หลง - เพราะกำลังมีคนๆ นึงมาหลง
เหงา - เพราะกำลังเหงาจริงๆ
รัก - เพราะยังรักปักใจแค่ 'โจ'
เออ ท่าทางจะเป็นเอามากเว้ยเรา!
ไวจิงอะไรจิงนะคับคุงคิง
ระวังน๊าาาา รักคนที่หลงเราเพื่อแทนความเหงาตากคนที่เรารักปักใจ
จะเสียใจทั้งสองฝ่าย เหอๆๆๆๆ
^
^
^
จู่ๆ คริทก็เปิดประเด็นเรื่องความหลงขึ้นมา ผมก็เลยคิดว่า....เออ...น่าจะเอาเรื่องนี้มาเป็นหัวเรื่องได้เหมือนกันแฮะ
ก่อนอื่น.........ผมคงต้องถามเพื่อนๆ ที่กำลังอ่านอยู่ ก่อนล่ะว่า เคยฟังเพลง เพลงนี้รึปล่าว
บอกเหตุผลดีๆกับฉันสักข้อหนึ่ง เธอพอจะมีบ้างไหม
เอ่ยคำพูดที่ทำให้ฉันมั่นใจ แค่นั้นที่ฉันต้องการ
ความเข้าใจเรามีให้กันก็นานแล้ว และเธอก็ดีกับฉัน
มีเรื่องเดียวที่เธอไม่เคยจะบอกกัน เธอคิดกับฉันยังไง
อยากจะฟังจากเธอสักครั้ง(ให้แน่ใจ) ให้เห็นภาพวันพรุ่งนี้ของเรา(ที่เราใกล้ชิดกัน)
ไม่รู้คิดตรงกับฉันบ้างหรือเปล่า รู้ไหมว่าฉันมีใจเก็บไว้เพื่อให้เธอ
บอกเหตุผลดีๆกับฉันสักข้อหนึ่ง เธอรักฉันเพราะอะไร
ตัวฉันเองไม่มีอะไรเป็นข้อแม้ ก็รอแต่เธอเท่านั้น
เธอไม่ต้องพูดจาอะไรให้ชวนฝัน แค่พูดให้ฉันเข้าใจ
บอกเหตุผลดีๆกับฉันสักข้อหนึ่ง เธอพอจะมีบ้างไหม
ที่ตรงนี้ก็ยังไม่เคยให้ใคร บอกได้จะยกให้เธอ
เธอคิดกับฉันยังไง
แค่พูดให้ฉันเข้าใจ
เพลง : รักฉันเพราะอะไร ของวง ดับเบิ้ลยู Double U (จั๊ก ชวิน) สมัยเมื่อครั้งที่ผมยังเรียนซักปีหนึ่งหรือปีสองนี่ล่ะ
และที่ผมพูดถึงเพลงนี้ขึ้นมา หนึ่งล่ะเพลงนี้เป็นเพลงโปรดของผม ณ ตอนนั้น (ถึงตอนนี้เวลานึกครึ้มก็ยังหยิบยกขึ้นมาเปิดฟังบ้างนานๆ ที) และสอง....ผมว่าเพลงนี้น่าจะให้เป็นหัวข้อในวันนี้ได้ครับ
กลับเข้ามาที่เรื่องของความหลงละกันครับ จากที่คริทบอกกับผมว่า “รักคนที่หลงเราเพื่อแทนความเหงาจากคนที่เรารักปักใจ ระวังจะเสียใจทั้งสองฝ่าย........”
ก็....ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะเป็นประมาณอย่างนั้นครับ แต่นี่เผอิญว่าคนที่มาหลงผมคนนี้ดันเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกันดีในระดับนึงเลยก็ว่าได้ ซึ่ง...จะเป็นใครไปไม่ได้ครับถ้าไม่ใช่ ‘คริส’ คนที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่าผมไปแล้วว่าผมเจอเค้าอีกทีตอนไปฉลองฮัลโลวีนกับเพื่อนในกลุ่มเมื่อไม่กี่วันก่อน (ปล. ผมบอกไปแล้วใช่มะครับว่า ‘คริส’ เป็นชื่อสมมุติของเค้า)
ครับ เอาเป็นว่าประเด็นที่ผมหยิบยกมาเล่าวันนี้ จะเป็นเรื่องระหว่างผมกะหนุ่มแก้มป่อง หัวตั้งๆ ตาโตๆ คนนี้ละกันครับ
เรื่องมีอยู่ว่าคริสกะผมรู้จักกันเพราะความบังเอิญรึปล่าว...ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่...เอาเป็นว่าที่เราได้เจอกันเป็นเพราะตอนนั้นผมต้องไปดูงานที่บริษัทๆ นึงที่ต่างจังหวัดครับ แต่เนื่องด้วยผมไม่ใช่คนในพื้นที่ ผมก็เลยต้องขอรบกวนให้เพื่อนผมช่วยเป็นไกด์ให้ แต่เพื่อนผมดันไม่ว่างพอดี มันก็เลยส่ง(ฝาก)คริสให้ช่วยมาเป็นธุระให้ นั่นจึงทำให้เราได้รู้จักกันครับ
แต่...การที่เราได้รู้จักกันนั้น เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่หรอกนะครับ เพราะผมจำได้ว่าครั้งแรกเลย...ผมโทรไปคอนเฟิร์มนัดกับเค้า(คริส)ว่าอยากจะเจอกันตอนเช้าๆ ซึ่งเค้าก็รับปากผมซะดิบดี แต่พอเอาเข้าจริงๆ กว่าเค้าจะโผล่หัวมาก็เกือบๆ เที่ยงโน่นล่ะครับ ซึ่งนั่นทำให้ผมเซ็งมาก แต่เพราะถ้าไม่ง้อมัน งานของผมก็จะไม่เดิน...ผมก็เลยต้องนั่งรอจนกว่าเค้าจะโผล่มานั่นแหละ
แต่พอโผล่มาแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกกังวลๆ ว่าหน้าตาอย่างมันจะช่วยผมไหวรึปล่าวหว่า คือ...ในความคิดผม...ผมว่าหน้าเค้าเหมือนเด็กเอ๋ออ่ะครับ ตัวขาวๆ ตาโตๆ หัวตั้งๆ (แบบไม่ใส่เยล) แก้มป่องๆ แล้วพูดจาก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวซักเท่าไหร่ แต่ข้อดีของเค้าก็คือเค้าเป็นคนในพื้นที่และมีรถขับ ซึ่งจะเรียกว่าช่วยได้เยอะก็ใช่
ในระหว่างที่ทำธุระกันสองสามวัน ผมก็ได้รู้ว่าเค้าเป็นเด็กเภสัช เพิ่งจะจบมาได้ซักสองสามปีละ (ก็เลยเก็ทว่าทำไมบุคลิกถึงเป็นเยี่ยงนั้น) และการได้พูดคุยกันมากขึ้นก็ทำให้เราสนิทกันประมาณนึงครับ (ผมเห็นเค้าเป็นน้องบ๊องๆ คนนึงเลยล่ะ) พอเสร็จงานก็แยกย้ายกันไปบ้านใครบ้านมัน จนกระทั่งน่าจะประมาณสองอาทิตย์ต่อมาคริสเค้าก็โทรมาหาผมบอกว่าจะมากรุงเทพ แล้วก็ถามเส้นทางที่จะไปบางมด
ไอ้ผมด้วยความที่ไม่เคยไปบางมดมาก่อนก็เลยแจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางให้ฟังไม่ได้ ผมก็เลยบอกว่าไปแท๊กซี่เหอะม้วนเดียวจบ รับรองไม่หลงแน่ ทีนี้...พอผมแนะนำเค้าไปแบบนั้น เค้าก็เลยพูดแนวๆ ว่าใครจะกล้าขึ้นแท๊กซี่คนเดียว ผมก็เลย...ด้วยความสงสารเด็กน้อยที่พลัดถิ่นประกอบกับบุญคุณที่เค้าเคยช่วยผมไว้มันท่วมหัวอยู่ ผมก็เลย เออๆ ออๆ ไปกะมันว่าเดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนเองก็ได้ จนพอเสร็จธุระ นึกว่าคริสเค้าจะกลับ เค้าก็ดันไม่กลับซะงั้น บอกว่าติดใจกรุงเทพ อยากจะอยู่เที่ยวกรุงเทพต่ออีกซักอาทิตย์ ซึ่งก็...กลายเป็นผมอีกนั่นแหละที่ต้องพาเค้าเที่ยว (อย่างจำใจจำยอม)
และเพราะความสนิทสนมในช่วงสั้นๆ นี่ล่ะมั้งครับที่ทำให้น้องมันหวั่นไหวไปกับผม ประกอบกับที่ตอนนั้นผมกับโจกำลังระหองระแหงกันด้วย (อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ผมลางานไปอยู่กะคริสที่โรงแรมตลอดเพื่อที่จะได้สะดวกในการเดินทางไปไหนมาไหน) ผมก็เลย...อาจจะเผลอตัวเผลอใจไปเล็กน้อย (ในขณะที่อีกคน(คริส)ดูท่าว่าจะหลงผมเอามากๆ ซึ่งที่เป็นอย่างงั้นน่าจะเป็นเพราะผมเป็นแฟนคนแรกของเค้าน่ะครับ...เค้าก็เลยค่อนข้างปักใจ)
แต่ตอนนั้นคริสเค้ายังไม่รู้นะครับว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว คือจริงๆ เค้าก็ถามผมแหละว่าผมมีแฟนรึยัง แต่ผมตอบไปแบบหน้าด้านๆ ว่ายัง (เลวดีมั้ยครับ
)
แต่ก็นั่นล่ะครับ พอผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มผูกพันกะคริส ประกอบกับเห็นท่าทีของคริสที่คิดจะจริงจังกับผมถึงขนาดจะขอย้ายงานมาทำที่กรุงเทพ ผมก็เลยรู้สึกว่า...ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น อีกอย่าง...ถ้าขืนโจรู้เข้ามีหวังเจ็บกันทุกฝ่ายแน่ พอคริสกลับจังหวัดเค้าไปแล้วผมก็เลยตัดสินใจยุติความสัมพันธ์เหล่านั้น เวลาคริสโทรมาก็พยายามจะไม่รับ หรือถ้ารับก็จะบอกว่าไม่ว่าง หรือไม่ก็เลี่ยงที่จะเจอกันไปเลย จนเค้าคงรู้อ่ะแหละว่าที่ผมทำแบบนี้หมายความว่ายังไง นั่นจึงทำให้ผมกับคริสไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งได้มาเจอกันที่งานฮัลโลวีนอย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมคริสถึงรักผมปักใจซะขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ผมเองก็ทำเค้าไว้ซะเจ็บแสบ ประเด็นแรกก็อย่างที่ผมบอกน่ะแหละครับว่าผมเป็นแฟนคนแรกของเค้า ส่วนเหตุผลอื่นๆ ผมเคยถามเค้าแล้วเค้าก็บอกผมว่า (อันนี้เค้าบอกนะครับ) ผม...สุภาพและดูเป็นสุภาพบุรุษดี อย่างเช่นว่าเวลาไปไหนไปกินหรือไปซื้ออะไรกัน ทุกๆ ครั้งเวลาจ่ายเงินหรือเวลาได้ของ...ผมก็จะยิ้มและกล่าวขอบคุณพนักงานที่บริการผมทุกครั้ง หรือเวลาไปกินข้าวในร้านอาหาร ผมก็จะเลื่อนเก้าอี้ให้เค้าก่อน อะไรแนวๆ นี้อ่ะครับ (เหล่านี้ผมติดมาจากพี่น๊อต...แฟนคนที่สองของผม) ซึ่งจริงๆ ก็เป็นแสตนดาร์ดของงานที่ผมทำอยู่แล้วด้วย ที่จะต้องบริการลูกค้าเวลาพาไปกินข้าวอะไรงี้ครับ แต่กลายเป็นว่าผมไปทำให้คริสประทับใจซะงั้น แล้วก็อีกเรื่องนึงที่เค้าบอกว่าไม่รักผมไม่ได้แล้วก็คือ มีอยู่ครั้งนึงตอนนั้นมีคนทะเลาะกันอยู่ในห้างๆ นึงถึงขั้นจะฆ่ากันตาย (คนสมัยนี้นี่ก็นะครับ
) ซึ่งผมบังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี และด้วยความที่อยากเป็นพลเมืองดีอ่ะครับ ก็เลยเข้าไปห้ามทัพจนเกือบจะโดนมีดเสียบพุงอ่ะครับ
ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าที่ทำไปมันงี่เง่าแค่ไหน (ไม่คุ้มกับชีวิตที่อาจจะเสียไปเลยซักนิด) แต่ก็ทำครับ คือผมเป็นคนไม่ค่อยกลัวตายด้วยไง ผมถือว่าถึงเวลาจะตายอยู่ที่ไหนก็ต้องตายอยู่ดี สู้ตายอย่างมีประโยชน์ดีกว่า(ซะงั้น
) แต่ขณะเดียวกันอีกคนกลับมองว่าผมเป็นฮีโร่ไปแล้ว
นั่นล่ะครับที่อาจจะเป็นความประทับใจที่คริสเค้าค่อนข้างจะเยอะกับผมในเรื่องของความรัก
แต่ถามว่าตอนนี้ผมพร้อมจะกลับไปคบกะคริสรึยัง ก็ตอบได้เต็มปากเลยครับว่ายัง แต่ถ้าผมจะดูๆ ไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่เหรอครับ ก็ในเมื่อตอนนี้ผมเองก็ยังไม่มีใครนี่นา
เอาล่ะครับ มาที่คำถามประจำวันนี้กันนะครับ
เพื่อนๆ ครับ เพื่อนๆ เคยถามเค้ามั้ยครับว่าเค้ารักเพื่อนๆ ตรงไหน เหมือนอย่างในเพลงข้างบนอ่ะครับว่า ‘รักฉันเพราะอะไร’ ปล. คุณ fanfic ที่บอกว่าจะเพลาๆ เรื่องของคุณนี่...ผมว่าไม่ดีนะครับ มีคนรออ่านอยู่น๊า