บทที่ 6 ภรรยาผู้อ่อนโยน
กว่าที่ผมจะฝ่าการจราจรที่คับคั่งกลับถึงบ้าน ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ล้ามาจากการทำงานทั้งวัน หลังจากรับงานจากท่านประธาน
ตลอดทั้งวันนั้น ผมก็วุ่นวายจนหัวปั่น ไหนจะต้องศึกษางานจากพี่นนนี่ ไหนจะต้องเรียนรู้ความเป็นไปของบริษัท แล้วยังต้องช่วยงานเล็กๆน้อยๆบรรดามี เพื่อแบ่งเบาภาระของเลขาสาวของเขาอีก
พี่นนนี่เอาแฟ้มประวัติบริษัทในเครือมาให้ผมศึกษา ผมจึงได้รู้ว่ากิจการภายใต้การดูแลของเขามีมากมายเพียงใด ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจส่งออกสินค้าจากเมืองไทย
อายุของเขายังน้อยเพียงแค่ 30 ปี แต่ต้องคุมกิจการแทนพ่อซึ่งปลดเกษียณไป การที่มีบริษัทในความรับผิดชอบมากมาย อาจจะทำให้เขาได้รับความกดดัน จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาดูเป็นเฮี๊ยบ และขี้โมโหได้ขนาดนี้ ผมคงต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ไม่อยากทำอะไรผิดพลาดเป็นไอ้ขี้แพ้ให้เขาหัวเราะเยาะเอาได้
“กลับมาบ้านแล้วหรือครับ ทำไมกลับมาช้าจังเลย รถติดเหรอ”
ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเช่าเข้าไปข้างใน ร่างของผมก็ถูกคนตัวสูงใหญ่รวบไว้ในวงแขนแนบแน่น ตามมาด้วยจูบ ที่ระดมใส่ใบหน้าและลำคอผมไม่ยั้ง พอตั้งสติได้ ผมก็เห็นท่านประธานเคลวินในชุดผ้ากันเปื้อนตัวเดียว เหมือนเมื่อเช้านี้ ยืนยิ้มให้ผมอยู่ ผมผงะ รีบขืนตัวออก แต่เขาก็ยังคงกอดไว้แน่น
“คิดถึงจังเลยครับ เป็นห่วงรู้ไหม ที่เห็นยังไม่กลับมาน่ะ”
คิดถึงใคร เป็นห่วงบ้าอะไรกัน ก็ใครล่ะ ที่ใช้ผมหัวปักหัวปำ บอกให้ทำงานจนถึงสองทุ่ม ส่วนตัวเอง กลับมาก่อนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ผมไม่ได้มีคนขับรถยาวเป็นวาให้นั่งเหมือนกับเขานี่ จะได้ไปไหนได้ทันใจ
คนจนอย่างผม เลิกงานแล้วก็ต้องโหนรถเมล์แล้วต่อรถสองแถวเข้าบ้านอีก สองแถวก็มีแค่ ห้าทุ่มเท่านั้น วันไหนที่ผมเลิกงานดึกกว่านี้ คงต้องพึ่งพามอเตอร์ไซด์กลับบ้านแน่
“ทำไมท่านประธานถึงมาบ้านผมอีกละครับ”
“ท่านประธานอะไรกัน เรียกเคลวินสิครับ”
เขาพูดยิ้มๆ ผมมองใบหน้าหล่อเหลานั่น อย่างงงๆ ไม่เชื่อหูเชื่อตาตัวเอง ว่าท่านประธานหน้ายักษ์เมื่อกลางวัน จะมายืนทำตาหวาน ยิ้มกริ่มให้กับผม แถมพูดกับผมเสียนุ่มนวลไพเราะหู ไม่มีคราบเจ้านายจอมเฮี๊ยบให้เห็นอีกเลย แววตาที่เขามองผมก็ดูอ่อนโยนเหลือเกิน
“ไม่ได้หรอก ก็ท่านเป็นประธานบริษัท ผมเป็นแค่ลูกจ้าง”
ผมแย้ง รู้สึกไม่แน่ใจว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรกับเจ้านายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้
“ตอนนี้ผมเป็นเพียงเคลวิน ภรรยาของเคนเท่านั้นครับ ไม่ได้เป็นอย่างอื่นเลย”
ตาย ..ตาย...พูดอะไรกันแบบนั้น ท่านประธานคงเพี้ยนจริงๆ ใครจะไปยอมรับเรื่องนี้ได้