“เจ้านายน้าภัทรนี่ เขาใจดีจังเลยนะฮะ”
“…..”
“น้าภัทรฮะ….”
“อือ….ใช่ เขาใจดี”
“เลี้ยงข้าวเราไม่พอยังซื้อขนมให้โอ๊ตอีก ใจดีมากเลย” หลานชายพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม ขณะที่แขนทั้งสองข้างยังกอดถุงขนมใบใหญ่เอาไว้ด้วย
สองน้าหลานเพิ่งกลับเข้าบ้านได้เพียงไม่นาน หลังภัทรพาคุณภาสกรไปรับหลานชายที่โรงเรียน เราจึงแวะทานข้าวเย็นข้างนอกบ้านเสียเลย ซึ่งคุณเขาก็อาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหาร ไม่ยอมให้ภัทรออกเงินช่วยสักบาทเดียว
อยากจะชื่นชมคุณภาสกรอย่างเต็มใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้ภัทรไม่มีอารมณ์จะชื่นชมหรือเยินยอใครทั้งนั้น เนื่องด้วยเรื่องส่วนตัวที่ทำให้เขาแทบทานอาหารมื้อเย็นไม่ลง แถมภัทรยังไม่ยิ้มแย้มเหมือนอย่างเคย ทำเอาคนรอบข้าง แม้แต่หลานชายอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
หลังส่งหลานเข้านอน เช็กประตูบ้าน กลอนหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็กลับเข้ามาในห้องนอน สถานที่ส่วนตัวของตนเองด้วยความหนักอกหนักใจ ทั้งวันมานี้ก็ว่าแย่แล้ว เพราะไหล่ทั้งสองข้างแบกรับความกลัวที่ยังไม่เกิดขึ้นจนเหนื่อยล้าไปหมด แต่ตอนนี้ทุกอย่างยิ่งแย่ลงไปอีก
หากย้อนเวลากลับไปได้ ธนภัทรจะไม่มีทางเอ่ยถามเรื่องนั้นกับคุณภาสกรเป็นอันขาด เพราะคำตอบของคุณเขา มันทำให้ภัทรรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ ตอนนี้เหมือนเขาต้องตระหนักไว้เสมอ ห้ามให้คุณเขาผิดหวังเป็นอันขาด หากอยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นมากกว่าเจ้านายและลูกน้อง ซึ่งก็แปลว่าคุณภาสกรจะรู้ความลับของภัทรไม่ได้เด็ดขาด
ธนภัทรคิดเวลาตัวเองมีสติในการเล่นโซเชียลเสมอ เขาเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า จะเล่นทุกอย่างอย่างมีสติ แต่ครั้งนั้นภัทรเผลอไม่ระวังไปเพียงเสี้ยววิ ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะต้องมานั่งหนักใจ นับวันรอว่าเมื่อไรความลับจะแตก
คุณพีดีกับภัทรก็จริง เราคุยกันมากกว่าใคร แต่ตอนนี้อีกฝ่ายรู้เรื่องส่วนตัวภัทรแล้ว คนเราขนาดรู้หน้ายังไม่รู้ใจ แล้วนี่รู้จักกันแค่ตัวอักษร อีกทั้งภัทรเองก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง ข้อมูลส่วนตัวที่พอจะเป็นหลักประกันว่าจะไม่แพร่งพรายความลับของกันและกันก็ไม่มี มีหรือจะไว้ใจได้
ในตอนนี้ภัทรอยากขังตัวเองอยู่ในห้องด้วยซ้ำ จะออกไปก็ต่อเมื่อหาทางออกให้กับเรื่องได้แล้ว แต่เขารู้ดีว่าตัวเองทำเช่นนั้นไม่ได้ ภัทรไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว เขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
พอคนเริ่มจนตรอก ไม่รู้จะทำยังไงให้ตัวเองปลอดภัย ก็เริ่มมีความคิดแปลก ๆ เข้ามาในหัวว่าจะชิ่งลาออกก่อนที่ความลับจะแตกหรือจะให้บริษัทรู้แล้วออกปากไล่ออกเอง เพราะทุกอย่างมันกำลังดีแล้ว ภัทรจึงไม่อยากให้คุณเขาผิดหวัง อีกทั้งวัยอย่างภัทรไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโยกย้ายหางานใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการ แม้มันจะดูบ้าบิ่นไปเสียหน่อย แต่ภัทรก็จะเก็บความคิดนี้ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ตัวเอง
แทนที่จะพักผ่อนนอนเอาแรงไว้ค่อยหาทางออกอีกครั้ง แต่ตอนนี้แสงอาทิตย์แห่งเช้าวันใหม่ส่องเข้าผ่านหน้าต่างแล้ว เปลือกตาบางกลับไปเคยคิดจะปิดลงเพื่อพักสายตาเลยสักครั้ง ภัทรนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง เขายังอยู่ในชุดทำงานของเมื่อวาน บ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้ลุกไปอาบน้ำแต่อย่างใด
ตราบใดที่ยังหาออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้ ภัทรคิดว่าเขาคงไม่สามารถฉีกยิ้มได้อย่างเต็มปากได้แล้ว ความรู้สึกอึน ๆ ไม่มีความสุข กระปรี้กระเปร่าเหมือนอย่างเคย เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อภัทรเดินทางมาถึงบริษัท ตอกบัตรเข้าแผนกก่อนเวลาทำงานด้วยซ้ำ ช่วงนี้ใต้ตาก็ว่าคล้ำกว่าปกติอยู่แล้ว พอไม่ได้นอนเพิ่มอีกสักคืนก็ยิ่งแย่ไปใหญ่
หลังจากวางกระเป๋าโน้ตบุ๊กและเอกสารไว้โต๊ะทำงานได้แล้ว ภัทรก็ลุกไปชงกาแฟไว้ดื่มต่อ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองง่วงนอนระหว่างวัน
สภาพมนุษย์ซอมบี้เป็นยังไงภัทรไม่เคยเห็น จนกระทั่งพี่นัทบอกและเขาได้มีโอกาสมองสภาพตัวเองในกระจกนั่นแหละ เขาก็ถึงบางอ้อ
เมื่อคืนภัทรได้ลองเข้าไปเช็กทวิตเตอร์อีกครั้ง แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แค่เข้าไปเช็กกล่องข้อความเผื่อคุณพีจะทักมา อาจจะต่อรองด้วยเงินทองหรือไม่ก็สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แต่กลับไร้วี่แวว นั่นยิ่งทำให้ภัทรกลัว
เขาไม่เชื่อหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดีขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าภัทรอย่างชัดเจน ภัทรยอมถูกเรียกเงินเพื่อปิดปากยังดีกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายส่งเรื่องให้ทางบริษัท แต่ตอนนี้คุณพียังเงียบนั่นก็แปลว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการเงินทองหรืออะไรทั้งนั้นและจะถือไพ่เหนือภัทรแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
หลังจากทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ ภัทรก็เดินกลับมาที่โต๊ะตั้งใจว่าจะทำงานที่เหลือให้เสร็จแล้วจะได้พักผ่อนเสียที เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเลิกงานแล้ว ภัทรอยากจะกลับบ้านแล้วรีบเข้านอนก่อนหกโมงเย็นด้วยซ้ำ เพราะร่างกายมันเริ่มไม่ไหวแล้วและหากคืนนี้เขาอดนอนอีก คงมาทำงานไม่ไหวแน่
ขณะที่ธนภัทรกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานในส่วนของตัวเองให้รีบเสร็จอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังขึ้นพอดี มือเรียวรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเช็ก ในขณะเดียวกันสายตาก็กำลังไล่ตรวจเอกสารไปด้วย
ทันทีที่เปิดอ่านข้อความ หัวใจดวงน้อยของภัทรก็ร่วงไปถึงตาตุ่มเมื่อเห็นว่าใครทักมา คุณภาสกรคนที่ภัทรเฝ้าฝันให้เขาทักมาก่อน จู่ ๆ ก็ทักมาหาอย่างไม่ปี่มีขลุ่ย คุณเขาไม่ได้ส่งเป็นข้อความหรือสติกเกอร์มา แต่กลับส่งเป็นรูปภาพพร้อมข้อความแนบท้าย
“ใช่คุณหรือเปล่าครับ?”
“…!!”
อาการตัวชาเป็นยังไงภัทรก็เพิ่งเคยวันนี้ ไม่คิดไม่ฝันว่าความลับจะแตกเร็วขนาดนี้ สมองรีบประมวลผลในทันที อาการลนลานทำตัวไม่ถูกเกิดขึ้นโดยพลัน สงสัยว่าคุณเขาได้รูปเจ้าปัญหานี้มาได้ยังไง ทว่ายังไม่ทันได้เริ่มตามหาความจริง หนึ่งในพี่ประจำแผนกก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเขาเสียก่อน
“ภัทร เลขาคุณภาสกรเขามาบอกว่าเจ้านายต้องการเรียกพบนายด่วน”
เพียงแค่ได้ยินว่าคุณภาสกรเรียกหา ภัทรก็เกิดอาการหูอื้อ ตาลายกะทันหัน รู้ตัวดีว่าคุณเขาเรียกพบด้วยเรื่องอะไร คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเสน่หาแต่กลับเป็นเพราะภัทรกำลังทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงเป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นธนภัทรก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่เป็นฝ่ายบุคคลที่เป็นคนเรียกเขาเข้าไปพบ
ไม่มีผู้บริหารคนไหนเรียกพบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อย่างมากก็อาจสั่งเลขาให้ไปจัดการ ประสานงานกับแผนกอื่นเพื่อขอสิ่งที่ต้องการ เป็นไปไม่ได้ที่จะสั่งงานข้ามหน้าข้ามตาคนที่เป็นหัวหน้าแผนก แล้วยิ่งภัทรน้องเล็กสุดในแผนก ทุกคนก็ย่อมสงสัยอยู่แล้วว่าคุณภาสกรมีเหตุอะไรถึงต้องเรียกพบภัทรโดยตรง
แต่ภัทรเข้าใจเหตุผลที่คุณเขาเรียกพบดี…..
ภัทรเดินไปยังหน้าห้องทำงานคุณเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว ระหว่างทางเขาก็พยายามเค้นสมองเตรียมหาคำตอบที่ดีที่สุดไว้ปกป้องตัวเอง คิดไม่ถึงความลับจะแตกเร็วเช่นนี้ ภัทรเดาผิดเสียที่ไหนกัน คุณพีไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอก
เมื่อภัทรมาถึงหน้าห้องทำงาน เขาก็ติดต่อกับเลขา ก่อนที่เธอจะแจ้งผู้เป็นเจ้านายว่าเขามาถึงแล้ว รอเพียงไม่กี่อึดใจ เลขาคนเก่งก็หันมาบอกภัทรว่าคุณภาสกรตอบรับและให้ภัทรเข้าไปในห้องได้เลย
ก่อนจะเข้าห้องภัทรถึงกับต้องสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อตั้งสติ ทวนคำตอบที่เตรียมเอาไว้ในใจ เคาะประตูห้องทำงานพอเป็นมารยาทแล้วเปิดเข้าไป ในเมื่อความลับมันแตกแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คุณภาสกรจะว่ายังไง ภัทรก็คงต้องว่าตามนั้น
“สวัสดีครับ” คุณภาสกรตอนอยู่ในห้องทำงานแตกต่างจากตอนอยู่ข้างนอกอย่างสิ้นเชิง เหมือนอีกฝ่ายตัวใหญ่เหลือเกิน ภัทรมองคุณเขาที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยักษ์ด้วยสายตาหวาดหวั่น อีกฝ่ายนั่งหันหลังให้โต๊ะทำงานและกำลังมองทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครอย่างเงียบ ๆ
ในตอนนี้ภัทรรู้สึกอึดอัดจนแทบไม่กล้าหายใจ อาจเพราะตอนนี้เขามีความผิดติดตัว จึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังตัวเล็กลงเรื่อย ๆ ความกลัวเกาะกุมหัวใจภัทรเอาไว้แน่น จนไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอะไรเพื่อแก้ตัวให้ตัวเอง
“รู้ใช่ไหมที่ผมเรียกหาคุณเพราะอะไร” คุณเขาเกริ่นนำทั้ง ๆ ที่ไม่หมุนเก้าอี้มามองหน้ากัน
“รู้ครับ”
“คุณมีอะไรจะแก้ตัวหรือเปล่า”
“ที่ผมทำไป….ผมไม่ได้ตั้งใจ” ภัทรว่าเสียงแผ่ว เขาไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้
“ไม่ได้ตั้งใจ? อืม….” คุณภาสกรทวนคำภัทรพูดเบา ๆ ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหมุนเก้าอี้กลับมาประจันหน้ากับคนทำผิด ภัทรไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายน่ากลัวจนกระทั่งวันนี้
ในมือของคุณภาสกรมีไอแพดขนาดสิบสองจุดเก้านิ้ว คุณเขาสบตาภัทรครู่หนึ่ง ก่อนจะกดอะไรบางอย่างในนั้นแล้วโยนมันบนโต๊ะทำงานอย่างไม่ไยดี
“นี่ไม่ใช่ความตั้งใจใช่ไหม?” คุณภาสกรถามซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ภัทรกลับรู้สึกว่าคุณเขากำลังโกรธ นั่นทำให้ภัทรใจสั่น ในเวลานี้เขากลัวคุณภาสกรเหลือเกิน ยิ่งอีกฝ่ายเปิดภาพเจ้าปัญหาบนไอแพดขนาดยักษ์ มันยิ่งเห็นชัดทุกอณู ตอกย้ำความผิดที่ภัทรมี
“คุณอาทิตย์ครับ”
“อย่ามาเรียกชื่อเล่นผม”
“…..”
“เอาล่ะ ธนภัทร….ผมจะให้โอกาสคุณตอบใหม่อีกครั้ง” คุณภาสกรพูดอย่างใจเย็น แสดงออกถึงความห่างเหินอย่างชัดเจน คำตอบที่ว่าภัทรไม่ได้ตั้งใจคงไม่ถูกใจคงฟังอย่างคุณเขาเท่าไรนัก
“จริง ๆ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว….”
“ภัทร….คุณจะให้ผมพูดมันจริง ๆ เหรอ?” คุณภาสกรเอ่ยถามเสียงสูง มองหน้าภัทรอย่างไม่อยากเชื่อว่าภัทรจะบอกว่านี่คือเรื่องส่วนตัว
“มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ตั้งแต่คุณถ่ายภาพวาบหวิวทั้ง ๆ ที่ยังสวมเสื้อที่มีตราปักของบริษัทแล้วครับ”
“……”
“แล้วไหนจะในใบข้อมูลส่วนตัวที่คุณกรอกมา คุณก็ใส่ข้อมูลไม่ครบ จงใจปกปิดข้อมูลตัวเอง จะมาบอกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวคงไม่ใช่”
“ครับ?”
“ในทวิตเตอร์….แอคเคานต์ลูกไม้ป่าคือคุณใช่ไหมครับ?”
“…..”
“ตอบผม” คุณภาสกรเร่งรัดเอาคำตอบ เหมือนคุณเขาจะรู้อยู่แล้ว แต่แค่ถามเพื่อให้เขายอมรับความจริง เขาไม่รู้ว่าคุณเขารู้ได้ยังไง แต่คนระดับคุณภาสกร หากคิดจะสืบหาความจริงคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ใช่ครับ ของผมเอง” ภัทรยอมรับแต่โดยดี ไหล่แคบเคยผึ่งผายเพื่อบุคลิกภาพที่ดีถึงกับตกอย่างยอมแพ้ เมื่อคุณเขารับรู้ความลับทุกอย่างแล้ว
วันนี้หดหู่มาทั้งวัน ยิ่งพักผ่อนน้อยยิ่งอารมณ์อ่อนไหวง่าย จากที่เคยคิดว่าจะปกป้องตัวเองก็กลายเป็นก้มหน้ายอมรับความผิดทั้งหมดไว้อย่างไม่คิดจะโต้แย้งหรือหาเหตุผลมาพูดให้ตัวเองดูดี ตอนนี้ภัทรรู้สึกแย่ไปหมด เขาคงไม่เหลือความประทับใจไว้ให้คุณภาสกรจดจำแล้ว
“ผม…ผิดหวังในตัวคุณ” ภัทรรู้ดีว่าคุณภาสกรผิดหวังในตัวเขา แต่ยิ่งอีกฝ่ายพูดออกมา คนฟังก็ยิ่งเจ็บ มันยิ่งตอกย้ำให้ภัทรรู้สึกเจ็บปวดจนขอบตาร้อนผ่าว ทั้ง ๆ ที่ภัทรไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย ครั้งล่าสุดน่าจะตอนที่แม่เสีย
“ผมก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ” ภัทรว่า พยายามควบคุมน้ำเสียงอันสั่นเครือของตัวเอง หากคุณเขาจะไล่ออก ภัทรก็คงต้องยอม
“ผมจะจัดการยังไงกับคุณดี”
“……”
“ตอนนี้ฝ่ายบุคคลยังไม่รู้เรื่องนี้ มีแค่ผมที่รู้” เมื่อคุณภาสกรว่าเช่นนั้น ภัทรที่เกือบไม่อยากจะคว้าโอกาสไว้แล้วก็รีบเงยหน้าขึ้น หลังจากหลุบตามองพื้นห้องอยู่นานสองนาน มองหน้าคุณภาสกรราวกับจะตั้งคำถามว่าคุณเขาต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
“เสนอมา….คุณจะทำยังไงเพื่อไม่ให้ผมแจ้งกับทางฝ่ายบุคคลเพื่อไล่คุณออก” คุณภาสกรว่าพร้อมกับเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างใจเย็น
“ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
“ยังไม่ถูกใจ” คุณเขาตอบกลับมาในทันที
“……”
“ผมคิดว่าคุณเสนออะไรได้ดีกว่าการที่บอกส่ง ๆ ว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว อ้อ…ข้อเสนอนั้นผมต้องพอใจด้วย”
“คุณ….จะแบล็คเมล์ผมเหรอครับ” ภัทรถามเสียงซื่อ
“เย็นก่อน…ผมไม่ได้จะแบล็คเมล์คุณ
“งั้นคุณต้องการอะไรครับ” ภัทรไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อว่านี่ไม่ใช่การหวังผลประโยชน์ เอาเข้าจริงแล้วคุณภาสกเองรก็ร้ายกาจพอ ๆ กับคุณพีนั่นแหละ
อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอาจเป็นคนเดียวกัน….
“ผมต้องการคุณ”
“ครับ?”
“……”
“หลังเลิกงาน ไปรอผมที่รถ”
หลังกลับมาถึงแผนกพี่ ๆ ก็ต่างมอง แต่ไม่มีใครกล้าถาม ยกเว้นพี่นัทที่สนิทกับภัทรมากที่สุด แต่ภัทรก็ไม่ได้ตอบอะไรไป เขาบอกแค่เลี่ยง ๆ ว่าคุณภาสกรทำของหายตอนที่เราไปเลี้ยงฉลองกัน เพราะวันนั้นภัทรคลุกคลีกับคุณภาสกรมากที่สุด คุณเขาจึงเรียกเข้าไปสอบถามว่าเห็นของที่หายไปหรือเปล่าก็เท่านั้น
ในตอนนี้ภัทรเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะความลับแตกและคุณเขายังให้โอกาส แต่ร่างกายมันไม่ได้ดีขึ้นตาม หลังจากเคลียร์กับคุณเขาเสร็จ ภัทรคงต้องนอนหลายชั่วโมงเพื่อชดเชยการนอนที่หายไป เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงจะเลิกงานแล้ว ภัทรเริ่มเร่งมือจัดการงานที่กำลังคั่งค้างในส่วนของตัวเอง เพื่อที่จะได้เผื่อเวลาไปรอคุณภาสกรที่รถ
ระหว่างเคลียร์งาน ภัทรก็เดาไปด้วยว่าคุณภาสกรต้องการให้เขาทำอะไรกันแน่ เอาเข้าจริง ถึงเราจะรู้จักกันได้สักระยะแล้ว ภัทรกลับไม่เคยเดาความคิดของคุณภาสกรออกเลยสักครั้ง อาจเพราะคุณเขาโตกว่า ความคิดซับซ้อนกว่าและดูนิ่งกว่าก็ได้
ภัทรไม่แน่ใจว่าวันนี้เขาจะกลับบ้านช้าแค่ไหน จึงต้องโทรบอกหลานชายก่อน เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องรอ แล้วรีบกำชับหน้าที่ว่ากลับถึงบ้านแล้วอย่าลืมทำการบ้าน กินอาหารเย็นแล้วเข้านอน
“ภัทรรรร พี่กลับก่อนนะลูก”
“ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
“จ้า วันนี้อย่าลืมรีบเข้านอนด้วยนะ อย่าให้พรุ่งนี้ยังเห็นใต้ตาคล้ำมาอีก พี่เป็นห่วงสุขภาพเรา” พี่นัทว่า
“ครับ กลับบ้านไปจะรีบเข้านอนแต่หัววันเลยครับ”
“จ้า พี่ไปล่ะ” ภัทรโบกมือลาพี่สาวเพื่อนร่วมงานพอเป็นพิธี ก่อนจะเดินแยกลงลิฟต์เพื่อไปยังชั้นใต้ดิน ไปรอที่รถของคุณภาสกรตามคำสั่งของคุณเขา
ในหลาย ๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นห้างหรือบริษัท หากเป็นคนที่มีตำแหน่งก็มักจะมีที่จอดส่วนตัวเตรียมไว้ให้อยู่เสมอ โดยจะระบุแผ่นป้ายทะเบียนไว้ในที่จอดนั้น ที่บริษัทภัทรเองก็เช่นกัน มีที่จอดไว้สำหรับเหล่าผู้บริหารและพนักงานตำแหน่งสูง จึงไม่ใช่เรื่องยากในการหาที่จอดรถของคุณภาสกร เพราะนอกจากสีรถแล้ว อย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือภัทรจำทะเบียนรถคุณเขาได้
ไม่ใช่แค่เหล่าพนักงานที่ต้องทำตามกฎที่ทางบริษัทตั้งไว้ แต่ผู้บริหารก็ต้องทำตามกฎเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับลูกน้องเช่นเดียวกัน
ในบริษัทของภัทรแต่ละแผนกจะเข้างานและเลิกงานไม่พร้อมกัน เพื่อป้องกันการมายืนรอตอกบัตรหรือการจราจรที่หนาแน่นในช่วงเลิกงาน
แผนกของภัทรจะเข้าตอนแปดโมง เลิกบ่ายสาม ฝ่ายงบประมาณ อาจเข้าตอนเก้าโมงเลิกบ่ายสี่โมงของวัน ตามนโยบายของรัฐบาลที่ออกกฎหมายว่าลูกจ้างห้ามทำงานเกินแปดชั่วโมง
ภัทรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง ครั้งตอนที่เจอกันในลิฟต์ เราก็เจอกันด้วยความบังเอิญ เขาไม่รู้ว่าคุณภาสกรเลิกงานตอนไหน ทางฝ่ายบริหารมีเวลาเข้าและออกงานเหมือนแผนกอื่นไหม แต่ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามยี่สิบนาทีแล้ว ภัทรจึงส่งข้อความทางไลน์ไปแจ้งคุณเขาว่ามาถึงแล้ว
“ผมรอที่รถแล้วนะครับ”
“ผมกำลังลงไปครับ”
คุณเขาเปิดอ่านและตอบภัทรในทันทีและก่อนที่ภัทรจะเก็บโทรศัพท์ เขาก็จัดการกดลบรูปภาพที่คุณภาสกรส่งมาก่อนหน้านี้ ภัทรรู้ดีว่ามันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว แต่เขาไม่อยากเห็นมันอีก
รอเพียงไม่นานคุณภาสกรก็มาถึงที่จอดรถ เราไม่ได้พูดคุยกันให้มากความ ต่างฝ่ายต่างขึ้นรถฝั่งของตัวเอง ภัทรรู้ว่าเราคงไม่ได้เคลียร์กัน เขาจึงขึ้นไปนั่งข้างคนขับโดยไม่ต้องรอให้คุณเขาออกปาก ทันทีที่ต่างฝ่ายต่างคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว คุณภาสกรก็ออกรถในทันที
“เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับ” เกือบสิบนาทีที่เราติดอยู่บนท้องถนน ภัทรจึงอดใจถามไม่ได้
“คอนโดผม”
“….” คราวนี้ภัทรเงียบ ไม่ได้ถามอะไรอีก ตัวเลือกที่จะไปคอนโดมีอยู่ไม่กี่ตัวเลือกและภัทรเองก็ไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่าคุณภาสกรพาภัทรไปคอนโดด้วยจุดประสงค์อะไร
“กลัวหรือเปล่า ไม่ปฏิเสธก็ได้นะ” คุณภาสกรเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ไม่ครับ ไม่กลัว” ภัทรตอบคุณเขาอย่างเด็ดเดี่ยว
เราใช้เวลาติดอยู่บนท้องถนนถึงยี่สิบนาทีเต็ม ก่อนจะเลี้ยวเข้าคอนโดหรูตามที่คุณภาสกรบอก โดยมียามรักษาความปลอดภัยคอยตรวจเช็กคนเข้าออกเพื่อความปลอดภัยของคนในคอนโด
ภัทรได้แต่เดินตามคุณเขาต้อย ๆ จนกระทั่งเข้ามาถึงในคอนโดหรูติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา คุณภาสกรถึงได้พูดกับภัทรอีกครั้ง เขาบอกให้ภัทรทำตัวตามสบาย หากกระหาย….น้ำเปล่าก็อยู่ในตู้เย็น
“ไม่หิวน้ำเหรอ” คุณเขาเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าภัทรยังยืนนิ่ง
“ไม่ครับ”
“ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลา…..”
“…...”
“งั้นคุณเดินตามผมมาเลย” คุณภาสกรออกคำสั่ง ก่อนจะเดินนำไปยังหน้าห้องหนึ่งซึ่งเหมือนจะเป็นห้องเก็บของ คุณเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่บอกด้วยว่าข้างในห้องคืออะไร แต่ไขกุญแจแล้วให้ภัทรเดินนำเข้าไปก่อน
“เข้าไปสิ”
คุณภัทรเดินนำเข้าไปก่อนตามคำสั่งขอคุณภาสกร ก่อนที่เขาจะตกใจเมื่อเห็นชั้นวางและตู้โชว์แบบกระจกใสเต็มไปด้วย เสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับต่าง ๆ ที่มีผ้าลูกไม้เป็นส่วนประกอบหนึ่งในงาน ภัทรเกิดอาการตาลายขึ้นมากะทันหัน
ไม่ต้องรอให้คุณภาสกรสั่งการ เขาก็เดินสำรวจเหล่าเสื้อผ้า ถุงน่อง รองเท้าลายลูกไม้ของแบรนด์ต่าง ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจทันที เมื่อเห็นทุกอย่างที่จัดเรียงในตู้โชว์ ก็เกิดอาการหูอื้อ ตาลาย ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองง่วงมากแค่ไหน เพราะกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ของบางอย่างมีเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นบนโลกด้วยซ้ำ แต่คุณภาสกรเจ้านายของเขากลับได้มันมาครอบครอง
“นี่มัน….” นี่มันสวรรค์ ภัทรพูดกับตัวเองในใจ มันคือสวรรค์ของเขาชัด ๆ
“คุณสะสมของพวกนี้เองทั้งหมดเลยเหรอครับ” ธนภัทรหันไปถามผู้เป็นเจ้านายเสียงสั่น
“ใช่ครับ”
“……”
“ต่อจากนี้ไปคุณต้องเป็นหุ่นจำลอง ลองใส่ชุดพวกนี้ให้กับผม เพื่อแลกกับสิ่งที่คุณทำผิด มันจะเป็นความลับตลอดไป….”
“ครับ?”
“เสื้อผ้า….ผมอยากเห็นตอนมันอยู่ในบนร่างของมนุษย์ มากกว่าหุ่นโชว์”
“อ้าว ในตอนแรกผมนึกว่า….” ภัทรละสายตาจากสิ่งสวยงาม หันไปมองหน้าคุณเขาอยู่ครู่หนึ่ง
ภัทรเว้นวรรคไป ไม่กล้าตอบเต็มประโยคว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ด้วยซ้ำ ภัทรคิดว่าคุณเขาต้องการเรื่องอย่างว่า ถึงได้พามาที่คอนโดเพื่อที่เราจะได้จัดการอะไรกันง่าย ๆ
“คิดว่าอะไร”
“ป—เปล่าครับ แต่คุณภาสกร ผมขอสัมผัสหน้ากากชิ้นนี้ได้ไหมครับ” ภัทรเปลี่ยนเรื่องเป็นขอลองจับหน้ากากที่ถูกแขวนไว้ในตู้โชว์ ซึ่งคุณภาสกรก็ใจดีที่จะหยิบมันออกมาให้ภัทรได้เชยชม คุณเขาไม่ได้ให้แค่ภัทรลองสัมผัสอย่างเดียวแต่ยังใจดีให้ภัทรลองสวมใส่หน้ากากลายลูกไม้ดูอีกด้วย
“ทำมาจาก…..”
“Angel Lite Lace” ไม่ต้องรอให้คุณเขาบอกชื่อ เพียงแค่ลองสัมผัสและพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ภัทรก็รับรู้แล้วว่ามันทำมาจากเส้นใยอะไรและความรอบรู้ของภัทร ทำให้คนที่ชอบในสิ่งเดียวกันถึงกับฉีกยิ้มกว้างอย่างถูกใจ
“ประกอบด้วย Baby Alpaca 70% Silk 20% Cashmere 10% ใช่ไหมครับ” ภัทรพูดต่อ
“ใช่ครับ”
“สวยจัง แต่คุณภาสกรครับ….” ธนภัทรเรียกชื่อเจ้านายอีกครั้ง ความสงสัยของเขาเหมือนจะเจอทางออกแล้ว หลังสมองเริ่มปะติดปะต่อความชอบของคุณภาสกรและคุณพี
“……”
“คุณ….ก็คือคุณพีใช่ไหมครับ” ภัทรถาม เขาลืมคิดไปได้ยังไง! คุณพี P Passkon คราวนี้คุณภาสกรยกยิ้มมุมปากราวกับตัวร้ายและภัทรเป็นตัวเอกที่เพิ่งตาสว่าง หลังจากงมอยู่ในความมืดมาตั้งนาน
“เพิ่งรู้เหรอครับ?”
______________________________________
#ภูมิแพ้ลูกไม้สรุปจะทำมือนะคะ สั่งวาดปกไปแล้ว แต่ถ้าเขียนไม่จบ
ก็อ่านในเว็บเอานะคะ 555555555 มีแบบอีบุ๊กให้ค่ะ แต่วางขายร้านไหมต้องดูก่อน
เพราะเขาคิดค่าวาง40%ของราคาปกเลยค่ะ