‘Busy’
เป็นเวลาเลยครึ่งคืนไปแล้วที่กันตธีร์นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องไปที่จอโทรทัศน์อย่างเหม่อลอยโดยที่เนื้อหาของหนังสงครามบู๊ล้างผลาญฆ่าเลือดสาดไม่ได้ไหลเข้าหัวแม้สักนิด
เขาพยายามไม่หันไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาผนัง แต่ก็ไม่สามารถหยุดความว้าวุ้นใจนี้ได้เลย
“ไปนอนเหอะ” เสียงนั้นดังมาจากเพื่อนร่วมห้องที่เดินเข้ามาชะโงกคอเหนือโซฟา
“...อีกสักพัก”
“ถ้าจะนั่งเหม่อก็ไปนอนไป” วีรินทร์ก้มลงมา หยดน้ำจากผมที่เพิ่งสระทิ้งตัวลงเปื้อนหน้า “นี่จะตีหนึ่งแล้ว”
“โชบอกว่าคืนนี้จะมา” เขาตอบเสียงเบาในลำคอ
“นี่มันตีหนึ่งแล้วธีร์” เสียงแหบย้ำคำเดิม
“พรุ่งนี้เป็นวันหยุด”
คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะหันไปคว้ารีโมทมากดปิดหน้าจอภาพยนตร์ที่ไม่มีใครดูแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ธีร์...มองหน้าฉันนี่” กันตธีร์หันไปมองหน้าจริงจังของรูมเมท “ในฐานะคนที่เคยต้อง ‘รอ’ มาหลายปี การนั่งอยู่แบบนี้มันไม่เวิร์ค”
“...แล้วจะให้ทำยังไง” เขาถามกลับเสียงขื่น
กันตธีร์ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนงี่เง่า...แต่ความอดทนและแรงใจของเขามีจำกัด
เคยมีคนบอกว่านักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายเรียนหนักกว่าที่ผ่านทั้งหมดรวมกัน กล่าวคือไม่มีวันหยุดเลยตลอดปีการศึกษา รวมถึงภาระหน้าที่และความเครียดที่ทับถม...จึงไม่แปลกเลยหากมันจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้มีคนเลิกกันมากที่สุด
“ฉันอาจจะงี่เง่าเองก็ได้...ไม่รู้ดิ” ว่าพลางถอนหายใจ
“หายไปอยู่ต่างจังหวัดครึ่งปี พอกลับมาก็แทบไม่เจอหน้า...มันสมเหตุสมผลที่จะรู้สึกแย่” คำพูดของวีรินทร์แก้ตัวให้เขาก็จริง แต่มันก็ยิ่งตอกย้ำเช่นกันว่าเวลาที่โชติภัทรมีให้เขามันน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย “แต่นั่งรอไปแบบนี้ก็จะยิ่งรู้สึกแย่...จะมากี่โมงก็ไม่รู้ ติดต่อไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ”
ปกติแล้วกันตธีร์ไม่อยากโทรไปรบกวนเวลางาน เลยเลือกจะส่งข้อความไปมากกว่า ซึ่งหากมีเวลาโชติภัทรก็มักจะตอบมาเอง...แต่ครั้งนี้กลับไม่มีอะไรเลยที่จะบอกว่าเขาต้องรอถึงเมื่อไร
วีรินทร์ที่เห็นเพื่อนนั่งนิ่งไปจึงกำชับอีกครั้งให้อีกฝ่ายไปนอนแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง เพราะรู้จักกันดีจนรู้ว่าควรล้ำเส้นกันถึงแค่ตรงไหน...นั่นทำให้กันตธีร์ต้องนึกขอบคุณและขอโทษอยู่ในใจเงียบๆ
การนั่งเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายดำเนินไปในความเงียบงัน เข็มนาฬิกาที่เขาไม่หันไปมองค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ ทีละนิด จนกระทั่งเสียงไขกุญแจที่บานประตูดังขึ้นดึงเอาความสนใจทั้งหมดไปในทันที
กันตธีร์นั่งนิ่งอยู่กับที่รอให้โชติภัทรเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามา ว่าที่แพทย์หนุ่มอยู่ในชุดเสื้อกาวน์สั้นสีขาว ใบหน้ามีตอหนวดไม่เรียบร้อยและดูซีดโทรมสิ้นดี ดวงตาปรือหลังกรอบแว่นฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนแรง
“ขอโทษนะ...รออยู่ใช่ไหม”
“อืม...เห็นไม่ตอบข้อความเลยไม่รู้ว่าโชจะมาเมื่อไหร่”
“ขอโทษ...เข้าช่วยผ่าตัดตั้งแต่บ่าย นี่เพิ่งเสร็จไม่นานเอง มือถือก็แบตหมดไปตอนไหนไม่รู้” เสียงนุ่มพูดอย่างรู้สึกผิด “วันหลังธีร์นอนไปก่อนเลยนะ ขอโทษจริงๆ”
“...ยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม โชไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน เดี๋ยวหาอะไรให้กิน” เขาว่าไปอีกเรื่องแล้วก็เดินเข้าครัวไป
กันตธีร์เห็นว่าอีกฝ่ายลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกแล้วหันมาแกะถุงอาหารที่เย็นจนชืดออกเทใส่จาน...อันที่จริงเขาตั้งใจซื้อมากินด้วยกัน แต่เพราะเขาหิวจนไม่หิวอีกแล้วเลยแกะเพียงถุงเดียวสำหรับคนที่เขานั่งรอ
หลังจากนั่งเหม่อไปอีกสักพักโชติภัทรก็ออกมาอยู่ในชุดนอน สีหน้าดูดีขึ้นชัดเจน ชายหนุ่มนั่งแปะลงกับโต๊ะกินข้าวแล้วกันตธีร์จึงกดอุ่นอาหารจนร้อนเพื่อนำมาเสิร์ฟแบบควันฉุย และเพราะโชติภัทรชอบกินอะไรร้อนๆ ...ดังนั้นเขาจึงไม่ลืมที่จะซื้อแกงจืดมาด้วยอีกถุง
ปริมาณอาหารหายวับไปอย่างรวดเร็วจากความหิวโหย เจ้าของห้องนั่งเท้าคางมองกิริยานั้นอย่างชินตา ใช้เวลาไม่นานก็หมดเกลี้ยงทุกอย่างไม่เหลือแม้แต่น้ำแกงที่ก้นชาม
“เดี๋ยวฉันล้างเอง” โชติภัทรรีบคว้ามือไว้เมื่อเขาเอื้อมมาหยิบ
“ฉันล้างเอง...โชไปนอนเหอะ เมื่อคืนที่อยู่เวรไม่ได้นอนเลยไม่ใช่หรือ”
“ก็แช่ไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันล้างให้เอง”
“...ซอลได้บ่นยับพอดี”
“ก็ให้มาบ่นฉันนี่...ไปนอนกัน” มือนั้นกระตุกเบาๆ ดึงให้ปล่อย ก่อนจะยกเอาไปแช่ในอ่างล้างจานเอง
โชติภัทรเดินกลับมาแล้วแตะแขนให้เขาเดินเข้าห้องนอนไปพร้อมกัน กันตธีร์ทิ้งตัวลงนอนที่ข้างหนึ่งของเตียงขนาดใหญ่รอคนเพิ่งกินข้าวไปแปรงฟัน
ไฟในห้องถูกปิดพร้อมกับแรงยุบของฟูกข้างตัว ลมหายใจตรงข้างแก้มทำให้รู้สึกใจสงบลง สัมผัสอุ่นร้อนแตะซับอย่างนุ่มนวลก่อนจะรุกรานเข้ามาช้าๆ ป้อนรสจูบเจือกลิ่นมิ้นท์ กันตธีร์ขยับตัวกอดอีกฝ่ายแน่นโดยที่ริมฝีปากยังไม่ผละจากกัน ความคิดถึงจนลืมอายผลักให้เขาอยากสัมผัสอุณหภูมิร่างกายของโชติภัทรมากกว่านี้ อยากอยู่ในอ้อมกอดที่ทำให้สบายใจ
เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้ว่ายังมีอีกฝ่ายอยู่ด้วยกัน
“...คิดถึง” เสียงนุ่มกระซิบบอกเมื่อถอนริมฝีปากออก
“เหมือนกัน” คำตอบรับดังแผ่วเบา
“ขอโทษนะ”
“ก็แบตหมดนี่...ไม่เป็นไรหรอก”
ปลายนิ้วของอีกฝ่ายแตะสัมผัสใบหน้าแล้วประคองให้รับสัมผัสเบาๆ ที่ริมฝีปากอีกหลายครั้ง ปลายจมูกฝังลงที่ข้างแก้มวนไปมา ก่อนจะเลื่อนตัวไปแนบจูบตรงหน้าผากเนิ่นนาน
...แล้วโชติภัทรก็หลับไป
หากเป็นก่อนหน้านี้สักปี กันตธีร์คงจะมองว่ามันเป็นเรื่องตลกแล้วเก็บไว้แหย่อีกฝ่ายภายหลัง...แต่ตอนนี้เขากลับนึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าของคนข้างตัวและในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง เขามีเรื่องมากมายอยากเล่าอยากคุยอยากปรึกษา แต่เห็นท่าทางหมดแรงของคนที่เหนื่อยกว่ามากก็พูดไม่ออก ได้แต่ฟังอีกฝ่ายบ่นแล้วก็ปล่อยให้พักผ่อน
กันตธีร์รู้ว่าควรจะเป็นที่พักพิงให้อีกฝ่ายในยามนี้...แต่เขามีบางอารมณ์ที่อยากจะพึ่งพิงใครสักคนบ้างเหมือนกัน
ชายหนุ่มหลับตาลง ขยับตัวให้เบียดกับไออุ่นให้มากที่สุดแล้วกลืนความรู้สึกเหงาให้กลับลงไปพร้อมกับน้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมา
++++++
เสียงครืดคราดเบาๆ ตรงหัวเตียงทำให้เขารู้สึกตัวในยามสาย โชติภัทรลุกออกไปตั้งแต่ตอนเช้ามืด ตอนนี้ที่นอนด้านข้างจึงว่างเปล่าและเย็นเยียบ
‘วันนี้ราวน์เช้าเสร็จก็ว่างแล้ว บ่ายนี้ไปดูหนังกันไหม’ข้อความอันเป็นที่มาของเสียงปลุกไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น กันตธีร์เหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูกจนแม้แต่จะตอบกลับก็ยังไม่อยากทำ...ชายหนุ่มดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแล้วขดตัวกอดตัวเอง เขาไม่ได้ง่วงแต่กลับไม่อยากตื่นเลยสักนิด
คนไม่มีธุระนอนนิ่งอยู่นานจนเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นในที่สุด ทำให้ต้องค่อยๆ ขยับตัวออกมาอย่างเฉื่อยชา
“กินข้าวเช้าไหม?” ใบหน้าสวยของรูมเมทชะโงกเข้ามาถาม
“...กิน แต่ไม่ต้องทำเผื่อนะ”
กันตธีร์เดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันด้วยความเร็วที่ช้ากว่าปกติเป็นเท่าตัว ซึ่งเมื่อเดินออกไปถึงโต๊ะกินข้าววีรินทร์ก็จัดแจงเอาข้าวกล่องที่เขาซื้อไว้เมื่อวานมาจัดใส่จานพร้อมอุ่นให้แล้วเรียบร้อย
มื้อสายดำเนินไปอย่างเงียบๆ ตอนที่ชายหนุ่มยกจานไปล้าง จานใบเดิมที่เคยค้างอยู่เมื่อคืนก็ถูกล้างคว่ำไว้อย่างดีแล้ว เขาจึงเอามันขึ้นไปเก็บแล้วจึงจัดการกับของใหม่ ก่อนที่คนตื่นเช้ากว่าจะขอตัวออกไปทำธุระข้างนอกด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“ที่พูดมาน่ะส่องกระจกบ้างไหม” อีกฝ่ายถอนหายใจใส่ “ถ้ายังไง...”
“ไปเหอะ ฉันอยู่คนเดียวได้และโอเคมาก!” ชายหนุ่มโคลงศีรษะพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวโชก็กลับมาแล้ว”
วีรินทร์ลังเลอีกนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจออกไปทำธุระ...เขารู้ตัวว่าคงจะดูไม่ได้จนน่าเป็นห่วง แต่ผู้ชายอายุยี่สิบสี่ปีที่มานั่งหงอยเพราะแฟนไม่มีเวลาให้มันช่างงี่เง่าสิ้นดีจนรับตัวเองไม่ได้เกินกว่าจะบ่นให้ใครฟัง
กันตธีร์ขยับตัวไปนั่งขดบนโซฟาตัวเดิมตำแหน่งเดิมกับเมื่อคืน แล้วกดรีโมทให้หนังเรื่องเดิมเล่นต่อ เนื้อหาของมันไม่ได้น่าเบื่อ แต่พอเขาดูไปเหม่อไป ความไม่ปะติดปะต่อก็ทำให้เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มสะดุ้งอีกครั้งในตอนที่มีสัมผัสแผ่วเบาตรงหน้าผาก โชติภัทรในชุดเครื่องแบบส่งสายตาเป็นห่วงมาให้แม้ตัวเองจะอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมไม่ต่างกันก็ตาม
“ธีร์ ไม่สบายหรือ?” ว่าที่แพทย์หนุ่มกวาดสายตาสำรวจพร้อมกับทำท่าจะเข้ามาตรวจร่างกายเข้าจริงๆ จนต้องยกมือห้ามเอาไว้
“...เปล่า แค่เผลอหลับไปเฉยๆ”
มือที่วัดไข้จึงเลื่อนมาเกลี่ยที่ข้างแก้มแล้วออกแรงดึงเบาๆ ชายหนุ่มเลยแกล้งพลิกตัวไปล้มทับอีกฝ่ายเป็นการเอาคืนก่อนจะหัวเราะหึแล้วยื่นหน้าเข้าไปบอกในระยะประชิด
“ขออาบน้ำแปปนึง แล้วออกไปกินข้าวกัน”
บ่ายนี้กันตธีร์ลากเขาออกมากินบุฟเฟ่ต์หม้อไฟญี่ปุ่นมื้อใหญ่โตที่ห้างสรรพสินค้ากลางกรุง บทสนทนาของพวกเขาล้วนเป็นเรื่องสัพเพเหระดินฟ้าอากาศ หรือบางครั้งก็เงียบกริบลงไปเฉยๆ ...บรรยากาศไม่ชวนอึดอัด แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาทั้งคู่ไม่มีอะไรจะคุยกัน แต่เนื่องจากอาหารมาเสิร์ฟไม่ช้าจึงเบนความสนใจมาที่หม้อร้อนตรงหน้าแทน
“ดูหนังไหม”เขาถามขึ้นขณะตักเนื้อใส่จานให้อีกฝ่าย
“โชจะไหวหรือ กลับไปพักดีกว่าไหม”
“ถ้าธีร์อยากดูก็ดูสิ” ถามพลางหันไปพยักเพยิดใส่โปสเตอร์หนัง
“...ไม่เป็นไร โชแทบไม่ได้นอนมาตั้งหลายวันแล้ว เมื่อคืนได้งีบแค่แปปเดียวก็ต้องออกไปราวน์เช้าไม่ใช่หรือ” กันตธีร์ส่ายศีรษะ ก่อนจะยิ้มให้ “ไม่ได้มีอะไรอยากดูมากเป็นพิเศษด้วย”
โชติภัทรลอบถอนหายใจ หลายๆ ครั้งอีกฝ่ายก็ตามใจเขามากไป...ตัวเขาเองที่เป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายหรือที่เรียกกันว่าเอกซ์เทิร์นนั้นแทบไม่มีเวลาพักผ่อน นั่นทำให้เขาไม่มีมีเวลาให้อีกฝ่ายและคนตัวเล็กก็ไม่กล้าบ่นอะไรให้เขาฟัง
ไม่มีใครบัญญัติว่าคนที่เหนื่อยน้อยกว่าไม่มีสิทธิ์พูด...แต่เพราะกันตธีร์เป็นคนแบบนี้ คิดถึงเขามากกว่าตัวเอง มันจึงทำให้เขารักคนคนนี้อย่างที่ไม่มีทางถอนตัวขึ้น
โชติภัทรสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของอีกฝ่ายแม้จะกลบเกลื่อนทุกอย่างไว้ในท่าทางรื่นเริง กันตธีร์ในตอนที่หันมาคุยกันก็ดูปกติดี แต่เมื่อเผลอกลับหลุดสีหน้าเหนื่อยอ่อนให้เห็น
สำหรับนักศึกษาปริญญาโท สิ่งที่ทำให้กลุ้มใจก็คงหนีไม่พ้นเรื่องวิทยานิพนธ์ แต่เขาฟังเรื่องเรียนเรื่องงานของอีกฝ่ายไม่เข้าใจพอๆ กับที่กันตธีร์ฟังคำพูดของเขาไม่รู้เรื่อง จึงมีบ้างที่ไม่เข้าใจจนเถียงกัน...แต่ทะเลาะกันเพราะความเป็นห่วง อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้โกรธกันได้ไม่นานนัก
บางที...เขาอาจจะเป็นคนรักที่แย่ที่สุดในโลกที่ไม่สามารถช่วยสนับสนุนอีกฝ่ายได้ในตอนที่ต้องการ
หลังจากกินมื้อใหญ่จนอิ่มแทบอ้วกทั้งคู่ก็เดินลงมาซื้อของใช้จำเป็นในซูเปอร์มาร์เก็ต แต่จู่ๆ คนตัวเล็กก็รับโทรศัพท์ แล้วหันมาบอกว่าจะแวะไปซื้อของนิดหน่อยให้ไปเจอกันที่รถได้เลย โชติภัทรที่ค้านไม่ทันจึงได้แต่เดินไปต่อแถวจ่ายเงินแบบงงงวย
เขาเอาของไปรอที่รถได้ไม่นานกันตธีร์ก็กลับมาพร้อมถุงพลาสติกสีทึบขนาดไม่ใหญ่ สีหน้าอมยิ้มน้อยๆ นั้นชวนให้รู้สึกแปลกประหลาดจนไม่กล้าถามอะไร และเมื่อกลับมาถึงคอนโด เจ้าของห้องก็ไล่เขาไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีแบบไม่มีคำอธิบาย
“นอนลง!”คำประกาศิตแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั้นทำให้เขาเผลอเหลือกตามองอย่างตกใจ ในมือของคนสั่งมีของที่ทำให้เขารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ อย่างบอกไม่ถูก คนเพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำจึงกลั้นใจชี้ไปทางกระปุกและห่อสีชมพูดแปร๊ดในมือก่อนจะถามออกไป
“...นั่นมันอะไร”
“ครีมมาสค์หน้ากับแผ่นแปะตา” รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎขึ้นทันที “นอนลงสิ เดี๋ยวทำให้”
“ธีร์...ฉันว่าไม่ต้องหรอก” เขารีบโบกมือด้วยความสยอง
“แต่ฉันว่าต้อง หน้าโชโทรมจะแย่” กันตธีร์หัวเราะชั่วร้าย “นอนลง...เร็วๆ เลย”
โชติภัทรกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอแล้วจึงเอนหลังลงกับเตียง อีกฝ่ายสั่งให้เขาหลับตาลง แล้วจึงค่อยๆ ทาครีมเย็นๆ ลื่นๆ ลงบนหน้า เขาสะดุ้งตัวเล็กน้อยด้วยความรู้สึกไม่ชิน แต่พอจะพูดก็ถูกตีให้หยุดขยับ จะลืมตาก็โดนเอาแผ่นที่กลิ่นหอมมาวางไว้ จึงได้แต่นอนนิ่งให้จัดการอย่างสงบ
สัมผัสเบาจากมือของวิศวกรหนุ่มบวกกับอาการอดนอนเรื้อรังชวนให้รู้สึกเคลิ้มหลับ เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจากไกลๆ บอกว่าอีกสิบนาทีให้ล้างออกได้...แล้วจากนั้นสติก็ดับวูบลง
ชายหนุ่มลืมตาตื่นมาอีกทีก็ค้นพบว่าตัวเองนอนยาวจนเลยมื้อเย็นไปแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงงก่อนจะรู้สึกตัวว่าพวกครีมเหนอะหนะบนหน้าถูกใครบางคนเช็ดทำความสะอาดให้จนเรียบร้อย
ในห้องนอนมืดสลัวมีเพียงแสงจากโคมไฟบนโต๊ะซึ่งเจ้าของนั่งทำงานอยู่เท่านั้นที่เปิด คนตัวเล็กคงกำลังตั้งสติกับงานจนไม่ได้ทันสังเกตว่าเขาตื่นแล้ว นักศึกษาปริญญาโทปีสองกำลังเคร่งเครียดไปกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีตัวอักษรและตัวเลขมากมาย ใบหน้านั้นดูมีร่องรอยอ่อนแรงแต่กลับดูดีขึ้นกว่าเมื่อตอนกลางวัน
“กินข้าวหรือยัง” เขาเดินเข้าไปแตะไหล่อีกฝ่ายแล้วชะโงกหน้าถาม
“ตื่นแล้วหรือ...ยังอิ่มอยู่เลย” คนถูกถามเงยศีรษะมาพิงแล้วทำหน้ายู่ตอบ
“ไม่กินไม่ได้” ดุเบาๆ แล้วก้มลงไปกอดเอวคนที่นั่งอยู่ “ผอมจะตายอยู่แล้ว”
“กลางวันก็บุฟเฟ่ต์แล้วไง” โต้ตอบในลำคอ “โชไปหาอะไรกินก่อนก็ได้ ขอทำงานอีกแปปนึง กำลังติดพัน”
“ไม่เป็นไร...ยังไม่หิวเหมือนกัน”
โชติภัทรยืดตัวขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วลูบเบาๆ ที่ไหล่ของคนที่นั่งอยู่ แล้วค่อยๆ ลงน้ำหนักช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ล้าจนแข็งเป็นก้อนพังผืด กันตธีร์สูดปากเพราะความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่วิ่งขึ้นขมับแล้วค่อยคลายลงจนรู้สึกโล่ง เขาปล่อยให้หมอนวดประจำตัวทำหน้าที่ไปขณะที่อ่านเอกสารตรงหน้าต่อซึ่งใช้เวลาไม่นานสิ่งที่ค้างคาอยู่ก็เสร็จเรียบร้อย จึงถือโอกาสนั่งพิงพนักเก้าอี้ให้อีกฝ่ายบริการคลายอาการตึงไหล่ต่อ
“ไปกินข้าว” คนนวดเขย่าไหล่เมื่อเห็นว่าตาตี่เริ่มปริบปรือลง
“...ไม่กินไม่ได้หรือ” งึมงำตอบในขณะที่รู้สึกเคลิ้มซึ่งทำให้เสียงดุเอ็ดเข้าทันที
“ไม่ได้...อย่างน้อยกินอะไรนิดหน่อยให้มันเป็นมื้อก็ยังดี”
“โชบอกให้ฉันกินเป็นมื้อแต่ทีตัวเองยังไม่สนใจเลย”
“เพราะอยู่กับธีร์ฉันถึงจะสนใจตัวเองไง” โชติภัทรหัวเราะเบาๆ แล้วดันหลังคนขี้เกียจ “ไป ลุกได้แล้ว”
สุดท้ายมื้อเย็นก็จบลงด้วยอาหารสำเร็จที่ยกมานั่งกินหน้าโทรทัศน์ แผ่นหนังเรื่องเดิมที่กันตธีร์ดูไม่รู้เรื่องถูกเปิดเล่นใหม่ตั้งแต่ต้น โดยที่เขาอดจะตลกตัวเองไม่ได้...ทั้งๆ ที่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม แต่เมื่อเทียบกับการนั่งคนเดียวแล้ว พอมีโชติภัทรมานั่งเบียดอยู่ข้างๆ เขากลับมีสมาธิมากกว่าเดิม และยังสนุกกว่าที่ดูครั้งแรกอย่างบอกไม่ถูก
“คืนนี้โชจะนอนนี่ใช่ไหม” เจ้าของห้องถามเมื่อรายชื่อนักแสดงวิ่งขึ้นบนจอ
“ใช่ แต่พรุ่งนี้ฉันอยู่เวรนะ”
“อื้อ...รู้แล้วล่ะ”
“อาทิตย์หน้าอาจจะมาค้างด้วยเดี๋ยวบอกอีกที” โชติภัทรขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงตารางเวร “...คราวหน้าไม่ต้องรอแบบเมื่อคืนนะ”
“ไม่เป็นไร” เขาส่ายศิรษะ
“เป็นสิ...ขอโทษนะ”
“ก็มือถือแบตหมดนี่นา”
“...ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้”
กันตธีร์รู้สึกว่าขอบตาร้อน...เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นร้องไห้ง่ายมาก่อนจนกระทั่งมาเจอโชติภัทร ความเงียบนั้นทำให้เจ้าของคำขอโทษดึงเขาไปอยู่ในอ้อมกอด เอาคางวางตรงบ่าแล้วใช้เสียงอ่อนกระซิบถามแผ่วเบา
“โกรธโชหรือเปล่า”
“...โชเหนื่อยขนาดนี้ฉันจะไปโกรธลงได้ยังไง”
“โกรธได้สิ” โชติภัทรตอบจริงจัง “ธีร์ตามใจฉันมากเกินไปแล้ว...เอาแต่ใจบ้างก็ได้นะ”
“ไม่โกรธหรอก” เขาหัวเราะ “...โชเป็นแบบนี้แล้วฉันจะโกรธลงได้ยังไง”
กันตธีร์ปล่อยให้ตัวเองถูกกอดจนแน่น ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก ทั้งอัดอั้นเสียใจและดีใจ สัมผัสที่คอยลูบศีรษะลูบหลังเหมือนปลอบประโลมช่วยให้ความวุ่นวายในอกคล่อยคลายลง...สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้พูดไม่ได้บ่นอะไรออกไปสักคำ แต่ความรู้สึกที่เหมือนหมอกควันกลับค่อยๆ ปลิวหายไปโดยไม่รู้ตัว
โชติภัทรเป็นคนที่มีพลังพิเศษ...เพราะเพียงแค่สัมผัสเบาๆ กับรอยยิ้มจางๆ กันตธีร์ก็ไม่สามารถรู้สึกอะไรได้อีกต่อไป...นอกจากรักมากเหลือเกิน
ขณะที่รู้สึกสะลึมสะลือก็รู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้นก่อนที่แผ่นหลังจะแนบกับเตียงนิ่ม เขาขยับหาไออุ่นข้างๆ โดยอัตโนมัติไม่ต่างกับอ้อมแขนที่เลื่อนเข้ามารับอย่างคุ้นชิน ริมฝีปากแนบจูบตรงหน้าผากแทนคำบอกรักและราตรีสวัสดิ์สำหรับคืนนี้และต่อๆ ไป
บางทีกันตธีร์ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้...แค่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก็พอ
::talk::
สวัสดีค่า
เมื่อวานหนักหน่วงมากเลยนอนตายลืมเอามาลงเลย //กราบบบบบ
สำหรับเรื่อง busy อันนี้เป็นตอนพิเศษอีกตอนที่จะลงในเล่มนะคะ โดยส่วนตัวเราคิดว่าการที่คนสองคนอยู่คนละคณะเรียนคนละอย่างย่อมมีอะไรที่ไม่เข้าใจกัน แต่มันก็เป็นเรื่องของคนสองคนที่จะผ่านมันไปได้หรือไม่ได้ ซึ่งสำหรับโชธีร์...เราคิดว่าทั้งคู่จะผ่านมันไปด้วยกันได้แน่ๆค่ะ
คือตอนพิเศษในเล่มจะมี5เรื่อง เรียงตามtimelineไปเรื่อยๆ โดยที่เหลืออีกสามตอนจะเป็นเรื่องของครอบครัวแล้วก็ช่วงที่ย้ายไปอยู่ด้วยกันแล้ว ซึ่งคงไม่ได้เอามาลงในบอร์ดนะคะ
สำหรับเรื่องหลักก็จบลงไปแล้ว แต่คิดว่าหลังจากนี้คงมีมาลงเรื่อยๆตามความขยัน
[ฮาา] ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูสองคนนี้นะคะ ไว้เจอกันเรื่อยๆ ตามเทศกาลค่า
ส่งจูบและแจกกอดให้คนอ่าน อิ๊
ป.ล. จากนี้เราจะไปอัพเรื่องถัดไปนะคะ ไปเจอกันได้ที่เรื่องนี้ค่ะ >>>
in the hug of sunshine ในอ้อมกอดกรุ่นไอแดดป.ล.2 ขอสแปมเล็กน้อย นิยายเรื่องนี้เปิดจองแล้วนะคะ
อวดปกหน่อย คราวที่แล้วยังไม่ได้อวด อิ๊
สั่งจองจิ้มตรงนี้เลยค่ะ
[วิธีจิ้มคือจิ้มตรง หยิบสินค้าลงตะกร้า แล้วก็ไปจิ้มที่ สินค้าในตะกร้า มันจะขึ้นจอมาให้กดสั่งซื้อค่า]::comment::
Cressent - อุอิ ขอบคุณค่า
BeeRY - ตอนพิเศษตามเทศกาลค่ะ 555 ไว้จะมาเรื่อยๆนะคะ
Aumy8059yaoi - ดีใจที่ชอบนะคะะะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ คนอ่านชอบคนเขียนก้มีความสุขมากค่ะ แอออ
mild-dy - ก๊ากกกก อยากได้ด้วยค่ะะะะะะะะ
RinNam - ลองทำเลยค่ะ ก่อนเขียนนี่เราไปลองมาละ อร่อยนะคะ ฮาาาาาา
minminmin - ขอบคุณค่ะะะะ ดีใจที่ชอบนะคะ เป็นเรื่องที่เราตั้งใจเน้นความรู้สึกของคนที้งคู่จริงๆค่ะ
Zelsy - แหะๆ คราวนี้ยาวแล้วค่ะ ฮาาา //แต่ไม่หวานเท่าไหร่ งิ
Baruda -
malula - ใกล้จะเลี่ยนแล้วค่ะ ฮาาา
Peung002 - ขอบคุณค่าา ดีใจมากที่ชอบนะคะ เราเองก็ชอบตัวละครทุกตัวมาก อยากเขียนเรื่องให้ทุกคนเหมือนกันค่ะ อุอิ คนอ่านอ่านแล้วสนุกเราก็ดีใจมากๆเลยค่ะะะ
mm03 - ดีใจที่ชอบค่ะะะ ขอบคุณนะคะะะ
gayraygirl - อร่อยค่ะ คอนเฟิร์ม 55555
lizzii - เราก็อยากค่ะ ฮาาาาาาา ขอบคุณค่าาาา
ขอบคุณทุกคนเลยนะคะ อ่านคอมเมนท์แล้วมีพลังอ่ะ รักคนอ่านมากกก แจกกอดดดดด