เด็กเลี้ยง
- 18 -
แม่ตัวดี
“คิดอะไรอยู่ครับ ยังไม่นอนเหรอฮืม” ภูมิรพีถามขณะเดินออกมาจากห้องน้ำบนร่างแกร่งสวมเพียงกางเกงขายาวตัวเดียว มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพาดบ่าออกมาด้วย ผมถูกเสยขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจแต่เซ็กซี่เอ็กซ์แตกอยากจะขย่มแรงๆ อยู่บนร่างแกร่งโคตรๆ สามีใครก็ไม่รู้เนอะ น้ำนิ่งไม่ได้เยอะนะแต่อย่าบอกตาลุงนั่นก็แล้วกันว่าอะไรคิดอยู่ ก็แค่คิดแต่ยังไม่พร้อมรับอะไรหรอกตอนนี้
“มานี่สิเดี๋ยวหนูเช็ดผมให้”
น้ำนิ่งลุกขึ้นขยับตัวไปนั่งริมเตียง ภูมิรพีเดินมานั่งลงพื้นเตียงตรงหว่างขาของคนตัวเล็ก มือแกร่งยกขาเรียวเล็กทั้งสองข้างของน้ำนิ่งไปพาดบ่ามือใหญ่กอบกุมที่ข้อเท้า นาบปากร้อนกดจูบลงที่ขาอ่อนด้านในย้ำๆ ลากไปเกือบจะถึงจุดยุทธศาสตร์ของน้ำนิ่งอยู่แล้ว เวลาภูมิรพีทำแบบนี้คนที่นั่งซ้อนหลังก็ขึ้นง่ายเกิ๊นหลุดครางเสียงหวานโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้ดัดจริตแต่มันเสียวโคตรๆ ชะโงกไปกัดปากล่างอย่างหยอกเย้าค่อนข้างแรงกับคนตัวโตน้ำนิ่งได้ยินเสียงซี๊ดปากคงจะเจ็บหรือหื่นก็สุดจะเดา ไม่ได้ตั้งใจให้วาบหวามแค่อยากจะให้หยุดความหื่นของตาลุงเท่านั้นเอง คนร่างบางยืดตัวขึ้นดึงผ้าขึ้นมาเช็ดผมให้ภูมิรพีอย่างเบามือแถมกดคลึงนวดไล่คลายความเมื่อยล้าไปด้วย ภูมิรพีครางเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ
“ว่าไงทำไมยังไม่นอนคิดอะไรอยู่”
“วันนี้มีเรื่องให้ประหลาดใจตั้งหลายเรื่อง ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีก็มี แล้วมันก็อดน้อยใจไม่ได้ว่าภูมิไม่เคยบอกหนูเลย”
“อย่าโกธรภูมิเลยนะที่ไม่ได้บอกหนูก่อน ก็กะว่าจะพาไปเซอร์ไพร์ตอนปิดเทอม”
“ไม่ได้โกธร แต่ภูมิเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกกันออกจากความจริงหลายเรื่องๆ รึเปล่า”
“ขอโทษเด็กดี ภูมิไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เราเลยยังไม่บอกภูมิไม่อยากให้หนูกังวล”
“แล้วตอนไหนถึงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมกันล่ะ ภูมิทำเหมือนเราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน”
“ไม่ใช่นะครับ โธ่..แม่ทูนหัวของภูมิคิดมากไปได้น่า ป๋ากับแม่อยากจะเอาหนูไปเลี้ยงเองด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์หลายๆ อย่างมันไม่อำนวยที่จะบอกได้ เราไม่อยากจะให้หนูเป็นเป้าหมายของการต่อรองอีกคน ภูมิไม่อยากเสี่ยงแลกหนูกับอะไรทั้งนั้น เข้าใจสิ่งที่พวกเราทำนะครับ”
“แม่บอกหนูแบบนี้เหมือนกัน”
“แล้วแบบนี้ยังจะงอนภูมิอยู่อีกหรือเปล่า”
“ก็ไม่แล้วล่ะ แต่ถ้าคราวหน้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีกและยังคิดว่าหนูเป็นครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตภูมิก็บอกหนูด้วย...บางเรื่องหนูอาจจะช่วยไม่ได้แต่อยู่เป็นกำลังใจให้ได้”
“เข้าใจแล้วครับ ภูมิว่าถ้านอนไม่หลับ งั้น....” ไม่เข้าใจว่าภูมิรพีจะสับสวิตช์เปลี่ยนโหมดได้ไวขนาดนี้ อิลุงส่งสายตา วิบวับแสดงความต้องการไปให้คนที่นั่งซ้อนหลัง มือร้อนของคนตัวโตลูบไล้ไปตามเรียวขาสวย นาบปากร้อนไปตามเรียวขาโดยเฉพาะข้อเท้าดูดดึงขบเม้มจนน้ำนิ่งแทบจะขึ้น
“อะภูมิ...หยุดน้าไม่เอา...”
“หลายวันแล้วนะที่หนูไม่ยอมกอดภูมิ..นะครับ นะ..คิดถึง”
“ปล่อยก่อนฮะ ไม่เอาแม่กับป๋าอยู่”
“เขารู้แล้วน่าว่าหนูเป็นอะไรกับภูมิ.. นิดเดียวนะครับคิดถึงหนูจะตายอยู่แล้ว..” ภูมิคลอเคลียนาบปากร้อนไปตามเรียวขาสวยจนมาหยุดดูดเม้มที่ขาอ่อนด้านในหนักข้อขึ้นคนตัวบางหลุดเสียงครางเบา ภูมิรพียกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อนคนตัวเล็กออกไปอีกครั้ง
“นะครับ”
“ให้หนูช่วยได้ไหมละ แล้วพอถึงบ้านเราค่อยทบต้นทบดอกนะ น้า...” คนตัวเล็กชะโงกหน้าไปนาบจูบที่แก้มสากอย่างหลงใหลเอาอกเอาใจสลายความหื่นตาลุงชั่วคราว ไม่ใช่จะเล่นตัวอะไรมากมายหรอกนะ เอาจริงๆ น้ำนิ่งก็อยากให้ภูมิเหมือนกัน แต่ก็นะ...เกรงใจแม่สามี ถึงเกลล์จะบอกให้ทำตัวเป็นโสเภณีของสามี แต่มันก็ไม่ใช่ไงเจอพ่อแม่ปั๋วครั้งแรกไม่ไปเห็นเดือนเห็นตะวันแต่ให้นอนซมติดเตียงมันคงไม่เหมาะสักเท่าไรใช่ไหมละ
“กอดเลยไม่ได้เหรอหึ...ครั้งเดียวเสร็จแล้วภูมิพอเลยไม่ต่อรอบได้ไหมนะ”
ภูมิรพียังต่อรองกับเมียเด็กใช่ว่าจะผ่อนปรนไม่ได้ ก็แค่อยากจะอ้อนเมีย แต่ถ้าได้ก็ดีไม่ใช่รึไง มือหนายกขึ้นโอบไปด้านหลังคอของคนตัวเล็กโน้มคอให้หน้าของคนตัวเล็กคลอเคลียไปกับปากของตัวเองที่ยื่นไปหา น้ำนิ่งเองก็กดจมูกสูดดมไปตามขมับและกลุ่มผมนุ่มหอมของภูมิรพีอย่างรักใคร่ นิ้วเรียวแกร่งของคนตัวโตคลึงนวดหลังคอสอดพันเกี่ยวกระหวัดกับเส้นผมอ่อนนุ่มของคนตัวเล็กอย่างเผลอไผล่
“ไม่เอาพอก่อน ไว้ทบต้นทบดอกทีเดียวนะ...หนูยอมให้คิดดอกทั้งคืนเลยไม่ดีกว่ารึไง” ดูเสียงหวานที่หลอกล่อให้เราตกปากรับคำนี่อีกทำราวกับเราเป็นเด็กน้อยเอาขนมมาหลอกล่อก็จะกระโจนลงหลุมทันทีรึไง
“นะ
ลุง...”
.
.
“เฮ้อ...ภูมิปฏิเสธหนูไม่เคยได้สักทีสิน่า” ผมตายสนิทไปแล้วครับกับคำว่า
“ลุง” ท้ายที่สุดก็ต้องยอมเด็กนี่จนได้ แต่เอาเถอะเก็บเปรี้ยวไว้กินหวาน ยังไงซะเด็กน้อยก็เป็นของเขาวันยังค่ำแหละ ปล่อยไปก่อนก็แล้วกันถึงเวลาเขาจะเก็บดอกคืนเอาให้คุ้มจนลุกจากเตียงไปไหนไม่ได้เลยเชียว คืนนั้นเลยเป็นอันว่าภูมิรพีได้แต่นอนปลอบลูกชายที่ร้องไห้เพราะแม่ไม่ยอมกอดอยู่นานกว่าจะยอมอ่อนข้อให้แต่ไม่ยอมนอน ยิ่งความหอมจากผิวกายที่กรุ่นกำจายจากคนในอ้อมกอดยิ่งทำให้ทรมาน หลังจากน้ำนิ่งหลับสนิทภูมิรพีรีบปลีกวิเวกทำภารกิจโลกสวยด้วยมือเราเกือบชั่วโมง...
วินาทีนี้ภูมิรพีรู้สึกว่าตัวเองชักจะเหมือนตาลุงหื่นกามดีๆ นี่เอง... น้ำนิ่งรู้สึกตัวตื่นตอนตีห้าครึ่งตามนาฬิกาชีวิตที่ปฏิบัติเป็นประจำ คนที่นอนกอดกันมาทั้งคืนยังไม่รู้สึกตัวตื่น น้ำนิ่งมองหน้าของภูมิรพีอย่างรักใคร่หลงใหล คนตรงหน้าหล่อเหลาคมเข้มแม้ยามหลับจนอดไม่ได้ที่จะก้มลงแตะจูบบางเบาบนริมฝีกปากหนาได้รูปนั่น ก่อนจะเคลื่อนตัวลงจากเตียง
อากาศตอนเช้าของที่นี่สดชื่นเย็นสบาย ท้องฟ้าด้านนอกที่มองเห็นจากรอยแยกของผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทเจือสีน้ำเงินหมองหม่นของเวลาเช้าตรู่ แสงอาทิตย์บางเบายังไม่โผล่พ้นเหลี่ยมเขาเบื้องหน้า ปุยหมอกลอยเอื่อยอย่างเกียจคร้าน ไกลออกไปไร่ชาสุดลูกหูลูกตาที่ปลูกเป็นขั้นบันไดคนงานกำลังขะมักขะเม้นเก็บใบชากระจายไปทั่วบริเวณ
น้ำนิ่งบิดตัวคลายความเมื่อยขบสองสามทีก่อนหันหลังกลับเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัว เสร็จภารกิจจากห้องน้ำคนตัวโตบนเตียงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เดินเข้าไปจนชิดเตียงก้มลงกดจมูกของตัวเองสูดดม กลิ่นกายหอมของภูมิรพีอย่างหลงใหลจนพอใจ ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากห้องปิดประตูตามหลังแผ่วเบาไม่ให้รบกวนคนบนเตียง
ร่างบางคิดว่าจะไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์แล้วก็ชมไร่ชาตอนเช้ารอภูมิรพีตื่นน่าจะดีกว่า เดินลงบันไดมายังไปไม่ถึงประตูเลยด้วยซ้ำต้องชะงักเท้าเปลี่ยนใจเดินไปตามเสียงพูดคุยจนมาถึงครัวใหญ่
“อรุณสวัสดิ์ฮะ” น้ำนิ่งกล่าวทักทายคนเป็นแม่ ปากบางได้รูปสวยแย้มยิ้มน่ารักเลยไปจนถึงแม่บ้านที่ช่วยแม่เตรียมทำอาหารอยู่
“อ้าวลูก ตื่นเช้าจังเลยเราหลับสบายดีไหม” เกลล์วางมือจากเครื่องปั่นน้ำผลไม้เดินมากอดน้ำนิ่งกดจมูกโด่งหอมแก้มคนตัวเล็กฟอดใหญ่ ลูกชายคนเล็กก็ไม่ยอมแพ้หอมแก้มคนเป็นแม่คืนจนได้ยินเสียงหัวเราะของความพอใจ
“หลับสนิทเลยฮะ แม่กำลังทำอะไรเหรอฮะ”
“กำลังจะปั่นน้ำฝรั่งแล้วก็เตรียมอาหารเช้าครับ แต่ยังไม่ได้ดูเลยว่าจะทำอะไร หนูอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”
“งั้นให้น้ำทำนะฮะ”
“ฮืม ทำเป็นเหรอเราน่ะ”
“เป็นสิฮะ เดี๋ยวน้ำจัดการเอง แม่ไปนั่งรอเลยฮะ”
“เอางั้นเลยเหรอ” น้ำนิ่งจูงมือคนเป็นแม่ไปนั่งที่เคาน์เตอร์ เดินกลับมารินน้ำฝรั่งให้แม่จิบรอไปพลาง ตัวเองก็เดินกลับมาเปิดตู้เย็นหลังใหญ่ดูว่ามีอะไรพอจะทำได้บ้าง
“ป๋ากับแม่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าฮะ”
“ไม่จ๊ะ ป๋าเขาไม่เรื่องมากอะไรก็ได้จ๊ะง่ายๆ”
“งั้นน้ำทำข้าวต้มปลากระพง ไข่กระทะ มันฝรั่งอบกระเทียมกับแอปเปิ้ลทอด กินกับน้ำฝรั่งสด แล้วกันนะฮะ ”
“โอ้ เยอะขนาดนั้นให้แม่ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรฮะ แม่นั่งเลยแป๊ปเดียวเองครับ”
“แม่ทำด้วยกันดีกว่า อยากมีบรรยากาศแม่ลูกเข้าครัวครั้งแรกนี่น่า”
“ฮ่า ฮ่า งั้นเราช่วยกันทำดีกว่าฮะ”
ระหว่างพูดมือของน้ำนิ่งก็กดมันฝรั่งที่ต้มจนนิ่มแล้วให้แบนเล็กน้อย เสร็จแล้วเอาน้ำมันมะกอกทาไปที่มันฝรั่งโรยด้วยกระเทียมและผงสมุนไพรที่สับไว้แล้ว ก่อนจะนำเข้าตู้อบ หลังจากนั้นก็หันไปทำข้าวต้มปลากระพงต่อ
“น้ำทำทุกอย่างคล่องแคล่วเชียว ใครสอนหึม”
“ยายชื่นฮะ”
“ใครเหรอครับ”
“อ๋อน้ำหมายถึงยายที่ดูแลตั้งกะพวกเรายังเด็กนะฮะ ยายเก่งมากเลยฮะแม่ ก่อนที่จะมาดูแลพวกเรา เคยเป็นคุณข้าหลวงในวังประจำอยู่ห้องเครื่องเลยนะทำอาหารเป็นทุกอย่างเลยโดยเฉพาะอาหารชาววังต้นตำรับน่ะสุดยอดมาก ถ้ามีเวลานะน้ำจะทำให้ทานเลย”
น้ำนิ่งคุยเสียงใสเจื้อยแจ้วไม่หยุด มือก็ทำข้าวต้มอย่างคล่องแคล่วจนเสร็จในเวลาไม่นาน ก่อนที่จะหันไปเอามันฝรั่งอบออกจากเตาอบยื่นให้แม่บ้านจัดใส่จานเตรียมเสริ์ฟ หันไปทำแอปเปิ้ลทอดต่อ คนเป็นแม่และแม่บ้านที่ช่วยงานในครัวสองสามคนมองคนตัวเล็กทำอาหารด้วยสายตาชื่นชมเอ็นดู ขณะที่คณะแม่ครัวกำลังทำอาหารกันอย่างสนุกสนาน สองหนุ่มเดินเข้ามาในครัว
“อรุณสวัสดิ์ครับแม่”
สองหนุ่มเอ่ยทักทายและเดินเข้ามาหอมแก้มแม่คนละข้างฟอดใหญ่ ภูมิรพีเดินเลยเข้าไปโอบเอวคนตัวเล็กซึ่งกำลังหั่นแอปเปิ้ลเป็นแว่นๆ เอาพิมพ์กดไส้กลางออก แล้วนำไปชุบแป้งทอด บางส่วนที่สุกเหลืองก็นำขึ้นมาโรยด้วยไอซิ่ง
“กำลังทำอะไรครับ ตื่นมาไม่ปลุกภูมิเลย”
“ฮื่อ..ปล่อยก่อนทำอาหารอยู่เห็นไหมเนี่ย”
“ก็ทำไปสิ จะกอดเฉยๆ ไม่ได้กวนสักหน่อย”
ปากบอกกอดเฉยๆ แต่การกระทำมันไปคนละทางเลย ปากร้อนของคนตัวโตนาบไปตามลาดไหล่หลังคอ เม้มติ่งหู มือหนาโอบประคองหน้าหวานไปแตะจูบอ่อนโยน หน้าของคนตัวเล็กแดงระเรื่อขึ้นทันตาเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นสายตาล้อเลียนของแม่และพวกป้าๆ
“ก็มันทำไม่ถนัด หยุดนะฮื่อ...เฮียช่วยเค้าหน่อยเอาไปเก็บทีเหอะไม่ไหวจะเคลียร์”
น้ำนิ่งร้องหาตัวช่วยเมื่อคนตัวโตชักจะเยอะ คนถูกเรียกก็ช่างได้ใจเหลือเกินวางแก้วน้ำที่ยังไม่ได้ดื่มลงที่เคาน์เตอร์แทบจะทันที เข้ามาดึงน้องชายตัวดีออกจากคนตัวเล็กทันที
“มานี่เลย เก็บๆ มั้ง กวนน้องนะมึง”
“โอ๊ย!! น้องเฮียนะเมียผมเปล่าวะ”
“เออรู้ เพลาๆ บ้างเถอะ” เสียงร้องประท้วงของภูมิรพีไม่ได้ทำให้เฮียเซนหยุดอาการกระชากลากถูแต่อย่างใด ภูมิรพีโดนลากออกไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เกลล์มองสองหนุ่มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความหมั่นไส้
“อ้าว!! ก็เด็กมันยั่ว เฮียก็เห็น”
“ที่ไหนน้องทำอาหารไม่ได้อะไรเลย”
“โว้ย!! เฮียไม่เข้าใจ”
“เข้าใจหัวอกเดียวกันเปล่าวะ!! ถ้าไม่ติดเคอร์ฟิวนะ เฮียเผ่นไปแล้ว”
เสียงสองหนุ่มยังตอบโต้กันไม่หยุด ทำเอาตัวต้นเรื่องเขินจนวางตัวไม่ถูก เลยทำเป็นสนใจทำแอปเปิ้ลทอดจนเสร็จ เกลล์สั่งให้แม่บ้านจัดโต๊ะเพราะป๋ากลับมาจากไร่แล้ว ทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหารไม่นานป๋าก็เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร มาถึงก็เดินเข้ามาหอมแก้มเกลล์ทั้งสองข้างก่อนที่จะผละตัวเดินไปนั่งหัวโต๊ะ
“วันนี้ทำอะไรเยอะแยะเลย”
“วันนี้ลูกชายคนเล็กลงครัวเองครับ”
“ฮื่อจริงเหรอหน้าตาน่าทานมากนะ อะไรบ้างล่ะเนี่ย” ป๋าหันมาถามด้วยความแปลกใจ
“ป๋าจะรับอะไรฮะข้าวต้มปลากะพงหรือไข่กระทะ” น้ำนิ่งเสนอเมนูทางเลือก
“ชักหิวๆ ป๋าเอาข้าวต้มก่อนแล้วกัน” แม่บ้านตักข้าวต้มใส่ชามมาเสริ์ฟป๋ากับเกลล์ ภูมิรพีขอไข่กระทะ เฮียเซนขอข้าวต้ม กับไข่กระทะ
“ฮื้อฮือ อร่อยเข้าท่าเลยนะเนี่ย” ป๋ากับแม่เอ่ยปากชมพร้อมกันหลังจากตักข้าวต้มกินไปคำแรก คนตัวเล็กยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นว่าอาหารที่ทำถูกปากป๋ากับแม่ เลยตักมันฝรั่งอบกระเทียมสองสามชิ้นมากิน
“อ้าว!! แล้วเราไม่กินเหรอ กินแค่นั่นมันจะอิ่มเหรอหึ เพราะงี้สิเลยไม่โตสักทีผอมบางแทบจะปลิวตามลมแล้วนะนั่น” ป๋าถามด้วยเสียงห่วงใยเมื่อเห็นน้ำนิ่งไม่กินข้าว
“แค่นี้น้ำก็อิ่มแล้วฮะ” คนตัวเล็กเอ่ยตอบ ป๋าพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะหันไปขอข้าวต้มเพิ่มจากแม่บ้าน ส่วนแม่เกลล์ขอแอปเปิ้ลทอดสามชิ้นราดน้ำผึ้ง ส่วนตาลุงหื่นกำลังจัดการมันฝรั่งอบกระเทียม
“ช่วงสามเดือนที่ป๋าให้พวกแกทำงานจะให้เซนรับผิดชอบดูแลงานฝั่งยุโรปกับอเมริกา ราล์ฟก็ดูฝั่งเอเชียกับออสเตรเลียทั้งหมดแล้วกัน”
“แล้วป๋า..” เฮียเอ่ยถาม
“ฉันก็จะพาเมียเที่ยวสิ ทำงานแทนพวกแกมาตั้งกี่ปีแล้ววะ ขอเวลาส่วนตัวบ้างเถอะ” ป๋าเอ่ยตอบ
“ผมก็ไม่ได้จะอะไรสักหน่อย ก็ถ้าป๋าจะพาแฟนเที่ยวแล้วเรื่องกระต่ายผมล่ะ” เฮียทำเสียงติดจะล้อเลียนป๋า ก่อนจะเลยไปถึงประเด็นหลักของตัวเอง
“แกก็เลี้ยงเองแล้วกัน เด็กแกๆ ก็ดูแลกันเองแล้วกัน เดี๋ยวเมียฉันจะเหนื่อย” น้ำนิ่งหันไปมองหน้าเกลล์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เกลล์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาปากสวยเปิดยิ้มกว้าง นัยน์ตาสวยของเกลล์บอกเป็นนัยว่าใครคือผู้มีอำนาจสูงสุดของบ้านนี้
“ขอบคุณครับป๋า” สองหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกันที่ป๋ายอมยกเลิกเคอร์ฟิว
“ยอมให้ขนาดนี้แล้ว รับผิดชอบงานให้ดีด้วย” ป๋ากล่าวสำทับ
“ขอรับคุณท่าน” คุณท่านไม่เอ่ยอะไรออกมามีเพียงสายตาคาดโทษส่งมาให้ สองหนุ่มยกยิ้มก่อนจะก้มหน้ากินอาหารตรงหน้า
หลังทานอาหารเช้าเสร็จป๋าลากสองหนุ่มไปตรวจงานโรงแรมและรีสอร์ทสี่ห้าแห่งที่กระจายตัวอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอ น้ำนิ่งถูกแม่หนีบตัวเข้าไร่ชา ลุงหมานผู้จัดการไร่พาทัวร์จนทำให้รู้ว่าไร่นี้ปลูกชา 2 สายพันธุ์ใหญ่ๆ คือ ชาสายพันธุ์อัสสัม ชาพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมของไทย และสายพันธุ์จีน ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศไต้หวันและจีน
การเก็บใบชาสามารถเก็บได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม – พฤศจิกายน ของปี ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวยอดชาประมาณเวลา 05.00 – 14.00 น. โดยเฉลี่ยจะเก็บใบชา 10 วันต่อครั้ง การเก็บยอดชาจะต้องไม่อัดแน่นในตะกร้าเพราะทำให้ยอดชาช้ำและคุณภาพใบชาเสีย เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้นจากการหายใจของใบชา หลังการเก็บเกี่ยวลูกชายลุงหมานซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานจึงรีบนำส่งโรงงานผลิตให้ น้ำนิ่งได้ลองเก็บแล้วก็ไม่ยากเท่าไร ถ้าเกิดเรียนจบแล้วไม่มีงานจะมาขอเป็นชาวไร่ดูสักตั้ง ออกจากไร่ลุงหมานพาเข้าโรงงานขนาดใหญ่ของไร่ ชมขั้นตอนการผลิตชาซึ่งกว่าจะได้ชาคุณภาพมีขั้นตอนยุ่งยากพอสมควรไม่ว่าจะเป็นการผึ่ง คั่ว นวด หมัก อบแห้ง และสุดท้ายคือการคัดบรรจุ
ระหว่างนั้นภูมิโทรมาแทบจะทุกชั่วโมงสั่งนั่นนู้นนี่จะอะไรของเขานักหนาก็ไม่รู้ สองแม่ลูกพร้อมบอดี้การ์ดอีกเป็นพรวนออกจากโรงงานเวลาเกือบเที่ยง ขับรถตามกันมาจนถึงโรงเตี๊ยมซึ่งตั้งห่างจากทางเข้าไร่ ประมาณ 500 เมตร บรรยากาศของร้านเป็นอะไรที่น้ำนิ่งอยากจะกรี๊ดจนสาวแตก การตกแต่งออกสไตล์เรโทรย้อนยุคผสมผสานรูปแบบโรงเตี๊ยมของจีนอย่างลงตัว สภาพภูมิทัศน์โดยรอบร่มรื่นน่านั่งมากที่นี่มีห้องพักสำหรับแขกที่ชอบการพักผ่อนแบบโฮมสเตย์กึ่งผจญภัย 50 ห้อง
“เป็นไงชอบละสิ เรียนจบแล้วแม่ยกให้เราดูแลเลยดีไหมล่ะ” แม่เกลล์เอ่ยถามยิ้มๆ มือเรียวของแม่ปัดเกลี่ยผมยาวที่ปลิวตามลมจนยุ่งเหยิงของน้ำนิ่งขึ้นทัดหูให้
“สวยมากจนน้ำอยากจะกรี๊ดให้สาวแตกเลย น้ำฝันอยากจะทำร้านแบบนี้มาตลอดเลย แต่มันจะได้จริงๆ เหรอฮะ” น้ำนิ่งตอบแม่ทั้งที่ไม่ได้ถอนสายตาออกจากอาคารโรงเตี๊ยมที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า
“หึ หึ เป็นเอามากนะเรา ถ้าจะทำก็มา มันไม่มีอะไรเกินความสามารถเราหรอกน่า ปะเข้าไปข้างในเถอะโดนแดดมากเดี๋ยวไม่สบายแล้วเจ้านั่นจะเฉ่งแม่อีก” เกลล์เอื้อมมือไปจูงน้ำนิ่งจะเดินเข้าไปข้างในแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาทักทายคนทั้งคู่
“สวัสดีครับ คุณท่าน”
“สวัสดีคุณรวี” เกลล์เอ่ยตอบชายหนุ่มผู้มาใหม่ แต่สายตาของชายคนนั้นกลับแลเหลือบแสดงความสนใจมาให้น้ำนิ่งแทน
“สวัสดีครับ คุณ...”
“อ้อ นี่นภนทีลูกชายฉัน ส่วนนี่คุณรวีผู้จัดการโรงเตี๊ยมครับลูก” คุณรวียื่นมือมาทักทายแต่น้ำนิ่งเลือกที่จะยกมือขึ้นไหว้ผู้มีอายุมากกว่าแทน คุณรวีหน้าเก้อๆ แต่ก็ปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นยังไงบ้างช่วงนี้ มีปัญหาอะไรไหม” แม่เกลล์ถามคุณรวีก่อนจะจูงน้ำนิ่งก้าวเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน
“ช่วงนี้โลว์ซีซั่นครับท่าน แขกไม่เยอะเท่าไรแต่ก็มีมาเรื่อยๆ มีแขกพักมา 32 ห้อง ช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูการเก็บเกี่ยวเราเลยมีกิจกรรมเก็บเกี่ยวผลผลิตให้แขกได้ทำกัน ส่วนปลายเดือนพฤศจิกายน – มกราคม หมดหน้าเก็บเกี่ยวเราจะเพิ่มกิจกรรมเดินป่าตั้งแคมป์ครับท่าน” คุณรวีตอบ
“ก็ดีนะ แล้วเรื่องระบบความปลอดภัย คนนำทาง เราพร้อมรึเปล่า ความปลอดภัยของแขกสำคัญนะดูให้ดีด้วยอย่าให้มีอันตราย” เกลล์กล่าวกำชับกับคุณรวี เราเดินกันจนมาถึงบริเวณห้องอาหาร
“มีครับ เรามีพรานและคนนำทาง 5 คน ส่วนพื้นที่เดินป่าเรากำหนดโซนน้ำตกท้ายไร่ พื้นที่แถบนั้นยังคงความเป็นป่าที่สมบูรณ์ครับผม”
“กินข้าวก่อนนะลูกเที่ยงกว่าล่ะ” หลังจากที่เรานั่งเรียบร้อยแล้ว เกลล์จึงหันมาถามน้ำนิ่งที่มัวแต่สนใจหันมองบรรยากาศรอบๆ
“ยังไม่หิวเลยฮะแม่ ขอแค่น้ำขากับขนมได้รึเปล่าครับ” น้ำนิ่งตอบคนเป็นแม่
“ไม่ได้กินข้าวก่อนเดี๋ยวปวดท้อง เจ้าบ้านั่นมันยิ่งสั่งแล้วสั่งอีกกลัวหนูไม่ทานข้าว เอากะหล่ำปลีทอดน้ำปลา หล่นปลาอินทรีสด หมูหวาน แกงคั่วหอยขม ฟรังโก้ไปจัดการที” แม่เกลล์ทำเสียงเข้มก่อนจะหันไปสั่งฟรังโก้ให้จัดการเรื่องอาหาร
“ทานข้าวด้วยกันสิคุณรวี” แม่เกลล์หันไปเชิญขวนคุณรวี
“ขอบคุณครับท่าน ผมเรียบร้อยแล้วครับมีประชุมบ่ายโมงตรง ผมขอตัวก่อนนะครับคุณท่าน” คุณรวีกล่าวกับแม่ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้น้ำนิ่ง
“งั้นก็ตามสบายเถอะนะ”
“สวัสดีครับคุณท่าน คุณนภนที” คุณรวีลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งให้คนทั้งคู่
“สวัสดีครับ” คล้อยหลังคุณรวีไม่นานอาหารที่เราสั่งก็ลำเลียงมาเสริ์ฟ รสชาดของอาหารอร่อยใช้ได้เลยเชียวแหละ ระหว่างกำลังนั่งทานกันอยู่ น้ำนิ่งรู้สึกถึงการสั่งของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง จึงหยิบออกมาดูปรากฏเป็นภูมิรพีโทรเข้ามา ทำให้คนตัวเล็กยกยิ้มขำๆ ตาลุงนี่ชักเยอะไม่โทรหาก็จะส่งข้อความหาแทบจะทุกชั่วโมงเลย
“อะไรอีกล่ะภูมิ” น้ำนิ่งกรอกเสียงลากยาวลงไป
// คิดถึง อยากกอด //
“บ้าเหรอ จะคิดถึงอะไรนักหนาทุกชั่วโมง” น้ำนิ่งเอามือป้องปากตอบกลับภูมิรพีด้วยเสียงเบา
//ก็คิดถึงจริงๆ นี่น่า แล้วกินข้าวรึยังเที่ยงกว่าแล้วนะ //
“กำลัง แล้วภูมิกินยัง”
// กำลังเหมือนกัน แต่อยากกินหนูมากกว่า แล้วอยู่ที่ไหนบ้าน?? ภูมิกลับไปกินได้ไหมนะน้า...//
“บ้าแล้ว เค้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมกับแม่ รีบไปกินข้าวเลยไป๊ ไม่ต้องโทรมาอีกแล้วนะ เย็นก็เจอกันแล้ว” น้ำนิ่งกดตัดสายทันทีไม่รอให้ทางนั้นต่อความยาวสาวความยืดแต่ประการใด หย่อนโทรศัพท์ใส่กระเป๋าตามเดิม พอเงยหน้าเห็นแม่ส่ายหน้ายิ้มๆ น้ำนิ่งเลยยิ้มตอบแบบเขินๆ เจ้าลูกตัวดีก็ช่างห่วงเมียเด็กเกินเหตุ
“เจ้าราล์ฟล่ะสิ มันบ้าบอโทรหาแม่แทบจะทุกครึ่งชั่วโมงย้ำแล้วย้ำอีกให้ดูเมียมันดีๆ นิสัยเหมือนป๋าไม่มีผิดหึ หึ“ แม่เกลล์กล่าวถึงอีกคนด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้แกมเอ็นดู
“.....” ไม่มีเสียงตอบจากน้ำนิ่ง มีแต่หน้าที่ขึ้นสีระเรื่องรอเวลาระเบิดและรอยยิ้มเขินอายให้คนเป็นแม่ ก่อนจะก้มหน้างุดจ้วงตักข้าวกิน แต่ยังได้ยินเสียงหัวเราะล้อเลียนของแม่กระทบโสตให้ได้เขินอายกว่าเดิม
“เติมข้าวอีกไหมครับ” เกลล์ถามหลังจากเห็นข้าวในจานของน้ำนิ่งหมด แล้วคนร่างบางเตรียมรวบช้อน
“พอแล้วฮะ อาหารอร่อยมากทำให้น้ำลืมตัวกินจนอิ่มตื้อพุ่งปลิ้นเลย”
“อ้าว ยังงี้ก็ไม่มีเหลือพอสำหรับใส่ทับทิมลอยแก้ว กับบัวลอยไข่หวานนะสิ เอาไหมครับที่นี่ของเขาอร่อยนะแม่รับรองเลย”
“ไม่ไหวแล้วฮะ แม่ดูสิพุงปลิ้นแล้วด้วย” คนตัวบางทำหน้ามุ่ย ยกเสื้อเชิ้ตสีขาวเปิดพุงที่ยังแบนราบให้คนเป็นแม่ดู จนคนเป็นแม่หัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่า ฮ่า เอ้าอิ่มก็อิ่ม งั้นกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า แดดชักแรงแล้วเดี๋ยวไม่สบาย”
“ก็ได้ฮะ”
คณะคุณนายเคลื่อนขบวนออกจากโรงเตี๊ยมตอนบ่ายโมงเศษ ระหว่างทางเราแวะดูร้านค้าผลิตภัณฑ์จากใบชาและของฝากนิดหน่อยกว่าจะถึงบ้านก็เกือบบ่ายสอง เกลล์สั่งให้น้ำนิ่งอาบน้ำให้สบายตัวแล้วนอนพักผ่อนได้เลย แล้วเกลล์ก็กลับออกไปดูงานที่ออฟฟิตซึ่งอยู่ปากทางเข้าไร่ต่อ
น้ำนิ่งรู้สึกตัวตื่นเพราะแรงกอดกระชับจนรู้สึกถึงความอึดอัดหันหลังกลับไปมองเห็นใบหน้าหล่อคมเข้มของคนตัวโตที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง น้ำนิ่งขยับตัวหันหน้าเข้าหาคนตัวโตใช้แรงผลักให้นอนหงายสงสัยจะเหนื่อยและง่วงจริงๆ จึงยังไม่รู้สึกตัว น้ำนิ่งปีนขึ้นไปนั่งทับหน้าท้องแกร่งชะโงกตัวลงไปใช้ลิ้นเล็กชื้นของตัวเองไล้เลียและกดจูบไปตามกลีบปากหนาค่อนข้างแรง แต่คนใต้ร่างก็ยังไม่ตื่น มีเพียงเสียงครางฮืออาในลำคอแล้วก็เงียบไป ยิ่งทำให้คนร่างบางได้ใจก้มลงไล้ลิ้นเลียขบเม้มริมฝีปากหนาหนักข้อกว่าเดิม น้ำนิ่งลากจูบไปจนถึงใต้คาง ซอกคอ มือเรียวเล็กสอดเข้าไปในเสื้อกล้ามของคนตัวโตดึงรั้งขึ้นมาจนเผยให้เห็นยอดอกสีชมพูจาง น้ำนิ่งยกยิ้มมุมปากพอใจ ก้มลงครอบปากลงดูดดึงและตวัดลิ้นเล็กเลียวน อีกข้างก็บีบบี้อย่างแรง สะโพกกลมมนร่อนส่ายไปมาเสียดสีกับท่อนลำของคนใต้ร่างจนเริ่มแข็งขืนน้ำเหนียวข้นเริ่มปริ่มปลายนิดๆ ซึมเปียกกางเกงนอนเนื้อบางจนรู้สึกได้
“อ๊า อา...ลุง”
“อา...ยั่วเหรอ?” คนใต้ร่างหลุดคราง เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ ลืมขึ้นดูคนบนร่างที่ยังร่อนส่ายสะโพกให้คลึงเคล้ากับท่อนลำของเขาอย่างหลงใหล นัยน์คมสีแปลกเปิดเปลือยถึงความต้องการราวกับสัตว์ป่าที่กำลังกระหายอยาก...คิ้วเข้มยกขึ้นเป็นเชิงถาม
“อยาก!?”
“....”
ไม่มีเสียงตอบจากปากร่างบาง น้ำนิ่งยืดตัวขึ้นเอนทั้งตัวไปข้างหลังมือเรียววางบนหน้าขาของภูมิรพีค้ำยันไว้ไม่ให้ล้ม หน้าหวานแหงนเงยตาหลับพริ้ม สะโพกมนขยับบดเบียดเนิบนาบเป็นจังหวะ ริมฝีปากนุ่มชื้นแวววาวด้วยน้ำลายเผยออก ลิ้นเล็กนุ่มหยุ่นสีแดงแลบเลียริมฝีปากของตัวเองจนฉ่ำชื้น แม่ตัวดีเปิดตามองภูมิรพีฉ้ำหวานเชิญชวน ยิ้มหวานยั่วเย้าทำเอาคนใต้ร่างชะงักค้าง ก่อนที่จะทันได้รู้สึกตัวน้ำนิ่งโดดผลุงลงข้างเตียงวิ่งเผ่นแผ่วอย่างรวดเร็วถึงประตู
“หิวต่างหาก ลามกนะลุง”
ตอบแค่นั้นแม่เมียตัวดีดันตัวออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว เสียงประตูที่ปิดกลับดังปังทำให้ตาลุงลามกสติกลับคืนสบถดังลั่น...
“แม่ตัวดี!!”TBC.
ปล. 1. เหนื่อยกับงานราษฎร์งานหลวง แต่ก็เข็นตอนนี้จนจบก็ยังไม่มีอะไรก็แค่นำเสนอชีวิตหนึ่งวันของครอบครัวสุขสันต์ตอนหน้าจะพักสองคนนี้ไว้ก่อนเพราะเคลียร์คิวว่างไม่ได้ (จริงๆ คือหมดมุขที่จะเล่าต่อ55+) เราจะเอาคนอื่นมายำบ้าง
2.
ขอบคุณสำหรับการติดตาม และขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ