บทที่ 12 เรามาจบเรื่องกันเถอะ!! 1
ผมตื่นนอนมาด้วยอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวชนิดที่แทบจะขยับไปไหนไม่ได้เลย จนต้องทานอาหารเช้าบนเตียง แล้วก็นอนซมไปจนถึงเย็นเพราะไข้ขึ้น พี่อายากะที่เข้ามาดูแลก็บ่นทาคุยะใหญ่เมื่อเห็นร่องรอยของเมื่อคืนบนตัวผม ผมอายจนแทบจะพลิกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว แต่ทาคุยะกลับหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องน่าขำซะงั้น
“คืนนี้ไปนอนข้างนอกเลย”ผมคาดโทษอย่างฉุนๆ
“โถ ที่รัก โกรธอะไรผมกันเล่า”ทาคุยะรีบขึ้นเตียงมากอดอ้อนผม
“ถอยไปห่างๆ แล้วก็ไม่ต้องมาเรียกว่าที่รักด้วย จะอ๊วก”ผมผลักเขาออกโกรธๆ ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจนะว่าผมอาย บอกคนอื่นหน้าระรื่น แบบนี้ใครๆ เขาก็รู้หมดอะดิว่าผม....รับน่ะ
“โถ ก็ที่รักเป็นที่รัก จะให้ผมไม่เรียกที่รักว่าที่รัก มันใช้ได้ที่ไหนกันละครับที่รัก”กวนได้โล่
“งั้นคืนนี้ ที่รักก็นอนนอกห้องนะครับ เพราะผมไม่อยากเห็นหน้าที่รักเลย ขาผมกระตุกไม่หยุด กลัวจะกระแทกปากที่รักเข้าสักวัน”อยู่กับเขาผมจะประสาทกินตาย
“ฮ่าๆๆๆ โอเค ไม่แกล้งแล้วก็ได้ โกรธอะไรผมนักหืม บอกมาสิ”ถ้าอยากจะง้อก็ไม่ต้องทำเนียนมากอดสิ
“ผมอายนี่ คุณพูดได้อย่างไม่อายปากถึงเรื่องเมื่อคืนกับคนอื่น คุณลองให้ผมรุกดูสักครั้งนึงสิ จะได้รู้ว่าความรู้สึกของผมเป็นยังไง”
“โถ ถึงผมไม่พูด คนอื่นเขาก็รู้กันหมดแล้วล่ะครับ ยูกิจัง จุ๊บ”ผมหน้าแดง รีบหันหน้าหนีก่อนที่เขาจะทำมากกว่าจูบ
“อย่านะ ผม....ผม”
“อะไร หืม?” หยุดเป็นไม้เลื้อยสักทีได้มั้ย
“ผมยังเจ็บอยู่”ผมตอบเสียงสั่น กลัวทำเขาไม่พอใจ แต่มันเจ็บจะตายอยู่แล้ว ให้ทำอีกคงไม่ไหวอ่ะ
“ฮะๆๆๆ ผมแค่จูบเอง คิดไปถึงไหนเนี่ย หึๆ ผมไม่ทำอะไรสุดที่รักหรอก”ทาคุยะขยับมานั่งซ้อนหลังผม แล้วเปิดทีวีดูหนังกัน เปิดมาเจอ twilight 2 – New moon พอดี เขาเกยคางที่ไหล่ผม เรานั่งดูกันจนหนังเกือบจะจบ ผมอดสะเทือนใจไม่ได้ที่พระเอกยอมหนีห่างมาเพราะกลัวนางเอกจะมีอันตราย จนสุดท้ายเมื่อรู้ว่าไม่อาจตัดใจได้ จึงมุ่งหน้าสู่ความตายเพื่อจบปัญหาทั้งหมด มันทำให้ผมนึกถึงพ่อกับแม่ ผมกลัวว่าผมจะมีวันนั้น ผมหันหลังไปหาทาคุยะ เขาหันมามองอย่างแปลกใจ
“ทาคุยะ”ผมเรียกเบาๆ
“ครับ มีอะไรเหรอ”
“ถ้าคุณเป็นพระเอก ถ้าผมต้องตกอยู่ในอันตราย...คุณ อย่าทิ้งผมนะ”อดีตเป็นบนเรียนที่สำคัญ ผมเห็นความล้มเหลวของการอยู่อย่างแยกกันของพ่อกับแม่แล้ว ไม่มีอะไรดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากความเจ็บปวดของทั้งสองคน สุดท้ายก็พรากจากกันตลอดกาล
“แค่คุณปลอดภัยเท่านั้น ก็พอแล้ว ผมคงทนไม่ได้ หากต้องเสียคุณไป”คำตอบของทาคุยะทำให้ผมไม่สบายใจ
“แล้วคุณคิดว่าผมทนได้เหรอ ถ้าต้องทนเห็นคุณตาย ...ทาคุยะ ถ้ามันจะตาย ก็ตายด้วยกันทั้งสองคนเถอะ ผมอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณ”
ทาคุยะกระชับอ้อมกอดให้มากขึ้น ผมเองก็เอนตัวจมลงอ้อมกอดของเขา ผมอยากอยู่แบบนี้ตลอดไป ไม่อยากออกไปจากบ้านหลังนี้เลย ไม่อยากออกไปเผชิญโลกภายนอก ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น ผมอยากเห็นแก่ตัว ผมอยากอยู่กับเขา อยากอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า....ปรารถนา จากก้นบึ้งหัวใจ
งานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกรา....สองสามวันหลังจากนั้นเราได้ข่าวจากพ่อผมและคุณยูตะพ่อของพี่ทาคุยะว่ากำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะคนของไทจิมันมีมากกว่าที่คิดไว้ ทาคุยะจึงต้องไปช่วยพวกเขา โดยที่ผมกับพี่อายากะและคนอีกส่วนหนึ่งต้องอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากให้เขาไป แต่ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะคนที่รอความช่วยเหลืออยู่คือพ่อของผม ผมอยากไปด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมอยู่ดี.....จนเราทะเลาะกัน
“ทำไมดื้อแบบนี้นะยูกิ ผมบอกว่าไปไม่ได้ไง”ทาคุยะเอ่ยเสียงเครียด
“ทำไมจะไปไม่ได้ ผมขอร้อง ผมจะไม่อยู่ห่างจากคุณเลย ผมแค่อยากไปด้วย อยากไปเจอพ่อ อยากอยู่ใกล้ๆคุณเท่านั้นเอง”
“คุณจะทำให้ผมเป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำอะไรมากกว่า อยู่ที่นี่นะคนดี เชื่อฟังหน่อย”
“ไม่ ทำไมคุณไม่เข้าใจผมนะ อยู่ที่ไหนก็อันตรายทั้งนั้น ยังไงไทจิก็ต้องเจอที่นี่เข้าสักวัน มัวแต่ซ่อนตัวผมแล้วจะได้อะไรขึ้นมา”
“ก็เลยจะไปเผชิญหน้างั้นสิ เพื่ออะไร ยูกิฟังนะ ทั้งหมดที่เราทำตอนนี้ก็เพื่อให้คุณและคุณหนูอายากะปลอดภัย คุณจะต้องอยู่ที่นี่ ตราบใดที่คุณและคุณหนูอายากะยังมีชีวิตอยู่ ไทจิมันจะไม่ได้ในสิ่งที่มันหวัง หรือคุณต้องการให้ตระกูลคุณล่มสลาย”เขาพยายามกล่อมผม
“คุณบอกว่าคนของไทจิมีมากกว่า แต่คุณกลับแบ่งคนครึ่งหนึ่งไว้รักษาความปลอดภัยให้ผมที่นี่ นี่มันเป็นความคิดที่ดีงั้นเหรอ ถ้าพ่อบอกว่าคนขาด นั่นหมายถึงเขาต้องการคนทั้งหมด ผมกำลังเสนอทางออกที่เป็นไปได้และดีที่สุดให้คุณอยู่นะ ทาคุยะ จะรับฟังหน่อยไม่ได้รึไง”ผมพยายามหาเหตุผลต่างๆ นาๆ เขาเริ่มคล้อยตาม แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
เขาจากไปโดยเหลือคนไว้รักษาความปลอดภัยให้ผมและพี่อายากะแค่หนึ่งในสี่เท่านั้น ผมอุ่นใจเมื่อเขามีคนไปด้วยมากขึ้น แต่จะอุ่นในกว่านี้ถ้าเขาพาผมไปด้วย ผมโกรธเขามากที่เขาไม่ยอมฟัง ผมเลยไม่ได้ไปยืนส่ง....เราจากกันแบบไม่สวยนัก
ผมแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ป่านนี้ทาคุยะคงถึงที่บ้านนั้นแล้ว ผมกังวล กลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย อยากรู้ว่าพ่อเป็นไงบ้าง ตอนนี้ทุกคนวุ่นวายมาก เพราะคนเหลือน้อย จึงต้องวางแผนเปลี่ยนเวรยามและระบบรักษาความปลอดภัยใหม่หมด จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงรุ่งเช้า ทุกคนก็ยังไม่ได้นอน ผมเดินเข้าห้องครัวรับกาแฟมาจากแม่บ้านดื่มแก้ง่วง เพราะถึงจะนอนไปก็คงหลับตาไม่ลง
“คุณหนูยูกิครับ มีคนมาหาครับ”การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามารายงาน ผมพยักหน้าอนุญาต เขาจึงไปตามคนคนนั้นมา
“โทชิโร่!!!”เขามาที่นี่ได้ยังไง
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนู”เขาโค้งคำนับ
“คุณมาที่นี่ได้ยังไงกัน”
“คุณทาคุยะส่งผมมาครับ เขาอยากให้ผมมาอารักขาคุณหนู”
“งั้นเหรอ คุณมาก็ดีแล้ว คุณช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดที่นั่นให้ผมฟังหน่อย ผมอยากรู้เรื่องความเคลื่อนไหว พ่อเป็นยังไงบ้าง สถานการณ์เลวร้ายมากมั้ย ผมอยากรู้หมดทุกอย่างเลย”ผมดึงเขามานั่งด้วยกันที่โต๊ะอาหาร
“ใจเย็นๆ ครับ คุณหนู”เขาพูดยิ้มๆ แต่มันช่างเป็นยิ้มที่ดูเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
“บอกมาเถอะ”ผมคาดคั้น
“คนของไทจิมีมากกว่าเราเท่าหนึ่งได้ครับ ผมกับนายท่านกำลังติดต่อไปที่ทางตระกูลเพื่อให้พวกเขาได้รู้เรื่องทั้งหมด แต่ไทจิมันวางหมากไว้หมดแล้ว คนที่รับสายเราเป็นคนของมัน วันรุ่งขึ้น ตระกูลโทระซิกิก็ได้จดหมายจากทางตระกูลของเรา เขาหาว่าท่านยูตะ ท่านพ่อของคุณทาคุยะ ร่วมมือกับโยชิทาเกะ ไทจิจึงนำกองกำลังมาบุกที่นั่นได้อย่างเปิดเผย อ้างว่าเพื่อแก้แค้นแทนพ่อและน้องชาย”โทชิโร่มีสีหน้าเคียดแค้นอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่โทษเขาหรอก ไทจิทำกับเราไว้มากจริงๆ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเราเชื่อเขาอย่างสนิทใจแท้ๆ
“งั้นตอนนี้ คนในตระกูลก็นึกว่าผมกับพ่อและก็พี่อายากะตายแล้วงั้นสิ”
“ครับ”
เอ๊ะ...เรื่องนี้มันมีจุดอ่อนนะ เดี๋ยวก่อน....ใช่แล้ว การที่ผมยังไม่ตาย คือจุดอ่อนของแผนการนี้ ผมคิดวิธีที่จะช่วยทาคุยะกับพ่อได้แล้ว
“โทชิโร่ ถ้ามีหนทางแก้ไขปัญหาเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี่ นายพร้อมจะทำตามคำสั่งฉันรึเปล่า”
“หา? อะไรนะครับ”เขาทำหน้างงๆ
“ตอบมา นายพร้อมจะรับฉันเป็นเจ้านาย นับถือ และทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดหรือไม่”
“คะ ครับ”
“งั้นก็ดี เพราะเราจะกลับบ้านกัน”ใช่ กลับไปสะสางเรื่องทั้งหมด
“มะ ไม่ได้นะครับ คุณหนูคิดอะไรอยู่เนี่ย คนของไทจิมันอยู่เต็มไปหมด กลับไปมีหวังได้ตายจริงๆ แน่”เขาละล่ำละลักห้าม
“ฟังนะ โทชิโร่ คนในตระกูลคิดว่าผม พ่อ และพี่อายากะตายแล้ว ทายาทโดยสายเลือดไม่เหลือ เหลือแค่บุตรบุญธรรมอย่างไทจิ ทำให้เขาสามารถใช้อำนาจและขึ้นเป็นผู้นำได้ แต่ถ้าผมปรากฏตัว บอกความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับแผนสกปรกของมันแล้วละก็ ทุกอย่างก็จะจบ เราสามารถขอกองกำลังของตระกูลมาช่วยกำจัดไทจิได้ เรื่องทั้งหมดก็จะจบลง”
“ผมกับนายท่านเคยลองแล้วครับ แต่ไม่สามารถเข้าไปในบริเวณตัวคฤหาสน์ได้เลย ผมเสียใจด้วยครับ”
“มีสิ มีอีกทางหนึ่ง เป็นทางที่มีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้” มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้....
“ทางไหนครับ”
ผมกับโทชิโร่หลบการ์ดออกมาได้อย่างหวุดหวิด ต้องอ้อมไปทางด้านหลังน้ำตกแล้วเดินป่าออกไปเพื่อไม่ให้คนของทาคุยะจับได้ เราไปกันแค่สองคนเพราะยิ่งคนน้อย ยิ่งเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ตอนนี้ผู้อาวุโสในตระกูลรวมถึงหัวหน้าในแต่ละเขตก็มารวมตัวอยู่ภายในบริเวณของคฤหาสน์ซากุรากิ มันเป็นมาตรการป้องกันในตอนนี้ที่แก๊งมีปัญหา เราใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะขับรถมาถึงคฤหาสน์ พอเรามาถึงฟ้าก็มืดพอดี ผมสั่งให้โทชิโร่ไปจอดรถที่ด้านหลังของเนิน บริเวณท่อน้ำทิ้ง....ใช่ เดาไม่ผิดหรอก ทางลับที่ผมว่าก็คือท่อน้ำทิ้งขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อไปทั่วทั้งคฤหาสน์ แน่นอนว่าทุกคนรู้ว่ามันมีอยู่ แต่ไม่มีใครคิดว่ามันจะสามารถใช้เป็นทางลับได้จริงๆ แต่ผมทำมาแล้ว ตอนที่พ่อไม่ให้ออกไปไหน ผมแอบออกไปเที่ยวเล่นผ่านช่องนี้ โดยไม่มีใครสังเกต
ผมเปิดประตูเหล็กที่กั้นไว้ออก เดินถือไฟฉายนำหน้าโทชิโรเข้าไป ข้างในนี้เหมือนเขาวงกต ถ้าไม่รู้เส้นทางอาจหลงได้ ผมใช้เวลาร่วม 20 นาทีกว่าจะเดินมาจนถึงเส้นทางที่ผมต้องการ
“มันจะไปโผล่ตรงไหนครับ”โทชิโร่ถามเมื่อผมหยุดตรงหน้าท่อท่อหนึ่ง
“ที่ที่เราฝึกยิงปืนกันไงครับ”ผมยิ้มให้กำลังใจเขา
เราตรวจเช็คอาวุธและลำกล้องปืนที่พกมา ตรวจสภาพและความเรียบร้อย เตรียมมันให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา ก่อนที่โทชิโร่จะปืนนำขึ้นไปข้างบน ผมรออยู่ข้างล่างด้วยความใจจดใจจ่อ ตรงนั้นไม่ใช่ที่ทึบ ผมอยากออกไปทางอื่นแต่ผมไม่รู้ทาง กลัวหลงแล้วจะลำบาก แต่แล้วผมก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อโทชิโร่โผล่หัวลงมาบอกว่าข้างบนปลอดภัย เราปืนออกไปนอกท่อ หลบเข้าพุ่มไม้เมื่อมีคนเดินผ่านได้อย่างเฉียดฉิว เราไม่รู้ว่าคนที่รักษาความปลอดภัยในคฤหาสน์เป็นคนของใครเลยต้องระวังไว้ก่อน
ผมกับโทชิโร่ต้องไปให้ถึงเรือนรับรอง ที่ซึ่งผู้อาวุโสและคนสำคัญในแก๊งพักอยู่ และมันอยู่ข้างหลังของสนามฝึกยิงปืนนี่เอง แต่ถ้าผมเป็นไทจิ ก็คงจะต้องวางกองกำลังไว้ที่ตรงนั้นอย่างแน่นหนาเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเหมือนตอนนี้ และเมื่อไปถึงผมก็ได้รู้ว่าผมกับไทจินั้น ใจตรงกันไม่น้อยเลย กองกำลังเกือบ 10 คนเดินวุ่นเต็มหน้าเรือนรับรองไปหมด นี่ยังไม่นับข้างหลังนะ ถ้าผมยิงปืนออกไปมีหวังได้แห่กันมาหมดแน่ แม้จะมีที่เก็บเสียงก็ตาม ผมกับโทชิโร่มีกันแค่ 2 คน เราคงต้องเดินสำรวจบริเวณเพื่อหาจุดบอดเข้าไปข้างใน
แล้วก็เจอจนได้หน้าต่างชั้นสองของห้องห้องหนึ่งมีต้นไม้ข้างๆที่มาเกี่ยวพอที่จะให้เราปืนต้นไม้เข้าไปได้ ผมถามโทชิโร่ว่าพอจะรู้มั้ยว่าตรงนั้นเป็นห้องใคร แต่เขาก็ส่ายหน้า ไม่รู้อะไรเลย
นั่นเป็นทางเดียวที่เราจะเข้าไป ยังไงก็ต้องยอมเสี่ยง คราวนี้ผมนำหน้าไปก่อน ผมปืนต้นไม้อย่างเงียบเชียบ ใจตกไปอยู่ตาตุ่มทุกครั้งที่มีการ์ดเดินผ่านไปผ่านมาข้างล่าง ใช้เวลาไม่นานผมก็ส่งตัวเองมาอยู่ที่ริมระเบียงชั้นสองจนได้ ผมรอจนโทชิโร่ขึ้นมาถึง นับหนึ่งสองสามในใจ ก่อนจะเปิดบานประตูเข้าไป
อึก!!!!!!!!!!
คนในห้องมองมาที่ผมอย่างตกใจ ผมและโทชิโร่ก็เหมือนกัน เราก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ เหอะ! ใครบอกว่าความบังเอิญไม่มีในโลก ผมล่ะอยากจะให้ปู่เต่าในกังฟูแพนด้ามาเห็นผมตอนนี้จริงๆ คนในห้องที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา กับลูกน้องอีกคนหนึ่งหันมายิ้มเหี้ยมให้ผม โดยไม่ทันตั้งตัว ลูกน้องของมันที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ยิงมาที่ขาของโทชิโร่
ปัง!!!!
โทชิโร่ล้มลงไปนอนกับพื้นด้วยความเจ็บ ผมจะก้มลงประคองเขา แต่ผืนที่ตอนนี้มาจ่อหัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้น มือปืนคนนั้นกระชากตัวผมไปหานายมัน โยนผมลงบนโซฟาก่อนจะใช้ปืนจี้ผมไว้ตามเดิม
“พี่กำลังจะไปหาเราอยู่พอดี อดคิดถึงพี่ไม่ไหวรึไง หืม” ใช่แล้ว คนที่ผมเข้ามาเจอที่ห้องก็คือ ไทจินั่นเอง บ้าชะมัด
“หุบปากเหม็นๆ ของแกซะ”ผมขยับออกห่างอย่างรังเกียจ ลึกๆแล้วผมกลัวเขามาก ความทรงจำตอนนั้นมันทำร้ายผมมากจริงๆ
“พี่พึ่งอาบน้ำแปรงฟันมา จะเหม็นได้ยังไง”เขาตอบอย่างอารมณ์ดี แต่ผมนี่สิ แทบจะเป็นบ้าไปแล้ว อุตส่าห์หนีได้ตั้งนาน แต่กลับวิ่งมาให้มันฆ่ามันเฉยเลย
“อย่ามาเล่นลิ้นนะ”
“หึ ปากดีจังนะ อุตส่าห์มาได้ไกลถึงเรือนรับรอง แต่กลับดวงซวยมาเข้าห้องฉันซะได้ แบบนี้ก็ยอมรับเถอะ ว่าโชคชะตากำหนดฉันมาให้เป็นหัวหน้าแก๊ง และกำหนดให้แกต้องตายในมือฉัน”เขาบีบคางผมแน่น ดวงตาฉายแววกระหายอำนาจและสะใจอย่างปิดไม่มิด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณไทจิครับ ผมได้ยินเสียงปืน เป็นอะไรรึเปล่าครับ”เสียงการ์ดข้างนอกตะโกนเข้ามา ใช่แล้ว...ผมต้องตกโกนให้เขารู้ว่าผมอยู่ที่นี่ อย่างน้อยให้คนที่พักอยู่ในห้องอื่นได้ยินก็ยังดี
แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก ไทจิเหมือนรู้ความคิดผม เขาเอามือปิดปากผมแน่น ก่อนจะตะโกนกลับไป
“ไม่มีอะไร ไคมันปืนลั่นน่ะ กลับไปเถอะ”
“ครับ”
ไค งั้นเหรอ มือปืนที่อยู่ในห้องนี้ชื่อไคงั้นเหรอ อ้อ คนที่อยู่ในโทรศัพท์ของมันเมื่อตอนนั้นสินะ ผมเหลือบตาไปมองไค ผมดำ ตาดำ สูทแดงทึบ....นักฆ่า ดวงตาแบบนั้น ยิงคนไม่สะทกสะท้าน นี่มันนักฆ่าชัดๆ
ผมเหลือบไปมองโทชิโร่ เขาอาการไม่สู้ดีนัก ถ้าปล่อยไว้แบบนั้น เขาต้องเลือดออกตายแน่ๆ ผมเขย่าๆ ไทจิเบาๆ เพื่อให้เขาหันมาสนใจ พยายามใบ้ให้เขาเอามือผมออก เขาเอามือออก แล้วยิ้มเสแสร้งให้ผม
“โทชิโร่ ช่วยเขา ปล่อยไว้แบบนั้น เขาตายแน่”
“ก็ช่างมันสิ มันไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว”เขาตอบอย่างไม่หยี่ระ แล้วหันไปเปิดทีวีดู และผมก็คงจะสุขใจกว่านี้ถ้าลูกน้องผมไม่ได้บาดเจ็บ และไม่มีปืนจ่อหัวผมอยู่
“บ้าไปแล้วรึไง นั่นชีวิตคนคนหนึ่งเลยนะ เอางี้ ถ้าคุณช่วยเขา ผมจะยอมอยู่กับคุณ ไม่หนีอีกแล้ว นะ ขอร้อง”ผมยอมทิ้งศักดิ์ศรี คนแบบโทชิโร่ไม่ได้หาได้ง่าย เขาเชื่อใจผม ดูแลผม ภักดีต่อผม ผมไม่ยอมให้เขาเป็นอะไรเป็นอันขาด
ไทจิหันมามองผมด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ไค ไคเดินเข้าไปหาโทชิโร่ อุ้มเขาพาดบ่าแล้วพาเดินออกไปข้างนอก ผมคิดในแง่ดีว่าเขาอาจพาโทชิโร่ไปห้องพยาบาล แม้ว่าท่าทีจะเหมือนอุ้มไปฆ่าก็เหอะ ไทจิอาจเลวจริง แต่ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนไม่รักษาสัญญา
“เอาล่ะ มาคุยเรื่องของเราดีกว่านะน้องรัก บุกมาถึงที่นี่ คงนึกจะมาบอกความจริงกับพวกโง่พวกนั้นละสิ หึ แต่กลับมาดวงซวยซะได้”เขามองผมอย่างสมเพช
“อย่างน้อยสิ่งที่ผมทำก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
“สิ่งที่ถูกต้อง...หึ แล้วทำไมคนที่ทำสิ่งที่ถูกต้องถึงตกมาอยู่ในสภาพนี้ล่ะ”
“จะสภาพไหนก็ดีกว่าสภาพแกในตอนนี้แล้วกัน น่าสมเพช”
“ใครน่าสมเพชกันแน่ อย่ามากวนประสาทพี่ดีกว่านะยูกิ เพราะบรรดาพ่อๆ รวมถึงไอทาคุยะ มันกำลังรับศึกหนัก จะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่แล้ว”เขาบีบแก้มผม ก่อนจะสะบัดออกอย่างแรงเมื่อพูดเสร็จ
“แกทำอะไรพวกเขา”ผมถามอย่างตื่นตระหนก จะเป็นอะไรมากมั้ยนะ
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง
เสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะเสียก่อน เขารับโทรศัพท์ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่แสยะยิ้มเท่านั้น ก่อนจะหันมามองผม แววตาตื่นเต้นของคนมีชัย
“เราได้เห็นกัน”เขากระชากตัวผมออกไปข้างนอก ผมพยายามมองหาคนอื่นในเรือนรับรอง แต่ประตูทุกห้องมีการ์ดเฝ้าอยู่ พวกเขามองผมโดยไม่แปลกใจสักนิด ...นี่คงเป็นการ์ดของไทจิ ผมถูกโยนเข้าในรถลิมูซีน ไทจินั่งตามลงมา รถออกไปอย่างรวดเร็ว ผมอยากถามเขาว่าเราจะไปไหนกัน แต่ก็ไม่กล้าถาม เขายิ้มเหี้ยมไม่หยุดหลังจากได้รับโทรศัพท์ ผมใจคอไม่ดีเลย ภาวนาขอให้พ่อปลอดภัย ให้ทุกคนปลอดภัย.....ขอให้ ทาคุยะของผม ปลอดภัย....
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอแบ่งเป็น 2 ตอนแล้วกัน
5555555555555555
ช่วงนี้วุ่นวายกับเรื่องมหาลัย อาจอัพช้าหน่อย (ปกติก็ช้าเหอะ แถไปเรื่อย)
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะค่ะ