แจ้งก่อนอ่าน
วิธีการรับน้อง คนเขียนประยุกต์ขึ้นมาใหม่ เพื่อความสนุกของนิยายค่ะ
บทนำ
หนุ่มภูธร
เป็นเรื่องน่าปวดใจ ที่ชายหนุ่มหน้าตา(คิดว่า)ดี มีสาวสวยให้โปรยเสน่ห์ตั้งแต่มัธยมปีที่สามอย่างผม กลายเป็นหมาถูกเมินเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยปีที่หนึ่ง
เสื้อผ้า หน้าผม ที่คิดว่าเท่กว่านี้ก็ดาราแล้วล่ะ กลายเป็นหนุ่มภูธรจากบ้านนามาเมืองกรุงอย่างเห็นได้ชัด นี่ยังไม่พูดถึงสาวสวยที่ผมหมายตา น้องโบว์ใหญ่แขวนป้ายชื่อที่คอว่า “ฟ้า” หญิงที่ผมคิดว่า..เดี๋ยวเถอะ นั่งข้างกันแบบนี้เสร็จพี่แน่
ใช่ครับ “เสร็จพี่” พี่จริงๆ ที่ไม่ใช่ผม โน่น~ รุ่นพี่ที่ยืนหน้าเหี้ยมหน้าโหดอบรมน้องใหม่อย่างพวกผมอยู่หน้าแถวโน่น หล่อตรงไหนวะ ผมเบิกตาจ้อง เก็บทุกรายละเอียด ทุกรูขุมขน
สูงเท่าไหร่ ผมมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา น่าจะร้อยแปดสิบกว่า เปรตชัดๆ คนเราต้องสูงขนาดนั้นเลยเหรอวะ สูงแค่ร้อยเจ็ดสิบกว่าอย่างผมก็เหลือเฟือแล้ว ผมไล่สายตามาจนถึงไหล่กว้าง ทำไมเสื้อนักศึกษาสีขาวธรรมดามันถึงดูเท่ขนาดนั้นวะ ผมก้มลงมองตัวเอง เสื้อหลวมนิดๆ ไหล่ตกหน่อยๆ เฮ้ยก็ไม่น่าเกลียด ผมไล่สายตาต่อมาจนถึงช่วงเอว ต้องรีบแขม่วพุงโดยอัตโนมัติเมื่อเสื้อของอีกฝ่ายราบไปกับตัว ไม่มีส่วนเกินยื่นออกมาให้รำคาญใจ ก็คนมันเพิ่งกินขนมมาใหม่ๆ มีนิดมีหน่อยเป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่าวะ แล้วขาจะยาวไปไหนวะ ต้นขาแม่งแน่นเชียว ผมไล่สายตาจนถึงเท้าก่อนไล่กลับขึ้นมาหยุดที่ใบหน้าของอีกฝ่าย คิ้วเข้ม ตายาวเรียว จมูกโด่งเป็นสัน ปากหยักได้รูป สันกรามคมชัด กะโหลกแม่งอย่างสวย เออ ก็หล่อจริงนั่นแหละวะ ผมเริ่มปลงตกว่าชีวิตในรั้วมหา’ลัยอาจไม่ใช่อย่างที่ฝัน
“ชื่อเก้าเหรอ” เสียงกระซิบถามเบาๆ มาจากสาวที่นั่งข้างผม แต่ไม่ใช่ข้างที่ผมหมายตา
“ใช่” ผมมองป้ายชื่อที่แขวนอยู่ของอีกฝ่าย “ลูกจัน”
“อืม เบื่อเนอะ”
“มาก” ผมกระซิบเสียงเบา ใบหน้าของพวกเรามองตรงไปข้างหน้า เพื่อไม่ให้รุ่นพี่เห็นว่าแอบคุยกันอยู่
“เมื่อไหร่จะเสร็จก็ไม่รู้ ร้อนจะตายอยู่แล้ว”
“ทนเอาหน่อย พอเราสุกได้ที่เขาก็เลิกเอง” ผมหันไปยักคิ้วให้เพื่อนใหม่ ลูกจันพยามกลั้นขำจนเกิดเสียงดังขลุกขลักอยู่ในลำคอ
“อย่าคุยกันสิวะเดี๋ยวพากันซวยหมด” เสียงเตือนดังมาจากด้านหลัง ผมกับลูกจันหันไปมองพร้อมกัน ผู้ชายผิวขาวจัด ตัวผอม ใส่แว่น ท่าทางเหมือนเด็กเนิร์ด มองเผินๆ ผมนึกว่าพี่โต๊ะพี่ชายผมแอบกลับมาเรียนใหม่ มีป้ายชื่อ ‘ขลุ่ย’แขวนอยู่
“กูว่าถ้าจะซวยก็เพราะมึงไปทักพวกมันมากกว่า” เสียงเข้มเบนสายตาผมให้หันไปมอง ไอ้หมอนี่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนนักกีฬา หน้าตาพอไปวัดไปวาพร้อมผมได้ แต่ท่าทางเอาเรื่องน่าดู ผมเหลือบมองป้ายชื่อ เกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมา ตัวโตฉิบหายดันชื่อ “ฝน” หรือว่า..สายตาผมมองตกลงไป ไอ้นั่นมันจะเล็กวะ
“มองอะไร” เจ้าของชื่อถลึงตาใส่ผม
ผมยังไม่ทันตอบคำถาม เสียงรุ่นพี่ก็ดังลั่นสนั่นแก้วหู “ตรงนั้นทำอะไรกัน!”
ผมกับลูกจันหันหน้ากลับมาพร้อมกัน พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่คงช้าเกินไปแล้ว
“ซวยแล้วมึง” เสียงลอดไรฟันดังมาจากด้านหลัง แต่ผมยังแยกไม่ได้ว่าเป็นเสียงของขลุ่ยหรือฝน
“พวกคุณมีปัญหาอะไร!”
“ไม่มีครับ” “ไม่มีค่ะ” ผมกับลูกจันประสานเสียงตอบออกไปพร้อมกัน
“แล้วสองคนข้างหลังทำไมไม่ตอบ” รุ่นพี่ตะโกนจนขี้หูผมสะเทือน อยู่ใกล้กันแค่นี้ถามกันดีๆ ก็ได้
“ไม่มีครับ” สองเสียงดังมาจากข้างหลัง เป็นอันว่าพวกผมโดนมัดรวมเข้าด้วยกันเรียบร้อย
“ดี พวกคุณไม่มีแต่ผมมี ออกไปวิ่งรอบสนามคนละสิบรอบ เผื่อมันจะเรียกมารยาทพวกคุณกลับมาได้บ้าง”
ฉิบ! นัดแรกก็โดนดีแล้ว พวกผมสี่คนลุกขึ้นยืน อยากเป็นเป้าสายตาตอนนี้ก็ได้เป็นสมใจ ได้แต่ยิ้มแหยขอโทษคนอื่นๆ โชคดีเท่าไหร่แล้วที่โดนกันแค่นี้ ถ้าโดนทำโทษทั้งหมด พวกผมคงเป็นที่รักของรุ่นแน่
“เดี๋ยว ยืนรอก่อน” เสียงรุ่นพี่คนเดิมดังขึ้น พวกผมจึงหยุดอยู่กับที่ รุ่นพี่หน้านิ่งที่ผมเล็งอยู่คุยบางอย่างกับรุ่นพี่ที่สั่งลงโทษพวกผม ครู่เดียวก็มีคำสั่งให้พวกผมนั่งลง
หล่อแล้วยังใจดี ช่วยพูดให้พวกผมไม่ต้องถูกลงโทษ มิน่าสาวๆ ถึงชอบ อย่ากระนั้นเลยคนฉลาดอย่างผมจะรอช้าอยู่ไย ก็อปซิครับ มีต้นแบบให้เอาอย่างย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ผมทรงนี้ใช่ไหม อืม ได้ๆ เสื้อผ้าต้องรอดูทีหลัง ชุดนักศึกษามันเหมือนๆ กัน ไม่รู้ปกติใส่แนวไหน รองเท้าใส่แบบนี้เหรอ แพงหรือเปล่าวะ ผมไล่สายตากลับขึ้นไปใหม่ เพื่อเก็บรายละเอียดให้ครบ แต่ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อสายตาปะทะเข้ากับสายตาเจ้าของร่าง ผมหลบตาแทบไม่ทัน แม่งจะรู้ตัวหรือเปล่าวะว่าผมคิดจะเซินเจิ้น
“หล่ออะแก ฮือ โคตรหล่อ” เสียงสาวด้านข้างวี้ดว้ายกระตู้วู้กันใหญ่ ผมกระหยิ่มยิ้มย่อง มาถูกทางแล้วกู ตามดูอีกสักพักผมว่าน่าจะเข้าทาง
“เฮ้อ~ เสร็จสักที” ลูกจันถอนใจยาวเมื่อรุ่นพี่สั่งให้แยกย้าย ผมมองตามน้องโบว์ใหญ่ด้วยความเสียดาย ยังไม่มีโอกาสทักทายกันสักคำ
“ไม่ไปเหรอ” ลูกจันหันมามองผม เมื่อเห็นว่าผมยังนั่งนิ่งอยู่ทีเดิม
“ไป” ผมลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันปัดฝุ่นออกจากกางเกง รุ่นพี่จอมโหดคนเดิมก็เดินเข้ามาหา
“สี่คนนี้อย่าเพิ่งไป”
“คะ?” ลูกจันหน้าเสีย
“พวกคุณต้องวิ่งรอบสนามสิบรอบถึงจะกลับได้”
“หา~”
“มีปัญหาเหรอ!”
“ไม่มีครับ” ผมหุบปากฉับ สายตามองเลยรุ่นพี่ไปด้านหลัง ต้นแบบของผมยืนกอดอกมองตรงมา ดวงตาร้ายกว่านี้ก็ตัวโกงแล้วล่ะ
“แล้วจะยืนซื่อบื้ออยู่ทำไม วิ่งสิ!”
พวกผมโกยอ้าวตามความยาวของขา อยู่ดีไม่ว่าดีต้องมาออกกำลังกายตอนแดดเปรี้ยงๆ ไม่น่าเลยกู ไม่น่าไว้ใจไอ้รุ่นพี่หน้าหล่อนั่นเลย หลอกลวงกันชัดๆ
“ไม่ไหวแล้ว” ลูกจันร้องโอดโอยเมื่อเข้าสู่รอบที่หก สนามหญ้าของคณะไม่กว้างมากแต่ก็เล่นเอาหืดขึ้นคอ
“อย่าหยุด” เสียงห้วนๆ ของฝนห้ามลูกจันไม่ให้หยุดวิ่ง “อยากโดนบวกเพิ่มหรือไง”
ดูเหมือนคำพูดของฝนมีอานุภาพสูงมาก ลูกจันจึงลากสังขารวิ่งต่อแม้จะช้าลงมากก็ตาม กว่าจะครบสิบรอบ พวกผมสามคนทิ้งตัวหมดแรงนอนแผ่หลาอยู่ริมสนาม มีลูกจันนั่งหอบอยู่ข้างๆ
“รอดแล้วกู” ขลุ่ยพูดเสียงหอบ ท่าทางไม่ค่อยได้ออกกำลังกายพอๆ กับผม เพราะตอนนี้แค่หายใจให้ทันก็ลำบากแล้ว
“แล้วไงต่อวะ เรากลับได้เลยใช่ไหม” ลูกจันมองหน้าผม
“กูว่าได้ ตอนนี้สั่งให้ทำอะไรกูก็ไม่ทำแล้ว” ผมพยุงตัวขึ้นนั่ง
“งั้นก็กลับ ไปหาอะไรแดกกัน” ฝนลุกขึ้นยืน ลูกจันเลิกคิ้วหันมามองหน้าผม ผมจึงเป็นตัวแทนถามให้
“ชวนพวกกูเหรอ”
“ชวนหมามั้ง”
“อ้าวไอ้เหี้ยนี่”
“จะไปหรือไม่ไป”
“แม่งตอบดีๆ ก็ได้” ผมยันตัวลุกขึ้นยืน “ไปดิวะหมดแรงข้าวต้มแล้ว หิวฉิบหาย”
“งั้นไปด้วย” ลูกจันตอบตกลง
“มึงล่ะ” ฝนหันไปถามขลุ่ย อีกฝ่ายพยักหน้าท่าทางยังหมดแรง
“ไปก็ลุกขึ้น กูมีร้านเด็ดๆ เดี๋ยวพาไป”
“เด็ดจริงเปล่าวะ” ผมอดถามไม่ได้
“อยากรู้ก็ตามมา” ฝนออกเดินโดยไม่รอ พวกผมต่างหอบสังขารเร่งฝีเท้าตาม ดูเหมือนว่าผมจะได้เพื่อนใหม่โดยไม่ต้องเสียเวลาหา มารวมตัวกันแบบมึนๆ เหมือนจะตีกันมากกว่าดีกัน แต่ก็นั่นแหละถือว่าร่วมหัวจมท้ายกันแล้วก็ต้องไปต่อ ว่าแต่ผมจะตั้งชื่อกลุ่มว่าอะไรดี อืมมม...
สี่ยอดกุมาร ก็แล้วกัน
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin