(ต่อนะคะ)
ตอนนี้ผมไม่สนว่าตัวเองจะไร้มารยาทหรือไม่มีสำมาคารวะ ผมรีบก้าวยาวไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเพื่อนสนิทก่อนจะคว้าคอเซโครหันไปกระซิบถามสิ่งที่คาใจที่สุดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรน่ะ”
“ใจเย็นสิทรี” เซโครพยายามทำให้ผมใจเย็นลง
“เย็นจนแข็งแล้วเซโคร ทำไมผู้ขับเคลื่อนวงการธุรกิจถึงได้มาอยู่นี่แถมยังครบทั้งสามคนอีก!” นี่กะจะฆ่ากันโดยไม่ใช้อาวุธสินะ
“พวกเขามีเรื่องจะคุยกับทรีน่ะ...”
“กับผม? คนธรรมดาอย่างผมเนี่ยนะ เป็นตลกที่ไม่ขำเลยสักนิด” บุคคลระดับโลกมีเรื่องจะคุยกับคนเดินดินแสนธรรมดาอย่างผมงั้นเหรอ
“เลิกซุบซิบกันแล้วมาเข้าเรื่องได้แล้ว ฉันมีนัดไปเจรจาธุรกิจที่ลอนดอนในอีกไม่กี่ชั่วโมงไม่มีเวลามานั่งฟังบทสนทนาไร้สาระหรอกนะ” คนที่พูดด้วยโทนเสียงนี้มีเพียงคุณเลโอเท่านั้น ได้ยินกี่ทีก็ไม่ชินสักที
“ไม่ทราบว่ามีอะไรกับคนธรรมดาอย่างผมเหรอครับ” ในเมื่อไม่มีเวลาให้เซโครอธิบายก็มีทางเลือกแค่ถามออกไปตรงๆ ไม่แน่ว่าอาจเป็นความเข้าใจผิดก็ได้
“หึ...คนธรรมดาเหรอ ตลกดีนี่ด็อกเตอร์นทีธาร” ผมควรดีใจไหมที่คุณจอห์นหัวเราะออกมาเนี่ย
“...” ผมขำไม่ออกหรอกนะ
“มีคนธรรมดาที่ไหนดำลงไปต้ำมหาสมุทรในระดับกว่า1,000เมตรโดยมีแค่ออกซิเจนพกพากันบ้างล่ะ” คุณจอห์นนพูดต่อ
“ฉันว่าที่ตกใจไม่ใช่แค่นั้นแต่เป็นการเคลื่อนไหวใต้น้ำอันเต็มไปด้วยทักษะที่หาตัวจับได้ยาก ไม่มีมนุษย์ปกติที่ไหนสู้กับไดโนเสาร์น้ำแล้วชนะง่ายๆ แบบนั้นหรอกนะ” คุณนาตาลีพูดต่อ
“เอ่อ...” นี่ผมกำลังถูกชมเหรอ
“ก็ไม่เสียงแรงที่คาดหวังไว้” ครั้งนี้คุณเลโอพูดโดยที่ใช้ดวงตาสีสทองนั่นสบมาตรงๆ
“ขอบคุณสำหรับคำชมแต่ผมไม่เข้าใจว่าเรียกผมมาทำไม” ความอึดอัดที่มีเริ่มลดลงเนื่องจากร่างกายเริ่มชินกับการมีอยู่ของบุคคลระดับโลก
“ที่พวกเราเรียกนายมาก็เพราะเรื่องการโอนสิทธิ์ไดโนเสาร์น้ำกลายพันธุ์ตัวแรก”
“ลูก้าเหรอ เห็นคุณเลโอบอกว่ายังไม่ผ่านการอนุมัติและก็ไม่เห็นด้วยนี่” ผมนึกว่ามันจะจบลงแค่นั้นซะอีก การที่เรียกผมมาแล้วรื้อฟื้นต้องมีอะไรบางอย่าง
“เธอพูดถูก...พวกเราทั้งสามต่างไม่เห็นด้วยกับการโอนสิทธิ์การดูแลให้อยู่ที่ใครคนหนึ่งเพราะเราไม่รู้ว่าจะเชื่อใจคนที่ว่าได้มากแค่ไหน ไม่แน่ว่าการโอนสิทธิ์ให้อาจทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น” คุณนาตาลีอธิบาย
“ผมไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้น สิ่งที่ผมต้องการแค่อยากให้ลูก้ามาอยู่ในความดูแลของผมเท่านั้น” เรื่องร้ายแรงที่พูดถึงคงไม่พ้นการก่อความเสียหายและทำลายชื่อเสียงขององค์กร
“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษก็พูดแบบนั้นให้พวกเราฟัง แต่แค่พูดใครๆ ก็ทำได้พวกเราเลยใช้การจับพวกลักลอบทดลองผิดกฏหมายเป็นพิสูจน์ว่านายมีความสามารถและสามารถเชื่อใจในการฝากไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไว้ได้หรือไม่” คุณจอห์นอธิบายต่อ
“ก็อย่างที่สองคนนี้พูด พวกเราดูทักษะ ความสามารถ การวิเคราะห์สถานการณ์และการพลิกแพงของนายผ่านกล้องที่อยู่ทั้งในและนอกอาคาร บอกตรงๆ ว่าฉันตกใจในสิ่งที่เห็นมาก” แม้น้ำเสียงจะไม่สบอารมณ์แต่ก็รู้ว่าคุณเลโอกำลังชมผมอยู่
“แล้วผลเป็นยังไงครับ” ผมไม่แปลกใจที่พวกเขาจะดูความสามารถของตัวเอง ยังไงพวกเขาก็มีอำนาจทำได้มากกว่านั้นมากนักแค่โดนดูตอนต่อสู้ก็ถือว่าน้อยแล้ว
“เธอผ่าน เราจะมอบสิทธิ์การดูแลไดโนเสารืกลายพันธุ์รุ่นที่6ให้ เพียงแต่...”
“แต่?” ทำไมผมถึงรู้สึกเสียวสันหลังกันนะ ข้อแลกเปลี่ยนให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ในตัวลูก้าคงไม่ใช่เงินแต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น
“เพียงแต่เธอต้องตอบตกลงในการเป็นครูฝึกพิเศษของหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษคือเป็นครูฝึกสอนทักษะในการดำน้ำและการเคลื่อนไหวใต้น้ำสำหรับหน่วยจู่โจมพิเศษใต้น้ำที่กำลังจะจัดตั้งขึ้น อีกอย่างคือเป็นรองหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ”
“ฮะ? เดี๋ยวนะครับ ให้เป็นครูฝึกพิเศษยังไม่เท่าไหร่แต่จะให้ผมเป็นรองหัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หมายถึงของประเทศไทย?” ในหัวผมตอนนี้เริ่มงงไปหมดแล้ว
“ไม่ใช่ประเทศไทย เป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษขององค์กร” คุณเลโอแก้ความเข้าใจผิดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ไม่ๆ ๆ ผมไม่ได้ได้มีความสามารถขนาดนั้น...ใช่ไหมเซโคร” ผมหันไปขอความเห็นคนที่น่าจะเข้าใจผมมากที่สุด การเป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษไม่ใช่แค่อยากก็จะเป็นได้ ไม่สิ ผมเองก็ไม่ได้อยากสักหน่อย!
คนที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งไม่ใช่แค่เปี่ยมไปด้วยทักษะการต่อสู้แต่ยังต้องมีความสามารถรอบด้านและการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเฉียบคม คุณสมบัติขนาดนั้นผมไม่มีช่วยบอกพวกประธานให้เข้าใจแทนผมทีเถอะเซโคร
“ใช่ ทรีไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น...”
“อืมๆ ” ผมเริ่มมีรอยยิ้มบางๆ เมื่อเห็นเค้ารางดีๆ
“แต่มีความสามารถมากกว่านั้นเยอะ”
“ฮะ?” ประโยคต่อมาของเซโครทำเอาผมเกือบเอาหัวกระแทรกโต๊ะญี่ปุ่นตรงหน้า
“ไม่มีใครที่มีความสามารถเหมาะสมไปมากกว่ากว่าด็อกเตอร์นทีธานอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการต่อสู้ที่ไม่ว่าจะบนบกหรือใต้น้ำก็ยอดเยี่ยมหาใครเทียมไม่ได้ อีกทั้งยังมีการวางแผนและวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างเฉียมคมเมื่อมีเหตุทำให้ไม่สามารถทำตามแผนได้ก็จะหาทางแก้ไขอย่างทันถ่วงที”
“...” คำชมจากเซโครไม่ได้ทำให้ผมดีใจสักนิด แถมบางเรื่องก็แต่งเติมเอาเองเฉยเลย ผมได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่รู้จะพูดแทรกอีกฝ่ายได้ยังไง
“หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษชมออกนอกหน้าขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ถ้าเธอยอมเป็นรองหัวหน้าจะช่วยแบ่งเบาภาระของหัวหน้าได้มากโข ตอนนี้เซโครก็งานล้นมือมีคนมาช่วยก็ถือเป็นเรื่องดี จะเอายังไงล่ะด็อกเตอร์นทีธาร ธาราสุข” รอยยิ้มของนางฟ้าแห่งอัญมญีเหมือนปิศาจร้ายเข้าไปทุกทีแล้วสิ
“ผมว่า...”
“อย่าลืมล่ะว่าข้อแลกเปลี่ยนของสิทธิ์ในการดูแลไดโนเสาร์กลายพันธุ์รุ่นที่6” คุณจอห์นพูดแทรก
นี่ผมถูกข่มขู่อยู่จริงๆ สินะ ถ้าผมปฏิเสธคงไม่ได้เอาผมไปปั่นแล้วกระจายเป็นอาหารของไดโนเสาร์ที่นี่หรอกใช่ไหม!
แต่ข้อแลกเปลี่ยนมันก็คุ้มค่า อีกอย่างผมก็รู้ว่าเซโครทำงานหนักมาตลอดเพราะต้องจัดการกับภารกิจหนักคนเดียวถ้าผมสามารถแบ่งเบาได้ก็อยากจะช่วย เดี๋ยวสิ ถ้าผมเป็นรองหัวหน้าหนวยปฏิบัติการพิเศษก็หมายความว่าจะมีอำนาจในการทำ...
“ถ้าผมตกลง ผมทำเรื่องที่อยากจะทำเลยได้ไหมครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับประธานทั้งสามคน
“โฮ่ เรื่องอะไรที่อยากทำล่ะ” คุณเลโอมองมาอย่างสนใจ
“กฎหมายเกี่ยวกับไดโนเสาร์”
“...” บรรยากาศทั้งห้องเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อผมเอ่ยจบประโยค
“หึ...” คุณเลโอทำเพียงยิ้มออกมาบางๆ หลังผ่านไปสักพัก
“ผมบอกแล้วว่าเขาเหมาะจะเป็นรองหัวหน้ามากกว่าใคร” เซโครพูดต่อด้วยรอยยิ้มกว้างขึ้น
“คนที่มีอำนาจส่วนมากมักจะใช้อำนาจนั้นเพื่อตัวเองเป็นอย่างแรกแต่เธอกลับเลือกที่จะใช้มันเพื่อไดโนเสาร์ที่ไม่ได้สื่อสารด้วยภาษาเดียวกัน น่าชื่นชมมาก” คุณนาตาลีเอ่ยชมพร้อมพยักหน้าเบาๆ
“ทำตามที่ต้องการได้เลย” คุณจอห์นยิ้มก่อนจะยอมรับสิ่งที่ผมพูด
“ขอบคุณครับ เพียงแต่ผมจะยังอยู่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาของประเทศไทยนะครับไม่ใช่ที่นี่” ผมรีบบอกต่อ
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา ถือว่าดีซะอีกเพราะถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในระแวกนั้นเธอจะได้จัดการได้เลยไม่ต้องรอให้เซโครไปถึง” คุณนาตาลีบอก
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้ครับ”
เมื่อการสนทนาสิ้นสุดผมก็แทบสลบคาโซฟา ประธานทั้งสามคนต่างลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปจนเหลือเพียงผมและเซโครที่ทำหน้าเหมือนอยากลุกหนีแต่ผมคว้ามือนั้นไว้อย่างรู้ทัน พออยู่กันสองคนผมก็บ่นอีกฝ่ายไปยกใหญ่ที่ไม่ยอมบอกผมเรื่องที่ต้องมาเจอไปจนถึงเรื่องที่ให้ผมเป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษโดยไม่มีการมาปรึกษา เซโครก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ระหว่างฟังผมบ่นจนหายเคืองนั่นแหละ
ผมแยกจากเซโครบริเวณหน้าตึกก่อนจะเดินไปหาลูก้าตามทางที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ด้านหลังของตึกเป็นทะเลน้ำลึกที่ไม่มีหาดทราย น้ำทะเลใสๆ แค่ก้มลงมองก็รู้ว่าลึกพอสมควร ในทะเลมีเสาขนาดใหญ่ปักไว้ตามทางราวกับเป็นอาณาเขตที่ไม่ให้ลุกล้ำเข้าไปมากกว่านั้น อาณาเขตนั่นคงเป็นที่อยู่ของซิมโบสปอนไดลัส
กรรรรร~
เสียงคำรามต่ำสองเสียงดังขึ้นสอดประสานก่อนที่ผิวน้ำจะแตกกระจายโดยมีร่างของไดโนเสาร์ขนาดยักษ์สองตัวกระโดดลอยตัวขึ้นเหนือน้ำด้วยท่วงท่าอันงดงามจนผมเผลอยิ้มออกมา
ลูก้าตอนอยู่ในทะเลน่ามองที่สุดแล้วจริงๆ
“ลูก้า!” ผมตะโกนเรียก
งี๊ดดดดดด~
ลูก้าตอบรับเสียงเรียกด้วยการคราง ร่างของไดโนเสาร์สีฟ้าลายแดงว่ายตรงมายังผมด้วยความเร็วสูง ทันทีที่กระโดดเหนือน้ำร่างไดโนเสาร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์ตามเดิม
หมับ!
แขนของลูก้ารวบผมเข้าไปกอดแน่นพร้อมซุกไซ้ทั้งๆที่ร่างกายยังเปียกปอน ปลายจมูกจรดตามลำคอราวกับกำลังมัวเมากับการสูดดดมกลิ่น ฝ่ามือเย็นเฉียบเนื่องจากอยู่ในน้ำกลับค่อยๆ ร้อนขึ้นเมื่อล้วงเข้ามาลูบแผ่นหลังผม
“อ๊ะ...ลูก้า เดี๋ยวก่อน” ผมรีบเอ่ยห้ามแล้วจับมืออีกข้างไม่ให้เลื่อนลงต่ำไปมากกว่านี้
“สาม...ผมทนไม่...”
“นี่ยังไม่ได้กลับเลยนะ” ยังต้องนั่งเรือกลับไปอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง
“สาม...” น้ำเสียงทรมานนั่นทำเอาผมใจอ่อนฮวบ
“รู้แล้ว ต้องหาที่ผมไม่ยอมให้ทำตรงนี้แน่ๆ ”
“ในน้ำล่ะ”
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว” ผมขึ้นเสียงด้วยใบหน้าที่ร้อนขึ้นยามนึกภาพการกระทำน่าอายนั่น
“...ห้องผมก็ได้”
“ห้องลูก้า? ที่นี่?”
“อืม...คุณเซโครบอกว่าเป็นห้องของผมจะมาพักเมื่อไหร่ก็ได้”
“งั้นก็ได้...”
พรึ่บ!
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ ใส่เสื้อผ้าก่อน!” ผมตะโกนเสียงดังเมื่อลูก้าอุ้มผมพาดบ่าแล้วกำลังจะวิ่งออกไปนอกตึกในสภาพเปลือยเปล่า
“...เสื้อผ้า...”
“ในกระเป๋าผมมี วางผมลงก่อน” ผมจัดการส่งเสื้อผ้าที่เตรียมไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินส่งให้ลูก้าใส่ ทันทีที่ใส่เสร็จร่างผมก็ถูกอุ้มพาดบ่าอีกรอบ
ครั้งนี้ผมได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างปลงๆ ถึงจะห้ามก็คงไม่หยุดแล้ว
ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกร่างของผมก็ถูกวางลงบนเตียงในสภาพที่มีลูก้าคร่อมอยู่ ไม่เพียงแค่คร่อมแต่ริมฝีปากร้อนๆ นั่นยังพรมจูบไปตามลำคอพร้อมขบเม้มเบาๆ ราวกับกำลังกระตุ้นอารมณ์บางอย่างให้ปะทุขึ้นอย่างเชื่องช้า
“อื้อ! ผมอยากอาบน้ำ” ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่อยู่ในอามรณ์ที่จะมารอแต่ผมรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่สะอาดนี่นา
“ผมทนไม่ไหวแล้วนี่...ไม่ต้องอาบก็ได้” ลูก้าตอบพลางปลดเสื้อผมออกโยนไปด้านล่างเตียง
“ตะ...แต่ผม เหม็น อื้ออ~” เสียงครางดังขึ้นเมื่อจู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายจรดจมูกตามลำคอไล่ลงไปจนถึงแผ่นอก
“ไม่เหม็นสักนิด”
“อย่าพูดด้วยน้ำเสียง อ๊ะ...แบบนั้นนะ” น้ำเสียงกำลังมีอารมณ์และเต็มไปด้วยความต้องการนั่นทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อีกแล้ว
“สาม...ให้ผมทำนะ นะ”
“ไม่ต้องมาอ้อน อยากทำก็ทำไป” ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ร่างกายของลูก้าร้อนและกำลังร้อนขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคที่ผมพูดจบ ยอดอกถูกขบเม้ม กางเกงถูกปลอดออกพร้อมกับมือของลูก้าที่สัมผัสส่วนกลางลำตัวผมผ่านชั้นในอย่างลามก
“อ๊ะ! อื้อออ~” ในหัวขาวโพลนไปหมด ไม่รับรู้อะไรนอกจากสัมผัสที่เริ่มรุกหนักขึ้น ลูก้าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะคว้าตัวผมไปจูบอย่างดูดดื่มกว่าครั้งไหน
ปลายลิ้นสัมผัสอย่างช่ำชองเรียกเสียงครางให้ดังก้องขึ้น มือทั้งสองข้างของลูก้าเหวี่ยงกางเกงและชั้นในผมทิ้งก่อนที่ฝ่ามือร้อนๆ จะกอบกุมส่วนล่างผมที่เปลือยเปล่าแล้วเคลื่อนไหวโดยไม่มีแม้แต่คำขออนุญาต ทั้งร่างร้อนจนแทบมอดไหม้
“อื้ออ~” ผมได้แต่พยายามขยับถอยหลังทั้งๆ ที่ถูกลุกจูบทว่าลูก้าไม่ยอมให้ผมหนีเลยขยับตามมาจนหัวผมโขกกับหัวเตียงเล็กน้อย ความปรารถนาปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างที่ถูกปรนเปรอด้วยมือร้อนๆ และเพียงไม่นานทั้งร่างก็กระตุกและปลดปล่อยออกมาในที่สุด
“แฮ่ก...” ผมนอนหอมอยู่บนเตียงด้วยตาพร่ามัว
ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกกับผู้ชายไม่มากขนาดนี้ ไม่สิ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นผมคงไม่มีอารมณ์แต่เพราะนี่คือลูก้า
“สาม...ต่อนะ” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูก่อนที่สะโพกจะถูกรั้งขึ้น ช่องทางด้านหลังถูกขยายในสภาพที่น่าอายจนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้
“อึก...อื้อ!” ความเสียดและเจ็บประดังเข้ามาจนอยากบอกให้หยุดแต่ผมก็รู้ว่าลูก้าทนมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว
“อย่าปิดหน้าสิสาม...เจ็บไหม” มือที่ปิดหน้าถูกเอาออกอย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว
“อึก...ไม่...” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแม้จะไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆ ก็ตาม
“สามโกหก”
“ลูก้า...” ดวงตาสีเงินด้านหน้าจ้องมาราวกับล่วงรู้ทุกอย่างที่ผมคิด
“ขอโทษ...แต่ผมหยุดไม่ได้จริงๆ อยากกอดสาม”
“รู้แล้วน่า...ไม่ได้บอกให้หยุดสักหน่อย” ใช่ ผมไม่ได้บอกให้หยุดเลยสักนิด ลูก้าให้สัญญาไว้แล้วว่าถ้าผมบอกให้หยุดเขาก็จะหยุด ต่อให้ถูกอารมณ์และความต้องการยังไงเขาก็จะทำตามที่สัญญากับผมแน่ เพราะงั้นผมเลยเลือกที่จะไม่พูดว่าหยุดออกไป
“สาม...รักนะ รักสาม”
“อ๊ะ! อื้ออ...” เสียงบอกรักแทบไม่ได้เข้าหัวเพราะช่องทางด้านหลังเริ่มถูกรุกรานด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากนัก ใช้เวลาสักพักนิ้วมือก็ถูกเอาออกและแทนทีด้วยสิ่งที่ร้อนกว่า ความร้อนของมันทำเอาผมสะดุ้งเตรียมจะถอยหนีทว่ากลับถูกรั้งสะโพกไว้ก่อนจะค่อยๆ ดันเข้ามา
“อึก...” ความเจ็บ แน่นมีมากจนผมถึงกับนิ่วหน้า
ก็รู้ว่าไม่เล็กแต่นี่มันจะใหญ่เกินไปแล้ว
ทุกอย่างหยุดนิ่งหลังจากลูก้าพยายามดันกายเข้ามาจนหมด ผมเองก็ได้แต่เกร็งไปทั้งร่างด้วยความรู้สึกอึดอัด ดวงตาสีเงินสั่นระริกราวกับกำลังเอ่ยขอโทษผ่านการสบตา
“...จะนิ่งอีกนานไหม” ยิ่งอยู่นิ่งๆ ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด แถมความรู้สึกจุกๆ นี่ผมไม่ชอบเอาซะเลย ผมรู้ว่าลูก้าอยากให้ผมชินเพียงแต่มันไม่สามารถชินได้ง่ายๆ ลูก้าอยากขยับแค่มองดูใบหน้าทรมานนั่นก็รู้แล้ว
“แต่สาม...”
“ไม่เป็นไร...ทำสิลูก้า” ผมร้องขอเป็นครั้งแรกพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ
“สาม...”
“อึก!” ผมสะดุ้งเมื่อขนาดของลูก้ากำลังขยาย
“ขอบคุณ” สิ้นคำพูดลูก้าก็เริ่มขยับตัวเนิบๆ ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ ความร้อนของการเสียดสีไม่ได้เจ็บเหมือนก่อนหน้านี้ตรงกันข้ามมันกลับรู้สึกแปลกจนเผลอหลุดเสียงครางออกมาอยู่ตลอด ส่วนสะโพกถูกขยับในขณะที่แผ่นอกถูกลูก้าโลมเลียราวกับจะกลืนกินผมเข้าไปจริงๆ
แรงขยับทวีความรุนแรงมากขึ้น ฝ่ามือร้อนๆ ของลูก้าลูบไล้ไปตามร่างกายและหยุดลงยังส่วนล่างของผมที่ตื่นตัวอีกครั้ง สภาพอันน่าอายทำเอาอยากจะหนีไปซะเดี๋ยวนี้แต่ก็ไม่อาจทำได้ ผมปล่อยร่างกายตัวเองให้อีกฝ่ายทำอย่างที่ต้องการโดยไม่ขัดขืน เพียงไม่นานลูก้าก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับผมที่ส่งเสียงครางยาว
“อ่า...แฮ่ก...” จบแล้ว
จบแล้วใช่ไหม
ผมหอบหายใจแรงเตรียมจะหลับตาตาลงเพื่อพักร่างกายทว่าลูก้ากลับจับตัวผมพลิกคว่ำแล้วขยับตัวมาทาบผ่านหลังผมไหว ส่วนกลางลำตัวที่พึ่งปล่อยตัวกลับไม่ไม้ลดขนาดลงเลยสักนิด
สภาพนี้มัน...
“เดี๋ยวลูก้า ผมไม่ไหว...อ๊า!” ลูก้าไม่รอให้ผมพูดจบจัดการดันส่วนร้อนเข้ามาอีกครั้ง ขาและมือทั้งสองข้างที่ใช้พยุงตัวเริ่มสั่นระริก เรี่ยวแรงถูกสูบไปจนหมดจากการขยับราวกับสัตว์ป่าของคนด้านหลัง
“สาม...สาม...สุดยอด”
“อื้ออ~ อ๊ะ...” อยากจะหันไปบ่นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ความรุ่มร้อนและความรู้สึกดีเข้ามาปะทะร่างจนแทบไม่รับรู้อะไรนอกจากสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ วงแขนที่โอมรัดเหมือนกำลังถูกปกป้องและครอบครองในเวลาเดียวกัน
“อ๊าาา~” นอกจากสะโพกที่ขยับไม่หยุดลูก้ายังใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสส่วนกลางลำตัวกระตุ้นจนมีอารมณ์ขึ้นมาอีกรอบ เมื่อถูกสัมผัสสมองก็ขาวโพลนพร้อมกับความปรารถนาของพวกเราที่ปะทุออกมาอีกครั้งในเวลาไม่นาน
ไม่ไหว ร่างกายไม่...
“อ๊ะ! ลูก้าไม่...ผมไม่ไหวแล้วนะ...” ผมรีบเอ่ยห้ามทันทีที่ถูกลูก้าดึงให้มานั่งอยู่บนตัก
“อีกครั้งนะ ผมขออีกรอบ...”
“แต่ผมไม่...อื้อ!” ระหว่างที่พูดก็ถูกส่วนร้อนเข้ามาในร่างอีกรอบ
“สาม...สาม...”
“อื้ออ~ ไดโนเสาร์ลกมกเอ้ย อ๊า!”
ผมไม่รู้ว่าถูกทำไปกี่รอบแต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่แค่สามอย่างที่ลูก้าพูด ร่างกายมันล้าแถมหูยังอื้อจนฟังอะไรแทบไม่ได้ยิน...สิ่งเดียวที่ได้ยินคือคำว่าขออีกรอบที่ผมอยากจะศอกกลับแล้วใช่ท่ายอเขาพระสุเมรุซะเลย
เสียงนกตัวเล็กร้องพร้อมกันหลายๆ ตัวคล้ายกับกำลังประสานบทเพลง เสียงนั่นนเรียกให้ดวงตาสีน้ำตาลของผมลืมขึ้นอย่างพร่ามัว สัมผัสแรกคือร่างกายส่วนล่างชาจนแทบไม่มีความรู้สึกใดๆ เพียงแค่นั้นความหงุดหงิดก็เริ่มปะทุ
ผมหันซ้ายขวาเพื่อมองหาตัวการที่ทำให้ผมขยับแทบไม่ไหวก่อนจะเจอลูก้านอนขดตัวอยู่ข้างๆ โดยมีมือข้างหนึ่งพาดอยู่บนเอวผม ปกติลูก้าจะมีประสาทอันเยี่ยมยอดขนาดผมลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกยังตื่นเลยแต่นี่กลับหลับสนิททั้งที่ผมใช้มือตบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ
“สบายตัวแล้วหลับสนิทเลยนะ” ผมบ่น
การยอมลูก้าก็ไม่ได้แย่มาก...แต่แย่มากๆ ของมากๆ ๆเ ลยต่างหาก!
ก็รู้อยู่ว่าเป็นครั้งแรกของผมแต่กลับใส่ไม่ยั้งแถมยังไม่พอใจแค่สองสามรอบอีก ไม่เห็นใจร่างกายผมบ้างเลย ถ้าเกิดมีภารกิจเข้ามาผมจะถีบลูก้าให้ไปทำคนเดียวคอยดูเถอะ
“อื้อ...สาม? ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงหัวเงียพร้อมกับดวงตาสีเงินที่ปรือขึ้นนั่นทำเอาความหงุดหงิดสลายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเด็กที่พึ่งตื่นเลยแต่ก็เด็กจริงๆ นี่นะ
ท่าทางของลูก้าทำให้ผมยิ้มออก
“อืม...เป็นไงบ้าง” ผมถามกลับพลางลูบเส้นผมสีฟ้าแซมแดงที่ขยับมาเกยตัก
“รู้สึกดีมากๆ เลย ทำอีกได้ไหม...โอ้ยๆ” ไม่ต้องรอให้พูดจบผมก็จัดการดึงแก้มอีกฝ่ายแรงๆ แทนการทำโทษ
“จะมาทำอะไรอีก แค่นี้ก็ชาไปทั้งตัวแล้ว หัดห้ามใจบ้างร่างกายผมไม่ไหวหรอกนะ” คิดถึงร่างกายและอายุผมหน่อยเถอะ ไม่ใช่อายุน้อยๆ เหมือนเด็กวัยรุ่นแล้วนะ
“ผมห้ามใจมานานแล้ว...ในเมื่อสามบอกจะยอมผมเลยไม่อยากพลาด”
“พูดเหมือนจะไม่ได้ทำแล้วงั้นแหละ”
“...ผมทำได้อีกเหรอ” ดวงตาสีเงินนั่นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ใช่ตอนนี้ งดไปเลยหนึ่งเดือน” ผมพูดเสียงแข็ง
“หนึ่งเดือน? มากไปหน่อยรึเปล่า อย่าลืมสิว่ากำลังอยู่ในช่วง...”
“ทำไปขนาดนี้ยังจะทำอีกเหรอ” มันไม่ใช่จำนวนครั้งน้อยๆ เลยนะ
“ทำสิ...กับสามไม่พอหรอก ไม่ว่ากี่ครั้งก็ไม่เคยพอ” คำพูดของลูก้าเรียกความร้อนให้มารวมตัวกันบนใบหน้าผม
ราวกับถูกบอกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการมากขนาดไหน ทำเอาใจเต้นแรงเลย พึ่งเคยมีครั้งแรกที่มีคนต้องการตัวผมมากขนาดนี้
“ลูก้า...”
“รักสาม รักมากๆ เลย” ลูก้าพูดพร้อมกับคว้าตัวผมไปนอนกอด
“อืม...รักลูก้าเหมือนกัน” ผมกระซิบบอกด้วยรอยยิ้ม
วันเวลาที่ใช้ร่วมกันมันอาจไม่มากเท่าคนอื่นๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้รู้ความรู้สึกของตัวเองรวมทั้งเจ้าของความรู้สึกเหล่านั้นด้วย สำหรับลูก้าเขามีผมเหมือนเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่พึ่งเกิดไม่นานก็ถูกส่งมาอยู่กับผม ซึ่งลูก้าเองก็เป็นทุกอย่างสำหรับผมเช่นกัน
ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน
ช่วงเวลาที่ทะเลาะ
ช่วงเวลาที่อำลา
ช่วงเวลาที่ได้พบกันใหม่
และช่วงเวลาที่ได้ตกหลุมรัก
ทุกช่วงเวลามันคือสิ่งมีค่าที่ไม่อาจหาได้ที่ไหนอีกแล้ว
ต่อให้ลูก้าไม่ใช่มนุษย์แต่ใครจะสนล่ะ
ขอแค่เป็นลูก้าก็เพียงพอแล้ว
ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเมื่อไหร่พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน...
จะกระโดดและแหวกว่ายใต้ผืนน้ำสีครามด้วยกัน...ตลอดไป
........................................จบบริบูรณ์........................................
มาส่งตอนจบค่ะ
มาช้าเล็กน้อยขออภัยด้วย
เรามีความสุขและสนุกมากๆ ที่ได้แต่งเรื่องนี้ขึ้น
สัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วอย่างไดโนเสาร์เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันมีชีวิตขึ้นมาอีก แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วอาจมีสักวันที่จะได้มีสิ่งมีชีวิตในอดีตอย่างไดโนเสาร์กลับขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้
ขอบคุณทุกๆ คนที่คอยติดตาม ให้กำลังใจและคอยคอมเม้นท์มาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
และหวังว่าเรื่องที่เราแต่งจะทำให้ทุกคนที่ได้อ่านมีความสุขกับโลกของไดโนเสาร์นะคะ
ถึงเรื่องนี้จะจบลงแล้วก็ขอฝากติดตามผลงานต่อๆ ไปของเราด้วยนะ
เพจ>>
nicedog<<
ไว้เจอกันใหม่ในโอกาสต่อไป
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪