะ โว๊ย ตอนนี้มี...อ่ะ เออะ
เขินเขาล่ะสิมึง
ผมหันไปดูไอ้เพื่อนที่เหลือ
พวกมันก็กำลังจดจ้องรอดูเหตุการณ์เหมือนผม
“อืมมม...งั้นให้เพื่อนๆไปเรียนกันก่อน
แล้วเดี๋ยวปาล์มไปส่งรุจน์ที่ห้องพยาบาลเอง
ตอนนี้ปาล์มไม่มีเรียนแล้วครับ”
แหมๆ...เข้าทางไอ้รุจน์
แต่มันทำท่าลังเล ขืนเป็นแบบนี้...อดแด๊กล่ะมึง
จำผมต้องช่วยดัน
“ไปเหอะมึง กูเช็คชื่อแทนเอง”
ไอ้รุจน์มันทำตาปริบๆ ทีงี้ล่ะไม่กล้า
“รุจน์กลัวปาล์มเหรอ ปาล์มเป็นคนดี เรารับประกัน”
โห...ไอ้วินมันกล้าพูด
ได้ข่าวว่ามึงเพิ่งเจอหน้ามันไม่กี่ชั่วโมง
“”เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้น...”
“งั้นเราไปเป็นเพื่อนด้วยอีกคนอ่ะ”
ไอ้วินมันเสนอตัว ไปเป็นไม้กันหมา
“ไม่ต้องเลยมึง ไปเรียนกับกู ยิ่งโง่ๆอยู่”
ผมดึงไหล่มันให้เข้ามาใกล้ตัว
แล้วลดมือลงมาแตะที่เอว
ต้องกันไว้ก่อนครับ ไอ้นี่มันเดาทางยาก
“วู๊...เขม อย่ารัดสิ..อึดอัด”
มันดิ้นยุกยิก
“อยู่เฉยๆดิวะมึง ไปๆแยกย้ายกัน”
ผมตัดบทแล้วโอบเอวมันให้เดินตาม
ในขณะที่มันพยายามจะดิ้นให้หลุด
“ไม่อาววว...ไม่เรียนนนนน”

***********************************************************
“ฮะ ฮะ ฮ่า...หน้ามึง”
ไอ้โซลมันหัวเราะหน้าหงิกงอของไอ้วิน
ที่นั่งอยู่ข้างๆผมในห้องเลกเชอร์
“ถึงจะช่วยเพื่อนแต่ก็ไม่ควรแกล้งเรานี่นา”
ไอ้วินบ่นงึมงำ แต่ผมได้ยิน
“มีน้ำใจมั่งสิวะมึง”
ผมกระซิบข้างหูมัน
ถึงแม้อาจารย์จะยังไม่เข้าสอน
แต่เราก็ไม่ควรส่งเสียงดังในห้องเรียนใช่ไหมล่ะครับ
กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนๆ
ทำให้ผมหักห้ามใจที่จะไม่สูดดมเข้าไป...ไม่ได้
“เย๊ย...นายทำไรเนี่ย”
ไอ้วินมันหน้าแดงทำไมวะ
แล้วเช็ดแก้มทำไม
“กูทำไรมึง..อย่าเวิ่น”
ผมลอยหน้าลอยตาอย่างที่ไม่เคยทำ
ทำไมกูแต๋วๆไงไม่รู้
“มึงหอมแก้มมัน”
ไอ้ฉัตรพูดหน้านิ่งเสียงนิ่ง
“หอมมั๊ยวะ...ฮะ ฮะ ฮ่า”
ไอ้โอมมันทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นกะทันหัน
“ก็...มึงล้างหน้ามั่งป่าววะ”
ผมหันไปถามไอ้วินที่ตอนนี้ทำหน้างง
“ล้าง..ล้างดิ ถามบ้าไร”
ผมเห็นแต่ใบหูแดงๆที่โผล่มาให้เห็น
เพราะเจ้าตัวกำลังก้มหน้างุดลงกับโต๊ะ
************************************************************************
“วิน...วิน...”
ผมขยับไหล่ที่มันพิงหลับอยู่อย่างสบาย
“หืมมม...อ้าว เลิกแล้วเหรอ”
มันงัวเงียขยี้ตา
“ป่ะ...กินข้าวกัน วันนี้ไปกินที่ห้างกันดีกว่า”
ไอ้โซลมันเสนอ
ทุกวันศุกร์พวกเราก็จะออกไปนอกสถานที่กันครับ
เพราะพอวันหยุดทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ยกเว้น..ผม กับไอ้ฉัตร
คนกรุงเทพกันทุกคนครับ
ยกเว้นไอ้ฉัตรที่เป็นคนใต้...สงขลา
ผมนานๆทีก็กลับไปเยี่ยมแม่ น้อยครั้งที่จะนอนค้าง
แต่ถึงผมไม่กลับ แม่ก็คงไม่เหงา
ที่บ้าน..นอกจากแม่..พ่อเลี้ยง..ก็ยังมีน้องสาว..น้องใหม่
ลูกคนใหม่ของแม่กับพ่อเลี้ยงนั่นแหละครับ
“ไอ้รุจน์ล่ะ ไม่เห็นมันกลับมาเรียนเลย
หรือมันจะไม่สบายจริงๆวะ”
ผมเริ่มไม่สบายใจ
ไม่รู้ว่ามันจะหลุดแสดงให้ไอ้ปาล์มรู้ความในใจรึป่าว
“มันโทร.มาบอกแล้ว ไปเจอกันที่ห้างเลย”
ไอ้โอมมันชูมือถือประกอบคำพูด
คงจะเพิ่งคุยกันเสร็จ
“เจอกันที่ห้างว่ะ”
ผมรวบหนังสือพร้อมกับกองชีท
ทั้งของผมของวินมาไว้ในอ้อมแขน
อีกมือก็ดันหลังมันให้ออกเดิน
ทุกคนมีรถ แต่ก็ผลัดๆกันเอารถออก
แต่พอผมมีรูมเมท
ผมก็ตั้งใจจะเอารถออกมาเองทุกวัน
เพื่อความคล่องตัวหรอกครับ
เผื่อวินมันงุ่มง่ามชักช้าจะได้ไม่ถ่วงเพื่อน
“ถามเราสักคำยังอ่ะ ว่าอยากไปด้วยป่าว”
มันบ่นงุ๊งงิ๊งตอนนั่งลงที่เบาะตอนหน้า
“คาดเข็มขัดด้วยสิวะ”
ผมแกล้งไม่ได้ยิน
ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับมัน
มันหน้างอค้อนผม แล้วหันไปดึงประตูรถเข้ามา
“ปัง”
“เฮ๊ยยยย”
มันปิดประตูแรงพอใช้
ผมชะโงกไปดึงเข็มขัดมาคาดให้มัน
จังหวะมันหันหน้ามา
“ฟอด..”
ชื่นใจชะมัด กลิ่นเด็กอ่อน
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย”
มันถูแก้มแรงๆ จนแดง
“มึงอย่าถูสิวะ แดงหมดแล้ว”
ผมดึงมือมันออกจากแก้ม
มันสะบัดมือออกจากมือผมทันที
แล้วหลังมือผมมันก็ค้างเติ่งที่แก้มแดงใสข้างนั้น
ผมไล้หลังมือเบาๆกับแก้มนิ่ม
“แก้มมึงนิ่มว่ะ”
ผมละมือแล้วเริ่มสตาร์ทรถ
“ทำไม..นายทำแบบนี้ทำไม...เขม”
เสียงไอ้วินสั่นๆ เหมือนจะร้องไห้
“ก็...ก็กูเห็นว่ามึงมาจากบ้านนอกไง
กู..กูก็กลัวมึงจะคาดเข็มขัดไม่เป็น”
ผมชำเลืองมอง..มันเม้มปากแน่น
“มันอันตรายนะมึง ตำรวจจับ ปรับด้วย
กูไม่อยากมีปัญหา”
วะ...กูพูดอะไรออกไป
“จริงอ่ะ...”
มันหรี่ตาข้างหนึ่งมองผมอย่างจับผิด
“น่ารักว่ะ”
ผมหลุดปากชมมัน
“ห๊ะ”
“เอ่อ...มึง..มึงมัน...บ้านนอกชะมัดว่ะ”
“เชียงใหม่ไม่บ้านนอกซะหน่อย
แล้วบ้านเราก็มีรถด้วย”
ปากแดงๆของวิน
มันดูขยายใหญ่
ใกล้เข้ามา
ใกล้เข้ามา
แล้วผมก็...
“จุ๊บ..”
ผม...ผมทำอะไรลงไป
ผมจูบลงบนปากของมัน
แม้จะแค่ชั่ววินาทีเดียวก็ตาม
“นาย...นายชอบผู้ชายเหรอเขม”
เสียงพูดของมันอู้อี้
เพราะมันเอามือปิดปากเอาไว้
เหมือนกลัวผมจะจูบอีก
“มึง..มึงพล่ามอะไรวะ”
ผมหันหน้ากลับมา
พร้อมกับจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วกว่าปกติ
มือที่จับพวงมาลัยคล้ายจะอ่อนแรง
จนผมต้องออกแรงกำพวงมาลัยแน่นกว่าปกติ
ท่ามกลางความเงียบในรถ
ผมกลัวมันจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจผม
“ปะ..เปิดเพลงดิวะ ทำตัวให้มันมีประโยชน์หน่อย”
ผมพูดลอยๆขึ้นมา
เสียงเพลงบรรเลงขึ้นมา
ผมชำเลืองดูเสี้ยวหน้าด้านข้าง
มันขึ้นสีเรื่ออย่างน่าดู
ทำไม..มึงไม่เป็นผู้หญิงวะ..วิน

************************************************************************
“นี่ๆ...โอมกินปลาซาบะน้า
ส่วนโซลก็กินปลาหมึกย่างน้า”
“ฉัตรกินทงคัตสึสิ..น่าอร่อยอ่ะ”
“รุจน์ก็กินเทมปุระ”
“ปาล์มมมม..ยากิโซบะสีเข้มๆซอสชุ่มๆน้า”
“เขม...กินข้าวปะ...เอ่อ...”
ประโยคทั้งหมดข้างต้น
มาจากปากแดงๆที่เพิ่งโดนผมสัมผัส
แต่ประโยคสุดท้ายขาดหายเข้าไปในลำคอ
เมื่อเจ้าตัวหันมาสบสายตาผมที่มองอยู่
“ที่พูดโน้มน้าวมาทั้งหมดเนี่ย
เพราะวินอยากกินใช่มั๊ย”
เสียงไอ้ปาล์มมันนุ่มทุ้ม
แต่ผมฟังแล้วมันขัดหูผม
“ก็..ก็เราอยากกินทุกอย่างเลยอ่ะ”
สายตาอ้อนๆแบบนั้น มันน่าหมั่นไส้ชะมัด
“เลยต้องอ้อนคนอื่น”
ผมว่ามัน...ผมรู้สึกรำคาญไอ้วินขึ้นมา
ลับหลังมันคงจะอ้อนเพื่อนมันสินะ
“วินอยากกินก็สั่งมาเถอะ
สั่งที่อยากกินมากที่สุดมาสักสามสี่อย่าง
ส่วนเมนูอื่นเดี๋ยววันหลังปาล์มพามาเลี้ยงนะ ดีมั๊ย”
มือของไอ้ปาล์มลูบหัววินเบาๆ
“แม่ง...อวดรวย”
ผมคิดในใจแต่มันดันหลุดออกมา
“เขมมมมม...”
รุจน์เรียกชื่อผมเป็นเชิงปราม เตือนสติ
ถึงแม้ว่าตัวมันเอง
ก็กัดปากล่างจนเป็นรอยให้เห็น
“นายหมายความว่ายังไง”
ปาล์มมันจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“ก็อย่างที่พูด มึงอวดรวยจะเลี้ยงวินมันทำไม
มันเมทกู กูเลี้ยงเองได้”
ผมกินนอนห้องเดียวกับวิน
มันไม่ควรมาแทรกมาเสือก
“กูก็เพื่อนรักมัน...จริงมั๊ยครับวิน”
มันไม่ยอมแพ้หันไปถามคนกลาง
กลางจริงๆครับ
วินมันนั่งคั่นระหว่างผมกับไอ้ปาล์ม
“อย่าเสียงดังกันสิ เราไม่มีสมาธิ”
วินเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูอาหาร ตาเขียว
“ห๋า..”
แสดงว่าตลอดเวลามันไม่ได้รับรู้อะไรเลยเหรอเนี่ย
“รุจน์กินไรอ่ะ เราได้ไม่สั่งซ้ำ
แล้วเอามาแบ่งกัน”
วินมันถามรุจน์ที่นั่งตรงข้าม
“งั้นยกหน้าที่สั่งให้มึงเลยแล้วกันวิน
พวกเรามีหน้าที่กินอย่างเดียว”
ไอ้ฉัตรที่นิ่งฟังอยู่นานตัดบท
"เย้...วินจัดห้ายยยย"
มันดีใจจนเกินเหตุ
เมื่อทุกคนพยักหน้ารับ รวมทั้งผมด้วย
แล้วอาหารมื้อนี้ก็เป็นอาหารที่
ไอ้วินมันเป็นคนเลือกทั้งหมด..เฮ้อ