Whose Fault ?
ผิด...ครั้งที่ 8
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
"อ้าว เคลียร์กันแล้วเหรอวะ" คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอ่ยทัก
ทั้งสองคนที่เดินเข้ามาไม่พูดอะไร แต่ผลลัพธ์มันก็เห็นชัดอยู่แล้วตรงที่ทั้งคู่มาพร้อมกัน
"อย่าเงียบดิวะ ผลเป็นไง ไหนบอกหน่อย" รามเซ้าซี้ น้ำเสียงก็รู้ว่าจะแซว และได้ผล ดินหน้าขึ้นริ้วสีแดงหลบตาเม้มปาก
“อย่าขุดดิวะแม่ง กูกำลังพยายามลืม” ...ไอ้เรื่องน่าอายแบบนั้นน่ะ
เหี้ย โคตรชัด!
“ฮันแน่ะ”รามเห็นก็ยิ้มล้อทันที เขาดีใจที่เพื่อนเข้าใจกัน อยู่ด้วยกันมานานไม่อยากให้ผิดใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะลงเอยในรูปแบบนี้
"ผลคือดี โอเค๊" สินตัดบท “หยุดเสือกได้แล้ว”
"ไรว้า สิน กับมึงแม่งไม่สนุกเลย" ร่างโปร่งโอดครวญอย่างเสียดาย
"เหอะน่า ถามมาก เดี๋ยวมันเขินแรง" สินหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์
"ไอ้เหี้ย!" ดินด่า แต่เสียงไม่ดังมากเพราะไม่อยากรบกวนร่างบางที่นอนซม
สินยักคิ้วให้ราม เหมือนจะบอกว่า เห็นมั้ยล่ะ
ส่วนรามยิ้มแหย คิดในใจเหงื่อตก เออแม่งเขินโหดจริง
“ราม คำถามของมึงกูคิดมาแล้วนะ”
“หืม...อ๋อ” รามเลิกคิ้วก่อนถึงบางอ้อ ถามยิ้มๆ “แล้วได้คำตอบยัง”
‘กูชอบเอม...แบบเพื่อนชอบเพื่อนอ่ะ มึงเข้าใจป่ะ’
“อืม” รามพยักหน้า หันมองร่างบาง “กูก็ชอบเอมเหมือนกัน”
สินหูกระดิก “มึงว่าไงนะ”
ดินทำหน้างง อะไรของมัน “กูบอกว่ากูชอบเอมเหมือนกันไง”
ในขณะที่รามมองทั้งคู่สลับไปมา เอาแล้วไง
“แล้วทีกูบอกชอบมึง ทำไมไม่บอกกูบ้าง”
“เฮ้ย!?” ดินตาเหลือก ส่วนรามตาโต ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรเต็มๆ สองหูแบบนี้ “มึงจะพูดเรื่องนี้ทำไมเนี่ย!”
“ก็มึงบอกว่าชอบเอม จะให้กูคิดยังไง” เสียงทุ้มมาพร้อมกับสายตาเอาเรื่อง
“กูก็แค่...” ตอบคำถามไอ้รามแค่นั้น ดินชะงัก เอ๊ะ... “ไหนมึงบอกว่าได้ยินที่กูคุยกับรามทั้งหมดไง”
“ก็ได้ยิน” สินกอดอก
“แล้ว...?” แม่งจะโมโหทำไมวะ
รามอ้าปาก อยากจะบอกว่ามีคนนั่งหัวโด่อยู่นี่ลืมกูไปแล้วใช่มั้ย...แถมชะเอมก็นอนอยู่ด้วยทั้งคนนะ ถึงจะไม่มีสติก็เหอะ
“ก็มึงบอกชอบคนอื่นที่ไม่ใช่กู”
“เหี้ย” สัตว์เลื้อยคลานวิ่งออกจากปากอีกแล้ว ช่วยไม่ได้ ก็ใครใช้ให้มันมาพูดแบบนี้ในที่สาธารณะแบบนี้ล่ะ “กูก็แค่บอกว่าชอบเอมแบบเพื่อนเฉยๆ เว้ย...มึงนี่นะ”
“คำว่าชอบมึงต้องบอกกับกูคนเดียว”
“เอาล่ะๆ” รามส่งเสียง เห็นร่างสูงผิวคล้ำสะดุ้งแล้วคิ้วกระตุก สรุปนี่มันลืมเขาจริงๆ ด้วย “คุยอะไรหัดเกรงใจคนฟังบ้างสิ”
“...” ดินไม่ตอบแต่หน้าร้อนฉ่าเพิ่งรู้สึกตัว แต่สินไม่สนใจ ใครจะได้ยินก็ช่าง
“แต่ก่อนทะเลาะกันแทบตาย เดี๋ยวนี้ทำตัวเป็นพวกมือใหม่หัดจีบไปได้นะพวกมึง”
“ไม่ได้จีบเว้ย!/เรื่องของกู” รามแหวเสียงดังจนรามต้องจุ๊ปาก ส่วนสินมองหน้าดินแบบ...ระอาหน่อยๆ
ไอ้ดินก็ซื่อบื้อชิบหาย แอบสงสารไอ้สินเลย
เสียงร่างโปร่งถอนหายใจเบาๆ ท่ามกลางเสียงถกเถียงกันระหว่างเสียงโวยวายกับเสียงเรียบนิ่ง
เออ...กัดกันเข้าไป แล้วจะไปกันรอดมั้ยวะเนี่ย
“ว่าแต่ว่ามึงเถอะราม” สินหันมาถาม “หยุดงานมาแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอ”
“จริงด้วย” พอได้ยินแบบนั้นดินก็เหมือนนึกขึ้นได้
รามโบกมือไม่ใส่ใจยิ้มๆ “เหอะน่า เอมเป็นแบบนี้ กูคงไม่มีกระจิตกระใจทำงานหรอก...เดี๋ยวค่อยไปชดเชยวันอื่นก็ได้ เจ้าของร้านเขาไม่ว่าหรอก”
“อย่าหักโหมมากละกัน เดี๋ยวก็ป่วยตามเอมอีก” ดินบอกอย่างเป็นห่วง
“เออ ขอบใจที่เตือนว่ะ” รามเอ่ย “แต่ทีหลังไม่ต้อง กูขนลุก”
“...เออ กูไม่พูดแล้วก็ได้” ร่างสูงกอดอกเบะปากอย่างงอนๆ ไม่เข้ากับใบหน้าคมเข้ม “แม่ง เสีย’รมณ์”
หลังจากนั้นสายตาสามคู่ประสานกันแล้วเสียงหัวเราะของทั้งสามก็ดังขึ้น
เวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน ทั้งสามนั่งเฝ้าคอยสลับกันเปลี่ยนน้ำเช็ดตัวให้ แต่ไม่มีทีท่าว่าไข้ของชะเอมจะลดลง ทั้งๆ ที่ทานยาไปแล้ว ยิ่งเห็นเจ้าตัวนอนกระสับกระส่าย เพ้อหนัก ทั้งสามคนยิ่งทำตัวไม่ถูก สินจึงแนะนำให้รามโทรหาแพทย์กฤษณะ โดยหาเบอร์จากเครื่องของชะเอมทันที ไม่ถึงชั่วโมงกฤษณะก็มา
"หมอครับ ทำไงดี ชะเอมจะเป็นอะไรมั้ย" รามถามอย่างร้อนรน
"ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวอาขอวัดไข้ก่อน" ทั้งสามได้แต่ยืนมอง ยิ่งเครียดเมื่อกฤษณะสีหน้าไม่ค่อยดี "ไข้ขึ้นสูงมาก ถ้าถึงตอนเช้าแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องส่งนอนโรงพยาบาล"
กฤษณะยืนมองชะเอมที่นอนซมเหงื่อท่วม ปากบางพึมพำจับใจความไม่ได้ คงฝันเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งที่แน่ๆ ไม่ใช่ฝันที่ดี
จิตใจที่กำลังอ่อนแอก็ยิ่งส่งผลกับร่างกาย
"ก่อนหน้านี้อาการชะเอมเป็นยังไง" นายแพทย์สอบถาม
"ก็เพ้อแบบนี้แหละครับ แต่เพิ่งหลับไปตอนสองทุ่มกว่าหลังจากกินข้าวกินยา แต่ผมก็เช็ดตัวให้แล้วนะครับ" สินบอก กฤษณะพยักหน้ารับ ละสายตาจากชะเอมมามองหน้าทั้งสามคน
"ไม่แปลกหรอก เพราะชะเอมร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก ต้องดูแลต่างจากคนอื่นนิดหน่อย"
"คือ...คุณหมอกฤษณะครับ อาการของชะเอมหนักถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอครับ" ดินเอ่ยอย่างสงสัยแกมเป็นห่วง
"เรียกอาหมอเหมือนที่เอมเรียกก็ได้...จะว่าไงดีล่ะ อย่างที่บอกแหละ ร่างกายของเจ้าตัวเล็กไม่ค่อยแข็งแรง แถมมีโรคประจำตัว ตอนเด็กๆ เคยไม่สบายหนักแล้วมีอาการช็อค อาเลยเกรงว่าจะเป็นแบบนั้นอีกน่ะสิ" กฤษณะพูดเครียดๆ ถ้าเป็นแบบนั้นอาคงไม่บอกพี่เกษมไม่ได้แล้วล่ะนะเอมเอ๊ย
พอทั้งสามได้ฟังก็เครียดตามไปด้วย มีแต่รามที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรบางอย่าง
"โรคประจำตัว...ชะเอมมีโรคประจำตัวด้วยเหรอครับ โรคอะไรครับคุณหมอ" กฤษณะชะงัก ก่อนถอนใจ หันไปถามจริงจังกับราม
"ก่อนที่อาจะบอก อาขอถามอะไรหน่อย" คนวัยทองกวาดตามองทั้งสามคน "พวกเธอเป็นเพื่อนของชะเอมจริงๆ ใช่มั้ย"
"ใช่ครับ" ทั้งสามมองหน้ากัน ถึงจะงงๆ แต่ก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่คำถามประชดประชัน
อืม มีแววตาที่ดี ถ้าเป็นสามคนนี้ก็น่าจะไว้ใจได้
“ถ้าอาบอก สัญญากับอาได้มั้ยว่าจะช่วยกันดูแลเอม” กฤษณะว่า เมื่อได้รับคำตอบจากทั้งสามก็ตัดสินใจบอก "ชะเอมเป็นโรคหัวใจ"
"...!" ทั้งราม สิน ดิน ตกใจ ยืนอึ้งเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ได้ยินจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ รู้สึกหน่วงในใจ ทั้งสงสารเป็นห่วงและ...เห็นใจ
"อันที่จริงก็ไม่ใช่โรคหัวใจที่คนส่วนใหญ่เป็นกันหรอก น้อยคนที่จะเป็นโรคนี้ และชะเอมก็เป็นตั้งแต่เด็ก แต่หลังจากได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งอาหาร สภาพแวดล้อม การพักผ่อน ทำให้ชะเอมดีขึ้นไม่มีอาการกำเริบใดๆ มานานหลายปี แต่มีช่วงนี้ที่อาการเริ่มกลับมากำเริบอีก บอกตามตรงว่าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ อาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เอมพักผ่อนไม่พอ มีความเครียดสะสม อาพอจะเดาได้แค่ว่าน่าจะเกี่ยวกับคิน พวกเธอรู้จักคินใช่มั้ย"
ทั้งสามพยักหน้า กฤษณะก็เล่าต่อ
"อาเดาว่าทั้งสองคนน่าจะทะเลาะกัน แต่เอมไม่ให้อาบอกใครเลยเรื่องอาการของตัวเอง เลยมีแค่อา กับพวกเธอทั้งสามคนเท่านั้นที่รู้"
ทั้งสามมองหน้ากัน ยังไม่เข้าใจในความหมายที่กฤษณะกำลังจะสื่อ และทำไมเขาถึงบอกเรื่องนี้กับพวกเขา
"ถ้าพวกเธอเป็นเพื่อนกับชะเอมจริง อาอยากฝากให้ดูแลเอมหน่อย แล้วอาก็อยากจะรู้เรื่องปัญหาของชะเอมด้วย อาดูแลเขามานาน เด็กคนนี้ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเขามีแค่คินคนเดียวที่คอยเล่นด้วยมาตั้งแต่เด็ก" กฤษณะเดินไปบีบผ้าในกะละมัง เช็ดตามใบหน้าชื้นเหงื่อ ซับไล้เบาๆ เพราะผิวขาวๆ จะแดงได้หากออกแรงมากไป "ดังนั้นพอทะเลาะกัน เอมก็อยู่ตัวคนเดียว ไม่รู้จะพึ่งใคร อาก็ไม่สบายใจไปด้วย ถ้าพวกเธอรู้อะไรก็ช่วยบอกอาหน่อย"
กฤษณะยังคงเช็ดตัวให้ร่างบางที่ขมวดคิ้วกระสับกระส่าย เห็นแล้วช่างน่าสงสาร มือใหญ่หยิบหลอดยานวดบีบเนื้อครีมทารอบๆ แผลช้ำรอยใหญ่ที่ยังคงสีม่วงน่ากลัวไม่ลดลง
รามยืนนิ่งเม้มปาก ไม่รู้จะบอกดีไหม ห่วงก็ห่วง หนักใจก็หนักใจ นี่เป็นปัญหาของเอมที่เขาไม่ควรยุ่ง แต่...
ร่างโปรงมองหน้าสินกับดินซึ่งพยักหน้าให้เขา รามเลยยอมปริปาก
ถ้าหากช่วยเอมได้ เขาก็อยากจะช่วย...ได้แต่หวังว่าจะชะเอมจะไม่โกรธ
"ผมคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่เขาลือกันในมหาลัยน่ะครับ"
"ข่าวลือ...เรื่องอะไร เกี่ยวกับชะเอมเหรอ?" กฤษณะขมวดคิ้ว
"ใช่ครับ คือ...เขาลือกันว่าทั้งสองคนเลิกกันแล้ว หมายถึงคินกับเอมน่ะครับ" รามเว้นจังหวะ “ผมเลยคิดว่าเอมน่าจะเครียดๆ กับเรื่องนี้นะครับ”
"เลิกกัน? นี่พวกเธอพูดเรื่องอะไร?" ศัลยแพทย์มีน้ำเสียงงุนงงอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาเด็กๆ ทั้งสามมองหน้ากันอย่างสงสัย
"เอ๊ะ ก็..." รามจะพูด แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง ไม่รู้ว่ากฤษณะซึ่งอายุเท่านี้แล้วจะเข้าใจในสิ่งที่เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้เขาเป็นกันรึเปล่า
"คือว่า ชะเอมกับคินเขาเคยเป็นแฟนกัน แต่ตอนนี้เห็นว่าเลิกกันแล้วน่ะครับ" สินแจกแจงแทน
"ว่าอะไรนะ?...ชะเอมกับคินคบกันเป็นแฟน บ้าน่า พวกเธอล้อเล่นรึเปล่า" กฤษณะช็อคตาโตเมื่อได้ยิน รามว่าแล้ว ว่าคนอายุอย่างกฤษณะไม่มีทางเข้าใจความสัมพันธ์แบบนี้หรอก
"พวกเราไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมรู้ว่าอาหมออาจจะไม่เข้าใจ แต่สมัยนี้แล้ว ในมหาลัยของพวกผมก็มีกันเยอะแยะไปครับ เรื่องผู้ชายกับผู้ชายคบกันน่ะ" ดินเป็นคนพูด ก่อนมองหน้าสินไปด้วย ซึ่งสินก็ยิ้มให้แถมส่งสายตาซะดินหน้าร้อนหลบตาไม่กล้าสบกลับ
"อารู้ อาไม่ได้ติดใจเรื่องนั้น แต่อาแค่คิดเรื่อง..." กฤษณะถอนหายใจเป็นครั้งที่ล้านของวัน เฮ้อ มีเรื่องหนักใจอีกแล้วสิ นี่เขาไม่ต้องรอให้แก่จนหัวล้านหรอก แค่ตอนนี้ความเครียดอย่างเดียวก็มากพอที่จะทำให้เขาหัวล้านได้แล้ว
นายแพทย์เหลือบตามองชะเอม สีหน้าหนักใจ แล้วนี่เขาจะบอกพี่เกษมยังไงดีกับเรื่องนี้
"พวกเธอยังไม่รู้สินะ"
"เรื่องอะไรครับ?" ทั้งสามงง จู่ๆ กฤษณะก็เปลี่ยนเรื่องไปมา สมองพวกเขาตามไม่ทัน
"ก็ชะเอมกับคินเขาเป็นพี่น้องกัน"
"ห้ะ!?"
"ว่าอะไรนะครับ!"
"..."
ทั้งสามมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไป คนที่ชื่อสินดูจะนิ่งที่สุด แต่ก็ช็อคไม่ต่างกับกฤษณะที่รู้ว่าหลานทั้งสองคนคบกันเป็นแฟนในตอนแรก
"มันยังไงกันครับ ชะเอมกับคินเขาอายุเท่ากัน จะเป็นพี่น้องกันได้ยังไงครับอาหมอ" รามว่า นี่เขาเจอเรื่องน่าตกใจมากี่เรื่องแล้ววันนี้
“แถมดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นฝาแฝดกันด้วย” สินพึมพำ ดินถองศอกใส่คนที่พูดเล่นไม่รู้เวลา ซึ่งดูเหมือนกฤษณะก็จะได้ยินด้วยแต่ไม่ถือสา
"ก็ไม่เชิงพี่น้องหรอก พ่อแท้ๆ ของคินรับชะเอมมาเลี้ยงตอนยังเด็ก จดทะเบียนเป็นพ่อบุญธรรมอย่างถูกกฏหมาย เปลี่ยนนามสกุล จึงเรียกได้ว่าชะเอมกับคินเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ต่างกับพี่น้องกันหรอก" กฤษณะอธิบาย "ทีนี้เข้าใจหรือยัง ว่าอาตกใจเรื่องอะไร"
แล้วถ้าเกษมศักดิ์รู้ จะช็อคมากกว่าเขาขนาดไหนกัน
"เอมคงไม่ได้บอกอะไรพวกเธอเลยล่ะสิ" ทั้งสามพยักหน้า "เจ้าตัวเล็กไม่เคยบอกใครอยู่แล้วอาจจะเพราะนิสัยขี้เกรงใจเป็นที่หนึ่ง นามสกุลใหญ่โตแบบนี้ พูดไปก็มีแต่คนรู้จัก"
สินเห็นด้วย เขาพอจะอ่านข่าวเรื่องพวกนักธุรกิจอยู่บ้าง และชื่อพ่อของคินก็พาดข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ
แต่เขาไม่เคยรู้เรื่องของชะเอมเลย...
พี่น้องต่างสายเลือดที่มีความสัมพันธ์เป็นคนรักกัน
“แล้วเรื่องที่ไม่สบายนี่ล่ะครับ เอมไปทำอะไรมา” รามถามอีก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวข้อที่เรียกความสนใจคนในห้องได้เป็นอย่างดี “คุณหมอพอจะทราบมั้ยครับ”
เรื่องข่าวลือนั่น...เรื่องของเรย์กับคิน...อาการป่วย...และเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจที่ยังคงก้องบาดหู...มันจะต้องเกี่ยวข้องกันแน่
แพทย์วัยสี่สิบกว่ายิ้มอ่อน "เรื่องรายละเอียดที่มากกว่านี้อาขอให้ชะเอมเป็นคนตัดสินใจเองก็แล้วกันว่าจะเล่าให้พวกเธอฟังหรือไม่"
แค่นี้เขาก็กลัวว่าเจ้าตัวเล็กตื่นขึ้นมาแล้วโกรธเขาสามวันสามคืนจะแย่แล้ว
กฤษณะมองนาฬิกา และมองหน้าอิดโรยของเด็กๆ ทั้งสาม "ดึกมากแล้ว อาต้องรบกวนพวกเธอมาก ขอบใจมากนะที่เล่าเรื่องปัญหาของชะเอมให้ฟัง เอาล่ะ วันนี้กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะ"
"ให้ผมอยู่ต่อเถอะครับ" รามพูดขึ้น หลังจากรู้เรื่องของชะเอมแล้ว จะให้เขากลับบ้านไปอย่างนี้ได้ยังไง เขาสัญญากับตัวเองตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าไม่ว่ายังไงจะช่วยชะเอมจนถึงที่สุด
วันที่เห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของร่างบางและก็เป็นวันเดียวกับที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใส
ชะเอมไม่เหมาะกับหน้าเศร้าๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
และวันนี้เขาเห็นสีหน้าที่ราวกับจะแตกสลาย ใบหน้าที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร...ในใจของชะเอมคงยังมีเรื่องอะไรบางอย่างที่เพิ่งประสบพบเจอมา...ที่พวกเขายังไม่รู้
'ชะเอมเป็นโรคหัวใจ'
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปได้ยังไง
"แล้ววันนี้เธอเตรียมของมาค้างแล้วหรือไงล่ะ" คนอายุล่วงเลยกว่าสี่สิบแต่หน้ายังสามสิบมองเด็กๆ ที่มีสีหน้าเป็นห่วงเรื่องของเจ้าตัวเล็กแล้วอดยิ้มไม่ได้ ชะเอมท่าทางจะมีเพื่อนที่ดีมากเลยนะคราวนี้ "กลับไปพักแล้วมาที่นี่แต่เช้าก็ยังได้ หรือถ้ามีอะไรน่าเป็นห่วง อาจะรีบโทรบอกพวกเธอเป็นสายแรกเลย"
"วันนี้กลับกันก่อนเถอะ" สินพูด ทำให้รามที่กำลังจะค้านหันขวับ "วันนี้กลับไปนอนจะได้มีแรงมาดูแลเอมไง ถ้าเราเหนื่อยจนไม่ได้พักเขาต้องสังเกตเห็นแล้วต้องห้ามพวกเรามาอีกแน่"
กฤษณะยิ้มบาง ท่าทางจะเข้าใจนิสัยของเอมอยู่เหมือนกันนะ
รามฟังเหตุผลของสิน ก็จำใจยอมรับ ร่างโปร่งลุกขึ้นพร้อมไหว้ลากฤษณะ ดินที่ไม่ได้พูดอะไรก็ก้มหัวให้กฤษณะพร้อมสินเช่นกัน แล้วทั้งสามก็เดินออกมาจากห้อง
"กูเข้าใจมึงนะราม กูก็ห่วงเอมเหมือนมึง" สินตบไหล่ร่างโปร่งราวกับจะขอโทษที่พูดขัดใจ "แต่ตอนนี้เรากลับก่อน แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่นี่หกโมงเช้า โอเคมั้ย"
รามยิ้มเข้าใจ "โอเค"
สินกับดินยืนส่งร่างโปร่งที่ขึ้นแทกซี่ไป ก่อนจะยืนรอแทกซี่อีกคันซึ่งเวลานี้หาได้ยากมาก
"ทำไมเราไม่ขึ้นคันเดียวกับรามแล้วค่อยให้เขาไปส่งทีละคนวะ หาตอนนี้ยากตายห่า มึงดูเวลาด้วย" ดินที่เงียบมานาน เอ่ยขึ้นเพราะสงสัย มองหน้าสินที่ยืนยิ้มสายตาเจ้าเล่ห์อยู่
"กูอยากอยู่กับมึงสองคนไง"
"ไอ้ห่า พูดเรื่องน่าอายได้หน้าตาเฉย" ดินพูด พลางมองไปรอบๆ ถึงเวลานี้จะไม่มีใครได้ยิน แต่ก็อายอยู่ดีอะ "ตอนอยู่หอก็อยู่ด้วยกันแค่สองคนอยู่แล้วป่ะวะ"
"ก็ก่อนหน้านี้กับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน"
"ยังไง"
"เรื่องของความรู้สึก" สินยิ้มกรุ้มกริ่ม "ตอนนี้กูชอบมึง มึงชอบกู เราชอบกัน"
"คะ ใครบอกว่ากูชอบมึง ตอนไหนไม่ทราบ" ดินแหวตาโต หน้าร้อนผ่าว ไอ้ขี้ตู่!
"มึงบอกกู" สินจิ้มนิ้วลงบนอกด้านซ้ายของคนตัวเตี้ยกว่า "ตรงนี้ของมึง มันบอกกู"
ดินใจเต้นตึกตักๆ ดังสนั่น ทั้งสายตาที่มองมา น้ำเสียงของคนตรงหน้า มันทำให้เขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
"แล้วตรงนี้ก็บอกกู" นิ้วยาวย้ายจากอกขึ้นมาจิ้มที่แก้ม แต่สายตาไม่รักดีของสินย้ายไปมองที่ริมฝีปาก "แก้มมึงแดงแปร๊ดเลย"
"อะ ไอ้สิน" ดินสะดุ้งโหยงจับแก้ม ทั้งหูทั้งหน้าแดงก่ำเพราะจู่ๆ คนตรงหน้าหอมแก้มเขาดังฟอดไม่ทันรู้ตัว ริมฝีปากบางสั่นระริก นิ้วยกขึ้นมาชี้หน้าเจ้าเล่ห์ "ไอ้..." คนฉวยโอกาส!
"มัดจำเรื่องจูบ" สินไม่สำนึก ยักไหล่กวนอารมณ์ดินเป็นอย่างมาก "เฮ้อ อยากกลับหอแล้วสิ"
ร่างสูงผิวสีแทนแทบจะควันออกหูเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ เจ้าเล่ห์ สองขาวิ่งไล่หวังจะประทุษร้ายไอ้คนคิดเรื่องสิบแปดบวกตลอดเวลา
เขารู้ว่ามันหวังอะไร
'กลับหอก่อน ไม่ใช่ที่นี่'
พอคิดได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป...มันก็หน้าร้อนผ่าวอีกครั้ง
"กูไม่กลับแล้ว มึงกลับไปคนเดียวเลย!!!"
************************Whose fault? ************************
จริงๆ ตอนนี้ยาวมาก (มีต่ออีก)
แต่ขออนุญาตแบ่งครึ่งนะคะ รอติดตามตอนต่อไปจ้า
บางคนอาจติดใจเรื่องทำไมตัวประกอบเด่นจัง...คือพระกับนายมันทะเลาะกันอยู่อ่ะนะ
เลยให้ตัวประกอบมันออกโรงไปก่อนแค่นั้นแล
ถ้าใครอยากอ่านต่อเม้นเป็นกำลังใจให้ชะเอมด้วยนะคะ....ติดตามตอนต่อไป
ถ้าใครไม่อยากรอ อยากอ่านต่อไปอ่านในเว็บธัญวลัยได้นะคะ ที่นั่นลงนำไปหลายตอน
แปะลิ้งไว้ด้านล่างนะแจ๊ะ ไม่รู้เข้าได้กันเปล่า (ฮา)
http://www.tunwalai.com/story/239811/whose-fault-%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3?page=1