บทที่ 20 เจ้าหญิง
Fulham London...เพราะงานท่วมหัวรอพี่เบิ้มอยู่ที่ลอนดอนทำให้ผมได้กลับมาที่เมืองหลวงนี้อีกครั้ง สามวันที่ยอร์คผมไม่ได้กระดิกไปไหนเลยโดยเฉพาะสองวันสุดท้ายที่ต้องนอนเปลี้ยเป็นผักเหี่ยวๆอยู่บนเตียงเพราะไข้แดก การเดินทัวร์เมืองยอร์คที่วาดฝันต้องพับเก็บใส่กระเป๋าเอาไว้ก่อน แต่ก็ได้รับข้อเสนอสุดพิเศษจากครอบครัวคาร์สันที่ยินดีอย่างยิ่งถ้าผมจะอยู่ต่อและยินดีเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาทัวร์ไม่ใช่เฉพาะแค่ที่ยอร์คแต่สามารถพาทัวร์ทั่วสหราชอาณาจักรเป็นข้อเสนอที่แสนงามแต่ดันโดนคนแขนเดี้ยงเบรคไว้ซะก่อน
‘ไปได้ครับแต่ผมต้องไปด้วย’ ให้ตายแล้วเมื่อไหร่มึงจะว่างผมจึงจำใจลากกระเป๋ากลับลอนดอนพร้อมกับคนแขนเดี้ยงด้วยอารมณ์บูดบึ้ง..โดยลืมไปว่าผมมาที่นี่เพื่อมาดูแลคนแขนเดี้ยงนี่หว่า
“ที่รักคุณงอนผมเหรอครับ” ด้วยความหงุดหงิดจึงไม่อยากคุยกับอีพี่เบิ้มจึงแกล้งหลับมาตลอดทาง เมื่อถึงบ้านอีพี่เบิ้มก็เปิดปากถามทันที
“ก็ผมอยากเที่ยวนี่ครับ”
“เดี๋ยวผมพาเที่ยวครับ”
“เมื่อไหร่ครับ”
“เมื่อผมเคลียร์งานเสร็จ”
“...” ชาติหน้าเหรอ? วีซ่ากูหมดก่อนพอดี
“อาทิตย์หน้าครับเราจะกลับไปที่ยอร์คอีกครั้ง ผมจะพาคุณเที่ยวทุกซอกทุกมุมเองแล้ววันอาทิตย์เราไปแมนเชสเตอร์ไปดูยูไนเต็ดแข่งกัน”
“จริงเหรอครับ!” ความฝันของผมกำลังจะเป็นจริง โอลด์แทรฟฟอร์ดจ๋ารอพี่ก่อนน้า
“จริงที่สุด ผมสัญญา”
“คุณสัญญาแล้วนะครับ” เบี้ยวขึ้นมาล่ะน่าดู
“คร้าบที่รัก คุณเพิ่งหายไข้งีบสักหน่อยดีมั้ยครับ” นอนอะไรอีกเล่า แข็งแรงแล้วโว้ย
“ผมนอนมากพอแล้วครับ ผมอยากเดินดูบ้านคุณมากกว่า” มาบ้านแฟนทั้งทีมันต้องสำรวจกันสักหน่อยแม้บางมุมผมจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีผ่านวิดิโอคอลก็เหอะแต่มันก็มีหลายมุมที่น่าสนใจโดยเฉพาะวิวที่ระเบียงที่สามารถมองเห็นแม่น้ำเทมส์ที่ไหลทอดยาวเป็นสาย..วิวดีชะมัด
บ้านของพี่เบิ้มอยู่บนชั้นห้าของอพาร์ตเมนต์ขนาดห้าคูหาที่มีทั้งหมดห้าชั้นและที่น่าตกตะลึงคือชั้นห้าทั้งหมดคือพื้นที่บ้านของพี่เบิ้ม! และต้องอ้าปากค้างไปอีกเมื่อรู้ว่าอพาร์ตเมนต์หลังนี้เป็นกิจการของพี่เบิ้มเองจ้าาา
“ถ้าไข้กลับผมจะพาคุณไปหาหมอโดยไม่ฟังเสียงงอแงของคุณแล้วนะครับ” งอแงสิ ใครจะอยากเล่าสาเหตุของการป่วยให้คุณหมอฟังกันล่ะ..โดนนิ้วของคุณแฟนแหย่ตูดไข้ก็เลยขึ้นงี้เหรอ..อนาถแท้ชีวิตกู
“ผมโอเคแล้วจริงๆ ครับแล้วตอนนี้ก็อยากทานอะไรหนักๆ ด้วย” พอแล้วสำหรับอาหารคนป่วยตอนนี้ขอแดกอะไรจุกๆ สักหน่อยเหอะ
“ทานอะไรดีครับ”
“ผมอยากทาน Fish & Chips” มาอังกฤษต้องได้กินสิเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึง
“ไม่มีปัญหาครับเจ้าหญิง” เจ้าหญิงอีกละมีล้านแปดชื่อแล้วกู
“ยังมีอีกครับผมอยากทาน Bangers and Mash, Sunday Roast with Yorkshire Pudding, Apple Crumbleแล้วก็ Full English Breakfast” จุกๆ ไปเล้ยยย
“อย่างสุดท้ายมันอาหารเช้านะครับตอนนี้เย็นแล้วนะที่รัก”
“ผมจะทานเป็นมื้อเย็นมันผิดตรงไหน มื้อเช้าที่บ้านคุณผมก็ไม่ได้ทานด้วยได้ทานแต่อะไรก็ไม่รู้เหลวๆหยึยๆ” Full English Breakfast ที่วาดฝันกลับกลายเป็นข้าวโอ๊ตตุ๋นรสสัมผัสหยึยๆ..ช่างท้อแท้ใจเหลือเกิน ดีล่ะหายป่วยแล้วพ่อจะฟาดเรียบให้หมดเกาะอังกฤษเลยคอยดู ฮึ
“ก็คุณป่วยที่รัก ส่วนSunday Roast with Yorkshire Pudding เขามักจะทานกันวันอาทิตย์ตามชื่อครับ”
“ก็ผมอยากทานวันนี้” กินวันพุธแล้วตำรวจจะจับเหรอวะ
“โอเคๆ ตามบัญชาครับเจ้าหญิง” เจ้าหญิงอะไร บ้าบอ ขอซื้อทิ้งเหอะเรียกเชอร์รี่ยังดีกว่าอ่ะ
“ผมเป็นผู้ชายนะต้องเป็นเจ้าชายสิ”
“หน้าคุณสวยไม่เหมาะกับเจ้าชายหรอก เชื่อผมสิ” อีพี่เบิ้มขยิบตาให้ก่อนจะจุ๊บเหม่งผมเบาๆ
“...” ให้ตาย หัวใจจะเต้นแรงไปไหน
“ตัวคุณอุ่นๆ งั้นสั่งมาทานที่บ้านนะครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องไปเจออากาศแย่ๆ ข้างนอก”
“ก็ได้ครับ” วันนี้ฝนตกเกือบทั้งวันอากาศก็หนาวมากๆ ด้วยกินที่บ้านเป็นความคิดที่ไม่เลว
ระหว่างรออาหารพี่เบิ้มก็เข้าไปดูเอกสารในห้องทำงานส่วนผมก็เดินสำรวจบ้านของพี่เบิ้มอีกครั้ง
บ้านของพี่เบิ้มแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน มีห้องนอนทั้งหมดสี่ห้อง ห้องทำงานที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสืออีกหนึ่งห้อง ห้องครัวที่สะอาดเงาวับดูๆ แล้วเจ้าของห้องคงใช้งานไม่มากเท่าไหร่และที่ขาดไม่ได้คือห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์ฟิตเนตครบครันประหนึ่งยกยิมมาไว้ที่นี่..แต่ที่ผมชอบที่สุดคือวิวระเบียงนี่แหละ ระเบียงยาวที่มีมุมและสวนเล็กๆให้นั่งพักผ่อนถ้าได้นั่งจิบชาในวันที่แสงแดดอบอุ่นมองสายแม่น้ำเทมส์ไหลเอื่อยๆ คงจะชิวไม่น้อย..
ติ๊งติ่ง เสียงกริ่งประตูดังขึ้นอาหารน่าจะมาส่งแล้ว..มาไวดีแฮะ
“เดี๋ยวผมไปเปิดเองครับ” ผมตะโกนบอกพี่เบิ้มที่อยู่ในห้องทำงานก่อนจะวิ่งปรี่ไปเปิดประตู..หิวมากบอกเลอ
..เมื่อประตูเปิดกว้างได้แต่ยืนอึ้ง นี่ไม่ใช่มาส่งอาหารแต่มาส่งนม! ครับมันคือนม นมจากเต้าของแท้หรือของหมอผมก็ไม่อาจคาดเดาได้
“คุณเป็นใคร?” น้องนางหุ้นสะบึ้มถามด้วยใบหน้าสงสัย
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร?” ผมไม่ตอบแต่ถามกลับพร้อมกับจ้องน้องนางผมสีบลอนด์ทองที่หุ่นทวดทรงองเอวประหนึ่งนางแบบ victoria’s secret แม้จะมีโค้ทสีครีมตัวยาวห่มหุ้มแต่เดรสสีดำรัดติ้วตัวในที่ผ่าอกเกือบถึงสะดือโชว์หน้าอกหน้าใจแทบกระเด้งกระดอนออกมาโดนเบ้าหน้าผม!
“Lily?” อ่อชื่อน้องดอกลิลลี่แน่เอง ดูเหมือนพี่เบิ้มจะแปลกใจไม่น้อยกับการมาของน้องนางทรงโต
“Hi Jeremy” เมื่อเธอเห็นพี่เบิ้มน้องนางก็มองข้ามหัวผมไปเลยก่อนจะเบียดแทรกตัวทรงโตๆ เข้ามาแถมเหยียบตีนกูอี๊ก..น้องดอกกกกก
หลังจากนั้นน้องดอกก็หอมแก้มซ้ายขวาทักทายอีพี่เบิ้มที่ดูไม่เหมือนหอมทักทายสักเท่าไหร่เพราะน้องดอกตั้งใจแนบริมฝีปากที่ฉาบไปด้วยลิปติกสีแดงสดลงไปที่ข้างแก้มของพี่เบิ้มนานเป็นพิเศษทำให้คนดูอย่างผมหงุดหงิดใจไม่น้อย
“ลิลลี่ได้ข่าวว่าคุณตกม้าเป็นยังไงบ้างคะ” จริตของน้องดอกนั้นไม่ธรรมดานิ้วเรียวยาวที่มีเล็บสีเดียวกับสีลิปสติกที่เคลือบอยู่บนริมฝีปากค่อยๆลูบไล้แขนที่ห่อหุ้มด้วยเฝือกของพี่เบิ้มด้วยท่าทางยั่วยวนออดอ้อน..ฮึ มองปราดเดียวรู้เลยว่าน้องดอกต้องการจะงาบอีพี่เบิ้มก็ใครเขาจะใส่เดรสรัดติ้วพร้อมแหวกอกนมทะลักมาหาผู้ชายถึงที่บ้านแบบนี้กันเล่าแล้วนั่งน่ะจะชิดไปไหนนมถูแขนอีพี่เบิ้มไม่หยุดแต่ดีนะที่อีพี่เบิ้มมันขยับตัวออกมากูนึกว่ามึงจะเคลิ้มตามซะแล้ว ฮึมมม
“ผมไม่เป็นอะไรมากครับแค่กระดูกร้าวไม่เกินหนึ่งเดือนก็น่าจะหายเป็นปกติ”
“ลำบากแย่เลยค่ะ มีอะไรให้ลิลลี่ช่วยบอกได้ทุกเมื่อนะคะ”
“ผมมีพยาบาลส่วนตัวแล้วล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ ที่รักมานี่สิครับ” อ่า ถึงตากูแล้ว ผมเดินไปนั่งแทรกกลางทั้งคู่พร้อมกับฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแต่ในใจได้แต่ร้องฮึมๆ
“ที่รัก?” น้องนางทำหน้างงตาแตกกับสรรพนามที่พี่เบิ้มใช้เรียกผม
“ครับ นี่ป้านดแฟนผมเองครับ” รอยยิ้มของน้องดอกที่มีในคราแรกถึงกับกระตุก
“ลิลลี่ค่ะเป็นหุ้นส่วนคนสนิทของเจเรมี่ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” น้องนางเน้นคำว่าสนิทเป็นพิเศษผมได้แต่หรี่ตามองพี่เบิ้มอย่างจับผิด
“ผมปณตแฟนของเจเรมี่ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ผมเน้นคำที่ควรจะเน้นเช่นกัน คือคำว่าปะ-นดเธอจะได้เรียกชื่อผมถูก ไม่ใช่สิ ถุย ผมก็ต้องเน้นคำว่าแฟนอยู่แล้วถึงจะไม่มีนมแต่กูมีพุงโว้ย!
“คุณชอบผู้ชาย?” เหมือนจะไม่เชื่อว่าผมเป็นแฟนของพี่เบิ้มจริงๆ น้องดอกถามพี่เบิ้มด้วยความงงตาแตกอีกครั้ง
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับเพราะป้านดเป็นผู้ชาย” นี่มึงตอบกวนตีนน้องดอกเขาป่ะเนี่ย
“เหรอคะ เอ่อเจเรมี่คะขอชาสักแก้วได้มั้ยคะ”
“ได้ครับ”
รู้น่าว่าไม่ได้หิวน้ำ..เมื่ออยู่กันสองต่อสองน้องดอกก็เริ่มสงครามประสาททันที
“เจเรมี่กินคุณยัง” โอ้โหน้ำเสียงช่างเป็นมิตรดีแท้
“กิน?”
“ฉันหมายถึงได้กันหรือยัง”
“...” ที่เงียบเนี่ยเพราะกำลังคิดอยู่ เมื่อคืนก่อนถือว่าได้มั้ยว้า
“เดี๋ยวเขาก็เบื่อ คุณก็แค่ของแปลกสำหรับเขา” ของแปลก? น้องนางสิแปลกคนบ้าอะไรโชว์นมให้คนเขาดูไปทั่ว
“คุณอยากกินเขาเหรอครับ” ผมมันคนซื่อก็เลยถามตรงๆ ไม่ได้คิดจะเสียมารยาทกับคุณผู้หญิงเขาแต่อย่างใด
“ห๊ะ!”
“เอ๊ะ หรือว่าคุณอยากให้เจเรมี่กินคุณแต่เจเรมี่ไม่ชอบของธรรมดาๆ อย่างคุณก็เลยมากินของแปลกอย่างผม นี่จะบอกอะไรให้นะของแปลกสิดี ลิมิเต็ด อิชั่นน่ะใครๆ ก็อยากได้” นี่ก็ด้วยความซื่ออีกแหละก็เลยบอกไปตรงๆไม่ได้ตั้งใจจะถากถางนะเออ
“คุณ!”
“ชาได้แล้วครับ” แต้งๆ หมดยกจ้า
“ขอบคุณค่ะ พอดีลิลลี่นึกได้ว่ามีนัดขอตัวกลับก่อนนะคะ หายไวๆ นะคะแล้วพรุ่งนี้เจอกันที่ประชุมค่ะ” โอ๊ะ น้องดอกเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงได้ไวมากแนะนำให้ไปเป็นดารานะรับรองรุ่ง อ้าวแล้วจะไม่จิบชาสักหน่อยเหรอจะรีบกลับไปไหนคนแขนเดี้ยงอุตส่าห์ชงมาให้เชียวนะ
“ขอบคุณครับ แล้วเจอกันครับ” ก่อนที่น้องดอกจะกลับก็ไม่ลืมจูบลาที่แก้มทั้งสองข้างของอีพี่เบิ้มและแน่นอนจังหวะยังคงเนิบช้าเหมือนเดิมและที่สำคัญมีเหลือบตามองผมอย่างเย้ยหยันซะด้วย..บ้าบอ
“หุ้นส่วนคนสนิท? สนิทระดับไหนครับ” เมื่อเสียงประตูปิดลงผมก็ซักอีพี่เบิ้มทันที
“เราไม่ได้สนิทกันนะครับ เราเจอกันตามที่ประชุมแล้วก็ที่งานเลี้ยงบ้าง สำหรับผมถือว่าเราไม่ได้สนิทกันนะครับ”
“ไม่สนิททำไมถึงมาหาถึงที่บ้านได้ล่ะครับ”
“ผมก็แปลกใจเหมือนกันนี่ครั้งแรกที่เธอมาหาผมที่นี่ปกติผมไม่รับแขกที่บ้าน นอกจากครอบครัวแล้วก็พอลคุณคือคนแรกที่มาที่บ้านผม”
“ถ้าไม่เจอที่บ้านแล้วเจอกันที่ไหนครับ”
“ออฟฟิศผมครับที่รักแล้วเรื่องที่คุยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องงานครับ”
“...” ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด
“คุณหึงผมที่รัก”
“ผมไม่ได้หึง!”
“คุณหน้างอ”
“เพราะผมป่วย”
“คุณบอกคุณหายแล้วที่รัก”
“ใช่ผมหึง! พอใจหรือยัง ดูหน้าคุณตอนนี้สิเต็มไปด้วยรอยลิปสติกมันเป็นรอยปากคนอื่นที่ไม่ใช่ของผมเห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า ให้ตาย!” แม่ง ขอบ่นหน่อยเหอะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองจะฉุนขนาดนี้จะวัฒนธรรมโลกตะวันตกอะไรก็ช่างใครจะอยากให้คนอื่นมาสัมผัสแฟนตัวเองกันเล่า!
“ผมชอบจัง คุณหึงได้น่ารักเป็นบ้า” อย่ามายิ้มนะ บ้าเอ้ย
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ”
“คุณคือลิมิเต็ด อิดิชั่นของผม ผมไม่ยอมเสียคุณไปแน่นอนเชื่อใจผมที่รัก”
“คุณได้ยิน!” ให้ตายน่าอายชะมัด
“แน่นอนที่รัก ห้องครัวอยู่แค่ตรงนี้แต่ผมชอบมันชะมัด”
“ไม่รู้ล่ะแล้วผมจะไว้ใจเธอได้ไง ดูชุดที่เธอใส่สิชุดมาเยี่ยมคนป่วยอะไรจะแหวกได้ขนาดนั้น เธอจ้องจะงาบคุณไม่รู้เหรอครับ”
“ผมทราบครับ แต่ผมไม่สนผมมีแค่คุณนะที่รัก”
“หน้าคุณมัน..” หงุดหงิดลูกตาเว้ย
“เช็ดให้หน่อยสิครับ”
“เช็ดเองสิครับ” ไม่อยากจะมองรอยริมฝีปากแดงๆ นั่นเลย
“แขนผมเจ็บ” เหอะ อ้างมันเข้าไปสิคืนก่อนยังอุ้มกูตัวปลิวอยู่เลย
ผมเช็ดหน้าให้พี่เบิ้มไม่เบามือนักด้วยอารมณ์หงุดหงิดคนแขนเดี้ยงจึงกระตุกข้อมือผมเพียงน้อยนิดผมก็ซบแหมะลงบนอกหนาที่นั่งขืนตัวไม่ให้ล้มตามแรงของผมก่อนจะดันสะโพกของผมให้นั่งคร่อมบนต้นขาอันแข็งแรง..เอ่อท่านั่งทำไมมันดูล่อแหลมชอบกล
“ท่านั่งแบบนี้ดีจังคุณจะได้เช็ดหน้าผมสะดวกๆ ไงครับ” สายตาวาววับมันน่าจิ้มตาบอดนัก
“ไม่เห็นจะดีเลย ปล่อยผมเลยนะคุณ” มืออีพี่เบิ้มก็เริ่มซนลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง
“ไม่ปล่อย”
“...” จะเล่นเกมส์จ้องตาหรือไง
“ผมรู้ว่าคุณกังวลแต่ได้โปรดเชื่อใจผมที่รัก ผมไม่มีทางทำให้คุณเสียใจเด็ดขาดผมสัญญากับคุณไว้ว่าจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดไงครับ” พี่เบิ้มจ้องลึกเข้ามานัยน์ตาสีนิลของผมอย่างจริงใจ ผมเชื่อแววตาสีเทาคู่นี้ว่าทุกคำที่เอ่ยออกมาล้วนออกมาจากใจจริง
“ครับ ผมเชื่อใจคุณ” ความรักและความเชื่อใจมันควรจะมาพร้อมกัน..
“ขอบคุณครับ..ผมจูบนะครับ” ผมโอบคอพี่เบิ้มเป็นคำตอบก่อนเรียวปากของเราทั้งคู่จะแนบชิดกัน จูบอันหวานหอม ละมุน ลึกซึ้ง แทนคำเชื่อมั่นระหว่างเราได้เป็นอย่างดี
ติ๊งติ่ง เสียงกริ่งดังอีกครั้ง หวังว่าครั้งนี้จะเป็นอาหารจริงๆนะ คราวนี้พี่เบิ้มเป็นฝ่ายเดินไปปิดประตูและเดินกลับเข้ามาพร้อมกับของถุงของกินเต็มไม้เต็มมือ ไม่รีรอรีบกินจุกๆ กันเหอะ ใช้พลังงานในการตอบโต้กับน้องดอกไปเมื่อกี้แล้วยิ่งหิวหนักกว่าเดิมบอกเลย
“อร่อยมั้ยเจ้าหญิง” บอกว่าขอซื้อคำนี้ทิ้งไงเล่า ผมได้แต่ส่งสายตาให้อย่างเคืองๆ
“ครับอร่อยมาก”
“เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะพาไปดินเนอร์ที่โรงแรมนะครับ มีเมนูให้คุณเลือกทานอีกเยอะแยะเลย”
“โรงแรม?”
“ครับ โรงแรมของผมเอง อาหารที่เรากำลังทานอยู่ตอนนี้มาจากโรงแรมของผมเองครับผม”
“อ่า คุณมีโรงแรมกี่ที่ครับถามจริง” เรื่องงานของพี่เบิ้มผมรู้เรื่องน้อยมากเพราะไม่อยากก้าวก่าย แต่มันก็อดอยากรู้ไม่ได้จริงๆ
“ถ้าเฉพาะโรงแรมในอังกฤษมีอยู่สิบแห่งครับ”
“แล้วถ้าไม่ใช่โรงแรมล่ะครับ”
“อืม มีอพาร์ตเมนต์แล้วก็บ้านให้เช่าเอาแค่เฉพาะในลอนดอนนะครับน่าจะยี่สิบที่ได้ครับ”
“ถ้านอกลอนดอน นอกอังกฤษ..”
“ถ้าคุณอยากรู้เดี๋ยวผมเปิดแผนธุรกิจให้ดูครับในนั้นมีบอกจำนวนและสถานที่ชัดเจนและธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจอหังสาริมทรัพย์” ประชดกูป่ะเนี่ย
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ”
“คุณมีสิทธิ์จะรู้ทุกเรื่องของผมที่รัก” ไม่อยากรู้แล้วเดี๋ยวจะตกใจไปมากกว่านี้ รู้แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ
เอาเป็นว่าเรื่องงานเราจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกันดีกว่า
“ไม่เอาไม่อยากรู้แล้วครับ ทานต่อดีกว่าผมชอบไส้กรอกนี่จัง” ผมหมายถึงไส้กรอกในจาน Bangers and Mashเป็นไส้กรอกเนื้อเน้นที่มาพร้อมกับมันบดและหัวหอมผัดราดด้วยน้ำเกรวี่สุดกลมกล่อม..จะกินให้จุกๆ ไปเลย
“ค่อยๆ กินสิครับ” ก็มันอร่อยนี่นา
“แล้วคุณไม่ทานเหรอครับ” พี่เบิ้มได้แต่นั่งมองผมกินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ก็..”
“โอ๊ะ ขอโทษครับ คุณทำไมไม่บอกผมล่ะครับ” แขนเดี้ยงอยู่จะจับมีดจับส้อมหั่นก็คงไม่ถนัด..ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
“ก็คุณกำลังทานอร่อยผมเลยไม่อยากขัด”
“คุณก็..เอ้าอ้าปากครับ” ผมหั่นเนื้ออบชิ้นพอดีคำพร้อมกับป้อนพี่เบิ้ม
“ขอบคุณครับ” ยิ้มร่าเชียวนะพี่มึง
“อยากทานอันไหนบอกผมนะครับ มื้อนี้ผมจะเป็นแขนให้คุณเอง” ผมยิ้มบอกอย่างใจดี
“ผมมีความสุขจังที่รักอยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ทุกวันเลย” น้ำเสียงพี่เบิ้มอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มดวงตาเป็นประกาย
“ครับ ผมก็มีความสุข” มันอบอุ่นจนบอกไม่ถูก..แต่ให้ทำไงได้ช่วงนี้ก็คงต้องไปๆมาๆแบบนี้ไปก่อน อนคตค่อยว่ากันอีกที
จุกๆกับมื้อค่ำแสนอร่อยไปแล้วก็มานั่งย่อยจิบโกโก้ร้อนที่ริมระเบียง
“คุณชอบแก้วใบนี้มั้ยครับ”
“แก้ว?” เพิ่งสังเกตว่าแก้วเป็นลายเชอร์รี่ลายเดียวกันกับแก้วที่พี่เบิ้มมันซื้อเมื่อตอนไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่เชียงใหม่ต่างกันแค่แก้วใบนี้เป็นแก้วเซรามิคสีขาวส่วนแก้วที่เชียงใหม่เป็นแก้วใส
“ผมกลับมาจากเชียงใหม่ครั้งก่อนหาซื้อตั้งหลายที่กว่าจะเจอแก้วลายเชอรรี่ถึงจะไม่เหมือนแต่สองใบนี้ใกล้เคียงกับแก้วที่ไปซื้อกับคุณที่สุด”
“เป็นเอามากเหมือนกันนะคุณ” กระจุ๊กกระจิ๊กกับเขาก็เป็นด้วย
“ก็ผมคิดถึงคุณนี่ครับ”
“คร้าบ~”
“ผมว่าเราเข้าข้างในบ้านกันเถอะ ข้างนอกลมแรงคุณเพิ่งหายไข้นะที่รัก”
“ก็ได้ครับ” หนาวจริงๆนั่นแหละ
“คุณจะอาบน้ำก่อนหรือจะให้ผมอาบก่อนครับ”
“คุณไม่ให้ผมช่วยคุณอาบเหรอครับ”
“ผมอาบเองได้แล้วครับ อีกอย่างคุณเพิ่งหายไข้ผมไม่อยากให้คุณโดนน้ำนานๆ” ห่วงมากไปแล้วนะ ผมแข็งแรงแล้วเว้ย
“โอเคครับงั้นคุณอาบก่อนได้เลย แต่ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยบอกได้นะครับ” ดีเหมือนกันอาบให้เดี๋ยวก็เลยเถิดอีก
ผมนั่งๆนอนอยู่บนโซฟาดูรายการทีวีไปเรื่อยเปื่อยสักพักพี่เบิ้มก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า..ให้ตาย!
“ที่รักช่วยโกนหนวดให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“ทำไมคุณล่อนจ่อนออกมาแบบนี้เล่า”
“ผมนึกว่าคุณชินแล้วเสียอีก” เหอะ พูดได้หน้าตาเฉยมาก
“ผมไม่ชินครับ!” ให้ตาย จะชินได้ยังไงวะหรรมมึงทั้งดุ้นนะโว้ย
“ถ้าอย่างงั้นก็เห็นบ่อยๆจะได้ชิน”
“...” ไม่อยากชินโว้ย
“ผมไม่ถนัดเลยคุณช่วยผมหน่อยนะครับ” พี่เบิ้มใส่เฝือกข้างซ้ายหลายคนอาจจะคิดว่าดีนะที่ไม่เป็นข้างขวาไม่งั้นคงลำบากกว่านี่แย่ เหอะขอโทษครับอีพี่เบิ้มแม่งถนัดซ้ายครับ..คนลำบากคือกูนี่แหละที่ต้องมาทนเห็นงูหลามเผือกของมึง ยื่นเสื้อคลุมให้กลับโยนทิ้งหน้าตาเฉย ฟาย!
“คุณมีเคราก็ดูเท่ไปอีกแบบนะผมว่า” เหมาะกับลุกเซอร์ของพี่มึงดี
“เหรอครับ ถ้าคุณชอบผมไม่เอาออกก็ได้ครับ” นี่ก็ตามใจไปอีก
“แต่ผมชอบแบบไม่มีมากกว่า” คือมีเครามันเท่ก็จริงแต่เวลาที่พี่แกซุกไซ้ผมแล้วมันจั๊กจี้แปลกๆ
“ถ้าอย่างง้ั้นเชิญเจ้าหญิงเอาออกให้เกลี้ยงเลยครับ” เจ้าหญิงอีกแล้ว แม่ม!
ผมค่อยๆชโลมครีมโกนหนวดเนื้อโฟมลงไปตามสันกรามที่ปกคลุมไปด้วยเคราที่กำลังเริ่มยาวเนื้อโฟมเนียมนุ่มบนนิ้วมือสัมผัสกับความสากของขนเคราให้รู้สึกสัมผัสที่น่าประหลาด ผมค่อยๆปาดใบมีดโกนลงใปบนเนื้อโฟมอย่างเบามือ มันคือครั้งแรกที่โกนหนวดให้คนอื่นแล้วก็ไม่เคยคิดด้วยว่าวันหนึ่งจะได้มาทำอะไรแบบนี้สำหรับพี่เบิ้มแล้วมีครั้งแรกให้ผมต้องเจอหลายเรื่องและคาดว่าต้องเจออีกมากมายต่อจากนี้..
ผมตั้งใจโกนหนวดให้พี่เบิ้มด้วยความระมัดระวังพยายามมีสมาธิจดจ่อไม่สนใจแววตาคู่ที่เทาที่จ้องมองมาอย่างลึกซึ้ง..ให้ตายหัวใจผมเต้นแรงเป็นบ้า ไม่มีทางหรอกที่ผมจะชินจากทุกสัมผัสจากผู้ชายตรงหน้า
“เอ้าช์!”
“โดนบาดเหรอครับ!” ผมรีบชักใบมีดออกทันที
“ล้อเล่นครับ” บ้าเอ้ย
“คุณ! อย่าแกล้งแบบนี้สิครับ” คนยิ่งเกร็งๆ อยู่
“ผมมีความสุขจัง” รู้แล้วน่าดวงตาพราวระยับขนาดนี้
“อย่าเพิ่งพูดสิครับ”
“ที่รัก ผมรักคุณ”
“...” บอกว่าอย่าพูดไงเล่า เกร็งที่มือไม่พอต้องเกร็งที่ใจอีกมันเต้นจนทะลุออกจากอกแล้วเนี่ย..ก็นะบรรยากาศตอนนี้มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไงดีที่รัก ผมมีความสุขจนแทบบ้า”
“เดียวโดนมีดบาดนะคุณ” ดื้อจริง
“ให้ตายผมมีความสุขจนหยุดพูดไม่ได้เลย”
“...”
“I know I talk too much so give me your two lips baby, I’ll shut up* ”
“...” บ้าบอจะให้จูบตอนนี้เนี่ยนะ
..ไม่รู้ด้วยแล้วแรงดึงดูดจากนัยน์ตาคู่สีเทาทำให้ผมปิดปากคนพูดมากด้วยเรียวปากของผมตามคำขอสัมผัสนุ่มนวลอ่อนโยนไม่ต่างจากเนื้อโฟมที่ละเลงเลอะไปทั่วใบหน้าของเราทั้งคู่บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขจนล้น..หัวใจของเราทั้งคู่ก็เช่นกัน
การโกนหนวดใครว่าง่าย มันยาก..ยากจนแทบละลาย
สองอาทิตย์แล้วกับการมาอังกฤษของผมซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีจากครอบครัวคาร์สัน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมกลับไปที่ยอร์คอีกครั้งเพราะพี่เบิ้มต้องมาตรวจแขนที่เข้าเฝือกผลการตรวจออกมาค่อนข้างดีกระดูกเข้าที่เร็วกว่าที่คิดอาทิตย์หน้าคาดว่าน่าจะเอาเฝือกออกได้แล้ว หลังจากตรวจเสร็จพี่เบิ้มก็พาผมเที่ยวเมืองยอร์คทุกซอกทุกมุมตามที่สัญญาไว้เดินจนขาแทบหลุดและจบ ทริปด้วยการพาผมไปดูการแข่งขันฟุตบอลที่สนามโอล์ดแทรฟฟอร์ดสนามเย้าของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด..ความฝันของผมเป็นจริงสักที
แมตช์ที่เราไปดูเป็นศึกดาร์บี้แมตช์กับทีมร่วมเมืองอย่างทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ความเนื่องเแน่นและ ความมันจึงคับแน่นไปทั่วสนาม เสียงเชียร์ทั้งทีมเจ้าบ้านและทีมเยือนดังก้องไปทั่วสนามทำให้แฟนบอลที่มาเชียร์ติดขอบสนามเป็นครั้งแรกอย่างผมฮึกเหิมไม่น้อย โมเมนต์ดีใจเมื่อทีมรักทำประตูได้ผมและพี่เบิ้มเราต่างเฮและสวมกอดกันอย่างบ้าคลั่งมันเป็นประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกที่ดีโคตรๆ และที่สุดของความประทับใจในทริปนี้คือทีมรักของเราเอาชนะทีมเพื่อบ้านผู้น่ารำคาญไปด้วยสกอร์ 2-0..สะใจเป็นบ้า
เมื่อกลับมาลอนดอนพี่เบิ้มก็เริ่มโหมงานหนักเร่งเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อเดินทางกลับเชียงใหม่พร้อมกับผมในอาทิตหน้า ไอ้ฟางเพื่อนผู้น่ารักและน่ารำคาญในบางเวลาคอยมาอยู่เป็นเพื่อนผมและพาเที่ยวลอนดอนเดินจนขาแทบเปื่อยเกือบทุกวัน วันนี้ก็อยู่กับไอ้ฟางจนถึงค่ำเมื่อกลับมาถึงบ้านของพี่เบิ้มก็ยังคงไร้เงาเจ้าของบ้าน..วันนี้ก็กลับดึกอีกแล้ว
“อ๊ะ คุณกลับมาแล้วเหรอครับ” ผมนั่งรอพี่เบิ้มอยู่ที่โซฟาและไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งเมื่อไหร่รู้ตัวอีกทีก็ลอยเคว้งอยู่ในอ้อมกอดของคนแขนเดี้ยง..แขนมึงจะหายมั้ย ฮึ
“ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะครับ หรือคุณรอผม”
“อื่อผมรอคุณ”
“ขอบคุณนะครับเจ้าหญิงของผม” เกลียดคำนี้แต่พี่เบิ้มก็สนใจตาขวางของผมไม่ พาผมเข้าห้องนอนแล้ววางผมลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล
“ผมมีงานค้างอีกนิดหน่อยคุณนอนก่อนเลยนะครับ ฝันดีครับที่รัก” งานจะเยอะไปไหนผมได้แต่มองตามพี่เบิ้มออกจากห้องด้วยตาปริบๆ
ตีสอง..ที่นอนข้างๆยังว่างเปล่า ให้ตายผมนอนไม่หลับร่างกายมันเคยชินกับอ้อมกอดของคนตัวโตไปเสียแล้วสิ
“คุณงานยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ” สุดท้ายผมก็ทนนอนคนเดียวไม่ไหวจึงต้อมออกมาตามคนงานยุ่งที่ห้องทำงาน..รีบมานอนเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้ผมกอดได้แล้ว
“ใกล้แล้วล่ะครับ นอนไม่หลับเหรอที่รัก”
“พักก่อนมั้ยครับ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ”
“ผมตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะใช้เวลาอยู่กับคุณทั้งวันเพราะสามวันที่ผ่านมาผมแทบจะไม่มีเวลาให้คุณเลยที่รัก”
“ไปนอนเถอะครับ ผะ..ผมนอนไม่หลับถ้าคุณไม่นอนกอดผม” นี่ผมขี้อ้อนตั้งแต่เมื่อไหร่?!
“ที่รัก~”
“นะครับ”
“แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะครับ ให้ตายที่รักคุณอ้อนแล้วน่ารักเป็นบ้า”
“อื่อออ” จูบจู่โจมไม่ทันได้ตั้งตัวอีกแล้ว..ไม่ไหวเลยหัวใจ
“ไปครับเจ้าหญิงไปนอนกัน” เฮ้อ โอเคเจ้าหญิงก็เจ้าหญิงแล้วพี่เบิ้มก็เดินจูงมือผมไปยังห้องนอนแล้วนอนกอดผมอย่างที่ผมต้องการไม่มีการล่วงเกินไปมากกว่าจูบเบาๆที่หน้าผากพร้อมกับคำว่าฝันดี..แล้วคืนนี้ผมก็ฝันดีจริงๆ
ฝันที่พอตื่นขึ้นมาแล้วคำพูดของพี่เบิ้มที่พูดในความฝันยังดังก้องอยู่ในหัวผมไม่หยุด..
‘will you marry me’TBC.
………………………………………………….....
บทหน้าตอนจบแล้วน๊า..ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ^^
*Greyson Chance - shut up https://www.youtube.com/watch?v=SpNn32HA0SI