“ช่วงนี้กูเงี่ยนบ่อยฉิบเป๋ง” ผมบ่นให้ฟัง มือขยับหมุนฝาขวดน้ำออกช้า ๆ ก่อนยกขึ้นดื่ม น้ำที่ถูกผมกลืนลงคอไปหลายอึกส่งผลให้เหลือในขวดอีกไม่เท่าไหร่ ไอ้มงคลชะงัก ตาเหลือบขึ้นมองมาที่ขวดน้ำในมือผมที่ยื่นไปให้มัน
“ดื่มซะสิ” ผมอนุญาต อีกฝ่ายลังเล แต่คงเห็นว่าน้ำคงปลอดภัยเพราะผมเองก็เพิ่งดื่มไป ไอ้มงคลจึงยอมรับขวดน้ำไปโดยง่าย มันยกขึ้นดื่มจนหมดขวด ดูท่าจะกระหายไม่เบา
“ขะ ขอบคุณครับ” มันบอก มือสองข้างพนมขึ้นประกบกัน ปลายนิ้วสั่นนิดหน่อย ผมนิ่งมอง ไอ้มงคลเริ่มขยับขาที่กางออกบนพื้นหดไปนั่งคุกเข่า
“จะไปไหนงั้นเหรอ ?” ผมถาม น้ำเสียงที่ใช้ด้วยยังคงเป็นไปอย่างราบเรียบปกติ
“เปล่าครับ ผม..แค่ จะไปนอนบ้านเพื่อน น่ะครับ ทะ..ทะเลาะกับที่บ้าน” อีกฝ่ายตอบตะกุกตะกัก
“ที่ค่ายก็มี ทำไมไม่ไปนอนที่ค่ายล่ะ” ผมพูดเชิงถาม
“........” ไอ้มงคลหุบปากลง นิ้วมือของมันทั้งสองข้างเริ่มหดงอเข้าหากันคล้ายกับพยายามที่จะปกป้องตนเอง
“พอดีว่า ช่วงนี้ฉันยุ่ง ๆ ก็เลยอาจทำให้ดูแลคนในค่ายไม่ทั่วถึง” ผมพลางยิ้มเล็กน้อย
“นายคิดว่างั้นไหม ?” ผมตั้งคำถาม คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบและอีกฝ่ายก็คงไม่คิดตอบเช่นกัน ไอ้มงคลนั่งก้มหน้างุดมองพื้น ท่าทางอย่างกับตุ๊กตาคอหักอย่างนั้น
“ยุ่งเรื่องตามหาคนวางยาไอ้นพน่ะ แบบว่า..เรื่องนี้แจ้งตำรวจไม่ได้ซะด้วยสิ” ผมหัวเราะในลำคอห้อยติดปลายประโยค
“สงสัยคนใกล้ตัวน่ะ”
“นายรู้ไหมว่ามีใครในค่ายทำอะไร ..แบบนั้น ?” ผมถาม ขยับร่างกายลงนั่งยอง ๆ เพื่อให้ใบหน้าของตัวเองตรงกับคนที่คุยด้วย ไอ้มงคลเงยหน้าขึ้นมอง ครู่หนึ่งดวงตาก็เหลงอีกครั้ง ผมเอียงต้นคอเล็กน้อยเพื่อให้ตนเองช้อนตามองตามสายตาของมันได้ถนัด จู่ ๆ หัวเข่าของมันก็สะดุดขยับถอยไปทางด้านหลัง
“บนโลกนี้น่ะ ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่างหรอก” ผมยิ้มพูด ประเด็นที่เอ่ยผิดเพี้ยนขึ้นอย่างโต้ง ๆ รอยยิ้มที่ผลิให้ปรากฏพร้อม ๆ กับดวงตาที่ยิ้มไม่ออก
“ไฟ.. สิ่งที่ลูกอยากให้เป็น มันจะไม่มีทางอยู่กับลูกตลอดไป บนโลกนี้..ไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจคิด”“แม่ฉันเคยพูดไว้อย่างนั้น” มุมปากฉีกยิ้มให้มากขึ้นกว่าเก่า
“ไม่มี” ผมกระซิบ
“..แม้กระทั่งฉันเองก็ไม่ได้มีทุกอย่างอย่างที่อยากได้”
“มองหน้าฉัน..” ผมทักทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายหลบสายตา ลูกกระเดือกของมันขยับนูนขึ้นลง ฟันกัดขบกันแน่นขณะที่พยายามสบตามาที่ผมอย่างจดจ่อ
“ใคร..เป็นคนวางยานพ ?” ผมหยิบยื่นโอกาส คำถามที่จงใจถามตรง ๆ หากมันฉลาดเลือก เปลือกตาที่เลิกกว้างมองไปยังคนตรงหน้านานพอดูที่มันจะสังเกตเห็นได้ ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงใบไม้ที่ถูกลมพัดผ่านพวกเราไป
“คุณไฟ..ไม่คิดว่าลูกน้องคนใหม่ของคุณจะทำบ้างงั้นเหรอครับ ถึงได้มาถามผมแบบนี้!” ไอ้มงคลตอบ ประโยคยาว ๆ ประโยคแรกของมันเลยละมัง
“ใครล่ะ” ผมถามกลับ
“ไอ้สมุทรนั่นไง” “นั่นสินะ ไอ้เวรนั่นมันก็น่าสงสัยเหมือนกัน” ผมหัวเราะในลำคอเห็นด้วยกับคำตอบนี้
“แล้วมีใครอีกไหม”
“พะ..พี่ เอิร์ธ”“........” ผมเงียบฟัง นิ้วกลางขยับเสียบเข้าไปในขวดน้ำที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเรา ขวดไม่ถูกฝาปิดถูกเกี่ยวขึ้นก่อนลากมาตรงหน้าผม เสียงของก้นขวดขูดกับพื้นถนนดัง
“แกรก” ยาวเป็นทาง การกระทำของผมทำให้เป็นที่สนใจต่อไอ้มงคล อย่างกับหมาที่ถูกเจ้าของดึงความสนใจ มันมองตามไม่วางตา ดูเหมือนมันจะผ่อนคลายลงบ้างแล้วเมื่อเป็นฝ่ายได้ตอบคำถาม
“กินข้าวที่ค่ายมื้อล่าสุดเมื่อไหร่ ?” ผมฉีกยิ้มถามด้วยสายตาขอความรู้เพิ่มเติม เมื่อมือหยุดขยับ ขวดก็หยุดขยับเช่นกัน
“เมื่อเย็นนี้เหรอ” ผมตอบแทน คนถูกถามผงกหัวน้อย ๆ
“แม่บ้านทำอะไรให้กินนะ ? น้ำพริกกะปิ ผักต้มกับปลาทูรึเปล่า” ผมพูดคล้ายกับกำลังรำพึงรำพันคนเดียว
“มะเขือพวง เห็นว่าช่วยเรื่องทองผูกนี่นะ ส่วนปลาทู..ก็เป็นแหล่งโปรตีน แต่เดี๋ยวนี้ปลาทูแพงใช่ย่อย ตัวละสามสิบบาท เล็กกว่าจู๋ไอ้เด่นอีกมั้ง..คึ!” ผมยักไหล่ขำ ๆ
“คนในค่ายห้าสิบคน ถ้าปลาทูตัวละสามสิบบาทหกสิบตัว จะเป็นเท่าไหร่นะ..?” ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางคิดเลขในหัว
“พันแปด ค่าข้าวกล้องอีกสองร้อยแล้วกัน ค่าผักต้มที่พวกมันกินกันทีเป็นเข็ง ๆ นั่นอีก ตีรวม ๆ แบบย่ำแย่ก็ตกมื้อละสองพันห้า สองพันห้า..สามมื้อก็เจ็ดพันห้า”
“แพงจังนะ หึ ๆ ๆ” ผมพ่นหัวเราะส่ง ๆ
“.........” ดวงตาของไอ้มงคลเริ่มขยับ มันกลืนน้ำลายลงคอครั้งหนึ่งเห็นจะได้ ผมเงียบมอง ลมพัดมาอีกระลอกใหญ่ทำให้เส้นผมขยับไปตามแรงลม
“ทั้งข้าว ทั้งน้ำนี่น่ะ..” ผมเอ่ย
“จะเป็นของชิ้นสุดท้าย ที่มึงจะได้จากกู”ผลัวะ!
แกรกกกกกก ~ขวดน้ำพลาสติกถูกขยี้จนบี้แบน คนที่เพิ่งถูกฟาดใบหน้าเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตางงงวยเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ดูเหมือนมันจะรู้ตัวได้ด้วยตัวเองแล้วว่าทำไมตนถึงถูกกระทำเช่นนี้ มือที่กำเศษขวดน้ำอยู่ฟาดไปที่หน้าของไอ้มงคลซ้ำแล้วซ้ำอีกจนอีกฝ่ายสำลักเลือดออกมาเป็นกอง สบายใจขึ้นเปราะหนึ่ง ผมลุกขึ้นยืนอย่างเนิบช้า ยังคงจับจ้องคนตรงหน้าเอาไว้ ไอ้มงคลนำแขนเสื้อแขนยาวปาดจมูกของตนอย่างลวก ๆ
“คุณ..ไฟ ผม..ไม่ได้ ฮึก” มันพึมพำ ทำท่าจะคลานเข้ามาหาแต่ก็ไม่ทำ ตั้งท่าคุกเข่าและค้างตัวไว้ ตามองเลือดที่ไหลโชกอย่างตื่นตระหนก คำพูดหยุดพูดหยุดไปเสียดื้อ ๆ ผมตั้งตัวยืนตรงก่อนโน้มตัวลงเข้าไปหาเพียงครึ่งเดียว อีกฝ่ายจึงเงยหน้าขึ้นมอง
“มึงชื่ออะไรนะ มงคล..? หึ ๆ ๆ” ผมเลิกคิ้ว
“แต่สันดานมึงแม่งไม่เป็นมงคลเลยว่ะ” ผมว่า ดูเหมือนจะจี้ใจดำเพราะทำเอาอีกฝ่ายจ้องเขม็งมาด้วยความโกรธ
“มึงเลือกที่จะหักหลังกู
มึง ..เลือก” ผมแทบกระซิบ
“ผม ผมขอโทษ!” อีกฝ่ายเอ่ยร้องอย่างร้อนรน ปลายเสียงปนไปด้วยความสั่นเครือ
“ลองทำร้ายตัวเองดูไหมละ เผื่อกูจะคิดดู..ว่าควรจะปล่อยมึงไปดีไหม” ผมยิ้มประดิษฐ์ ไอ้มงคลเบะปากเล็กน้อย มันเริ่มสะอึกสะอื้นกลัวความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
“คะ คุณจะมาทำแบบนี้กับผมไม่ได้!” มันตะคอกใส่ ทั้งเลือดทั้งน้ำลายที่ผสมกันกระเด็นเห็นเป็นทาง
“ทำไมล่ะ..?”
“ทำไมฉันถึงจะทำแบบนั้นกับนายไม่ได้” ผมกระซิบถามด้วยความเกรงใจ
“อึก” ไอ้มงคลสะอึกสะอื้น
“ในเมื่อ...”
“กู เป็นยิ่งกว่าพ่อมึงซะอีก” ผมแสยะปากยิ้มกว้าง มือตะปบหัวอีกฝ่ายนำกระแทกพื้นอย่างแรง เสียงเค้นออกลำคอพร้อมกับฟันที่กัดไว้แน่นด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่น ร่างกายของมันถูกกระแทกไปกับพื้นปูนดังลั่นอย่างกับของแข็งกระทบของแข็ง เสียงกรีดร้องดังอยู่เพียงช่วงหนึ่งก็จางหายไป ร่างของไอ้มงคลนอนหอบหมดแรง หน้าผากที่เปื้อนเลือดเป็นแผลเหวอะ
“ไว้ ไว้ชีวิตผมด้วย ผม..ฮื่อออ ผมขอ โทษ” อีกฝ่ายยกมือไหว้ทั้งที่นอนอยู่
“หนีไปสิ” ผมพูด มันได้ยินถึงกับชะงัก
“เรามาเล่นเกมกัน..” ผมเผยยิ้มมุมปากซ้ายให้เห็น
“ถ้ามึงหนีกูพ้น มึงก็รอด” ผมบอก ไอ้มงคลสบตาด้วยท่าทางงงงวย ก่อนตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งด้วยกำลังที่มีอยู่ สภาพยิ่งกว่าสัตว์ที่หมดหนทางจะต่อสู้กับมนุษย์ที่กำลังจะเอาชีวิตตน มันยืนโซเซก่อนก้าวเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มตัวลง ร่างกายพยายามออกแรงคลานต่อไปทั้งอย่างนั้นก่อนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง กึ่งเดินกึ่งวิ่งโซซัดโซเซห่างออกไปเรื่อย ๆ
“ตามมันไป..” ผมสั่งไอ้เข้ม
“ส่งคนโทรเข้าหาไอ้เอก บอกว่ามันแจ้งข่าวให้ตำรวจ ให้มันฆ่ากันเอง”
“ถ้าพรุ่งนี้ไอ้เอกยังไม่เก็บมัน สั่งให้พี่ศรลงมือได้เลย ให้พี่เขารู้แค่นั้น..ไม่มากกว่านี้” ผมสั่ง ตามองตามหลังไอ้มงคลจนลับตา
“ครับนาย” ไอ้เข้มผงกหัว
“กูอยากได้ชีวิตมัน เข้าใจที่ฉันพูดไหม..” ผมมองตาไอ้เข้มอย่างเจาะจงว่าหากมันทำงานพลาดมันจะโดน
“ครับนาย” มันผงกหัวอีกครั้ง
“ไปได้” ผมไล่พร้อมเดินกลับมาที่รถ พี่ธานเปิดประตูรถให้
“ไปบ้านหมอนั่น..” - - - - - - - - - - - - - - -