วันใหม่กับตอนใหม่
ด้วยความอยากลง 5555
ปอลอลอ ฉบับรีใหม่ ^____^ ปาปารัสซี่กับเจ้าชาย ^____^
รูปที่ 7
ความลับกับงานหลัก
ตอนนี้ผมเลิกเรียนแล้วครับ และนี่ก็เพิ่งบ่ายสองกว่าเองพวกเพื่อนๆชวนไปเดินซื้อของกันในห้าง แต่ผมก็ปฎิเสธที่จะไปด้วย ก็เลยมานั่งทำบาป(ฆ่า)เวลารอคนของเจ้าชายมารับ แบบว่า...เมื่อวานพอตกลงอะไรเสร็จสรรพ เจ้าชายก็บอกว่าจะมารับผมที่มหาลัย ไอ้ผมก็ไร้ซึ่งความเกรงใจครับ ไม่มีทางหรอกที่จะปฎิเสธ คึคึคึ
ระหว่างที่กำลังนั่งเล่นเกมมือถืออย่างสบายอารมณ์ ก็มีหนุ่มน้อยหน้ามนหน้าตาน่ารักแต่เรียนคนละคณะเดินหอบหนังสือตรงมาที่โต๊ะข้างๆโต๊ะที่ผมนั่งจับจองอยู่
‘พลั๊บ!!!’ อูย...วางหนังสือซะแรงเลยครับ
ทะเลาะกับใครมาวะนั่น ผมแอบเหลือบตามองนิดๆ แหม่ะ...หน้าตาดีใช่ย่อยเลย ผมยักไหล่นิดๆแล้วก็หันกลับมาเล่นเกมต่อ ดูเหมือนคนมาใหม่ก็ไม่ได้สนใจใครสักเท่าไหร่ด้วย แม้จะมีคนมองมาทางนี้มากก็ตาม
‘พั่บๆๆๆ’ เสียงพลิกกระดาษไปมา คงจะมานั่งทำรายงานล่ะมั้ง
ต่างคนต่างนั่งจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตัวเองสักพักหนึ่ง
“เรียนที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” คนมาใหม่พูดขึ้นมาเบาๆ พูดทั้งๆที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเขียนรายงาน
“ตั้งแต่แรก” ผมตอบและก็ยังเล่นเกมต่อ ไม่ได้หันไปมองคนถามด้วย
“เชี่ย!!” เสียงสบถเบาๆ แต่กูได้ยินเต็มสองรูหูเลยครับ ผมยกยิ้มเล็กๆไม่ตอบโต้อะไรและยังคงเล่นเกมต่อ
“ถ้ากูไม่เจอมึงในงานนั่น มึงจะไม่บอกกูเลยใช่มั้ย?” ใส่อารมณ์เล็กน้อยในน้ำเสียงด้วยเว้ย
“อืม” ผมตอบเบาๆ เครื่องบินชนกำแพงซะได้ เอาใหม่ มันเป็นเกมโคตรง่ายแต่ก็ต้องใช้สมาธิเหมือนกันนะ
“ห่าเอ้ย!!” เสียงสบถเบาๆรอบที่สอง และผมก็ไม่ได้ตอบอะไร แล้วก็เริ่มเล่นเกมใหม่
“ไวท์เตอร์หรือพี่เกรย์?” แล้วคนข้างๆก็ถามต่อ เสียงก็ยังเบาๆเหมือนเดิม
“ไวท์เตอร์” ผมก็ตอบสิครับ มือก็กดยิกๆไปด้วย
“แล้วพี่เกรย์ล่ะ” เขาถาม
“จะเข้ามาตอนภารกิจสองน่ะ” และผมก็ตอบ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ละ”
“เดือนที่แล้ว แต่พึ่งเริ่มเมื่ออาทิตย์ก่อน”
“เมืองไทยมีใครบ้าง?”
“ไม่รู้”
“........”
หลังคำตอบของผม เขาก็เงียบไปสักพัก และเขาก็ถามต่อพร้อมกับจดเขียนรายงานไปด้วย ส่วนผมก็เหมือนเดิม...เล่นเกม
“ระดับไหน?”
“A” ผมตอบ ระดับที่เรียกว่า...ส่งผลไปทั่วโลกเลย
“...ทำไมไม่ติดต่อกูด้วยวะ” เสียงยังเบาเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนเขาจะหงุดหงิดอีกแล้ว
“มึงน่าจะรู้แล้ว...ว่า ‘โรส’ อยู่กับใคร” ผมย้ำถึงเป้าหมาย และถึงขนาดมาถามกันแบบนี้ก็น่าจะรู้อยู่แล้ว
โรสในที่นี้ หมายถึงเป้าหมายที่เราใช้เรียกกันเวลาปฎิบัติภารกิจ ซึ่งผมจะยังไม่บอกว่าโรสคืออะไร เพราะมันจะกลายเป็นการนำความลับทางราชการมาเปิดเผย ฮ่าๆๆๆๆ
“.......อืม...เฮ้อออออ...มีไรให้ช่วยก็บอกละกัน” หึหึ กูไม่กล้าครับ
“ไม่ล่ะ กูกลัวสามีมึง” ผมพูดเรียบๆ ยิ้มนิดๆ แต่ไม่คิดว่า....
“เชี่ย!!!” ชะอุ๋ย...สบถซะดังเลย
ผมเงยหน้าขึ้นมามองคนข้างๆอย่างแปลกใจ และก็ใช่ว่าจะมีแค่ผมนะครับ นักศึกษาหลายคนก็มองมาที่เขาเหมือนกัน แต่ดูเหมือนคนสบถจะไม่สนใจใครเขาเลย มีแค่ท่าทีฟึดฟัดและก็จดยิกๆต่อ ผมก็หันกลับมาเล่นเกมต่อ อ้าว....ชนกำแพงอีกละ เริ่มใหม่ๆ
“มึง...สเป็คเค้า” คนข้างๆพูดขึ้น อ่า...ทำเป็นรู้ดีเปลี่ยนเรื่องซะได้นะมึง งั้นก็เอาคำตอบเจ๋งๆของกูไปซะ หึหึ
“อืม...เค้าก็สเป็คกู”
กึก!!! รู้สึกจากหางตาว่าคนโต๊ะข้างๆจะชะงักไปเล็กน้อยนะ หึ มันคงอยากจะหันมามองหน้าผมมากเลยตอนนี้
“....แน่ใจหรอ? คนนี้” อ่ะนะ กูคงแน่ไม่เท่ามึงหรอก
“แต่กูคงไม่พูดว่า... ‘ช่วยรับเวอร์จิ้นของผมได้มั้ยครับ’ แบบมึง”
“........”
“.........”
“...มะ...มึง...มึงรู้” เสียงสั่นเชียว คึคึ
“หึหึ” ผมขำเบาๆอย่างร้ายๆ เดาว่าคู่สนทนาของผมคงกำลังหน้าแดงก่ำไปแล้วชัวร์
“อ่ะ....เออ เออ แต่กูฟันธงเลย มึง...มึงไม่รอดแน่...ชัวร์!!” ฮ่าๆๆๆ
“เอาน่า...กูทำใจมาแล้วล่ะ” ผมอมยิ้มเล็กน้อย แต่ยังคงทำหน้าเรียบเฉย ไม่มีทางให้มันรู้หรอกว่ากูก็เกือบไปแล้ว
“กูอยากเตะมึงว่ะ” คิคิ ไม่มีทาง
“กูอยากขำมากกว่าว่ะ” ผมพูดออกมาเรียบๆ แต่นัยน์ตาผมระยิบระยับเลย...ฮา....
“.....” เงียบ ไม่รู้จะใช้อารมณ์โหมดไหนแล้วล่ะสิ
“กูต้องไปเอาเรื่องพี่เกรย์หน่อยแล้ว” อ่านะ กูอยากให้มึงไปเอาเรื่องพี่ชายมึงมากๆเลย ‘ไอ้กรีน’
“เผื่อกูด้วยนะ”
“แน่นอน”
“กูต้องไปแล้ว” ผมบอก ใกล้เวลาที่นัดแล้ว
“อืม..รักษาตัวด้วย” ด้วยความหวังดีสินะ และของกูก็ด้วยความหวังดีเช่นกัน
“มึงก็ด้วย อ้อนคุณชายบ่อยๆ เขาน่าจะชอบ หึหึ” แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินออกมา ไปที่ๆนัดกับเจ้าชายก่อนที่เจ้าชายจะมาถึง
..........................................................
‘ความลับไม่มีในโลก’
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนคำๆนี้ก็ใช้ได้ผลเสมอ และแม้ผมจะรู้อยู่แล้ว เพราะพึ่งประสบมาแล้วสองเรื่องสองคนติดต่อกันสองวัน แต่ผมก็อดที่จะกลัวความลับของตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ความลับของผมจะรั่วไหลออกมาอีก
ผมไม่ถนัดงานสอดแนม นั่นคือความจริง ตอนรับงานของพี่ทาอินั้น มันเป็นความบังเอิญจริงๆ แต่ก็คงต้องขอบคุณเจ้าพี่ชายคนนี้ที่ทำให้งานหลักของผมง่ายขึ้น และด้วยความกังวลกับงานแอบถ่ายรูปนั้น งานหลักจึงยังดำเนินต่อไปอย่างเรียบร้อย หรือเปล่าว้า? บอกก่อนนะว่าผมไม่ใช่นักแสดงที่ดีนัก เปลี่ยนบทบาทบ่อยไม่ได้ ผมก็คือผม ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน และก็เพราะว่าผมเป็นคนแบบนี้ งานส่วนใหญ่ของผมจึงอยู่หน้าจอคอมกับหน้าเอกสารมากกว่า มีบู๊บ้าง แต่ก็มักจะแพ้ เหอะๆๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เอาตัวรอดเก่งนะ ก็เห็นรอดมาทุกที
อีกอย่างการที่กรีนมารู้เรื่องตอนนี้ จะว่าดีก็ดี จะว่าแย่ก็แย่ เพราะเจ้าเพื่อนคนนั้นคงจะไม่หยุดอยู่แค่นั้นง่ายๆแน่ แต่...หึหึ ให้พี่เกรย์ปวดหัวซะบ้างก็ดี ชอบแกล้งผมดีนัก ขอเอาคืนหน่อยเถอะ
“เชิญครับ”
“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณเบาๆ ที่บอดี้การ์ดของเจ้าชายเปิดประตูรถให้ พอได้เข้ามานั่งในรถแล้วผมก็นึงถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้...
“อืมมมม...” นี่มันจูบกระชากวิญญาณชัดๆ ริมฝีปากที่ดูดดูนเรียวลิ้นของผมอยู่นี้ไม่มีคำว่าพอดีเอาซะเลย
ปลายลิ้นร้อนที่กอดเกี่ยวไปกับปลายลิ้นของผม ปลายลิ้นที่สัมผัสไปทั่วทุกอณูพื้นที่ในช่องปากของผม ยอมรับเลยว่าไม่มีความรังเกียจเลยสักนิด ผมตอบสนองต่อสัมผัสนั้นอย่างกล้าๆกลัวๆ นั่นก็คงยิ่งเป็นอะไรที่คนที่อยู่ค้างใต้ผมพอใจมากขึ้น
เอาเป็นว่า...ตอนนี้ ผมและเจ้าชายยังนั่งอยู่บนรถคันสวยที่กำลังวิ่งมาส่งผมที่หอพัก และไม่รู้ว่าด้วยบรรยากาศอะไรผมถึงได้ขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักของเจ้าชาย และก็ให้เจ้าชายนาซร์ได้ลวงลามไปทุกพื้นที่ของร่างกายอย่างลืมความอายแบบนี้
ฝ่ามือร้อนๆที่ลากสัมผัสไปตามเนื้อผ้าเล่นเอาผมแทบจะอยากถอดเสื้อผ้าออกมาเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดที่ว่า....
...กูยังอยากให้ครั้งแรกของกู เกิดขึ้นบนเตียงนอนนุ่มๆ ไม่ใช่บนเบาะรถยนต์....
....อ่า...คิดไปได้นะกู...
แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้เจ้าชายจะคิดยังไง ขนาดผมยังคิดว่าตัวเองโคตรใจง่ายเลย แต่ว่า...ใครไม่เจออย่างผมก็คงไม่รู้หรอก
สายตาที่เหมือนจะกินผมอยู่ตลอดเวลา แม้ใบหน้าจะยังคงความเรียบนิ่ง คนๆนี้...ที่ผมแอบเทใจให้ว่าดูดีสุดๆ ดูร้ายกาจสุดๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าด้วยความกลัวที่มีต่อบุคคลตรงหน้า ก็นำมาซึ่งความท้าทายที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้วในตัวผม
...ผมกลัว...
...ผมกลัวเจ้าชาย...
...แต่ผมก็บ้าพอที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในความกลัวนั้น....
...ทั้งๆที่ผมก็รู้อยู่แล้วว่า สุดท้ายผมอาจจะไม่เหลืออะไรเลย...เหมือนตอนนั้น ซึ่งกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ก็เรียกว่า...
...แทบจะตายทั้งเป็น....
...อ่า...อย่าดราม่าดิ กลับมาที่รสจูบกันดีกว่า...
หลังจากเหตุการณ์สะเทือนหัวใจเมื่อคืนจบลงด้วยการให้ผมถ่ายรูปอีกหลายรูปนั้น เจ้าชายก็ว่าจะมาส่งผมที่หอเอง แต่อยู่ๆเขาก็มีงานด่วนเข้ามาซะงั้น แถมยังมาสั่งให้ผมค้างที่โรงแรมนั้นอีก อืม...มันก็ไม่เลวร้ายหรอกนะ แม้อะไรๆมันจะรวดเร็วเกินกว่าที่ผมจะทันได้ตั้งตัวก็เถอะ
“อื้ออออ...พะ..พอเถอะครับ”
จุ๊บ...เจ้าชายจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากบวมเจ่อของผม
อ่า....จะตายอยู่แล้วครับ กูโคตรใจง่ายเลย หลายๆอย่างมันก็รู้ๆกันอยู่ เสียรู้ครั้งเดียว แต่ที่เหลือเหมือนกูจะเต็มใจหมดเลยว่ะ “เชิญครับ” หืม?
อ้าว...ถึงแล้วหรอ คิดอะไรอยู่วะกู ลามกอีกแล้ว สะบัดหัวเล็กน้อย
ตอนนี้ผมกำลังเดินเข้าไปในโรงแรมที่เพิ่งจากไปเมื่อเช้าตรู่ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเมื่อคืนผมค้างที่นี่ครับ ค้างเฉยๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากที่เล่าไปครับ
ผมเดินตามบอดี้การ์ดมาที่ลิฟต์ พอลิฟต์เปิดเราทั้งหมดสามคนก็เข้ามาในลิฟต์ที่มีพนักงานประจำอยู่แล้ว แต่ก่อนที่ลิฟต์กำลังจะปิดนั้น
“รอด้วยครับ!!!” กึก!!
ทั่บๆๆๆๆ คนมาใหม่วิ่งทั่บๆมาอย่างไว
“ขอบคุณครับ แฮ่ก แฮ่ก อ่า...ชั้น 20 ครับ ขอบคุณ”
คนมาใหม่เป็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผม ปล่อยผมสั้นให้ฟูๆอย่างคนที่ไม่ได้ใส่ใจดูแล ผมสีบรอนซ์ที่คุ้นตากับหน้าตาน่ารักๆร้ายๆที่คุ้นเคย นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล จมูกโด่งเล็กแบบเด็กชาวยุโรปกับริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติ หลังจากเขากล่าวขอบคุณพนักงานโรงแรมที่กดลิฟต์รอให้แล้ว เขาก็หันมายักคิ้วให้ผมฉึกนึง
...วันนี้มันวันอะไรวะ....ผมขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก
“โรงแรมนี่สวยงามมากเลยนะครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นมา พร้อมกับหันมายิ้มให้ผม แววตาขี้เล่นแบบนี้ เฮ้ออออออออ....
โอเค...กูรู้ว่ามึงอยากคุยกับกูละ
“ครับ” ผมรับคำยิ้มตอบบางๆ แต่ในความคิด....กูหมั่นไส้ไอ้เด็กฝรั่งพูดไทยชัดถ้อยชัดคำนี่ชะมัด
...วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ยยย....
“โดยเฉพาะสวนที่ชั้น 35 สวยมากๆเลย เย็นๆคุณลองขึ้นไปดูสิ ดูพระอาทิตย์ตกน่ะ รับรองว่าจะต้องถูกใจแน่นอน” เขาพูดแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดีต่อ
“หรอครับ ฮะฮะฮะ อย่างนี้ผมคงไม่พลาด” ผมยิ้มตอบรับนัดนั้นทันที ทำไมจะไม่รู้ล่ะ โอ้ย...กูอยากจะบ้าตาย เกลียดจริงๆงานสอดเนมเนี่ย ขอบู๊ๆได้มั้ย งานแรกของกูมีหวังพังไม่เป็นท่าแน่ๆ
“คุณมาเที่ยวหรอ?” คนมาใหม่ถามขึ้นมาอีก
“ครับ แล้วคุณล่ะ” ผมก็ตอบสิครับ แต่มาเที่ยวโรงแรมนะ เพราะถ้าหมายถึงเมืองหรือประเทศ ก็นี่แหละบ้านเมืองกู
“ผมก็อยากมาเที่ยวนะ แต่ก็....นั่นแหละ อ่า....ผมไปก่อนนะ” เขากล่าวลา ก่อนจะยกมือบายลาผม
เฮ้อ.....เอาน่า อย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าฝ่ายตรงข้ามส่งใครมา แต่...มีการเคลื่อนไหวถึงขนาดนี้ คงจะไม่ได้ไปเที่ยวกันแล้วแน่ๆเลย
.........................................................
“อื้ออออ....”
ดะ...เดี๋ยวนะ แค่เปิดประตูเดินเข้ามา เขาก็รั้งตัวของผมไปจูบเลยครับ ความอายน่ะมีมั้ย?
โอเค...ผมตอบตกลงอะไรแปลกๆแบบนั้นไปก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าเจอปุ๊บจูบปั๊บ เจอปุ๊บจูบปั๊บแบบนี้นะ
“...หึหึ คงไม่ได้ไปเที่ยวแล้วล่ะ” ถอนปากออกอย่างอารมณ์ดี ขนาดไม่ได้ไปเที่ยวนะ และก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆด้วย แล้วทำไมดูเหมือนเขาจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิดวะ
“เสียใจหรือเปล่า?” เจ้าชายถามเบาๆพลางโอบกอดผมไว้หลวมๆ ก่อนจะรั้งมานั่งที่โซฟาลายสวยงาม โดยที่ให้ผมนั่งแปะอยู่บนตักของเขา และยังให้ผมนั่งคร่อมหันหน้ามาทางเขาอีก บอกได้เลยว่า...
...ผมหน้าแดงเถือกด้วยความอายตั้งแต่ถูกจูบแล้ว และก็ลามแดงต่อเนื่องยาวเลยทีนี้ แต่ก็นั่นแหละมันก็รู้สึกดีมากแบบแปลกๆก็เลยปล่อยเลยตามเลย
“...ครับ?” ผมไม่เข้าใจเสียใจอะไร
ระหว่างตอบผมก็แอบเหล่ๆตามองว่ามีใครมองผมบ้างมั้ย แล้วพวกเขาทำหน้ายังไง แต่ก็...ทุกอย่างนิ่ง ทุกคนเงียบ สงบ เหมือนเรื่องที่เจ้าชายกำลังทำอยู่นี้เป็นเรื่องปกติ...หรือเปล่า? ผมก็ไม่อาจคาดเดาได้
“ก็...ไม่ได้พาเธอไปเที่ยวแล้วน่ะสิ”
“อ๋อ...ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มตอบ ก็เมื่อวานตอนพระองค์พูดบอก ผมก็เผลอแสดงอาการดี๊ด๊าออกมาน่ะสิ
“โอกาสหน้านะ ชั้นสัญญาว่าจะพาไป” อย่าพูดข้างหูได้มั้ยครับ มันเสียว
เจ้าชายดึงผมมากอดเบาๆเหมือนปลอบ
“ครับ ขอบคุณครับ” ถ้ายังมีโอกาสน่ะนะ ว่าแต่ผมก็ไม่ได้เสียใจอะไรหรอก จริงๆนะ
แล้วจากนั้นเราก็......
...จ๊วบ...จ๊วบ...จ๊วบ...จ๊วบ...จ๊วบ...จ๊วบ...
ครับ เราก็จูบกันต่อครับ จูบกันท่ามกลางเหล่าบอดี้การ์ดนั่นแหละ
“อืมมม...” ผมครางเบาๆ ดูดปากกันอย่างเอร็ดอร่อยเลยครับ ประมาณว่าดูดกินกันเข้าไป เอาจนผมเคลิ้มอ่ะ ถามว่า....
....อายมั้ย?...
...อายครับ...
...โคตรอาย...
...แต่ไม่รู้ว่าทำไม...
...ผมถึงยังยอมให้เขาจูบ...
....ก็อย่างที่บอกแหละ....
....ก็มันรู้สึกดีอ่ะ....
........................................................
“อร่อยไหม?”
“อร่อยครับ ผมไม่คิดว่าคุณจะทานอาหารไทยเก่งขนาดนี้”
“นี่เป็นครั้งที่สอง” จริงง่ะ
“.......”
เกือบจะไม่ได้กินข้าวแล้ว ไม่ใช่ว่ากำลังจูบกันแล้วผมท้องร้องขึ้นมาหรอกนะครับ นั่นมันนิยายไป แต่...ถึงจะว่าอย่างนั้น เหตุการณ์ที่ผมเจอก็ไม่ค่อยจะต่างจากนิยายเท่าไหร่ ก็ในขณะที่เจ้าชายกำลังซุกไซร้ผมอยู่นั้น บอกเลยว่าผมหลับตาแทบจะตลอดเลย
....แต่อยู่ๆเจ้าชายก็รวบกอดผมไว้จนจมกับอกให้ผมได้สูดดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวของพระองค์ จากนั้นผมก็รู้สึกว่ามีใครมากระซิบอะไรให้เจ้าชาย แล้วเจ้าชายก็เพียงกอดผมแน่นๆสักพัก ก่อนจะผละผมออกมาและหอมลงบนหน้าผากของผมเบาๆให้ผมได้หน้าแดงต่อเนื่องอีกยาวนาน แล้วก็สั่งให้บอดี้การ์ดมาพาผมมายังห้องอาหารก่อน ส่วนตัวพระองค์ ก็ไปจัดการอะไรไม่รู้และตามมาทีหลัง
“ผมยังไม่เห็นว่าคุณจะไปเที่ยวที่ไหนเลย” ผมถาม
“....เผอิญมีงานด่วนเข้ามาน่ะ” เขาพูดสบตาผมพร้อมกับน้ำเสียงราบเรียบ
“หรอครับ”
“เธอพาทัวร์ในกรุงเทพได้มั้ยล่ะ”
“ก็...ไม่มีปัญหาครับ ว่าแต่คุณอยากไปไหนล่ะครับ”
“ให้เธอเป็นคนตัดสินใจละกัน” เจ้าชายบอกก่อนจะส่งยิ้มหล่อๆมาให้ผมได้ใจเต้นเบาๆ คนอะไรวะ มีมุมให้ต้องศึกษาเยอะแยะไปหมดเลย
“เอางั้นก็ได้ครับ” ผมยิ้มบอก
โปรแกรมเที่ยวไม่ใช่ปัญหา ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า....ไม่รู้ว่าจะมีใครมาร่วมแจมด้วยนี่น่ะสิ แต่ก่อนอื่นผมคงจะต้องไปพบคนๆหนึ่งตามที่นัดกับเขาก่อนดีกว่า อย่างน้อยๆเราก็เคยเป็น.....
....คนที่ยอมตายแทนกันได้....
....มาก่อน....
TBC
ทักทายทักทายยยยยยย
ไม่รู้จะทักไรอ่ะ อิอิ
ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะ
Uri