==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ==> เมื่อผมมีรักแท้ แต่ดูแล(ไว้)ไม่ได้  (อ่าน 947228 ครั้ง)

Abracadabra

  • บุคคลทั่วไป
ตอบหัวกระทู้ว่า "ชักว่าว" ครับ 555555+





ปูลู แค่อยากให้จขกท.คลายเครียด ฮ่าๆ

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
  :o8: 5555 เส้นทางความรักของผมไม่ค่อยหวือหวาโลดโผนอะไรหรอกครับ
ออกจะราบเรียบซะด้วยซ้ำ จะมีที่ตื่นเต้นบ้างก็ช่วง 3-4 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงปรับตัวเข้าหากัน
และส่วนใหญ่ จะเป็นผมที่สร้างปัญหาให้เค้า เพราะยังไม่ชินกับการเป็นเกย์มือใหม่น่ะครับ
พอมีสาว ๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาว ๆ ปากแดง ๆ มาแวะเวียนอยู่รอบตัว ก็เลยมีหวั่นไหวไขว้เขวไปบ้าง
แต่แฟนผมเค้าก็ใช้วิทยายุทธ์ "ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว"  และความอดทนอย่างสูงกับผม
สุดท้าย ผมก็กลับมาตายคาตักเขาเหมือนเดิม 5555

อันที่จริง ช่วง 3-4 ปีแรกนั้น ไม่ใช่ว่า ผมไม่ได้รักเขานะครับ
แต่เป็นเพราะผมสงสัยตัวเองว่า หลังจากที่ใช้ชีวิตกับผู้ชายแล้ว ยังมีอารมณ์ความรู้สึกกับผู้หญิงอยู่อีกมั้ย?
ก็เลยอยากพิสูจน์ตัวเอง อะไรทำนองนั้นแหละครับ แต่พอลองคบ ๆ กับผู้หญิงไปแล้ว
ก็มีความรู้สึกเป็นบางช่วงว่า การกระทำบางอย่างของผู้หญิงในบางเรื่อง
บางทีมันก็น่ารำคาญและสร้างความหงุดหงิดให้ผมอยู่เหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่น เวลาพาไปออกงานอะไรสักอย่าง คุณเธอจะใช้เวลาแต่งตัวนานมากกกก
ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่า จะบรรจงแต่งหน้าทำผมอะไรนักหนา หน้าก็มีอยู่คืบเดียว ผมก็ไม่ได้แยะแยะอะไร
บางครั้งผมเคยเจอ ไปถึงงานแล้ว แต่เปลี่ยนใจไม่เข้าไปในงาน เพียงเพราะเล็บหักไปนิ้วเดียว
ซึ่งผมว่า มันเว่อร์ไปหน่อย  คนเขาไม่สนใจมองดูหรอกว่า คุณจะมีเล็บกี่นิ้ว
หรือถือสิทธิ์ความเป็นแฟนว่า เรื่องของฉันต้องสำคัญที่สุด  คุณต้องทำให้ฉันก่อน
พอไม่ตามใจ ก็ทำมึนตึงกับผม โดยที่ผมไม่รู้ว่า ผมทำอะไรให้ไม่พอใจ
แล้วมาให้ผมต้องมาเค้นหัวสมองคิดเอาเอง เจอแบบนี้บ่อย ๆ ผมก็บอกลาเหมือนกันครับ

แต่พอมาอยู่กับแฟนผม เขาจะนิ่ง ๆ ใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีคุณค่ามากที่สุด
ไม่พูดอะไรให้เราหงุดหงิด รำคาญใจ มันเหมือนเราไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ก็เข้าใจว่า อีกฝ่ายต้องการอะไร
เจอน้ำเย็นแบบนี้เข้าไป ผมก็เลยเป็นปลาตาย เลิกพิสูจน์ แล้วก็หันมาทุ่มเทให้กับความรักของเขาอย่างเดียวครับ


ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ชีวิตคู่ของปุ้มน่ารักเนอะ ที่จริงเล่ามาเรื่อย ๆ ที่นี่ก็ได้นะเนี่ย
น้อง ๆ หลาย ๆ คนจะได้ดูเป็นแบบอย่างที่ดี

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตคู่ของปุ้มน่ารักเนอะ ที่จริงเล่ามาเรื่อย ๆ ที่นี่ก็ได้นะเนี่ย
น้อง ๆ หลาย ๆ คนจะได้ดูเป็นแบบอย่างที่ดี


^
^
^
เห็นด้วยอีกตามเคย

ออฟไลน์ ZilCh

  • ZILCH ความไม่มีอะไรเลย. .
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
แนะนำให้ไปดูหนัง เศร้า อกหัก ชีวิตรัดทน  :z1:

ปล.ไม่รู้ทำไง เพราะยังไม่เคยมีฟอแฟน 55 คนเดียวตลอด

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
ขอบคุณครับ ที่อยากฟังเรื่องของผม
แต่กลัวว่า กระทู้นี้จะกลายพันธ์ กลายเป็นเหมือนกับ "กฤษณาสอนน้อง" น่ะสิครับ 5555

ผมไม่กล้าบอกว่า ตัวเองประสบความสำเร็จในเรื่องชีวิตคู่นะครับ
เพราะก็ไม่รู้อนาคตข้างหน้าเหมือนกัน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง
พวกผมก็จะทำมันให้ดีที่สุดครับ

สิ่งหนึ่งที่พวกผมอยู่กันมาได้นาน นอกจากเรื่องนิสัยใจคอและพื้นฐานการใช้ชีวิตที่คล้ายคลึงกันแล้ว
อีกส่วนหนึ่ง น่าจะมาจากการที่พวกผมไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาน่ะครับ
หลายคนอาจคิดว่า เป็นแฟนกัน ก็ต้องเป็นลมหายใจของกันและกัน
ซึ่งก็อาจจะใช้ได้กับคู่อื่น ๆ นะครับ แต่คู่ผม ขืนเป็นอย่างนั้น คงเลิกกันไปนานแล้ว
ถ้าต้องตัวติดกันตลอดเวลาหรือต้องเห็นหน้ากันทุกวัน แบบซ้ายก็เจอหน้า ขวาก็เจอตัว
พวกผมคงทนไม่ได้ครับ มันไม่มีพื้นที่ให้หายใจหรือมีความเป็นส่วนตัวเหลืออยู่เลย
โชคดีที่หน้าที่การงานของแฟนผมทำให้ต้องเดินทางอยู่บ่อย ๆ เลยยังพอมีพื้นที่เว้นไว้บ้าง
โดยส่วนตัว ผมว่า ห่าง ๆ กันไปบ้าง พอให้คิดถึงกันจะดีกว่า
เวลาเจอหน้ากัน จะได้มีเรื่องมาพูดคุยเล่าสู่กันฟังบ้าง
ถ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา มันก็ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกัน เพราะก็รับรู้กันอยู่แล้ว
พอนานไปมันก็เลยกลายเป็นความชินชา จากความชินชาก็เปลี่ยนเป็นความเบื่อหน่าย
แล้วสุดท้ายต่างคนต่างก็ไปแสวงหาความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้กับชีวิตกับคนอื่นต่อไป

ว่าแต่คุณKing ไม่คิดจะตั้งคำถามอะไรอีกเหรอครับ?
ผมก็อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อน ๆ นะครับ
จะให้เล่าคนเดียว ผมเล่าไม่เก่ง เรียบเรียบเรื่องไม่เป็นครับ

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
 :z1:
ก็....ถ้าตั้ง(คำถาม)แล้วจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน แล้ว...คุณ fanfic สามารถรันเรื่องของคุณต่อได้.....อืม...ก็ได้ครับ :laugh:

แต่ผมคงจะไม่ฟิกเฉพาะเรื่องของโจละกันครับ อาจจะเอาเรื่องของคนอื่นที่เข้ามาในชีวิต หรือประสบการณ์ประจำวันมาพูดเรื่อยเปื่อยผสมปนเปไปละกัน




ว่าแต่....ผมควรจะเปลี่ยนหัวกระทู้เป็นอะไรดี ผมไม่อยากใช้ 'ช่วยแนะนำวิธีลืมแฟนเก่าให้ผมหน่อยดิครับ' แล้วอ่ะครับ 555
เพราะหลังจากลงมือเขียนมาซักพักก็เริ่มรู้ละครับว่าเพราะผมเป็นแบบนี้ไง โจมันถึงทิ้งผม ใครไม่ทิ้งก็แปลกละครับ 555

MomentInTime

  • บุคคลทั่วไป
ในฐานะที่เป็นผู้น้อย แต่อยากแชร์ความคิดเห็นบ้างนะครับ  :m23:

คุณพ่อคุณแม่ผม สอนผมมาตั้งแต่ผมเริ่มมีแฟนในมัธยมนั่นแหละ อย่างที่ผมบอกไว้ในกระทู้ผมนั่นแหละครับ ผมก็มีแฟนหญิงมาตลอด จนมารู้ใจตนเอง ตอนมาเรียนมหาวิทยาลัยนี่แหละ แต่ก็เพิ่งมายอมรับตัวเอง ก็ตอนเลิกกับแฟนสาวคนล่าสุดไป ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เลิกกัน ปัจจัยหนึ่งก็คือผมเริ่มหันไปมองผู้ชายมากขึ้น แต่ตอนนั้นยังไม่ยอมรับตัวเอง ...

คุณพ่อคุณแม่สอนผมและพี่น้องทุกคนของผมมาตลอดว่า ให้แยกให้ออกระหว่างรักและหลง ว่าต่างกันอย่างไร ? เหมือนท่านเข้าใจชีวิตของวัยรุ่นเลย เพราะท่านก็ผ่านวัยเหล่านั้นมาแล้วด้วยมั๊ง

ประการต่อมา ท่านสอนว่า ถ้าอยากจะคบใครนาน ๆ หรือ อยากมีชีวิตคู่ที่ยืนยาว ความรักอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากความรักแล้ว ต้องมี ความเข้าใจ ด้วยครับ ความเข้าใจกันนี่แหละที่จะทำให้ชีวิตคู่ของเราอยู่ยืด ท่านสอนมาอย่างนี้ และ ความเข้าใจนี้ทั้ง สองฝ่ายต้องเข้าใจตรงกัน และยอมรับในข้อดีข้อเสียของกันและกัน ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจ แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เข้าใจ ก็เปล่าประโยชน์

ประการที่สาม ท่านก็บอกมาอีกว่า ต่อให้เรารักกันแค่ไหน แต่ก็ต้องมีการเบื่อกันบ้าง ทุกคนต้องการ Space หรือ ความเป็นส่วนตัวของตนเอง พ่อกับแม่ ต่างให้เกียรติกัน ไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวและสังคมของกันและกัน พ่อก็มีสังคมของพ่อ แม่ก็มีสังคมของแม่ ...

ประการที่สี่ เรื่องบางเรื่องของอีกฝ่าย เราไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด รู้แล้วจะรับได้ใหม หรือ รู้แล้วจะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปหรือเปล่า หรือ รู้แล้วจะทำอย่างไร ?

พ่อแม่บอกว่า ท่านก็มีทะเลาะกันบ้าง ไม่พอใจกันบ้าง เถียงกันบ้าง ลงไม้ลงมือกันบ้างก็มี สมัยแต่งงานใหม่ ๆ แต่เมื่อมีลูก อยู่กันนานขึ้น ก็เข้าใจกันมากขึ้น

เชื่อเปล่าครับ ... ตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่เคยเห็นพ่อแม่ ทะเลาะกันแบบแรง ๆ  ต่อหน้าลูก ๆ เลย ให้ตายสิ  ผมทึ่งมากท่านทำได้อย่างไร เก็บอารมณ์กันได้อย่างไร แต่ถ้าเถึยงกันพอหอมปากหอมคอ ก็มีบ้าง


จากคำสอนของพ่อแม่ แต่ก่อนผมไม่ค่อยเห็นประโยชน์ตอนอยู่ในวัยรุ่นเลือดร้อน แต่เมื่อโตขึ้น และ เมื่อมาถึงตอนนี้ ผมถึงเริ่มคิดว่า คำสอนของท่านจะมีประโยชน์ต่อชีวิตคู่ของผมต่อไปแน่นอน และผมก็เริ่มจะนำคำสอนเหล่านี้ มาประยุกต์ใช้กับชีวิตคู่ของผม ... ต่อไปผมไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ ผมอยากทำวันนี้ของผมวันนี้ให้ดีที่สุด ดีกว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย

เพื่อนสนิทผมสมัยเรียนมัธยม เมื่อต้นเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุ เป็นอัมพาตท่านล่างตั้งแต่เอวลงไปอย่างถาวร ต้องนั่งรถเข็น ต้องใส่ถุงฉี่ ทำให้ผมตระหนักว่าชีวิตเรามันไม่แน่นอนจริง ๆ ไม่รู้ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง ดังนั้นผมจะขอทำให้วันนี้ของผมให้ดีที่สุด เพื่อตัวผม และ คนที่ผมรัก

ผมก็ได้ยินมาเยอะว่า ไม่มีรักแท้ในหมู่เกย์หรือชายรักชาย แต่เมื่อยิ่งได้อ่านของคุณพี่ fanfic2010 แล้วทำให้ผมมีกำลังใจที่ประคับประคองชีวิตคู่ของผมต่อไป

ขอโทษพี่คิงด้วยนะครับ ที่เขียนมาซะยืดยาว ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระทุ้เปล่า 555

Bench

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจพี่คิง คุงไทม์  :a2:

แล้วก็มายิ้มหน้าบานกะเรื่องของพี่ fanfic  :m3:

ปล. แอบชื่มนชมกับคำสอนของคุงพ่อคุงแม่ของคุงไทมืนะคับ  สอนดีมากๆเลย

ส่วนใหญ่ที่ผมเจอๆทั้งกับตัวเองและคนรู้จัก
คืแสองฝั่งมีอะไรค้างคาในใจ  แต่ไม่คุยกัน
อดทนอย่างเดียว  จนมาถึงจุดๆนึงที่มันสุดทน
ทุกอย่างก็สายเกินแก้ 

ฝ่ายนึงงอน  อีกฝ่ายก็ปล่อย  รอให้หายงอนไปเอง
แต่ก็ไม่รู้ว่างอนเพราะอะไร  แล้วก็จะเกิดเรื่องงอนซ้ำๆขึ้นอีกไม่รู้จบ

แอบชอบแนวคิดของพี่ fanfic ที่บอกว่าต่างคนต่างมี space ของตัวเอง
ห่างๆกันบ้าง  ก็ทำให้คิดถึงกันดีนะคับ  ไม่เบื่อกันด้วย ฮ่าๆๆๆๆ

แอบถามพี่ fanfic
ขอเรียกพี่ว่าพี่ปุ้มเหมือนพี่เนะได้ป่ะคับ  พิมพ์ง่ายหน่อย  แหะๆ

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ขอเปลี่ยนหัวกระทู้ตามอารมณ์ของจขกท. อีกซักที เป็น Leo land : ดินแดนแห่งรัก(ของราชสีห์สุดซ่าส์)ละกันครับ

เรื่องของเรื่องก็แค่ท่องกูเกิ้ลไปเรื่อยแล้วไปเจอลักษณะเด่นของคนราศีสิงห์ขึ้นมา (ซึ่งผมเองก็ราศีสิงห์) ก็อ่านไปแล้วรู้สึกว่าเออ...มันตรงกับตัวเองดี 555

"หนุ่มสิงห์ :หนุ่มราศีสิงห์ มาดสุขุม ดูมั่นคง แกมหยิ่งทะนงเล็กๆ เป็นหนุ่มที่ดู อ่อนโยนใจดี พูดจาช้าแต่ชัดเจน เหมือนออกคำสั่งในบางครั้ง มักเป็นจุดศูนย์กลาง ในหมู่คน ทั้งๆที่ดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ชอบความเป็นผู้นำ แม้จะดูขี้อาย เป็น คนที่มองโลกในแง่ดีเสมอ มีความเห็นอกเห็นใจผู้คน ให้ความเคารพนับถือ ผู้อาวุโส แต่ราชสีห์ผู้หยิ่งทะนง จะไม่ยอมก้มหัวให้กับใครเด็ดขาด เป็นพวกฆ่าได้หยามไม่ได้ เป็นคน โมโหร้าย แต่โกรธแค่เดี๋ยวเดียวก็หาย เขาเป็นหนุ่มที่ชาญฉลาด เป็นนักวางแผนที่ดี มีความสามารถ สืบเนื่องจาก ความเป็นผู้นำของเขา ถ้าเขาสั่งงาน เขาต้องการให้คนทำตามคำสั่งของเขา อย่าทำนอกเหนือ คำสั่ง เพราะ เขาจะไม่ชอบอย่างมาก หนุ่มสิงห์เป็นที่ปรึกษาที่ดี แต่กับปัญหาของตัวเองกลับแก้ไม่ค่อยได้ หนุ่มราศีนี้ ส่วนใหญ่จะมีเสน่ห์ น้อยคนมากที่จะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เพราะเขาขาดความรักไม่ได้ และที่ขาดไม่ ได้อีกอย่างก็คือ การจ่ายเงิน เขาจึงอาจมีปัญหาเรื่องเงินอยู่บ่อย ๆ เขาเป็นหนุ่มที่ขยัน ทำงาน ตัวเป็น เกลียวหัวเป็นน็อต แต่เวลาเขาเที่ยวเขาก็เที่ยวแบบสุดๆได้เหมือนกัน และเป็นหนุ่มที่โรแมนติกมาก

ไม่ยากเลย ถ้าคิดจะจับหนุ่มราศีนี้ คุณต้องเป็นคนสวย อย่างน้อยก็ต้องดูดีพอที่จะ เดินเยื้องกราย คู่กับ ราชสีห์อย่างเขา เชื่อฟังคำสั่งเขา ห้ามออกคำสั่งกับเขา เพราะเขาจะโกรธมาก และเวลาที่เขาโกรธ คุณต้อง ใจเย็นให้ถึงที่สุด แป๊บเดียว มรสุมร้ายก็จะผ่านพ้นไป ที่สำคัญ อย่าทำให้เขารู้สึก เสียหน้าหรือเสียฟอร์ม เด็ดขาด ก็บอกแล้วไงว่า หนุ่มราศีนี้ ฆ่าได้หยามไม่ได้"



อะไรจะแม่นขนาดนี้  :o8:


ส่วนคำถาม....


http://www.youtube.com/v/m9enDWyAsDY?

แปะไว้ก่อน

ก็...ตามชื่อเพลงเลยละกันครับ 'อยากรู้ไหม'


มีอะไรอยากบอกป่ะครับ 555



ปล. เกิดไม่ทันเพลงนี้หรอกนะครับ 555 แต่ผมชอบเพลงนี้อ่ะ

ปล. คิดซะว่านี่เป็น Club Friday เวอร์ชั่นไร้สาระละกันครับ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2010 11:29:50 โดย King_Arthur »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
ผมคือไจฟ์ และ แฟนผมคือที

เราพบกันตอนม.1 ผมมองเค้าตั้งแต่วันรายงานตัว เพราะเด็กคนอื่นจะพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ แต่คนนี้ท่าทางตื่นๆ จับมือแม่แน่น
เค้าเป็นคนหวังดีต่อเพื่อนร่วมโลกทุกคน สเป็คชัดเจนไม่เคยเปลี่ยนคือ สองเปีย ขาว น่ารัก แต่คำพูดติดปากคือ "กูจะฟ้องไจฟ์"
เค้าเหมือนน้องชายมากกว่าเพื่อนสนิท เพราะเราอยู่คนละกลุ่ม เพื่อนๆเค้าเล่นเกมกันเป็นอาชีพหลัก แต่กลุ่มผมเล่นกีฬากันสารพัด
บอกให้มานั่งข้างสนามเก็บบอลให้หน่อย เค้าก็มา..นั่งอ่านหนังสือ และมองหญิงระหว่างที่ผมเล่นบอล ...ปวดใจสุดทน..แต่ผมก็คิดว่าผมหวงน้องชายมากหรือไง
จนวันหนึ่้งที่ผมไปไกลมาก และผมก็พบว่า ผมคิดถึงเด็กเก็บบอลของผมโคตรๆ เค้าไ่ม่ใช่น้องชายผม เค้าเป็นมากกว่านั้น..
เมื่อกลับมา เราคุยกันเค้าดูงงๆ แต่ก็พยักหน้า
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมองสองเปีย ขาว น่ารักจนเหลียวหลังอยู่ดี ที่ร้ายกว่าก็คือสะกิดผมมองสาวเซ็กซี่...แต่ถ้าผมมองตามจะโดนบิดจนเนื้อแทบหลุด
ผมไม่มีเทคนิคอะไร นอกจากที่พ่อบอกผมว่า ก่อนที่จะทำอะไรให้คิดว่าคนที่เรารักเขาจะเสียใจมั๊ย
เท่านี้แหละครับ
 :L1:

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ู^
^
^
ตามอ่าน 'Don't leave me alone' อยู่ตลอดนะครับ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อวานนัดเพื่อนกินข้าวที่ เมเจอร์ปิ่นเกล้า ให้ตายสิ ... พนักงานเดินตั๋ว ของเมเจอร์ มีแต่หน้าตาน่ารัก จิ้มลิ้ม ทั้งน้านนนน  :m25: แบบว่าไม่ได้เข้าโรงหนังนานนน

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
จำไม่ได้แล้วล่ะครับว่าครั้งสุดท้ายที่ไปดูหนังคือเมื่อไหร่ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็น prince of persia (มั้งครับ)

แต่เด็กโรงหนังที่น่ารักสุด ถ้าเป็นเมื่อก่อน....ผมยกให้ SFX The Emporium โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อ 'แนท' หนุ่มผิวขาว หน้าคมเข้ม ที่ดูกี่ทีก็ไม่เบื่อ  :man1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2010 21:25:04 โดย King_Arthur »

JkrR

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้ออ แต่ละคนที่เข้ามาเล่า มีแต่คนประสบการณ์หวานๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ

ในขณะที่เรื่องเล่าของผม ที่เล่าแต่ละเรื่อง นี่เหมือนกับเรื่องเล่าสีเทาตลอด ยิ่งถ้าเทียบกับเรื่องของพี่ fanfic นี่เหมือนขาวกับดำเลย

อาทิตย์ที่ผ่านมางานเยอะมาก จนอาทิตย์นี้ก้ยังเยอะอยู่ ตอนนี้ตั้งใจว่า จะเคลียร์ให้เสจในวันพุธ เพราะ มีซ้อมและรับปริญญา ตั้งแต่วันพฤหัสนี้ครับ

แวะเข้ามาเวิ่นเว้อบ้าง เห็นเค้าแปะเพลงสื่อรักกัน

ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ผมกับแฟนคนแรก ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์แบบผิดๆลง และขอใช้เวลาด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

คืนก่อนที่เราจะจากกัน มันเปิดเพลงนี้ให้ผมฟังครับ

"now and forever - Richard Marx"

Whenever I'm weary
From the battles that rage in my head
You make sense of madness
When my sanity hangs by a thread
I lose my way but still you
Seem to understand
Now and forever
I will be your man

Sometimes I just hold you
Too caught up in me to see
I'm holding a fortune
That heaven has given to me
I'll try to show you
Each and every way I can
Now and forever
I will be your man

Now I can rest my worries
And always be sure
That I won't be alone anymore
If I'd only known you were there
All the time
All this time

Until the day the ocean
Doesn't touch the sand
Now and forever
I will be your man

Now and forever
I will be your man


มันกระซิบที่หูผมด้วยเนื้อเพลงสีแดง ข้างบนนี้แหละครับ

ถ้าวันพรุ่งนี้ ผมกับมันไม่ต้องจากกัน ผมคงจะมีความสุขมาก

ทุกวันนี้ เพลงนี้ก็ยังเป็นเพลงที่ฟังแล้วทั้งยิ้ม ทั้งกล้ำกลืน แต่ก็ยังไม่เบื่อที่จะฟัง

ทั้งที่เราก็ไม่ชอบความรู้สึกแบบที่นั่งครุ่นคิดในเรื่องเก่าๆ

แต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกดีๆด้วยซักคน

เมื่อไม่นานมานี้ แอบส่องเฟสมัน เห็นมันส่งเพลงนี้ให้แฟนมัน

บางที คนที่ยังเก็บคำว่า now and forever, I 'll be ur man  อาจเป็นผมคนเดียว




ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
ผมอัพเพลงในเฟสอยู่เรื่อยๆ แต่ก็โดนมุก เพลงไรเก่ามากไม่รู้จัก บางทีบอกเหรอ อัพเหรอ

เรื่องดูหนังช่วงก่อนนี้ก็ดูทุกอาทิตย์นะครับ แต่หลังๆ นี่อยู่บ้านนอนอ่านหนังสือดีกว่า

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป
ผมว่านะ บางทีเรามีเรื่องดี ๆ ให้จดจำ ดีกว่าไม่มีอะไรให้จดจำเลยนะ ว่าป่ะ  :m28:

ออฟไลน์ fanfic2010

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-7
@Krystal  ยินดีครับ เรียกพี่ปุ้มก็ได้  :impress2:

ผมคิดว่า อายุผมคงห่างจากน้อง ๆ หลาย ๆ คนในนี้อยู่มากเหมือนกัน แต่ผมเพิ่งจะเข้ามาในนี้ได้ไม่นานด้วยความบังเอิญ
ถึงได้มาเจอน้องที่น่ารักหลายคนในนี้ (ผมคิดเป็นน้องเป็นนุ่งอย่างเดียว จริง ๆ นะครับ ขืนคิดเป็นอย่างอื่น
ถ้าแฟนผมรู้เข้า เขาคงประเคนตะกั่วบินให้ผมแน่เลย เพราะบทจะหึงขึ้นมานี่ แม่งโคตรน่ากลัวเลย 5555)

ถ้าพูดถึงเรื่องเสาะหาว่าใครคือคนที่ใช่ ผมอยากบอกว่า ตัวเองไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยครับ
คิดแต่ว่า อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด ถ้าเราทำวันนี้ให้ดี วันหน้าก็คงไม่แย่ไปกว่านี้หรอกครับ
แม้แต่ตอนที่คบแฟนผู้หญิงอยู่ ผมก็ไม่เคยคิดสงสัยนะครับว่า เขาคือคนที่ใช่หรือเปล่า
เพราะเขาอาจจะใช่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่อาจไม่ใช่ในอีกช่วงเวลาก็ได้
คนเราจะรู้จักกันได้ ต้องมีกรรมผูกพันต่อกันนะครับ ส่วนจะกรรมดีหรือไม่ดีนี่ ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ในเมื่อมีวาสนาได้มาพบ มารู้จักกันแล้ว จะมามัวสงสัยอยู่ทำไม ว่า ใช่หรือไม่ใช่
ให้ความรู้สึกมันค้างคาใจเปล่า ๆ พลอยทำให้เวลาคิดอยากจะทำอะไร ก็ทำไม่เต็มที่ เพราะลังเลไม่แน่ใจว่า ใช่หรือไม่ใช่ อยู่นั่นแหละ
แล้วถ้าเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้จริง ๆ ผมก็ไม่มานั่งตีอกชกตัวว่า ฉันผิดอะไร ทำไมเธอถึงไม่รักฉัน ทำไมถึงเห็นคนอื่นดีกว่าฉัน
แต่ผมจะคิดว่า ใครใช้ให้ไปรักเขาล่ะครับ เขาไม่ได้บังคับให้เราไปรักเขาเสียหน่อย เราไปรักเขาเอง
และมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาอีกเหมือนกันนะครับว่า จะรักเราตอบหรือไม่ แล้วมันเป็นความผิดของเขาหรือครับ ถ้าเขาไม่รักเราตอบ

พอคิดได้อย่างนี้ ผมก็เลยปล่อยตัวตามสบายไปตามครรลองของมันน่ะครับ ถ้าเดินไปถึงจุด ๆ หนึ่งแล้ว ไม่สามารถไปต่อด้วยกันได้
ผมก็ไม่เสียใจนะครับ เพราะถือว่า ตอนที่คบกัน ผมได้ทำเต็มที่แล้ว และก็จะเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้คิดถึง เวลาอยู่คนเดียว

เอ! หนนี้ ทำไมกระทู้ออกแนวดราม่าไปได้แฮะ
เปลี่ยนหัวข้อใหม่เหอะครับ คุณ King
เดี๋ยวน้อง ๆ เขาจะห่อเหี่ยวหดหู่กันหมด 5555
 :กอด1:


greenoak

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
^
^
ผมก็...งงๆ ครับว่าไมวันนี้ดราม่ากันเหลือเกิ๊น  ซึ่ง...ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าวันนี้ใจจริงผมอยากให้เล่าอะไรก็ได้ ชิลชิลมากกว่า อยากบอกอะไรก็บอก (อยากรู้มั้ย) ไม่ได้ต้องการจะให้เกี่ยวกับอะไรที่รันทดกันขนาดนี้เลย...จริงๆ นะ

แล้วเรื่องที่ผมเริ่ม...ก็เป็นเรื่องของชาวราสีสิงห์ที่ผมรู้สึกว่าไมมันเหมือนตัวผมจังวะ ก็เลยเอามาเล่าให้ฟังว่าคนราศีสิงห์(ส่วนใหญ่)เค้าเป็นกันอย่างงี้



แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันดราม่าเกินไป....จะเปลี่ยนมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ 'ของขวัญ' กันดีมั้ยครับ

ยังจำกันได้มั้ยว่าของขวัญชิ้นแรกที่เค้าให้คุณ....มันคืออะไร

ส่วนเรื่องของผมขอแปะไว้ก่อน(อีกตามเคย)  o18

ปล. ยังค้างเรื่อง 'ครั้งแรก' ของผมกับโจไว้ ยังไม่ลืมครับ แต่ช่วงนี้ยังไม่ว่างเขียนอะไรยาวๆ เลย

ไม่แน่ถ้าคืนนี้มีเวลาอาจจะมาพร่ามให้ฟังครับ  o22


http://www.youtube.com/v/-6KcCDRsniw?fs


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ลองแวะเข้ามาแล้วก็เลยออกไปอย่างงๆ
 o2

JkrR

  • บุคคลทั่วไป
เออนั่นดิ ไหงผมพาทู้ดราม่าได้อะ ขอโทษครับ เครียดกับงานนิดหน่อย เลยพลอยเฮ้ออ เวิ่นเว้อ

ระหว่างแสงสว่างกับเงา คนคงเลือกที่จะรับแสงสว่างมากกว่าเงาอยู่แล้ว

แว้บบบ มารวบ  :กอด1: แล้ววิ่งออกไปอีก งานท่วมหัวจริงๆ

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ในฐานะที่เป็นผู้น้อย แต่อยากแชร์ความคิดเห็นบ้างนะครับ  :m23:

คุณพ่อคุณแม่ผม สอนผมมาตั้งแต่ผมเริ่มมีแฟนในมัธยมนั่นแหละ อย่างที่ผมบอกไว้ในกระทู้ผมนั่นแหละครับ ผมก็มีแฟนหญิงมาตลอด จนมารู้ใจตนเอง ตอนมาเรียนมหาวิทยาลัยนี่แหละ แต่ก็เพิ่งมายอมรับตัวเอง ก็ตอนเลิกกับแฟนสาวคนล่าสุดไป ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เลิกกัน ปัจจัยหนึ่งก็คือผมเริ่มหันไปมองผู้ชายมากขึ้น แต่ตอนนั้นยังไม่ยอมรับตัวเอง ...

คุณพ่อคุณแม่สอนผมและพี่น้องทุกคนของผมมาตลอดว่า ให้แยกให้ออกระหว่างรักและหลง ว่าต่างกันอย่างไร ? เหมือนท่านเข้าใจชีวิตของวัยรุ่นเลย เพราะท่านก็ผ่านวัยเหล่านั้นมาแล้วด้วยมั๊ง

ประการต่อมา ท่านสอนว่า ถ้าอยากจะคบใครนาน ๆ หรือ อยากมีชีวิตคู่ที่ยืนยาว ความรักอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากความรักแล้ว ต้องมี ความเข้าใจ ด้วยครับ ความเข้าใจกันนี่แหละที่จะทำให้ชีวิตคู่ของเราอยู่ยืด ท่านสอนมาอย่างนี้ และ ความเข้าใจนี้ทั้ง สองฝ่ายต้องเข้าใจตรงกัน และยอมรับในข้อดีข้อเสียของกันและกัน ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจ แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่เข้าใจ ก็เปล่าประโยชน์

ประการที่สาม ท่านก็บอกมาอีกว่า ต่อให้เรารักกันแค่ไหน แต่ก็ต้องมีการเบื่อกันบ้าง ทุกคนต้องการ Space หรือ ความเป็นส่วนตัวของตนเอง พ่อกับแม่ ต่างให้เกียรติกัน ไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวและสังคมของกันและกัน พ่อก็มีสังคมของพ่อ แม่ก็มีสังคมของแม่ ...

ประการที่สี่ เรื่องบางเรื่องของอีกฝ่าย เราไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด รู้แล้วจะรับได้ใหม หรือ รู้แล้วจะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปหรือเปล่า หรือ รู้แล้วจะทำอย่างไร ?

พ่อแม่บอกว่า ท่านก็มีทะเลาะกันบ้าง ไม่พอใจกันบ้าง เถียงกันบ้าง ลงไม้ลงมือกันบ้างก็มี สมัยแต่งงานใหม่ ๆ แต่เมื่อมีลูก อยู่กันนานขึ้น ก็เข้าใจกันมากขึ้น

เชื่อเปล่าครับ ... ตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่เคยเห็นพ่อแม่ ทะเลาะกันแบบแรง ๆ  ต่อหน้าลูก ๆ เลย ให้ตายสิ  ผมทึ่งมากท่านทำได้อย่างไร เก็บอารมณ์กันได้อย่างไร แต่ถ้าเถึยงกันพอหอมปากหอมคอ ก็มีบ้าง


จากคำสอนของพ่อแม่ แต่ก่อนผมไม่ค่อยเห็นประโยชน์ตอนอยู่ในวัยรุ่นเลือดร้อน แต่เมื่อโตขึ้น และ เมื่อมาถึงตอนนี้ ผมถึงเริ่มคิดว่า คำสอนของท่านจะมีประโยชน์ต่อชีวิตคู่ของผมต่อไปแน่นอน และผมก็เริ่มจะนำคำสอนเหล่านี้ มาประยุกต์ใช้กับชีวิตคู่ของผม ... ต่อไปผมไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ ผมอยากทำวันนี้ของผมวันนี้ให้ดีที่สุด ดีกว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย

เพื่อนสนิทผมสมัยเรียนมัธยม เมื่อต้นเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุ เป็นอัมพาตท่านล่างตั้งแต่เอวลงไปอย่างถาวร ต้องนั่งรถเข็น ต้องใส่ถุงฉี่ ทำให้ผมตระหนักว่าชีวิตเรามันไม่แน่นอนจริง ๆ ไม่รู้ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง ดังนั้นผมจะขอทำให้วันนี้ของผมให้ดีที่สุด เพื่อตัวผม และ คนที่ผมรัก

ผมก็ได้ยินมาเยอะว่า ไม่มีรักแท้ในหมู่เกย์หรือชายรักชาย แต่เมื่อยิ่งได้อ่านของคุณพี่ fanfic2010 แล้วทำให้ผมมีกำลังใจที่ประคับประคองชีวิตคู่ของผมต่อไป

ขอโทษพี่คิงด้วยนะครับ ที่เขียนมาซะยืดยาว ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระทุ้เปล่า 555

^
^
^
เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ แต่ที่ผมรู้ก็คือ....เรื่องของครอบครัวนี่มีส่วนสำคัญเหมือนกันนะครับในการพัฒนาคน!!!

ขอยกย่องครอบครัวของน้องเลยว่าท่านพ่อและท่านแม่เลี้ยงและสอนน้องมาได้ดีเยี่ยมจริงๆ ถ้าเทียบกับครอบครัวผมแล้ว...ของผมท่านจะเน้นไปที่วัตถุนิยมมากกว่า เพราะทั้งพ่อและแม่ต่างก็ทำงานจนไม่มีเวลาให้ ก็คิดดูสิครับขนาดวันที่ต้องไปรายงานตัวเรียนต่อ...ผมยังต้องไปคนเดียวอยู่บ่อยๆ เลย หรืออย่างที่เวลาที่ท่านคุยกันไม่รู้เรื่อง ท่านก็จะทะเลาะกันจนผมเอือม...จนต้องเอ็นท์ให้ได้ไกลๆ บ้านเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอสิ่งแวดล้อมแบบนั้นน่ะแหละครับ

แต่พอมาคิดตอนนี้แล้วก็เข้าใจท่านนะครับ คงเพราะท่านเหนื่อยกับการทำงานหาเงิน แล้วลูกชายสามคนก็ห่ามๆ กันทั้งนั้น ก็เลย...อาจจะเข้มงวดไปบ้าง อีกอย่าง...ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าพ่อผมเป็นทหารที่ระเบียบจัดมาก ก็เลย....อาจจะใช้ระบบเผด็จการมาบริหารครอบครัว...อะไรประมาณนั้น



เฮ้ออ แต่ละคนที่เข้ามาเล่า มีแต่คนประสบการณ์หวานๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ

ในขณะที่เรื่องเล่าของผม ที่เล่าแต่ละเรื่อง นี่เหมือนกับเรื่องเล่าสีเทาตลอด ยิ่งถ้าเทียบกับเรื่องของพี่ fanfic นี่เหมือนขาวกับดำเลย

อาทิตย์ที่ผ่านมางานเยอะมาก จนอาทิตย์นี้ก้ยังเยอะอยู่ ตอนนี้ตั้งใจว่า จะเคลียร์ให้เสจในวันพุธ เพราะ มีซ้อมและรับปริญญา ตั้งแต่วันพฤหัสนี้ครับ

แวะเข้ามาเวิ่นเว้อบ้าง เห็นเค้าแปะเพลงสื่อรักกัน

ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ผมกับแฟนคนแรก ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์แบบผิดๆลง และขอใช้เวลาด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

คืนก่อนที่เราจะจากกัน มันเปิดเพลงนี้ให้ผมฟังครับ

"now and forever - Richard Marx"

Whenever I'm weary
From the battles that rage in my head
You make sense of madness
When my sanity hangs by a thread
I lose my way but still you
Seem to understand
Now and forever
I will be your man

Sometimes I just hold you
Too caught up in me to see
I'm holding a fortune
That heaven has given to me
I'll try to show you
Each and every way I can
Now and forever
I will be your man

Now I can rest my worries
And always be sure
That I won't be alone anymore
If I'd only known you were there
All the time
All this time

Until the day the ocean
Doesn't touch the sand
Now and forever
I will be your man

Now and forever
I will be your man


มันกระซิบที่หูผมด้วยเนื้อเพลงสีแดง ข้างบนนี้แหละครับ

ถ้าวันพรุ่งนี้ ผมกับมันไม่ต้องจากกัน ผมคงจะมีความสุขมาก

ทุกวันนี้ เพลงนี้ก็ยังเป็นเพลงที่ฟังแล้วทั้งยิ้ม ทั้งกล้ำกลืน แต่ก็ยังไม่เบื่อที่จะฟัง

ทั้งที่เราก็ไม่ชอบความรู้สึกแบบที่นั่งครุ่นคิดในเรื่องเก่าๆ

แต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกดีๆด้วยซักคน

เมื่อไม่นานมานี้ แอบส่องเฟสมัน เห็นมันส่งเพลงนี้ให้แฟนมัน

บางที คนที่ยังเก็บคำว่า now and forever, I 'll be ur man  อาจเป็นผมคนเดียว




^
^
^
อย่าคิดว่ามีแต่เรื่องของคุณมีสีเทาเลยครับ
ผมว่าถ้าเปรียบความรักของผมเป็นสี...มันก็คงเป็นสีแดงที่ช้ำเลือดช้ำหนองมั้งครับ

คิดดูสิครับว่าแบบไหนมันน่าจะดูดีกว่า...

ส่วนเพลง Now & Forever
ผมจำได้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงสากลเพลงแรกๆ ที่ผมเริ่มชอบตั้งแต่ยังไม่เคยมีความรักซะด้วยซ้ำมั้ง....ความหมายดีมากครับ...แต่บัลลาร์ดโคตรจะเศร้าเลย


แล้วก็...ตรงประโยคสุดท้าย คุณน่าจะเหมือนผม ทุกวันนี้ผมยังมีโทรไปหาแม่โจบ้าง หรือโทรไปหาเพื่อนให้โทรไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของมันอยู่เลย ไม่รู้สิครับ คือรู้ทั้งรู้ว่างี่เง่าแต่ก็ยังทำ แม้ไม่ได้คุยกะมัน แต่...แค่ได้ยินคนอื่นบอกว่ามันสบายดี...ผมก็รู้สึกดีแล้ว

เรื่องความรัก...ไม่รู้จะแนะนำยังไงดี เพราะลำพังตัวผมก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย  :jul3:



ผมอัพเพลงในเฟสอยู่เรื่อยๆ แต่ก็โดนมุก เพลงไรเก่ามากไม่รู้จัก บางทีบอกเหรอ อัพเหรอ

เรื่องดูหนังช่วงก่อนนี้ก็ดูทุกอาทิตย์นะครับ แต่หลังๆ นี่อยู่บ้านนอนอ่านหนังสือดีกว่า
^
^
^
โชคดีที่ผมเล่นเฟสบุ้คไม่เป็น (หรือเรียกว่าโลเทคก็ไม่รู้ 555) ก็เลยไม่เคยมีสังคมออนไลน์ซักเท่าไหร่
แล้วก็โชคดีที่เพื่อนๆ ผมส่วนมากจะมีแต่รุ่นเดียวกัน ก็เลยคุยกันเรื่องเพลงเก่าๆ รู้เรื่อง

ส่วนเรื่องหนัง...ก็ตามที่บอกครับ ตอนนี้รอดูแฮรี่อย่างใจจดใจจ่อเท่านั้น



ผมว่านะ บางทีเรามีเรื่องดี ๆ ให้จดจำ ดีกว่าไม่มีอะไรให้จดจำเลยนะ ว่าป่ะ  :m28:
ู^
^
^
เค้าถึงบอกไงครับว่าบางทีความทรงจำดีๆ มันก็หล่อเลี้ยงให้เราอยากที่จะมีชีวิตต่อไปได้เหมือนกัน...



@Krystal  ยินดีครับ เรียกพี่ปุ้มก็ได้  :impress2:

ผมคิดว่า อายุผมคงห่างจากน้อง ๆ หลาย ๆ คนในนี้อยู่มากเหมือนกัน แต่ผมเพิ่งจะเข้ามาในนี้ได้ไม่นานด้วยความบังเอิญ
ถึงได้มาเจอน้องที่น่ารักหลายคนในนี้ (ผมคิดเป็นน้องเป็นนุ่งอย่างเดียว จริง ๆ นะครับ ขืนคิดเป็นอย่างอื่น
ถ้าแฟนผมรู้เข้า เขาคงประเคนตะกั่วบินให้ผมแน่เลย เพราะบทจะหึงขึ้นมานี่ แม่งโคตรน่ากลัวเลย 5555)

ถ้าพูดถึงเรื่องเสาะหาว่าใครคือคนที่ใช่ ผมอยากบอกว่า ตัวเองไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยครับ
คิดแต่ว่า อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด ถ้าเราทำวันนี้ให้ดี วันหน้าก็คงไม่แย่ไปกว่านี้หรอกครับ
แม้แต่ตอนที่คบแฟนผู้หญิงอยู่ ผมก็ไม่เคยคิดสงสัยนะครับว่า เขาคือคนที่ใช่หรือเปล่า
เพราะเขาอาจจะใช่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่อาจไม่ใช่ในอีกช่วงเวลาก็ได้
คนเราจะรู้จักกันได้ ต้องมีกรรมผูกพันต่อกันนะครับ ส่วนจะกรรมดีหรือไม่ดีนี่ ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ในเมื่อมีวาสนาได้มาพบ มารู้จักกันแล้ว จะมามัวสงสัยอยู่ทำไม ว่า ใช่หรือไม่ใช่
ให้ความรู้สึกมันค้างคาใจเปล่า ๆ พลอยทำให้เวลาคิดอยากจะทำอะไร ก็ทำไม่เต็มที่ เพราะลังเลไม่แน่ใจว่า ใช่หรือไม่ใช่ อยู่นั่นแหละ
แล้วถ้าเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้จริง ๆ ผมก็ไม่มานั่งตีอกชกตัวว่า ฉันผิดอะไร ทำไมเธอถึงไม่รักฉัน ทำไมถึงเห็นคนอื่นดีกว่าฉัน
แต่ผมจะคิดว่า ใครใช้ให้ไปรักเขาล่ะครับ เขาไม่ได้บังคับให้เราไปรักเขาเสียหน่อย เราไปรักเขาเอง
และมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาอีกเหมือนกันนะครับว่า จะรักเราตอบหรือไม่ แล้วมันเป็นความผิดของเขาหรือครับ ถ้าเขาไม่รักเราตอบ

พอคิดได้อย่างนี้ ผมก็เลยปล่อยตัวตามสบายไปตามครรลองของมันน่ะครับ ถ้าเดินไปถึงจุด ๆ หนึ่งแล้ว ไม่สามารถไปต่อด้วยกันได้
ผมก็ไม่เสียใจนะครับ เพราะถือว่า ตอนที่คบกัน ผมได้ทำเต็มที่แล้ว และก็จะเก็บความทรงจำดี ๆ เอาไว้คิดถึง เวลาอยู่คนเดียว

เอ! หนนี้ ทำไมกระทู้ออกแนวดราม่าไปได้แฮะ
เปลี่ยนหัวข้อใหม่เหอะครับ คุณ King
เดี๋ยวน้อง ๆ เขาจะห่อเหี่ยวหดหู่กันหมด 5555
 :กอด1:


^
^
^
โชคดีที่ตั้งแต่ผมเลิกกะโจไป ผมไม่ได้มองใครหรือสนใจคนอื่นอีก...ผมก็เลยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขขึ้น

แล้วก็...อย่างที่พี่ปุ้มพูดก็ถูกครับ บางทีการวิ่งตามอะไรซักอย่างมันอาจจะเหนื่อยเกินไป สู้อยู่เฉยๆ แล้วให้สิ่งเหล่านั้นวิ่งตามเราบ้างดีกว่า บางครั้งของแบบนี้มันต้องมีทั้งจังหวะและเวลาของมันเอง


ปล. ขอเม้นสั้นๆ นะครับ กลัวเหลือเกินกับการเม้นยาวๆ แล้วคนอ่านจะขี้เกียจอ่าน (สงสัยก่อนหน้านี้ผมก็พูดอะไรซะยืดยาวเกินไป)
ปล. อีกครั้ง...อากาศหนาวเกือบจะจุดเยือกแข็งแบบนี้ สมองไม่ค่อยแล่นเลยครับ (อย่าแปลกใจเลยถ้าการพูดจาของผมในวันสองวันนี้จะฟังดูไม่รู้เรื่อง)



ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
อ่านได้เรื่อยๆ ครับ
เล่นเฟส หรือไฮไฟฟ์ก็ใช่ว่าจะดี
เพราะบางทีก็มีคนที่โพสต์ข้อความบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นยีราฟสีฟ้าในสวนสัีตว์ได้เหมือนกัน
ผมเฉยๆ เพราะผมไม่ได้สนใจ คิดว่านี่คือเรื่องส่วนตัวของผม
แต่ทีจะคิดมาก
โดนข้อความไม่ดีสักครั้งสองครั้ง ในที่สุดเราก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรกับมันนอกจากเล่นเกม กับคุยกับพี่ๆไม่กี่คน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2010 17:21:47 โดย jivetea »

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
ลองแวะเข้ามาแล้วก็เลยออกไปอย่างงๆ
 o2

^
^
^
 :z1: จขกท. เอ๋อๆ อ่ะครับ โปรดจงเข้าใจ แล้วก็...กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องราวความรักและการดำรงอยู่(ต่อไป)ของคนครับ...


เออนั่นดิ ไหงผมพาทู้ดราม่าได้อะ ขอโทษครับ เครียดกับงานนิดหน่อย เลยพลอยเฮ้ออ เวิ่นเว้อ

ระหว่างแสงสว่างกับเงา คนคงเลือกที่จะรับแสงสว่างมากกว่าเงาอยู่แล้ว

แว้บบบ มารวบ  :กอด1: แล้ววิ่งออกไปอีก งานท่วมหัวจริงๆ
ู^
^
^
อย่าคิดมากครับ ผมก็บ่นของผมไปเรื่อย

เอาเป็นว่าเราควรจะทำตัวให้เป็นทั้งแสงสว่าง และเงา ให้เหมาะสมกับเวลาและโอกาสก็น่าจะดีนะครับ

แล้วก็...ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ล่วงหน้าครับผม

ไม่มีอะไรจะให้นอกจาก





อ่านได้เรื่อยๆ ครับ
เล่นเฟส หรือไฮไฟฟ์ก็ใช่ว่าจะดี
เพราะบางทีก็มีคนที่โพสต์ข้อความบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นยีราฟสีฟ้าในสวนสัีตว์ได้เหมือนกัน
ผมเฉยๆ เพราะผมไม่ได้สนใจ คิดว่านี่คือเรื่องส่วนตัวของผม
แต่ทีจะคิดมาก
โดนข้อความไม่ดีสักครั้งสองครั้ง ในที่สุดเราก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรกับมันนอกจากเล่นเกม กับคุยกับพี่ๆไม่กี่คน



^
^
^
จริงๆ ผมว่ามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ผมชอบอะไรแบบทันทีทันใดมากกว่า อยากคุยกะใครก็โทรคุยเลยจบ ส่วนพวกรูป...ไม่รู้จะอัพให้ใครดูครับ ทั้งๆ ที่พวกเพื่อนที่เล่นเฟสก็เยอะ แต่...สงสัยจะเป็นความไม่ชอบส่วนตัวของผมมั้งครับ

สุดท้าย...แอบค่อนขอดเล็กน้อยว่าตอนที่ 35 เนี่ย ไม่ไหวจะเคลียร์กับไอ้พี่กลาสเจงๆ







MomentInTime

  • บุคคลทั่วไป
มี facebook ก็ดีครับ แต่ใช้คุยกับเพื่อน ๆ เท่านั้นแหละ บ้าบ้างดีบ้างตามประสาครับ แต่รูปภาพส่วนตัว เรื่องของแฟน หรือ อะไรก็แล้วแต่ ไม่เอาไปลงครับ เพราะเรื่องแฟนหรือคนรัก ผมถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ต้องประกาศให้โลกรับรู้  :laugh:

ผมชอบโพสต์ อารมณ์ ความรู้สึก ในขณะนั้น หรือ อยากระบายสิ่งบ้า ๆ บอ ๆ  :m20:

แต่ใจความใหญ่คือไว้เล่น Happy Farm และ Farmville มากกว่า ปลูกผัก เก็บผัก หมักไว์ สนุกที่สุด 555

ออฟไลน์ nonae

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +361/-1
ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนแล้วกันนะ เพราะอาจอยู่กับคำว่า โสดมานานเกินไปมั้ง เลยไม่มีอะไรจะเล่าให้ฟังมากนัก
เริ่มจะลืม ๆ ความรู้สึกของคำว่า แฟนกัน แล้ว อย่าว่าเอาเปรียบกันนะ ถ้าจะขออ่านแต่ของคนอื่น เอาไว้เป็นแง่คิดให้กับตัวเองบ้าง
รวบกอดด ทุกคน  :กอด1:

JkrR

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับดอกไม้ครับพี่คิง

จริงๆแล้วผมไม่ค่อยปลื้มกับพิธีรับนี้เท่าไหร่ เพราะทำเอาจนไปอีกหลายเพลาทีเดียว แค่เก็บตังให้แม่กับจ่ายจิปาถะในแต่ละเดือนนี่ก็เวียนหัวแล้วครับ

แต่ก็นะครับ มีอาที่เคารพท่านนึงบอกว่า คนเราจะมีโอกาสอยู่ต่อหน้าพระพักตร์สักกี่ครั้ง ดังนั้น ผมเลยตัดสินใจ เอาก็เอาวะ รับก็รับ

(ณ ตอนนี้แกลบเลอะปากไปยันสิ้นปีทีเดียว  :sad4: )

ตั้งใจจะแปะเพลงแทนคำขอบคุร นั่งคิดอยู่นาน ว่าจะแปะเพลงไรดีหว่า ตอนแรกจะแปะเพลง "ฉันไม่ใช่ดอกไม้" ของมาช่า แต่ไปๆมาๆ เอาเพลงนี้ดีกว่า

เคยแต่งกลอนประกอบเพลงนี้เอาไว้ เป็นเพลงลูกทุ่งนะครับ ใครไม่ชอบก็ขอโทษด้วยนะครับ

http://www.youtube.com/v/8s10s9mZbPk?fs=1&hl=en_US

ดอกบัวงามบานสะพรั่งอยู่กลางบึง

เหล่าภมรภู่ผึ้งบินสลอน

เขียดครางออดไล่กอดบนใบบอน

ตะวันจรจมหายที่ปลายนา

จูงอีสวยกับไอ้สายความตัวเก่ง

แล้วร้องเพลงคลายทุกข์สุขจริงหนา

ยินเสียงกลองย่ำค่ำแว่วดังมา

ที่ชายป่าเห็นควันไฟจุดไล่ยุง

แอบมานั่งเอนกายชายตลิ่ง

เพลงเพราะพริ้งแว่วหวานจากชานทุ่ง

เสียงไอ้หนุ่มบ้านไรหรือบ้านกรุง

ร้องลูกทุ่งจีบสาวเคล้าบังอร

สายลมโรยโชยแก้มแกมรังแก

เหงาแท้แท้ลมรังแกไม่หยุดหย่อน

สายลมเอยคืนนี้ข้าขอวอน

หอบเอาเจ้าขวัญอ่อนมาอิงที

"ลมเอยค่ำนี้เหงายิ่ง หอบใครมาทิ้งซักคนซิลม"

 :L2:  บทกลอนแทนคำขอบคุณครับ

อีกไม่กี่วันจะต้องไปคลองหก คิดถึงนาข้าวข้างบ้านที่ไปเช่าอยู่สมัยเรียน กับเปลญวณสภาพเซอร์ข้างบ้านจัง อยากกลับไปนอนเล่นที่นั่นอีก  :m17:

ปอริ่ง เรียกหนิงก็ได้ครับ พี่คิง

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
เรื่องดอกไม้...555 ก็แค่ดอกไม้อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้นล่ะครับ (แต่ก็เลือกที่สวยที่สุดให้เลยนะครับเนี่ย) เสียดายที่เพิ่งจะรู้จักกัน เพราะถ้ารู้จักกันนานกว่านี้ซักปีสองปี ผมคงได้ไปฉลองรับปริญญาด้วยแน่ๆ

พูดถึงเรื่องรับปริญญา.......................เอาหน่าครับ ไม่กี่ครั้งในชีวิตหรอก แถมยังเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของพ่อแม่เชียวนะ

ปล. ขอบคุณมากนะครับสำหรับเพลง

ปล. อีกที ผมฟังได้ทุกแนว ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นแนวไหน ลูกทุ่งก็ฟังได้ครับผม

greenoak

  • บุคคลทั่วไป
  :o8: 5555 เส้นทางความรักของผมไม่ค่อยหวือหวาโลดโผนอะไรหรอกครับ
ออกจะราบเรียบซะด้วยซ้ำ จะมีที่ตื่นเต้นบ้างก็ช่วง 3-4 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงปรับตัวเข้าหากัน
และส่วนใหญ่ จะเป็นผมที่สร้างปัญหาให้เค้า เพราะยังไม่ชินกับการเป็นเกย์มือใหม่น่ะครับ
พอมีสาว ๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาว ๆ ปากแดง ๆ มาแวะเวียนอยู่รอบตัว ก็เลยมีหวั่นไหวไขว้เขวไปบ้าง
แต่แฟนผมเค้าก็ใช้วิทยายุทธ์ "ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว"  และความอดทนอย่างสูงกับผม
สุดท้าย ผมก็กลับมาตายคาตักเขาเหมือนเดิม 5555

อันที่จริง ช่วง 3-4 ปีแรกนั้น ไม่ใช่ว่า ผมไม่ได้รักเขานะครับ
แต่เป็นเพราะผมสงสัยตัวเองว่า หลังจากที่ใช้ชีวิตกับผู้ชายแล้ว ยังมีอารมณ์ความรู้สึกกับผู้หญิงอยู่อีกมั้ย?
ก็เลยอยากพิสูจน์ตัวเอง อะไรทำนองนั้นแหละครับ แต่พอลองคบ ๆ กับผู้หญิงไปแล้ว
ก็มีความรู้สึกเป็นบางช่วงว่า การกระทำบางอย่างของผู้หญิงในบางเรื่อง
บางทีมันก็น่ารำคาญและสร้างความหงุดหงิดให้ผมอยู่เหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่น เวลาพาไปออกงานอะไรสักอย่าง คุณเธอจะใช้เวลาแต่งตัวนานมากกกก
ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่า จะบรรจงแต่งหน้าทำผมอะไรนักหนา หน้าก็มีอยู่คืบเดียว ผมก็ไม่ได้แยะแยะอะไร
บางครั้งผมเคยเจอ ไปถึงงานแล้ว แต่เปลี่ยนใจไม่เข้าไปในงาน เพียงเพราะเล็บหักไปนิ้วเดียว
ซึ่งผมว่า มันเว่อร์ไปหน่อย  คนเขาไม่สนใจมองดูหรอกว่า คุณจะมีเล็บกี่นิ้ว
หรือถือสิทธิ์ความเป็นแฟนว่า เรื่องของฉันต้องสำคัญที่สุด  คุณต้องทำให้ฉันก่อน
พอไม่ตามใจ ก็ทำมึนตึงกับผม โดยที่ผมไม่รู้ว่า ผมทำอะไรให้ไม่พอใจ
แล้วมาให้ผมต้องมาเค้นหัวสมองคิดเอาเอง เจอแบบนี้บ่อย ๆ ผมก็บอกลาเหมือนกันครับ

แต่พอมาอยู่กับแฟนผม เขาจะนิ่ง ๆ ใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีคุณค่ามากที่สุด
ไม่พูดอะไรให้เราหงุดหงิด รำคาญใจ มันเหมือนเราไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ก็เข้าใจว่า อีกฝ่ายต้องการอะไร
เจอน้ำเย็นแบบนี้เข้าไป ผมก็เลยเป็นปลาตาย เลิกพิสูจน์ แล้วก็หันมาทุ่มเทให้กับความรักของเขาอย่างเดียวครับ


^
^
^
คุยกะพี่ปุ้มครับ (เหมือนพี่จะอายุมากกว่าผม...ผมเดาว่านะ)

เห็นมีบางช่วงบางตอนพี่บอกว่า อาจจะเป็นเพราะพี่กะแฟนไม่ได้อยู่ด้วยกันบ่อย (เพราะต้องเดินทาง) ทำให้อาจจะมี space ให้กันมากขึ้นรึปล่าว นั่นจึงทำให้พี่ทั้งสองรักและเข้าใจกันคงเดิม.....................อืม ผมว่าก็มีส่วนนะครับ แต่คงเป็นส่วนน้อย เพราะเหตุผลจริงๆ น่าจะเป็นเพราะพี่กะแฟนพี่ต่างก็ยังรักกันตะหาก...ทั้งยังคงจะหมั่นเติมความหวานให้กันและกันอยู่แล้ว(ใช้มั้ย)...เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องที่ความรักจะจืดจางลงก็คงจะเป็นไปได้ยากแน่นอน

แต่ถ้าเทียบกะผม.....เนื่องจากว่าผมกะโจเราอยู่ด้วยกันครับ โอเคว่าถ้าวันไหนทำงานก็อาจจะได้เจอกันไม่มาก (แต่ยังไงถ้านับเป็นชั่วโมงที่เจอกัน ก็ถือว่าเยอะอยู่ดี) แล้วยิ่งถ้าวันไหนที่หยุดตรงกันอีก...นั่นก็เท่ากับว่าเราต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มๆ ทั้งวัน ส่วนจะเป็นเพราะการอยู่ด้วยกันแบบนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเลิกกันรึปล่าว...ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ แต่ก็อีกนั่นแหละ...ใครเลยจะรู้ปัญหานี้ดีไปกว่าผมกับเค้า................

ซึ่งพอถึงวันนี้....ผมก็ขี้เกียจคิดละครับ เพราะคิดไป...คนที่เจ็บก็ต้องเป็นผมอยู่ดี

ส่วนเรื่องของเวลา.....ถ้าโจมันให้เวลาผมอีกซักนิดก็น่าจะดี อืม....ไม่รู้สิครับ อย่างกรณีของพี่ 3-4 ปีแรก พี่อาจจะต้องปรับตัวให้ชินกับการเป็นเกย์อย่างที่พี่บอกใช่มั้ยครับ แต่สำหรับผม...ผมต้องปรับตัวเพื่อให้ลืมแฟนคนที่สองของผม...เอ่อ...คนที่ดีกับผมมากน่ะครับ ซึ่งเมื่อผมมาคบกับโจ...ทุกอย่างกลับกลายเป็นว่าผมดันเอาแฟนทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกันซะงั้น และ...ผลลัพธ์ที่ได้...แทบไม่ต้องเดาพี่ก็น่าจะรู้ว่าใคร...ภาษีดีกว่ากัน...............

หรือ...ถ้าเป็นอย่างที่พี่บอกในเรื่องของสาวๆ ที่แวะเวียนมาอยู่รอบตัวพี่ จนพี่อาจจะหวั่นไหวไปบ้าง................อันนี้ก็คงจะมีบางส่วนที่คล้ายกับผม...โดยไอ้ส่วนที่คล้ายกันก็คงจะเป็นตรงที่หลังจากที่ผมคบกะโจไปซักพัก...กลายเป็นว่าเริ่มมีคนโน้นคนนี้มาชอบผมมากขึ้นจนเห็นได้ชัด

อาจจะด้วยหน้าที่การงานของผมที่สูงขึ้นด้วยรึปล่าวผมก็ไม่แน่ใจ แต่การที่จู่ๆ ก็มีคนมารุมชอบก็ทำให้ผมเขวได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ถามว่า ณ เวลานั้น โจรู้มั้ยเวลาที่มีใครมาสนใจผม? เค้ารู้ครับ และเมื่อไหร่ที่เค้ารู้เค้าก็จะอาละวาดจนได้เรื่องทุกทีแหละครับ (ทำไมเค้าไม่ใช่ความสงบ สยบความเคลื่อนไหวเหมือนแฟนพี่บ้างก็ไม่รู้.....แต่ถ้าเค้าทำ...ผมจะเกรงใจเค้ารึปล่าวเหอะ o22)

ส่วนเรื่องสาวๆ ก็มีบ้างครับ แต่ผมเป็นประเภทที่ใครก็อย่ามาทำให้ผมรำคาญเชียว เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ผมรำคาญหรือหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็...ผู้หญิงก็ผู้หญิงเถอะครับ...ได้เห็นภาพด้านร้ายๆ ของผมแน่ แต่ก็อย่างที่ผมอาจจะเคยบอกไปว่าก่อนหน้านี้ผมก็มีคบๆ กับผู้หญิงมาบ้าง แล้วพอพบว่าพวกเธอๆ เป็นประเภทขี้วีน ขีหึง เจ้าอารมณ์ และทำตัวหน้าเบื่อหน่ายเหมือนๆ กัน ผมก็เลยรู้สึกเซ็งและเข็ดที่จะคบกะผู้หญิงอีก กะว่าการมีแฟนเป็นผู้ชายอาจจะไม่เจออะไรแบบนั้น แต่ผิดครับ...เพราะโจ....ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงพวกนั้นเลยซักกะติ๊ด.........

ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนแล้วกันนะ เพราะอาจอยู่กับคำว่า โสดมานานเกินไปมั้ง เลยไม่มีอะไรจะเล่าให้ฟังมากนัก
เริ่มจะลืม ๆ ความรู้สึกของคำว่า แฟนกัน แล้ว อย่าว่าเอาเปรียบกันนะ ถ้าจะขออ่านแต่ของคนอื่น เอาไว้เป็นแง่คิดให้กับตัวเองบ้าง
รวบกอดด ทุกคน  :กอด1:
^
^
^
กะคุณ nonae สั้นๆ ละกันว่าไม่ซีเรียสครับ แค่แวะมาช่วยดันกระทู้บ้างนานๆ ทีก็ยังดี 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด