★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END  (อ่าน 378662 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dreameekitanai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #960 เมื่อ22-07-2018 17:03:16 »

ตอนที่แล้วกับตอนนี้ เป็นตอนที่ใช้อากาศหายใจได้เปลืองมาก อ่านไป ถอนหายใจไป เฮ้ออออ   :เฮ้อ:
พอจบแล้ว เออค่อยยังชั่วหน่อย  :hao5:

ออฟไลน์ aommaboo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #961 เมื่อ22-07-2018 22:49:56 »

โล่งแล้วว หมดแล้วใช่มั้ยคะ555 ต่อไปขอฮาๆอีกเด้ออ เลิฟฟ

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #962 เมื่อ22-07-2018 23:53:43 »

เหมือนอยู่ๆ อิค่ายก็มาเข้าสิงยุค 
ถึงท้ายบทนี้ทั้งคู่จะดีขึ้น  แต่เราสลัดอารมณ์อิค่ายไม่ออก  เสียดายความกุ๊กก๊กของหมีใหญ่ต้นเรื่อง
ที่จริงยุคน่าจะเรียกชยินว่าเมียหรือที่รักตั้งแต่นอนกอดบนเตียงแล้ว ไม่ใช่ให้ชยินต้องมาแสดงออกเพื่อถามระดับความสัมพันธ์

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #963 เมื่อ23-07-2018 00:17:08 »

  :pig4:

whyýyyyyyy ?!!!

just now i ended up don’t feel the emotion of love between them at all.

its like their connected feeling was removed after that confused sexuality chapter.


i don't truly know what it is but I don't see this as love anymore


please bring that romantic sweet love back

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #964 เมื่อ23-07-2018 01:12:59 »

ไม่ได้รู้สึกรำคาญพระเอกมานานมากกกกกกกกกกก
นานจริงๆ จำไม่ได้ว่าเรื่องไหนที่รำคาญพระเอก555555
ปกตินี่ทีมพระเอกไง แต่เหนือความรำคาญพระเอกคือดรีม
นี่ถ้าเป็นเพื่อนชยิน จะบุกไปหาละนะ ทำตัวเหมือนเข้าใจยุค
แต่จริงๆคือเห็นแก่ตัว ความป่วยไม่ใช่ข้ออ้างในการอ่อนแอ หรือเอาแต่ใจหรอกนะ
ถ้าไม่หายเธอควรไปหาหมอ ไม่ใช่มาหานักเขียน เพราะอาจจะยิ่งพากันจม
ยิ่งพากัยซึมเศร้าตาม ยิ่งติสๆอยู่ 555556

ปล.ทั้งหมดคือความอิน เอาจริงๆก็ไม่ได้เกลียดน้องยุค หรือดรีมหรอกนะ
แค่อิน ณ ช่วงที่อ่าน
ปล.2 รออ่านไปจนจบนะคะ  ขอความน่ารักคืนสู่เรื่องด้วยนะ 555555

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #965 เมื่อ23-07-2018 10:09:26 »

เบื่อออออออออออออออออออ  E-พระเอกมากกกกกกกกกกกกกกกกก  ก็เข้าใจอ่ะนะว่าเค้าป่วยปล่อยไปไม่ได้  แต่ระหว่างปล่อยเค้าไปไม่ได้กับทำให้คนที่รักเสียใจ  แกเลือกดูแลเค้า  I-เลววววววววววววววว  ขอเห็นแก่ตัวเพื่อดูแลคนที่ตัวเองรัก  ดีกว่าปล่อยให้เค้าเข้าใจผิด  เข้าใจมั้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  เฮ่อ!  ดีนะที่แกกลับตัวทัน  เชอะ!!!  อยากกก  :z6: :z6:

ออฟไลน์ mtrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #966 เมื่อ23-07-2018 12:24:56 »

เหมือนเข้ารูปเข้ารอยนะ แต่ทำไมเรารู้สึกว่า นี่ยุคกลับมาดูแลชยินเพราะอะไรอ่ะ เพราะเพื่อน ๆ พูดจนรู้สึกอิน เลยต้องทำตามนั้น  แบบ ต้องเลือกคนที่รักก่อนนะ แกไปดูแลแฟนเก่าอย่างนี้ไม่ถูกนะ  แล้วก็เสียดายชยินที่กลับไปเป็นชยินลูกแมวน้อยที่พอยุคกลับมาอยู่ข้าง ๆ พูดเรื่องแฟนเก่าให้ฟังนิดหน่อยก็โอเคแล้วอะไรงี้ มันข้ามช็อต อะไรสักอย่างมันหายไป  อย่างที่บอก ส่วนตัวรู้สึกว่าความรักของยุคมันไม่มี

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #967 เมื่อ23-07-2018 17:04:51 »

 :pig4: ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #968 เมื่อ23-07-2018 21:51:51 »

กว่าจะเข้าใจกันได้นะ แต่นะยังเคืองยุคอยู่อะบอกตรงๆ โอเคเรื่องคิดเองเออเองนี่เป็นทั้งคู่ แต่เรื่องที่ยุคทำผ่านๆมามันไม่จบง่ายไปเหรอ รุ้สึกแต่ความเจ็บปวดของชยินแต่ของยุคเนี่ยะไม่ค่อยรู้สึกแต่ชยินรักมากไงให้อภัยเข้าใจง่ายไปอีก

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #969 เมื่อ24-07-2018 13:03:07 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
« ตอบ #969 เมื่อ: 24-07-2018 13:03:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #970 เมื่อ24-07-2018 14:26:02 »

เกลียดการที่แฟนตัวเองยังทำดีกับแฟนเก่าอยู่แบบนี้ มันเหมือนจับปลาสองมือเลย ทิ้งชยินไว้ให้คิดเองเออเองไปหมด แล้วมาบอกเหตุผลทีหลัง โดยไม่คิดรึไงว่าไอ้เวลาที่อยู่คนเดียวโดยไม่รู้อะไรเลยนะ แบบคนอกหักรักคุดสามารถฆ่าตัวตายได้เลยนะ แต่ยุคไม่เคยคิดถึงสิ่งนี้ คิดเองแค่ว่า จะมาอธิบายให้ฟังทีหลัง ห่วงแต่ยัยดรีมนั่นแหละ ถ้าจะห่วงขนาดนั้น ก็กลับไปคบกันซะเลยสิ อดีตคนรัก กับคนรักปัจจุบัน ดูแล้วรู้สึกว่ายุคมันจะห่วงอดีตมากกว่าคนปัจจุบันด้วยซ้ำ  :z3: :z3: :z3:

นี่โคตรอยากให้ชยินหนีไปต่างจังหวัดแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลยด้วยซ้ำ  :fire:
ต่อให้มารู้เหตุผลของยุคทีหลังก็เถอะ ยังไงก็ไม่อยากให้ชยินยอมกลับไปคืนดีอยู่ดี มีหนทางติดต่อกันตั้งเยอะไม่ยอมบอกยอมแจ้งเหตุผล นี่มันยุคสมัยโซเชี่ยล ยุคสมัยที่มีโทรศัพท์ติดต่อบอกเหตุผลกันง่ายจะตาย ไม่ใช่ยุคสมัยที่ส่งโทรเลขกันเสียหน่อยดันไม่ทำ :z6: :z6:
.
..
โอ้ยยยยยยย ฉันอินมาก สงสารชยิน :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
«ตอบ #971 เมื่อ26-07-2018 23:17:07 »

กว่าจะตัดใจอ่านได้ กลัวเศร้า สงสารชยินมาพอสมควร

แต่สุดท้าย ตอนนี้แฮปปี้แล้ว มีเขินกันหนักกว่าเดิมไปอีก
อยากไปเป็นพนักงานร้านนั้น จะแซวให้ทรุดเลย 5555

กว่ายุคจะรู้ตัวนะว่าพลาด ก็หลายวันเลยนะ
แล้วยังมาห่วงตอนช็อตสำคัญอีก ก็ต้องอยู่ให้งอแงไป
ชยินร้องไห้ งอแงน่าเอ็นดูมากค่ะ เหมือนเด็กน้อยแบบยุคบอก

ชยินอยากได้อะไร ก็บอกยุคไป กระเป๋าตังค์ไม่สำคัญเท่านะ
ยุคก็บอกว่าเป็นเมียแล้วไง ข้ามขั้นกว่าแฟนอีกนะชยิน



ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #972 เมื่อ27-07-2018 20:30:09 »


ตอนที่ 15
ไม่เคย ‘ลืมเลือน’



   ชีวิตของไอ้ชยินกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ไม่มีซีนดราม่าตัดพ้อหรือหนีปัญหาไปกระโดดโลดเต้นกลางคอนเสิร์ตในสภาพกระเป๋าตังค์แบนเหมือนที่ผ่านมาอีก

   ผมเริ่มใช้เวลาทำงานอยู่ที่ห้อง แต่ในทุกๆ วันไอ้คุณยุคก็มักจะแวะเวียนมาหาเสมอ บางวันซื้อของติดมือมาบ้าง บางวันก็หอบผ้าหอบผ่อนมานอนด้วยแบบงงๆ ความเก้อเขินที่มีในตอนแรกเลยลดน้อยลงกลายเป็นความเคยชินไปทีละนิด

   ถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ก็คงบอกได้แค่ว่าไม่คืบหน้า แบบ...ได้กันแล้ว เออได้กันจริงแต่ก็ไม่เคยได้ยินคำขอเป็นแฟนหลุดออกมาจากปากของมันสักคำ พาลให้เครียดอยู่หลายวันจนกระทั่งได้คุยกับไอ้เบิร์ด คำปลอบใจของมันทำให้จิตใจผมเริ่มสงบ มองในแง่ดีไม่ขอก็ช่างแม่ง ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด

   อีกอย่างผมก็เป็นผู้ชายด้วย ไม่มีอะไรให้ต้องรับผิดชอบหรอก

   ที่สำคัญเลยก็คือ...ผมดันไปเสนอตัวให้เขาเองยังจะเรียกร้องอะไรอีก อยู่เงียบๆ อย่างมีศักดิ์ศรีบ้างก็คงจะดี

   แม่ง แล้วนี่นอยด์อะไรอีกวะเนี่ย คิดถึงเรื่องนี้ทีไรใจมันอ่อนเหลวทุกที ชอบท่อนนี้ว่ะ! จดไว้เผื่อเอาไปแต่งเพลงแล้วกัน

   ก๊อกๆๆ

   ผมหันขวับไปยังต้นเสียงทันที มีไม่กี่คนหรอกที่จะโผล่มาเคาะถึงหน้าห้องโดยไม่มีคีย์การ์ดแต่กลับเดินตัวปลิวมาหาได้ทุกวี่ทุกวัน ผมชันตัวขึ้น เดินไปเปิดประตูก่อนจะพบรอยยิ้มที่ทำเอาเข่าอ่อนทักทายอยู่ตรงหน้า

   วันนี้ยุคยังคงสวมฮู้ดสีดำ กางเกงยีนส์ขาดเข่า กับหมวกแก๊ป A.P.C. ซึ่งขับเน้นลุคนักฆ่าได้เป็นอย่างดี ในมือของเขาไม่มีของอย่างอื่นติดมาด้วย จะมีก็แต่เป้สีดำสนิทหนึ่งใบที่สะพายอยู่ด้านหลังเท่านั้น

   “ว่างนักเหรอคุณถึงได้ถ่อมาทุกวี่ทุกวัน”

   “ไม่ว่าง โดนเดดไลน์งานอีกแล้วแต่ก็ต้องมาหาคุณ”

   “ไม่เห็นต้องเหนื่อยขนาดนั้น”

   พูดไปก็เหมือนจะไม่ฟังเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาภายในห้อง จุดแรกที่ตรงไปเลยก็คือตู้เสื้อผ้า เขาหยิบเอาข้าวของในนั้นใส่กระเป๋าเป้อย่างถือวิสาสะ

   “เฮ้ยๆ ทำอะไรของคุณเนี่ย” ผมแหวขึ้นมาทันที ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

   “วันนี้ไปอยู่เป็นเพื่อนผมหน่อย”

   “งานเร่งไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงต้องให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย โตแล้วนะคุณ”

   “คิดอะไรไม่ออก ไม่มีกำลังใจ”

   “ออกไปเที่ยวกับเพื่อนได้”

   “เดี๋ยวงานเสร็จไม่ทัน”

   “ทำอย่างกับมาหาผมแล้วจะเสร็จทันอย่างนั้นแหละ”

   คราวนี้คนตัวสูงไม่ตอบ แต่เร่งฝีเท้าเข้าไปยังห้องน้ำ คว้าเอาของใช้ส่วนตัวบางอย่างที่ผมต้องใช้ใส่กระเป๋า จากนั้นก็เดินหน้าตายมาถามอย่างเนียนๆ

   “พร้อมยัง”

   “อะ...อะไรของคุณเนี่ย”

   “แต่งเพลงอยู่ใช่มั้ย โอเคไปหยิบกีตาร์กับสมุดจดเพลงมา เดี๋ยวเราต้องรีบไปกันแล้ว”

   “ไปไหน”

   “ห้องผม” พอเห็นว่าผมยังคงนิ่ง สองเท้าก็เดินไปหยิบกีตาร์แล้วกลับมาคว้าข้อมือของผมเอาไว้อย่างแนบแน่น ขณะกูนั้นยังขืนตัวไม่ยอมขยับเขยื้อนเพราะยังมึนอยู่

   “ชยินผมทำงานไม่ได้ถ้าคุณไม่อยู่ มันไม่มีสมาธิ”

   “แล้ว...แล้วทำไมคุณไม่หอบข้าวของมาที่ห้องผมเองเล่า” ดวงตาคู่คมจ้องมองกลับ ก่อนริมฝีปากได้รูปจะเอ่ยบอกเสียงเรียบ

   “ที่ห้องผมมีของกินเพียบเลย”

   “แล้วไง”

   “คุณจะกินอิ่มกว่า ที่โน่นมีน้ำผลไม้ ไก่บอนชอนก็มีนะผมสั่งเอาไว้ ขนมก็มีอีกเยอะแยะรับรองว่าไม่อดตายแน่นอน” นึกว่ากูเป็นเด็กเหรอวะถึงได้เอาของกินมาล่อ แต่พอเห็นผมเงียบไปเจ้าตัวก็พูดต่อ “ดีกว่ากินมาม่าเยอะน้า อร่อยด้วยน้า...”

   “ไม่ต้องมาพูดกรอกหูผมเลย ไปก็ไปสิ”

   ว่าแล้วคนตรงหน้าก็ฉีกยิ้มกว้าง เป็นยิ้มที่สดใสและหล่อฉิบหาย ทำไมกูถึงไม่ยิ้มแล้วหล่ออย่างนี้บ้างวะ

   ผมติดรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคันเดิมไปยังคอนโดห้องเดิมที่แสนคุ้นตา บรรยากาศโดยรอบยังคงอบอุ่นเฉกเช่นทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาในโลกของเขา ผมชอบเตียงที่รายล้อมไปด้วยตู้หนังสือที่สุด ดังนั้นเลยไม่รอช้าโถมตัวลงกลิ้งไปมา ก่อนจะหยิบสมุดแต่งเพลงออกมาเขียนทั้งที่ยังนอนเลื้อยอยู่

   “อยากกินอะไร เดี๋ยวเอามาให้” เสียงทุ้มถามอย่างใส่ใจ ผมหันไปมองเขาก่อนจะตอบสั้นๆ

   “ไก่”

   “โอเค”

   “แต่ผมกินบนเตียงได้เหรอ”

   “ไม่ได้”

   “อ้าว” สรุปไม่ได้กินบนเตียงแต่แดกบนพื้นครับ คือจะบอกว่าเป็นเตียงก็คงไม่ถูกซะทีเดียวเพราะห้องไอ้ศตวรรษมันมีแค่ฟูก เพราะงั้นความสูงจากพื้นเลยไม่มากนัก ผมจึงสามารถนอนกลิ้งบนฟูกขณะที่จานไก่และโคล่ายังอยู่บนพื้น  โดยสองมือสามารถเอื้อมหยิบของกินได้ทุกเมื่อ

   “ขี้เกียจอะไรขนาดนั้น” ผมเบะปากทันทีที่ถูกแขวะ

   “มีงานให้เร่งทำก็ทำไปสิ สนใจผมทำไม”

   “เดี๋ยวนี้เป็นเด็กกวนตีนแล้วเหรอ”

   “ใครเด็ก ช่วยพูดให้มันดีๆ หน่อยนะครับ”

   “โอเคคุณไม่ได้เป็นเด็ก คุณเป็นเมียผม”

   กูแทบจะปาไก่ใส่หน้าเพื่อระบายความหงุดหงิด แต่ยิ่งแสดงอาการเท่าไหร่ก็เหมือนอีกฝ่ายจะมีความสุขมากเท่านั้น เลยเลือกปิดปากเงียบ ไม่คิดต่อปากต่อคำนอกจากแดกให้เสร็จแล้วกลับมาแต่งเพลงยาวๆ

   “เงียบไปเลยอ่ะ โกรธเหรอ”

   “...”

   “ชยิน”

   พอทำเป็นไม่สนใจไปสักพัก เสียงทุ้มที่คอยก่อกวนก็เงียบไป ผมเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาไม่ได้หันมามองผมแล้วแต่เปลี่ยนเป็นจดจ้องที่หน้าจอซึ่งเต็มไปด้วยตัวหนังสือแทน

   โกรธกูป่ะวะ...

   ไม่น่าเล่นตัวเลยไง จะง้อก็กลัวเสียฟอร์มเลยใช้ความเงียบเข้าสู้บ้าง

   ผมเก็บจานไก่ที่เพิ่งกินใส่ไว้ตรงเคาน์เตอร์ครัว ทำความสะอาดพื้นจนเรียบร้อยไอ้ยุคก็ยังไม่ยอมหันมา ผมเลยทำเป็นไม่สนใจบ้างด้วยการหยิบกีตาร์และสมุดเพลงขึ้นมาทำงาน ทั้งที่รู้ดีว่าต่อให้พยายามยังไงก็คงเขียนไม่ออก

   ครึ่งชั่วโมงผ่านไปยังไร้ซึ่งสุ้มเสียง ความกระวนกระวายเริ่มเกาะกุมในความรู้สึก ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ส่งเสียงเล็กน้อยเพื่อเรียกร้องความสนใจแต่ก็ไม่เกิดผล

   เราสองคนเล่นสงครามประสาทกันอย่างเงียบๆ จนกระทั่งผมหมดความอดทนเป็นฝ่ายทักขึ้นมาซะก่อน

   “ทำงานอยู่เหรอ” ลากเสียงยาวเข้าไว้ เผื่ออีกฝ่ายจะได้เห็นใจ

   “อืม” ทว่าคำตอบที่ได้กลับสั้นจุ๊ดจู๋ แถมเจ้าตัวยังไม่ยอมหันหน้ามาสบตาด้วยอีก ใจแหว่งไปแล้วกู ทำไมต้องถูกงอนแบบนี้ด้วยวะ

   “ละ...แล้วใกล้เสร็จยังอ่ะ”

   “ยัง” ถามคำตอบคำจริงๆ เลยมึง

   “ผมง่วง”

   “นอนไปสิ” จะร้องไห้แล้ววววววววววววววว

   ถามว่าเรียกร้องอะไรได้มั้ยก็คงตอบได้ว่าไม่ ยุคอาจจะยุ่งเรื่องงานประกอบกับงอนผีบ้าผีบอใส่ผมอยู่เลยประหยัดคำพูดจนน่าใจหาย ผมเองก็จนปัญญาไม่อยากต่อสู้กับสงครามที่ไม่มีทางชนะเลยขอยกธงขาวยอมแพ้ ก้มหน้าก้มตาเค้นไอเดียอันน้อยนิดกลับมาเขียนเพลงต่อ

   ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เราเงียบใส่กัน ผมได้ยินเสียงขยับเขยื้อนแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงความอ่อนยวบของฟูกและผมถูกดึงเข้าไปกอดโดยไม่ถามความเห็นกันสักคำ

   “อะไรเนี่ย ก่อนหน้ายังเงียบใส่ผมอยู่เลย”

   “ผมทำงาน”

   “แล้วทำไมเวลาผมพูดคุณไม่ตอบยาวๆ ล่ะ”

   “ต้องตอบยาวด้วยเหรอในเมื่อตอบสั้นๆ ก็ได้” มือซุกซนวนเวียนกับการลูบพุงผมไปมา ถึงจะพยายามเบี่ยงตัวออกแต่ก็เหมือนว่าจะไม่ได้ผล เลยต้องยอมนั่งนิ่งให้แม่งซุกหน้าลงซอกคอเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

   “ทำอะไร” เสียงทุ้มต่ำถามผะแผ่ว

   “แต่งเพลงไง”

   “เพลงอะไร” ผมยื่นกระดาษที่เขียนคำว่า ‘ลืมเลือน’ ไปให้เขาดู ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยเสียงหม่นลง “เพลงเศร้าอีกแล้วเหรอ ไม่เหมาะกับคุณเลย”

   “แบบนี้แหละที่เหมาะกับผม” เพลงนี้ตั้งใจเขียนขึ้นในวันที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอีกครั้ง ใครจะคิดว่าสุดท้ายผมก็ทำได้ไม่นานเพราะใครบางคนกลับเข้ามา แถมยังเริ่มผูกพันมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

   “คุณเขียนเพลงรักสิ” จมูกสันโด่งยังคงคลอเคลียร์อยู่ข้างแก้มจนรู้สึกจักจี้ แม่งรู้สึกอยากให้มันกลับไปนั่งปั่นงานเงียบๆ เหมือนเดิมฉิบหายเลย

   “ผมคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับเพลงรักเท่าไหร่ อีกอย่างผมก็คิด MV เพลงนี้เสร็จหมดแล้วด้วย” ร่างสูงผละออกเล็กน้อยก่อนขมวดคิ้วมุ่น

   “เดี๋ยวนะ ยังแต่งเพลงไม่จบรีบคิดเอ็มวีแล้วเหรอ”

   “แน่นอนสิ อะไรคิดได้ก่อนก็คิด คุณอยากฟังมั้ย” เขาพยักหน้า ผมเลยฉีกยิ้มกว้างกระแอ่มไอสองทีแล้วเริ่มต้นเล่ารายละเอียดอย่างตื่นเต้น “ก็...พระเอกกับนางเอกคบกันตั้งแต่มัธยม เป็นความรักที่ยาวนานนับสิบปีเลย”

   “อืม แล้วไงต่อ” สีหน้าดูไร้อารมณ์สัดๆ

   “ช่วยทำหน้าให้ตื่นเต้นหน่อยได้มั้ย”

   “คุณเล่ามาแค่นี้จะเอาอะไรมาตื่นเต้น”

   “งั้นก็ฟังก่อนดิ เรื่องมันเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤต มีสงครามระหว่างประเทศเกิดขึ้น พระเอกเลยอยากไปช่วยขณะที่นางเอกไม่ยอมจะรั้งให้อยู่ด้วยกัน”

   “อ่าฮะ”

   “สุดท้ายพระเอกก็ไปอยู่ดี นางเอกเลยใช้ชีวิตทุกวันเพื่อให้ลืมคนที่เคยอยู่ด้วยการทำอะไรแปลกใหม่ คบเพื่อนใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่แต่ก็ไม่เคยลืมจนกระทั่งผ่านไปหลายปีพระเอกกลับมา ถึงตอนนั้นนางเอกก็ลืมพระเอกไปแล้ว”

   “นางเอกไม่มีแฟนใหม่เหรอ”

   “ต้องไม่มี ไม่งั้นมันจะไม่อิมแพค คุณคิดเหมือนกันป่ะ”

   “ไม่อ่ะ”

   เกลียดคนชื่อศตวรรษนี่ผิดมั้ยวะ

   “ผมโคตรชอบ”

   “เหรอ แต่พล็อตแม่งคลีเช่มากเลยนะ”

   “ผมยังไม่เห็นเอ็มวีไหนทำเลย”

   “โห พูดจริงดิ ไปเปิดยูทูบนี่บานเลยคุณ”

   นอกจากจะไม่ให้กำลังใจแล้วยังตัดความหวังกันอีกต่างหาก ด้วยไม่รู้จะโต้เถียงกลับยังไงผมเลยทำหน้างอใส่ ริมฝีปากได้รูปฉีกยิ้มกว้างจากนั้นจึงหยิบสมุดจดเพลงขึ้นมาขีดเขียนอะไรบางอย่าง

   “ลองแต่งเพลงรักดูสิ ผมว่ามันเหมาะกับคุณ อยากให้คุณลองเขียนมันดู ถ้าไม่เวิร์กก็ค่อยเลิก” สมุดจดเพลงถูกยื่นมาไว้ตรงหน้า ผมมองไปยังตัวหนังสือของตัวเอง ตอนนี้มันมีลายมือของใครอีกคนเพิ่มเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดในช่องท้อง

   มันคือความรู้สึกดีๆ เวลาที่ได้เห็น

   ไม่เคย ‘ลืมเลือน’

   คำว่าไม่เคยเปลี่ยนอารมณ์ของเพลงไปจนหมด จากเศร้ากลายเป็นรัก จากเหงากลายเป็นคิดถึง

   “คุณคิดว่าผมจะทำได้เหรอ”

   “ได้สิ เด็กน้อยเป็นคนเก่ง” เด็กน้อยอีกแล้ว!

   “ให้ผมจ่ายเท่าไหร่คุณถึงจะเลิกเรียกผมแบบนี้สักที”

   “อยากจ่ายเหรอ”

   “อะ...เอ่อ” ดูจากสายตาเจ้าเล่ห์ตอนนี้แล้ว ผมล่ะอยากตบปากตัวเองหลายๆ ที ไม่น่าเผลอพูดออกมาเลยเพราะกลัวว่ามันจะไม่ได้จบแค่ตรงนี้ ใครๆ ก็รู้ว่ายุคมันเป็นคนทะลึ่งตึงตัง แล้วตอนนี้... “จะทำอะไรอ่ะ” ผมร้องเสียงหลงทันทีที่ร่างสูงใหญ่รวบตัวของผมเข้าไปกอด

   ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลียร์อยู่ตรงหน้า พรมจูบไปทุกที่จนผมต้องหลับตาปี๋

   “อืออ คุณอย่า...แกล้งผม”

   “ไม่ได้แกล้งซะหน่อย แค่หมั่นเขี้ยว” แล้วแม่งก็กัดคอกูจนเจ็บจี๊ด ผมตีแขนอีกฝ่ายเป็นการเอาคืนแต่ดูเหมือนมันจะเป็นการเพิ่มเชื้อไฟให้อีกฝ่าย

   ผมถูกผลักให้ล้มตัวลงนอน หัวใจที่เต้นระส่ำคล้ายกับกำลังลงร่วงลงไปกองอยู่ตรงตาตุ่มจนต้องยกมือขึ้นดันอกแกร่งเอาไว้ ทว่าผมก็ยังแพ้ให้กับความเหนือชั้นของคนเหนือร่างอยู่ดี

   “ยุค”

   “ขอหอมแก้มหน่อย”

   “ผมจะแต่งเพล...” พูดไม่ทันจบประโยคจมูกสันโด่งก็โน้มลงมาบดแก้มผมจนร้าวตึงไปทั้งหน้า นี่ฟังกูบ้างมั้ยเนี่ย แถมตอนผละออกแม่งยังมีหน้ามาถามต่ออีก

   “ขอจูบได้มั้ย”

   “ไม่ได้”

   “ขอกัดแรงๆ ได้หรือเปล่า”

   “ไม่”

   “โอเค ได้รับอนุญาตแล้ว” พ่องดิ!

   ยังไม่ทันได้ตอบโต้ผมก็ถูกตะครุบเป็นเหยื่อให้ไอ้หมีควายจนอ่อนระทวยไปทั้งร่าง เก่งจริงเรื่องทำให้คนอื่นแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนี่ย

   “อะ...เจ็บ ฮืออออ” กัดปากกูเหรอ กูจะกัดตอบแต่ไม่ทันเพราะลิ้นร้อนดันแทรกเข้ามาซะก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ลมหายใจเริ่มติดขัด กว่าจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระผมก็ถูกจูบ ถูกกัด ถูกฟัดจนนอนหมดสภาพเกิดกว่าจะขยับเขยื้อน

   Rrr...!   

   เสียงโทรศัพท์เหมือนระฆังช่วยชีวิต มันแผดเสียงร้องครู่หนึ่งแต่ยุคก็ยังไม่สนใจจนกระทั่งดับไป แล้วดังขึ้นใหม่ในครั้งที่สองและสามราวกับคนโทรมีเรื่องด่วนเกี่ยวกับความเป็นความตาย

   “ยุครับโทรศัพท์ก่อน” ขืนเป็นแบบนี้กูตายก่อนแน่

   คนตัวสูงทำท่าฮึดฮัดขัดใจ เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานก่อนกระแทกเสียงลงกับโทรศัพท์ ผมไม่รู้ว่าเขาคุยเรื่องอะไรแต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำมือเหมือนจะเดินลงไปข้างล่างผมก็พยักหน้ารับรู้ ไม่นานเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท ผมเลยรู้ได้ในทันทีว่า...ชีวิตกูฉิบหายแล้ว!

   “ไหนไอ้ชยิน วันนี้มานอนนี่เหรอวะ ชยิน! ชยิน!” ไอ้ท็อปแหกปากอยู่ด้านนอก ส่วนผมก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นนั่ง จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูเป็นปกติที่สุด เพราะรู้ดีว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่ไอ้เบิร์ดกับผมที่เสือกเก่ง แต่คอลัมนิสต์ระดับตำนานอย่างมันก็ใช่ย่อย

   “มะ...มีอะไร แหกปากเสียงดังเลย น่ามคาญ” ไอ้ท็อปย่างเท้าเข้ามาในห้องนอน มันมองดูผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะถามขึ้น

   “ทำอะไรอ่ะ”

   “ทะ...ทำห่าอะไร กูไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมปฏิเสธทันที

   “กูหมายถึงแต่งเพลงอยู่หรือเปล่า ไม่ทำอะไรเลยของมึงนี่คือนั่งกรรมฐานเหรอ”

   “ก็แต่งเพลง ส่วนยุคเขียนนิยาย”

   “กูไม่ได้ถามถึงไอ้ยุคมัน มึงเป็นอะไรเนี่ยดูรนๆ นะ”

   “มึงจับผิดกูเกินไปละ สรุปมึงมาทำอะไรที่นี่” จะมาก็โผล่มาเลย ตั้งตัวไม่ทันครับ ต้องใช้สกิลขั้นสองของตัวเองเร่งเปลี่ยนประเด็นไป

   “แวะมาหาไอ้ยุค กูมาหามันเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่คิดว่าวันนี้มึงจะอยู่ด้วย” ถ้าไม่ติดว่าสนิทกันผมนึกว่าไอ้ท็อปจะเป็นเมียไอ้ยุคอีกคน ตัวติดกันจริงนะ มีอะไรออกหน้าแทนกันหมด

   “ก็ยุคพามาอ่ะ ความจริงก็ไม่อยากมาหรอก กูว่าตอนนี้เราออกไปข้างนอกมั้ย ดูหนังกัน” ผมรีบลุกพรวดจากเตียง ดันหลังคนตัวสูงกว่าออกไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าของห้องรื้อค้นของกินในตู้เย็นเสร็จพอดี

   ไอ้ท็อปหย่อนก้นบนโซฟาตัวนุ่ม ส่วนผมก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วยการค้นหาแผ่นหนังมากมายมหาศาลในลิ้นชักก่อนจะหยิบออกมาเรื่องหนึ่ง

   “กูอยากดู Prisoner อ่ะ” ไอ้คอลัมนิสต์โพล่งขึ้น

   “ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่านะ”

   “มี”

   “รู้ได้ไง”

   “ในกองนั้นกูดูหมดละ”

   “มาบ่อยขนาดนั้นเลย”

   “กูจำใจนั่งดูเป็นเพื่อนไอ้ยุค ตอนมึงหนีไปเมื่อหลายวันก่อนอ่ะ” หลังได้ยินประโยคนั้นจบ ใจของผมก็อ่อนยวบลงทันที ยิ่งเมื่อหันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้วยแล้ว ความรู้สึกในอกยิ่งตีตื้นให้อยากร้องไห้ขึ้นมาเฉยเลย

   “อย่าไปฟังไอ้ท็อปมัน ตอนนี้คุณก็กลับมาแล้วแถมยังกินจุอีกต่างหาก” คำพูดของยุคผลักให้ผมโต้เถียงต่ออย่างไม่ยอมแพ้

   “ผมก็กินปกติอ่ะ มีแต่คุณที่ชอบเอาของกินมาล่อ”

   “ก็คุณเป็นเด็กอ่ะ”

   “ผมไม่เด็ก!”

   “ถามจริงมึงสองคนเถียงกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้เหรอวะ กูเพลีย...” ว่าแล้วไอ้ท็อปก็ล้มตัวลงนอนเหยียดตรง พลางหยิบมือถือขึ้นมากดเป็นการตัดรำคาญ

   หนัง Prisoner ถูกเปิดขณะคนตัวสูงเดินเอาน้ำดื่มและของกินเล่นสองสามอย่างมาวางไว้ตรงโต๊ะรับแขก ก่อนปลีกตัวไปนั่งหน้าคอมพ์ ทิ้งผมไว้กับอดีตเพื่อนสมัยมัธยมเพียงลำพัง

   ไอ้ท็อปแม่งโรคจิตครับ มันมองผมไม่วางตาแต่ไม่ยอมพูดอะไรจนรู้สึกอึดอัด สุดท้ายความอดทนก็หมดลงเลยถามออกไปตรงๆ

   “มองกูทำไม มีอะไรก็พูดมาสิวะ”

   “ชยิน ก่อนหน้าที่กูจะมามึงทำอะไร”

   “ไม่ได้ทำอะไร ก็ไปนั่งแต่งเพลงคนเดียว”

   “คนเดียวจริงดิ”

   “ก็เออสิวะ มึงสงสัยอะไร”

   คนตรงหน้าชี้นิ้วไปที่คอของตัวเอง ผมเลยขมวดคิ้วก่อนจะเห็นมันส่ายหัวแล้วเปลี่ยนมาชี้ที่ผม

   “คอมึงแดงเถือกเลย”

   จริงดิ! ได้ยินอย่างนั้นก็รีบยกมือขึ้นลูบลำคอของตัวเองทันที ว้อทเดอะฟ้าคคคคคค ในหัวพยายามคิดหาข้อแก้ตัวสารพัด ทว่าสิ่งที่พอคิดออกก็มีแค่เพียง...

   “สงสัยยุงกัดน่ะ”

   “เหรอ ในห้องมียุงด้วย”

   “ที่ไหนก็มียุงป่ะวะ นี่แน่ะมาอีกละ มึงเองก็ระวังด้วยนะ”

   “ระวังตัวเองเถอะ ผิวมึงแม่งแดงจนเหมือนคนโดนดูดมาเลยว่ะ เห้อออออ”

   ไอ้เพื่อนเหี้ย ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยยยยยยย

   ผมเหมือนเป็นบ้าอยู่คนเดียวเมื่อถูกจับผิด แถมประเด็นนี้ยังจบลงด้วยเสียงหัวเราะและใบหน้ากรุ้มกริ้มของไอ้ท็อปที่ทำเอาอยากร้องไห้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

   กูไม่ได้โดนดูดโว้ย กูแค่โดนหมีควายกัด โอเค๊ อย่าถามอีกรำคาญ!










   ชีวิตของผมกับยุควุ่นวายเล็กน้อยเรื่องที่หลับนอน บางวันเขาก็จะขนเสื้อผ้าไปนอนที่ห้องผม แต่บางวันก็พาผมมานอนที่ห้อง เป็นอย่างนี้เกือบสัปดาห์จนข้าวของเครื่องใช้บางส่วนของเราเริ่มกระจัดกระจายจนต้องหาซื้อของใหม่อย่างละสองชุด

   ที่ห้องผมชุดหนึ่ง ที่ห้องคนตัวสูงอีกหนึ่ง หลังจากนั้นความวุ่นวายก็กลับกลายเป็นความเคยชิน

   “อรุณสวัสดิ์เด็กน้อย” เช้าวันใหม่เริ่มต้น ผมได้ยินเสียงทุ้มที่เป็นเอกลักษณ์ดังก้องในหู เขาไม่ได้นอน แต่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ในมือถือแก้วน้ำอุ่นเอาไว้เหมือนทุกๆ เช้า

   “อรุณสวัสดิ์ครับ”

   “กินน้ำก่อน” เขาบอกว่าเพื่อสุขภาพ ไม่รู้ว่าจริงมั้ยแต่ผมก็ไม่เคยปฏิเสธคว้าเอาแก้วน้ำขึ้นมากระดกดื่มจนหมดแก้ว

   เราไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น มีบ้างที่ถูกดึงเข้าไปกอดหรือจูบแรงๆ แต่ก็ไม่เคยเกินเลย สถานะที่เป็นอยู่ก็ยังคงคลุมเครือ เขาไม่เคยขอคบผม ขณะที่ผมก็ปากหนักเกินกว่าจะถามเลยปล่อยให้มันเป็นไปโดยไม่เร่งเร้า

   “ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ผมเอ่ยถามคนเคียงข้าง

   “จะสิบโมงแล้วคุณ”

   “ฮะ! ทำไมไม่ปลุกผมอ่ะ”

   “เมื่อคืนคุณนอนเกือบเช้า ขืนนอนไม่เต็มอิ่มเดี๋ยวก็อาละวาดอีก” คนครับไม่ใช่หมาจะได้อาละวาดไปทั่ว

   “ก็ผมคิดงานไม่ออกอ่ะ หาอะไรอ่านไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็เกือบเช้าแล้ว”

   “อ่านอะไร”

   “ยะ...อยากรู้ไปทำไม”

   “ไม่ใช่ว่าคุณเข้าไปอ่านนิยายในแท็ก YukYinCouple เหรอ”

   “อย่ามามั่วนะ” ถึงผมจะอ่านไปบ้างก็ตาม ช่วงนี้สมองตื้อจริงครับเลยต้องเรียกหาแรงบันดาลใจสักหน่อย ซึ่งผมก็กรองมาก่อนแล้ว เลยไม่ค่อยเจอเรื่องที่ตัวเองท้องหรือเกิดเป็นกะหล่ำปลีให้พระเอกย่ำยีอีก โว้ย!

   “มั่วตรงไหน ผมแอบเห็นคุณเปิดอยู่”

   “ผมแค่อ่านเรื่องที่ตัวเองเท่มากๆ ต่างหาก แล้วก็โมโหด้วยที่คนเขียนไม่มาต่อสักที” ผ่านไปเป็นเดือนแล้วไม่รู้ตายหรือยัง ปล่อยให้ค้างคาอ่านตอนเก่าอยู่นานเชียว

   “เรื่องที่คุณท้องได้อ่ะนะ รอคอยอะไรขนาดนั้น”

   “ไม่ใช่โว้ย เรื่องที่ผมคือ AC118 ต่างหาก”

   “อ๋อ...” คนตัวสูงพยักหน้า แต่เหมือนจะไม่อินกับผมเท่าไหร่ แหงล่ะ เขาแค่เคยแนะนำนิยายเรื่องนี้ให้อ่าน ไม่ได้หมายความว่าจะตามต่อแล้วติดเป็นบ้าเป็นบอเหมือนผมตอนนี้

   “เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ จะรีบกลับมาเขียนเพลง”   

   “แต่งตัวหล่อๆ ล่ะ วันนี้ไปทำงานที่คาเฟ่พี่สาวผมกัน” ผมกะพริบตาปริบ ถามย้ำอีกฝ่ายให้แน่ใจ

   “คาเฟ่พี่แยมเหรอ”

   “อืม เห็นบ่นว่าคิดถึงคุณ อยากให้ไปกินเมนูใหม่ของร้าน”

   “ก็ถ้าพี่สาวคุณชวนผมก็คงต้องไป”

   “คุณเป็นน้องสะใภ้ ยังไงแยมก็ต้องชวนอยู่แล้ว”

   “โคตรมั่ว”

   “โอเคมั่วก็มั่ว” ผมส่งนิ้วกลางไปให้เป็นการปิดประเด็น ก่อนลากสังขารคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ

   แม้ร้านกาแฟจะวุ่นวายไปด้วยนักศึกษาจนบางครั้งก็ทำให้ปวดหัวอยู่บ้าง แต่มันคงดีกว่าอยู่เงียบๆ ในห้องแล้วปล่อยให้ยุคหาโอกาสลวนลามเหมือนทุกที คิดแล้วทำไมหน้าแดงขึ้นมาเฉยเลยวะ นับวันยิ่งทะลึ่งตามมันไปทุกที งงตัวเองฉิบหาย

   “น้องสะใภ้~~” เสียงแหลมเล็กของผู้หญิงผิวขาวดังขึ้นทันทีที่ผมกับยุคก้าวเข้ามาในร้าน บรรยากาศยังคงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน และผมไม่เคยชินสักครั้งตอนที่ถูกจ้องมองเป็นตาเดียว

   “สวัสดีครับพี่แยม” ว่าแล้วก็ไม่ลืมยกมือไหว้เป็นการทักทาย

   “ใครแยม ยุนอาจ้ะ”

   “ครับ ยุนอา” โทษๆ กูลืมว่าพี่เขาเป็นไอดอล โว๊ะ!

   “ไปนั่งตรงโน้นก่อน เดี๋ยวผมเอาขนมกับเครื่องดื่มไปให้” คนตัวสูงบอกหน้าตาย จากนั้นก็ดันหลังผมให้เดินไปยังโต๊ะมุมร้านที่ยังคงว่างอยู่ ท่ามกลางเสียงบ่นงึมงำของคนเป็นพี่สาว

   “อะไรกัน มาร้านพี่แต่ไม่ทักกันสักคำ นี่ก็ไล่น้องสะใภ้ไปนั่งตรงโน้นอีกแล้ว”

   “ผมไม่อยากให้พี่ยุ่งกับชยิน”

   “ว่าไงนะ แกกลัวอะไรไม่ทราบ”

   “กลัวพี่จะบังคับชยินให้ไปทำสีผมตามผู้ชายที่พี่ชอบไง”

   ปล่อยให้สองพี่น้องเถียงกันไปพักใหญ่ๆ คุณชายศตวรรษก็กลับมาพร้อมเมนูใหม่ของทางร้านและขนมอีกหลายอย่างที่วางจนล้นจาน คือต่อให้มีชยินสิบร่างกูก็แดกไม่หมด

   “เยอะขนาดนี้คุณต้องช่วยผมกินนะ”

   “ผมไม่กินของหวาน”

   “ได้ไงอ่ะ เมื่อก่อนยังกินน้ำสตรอเบอร์รี่ได้เลย อย่ามาเอาเปรียบกันดิ นั่งลงแล้วกินเป็นเพื่อนผมเดี๋ยวนี้เลย” ดูเหมือนคำขู่จะได้ผล เจ้าตัวเลยยอมนั่งกินขนมที่อยู่ตรงหน้าอย่างว่าง่าย

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2018 20:40:34 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 353
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #973 เมื่อ27-07-2018 20:36:10 »



   “ยุค มานี่หน่อย” กินไปได้สักพักพี่แยมก็เรียกอีก

   ผมที่อยู่ในซอกหลืบจนมองไม่เห็นเคาน์เตอร์เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในส่วนของหน้าร้านบ้าง

   “เดี๋ยวผมมา”

   “อือ...” ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ เพราะพี่น้องเขาคงมีเรื่องคุยกันตามประสา แต่พอหายไปนานๆ เข้าก็รู้สึกเป็นห่วง ผมตั้งท่าจะลุกไปหน้าเคาน์เตอร์เผื่อจะช่วยเหลือหรือเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าได้บ้าง ทว่าไม่นานร่างบางของพี่แยมก็เดินฉีกยิ้มเข้ามาหาถึงโต๊ะ

   “เป็นไงบ้าง เมนูใหม่อร่อยมั้ย” เธอถามด้วยใบหน้าสดใสจนอดยิ้มตามไม่ได้

   “อร่อยมากครับ แล้ว...แล้วยุคล่ะครับ”

   “มีธุระนิดหน่อย พี่เลยวานให้ไปทำหลังร้าน ไหนน้องสะใภ้ตอนนี้กำลังแต่งเพลงอยู่ใช่มั้ย เห็นยุคบอกว่ากังวลมาก มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยน้า” เธอแทรกตัวเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ที่เคยเป็นของคนตัวสูง เหลือบตามองสมุดจดเพลงกับหน้าของผมสลับกันไปมา

   “ตอนนี้ก็แต่งไปได้เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ เมโลดี้เสร็จแล้วเหลือแต่พวกเนื้อเพลงน่ะครับ”

   “น่าสนใจ ถ้าเสร็จแล้วก็ส่งให้ค่ายใช่มั้ย”

   “ยังไม่แน่ใจเลยครับ”

   ในใจลึกๆ อยากเขียนเพลงนี้ให้ยุคคนเดียว ไม่อยากขายให้กับใครเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ ถึงแม้วันนึงอาจจะได้เงินเยอะขึ้นแต่มันก็คงไม่มีความหมายเท่ากับความรู้สึกที่ได้เขียนให้กับใครสักคน

   ไหนๆ ก็จนมานาน มาม่าก็กลายเป็นอาหารคู่ชีวิต ผมเลยไม่ค่อยกังวลว่าจะต้องอดอยากอีก

   “เป็นงานที่น่าสนใจมากเลย ชีวิตพี่นี่เจอแต่คนสายครีเอทีฟ วันก่อนก็เพิ่งได้คุยกับท็อป รายนั้นเป็นคอลัมนิสต์ใช่มั้ย” พี่แยมพยายามชวนคุย กลายเป็นเราเริ่มสนิทกันมาขึ้นโดยไม่รู้สึกเขินอายหรือเกร็งเวลาต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง

   “ใช่ครับ”

   “นี่พี่ติดสินบนท็อปไปแล้ว ให้เขียนคอลัมน์ร้านพี่ อิอิ”

   “ไอ้ท็อปมันเขียนอยู่แล้วครับ อีกอย่างพี่ก็เป็นพี่สาวยุค สองคนนั้นสนิทกันจะตาย”

   “ใช่มั้ย เพิ่งรู้จักกันไม่นานก็จริงแต่เหมือนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ล่าสุดพี่เอารูปสมัยยุคได้เป็นเดือนดาวองก์ให้ท็อปดู นั่งหัวเราะกันใหญ่เลย” ประโยคนั้นทำผมสตั๊น

   “ดะ...เดือนดาวองก์ ยุคเคยเป็น...ด้วยเหรอครับ” รู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที

   ดาวองก์รุ่นผมก็มีแค่คนเดียว ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ได้รับตำแหน่งหรือป๊อปแค่ไหนในกลุ่มเด็กมัธยมกวดวิชา เพียงแต่ว่า...

   “ได้เป็นแบบงงๆ ตอนถ่ายรูปยังทำหน้าบูดอยู่เลยดูนี่ๆ” ว่าแล้วพี่แยมก็เลื่อนมือถือ ก่อนยื่นรูปที่มีคนตัวสูงซึ่งดูเด็กกว่าปัจจุบันเล็กน้อยออกมาให้ดู เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม

   ยุคในรูปกำลังยืนหน้านิ่ง คาดสายสะพายเดือนเคียงข้างกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก แต่มองดูแล้วตลกฉิบหาย

   “ชยินเคยเรียนดาวองก์มั้ย”

   “เคยครับ แต่น่าจะคนละสาขากับยุค หรือไม่อาจจะเรียนด้วยกันแต่จำไม่ได้” สิ่งที่จำได้เลือนรางเลยก็คือการถูกแฟนคนแรกตอนมัธยมบอกเลิกเพื่อไปคบกับเดือนดาวองก์เนี่ยแหละ แต่ผมดันลืมไปแล้วว่าเป็นเดือนปีไหน

   นี่ถ้าเกิดหวยไปออกที่ไอ้นักฆ่าในคราบนักเขียนขึ้นมากูนี่หมาเลยนะ

   ได้กับคนที่เคยแย่งแฟนในอดีต สาธุขอให้ไม่ใช่เถอะ พอดีไม่อยากคิดบัญชีย้อนหลัง

   “อ้อ แต่ถ้าเคยเรียนด้วยกันโลกคงกลมมากเลย อ้าวลูกค้ามาใหม่แล้ว เดี๋ยวพี่ไปรับออเดอร์ก่อนนะ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก มองดูร่างบางปรี่ออกไปจากโต๊ะ ในร้านมีเด็กเสิร์ฟอยู่แล้วคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังขยันขันแข็งเซอร์วิสทุกคนอย่างเต็มที่

   ผมนั่งเขียนเพลงพร้อมกับจิ้มเค้กกินไปพลางๆ แต่ดูเหมือนว่าคนตัวสูงจะยิ่งหายไปนานจนอดเป็นห่วงไม่ได้ เลยตัดสินใจเดินไปยังเคาน์เตอร์ ตรงนี้ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่ต้องการตามหา พอถามพี่แยมดูเธอก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาซะงั้น

   “ยุคไปไหนเหรอครับ”

   “เคลียร์งานนิดหน่อยจ้ะ”

   “เคลียร์ที่ไหนเหรอครับ พอดีว่า...เผื่อผมจะช่วยอะไรได้บ้าง”

   “น้องสะใภ้ไปนั่งรอก่อนก็ได้น้า เดี๋ยวยุคก็กลับมาแล้ว” ความรู้สึกหวาดหวั่นเกาะกุมหัวใจ ผมไม่ได้ถามอะไรเพิ่มแต่ยังคงปักหลักยืนอยู่ที่เดิมด้วยสายตาเว้าวอน

   พี่แยมพยายามก้มหน้าไม่สบตากับผม ทว่าไม่นานก็ต้องยอมแพ้พร้อมกับกระซิบเสียงแผ่ว

   “ยุคอยู่หลังร้าน มีเรื่องต้องคุยกับริวนิดหน่อยจ้ะ”

   ความเย็นวาบแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมไม่รอฟังคำอธิบายอะไรอีกนอกจากสาวเท้าไปยังหลังเคาน์เตอร์ เปิดประตูเพื่อเดินออกไปภายนอก ก่อนจะเห็นสภาพยุคที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดกำลังถูกริวเงื้อมือต่อยอีกรอบ

   “ยุค...” ชื่อแรกที่นึกถึงก็คือเขา

   คนทั้งคู่หันมามองทางผมแล้วรีบแยกจากกันโดยอัตโนมัติ

   “พี่แยมบอกเหรอ รีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” กายสูงปรี่เข้ามาหา และพยายามอย่างมากเพื่อเปิดประตูให้ผมกลับเข้าไป แต่ผมไม่ยอม

   “ทำอะไรกัน” แม่งรู้สึกเหมือนกำลังร้องไห้ขึ้นมาเฉย

   “พอดีมีเรื่องกันนิดหน่อย ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

   “ไม่เกี่ยวเหรอ จริงเหรอวะริว” ท้ายประโยคหันไปถามคนที่ยืนห่างไปไม่ไกลนัก เราต่างโตเกินกว่าจะใช้กำลังกันแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

   “เออมันเกี่ยวกับมึงก็ได้ ทำไมวะชยิน ทำไมมึงถึงชอบคนอย่างมันทั้งที่แม่งไม่เคยดีกับมึงเลย” เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยอารมณ์โมโห ผมมองคนตรงหน้าที่เป็นเหมือนเพื่อน ในใจรู้สึกเจ็บยอกเกินกว่าจะเอ่ยโต้ตอบกลับ “กูรับรู้ทุกอย่าง เรื่องที่มึงหนีไป เรื่องที่มึงโดนทิ้งเพราะไอ้ยุคแม่งมัวแต่สนใจแฟนเก่า แบบนี้มึงก็ยังจะรักมันอยู่เหรอ”

   “คนๆ นั้นเขาป่วย กูเข้าใจทั้งหมดแล้ว”

   “เออดีว่ะ เพราะป่วยมึงเลยต้องยอมใช่มั้ย กูบอกเลยนะว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านี้ และถ้าเป็นกูกูจะไม่ทำอย่างที่มันทำกับมึง” ราวกับถูกมีดล่องหนนับร้อยเล่มปลิวมาปัก ไม่ใช่ไม่เจ็บกับที่ผ่านมา แต่เพราะรักไปแล้วเลยยอมได้ทุกอย่าง

   ผมรับรู้ได้ถึงความสั่นเทาของร่างกาย ความรู้สึกที่ผ่านมาถาโถมเข้ามาไม่หยุด ผมพยายามก้าวผ่านมันไปให้ได้ ไม่คิดเลยว่าพอถูกสะกิดอีกครั้งความรู้สึกเจ็บจะยังหลั่งไหลเข้ามา

   “ชยิน...อย่าร้องไห้” น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยปลอบ ดูเหมือนเจ้าของมือที่สัมผัสตัวผมตอนนี้จะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

   “มึงเจ็บใช่มั้ยชยิน มึงบอกมันสิว่ามึงรับได้ถ้าครั้งต่อไปเกิดปัญหาอีกมึงก็จะยอมไปเรื่อยๆ” ริวยังคงพูดต่อ ขณะที่ยุคเองก็ไม่ยอมโต้เถียงกลับไป นอกจากลูบหัวผมไปมาเป็นการปลอบ

   “มันจะไม่มีอีก”

   “แน่ใจเหรอชยิน กูให้โอกาสมึงพูดอีกที พูดออกมาอย่างที่ใจมึงคิด”

   ผมมองไปยังเจ้าของคำพูด คิดหาเหตุผลสารพัดเพื่อตอบคำถาม แต่มันคงไม่มีประโยคหรือคำตอบไหนที่ดีที่สุด มีแต่ประโยคที่ออกมาจากความรู้สึกลึกๆ ของผมเท่านั้น

   “กูเชื่อใจ ถ้าเกิดวันนึงยุคเลือกคนอื่นกูก็ทำได้แค่ยอมรับความจริง”

   “...”

   “อย่าทำยุคเลยนะกูขอร้อง ยุคเจ็บ...”

   ผมในตอนนี้เจ็บกว่าเขาเป็นร้อยเท่า

   คนเราโง่ได้ทุกเรื่องแหละ และผมก็ยอมรับว่าตัวเองโง่มากกับเรื่องความรัก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วไม่ว่าวันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้น ผมอาจจะเจ็บปวด อาจจะเสียใจ ถึงตอนนั้นก็โทษใครไม่ได้อยู่ดี

   โทษความรักก็ไม่ได้ โทษเขาที่เลือกคนอื่นก็ไม่ได้ คงทำได้แค่โทษตัวเอง

   ที่รักมากเกินไป...










   ผมถูกพากลับมายังห้องในสภาพหน้าเหนียวเหนอะไปด้วยน้ำตา ขณะที่คนตัวสูงก็ไม่ต่างกันเพราะเลือดสีแดงข้นที่ติดอยู่บนใบหน้ายังคงไม่ได้รับการทำความสะอาดและทำแผลเท่าที่ควร ถึงพี่แยมจะหาผ้าขนหนูคอยเช็ดห้ามเลือดแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นเราเลยต้องกลับห้องกันก่อน

   เรื่องจบลงยังไงผมยังจำแทบไม่ได้เลย รู้แค่ว่ารอยยิ้มขื่นของริวกลายเป็นคำตอบที่ผมได้รับโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ อธิบายเพิ่มเติมอีก เรายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทว่าตอนนี้แค่ต้องรอให้ต่างฝ่ายต่างสงบสติอารมณ์กันก่อน

   “คุณเจ็บมากมั้ย เดี๋ยวผมทำแผลให้นะ” สองขาย่อเข่าตรงหน้าเขา ดวงตามีเสน่ห์คู่เดิมยังคงจ้องมองผม แต่ไม่ยอมพูดอะไรนอกจากกะพริบตาช้าๆ

   “ยุค ผมไม่ได้โกรธคุณ ผมเข้าใจที่คุณเลือกจะดูแลเขา”

   “คุณไม่โกรธแต่ผมโกรธตัวเอง”

   “มันผ่านมาแล้ว”

   “ในตอนนั้นผมคิดถึงคุณน้อยไป ยังจำได้ที่ไอ้ท็อปเตือนสติ ถ้าไม่มีมันผมคงเสียคุณไปแล้ว ถ้าวันหนึ่งไอ้ท็อปไม่อยู่แล้วผมพลาดทำเรื่องโง่ๆ อีก ไม่อยากจะคิดถึงวันนั้นเลย” น้ำเสียงคนพูดเจือไปด้วยความเศร้าหมอง เราต่างเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ และตอนนี้เราก็ควรก้าวผ่านมันเพื่อมีความสุขกันสักที

   “ผมบอกแล้วไงว่าเชื่อใจ”

   “ชยิน ผมไม่อยากอยากเสียคุณไป”

   “รู้แล้ว”

   “ลึกๆ ผมไม่ได้อยากเป็นคนดี ยังอยากเป็นคนเห็นแก่ตัว ได้เลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากเลือก ได้อยู่กับคุณโดยไม่ต้องแคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น ผมอยากทำมาตลอด” ไม่เป็นเขาคงไม่เข้าใจจริงๆ

   เห็นแก่มนุษยธรรมก็ถูกคนอื่นตำหนิที่ไม่ดูแลคนรัก แต่ถ้าทำตัวไม่สนอะไรเลยก็ถูกก่นด่าเรื่องแล้งน้ำใจไม่ต่างกัน อย่างไหนก็เจ็บทั้งนั้น ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ว่าเขาต้องทนกับอะไรบ้าง เลยไม่เคยถือโทษโกรธ นอกจากกักเก็บความรู้สึกที่เคยเจ็บปวดเอาไว้ยังส่วนลึก

   รอคอยว่าเมื่อไหร่แผลที่เกิดขึ้นในวันนั้นจะหายไป

   “ไม่หล่อเลยคุณอ่ะ สภาพแย่มาก” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง แตะสำลีที่จุ่มด้วยแอลกอฮอล์ขึ้นมาประคบไปตามปากแผล

   ทั้งมุมปาก จมูก หรือแม้แต่หน้าผากเต็มไปด้วยเลือด ยังไม่นับรวมรอยหมัดที่ทิ้งสีเขียวแกมม่วงช้ำเอาไว้ที่ซีกหน้าด้านขวาอีก ต้องยอมรับว่าริวแม่งมือหนักจริง เข้าใจว่ามันคงโกรธแทนผมเลยไม่คิดถือโทษโกรธอะไร ขอบคุณด้วยซ้ำที่เป็นห่วง แต่ผมก็ห่วงยุคเหมือนกัน

   “ปกติคุณก็บอกว่าผมไม่หล่ออยู่แล้ว” มือซ้ายถูกอีกฝ่ายรวบไปกำไว้แน่น ซึ่งผมก็ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจ

   “หล่อ แต่น้อยกว่าผม”

   “โอเคยอมแพ้”

   “ทำไมวันนี้ยอมง่ายจัง”

   “เจ็บแผล” ได้ยินเท่านั้นถึงกับชะงักมือไป

   “อย่าโกรธริวเลยนะ มันแค่...หวังดี”

   “มันชอบคุณ มองตาก็รู้แล้ว เพราะงั้นมันเลยหวังว่าจะได้ดูแลคุณตอนที่เราไปกันไม่รอด แต่สาบานได้เลยว่ามันจะไม่มีวันนั้น” มั่นใจจริงพ่อคุณ ก่อนหน้านั้นทิ้งกูให้ฟุ้งซ่านอยู่ตั้งนาน

   “ทำให้ได้อย่างที่คุณพูดนะ”

   “ครับ ผมจะทำให้ได้อย่างที่ปากพูด”

   แปลกดี แค่ประโยคธรรมดาของคนๆ หนึ่งก็ทำให้เรื่องราวแย่ๆ ที่เกาะกุมความรู้สึกจางหายไปจนหมด ผมฉีกยิ้ม มองดูร่องรอยเปื้อนเลือดนั้นพร้อมกับทำแผลอย่างเบามือ

   คนชื่อศตวรรษที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ไม่ใช่แค่ความรัก แต่เขายังเป็นความสุขและความหวังของผมเช่นกัน







   ช่วงเย็นผมกับยุคทำอาหารเย็นง่ายๆ อยู่ที่ห้อง เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้ซื้อของสดมาตุนไว้เยอะเลยไม่กังวลว่าจะหาอะไรกินในแต่ละมื้อ ผมอยู่ห้องคนตัวสูงติดกันมาหลายวันแล้ว และช่วงนี้ก็คงอยู่ไปอีกพักใหญ่จนกว่าแผลที่หน้าจะหายดี

   ดึกหน่อยต่างคนต่างแยกย้ายทำงานของตัวเอง ผมแต่งเพลงต่อ ส่วนเขาก็ง่วนอยู่กับการเขียนต้นฉบับเรื่องใหม่ที่ปรากฏในแพลนถึงสี่เรื่อง กว่าจะได้พักเวลาก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว

   “ไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วอย่าให้แผลโดนน้ำ” ผมกำชับคนตัวสูง เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ถึงโต๊ะทำงาน

   “คุณช่วยผมอาบน้ำได้มั้ย”

   “เดี๋ยวนะ เป็นแผลที่หน้าไม่ใช่ทั้งตัว อย่ามาอ้อนหน่อยเลย”

   บอกตามตรงว่ายังไม่ชิน ยิ่งให้ผมมองยุคน้อยที่โผล่พ้นกางเกงออกมาด้วยแล้วยิ่งไม่ไหว มันอยากจะตายซะให้ได้ แค่คิดความเจ็บก็พุ่งกระแทกเข้ามาจนเสียวสันหลังวาบแล้วครับ

   “ทำไมใจร้าย”

   “ผมไม่ได้ใจร้าย คุณนั่นแหละทะลึ่ง รีบไปเลยจะได้นอนเร็วๆ” ช่วงหลังมานี้เราเริ่มปรับเวลานอนกันใหม่ นอนให้เร็วขึ้นเพื่อตื่นเช้า หนึ่งวันของเราจะได้ยาวนานพอที่จะทำอย่างอื่นอีกมากมาย ซึ่งมันค่อนข้างเวิร์ก

   กายสูงลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย เขาเอื้อมมือมาขยี้หัวผมจนยุ่งจากนั้นก็เดินผิวปากเข้าไปยังห้องน้ำ   Rrr..!

   เสียงน้ำฝักบัวดังเล็ดลอดออกมาได้ไม่เท่าไหร่ โทรศัพท์เครื่องเดิมของคนตัวสูงก็สั่นครืด ผมมองไปยังหน้าจอ ใจหายวาบราวกับถูกฉุดลงไปยังหุบเหวลึก ‘แฟนเก่า’ ของเขาโทรมาอีกแล้ว

   ด้วยไม่มีความกล้าพอจะกดรับ เลยปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้นจนดับไป ทว่าไม่นานก็ส่งสัญญาณใหม่อย่างต่อเนื่องราวกับปลายสายมีเรื่องสำคัญที่อยากให้ยุคได้คุยจริงๆ

   ผมรวบรวมความกล้าด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดลึก คว้ามือถือของคนตัวสูงขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปยังประตูห้องน้ำซึ่งปิดสนิทเพื่อบอกกับคนที่อยู่ด้านใน

   “คุณ โทรศัพท์ดังน่ะ” เสียงทุ้มจะตอบกลับอย่างเร็วรี่

   “ใคร”

   “คนที่ชื่อดรีม”

   “อ่า...งั้นคุณกดรับและคุยแทนผมแล้วกัน”

   “มันไม่ดีหรอก”

   “เชื่อเถอะ คุณสมควรรับรู้ ไม่มีอะไรที่เป็นความลับระหว่างเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ฝักบัวถูกเปิดอีกครั้ง ปล่อยสายน้ำให้หล่นกระทบบนพื้นห้องเป็นการจบประเด็น คงเหลือแต่ผมที่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่เคยคุยกันแม้แต่ครั้งเดียว

   หนึ่ง...สอง...สาม ผมนับเลขในใจพร้อมกับรวบรวมความกล้า

   “สวัสดีครับ” พูดออกไปแล้ว หัวใจยังคงสั่นจนอาจตายได้ทุกเมื่อ

   [ขอสายยุคหน่อยค่ะ] ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานตอบกลับมา ผมก็รับรู้ได้ถึงความผิดที่ผิดเวลาของตัวเองมากๆ อยากเดินกลับไปเคาะประตูห้องน้ำอีกครั้ง แต่อีกใจหนึ่งก็อยากคุยด้วยตัวเอง

   “ยุคอาบน้ำอยู่ ถ้าเขาอาบน้ำเสร็จแล้วจะให้โทรกลับนะครับ”

   [อันนี้ชยินใช่มั้ย]

   “อะ...เอ่อ ใช่ครับ” คิดว่าทั้งคู่คงเคยคุยกันเรื่องผม เลยพอจะเดาออก

   [เราชื่อดรีมนะ ไม่เคยมีโอกาสคุยหรืออธิบายให้ฟังเลยทั้งที่รู้ว่ายุคกับชยินมีปัญหากัน อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ] พอได้ยินคำขอโทษจากอีกฝ่าย สมองและความรู้สึกเจ็บเบื้องลึกก็เหมือนได้รับการรักษา มันเบาโหวงไปหมด เป็นความเบาโหวงที่รู้สึกดี

   “ไม่เป็นไร ตอนนี้เราเคลียร์กันแล้ว ดรีมสบายใจได้”

   [ดีแล้ว]

   “มีอะไรอยากบอกยุคหรือเปล่าเผื่อเราบอกให้” ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนกรอกเสียงติดสั่นเล็กน้อยกลับมา

   [เรา...อยากบอกว่าแฟนเรากลับมา และตอนนี้เขาก็ไม่อยู่แล้วนะ]

   “...!!” ความกลัวแทรกซึมเข้ามาฉับพลัน มันเหมือนแอลกอฮอล์เพียวๆ ที่ถูกกรอกเข้าปากจนมึนเมาชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้เลยตั้งตัวไม่ติด หวาดหวั่นว่าทุกอย่างจะย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก

   ต้องกอดตัวเอง ต้องเหงา ต้องร้องไห้เพียงลำพัง

   ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีกแล้วแม้จะเผื่อใจเอาไว้บ้าง แต่มันเร็วเกินไป...

   [เราจบกันด้วยดี เป็นความพยายามที่จะต่อให้ติดแต่ก็ไม่ได้ผล ตอนนี้เราไม่ได้รู้สึกดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ยอมรับว่ามันแย่ แต่ก็อยากขอบคุณที่ยุคคอยดูแลตอนเราไม่เหลือใคร]

   “ตอนนี้ดรีม...อยากให้ยุคไปหามั้ย เราจะบอกให้” ถึงเจ็บก็คงต้องยอม

   ผมเกลียดตัวเองที่เผลอร้องไห้ออกมาเงียบๆ ไม่คิดว่าจะอ่อนแอได้มากขนาดนี้ ชยินที่สดใสร่าเริงและมองโลกในแง่ดีคนนั้นมันหายไปไหนแล้ว

   [ไม่ต้องหรอก เรามีคนที่คอยอยู่เป็นเพื่อนแล้วล่ะ]

   “...”

   [อีกอย่างยุคก็เคยคุยเรื่องนี้กับเราแล้ว เรายังพึ่งพิงกันได้แต่จะไม่รบกวนเกินกว่านั้น จะไม่ขอร้องให้มาอยู่เป็นเพื่อน จะไม่โทรหาหรือทำให้ลำบากใจอีก เพราะรู้ว่ายุคคงไม่ทำอยู่ดี เขาได้เลือกแล้ว]

   “แต่ถ้าต้องการ...ต้องการความช่วยเหลือก็บอกได้”

   [ยุคบอกว่าชยินเป็นคนใจดี เพิ่งรู้ก็วันนี้แหละ แต่ไม่ดีกว่า แค่อยากโทรมาขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่ทำให้ในช่วงเวลาที่ลำบากเท่านั้น]

   “จะบอกให้นะ”

   [อืม แค่นี้แหละ] ไม่มีใครวางสายไปก่อน ผมเลยได้ยินดรีมกรอกเสียงกลับมาอีกหน [ชยิน อย่าโกรธยุคนะ]

   “...”

   [ที่ผ่านมาเราเรียกร้องทุกอย่างเอง เขารักเธอมากเพราะงั้นไม่ต้องกังวลอะไรอีก]

   “ขอบคุณที่บอกนะ”

   [เธอยังเป็นทุกอย่างของเขาเหมือนเดิม...]

   สายถูกตัดไป ผมนั่งนิ่งอยู่บนเตียงโดยไม่คิดเช็ดน้ำตาออกจากหน้า เป็นเสี้ยวเล็กๆ ที่รู้สึกอิ่มเอมกับการได้คุยกับใครสักคน ปลดแอกความรู้สึกไม่สบายทุกอย่างออกไปจนหมด

   ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ผมก้มหน้าไม่สบตากับอีกฝ่ายเพราะกลัวเขารู้ว่าอาการขี้แยได้กำเริบอีก กลัวโดนเรียกว่าเด็กน้อยอ่ะ รู้สึกไม่เท่ อยากเท่บ้างเลยต้องคีพคูล

   “คุยแล้วเหรอ” คนตรงหน้าเอ่ยถาม เขาขยับเท้าไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดกับกางเกงนอนออกมาสวมอย่างไม่พิถีพิถันเท่าไหร่นัก

   “คุยแล้ว”

   “ดรีมว่าไงบ้าง”

   “เขาฝากขอบคุณที่คุณช่วยดูแล”

   “อืม”

   “คุณรู้เรื่องที่เขาเลิกกับแฟนไปแล้วหรือยัง คนที่กลับมา...ตอนนี้ไม่อยู่แล้วนะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งสั้นเลยกู กลัวครับว่ายุคจะรีบถ่อไปหาเขาถึงที่

   “รู้แล้ว”

   “แล้วคุณไม่อยากไปปลอบเขาเหรอ”

   “ปลอบคนอื่นแล้วทิ้งเด็กน้อยให้ร้องไห้ก็ไม่ไหวนะ” เขาพูดยิ้มๆ “นั่นไงร้องไห้อีกแล้วใช่มั้ย”

   “เปล่าซะหน่อย คุณตาฝาดแล้ว”

   “เหรอ” คนตัวสูงก้าวฉับๆ มาที่เตียง ก่อนโถมตัวกอดผมแนบแน่นจนล้มลงไปนอนด้วยกัน

   ซีนนี้ผู้กำกับควรติดต่อไปทำเอ็มวี เป็นอะไรที่ดูเหมือนจะโรแมนติกน้ำเน่าแต่ความจริงแล้วเจ็บสัด โถมมาได้ ตัวก็เท่าหมีควาย ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นจะไม่เจ็บวะ อยากจับมาตีแรงๆ ฉิบหายเลย

   “ดรีมจะต้องเรียนรู้ เราเป็นแค่เพื่อนกันเพราะงั้นมันเลยมีระยะห่างของคำว่าเพื่อนอยู่”

   “เข้าใจแล้ว”

   “วางใจแล้วนะ อย่าเจ็บปวดอีกเลยชยิน” จบคำพูดนั้นยุคก็กระชับอ้อมกอดของผมแน่นขึ้นจนหายใจแทบไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองปริบๆ ก่อนจมูกและริมฝีปากซุกซนจะเริ่มปัดป่ายไปบนใบหน้าของผม มันคือการแสดงความรักในรูปแบบของเขา และผมไม่เคยปฏิเสธ

   จูบที่แสนลุ่มลึก ลมหายใจสะอาดที่คุ้นเคย วงแขนหนาหนักที่ให้ความอบอุ่นเสมอ ผมเคยชินและเริ่มเสพติดมันทีละน้อย

   จวบจนกระทั่งเราผละออกจากกัน ริมฝีปากได้รูปก็ยังไม่หยุดจุมพิตไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายจนอ่อนระทวยในอ้อมกอด

   “ผมชอบคุณ” เราทำแบบนี้ทุกคืน เป็นการบอกรักทางร่างกายและคำพูด

   “ผมก็ชอบคุณเหมือนกัน”

   โคมไฟหัวเตียงถูกปิด ผมฝังตัวในอ้อมกอดคนเขาพร้อมกับปิดเปลือกตาลง และคงเข้าสู่ฝันดีเหมือนทุกคืนถ้าไม่บังเอิญสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป

   ความแข็งแกร่งกลางลำตัวของเขาดุนดันต้นขาผมจนรู้สึกได้ พอเริ่มขยับตัวก็เหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้ด้วยเลยรีบผละออกแล้วหันหลังให้พร้อมกับเอ่ยเสียงต่ำที่ติดแหบพร่าเล็กน้อย

   “ฝันดีชยิน”

   “ยุค เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมมองแผ่นหลังกว้างในความมืด เขายังคงไม่ขยับเขยื้อนแต่ก็ยังตอบกลับมา

   “เปล่า”

   “มีอะไรบอกผมได้ คุณรู้สึกไม่ดีตรงไหน”

   “ไม่มีอะไร คุณนอนเถอะ”

   “หันหน้ามามองผมหน่อยได้มั้ย” พอลองเอื้อมมือไปแตะไหล่แกร่งก็รับรู้ได้ถึงอาการสั่นน้อยๆ จนน่าใจหาย

   ไม่รู้ว่าเขาต้องอดกลั้นต่อความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหน ทุกคืนที่เราจูบกันก่อนล้มตัวลงนอน ผมหลับไปโดยไม่รับรู้อะไรเลยขณะที่เขากำลังกัดฟันเพื่อให้ผ่านพ้นไปในแต่ละคืน

   “ชยินคุณนอนก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” เขาตั้งท่าจะลุกแต่ผมรั้งไว้

   “จะไปไหน”

   “เข้าห้องน้ำน่ะ คุณนอนไปก่อนเลย”

   “ให้ผมช่วยมั้ย ผม...ผมช่วยให้คุณดีขึ้นได้นะ”

   “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุณเจ็บ” คำตอบของเขาทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด

   “ยุค...”

   “ไม่ไปแล้วก็ได้ แต่คุณนอนนิ่งๆ ให้ผมกอดก็พอ”

   “คุณไม่หายหรอก”

   “หาย ผมทำได้...ทุกคืนเลย”

   “ผมใช้มือช่วยได้นะ”

   “เด็กน้อยนอนได้แล้ว ทำไมถึงได้ทะลึ่งขนาดนี้” สุดท้ายผมก็ถูกรวบเข้าไปกอดในวงแขนแกร่ง ฝังใบหน้าลงกับอกของเขาซึ่งรับรู้ได้ถึงอาการเต้นของหัวใจและลมหายใจที่ถี่กระชั้น

   ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา เราไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจมาตลอดว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเขารู้สึกกับมันทุกอย่างแต่ยังคงปิดปากเงียบ อดกลั้นไว้จนกว่าจะผ่านพ้นไป

   “คุณไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง” ผมพูดเสียงอู้อี้

   “คุณเจ็บ”

   “...”

   “คุณเจ็บมากในวันนั้น แล้วทำไมผมถึงต้องเห็นแก่ตัวร้องขอจากคุณอีก”

   “ไม่เลย ผมเต็มใจ”

   “เด็กน้อย รอให้ถึงวันที่คุณพร้อมแล้วจริงๆ ถึงค่อยให้มันเกิดขึ้นเถอะ” ริมฝีปากถูกจู่โจมจูบโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่นานก็ผละออกอย่างรวดเร็ว ทิ้งความอุ่นจางเอาไว้ให้รู้สึก

   “ถ้าคุณบอกก่อน...ผม...ผมก็พร้อม”

   “ผมรู้ ฝันดีครับเด็กน้อย หลับได้แล้ว”

   “อือ...”

   คิดมาตลอดว่าเขาแคร์ผมน้อยไป ตอนนี้เพิ่งเข้าใจ ยุคห่วงผมมากจริงๆ






อยากบอกว่าตอนหน้าจบแล้วค่ะ เห้อมมมม
อะไรมันจะสั้นขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วค่อนข้างยาวเหมือนกัน
ฝากเป็นกำลังใจให้ยุคยินต่อไปด้วยค่า เจอกันตอนหน้า

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #974 เมื่อ27-07-2018 21:29:44 »

รู้สึกเทาๆ แต่ดีที่ทุกอย่างเคลียร์ไปหมดแล้ว มีความสุขกันสักทีนะ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #975 เมื่อ27-07-2018 21:31:22 »

โถ ชยิน เด็กน้อย อุตสาจะช่วยยุคซะหน่อย
แต่ด้วยความเป้นคนดีของยุคนั้น โอียเป็นผชที่ดีมากอ่ะ
แบบนี้สินะชยินถึงได้รักยุคมากขนาดนี้

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #976 เมื่อ27-07-2018 21:49:24 »

ใครจะว่ายังไงไม่รู้ระแต่เรารู้สึกขอบคุณริวมากที่มาต่อยยุคให้ เพราะไม่งั้นยุคจะไม่รู้เลยว่าชยินเจ็บแค่ไหน และยุคก็จะเหมือนลอยตัวไม่โดนอะไรเลยซึ่งมันไม่ถูก หมอริวเข้ามาในตอนนี้เพื่อลงโทษยุคจริงๆ ตอนหน้าจะจบแล้วนี่รู้สึกว่าเร็วจัง แต่ถ้าตามเนื้อเรื่องก็คิดว่ามันก็ถึงเวลาแล้วแหละ ก็หวังว่าจะมีตอนพิเศษหวานๆให้ได้อ่านบ้างนะ

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #977 เมื่อ27-07-2018 21:53:49 »

……


Happy Happy นะ คู่กันยุคยิน

ถ้าเธอพร้อม ฉันจะพร้อมไปด้วยกัน. อิ อิ


 :z2:  :z2:  :z2:   :z2:  :z2:  :z2:


……

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #978 เมื่อ27-07-2018 22:06:41 »

ทำดีกับชยินให้มาก ๆ รักชยินให้มาก ๆ แคร์เขากว่าใครทั้งหมดชดเชยที่เคยทำแย่ ๆ กับเขา ไม่งั้นเราจะเชียร์ริวถึงจะไม่มีหวังก็ตาม ชยินใจดีเลยให้อภัยคุณได้ แต่เราไม่

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #979 เมื่อ27-07-2018 22:56:32 »

 :hao3:


มันจะหน่วงๆ มันไม่เต็มร้อย มันต้องใช้เวลา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
« ตอบ #979 เมื่อ: 27-07-2018 22:56:32 »





ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #980 เมื่อ27-07-2018 23:44:21 »

เง้ออออ จะจบแล้วหรอ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #981 เมื่อ28-07-2018 00:33:53 »

งื้อออไม่จริงงตอนหน้าจะจบแล้วหรอคะ :ling2:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #982 เมื่อ28-07-2018 00:44:31 »

ไม่คิดว่าริวจะมีสิทธิมาต่อยยุคฝ่ายเดียว
เพราะริวเองก็มีส่วนโกหกยุยงให้เหตุการณ์ในช่วงนั้นแย่ลง
ดีที่คำยุวันนี้ของริวไม่มีผลให้ชยินเกิดการระเบิดแตกหัก  คือถ้าชยินเผลอไปคล้อยตามย้อนหลังอีก ว่ายุคแคร์แฟนเก่ามากกว่าชยิน  จะเกิดแผลระหว่างสองคน แล้วบักริวจะถือโอกาสเข้ามา  นิยายก็จะไม่จบ(นะจ๊ะ)
ยุคจะแย่จะห่วยกับชยินยังไง   ก็ไม่ใช่เรื่องของริว ไม่งั้นเกิดมีคนมาชอบชยิน10คน  ยุคต้องถูกพวกที่มาชอบชยินทั้ง10คนต่อยเอาเหรอ  บ้าแล้วเอ็งไอ้ริว  ส่วนยุคก็ทำตัวเป็นพระเอกเกินไป

ออฟไลน์ Cardiac

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #983 เมื่อ28-07-2018 01:12:31 »

 :L1: :L1:

ออฟไลน์ kredkaew26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #984 เมื่อ28-07-2018 01:14:23 »

ง่ะ จะจบแล้ว  ขอตอนหวานๆ สักตอนนะพลีสสสสสสสสสสส  :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #985 เมื่อ28-07-2018 01:16:59 »

อีตาริวที่แกโวยวายมาต่อยยุค ตัวแกเองก็ผิด พาชยินไปดูหนังทั้งที่รู้ว่าชยินนัดกับยุคไว้แล้ว พอเค้าผิดใจกัน แกก็ตามไปต่อว่ายุคที่คอนโดให้เลิกยุ่งกับชยินอีก !!!! โชว์เหนือว่าชยินเลือกแกแล้ว แกควรต่อยหน้าตัวแกเองมากกว่านะ :z6: :z6:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #986 เมื่อ28-07-2018 02:19:40 »

จะจบแล้วเหรอ  :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #987 เมื่อ28-07-2018 03:27:03 »

น่าจะส่งริวไปดูแลดรีมนะ  :katai3:

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #988 เมื่อ28-07-2018 03:36:07 »

เห้อม ความรักทำให้คนตาบอด
ชยินบอกว่าโอเค แต่เราว่าชยินยังเศร้าอยู่เลย สัมผัสได้ถึงความซึมเศร้าอบอวล

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
«ตอบ #989 เมื่อ28-07-2018 06:03:02 »

นั่นไง จะว่าไม่คิดมากก็ไม่ได้ ชยินก็มีแผลที่ต้องรักษา
แต่ตอนนี้ก็เคลียร์แล้วเนาะ ทุกคนต้องมีชีวิตของตัวเอง

ใช้ชีวิตครอบครัวขนาดนี้ ตามติดขนาดนี้
ยุคอาการหนัก แต่พอเข้าใจได้ ก็คนมันรัก
และไม่อยากให้ชยินเจ็บซ้ำไปอีก

อ้าวว ที่ผ่านไปแล้ว ทำให้เจ็บ ไม่ประทับใจ ก็แก้ไขให้มันดีสิยุค
ถ้ายังกลัว แล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่ม ทำแบบนี้ชยินยิ่งนอยด์นะ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด