พิมพ์หน้านี้ - ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Jittirain12 ที่ 31-08-2017 17:41:38

หัวข้อ: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 31-08-2017 17:41:38
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************


★ MSN ★
(musician ‖ solitude ‖ novelist)


คนสองอาชีพที่เหงาที่สุดในโลก ต้องมาเจอกันผ่าน MSN...


สารบัญ
อินทะโลดักฉัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3706525#msg3706525)
ตอนที่1 เวลคัมแบ็คทูเอ็มเอสเอ็น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3706528#msg3706528)
ตอนที่2 คนเหงาเราเข้าใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3717891#msg3717891)
ตอนที่3 ศตวรรษบุคคลเหนือโลก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3729863#msg3729863)
ตอนที่4 ดึงสติกันหน่อยนะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3735639#msg3735639)
ตอนที่5 ความจริงเป็นสิ่งวุ่นวาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3741389#msg3741389)
ตอนที่6 YukYinCouple (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3747609#msg3747609)
ตอนที่7 จีบไม่กลัว กลัวแพ้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3754394#msg3754394)
ตอนที่8 ผู้ประสบภัยความเหงา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3775583#msg3775583)
ตอนที่9 ไม่ได้อ่อยแต่อร่อยกว่าทุกคน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3830392#msg3830392)
ตอนที่10 ต่อให้เรือจมพี่ก็จะว่ายน้ำไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3835092#msg3835092)
ตอนที่11 หัวใจมักวุ่นวาย (เป็นบางครั้ง) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3839619#msg3839619)
ตอนที่12 Find yourself and grow (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3845032#msg3845032)
ตอนที่13 ความเหงากลับมาทักทาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3852711#msg3852711)
ตอนที่14 ความหมายของอะไรบางอย่าง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3863351#msg3863351)
ตอนที่15 ไม่เคย 'ลืมเลือน' (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3866335#msg3866335)
ตอนที่16 Musician . Solitude . Novelist (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61686.msg3869273#msg3869273)

THE END



ติดตามตอนพิเศษได้ในเล่ม

1. Lovely Bunny
(ยุคยินฟิคชั่น) นิยายจากแฮชแท็ก #YukYinCouple เรื่องราวของพี่ยุควิศวะที่บังเอิญมาเจอน้องกระต่ายตัวน้อยในร้านนม นั่นทำให้คนหน้านิ่งที่ไม่เคยรักใครเกิดอาการตกหลุมรักจนหัวใจแทบระเบิด
2. ความพยายามของสามีและคุณภรรยา
เบิร์ดบินกลับมาหาชยินอีกครั้ง แถมคราวนี้ยังทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักแนะนำให้เพื่อนเริ่มต้นอ่อยแฟนตัวเองเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น (18+)
3. Cover by คนของชยิน
วันเกิดปีที่ 27 ของชยินเต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์ หนึ่งในนั้นคือการที่ยุคติดงานจนไม่สามารถอยู่ฉลองด้วยได้ แง้


#mเอสn


หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 31-08-2017 17:46:06
แปะป๊าบบบ รอออ :L2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 31-08-2017 17:49:49
ย้อนวัยแป๊บ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 31-08-2017 17:54:07
รอร้อรออออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-08-2017 18:03:13
รอจ้าาาา :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 31-08-2017 18:43:00
แวะมารออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 31-08-2017 18:43:51
แวะมารอค่ะ หวังว่าจะไม่ดราม่าน้า T_T
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: ่ฮานะ ที่ 31-08-2017 18:58:21
มารอค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 31-08-2017 19:14:54
รออค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 31-08-2017 19:16:42
แวะมาเจิม  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 31-08-2017 19:41:38
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: PeachMint ที่ 31-08-2017 19:49:04
แวะมาปักหมุดรอค่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 31-08-2017 20:05:51
ปักหมุดรอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 31-08-2017 21:40:38
รอจ้า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 31-08-2017 21:49:26
รอค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 31-08-2017 22:06:02
รอนะคะอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 31-08-2017 23:16:11
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 01-09-2017 00:14:51
รอๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: nirapong ที่ 01-09-2017 01:53:48
งื้ออออออ ฟินแน่ๆ  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 01-09-2017 05:42:17
ปักธงรอเลย...ลุ้นว่าแนวไหน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-09-2017 13:06:35
มาย้อนวันวานไปด้วยกัน ขอเรื่องนี้ช่วงเยียวยาจิตใจจากทฤษฎีจีบเธอด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: Parkaoms ที่ 01-09-2017 19:12:23
เจิมเรื่องใหม่จ้าาาาาาาาา  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 01-09-2017 19:21:12
เจิมค่าา :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 01-09-2017 22:16:12
ตู้วววววหูวววววววว :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: Mariinariiz ที่ 01-09-2017 22:34:05
รอติดตามค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: cinnamonspice ที่ 02-09-2017 13:11:37
รอค่า ซื้อนิยายคุณจิตติตลอดเลย><
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 02-09-2017 16:02:15
กี๊ชชชช รอนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 02-09-2017 17:42:26
แป๊ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: jneysypy ที่ 06-09-2017 08:22:19
รออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 06-09-2017 11:26:58
รอนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ musician ‖ solitude ‖ novelist
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-09-2017 12:53:54
รอด้วย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 18-09-2017 20:56:55

อินทะโลดักฉัน



   ความเหงาเกิดจากอะไร ใช่อารมณ์เคว้งคว้างที่ต้องอยู่คนเดียวเป็นระยะเวลานานเกินไปใช่มั้ย   

   ตอนได้รู้จักกับมันแรกๆ แม่งจะรู้สึกทรมานอยู่นิดหน่อย แต่นานไปเราก็จะชินกับความเหงาจนเหมือนกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด

   ดูอย่างผมสิ อยู่ได้ด้วยตัวเองเสมอ ชีวิตประจำวันเน้นพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก ทำงานก็ต้องพึ่งตัวเอง เที่ยวคนเดียวก็ได้ ดูหนังคนเดียวก็ไม่มีคนส่งเสียงดังรบกวน เลือกซื้อของก็ไม่ต้องมีคนคอยขัดเรื่องรสนิยมของเรา แถมฟังเพลงคนเดียวก็อินได้อีกต่างหาก

   โด่...ไม่เห็นต้องแคร์เลย

   เพราะผมยังไม่เคยเห็นว่าใครป่วยเป็นโรคเหงาจนตายเลยสักคน

   “มึง ว่างป่ะ”

   [โทรมาทำเหี้ยไรเนี่ย นี่ตีสอง]

   “เหงา”

   [อ่านหนังสือไป เดี๋ยวก็หายเหงาละ]

   “อ่านหมดตู้แล้ว ไม่ช่วยอะไรเลย”

   [ฟังเพลงสิวะ]

   “กูฟังจนหูจะเป็นน้ำหนวกแล้วเนี่ย”

   [ข่มตาหลับไป มันช่วยได้]

   “นอนไม่หลับ กูกลัวผีแอนนาเบล กูเพิ่งไปดูมา”

   [นั่นไง มึงไม่เหงาละ มีแอนนาเบลอยู่เป็นเพื่อนก็ดี แค่นี้นะกูง่วง!]









   เวลาเหงาก็ไม่ต้องง้อใคร สตรองได้ด้วยตัวเอง

   “เชี่ยโอพรุ่งนี้ว่างมั้ย ไปแดกเบียร์ชิลๆ กัน”

   [ไม่ว่าง มีโอที]

   “ตอนประมาณสามทุ่มเนี่ยนะ”

   [เออดิ ช่วงนี้ที่ออฟฟิศยุ่งฉิบหายเลยว่ะ]

   “งั้นไปตอนกลางวันก็ได้ ถ้ามึงพักเที่ยงแวะมาจิบเบียร์กับกูเถอะ”

   [พักแค่ชั่วโมงเดียวจะให้กูไปนั่งจิบเบียร์ มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย]

   “กูเหงา”

   [เออหวัดดีเหงา ยินดีที่ได้รู้จัก]

   “ไม่...”

   [กูขอตัวไปทำงานก่อนนะ บาย...]

   ตู๊ดๆๆ ไอ้เพื่อนเหี้ย!









   เหงานะเว้ยไม่ใช่มะเร็ง ทำไมต้องแคร์

   “อ้อ วันนี้อ้อว่างมั้ย”

   [มีอะไรเหรอ]

   “ว่าจะชวนไปปั่นจักรยานที่สวนรถไฟน่ะ”

   [อ๋อขอโทษด้วยนะ พอดีนัดกับผัวไว้ว่าจะไปกินข้าวด้วยกันอ่ะจ้า]







   อยู่ได้โดยไม่ต้องง้อใคร

   “สวัสดีครับ มาดูหนังคนเดียวเหรอ”

   “ใช่ค่ะ”

   “มาคนเดียวเหมือนกันเลย เลือกที่นั่งตรงไหนไว้ครับเผื่อจะไปนั่งด้วย”

   “เอ่อ...”

   “คือผมไม่ได้จีบนะ แค่อยากมีเพื่อนคุย”

   “พอดีมีเพื่อนเยอะแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”

    เพราะคนไม่จำเป็นก็ต้องเดินจากไป…









   และในวันที่ยอมรับกับความเหงาได้

   “ฮัลโหลว่าไง”

   [ทำอะไรอยู่วะ ช่วงนี้ไม่เห็นโทรมาหากูเลย]

   “โทษทีว่ะช่วงนี้ยุ่งๆ”

   [แล้วนี่มึงอยู่ไหนเนี่ย เสียงดังฉิบหายเลย]

   “มาดูคอนเสิร์ต”

   [กับใครวะ]

   “มากับเหงา พอดีความเหงาทักมาตอนเช้าเลยชวนมาด้วยกัน”

   [ชยิน]

   “ฮะ”

   [รับยานะเพื่อนนะ กูเป็นห่วงว่ะ]

   “เฮ้ยไม่ต้องห่วง พอดีกูอันล็อกความเหงาเรียบร้อยละ อยู่ได้สบายๆ”

   [กูมีเบอร์โทรหมอนะ ต้องการเมื่อไหร่โทรมาได้เสมอ]

   ผมมองหน้าจอมือถือที่เพิ่งกดวางสายครู่หนึ่ง ขณะเสียงเพลงยังคงบรรเลงอย่างสุดเหวี่ยงจนทำให้คนโดยรอบกระโดดโลดเต้นไปมา

   นึกแล้วก็สงสัย มันแปลกตรงไหนกับชีวิตแบบนี้

   เพราะครั้งหนึ่งกูเคยโหยหาพวกมึงแต่มึงก็ไม่อยู่ แล้วมันจะผิดอะไรที่วันนี้...กูจะยอมรับกับความเหงา แล้วมีมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 18-09-2017 21:00:10

ตอนที่ 1
เวลคัมแบ็คทูเอ็มเอสเอ็น



“ไม่มีใครเคยบอกว่ารักแล้วจะไม่เสียใจ”
รักที่เธอเคยมี - A little bliss


   ‘A little bliss แม่งเท่สัดๆ หนึ่งวันล้านวิว’
   ‘พี่แต่งได้ไง โคตรโดน’
   ‘ตอนเศร้าฟังเพลงนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก’
   ‘รักพี่ชยิน แต่งเพลงเจ็บๆ มาอีกนะพี่’
   ‘เจ็บจนไม่รู้ว่าจะผ่านมันไปได้ยังไง’
   ‘ชีวิตพี่ชยินแกผ่านอะไรมาวะ ถึงแต่เพลงได้เจ็บขนาดนี้’



   ผ่านเหี้ยอะไร

   กูแค่นอนอยู่ห้องเฉยๆ จำได้แม่นว่าตอนแต่งเพลงนี้เงินกำลังหมดพอดี ถ้าไม่แต่งก็คงไม่มีแดก นี่คนฟังแม่งจะรู้บ้างมั้ยเนี่ยว่านักแต่งเพลงอย่างผมไม่ได้สัมผัสความรักกับเขามานานเท่าไหร่แล้ว

   ทำได้ก็แค่หัวเราะขื่นๆ แล้วปลอบใจตัวเองทุกวันว่าอยู่คนเดียวก็ไม่เห็นตาย ความรักไม่ได้ทำให้คนคนหนึ่งอยู่รอดหรอก เงินต่างหากที่สำคัญ

   ผมหยิบมือถือจอแตกที่ไม่ได้เปลี่ยนมาหลายเดือนขึ้นมา กดไปที่แอพลิเคชั่นอีเมลที่มักเปิดเข้าไปดูประจำทุกสองชั่วโมงแม้จะมีแจ้งเตือนอัตโนมัติอยู่แล้ว สัดเอ๊ย! ทำไมช่วงนี้ไม่มีงานจ้างให้แต่งเพลงเลยวะ

   ผมเหลือบมองไปในครัว บนเคาน์เตอร์มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกสองแพ็ค ถ้าช่วงนี้แดกทุกวันก็น่าจะพอประทังชีวิตไปได้ แต่ทางที่ดีผมก็ควรมีงานเข้ามาบ้าง...

   ‘ผมชื่อชยิน เป็นนักแต่งเพลงฟรีแลนซ์ รับจ้างแต่งเพลงทั่วราชอาณาจักร’

   นี่คือข้อมูลโดยคร่าวที่เขียนเอาไว้ในไบโอแฟนเพจสำหรับติดต่องาน และก็ยังมีข้อมูลอีกบางส่วนที่เพิ่มเข้ามาตามกาลเวลา

   ‘ผลงานที่ผ่านมาคือเพลง สุขใจของวง Pomelo ที่ตอนนี้มียอดคนดูเกินสิบล้านวิวไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เพลง Friday knight ของวง Metropolis ที่ขึ้นไปติดชาร์ตอันดับหนึ่งในแคทเรดิโอประจำสัปดาห์ และอีกหลายๆ เพลงที่คนฟังคงคุ้นหูกันดี’

   เพราะมันดังไปทั่วประเทศ แถมใครๆ ต่างก็ตั้งฉายาให้ว่าเป็นนักแต่งเพลงอัจฉริยะ หลังเรียนจบมาสองปีผมก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในวงการนี้ จนกระทั่ง...

   อายุ 25 ปีชง!

   ไอ้สัด ชงเข้มไปมั้ย งานถึงไม่เข้ามาสองเดือนแล้วเนี่ย

   ค่าคอนโดใจกลางเมืองก็ต้องผ่อน ค่าโทรศัพท์รายเดือน ค่ากิน ไหนจะมีค่าซื้อแผ่นเพลงแบบถูกลิขสิทธิ์ที่ต้องซัพพอร์ทอีก ดีที่ไม่มีรถยนต์เพราะอาศัยใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง ไม่อย่างนั้นคงได้กัดก้อนเกลือกินแทนมาม่าแน่ๆ

   ผมไม่เคยคิดว่าปีชงบ้าบอนี่จะมีอิทธิพลกับชีวิตของตัวเองมากนัก จนกระทั่งเพื่อนมหา’ลัยคนหนึ่งทักท้วงขึ้น เราเจอกันที่สยามเมื่อสามเดือนก่อน มันเป็นหนุ่มออฟฟิศเต็มตัว วันๆ ทำหน้าที่เป็นเบ๊ชาวบ้านเขาเลยโทษโชคชะตาไปทั่ว ไม่พอมันยังหันมาบอกอีกว่า ไม่นานผมก็คงโดนความซวยเข้าครอบงำชีวิตเหมือนกับมัน

   นั่นเป็นเพื่อนคนล่าสุดที่ผมเจอ ตอนนี้แม่งอยากกลับไปเจอมันอีกรอบแล้วขอร้องสุดกำลัง ช่วยถอนคำพูดมึงด้วยเพราะตอนนี้ชีวิตกูเหี้ยอย่างที่มึงบอกไว้จริงๆ

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูห้องทำลายความฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวของผม นึกสงสัยแกมแปลกใจเหมือนกันที่เวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วยังมีใครหน้าไหนแวะเวียนมาที่ห้องอยู่อีก

   เสียงเคาะประตูระรอกที่สองดังทิ้งช่วงไม่ห่างนัก ผมเลยจำต้องพาสังขารตัวเองเดินไปเปิดประตู สิ่งแรกที่คิดในหัวว่าจะทำเลยก็คือการด่ากราดไอ้บ้านี่ให้หายหงุดหงิด แต่ทันทีที่ได้เผชิญหน้ากับคนด้านนอก ความรู้สึกไม่พอใจก็พลันสลายเปลี่ยนเป็นตกใจแทน

   “ไอ้เหี้ย!”

   “กูควรตัดเพื่อนกับมึงดีมั้ยเนี่ย”

   “ไหนมึงบอกจะมาพรุ่งนี้”

   “มึงจำเวลาไทยกับเมกาสลับกันป่ะเนี่ย”

   “เออว่ะ” เพื่อนผิวขาวถือวิสาสะเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้อง ในมือลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตามมาอย่างทุลักทุเล พอหาโซฟานั่งได้ที่แล้วก็ทิ้งตัวลงอย่างหมดสภาพ

   ไอ้นี่ชื่อเบิร์ดครับ เป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมฯ แต่หลังจากเรียนจบก็ได้เจอกันแค่ปีละครั้งหรือบางทีก็สองปีครั้งเพราะมันตัดสินใจไปเรียนต่อมหา’ลัยในอเมริกา ตอนนี้คิดว่าคงเรียนจบและมีงานการดีๆ ทำเรียบร้อยแล้ว

   “โทษทีเว้ย” ผมคงไม่สามารถแก้ตัวได้ ไอ้เบิร์ดมันบอกผมล่วงหน้านานแล้วว่าจะกลับกรุงเทพฯ แต่ผมก็ดันลืมเรื่องวันเวลาซะสนิท

   “งานยุ่งนักเหรอมึง”

   “เออยุ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องงานนะ เรื่องนอน” คือกูว่างมากเว้ย ว่างจนไม่รู้จะทำอะไรนอกจากนอน

   “ก่อนจะมาเจอมึงกูไปเจอเพื่อนร่วมห้องเรามา แม่งบอกตอนนี้มึงเป็นนักแต่งเพลงที่โคตรจะดัง ทำไมถึงว่างงานได้วะ” บางทีคนภายนอกก็รู้แค่ความดัง แต่ไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง

   “ไม่รู้ดิ ทั้งที่แต่งเพลงให้ศิลปินมาตั้งเยอะ ที่สำคัญก็เสือกดังทุกเพลงแต่ทำไมช่วงนี้ถึงไม่มีใครป้อนงานเลย หรือเพราะมันเป็นปีชงของกูกันแน่วะ”

   “ชงเหี้ยไร โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงอยู่ละมึงยังเชื่อเรื่องพวกนี้อีกเหรอ”

   “เบื่ออเมริกันชนอย่างมึงว่ะ”

   “เบื่อพวกงมงายเหมือนมึงด้วย”

   “เสือก”

   “นี่พูดเหรอ กูนึกว่าเห่า” กูเกลียดมึง...

   ตั้งแต่สมัยเรียน กลุ่มผมจะมีกันอยู่ห้าคน หนึ่งในซูปเปอร์เนิร์ดของกลุ่มก็คือไอ้เบิร์ดเนี่ยแหละ มันเรียนเก่งมาก ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์นี่วิชาถนัดมันเลย แถมยังเป็นเซียนเกมส์ตัวยงตั้งแต่เด็กๆ ด้วย เพื่อนในห้องเลยช่วยกันตั้งฉายาให้มันใหม่ว่า...เมพเบิร์ด เพื่อเป็นการยกย่องความฉลาดเทียบเท่าไอสไตน์ของมัน

    “หน้าตามึงก็ดีนะชยิน ทำไมไม่ไปเป็นนักร้องวะ” เอ่ยถามมาไม่พอ มันยังกวาดตาของมันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วย

   “ไม่ใช่งานถนัดกู เป็นนักดนตรีกับแต่งเพลงแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

   “แฟนคลับมึงโคตรจะเยอะ กูว่าลองเปลี่ยนทางอาจจะรุ่งแบบฉุดไม่อยู่ก็ได้นะ”

   “ไปเอาคำว่าแฟนคลับมาจากไหน คนฟังเพลงเขาก็ชมไปงั้นแหละ ถามจริงมีใครบ้างที่เคยเห็นหน้าตากู”

   “มึงไม่ออกสื่อเลยเหรอวะ”

   “กูทำงานเบื้องหลังทำไมต้องออกไปเจอสื่อห่าไรด้วย ว่าแต่มึงเหอะชีวิตเป็นไงบ้าง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน เพื่อเมพเบิร์ดจะได้ไม่หาประเด็นถามจี้ผมอีก ใจจริงคือกลัวครับ...กลัวถามไปถามมาจะแทงใจดำตัวเองเข้า

   “ก็โอเค ทำงานบริษัทไอทีในแอลเอ เงินเดือนก็พอใช้ได้ คุณภาพชีวิตก็ถือว่าดีโคตรๆ”

   “เห็นว่ามึงมีแฟนแล้ว”

   “อืม เป็นคนเวียดนาม”

   “ไหนบอกชอบแบบผมบลอนด์ ตาสีฟ้า”

   “ชอบ แต่เขาไม่เอาจบมะ”

   “เคๆ”

   ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มหรือของกินเล่นมาให้คนที่เพิ่งมาถึง ส่วนไอ้เมพเบิร์ดก็จัดการรื้อค้นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของมันอย่างขะมักเขม้น เดาว่าคงหอบของฝากมาให้เพื่อนอีกหลายคนเพราะไม่ได้กลับไทยนานนับปี

   อีกอย่าง เจ้าตัวก็กะตั้งหลักปักฐานอยู่ต่างแดนด้วย คงคิดว่าอีกนานกว่าจะกลับมาเจอกันอีก

   “อ่ะของฝาก” ผมวางแก้วน้ำองุ่นแดงไว้ตรงโต๊ะชุดโซฟา ก่อนเพื่อนรักจะยื่นถุงกระดาษสีขาวขุ่นมาให้ พอเปิดออกมาก็พบว่ามันคือกระเป๋าสตางค์ยี่ห้อ Coach สีดำใบหนึ่ง

   “ขอบใจเว้ย น่าจะแพงอยู่นะเนี่ย”

   “ได้มาจากเอาท์เลต เห็นถูกดีเลยซื้อกลับมาฝาก”

   “บางทีมึงไม่ต้องบอกกูทั้งหมดก็ได้ไอ้เหี้ย”

   “เออว่าจะถาม มึงยังไม่แต่งเมียอีกเหรอวะ” นั่นไง เรื่องจี้ใจดำที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด

   “เสือก”

   “นี่กูซีเรียสนะเนี่ย”

   “ยังไม่มี”

   “ยี่สิบห้าแล้วนะเว้ยชยิน ไม่คิดอยากแต่งงานกับเขาบ้างเหรอวะ”

   “อยู่แต่ห้องอย่างกูคงได้เจอผู้หญิงดีๆ สักคนหรอก” พูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิดครับ แต่มันเป็นมาสามปีแล้วหลังเรียนจบมหา’ลัย

   ช่วงเรียนผมก็เคยมีแฟน รักแล้วเลิกกันเหมือนอีกหลายๆ คู่ มันดีที่ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่เรียนอยู่เราได้เจอคนแปลกหน้ามากมาย แต่หลังเรียนจบโลกทั้งใบของผมก็เหลือเพียงห้องเล็กๆ ในคอนโดที่ผ่อนไม่หมด

   อาชีพนักแต่งเพลงมันต้องไปเจอคนเยอะๆ ด้วยเหรอวะ เวลาทำงานก็ดีลกันผ่านเมล หัวตันคิดไม่ออกหน่อยก็ไปนั่งร้านกาแฟร้านเดิม มีแวะร้านเหล้าบ้างประปราย เพื่อนก็ไม่ค่อยได้เจอ งานส่วนใหญ่แปดสิบเปอร์เซ็นต์บอกเลยว่าอยู่ที่ห้อง อย่างนี้จะให้หาเมียจากที่ไหนไม่ทราบ!

   แม่บ้านคอนโดกูเหรอ

   “มึงไม่เหงาบ้างเหรอ” โอ้โห เหมือนมีดที่มองไม่เห็นแทงใจผมอีกหลายแผล

   “มีใครบ้างอยู่คนเดียวแล้วไม่เหงา”

   “แล้วแต่งเพลงรักได้ไงวะ ทั้งที่มึงไม่มีความรัก”

   “กูเก่งไง”

   “แต่ไม่มีงาน”

   “ปีชงกูสัด”

   “เอางี้ ที่กูมาแวะหามึงเนี่ยไม่ได้มีแค่ของฝากเป็นกระเป๋าโคชอย่างเดียวหรอก กูมีนี่ด้วย” เมพเบิร์ดยื่นกล่องใส่แผ่นซีดีกล่องหนึ่งมาให้ ซึ่งผมก็รับมาดูแบบงงๆ

   “หนังโป๊เหรอ กูดูประจำละช่วยแก้เหงาได้นิดหน่อย”

   “ไอ้สัดไม่ใช่ นี่เป็นโปรแกรมทดลอง ใช้ได้แค่เดือนเดียว มันจะดึงคอนแท็กเก่าสมัยที่มึงเคยเล่น MSN ขึ้นมาเพื่อที่มึงจะได้กลับไปออนเอ็มได้อีกครั้ง”

   “เอ็มเอสเอ็น แก่ไปมั้ยวะ”

   “ยิ่งเก่ายิ่งคลาสสิกเว้ย”

   เท่าที่ติดตามข่าวสารมา MSN หรือชื่อเต็มคือ Microsoft network มีขึ้นในปี 1999 และก็ปิดตัวลงในปี 2013 เพราะมีโปรแกรมแชตมากมายที่คนใช้เยอะๆ อย่างเฟซบุ๊กหรือไลน์เกิดขึ้น

   แต่ตอนนี้ซูปเปอร์เนิร์ดของกลุ่มอย่างไอ้เบิร์ดกำลังเอาโปรแกรมที่ยกเลิกใช้ไปแล้วกลับมาทำใหม่เนี่ยนะ!

   “ทำมาทำไมวะเสียเวลาว่ะ โหลดจากเน็ตมาก็ได้ มีเกลื่อนเลย”

   “นั่นมันเซิร์ฟเวอร์เถื่อนเว้ย”

   “ของมึงก็เถื่อนป่ะวะ”

   “มึงอย่า นี่เป็นการศึกษางานของกู”

   “ครับๆ”

   “ขืนโหลดแบบนั้นมาคอมมึงเจ๊งแน่ สปายแวร์เยอะฉิบหาย”

   “ของมึงไม่มีเหรอ”

   “แน่นอนดิวะ แต่ทำมาให้ใช้แค่เดือนเดียว หมดอายุก็หยุดเล่น”

   “แล้วมันจะไม่เป็นการแฮ็กความเป็นส่วนตัวของ Microsoft เหรอวะ”

   “จุ๊ๆ ไม่เอาอย่าพูด”

   อเมริกันชนจริงๆ

   “สรุปของมึงแม่งก็โปรแกรมเถื่อนเหอะ”

   “ลองสร้างเป็นต้นแบบเฉยๆ เดี๋ยวกูติดต่อซัคเคอร์เบิร์กเอง”

   “นั่นมันเฟซบุ๊ก เกี่ยวไรกับเอ็มเอสเอ็น”

   “ฉลาดจัง”

   “แดกข้าว ไม่ได้แดกขี้นี่หว่า” ผมพูดประชดประชัน ซึ่งไอ้เพื่อนตัวดีก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนอกจากยักไหล่ใส่ จ้า มึงมันคนฉลาดล้ำโลก เหนือปฐพีไม่มีใครสู้มึงได้ ถุย “แล้วใช้ไง”

   “ก็ลงโปรแกรมติดตั้งในแผ่นก่อน จากนั้นก็ออนไลน์เหมือน MSN ธรรมดาเลย จุดเด่นที่กูสร้างขึ้นคือมันจะดึงอีเมลและข้อความที่มึงเคยคุยกับคนในอดีตขึ้นมา แล้วมึงก็จะกลับไปคุยกับเค้าได้อีกครั้ง”

   “อาฮะ”

    “แต่มีข้อจำกัดอยู่อย่าง คนที่จะเล่นกับมึงได้ต้องใช้โปรแกรมนี้เท่านั้น”

    “แล้วมึงแม่งแจกใครไปบ้างวะ ถึงพันคนป่ะ”

   “ก็อปปี้แผ่นมาแค่ห้าสิบ แจกเพื่อนสมัยมัธยมเราเนี่ยแหละ แต่โปรแกรมนี้บอกเลยว่าห้ามเผยแพร่ มึงก็รู้ถ้าหลุดไปกูซวย”

   “โอ้โหเยอะจังเลย”

   “เอาน่า ชีวิตที่ผ่านมาสมัยเล่นเอ็มก็มีแค่เพื่อนมัธยมเท่านั้นป่ะวะ คิดไรมาก” เมพเบิร์ดตบบ่าปลอบใจ

   ผมพลิกแผ่นซีดีสะท้อนแสงในมือไปมา ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะทิ้งไว้ตรงไหนให้เพื่อนไม่รู้สึกเสียใจหลังจากกลับมาที่ไทยอีกดี แต่อีกใจหนึ่งก็เริ่มอยากลองเล่นอยู่เหมือนกัน

   ในเมื่อมันข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ในมือผมได้ แถมชีวิตของนักแต่งเพลงไส้แห้งก็กำลังว่างได้ที่ เห็นทีคืนนี้ผมอาจจะลองทำอะไรที่ไร้สาระนอกจากการนอนหายใจทิ้งไปวันๆ ดูบ้าง

   “เออๆ เดี๋ยวลองเล่นดู”

   “ได้ผลยังไงบอกกูด้วย เพราะกูต้องเอาข้อเสียไปปรับปรุงโปรแกรมอยู่”

   “มึงยังจะปรับปรุงอีกเหรอวะ นี่แม่งเรื่องแฮ็กข้อมูลเลยนะเว้ย ถ้าเขารู้มึงโดนฟ้องอ่วมแน่”

   “กูไม่ได้จะปรับปรุงเพื่อใช้กับเอ็ม แต่เอาไปต่อยอดทำโปรแกรมของตัวเองต่างหาก กูถึงย้ำมึงไงว่าอย่าให้แผ่นหลุดไปที่อื่น”

   “ไอ้หัวหมอ”

   “ผมไม่ใช่หมอครับ ผมเป็นไอทีแมน”

   “ฆวย”

   “ตอนนี้สี่นิ้วครึ่ง ทำยังไงให้ขนาดเพิ่มวะ”

   “เฮ้ออออออออออออ”

   ความคิดถึงที่มีต่อซูปเปอร์เนิร์ดพูดยังไงก็ไม่มีทางจบ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากคุยได้กันสักพักมันก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ทิ้งไว้เพียงกระเป๋าโคชเอาท์เลตกับโปรแกรมเถื่อนของมันไว้ดูต่างหน้า

   ด้วยความที่มีเวลาว่างจนไม่รู้จะทำอะไร ผมจึงเดินไปที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ สอดแผ่นซีดีเพื่อติดตั้งโปรแกรมเข้าไปแล้วก็รอ จนกระทั่งเสียงแห่งความคุ้นเคยได้กลับมาอีกครั้ง...

   ติ๊ง~

   Welcome back to Windows live messenger.

   สวัสดีเอ็มเอสเอ็น สวัสดีอดีตที่เคยผ่านมา

   ตะลึงสุดก็รูปโพรไลฟ์ที่เคยตั้งเนี่ยแหละ สมัยมัธยมฯ กางเกงดำ ไว้ผมสกินเฮดที่คิดว่าเท่ที่สุดในตอนนั้น เหอะ! ถ้าย้อนกลับไปได้กูขอเปลี่ยนทรงผมเป็นอันดับแรก

   คนที่ผมเคยคุยด้วยมีค่อนข้างเยอะ แต่ทุกชื่อนั้นอยู่ในสถานะออฟไลน์ทั้งหมด ด้วยความที่ไม่รู้จะแชตกับใครเลยกดเข้าไปอ่านข้อความเก่าๆ เพื่อย้อนกลับไปในช่วงมัธยมฯ แสนหวานอีกครั้ง

   ตอนที่ได้คุยกับเพื่อนสนิท

   ตอนที่กำลังจีบสาวหลังจากการแอดอีเมลเข้าไปคุยได้ไม่นาน

   ตอนที่ส่งไฟล์สำหรับงานเผาซึ่งต้องส่งอาจารย์ในวันรุ่งขึ้น

   หรือแม้กระทั่ง...ตอนที่ถูกใครสักคนหนึ่งในความทรงจำ...บอกเลิก


   Chayin says…      กลับมาได้ไหม กลับมารักกัน กลับมาหาฉันคนที่รักเธอหมดใจ~
   ♥ MOMAY ♥ says…   ขอโทษ
   Chayin says…      เราแค่อยากรู้ว่าเราผิดอะไร
   ♥ MOMAY ♥ says…   ชยินไม่ผิดหรอก เราผิดเอง
   Chayin says…      เพราะมันเหรอ
   ♥ MOMAY ♥ says…   ไม่เกี่ยวหรอก
   Chayin says…      ไอ้เดือนดาวองก์นั่นใช่มั้ย


   ผมขมวดคิ้วมุ่น เดือนดาวองก์?

   นานสัด

   นี่ผมห่างจากการประกวดพวกนี้หรือบรรยากาศสมัยกวดวิชามานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ที่สำคัญคือจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยจะเป็นจะตายตอนถูกผู้หญิงทิ้งถึงขนาดพิมพ์เนื้อเพลงแชตไปหาเธอ


   ♥ MOMAY ♥ says…   เรารักชยิน แต่คงไม่เหมือนเดิมแล้ว เรา...เลิกกันเถอะนะ
   Chayin says…      (ಥ﹏ಥ)
   

   ดราม่าเหี้ยๆ

   ถึงวันนี้ โมเมคนที่เคยเป็นแฟนของผมจะเป็นยังไงบ้างวะ เราไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังเรียนจบ แต่ก็นั่นแหละ เวลามันผ่านมานานกว่าเจ็ดปีแล้ว หลายๆ อย่างก็คงเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

   แต่นี่ไม่ใช่ช่วงหาคำคมปรัชญาเพื่อคุยกับตัวเองนะเว้ย เอาล่ะ ของเมพเบิร์ดล่ะเป็นไง เมื่อก่อนกูคุยอะไรกับมึงบ้างวะ


   Chayin says…      เมพ กูขอลอกการบ้านหน่อย ส่งมาให้ที
   ™SUPERBIRD Say…   เออแป๊บ
   Chayin says…      มึงมีเบอร์แนนห้องสิบสองมั้ย
   ™SUPERBIRD Say…   เอาไปทำไม
   Chayin says…      ชอบ อยากจีบ
   ™SUPERBIRD Say…   เพิ่งเลิกกับแฟน เอาอีกแล้วเหรอมึง
   Chayin says…      อยากตัดใจว่ะ
   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 18-09-2017 21:06:50
   “เชี่ย!”

   ผมเผลอสบถออกมาโดยไม่รู้ตัว หลังจากเห็นยูสเซอร์ของใครคนหนึ่งออนไลน์ขึ้นมาพอดี และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมก็รีบกดเข้าไปในช่องสนทนาทันที

   เราไม่เคยคุยกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว ดูได้จากช่องสนทนาที่ว่างเปล่า ไม่รู้ว่าตัวเองแอดยูสเซอร์นี้ไปตอนไหนและเพื่ออะไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่า...ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ

   รู้แค่ว่าชื่ออีเมลแม่งโคตรเชยเลยว่ะ Mr.galaxy676@xxxm-ail ดอท com

   แถมรูปโพรไฟล์กาแล็กซี่นี่ก็ไม่คุ้นตาด้วย เดาว่าอาจจะเป็นเนิร์ดวิทยาศาสตร์สักคนหนึ่งในรุ่นของผม ด้วยไม่อยากคาดเดาเกี่ยวกับบุคคลนิรนามคนนี้มากนัก ผมจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายทักไปก่อน


   Chayin says…      นี่ใคร


   รอไม่นานเสียงแจ้งเตือน ‘ตือดือดึ๊ง’ ก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏของข้อความสั้นๆ


   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   แล้วนี่ใคร
   Chayin says…      ชยิน
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ชยินไหน
   Chayin says…      อ้าว เรียนที่ XX ใช่มั้ย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เปล่า จบอีกโรงเรียนนึง
   Chayin says…      แล้วเรารู้จักกันเหรอ
    0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   นั่นสิ แล้วเรารู้จักกันเหรอ
   Chayin says…      ชื่อไร
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ไม่ชอบบอกชื่อกับคนแปลกหน้าว่ะ


   กวนตีนละพ่อ สำนวนแบบนี้ผู้ชายชัวร์ สรุปแม่งเป็นใครกันวะเนี่ย

   เรียนคนละโรงเรียน แต่มีคอนแท็กในเอ็มเอสเอ็นเก่าของผม จำได้ว่าสมัย ม.ปลายผมก็ติดต่อพวกต่างโรงเรียนบ้างตอนเรียนกวดวิชาเตรียมสอบเข้ามหา’ลัย หรือว่า...

   จะเป็นเพื่อนไอ้เบิร์ด เนื่องจากความเนิร์ดด้านเกมส์และความฉลาดเป็นกรด ทำให้มันค่อนข้างกว้างขวางในกลุ่มเด็กวัยเดียวกัน การสานสัมพันธ์ต่างโรงเรียนก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่


   Chayin says…      รู้จักเบิร์ดมั้ย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say… เบิร์ด ธงชัยเหรอ
   Chayin says…      ไม่ใช่! เบิร์ดเจ้าของแผ่นโปรแกรมที่มึงเอามาอ่ะ
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   นี่ได้มาจากเพื่อนอีกทีนึง ไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นใคร


   เมพเบิร์ดครับมึงซวยแน่! โปรแกรมหลุดไปไกลแล้วเพื่อนเอ๋ย...


   Chayin says…      ห้ามเอาโปรแกรมไปเผยแพร่ที่ไหน เดี๋ยวเพื่อนกูซวย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ก็คงไม่ได้เจอใครอยู่แล้ว
   Chayin says…      โอเค ขอดูหน้าหน่อย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ดูไปทำไม จะจีบเหรอ
   Chayin says…      กูเป็นผู้ชายไอ้สัด
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เราเป็นผู้หญิงค่ะ
   Chayin says…      อ้าว
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เชื่อเหรอ
   Chayin says…      สรุปเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย


   ไม่มีการตอบกลับจากปลายทาง ผมจึงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วพยายามประมวลผลความทรงจำที่ผ่านมาอย่างสุดความสามารถ ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับอีเมลไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่หลังจากแอดเฟรนด์เข้าไปแล้วกลับไม่พิมพ์ข้อความใดๆ เพื่อพูดคุยกับใครคนนั้นเลย

   เฮ้ย! ปกติผมไม่แอดใครมั่วๆ เพื่อสุดท้ายจะเก็บเมลไว้ดูต่างหน้าอย่างเดียวหรอกนะ

   เสียงแจ้งเตือนขาดหายไปนานแล้ว เดาว่าอีกฝ่ายก็คงครุ่นคิดอยู่เหมือนกันว่าไอ้ ‘ชยิน’ คนแปลกหน้านี่มันเป็นใคร ทั้งที่เดาว่าเจ้าตัวคงเห็นรูปโพรไฟล์เดิมที่ผมตั้งเอาไว้อยู่แล้ว มันก็ยังตอบกลับมาราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

   ผมอดสงสัยกับตัวเองไม่ได้ ในเมื่อตารางชีวิตแม่งว่างขนาดนี้ผมก็ควรหาคำตอบด้วยตัวเอง ดังนั้นเลยพิมพ์ข้อความส่งไปอีก


   Chayin says…      งั้นว่างมั้ย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ฮะ
   Chayin says…      ว่างมั้ย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   นัดเยเหรอ
   Chayin says…      มึงดูเจริญพันธุ์เนาะไอ้สัด ไม่ใช่โว้ยยยยยย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   มึงก็ดูเจริญพันธุ์เหมือนกันค่ะ
   Chayin says…      สรุปเป็นผู้หญิงใช่มั้ย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เป็นผู้ชายค่ะ


   มือที่แตะบนแป้นคีย์บอร์ดสั่นหงัก เป็นความรู้สึกไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ รู้แค่ว่ากูโกรธมาก! ไอ้ 0832/676 นี่มันเป็นใครกันแน่วะถึงได้คุยลามปามกันขนาดนี้ เจอกันสักครั้งก็ยังไม่เคย

   แล้วเลขนี่คือเหี้ยไร เบอร์โทรศัพท์เหรอ

   ผมพยายามหาคำด่ามากมายที่ยุ่งเหยิงอยู่ในหัว คิดแต่ว่าจะตอบกลับมันยังไงก็ได้ให้แม่งรู้สึกเจ็บเหมือนโดนตบกระดูกดั้งหัก

   ผมไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ชื่ออะไร หน้าตาเป็นแบบไหน ชาติตระกูลสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินยังไง ผมรู้แค่ว่ามันเป็นเพื่อนของเพื่อนไอ้เบิร์ดเท่านั้น ซึ่งเหตุผลเพียงข้อเดียวนี้ก็ทำให้ผมอยากรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นไปเป็นเท่าตัว เอาง่ายๆ คืออยากเสือก

   ถ้ารู้ว่ามันเป็นใครจะได้จบแล้วแยกย้าย ไม่งั้นคงค้างคาตายห่า
   

   Chayin says…      ตกลงชื่อไร
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ทำไมต้องบอก
   Chayin says…      งั้นกูแนะนำตัวก่อนแล้วกัน กูชื่อชยิน จบศิลปกรรม
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เบื่อว่ะ
   Chayin says…      ทำไม
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   จบศิลกำเหมือนกัน
   Chayin says…      มึงจบที่ไหน กูจบมอ A
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   B
   Chayin says…      อ๋อ มหา’ลัยอันดับสองรองจากกูนี่เอง
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   แต่ถ้าเรื่องศิลกำมอกูอันดับหนึ่งนะ


   เหยดเข้ มึงจะไฝว้กูชะ?
   ถามว่าคนอยากไอ้ชยินจะยอมมั้ย ไม่ครับ ครั้งหนึ่งกูเคยแพ้แต่ครั้งนี้ต้องไม่ใช่!


   Chayin says…      รู้สึกว่ามอกูจะเรียนยากกว่า หลักสูตรนี่เข้มข้นสัด
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   กูจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
   Chayin says…      อุต๊ะ เหมือนกันเลย แต่กูอันดับหนึ่งเหรียญทอง
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เรียนเก่งจังพ่อคุณ
   Chayin says…      ไม่ใช่แค่เรียนนะ ความสามารถอีกเพียบ
   Chayin says…      เคยฟังเพลงรักที่เธอเคยมีของ A little bliss มั้ย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ไม่อ่ะ


   จบเห่...กูกะจะอวดสักหน่อย ทำไมผมต้องมาเสียเวลากับการคุยไร้สาระกับคนอย่างมันด้วยวะ รู้จักกันเหรอก็ไม่ แต่แปลกที่ผมไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้พิมพ์ตอบโต้ไปได้เลย

   บางทีผมอาจจะห่างหายจากการเล่นอะไรแบบนี้นานเกินไป ชีวิตประจำวันที่มีแค่การนอนรองานเลยกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปโดยปริยาย

   ส่วนเรื่องเกทับขอให้บอกพี่ พี่ถนัดฉิบหายครับ


   Chayin says…      จะบอกว่ากูเป็นคนแต่งเอง ไปฟังซะ
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   อ่า
   Chayin says…      เพลงเชียร์คณะบางเพลงกูก็เคยแต่ง พอดีเคยเป็นหลีดน่ะ
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   คณะมึงเขาคัดปลาดุกมาเป็นหลีดด้วยเหรอ แปลกดี
   Chayin says…      olo


   พอถูกทักท้วงผมก็รีบกดเปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในอดีตอย่างเร็วรี่ และรูปที่กำลังโชว์อยู่นี้ก็เป็นหน้าปัจจุบันซึ่งดูดีที่สุดในแกลอรี่แล้ว บอกเลยว่าหล่อวัวตายควายล้ม


   Chayin says…      สโลแกนกูสมัยเรียนคือ เก่ง หล่อ รวย ฟวยใหญ่ ใจศิลปิน
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   จะ แกร่งจ่ะ
   Chayin says…      กวนตีน
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   กูกวนตีนแล้วคุยด้วยทำไม
   Chayin says…      ก็แค่ไม่มีอะไรทำ
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เหงา?


   เหมือนคำคำนี้เสียดลึกเข้ามาในอก ปักคาอยู่อย่างนั้นไม่หายไปไหน คำว่าเหงาแม่งร้ายแรงกับใจกูมากครับ ถึงแม้ครั้งหนึ่งจะเคยบอกกับตัวเองมาตลอดว่ายอมรับได้แล้ว แต่มันก็มีบางทีที่ความเหงาก็ทำร้ายให้เราเจ็บ

   มีคนเคยบอกว่ามีรักเท่ากับมีทุกข์ กูนี่ไม่มีใครมาให้รักเลยยังทุกข์ได้

   แต่มีเหรอที่ผมจะยอมรับความจริง


   Chayin says…      คนอย่างชยินไม่เคยรู้จักคำว่าเหงา


   ตัดภาพไปที่กูโทรหาเพื่อนตอนตีสองซิ

   ชีวิตอย่างกับคลับวายเดย์ของพี่ฉ้อยกับพี่ออด

   ผมอยู่คนเดียวมานานเท่าไหร่วะ บางครั้งก็อยากระบายให้ใครสักคนฟัง อยากให้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่ผมเป็น แต่กลับไม่มีใครว่างมานั่งฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้ ดังนั้นเวลาที่มีใครสะกิดปมตรงนี้ขึ้น ใจผมก็ถึงกับเอียงกะเทเร่ หลอกตัวเองว่ายังโอเคอยู่เสมอ
   

   Chayin says…      อย่างเวลากินข้าวคนเดียว ก็ไม่ต้องเสียเวลาเหมือนกินกันหลายๆ คน
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   แต่กินหลายคนจะรู้สึกว่ากับข้าวแม่งอร่อยกว่า
   Chayin says…      กูว่าข้อดีของการอยู่คนเดียวมีเยอะกว่านะ อย่างไปเที่ยวคนเดียวก็สนุกได้
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   แต่จะไม่มีใครอยู่แชร์ประสบการณ์ในตอนนั้น
   Chayin says…      ไม่สำคัญป่ะวะ ขนาดกูแต่งเพลงยังแต่งคนเดียวได้เลย
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   แต่พอมันเป็นเพลงสุดท้ายก็ต้องมีคนฟังอยู่ดี
   Chayin says…      คอนเสิร์ตกูก็ไปคนเดียวมาแล้ว
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   สนุกมั้ยตอนที่เต้นอยู่กลางคู่รักหลายๆ คู่
   Chayin says…      เฉยๆ กูเคยปั่นเรือเป็ดท่ามกลางคู่รักบ่อยจะตายไป
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เช่าเรือเป็ดราคาเท่าไหร่
   Chayin says…      ครึ่งชั่วโมง 30 บาท
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   แล้วเช่าคนนั่งข้างๆ นี่คิดราคายังไงอ่ะ


   ผมสตั๊นไปหลายวิ นั่งทวนข้อความล่าสุดซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งเพราะกลัวว่าตัวเองจะตาฝาด


   Chayin says…      กูจะรู้เหรอ
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เหงาเมื่อไหร่ชวนไปปั่นได้ คิดราคานั่งข้างไม่แพง
   Chayin says…      มึงแม่งตลกละ
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เหงาก็บอกว่าเหงาดิ ข้อความที่พิมพ์มานี่กูไม่รู้เลย
   Chayin says…      สัด
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เก่งว่ะ
   Chayin says…      อะไร
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   มึงอ่ะเก่ง
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เพราะมึงเป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ดึงกูให้ออกจากเว็บโป๊ได้
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   พรุ่งนี้มาคุยกันอีกนะ พอดีวันนี้ง่วงแล้วค่ะ
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   (ΘεΘ;)
   

   จากนั้นมันก็ออฟไลน์ไป โดยที่ผมไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ใดๆ เลย...

   โว้ยยยยยยยยไอ้เชี่ย โว้ยยยยยยยย มึงเป็นใครวะ กวนตีนจบแล้วจะหายไปง่ายๆ แบบนี้เหรอสัด

   เสี้ยววินาทีนั้นผมแทบจะทุ่มคอมลงกับพื้นเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ มาพอมานึกขึ้นได้ว่ากูไม่มีเงินเลยสงบสติอารมณ์ได้ในฉับพลัน แล้วหันไปคว้าโทรศัพท์มือถือต่อสายหาใครบางคนทันที

   รอไม่นาน เสียงงัวเงียของปลายสายก็ตอบกลับมา

   “ไอ้เบิร์ด ไอ้ 0832/676 มันเป็นใคร”

   [แม่มึงเหรอ]

   “ฮะ”

   [โทรมาหาแม่มึงเหรอคนจะหลับจะนอน ไอ้เวร!]

   ผมรู้ซึ้งแล้ว นอกจากตอนเหงาที่เพื่อนไม่อยู่ด้วยแล้ว ตอนกูฟุ้งซ่านเพื่อนก็ไม่เห็นหัวเหมือนอย่างเลย จะร้อง...





ตอนแรกมาแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคนเหงาสองคน แถมติสต์จัดทั้งคู่ด้วย
คงต้องมาลุ้นกันว่าความกวนไปกวนมาของทั้งคู่จะมาบรรจบกันเมื่อไหร่
จิตติฝากชยินกับพระเอกนิรนามที่หวงชื่อด้วยนะคะ
#mเอสn
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 18-09-2017 21:21:03
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 18-09-2017 21:29:40
พระเอกนิรนาม งั้นชยินนี่ก็นายเอกใช่มะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 18-09-2017 21:32:28
กวนตีนสึดๆ โดนใจอย่างแรง
เรียกว่า ศูนย์แปดสาม ไปก่อนได้มั้ย ไม่รู้จักชื่อ 55555
นึกถึงสมัยอดีตเลย....ดักแก่แปบ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Apinnoolek ที่ 18-09-2017 21:33:33
ตอนแรก ก้อสนนุกแย้ววว  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Daramin ที่ 18-09-2017 21:35:49
รอค่าาาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: wichiwiwie ที่ 18-09-2017 21:48:54
คนเหงาย่อมเข้าใจคนเหงา  :laugh: ชอบง่าาา รอติดตามต่อไปฮับบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-09-2017 22:10:25
ทำไมอ่านแล้วน้ำตาจะไหล ชีวิตพี่ชยินนี่มันเราชัดๆ มนุษย์โดดเดี่ยว นั่งร้านอาหาร เที่ยวห้าง ดูหนัง ทำคนเดียวมาหมดแล้วเหลือก็แค่ถีบเรือเป็ดนี่แหละที่ยังไม่ทำ งืออ สงสารพี่ชยินพอๆกะสงสารตัวเองเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-09-2017 22:14:11
676 กวนมากก 555 มาต่อบ่อยๆนะคะ น่าสนุก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-09-2017 23:05:51
 :katai2-1:

เสียง MSN ดังเข้าในหัวเลย ตือดื่อดึ้ง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 18-09-2017 23:06:26
แค่ตอนแรกก็รู้เลยค่ะ
ว่าคู่นี้มันมวยถูกคู่แล้ว พระเจ้าาา ฮือออออออออออออออออ :heaven
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 18-09-2017 23:08:46
อยากรู้แล้ว พระเอกนิรนามชื่ออะไร  55555555555555555 ชยินตลกดีอ่ะ รอๆครับ :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 18-09-2017 23:23:44
คนเหงาที่แท้ทรู555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 18-09-2017 23:41:37
อยากรู้เเล้ว. เค้าคือใคร???
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 18-09-2017 23:49:53
อยากเล่น MSN เลย อยากแอดบุรุษนิรนาม อยากคุยด้วย  :m20:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 19-09-2017 00:57:26
อยากรู้ขึ้นมาเลยว่าคุณนิรนามนี่คือใคร
ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 19-09-2017 01:13:41
จิตติกำลังจะพาเรารำลึกอดีต
คิดถึง manจังเลยย
คุณพระเอกกกวนดีนะ
เกลียด ผู้ชายค่ะ มากกก5555
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-09-2017 01:21:46
สวัสดีความเหงา :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: nirapong ที่ 19-09-2017 04:51:08
กรี๊ดดดดดดดดดดด :-[ :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 19-09-2017 06:22:05
แค่เริ่มก็นสนุกแล้ววว ชยินคนเหงา สวัสดีว่าที่สามีในอนาคตสิคะะะ555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-09-2017 07:38:37
อ้าวววว!! ไอ้เราก็คิดว่าพี่ชยินเป็นพระเอกซะอีก เป็นคนเหงาที่แท้ทรูจิงๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-09-2017 09:28:19
อ้าวว เพลงมาาา


รอเธอออนเอ็มเมื่อไรแล้วควรจะแชทกันไหม


หรือว่าแกล้งๆ ออฟไลน์ ตื้อ ดื้อ ดึ่ง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 19-09-2017 09:34:35
 :katai5: นี้มัน #ชยินคนเหงา2017 นี้หน่าาา.. 55+
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: 1O019_ ที่ 19-09-2017 10:31:35
ชยินไม่ใช่พระเอกหรอเนี่ย 5555555555555
แต่เข้าใจคนเหงาเลย เพื่อนเราเป็นแบบนี้เลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: pika_ ที่ 19-09-2017 10:44:03
รู้สึกถึงความกวนตีนตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าเลยย 555
รอตอนต่อไปเลยจ้าา
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 19-09-2017 11:50:08
มาปักธงเหงาด้วยคน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 19-09-2017 13:42:01
 :mew2:
มาเหงาด้วยคน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 19-09-2017 13:43:43
ฮือตลกมาก 5555555555555 ชอบพระเอกนิรนามจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-09-2017 14:08:37
ว้าว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Elektra ที่ 19-09-2017 16:03:27
เรื่องนี้แลดูน่าสนุกกว่าอีวินอีกค่ะ ที่จริงชอบดราม่านะคะ แต่ดราม่าแนวผัวๆเมียกามๆมันไม่ใช่แนวหนู
คิดถึงสมัยMSN นะคะ นานแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-09-2017 16:25:05
สงสัยเหมือนชยิน ว่ามันคร้ายยยยยย :katai1:
กวนตีนนัก   :m16: :m16: :m16:
ก็เลิกคุย ก็ดีนะ  :เฮ้อ:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 19-09-2017 16:31:33
เป็นผู้ชายค่ะ 555555555 อีผี
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 19-09-2017 16:34:20
ชยินคนเหงา2017มากๆ ต่อไปคงไม่เหงาแล้วล่ะมั้ง :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: JahNuna ที่ 19-09-2017 18:18:40
 :katai2-1: ตอนนี้เราว่าเราก็เริ่มเหงาแล้วนะ เรารอจิตติอยู่ท่าน้ำทุกวันเลย

ปล. ถ้าพระเอกที่ติตติอุบชื่อไว้
ส่วนนายเอกก็คือ ชยิน ใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 19-09-2017 18:54:19
เอ้ยยยรอดูๆๆ น่าติดตามจ้าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-09-2017 19:56:25
ปักหมุด  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 19-09-2017 20:40:27
ความดราม่าอยู่ที่โปรแกรมนี้อยู่ได้เดือนเดียวนี่แหละ ฟฟฟฟฟฟ
เชื่อในพี่จิตตินะคะ 55555555555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 19-09-2017 20:48:44
พ่อพระเอกนิรนาม พ่อคนหวงชื่อนี่ต้องรู้จักชยินน้อยแน่ๆ และเลาขอเดาว่านางคือพ่อเดือนดาว๊องงง 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 19-09-2017 22:28:41
ปักหมุดรอเลยค่ะ ชอบพระเอกคนนี้ กวนดี :hao7:
ชยินจะได้ไม่เหงาอีกต่อไป คนอ่านก็ด้วย 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 19-09-2017 23:19:41
ตอนแรกก็สนุกแล้ว รอติดตามเลย ชอบแนวนี้ กวนชะมัด 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: memytae ที่ 19-09-2017 23:41:01
คิดถึงสมัยนั้น เลิกเรียนแล้วต้องรีบกลับมาออนเอ็ม
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 20-09-2017 22:06:12
 :laugh:ข
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 20-09-2017 22:46:38
กวนได้ใจแบบนี้ต้องตาม :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 21-09-2017 07:46:51
 เข้ามารอพระเอกหวงชื่อด้วยคน ท่าทางติสต์จัดทั้งคู่  :ruready
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 21-09-2017 13:20:04
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Ploypailin112 ที่ 21-09-2017 18:04:16
 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-09-2017 18:10:58
อื้อหือความเหงาที่แผ่ออกมาจากชยินนี้ // ชยินชื่อแปลกมากก เพิ่งเคยเห็น
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Super From ที่ 21-09-2017 22:18:44
มีความกวนมาอ่ะ :z3: รอต่อไป
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Super From ที่ 21-09-2017 22:21:50
มีความกวนตีนมากอ่ะ555
รออออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Super From ที่ 21-09-2017 22:23:18
มีความกวนตีนมากอ่ะ รอ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 22-09-2017 01:23:28
ภาพโฆษณาหนึ่งลอยมาพร้อมเพลงเลยค่ะ "สบายดีหรือป่าว ข่าวคราวไม่เคยรู้...." ย้อนอดีนสมัยยังส่งงานกันผ่านเอ็มเลย ชยินคนเหงาชีวิตเราไม่ต่างกันเลย   :o12: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 22-09-2017 10:38:54
กรี๊ดดดดดดดด

สนุกอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 22-09-2017 12:45:11
นิยายไซไฟไอที 55
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Daramin ที่ 22-09-2017 13:26:14
อยากอ่านต่ออ่าาา รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 22-09-2017 14:26:43
อยากมอบเพลงนี้ให้ชยินค่ะ
นี่คือเหงา นี่แหละเหงา
นี่คือความจริง ที่ได้เจอ
เจ็บ ปวด ทรมาน
ลึกลงข้างในใจ
โอ้ความเหงา มันช่างหนาว
มันช่างยาวนานและทุกข์ทน
รอคอยใครบางคน
มาหยุดมัน

หาให้ได้เด้อ คนคนนั้นนะ 55555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Chiffon_cake ที่ 22-09-2017 16:08:04
คนเหงาอีกหนึ่งคนมาร่วมเช็กชื่อค่ะ 
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-09-2017 12:06:37
คิดถึงสมัยที่ยังเล่นเอ็มอยู่เลย 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 29-09-2017 18:32:29
มารอครับ เมื่อไหรจะมาอ่าาาาาา คิดถึงแล้ว :jul3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 30-09-2017 19:20:14
ขุ่นพี่จิตติคะ เริ่มแบบนี้มันจะไม่มีม่าใช่มั้ยพี่ การโดนพี่หลอกลวงจากพี่ค่ายมันยังแอบแซดใจอยู่เลยค่ะ55555 *พนมมือขออย่าม่า รอนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 30-09-2017 21:43:45
ชยินขี้เหงาสุดๆแต่กวนทีนทั้งคุ่เลย555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 01-10-2017 00:15:25
นึกถึงสมัยเป็นสาวน้อย ย้อนวัยไปไกลมากกกกก  สมัยเนี้ยไม่มีแล้วแหละไอ้อารมณ์เดทกันผ่านจอไม่ต้องสวยหล่อนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวก็ฮอทได้ ขอแค่พี่คารมดีย์

มีเวลาคุยกันเดือนเดียว พ่อคนสองเพศมากเลขมันจัเผยตัวใจอ่อนกับชะยินของเราหรือไม่...รอเว้ยค่ะ!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 01-10-2017 03:19:29
เหมือนได้ย้อนวัยเลยค่ะ 555555 //รูปโปรี่ไม่ได้สวยเลย แถมน่าอายมาก 555555 ถ้าตอนนั้นรู้เรื่องรู้ราวมากกว่านี้จะไม่เอารูปตัวเองเป็นรูปโปรไฟล์ค่ะ เฉิ่มเบอะ...
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) บทนำ + ตอนที่1 [18/09/60] *หน้า2
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 09-10-2017 21:26:35
ตามอ่านอยู่ มาต่อไวๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 10-10-2017 21:38:05

ตอนที่ 2
คนเหงาเราเข้าใจ



   เบิร์ด เบิร์ดไม่เข้าใจเพื่อนว่ะ

   บางทีช่วงเวลาของคนโสดมันอาจมาพร้อมกับความฟุ้งซ่านในหัว หลังจากไอ้หมายเลขตายยาวเหยียดนั่นออฟไลน์ไป ผมก็ได้แต่เดินไปเดินมาและใช้เวลาครุ่นคิดแต่เรื่องของมันเพียงอย่างเดียว ทั้งที่แม่งไม่ใช่เรื่องสำคัญเล้ยกับไอ้คำตอบที่ว่ามึงเป็นใครเนี่ย

   เสียพลังงาน เสียเวลาชีวิตฉิบหาย คิดได้เท่านั้นก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันอีกรอบ กลับมาตบครีมกันหน้ากร้านที่ซื้อเอาไว้ตอนไปเที่ยวต่างประเทศตามสเต็ป จากนั้นก็ปิดไฟ กระโดดขึ้นเตียง ตลบผ้าห่มคลุมหัว

   ตีสามแล้วนี่หว่า เวลาเดินเร็วมาก

   แต่เวลาแบบนี้แม่งโคตรเงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ ติ๊ก...ต่อก...ติ๊ก...ต่อก

   0832/676 มึงเป็นใครกันแน่วะ

   “เชี่ยยยยยยย” เอาอีกละ คิดถึงมันอีกแล้ว

   ผมเอื้อมมือไปบนหัวเตียง หยิบเอาโทรศัพท์จอแตกเครื่องเดิมขึ้นมาเลื่อนเล่นๆ จนกว่าจะง่วง ปกติเวลานี้จะนอนกูก็นอนได้นะ บางคืนหัวไม่ทันถึงหมอนชิงหลับไปเลยก็มี

   เวลาตีสามมันเป็นช่วงเวลาของอะไรบ้างวะ ช่วงเวลาของผีที่ออกมาปรากฏตัวให้เห็น เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการมีเซ็กซ์ ตีสามบางคนอาจตีป้อมอยู่ หรือบางคนก็เพิ่งออกจากผับในสภาพเมาแอ๋ แล้วกูล่ะ

   เหงา...ความเหงาฟีเวอร์

   เหงาจนหิวลาบหมู

   ในตู้เย็นมีอะไรให้แดกบ้างวะ โอยยยยยยยย ทำไมกูไม่นอนเอาแต่ฟุ้งซ่านบ้าบออะไรวะเนี่ย ไม่ได้! ต้องข่มตาหลับ จัดการโยนมือถือไว้ข้างตัวแล้วตะบี้ตะบันหลับตาปี๋ราวกับเด็กกลัวความมืด

   สิบนาทีผ่านไป ความเงียบปกคลุมไปทั่วพื้นที่ มีเพียงเข็มนาฬิกาที่ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีอาการแบบนี้ แต่มันยาวนานนับปีตั้งแต่เรียนจบและเริ่มใช้ชีวิตลำพังในคอนโดติดผ่อน ดังนั้นผมกับความเหงาเลยเป็นคู่หูดูโอ้ที่เข้ากันดียิ่งกว่าเจ้ากรรมนายเวร

   เคยมีคนบอกว่า...สักวันเราจะเจอคนที่ชอบที่เราเป็นเรา ยอมรับที่เราเป็นตัวของตัวเอง สักวันคนที่มีอะไรเหมือนกันจะโคจรมาพบกัน ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอดแม้ไม่รู้ว่าคนที่ ‘เคย’ บอกนั้นจะเป็นใครก็ตาม

   แต่นี่ยี่สิบห้าแล้วไง อนาคตเมียกูอยู่ไหน ตอบ!

   ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน พอไม่นึกถึงไอ้แอคเคาต์นิรนามนั่นได้พักหนึ่ง สมองผมก็วกกลับมาที่เรื่องของความรัก อนาคต และชีวิตเปื่อยๆ ที่โคตรไม่มีสีสันของตัวเองอีกจนได้ ไม่หลับสักทีนะสัด นับแกะต่อดีกว่าเผื่อจะช่วยได้

   “แกะตัวที่หนึ่ง...แกะตัวที่สอง...” ผมเริ่มพึมพำกับตัวเองท่ามกลางความมืด สายตาก็ค่อยๆ ปรือลงตามจิตใจที่กำลังควบคุมอยู่

   “แกะตัวที่เจ็ด...แกะตัวที่แปด...แกะตัวที่สาม สอง ทับ หก เจ็ด หก”

   อร๊ากกกกกกกก!

   “ออกไปจากหัวกู ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนี้!!”

   ถึงกับตีอกชกหัวตัวเองด้วยความโมโห คราวนี้เรื่องใหญ่ละ ตัดสินใจเปิดไฟ หยิบกีตาร์ลูกรักขึ้นมาบรรเลงเพลงอย่างเต็มที่ คืนนี้ถ้าห้องข้างๆ มันไม่มาเคาะและขู่จะกระทืบเหมือนที่ผ่านมากูก็จะไม่หยุดเล่น

   “งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ~”

   และไม่นานผมก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ โวยวายด้วยประโยคเดิมๆ จนชินหูเหมือนอย่างเคย

   “ตะเอง ผีนางรำมันอาละวาดอีกแล้วอ่า ฮือออออ”

   หึ! ในเมื่อกูนอนไม่หลับ สองผัวเมียนั่นก็อย่างหวังจะได้ข่มตาหลับเลย กูชื่อชยิน เลือดเย็นกว่าที่มึงคิดเอาไว้จนไม่อยากจินตนาการเลยล่ะ












   ภารกิจคนเหงาในวันนี้ ตื่นแต่เช้า อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น จากนั้นก็เดินมาหยิบแม็คบุ๊กเครื่องโปรดที่ถูกวางทิ้งไว้ตรงปลายเตียงขึ้นมากดเล่น ไอ้เครื่องนี้ไม่มีโปรแกรมจำลอง MSN ใดๆ ทั้งนั้น เพราะผมต้องการใช้มันสำหรับทำงาน และตอนนี้มันก็มีหน้าที่ใช้สำหรับเช็กเมลเหมือนทุกๆ วันเท่านั้น

   เมื่อเห็นว่ายังไม่มีงานเข้ามา ก็ถึงเวลาปิดหน้าจอลง กระโดดขึ้นเตียงโหยงแล้วหลับตาเหมือนอย่างเคย

   กูตื่นขึ้นมาทำไมแต่เช้าวะถามจริง เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ล่อเพลงรำวงมาตรฐานไปเกือบสิบเพลง ไอ้ห้องข้างๆ นี่ถึงกับร้องไห้ระงมสวดมนต์กันยกใหญ่

   Rrrr..!

   มันน่าหงุดหงิดใจชะมัด เพราะแค่ล้มหัวลงหมอนได้ไม่นานมือถือเครื่องเก่าก็เป็นอันแผดเสียงร้องขึ้นมาอีกรอบ อยากจะด่าเฉ่งก็ทำไม่ได้เนื่องจากชื่อที่ปรากฏอยู่ตอนนี้คือคนที่จะช่วยให้ผมคลายข้อสงสัยที่เกิดขึ้นภายในใจได้

   “ว่าๆๆ”

   [ตื่นยัง วันนี้ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ] ไอ้เบิร์ดเข้าประเด็นอย่างเร็วรี่

   “มึงเลี้ยงนะ ช่วงดีกูไม่มีตังค์”

   [เออน่ะ ตกลงมาใช่มั้ย ร้านไหนดี]

   “กูอยากกินพิซซ่า”

   [แดกอะไรแต่หัววันวะ]

   “กว่ากูกับมึงจะออกไปเจอกันก็เที่ยงแล้วไอ้ฟาย สรุปมึงอยากกินมั้ย ไม่กินจะได้ไปร้านอื่น”

   [กูขัดมึงได้ด้วยเหรอ ตอนเที่ยงเจอกัน มาให้ตรงเวลาด้วยห้ามเลท แค่นี้นะ]

   แล้วไอ้เบิร์ดก็หายไปจากสารบบ ทิ้งให้ผมต้องฝืนตัวเองลุกออกจากเตียงอีกครั้งเพื่อจัดการธุระส่วนตัว แต่ก็ไม่วายเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ราวกับคนละเมอเพื่อทิ้งคำถามให้คนที่ออฟไลน์ไว้ แน่นอนว่าไม่รู้อีกฝ่ายจะตอบเมื่อไหร่ แต่วันนี้ผมต้องได้คำตอบจากเพื่อนสนิทเจ้าของแผ่นโปรแกรมอย่างแน่นอน

   ผมนัดเจอกับไอ้เบิร์ดที่ร้านพิซซ่าแถวห้างที่ใกล้บ้านมันที่สุด เนื่องจากมื้อนี้เพื่อนเลี้ยง คนดีอย่างผมก็ต้องลงทุนนั่งรถมาไกลหน่อยเพื่อจะได้แฟร์กับมัน ส่วนเรื่องหารครึ่งอะไรนั้นช่วงนี้พี่ขอ...กูกรอบจริงๆ   

   “มาตรงเวลาด้วยแฮะ อยากแดกไรสั่งเลย” คำทักทายแรกของเพื่อนส่งมาให้เมื่อผมโผล่มาที่ร้านตามเวลานัดหมายพอดิบพอดี

   มือป้อมขาวเลื่อนเมนูอาหารมาให้ ก่อนผมจะแทรกตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้และกวาดสายตามองสมุดเมนูนั้นเพียงปราดเดียว

   “มึงสั่งดิ เจ้ามือก็ต้องเป็นคนเลือกอยู่แล้ว” กูดูเป็นคนดีเว่อร์ ไม่นานพนักงานก็เข้ามารับออเดอร์อย่างคล่องแคล่ว

   “ฮาวายเอี้ยนแล้วกัน ง่ายๆ” เมพเบิร์ดเสนอ ผมจึงพยักหน้าเห็นด้วย

   “โอเค” หน้านี้กูแดก

   “เป็นแป้งหนานุ่มหรือบางกรอบคะ” พนักงานถามต่อ

   “บางกรอบ”

   “หนานุ่ม” ผมรีบท้วงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายไอ้เบิร์ดก็ยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ในครั้งนี้เพียงแค่เห็นสีหน้าสู้ตายของผม มึงมันโง่ แป้งแบบหนาๆ คุ้มกว่ากูลองมาหมดละ

   “ไซส์ไหนดีคะ”

   “ใหญ่”

   “กลางพอ”

   “มึงจะอิ่มเหรอชยิน”

   “กูจะสั่งอาหารรองท้องมาแดกไม่ต้องกลัว มึงหมดตัวแน่”

   “กูรู้ละทำไมมึงไม่มีเมีย”

   “ทำไม”

   “ก็มึงเล่นเหี้ยอย่างนี้ไง”

   “ไม่เจ็บ พอดีด้าน”

   “ระวังสักวันมาเจอคนเหนือกว่ากำราบกูจะสมน้ำหน้าให้”

   “กูมีความเป็นผู้นำ ใครจะมากำราบกูไม่ทราบ”

   ไอ้เบิร์ดไม่ได้โต้เถียงกับผมต่อเพราะรู้อยู่แล้วว่าคงไม่มีทางเอาชนะได้ ผมปิดเมนูลงหลังจากสั่งอาหารเสร็จ ระหว่างรอเราถึงได้มีเวลาคุยกันด้วยประเด็นที่ค้างคามาตลอดหนึ่งคืนเต็มๆ นั่นก็คือเจ้าของเอ็มเอสเอ็นนิรนามคนนั้น

   “เรื่องที่กูวานมึงไปถามคนปล่อยแผ่นต่อ สรุปได้เรื่องอะไรมาบ้างวะ” คนนั่งตรงข้ามถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะทิ้งหลังอิงกับพนักเก้าอี้อย่างจนปัญญา

   “กูโทรถามหมดแล้ว แต่ไม่มีใครยอมบอกเลยว่าปล่อยโปรแกรมไปให้ใคร สงสัยคงกลัวกูเฉ่งอีกมั้ง”

   “แม่งเอ๊ย เอาไงล่ะทีนี้” คนที่ได้โปรแกรมไปก็มีแค่ห้าสิบคน ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายที่จะตามหาแต่สุดท้ายก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเพราะไม่มีใครยอมเปิดปากพูดความจริงออกมาสักคน

   “ถามมันไปใหม่สิ”

   “ทิ้งคำถามไว้แล้ว แต่มันยังไม่ออน”

   “สรุปแม่งชื่อเอ็มว่าไงนะ”

   “ศูนย์แปดสามสองทับหกเจ็ดหก”

   “จำอีเมลมันได้มั้ย”

   “มิสเตอร์กาแล็กซี่หกเจ็ดหกแอดฮอทเมลดอทคอม” เพื่อนรักพยักหน้าหงึกหงักขณะมือทั้งสองก็เลื่อนมือถือไปพลางๆ ด้วย ไม่นานมันก็เงยหน้าจากจอกลับมาที่ผมอีกครั้ง

   “ไม่มีข้อมูลอีเมลในกูเกิ้ลเลยว่ะ”

   “กูหาแล้ว จนปัญญาละเนี่ย ส่วนชื่อเอ็มมันก็ประหลาดฉิบหาย ใช่เบอร์โทรศัพท์ป่ะวะจะได้โทรไปด่า”

   “มันเป็นชื่อกลุ่มดาวไอ้ฟาย มึงไปถามนาซ่าไป” ไอ้เพื่อนเวรเลื่อนมือถือของมันมาไว้ตรงหน้าผม ซึ่งกำลังปรากฎหมายเลขแปลกประหลาดทั้งเจ็ดตัว

   เออว่ะ รหัส MSN ของไอ้เชี่ยนั่นมาจาก PC0832/676 ซึ่งเป็นชื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่นี่ก็ไม่ใช่หลักฐานที่จะระบุตัวตนของคนคนนั้นป่ะวะ

   หรือมันจะชื่อหมี หน้าเหมือนหมี หุ่นหมี หรือขายขนมหมี ได้แต่เดาไปต่างๆ นานาสุดท้ายก็จับจุดอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว

   “ไอ้คนนั้นมันได้บอกมั้ยว่าทำอะไร หมายถึงอาชีพการงาน ที่อยู่ หน้าตา อะไรแบบนี้”

   “ไม่บอกสักอย่าง รู้แค่จบศิลปกรรมมอบี”

   “เชี่ยยยยย”

   “รู้แล้วเหรอวะ” ผมถามอย่างกระตือรือร้น

   “ฮึ! จะบอกว่ากว้างฉิบหาย ชาตินี้มึงคงได้รู้หรอก”

   “เวร”

   “จริงๆ ถ้าไม่ซีเรียสมึงก็ไม่จำเป็นต้องรู้ป่ะวะว่ามันเป็นใคร คนที่หันหน้าเข้าจอแม่งก็แค่คนคุยคลายเหงา จะใส่ใจอะไรให้มาก” มันก็จริงอย่างที่ไอ้เบิร์ดพูดนั่นแหละครับ แต่มันผิดที่ผมเองเป็นคนไม่ยอมปล่อยให้เรื่องอะไรค้างคาใจนานๆ จิตใจมันถึงไม่ยอมสงบสักที

   กลัวไม่ได้ตายแก่ฉิบหายเลยว่ะ ไม่รู้ว่าวันไหนเส้นเลือดในสมองจะแตกไปซะก่อน

    สิบห้านาทีให้หลังพิซซ่าก็ถูกเสิร์ฟไว้กลางโต๊ะ ของว่างที่สั่งไว้ก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบเช่นกัน ผมกับไอ้เบิร์ดถึงได้ฤกษ์งามยามดีลงมือแดกแหลกจนลืมประเด็นที่คุยไป สุดท้ายเราก็มีหัวข้อใหม่ที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

   “เออว่าจะถาม มึงจำไอ้ท็อปห้องเจ็ดได้ป้ะ” สิ้นคำถามนั้น ผมกรอกตาไปมาอยู่หลายทีเพื่อนึกย้อนกลับไปในอดีตที่แสนเลือนรางเต็มทน

   “ไอ้ท็อปที่เรียนวารสารใช่มั้ย” ปากว่า แต่มือก็กัดก้อนพิซซ่าใส่ปากไปด้วย

   “ใช่ๆ เมื่อคืนมันติดต่อมาหากูเพื่อขอเบอร์ เห็นว่าไม่ได้เป็นเพื่อนในคอนแท็กกันกับมึง”

   “แล้วมันมีอะไร”

   “แม่งบอกอยากนัดขอสัมภาษณ์มึงลงคอลัมน์นิตยสาร น่าจะหัวข้อคนทำงานสายสร้างสรรค์อะไรประมาณนี้มั้ง ยังไงก็รอมันติดต่อกลับมาแล้วกัน”

   “อ้อ...แต่ชื่อนิตยสารอะไรวะ” เผื่อจะไปหาข้อมูล

   “ชื่อ A month มั้ง”

   “ทำไมกูเคยได้ยินแต่ A day วะ”

   “น่าจะเป็นนิตยสารน้องใหม่ เห็นมันบอกว่ารวมแต่คนมีไฟทั้งนั้น”

   “คนก่อตั้งเขาทำงานดับเพลิงเหรอ”

   “เปล่า เห็นบอกส่งแก๊ส”

   “มึงก็ยังรับมุกกูนะสัด”

   ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้าไม่ขาดสาย นานเท่าไหร่แล้ววะที่ผมไม่ได้ออกมากินข้าวกับเพื่อน พูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ หรือแม้แต่ยิงมุกกากๆ ใส่กันเหมือนเมื่อก่อน    

   นึกแล้วก็คิดถึงอดีตที่หอมหวานเหมือนกัน ตอนเป็นเด็กแม่งไม่ต้องเจ็บปวด คาดหวัง และโดดเดี่ยวขนาดนี้ไง พอโตถึงได้เรียนรู้ ขอกูวาร์ปกลับไปสมัยเป็นทารกได้มั้ย จะได้ไม่รู้สึกเหงาเหมือนวันนี้


   หลังกลับมาจากการเที่ยวข้างนอกและแวะไปนั่งจิบเบียร์กับเมพเบิร์ดอยู่นาน ผมก็กลับมาถึงห้อง อาบน้ำแปรงฟันตามกิจวัตรจนกระทั่งแหงนมองนาฬิกาอีกทีเวลาก็เดินมาถึงห้าทุ่มแล้ว

   ผมเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ ล็อกอินเข้าใช้งาน MSN เป็นอันดับแรกด้วยความคาดหวังว่าใครบางคนจะออนไลน์อยู่ ซึ่งแน่นอน ความคาดหวังนั้นเป็นจริง...

   ไอ้หมีใหญ่ออนไลน์อยู่

   แถมข้อความที่ถามค้างไว้ก็ไม่ได้รับการตอบตรงๆ ด้วย


   Chayin says…      เอากูขอถามอีกรอบ ตอนนี้จริงจังมาก สรุปมึงชื่ออะไร
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ไม่บอกค่ะ


   นั่นแหละครับท่านผู้ชม ไอ้เหี้ยนี่มันกวนตีน เห็นมั้ยยยยยยยยยยยย

   ในเมื่อมันไม่ยอมตอบผมก็ไม่อยากถามคำถามเดิมๆ กลับไปอีกแล้ว ถ้าอีกฝ่ายอยากให้ผมรู้สักวันหนึ่งก็คงได้รู้อยู่ดี แต่ถ้าโปรแกรมหมดอายุก่อนก็ถือว่าเป็นกรรมคาใจกันไปแล้วกัน

   ในเมื่อไม่ยอมบอกชื่อ ผมก็จำเป็นต้องตั้งชื่อให้ใหม่โดยไม่ต้องขอความเห็น


   Chayin says…      หมีใหญ่
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   เรียกใคร
   Chayin says…      มึง
    0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ...
   Chayin says…      ก็ชื่อเอ็มมึงเป็นรหัสดาวอ่ะ ใช่ดาวหมีใหญ่ป้ะ
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   หมีไม่ได้ใหญ่ หรรมใหญ่
   Chayin says…      ...


   มึงไม่กวนตีนกูสักวินาทีได้มั้ยสัด! โมโห!

   ผมกำลังคิดข้อความตอบโต้อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายก็จำต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้น ปลายสายเป็นเบอร์นิรนามที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ ถ้าให้เดาก็คงเป็นงานใหม่ที่ทำให้ผมไม่ต้องอดอยากอีกต่อไปแน่ๆ

   “ให้ผมแต่งเพลงแนวไหนว่ามาเลยครับ” ผมพูดรัวทันทีที่กดรับสาย

   [ชยิน ชยินนี่กูเอง] รอยยิ้มกว้าง หัวใจที่เต้นรัว ห่อเหี่ยวหมดแล้วเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมา

   “กูไหนวะ”

   [ท็อปห้องเจ็ด ไม่รู้ไอ้เบิร์ดได้บอกมั้ยว่ากูอยากสัมภาษณ์มึงลงคอลัมน์รายเดือน]

   “บอกแล้ว”

   [มึงว่างตอนไหนวะ คือจะบอกว่ากูไม่ได้สัมภาษณ์มึงฟรีๆ นะ มีเงินที่ทางบริษัทจ่ายให้ด้วย]

   “เหรอ กูว่างยาวเลยช่วงนี้ นัดได้ตลอด” พอได้ยินเรื่องเงินก็ถึงกับตาลุกวาวเป็นไข่ห่าน ช่วงนี้แดกแกรบมานานเนื่องจากเงินไม่เคยเข้ากระเป๋ามีแต่จ่ายออก คราวนี้เลยพอมีความหวังบ้าง

   [งั้นพรุ่งนี้ว่างมั้ยวะ กูนัดนักเขียนอีกคนไว้จะได้สัมภาษณ์พร้อมๆ กันเลย]

   “ว่าง ที่ไหนดี”

   จากนั้นเราก็นัดแนะเวลาและสถานที่เสร็จสรรพ กลับมาอีกทีคนที่ออนเอ็มเอสเอ็นทิ้งไว้ก่อนหน้าก็ออฟไลน์ไปแล้ว แน่นอนว่าผมไม่ได้แคร์อีกฝ่ายมากเท่าไหร่เพราะมันไม่ได้มีผลกับปากท้อง สำหรับไอ้หมีใหญ่จะคุยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรื่องปากท้องจะชักช้าไม่ได้เด็ดขาด

   คิดแล้วก็รู้สึกลิงโลด รีบออฟไลน์ออกจากระบบ ปิดคอมแล้วพุ่งไปที่เตียงอย่างเร็วรี่

   พรุ่งนี้มีนัดเช้า ขอกระแดะนอนเร็วสักวันเถอะ คร็อกกกกกกกก~

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 10-10-2017 21:39:00
   ผมนัดกับไอ้ท็อปซึ่งเป็นเพื่อนสมัยมัธยมที่ร้านกาแฟในสวนแห่งหนึ่ง ที่นี่ร่มรื่น เรือนกาแฟสร้างจากไม้ทั้งหลังห้อมล้อมด้วยต้นไม้สีเขียวสบายตา ผมนั่งอยู่โซนเอาท์ดอร์ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ถัดออกไปไม่ไกลนักถูกสร้างเป็นสนามเด็กเล่นขนาดเล็ก ลูกค้าก็ไม่ได้เยอะ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการนั่งคุยงานค่อนข้างมาก

   ไอ้ท็อปโทรบอกก่อนแล้วว่ากำลังมาถึงในไม่ช้า ระหว่างนั้นผมจึงสั่งกาแฟชิลๆ รอไป

   “ตัวเองอยากกินอะไร”

   “แล้วแต่ตัวเองเลยเค้ากินได้หมด”

   “จริงเหรอ เค้าก็แล้วแต่ตัวเองเหมือนกัน”

   “งื้ออออ งั้นขอฮันนี่โทสต์แล้วกันนะ”

   โอยยยยยยยยยย ต่อให้หนีไปไกลจนสุดขอบโลก ผมก็หนีไม่พ้นคู่รักมารผจญพวกนี้อีกจนได้ ทำไมรอบตัวถึงได้มีคนมีคู่เยอะขนาดนี้วะ แม่งไม่รู้หรือไงว่ามันแทงใจดำคนโสดอย่างผมมากแค่ไหน

   เทศกาลเหงากลับมาอีกครั้ง...

   การอยู่คนเดียวมันก็ดีจริงๆ อ่ะแหละ แต่ในบางครั้งผมก็แค่พูดมันออกมาเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น ลึกๆ ข้างในใครจะไปรู้ ใจกูอยากมีคู่กับเขาฉิบหาย

   “เฮ้ยโทษทีเพื่อน รถติดว่ะเลยมาช้า” ปล่อยผมซึมกับตัวเองอยู่พักใหญ่ไอ้ท็อปก็โผล่มาทักทายพร้อมกับเหงื่อเม็ดโตเต็มหน้าผาก

   เพื่อนต่างห้องคนนี้เป็นคนสูงโปร่ง ผิวขาว ผมยาวประบ่า ไว้เคราหรอมแหรมคล้ายกับเส้นขนที่ขึ้นไม่สมบูรณ์ดี ดูแล้วมันก็คือคนติสต์ๆ คนหนึ่งที่มาไกลมากเมื่อเทียบกับภาพลักษณ์ในมัธยมฯ

   “ไม่เป็นไร กูไม่รีบ”

   “แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง”

   “กินแล้ว ตอนนี้ก็สั่งกาแฟมากินแล้วด้วย” ว่าแล้วก็หลุบตามองแก้วกาแฟที่อยู่ตรงหน้า

   “อ๋อสบายใจ กูเกรงใจที่มึงมารอนานน่ะ”

   “เกรงใจทำไมวะ เพื่อนกัน” แม้ความทรงจำเกี่ยวกับมันในอดีตของผมจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ก็ตาม “มึงสั่งเครื่องดื่มให้หายเหนื่อยก่อนเถอะ ส่วนเรื่องสัมภาษณ์เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”

   “ได้ๆ” ว่าแล้วไอ้ท็อปก็จัดการสั่งเครื่องดื่มและขนมง่ายๆ ก่อนเราจะวกกลับมาคุยเรื่องงานอีกครั้ง

   “คือกูมีเรื่องจะขอร้องอยู่อย่าง”

   “ว่ามาเลยชยิน”

   “การสัมภาษณ์ครั้งนี้ลงแค่ที่เป็นตัวหนังสือได้มั้ย กูไม่อยากเปิดเผยตัวตนอ่ะ ไม่อยากให้มีรูปหน้ากูแปะหราอยู่บนนั้น”

   “พอรู้ เดี๋ยวตัดเอาพระเอกนางเอกเอ็มวีจากเพลงที่มึงแต่งสักตัวมาแปะแทนได้ ไม่ต้องห่วง”

   “โอเค สบายใจขึ้นมาเลย”

   “ทำไมไม่อยากเปิดเผยตัวตนวะ มึงออกจะหน้าตาดี”

   “ก็แค่อยากมีความเป็นส่วนตัวในชีวิตบ้าง”

   “แฟนหึงอ่ะดิ” เอาอีกละ จี้ใจดำกูตลอดเลยนะพวกมึงเนี่ย

   “กูยังไม่มีแฟน”

   “จริงดิ เหยดดดดดดด”

   “มึงไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น เรื่องโสดก็เป็นธรรมดาของชีวิตป่ะวะ เกิดมาทุกคนต้องเคยโสด”

   “ตั้งแต่อายุสิบสามเป็นต้นมา กูก็ไม่เคยโสดเลยนะ” จึ่ก! ถ้าจะพูดขนาดนี้เอามีดมาแทงกูเหอะ ไอ้อสรพิษ สุดท้ายก็ต้องพามันเปลี่ยนเรื่องคุยตามสเต็ป

   “สรุปจะสัมภาษณ์กูได้ยัง”

   “นี่กูยังไม่ได้บอกมึงเหรอว่าจะมีนักเขียนอีกคนมาสัมภาษณ์ด้วย”

   “จำได้ลางๆ ว่าเคยบอกแล้ว...มั้ง”

   “อืมนั่นแหละ คุณคัลลิสโต ส่งข้อความมาบอกกูว่ากำลังตามมา เหมือนเขามีงานก่อนหน้านั้นน่ะ”

   “คนเขียนเป็นชาวต่างชาติเหรอวะ”

   “เปล่า คนไทย แต่นั่นนามปากกาเขา”

   “เขียนแนวไหนวะ เผื่อจะตามไปอ่านบ้าง” ช่วงนี้สมองตันๆ แต่งเพลงก็ไม่ออก ดูหนังจนตาแฉะก็ยังโล่งอยู่ดี เห็นทีต้องหาอะไรอัดสมองเข้าไปบ้างแล้ว

   “นวนิยายแนวสืบสวนสอบสวน ฆาตกรรมอะไรทำนองนี้แหละ”

   “เป็นผู้หญิง?”

   “ผู้ชายไอ้สัด แต่รายนี้เหมือนมึงเลย ไม่ชอบเป็นจุดสนใจคนเลยไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง นี่ครั้งแรกของกูเลยนะเว้ยที่จะได้เห็นหน้าเขาเนี่ย”

   “ขนาดนั้นเลย”

   “นั่นคุณคาริสโตหรือเปล่าวะ เขาบอกกูว่าวันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีดำกับแมสก์” ไอ้ท็อปชี้ไปยังคนมาใหม่ซึ่งกำลังเดินเข้ามาในสวน

   คนที่กำลังถูกจับตามองนั้นรูปร่างสูงโปร่ง ถ้าเทียบโดยสายตาน่าจะร้อยแปดสิบกว่าๆ ได้ สวมเสื้อยืดสีดำ หมวกแก๊ปสีขาว และกางเกงเสมอเข่าสีเดียวกัน ที่เด่นไปกว่านั้นคือเจ้าตัวสวมแมสก์ดำปิดบังไปครึ่งหน้าและกำลังย่างเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

   ไอ้สัด แต่งตัวสไตล์อปป้าในคราบนักฆ่า...

   “คุณคัลลิสโต คุณคัลลิสโตใช่มั้ยครับ” ไอ้ท็อปตะโกนแหกปากเสียงดัง กระทั่งคนคนนั้นเดินตรงดิ่งมาหาอย่างเร็วรี่พร้อมกับรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านไปทั่ว

   ผมมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า มือขาวที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้ภาพลักษณ์อีกฝ่ายดูคูลมากๆ ต่อไปกูจะทำท่าแบบมึงบ้าง โคตรเท่

   “ขอโทษที่มาช้านะ พอดีผมติดงานก่อนหน้านิดหน่อย” เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาไม่ชัดนัก เป็นผลมาจากแมสก์ที่ปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้อยู่

   “ไม่เป็นไรเลยครับ รอไม่นานเลย เอ่อ...นี่เพื่อนผมครับที่จะมาสัมภาษณ์คอลัมน์นี้อีกคน ชื่อชยินเป็นนักแต่งเพลงซึ่งกำลังดังมากในตอนนี้”

   “หวะ...หวัดดีครับ” ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยส่งยิ้มไปให้แบบแหยๆ

   “สวัสดีครับ ขออนุญาตถอดแมสก์นะพอดีร้อนมาก” ก็สมควร มึงคิดว่าตัวเองเป็นไอดอลจากเกาหลีหรือไง นี่เมืองไทย อุณหภูมิ 34 องศา สาระแนจะใส่แมสก์

   ก็ไม่ได้รู้จักเขานะครับกูเนี่ย แต่แอบด่าในใจคงไม่มีใครว่าอะไรหรอก

   ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผม ก่อนจะดึงเอาผ้าปิดปากออกจากหน้า ตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ เต็มตาแม้จะสวมหมวกแก๊ปเอาไว้ก็ตาม

   ไอ้เชี่ยยยยยยย หล่อวัวตายควายล้มเลยว่ะ

   นี่มึงเป็นนักเขียนหรือนักแสดงให้พูดใหม่ สายหล่อแบบผมนี่ไม่อยากจะสู้เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้เจ้าตัวไป ความจริงผมเป็นคนปากดีมากครับเวลาที่อยู่กับเพื่อน แต่กับคนไม่รู้จักนี่ไม่รู้จะทำตัวยังไง

   “มองหน้าผมทำไมครับ” เหยดดดดดด มีหาเรื่อง!

   มันหาเรื่องโผมมมมมมมมมม

   “เปล่า ผมแค่ไม่รู้จะคุยอะไรเฉยๆ”

   “ชื่อชยินเหรอ” และเจ้าตัวก็เป็นฝ่ายชวนผมคุย แต่การเริ่มต้นของมึงเหมือนวอนส้นตีนกูมาก

   “ใช่ ส่วนคุณคือคัลลิสโตใช่มั้ย”

   “เห็นเป็นเจ.เค. โรลลิ่งเหรอครับ”

   “...!” กวนตีน มันเป็นคนกวนตีนได้โล่

   “ผมล้อเล่น เราน่าจะอายุใกล้ๆ กันนะ”

   “ปีนี้ผมยี่สิบห้า”

   “เหมือนกัน” อายุเท่ากันแต่บอกเลยว่าสันดานมึงไปไกลกว่ากูเยอะ

   แล้วนี่ไอ้ท็อปก็อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมพูดอะไรสักทีผมถึงใช้จังหวะนี้เตะเท้าอีกฝ่ายให้เริ่มคุยงานกันได้แล้ว แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างคนอย่างชยินเอาซะเลย

   “เตะเท้าผมทำไมครับ”

   ฮืออออออ กูสะกิดผิดคน ตอนนี้ช่วยแต่งนิยายให้กูสักเรื่องเถอะ ขอเป็น...น้ำตาลูกผู้ชายเดอะซีรีส์แล้วกัน

   “เปล่าครับ เท้าเผลอไปโดน”

   “ขนาดเผลอนะครับเนี่ย ถ้าตั้งใจกระดูกขาคงหักไปแล้ว”

   “แหม คุณคัลลิสโตก็พูดเข้า ฮ่าๆ ว่าแต่ไอ้คุณท็อปครับ เมื่อไหร่จะเริ่มสัมภาษณ์กัน” ปล่อยไว้นานกว่านี้กูเกรงว่าจะทำใครบางคนขาหักเข้าจริงๆ

   “อ๋อๆ ขอเวลาเตรียมข้อมูลนิดนึง มันค่อนข้างเยอะ คุยกันไปก่อนน้า” แล้วเจ้าตัวก็สาละวนอยู่กับการดึงกระดาษแผ่นนั่นแผ่นนี้ออกมาจากแฟ้มไม่หยุด

   ผมเองที่ไม่รู้จะพูดอะไรเลยทำได้แค่ยิ้มและเบือนหน้าหนี มองดูเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งไกวชิงช้าในสนามเด็กเล่นเล็กๆ อย่างเพลิดเพลิน

   “เป็นเด็กนี่มันดีเนอะ แค่ชิงช้าตัวเดียวมันก็สนุก” เสียงทุ้มแทรกเข้ามาในโสตประสาท ผมมองไปยังไอ้นักเขียนแสนกวนตีน ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายก็มองไปที่เด็กคนนั้นเหมือนกัน

   “นั่นสิ พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำอะไรก็มัวแต่คิดเยอะ ไม่ได้ทำทุกอย่างแล้วสนุกเหมือนเด็กๆ แล้ว”

   “ช่วงนี้ช็อตเหรอครับ ถึงได้ดูเศร้าๆ” สัด เหมือนรู้ทันกู

   “ก็เปล่านี่ครับ ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

   “คุณทำหน้าเหมือนคนไม่มีอันจะกินเท่าไหร่”

   “ผมยังอยู่ดีกินดีครับ”

   “จริงป่ะจ๊ะ”

   “จริงจ้ะ”

    เดี๋ยวไอ้คัลลิสโต อีกนิดก็ขึ้นมาเหยียบหัวกูได้เลยนะ นี่ใช่วิสัยของคนที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อสิบนาทีก่อนเหรอ กูไม่อยากจะเชื่อ

   “แล้วนี่คุณแต่งเพลงมาเท่าไหร่แล้ว”

   “นับไม่ถ้วนเลยครับ ผมเองก็ไม่ได้นับมานาน” ต้องพูดข่มเข้าไว้ ทำยังไงก็ได้ให้ชนะมัน “ว่าแต่คุณล่ะ เขียนนิยายมากี่เรื่องแล้ว”

   เจ้าตัวกรอกตาไปมาเหมือนกำลังใช้ความคิด

   “ก็นับไม่ได้อีกนั่นแหละครับ เยอะเกิ๊น” โอ้โหมีสู้!

   “เพลงของผมนี่ล่าสุดก็ได้เกือบร้อยล้านวิว รู้สึกเกินคาดมากจริงๆ” เอาให้สุดชยิน ครั้งนี้มึงต้องชนะมันให้ได้

   “เรื่องล่าสุดของผมก็ได้แปลเป็นภาษาต่างประเทศเกือบสิบประเทศเลยนี่หว่า ส่วนจำนวนก็นับไม่ได้แล้ว เรานี่เหมือนกันเลยนะครับ” ใครจะไปเหมือนเมิ๊งงงง

   “นั่นสินะ ฮ่าๆ”

   “คุณดูเป็นคนเก่งนะ” ประโยคนี้เข้าหูแฮะ

   “ขอบคุณครับ”

   “แค่ดู ไม่รู้เก่งจริงหรือเปล่า”

   “คุณคัลลิสโตก็น่าจะเป็นคนเก่งเหมือนกันนะครับ”

   “ผมพูดตรงๆ 4G ที่ว่าไว ยังต้องแพ้ให้กับเอวของผมเลยนะครับ”

   ฮ้าาาาาาาาา

   กูอยากร้องไห้ อะไรดลใจให้กูมาเจอคนเหี้ยๆ แบบนี้เนี่ย ไวขนาดนั้นเอวครากแล้วมั้งสัด

   “คุณนี่เป็นคนตลกเหมือนกันนะเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะเขียนแนวสืบสวนสอบสวนได้ นึกว่าปกติจะเขียนแต่แนวตลกไร้...สาระ”

   “ไม่หรอกครับ จริงๆ ผมเป็นคนเคร่งขรึม”

   ถ้าไม่นับการแต่งตัวของมึง ทุกอย่างก็ดูปัญญาอ่อนไปหมดเลย

   “ผมอยากถามคุณอย่าง เราเคยรู้จักกันมาก่อนมั้ยครับ”

   “ไม่หนิครับ ทำไมเหรอ”

   “ดูเหมือนคุณกำลังกวนตีนใส่ผมมากๆ เลย” ผมกัดฟันพูดประโยคนี้จนจบ พลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีแววกวนบาทาตลอดเวลาไปด้วย

   “เหรอครับ อาจเพราะคุณดูเข้าถึงง่ายมั้ง”

   “จริงๆ ผมเป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก”

   “ก็ไม่สูงนะ ดูจากขนาดแล้วน่าจะเตี้ยกว่าผมไปสักหกเจ็ดเซน”

   “คัลลิสโต ไม่ทราบว่าคุณว่างมั้ย”

   “ทำไมเหรอครับ”

   “มาต่อยกับผมหลังเซเว่นปิดหน่อยเป็นไง”

   “สาขาเซนลาดปิดปรับปรุงพอดี คุณมาได้เลยครับ” ไอ้เห้ เถียงคำไม่ตกฟาก

   ที่ร้ายแรงกว่านั้นเจ้าตัวยังเอื้อมมือมาฉกมือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นไปกดอย่างถือวิสาสะ เดี๋ยวนะ! นี่มือถือกูไงไอ้คัลลิสโต ไอ้สารเลว

   “รหัสอะไรเหรอครับ” ปากผมกระตุกแล้วกระตุกอีกอย่างต่อเนื่อง

   “ศูนย์ สอง หก สี่ เจ็ด หนึ่ง”

   “โอเค”

   ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์อีกเครื่องดังขึ้นมา แน่นอนว่าจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากไอ้นักเขียนกวนตีนนี่

   “ผมมีเบอร์คุณละ ว่างอยากต่อยกับผมเมื่อไหร่ก็โทรมา แต่ถ้าไม่อยากโทรเดี๋ยวกริ๊งไปเอง”

   “คือผม...”

   “เดี๋ยวขอตัวแป๊บนึงนะครับ พอดีจะไปเข้าห้องน้ำ” อยากด่ามาก แต่คิดคำด่าไม่ทันมัน ได้แต่มองดูอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตั้งท่าจะผละออกไป โชคร้ายที่ไอ้ท็อปเบรกเอาไว้ซะก่อน

   “ขอโทษครับคุณคัลลิสโต พอดีผมขอชื่อจริงของคุณที่ผมจะเขียนลงคอลัมน์ก่อนได้มั้ยครับ หรือจะให้ผมใช้นามปากกาคัลลิสโตไปเลย”

   “อ๋อ เรื่องชื่อผมไม่ปกปิดครับ”

   “โอเค”

   “เขียนยุคก็ได้ครับ”

   “ยุค?”

   “ผมชื่อเล่นว่ายุค ชื่อจริงคือศตวรรษ”

   “ขอบคุณคร้าบ”

   แล้วแม่งก็เดินหนีไปเข้าส้วม เหลือเพียงผมที่มองหน้าไอ้ท็อปไม่คลาดสายตา

   “ต่อไปเรียกเขาว่ายุคก็ได้เนาะ เรียกคัลลิสโตแม่งโคตรยาก”

   “มั้ง” ผมตอบสั้นๆ เพราะยังรู้สึกไม่พอใจกับบทสนทนาก่อนหน้านี้อยู่

   “เออชยิน”

   “ว่า”

   “แล้วสรุปศตวรรษนี่สะกดยังไงวะ”

   ผมถอนหายใจเข้าปอด ก่อนเค้นเสียงออกมาทีละคำอย่างตั้งใจ

   “สระเอ หอหีบ สระอี ไม้โท ยอยักษ์”

   เหี้ย...
   



ดูจิตติเป็นคนชอบผู้ชายชื่ออะไรวัตรๆ เนาะ มีทศวรรษ สารวัตร นี่มาศตวรรษอีก
ฝากพี่เขากับน้องชยินด้วยนะคะ
ป.ล. พี่เขามีวิธีขอเบอร์แบบแปลกๆ นะก๊ะ ดูเป็นคนปลิ้นปล้อน 5555

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 10-10-2017 22:05:01
อ้ายยย

กวนตีนมากก

อีสารวัตรยังต้องแพ้อะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 10-10-2017 22:17:53
เจอคนที่กวนตีนกว่าสารวัตรแล้วค่ะ 55555555555555555555555 กราบพี่ยุคแกจริงๆ หยุดหัวเราะไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 10-10-2017 22:19:03
โอ้ยยย

ฮาท้องคัดท้องแข็งอ่ะเอาจริง

คัลลิสโตแม่งกวนสลัด

ปล. มาสั้นไปม้ายจิตติ๊

 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-10-2017 22:22:05
กวนแบบนี้ตีกันตายก่อนจะคุยรู้เรื่อง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Super From ที่ 10-10-2017 22:30:34
มีความกวนสูงมาก :z3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 10-10-2017 22:31:07
ทำไมกวนตีนนน  55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-10-2017 22:39:23
 :laugh:

ดีๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-10-2017 22:45:35
โอ้ยยยยยยเกลียดดดดด ถ้าตัวจริงพี่หมีใหญ่จะกวนตีนแบบนี้นะแล้วนี่จะญาติดีกันได้มั้นละคะเนี่ย หืมม ละแหมทีตอนนี้บอกว่าไม่ปกปิดชื่ออยู่แล้วทีตอนพี่ยินถามในเอ็มละทำเฉไฉ แล้วที่กวนตีนแบบนี้นี่คือเครียดมาจากการเขียนนิยายเหรอคะ สงสารพี่ยินอะจะรับมือกับคนแบบนี้ยังไง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-10-2017 22:54:38
ดูฟินแปลกๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 10-10-2017 22:56:15
โอ้ยยย เจ้าหมีใหญ่ก็กวนตีน พ่อนักเขียนแนวอาชญากรรมนามศตวรรษนี่ก็โคตรกวนตีน สองคนนี้เป็นคนเดียวกันแน่ๆ แล้วอิคุณยุคก็น่าจะรู้ด้วยว่าชยินคนนี้กับชยินที่เจอในเอ็มคือคนคนเดียว ถึงได้กวนประสาทไม่ยั้งแบบนั้น ปวดหัวแทนชยิน 555 เจอคนที่เหนือกว่าพร้อมจะกำหราบแล้ว ว่าแต่วิธีขอเบอร์นี่เนียนใช้ได้เลยนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: alien.aiiwz ที่ 10-10-2017 22:56:56
เขาเจอกันแล้วววว
อิพี่หมีใหญ่นี่แอบชอบชยินอยู่แล้วป่ะ
ยังไงๆ
แล้วมีความเนียนขอเบอร์ไปอีก
อยากจะกริ๊งไปท้าต่อยจริงๆเหรอจ๊ะ
กิกิ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 10-10-2017 23:47:34
คุณคัลลิสโตโคตรกวนตีนเลยอ่ะ 55555 ต้องใช่คนเดียวกับดาวหมีใหญ่แน่ๆ คอนเฟิร์มเองเรียบร้อย ชัวร์!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 10-10-2017 23:57:53
เนียนได้อีก วิธีขอเบอร์,,,
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Midorima ที่ 10-10-2017 23:59:52
ทำไมรู้สึกว่ามวยถูกคู่ 5555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Tpicha ที่ 11-10-2017 00:02:43
โอ๊ยย ยุคมีความกวนตีนหนักมากกก อ่านไปยิ้มไป 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 11-10-2017 00:12:20
กวนตีนกว่านี้ไม่มีอีกแล้วอ่ะ
ถ้านี่เป็นชยิน กระโดดถีบไปแล้ว 5555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-10-2017 00:29:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: เหมาะกันดีอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 11-10-2017 00:39:35
โอย พระเอกแต่ละคนของคุณจิตตินี่ดีๆทั้งนั้นเลยนะคะ แถมดูท่าแล้วไม่น่าจะมีอะไรเศร้าไปกว่าความเหงาของชยินแล้วด้วย5555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-10-2017 03:37:26
อิคุณหมีใหญ่ กวนมากจ้ะ ชยินคือไปไม่ถูกเลย55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 11-10-2017 04:35:18
มาแค่นี้ก็ฟินหนักมาก อ้ายยยย ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 11-10-2017 07:00:46
กวนตีนนนน 5555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 11-10-2017 07:14:00
ศตวรรษ = สระเอ หอหีบ สระอี ไม้โท ยอยักษ์
5555555555 ชยิน ชยิ๊นนนนนนน
มันต้องเขียนแบบนี้ดิ
ผอผึ้ง สระอัว ชอช้าง ยอยักษ์ สระอิ นอหนู.... :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 11-10-2017 07:58:41
อร้ายยยยยกรี๊ดดดดดด :katai4: หลงรักกกกกกกกพระเอกมาก เขินอ่ะ วรั้ยยยยยยยยยยย :o8: :-[ ชยินก็น่ารัก จ๊วบๆ :mew1: รอนะครับผม พี่จิตติมาเร็วๆนะ :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 11-10-2017 09:01:32
คุณน้องชยินคะ.หนูบอกรหัสปลดล็อคกะคนแปลกหน้าง่ายขนาดนั้นเนี่ย.....เหมือนดูเชื้อเชิญนะคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 11-10-2017 10:22:14
ความกวนตีนนี้ เราชอบค้าาา

อ่านไปขำไป
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 11-10-2017 10:37:50
ข่ะ นี่คือตัวจริงของพระอกใช่ไหมคะ
ขำออกเสียงเลยข่ะ อิบ้าาาาาาา
คือคลายเครียดไปได้เยอะเลยค่ะ ชอบมากกก
ชอบพระเอกแบบนี้ อยากเห็นเค้าเริ่มชอบกัน จีบกันแล้วค่าาาาา ว้อยยยยย  :ling1: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 11-10-2017 11:05:07
พี่หมีใหญ่กวนทีนมากค่ะ ฮามากก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 11-10-2017 11:45:36
555+ มีความฮา... 55+
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 11-10-2017 13:36:36
ฮือ กวนตีนมากๆ ชยินสู้เค้านะลูก5555555 เหมือนศตวรรษจะรู้ว่าเป็นชยินเลยเนียนเอาเบอร์เลยถูกมะ ร้ายนะเรา :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 11-10-2017 14:35:03
คนนี้แน่ๆเลยแก 55555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-10-2017 17:01:08
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-10-2017 17:54:54
กวนตีนมาก 555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: yprjb ที่ 11-10-2017 18:05:37
มวยถูกคู่ 55555 ฉันจะต้องมาหลงผุ้ชายกวนตีนของจิตติอีกซักกี่คน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Daramin ที่ 11-10-2017 19:35:54
รอค่าาาาา ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 11-10-2017 19:53:38
เกลียด จริงป้ะจ้ะ มากเลยอะ555555555
ทำไมหมีใหญ่กวนตีนขนาดนี้55555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 11-10-2017 19:56:55
อีพี่หมีแอบกวนตีน ชยินมากๆเลอเขอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-10-2017 20:43:34
มีความกวนตีนสูงจริงๆ สูงซะจนสงสารน้องชยินเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 11-10-2017 21:07:53
คือยุคมีความกวนตีนสูง 5555555
ยอมใจอะบอกเลย
แต่ดูหล่อมากตอนที่ชยินบรรยายตอนยุคมาถึงร้าน 55555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 11-10-2017 21:39:31
ยุคมีความกวนตีนหนักมาก อดใจรอไม่ไหวแล้ววว  :katai1: :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 11-10-2017 21:57:28
นึกภาพไม่ออกว่าจะเสียเลือดไปเท่าไหร่กว่าเขาจะได้คบกัน 555555555555555555555555 มีหวังต่อยกันปากแตกก่อน ฮื้อ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: JokerLK ที่ 11-10-2017 22:14:34
โอ้ย ชยินลู้กกกกก 5555555555555
เรามันคนตัวเล็กๆจะไปสู้อะไรกับเค้าได้
5555555555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 11-10-2017 22:32:16
กวน......... โคตรคุณศตวรรษ 55555555
แหมเนียนเอาเบอร์ชยิน
ชยินเป็นคนโคตรฮา รู้สึกยังไงก็ค่อนข้างแสดงออกแบบนั้นไปเลยนะ 55
รอติดตามๆ เมื่อคนเหงาๆกับคนกวนๆมาเจอกัน
นี่แอบคิดนะ ชยินต้องได้แต่งเพลงให้ศตวรรษแน่ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: NoeiChonlada ที่ 11-10-2017 23:02:43
หยุดขำไม่ได่เลย  โอ้ยความกวนตีนเน้ 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 11-10-2017 23:27:55
กวนมากกก ขำอ่ะ ฮือ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 12-10-2017 16:56:12
งื้อออออ #ทีมเมียศตวรรษ
ตอนนี้สารวัตรเป็นใครบอกเลยไม่รู้จัก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-10-2017 21:53:05
ทำไมกวนตีนมากขนาดนี้ 555555555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-10-2017 14:36:08
เจ๋งอะ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 13-10-2017 16:11:32
สนุกค่ะๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 14-10-2017 10:12:33
สนุกดีครับ จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 14-10-2017 11:14:51
สนุกมาก ขำอะ คนอะไรทำไมฮาแบบนี้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Elektra ที่ 14-10-2017 14:28:06
อีพี่หมีเพื่อนซี้อิสารวัตรไหมนี่
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-10-2017 15:30:33
สารวัตรแพ้แล้วค่ะ 55555 เจอศตวรรษเข้าไปป
คนอะไรรร กวนตีนนนขนาดนี้
ชยินนน อย่าไปยอม สู้ หนูต้องสู้ลูกกกก
แต่พี่ยุคนี่เนียนจังนะคะ คุยกันไม่ถึง5นาทีได้เบอร์ไปแล้ว
ชยินนี่เมาหรือมึนบอกรหัสเครื่องเค้าเฉยยเลย
อยากอ่านพาร์ทยุคเลยค่ะ อยากรู้คนแบบนี้มีความคิดยังไง555
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-10-2017 21:57:49
จะต้องมีประเด็นแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-10-2017 22:49:39
กวนตีนสไตล์...ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 16-10-2017 07:07:34
MSNหลงยุค
สนุกมากค่ะ
ชยินเป็นคนตลกน่าแกล้งมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-10-2017 09:44:57
55555 อย่าบอกนะว่าคนเดียวกัน ทำไมพอดีแบบนี้
แล้วฮามาก ยุคจะกวนไปไหน คือชยินของขึ้นแล้วขึ้นอีก

แล้วดูย้อนกันแต่ละคำ ไม่มีใครยอมใคร

เจอกันแล้ว จะได้ไปตีกันหลัง 7 ปิดไหมล่ะ หรือจะพาไปปั่นเรือเป็ดแทน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-10-2017 10:48:01
ทำไมอ่านแล้วเครียด


ขำขนเครียดด 55555

บางทีก็สงสัย เราจำเป็นต้องขำกับมุขทั้งตอนไหม


55555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 16-10-2017 12:38:58
กวนสุดพลังพี่ยุค
รออ่านเลยอ่ะ สายนี้เราชอบ
ขอบคุณค่าน้องจิตติ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Quasar77 ที่ 16-10-2017 17:21:48
งือออออออออออ  กวนนนนอ่าาาาาา
อ่านไปหัวเราะไปจนจะเป็นบ้าแล้ว
สมกับที่รอมานาน  รัก 'ชยิน' กับ 'ศตวรรษ'   :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 17-10-2017 00:00:55
มาอ่านตามที่จิตติต้องการแล้ววววว มาหวีดไปพร้อมๆกับเพื่อน555555 นี่คือเปิดตัวพระเอกถูกมั้ย มีความกวนตีนม๊ากกกกกก 5555555 น่าติดตามจริงๆอยากรู้ว่านางได้เอ็มชยินมาได้ไง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: popeyez ที่ 21-10-2017 13:54:22
กวนตีนนนนนนน

โอ๊ยยยยยเข้าใจแล้วว่าเวลาเราไปกวนตีนคนอื่นมันรู้สึกยังไง

แพ้ทางคนอย่างยุคนะคะ 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-10-2017 14:02:57
ยุคนี่พี่หมีใช่มะ เดาได้จากระดับความกวนตีน
อยู่ด้วยกันคงไม่เหงา แต่คงฆ่ากันตายก่อนแน่ๆ
พี่หมีจะจีบวิธีนี้จริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 24-10-2017 13:32:17
ความกวนกินกันไม่ลงจริงๆ  555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 24-10-2017 20:50:12
ชยินน่ารัก มีความน่าเอ็นดูมากค่ะลูก อยากช่วยไปคลายความเหงา 55555
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-10-2017 19:10:01
ชยินพ่ายแพ้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 26-10-2017 04:33:05
งือออ น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 26-10-2017 07:12:09
ชยินลูกกกก ยอมมั้ยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 26-10-2017 23:22:09
ความกวนนี้มันคุ้นๆนะว่าไหม เหมือนคนที่ไม่ยอมบอกชื่อ 5555
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 27-10-2017 22:57:24
ชอบทั้งยุคทั้งชยิน ดูเข้ากันมาก ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่2 [10/10/60] *หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 28-10-2017 23:34:28
 :a5:  ปวดหัวแทนชยินเลยจ้าาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 02-11-2017 19:56:46

ตอนที่ 3
ศตวรรษบุคคลเหนือโลก



   หลังคุณนักเขียนหัวจรวยเผ่นแน่บเข้าห้องน้ำไป ก็ถึงคราวที่ผมจะได้เฉ่งมันให้ไอ้ท็อปฟังได้เต็มที่ สงสัยชาติก่อนผมคงเคยทำกรรมหนักกับมันมาก่อน ชาตินี้เจ้าตัวถึงได้ตามมาเอาคืนจนแทบกระอักเลือด

   “นักเขียนมีเป็นร้อย ทำไมไม่รู้จักเชิญมาสัมภาษณ์วะ” พูดแล้วก็ขึ้น อยากเดินไปตบกะโหลกคนกวนประสาทนั่นสักทีสองที ติดอยู่อย่างเดียวคือไม่มีความกล้าพอที่จะทำเนี่ยแหละ ปากดีไปวันๆ เท่านั้นล่ะกู

   “ก็คนนี้กำลังดังไง อีกอย่างเขาก็เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีนึง มึงก็ใจเย็นๆ หน่อย” ไอ้ท็อปตอบหน้าตาย ไม่ได้รู้สึกสำนึกเลยสักนิดที่พาผมมาให้ใครไม่รู้เชือดถึงที่

   “มึงควรรับผิดชอบกูด้วยมั้ย”

   “เรื่องอะไร”

   “เรื่องที่ทำให้วันดีๆ ของกูอับเฉาไง”

   “ปกติชีวิตมึงน่าจะเหี้ยกว่านี้อีก เอาน่า...ทนหน่อย กว่ากูจะนัดเขามาได้เล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็นเลยนะเว้ย”

   “คิวแน่นขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

   “หึ! เขาไม่มีอารมณ์อยากเจอ”

   เหยดเขร้! ให้มันได้อย่างนี้สิ เคยคิดมาตลอดว่าตัวเองก็อินดี้ระดับหนึ่งแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้จะเจอคนอาการหนักกว่าหลายเท่า แถมดูเหมือนมันก็ไม่ค่อยจะแคร์ใครเท่าไหร่เลยด้วย

   “งั้นมึงรีบสัมภาษณ์กูได้มั้ย ไม่อยากอยู่นานกว่านี้ว่ะ”

   “แป๊บนึงสิวะ”

   “สรุปมึงจะสัมภาษณ์กูชาตินี้หรือชาติหน้า นี่กูพลาดเอาเบอร์ให้คนแปลกหน้าไปแล้วมึงไม่เดือดร้อนแทนกูหน่อยเหรอ” ไอ้ท็อปชะงักมือจากการเรียงสคริปต์แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง

   “บล็อกสิ”

   “ทำไมมึงฉลาดจังวะ” ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ก่อนหน้าที่โดนขอรหัสผ่านก็ยอมบอกไปง่ายๆ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง รู้ตัวอีกทีปากก็สั่นผั่บๆ บอกรหัสผ่านให้คนแปลกหน้าซะเรียบร้อย

   “กูไม่ได้ฉลาด มึงแค่โง่”

   “สึด” หลังอดีตเพื่อนต่างห้องเสนอแนวคิด ผมก็ไม่รอช้าหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดไปที่เบอร์โทรเข้าล่าสุด แล้วจัดการบล็อกอีกฝ่ายอย่างทันท่วงที

   คิดจะเล่นกับชยิน รอชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะครับ

   “บล็อกแล้วใช่มั้ย ถ้าเสร็จแล้วกูรบกวนมึงเดินไปสั่งเครื่องดื่มให้คุณยุคหน่อย”

   “ทำไมต้องกู”

   “กูจะสัมภาษณ์เขาก่อนจะได้ไม่เสียเวลา นะ! ช่วยดูแลเขาหน่อย” ไม่พูดอย่างเดียว แม่งเล่นกะพริบตาปริบๆ เป็นการอ้อนวอนอีกต่างหาก

   ไอ้ท็อป กูไม่น่าเรียนโรงเรียนเดียวกับมึงเลยแสรดดดดด

   “เออสั่งให้ก็ได้ แต่เดี๋ยวรอมันกลับมาก่อนแล้วกัน” ดีหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ต้องนั่งกวนประสาทกันสักห้านาที

   “นั่นไง มาแล้ว” ผมหันไปมองร่างสูงที่กำลังสาวเท้ากลับมายังโต๊ะ ก่อนตัวเองจะรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และยิงคำถามใส่อีกฝ่ายซึ่งยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้อย่างไวว่อง

   “คุณ ผมจะไปสั่งเครื่องดื่มให้ อยากกินอะไรครับ”

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปสั่งเอง”

   “เอ่อคุณยุคครับ ผมกะว่าจะเริ่มสัมภาษณ์ตอนนี้เลย ให้ชยินสั่งให้เถอะครับ” ไอ้ท็อปเป็นฝ่ายแทรกขึ้น คนตรงหน้าจึงหันเหความสนใจมาที่ผมอีกครั้ง

   “คุณว่าแบบผมชอบกินอะไร” เอ้า! ถามกูอีก

   “ผมจะไปรู้เหรอ ก็อาจจะเป็นเอสเพรสโซ่หรืออเมริกาโน่มั้ง” ดูจากการแต่งตัวในคราบนักฆ่าของมัน ยังไงซะก็คงหนีไม่พ้นกาแฟเข้มๆ อีกตามเคย แต่ดูคำตอบมันครับ...

   “ดาษดื่น”

   “ชอบพวกมัคคิอาโตหรือเปล่าครับ”

   “ไม่”

   “ช็อกโกแลตร้อนมั้ย”

   “ไม่”

   “สรุปจะเอายังไง”

   “ยืนเอาได้มั้ย”

   “...!!”

   “แต่ปกติผมก็นอนเอานะ คุณว่าไงอ่ะ”

   โว๊ะ! เชี่ยนี่...

   “ผมขี้เกียจเดาแล้ว รีบบอกมาเลยครับเสียเวลา” ก่อนเส้นเลือดในสมองของไอ้ชยินจะแตกตาย ช่วยสงเคราะห์บอกสิ่งที่มึงอยากแดกออกมาด้วยเถอะ เรื่องมากยิ่งกว่าศาลเจ้าพ่อร่างทรงแถวบ้านกูอีก

   “งั้นผมขอนมสตรอเบอร์รี่ปั่นหนึ่งแก้วแล้วกัน”

   โอ้โห พ่อคุณ สั่งเครื่องดื่มได้ทรยศหน้าตาสัดๆ ไปเลยครับโผ้มมมมมมม กูขอความเข้ากันระหว่างเสื้อผ้าที่มึงใส่กับนมที่มึงแดกหน่อยเถอะ

   “โอเคเดี๋ยวผมไปสั่งให้”

   “ขอเพิ่มวิปครีมด้วยนะ”

   “จ้า”

   ผมรีบหมุนตัวเข้าไปในร้าน จัดการสั่งเครื่องดื่มหวานแหววมาให้อีกฝ่ายอย่างจำใจ แต่หลังรอรับเครื่องดื่มตรงปลายบาร์ ผมกลับได้รับนมสตรอเบอร์รี่ถึงสองแก้ว

   “ขอโทษนะครับ พอดีว่าผมสั่งแค่แก้วเดียวนะครับ” พนักงานซึ่งกำลังง่วนกับการทำเครื่องดื่มอีกแก้วเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหวานสุดๆ

   “ช่วงนี้เป็นโปรโมชั่นของทางร้านค่ะ สั่งนมสตรอเบอร์รี่ซิกเนเจอร์หนึ่งแก้วแถมหนึ่งแก้วค่ะ” ว่าแล้วเธอก็ชี้ไปที่ป้ายเล็กๆ ซึ่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แถมในนั้นยังเขียนข้อความ ‘โปรโมชั่นคู่รัก’ เอาไว้ตัวเบอเร่ออีกต่างหาก

   “งั้นขอบคุณมากนะครับ”

   “ยินดีมากค่ะ”

   ว่าแล้วก็จัดการถือแก้วเครื่องดื่มสีชมพูดเดินออกไปยังสนามหญ้าด้านนอก เห็นไอ้คุณยุคกับไอ้ท็อปกำลังสัมภาษณ์กันอย่างคร่ำเคร่งผมเลยไม่อยากพูดแทรก รีบวางแก้วเครื่องดื่มทั้งสองไว้ตรงหน้าคนตัวสูงกว่า จากนั้นก็จัดการหยิบมือถือขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา

   แต่แล้ว บทสนทนาถามตอบกลับหยุดชะงักลงชั่วครู่

   ผมเงยหน้าขึ้นไปมองสถานการณ์ เห็นมือหนาของอีกฝ่ายกำลังดันแก้วนมสตรอเบอร์รี่มาไว้ตรงหน้าผมอย่างช้าๆ โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

   “ของคุณ” ผมบอก

   “ผมมีแล้วไง นี่ของคุณ”

   “ผมไม่ชอบกินนม กินแต่กาแฟ”

   “ถึงว่า”

   “อะไร”

   “โดนกาแฟกัดกระดูกจนเตี้ยเลย” โหยสัด! กูจะโกรธมึงยันบรรพบุรุษแล้วนะ

   ร้อยเจ็ดสิบหกนี่บ้านมึงเรียกเตี้ยเหรอ

   แต่ถึงแม้ในใจจะเดือดดาลแค่ไหน สิ่งที่ผมทำได้กลับเป็นแค่การรักษามารยาทด้วยการตอบกลับไปอย่างเข่นเขี้ยวสุดชีวิต

   “ผมก็สูงตามมาตรฐานชายไทยนะครับ มีแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่สูงผิดมนุษย์มนามากกว่า”

   “ดีนะครับที่ผมไม่ใช่คนกลุ่มนั้น”

   ยัง ยังไม่รู้ตัวอีก

   แล้วที่พูดไปก่อนหน้าว่าไม่กินก็เหมือนจะไม่ฟังกันด้วย เพราะคุณชายศตวรรษแกหันไปหาไอ้ท็อปแล้วเริ่มสัมภาษณ์ต่อ ส่วนผมที่หมดอารมณ์จะเล่นมือถือฉับพลัน ก็เปลี่ยนมานั่งฟังบทสัมภาษณ์ของอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้แทน

   “ตอนนี้คุณอายุยี่สิบห้า มีอะไรในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างครับ” นี่คือคำถามจากไอ้ท็อป

   “ไม่นะ ชีวิตผมเหมือนเดิม มีแค่อายุที่เพิ่มขึ้นซึ่งผมก็คิดว่าจริงๆ แล้วใจของผมก็ยังคงเป็นเด็กอยู่” คำตอบมันทำให้ผมนึกถึงโคนันเวอร์ชั่นรีเวิร์สเลยว่ะ

   ถึงอายุจะเพิ่ม แต่สมองยังปัญญาอ่อนเหมือนเดิม ผมเพราะคือ...

   ศตวรรษ แฮร่!

   ไปที่ไหน ฉิบหายวายวอดที่นั่น

   “คุณเขียนนิยายมาค่อนข้างเยอะ สิ่งที่คุณหลงรักในตัวของมันคืออะไร”

   “ผมหลงรักตัวหนังสือของผม” เหยดแหม่ คำตอบมึง Positive thinking เว่อร์ เรื่องคิดเข้าข้างตัวเองกูให้มึงชนะเลิศ พอก่นด่าในใจได้ไม่นาน เจ้าตัวก็รีบขยายความต่อทันที “มันเหมือนเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ และผมจมจ่อมกับมันได้ไม่มีเบื่อ”

   “คุณดูเป็นคนจริงจังมากกับการทำงาน แล้วชีวิตประจำวันของคุณล่ะ จริงจังขนาดนี้มั้ย”

   “ภายนอกผมดูเป็นคนสบายๆ ใช่มั้ย แต่ภายใต้คำว่าอะไรก็ได้มีความเยอะแฝงอยู่ เอาจริงๆ ผมก็เป็นคนเลือกเยอะคนหนึ่งแหละ”

   “ที่พูดนี่หมายถึงความรักใช่หรือเปล่า” ไอ้ท็อปถามนอกประเด็น ซึ่งแน่นอนว่ามันมีความเชื่อมโยงกับคำตอบของไอ้คุณยุคค่อนข้างมาก

   เออ กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าแฟนมึงเป็นคนแบบไหน กูจะได้ไว้อาลัยให้ล่วงหน้า

   เกิดมามีกรรมนะเราอ่ะ

   “ก็ประมาณนั้นมั้งครับ”

   “คุณยังไม่มีแฟนเหรอ”

   “ใช่ครับ”

   “แล้วเคยคิดมั้ยว่าอยากหาใครสักคนมาเป็นเพื่อนคู่คิด หรือมองหาความสัมพันธ์เรียบง่ายแทนการอยู่คนเดียว” ถ้าคำถามนี้เป็นของผม ผมคงรีบตอบว่าคิดครับ

   กูอยากมีเมีย เพราะความเหงามันไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ ผมคิดว่าคนหลายคนที่ก้าวเข้าสู่วัยทำงานล้วนคิดคล้ายกัน แต่เชื่อมั้ย คำตอบที่ได้จากไอ้ศตวรรษกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

   “ผมไม่เคยคิด ไม่เคยกังวลว่าจะต้องหาแฟนหรือแต่งงาน ไม่ต้องวางแผนว่าวันนี้จะออกไปหาแฟนที่ไหน หรือเวลาเจอคนน่ารักสักคนแล้วต้องเดินเข้าไปจีบเพื่อให้ตัวเองหายเหงา ผมไม่ชอบแบบนั้น มันเหมือนกับว่าเรากำลังฝืนตัวเอง”

   คำตอบนั้นเสียดแทงเข้ามาที่ใจผมอย่างจัง

   “ผมชอบความสัมพันธ์ที่ว่า ถ้าวันหนึ่งเราเจอคนที่ใช่เราก็จะรู้เอง ไม่ต้องไปเร่งมัน ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องเป็นแค่คนนี้”

   เชี่ยยยย รู้สึกเท่ว่ะ

   ขอจดมุกนี้ไปแต่งเพลงหน่อยซิ

   “แล้วคุณเคยมีความคิดจะเขียนนิยายเกี่ยวกับความรักบ้างมั้ย” ไอ้ท็อปยังคงถามต่อ

   “ไม่ครับ มันดูเวิ่นเว้อ นิยายรักอย่างน้อยก็ต้องมีความโรแมนติกอยู่บ้าง ซึ่งผมไม่ใช่คนโรแมนติก”

   ใช่! มึงเป็นคนเหี้ย

   “แล้วจริงๆ ความรักของคุณยุคหน้าตาเป็นแบบไหน”

   “มันไม่มีอะไรตายตัว บางครั้งอาจจะดูงงๆ เป็นสิ่งที่แปลกประหลาด อธิบายรูปร่างไม่ได้แต่อาจรับรู้ด้วยความรู้สึก”

   “แปลกประหลาดนี่เหมือนชยินมั้ย”

   พรวด! ผมพ่นน้ำใส่กระดาษของไอ้ท็อปทันที ไอ้ยุคเลยรีบหยิบทิชชูมาให้พร้อมกับแก้ต่างอย่างรวดเร็ว

   “สเป็กผมเป็นคนนะ”

   “...”

   “แต่เขา...ไม่เหมือนคน”

   กูร้องไห้ในใจหนักมาก ไอ้เหี้ย! ลากกูไปฆ่าเหอะว่ะ

   “แหม คุณยุคคิดว่าผมเป็นเทพบุตรสินะครับ” เงียบอยู่นานสุดท้ายก็ต้องยอมเปิดปากโต้เถียงกลับไป มึงมีสิทธิ์อะไรมาว่ากูไม่เหมือนคนวะ!

   “ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็แล้วแต่นะ”

   กูทำหน้างอใส่แม่งเลยสัด

   “ผมล้อเล่นน่า” โหยที่พูดมานี่มึงใช้คำว่าล้อเล่นเหรอ ขี้ตีนกูนี่ แต่สิ่งที่ตอบกลับไปได้ก็มีแค่...

   “ขี้เล่นนะเราอ่ะ”

   “เราก็ขี้เหร่เหมือนกันนะเนี่ย”

   “ต่อยกันเถอะจะได้จบๆ”

   “ไม่ต่อยครับ เสียมือ”

   “อ่ะเอ่อ...เดี๋ยวก่อนนะทั้งคู่ อย่าเพิ่งตบมุกก๊านนนน ฮ่าๆ” ไอ้ท็อปรีบเบรกเราเอาไว้ แม้จะหัวเราะแกนๆ แต่ในแววตาของมันนั้นผมสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้า มึงกำลังร้องไห้ในใจอยู่สินะ กูเองก็ไม่ต่างจากมึงนักหรอก ฮือ

   แล้วดูคนก่อเรื่องซะก่อน เล่นนั่งดูดน้ำสตรอเบอร์รี่สบายใจเฉิบ ไอ้คนจิตใจหยาบช้า

   หลังเพื่อนท็อปนั่งลูบน้ำลายของผมที่พ่นลงบนกระดาษให้อยู่ในสภาพที่พอใช้งานได้ มันจึงกระแอ่มไอสองครั้งเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มใหม่

   “เอาใหม่นะครับ สรุปสเป็กคุณยุคเป็นแบบไหน”

   “สำหรับผมมันไม่มีอะไรตายตัว เชื่อสิ พอถึงเวลาคุณจะลืมสเป็กทุกอย่างที่เคยคิดไว้ แล้วใช้ความรู้สึกของคุณแทน”

   เช่นความรู้สึกที่อยากกระโดดกัดหูมึงในตอนนี้สินะ

   จากนั้นการสัมภาษณ์ก็เป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหา แม้ผมจะถูกแซะและพูดถึงอยู่บ้างแต่ก็พอข่มใจยอมรับได้ ไอ้ท็อปจัดการบันทึกเสียงและจดบทสัมภาษณ์บางอย่างใส่สมุดจนครบ กระทั่งมันเบี่ยงตัวมาหาผมเล็กน้อยพร้อมกับเริ่มบันทึกเสียงใหม่

   “คราวนี้ตามึงแล้วชยิน”

   “โอเค” ผมนั่งตัวตรง จัดคอเสื้อให้เป็นระเบียบ

   “มึงจัดเสื้อทำไม กูอัดเสียง ไม่ได้จะอัดวิดีโอ”

   “ก็แล้วทำไม” อย่างน้อยก็ขอมีภาพลักษณ์ดีๆ ต่อหน้าไอ้ศตวรรษไม่ได้หรือไง แค่นี้มันก็เกทับผมจนไม่เหลืออะไรให้สู้แล้วเนี่ย

   บทสัมภาษณ์ตอนเริ่มต้นนั้นไม่รู้ว่าเหมือนไอ้นักเขียนกวนตีนนี่มั้ยเพราะตอนเริ่มผมไม่ได้ฟัง แต่ก็ตอบทุกอย่างที่พอจะตอบได้ทั้งหมด กระทั่งเนื้อหาเริ่มเข้าสู่ความเป็นจริงเป็นจังขึ้น

   “ตอนนี้คุณชยินเป็นนักแต่งเพลงสังกัดค่ายไหนครับ”

   “ผมเป็นฟรีแลนซ์ ไม่ได้สังกัดใครครับ” และตอนนี้กำลังว่างงานอยู่ด้วย แต่กูไม่บอกหรอก เดี๋ยวแพ้!

   “เพราะเพลงที่คุณแต่งดังมากหลายเพลง และได้รับการยอมรับในวงการ รู้สึกกดดันบ้างมั้ยกับการแต่งเพลงใหม่ๆ ในตอนนี้รวมถึงอนาคต”

   “เรื่องกดดันมันก็มีอยู่นิดหน่อย เพราะเราเคยทำไว้ดีมาก หลายคนคาดหวังว่ามันต้องดีแต่บางครั้งผมก็ไม่อยากโฟกัสมัน ผมสนแค่ว่าตอนนั้นผมมีความสุขกับการแต่งอะไรมากกว่า”

   จริงๆ สนแค่ตังค์และปากท้อง แต่กูไม่พูดหรอกเดี๋ยวไม่หล่อ

   “มีคนในวงการบอกว่า คุณคือนักแต่งเพลงสายติสต์ ประโยคนี้คือความจริงของคุณมั้ย”

   “ผมไม่ได้ติสต์ครับ ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป” แค่เป็นคนขี้เหงา

   “ระหว่าง Passion กับความรับผิดชอบ คุณคิดว่าคนทำงานสายนี้ควรมีอะไรมากกว่ากัน” ผมหันไปมองคนตัวสูงที่นั่งไขว่ห้าง แกว่งตีนไปมาอย่างยียวน

   พยายามเดาคำตอบว่าถ้าเป็นคนถามของมัน แม่งจะตอบว่ายังไง

   “สำหรับผมความรับผิดชอบควรมาเป็นอันดับหนึ่งครับ การที่คนเราจะทำงานอะไรสักอย่างให้สำเร็จลุล่วงก็ควรมีความรับผิดชอบในงานชิ้นนั้นก่อนเสมอ”

   และนี่คือคำตอบของผม ซึ่งไอ้นักเขียนข้างๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนอกจากเอื้อมหลอดยาวๆ ของมันมาตักวิปครีมตรงแก้วผมไปแดกแบบไร้ยางอาย ซึ่งผมก็ทำได้แค่ตวัดสายตามองเท่านั้น

   “เพลงที่คุณแต่งส่วนใหญ่มักเป็นเพลงรัก คุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหน หรือจริงๆ แล้วแต่งมาจากชีวิตของตัวเอง” ดูสคริปต์ไอ้ท็อปเข้า กล้าถามมาได้ยังไงว่ามาจากชีวิตกู โสดจนเหี่ยวขนาดนี้ไม่น่าจะเดายากนะ

   “ผมก็ได้ไอเดียมาจากคนรอบตัว เพลงต่างๆ ที่ได้ฟัง หนังที่ได้ดู หรือหนังสือที่เคยอ่าน หลายอย่างเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการแต่งเพลงครับ”

   “ตอบแบบนี้แสดงว่าคุณชยินยังไม่มีแฟนใช่มั้ยครับ”

   “ใช่ครับ”

   “แล้วเคยมีความคิดว่าถ้าเกิดวันนึงคุณมีความรักกับใครสักคนขึ้นมาจริงๆ คุณอยากแต่งเพลงให้คนที่รักมั้ย”

   “แน่นอนครับว่าผมต้องทำแบบนั้น”

   “คุณเป็นคนมีพรสวรรค์ ถ้าหากได้รับงานแต่งเพลงเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่คุณไม่รู้จัก คุณจะแต่งได้มั้ย” ผมหันไปมองไอ้ศตวรรษ ก่อนคลี่ยิ้มอย่างคนเหนือกว่า

   ตั้งแต่ได้รู้จักมัน กูเกทับชาวบ้านเขาเก่งขึ้นมากเลย

   “ได้สิครับ อย่างเช่นคุณยุคนี่ผมก็แต่งให้ได้นะ เอาเป็นเพลงอกหักโดนทิ้งดีมั้ย” ใบหน้าคมเลิกคิ้วสูง ก่อนสวนกลับมาทันควัน

   “งั้นผมจะตอบแทนด้วยการเขียนเรื่องฆาตกรรมให้คุณเรื่องนึง คุณอยากตายศพแบบไหนขอมาได้เลย”

   “คุณเก็บความหวังดีเอาไว้ใช้กับตัวเองเถอะครับ”

   “ศพที่แล้วก็เคยพูดแบบนี้”

   “...”

   “ผมหมายถึงในหนังสือน่ะ”

   “เพลงก่อนหน้าที่ผมเคยแต่งพระเอกก็อกหักจนฆ่าตัวตายเหมือนกัน แย่เลย” จะไม่ยอมแพ้ ยังไงก็ต้องมีสักเรื่องหนึ่งแหละที่ผมชนะ “แต่ถ้าเป็นเคสอย่างคุณผมอาจจะแต่งให้ตายง่ายๆ เช่น สำลักนมสตรอเบอร์รี่ตาย”

   “เสียใจว่ะ”

   “ไม่อยากตายใช่ม้า”

   “ไม่น่ามาเจอคนติงต๊องอย่างคุณเลย มีที่ไหนพระเอกสำลักนมตาย” ก็มึงไงไอ้ฟายยยยยยย กูแช่งอยู่เนี่ยรีบตายๆ ซะ   

   “ผมสมมติมั้ยล่ะ”

   “เคๆ สมมติก็ได้”

   “...”

   “แต่ทำไมถึงทำหน้างออย่างนั้นอ่ะเรา”

   “ผมไม่ได้หน้างอ”

   “เถียงไม่ออกแล้วเหรอ”

   “เออ”

   “แพ้ซะละ”

   “เออยอม”

   “ขอโทษครับ”

   เจ้าตัวพูดแค่นั้นก่อนจะวางฝ่ามือไว้บนหัวของผมพร้อมกับขยี้ไปมา แต่จะมีใครรู้บ้างว่าการกระทำแบบนี้มันทำให้ผมแพ้อย่างจริงจัง แพ้ราบคาบเหมือนทุกที...

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 02-11-2017 19:57:37

   การสัมภาษณ์จบลงในเวลาต่อมา ไอ้ท็อปเริ่มเก็บสคริปต์ใส่กระเป๋า แต่สุดท้ายก็ไม่ลืมเอ่ยถามกับนักเขียนสุดกวนตีนที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่ตอนนี้ด้วย

   “ก่อนแยกย้าย ผมอยากขออนุญาตนำรูปของคุณยุคใส่ลงในนิตยสารด้วยได้มั้ยครับ” คำถามนี้ไอ้ท็อปมันเคยถามผมแล้ว แต่เพราะผมไม่อยากเปิดเผยตัวตนเลยแก้ปัญหาโดยการตัดรูปพระเอกกับนางเอกเอ็มวีมาใส่แทน

   แต่รายนี้...

   “ได้ครับ ถ่ายตอนนี้เลยก็ได้” อุ๊แหม่...ดูเหมือนเป็นคนหวงตัวแต่สุดท้ายก็ไม่ใช่นี่หว่า

   ผมมองดูคนตัวสูงนั่งดึงปีกหมวกลงมาปิดหน้ามากขึ้น จากนั้นก็หยิบแมสก์สีดำมาใส่ตามสเต็ป ทำขนาดนี้มึงก็ไม่ต้องลงรูปหรอกไอ้ควาย เล่นปิดหมดโผล่มาเห็นแค่ลูกตา ถ้ากูเป็นคนอ่านคงนึกว่านี่คือบทสัมภาษณ์คนกรีดยางทางใต้มากกว่าจะเป็นนักเขียนอาชญากรรม

   “เอ่อคุณยุค ให้ผมถ่ายแบบนี้จริงๆ เหรอครับ”

   “อ้าว ไม่ได้เหรอครับ” เจ้าตัวถามเสียงเรียบ

   “ได้ก็ได้ครับ”

   สุดท้ายไอ้ท็อปก็ได้รูปนักฆ่าในสวนยางมาประกอบคอลัมน์อย่างสมบูรณ์

   “วันนี้สนุกมากเลยครับ”

   ดูมันพูดเข้า กูไม่สนุกกับมึงด้วยเลย

   สิบนาทีให้หลังเราต่างแยกย้ายคนละทาง เพื่อนรักต่างห้องเผ่นแน่บไปก่อนเนื่องจากมีงานต่อ ผมให้เลขบัญชีมันไปเรียบร้อยสำหรับโอนเงินค่าสัมภาษณ์ อย่างน้อยก็พอประทังชีวิตได้อีกหลายวัน

   ตอนนี้คงเหลือผมกับไอ้นักเขียนตัวสูงเท่านั้นที่กำลังลุกจากเก้าอี้ ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะจ่ายค่าเครื่องดื่มที่หน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งก็พบว่าคนขายาวกว่าเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว ดังนั้นผมจึงทำได้แค่ยืนต่อคิวอยู่ข้างหลัง

   “ของคุณลูกค้า 80 บาทค่ะ” เสียงพนักงานพูดอย่างสุภาพ

   “คิดรวมของคุณผู้ชายที่มากับผมด้วยครับ”

   “เฮ้ยคุณไม่ต้อง ผมจ่ายเอง” ความรู้สึกเหมือนโดนข่มแบบนี้ใครจะยอม

   “นี่ผมไม่ได้จ่ายให้ฟรี”

   “ทำไม”

   “แลกกับการปลดบล็อก คุณบล็อกเบอร์ผม” ทำไมแสนรู้จังวะ

   “ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

   “ปลดบล็อกด้วยครับ”

   “หา”

   “ไม่ต้องทำหน้างง ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่” ฉลาดไม่เกรงใจหมาที่บ้านแม่กูเลออออ

   “รู้ได้ไงอ่ะ”

   “ผมลองกดหาคุณในห้องน้ำ ไม่ยักกะติด”

   “จะเอาเบอร์ผมไปทำไมล่ะ ยังไงเราก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว”

   “คุณบอกว่าอยากต่อยกับผมหลังเซเว่นปิด”

   “พูดเล่นมั้ยล่ะ”

   “แต่ผมจริงจัง” แต่ละคำชัดๆ เน้นๆ จนน้ำลายแปะเต็มหน้า

   สุดท้ายก็จำต้องทำตามอย่างแย้งไม่ได้ ไอ้ศตวรรษทำหน้าพอใจ หลังจ่ายเงินเสร็จผมก็เตรียมรับอิสรภาพอย่างเต็มที่ จะติดก็ตรงกรรมเก่าแล่นเข้ามาแทรกแซงซะก่อน

   “ชยินคุณมายังไง”

   “นั่งรถไฟฟ้ามา”

   “กลับด้วยกันมั้ย”

   “ไม่ดีกว่า ผมเกรงใจ”

   “คอนโดคุณเป็นทางผ่านของผมอยู่แล้ว”

   “รู้ได้ไง”

   “ถามคุณท็อป” จบเห่ ไอ้เพื่อนนรก! “สรุปกลับด้วยกันนะ รถผมจอดอยู่นี่เอง” ว่าแล้วร่างสูงก็สาวเท้าตับๆ ไปยังรถยนต์สีดำคันหนึ่ง ไอ้ศตวรรษมันก็คือผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งนั่นแหละครับ ทำงานเป็นนักเขียน แต่งตัวเหมือนนักฆ่า ขับรถสัญชาติญี่ปุ่น และกินนมสตรอเบอร์รี่เหมือนชาวบ้านเขาทั่วไป

   เออ หรือคนธรรมดาจะไม่แต่งตัวเหมือนนักฆ่าวะ

   “ขึ้นมาสิ” เสียงทุ้มเอ่ย ก่อนผมจะได้สติจำใจแทรกตัวเข้าไปในรถยนต์ซึ่งมีน้ำหอมปรับอากาศกลิ่นโคล่าอบอวลไปทั่วพื้นที่ ผมเกลียดกินนี้มากครับ ไม่ใช่เพราะมันเหม็นนะ แต่มันทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาทันที

   “คุณกลั้นหายใจทำไม”

   “เปล่า”

   “ไม่ชอบกลิ่นโคล่าเหรอ”

   “เวลาผมได้กลิ่นของกินทีไรผมจะหิว”

   “ดูเป็นคนมีปฏิกิริยากับทุกอย่างเนาะ เหมือนเด็กเลยคุณ”

   “ใครเด็ก”

   “คุณ”

   “ผมไม่เด็ก”

   “ส่วนผมก็ไม่เล็ก”

   “...”

   “เนี่ย ทำหน้างอแบบนี้เรียกนิสัยแบบเด็กๆ” ผมเม้มปากแน่น ไม่คิดโต้กลับเพราะถึงยังไงก็คงไม่ชนะอยู่ดี

   รถเคลื่อนตัวออกไป จากตรอกเล็กสู่ถนนสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ภายในรถของไอ้คุณยุคไม่มีของอะไรมากนักนอกจากหนังสือสองสามเล่มที่อยู่บนคอนโซล และวางระเกะระกะตรงเบาะหลังสมกับอาชีพของมัน

   “คุณชอบมูราคามิเหรอ” เห็นส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น

   “ใช่ ความจริงเรียกยุคเฉยๆ ก็ได้ คนกันเอง”

   ใครกันเองกับมึง กูไม่ได้อยากสนิทด้วยสักหน่อย

   “ผมก็ชอบมูราคามินะ” เพราะเดดแอร์ผลักดันให้ผมต้องพูด สุดท้ายก็หยิบเรื่องหนังสือเนี่ยแหละขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนา

   “จริงดิ ปกติงานของเขาคนชอบก็ชอบไปเลย คนเกลียดนี่เกลียดเข้าไส้ แล้วคุณชอบเรื่องอะไร”

   “ก็เยอะนะ อย่าง Norwegian wood ก็ชอบ South of the border, west of the sun หรืออย่าง Sputnik sweetheart แบบนี้”

   “คุณเหงาใช่มั้ยเนี่ย”

   “ทำไม...” ทำไมมันรู้วะ

   “ก็เรื่องที่คุณชอบบรรยากาศมันโคตรเหงาเลย”

   “เหรอ อาจจะนิดหน่อยมั้ง แล้วคุณล่ะ”

   “ชอบทุกเรื่องที่คุณพูดมา หรืออาจจะมากกว่านั้น” เจ้าตัวยังคงจดจ่ออยู่กับการมองถนน ผมหยิบหนังสือของมูราคามิเล่มหนึ่งขึ้นมาดู มันชื่อ 1Q48 ซึ่งผมยังไม่เคยอ่าน

   “เล่มนี้ดีมั้ย”

   “มีสามเล่มจบ แต่ไม่ทำให้รู้สึกเหงาแล้วกัน”

   “มีเล่มไหนแนะนำอีก เผื่อตามไปซื้อ”

   “ทั้งหมดอ่ะ”

   “หายากฉิบหาย ฉบับภาษาอังกฤษบางเรื่องยังไม่มีขายในไทยเลย”

   “ก็คุณมันกากไง” เอาอีกละ กวนตีนมันเข้าไป

   เราเงียบไปอึดใจหนึ่ง กระทั่งตัดสินใจพูดต่อ

   “ที่ให้สัมภาษณ์ไปอ่ะจริงเหรอ แบบ...หน้าตาอย่างคุณแต่ยังโสดอยู่” ถามไปเพราะคาดหวังกับตัวเอง ขนาดไอ้คนข้างๆ หน้าตาดีขนาดนี้ยังไม่มีเมีย แล้วอย่างผมจะหาได้เมื่อไหร่เชียว

   ไม่ต้องแก่ตายไปพร้อมกับความเหงาเหรอวะ

   “อืม”

   “จริงดิ หน้าตาก็ดีสงสัยอันนั้นเล็กแน่ๆ สาวเลยไม่ชอบ” ผมแซวเล่นขำๆ

   “อยากลองมั้ยเล่า”

   “คุณเก็บไปลองกับคนที่ใช่เถอะ” กูขนลุก “แต่บางทีคนที่ใช่นี่มันก็หายากเหมือนกันนะ” มาแล้วครับความเหงา จากกันไปแป๊บเดียวก็กลับมาทักทายอีกจนได้

   “ไปขอศาลเจ้าสิ”

   “คนนะไม่ใช่แม่ย่านาง”

   “อย่าคิดมาก บางทีเนื้อคู่อาจจะรอคุณอยู่ที่ทางสามแพร่งก็ได้นะ”

   “เอ่อ...ทางช้างเผือกมั้ยครับ”

   มันหลอกด่ากูอยู่ป่ะวะ

   “เออใช่ๆ ทางช้างเผือก” แหม รีบแก้ตัวเลยนะพ่อคุณ

   “แล้วช่วงนี้เขียนนิยายเหรอ มีเร่งปิดต้นฉบับมั้ย”

   “ไม่อ่ะ ผมอยากเขียนเมื่อไหร่ก็เขียน อยากหยุดเมื่อไหร่ก็หยุด บางวันอยากออกไปดูหนังก็ดู หรือบางวันอยากนอนโง่ๆ อยู่ที่ห้องก็แค่นอน”

   “ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยคิดอะไรเลยเนาะ” ต่างกับกูมาก เหงาประจำจนบางครั้งก็ต้องออกไปเที่ยวเพื่อคลายความรู้สึกนี้อยู่บ่อยๆ

   “ชีวิตก็แค่นี้ จะคิดอะไรให้มากความ ว่าแต่คุณเถอะ แต่งเพลงเป็นไงบ้าง”

   “ก็ดี”

   “ไม่ใช่กำลังว่างงานใช่มั้ย” โอ้โห! ตรัสรู้กูไปอี๊กกกกกก

   “ไม่นะ ทำแบบชิลๆ เหมือนคุณไง ว่าแต่ช่วงนี้ดูหนังอะไรบ้าง ผมดูช้าหน่อยแต่อยากบอกว่า Blade runner 2049 สุดยอดมาก” ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องให้เร็วที่สุด ก่อนอีกฝ่ายจะรู้ความจริง

   “ชอบเหมือนกัน”

   “เฮ้ยจริงเหรอ”

   “ใช่ ยิ่งตอนโทนี่สตาร์คเหาะตีคู่กับสไปเดอร์แมนนี่ยิ่งชอบ”

   มึงไปดูเบลดรันเนอร์ที่โลกหน้าสินะ

   คุยกับไอ้นักเขียนคนนี้ไม่เคยได้สาระอะไรเลยนอกจากความกวนประสาท ปวดหัวจนอยากขอพาราสักสองเม็ดแล้วหลับไป

   “เดี๋ยวใกล้ถึงแล้ว ให้ผมเลี้ยวเข้าคอนโดคุณเลยนะ”

   “จริงๆ จอดข้างหน้าก็ได้เดี๋ยวผมเดินเข้าไปเอง”

   “ไม่อ่ะ จะไปส่งข้างใน”

   แล้วมึงจะถามกูทำหอกอะไรเนี่ย

   “คุณจอดตรงนี้เลย” รถเลี้ยวเข้ามาจอดถึงหน้าคอนโด ผมปลดเข็มขัดนิรภัยจากนั้นก็หันไปขอบคุณเจ้าของรถอย่างมีมารยาท “ขอบคุณครับที่มาส่ง”

   “คุณอยู่ห้องไหน” เอาแล้วไง มึงเป็นโจรในคราบนักเขียนหรือเปล่าวะศตวรรษ

   “จะ...จะรู้ไปทำไม”

   “ก็แค่อยากรู้”

   “งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องบอก”

   “ผมไม่ไปบอกให้ใครมาดักปล้นคุณหรอกน่า”

   “ผมอยู่ชั้นสิบเจ็ด”

   “ห้องอะไร”

   “ผมจะได้อะไรจากการบอกคุณในครั้งนี้ครับ”

   “คุณจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากต้องตอบคำถามผมเท่านั้น”

   “ถ้าอย่างนั้นยิ่งไม่จำเป็นต้องบอก”

   “งั้นแลกกัน ผมอยู่คอนโด GF ห้อง 2108”

   “ผมไม่ได้อยากรู้มั้ย”

   “ไม่รู้ล่ะ ผมบอกคุณไปแล้ว แลกกัน” เชี่ยแม่งเล่นจ้องกูซะเขม็งเลย อยากลงรถไปก็ไม่สามารถทำได้เพราะประตูถูกล็อกอยู่ พอจะเอื้อมไปกดเปิดเองก็ถูกมือหนายึดเอาไว้แน่น

   นี่กูกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรวะเนี่ย

   “คุณจะบอกเลขห้องผมดีๆ หรือจะให้ผมโชว์ควงเอว 4G ในรถคันนี้ครับ” เขร้!! กูไม่สู้

   “เออๆ บอกก็ได้ ห้อง 1714 พอใจหรือยัง”

   “ก็แค่เนี๊ยะ”

   “แล้วผมลงไปได้ยังล่ะ”

   “เดี๋ยว เหลืออีกคำถามนึง”

   “รีบเลยคุณ ผมจะขึ้นไปทำงานของตัวเองต่อ” ขืนอยู่ยาวเกรงว่าใครบางคนจะตายเป็นศพอยู่ในรถคันนี้เข้า และแน่นอนว่าฆาตกรคือกูเอง

   “ชื่อของคุณอ่ะ ชยินหมายถึงอะไร”

   “ทำไม”

   “แปลกดี ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

   “หมายถึงชัยชนะ”

   “แล้วเกิดมาเคยชนะอะไรบ้าง”

   “ทุกอย่างยกเว้นคุณ พอใจยัง” ผมมองหน้าเหมือนหาเรื่อง จริงๆ ตั้งแต่เจอกันผมก็ไม่เคยเถียงชนะอีกฝ่ายเลยสักครั้ง

   “ทำไมต้องประชดผมด้วยเนี่ย”

   “ผมไม่ได้ประชด นี่พูดความจริงเลย”

   “ส่วนผมชื่อศตวรรษ”

   “คุณเคยบอกแล้ว”

   “แปลว่าพ่ายแพ้”

   “ตลกละ”

   “แพ้ให้ชยิน”

   “...!!”

   “ก็ชื่อคุณหมายถึงชัยชนะไม่ใช่เหรอ ก็ต้องชนะทุกอย่างสิ”

   โอ้โหกูตายแป๊บ

   “ไปได้แล้วจะทำงานไม่ใช่หรือไง” และผมก็ถูกเฉดหัวลงจากรถ ก่อนยานพาหนะสี่ล้อจะเคลื่อนตัวออกไปไกลเรื่อยๆ จนลับสายตา สองเท้ายังยืนอยู่ที่เดิมเพื่อหาความหมายของชื่อ

   ผมขออนุญาต

   ยืนงงอยู่ตรงนี้...พร้อมกับคำถามที่ว่า

   ชยินชนะทุกอย่างจริงๆ เหรอ ก็เห็นอยู่ว่าผมแพ้มาตลอด อย่างน้อยก็แพ้ให้คนชื่อศตวรรษคนนึงล่ะ เฮ้อ




นอกจากกวนตีนแล้วพี่เขาก็ยังกวนใจอีกนะคะ
สงสารชยินนนน ไม่เหงาแล้วนะ
#mเอสn
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 02-11-2017 20:13:07
ยุคโอปป้ากลายเป็นนักฆ่าในสวยยางไปแล้วค่ะพี่ตา
55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 02-11-2017 20:22:04
แกล้งกันแบบเป็นธรรามชาติมากกก ยุคนี่แอบจีบเนียนเลยนะ ชยินยัง งง อยู่เลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 02-11-2017 20:23:40
ชื่อนี่ก็แปลว่าแพ้เหมือนกัน แพ้ให้ศตวรรษ เขินอ่าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Quasar77 ที่ 02-11-2017 20:27:58
ทำไมพี่ยุคมีความย้อนแย้งในตัวเองสูงจังค่ะ แต่งตัวอย่างกับนักฆ่าแต่ดื่มสตอร์เบอร์รี่ปั่น. มีความกวนประสาทสูง อินดี้จัดชยินก็สู้ไม่ได้555555  o13 o13 น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 02-11-2017 20:32:11
มีการเนียนถามที่อยู่หน้าด้านๆเลยว่ะ

พี่ยุคเอ้ยยยยย

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 02-11-2017 20:42:25
ยุคคะถ้าจะถ่ายรูปแบบนั้นพี่ว่าหันหลังให้ง่ายกว่านะคะ 5555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JahNuna ที่ 02-11-2017 20:59:06
 :mew3: โอ้ยยยยยยขำ จนเหงือกจิแห้งงงงงงง ศตวรรศ แพ้ ชยิน ....ยุคจะรุกชยินใช่มั้ยยยย ตอบที
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 02-11-2017 21:18:21
พี่ศตวรรษ ทำไมกวนแบบนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-11-2017 21:28:07
ยอมใจพี่ยุค  วงวารชยิน เถียงไม่เคยชนะเล้ยย 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 02-11-2017 21:34:36
ยอมใจในความกวนตีนของคุณศตวรรษเค้าจริงๆ ชยินนี่ชื่อแปลว่าชนะซะเปล่า แต่ดันแพ้ตั้งแต่เริ่ม 555
แหมมม หมั่นไส้ ศตวรรษแปลว่าพ่ายแพ้ให้ชยิน มันคือการอ่อยแบบเนียนๆ ปล้นเบอร์โทรแบบอุกอาด
ชยินเอ้ย อยู่กับความเหงาได้อีกไม่นานหรอก เพราะเดี๋ยวคงต้องมาปวดกบาลเพราะอิตายุคนี่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 02-11-2017 21:43:33
 :-[ 
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-11-2017 21:50:27
โอ๊ยยยย อิตายุคเป็นเด็กเหรอถึงแกล้งคนที่ชอบเนี่ย สงสารชยินโดนทุกดอกแล้วจะมีวันไหนเถียงชนะบ้างป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 02-11-2017 22:02:39
นอกจากจะไม่เหงาแล้ว ชีวิตยังวุ่นวายเพิ่มขึ้นมาอีก
สงสารรรร 55555555
อะไรจะกวนได้ขนาดนนี้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Tukta3039 ที่ 02-11-2017 22:06:47
อิพี่ยุคนี่เนียนจีบชยินใช่ไหม ตอบที 5555 บังคับเขาให้บอกเลขห้อง แล้วมาหยอดเขาอีก ใจบางไปหมดแล้ววว :o8:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 02-11-2017 22:10:08
คือแบบขู่เอาเบอร์ห้องเขาไปทำไรเนี่ยคุณศตวรรษ คือเขากวนตีนกันแบบน่ารักๆนะแต่เจ็บแปลกๆ555 สงสารชยินโดนจีบแบบงงๆ แต่โดนกวนตีนแบบเต็มๆ555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 02-11-2017 22:14:18
ยุคจีบหนักมากกกก

ตอนชยินบรรยายถึงความเหงานี่โคตรสะท้อนใจ

ตัวเราก็เป็น :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-11-2017 22:23:51
เต๊าะกันแบบนี้ก็ได้หรออออออ :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-11-2017 22:38:09
นับไม่ได้ว่าชยินโดนไปกี่ดอกหึหึแมนโอ้หรรมก็แมนโอ้หรรมเหอะเจอพี่ยุคเข้าไปต้องโน้มตัวคารวะ :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 02-11-2017 22:49:06
อ่านแล้วมีฟามขำขัน.. ผสมงงงวยยย..
ว่าตูอ่านอะไรอยู่วววว.. 55+
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 02-11-2017 22:51:05
ยอมใจพี่ยุคจริงๆ เก็บทุกเม็ด 5555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-11-2017 22:53:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 02-11-2017 23:16:19
ยุคหยอดแรงมาก มาทีนี่ตกใจ5555555 เป็นชยินจะไม่ทน//ฉันมันใจง่าย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 02-11-2017 23:26:19
เอาใจเราไปเลยยุคคคคคค :impress2: :impress2: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-11-2017 23:30:19
 :m20:


กวนตรีนดี พ่าม พ๊าม
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 02-11-2017 23:35:25
ง่อววววววว :katai4: เขินยุค 55555555555  หยอดตลอด กวนตีนด้วย ชยินน่ารักกกกกกกกก รอตอนต่อไป มาเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-11-2017 23:37:40
คุณยุคเขามีคาถาสกดจิตด้วยเหรอ ชยินของเราไปไม่เป็นเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 02-11-2017 23:42:52
นี่คือจีบใช่ป่ะเนี๊ยะ???
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-11-2017 23:44:12
นี่คือการจีบของยุคใช่ไหม แพ้มาก 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 03-11-2017 01:09:25
ชยินลู๊กก น่าเอ็นดู 
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-11-2017 02:07:25
หยอดเก่งจังนะอียุค อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 03-11-2017 07:28:31
 ไม่เหงาแล้วนะชยิน แต่เปลี่ยนมาเป็นปวดหัวแทน  :mew5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 03-11-2017 08:40:25
ยอมใจในความเต๊าะของพี่ศตวรรษเขานะคะ ถ้าจะรีบหยอดรัว เบอร์นี้ ป่าวประกาศความดี ปละของดี ของตัวเองสุดๆ โอ้ยยยย ในใจนี่คงปู้ยี้ปู้ยไชยินไปแล้วใช่ไหม พูด!!!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: จอมจุ้น6002 ที่ 03-11-2017 09:07:48
เพิ่งจะเจอกัน ทำไมถึงเนื้อถึงตัวกันจังเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 03-11-2017 12:50:50
นี่คือการจีบสไตล์คุณศตวรรษหรอคะ ปวเหัวแทนชยินเลย555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 03-11-2017 13:07:58
อหห ศตวรรษษษษษษษ
นี่คือการอ่อยแบบไหนนนอะ555
ช้อคไปเลยจ้าาาา
นึกจะหยอดก้หยอดงี้ นึกจะด่าก้เอาซะเละเทะเลย
ยอมแล้วว ขั้นกว่าของสารวัตรก้คือศตวรรษนี่เอง
ทำไมเปนคนแบบนี้นะ5555
สงสารชยินน โดนแกล้งซะแล้ว เอ๋อเลยไงลูกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 03-11-2017 13:32:16
โอ้ยหัวใจ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Netimefii ที่ 03-11-2017 14:30:53
ความกวนนี้55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 03-11-2017 14:41:11
ชยินน่ารัก5555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 03-11-2017 14:51:34
เจอคนกำราบชยินแล้วค่าาา เถียงไม่ได้เลยคนนี้

นี่เขาจีบกันอยู่รึป่าว เขินมากเลยยย
ดีใจจ นักเขียนมาต่อแล้ววว หลังจากหายไปนานน
สนุกมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 03-11-2017 17:02:25
คุณศตวรรษคะ เป็นมุกจีบไม่เนียนไปเรียนมาใหม่เลยนะคะ
ถามเบอร์ห้องหน้าด้านๆไม่พอ ยังให้เค้าปลดบล็อกไปอี๊กกก วงวารร
ขอเดาว่าคุณยุคคือคนที่เคยแย่งแฟนชยินข่าาา แต่มาชอบชยินซะเอง
ขอให้เดาถูก สาาาาาาาธุบุน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 03-11-2017 19:11:54
ดีงามมาก ดีงามสุดๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 03-11-2017 21:41:39
 :z3: :z3: :z3:
เจอความกวนตีนของศตวรรษเข้าไป จะบ้าตาย 555555
สงสารชยินนนน เถียงไม่เคยชนะ แต่นิสัยชยินก็ดูเด็กจริงๆ 555
ต้องมีเบื้องหลังระหว่างศตวรรษกับชยินแหงๆ โดยที่ชยินไม่รู้ตัว
ดูท่าศตวรรษจะไม่ได้กวนกับคนอื่นแบบนี้ แต่เป็นเพราะชยิน
โอ๊ยๆหัวใจ ชอบตอนขยี้ผม กับที่บอกแพ้ให้ชยิน กรี๊ดๆ 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Rainy_bl ที่ 03-11-2017 22:00:18
 :pighaun: :pighaun: ศตวรรษ แปลว่าแพ้ชยิน หรอ
เรากก้พึ่งรุ้วันนี้ เปนการอ่อยที่เนียนมากได้ทั้งเบอร์ ทั้งเลขห้อง โอโหหหห  :katai1:  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Jintajam ที่ 03-11-2017 22:04:56
 พี่ยุคกำลังจีบชยินทางอ้อมอยู่หรือป่าวเนี้ย กิ๊ว กิ๊ว  :hao3:  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 03-11-2017 22:10:39
พระเอกก๊วนกวน ต่อมุกไม่จบ 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 04-11-2017 08:43:03
พี่เขารุกจนหนูรักเลยค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-11-2017 08:44:40
เหนื่อยกับคุณยุค ศตวรรษ กวนอะไรเบอร์นั้น
ชยินก็เอ๋อรับไปค่ะ แพ้ชยิน 55555

จะรอดหรอ ที่จะจีบเค้า แต่กวนไม่ยั้งเลยน่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-11-2017 09:38:51
พระเอกเค้าดีจริงง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 04-11-2017 12:39:25
แพ้ให้ชยิน ตรงตัวเด๊ะๆ โดนจีบแล้วยังม่ายรู้ตัว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: popeyez ที่ 04-11-2017 14:46:30
แพ้แล้ว เราเนี่ยแพ้ให้ศตวรรษแล้ว ฮือออ ใจบางไปหมดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 04-11-2017 20:39:57
ที่ยุคมันสั่งนมสตรอเบอรรี่มา จริงๆมันอาจจะไม่ได้ชอบกินก็ได้ อาจจะเห็นป้ายโปรคู่รักแล้วสั่งเผื่อชยิน อ้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-11-2017 11:17:00
เนียนจริงๆ ค่ะ เนียนได้เบอร์ เนียนได้ที่อยู่เก่งจริงๆ ค่ะยุค แอบสงสารชยินที่ต้องทนความกวนตีนนี้ไปอีกนานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-11-2017 13:46:46
ยุคคะ ทำไมกวนได้ขนาดนี้ กวนแต่น่ารักเนาะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 05-11-2017 15:26:00
สนุกมากอะ มาต่อเร้วๆนะคะชอบมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 05-11-2017 16:33:53
ละมุน ชยินดูมึนๆ หนูตามไม่ทันศตวรรษของเจ้หรอกลูก 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 05-11-2017 20:02:27
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-11-2017 08:47:54
นี่คือจีบ?
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 06-11-2017 09:14:48
กลัวชยินจะโดนลากไปฆ่าปลดทรัพย์เอาสักวัน ถ้าจะใจง่ายบอกเค้าไปหมดแบบนี้ 555555


วันนั้ล็อกห้องด้วย

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดน้อยแฟนแมวโหด ที่ 06-11-2017 21:10:53
ศตวรรษนายแน่มาก  :katai2-1:

วอนจิตติเห็นใจ ติดไปแล้วงอมแงมมาก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Chaaemtofu ที่ 07-11-2017 00:08:55
ปวดหัวกับพระเอก นี้หนักว่าสารวัตรมาก 555555555555555555 รู้สึกแพ้ตามชื่อนาง แพ้ให้กับความกวนประสาท 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Orange151987 ที่ 07-11-2017 09:55:53
คือดี :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Mitauam ที่ 08-11-2017 17:28:21
 :mew1: หลงรักศตวรรษ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 12-11-2017 19:58:00

ตอนที่ 4
ดึงสติกันหน่อยนะ



หลังรับเงินจากการสัมภาษณ์คอลัมน์รายเดือนของไอ้ท็อป ผมก็นอนเปื่อยอยู่ที่ห้องมาสามวันเต็มๆ ทุกอย่างดูจำเจไปหมด ดีหน่อยก็ตรงที่มีเอ็มเอสเอ็นเป็นเพื่อน จะติดรำคาญอยู่บ้างก็ตรงที่ไอ้ 0832/676 ไม่เคยอยู่ได้นาน คุยกับผมได้มากสุดก็แค่ครึ่งชั่วโมงแล้วหายไป เพราะฉะนั้นผมจึงต้องหาสารพัดวิธีมาแก้เบื่อของตัวเองในแต่ละวัน

ช่วงนี้ผมปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่า ในเมื่อไม่มีงานเข้ามาก็จะใช้เวลาว่างแต่งเพลงให้จบแล้วลองเอาไปเสนอค่ายดู แต่ตอนนี้แค่พาตัวเองลุกออกจากเตียงกลับเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าการเผาโปรเจ็กต์ปลายปีเพียงคืนเดียวซะอีก

จำได้ดีว่าสมัยเรียนเวลาอาจารย์ยกคลาสทีไรผมจะรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น โคตรไม่อยากเรียน อยากนอนอย่างเดียว ตอนนี้จบมาอย่าว่าแต่นอนเลย ถ้าอยากตายก็สามารถทำได้ มันว่างถึงขนาดนั้น

อยากกลับไปเรียนเฉย

โหยหาอดีต โหยหาเวลาที่มีความสุขกับกลุ่มเพื่อน มีความรัก และไม่ต้องกังวลว่าอนาคตจะเป็นยังไง คิดแล้วก็เศร้า อยากกินเหล้าย้อมใจแต่เสือกไม่มีตังค์ทำแบบนั้น ทางออกเดียวที่เหลืออยู่จึงมีแค่การทำงานหาเงินมาประทังชีวิต เริ่มต้นเลยคือต้องลุกออกจากเตียงก่อนเป็นอันดับแรก คิดได้เท่านั้นผมก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเริ่มนับหนึ่งถึงห้าในใจ

“หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ห้า”

ฮึ่บ!

โอยยยยย ร่างกายถูกแรงดึงดูดของเตียงฉุดเอาไว้เฉยเลย ขอนอนต่ออีกสิบห้านาทีแล้วกัน

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...

ผมเริ่มนับหนึ่งถึงห้าใหม่แต่ก็ขี้เกียจลุกเหมือนอย่างเคย ท้ายที่สุดก็ถอดใจ ยอมจำนนต่อความขี้เกียจด้วยการซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม พร้อมกับพูดประโยคปลอบใจเดิมๆ ที่มักใช้เสมอ

เออวันนี้ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยทำก็ยังไม่สาย

“พรุ่งนี้จะตั้งใจทำงานแล้ว เย่!”

รู้ตัวอีกที ผมก็ไม่ได้แต่งเพลงหรือทำอะไรนอกจากนอนมาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ

นี่ไม่ได้ตายนะ แค่กำลังสะสมพลังชีวิตให้ตัวเองเฉยๆ

เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่ราบเรียบ ไม่มีอีเมลสักฉบับส่งมาใหม่ ไม่มีเสียงโทรศัพท์จากเพื่อนหรือครอบครัว ผมยังอยู่ที่ห้อง กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและดูหนังออนไลน์ที่สมัครรายเดือนเอาไว้ไปวันๆ

วันเวลาแม่งผันผ่านไปเร็วเสียจริง กระทั่งเดินไปเปิดปฏิทินปลุกใจเสือป่าของเบียร์ยี่ห้อหนึ่งถึงได้รู้ ตัวเลขที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ผมต้องพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน พรุ่งนี้แล้วสินะที่อาจเป็นวันสำคัญสำหรับใครหลายๆ คน

กี่ปีมาแล้วที่ลงหลักปักฐานและใช้ชีวิตกับคำว่าโสด ถามว่าเหงามั้ยคงตอบได้ว่าโคตรเหงาเลยว่ะ นานวันเข้าก็กลัวว่าจะเคยชินความเป็นอยู่ที่มีแค่ตัวเอง

ปีนี้ก็เหมือนปีก่อนๆ อยู่คนเดียว เก็บห้อง ดูหนังแผ่นเดิมๆ ที่ซื้อมาสะสม ฟังเพลงแล้วล้มตัวลงนอนปล่อยให้วันเวลาผ่านไปเหมือนกับวันธรรมดาวันหนึ่ง ก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก

ดอกไม้ ลูกอม ช็อกโกแลต ซื้อเองมากี่ปีแล้ว แต่ก็คงไม่เบื่อถ้าต้องซื้อให้ตัวเองต่อไป มีความสุขมากๆ นะ

สุขสันต์...วันพระใหญ่

ว่าแต่กูต้องตื่นมาใส่บาตรกี่โมงดีเนี่ย


Chayin Preedeewattana
รับสมัครแฟนหนึ่งอัตรา มาถ่ายรูปลั้ลลาทุกวันพระใหญ่


Rrrrr…!

หลังตั้งสเตตัสระบายความเหงาในเฟซบุ๊กได้ไม่นาน เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น เบอร์ที่โทรเข้านั้นไม่ใช่ซูปเปอร์เนิร์ดอย่างไอ้เบิร์ด หรือคอลัมนิสต์อย่างไอ้ท็อป แต่เป็น...

‘แด่นแด๊น’

เออ กูเกลียดมันเลยใช้ชื่ออดีตหมาของตัวเองที่ตายไปแล้วเป็นชื่อของไอ้ศตวรรษ

“มีอะไรครับ” ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงขุ่นขลัก

[ผมอยู่หน้าห้องคุณ]

“ฮะ!”

[ผมอยู่หน้าห้องคุณ ออกมาเปิดประตูให้หน่อย]

ราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงตรงกลางใจ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะได้สติกุลีกุจอลุกจากเก้าอี้ ใช้เท้าถีบเศษขยะซึ่งกองอยู่ตรงพื้นเข้าไปใต้เตียงอย่างรีบเร่ง ข้าวของมายมายซึ่งเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่นก็ไม่ละเว้น จัดการโยนใส่กล่องและซ่อนความสกปรกซกมกเอาไว้อย่างมิดชิด

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปเผชิญหน้า

ไอ้ห่า มาไม่รู้จักโทรบอกก่อน วุ่นวายให้ผมต้องเสียเวลาสร้างภาพไปอีก

“มาทำไมครับ”

นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบหนึ่งสัปดาห์ คนตัวสูงกว่าสวมหมวกแก๊ปสีดำทรงสแนปแบ็คยี่ห้อ Vans คล้องแมสค์สีเดียวกันที่ใบหูข้างหนึ่งเหมือนทุกครั้ง แต่มันกลับดูดีจนน่าอิจฉา ทำไมโลกแม่งไม่ยุติธรรมเลยวะ

“เอาหนังสือมาให้” ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบยัดถุงหนังสือใบใหญ่ใส่มือของผมทันที ความหนักของมันทำเอาเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น   

“หนังสืออะไรครับ”

“มูราคามิ บางส่วนที่มี”   

“เดี๋ยว! คุณไปได้มันมาจากไหน ถ้าเป็นของคุณผมก็ไม่อยากรบกวน” บอกตามตรงว่าขี้เกียจตามเอาไปคืน ระหว่างผมกับคนคนนี้ เจอกันสองครั้งในชีวิตก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว

“พอดีเมื่อวานไปอีเวนต์นักเขียน เลยได้มาฟรี”

“เยอะขนาดนี้เชียว”

“ก็ประมาณนั้นแหละ”

“เท่าไหร่ครับ” แม้ตอนนี้จะกรอบมาก แต่ผมก็ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครหรอก

“ก็บอกว่าได้มาฟรีไง ผมให้”

“ขอบคุณครับ” เล่นเอาไปไม่เป็นเลย และเพื่อตอบแทนน้ำใจที่มีอยู่เพียงน้อยนิด จึงไม่ลืมเอ่ยถามเสียงแผ่ว “คุณ...เข้ามาข้างในก่อนมั้ย”

“แน่ใจเหรอ ผมเข้าใจว่าห้องคุณยังไม่พร้อมจะรับแขกซะอีก” ไม่พูดเปล่า ดวงตาคมยังจ้องทะลุเข้าไปด้านในเหมือนรับรู้สภาพก่อนหน้าอย่างทะลุปรุโปร่ง “แต่ถ้าคุณอยากขอบคุณ พรุ่งนี้ว่างมั้ย”

“วะ...ว่าง”

“เลี้ยงข้าวผมมื้อนึงก็ได้ สถานที่แล้วแต่คุณเลย”

“เอาง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ”

“ก็ง่ายอย่างนี้แหละ บอกมาว่าที่ไหนดี”

“แต่ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะเว้ย”

“คำว่า ‘ว่าง’ หมายถึงตกลง” นี่มันเป็นนักเขียนส้นตีนอะไรวะเนี่ยยยยยยยย มึงไม่สามารถแยกแยะความหมายของคำสองคำได้เหรอ เนียนเกินไปละพ่อ

“จะให้คิดตอนนี้ผมก็คิดไม่ออกหรอก”

“งั้นผมคิดให้แล้วกัน คุณมีหน้าที่แค่เตรียมตัว สิบโมงเช้าผมจะมารับถึงห้อง ไว้เจอกันนะ” รัวน้ำลายใส่เสร็จ เจ้าตัวก็โบกมือให้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนคาดแมสค์อีกข้างกับหูเพื่อปกปิดใบหน้าครึ่งซีก เขาเบี่ยงตัวเดินไปยังลิฟต์กระทั่งลับสายตา ทิ้งให้คนเหงาอย่างไอ้ชยินยืนงงเป็นไก่ตาแตก

ตกลงแบบมึนๆ แล้วไม่คิดจะถามกันบ้างเหรอว่ามีเงินจ่ายค่าข้าวให้หรือเปล่า ช่วงนี้กูยิ่งกรอบๆ อยู่ด้วย

ผมปิดประตูลง เดินกลับไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการหยิบหนังสือแต่ละเล่มออกมาลูบๆ คลำๆ อยู่อย่างนั้น พร้อมกับคำถามที่ว่า…ไปออกอีเวนต์ได้หนังสือมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ แถมบางเล่มยังหายากอีกต่างหาก

แต่นั่นแหละ นักเขียนกับหนังสือเป็นของคู่กัน เห็นแล้วก็นึกอิจฉาว่าทำไมนักแต่งเพลงถึงไม่ได้อภิสิทธิ์รับแผ่นเพลงฟรีแบบนี้บ้าง

“เอาวะ!”

วันนี้ชยินไม่เหงาแล้วนะครับ เพราะมีหนังสือเป็นเพื่อนตั้งใหญ่ กว่าจะอ่านจบความเหงาคงหนีไปแต่งงานแล้วล่ะมั้ง

ผมใช้เวลา 12 ชั่วโมงในการอ่านหนังสือเล่มแรก ก่อนปิดมันลงแล้วหันมาเปิดคอมพิวเตอร์ในเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี

เวลานี้ใครบางคนมักออนไลน์เสมอ

ที่ต้องทำคือสเต็ปเดิม ใส่อีเมลและรหัสผ่านสำหรับเข้าเอ็มเอสเอ็น รอจนกระทั่งหน้าจอปรากฏรายชื่อผู้ออนไลน์ซึ่งก็เหมือนเช่นเคย ที่ชื่อแอคเคาน์เพียงหนึ่งเดียวจะปรากฏสัญญาณสีเขียวพร้อมกับข้อความว่า Available


Chayin says…      หมีใหญ่ ʕᴥ• ʔ
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   โง่เหรอ บอกไม่จำ
Chayin says…      ก็กูจะเรียกมึงแบบนี้อ่ะ หมี หมี หมี หมี
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ทีมึงเป็นขยะเปียกกูยังไม่ว่าสักคำเลย
Chayin says…      ollo
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   เออพูดอยู่ได้ ไม่เคยมีเหรอ


มันจะมีสักวันมั้ยวะ ที่มึงกับกูไม่เถียงกันเนี่ย


Chayin says…      ใครพูด กูพิมพ์
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   แล้วนี่ใช้มือหรือกีบตีนพิมพ์อ่ะ สงสัยมานานละ
Chayin says…       (╥_╥)
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ◔_◔
Chayin says…      กูเครียด
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   เครียดเรื่องอะไร
Chayin says…      เรื่องมึงนี่แหละสัด
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   นี่คิดว่าไม่น่ามีอะไรเครียดกว่าการเกิดมาหน้าเหมือนปลาดุกแล้วนะ
Chayin says…      ╥﹏╥
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   อ่ะๆ มีไรว่ามา
Chayin says…      มีคนชวนกูไปกินข้าว มึงว่ากูควรไปมั้ย
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   แล้วอยากไปมั้ยล่ะ
Chayin says…      ไม่รู้ ไม่ได้สนิทกันอ่ะ เคยเจอแค่ครั้งเดียว
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ก็ไปเจออีกดิจะได้สนิทขึ้น
Chayin says…      ไม่เอากลัว
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   กลัวไรวะ
Chayin says…      กลัวเถียงสู้ไอ้คนนั้นไม่ได้ กูไม่เคยชนะมันเลย
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   (ಥ﹏ಥ)
Chayin says…      ༼ಢ_ಢ༽


กูซีเรียสแต่ไอ้หมีใหญ่กลับส่งอีโมติคอนหน้าตาทุเรศๆ มาให้ เออดี

นับเป็นเพื่อนใน msn เพียงคนเดียวที่ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้กูปวดหัวเล่น จะนัดออกมาเจอก็ทำเป็นลีลาอ้างโน่นอ้างนี่ไปเรื่อย สุดท้ายผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันเป็นใคร ทำงานที่ไหน หรือแท้จริงแล้วมันไม่เคยมีตัวตน เป็นแค่ระบบ AI ที่ไอ้เบิร์ดสร้างขึ้นมาเพื่อคุยคลายเหงา

หลายข้อสันนิษฐานถูกตั้งเพิ่มขึ้นตามวันเวลาที่ได้คุยกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจเป็นไปได้ทุกทาง


0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ก็ลองไปเจอบ่อยๆ สิ เดี๋ยวสักวันคงชนะ
Chayin says…      ประสาทจะแดก
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   มึงเหงากูรู้ ไปเจอมันอาจจะหายเหงาก็ได้นะ
Chayin says…      หายเหงาจริงแต่เป็นบ้าแทน กูว่าไม่คุ้มเท่าไหร่
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ปกติมึงก็บ้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง
Chayin says…      สัด


แค่เจอไอ้ 0832/676 ก็จะบ้าตายอยู่ละ อย่าให้ต้องบากหน้าไปเจอหายนะที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เลย ผมเป็นฟรีแลนซ์ เหงาก็จริงแต่ถ้าต้องเจอคนแบบนี้กูยอมโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิตดีกว่า


Chayin says…      หาข้ออ้างให้หน่อยสิ ไม่เอาแกล้งป่วยนะ
Chayin says…      เดี๋ยวมันกระแดะพากูไปหาหมออีก
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   งั้นแกล้งตายมั้ย หน้ามึงก็ใกล้เคียงกับศพอยู่
Chayin says…      ห่า ช่วยได้เยอะมากครับ
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ดีๆ
Chayin says…      กูประชด!
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   บอกติดธุระสิ
Chayin says…      แต่ก่อนหน้าดันพลั้งปากบอกไปว่าว่างอ่ะดิ
0 8 3 2 / 6 7 6 say…   โง่ ถ้างั้นก็จำเป็นต้องไปแล้วว่ะ


คำว่าโง่ พูดเบาๆ ก็เจ็บ

สุดท้ายผมก็ไม่ได้รับคำตอบที่ช่วยแก้ปัญหาแม้แต่นิดเดียว เราออฟไลน์กันไป ทิ้งความกังวลมากมายไว้ในหัว ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตายอมรับความจริง ยังไงพรุ่งนี้ผมคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงการพบเจอของคนคนหนึ่งได้อยู่ดี

ดังนั้นคืนนี้ ผมจึงนั่งหาวิธีรับมือกับอีกฝ่าย มันยิ่งใหญ่ถึงขนาดต้องเอากระดาษมากางแล้วเขียนโครงการการรับมือกับนักเขียนในคราบนักฆ่าแบบเป็นจริงเป็นจัง













เช้าวันใหม่มาเยือน เสียงเคาะประตูดังขึ้นในช่วงเวลาสิบโมงนิดๆ ผมเปิดประตูออกไป เห็นใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มเป็นการทักทายอยู่ตรงหน้า พลางเอ่ยคำทักทายกวนบาทาที่ทำเอาปากกระตุกไปพร้อมกับตีนเหมือนทุกที

“หวัดดีชัยชนะ” นั่นชื่อพ่อกู

“เรียกชยินเหมือนเดิมเถอะ ไม่ต้องบอกความหมายหรอก” สงสารพ่อกูเถอะ

“โอเค แล้วคุณแต่งตัวเสร็จหรือยัง”

“เสร็จแล้ว คุณจะไปเลยมั้ยล่ะ” ผมถามความเห็น มองร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่ได้สวมหมวกใบเดิม แต่เปลี่ยนเป็นหมวกแก๊ปสีขาวยี่ห้อ A.P.C กับเสื้อลายสก็อตสีแดงดำซึ่งมันเข้ากับเจ้าตัวมาก

“ไปสิ ผมล้างท้องเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลย” สัญญาณอันตรายถูกส่งผ่านคำพูด ผมแอบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา ประเมินเศษแบงค์ร้อยที่พับซ้อนจากสายตาด้วยความหวาดหวั่น

หวังว่าคงจะไม่เกินงบหรอกนะ

เรามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ดูจากสไตล์และการตกแต่งแล้วก็พอจะเดาออกว่าราคาคงไม่สบายกระเป๋าแน่

ผมถูกพนักงานชักชวนให้มานั่งโต๊ะด้านในสุด ไอ้ศตวรรษเดินตามมาเงียบๆ และไม่นานสมุดเมนูก็ถูกวางลงบนโต๊ะทั้งสองเล่ม

“อยากกินอะไรเชิญตามสบายเลยนะ” มันพามา แต่กูจ่าย ด้วยความป๋าเลยจำต้องพูดประโยคเท่ๆ นี้ออกมา โดยไม่ได้ก้มมองเลยว่าแต่ละเมนูนั้น...

เหยดเขร้! แพงกว่าค่าข้าวที่กูแดกในหนึ่งสัปดาห์ซะอีก

จู่ๆ น้ำตาก็คลออยู่ตรงเบ้า ต้องพยายามกะพริบตาถี่ไว้เพื่อไม่ให้มันไหลลงมาต่อหน้าอีกฝ่าย เมนูที่ถูกสุดในร้านนี้เห็นจะเป็นแค่น้ำเปล่าแล้วมั้ง เป็นไปได้ก็อยากแดกแค่น้ำอย่างเดียวแล้วกลับเลย

“คุณเป็นคนจ่ายก็สั่งก่อนเถอะ” เสียงทุ้มตอบกลับ

“ผมไม่ถือเรื่องนี้”

“ได้ไง หรือจะให้ผมช่วยสั่งให้”

“อืม”

“ไม่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย จะได้เว้น”

   “ผมไม่ชอบกินอะไรที่ต้องแทะหรือแกะ”

   “งั้นผมขอไก่ทอดเซตใหญ่หนึ่งเซตครับ”

   นี่มึงได้ฟังกูบ้างมั้ยเนี่ยศตวรรษ! ไอ้เหี้ย! รู้สึกโมโหจนรูจมูกแทบกระพือ พนักงานที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วบันทึกรายการอาหารที่เพิ่งสั่งไป ส่วนไอ้คนสารเลวตรงหน้าก็ยังคงเปิดดูเมนูอย่างสบายอารมณ์

   ก็กูบอกไม่ชอบอาหารที่ต้องแทะ นี่มึงสั่งไก่มาให้ คิดว่ามันสามารถดูดเข้าปากได้ง่ายๆ เหรอ

   “คุณชอบกุ้งมั้ย” ยัง...ยังจะถามอีก

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ชอบอะไรที่ต้องแกะ”

“งั้นผมขอกุ้งอบวุ้นเส้นอีกหนึ่ง”

น้ำตาไหลชโลมในหัวใจไม่มีหยุด ช่วยกดพอสชีวิตของชยินไว้ตรงนี้ได้มั้ย เหี้ยเกินกว่าจะพูดคำใดๆ ออกไปแล้วนอกจากนั่งนิ่ง ประคองมือตัวเองไม่ให้สั่นไปมากกว่าเก่า

หลังจากนั้นไอ้คุณยุคก็เป็นหัวเรือใหญ่จัดการสั่งอาหารมาอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งต้องบอกเลยว่าทุกเมนูนั้นล้วนต้องแทะ แคะ และแกะก่อนแดกทั้งหมด

“คุณสั่งบ้างสิ” แหม มีหน้าเงยมาถามความเห็นนะ ที่พูดไปก่อนหน้าไม่เห็นจะฟังกันเลย

“แค่ที่สั่งไปก็พอแล้วมั้ง”

“เลือกที่คุณชอบ”

ตังค์กูจะไม่พอไง ดูราคาแต่ละเมนูสิ ไข่เจียว 220 บาท นี่พ่อครัวแม่งถือกระทะขึ้นไปเจียวบนยอดหอไอเฟลเหรอถึงได้แพงขนาดนี้ ที่ถูกสุดเห็นจะเป็นเซตนี้แหละ หน้าสุดท้ายของสมุดเมนูอาหาร

“ขอเซตนี้ได้มั้ยครับ”

“เมนูนี้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่าแปดปีค่ะ”

“ผมเพิ่งอายุแปดขวบเลย ใช่มั้ยครับพ่อ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนตัวสูงกว่าด้วยสายตาน่าสงสารสุดชีวิต ด้านได้อายอดสุดๆ แล้วจุดนี้

ไอ้ศตวรรษหรี่ตามองผมแน่นอนนิ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังระดับหนึ่ง

“เขาอายุแปดปีจริงๆ ครับ อายุสมองน่ะ”

โฮร่ลลลลลลลลล ต่อไปกูจะไม่ออกไปที่ไหนกับมึงแล้ว กูเจ็บปวด

“ผมไม่สั่งแล้ว!”

“งั้นผมขอที่สั่งไปก่อนแล้วกันครับ” มือหนาปิดสมุดรายการอาหารแล้วส่งต่อให้พนักงาน ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมราวกับผู้ชนะ

“คุณเกลียดอะไรผมหรือเปล่า” นาทีนี้อะไรที่อัดอั้นอยู่ในใจก็ไม่อยากเก็บเอาไว้ หลายครั้งหลายคราที่ผมรู้สึกว่ากำลังถูกอีกฝ่ายโจมตีอยู่ ขืนไม่พูดออกไปก็มีแต่จะแย่กว่าเดิม

“เปล่า ผมจะเกลียดคุณทำไม”

“การกระทำของคุณมันฟ้อง ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอ”

“ก็ไม่ทำอะไร แค่น่าแกล้ง อยากแกล้งอ่ะเข้าใจมั้ย”

“ผมเป็นเพื่อนเล่นคุณเหรอ”

“ไม่ใช่”

“เป็นคนที่รู้จักกันมานานมั้ย”

“ก็ไม่”

“แล้วแกล้งผมทำไม”

“ก็อยากแกล้งอ่ะ” โว้ยยยยยยยยย ครั้งหน้าอย่าหวังว่าจะได้เจอกันอีกเลย

ผมพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นอยู่เงียบๆ ไม่พูด ไม่ต่อปากต่อคำ แม้แต่หน้าก็ไม่คิดจะมองนอกจากหยิบมือถือขึ้นมากดๆ เลื่อนๆ แก้เซ็งเพื่อหนีสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้า

“เลื่อนจนหน้าจอจะแตกแล้วคุณ เงยหน้าขึ้นมาคุยกันหน่อยสิ” ไอ้ศตวรรษพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แถมไม่มีท่าทีกวนประสาทเหมือนก่อนหน้าแล้วด้วย

“คุยกับคุณผมกลัวว่าสุดท้ายจะเผลอชกหน้าเข้าให้”

“ดุว่ะ”

“ผมดุได้กว่านี้อีก”

“เหมือนหมาเลย”

สารเลว...

ไม่เล่นแล้วมือถือ การเผชิญหน้านี่แหละดีที่สุด วัดกันไปเลยว่าใครแพ้หรือชนะ แม้ผลมันจะออกมาอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ก็ตาม

“จะเอายังไง”

“ก็ไม่ยังไง คุยกันหน่อยสิคุณ ออกมาเจอกันทั้งทีเผื่อจะสนิทกันมากขึ้น” หึ! ใครมันจะไปอยากสนิทกับคนแบบนี้วะ แต่เพราะเกรงใจหรอกเลยต้องตอบกลับแบบผู้ดี

“ต่อไปเราคงไม่ค่อยได้เจอกันมั้ง เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับผมคุณก็รู้ไปหมดแล้ว”

“คงงั้น คุณเป็นคนที่ดูไม่ค่อยลึกซะด้วยสิ คิดยังไงก็แสดงออกอย่างนั้น” เหมือนจะรู้ว่าผมหลอกด่ามันในใจไม่หยุดเลยแฮะ แล้วก็ถูกจริงๆ ถึงแม้ว่าปากจะพูดเพราะ แต่สีหน้าของผมกลับไม่เป็นไปตามที่ปากพูดเลย

“คุณก็เหมือนกัน หน้ากวนยังไง นิสัยก็อย่างนั้น”

“ผมจะถือว่าเป็นคำชมนะ” กูด่าอยู่สัดเอ๊ย

เครื่องดื่มถูกเสิร์ฟเป็นอันดับแรก ผมหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาจิบดับกระหาย สายตาก็มองตรงไปยังคนตรงข้ามไม่มีหลบ เพราะเจ้าตัวก็จ้องผมกลับเหมือนกัน คล้ายกับว่าเรากำลังแข่งขัน ใครหลบตาก่อนแพ้!

ไม่มีคำพูดใด ไม่มีสัญญาณเป่านกหวีด ผมแค่จ้องและกลืนน้ำเปล่าลงคออย่างไม่ลดละ

“ตาจะถลนแล้วคุณ มองอะไรขนาดนั้น”

“คุณหลบตาก่อน ผมชนะ”

“หลบอะไร ใครเล่นกับคุณ”

“อย่ามาเนียน แพ้ก็ช่วยยอมรับความจริงหน่อยสิ” คนตัวสูงส่ายหัวไปมา

“โอเค ช่วงบนผมอาจจะแพ้ แต่ช่วงล่างผมชนะแน่นอน”

“โคตรเหี้ย”

ทำไมคุยด้วยกันทีไรเรื่องมันถึงได้วกกลับมาที่ประเด็น 18+ ตลอดเลยวะ ถ้าไม่บอกว่าเป็นนักเขียนแนวสืบสวนสอบสวนผมคิดว่ามันเขียนน่าจะเขียนหนังสือโป๊วางขายที่ตลาดใต้ดินมากกว่า

ของทานเล่นถูกเสิร์ฟในลำดับถัดมา นอกจากเสียงพูดคุยกันแล้ว ยังมีเสียงช้อนและส้อมแทรกเข้ามาเป็นระยะอีกด้วย โดยผมเป็นคนตักก่อน จากนั้นคนตรงหน้าก็เป็นฝ่ายเอื้อมมือมาตักตาม นั่นเลยทำให้ผมเป็นร่องรอยบางอย่างที่โผล่พ้นเสื้อลายสก็อตออกมา

เป็นลายสักสีดำบริเวณข้อมือด้านใน

“คุณสักด้วยเหรอ” ไม่รู้ว่าเป็นการละลาบละล้วงมั้ย แต่จากจุดที่โดนมนุษย์บาปนี่หลอกด่าไม่หยุด ผมก็นับว่าคำถามนี้ดูธรรมดาไปเลย

“ใช่”

“เลขหนึ่ง?”

“มันยังไม่เสร็จ”

“ความหมายของมันคืออะไร คุณอยากเป็นอันดับหนึ่งในใจใครบางคนเหรอ หรือว่า...เป็นอันดับหนึ่งในวงการนักเขียน”

“ผมจะได้อะไรจากการบอกคุณครับ” ไอ้ศตวรรษเลือกใช้คำถามเดียวกับที่ผมเคยพูดเมื่อตอนเจอกันครั้งแรก แน่นอนว่าน้ำเสียงครั้งนี้ดูกวนบาทากว่าหลายเท่านัก

“ก็ได้กินข้าวที่ผมเลี้ยงไง”

“ไม่คุ้มค่า ให้ยื่นข้อเสนอใหม่”

“งั้นผมก็ไม่อยากรู้แล้ว”

“โธ่ ไม่ป๋าเลย” จากนั้นมันก็จับส้อมจิ้มของแดกใส่ปากอย่างเพลิดเพลิน ไม่พูดถึงสิ่งที่ผมถามไปก่อนหน้าแม้แต่น้อย สัด! ค้างคาเลยกู

“ความจริงสมัยเรียนผมก็มีความคิดจะสักนะ แต่กลัวเจ็บเลยไม่เอาดีกว่า” อีกอย่างก็ไม่รู้ด้วยว่าอยากสักลายอะไรลงไปบนร่างกาย เกิดวันหนึ่งเผลอเกลียดมันขึ้นมา ก็ต้องลำบากนั่งลบรอยเก่าอีก

“แล้วทำไมถึงอยากสัก” เสียงทุ้มเอ่ยถาม

“เท่มั้ง คุณล่ะสักทำไม”

“ไม่บอก”

“โว๊ะ! อยากรู้จักกันให้มากขึ้นแต่คุณกลับไม่ตอบคำถามอะไรเลย คิดจะเป็นฝ่ายรับอย่างเดียวหรือไง” นี่นัดกินข้าวหรือมาทำสงครามกันแน่ เริ่มเหนื่อยแล้วนะเว้ย

“โอเคงั้นให้ถามใหม่ อยากถามอะไรจะตอบให้หมด แต่ต้องแลกกับการที่ผมถามคุณกลับบ้างนะ”

“เค้~” ไม่เคยมีปัญหาอยู่แล้ว “งั้นถามเลยแล้วกัน ทำไมคุณถึงชอบใส่หมวก หัวเถิกเหรอ”

พูดไม่ทันขาดคำ มือหนาก็จับปีกหมวกและถอดมันออกมาอย่างง่ายดาย เขาสางผมที่ถูกทับอยู่นานไปมาก่อนจะเลิกคิ้วสูงคล้ายกับถามกลับว่าพอใจหรือยัง ซึ่งแน่นอนว่าผมพอใจ หัวไม่ได้เถิก แถมเวลาถอดหมวกออกแล้วยิ่งดูดีกว่าเก่าอีก โลกนี้ไม่ยุติธรรมจริงๆ เลยว่ะ

“ที่ใส่หมวกก็เพื่อหลบสายตาจากคนรอบตัว ผมชอบสันโดษ แต่บางครั้งเวลาเบื่อมากๆ ก็จำเป็นต้องออกไปข้างนอกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ การใส่หมวกช่วยให้ผมไม่เป็นจุดสนใจมากนัก”

“ผมว่าทำแบบนี้คุณยิ่งเด่นมากกว่าเดิมอีก”

“เขาจะมองผมแป๊บเดียวแล้วก็ไม่สนใจอีกเลย แต่ถ้าผมไม่ยอมใส่หมวกหรือแมสค์เขาจะมองตลอดจนไม่มีสมาธิ”

“ทำไมเขาต้องทำขนาดนั้น”

“เพราะผมหล่อ” อ้วกกกกกกกกก ขอกระโถนให้พี่หน่อยซิ

“ผมไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบคุณเลย”

“ว้ายยยยยยย หล่อไม่เท่าก็เงี้ยะ”

โหยกูจะถลาเข้าไปกระทืบให้ไส้ติ่งแตก ไอ้เวร

แล้วดูสิ พูดกันได้สามสี่ประโยคหาเรื่องมาให้ทะเลาะอีกแล้ว ไฟที่กำลังมอดคุกรุ่นเป็นเท่าตัว ถ้าไม่ได้อาหารที่ทยอยเข้ามาเสิร์ฟล่ะก็เราคงเถียงกันหนักกว่านี้

“หล่อแต่กวนตีนแบบคุณก็ไม่ไหว”

“เดี๋ยวอีกหน่อยคุณก็ชิน”

“เหอะ!”


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 12-11-2017 20:01:26

เครียดจากไอ้ศตวรรษแล้วกูก็ต้องมาเครียดกับการแกะกุ้งสลับกับแทะไก่อีก ผมไม่ใช่คนกินยาก อะไรที่มีก็กินได้หมดแหละแต่เป็นคนขี้เกียจซะมากกว่า ตั้งแต่สมัยเด็กไม่ว่ากุ้ง หอย หรือปู ถ้ารู้ว่าต้องลำบากแกะผมก็เลือกที่จะไม่กินเลย กลายเป็นนิสัยที่ติดตัวมานานนมและแก้ไม่หายสักที

คราวนี้ผมก็ยังทำอย่างนั้น ไก่ใช้ช้อนกับส้อมตัดได้ กุ้งนี่ขี้เกียจก็กินแต่วุ้นเส้นข้างๆ อย่างไม่อิดออดแทน

“คุณถามผมแล้ว ขอผมถามกลับบ้าง”

“ว่ามา ถ้าตอบได้ก็จะตอบ” ผมพูดขณะที่ปากยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่

“นอกจากมูราคามิแล้วคุณชอบอะไรอีก”

“ผมเป็นนักแต่งเพลงก็ต้องชอบฟังเพลงสิ แต่ว่างๆ ผมก็นั่งฟังสกอร์หนังเพลินๆ จนหลับไปเลยก็มี” ที่พูดถึงคือ Original score film หรือดนตรีประกอบในหนัง ไม่ต้องมีเนื้อร้อง ฟังแค่ทำนอง แต่ได้อารมณ์ดีไปอีกแบบ

“ชอบใคร” เขาถามอีก

“จอห์น วิลเลียมส์ สตีเว่น ไพรซ์ จริงๆ ฮานส์ ซิมเมอร์ก็ชอบนะ”

“อืม”

“คุณฟังด้วยเหรอ”

“ไม่อ่ะ”

“พูดเหมือนรู้ โด่...”

“ก็จะได้จำไว้”

ผมลอบเบะปากใส่แต่ไม่วายเผลอหลุดให้มันเห็นอีกจนได้ ซึ่งไอ้ศตวรรษก็ดูเหมือนไม่คิดใส่ใจเท่าไหร่นอกจากถามต่อ

“ชอบดูการ์ตูนมั้ย”

“ไม่ค่อยเท่าไหร่ ล่าสุดที่ดูก็ Your name มั้ง นานสัดหมาเลย”

“น้ำเน่าดีอ่ะ”

“โรแมนติกออก ผมชอบอยู่ฉากเดียวคือตอนพระเอกนางเอกเรียกชื่อกัน” เราต่างเงียบไปอึดใจหนึ่ง ได้ยินเพียงเสียงช้อนกับส้อมของคนตรงหน้าที่กำลังมุ่งมั่นกับการแกะกุ้งตัวเบอเร่ออยู่ แล้วไม่นาน...เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองนิ่งๆ

“มัตสึฮะ!!” ผมทำเสียงเข้มเลียนแบบพระเอกของเรื่องเพื่อทำลายความเงียบ

“ทาคิคุง~~~”

 โอ๊ยยยยยยยยยพ่อ กูโคตรเกลียดการบีบเสียงเล็กๆ ของมึงฉิบหาย

“เขียนนิยายก็ดีอยู่แล้ว อย่าพูดมันออกมาอีกเลย ขนลุก”

กุ้งในจานฝั่งตรงข้ามถูกส้อมจ้วงลงกลางลำตัว ก่อนมันจะถูกวางแปะไว้ในจานผมอย่างตั้งใจ ทำเอาเหวอแดกไปพักหนึ่งเลยว่ะ

“อะไร”

“กุ้งไง”

“รู้แล้วว่ากุ้ง แต่ให้ผมทำไม”

“เห็นคุณขี้เกียจแกะก็เลยแกะให้”

“ไม่เห็นต้องลำบาก ขี้เกียจก็แค่ไม่กิน”

“ก็ผมขยันแกะให้คุณก็กินซะสิ” นี่เรียกระบบเผด็จการใช่มั้ยเนี่ย แถมเล่นจ้องเขม็งซะขนาดนี้สุดท้ายผมก็จำใจต้องกิน

“อร่อยมั้ย” ไอ้ศตวรรษถามอีก

“งั้นๆ”

ไม่ถึงสองนาทีกุ้งตัวที่สองก็ปลิวมาแปะที่จาน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับเครื่องจักกล ตอนนี้มาหมดครับอาหารที่ต้องแกะ นั่งแดกจนกระเพาะรับไม่ไหว ด่ากราดไปรอบหนึ่งถึงได้หยุดให้ผมได้พักหายใจ

คิดว่านี่คือศึกใหญ่ของวันแล้วใช่มั้ยครับ แต่ไม่เลย ศึกที่ทำให้ผมล้มทั้งยืนได้มันคือหลังจากนี้ต่างหาก

“เช็กบิลด้วยครับ” น้ำเสียงของคนตัวสูงเป็นสัญญาณของความฉิบหาย พนักงานหญิงที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของทางร้านเดินเข้ามาพร้อมกับบิลในมือ

ผมเอื้อมมือติดสั่นของตัวเองขึ้นไปรับ ส่วนอีกข้างยกขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเกร็งๆ

   ทั้งหมด 3250 บาท

   สัด! หมดเลย...

   จำได้ว่ามีติดกระเป๋าอยู่แค่สองพัน แคะเหรียญมากองรวมกันยังขาดอีกเยอะ

   “เดี๋ยวผมขอเวลาสักครู่นะครับ” บอกกับพนักงานไปแบบนั้นพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ แน่นอนว่าเธอรับรู้เลยเดินกลับไปบริการแขกโต๊ะอื่น ปล่อยให้ผมมีเวลาสะสางหนี้สินอย่างเต็มที่

   “มีอะไรครับ” คนตรงข้ามถาม

   “คือว่าผมมีเงินสดในกระเป๋าไม่พอ...” ปากบอกแบบนั้น แต่ในบัตรยิ่งไม่มีใหญ่ 0.93 บาทไม่สามารถจับจ่ายสิ่งใดได้แม้กระทั่งไอน้ำจากซุปกระดูกหมูที่เพิ่งแดกไป

   “แล้วจะให้ผมทำไง”

   “คุณช่วยออกส่วนที่เหลือได้มั้ย ประมาณ 1250 บาท พอกลับถึงห้องผมจะรีบคืนให้” แม้รู้ดีว่าไม่มีเงินจำนวนนั้นอยู่เลยก็ตาม แต่แผนสำรองที่คิดไว้คืออาจจะยกไมโครเวฟให้เจ้าตัวไปก่อน มีเงินเมื่อไหร่ค่อยไปไถ่คืน

   “งั้นผมออกทั้งหมดให้แล้วกัน”

   “มะ...มันจะดีนะ”

   “ความจริงก็ตั้งใจจะเลี้ยงอยู่แล้ว ดูจากสภาพคุณก็พอรู้ว่าช่วงนี้คงไม่มีตังค์” ช่างเป็นประโยคราบเรียบที่เสียดลึกเข้าไปในปอด ด่าตรงๆ ว่าไม่มีจะแดกยังไม่เจ็บเท่านี้เลยไอ้ส้นตีน

   “ซึ้งใจมากครับ” แค้นฝังในด้วยไอ้เหี้ย

   “โกหกไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่”

   โฮร่ลลลลลลล รู้ทันกูไปอี๊ก

   หลังจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยไอ้คุณยุคมันก็เดินนำโด่งไปยังรถยนต์ โดยมีผมเดินตามหลังต้อยๆ ราวกับทาสรับใช้ ระหว่างทางเจ้าตัวก็ชวนพูดคุยไปด้วย แต่บอกเลยว่าใจตอนนี้ปลิดปลิวไปที่เตียงนอนแล้วครับ

   เพราะวันนี้ต้องเหนื่อยกับการสู้รบกับมนุษย์กลายพันธุ์นี่ ผมจึงอยากพักผ่อนให้หายเหนื่อยสักสองวัน

“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรามาเจอกันอีก” คำถามนั้นพุ่งจู่โจมผมอย่างจัง

“ผมอาจจะขี้เกียจตื่นเช้ามาเจอคุณ”

“อาฮะ”

“แล้วก็เบื่อขี้หน้าคุณไปอีกพักใหญ่”

“อ่า”

เราต่างแทรกตัวเข้าไปในรถกระทั่งยานพาหนะสัญชาติญี่ปุ่นเริ่มเคลื่อนที่ คำถามจากคนข้างๆ ก็พุ่งเข้ามาอีกระรอกใหญ่

“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นในตอนที่คุณรู้สึกเหงามากๆ”

“ผมก็คงจะนอนฟังเพลงไม่ก็ดูหนังอยู่ที่ห้อง”

“ไม่เลว”

“แต่งเพลงก็ช่วยให้หายเหงาได้”

“อืม”

“แล้วคุณล่ะ”

“เหมือนคุณล่ะมั้ง”

“ขี้ก๊อปว่ะ”

“ไม่ได้ก๊อป แค่บังเอิญความคิดตรงกัน”

“ยกเว้นเรื่องกวนตีนที่ผมมีไม่เท่าคุณ”

“งั้นผมขอถามอีกคำถามเดียว”

“อ่ะจัดมา”

“มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าวันนึงคุณมีความรัก”

“...” เดดแอร์เข้าแทรก ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาอย่างสงสัย

“ตอบไม่ได้เหรอ”

“คำถามมันกว้างจะให้ตอบยังไง คุณเหอะตอบได้หรือเปล่า”

“ได้ดิ”

“งั้นช่วยตอบเป็นแนวทางหน่อย”

“ผมจะเจอกับใครคนหนึ่ง และใช้เวลาอยู่กับเขาด้วยการนั่งกินข้าวด้วยกัน”

เหมือนเวลาบนโลกหยุดหมุน นาฬิกาทุกเรือนหยุดเคลื่อนไหว ผมไม่แน่ใจในคำตอบมากนัก แต่บางทีก็คิดว่าสมองอาจหยุดทำงานชั่วขณะเช่นกัน

เสี้ยววินาทีนั้น...ผมคิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
   











   Rrrr..!

   “ว่า...”

   [คุณ วันนี้ผมพร้อมแล้ว]

   “อะไร”

   [ออกไปตีกัน]

   “โว๊ะ!”

   สามวันหลังขาดการติดต่อกับนักฆ่าในคราบนักเขียน ผมก็ได้รับสายจากมันในช่วงสามทุ่มของคืนวันเสาร์ ช่วงวันอันจำเจหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเรื่องปวดหัวกำลังมาเยือน

   “ผมไม่ว่างหรอก ตอนนี้กำลังยุ่งกับการแต่งเพลง” ที่ไหนกันล่ะ

   ขี้เกียจไง งานยังไม่ขยับเลยเนี่ย หรือนี่มันจะเป็นขาลงของชีวิตไอ้ชยินแล้ววะ

   [งั้นดีเลย กะชวนคุณมาแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจหน่อย ช่วงนี้ผมเขียนงานไม่ค่อยออก]

   นั่นไงล่ะมึง! เข้าทางมันเลยสิ

   “คือผม...”

   [เจอกันที่ Too fast to sleep ตอนห้าทุ่มนะ เลทได้ผมไม่ว่า]

   “เดี๋ยวคุณ!”

   แล้วมันก็วางสายไป โว้ยยยยยยยยย โมโห สาขาไหนมึงยังไม่บอกเลยไอ้ฟาย!

   แถมไม่เคยปล่อยให้คุยจบสักครั้งก็ถูกมัดมือชกจนขยับไปไหนไม่ได้ สุดท้ายทำไง ก็จำต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะไปคนเดียวก็กลัวประสาทแดก ผมเลยไม่ลืมโทรหาเพื่อนร่วมทีมในครั้งนี้ด้วย

   รอสายไม่นาน ใครบางคนก็กรอกเสียงกลับมา...

   [โหล] เสียงงัวเงียเลยนะสัดเบิร์ด

   “มึงอยู่ไหน”

   [สามทุ่มละ กล้าถามนะ]

   “อยู่บ้านแล้วเหรอวะ”

   [หึ! ร้านเหล้า] โธ่...ไอ้เวร

   “ไปร้านกาแฟเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ”

   [คราวหน้าได้มั้ยเพื่อน คืนนี้ไม่สะดวกว่ะพอดีมากับลูกพี่ลูกน้อง เพิ่งมาถึงร้านเลยจะให้ออกละ]

   “แค่นี้ช่วยเพื่อนไม่ได้ใช่มั้ย” ผมบีบเสียงกระเส่าเพื่อขอความเห็นใจ แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปตามคาด

   [เออช่วยไม่ได้ คืนนี้มึงก็ไปเองก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูมาง้อมึงวันหลังนะ บาย]

   ตัดบัวไม่เหลือใยกันขนาดนี้กูเทแม่งแล้ว คราวหลังมาขอความช่วยเหลืออะไรผมจะทำเมินให้หมด คิดหมกมุ่นกับตัวเองได้สักพักก็ต้องพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

   สุดท้าย กูก็หนีเจ้ากรรมนายเวรในชาตินี้ไม่พ้นอยู่ดี









   “ผมมาแล้ว”

   นี่คือประโยคแรกที่ใช้ทักทาย หลังจากนั่งแปะก้นลงบนเก้าอี้ แม้คราวนี้ไอ้ศตวรรษไม่ได้สวมหมวกแก๊ปกับคาดแมสค์มา แต่ถ้ามองตั้งแต่หัวจรดเท้าบอกได้คำเดียวว่าคุมโทนจนเด่น

   เสื้อยืดสีดำ กางเกงเสมอเข่าสีดำ กระเป๋าใส่แมคบุ๊ก แม้กระทั่งเคสใส่แมคก็สีดำ

   ก้มลองมองข้างล่าง นี่ก็รองเท้าแตะ Adidas สีดำแถบขาวอีกต่างหาก

   “คุณเจอผมได้ไงอ่ะ อุตส่าห์กลมกลืนซะขนาดนี้” โอ้โหพูดมาได้ กลมกลืนมากจ้า

   “นี่กวนตีนกันป่ะเนี่ย เห็นๆ อยู่ว่ามองหาคุณง่ายที่สุดในร้านแล้ว”

   “ธรรมดาโลกไม่จำ”

   “จ้ะ เท่มากจ้ะ”

   “คูลๆ”

   “แล้ววันนี้ไม่ใส่หมวกมาหรือไง”

   “ใครจะมองผมก็ไม่มีปัญหาแล้ว มีคุณอยู่ด้วยยังไงผมก็โฟกัสแค่คุณ”

   “เหรอๆ นั่นขวามือสี่นาฬิกา เขามองคุณอ่ะ” ผมทำเสียงกระซิบ เหลือบตามองผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งไม่ห่างจากเราอย่างรู้ทัน

   “รู้ได้ไง” ไอ้ยุคหันไปมองโต้งๆ ห่าเอ๊ย...แม่งไม่รู้จักคำว่าเนียนเลยหรือไง

   “ก็คุณหล่อที่สุดในร้านแล้วมั้ย”

   “เขามองคุณต่างหาก”

   “จะมองผมทำไมไม่ทราบ”

   “คุณน่ารัก”

   “...!!”

   “ช่วยครางชื่อผมให้ฟังหน่อยสิครับ”

   โห้ยยยยยยย ไอ้สัด มาคงมาครางเหี้ยอะไรล่ะ นี่เขียนนิยายจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วใช่มั้ย สถานการณ์แบบนี้แม่งไม่ใช่นักฆ่าแล้วครับ ผมว่ามันคือโรคจิตคิดหมกมุ่นไปวันๆ มากกว่า

   “นี่ใช่เพื่อนเล่นเหรอ”

   “เพื่อนกินก็ได้ เคยไปกินข้าวด้วยกันแล้วครั้งนึง” กูยอมใจในความปลิ้นปล้อนของมันฉิบหาย

   นั่นทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ก่อนเราจะแยกย้ายทางใครทางมัน ไอ้ศตวรรษเคยทิ้งคำถามเอาไว้ว่าถ้าเกิดผมมีความรักขึ้นมาจะเป็นยังไง ซึ่งผมก็ไม่มีคำตอบให้จนทุกวันนี้

   ส่วนมัน...แม่งบอกว่า ถ้าเป็นความรักและมิตรภาพสำหรับเพื่อนมันจะพาทุกคนมากินข้าว

   กูนี่โล่งใจไปถึงกาแล็กซี่ เพราะเผลอคิดเป็นแบบอื่นอยู่นานเลยทีเดียว

   “อีกอย่าง อย่าพูดคำว่าน่ารักกับผม คำนี้เขาเอาไว้ใช้กับผู้หญิงเว้ย”

   “ผมเขียนนิยายผมรู้ ใช้ได้กับทุกเพศ”

   “ผมก็แต่งเพลงมาเยอะ ผมรู้กว่า”

   “อย่าเถียง”

   “จะเถียง ก็เห็นว่าความหล่อแปะอยู่บนหน้าโต้งๆ ยังไม่ยอมรับอีก” ว่าพลางชี้หน้าตัวเองประกอบไปด้วย คนตรงข้ามเลยหรี่ตามองตรง

   “อย่าโกหกตัวเอง”

   เจอคำนี้เข้าไปเลิกเถียงเลยกู ลุกไปสั่งเครื่องดื่มแม่ง กลับมาอีกทีก็เห็นว่าหนังสือของมูราคามิเล่มหนึ่งวางแปะอยู่ตรงหน้าสมุดจดไอเดียของผมแล้ว

   “อะไร”

   “หนังสือเล่มที่เหลือที่คุณยังไม่มี”

   “เอามาจากไหนอีกเนี่ย”

   “ได้มาฟรี จากอีเวนต์นักเขียนนั่นแหละ”

   “ดีเนอะ ขอบคุณมาก” พูดจบผมคว้าหนังสือเก็บใส่กระเป๋าอย่างไวว่อง ก่อนบทสนทนาของเราจะเริ่มต้นขึ้นด้วยเรื่องไร้สาระนานนับชั่วโมง

   “ถามจริง ช่วงนี้คุณว่างงานหรือเปล่าเนี่ย” แล้วคำถามเสียดแทงความรู้สึกก็โพล่งออกมาจากปากหมาๆ ของคนตรงหน้า

   “ไม่ได้ว่าง กำลังแต่งเพลง”

   “โปรเจ็กต์ของวงอะไร บอกผมได้มั้ย”

   “จริงๆ ก็...ไม่ได้มีโปรเจ็กต์มาพักใหญ่แล้ว ผมเลยคิดว่าจะเขียนเพลงไปเสนอทางค่ายดู”

   “แต่งเพลงเกี่ยวกับการเมืองสิ ดังแน่”

   “อยากให้ผมติดคุกหรือไง”

   “คุณชอบกินบะหมี่น้ำใสมั้ย”

   “ฮะ?”

   “จะได้ซื้อไปเยี่ยมในคุก”

   “โคตรเหี้ย”

   “ชื่นใจ”

   เวรเอ๊ย...

   ผมหมุนดินสอในมือไปมา แต่ไม่วายเงยหน้ามองร่างสูงที่กำลังขะมักเขม้นกับการจิ้มนิ้วไปบนแป้นพิมพ์อย่างตั้งใจ ไฟแรงอะไรปานนั้น

   “แนะนำยี่ห้อบุหรี่หน่อย” ต่างคนต่างเงียบไปอึดใจหนึ่ง ผมจึงเป็นฝ่ายชวนคุย

   “สูบเหรอ”

   “เคยครั้งนึงแต่รสชาติแย่เลยหยุด สงสัยอยู่ที่ยี่ห้อด้วยมั้ง” เขาบอกว่ามันจะช่วยให้สมองโล่ง คิดงานได้ดีขึ้น ถ้ามันดีขนาดนั้นอาจจะช่วยให้ผมหาเงินประทังชีวิตตัวเองได้บ้าง

   “จริงๆ มาโบโร่แบล็กก็โอเคนะ”

   “เดี๋ยวตามไปซื้อ”

   “ไม่ต้องสูบหรอกแม่งไม่ดีต่อสุขภาพ แถมปากคล้ำอีกต่างหาก”

   “คุณยังไม่เห็นกลัวเลย”

   “ผมกินนมสตรอเบอร์รี่แก้แล้ว”

   ทฤษฎีอะไรของเมิ๊งงงงงงงงงง คิดว่าสีชมพูจากนมช่วยแต้มให้ปากมึงละมุนเหมือนเด็กผู้หญิงเหรอสัด

   “ความคิดโคตรเด็ก”

   “ผมไม่ได้สูบเยอะ”

   “อย่างนี้จะมาห้ามไม่ให้คนอื่นสูบได้ไง ตัวเองก็เป็น”

   “งั้นเลิกให้ก็ได้”

   “หืม...”

   “จะเลิกบุหรี่”

   “ง่ายขนาดนั้น”

   “ไม่ง่าย แต่คิดว่าทำได้นะ”

   “คิดมานานหรือยังเนี่ย”

   “เพิ่งคิดตอนคุณพูดเลย” ควรดีใจมั้ยเนี่ย แต่เพื่อนก็ย่อมต้องหวังดีกับเพื่อนอยู่แล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากให้ผมสูบ ตัวผมเองก็มีสิทธิ์ที่จะบอกให้เขาเลิกสูบมันเหมือนกัน แฟร์ๆ ดี

   “ถ้าไม่แนะนำบุหรี่ ก็แชร์สูตรนอนดึกให้หน่อยสิ”

   “เอากาวตราช้างหยอด รับรองหาย”

   “หายง่วงเหรอ”

   “หายไปจากโลกนี้อ่ะ”

   กูถึงกับตบขมับ ควรทำใจได้แล้วว่าคงไม่ได้รับคำตอบที่ดีจากคนคนนี้แน่ แสรดดด

   “ผมยังไม่อยากตายหรอก แต่ถ้าเป็นคุณก็ไม่แน่ กวนตีนเบอร์นี้”

   “ก็เป็นแค่กับคุณ”

   “ไม่มีเพื่อนคบสิท่า”

   “คำถามนี้ควรถามตัวเองนะชยิน” จึ่ก! ปากคอเราะร้ายกับกูจัง ถ้าลากคอไปต่อยในส้วมได้คงทำไปนานแล้ว ไม่มานั่งเข่นเขี้ยวคิดอาฆาตอยู่ในใจแบบนี้หรอก

   “ผมมีเพื่อน แค่เวลาไม่ตรงกันเฉยๆ”

   “เข้าใจ”

   “คุณเคยรู้สึกกดดันมั้ยที่เพื่อนมีแฟนและแต่งงานกันไปหมดแล้ว แต่คุณยังโสดอยู่” ในใจลึกๆ ผมมีคำถามนี้ติดอยู่ตลอด และคำตอบมันก็เป็นไปในทางลบเสมอ

   ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าจากจอ เลื่อนมือไปหยิบแก้วนมร้อนขึ้นมาดื่มแล้วเอ่ยตอบ

   “กดดันแล้วให้ทำยังไง แต่งตัวหล่อๆ ออกจากบ้านพร้อมกับตั้งเป้าหมายว่าจะหาแฟน เวลาเจอใครสวยๆ ก็เดินเข้าไปจีบอย่างนี้เหรอ นี่คือความกดดันจากใคร เพื่อนหรือตัวเอง”

   “มันก็ทั้งสองอย่าง ถามจริง คุณไม่เหงาบ้างเหรอ”

   “เหงา แต่ถ้าให้ทำแบบนั้นมั่นใจแค่ไหนว่าจะเวิร์ค”

   “อย่างน้อยก็ดีที่ไม่ทำให้เราโดดเดี่ยวเหมือนอยู่คนเดียวป่ะวะ”

   “ไม่เจอก็คือยังไม่เจอ ใช้ชีวิตของคุณต่อไป มันดีกว่ารีบหาแล้วสุดท้ายก็มานั่งเสียใจอีก”

   “แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าคนคนนั้นคือคนที่ใช่”

   “บางคนอาจเจอแล้วชอบเลย หรือบางคนอาจจะเจอแล้วค่อยๆ รู้สึก”

   “คุณเคยเป็นแบบที่พูดมั้ย”

   “อืม นี่ก็เริ่มรู้สึกละ”

   “...”

   “รู้สึกว่านมร้อนเดี๋ยวนี้อร่อยกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ลองไปสั่งบ้างสิคุณ”

   ตีหนึ่งสิบห้านาที นี่อาจเป็นเวลาที่คนเหงาสองคนมานั่งปรับทุกข์ด้วยกันล่ะมั้ง

   ว่าแต่...นมร้อนเกี่ยวเหี้ยไรกับเรื่องนี้วะ งงในงง














   หลังนั่งปรับทุกข์ด้วยกันยันพระอาทิตย์ขึ้น ผมกับไอ้ศตวรรษก็ไม่ได้นัดมานั่งคุยกันอีกเลย แต่เชื่อหรือเปล่าว่าระหว่างนั้นเราเจอกันแทบทุกวัน ใช่! แม่งเล่นมาเคาะประตูถึงหน้าห้องเลยเว้ย

   หัวข้อหลักๆ ที่คุยกันก็สั้นๆ ง่ายๆ ใช้เวลาเพียงห้านาทีตรงหน้าประตูก่อนแยกย้าย

   ผมจะได้รับหนังสือทุกครั้ง เป็นหนังสือของมูราคามิที่เจ้าตัวให้คำตอบเดิมๆ ว่าได้ฟรีมาจากงานอีเวนต์ของนักเขียน ซึ่งผมก็ใช้เวลาที่ว่างจากการคิดเพลงไม่ออกมานั่งอ่านหนังสือทีละเล่มอย่างเพลินๆ

   กระทั่งสายเรียกเข้าของไอ้ท็อปดังขึ้นในบ่ายวันหนึ่ง

   “ว่าไง” ผมกรอกเสียงลงไป ก่อนปลายสายจะตอบกลับอย่างเร็วรี่

   [นิตยสารที่มึงให้สัมภาษณ์วางแผงแล้วนะ ยังไงเดี๋ยวกูส่งไปให้ที่ห้อง]

   “อ้าวเหรอ ขอบใจมากเพื่อน”

    [แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้าง วุ่นๆ กับการแต่งเพลงอยู่ป้ะ]

   “ก็เรื่อยๆ บางทีก็มีนัดเจอกับไอ้คุณคัลลิสโตของมึงบ้าง”

   [เหยดดดดดด มีนัดเจอกับคนสันโดษแบบนั้น ไปไกลแล้วชยิน]

   “ไกลเหี้ยอะไร อีกอย่างมันไม่ใช่คนสันโดษเว้ย แม่งออกงานแทบทุกวัน นี่มันก็เอาหนังสือที่ได้ฟรีจากงานมาให้กูประจำเลย มึงไม่เจอมันตามงานบ้างเหรอวะ”

   [โง่จริงจัง]

   “อะไร”

   [คนบ้าที่ไหนมันจะไปอีเวนต์ได้ทุกวี่ทุกวันวะ]

   “ก็มันไง”

   [กูเพิ่งเห็นรายชื่อที่คัลลิสโตแคนเซิลไป คิวแม่งยาวถึงปีหน้าเลยนะ ถามจริงคนบ้าที่ไหนมันจะไปงานที่ตัวเองยกเลิกวะ]

   “มะ...ไม่มีสักงานเลยเหรอ”

   [เออ]

   “...”

   [มึงโดนหลอกให้ติดกับแล้วเด็กชายชยิน...]



ศตวรรษของเรานี่ไม่เบาจริงๆ
เอาล่ะค่ะมาเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่กัน
ตอนนี้ตัวแปรมันมีอยู่กันสองคนก็จริง แต่อย่าลืมว่าพี่ยุคมีคนอ่าน
และชยินมีคนฟังเพลงนะ มันกันล่ะคราวนี้
ฝากเป็นกำลังใจให้คนทั้งคู่ด้วยนะคะ ท้ายนี้อย่าลืม “ครางชื่อศตวรรษด้วยนะคะ” โอ๊ยใจแม่
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 12-11-2017 20:23:45
เมื่อคนเกรียนเหงาๆ มาเจอกัน 55555 สงสารชยินดีมั้ย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 12-11-2017 20:40:42
ชยินนนน นายกำลังโดนล่อลวงอยู่รู้ตัวมั้ยยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-11-2017 20:51:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: memytae ที่ 12-11-2017 21:01:46
ศตวรรษ พระเอกกวนตี_แห่งปี2017
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: memytae ที่ 12-11-2017 21:05:51
ชยินคนซึน โดนจีบทุกๆ3วิยังไม่รู้ตัวอีก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 12-11-2017 21:09:28
คุณศตว๊รรษษษษ :hao7: ทำแบบนี้ ชยินงงในงง แต่ถ้ารุกตรง ๆ เด็กชายชยินคงเอ๋อไปหลายวัน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 12-11-2017 21:10:22
ชยินคนซื่อ :L2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 12-11-2017 21:18:33
โถ่ ไม่น่าบอกเลย น่าจะรอให้ชยินตกหลุมของยุคก่อนแล้วค่อยบอก หนูชนินเลยรู่ความจริงเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 12-11-2017 21:21:43
เอ้า ชยิน ครางชื่อพระเอกหน่อย เขาขอมาขนาดนั้นเเล้ว

 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 12-11-2017 21:30:22
คุณศตวรรษ​ดูรุกหนักขึ้นเรื่อย​ๆแล้วนะคะ​ เกลียดการบอกให้ครางชื่อมาก55555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 12-11-2017 21:32:21
เป็นกำลังใจให้ชยินนะคะ 55555555 ยุคช่างเกรียนดีแท้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 12-11-2017 21:39:49
โดนจีบอยู่ก็ยังไม่รู้ตัวอีกระชยินนนนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 12-11-2017 21:47:36
าชยินลูกรักหนูอยากได้พาราซักแผงมั้ยคะคุณแม่ปวดหัวแทนหนูเหลือเกิน ยอมๆไปนะคะเพราะเถียงยังไงก็ไม่สู้อยู่ดี แต่ลูกเขยก็ทำเอาคุณแม่เขิลมากกกกดีมากค่ะแกะกุ้งให้น้อง เอาใจน้องเยอะๆนะคเดียวลูกชายคุณแม่คงจะใจอ่อนเองสู้ๆค่ะลูกเขย....รักจิตติอ่ะขอบคุณนะคะมาอัพให้แล้วเลิฟๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Quasar77 ที่ 12-11-2017 21:50:51
ทำไมคุณยุคเป็นคนแบบนี้หล่ะ กวนซะไม่มี :mew1:
ชยินจะมีวันเถียงชนะมั่ยเนี่บ55555 o18
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 12-11-2017 21:56:11
เราจะรอให้ถึงวันนั้น วันที่ชยินครางชื่อพิยุคเพราะโดนเอว4G@;&)&(&)&)&&/:$:
#หื่นกามตามพี่ยุคค่ะ #แมวพิมพ์  :katai3: :katai3:

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-11-2017 22:13:13
เรื่องถูกกวนตีนเริ่มจะชินละ ว่าแต่เมื่อไหร่ชยินจะหายจน สงสาร กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจนจะขาดสารอาหารแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 12-11-2017 22:17:08
เด็กชายชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-11-2017 22:25:40
 o13


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 12-11-2017 22:52:34
#คนเหงา2017 กับ #คนเกรียน2017 เหมาะสมกันมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-11-2017 23:07:58
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-11-2017 23:25:28
ว้อยยยย หัวร้อนกับความกวนทีนของอิตายุคแบบจริงจัง สงสารชยินทำไมต้องมาเจอกับคนแบบนี้ หืม?
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 12-11-2017 23:35:21
พี่ยุคนี่แกหยอดเรื่อยๆอ่ะนะ แต่หยอดได้บั่บ..ถ้านี่เป็นชยินก็ไม่รู้อ่ะว่ามันหยอด คลเฬววววววว55555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-11-2017 23:58:32
ชยิน นายโดนหลอกแล้ว 555555555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-11-2017 00:11:31
จะบอกว่าชยินโง่ก็สงสารหึหึ  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-11-2017 00:37:02
ครางงงงงงงง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 13-11-2017 01:04:50
เนียนมากศตวรรษ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 13-11-2017 01:45:38
 :heaven“มัตสึฮะ!"  "ทาคิคุง~~~” 55555555 เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยคู่นี้
ปล.พี่ยุคนี่แผนสูงจริงๆ  ชยินตามไม่ทันแน่นอนน 55 ไม่เป็นไรนะชยินเดี๋ยวก็หายเหงาแล้วว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-11-2017 02:08:32
ชยินคนดี โดนจีบยังไม่รู้อีก  :m20:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 13-11-2017 03:21:21
ฟินก็ฟินนะ
แต่ตอนนี้ช่วยหางานให้ชยินหน่อยเถอะ สงสาร 55555555
กรอบอยู่แล้วเนี้ยยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 13-11-2017 07:01:55
พี่ยุคจีบแบบหลอกให้อยากแล้วจากไปมากอ่ะ

 :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 13-11-2017 07:27:23
โอ้โหพี่ยุค ท่านปราบสารวัตรได้ราบคาบจริงๆ 55555 อะไรจะกวนเบอร์นี้ เป็นเรื่องที่รักมากแน่ๆ ถัดจากคั่นกู :mew1:

ปอลิง. ชยินก็น่ารัก โดนแอ๊วแบบเนียนๆ 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 13-11-2017 10:50:09
ชยินแกโดนเค้าหลอก

แกโดนเค้าหลอก

แกโดนเค้าหลอก


555555555555  ทำไมถึงรู้คนสุดท้าย เค้ารู้กันทั้งเล้าแล้ว


โคตรน่าแกล้ง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 13-11-2017 10:55:11
ชยินเอ้ย จะใสไปไหนลูกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-11-2017 11:19:45
ศตวรรษสายเนียน5555
รุกแบบเนียนๆ เจอกันอะไรทุกวันขนาดนั้นน
แล้วแคนเซิลคิวอีเว้นยาวไปถึงปีหน้า อหหหห
จะต้องรวยขนาดไหนถึงไม่ยอมทำงานถึงปีหน้าก้มีกินอะ
ชยินนน รู้แล้วไงต่ออะ พอจะเดาอะไรได้บ้างมั้ยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 13-11-2017 13:44:37
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: imetvxq ที่ 13-11-2017 13:58:17
โธ่ ชยินดูเป็นเด็กน้อยที่ตามอะไรไม่ค่อยจะทันไปเลยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: arakanji ที่ 13-11-2017 16:14:50
อ่านไปก็ฮาไป
กวนสุดติ่งเลยค่ะคุณยุค
เป็นน้องชยินนี่มีมือลั่นกันบ้าง555
ขอบคุณน้องจิตติค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 13-11-2017 19:09:33
ชยิน ตามใครเขาทันมั่งเนี่ยะ น่าสงสารจริงเจอคนกวนแบบศตวรรษ แต่ก้น่ารักมากด้วย ชอบตอนแกะกุ้งแกะไก่ให้ดูแลดีมากรักเลย ถึงจะกวนมากกกกกก็รัก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 13-11-2017 19:30:51
นี่เขาเรียกว่าเนียนจีบนะเนี่ยยย :hao7:
วงวารเด็กชายชยิน เถึยงสู้เขาไม่ได้ก็จะสู้ 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: SIRINN ที่ 13-11-2017 20:26:03
ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 13-11-2017 21:23:40
สนุกมากกกกกกก ชอบทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: koko0540 ที่ 13-11-2017 22:35:08
โธ่ชยิน...
จี้มาก จี้ทุกตอน ขำจนอยากเห็นหน้าคนเขียน55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 13-11-2017 22:49:35
 :katai2-1:

k.ศตวรรษ มีตรงไหนน่ารักมั่งมั้ยฟร่ะ (บางทียังนึกเคืองราวกับนี่เป็นชยินเอง)

ส่วนk.ชยิน ก็ดูจะไม่ยอมๆ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดชิมิ

 really wanna know how k.ศตวรรษ gonna do to make k.ชยิน like/love him back
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 13-11-2017 23:13:52
โอ้ยยย

ชอบการเถียงกันของคู่นี้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 14-11-2017 00:31:35
สงสารชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 14-11-2017 00:32:00
 o13  o13 o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 14-11-2017 07:58:14
ศตวรรษนี่เค้าเนียนได้โล่จริงๆค่ะคุณ คนโดนจีบก็ไม่รู้ตัวกับเขาเลย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Tukta3039 ที่ 14-11-2017 10:01:53
ศตวรรษนี่มันศตวรรษจริงๆ ยังคงความกวนกับเนียนเข้าไปตีสนิทได้แบบ... ฮือออ ใจบางหมดแล้ว ยกเลิกงานเพื่อมาแอบเนียนเต๊าะชยินไปอีก  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 14-11-2017 10:24:33
หนังสือมูราคามิ เรามีเรื่อง คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ ชยินอ่านแล้วยัง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: MILLIseconds ที่ 14-11-2017 12:32:08
คุณศตวรรษยกเลิกงานเพื่อมาหาชยินโดยเฉพาะรึเปล่าน้ออออ :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-11-2017 15:03:57
 :laugh:


ยินดีด้วย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 14-11-2017 17:31:56
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Elektra ที่ 14-11-2017 18:35:39
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: foamon97 ที่ 14-11-2017 19:33:07
พี่เขาดูภูมิใจกับการควงเอวที่เร็วกว่า4Gของตัวเองมากอะ กลัวแล้วว :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: popeyez ที่ 14-11-2017 19:58:33
ขอโทษนะคะ แต่เราคิดภาพตอนเป็นสามีภรรยากันไม่ออกจริงๆ 5555555555555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 14-11-2017 21:49:43
ชยินลู๊กกกก หนูจะมีสามีแบบไม่รู้ตัวป่าว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: foamon97 ที่ 14-11-2017 22:07:04
โดนศตวรรษเล่นแล้วเด้อออ กริ๊สส  :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 15-11-2017 17:39:28
ชยินน่ารัก

ถูกใจความคิดคุณยุคเรื่องหาแฟนมากๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 16-11-2017 20:20:38
เอาแล้วๆศตวรรษ :katai4: เขินนนนนนนนน ชยินน่ารักอ่ะ จุ้บๆ มาต่อเร็วๆนะครับผม :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Xll ที่ 18-11-2017 16:43:44
อ่านแล้วมา 4 ตอน + อินโทรดักฉัน 1 ตอน ตั้งแต่อ่านมารู้สึกชอบmood and tone ของตอนที่ 4 มากที่สุด ชอบการนั่งคุยกันในร้านToo Fast Too sleep ในช่วงกลางดึกวันเสาร์จนถึงเช้าตรู่วันอาทิตย์ ชอบบรรยากาศในเรื่อง เอ็นดูชยิน รักความเปย์ของศตวรรษ แกนี่น่าจะเผยแพร่ความกวนตีนให้แก่สารวัตรแน่ๆ 55555555555555555 โอ้ยยยยยย รออ่านต่อไปนะครับ รอตอนที่ 5 เป็นนิยายคอมเมดี้ที่ดีมาก ฮื่ออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-11-2017 16:45:25
ตายๆๆๆ จะรอดไหม แค่เถียงก็ไม่ทันแล้ว

คือยุคจะรุกใช่ไหม แต่กลัวหนีเลยต้องคอยต้อน คอยแกล้งแบบนี้
แล้วชยินแหย่ง่าย แหย่ขึ้นด้วยไง แล้วไหนใครจะรอด 5555

เนียนนะยุคนะ ช่วงนี้ออกบ้านบ่อยไปอีกนะ ไหนว่าชอบส่วนตัว

รอรุกรอบหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-11-2017 08:41:55
เนียนมากอ่ะยุค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่4 [12/11/60] *หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 21-11-2017 07:14:31
ศตวรรษคนเนียน ชยินคนซื่อ ยอมแล้วว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-11-2017 20:04:47

ตอนที่ 5
ความจริงเป็นสิ่งวุ่นวาย



   ผมถือสายค้าง มัวแต่อึ้งกับประโยคก่อนหน้าอยู่นาน...

   ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่ไอ้ยุคหลอกผมคืออะไร ดูยังไงก็ไม่น่ามีเหตุผลที่เป็นไปได้ จะบอกว่าอยากมีเพื่อนแก้เหงาที่ผ่านมาแม่งก็อยู่ได้นี่หว่า

   ถ้าอยากแชร์หนังสือทำไมต้องลงทุนซื้อมาให้เยอะขนาดนี้ หรือหากจะบอกว่าอยากหาคนหารค่าข้าวสุดท้ายมันก็เป็นคนจ่ายในตอนสุดท้ายอยู่ดี มีเหตุผลอะไรที่ต้องดึงคนหน้าตาดีแถมสุดจะเพอร์เฟ็กต์คนนี้เข้าไปในชีวิตด้วย

   เบื่อครับ เบื่อความหล่อของตัวเอง

   [ชยิน ตายยัง] กว่าจะได้สติก็ตอนที่เสียงเข้มจากปลายทางส่งมาให้เนี่ยแหละ

   “ตายบ้านมึงสิ”

   [ก็เห็นเงียบไปนาน สรุปตอนนี้คัลลิสโตจีบมึงอยู่เหรอ]

   “จีบห่าไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”

   [ก็ฟังจากที่มึงเล่ามันดูชอบวอแวมึงฉิบหาย เชื่อเถอะอีกไม่นานมึงติดเบ็ดชัวร์ๆ]

   “คิดเองเออเองเก่งนะมึง” ผมเถียงกลับไปเสียงสั่น รู้สึกกลัวอะไรบางอย่างขึ้นมาครามครัน

   [กูจะบอกอะไรให้นะ ในวงการนักเขียนใครก็รู้จักมัน แล้วรู้อะไรมั้ย คัลลิสโตไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนหรือบอกว่าคบหากับใครมาก่อนเลย มึงว่ามันแปลกมั้ย]

   ไอ้ท็อปทำงานในวงการหนังสือ เพราะฉะนั้นมันจึงค่อนข้างกว้างขวางในเรื่องคอนเนคชั่นรวมถึงรู้จักนิสัยใจคอของนักเขียนบ้าง แน่นอนว่าไอ้ยุคคือหนึ่งในนั้น แถมนับวันก็ดูจะสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

   “มันเป็นคนสันโดษ จะป่าวประกาศให้คนอื่นเสือกทำไม”

   [มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว ที่มันไม่บอกใครเพราะกำลังปกปิดตัวตนที่ชอบผู้ชายต่างหาก]

   “ฮะ!” ประโยคนี้แหกอกกูรุนแรงมาก

   เหตุการณ์ที่ผ่านมาเริ่มประเดประดังเข้ามาไม่หยุด ตลอดหลายวันที่มีโอกาสได้เจอกับอีกฝ่ายผมก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้าง พฤติกรรมบางอย่างของไอ้ยุคค่อนข้างแปลก และคำพูดคำจาของมันก็ค่อนข้างส่อแววว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

   เหยดเข้! อย่ายุ่งกับกู กูอยากมีเมีย

   “อะ...ไอ้ท็อป” ถึงกับเสียงสั่นเลยครับ ต้องรวบรวมสติอยู่พักหนึ่งก่อนจะกรอกเสียงพูดต่อ “แค่นี้ก่อนนะมึง พอดีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าปั่นผ้าทิ้งไว้”

   [เออๆ มีอะไรให้ช่วยก็บอก ส่วนนิตยสารก็รอรับได้เลย อีกสองสามวันคงถึง]

   “ขอบใจมาก”

   หลังวางสายจากไอ้ท็อป ผมรีบอันล็อกความเครียดด้วยการนั่งจกมาม่าดิบกินอยู่ตรงโซฟา พลันนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาครามครัน

   ไม่รู้ตอนนี้มันตื่นหรือยัง เชี่ยนี่ยิ่งขี้เซาอยู่ด้วย แต่เพราะความสงสัยที่ค่อยๆ พอกพูนขึ้นไม่สามารถทำให้ผมนั่งนิ่งนอนใจได้ จึงต้องรีบกดโทรศัพท์ต่อสายหาเพื่อนรักที่พำนักในไทยอีกนับเดือน ซูปเปอร์เนิร์ดของห้อง...เมพเบิร์ด

   [มีไร] เสียงตอบกลับดูงัวเงียเต็มแก่ บ่ายโมงกว่าแล้วไม่น่าเชื่อว่ามันจะยังทำตัวเหี่ยวอยู่บนเตียงอย่างที่คิดไว้จริงๆ

   “เกือบบ่ายสองละ นอนกินบ้านกินเมืองจังวะ” ผมพูดค่อนแขวะออกไป ซึ่งก็ได้รับการตอกกลับอย่างเจ็บแสบเช่นกัน

   [ทีมึงตื่นหกโมงเย็นกูยังไม่เคยว่าเลย]

   “กูนอนเช้าเหอะ”

   [ส่วนกูก็เมา] ได้ข่าวว่าตั้งแต่มันไปเรียนอเมริกาก็เริ่มติดดื่ม ติดปาร์ตี้ หลังๆ คิดว่าน่าจะหนักกว่าผมไปไกลโข 

   “แฮงก์เหรอมึง”

   [จะเหลือเหรอ เมื่อคืนกลับตีสามอ่ะ]

   “งั้นรีบลุกขึ้นมาตอบคำถามกูก่อนเดี๋ยวค่อยแฮงก์ต่อ”

   [ประสาท เป็นเหี้ยอะไรของมึงอีกเนี่ย เหงาเหรอ] ปลายสายตอบอย่างแดกดัน ถ้าไม่ติดคบกันมานาน แถมสมัยเรียนให้ลอกการบ้านส่งครูตลอดกูจะตัดเพื่อนจริงๆ ด้วย

   “กูเปล่า แค่อยากหาไอเดียเขียนเพลง”

   [อ่าๆ ว่ามากูจะได้นอนต่อ]

   “สมัยมึงเรียนยู พอจะมีเพื่อนที่เป็น...เกย์มั้ย” ไม่รู้ทำไมคำนี้มันถึงพูดยากลำบากนัก เพราะกำลังกลัวหรือเปล่าว่าถ้าไอ้ยุคเป็นเกย์จริงๆ ผมจะสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นเป้าหมายให้มันล่อมาเชือด

   แล้วยิ่งเขียนนิยายแนวสืบสวนสอบสวนพ่วงฆาตกรรมเอาไว้ด้วย ไม่รู้ว่าวันไหนจะโดนหลอกไปฆ่าหมกห้องโดยไม่รู้ตัว

   [เพียบเลยว่ะ ถามทำไม]

   “แล้วคนเป็นเกย์นี่มักมีพฤติกรรมแบบไหนวะ”

   [ก็ชอบผู้ชายด้วยกันไง มึงโง่เหรอชยิน ถามอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้วะ]

   “เอารายละเอียดปลีกย่อยอย่างอื่นสิ”

   [มันก็แล้วแต่คนไป บางคนก็ไม่ได้มีพฤติกรรมแตกต่างจากคนที่ชอบผู้หญิงเลย เรื่องนี้...มันอธิบายยากจริงๆ ว่ะ] หมดสิ้นแล้วหนทาง คำตอบไม่ได้ช่วยขยายความเข้าใจให้ผมเลยสักนิด

   “แล้วถ้าสมมตินะ อันนี้กูสมมติจริงๆ วันนึงมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตมึง ชวนมึงออกไปกินข้าว ดื่มกาแฟ เอาหนังสือมาให้ที่ห้องทุกวัน พูดจาสองแง่สามง่าม แบบนี้เข้าข่ายเกย์มั้ยวะ”

   [นี่เรื่องของมึงหรือของใคร กูว่าไม่ใช่เรื่องสมมติละ] ฉลาดฉิบหายยยยยยยย

   ไอ้เบิร์ดกำลังทำให้ผมจนมุม แต่เพราะไม่อยากให้ใครรู้ถึงความกังวลใจของตัวเอง จึงทำได้แค่โบ้ยเรื่องทั้งหมดไปให้คนอื่น

   “เพื่อน” ตอบออกเสียงเข้ม เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ว่ากำลังโกหกอยู่

   [มึงไม่มีเพื่อนสนิทที่จะเล่าเรื่องเหี้ยๆ ขนาดนั้นให้กันฟัง เพื่อนมหา’ลัยก็เทมึง สรุปมึงมีแค่กู] นอกจากเรียกเก่งแล้ว เรื่องเสือกและจับผิดชาวบ้านนี่ก็ใช่ย่อยเหมือนกัน

   “เชี่ยโอไง อ้ออีก ไอ้ชลก็ด้วย”

   [ไม่ พวกมันไม่มีทางปรึกษามึง ไม่งั้นแม่งจะเหงามาเป็นปีขนาดนี้เหรอ บอกมาว่าใครที่ทำแบบนี้กับมึง]

   “ไอ้เบิร์ดแค่นี้ก่อนนะ พอดียุ่งว่ะ” ผมทำท่าจะวางสาย แต่แล้วเสียงเข้มก็ดังแทรกเข้ามาจนขี้หูแทบเต้นระบำ

   [ห้ามวาง! มึงยอมรับแล้วสินะว่ามีคนมาติดพันมึง]

   “กูไม่ได้พูดสักคำ”

   [ขอโทษนะไอ้ชยิน มึงยอมรับตั้งแต่พยายามกดวางสายกูละ ให้กูเจอเขา]

   “ไม่”

   [จะได้วิเคราะห์ให้ไงว่าคนคนนี้เป็นเกย์จริงมั้ย ไม่อยากรู้เหรอ] แพ้ทันทีเลยกู เอาเรื่องนี้เข้ามาล่อมีเหรอชยินจะปฏิเสธได้

   ผมไม่ชอบให้เรื่องอะไรติดค้างอยู่ในหัวนานๆ สงสัยก็ต้องหาคำตอบให้ได้ เหมือนที่พยายามสืบเรื่องของไอ้ 0832/676 อยู่ทุกวี่วันแต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลยเนี่ยแหละ ดังนั้นปวดหัวเรื่องเดียวก็มากพอแล้ว อย่าให้ผมต้องค้างคากับเรื่องอะไรอีกเลย

   “เออๆ ไว้วันไหนว่างจะให้มาเจอแล้วกัน” แค่ไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่ ขอเวลาทำใจก่อน

   [แต่วันนี้กูไปหามึงที่ห้องนะ พอดีว่างมาก]

   “งั้นรีบอาบน้ำล้างหน้า กูจะพาไปเลี้ยงกาแฟดำ”

   [โถะ! โทษนะเพื่อน หน้าอย่างมึงตอนนี้มีเงินด้วยเหรอ]   

   “สัดนี่”

   [ถึงเมื่อไหร่เดี๋ยวโทรหา ขอนอนต่ออีกสิบห้านาทีแล้วกัน]

   ไม่ปล่อยให้พูดอะไรเพิ่มเติมเพื่อนรักก็รีบตัดสายฉับพลัน ทิ้งให้ผมก่นด่าในใจพร้อมบดมาม่าในมือจนเละ

   สองชั่วโมงให้หลังเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ดูเหมือนไอ้เบิร์ดจะกระตือรือร้นกับการมาที่ห้องของผมค่อนข้างมาก ทั้งที่ปกติเรียกให้มาทีไรก็มักจะอ้างโน่นอ้างนี่ตลอด

   “ทีแบบนี้มาล่ะเสนอหน้ามาได้” ผมแซะมันกรายๆ

“ถ้าเรื่องงานกูไม่ค่อยว่าง แต่ถ้าคุยเรื่องชาวบ้านกูพร้อมเสมอ” โคตรเหี้ยเลย แถมมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วบ่นออกมาราวกับเป็นแม่ ถามว่าทำความสะอาดห้องครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่บ้างล่ะ จนขนาดไม่มีน้ำอัดลมในตู้ให้กินบ้างล่ะ แทะผนังห้องแทนข้าวบ้างล่ะ

แหม...พ่อคนรวย วันไหนไม่มีงานอย่างกูมึงจะเข้าใจ

พอรื้อค้นหาอะไรกินไม่ได้นอกจากน้ำเปล่าและมาม่าแห้งแล้ว เราก็เปิดหนังดูกันไปเพลินๆ แม้จุดสนใจในตอนนี้จะไม่ใช่จอโทรทัศน์ตรงหน้าก็ตาม

“โปรแกรมกูเป็นไงบ้าง มีปัญหาอะไรมั้ย ฟังก์ชั่นโอเคหรือเปล่า กูใส่โค้ดเสริมเข้าไปให้มันสามารถแทรกเพลงลงไประหว่างเล่นได้ด้วย”

“เหรอ ไม่ยักรู้ เดี๋ยวจะลองไปเล่นดู แต่ตัวโปรแกรมไม่มีปัญหานะ” คนข้างๆ พยักหน้าเหมือนพอใจกับผลงานของตัวเองพอสมควร

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครวะ ใช่ 0832/676 มั้ย” นั่นไง มันเริ่มประเด็นจนได้

“ใช่ที่ไหนล่ะ เก่งจังนะเรื่องคาดเดาเรื่องชาวบ้านเนี่ย”

“มึงไม่ใช่ชาวบ้าน มึงเป็นเพื่อนกู” โอ้โหซึ้ง...

แต่จุดประสงค์แม่งคือเสือกไง ตื้นตันใจได้แป๊บเดียวก็กลับมาหมั่นไส้ เพราะมองทะลุสันดานออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

“เลิกหัวหมอพูดเอาใจกูเถอะ ไอ้คนนั้นมันเป็นนักเขียน เจอกันตอนไปสัมภาษณ์งานกับไอ้ท็อป แต่มันไม่ได้จบไงเพราะหลังจากนั้นแม่งเล่นเสือกตามกูแจเลย”

“ไม่ดีเหรอ มึงจะได้ไม่เหงาไง”

“ถ้ามันอยู่เป็นเพื่อนก็ดีดิ แต่ถ้ามันเป็นเกย์...” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากมองหน้าเพื่อนสนิทเพื่อเติมประโยคที่เหลือในใจ

“ชยิน มึงไม่ใช่คนแบบนี้” ประโยคเดียวที่ออกจากปากซูปเปอร์เนิร์ดของห้องทำเอาผมอึ้ง สายตามันเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและผิดหวังอยู่กรายๆ

“อะไรวะ กูทำอะไรผิด”

“ปกติมึงไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยนี่หว่า เวลาคบใครมึงเลือกคบเพราะนิสัย อย่างกูเนี่ยโคตรเนิร์ด ตัวมืดมนของห้อง หน้าตาก็แย่ ไม่เห็นมึงจะเอาภาพลักษณ์มาเป็นตัวตั้งในการคัดเลือกคนเลย”

“...”

“เพศสภาพบอกว่าเขาเป็นคนไม่ดีเหรอวะ” ทำเอากูดูเลวไปเลย

“มันก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่จะว่าไงดีวะ กูก็แค่อยากรู้ว่าไอ้คนนั้นมันเป็นยังไง จะได้ทำตัวถูกเวลาอยู่ด้วยกัน ไม่ได้ตั้งใจดูถูกห่าอะไรทั้งนั้นแหละ”

“ถ้าเขาชอบมึงนี่จะยอมรับได้มั้ย”

“คนอื่นอาจจะได้ แต่ถ้าให้คบกับมันกูขอครองตัวเป็นโสดจนถึงวัยชราภาพเลยเถอะ”

“มึงไม่ยอมรับความจริง”

“กูยอมรับความจริง แต่นิสัยกวนตีนของมันกูรับไม่ได้จริงๆ”

“เจอคนปราบพยศได้หน่อยแล้วดิ้นหนักเลยนะมึง”

“ดูปากกูนะ กู...ไม่...ได้...ดิ้น” ผมทำหน้าจริงจัง ไอ้เบิร์ดเลยพยักหน้าเข้าใจ นั่งจกมาม่าดิบแดกฆ่าเวลากันเพลินๆ กระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมสะดุ้งโหยง ขนแขนลุกชันโดยอัตโนมัติ

ไม่คิดไม่ฝัน...

“ใครมาวะ” ไอ้เนิร์ดเอ่ยถาม แต่สายตาเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าคนด้านนอกเป็นใคร

ที่มึงมาหากูถึงห้องนี่คือวางแผนมาแล้วใช่มั้ย เพื่อนสารเลว!

   “มึงนั่งอยู่ตรงนี้เลยนะ ไม่ต้องเสนอหน้าเดินตามกูมา” สั่งเอาไว้แบบนั้นพลางเดินไปยังประตู สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วผ่อนออกมา ก่อนตัดสินใจหมุนลูกบิดเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ

   “หวัดดีคุณ”

   และไม่ผิด ไอ้ศตวรรษยืนอยู่ตรงนี้กับเสื้อผ้าสีโทนเดิมๆ หมวกใบใหม่ที่ไม่เคยใส่ซ้ำ รองเท้าแตะอดิดาสคู่คุ้นตา และหนังสือของมูราคามิฉบับภาษาอังกฤษหนึ่งเล่มที่ถือติดมือมาด้วย

   “จะมาทำไมไม่โทรบอกก่อน ผม...ผมจะได้เตรียมตัว”

   “เตรียมทำไม ต่อไปคุณจะเดินแก้ผ้ามาเปิดให้เหรอ” สมองก็คิดแต่เรื่องแบบนี้อ่ะ จังไรไม่มีที่สิ้นสุด

   “รำคาญ เอาหนังสือมาให้ใช่มั้ย ขอบคุณครับ” ผมรีบยื่นมือไปคว้าหนังสือจากมือหนา กะว่ารับแล้วอีกฝ่ายจะได้รีบกลับไปเหมือนทุกๆ วัน แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

   “ใครมาเหรอชยินนนนนนนนน”

   ตายโหง! ไอ้เพื่อนเหี้ยเริ่มก่อเรื่องแล้ว ไม่พอมันยังสลอนหน้าออกมาทักทายไอ้ยุคถึงหน้าห้องด้วย กูล่ะเกลียดใบหน้ายิ้มแย้มแสนตอแหลของมันเต็มแก่

   บอกสิว่ามึงเก่งแต่เรื่องเรียน ที่เปลี่ยนไปนี่คือติดนิสัยมาจากเพื่อนมหา’ลัยเหรอ

   “เพื่อนมาเหรอคุณ” ร่างสูงถามอย่างสงสัย

   “สวัสดีครับ ผมชื่อเบิร์ด เป็นเพื่อนสนิทชยิน”

   “ผมชื่อยุค ไม่คิดว่าชยินจะมีเพื่อน”

   “ใช่มั้ย ปกติก็ไม่มีใครเอามันหรอกนอกจากผม เข้ามาข้างในก่อนมั้ยครับ แต่รกหน่อยนะ ไอ้นี่มันสกปรกที่สุดในรุ่นแล้ว” เวรเอ๊ย วางอำนาจเป็นเจ้าของห้องไม่พอยังมีหน้าเชื้อเชิญคนนอกเข้ามาอีก

   “ไม่เป็นไร ผมรับได้”

   “ง่อวววววววววว damn good”

   สัดเบิร์ด...

   “แล้วปกติมาหาชยินบ่อยๆ เหรอครับ เป็นเพื่อนกันหรือว่ายังไง” ไอ้เบิร์ดเริ่มต้นคำถามพลางดันตัวไอ้ยุคให้เดินไปนั่งตรงโซฟา ด้านหน้ามีซากมาม่าแห้งวางแบอย่างหมดสภาพอยู่

   “ไม่เชิงเพื่อนหรอก ผมเป็นเจ้ากรรมนายเวรมากกว่า”

   “ฮ่าๆ ดีเลย ว่าแต่วันนี้คุณว่างมั้ย ผมกับไอ้ชยินจะชวนกันไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล มีคุณไปด้วยคงจะดี”

   มึงว่าไงนะ กูไปตกลงกับมึงตอนไหนไม่ทราบ!

   ผมพยายามกระตุกมือไอ้เบิร์ดอยู่หลายครั้งให้มันหุบปาก แต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใยทุกครั้งไป งานก็ไม่มี เงินก็หมด ยังมีหน้าสร้างภาระด้วยการชวนคนแปลกหน้าไปกินบุฟเฟ่ต์อีก นี่มันวันซวยอะไรของผมวะเนี่ย

   “ชยินไม่ชอบอะไรที่ต้องแกะไม่ใช่เหรอ คุณสองคนไปกินอาหารทะเลกันจริงดิ”

   “โอ้โห รู้กันถึงขนาดนี้ ผมไม่เคยรู้เลยนะเนี่ยยยยยยย” จะลากเสียงยาวทำสันหอกอะไรวะ ผมทนไม่ได้เลยต้องเอ่ยปรามมันซะหน่อย

   “หุบปากไปเลยมึงอ่ะ”

   “ก็กูตื่นเต้นที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่อ่ะ คุณยุคที่นั่นไม่เชิงมีอาหารทะเลอย่างเดียวหรอก ยังมีหมูและเนื้อด้วย ยังไงก็ไปด้วยกันนะครับ”

   “อืม วันนี้ก็ว่างพอดี ถ้าไม่รบกวนพวกคุณอ่ะนะ”

   “ไม่เลยครับ ไอ้ชยินได้ยินแล้วก็ไปแต่งตัวเลยเพื่อน กูหิวมากจริงๆ” พูดจบ เชี่ยเบิร์ดก็ดันหลังผมเข้าไปในห้องนอน ตอนนี้แหละที่กูโมโหจนแทบจะชกหน้ามัน แต่เพราะเห็นเป็นเพื่อนจึงทำได้แค่ยื้อคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้จนยับยู่

   “เล่นอะไรของมึงวะ”

   “มึงใจเย็น ที่กูทำไปก็เพื่อมึงเลยนะ” ดูข้อแก้ตัวขุ่นๆ ของมันครับ คิดเหรอว่ากูจะเชื่อ

   “เพื่อกูห่าไร มึงกำลังทำกูประสาทเสีย”

   “มึงฟังกูก่อนนะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบดึงมือผมออกจากคอเสื้อของมัน แล้วจัดการอธิบายต่อ “มึงอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าเขาชอบมึงหรือเพราะนิสัยจริงๆ เป็นแบบนี้ ถ้าอยากรู้มึงก็ควรทำตามที่กูบอก” สุดท้ายผมก็หลงกลกับคำแก้ตัวของไอ้เบิร์ดอีกจนได้

   “เออๆ กูจะยอมมึงแค่วันเดียว สรุปกูต้องทำอะไรบ้าง”

   “สังเกตและทดสอบ เช่น การกิน การจับช้อนและแก้วน้ำ รสนิยมส่วนตัว เดี๋ยวเราจะค่อยๆ ทดสอบกันไป มึงแค่ไหลไปตามน้ำ”

   “โอเค”

   “หลังจากแดกบุฟเฟ่ต์กูจะชวนเขาไปนั่งจิบเบียร์ด้วย”

   “มึงจะบ้าเหรอ”

   “อย่าโง่น่า แอลกอฮอล์ทำให้คนพูดความจริง มึงต้องเชื่อในตัวกูนะ” ก็จะไม่เชื่อเพราะเป็นมึงเนี่ยแหละ

   ผมไม่ได้เถียงอะไรกลับไป ได้แต่มองดูใบหน้ายิ้มแฉ่งของเพื่อนสายเนิร์ดอย่างคลางแคลงใจ จัดการหาเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยนให้เรียบร้อย เพราะไอ้เบิร์ดชวนไปนั่งจิบเบียร์ต่อเลยคาดการณ์ว่าคืนนี้คงอีกยาวไกล ฉะนั้นก่อนออกห้องจึงไม่ลืมล็อกอินเข้าไปที่โปรแกรมเดิมที่มักเข้าประจำ

   ใน  MSN มีหมาตัวหนึ่งรอคุยอยู่ทุกคืน หากแต่คืนนี้...
   

   Chayin says…   คืนนี้ไม่ได้อยู่คุยด้วย ทำตัวดีๆ นะหมีใหญ่


   ทำได้เพียงทิ้งข้อความไว้เท่านั้น













   ผมติดรถมากับไอ้เบิร์ด ส่วนไอ้ศตวรรษขับรถส่วนตัวตามมาไม่ห่าง ระหว่างทางเราก็พูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันไปด้วย

   “มีอะไรของคุณยุคที่แตกต่างไปจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัดมั้ย” คำถามของไอ้เบิร์ดทำให้ผมต้องใช้เวลาในการกรอกตาไปมา

   “การแต่งตัวมั้ง แม่งไม่เคยใส่เสื้อผ้ามีสีสันเลย ปกติเห็นใส่แต่สีดำทึมๆ บางวันมาในธีมนักฆ่าเลยก็มี”

   “นั่นไง!” ซูปเปอร์เนิร์ดตบพวงมาลัยฉาดใหญ่ “พวกที่ชอบปกปิดตัวเองจะยิ่งพยายามกลบเกลื่อนเกินพอดี จริงๆไอ้คุณยุคอาจจะชอบสีชมพูก็ได้”

   “มันแดกนมสตรอเบอรี่”

   “เข้าทาง! ของกินเท่านั้นที่บังคับกันไม่ได้”

   เออจริง กูนี่หิวยำงูเห่าทันที…

   “มึงต้องถามเหตุผลเขาแล้วล่ะ ทำไมถึงชอบใส่เสื้อผ้าแบบนี้ จากนั้นกูจะลองประมวลผลด้วยสมองอันชาญฉลาดของกูเอง” คือพูดกับกูไม่พอมึงยังมีเวลามาอวยตัวเองนะสัด รำคาญ

   “เออๆ มีอะไรอีกมั้ย”

   “การมานั่งกับคนไม่สนิทอย่างกูอาจทำให้เขาลำบากใจ มึงต้องชวนเขาคุยตลอดบรรยากาศจะได้ไม่กร่อย ทางที่ดีโทรตามไอ้ท็อปมากินเบียร์ด้วยกันก็ได้ จะได้เป็นการคลายความตึงเครียดให้เหยื่อไปในตัว”

   ฟังดูเข้าท่า เพราะจากที่คุยกับไอ้ยุคมาเหมือนมันจะสนิทใจกับไอ้ท็อปพอสมควร

   “งั้นเดี๋ยวกูโทรเอง มึงขับรถไป”

   เราดำเนินการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว กระทั่งมาถึงร้าน ไอ้เบิร์ดก็ตรงดิ่งไปยังโต๊ะมุมสุด ทิ้งตัวลงนั่ง พร้อมกับวางกระเป๋าเป้ของมันไว้ตรงเก้าอี้ด้านข้าง ส่งผลให้ผมกับไอ้ยุคต้องนั่งฝั่งเดียวกันไปโดยปริยาย

   สิบห้านาทีหลังแยกย้ายกันไปตักอาหารทุกคนก็พร้อมประจำที่ ไอ้เบิร์ดเตะเท้าผมเป็นการให้สัญญาณก่อนเริ่มกิน

   “อร่อยมั้ยคุณ” ก่อนอื่น ต้องสร้างความคุ้นเคยซะก่อน เพราะสังเกตมาสักพักว่าคนข้างๆ พูดน้อยกว่าปกติ บางทีอาจเป็นเพราะมีไอ้เบิร์ดอยู่ด้วยก็ได้

   “ก็โอนะ” เสียงทุ้มตอบกลับ

   เจ้าตัวคีบเนื้อย่างใส่ปาก ก่อนจะย่างส่วนหนึ่งที่สุกพอดีใส่จานของผมโดยไม่คิดมองหน้า

   “ไม่เอาแบบนี้ ชอบแบบติดมัน”

   “แค่นี้ตัวก็ตัวบวมตายห่าละคุณ กินอะไรติดมันเยอะแยะ” สัด! ด่าแรงจนหน้าสั่น ไอ้เบิร์ดนี่ถึงกับหลุดขำจนต้องยกมืออุดปากแทบไม่ทัน

   “คุณยุคชอบสีดำเหรอครับ” เพื่อไม่ให้เสียเวลา ไอ้เบิร์ดเลยเนียนถามเข้าประเด็น

   คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นมามอง หากแต่มือที่ถือตะเกียบก็พลิกเนื้อบนเตาไปด้วย

   “ครับ เหมือนเป็นสีเดียวที่เข้ากับผม”

   “แต่คุณดูดีมากนะ ใส่สีอะไรก็เหมาะ”

   “ทำไมชอบใส่ชุดเหมือนนักฆ่า” ผมพูดเสริมทันที ไอ้คนข้างๆ เลยหันมามองแล้วตอบกลับอย่างเจ็บลึกตัดขั้วหัวใจ

   “ชุดของผมมันติดอยู่ตรงง่ามขาคุณเหรอถึงใส่ไม่ได้”

   “แค่สงสัยมั้ยล่ะ”

   “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

   “...”

   “ถ้าผมเป็นนักฆ่าจริง ศพแรกที่ลอยอยู่ในน้ำคงเป็นคุณไปนานแล้ว”

   เขร้!!

   ไอ้เบิร์ดถึงกับสะดุ้งโหยง จนเผลอทำเนื้อที่คีบขึ้นมาหล่นแบะอยู่กลางโต๊ะ เราต่างกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก กระทั่งคนตัวสูงทำลายความเงียบลงอีกครั้ง

   “ผมเป็นคนชอบอะไรก็จะชอบอยู่อย่างนั้น หมกมุ่นอยู่กับมัน เปลี่ยนใจอะไรก็ยาก เพราะงั้นผมเลยชอบสีเดิมๆ เสื้อผ้าสไตล์เดิม หมวกทรงเดิม และคนเดิมๆ”

   “ล้ำลึกคมคาย” เสียงเปรยจากคนตรงข้ามดังขึ้น

   เมพเบิร์ดดูจะศรัทธาไอ้ยุคมากนะครับ ดูจากสายตาที่มันมองมา ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทและมีเมียนอนรออยู่ที่อเมริกา ผมคิดว่ามันคงชอบไอ้ยุคไปแล้วแน่ๆ

   “งั้นคุณก็ชอบนมสตรอเบอร์รี่อ่ะดิ” ผมถามอีก

   “ผมไม่ได้ชอบ แค่วันนั้นที่เจอคุณทางร้านมีโปรโมชั่นเฉยๆ”

   “เอ้าเหรอ”

   เพราะงั้น...รสนิยมชอบกินนมสตรอเบอร์รี่ก็ถูกตัดออกไป

   “คือวันนี้หลังจากกินบุฟเฟ่ต์เสร็จ ไอ้เบิร์ดจะชวนไปนั่งจิบเบียร์ คุณสนใจไปด้วยกันมั้ย” ต้องเข้าประเด็นก่อนเดี๋ยวจะลืมเอา

   “ขอคิดดูก่อน”

   “จริงๆ ก็ควรจะไปนะ เพราะถ้าคุณไม่ไป...”

   “ทำไม”

   “ถ้าไม่ไปผม...”

   “จะทำอะไรครับ”

   “จะโกรธ”

   “กลัวตายเลย”

   ก็มันไม่มีอะไรมาต่อรองแล้วนี่หว่า สัดเอ๊ย

   “ไปเถอะ สนุกนะบอกเลย”

   “ก็คงต้องตามคุณแล้วมั้ง ไม่อยากให้โกรธจนเหนื่อย”
   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-11-2017 20:06:49

   ปั่ก!

   เมพเบิร์ดเตะเท้าผมเป็นการให้สัญญาณอีกรอบ เลยไม่รอช้านั่งหมุนแหวนออกจากนิ้วโดยไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้ พอได้ทางก็เริ่มแผนจับผิดขั้นต่อไปมา

   เกร้ง! แหวนเงินร่วงกระทบพื้น

   “อุต๊ะ! แหวนหล่น” แย่หน่อยที่มันเลื่อนไปไกลจากจุดที่ไอ้ยุคนั่งไม่มากนัก ตอนแรกกะให้แม่งไหลไปไกลๆ สักหน่อย เชี่ยเบิร์ดจะได้ช่วยวิเคราะห์การกระทำด้วย แต่ช่างเหอะ แค่นี้ก็คงพอใช้ได้มั้ง

   “ทำไงอ่ะ มันตกใกล้คุณ”

   “เดี๋ยวผมเก็บให้” เจ้าของเสียงทุ้มบอกแบบนั้น แต่การกระทำของมันเนี่ยสิทำเอาตะลึงไปเลย

   เดี๋ยว!

   แม่งเล่นถอดรองเท้าแตะแล้วใช้ง่ามนิ้วโป้งตีนคีบแหวนขึ้นมาให้ โคตรทะนุถนอมของกูสัดๆ เลย

   “เอ่อ...ขอบคุณนะ” นี่ใช่การกระทำของคนเป็นเกย์มั้ยมึง แต่แหวนกูนี่คงเหม็นขี้ตีนใช้ได้ ไม่กล้าเอากลับมาใส่นิ้วเลยว่ะ

   “ไม่เป็นไร มันตกใกล้ตีนผมพอดี”

   “เลยใช้ตีนเก็บให้งี้เหรอ ซึ้งใจเว่อร์”

   “ไม่เห็นต้องดีใจขนาดนั้น”

   “หน้าผมดูดีใจเหรอ”

   “ไม่อ่ะ หน้าคุณเหมือนอุ้งตีนหมีมากกว่า”

   “แฮร่” สัด

   “จริงๆ คุณนี่ก็หลวมเหมือนกันนะเนี่ย”

   “ว่าไงนะ”

   “ผมหมายถึงนิ้ว ขนาดใส่แหวนยังปล่อยให้ร่วงได้เลย”

   “อย่าหาเรื่อง เดี๋ยวจะแพ้” ผมพูดข่มขู่

   “คุณก็อย่าหาเรื่อง เดี๋ยวจะรัก”

   “ง่อววววววววววว” ไอ้เบิร์ดแทรกขึ้น ก่อนเราจะหันไปมองหน้ามันเป็นจุดเดียว “หมายถึงเนื้อ สุกแล้วอร่อยมากเลยง่อววววววว”

   แต่เนื้อที่มึงยัดใส่ปากยังดิบอยู่ไอ้ควาย!

   “เพื่อนคุณเป็นปอบเหรอ แปลกดีว่ะ” หลอกด่ากูไม่พอมันล่อเพื่อนสนิทกูด้วย ช่างเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเกทับและชนะทุกคนจริงๆ อันนี้ยอมใจ

   “ไอ้เบิร์ดมันก็อย่างนี้แหละ เหี้ยๆ” เหมือนมึง... 

   พูดไม่ทันขาดคำอีกฝ่ายก็จับเนื้อย่างยัดใส่ปากผมทันที โอ๊ยไอ้เวรร้อนมาก ในปากจะพุพองมั้ยเนี่ย

   “อร่อยมั้ย” ผมถลึงตาใส่ เจ้าตัวเลยฉีกยิ้มกว้าง

   เป็นรอยยิ้มที่ใกล้มากจนรู้สึกแปลก ความร้อนที่แผ่ซ่านในปากไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเพราะความสนใจทั้งหมดกำลังพุ่งไปยังคนข้างๆ และมันก็เอาแต่มองผมไม่หยุด

   เอาไงล่ะทีนี้ ไปไม่เป็นเลยว่ะ ปกติไม่ค่อยมีใครยิ้มตอแหลแบบนี้ให้ซะด้วยสิ

   “ร้อนเหรอ” เสียงเข้มพูดเรียกสติ ผมจึงรีบเคี้ยวเนื้อในปากให้หมดเพื่อจะได้ต่อปากต่อคำอย่างเต็มที่

   “ใช่สิ”

   “ทำไมเด็กแถวนี้ชอบทำหน้างอ”   

   “ผมไม่ได้ทำ”

   “คุณเป็นเด็กแถวนี้เหรอ” อ้าว กูร้อนตัวเฉย

   “ผมคุยกับตัวเอง ไม่ได้คุยกับคุณ”

    “ผักมั้ย”

   “ไม่เอา” อารมณ์ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตานะเว้ย

   “หญ้ามั้ย”

   “เป็นคนไม่ใช่ควาย”

   “เหรอ แต่เหมือนอยู่นะ”

   “ด่าจนพอใจหรือยัง”

   “ยังอ่ะ อยากด่าไปนานๆ”

   “ฝากไว้ก่อนเถอะ”

   “ไม่รับฝาก ผมไม่ใช่ล็อกเกอร์เก็บของ”

   “อะแฮ่มๆ ดูเถียงกันสนุกจังเลยนะครับ ขอมีส่วนร่วมด้วยสิ พอดีเหงามากเลย” และไอ้เบิร์ดก็กลายเป็นฮีโร่ที่โฉบลงมายุติสงครามระหว่างผมกับไอ้นักเขียนกวนประสาทนี่ลง ก่อนเพื่อนรักจะเริ่มประเด็นพิสูจน์ความเป็นเกย์ของอีกฝ่ายต่ออย่างเร็วรี่

   “คุณยุคครับ ที่มาวันนี้...แฟนคุณจะไม่ว่าใช่มั้ยครับ”

   เนียนดีจริง กูชอบ!

   “ผมไม่มีแฟนหรอก” ไอ้ยุคตอบเสียงเรียบ มือคีบทั้งหมู เนื้อ และปลาหมึกที่ย่างเสร็จแล้วใส่จานของผมไม่หยุด

   “จริงดิ แปลกมากเลยที่ยังไม่มีแฟน ปกติเห็นหล่อโหดแบบคุณคงฟาด ‘สาว’ นับไม่ถ้วน”

   “ที่ผ่านมาผมแค่ยังไม่เจอคนที่ตรงใจมากกว่า”

   “แล้วเคยมีแฟนมาก่อนมั้ยครับ ขอโทษจริงๆ ที่ละลาบละล้วง แต่ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะ” โกหกได้โล่มากเลย มาทำเป็นอยากเป็นเพื่อน

   “ตอนมัธยมมีคนนึง มหา’ลัยอีกคน นี่วัยทำงานก็คงมีอีก”

   เหมือนเป็นทาร์เก็ตที่สร้างเอาไว้เพื่อบรรลุเป้าหมายเลยว่ะ กลัวแล้ว...

   “งั้นต่อไปคุณก็หาแฟนเรื่อยๆ อ่ะดิ”

   “ผมก็หยุดแค่นี้แหละ หาคู่ชีวิต คงไม่พาตัวเองกลับไปมัธยมเพื่อหาแฟนเพิ่มอีกหรอก” ประโยคธรรมดานะ แต่ทำไมรู้สึกเจ็บจัง เสมือนว่าโดนด่าเอง

   ไอ้เบิร์ดเริ่มล่าถอย เตะเท้าแรงๆ เพื่อส่งสัญญาณให้ผมเดินหน้าต่อโดยไม่เสียจังหวะ

   “แล้วแฟนคุณนี่...เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเหรอ”

   “ผมจะได้อะไรจากการตอบคำถามคุณครับ” เชร้ดดดด มีเงื่อนไขต่อรอง

   “ผมก็จะย่างหมูให้คุณ”

   “โอเค แฟนเก่าผมเป็นผู้หญิง”

   ฟู่วววววววว โล่งใจ ไม่เคยรู้สึกปลอดโปร่งเท่าครั้งนี้มาก่อนเลยโว้ย

   “ย่างหมูให้ผมสิ” เจ้าตัวออกคำสั่ง ซึ่งผมก็เต็มใจทำมากกว่าทุกครั้ง

   “เอาเนื้อมั้ย” ดูกระตือรือร้นเกินไปป่ะวะ แต่ดีใจอ่ะ สรุปแล้วไอ้ยุคไม่ได้เป็นเกย์แน่นอนเพราะมันมีแฟนเป็นผู้หญิง

   “ก็ดี”

   “กุ้งด้วยหรือเปล่า”

   “ได้หมด”

   “เอาผักอะไร ผักบุ้ง ผักกาดขาว แครอท หรือเห็ด”   

   “เอาคุณ”

   เดี๋ยวนะ! เดี๋ยว!

   เล่นเอาสตั๊นไปประมาณสามวิ หันไปมองคนตรงข้ามก็มีสภาพไม่ต่างกัน แถมคราวนี้ไอ้เบิร์ดเล่นเปิบตับดิบเข้าไปจนเลือดอาบปากอีก หัวใจงี้ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยครับ

   “มะ...เมื่อกี้ว่าไงนะ เอาอะไรนะ”

   “เอาคุณมานั่งย่างทุกอย่างให้ อยากย่างอะไรก็จัดมาเถอะ”

   “อ้อ” โธ่...มือไอ้ชยินตอนนี้สั่นผั่บๆ ไม่หยุด เล่นเอาตกอกตกใจกันหมดเลย

   นั่งสักพักก็ทนไม่ไหวเลยขอตัวไปล้างหน้าล้างตาที่ส้วมก่อน แปลกเหมือนกัน จู่ๆ ก็ใจสั่นขึ้นมาซะงั้น นี่ไม่ได้สั่นเพราะความรู้สึกดีนะ เป็นอาการหวิวจากข้างในมากกว่า

   สักพักเสียงฝีเท้าของคนมาใหม่ก็ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท ผมมองไปยังประตูทางเข้าก่อนจะเห็นไอ้เบิร์ดเดินตามเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นๆ

   “มึง...ไอ้คุณยุคมันชอบมึงชัวร์ กูฟันธง!”

   “เป็นบ้าอะไรของมึงวะเบิร์ด มันก็บอกอยู่ว่าแฟนคนที่ผ่านมาเป็นผู้หญิง”

   “แล้วไง ที่ผ่านมาก็คืออดีตแม่งวัดปัจจุบันไม่ได้เว้ย” ผมเริ่มกรอกตาคิดตาม ความกังวลค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้งอย่างเงียบเชียบ

   “เอาไงดีวะ”

   “มึงบอกมาก่อนว่าเขามีนิสัยแปลกๆ อะไรอีก เดี๋ยวกูจะช่วยดูให้”

   “มันชอบอ่านหนังสือแนวผู้หญิงเว้ย บางทีเล่มเหงาๆ แบบที่ผู้หญิงมักจะอ่านมันก็ชอบ”

   “เขาเป็นนักเขียนป่ะวะ ตัดไป”

   ทุกอย่างที่อยู่ในหัวตีวนจนเหมือนน้ำที่ถูกกวน ผมต้องใช้สมาธิอย่างมากเพื่อจัดระเบียบข้อความทั้งหมดก่อนจะนึกอะไรออกอยู่สองสามอย่าง

   “มันชอบเกทับกูเรื่องความใหญ่ของน้องชาย จริงๆ อาจจะเล็กก็ได้”

   “อันนี้น่าคิด บางคนที่หมกมุ่นหรือมีปมด้อยกับอะไรก็มักจะขุดขึ้นมาพูดเพื่อเอาชนะคนอื่น”

   “ยังมีอีก มันเคยบอกให้กูครางชื่อมันด้วยนะ” ไอ้เบิร์ดอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยิน ดวงตาสองข้างแทบถลนออกจากเบ้าพลางพูดเสียงสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

   “ทาสเซ็กซ์ มึงต้องโดนจับไปเป็นทาสเซ็กซ์แน่ๆ”

   “ฮะ!”

   “ใช่ เขาบอกให้มึงครางด้วยใช่มั้ย แบบไหนเหรอ”

   “ครางชื่อว่ะ กูไม่รู้ คงแบบ...ยุคคคคคอ๊า~ งี้เหรอ”

   “หน้ามึงได้อารมณ์ดี ดูฟินอ่ะ”

   “ตบปะ...ปาก...” ยังไม่ทันพูดจบประโยค สายตาของเราทั้งคู่ก็หันไปมองคนที่ยืนห่างออกไปโดยมิได้นัดหมาย

   ไอ้ยุคยืนอยู่ตรงนั้น!

   สายตามันดูอึ้งเหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่สำคัญได้ยินสิ่งที่เราพูดออกไปหรือไม่ แต่ร่างกายผมในตอนนี้มันชาไปแล้วทั้งร่าง พยายามหาข้อแก้ต่างอยู่ในหัวสารพัด แต่เมื่อทำท่าจะอ้าปากเปล่งเสียงออกไป อีกฝ่ายก็รีบพูดแทรกทันควัน

   “ผมกะมาเข้าห้องน้ำ”

   “เหรอ ส่วนผมกับไอ้เบิร์ดก็จะกลับไปนั่งโต๊ะพอดี” ต้องรีบพูดไปตามน้ำโดยไม่ให้เจ้าตัวสงสัย

   “อืม”

   “คุณมาเมื่อไหร่”

   “เมื่อกี้เอง”

   “ว่าแต่คุณ...”

   “เกิดอะไรขึ้น เสียงเยี่ยวดังไม่ได้ยินอะไรเลย”

   “เออนั่นดิใครเยี่ยวเนอะ ฮ่าๆ”

   “เยี่ยวดังซะเหมือนเสียงครางเลยว่ะ แปลกมาก”

   ไอ้ยุค มึง...

   โฮ

   ลี่

   ชิท!











   “เฮ้ยคุณไม่ต้องคิดมาก แค่แซวกันขำๆ”

   ขำเตี่ยมึงสิ

   ผมเหมือนเป็นใบ้แดกตลอดเวลาที่อยู่ตรงโต๊ะอาหาร ไม่กล้าพูดอะไรนอกจากก้มหน้าก้มตากินเนื้อย่างที่ไอ้ศตวรรษเป็นคนจัดการให้ ลามมาจนถึงร้านเหล้าตอนนี้ที่ผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป ได้แต่ภาวนาให้ช่วงเวลาผันผ่านโดยเร็วที่สุด หรือไม่ก็เกิดธรณีสูบไปเลยคงโอเคกว่า

   ดีที่สุดท้ายผมก็ได้หลุดจากขุมนรกจากการมาของไอ้ท็อป

   “ดีพวกมึง รอกันนานมั้ยเนี่ย”

   “ไม่นานเว้ย แดกไรมึง” ไอ้เบิร์ดถามเพื่อคลายความตึงเครียด ก่อนไอ้ท็อปจะทำลายมันอย่างสิ้นเชิงเพราะแม่งไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไง

   “ก็เห็นบอกจะมาจิบเบียร์ก็ต้องจัดเบียร์สิ”

   “โอเคเดี๋ยวกูสั่งเพิ่มให้”

   “จัดไปครับเพื่อนเมพ”

   ปลื้มปริ่มจนน้ำตารินไหล ครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่มีโอกาสมานั่งจิบเบียร์กับเพื่อน กูไม่เหงาแล้วนะ วันนี้เดอะแก๊งพามา แต่พอดีมีหมาตามมาด้วยอีกตัวนึง แถมดันเผลอครางชื่อให้มันได้ยินอีกต่างหาก

   “เออชยิน ไหนๆ ก็เจอมึงแล้วเลยเอามาให้” ไอ้ท็อปยื่นนิตยสารรายเดือนไว้ตรงหน้า “ของมึงด้วยนะยุค”

   “ขอบใจ”

   ก็คิดอยู่แหละว่าไอ้ท็อปกับไอ้นักเขียนนี่เริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่คิดว่าสรรพนามที่ใช้เรียกกันจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทีตอนบ่ายยังเม้าท์แม่งให้กูฟังอยู่เลย กลับกลอกอะไรปานนั้น

   ผมนั่งเปิดนิตยสารเพื่อหาหน้าที่ตัวเองให้สัมภาษณ์ ในนั้นแปะรูปนางเอกเอ็มวีจากเพลงที่ดังที่สุดของผมอย่าง ‘รักที่เธอเคยมี’ ของวง A little bliss ส่วนไอ้ยุคน่ะเหรอ...

   ไอ้ท็อปมันก็จัดการแปะหน้าที่ปิดไปด้วยแมสค์และหมวกจนเหลือแค่ลูกตาสองข้างลงไปในเล่มตามคำขอ

   “คืนนี้ขอจัดหนักเลยนะพวกมึง กูเครียดจากงานนิดหน่อยว่ะ”

   “ได้สิวะ เอาให้ตายกันไปข้าง” สายติสต์อย่างไอ้ท็อปขอมาอย่างนี้ก็จำต้องเต็มที่กันหน่อย เพียงแต่ว่า...

   หนึ่งพันสุดท้ายในชีวิตกู...กำลังจะหมดลง

   ร้องไห้หนักมาก

   “ชยินมึงโอเคมั้ย” เชี่ยท็อปแม่งถามเหมือนจับไต๋อะไรได้สักอย่าง

   “โอเคดิ”

   แต่หลังผมให้ความกระจ่างกับมันไป แม่งก็เลยเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับไอ้ยุคทันที

   “ว่าแต่มึงเถอะ มากับไอ้สองตัวนี้ได้ยังไงวะ”

   “พอดีแวะไปที่ห้องชยิน คุณเบิร์ดเลยชวนออกมาด้วย”

   “อ๋อ ระวังสับรางไม่ทันนะมึง”

   “เกี่ยวอะไร”

   “วันนี้อยู่กับคนนี้ อีกวันไปกับคนโน้น มันยังไงๆ นะ” ผมพยายามเงี่ยหูฟังด้วยความเสือก แต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้ว่าหมายถึงใคร

   “เป็นแค่เพื่อนกันน่า”

   “หมายถึงชยินเหรอ”

   “เปล่า กับดรีมอ่ะ”

   “แล้วเพื่อนกูล่ะ”

   ไอ้ยุคไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับหันหน้ามามองผมที่กำลังจ้องจะเผือกเงียบๆ อย่างรู้ทัน

   “มองทำไมครับ อยากครางชื่อผมอีกเหรอ”

   เหยดดดดดดดดด

   “เบิร์ดแดกเพื่อนแดก” เล่นเอาเลี้ยวแทบไม่ทัน จัดการยกแก้วเบียร์ขึ้นมาชนและดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย ลืมไปเลยว่าก่อนหน้าเกิดอะไรขึ้น ในใจก็เริ่มกลัวไอ้ยุคขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ขนลุกขนชันไปหมดทั้งตัว

   จำเลยของสังคมก็อย่างนี้แหละ ขนาดซูปเปอร์เนิร์ดที่ว่าแน่ยังไม่กล้าต่อปากต่อคำเลย

   จากความคิดที่ว่าจะมานั่งจิบเบียร์กลายเป็นการอาบเบียร์ไปโดยปริยาย สามแก้วแรกแค่ดื่มให้หายประสาทแดก หลังๆ เริ่มคึกจัดหนักไม่ลืมหูลืมตา แต่ผมมันพวกคอแข็งกินเท่าไหร่ก็ไม่เมาหรอก

   “สวัสดีครับทุกคน กลับมาพบกับพวกเราอีกครั้ง คิดถึงกันมั้ยครับ”

   “คิดถึงงงงงงงงงง”

   “ผมก็คิดถึงทุกคนครับ”

   แหม่...ไอ้นักร้องนี่หน้าตาดีไม่เบา เดาว่าคงมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อยเพราะฟังจากเสียงตอบรับของเหล่าสาวๆ นักท่องราตรี

   ร้านนี้เป็นร้านประจำของผมและเพื่อนร่วมรุ่นเพราะบรรยากาศที่ไม่แออัดยัดเยียดนัก เพลงดี คืนไหนวงดังหน่อยคนก็จะแน่นขึ้นถนัดตา อย่างคืนนี้ก็เช่นกัน

   เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้น คลอเราให้เคลิ้มไปกับแอลกอฮอล์และจังหวะบางเบาจนค่อยๆ จมลึกลงไปเรื่อยๆ และผมดื่มอย่างต่อเนื่อง

   “หนักไปมั้ยคุณ” มือหนายึดแก้วของผมเอาไว้ ผมเลยหันไปมองตาขวาง

   “ไม่หนัก...แค่นี้เบย์ๆ”

   “มีเงินจ่ายเหรอ”

   “คุณให้ยืมก่อนได้มั้ยล้า”

   “แลกกับอะไรครับ จะให้จ่ายมันต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนสิ”

   “ผมจะรินเบียร์ให้คุณ”

   “ไม่คุ้ม ครางชื่อผมน่าจะโอเคกว่า”

   “โคตรเหี้ย” ผมได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมา ก่อนความสนใจของเราจะไปหยุดกลางเวทีซึ่งมีนักร้องนำยืนอยู่ แต่พิเศษกว่าทุกครั้งก็ตรงที่...

   “เพลงนี้สาวๆ ที่ไม่ประสงค์ออกนามขอมาครับ อยากมอบให้กับคุณผู้ชายเสื้อสีดำโต๊ะสิบหก”

   เอ้า! โต๊ะกูนี่หว่า แล้วคนที่ใส่เสื้อสีดำก็มีแค่คนเดียว

   ไอ้...สัด...ตะ...วัด

   “อะไรจะฮอตปานนั้น” ไอ้ท็อปเริ่มพูดเสียงยานคางลงเรื่อยๆ สายตาก็มองคนตัวสูงอย่างมีเลศนัย

   “หวังว่าความรักในค่ำคืนนี้จะสมหวังนะครับกับเพลง ยินดีที่ได้พบเธอ”

   “วิดวิ้วววววว”

   ขออนุญาตอ้วกแป๊บ

   “เขินเหรอคุณ” ได้ทีก็ขอเอ่ยแซวหน่อยเถอะ

   “ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย ผมชินแล้ว”

   ไอ้ฉิบหาย แม่งโคตรเว่อร์

   “แล้วปกติเวลามีคนขอเพลงให้คุณทำไงอ่ะ เดินไปหลังเวทีแล้วขอคอนแท็กจากนักร้องเหรอ หรือมีวิธีสานต่อความสัมพันธ์ยังไง”

   “ก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้อยากสานสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น”

   “จริงดิ” ถึงว่าโสดมานานขนาดนี้ ถ้าบอกว่าเข็ดขยาดกับความรักก็ดูเหมือนจะเข้าข่ายอยู่นิดหน่อย

   “แล้วเคยมีคนที่เข้ามาทักเลยมั้ย มาขอเบอร์ มาถามชื่อ มาขอชนแก้ว”

   “หึงผมเหรอคุณ”

   “ประสาท ก็แค่อยากรู้เผื่อเอาไปใช้บ้าง”

   “คงไม่ได้ใช่หรอก คุณไม่หล่อขนาดนั้น”

   จ้าพ่อคนหล่อที่สุดในโลก พ่อคนไม่เคยหลงตัวเองเลยสัด

   ผมเลิกต่อปากต่อคำแล้วหันมานั่งฟังเพลงที่มีคนรีเควสมาจนจบ เสียงปรบมือและโห่ร้องดังไปทั่วร้าน ไม่นานเพลงจังหวะสนุกสนานก็เริ่มขึ้น

   ไอ้ท็อปผละออกจากโต๊ะ เดินไปตามทางพร้อมกับขอชนแก้วโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ไปทั่วราวกับรู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน สุดท้ายมันก็เป็นคนเดียวที่เมาหัวราน้ำจนไอ้ยุคต้องลากคอกลับมานั่งคอพับคออ่อนอยู่จุดเดิม

   “และนี่คือเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้แล้วนะครับ” นักร้องนำยังคงทำหน้าที่ของตัวเอง เพลงสนุกสนานที่ดึงให้คนเต้นแร้งเต้นกาถูกเปลี่ยนเป็นเพลงช้าๆ และท้ายที่สุดมันก็ลงเอยที่เพลงสำหรับคนอกหักรักคุด

   “ใครเคยมีความรักบ้างครับ”

   “วู้ววววววววว”

   “ความรักที่ไม่สมหวัง แล้วสุดท้ายเราก็ถูกทิ้งไปในที่สุด ทิ้งให้เหลือแค่เราตัวคนเดียว”

   “โอ๊ยยยยยยย กูเจ็บ”

   “มาร้องส่งท้ายให้กับความรักเถอะครับกับเพลง รักที่เธอเคยมีของ A little bliss”

   “กรี๊ดดดดดดดดดด”

   “เพลงเน้...เพื่อนผมแต่ง! ชยินแต่ง!”

   ไอ้เชี่ยท็อป ไอ้นรก!

   ผมถึงกับร้องเหี้ยในใจเมื่อคนที่เมาที่สุดของโต๊ะลุกขึ้นยืนและชี้มาที่ผม พร้อมกับคำพูดพราวด์ทูพรีเซนต์ของมันที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

   ดนตรีหยุดลง นักร้องนำได้แต่ยืนถือไมค์จ่อปาก คนในร้านหันมามองผมเป็นตาเดียว ร่างกายรู้สึกว่าพื้นที่ตรงนี้มันเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำยังไงนอกจากยืนขึ้น ตั้งท่าก้มหัวขอโทษขอโพยแทนคนเมาจนเผลอสร้างความเดือดร้อนให้

   “คือผม...”

   “คนนี้คือชยินเหรอ ผมเป็นแฟนบอยคุณ”

   “พี่ชยิน กรี๊ดดดดดดดดดดด”

   “ทุกคนชยินมาที่ร้าน โอ้โหชยิน ตายแล้วววววว”

   ยังไม่ตาย กูยังอยู่

   เกมส์พลิกเฉย กูงงมากเลย

   หลังจากนั้นคนจากทุกสารทิศก็กรูกันเข้ามาที่โต๊ะผม มาขอถ่ายรูปอิงแอบแนบชิด มาขอลายเซ็นแบบคูลๆ หลายคนเมาจนแทบอ้วกรดเสื้อก็ยังพาตัวเองคลานมาจนถึงโต๊ะได้

   “เพลงพี่เพราะมากเลยครับ พี่แม่งโคตรไอดอล คนร้องทั้งบ้านทั้งเมือง”

   “ขอบคุณครับ” ได้ยินแบบนี้แล้วก็ปลื้มปริ่ม เยียวยาใจจากการตกงานมาสักพักได้เป็นอย่างดี

   เพลงนี้ถามว่าดังมากมั้ยก็คงประมาณนึง คนฟังในยูทูปทะลุล้านวิว พ่วงยอดดาวน์โหลดมหาศาล แต่มันไม่มีผลกับผมอยู่แล้วเพราะรับเงินมาก้อนเดียวและก็ใช้จนหมดตามเวลาที่ค่อยๆ ผันผ่าน

   “พี่ชยินขอถ่ายรูปได้มั้ยคะ” น้องผู้หญิงที่เกาะอกแทบจะหลุดแทรกตัวเข้ามา

   “ได้ครับ”

   “ถ่ายพร้อมกับเพื่อนพี่ได้มั้ย พอดีว่า...ชอบเพื่อนพี่มากค่ะ” แล้วเธอก็ชี้ไปที่ไอ้ศตวรรษ

   “คุณ น้องเขาขอถ่ายรูปด้วย”

   “เอาสิ” เจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธ เธอเลยรีบหยิบมือถือขึ้นมาเซลฟี่อย่างร่าเริง ลืมไปเลยความเมาที่มีก่อนหน้า แต่เรื่องมันตลกตรงนี้

   ตรงที่เธอเซลฟี่กับไอ้ยุคแค่สองคน แล้วกูล่ะ...

   ไม่นานก็มีผู้หญิงกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาอีก แต่ละคนนี่นางฟ้าชัดๆ

   “เธอ เราคือคนที่ขอเพลงให้เธอก่อนหน้า ขอถามชื่อได้มั้ยคะ”

   “ชื่อยุคครับ”

   “ขอไลน์ได้มั้ย”

   “ง่อวววววววว” ไอ้เบิร์ดที่เงียบไปนานเอ่ยแซว ผมเองก็ได้แต่เบะปากใส่ไปพลางๆ ยอมรับแหละว่าหน้าดี แต่ก็ดังไม่เท่าผมหรอก

   “ชยิน ผมชอบคุณมากเลย” ผมเลิกสนใจกับคนข้างๆ แล้วโฟกัสไปยังคนมาใหม่ทันที

   ดูจากหน้าตาและการแต่งตัวแล้วอายุก็น่าจะใกล้เคียงกับผม เขามากับเพื่อนอีกสองคน ในมือไม่ได้ถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเลย มีเพียงโทรศัพท์มือถือเท่านั้นที่หยิบติดมาด้วย

   “ขอบคุณครับ”

   “ผมฟังเพลงคุณทุกเพลง ไม่คิดว่าตัวจริงคุณจะน่ารักขนาดนี้”

   น่ารัก? เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ

   “เอ่อ...ขอบคุณครับ” ผมพูดไปตามมารยาทแม้จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับคำชมอยู่บ้าง

   “ขอถ่ายรูปได้มั้ย”

   “ได้สิ”

   “แล้วขอเบอร์ติดต่อได้มั้ย”

   “ติดต่องานทางแฟนเพจของผมได้เลย”

   “คุณ เช็กบิลแล้วกลับเถอะ ไอ้ท็อปก็ไม่ไหวแล้วด้วย” แฟนคลับยังไม่ได้ตอบกลับมา เสียงเข้มของคนเคียงข้างก็แทรกขึ้น

   “ผมกำลังคุยอยู่เห็นมั้ย คุณก็คุยกับสาวๆ ไปก่อนสิ”

   “คุยจบแล้ว เราควรกลับ”

   “ยุ่งน่า” เห็นคนอื่นฮอตหน่อยแล้วอิจฉาเหรอ

   “เอ่อ...คุณเป็นเพื่อนคุณชยินเหรอครับ ผมขอเวลาแป๊บเดียว” สงสัยเห็นผมยังตกลงกับไอ้ยุคไม่ได้ แฟนเพลงเลยเอ่ยถามอย่างเกรงอกเกรงใจ ซึ่งคนที่ตอบกลับก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นนักฆ่าในคราบนักเขียนอย่างมันเนี่ยแหละ

   “ไม่ได้เป็นเพื่อนครับ แต่เป็นผู้จัดการชยิน”

   “นักแต่งเพลงมีผู้จัดการด้วยเหรอ”

   “เปล่า จัดการคนที่ชอบมายุ่งอ่ะครับ”

   “...!”

   “จะจีบเหรอ”

   “...”

   “ไม่ง่ายนะตัวๆ เลยเปล่า”

   “นี่คุณเป็นอะไรเนี่ย” ผมถามเสียงขุ่น

   “ก็บอกว่าเป็นผู้จัดการไง”

   “...”

   “จัดการคุณคนแรกเลย อ่อยฉิบหาย!”

   “...!!”

   ไอ้เบิร์ดกระเด้งตัวขึ้น มันยืนมองผมสลับกับไอ้ยุคตาแทบถลนก่อนจะเปรยด้วยเสียงแหบโหย

   “ชัดเจน...แน่นอน...”

   กูว่าไม่ใช่ละ สำหรับสถานการณ์ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า

   ล่มจม...แน่นอน...

   เขร้! กูเมาจนหูแว่วใช่มั้ยตอบที




หึงก็บอกว่าหึงสิ ทำมาเปงปากแข็ง
#mเอสn
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-11-2017 20:27:54
อื้อหืออ วันนี้ยุคหลุดมาดหมดเลยน้าา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 22-11-2017 20:30:25
ว๊ายยยต๊ายยแล้ววว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 22-11-2017 20:43:26
พาร์ทนี้ชอบคุณเบิร์ดมากกกนางฟ้าประจำตัวชนิดขนาดสองพลังยังล้มคุณยุคไม่ได้เหนือชั้นจริงไม่ เราขำจนลั่นตอนยุคว่าเบิร์ดเป็นปอป เล่นๆคืออะไรยุคไม่รู้จักยุคสายสตรอง :z2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 22-11-2017 20:44:43
ชัดเจน....แน่นอน 555 อ่านไปขำไป
เจอคนมาจีบแบบยุค ชยินไปไม่เป็นเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 22-11-2017 20:48:06
ชยินครางชื่อให้ฟังแล้วคุณยุคคงฟินกันไปอีกนานทีเดียว​ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ555555555
ชอบมุกห้าบาทสิบบาทที่คู่นี้เถียงกันไปมามาก​ ไม่รู้จะฟินหรือวิ่งไปขำหน้าปากซอยก่อนดี :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-11-2017 20:52:11
เดินหน้าให้สุด ไม่ต้องหยุดแล้วยุค หึหึ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 22-11-2017 20:54:53
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ชั้นชอบยุคอ่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Rainy_bl ที่ 22-11-2017 20:58:45
 :katai2-1: :katai2-1: :pighaun:
หึงได้รุณอรงมากค่าคุณยุค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 22-11-2017 21:01:42
มันพีคมากเลยค้าคุณพี่  ทั้งหิวงูเห่า  ทั้งครางชื่อ ทั้งเป็นผู้จัดการ  ชอบๆๆๆๆๆ

ท่านพี่ยุคหึงได้โหดมาเลย รู้สึกสงสารคนที่เข้ามาอ่ิยชยิน ไม่รู้ว่าจะโดนเจ้าพ่อนักเขียนนิยายฆาตกรรมฆ่าไปหรือยัง 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-11-2017 21:03:37
ท่านยุคหลุดเก๊ก โอ้ยชยินน้อยน่ารักมีปู้จายเข้ามาขอเบอร์
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 22-11-2017 21:04:34
พูดอะไรไม่ออกเลยเหรอชยิน555 คนอ่านยังอึ้งเลยค่ะ ยอมใจในความหวงแฟนของยุค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 22-11-2017 21:08:12
งื้อออออออ เป็นการหึงที่น่ารัก5555555
อยากมีผู้จัดการค่ะ จัดการความนก...จิ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: popeyez ที่ 22-11-2017 21:10:31
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2017 21:25:38
ชัดเจนเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Quasar77 ที่ 22-11-2017 21:30:47
 :-[ อ้าวชยินไปเป็นคนขี้อ่อยตั้งแต่มื่อไรเนี่ย
คุณยุคมีความออกอาการหึงด้วยอ่ะ5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-11-2017 21:32:21
ชยินดังแล้วนะ มีผู้จัดการส่วนตัวด้วย   :mc4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-11-2017 21:54:54
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 22-11-2017 22:00:14
ตลกชยิน  แต่ยุคน่ารักมาก  ขี้หึงเวอร์ จะตัวตัวละ 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-11-2017 22:05:46
ตอนครางชื่อเขาแล้วเจ้าตัวมายืนฟังเองนี่ พีคมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-11-2017 22:10:04
โอ้โห คุณยุคฟิวส์ขาดแล้วจ้า :o
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 22-11-2017 22:10:59
ชอบๆ หึงแน่นอนคุณยุค 555

นิดเดียวกับความกระเป๋าแห้งของชยิน แอบสงสาร
เพี้ยง ขอให้มีเงินทองไหลมาเทมานะชยินนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-11-2017 22:17:10
 :katai1: :katai1: :katai1:อย่าให้รอนานอารมณืกำลังพุ่ง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 22-11-2017 22:18:21
 :hao7: :hao7: คุณคัลลิสโตใหญ่หึงหนัก

คัลลิสโต ผู้ไปเกิดเป็น ดาวหมีใหญ่

 o13 o13 o13

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: koko0540 ที่ 22-11-2017 22:19:58
งือ คุณเขาหึงล่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 22-11-2017 22:20:14
ยุคหึงชัดเจน อิอิ ฮาเพื่อนชยินอ่ะ ง่อววว5555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 22-11-2017 22:21:44
นอกจากหน้าตอนครางชื่อของชยินจะฟินแล้ว
ยุคที่มาได้ก็ฟินเหมือนกัน

ยุคคคคคอ๊า~ :o8:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: memytae ที่ 22-11-2017 22:27:47
คุณผู้จัดก๊ารรรรรร
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 22-11-2017 22:35:45
โว้ยยยยยยคุณยุค 555555555 อ่อยจังเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 22-11-2017 22:37:02
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-11-2017 22:42:57
 :katai2-1:



โคตรคูลลลลล
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-11-2017 22:59:11
ยุคหึงเหรอจ๊ะ ที่มาหาทุกวันนี่คือจะจีบชยินใช่ป่าว อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-11-2017 23:01:26
หวายยยย หึงจนหลุดฟอร์มเลยเหรอคะพี่ยุค แหมๆๆๆใจเย็นๆนะคะยังไม่ได้เป็นอะไรกับชยินสักหน่อย จีบเป็นทางการก่อนสิค่อยหึง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-11-2017 23:02:16
ยุคมีหึงซะด้วย
แต่ทำยังไงชยินจะยอมให้จีบล่ะ โมเม้นหวานๆไมมี จะตีกันตลอด
คงรักกันม๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 22-11-2017 23:05:54
เถียงกันได้น่ารักอ่ะแต่เจ็บทุกครั้งที่ยุคด่า5555 คือรวบรวมกำลังพลเพื่อมาสู้ยังไม่ชนะคุณยุคเลยอ่ะชยินซงซานนนนน 555 แต่ตุณยุคค่ะหึงขนาดนี้จะจัดการชยินยังไงอ่ะค่ะ จัดเลยๆ เมาๆมึนๆอยู่สะดวกชัวร์55555 ทีนี้จะได้ยินแบบตั้งใจไงคุณยุค :hao6: :hao6: :katai2-1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 22-11-2017 23:51:30
ชอบคุณยุค ผู้ชายเนียนๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 22-11-2017 23:52:37
หึงแล้วโว้ยยยยยยยยยย แต่ปากพี่ยุคนี่ยิ่งกว่ากรรไกรอ่ะ นี่มาจีบจริงๆหรอมมมมมมมมมมมม หืมมมม
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 22-11-2017 23:57:01
หลุดซะไม่เหลือชิ้นดีเลย 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsaizzz ที่ 23-11-2017 00:13:13
ชยินเขามีแฟนบอยไม่พอ มีผู้จัดการอี๊ก นักแต่งเพลงรึนักร้องคะ ชยินนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 23-11-2017 00:22:42
ยุคเอ้ยหึงอ่ะดิ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 23-11-2017 01:29:58
ชยินบอกไปเลยยว่าไม่ได้อ่อย แค่คนมันมีเสน่ห์เอง5555
ยุคนี่หึงหน้ามืดดเลย
มาดเมิดอะไรที่แอ๊บ ที่เนียนมาตั้งแต่ตอน1 นั้นได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว
มากหลุดไม่เหลือชิ้นดีแล้วจ้าาาา
55555555555
รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 23-11-2017 01:39:23
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 23-11-2017 07:13:22
 :-[ ชอบจังเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Downy ที่ 23-11-2017 07:26:23
 :-[ บอกได้คำเดียวว่า ง่อวววววววววววววววววววววววววววววววว 5555 #ขอยาดมยาลมยาหม่อง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 23-11-2017 07:44:19
ศตวรรษควรขื่อ ชยิน เพราะชนะจังเลยย
สวนชยินควรชื่อ ฉันยอม ยอมแล้ว ฉันสู้ไม่ไหว 
:hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 23-11-2017 07:45:09
ง่อวววววว ยุคออกตัวแรง ชยินคนซื่อตามไม่ทันเลย  o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 23-11-2017 08:27:02
   “จัดการคุณคนแรกเลย อ่อยฉิบหาย!”

กรี๊ดดดดดดดดดด ปาหัวใจรัวๆให้ผู้จัดการของชยิน มุขนี้ได้ ชอบ 55555555
ชัดเจน แน่นอนขนาดนี้ เสร็จแน่ชยิน 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-11-2017 09:46:57
โดนครางชื่อไปทีนึงนี่เอาใหญ่เลยนะ

หึงโหดหรอจ๊ะ


55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 23-11-2017 11:21:38
โอ้ยยย

เค้ารับมุกทันกัน

น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 23-11-2017 14:13:25
โอ้ยยยยยคุณพี่ยุค ปากจัดแต่ชัดเจนแบบนี้ขอห่อกลับบ้านหยน่อยค่าาา5555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-11-2017 15:16:52
มาดหลุดแล้วค่ะชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 23-11-2017 18:25:45
จีบก็บอกว่าจีบ เขาจะได้รู้ว่าเราหึงไง หึหึ  :hao6:
จิตติเรนไม่เคยทำให้ผิดหวังจิงๆ ชอบทุกเรื่องงง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Jintajam ที่ 23-11-2017 19:13:48
 เปิดตัวนางชยินแล้ว พี่ยุคคงอยู่ไม่สุขแล้วล่ะสิ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 23-11-2017 19:56:13
น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: MILLIseconds ที่ 23-11-2017 20:24:31
คุณยุคเขาหึงแล้วค่า กรี๊ดดดดด  เขิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 23-11-2017 22:32:26
กรี๊ดดด น่ารักๆๆๆๆ 55555
จัดการเลยค่ะ รีบด่วนๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 23-11-2017 22:54:37
 :haun4: เอาก่ะยุคสิ ...จัดการเลยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 23-11-2017 23:09:37
กรีดดดด ได้ติดตามเรื่องใหม่ซะที
ฮามาก เบาสมองสุด
เหมือนคู่คย.เลยยอ่าา อิมเมจมาเลย
นางเอกชื่อชยินไปอี้กก ชอบเรื่องนี้อ้าาา :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 24-11-2017 04:15:21
ชัดเจน อย่างที่เบิร์ดกล่าว

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Bheamphon ที่ 24-11-2017 09:24:59
เลื้อยเลยกรู อ่านแล้วเลื้อยมีความสุขจริงๆ   :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 24-11-2017 12:27:04
ไปค่ะพี่ยุค จัดการเล้ย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 24-11-2017 19:23:24
หวายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-11-2017 23:45:25
โอ้ ชยินมีแฟนบอยด้วย
ชอบตอนครางชื่อ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 25-11-2017 17:30:24
ง่อววว คุณยุคเดินหน้าจีบอย่างไวเว่อออ
ฮือออออ สมหวังเร็วๆเด้ออออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 25-11-2017 22:16:26
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 26-11-2017 01:33:06
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: thepriest ที่ 26-11-2017 03:38:27
อะไรคือเมพเบิร์ดซัดตับดิบจนเลือดกลบปากคะ 5555555555555 อ่านถึงตรงนี้แล้วเราลั่นเลยอะ
ความศตวรรษก็กร๊าวใจเหลือเกิน หึงก็บอกว่าหึงเซ่! / รออยู่เสมอนะคะที่ทางช้างเผือก ฮือๆ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 26-11-2017 13:22:23
โอ๊ยยยย  วุ่นวายแต่คือดีย์ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 26-11-2017 13:53:56
สงสารชยิน 555555 โดนกัดตลอด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 30-11-2017 19:43:53
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Yyuii ที่ 01-12-2017 18:06:06
รอชยินอยู่นะคะ :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: bon ที่ 01-12-2017 21:02:49
รีบจัดการให้อยู่ในโอวาทเลยนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 03-12-2017 07:46:30
ไม่ชอบให้ใครมาอ่อยชยิน เพราะจะอ่อยคนเดียวใช่ไหมมม
น่ารักกกกก หึงจนหลุดฟอร์ม ชัดเจนนะ 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่5 [22/11/60] *หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 03-12-2017 17:22:54
เป็นแฟนอ่อ...มาหงมาหึงเค้าอ่ะคุณยุค :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 03-12-2017 22:26:33

ตอนที่ 6
YukYinCouple



   แฟนบอยของผมโดนผู้จัดการปลอมๆ ไล่กลับโต๊ะด้วยสีหน้าจืดเจื่อน ดีที่ไม่เกิดเรื่องชกต่อยเพื่อสร้างบรรยากาศแทนวงดนตรีที่เล่นอยู่บนเวที ไม่งั้นมันส์พะยะค่ะ เราอาจได้เห็นไอ้ยุคคลานออกร้าน หรือไม่ก็ผมเนี่ยแหละที่ถูกขวดเหล้าปาหัวเพราะเป็นต้นเหตุให้คนเขม่นกัน

   “ผมเช็กบิลแล้ว กลับกัน” เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวด้วยสีหน้าไม่พอใจ

   เป็นพ่อกูเหรอ ทำมาเป็นสั่ง

   “ยังไงผมก็ต้องกลับอยู่แล้ว ไม่รอให้คุณมาบอกหรอก”

   “ทำหน้าแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคุณ”

   “ผมจะทำหน้ายังไงก็เรื่องของผมสิ”

   “แล้วจะกลับได้หรือยังล่ะ”

   “รอเบิร์ดไปเข้าห้องน้ำกลับมาก่อน ค่าเบียร์เท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้เพื่อนผมทั้งสองคน” มือข้างหนึ่งเตรียมท่าล้วงกระเป๋ากะจ่ายให้จบๆ ไป

   “สี่พันสามอ่ะ”

   “ฮะ!” แบงค์พันบางๆ สั่นแรงมาก

   “หารสี่ก็คนละหนึ่งพันเจ็ดสิบห้าบาท ถ้าจะจ่ายให้เพื่อนด้วยก็สามพันสองร้อยยี่สิบห้า” อย่าว่าแต่จ่ายให้เพื่อนเลย แม้แต่ของตัวเองยังไม่พอ

   ใคร! ใครมันแดกขนาดนี้วะ

   แต่เมื่อหันไปมองไอ้ท็อปที่เมาแอ๋นอนฟุบอยู่ตรงโต๊ะก็ได้คำตอบที่กระจ่างชัด แม่งเล่นซดโฮกแอลกอฮอล์เข้าไปในร่างกายจนหยดสุดท้าย แถมเบียร์ธรรมดาดันกลืนกันไม่ลงด้วยไง ต้องเบียร์แพงๆ เท่านั้นถึงจะดีต่อกระเพาะ ถุย!

   ยากจนเลยกู

   “เอ่อ...จำได้ว่าลืมกดตังค์อีกแล้ว เอาไปพันนึงก่อนเดี๋ยวผมรีบคืนให้วันหลัง” ว่าแล้วก็รีบล้วงแบงค์พันสุดท้ายในชีวิตไปให้ เพื่อความอยู่รอดเราต้องเนียนเข้าไว้

   “ไม่เป็นไรผมออกให้”

   “ไม่ต้องมาทำตัวป๋าหรอก ยังไงผมก็ไม่ลืมว่าคุณทำอะไรกับแฟนเพลงผม”

   “ที่ทำไปคือช่วยนะ อยากโดนจีบเหรอ”

   “ใครจะมาจีบ เขาแค่ขอคอนแท็กไว้ติดต่องานต่างหาก”

   “จนแล้วยังโง่อีก”

   แม่~~~~~~~~ 

   เจ็บจนไม่รู้จะอธิบายให้เข้าใจยังไง ไอ้ฟาย โดนกระทืบจากคนนับสิบยังไม่ได้ครึ่งกับประโยคก่อนหน้าของไอ้ยุคเลย แม่กูยังไม่เคยทำร้ายจิตใจลูกอย่างกูขนาดนี้เลยนะเว้ย

   “โอ๋จะร้องไห้เหรอ อ่ะ! เอาไปสองพันแล้วหยุดร้องไห้ซะ” ธนบัตรสีเทาถูกวางลงกลางโต๊ะ ผมก้มมองเงินสลับกับใบหน้าของไอ้ยุคไปมาด้วยความไม่พอใจ

   “คิดจะเอาเงินฟาดหัวเหรอ”

   “ผมวางบนโต๊ะ ฟาดหัวตรงไหน”

   โว้ยยยยยย ไม่เถียงแล้วแม่ง เถียงไปก็ไม่ชนะ

   ผมนั่งหันหลังใส่ รอจนไอ้เบิร์ดเดินเป๋กลับมาโน่นแหละผมถึงจะหลุดออกจากวงโคจรของความอัปปรีย์นี้ไปได้ แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเพื่อนรัก สุดท้ายก็จำต้องเดินไปตามหามันถึงส้วม แต่ข่าวร้ายที่ได้คือไอ้เบิร์ดไม่อยู่ที่นี่แล้ว

   จากเมาๆ อยู่ถึงกับสร่างในทันที รีบก้าวเท้าไปยังลานจอดรถข้างนอก ซึ่งก็โป๊ะเชะ ไม่มีแม้แต่เงารถยนต์ที่ขับมา ไอ้เหี้ยเบิร์ดดดดด มึงลืมกู!

   ผมพยายามต่อสายหามันนับครั้งไม่ถ้วนแต่กลับไม่มีใครรับ เลยโมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ตรงนั้นกระทั่งไอ้ศตวรรษหามไอ้ท็อปที่หมดสติไปแล้วตามออกมา

   “เพื่อนคุณล่ะ” มันเอ่ยถาม ผมเลยกึ่งตอบกึ่งบ่นไปพลาง

   “กลับไปแล้ว ลืมด้วยซ้ำว่าพาผมมาด้วย”

   “งั้นกลับด้วยกันสิ นี่ผมก็จะพาไอ้ท็อปกลับเหมือนกัน”

   “ผมขับรถไอ้ท็อปได้ เดี๋ยวพาไปส่งเอง คุณกลับเถอะ” บอกตามตรงว่าไม่อยากอยู่กับนักเขียนในคราบนักฆ่าอย่างมัน จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหลุดพ้น

   “รู้จักห้องท็อปเหรอชยิน ผมเดาว่าคุณไม่รู้นะ”

   “...” เออว่ะ ซวยไปอีกกู

   สุดท้ายเราเลยต้องทิ้งรถของพ่อคอลัมนิสต์ขี้เมาเอาไว้ที่ร้าน แล้วโดยสารไปบนรถยนต์ของไอ้ยุคเพียงคันเดียว ซึ่งผมก็พอรู้แหละว่ามันสองคนเริ่มสนิทกันมากขึ้นถึงขนาดรู้ที่อยู่กันและกัน แต่หลังจากแบกไอ้ท็อปไปทิ้งไว้ที่ห้องเนี่ยสิ อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็บังเกิดอีกครั้ง เพราะผมต้องนั่งรถออกมากับไอ้ศตวรรษเพียงลำพัง

   “ส่งหน้าคอนโดก็พอนะคุณ”

   “อืม”

   ความเงียบปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่ปริปากพูดอะไรออกมา ปล่อยให้บรรยากาศมันเดดแอร์ไปอย่างนั้น ก่อนความเงียบจะค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยเสียงเพลงคลอเบา และความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ

   ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันที่เผลอปิดเปลือกตาและหลับไป...

   กว่าจะรู้ตัวเสียงเครื่องยนต์ก็ดับแล้วเรียบร้อย ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้น ตั้งใจหันไปขอบคุณคนมาส่งและรีบลงจากรถ แต่ภาพที่อยู่หน้ากระจกกลับไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

   “เฮ้ยคุณ ที่นี่ไม่ใช่คอนโดผม”

   “อ้าว เมาจนลืมว่าต้องไปส่งคุณเลย” ดูคำตอบมัน

   “ไม่ต้องมาเนียน เอาผมมาปล่อยที่ไหนวะเนี่ย” กูก็ยังคงโวยวายไม่หยุด

   “คอนโดผมเอง”

   “...!”

   “โทษที พอดีแกล้งเมา”

   ไอ้คนข้างๆ เปิดประตูรถแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ผมนั่งเข่นเขี้ยวอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะโดนกดดันให้ตามออกไปอย่างเงียบๆ

   “คืนนี้ดึกแล้ว นอนห้องผมก่อนเถอะ”

   “ไม่เอา ผมจะไปเรียกแท็กซี่”

   “มีเงินเหรอ หนึ่งพันที่ให้มาก็อยู่ที่ผมนะ” โหยหา...ความรักความเมตตา~

   เกลียดตัวเองที่จนกรอบถึงขนาดไม่มีเงินขึ้นแท็กซี่ คนอะไรมันจะกากได้ขนาดนี้วะ ชื่อแปลว่าชนะแต่นี่กูกลับแพ้ทุกอย่างเลย

   ถ้าไม่นับรวมรางวัลชนะเลิศการแข่งวิ่งเปี้ยวสมัยอยู่อนุบาล ชีวิตผมก็ไม่มีความภูมิใจอะไรเหลือเลย

   “ง่วงหรือยัง” เจ้าตัวถาม โดยมีผมเดินตามหลังต้อยๆ

   “ไม่อ่ะ”

   “อืม” มันไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากเดินเข้าไปในลิฟต์ กดไปยังชั้น 32 ซึ่งน่าจะเป็นชั้นสูงสุดของคอนโดแล้ว แต่เท่าที่จำได้ ไอ้ยุคแม่งอยู่ชั้น 21 นี่หว่า นี่กะหลอกกูไปฆ่าหรือเปล่าเนี่ย

   “เดี๋ยวนะคุณ ห้องคุณไม่ได้อยู่ชั้นสามสิบสองหนิ” ผมทักท้วงออกไป คนตัวสูงเลยหันมายิ้ม

   “จำได้ด้วยเหรอ”

   “ก็คุณเคยบอก อีกอย่างผมเป็นคนความจำดีมาก”

   “รู้แล้วครับ” ทว่ากลับไม่ได้รับคำตอบอะไรเพิ่มเติม กระทั่งลิฟต์เคลื่อนตัวมาถึงชั้นสูงสุดและประตูเปิดออก ไอ้ยุคก็เดินนำไปยังบันไดหนีไฟด้านขวาสุดทันที

   “เราจะไปไหนเนี่ย เดินทางข้ามมิติไปกอนดอร์เหรอ”

   “ก็ไม่เชิงหรอก”

   เราเดินขึ้นบันไดไปอีกหลายขั้นก่อนจะเจอประตูสีเทาเข้ม มือหนาจัดการดึงกลอนที่ลงเอาไว้แล้วผลักออกไปโดยแรง สิ่งแรกที่กระทบบนใบหน้าเลยก็คือความเย็นจากลมที่พัดโกรกเข้ามา ความสดชื่นของมันทำให้อารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้าหายเป็นปลิดทิ้ง

   ที่แท้ก็เป็นดาดฟ้าคอนโดนี่เอง

   “มาสิคุณ ที่นี่วิวสวยนะ”

   “ทำเหมือนผมเป็นเด็กที่จะตื่นเต้นกับอะไรแบบนี้ไปได้” รอบข้างก็มีแต่ตึก ท้องฟ้าก็มืดสนิทไม่มีดาวสักดวง แต่แปลกเหมือนกันที่พอมายืนอยู่ตรงขอบกำแพงที่ก่อขึ้นมาถึงระดับเอวแล้ว บรรยากาศที่ได้รับมันกลับแตกต่างจากที่คิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง

   ถนนนับสิบเส้นตัดกันไปมา ยานพาหนะยังคงสัญจรอยู่แต่บางเบากว่าช่วงกลางวันมาก แสงไฟจากตึกสูงส่องสว่างแข่งกันเป็นภาพที่ดูเพลินตาไปอีกแบบ ปกติผมไม่ค่อยขึ้นไปบนดาดฟ้าเพราะคิดว่ามองจากระเบียงห้องก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ความคิดนี้ก็ถูกตีแตกกระจายไปในที่สุด

   “มันโอเคมั้ย” คนตัวสูงถาม

   “ก็ดีอ่ะ”

   “ความจริงพื้นที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาหรอก หลังๆ มันเลยกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของผมไปเลย”

   “เจ้าของเขาไม่ว่าเหรอ”

   “นี่ก็เป็นหนึ่งในเจ้าของ จ่ายเงินซื้อคอนโดแล้วก็ต้องมีสิทธิ์ใช้”

   “เก๋ามาจากไหน”

   “ไม่รู้อ่ะไม่ได้เป็นญาติกับเก๋า”

   ถ้าไม่กวนตีนกูสักวินาทีมันจะชักตายสินะ

   เราไม่ได้พูดอะไรกันอีกพักใหญ่ ปล่อยให้สายลมพัดผ่านร่างกาย มันช่วยให้ผ่อนคลายและสร่างเมาค่อนข้างมาก มีบางครั้งที่จะหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนข้างๆ ซึ่งเจ้าตัวก็เหมือนจับสังเกตได้หันมามองอย่างสงสัยอยู่บ่อยครั้ง

   เอาจริง ความค้างคาใจบางอย่างมันยังติดอยู่ในหัว เพียงแต่ผมไม่มีความกล้าพอจะพูดออกไป นอกจากพาออกทะเลอยู่เรื่อย

   “ที่ร้านเหล้าจำได้ว่ามีคนมาขอเบอร์คุณ ได้มากี่เบอร์กันล่ะ”

   ไอ้ยุคหันมามอง พลางเอ่ยตอบราวกับไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นัก

   “ไม่ได้”

   “ได้ไงอ่ะ”

   “เพราะผมไม่อยากได้ไง”

   “หล่อเหลือเกิ๊น” ถึงกับต้องพูดแดกดัน

   “ก็เรื่องจริง คุณไม่หล่ออย่างผมคงไม่เข้าใจ” โอ้โหหหห โคตรดูถูกหนังหน้าหลีดคณะสมัยเรียนมหา’ลัยเลย แม้ใครบางคนจะเคยบอกว่าหน้าผมเหมือนปลาดุกอะไรก็ช่าง แต่ผมมั่นใจว่าความลิมิเตดนี้ก็ยังคงดูดีอยู่บ้าง

   “ผมจะบอกอะไรให้นะ ตอนสมัยเรียนผมมีแต่คนตามกรี๊ด เอาขนมเอาดอกไม้มาให้แทบไม่ขาดสาย เท่จนสาวทั้งคณะต้องถวายตัวให้อ่ะคิดดู”

   “แล้วตอนนี้หายไปไหนหมดล่ะ”

   “อย่ากวนตีนได้ป่ะ ผมชอบสันโดษมากกว่าไง”

   ความจริงน่ะเหรอ กูแทบจะซื้อกิน ถ้าเกิดมารวยตอนนี้คงเทคโอเวอร์อาบอบนวดเป็นของตัวเองแล้ว ไม่มาหวังลุ้นจะเจอรักแท้ห่าเหวอะไรเหมือนทุกวันนี้หรอก

   “โอเค สันโดษมากจริงๆ” ดูมันพยักหน้าตอแหลใส่ ผมจึงต้องพูดเกทับไปอีกนิดหน่อย

   “ไม่เชื่อเหรอ อย่างห้างนี่ผมไม่เดินเลยนะ กลัวแมวมองมาเจอเลยอยู่แต่ในห้อง”

   “ไม่ใช่คุณไม่มีเงินออกไปข้างนอกเหรอ”

   “คุณเข้าใจผิดแล้ว” ไขความกระจ่างเสร็จ ผมรีบยกมือขึ้นมาเสยผมเปิดหน้าผากไอ้อีกฝ่ายดู “นี่เห็นมั้ยสิวที่ขึ้นหน้าผากเม็ดนึงนี่ตั้งใจนะ”

   “ยังไง”

   “ผมตั้งใจไม่ล้างหน้าเพื่อจะได้ขี้เหร่บ้าง เบื่อความหล่อของตัวเองแล้วเอาจริง”

   “ยอมรับแล้วก็ได้ว่าคุณหน้าตาดี”

   “ใช่มั้ย” ผมยิ้มอย่างผู้ชนะ เป็นครั้งแรกที่เหมือนกรรมการจะเอนเอียงมาฝั่งผม เป็นความภูมิใจลึกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนตั้งแต่อนุบาล

   “เหมือนเด็กจังเลย” ไอ้ยุคมองหน้าผมนิ่ง บรรยากาศเริ่มแปลกแปร่งอีกครั้ง ก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว “คุณเชื่อมั้ยว่าวันนี้วันเกิดผม”

   ไม่รู้ว่าตาของผมเบิกกว้างมากแค่ไหน แต่ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจมาก

   “เฮ้ยจริงดิ”

   “พรุ่งนี้ก็ใช่ มะรืนก็ใช่”

   “คนบ้าอะไรเกิดทุกวันวะ”

   “วันไหนก็เป็นวันเกิดผมได้ทั้งนั้นแหละถ้าผมอยากจะเกิด”

   วันตายมึงก็เหมือนกันสินะ กวนตีนทั้งขึ้นทั้งล่อง

   “วันเกิดก็เหมือนวันธรรมดา วันสำคัญอะไรสำหรับผมมันธรรมดาทั้งนั้น จริงๆ วันนี้ก็คือวันธรรมดาอีกหนึ่งวัน แต่ผมก็อยากบอกความรู้สึกบางอย่างกับคุณ”

   ตอนกูเมาเบียร์เนี่ยนะ

   ความรู้สึกบางอย่างกำลังบอกว่าการกระทำของคนตรงหน้าเริ่มไม่ปกติ เรายืนอยู่ข้างกันตรงระเบียงดาดฟ้า คนตัวสูงกว่าหันมามองผม สายตาดูจริงจังจนสัมผัสได้ และเพราะสายตาแบบนี้เลยทำให้ใจของผมกวัดแกว่งขึ้นมาดื้อๆ

   กลัวอะไรก็ไม่รู้ที่ยังมาไม่ถึง ขณะเดียวกันก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด

   “ผมชอบคุณ”

   “นั่นไงว่าแล้ว ฮะ!!” ถึงกับตกใจแทบผงะ แต่ข้อมือกลับถูกตรึงไว้ไม่ให้ผมขยับถอยไปด้านหลัง หรือล้มตึงไปซะก่อน

   ผมไม่อยากเชื่อหูตัวเองนัก อยากถามกลับไปแต่ก็ไม่กล้า กลัวว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นความจริง หน้าตอนนี้คงถอดสีไปมาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำยังไง

   กว่าจะรวบรวมสติได้ก็ใช้เวลาอยู่นานเลย แถมคนตรงข้ามก็ไม่ยอมพูดอะไรเพิ่มเติมอีก

   “คุณ ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่มีเวลามาเล่นเป็นเด็กๆ” เอ่ยบอกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “แต่นิสัยคุณแม่งโคตรเด็กเลย”

   “คุณนั่นแหละที่เด็ก พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า เมาใช่มั้ย หรือหยอกเล่น ผมบอกตรงๆ ว่าไม่ตลกเลย” ผมพูดทุกประโยคด้วยความอัดอั้น และยังมีอีกมากมายที่อยากพูดออกไป

   “ผมพูดจริง อืม...ก็ชอบแหละตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักเลย”

   เสียงทุ้มนั้นบางเบามาก เบาจนคล้ายกับมันได้เจือจางไปกับสายลมจนหมด

   คนกวนตีนแบบนี้ หน้ามึนขนาดนี้ แถมยังดูแปลกประหลาดไปซะทุกอย่างทำไมถึงได้มาชอบผม ทำไมถึงได้พูดอะไรตรงเผงจนน่าตกใจ

   “แต่ผมไม่ได้ชอบคุณแบบนั้น”

   “เข้าใจไม่ชอบก็ไม่ชอบสิ ผมก็แค่อยากบอก”

   จนตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่านี่จริงจังหรือล้อเล่น ความจริงหรือความฝัน เมาหรือปกติดี ทุกอย่างดูปนเปไปหมดคล้ายกับถูกค้อนหนักๆ ทุบหัวซ้ำๆ แต่ก็ยังรู้สึก

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอด เลือกบิดข้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายก่อนจะบอกความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน

   “ผมไม่ได้รักใครมานานแล้วอ่ะคุณ”

   “...”

   “ที่รู้สึกเหงา ที่เคยต้องการใครสักคนมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่พอถึงเวลามันไม่ง่ายหรอกที่จะเริ่มต้น” ยิ่งกับใครสักคนที่ตรงข้ามกับความชอบน่ะ ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

   “ชยิน” มือหนาเอื้อมมาจับหน้าของผมให้หันไปสบตาตรงๆ “ความรู้สึกของผมคือชอบ”

   “...”

   “ถึงแม้ไม่ได้เป็นอย่างใจคิด อย่างน้อยผมก็หวังว่าจะมีคุณอยู่ในชีวิต ไม่ว่าในฐานะอะไรก็ตาม”

   พระรองในละครสัดๆ แล้วกูก็กลายเป็นนางเอกละครน้ำเน่าไปเลย ไม่ได้โรแมนติกเลยนะเว้ยเอาจริง

   “แต่ผมเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง”

   “แล้วไง”

   “คุณเป็นนักเขียน มีชื่อเสียง หลายคนรู้จัก คุณไม่กลัวเขาจะมองคุณไม่ดีเหรอ”

   “อะไรคือไม่ดี”

   “การที่คุณชอบผู้ชาย”

   “ผมไม่แคร์อ่ะ ผมแคร์คนที่อยู่กับผม แนะนำผมให้ดีขึ้น ไม่ใช่มาด่าแล้วก็ไป มันตลก”

   “เอาความจริงนะ ตอนนี้ผมยังมึนๆ อยู่เลย” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าชื่อศตวรรษ เป็นนักเขียนแนวสืบสวนที่บังเอิญมารู้จักกันตอนไปสัมภาษณ์นิตยสารเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน แต่ตอนนี้กลับมายืนสารภาพรักผมทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน

   ความชอบของคนคนนี้คืออะไร ผมไม่เข้าใจ

   “ยุค”

   “ว่า...”

   “คุณชอบผมเพราะอะไร จะบอกว่าผมหล่อก็คงไม่ใช่มั้ง เงินก็ไม่มีด้วย แถมคอนโดยังผ่อนอยู่เลย ผมไม่เคยทำดีเพื่อคุณสักอย่างแต่ทำไมคุณถึงชอบผม”

   เป็นครั้งแรกที่จริงจังกับการพูดอะไรสักอย่างขนาดนี้ ขนาดขอแฟนคนแรกเป็นแฟนยังไม่เคยเรียบเรียงประโยคให้วุ่นวายเลย

   “เพราะคุณทำให้ผมเติบโต และเพราะคุณอีกเหมือนกันที่ทำให้ผมกลายเป็นเด็ก”

   เสียงนั้นดูเพราะกว่าทุกครั้งที่เปล่งออกมา...

   “ผมเกลียดการเป็นผู้ใหญ่เพราะต้องแบกรับหน้าที่อะไรหลายๆ อย่าง ผมอยากเป็นเด็กที่ไม่ต้องคิดอะไรนอกจากใช้ชีวิตไปวันๆ แต่กาลเวลาเอาความเป็นเด็กกลับมาไม่ได้”

   “...”

   “ตอนที่ผมได้เจอคุณครั้งแรก มันทำให้ผมคิดว่าผมอยากเป็นผู้ใหญ่ อยากดูแลคุณ อยากแบกรับภาระทุกอย่างที่มีคุณอยู่ ขณะเดียวกันความสดใสของคุณ ความคิดเด็กๆ ของคุณมันทำให้ผมได้รับช่วงเวลาวัยเด็กกลับมาพร้อมๆ กัน”

   “...”

   “คุณเป็นมันทุกอย่าง”

   ไม่รู้สิ ตอนนี้ก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าควรรู้สึกยังไง รู้แค่ว่าอยากร้องไห้ ฮือ...

   มึงเหยียบตีนกู สัดยุค!

   ผมต้องกลั้นใจดึงตีนตัวเองออกมา ก่อนจะก้มมองรอยเปื้อนบนรองเท้าผ้าใบที่สวมอยู่

   “เดี๋ยวซักให้” และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้รีบแก้ต่างทันที อะไรที่พูดมาก่อนหน้าแทบลืมไปหมด กว่าจะวกกลับเข้าเรื่องได้เวลาก็ปาไปเกือบตีสาม

   “เรื่องรองเท้าช่างมันเถอะน่า ไหนๆ คุณก็ตรงไปตรงมากับผมแล้ว ผมก็อยากจะพูดตรงๆ กับคุณเหมือนกัน” เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองฮอตมาก เวลาต้องปฏิเสธใครสักคน “ผมไม่ได้ชอบคุณแบบนั้น แต่ถ้าเป็นเพื่อน...ก็อาจจะดีกว่า”

   “อืม” ตอบมาสั้นๆ แค่นี้เหรอ นี่ผมคาดหวังอะไรอยู่วะเนี่ย

   “ไม่ตื๊อเหรอ”

   “ไม่ใช่วิถีผมอ่ะ”

   “ตัดใจง่ายว่ะ”

   “ได้บอกเหรอว่าตัดใจ แค่เข้าใจ”

   “แล้วเคยมีแฟนที่เป็นผู้ชายมาก่อนมั้ย”

   “ไม่อ่ะ คุณคนแรก”

   “ผมยังไม่ใช่แฟนคุณไง”

   “เออ ก็เข้าใจอีกนั่นแหละ”

   ทำไมเข้าใจอะไรง่ายจังวะ คงมีผมคนเดียวสินะที่อึ้งอยู่ วันดีคืนดีมีคนมาบอกชอบ แต่พอปฏิเสธคนคนนั้นก็บอกว่าเข้าใจ โอ้โห! อะไรมันจะอินดี้ปานนั้น

   “ชยิน”

   “หืม”

   “จากวันแรกที่เจอคุณจนวันนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่...”

   “...”

   “ผมชอบคุณมากขึ้นทุกวันเลยว่ะ”

   ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ต่างฝ่ายต่างพิงตัวไปกับระเบียง สายตาเพิ่งมองไปยังแสงไฟจากตึกนับร้อยที่อยู่รายรอบ คืนนี้ไม่มีดาว ไม่มีพระจันทร์ ท้องฟ้าก็มืดสนิทเหมือนทุกครั้งที่เป็นอยู่ แต่แปลกดีเหมือนกันที่ความรู้สึกของผมกลับไม่เหมือนเดิม

   ยี่สิบห้า ปีชง ผมไม่มั่นใจนักว่าชีวิตที่ผ่านมาจะมีแต่เรื่องแย่ๆ ซะทีเดียว

   อืม...อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆ ที่มีใครสักคนชอบที่เราเป็นเรา
 
   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 03-12-2017 22:29:23

   ผมตื่นเช้ามาก หรือจะบอกว่าไม่ได้นอนก็คงไม่ผิด การเปลี่ยนที่ซุกหัวนอนหนึ่งคืนในห้องของคนที่ชอบเราฝ่ายเดียวนี่มันแปลกประหลาดชอบกล ดังนั้นพอพระอาทิตย์ขึ้นเลยไม่รอช้ากุลีกุจอขอตัวกลับเป็นการด่วน

   ไอ้ยุคไม่ได้บังคับผม มันคืนเงินหนึ่งพันบาทสุดท้ายในชีวิตให้เพื่อเอามาจ่ายค่าแท็กซี่กลับ แล้วเปลี่ยนเป็นลงบัญชีหนี้สินแทนเพราะผมยึดมั่นเสมอว่าเพื่อนไม่มีทางเอาเปรียบกัน วันไหนมีเงินก็จะตามเอามาคืนทุกบาททุกสตางค์

   หลังกลับถึงห้องผมล้มตัวลงนอนอย่างหมดสภาพ ตื่นมาอีกทีเวลาก็ปาไปตั้งบ่ายสามโมงแล้ว มือถือค้างมิสคอลไว้ถึงยี่สิบสายจากเพื่อนรักสองคน นั่นคือไอ้เบิร์ดกับไอ้ท็อป

   ผมต่อสายหาไอ้เบิร์ดเป็นคนแรก จากนั้นก็จัดการฉะอีกฝ่ายจนยับ พอใจก็วางสายก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นไอ้ท็อป ไอ้นี่ก็อีกราย ถ้ารู้ว่าเมาแล้วเรื้อนเป็นหมาขนาดนี้ผมจะไม่ชวนมันมาอีก

   [ชยิน โทรไปก็ไม่รับสายไอ้เวร]

   ยังไม่ทันได้กรอกเสียงลงไป ไอ้เพื่อนนรกก็รัวปืนกลใส่ทันที

   “กูหลับ ไม่ได้นอนทั้งคืน เมาแล้วเรื้อนอย่างมึงจะไปรู้อะไร ตัวก็หนักอย่างกับควายแม่งเอ๊ย”

   [ขอโทษได้มั้ยล่ะ]   

   “กูไม่ให้อภัย”

   [แล้วเมื่อคืนนี้กลับยังไง ไอ้เบิร์ดโทรหากูแต่เช้าบอกมึงไม่รับโทรศัพท์ มันเมาจนลืมมึงไว้ที่ร้าน] เพื่อนแต่ละคนดีๆ ทั้งนั้นอ่ะ

   “กลับกับไอ้ยุค”

   [ไอยะ มาส่งที่ห้องหรือไปต่อที่อื่น]

   “มึงรู้อะไรมา ไอ้ยุคปากพล่อยบอกมึงเหรอ”

   [อย่าว่าคัลลิสโตกู กูแค่เดา]

   “มึงไปเป็นผัวมันไป”

   [โมโหอะไรของมึงเนี่ย กูพูดอะไรจี้ใจดำมึงเหรอ] น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความยั่วยุ ซึ่งผมไม่อยากให้ตัวเองเผลอระบายอารมณ์กับอีกฝ่ายเลยรีบตัดบททันที

   “ถ้าไม่มีอะไรแค่นี้นะมึง”

   [เดี๋ยวชยิน! เดี๋ยว! กูมีเรื่องสำคัญจะบอก] ผมยังคงถือสายค้างไว้ รอฟังเสียงของไอ้ท็อปที่ดูร้อนรนขึ้นทันที [คืองี้เว้ย วันนี้ทางมาร์เกตติ้งแจ้งมาว่านิตยสารที่มึงให้สัมภาษณ์ขายดีมาก ตอนนี้หมดทั้งแผงแล้ว]

   “ขนาดนั้น?” ผมไม่ได้ขึ้นปกสักหน่อย ทำเป็นเว่อร์ไปได้

   [เออตอนนี้มีคนพูดถึงมึงเยอะมาก ไม่เชื่อลองเข้าไปในแฟนเพจหรือยูทูปดูดิ]

   “เกิดอะไรขึ้นวะ”

   [เข้าไปเถอะน่า เดี๋ยวมึงก็รู้เอง กูจะโทรมาบอกแค่นี้แหละ ถ้ามีงานอะไรจะจ้างกูจะโทรหาอีกที ขาขึ้นของมึงแล้วว่ะชยินเอ๊ย]

   ไอ้ท็อปวางสายไป ผมไม่รอช้าวิ่งไปเปิดแล็ปท็อป เว็บแรกที่เข้าไปเลยก็คือแฟนเพจส่วนตัวที่ผมใช้ติดต่องานและพูดคุยกับลูกเพจ โอ้โห กูแทบขยี้ให้ลูกตาดำหลุด ข้อความอินบ็อกซ์ค้างอยู่สองร้อยข้อความ บวกคอมเมนต์ตามโพสต์ต่างๆ ที่โพสต์เอาไว้อีกมากมาย

   ผมกวาดตาอ่านด้วยความไวแสง ข้อความส่วนใหญ่มาแนวเดียวกัน


   ‘พี่ชยินน่ารักมากกกกก หนูเป็นเอฟซีพี่ค่ะ’
   ‘มีแฟนหรือยังคะ อยากจีบนักแต่งเพลง’
   ‘ติดตามผลงานคุณชยินต่อไปนะครับ แต่งเพลงดีมากเลย ตัวจริงก็ดีมาก’
   ‘ขนาดรูปตอนเผลอๆ ยังหล่อเลย คนที่เจอพี่เมื่อคืนตายแล้วหรือยัง’



   แถมแนบรูปตอนกูหัวฟูๆ นั่งจิบเบียร์ประกอบซะด้วย ตอนนี้ผมเลยพอเดาทางออกว่าเหตุผลที่หลายคนพูดถึงผมมากมายขนาดนี้เป็นเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่รูปพวกนี้


   ‘ผมชอบพี่มากเลยครับพี่โคตรไอดอลผม’


   แต่มึงแนบรูปไอ้ยุค มึงมองไอดอลผิดคนแล้วฟาย

   ก็ได้แต่อ่านๆ ไปแต่ไม่คิดตอบข้อความไหนเพราะเยอะเหี้ยๆ พอเปลี่ยนไปเปิดยูทูบตามเพลงต่างๆ ที่เคยแต่งท็อปคอมเมนต์ก็ล้วนพูดถึงผมจนรู้สึกสงสารนักร้องขึ้นมาจับใจ
   

   ‘ตามมาจากชยิน’
   ‘ตามมาจากร้านเหล้าเมื่อคืนครับ’



   เออเข้าใจตามนะ ไม่คิดว่าตัวเองจะดูหล่อขนาดนี้ รู้งี้ไปประกวดหนุ่ม Cleo ดีกว่าเผื่อสาวจะกรี๊ดแตกบ้าง

   ผมใช้เวลาทั้งหมดไล่อ่านข้อความในยูทูบ มันช่วยคลายเหงาได้เป็นอย่างดีจนกระทั่งอ่านเจอข้อความหนึ่งเข้า ซึ่งมันเป็นท็อปคอมเมนต์จากเพลงรักที่เธอเคยมีของ A little bliss แถมยังมีไลก์เยอะมากอีกต่างหาก
         

   ‘ตามมาจาก #YukYinCouple ในทวิตค่า ฟินมากกกกก’
   ‘#YukYinCouple น่ารักมากจริงๆ >//<’



   อะไรคือ #YukYinCouple วะ

   ผมไม่ค่อยได้เล่นทวิตเตอร์นัก จะบอกว่าเล่นแทบไม่เป็นด้วยซ้ำ ที่สมัครไว้ก็แค่ตามกระแสเซเลบในวงการหลายคนเท่านั้น เห็นเขาเล่นเลยอยากเล่นตาม แถมแอคเคาท์นั้นยังระบุตัวตนไม่ค่อยได้อีกเพราะผมใช้รูปการ์ตูน

   นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ได้กดเข้าไปในทวิตเตอร์อีกครั้ง จิ้มนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์เพื่อค้นหาแฮชแท็กที่ใครหลายคนพูดถึง พอเปิดออกมาเท่านั้นแหละ

   ผ่าง! ความอลังการที่ไม่เคยพบเจอในชาตินี้ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว

   กูตายไปเลยครับ

   รูปของผมว่อนอยู่เต็มแท็ก บางรูปมาจากอินสตาแกรมด้วยซ้ำ ขนาดล็อกแอคเคาท์ไว้และมีคนติดตามแค่น้อยนิดมันก็ยังเอาออกมาได้ ที่สำคัญแท็กนี้ไม่ได้มีแค่รูปของผมแต่ยังเหมารวมไอ้ยุคเข้าไปด้วย

   ว็อท!
   

   ‘คุณนักแต่งเพลงกับคุณนักเขียนเหมาะกันมากค่า’
   ‘ฟินค้างเลย เมื่อคืนเห็นเดินจับมือกันออกร้านด้วย’
   ‘เขากลับด้วยกันนะค้าาาาาา นี่ไม่จิ้นแล้วค่า นี่คือเรื่องจริง’
   ‘เราฟังเพลงพี่เขา เพลงดีมากจริงๆ ส่วนพี่นักเขียนเราเพิ่งรู้ว่านามปากกาคัลลิสโต คือเราตามเพจเขามานานแล้ว’
   ‘คัลลิสโตตัวจริงหล่อมากกกกกก’
   ‘ชยินก็น่ารัก’
   ‘Fic รักสร้างสรรค์ #YukYinCouple (เคะท้องได้) ตอนแรกอัพแล้วค่า’



   เรื่องนี้ผมท้องได้ด้วยเหรอ ทำไมจู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมา ฮือ...

   เห็นเขาพูดกันว่าแฮชแท็กที่ตั้ง ชื่อที่ขึ้นต้นเป็นรุก ชื่อตามหลังเป็นรับ อ้าวเฮ้ยทำไมกูไม่ได้รุกเลยวะ เนื่องจากทนความยุติธรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยพิมพ์เสนอกลับไป แต่ถ้าตอบแบบแมนๆ กลัวคนอื่นจะสงสัยเลยต้องแอ๊บเกิร์ลอย่างแนบเนียน
   

   ‘พี่ชยินเขาเท่มากนะคะ น่าจะเป็นรุก’


   หวังว่าหลายคนจะเห็นด้วยนะ และในไม่กี่นาทีหลังทวีตข้อความนั้นลงไปใครคนหนึ่งก็เข้ามาตอบ


   ‘ตะเองไม่ใช่สาววายใช่มั้ย พี่ชยินไม่น่ากดพี่ยุคได้นะคะ’


   แล้วอีกคนหนึ่งก็มาตอบในทำนองเดียวกัน


   ‘เธอยังไม่รู้จักพี่ชยินดี’


   ก็กูนี่ไงชยิน คนบ้าอะไรไม่รู้จักตัวเองดีพอ

   งานนี้พี่พร้อมไฝว้ นั่งเถียงกับคนอื่นในทวิตเตอร์จนแทบเสียสติ ส่วนเจ้าของแอคเคาท์แม่สไปดี้เมียโทนี่สตาร์คนี่ใครวะ ดูจะเป็นแกนนำของทุกคนในโลกหล้า ปั่นกระแสจนหลายคนเข้ามาหวีดกันไม่หยุดหย่อน

   ผมอ่านข้อความเหล่านั้นด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ สุดท้ายก็รีบคว้ามือถือแล้วกดค้นหาเบอร์ของใครคนหนึ่งที่บันทึกเอาไว้ แต่ยังไม่ทันกดโทรออกผมก็สะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว จัดการโยนมือถือกลับไปที่เดิมอย่างหงุดหงิด

   ยังไงก็จะไม่โทรหาไอ้ยุคเด็ดขาด

   ทำได้แค่เป็นบ้าอยู่คนเดียว รีบปิดแล็ปท็อปแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง คิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดสองวันมานี้เพียงลำพัง จู่ๆ ก็มีคนมาบอกชอบ แล้วจู่ๆ อีกเหมือนกันชีวิตของผมก็มีแต่คนพูดถึง ทั้งตลกและตกใจไปพร้อมๆ กัน

   คนพวกนี้มองออกได้ไงวะว่าคนสองคนจะชอบกัน มองแม่นฉิบหาย แต่ผิดอยู่ประเด็นเดียวตรงที่ผมไม่ได้ชอบด้วยไง

   หนึ่งวันผ่านไปแบบเลื่อนลอย ผมกินมาม่าแล้วนอนจนถึงเช้า

   ไอ้ 0832/676 หายไปจากสารบบของผมอย่างน่าใจหาย มันไม่ออนไลน์ MSN มาสองวันแล้วทั้งที่มีเรื่องอยากปรึกษาร้อยแปดพันเก้า ผมทิ้งข้อความมากมายเอาไว้เผื่อมันจะกดเข้ามาอ่านแต่ก็ไม่มีวี่แวว ไอ้ยุคก็เงียบหายไป ชีวิตเริ่มกลับมาเคว้งสัดๆ อีกครั้ง

   เชี่ยเบิร์ดหนีเที่ยวหัวหินกับครอบครัวเลยไม่ได้แวะมาหาผม สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกระแสในทวิตเตอร์ที่ยังคงคุกรุ่นเช่นเคย กระทั่งไอ้ท็อปต่อสายหาผมเพื่อนัดสัมภาษณ์นิตยสารเดือนหน้า เนื่องจากเห็นว่าหนังสือขายดีเลยกะทำยอดตามกระแส

   ไอ้ยุคก็เป็นหนึ่งในแผนการตลาด การสัมภาษณ์คู่จึงใกล้มาถึงในเร็ววันนี้ เพียงแต่ว่าไอ้ท็อปไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้ เลยไหว้วานให้ผมเป็นฝ่ายบอกข่าวกับมันแทน

   ไม่รู้ว่าชีวิตของไอ้นักเขียนในคราบนักฆ่าเป็นยังไงบ้าง จะวุ่นวายเหมือนที่ผมเป็นอยู่มั้ย เพราะมันไม่ได้เอาหนังสือของมูราคามิมาให้ผมอีกเลยตั้งแต่วันนั้น

   จะให้โทรไปก็ดูยังไงอยู่ ทว่าตอนนี้ผมไม่อยากเก็บความสงสัยเอาไว้ฝ่ายเดียว เลยตัดสินใจแวะไปหามันถึงห้อง นี่ไม่ได้แคร์นะ แค่ไอ้ท็อปวานให้มาบอกข่าวเฉยๆ

   ก๊อกๆๆ

   ลองเคาะประตูไปสองสามครั้งก็ได้ยินเสียงลากฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนคนด้านในเปิดประตูออกมาเผชิญหน้าตรงๆ

   “ใครครับ”

   “...!” ถามอะไรของมันวะ

   ยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับ คนตัวสูงกว่าก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกของเราแทบชนกันอยู่รอมร่อ ผมเผลอกลั้นหายใจอัตโนมัติก่อนจะถอยหลังไปเล็กน้อย

   “อ๋อชยิน”

   “กะ...ก็ผมน่ะสิ เห็นเป็นใคร”

   “ผมเห็นไม่ชัด สายตาสั้นน่ะ” เพิ่งได้รู้ความจริงอีกอย่างของมัน ที่ผ่านมาไม่ได้สังเกตเลยสักครั้งว่าใส่คอนแท็กเลนส์อยู่

   “ทำไมไม่ใส่แว่น”

   “นอนอยู่เลยขี้เกียจใส่ คอนแท็กเลนส์ก็เคืองตา เข้ามาข้างในสิ” ผมถอดรองเท้าเอาไว้ตรงชั้นวางก่อนเดินตามอีกฝ่ายเข้าไป

   ไอ้ยุคเป็นพวกประหลาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลิ่นหอมแปลกๆ ที่ดูเป็นเอกลักษณ์ กับเตียงกว้างที่ล้อมรอบไปด้วยตู้หนังสือทั้งสามด้านดูเข้ากับบุคลิกของมันดี

   ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงโซฟา มองดูกายสูงเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วจัดการล้างคอนแท็กเลนส์มาใส่

   “ลำบากตัวเองไปมั้ย”

   “อะไร” เจ้าตัวถามกลับมา

   “ใส่คอนแท็ก”

   “มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมาก อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมองเห็นคุณชัดขึ้นล่ะนะ”

   “เดี๋ยวเทคคอร์สให้ไปทำเลสิก”

   “คุณจะมาอยู่เฝ้าผมตอนทำอะไรไม่คล่องมือเหรอ”

   “เหอะ!” ได้แต่หัวเราะในลำคอกับคำพูดนั้น แต่ก็ไม่วายถามต่อเป็นการทำลายบรรยากาศแปลกๆ ในตอนแรก “ทำไมสายตาสั้นเล่นคอมบ่อยเหรอ”

   “ตอนเด็กๆ คิดว่าคนใส่แว่นแม่งโคตรเท่ เลยพยายามทำทุกอย่างให้สายตาสั้นเพื่อจะได้ตัดแว่น”

   ความคิดกะโหลกกะลาฉิบหาย

   “แล้วตอนนี้สั้นเท่าไหร่”

   “เจ็ดร้อย”

   “หาาาา แล้วเห็นอะไรบ้างเนี่ย”

   “เห็นลางๆ เหมือนวิญญาณอ่ะ ยิ่งเป็นคุณยิ่งเหมือน”

   สัดเอ๊ย!

   ปล่อยให้ด่าในใจได้พักหนึ่ง ไอ้ยุคก็ยื่นแก้วน้ำดื่มและขนมกินเล่นมาให้ ผมรับมาไว้เฉยๆ แล้วรีบพูดเข้าประเด็นที่ได้รับมอบหมายมา

   “ไอ้ท็อปติดต่อคุณไม่ได้ มันอยากสัมภาษณ์คุณในคอลัมน์เดือนหน้า ถามจริงทำไมไม่รับโทรศัพท์”

   “เฮิร์ต เป็นไข้ใจเพราะคุณไม่รับรัก”

   “พูดจริงพูดเล่น”

   “เปล่า โดนเดดไลน์”

   โล่งอกไปกู กลัวจะเป็นต้นเหตุให้คนคิดสั้นเพราะเกิดมาฮอตเกินไป

   “แล้วสองสามวันนี้คุณได้ตามข่าวมั้ย”

   “ข่าวอะไร”

   “ก็...” จะพูดต่อไปดีมั้ยวะ แต่ปัญหานี้ก็ควรรับรู้กันทุกฝ่ายป่ะวะ “เรื่องที่มีคนพูดถึงคุณกับผมในเชิงคู่จิ้นอะไรแบบนี้อ่ะ พอดีผมสมัครแอคหลุมไว้ตามเลยรู้”

   “หลุมไหน”

   “หลุมศพคุณมั้ง”

   “เกรี้ยวกราดจัง เรื่องนั้นผมเห็นอยู่ พอดีคนอ่านแปะลิงก์ไว้ในอินบ็อกซ์”

   “แล้วรู้สึกยังไง”

   “ตลกดีออก มีคนตัดหน้าผมไปคู่กับคุณด้วยว่ะ แถมเนียนกว่าถ่ายภาพจริงอีก”

   โว๊ะ!

   “ผมอ่านเรื่องนั้นด้วย” คนตัวสูงพูดต่อ

   “อะไร”

   “เรื่องที่คุณท้องได้ ตลกมากเลย”

   “อย่าอ่านโว้ย ไม่ให้อ่าน”

   “คุณน่ารักมากเลยนะ แถมมีฉากคัทให้ไปตามอีกต่างหาก เลือดกำเดาแทบไหลแน่ะ”

   “ไอ้ยุค ไอ้หื่นกาม!” ผมแหวใส่เสียงดัง แต่กลับได้ยินเพียงเสียงหัวเราะกลับคืนมา โมโหว่ะ แทนที่จะมีคนเข้าใจเป็นเดือดเป็นร้อน นี่กลับมีความสุขที่เขาเอาหน้ากับชื่อตัวเองไปเขียนนิยายอีกต่างหาก

   “นี่ยังมีเรื่องนี้อีกนะ”

   “หยุด” ผมถลาเข้าไปปิดปากมัน แต่ก็ถูกรวบมือเอาไว้อย่างง่ายดาย

   “เรื่องที่คุณกับผมเมกเลิฟกันตรงระเบียงอ่ะ อ่านแล้วอยากทำตามเลย”

   “ไปตายไป”

   “ตายไม่ได้ เดี๋ยวคนแต่งนิยายเรื่องนั้นเขียนไม่จบนี่แย่เลย”

   “รำคาญว่ะ!”

   “ผมเป็นเอฟซีเค้า”

   ผมสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ก่อนหมุนตัวกลับมานั่งโซฟาเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ไอ้ยุคเห็นความไม่พอใจที่แสดงออกทางสีหน้าก็เลิกพูดล้อเลียนแล้วทิ้งตัวนั่งข้างผมเงียบๆ พร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

   การกระทำของอีกฝ่ายอยู่ในสายตาของผมทุกอย่าง บางครั้งก็สร้างความสงสัยให้ไม่น้อยเหมือนกัน

   “คุณชอบดมกระดาษเหรอ โรคจิตใช้ได้” ไม่ดมอย่างเดียวด้วย ลูบๆ คลำๆ ราวกับเป็นสรีระของผู้หญิง บ้าบอคอแตก

   “หอมออก เท็กเจอร์เวลาสัมผัสก็ดี” แล้วดูมันตอบ

   “มันก็เหมือนๆ กันทุกเล่มมั้ย”

   “ไม่เคยรู้เหรอ หนังสือของแต่ละเล่มมีกลิ่นเฉพาะตัว ทั้งกลิ่นจากกระดาษและกลิ่นของน้ำหมึก”

   “งั้นระหว่างหนังสือเรื่องอิทกับของรัมโปะ อันไหนหอมกว่ากันอ่ะ”

   “ไม่ชัวร์ แต่ที่รู้เลยก็คือมันหอมกว่าหัวคุณแน่นอน”

   “มั่ว ผมใช้แชมพูที่แพงมากเลยนะ”

   “ไม่รู้ล่ะ เอาหัวมาให้ดมอีกรอบสิเดี๋ยวจะบอกให้ว่าหอมกว่ากระดาษจริงมั้ย”

   วินาทีนั้นร่างกายของราวกับถูกแช่แข็ง เมื่อมือหนาเอื้อมมาจับหน้าของผมเอาไว้ ก่อนจะรั้งให้เอนไปชิดกับจมูกสันโด่งของมัน

   “อืม ก็หอมกว่ากระดาษนิดหน่อย”

   เจ้าตัวปล่อยมือที่เกาะกุมใบหน้าแล้วส่งยิ้มให้

   ร้ายว่ะ...

   “เปลี่ยนแชมพูเหรอ” ไอ้ยุคถามหน้านิ่ง

   “มะ...ไม่ได้เปลี่ยน” ให้ตายเถอะ กูหน้าแดงอยู่หรือเปล่าวะ

   “ผมคุณออกซิไดซ์กับอากาศหรือเปล่า กลิ่นมันเลยเพี้ยน”

   นี่จมูกมึงเป็นอินดิเคเตอร์เหรอ รู้ดีเหลือเกิน

   “เลิกยุ่งกับหัวผมเถอะน่า ไปทำงานของคุณเถอะผมจะกลับแล้ว”

   “เนี่ยมายั่วให้อยากแล้วก็จะจากไป”

   “เลิกกวนตีนเลย”

   “ชยินคุณโกรธผมเหรอครับ แต่ถึงจะโกรธยังไงก็ควรดูแลลูกในท้องของเราให้ดีนะครับ”

   “โว้ยยยยยยยย เมื่อไหร่จะเลิกล้อเรื่องนิยายวะ”

   “ก็จนกว่าจะมีนิยายเรื่องอื่นที่สนุกกว่าอ่ะ” ผมปาขนมในจานใส่หัวไอ้ยุคเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะเดินไปยังประตู ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น

   ผมหันไปมองไอ้ศตวรรษครู่หนึ่ง เห็นมันพยักหน้าเป็นการอนุญาต เลยจัดการหมุนลูกบิดออกไปเผชิญหน้ากับคนมาใหม่

   “ยุคล่ะคะ อ้าวววว น้องชยิน”

   คนตรงหน้าเป็นผู้หญิงผมลอน ใบหน้าขาวจั๊วะราวกับสำลี ทาลิปสติกสีแดงแถมกรีดอายไลเนอร์แทบพุ่งไปถึงหางคิ้ว การแต่งตัวก็ดูเปรี้ยวแซ่บจนผู้ชายอย่างผมยังเผลอกลืนน้ำลายออกมา

   “สวัสดีครับ คุณคือ...” ถามไม่ทันจบประโยคดีอีกฝ่ายก็ฉีกยิ้มกว้างรีบตอบอย่างไวว่อง

   “ชื่อพี่ปาล์มค่ะ เป็น บ.ก.ของยุค”

   “อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

   บรรณาธิการอะไรวะเซ็กซี่ฉิบหาย

   “เข้ามาข้างในก่อนสิ” ไอ้ยุคตะโกนตามหลัง แต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับส่ายหัวไปมา

   “อยู่ข้างนอกเนี่ยแหละ พอดีมาทำธุระแถวนี้เลยแวะมาหา เห็นหายหัวไปนานเลย”

   “ปกติเราก็ไม่ได้เจอกันบ่อยอยู่แล้วนี่”

   “ค่ะ แต่ที่มามีเรื่องด่วนจะถาม คุณนักเขียนคะระหว่างปิดต้นฉบับกับตามจีบนักแต่งเพลงจะเลือกอะไรคะ” ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินสองคนนี้คุยกัน และมันอาจพาดพิงมาถึงตัวเอง

   “ไม่น่าถาม”

   “ปิดต้นฉบับใช่มั้ยคะ งั้นเดดไลน์...”

   “ผมจะตามจีบนักแต่งเพลง”

   “โอเคงั้นเจ๊ไป”

   “รีบไปเลย”

   “ส่งงานช้าคงไม่อยากได้เงินสินะ”

   “เงินไม่สำคัญสำหรับผมขนาดนั้น”

   “จ้าาาาาาา” เธอลากเสียงยาว ก่อนหันมายิ้มให้ผม “ดีใจที่เจอนะคะชยิน นิยายที่น้องชยินท้องได้น่ารักมากเลย เอฟซีค่ะ”

   ปัง!

   เธอตวัดมือสวยปิดประตูไปต่อหน้าต่อตา ทิ้งให้ผมก่นด่าตัวเองในใจ

   เชี่ยอะไรวะเนี่ยยยยยยยยยยยยยย

   “ชยิน สงสัยคุณต้องท้องจริงๆ แล้วล่ะ ดูหลายคนจะลุ้นมาก”

   “ไปเล่นตรงโน้นไป”

   “อย่าไปถือสาพี่ปาล์มล่ะ เขากับผมชอบแซวกันแบบนี้อยู่แล้ว” ร่างสูงเดินเข้ามาประชิด หยิบรองเท้าตรงชั้นวางมาไว้ตรงเท้าให้ พร้อมกับหยิบของตัวเองออกมาด้วย “ผมไปส่งนะ”

   “ผมกลับเองได้น่า”

   “แต่ถ้าผมไปส่งคุณจะประหยัดเงินค่ารถไปเยอะมากเลยนะ” ไอ้ยินเรื่องเงินกูถึงกับหยุดคิดทันที

   “แล้วคุณไม่ทำงานตัวเองหรือไง”

   “ผมทำทุกอย่างตามที่ตัวเองหวังไว้หมดแล้ว เขียนหนังสือให้ได้ปีละสี่เล่ม ตอนนี้ก็ครบโควตาพอดีเลยไม่ต้องรีบ ออกกำลังกายวันละ 30 นาที ผมก็ลงไปเล่นฟิตเนสตอนเช้าแล้ว เลิกสูบบุหรี่ผมก็กำลังทำอยู่ เหลืออยู่ข้อเดียว”

   “อะไร”

   “เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครสักคน”

   “...”

   “และในสิ่งที่ผมหวังทั้งหมด คุณเป็นหนึ่งในนั้น”

   ผมไม่รู้ว่าวันนั้นจะมีอีกมั้ย วันที่ผมใจอ่อนให้กับใครสักคนได้มากมายขนาดนี้



ชยินตอนอยู่กับเพื่อนก็จะกระด้างหน่อยๆ
ส่วนชยินตอนอยู่กับยุคก็น่ารักสมกับเป็นที่รักของพี่เขา >//<
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 03-12-2017 22:43:36
โอ้ย อ่อยแรงเบอร์นี้ เอามาอัดปากแล้วกระโดดลงหลุมเลยข่าาาา ปล.ขอลิ้งเว็บฟิคที่ชยินท้องได้ด้วยค่ะ555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 03-12-2017 22:51:15
ชยินน่ารักอยากได้มาตั้งไว้ที่บ้าน  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 03-12-2017 22:51:44
มันน่ารัก.. มันน่า...  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Faren ที่ 03-12-2017 22:56:50
อ๋อยยยยย @_@ ฉันรักเขาาาาา ขอทั้งชยินทั้งยุคเลยได้ไหม
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 03-12-2017 22:56:58
ยังอยากให้ชยินไม่ขัดสน แต่ท้องได้นี่ 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 03-12-2017 23:05:21
ฟิก เคะท้องได้ 5555555555555555555555 สงสารชยินแต่ก็ฮา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 03-12-2017 23:06:13
รับรักเค้าเถอะชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่3 [02/11/60] *หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Keiji ที่ 03-12-2017 23:06:30
โอ้ยขำจนท้องแข็ง แค่ตอนที่สามก็ไม่ไหวแล้วพักยกหายใจก่อนขอบคุณนักเขียนมากๆเลย ชอบมากๆฮาได้ใจพระเอกก็กวนทีนได้ใจ
 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-12-2017 23:13:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: ChocoPop ที่ 03-12-2017 23:22:02
ชยินน่ารัก อยากจะบีบบบบบบบบบบบ
ยุคก็ขี้อ่อย เอาที่เม็ดเลยที่มีโอกาส ไม่มีโอกาสก็สร้างเองได้ โอ๊ยยย ชอบดูเค้าจีบกัน 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: ปราณ ที่ 03-12-2017 23:24:46
นี่ประทับใจเพื่อนเบิร์ดมากบอกเลย เมาจนลืมเพื่อน ๕๕๕  :jul3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 03-12-2017 23:25:37
อยากอ่านเรื่องที่่ชยินท้องได้กับเมคเลิฟที่ระเบียงจริงๆเลยค้า  555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 03-12-2017 23:25:48
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-12-2017 23:27:24
คุณนักเขียนยุคสนใจแต่งนิยายวายบ้างไหม
ส่วนชยินนั้นคงรอดยาก คนเชียร์ซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 03-12-2017 23:27:51
เขิน ชยินใจอ่อนเถอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 03-12-2017 23:34:08
โอ้โห ชยินนนน ใจอ่อนเถอะะะะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 03-12-2017 23:37:01
รุกหนักมากกก ถ้านี่เป็นชยินคงเขินตายไปแล้วว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: thebennie ที่ 03-12-2017 23:37:20
โอ้ยอยากอ่านบ้าง ขอ link หน่อยค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-12-2017 00:02:32
ชยินนี่ ถ้าชนะยุคได้ ผิดปกติแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 04-12-2017 00:03:21
งานนี้ชยินต้องมีหวั่นไหวกับคุณยุคบ้างแล้วล่ะมั้ง โดนคุณยุคเต๊าะขนาดนั้น :haun5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 04-12-2017 00:03:30
ชยินท้องได้ 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Slotjai ที่ 04-12-2017 00:07:41
มุมมองความรักที่น่ารัก หลงรักชยินนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 04-12-2017 00:12:03
โหยย อ่อยเบอร์แรงมากพี่ยุค ถ้าพี่จะด่าหรือกวนตีนชยินน้อยลง คงสมหวังไปแล้ว แต่ไม่ได้เดี๋ยวไม่มันส์ ขนาดตอนนี้ชยินยังเขิลเลย เขิลด้วยคน อร้ายยย พี่ยุคคนบ้าาา
อยากอ่านฟิคชยินท้องได้ด้วยควรมีให้ชมสักนิดสักหน่อยนะคะหัวหน้า5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 04-12-2017 00:14:06
เนี่ยยยพี่ยุคทั้งนั่วทั้งรักขนาดนี้แล้ว
แล้วชยินจะหนีไปไหนรอดดด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 04-12-2017 00:20:47
ตลกฟิคชยินท้องได้5555555555
เขินพี่ยุค น้องยินก็น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 04-12-2017 00:38:27
โอ้ยๆ อ่อนระทวยแทนน้องชยินแล้วจร้า พ่อยุคพ่อเทพบุตร พ่อเทวดาจุติมาเกิด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-12-2017 00:45:12
ยุครุกหนักมากเลยค่ะคุณขา ถูกใจมาก รุกเยอะๆค่ะชยินจะได้ใจอ่อน  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: 03.39 ที่ 04-12-2017 00:53:20
ขอบคุณมากนะคะ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: koko0540 ที่ 04-12-2017 01:05:59
พวกเขาดีงามอะไรขนาดนี้คะคุณ~~
ดูแลลูกในท้องดีๆนะชยิน~~ /โดนฟาด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 04-12-2017 01:06:56
โหชยิน นี่เราแค่อ่านยังเหลวเป็นน้ำเลยอ่ะ ชยินเป็นยังไงบ้าง ยังอยู่ดีอยู่ใช่มั้ย รีบๆท้องนะ555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2017 01:47:52
รุกแรงเชียว ** นึกขำในความคิดของยุคเรื่องใส่แว่นแล้วเท่ คือใันเหมือนกับเราเลยตอนเด็กอะ เห็นครูผู้ชายใส่แว่นแล้วเท่มาก ไอดอลเลย อยากใส่แว่นบ้าง แล้วเป็นไงละตอนนี้ แทบจะเขวี้ยงแว่นทิ้งวันละสามเวลา 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 04-12-2017 02:59:16
ชยิน ผู้ไม่เคยชนะยุคเลย  :m20: :laugh: :laugh:
คนแบบยุคนี้ก็น่ากลัวดีเนาะ ถ้าตัดหล่อออกไปนี่
โดนรุกขนาดนี้ ชนิดที่ว่าจะต้องได้อ่ะ ชยินจะทำยังไง๊ล่ะนั่น  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Chomin ที่ 04-12-2017 03:15:48
โอ้ยยย ไม่ได้อ่านมาหลายตอน มาอ่านรวดเดียวแล้วคือ ติดหนักมาก 555 คุณยุคนี่อ่อยแล้วอ่อยอีก กว่าชยินจะรู้ตัวก็โดนแทะทางคำพูดไปหลายที 5555 ชยินจ๋า ใจอ่อนกับคุณยุคเถอะ คนมุ่งมั่นในการจีบแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ แถมกวนตีนแบบนี้ก็แรร์ไอเท็มนะจ๊ะ ฮรือออ ชอบตอนยุคกวนตีน มันได้ใจดี คิดว่าอีกไม่นานชยินต้องแพ้ทางหนักกว่านี้แน่ๆ ขนาดยังไม่ได้ชอบยุคนะ แต่หวั่นไหวแรงมาก แล้วก็แพ้ทางหนักมากเช่นกัน 555 กระแสยุคยินก็แลไปได้ดี มีอ่านฟิคซะด้วย โคตรฮา ชยินต้องโดนล้อไปอีกนาน ลองได้เป็นคู่จิ้นแล้ว ทีนี้ไปไหนมาไหนคนจับตามองแน่ ชยินนี่จุดอ่อนอยู่ที่เงินจริงๆ 55 อ้างเรื่องนี้นี่สำเร็จทุกอย่าง ยุคก็รู้ดีจริงๆ ว่าแต่ดรีมคือใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย มีความสัมพันธ์กันยังไง แลดูเหมือนไปมาหาสู่กันบ่อยๆ แถมยังไปสลับกับชยินซะด้วย หวังว่าจะไม่เป็นปัญหาในอนาคตนะ ว่าแต่หมีใหญ่หายไปพร้อมกับเดดไลน์ของยุค ชยินน่าจะเอะใจเนอะ แต่เล่นไปบอกเค้าหมด มีอะไรก็ปรึกษา อิคุณยุคในคราบหมีใหญ่คงกลั้นขำน่าดู เออ จะว่าไปแอบติดใจตรงที่ยุคบอกชอบใส่เสื้อผ้าเดิมๆ เหมือนกับชอบคนๆเดิมนี่ แสดงว่ายุคเคยชอบชยินตั้งแต่สมัยเด็กๆเลยมั้ย เดาว่าอิคนที่แฟนเก่าชยินไปกรี๊ด เดือนดาวองค์คนนั้นต้องเป็นยุคแน่ๆ จริงๆนี่อาจเป็นที่มาที่ทำให้ชยินมีเอ็มของหมีใหญ่ ซึ่งก็คือคุณยุค! โฮ้ว มันมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 04-12-2017 03:54:57
ส่วนตัวรู้สึกว่านิยายแนวคอมเมดี้ฟีลกู๊ดของคุณจิตติแต่ละเรื่องนั้นแนวทางการเขียนจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ไม่รู้ทำไมทำเอาเราติดทุกเรื่องเลย แล้วความยุคในเรื่องนี้ นางมึนๆ อึนๆ เล่นมุกสลึงนึงอ่ะ แบบ เหมือนเราบอกไปเลย เพื่อนก็จะติงมาแบบไม่น่าเล่นว่า ไปเลยเลยอ่อ ไกลนะ อะไรแบบนี้ เข้าข่ายมุกไม่ฮาพาเพื่อนเครียดเพราะความกวนตีนอ่ะ แต่ชอบในความชัดเจนของเค้ามากๆ แล้วก็พูดตรงอีก คาร์แรกเตอร์ชยินเรื่องนี้น่าเอ็นดูมากเลย เป็นคนที่น่าแกล้งจริงๆ แต่ส่วนตัวบางทีก็รู้สึกอยากให้ชยินชนะยุคบ้าง หมายถึงชนะจริงๆ แบบที่ไม่ใช่อีกคนเป็นฝ่ายยอมอ่ะนะ 5555555 โดยรวมเนื้อเรื่องน่าเอ็นดูค่ะ หวังว่าช่วงขาขึ้นของชยินจะทำให้เค้ามีงานเข้ามามากขึ้น และไม่ต้องอยู่อย่างอดอยากอีกต่อไปนะคะ ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 04-12-2017 06:27:06
ชยินเอ้ย เตรียมท้องเถอะ อ่อนกับเขาซะขนาดนั้น :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 04-12-2017 06:54:13
โว้วววว ยุครุกหนักกกก น่ารักน้าาาา ชยินทำใจดีๆ 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 04-12-2017 07:21:23
หยอดขนาดนี้ถ้าชยินท้องได้ คงท้องโดยไม่ต้อฃทำอะไรแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 04-12-2017 08:02:12
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: หิมะขาว ที่ 04-12-2017 08:17:54
ขอวาร์ปนิยายเคะท้องได้ด้วยคนจะได้มั้ยคะะ :o8: 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 04-12-2017 08:32:43
แง้พี่ยุคคคคคค อย่ามาอ่อยอะไรงี้นะ ชยินใจไม่ดี
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: yprjb ที่ 04-12-2017 08:50:57
ชยินเป็นบุคคลที่น่าหอมแก้มแรงๆแห่งปี ก็เธอน่ารัก เธอน่ารักจนใจไหวหวั่น~ //ส่วนยุคบุกอีกค่ะ บอกเลยว่า เขินแรงมาก คนอาร้ายยยย อ้อยเก่งมากเวอร์  :z3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 04-12-2017 08:51:39
โอ้ยยยย รุกแรงงงง แต่น้องชยินก้อ่อยแรงเช่นกัน

 :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 04-12-2017 08:55:59
ชยินโดนล้อเรื่องท้องได้ไปอีกนานแน่ๆโอ๊ย5555555
พอเผยความในใจแล้วก็ขยันรุกเหลือเกินนะคุณยุค​ รุกแรงๆเอาใจชยินมาให้จงได้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 04-12-2017 09:16:45
 “เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครสักคน”   

โอ้ย แพ้หลายประโยคเลย

แต่ขอยกประโยคนี้คือ ดาเบสสสส
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-12-2017 09:20:08
เราขำก๊ากตอนเปิดเจอในทวิทมาก


/Fic รักสร้างสรรค์ #YukYinCouple (เคะท้องได้) ตอนแรกอัพแล้วค่า’ 



คนแต่งอัพเดทนิยายไวว่องมาก พึ่งจะมีรูปนิยายมากแล้ว  อยู่ดีๆก็ท้องได้เว้ย 555555




ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-12-2017 09:50:33
นิยายเรื่องอะไรนะที่ชยินท้องได้อ่ะ จะไปตำ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 04-12-2017 10:19:42
ชอบนิยายของคุณจิตติคุณคือความสุขของเราเรามีความสุขมากกกกเมื่อได้อ่านนิยายของคุณขอบคุณที่คุณสร้างยุคชยินและเหล่าผองเพื่อนมาให้เราได้มีความสุขขนาดนี้รักนิยายของจิตติมากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: MILLIseconds ที่ 04-12-2017 12:27:52
สรุปชยินใจอ่อนแล้วมั้ยน้ออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-12-2017 12:47:24
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 04-12-2017 13:04:30
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: พันธุ์ไทย ที่ 04-12-2017 13:24:34
ยุคต้องศีลเสมอกับชยินอ่ะถึงไปกันได้ ชยินรีบใจอ่อนเร็วๆ อยากฮาแตกกว่านี้ :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Rainy_bl ที่ 04-12-2017 14:06:41
 :jul1: :jul1: หยอดขนาดนี้เก็บไว้ห้องเลยไหมคะไม่ต้องไปส่งแล้วว ตายุคเอ้ยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 04-12-2017 16:11:44
ชยินไม่เอา เราเอาน้าาาาาา 55555 ยุคคือดี ~~~
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 04-12-2017 16:28:33
ฟินมาก ฮามาก อยากตบยุคมากกวนตีน555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-12-2017 16:30:41
อื้อหืออออออ นึกจะจีบก็จีบเลยแบบนี้ก็ได้เหรอคะคุณยุค รุกเบอร์แรงมากแต่เดี๋ยวจะตามไปส่องรูปคุณนักเขียนกับคุณนักแต่งเพลงในแท็ก #YukYinCouple อยากรู้ว่าจะฟินมากมั้ย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 04-12-2017 17:20:22
นั้งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง 55555555555555
คุณยุคอ้อยเบอร์แรง ไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะทำไงแล้วชยินนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Tpicha ที่ 04-12-2017 19:51:41
มีความต้องเลือกหนังสือสอบก็ต้องอ่าน นิยายก็อยากอ่าน
สุดท้ายอดใจไม่ไหว ฮืออออ ชยินลูกกกก :z3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Patar1728 ที่ 04-12-2017 19:55:03
ชยินน่ารักอ่ะ อยากได้ :mew2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 04-12-2017 20:27:06
โอ๊ยย ฮากรามค้างงง ขำหนักมากกกก ชยินน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 04-12-2017 21:30:28
หยอดเก่งจริงๆพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: marsmarseiei ที่ 04-12-2017 21:42:26
โอ๊ยยยยยยยยน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 04-12-2017 23:13:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-12-2017 23:15:37
 :katai2-1:

ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Jintajam ที่ 04-12-2017 23:40:22
 มีสเปเชียลชยินท้องได้มั้ยคะ 5555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: pangning ที่ 05-12-2017 00:36:45
อยากอ่านแย่แล้วววววว เมื่อไหร่จะมาน้ออออออ คิดถึงงงงงง :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 05-12-2017 03:39:20
ถ้ามีคนแบบยุคนะ ตายอ่ะ แพ้เรียบ ไม่ถึงเดือนก็ระทวยละ
นี่นึกว่ามีเราที่เคยคิดว่าใส่แว่นละเท่นะ มียุคด้วย สมแล้วที่หน้าตาดีแต่ความคิดแปลกเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: cookie12ck ที่ 05-12-2017 06:41:24
รอคร้าาาาาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 05-12-2017 06:51:39
เขิน บอกได้คำเดียว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 05-12-2017 11:00:50
นี้ก็เขินแทนชยิน  :-[ :-[
ยอมใจยุคเขาล่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Saearn ที่ 05-12-2017 12:43:40
 :mew1:ชยินน่ารักมาก :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-12-2017 15:23:02
อยากจะละลายไปกับยุค ถ้าเป็นแฟนกันมันต้องหวานละลายแน่ๆ ถ้าไม่มัวแต่กวนตีนกันอะนะ
ใจอ่อนเถอะชยิน เจอจีบตลอดเวลาขนาดเน้ คนขี้เหงาจะใจแข็งได้เท่าไหร่ ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 05-12-2017 19:33:11
น่ารักดี ชอบกันเถอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-12-2017 20:37:45
เดี่ยวได้ใจอ่อนกว่านี้แน่ แต่กับพี่ยุคคนเดียวพอนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 05-12-2017 21:44:43
     “และในสิ่งที่ผมหวังทั้งหมด คุณเป็นหนึ่งในนั้น” 

 ไม่รู้ว่า ชยิน ยังรับรู้การได้ยินอยู่ไหม

  ส่วนผู้อ่านนี่ เขินลลลล จนหูดับ แล่ว

  ps. นายยุคเขาเต๊าะได้กวนteen และโรแมนติกในเวลาเดียวกัน
         ..อยากรู้ ทำได้ไงฟ่ะ จะเอาไปใช้มั่งอ่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: khungyf ที่ 06-12-2017 15:32:38
งานการไม่ทำแล้วค่ะ พี่สัดดดดดด!!ตาว๊าดดดดดด ตามจีบชยินลูกเราอยู่นั่นแหละ ชยินอย่าเพิ่งรีบใจอ่อนนะ พุชายก็เงี้ย (แม่ไม่เคยมีหลัวหรอก แต่แม่อ่านมาเย้อออออ55555555555555) รักชยิ๊นนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: babeauy ที่ 07-12-2017 10:07:14
โอ้ยยยยยยยยยยยย
ใจบางมาก ๆ กับการรุกจีบชยินของยุคเนี่ย รุกหนักเข้าไว้ เดี๋ยวชยินก็จะใจบางและตกลงปลงใจเข้าให้เอง
กวน ๆ เข้าไว้ ยังไงชยินก็แพ้พ่าย o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 07-12-2017 15:52:29
โอ๊ยยย รุกแรงมากเลยค่าพี่ยุคคคคคค ใครไม่ตายเราตายคนแรก นี่ขำออกสื่อ
เสียงดังมาก ทำไมแซวกันน่ารัก ขอเป็นเอฟซีด้วยสิคะะ .///.
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 08-12-2017 06:23:32
โอ้ยยยยเป็นแฟนกันไปเล๊ยจะได้ไม่เป็นภาระของแฟนคลับ555 ชยินเหมือนโดนปาความรักใส่หน้าทุก 2 วิ  :give2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 08-12-2017 14:27:43
โอ่ยยยยยยยยยยย น้องชยินน่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 08-12-2017 21:55:55
น่ารักจริงๆเลย มาต่อเร็วๆนะค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 09-12-2017 21:29:30
โอ้ยยย น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: pranliew ที่ 11-12-2017 02:25:21
น่ารักมากกกก คุณนักแต่งเพลง เมื่อไหร่จะใจอ่อนกันนะ อ่านเรื่องนี้แล้วขำตลอดเลย ชอบมาก คลายเครียดได้ดีเว่อร์เลยค่ะ ขอให้แฮปปี้ๆแบบนี้ตลอดทัั้งเรื่องเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 11-12-2017 21:51:13
โอ้ยยยย ยอมแล้วว ว่าแต่ มีวาร์ปเรื่องที่ชยินท้องได้ หรือเมคเลิฟกันตรงระเบียงมั้ยอะ... 555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 12-12-2017 19:28:03
มันกร๊าวใจ :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 13-12-2017 00:47:44
น่ารักมากอ่าาา :-[

อดใจไม่ไหวอยากอ่านฟิคชยินท้อง 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 13-12-2017 17:09:44
หายไปหลายตอนมาก (ตรูเนี่ยแหละ ติดเกมส์งอมแงม) โผล่มาที เห้ย เค้าเป็นคู่จิ้น?กันแล้วเว้ยเห้ย
แถมอีตานักเขียนหน้ามึนมาก (เจ้าของเดียวกับพ่อหมีใหญ่ใช่ม้ายล่าาาา 5555) อ่านจบความคิดนึงก็ผุดขึ้นมา...
ไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องมีมาม่า .. แต่นายเอกแดรกมาม่าแทบทุกมื้อ อิโมน้ำตาริน .. 
จิตติอย่าดับฝันเค้านะ อย่าให้เค้าเศร้า ขอมันส์ ฮา อย่างต่อเนื่องๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สู้ ๆ นะคะ คิดถึง จุ๊บๆ

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 13-12-2017 23:21:35
ฮื้ออออ เรื่องชยินท้องจะโดนล้อยันลูกบวชหรือเปล่าคะ5555 ยุคดูเป็นผู้ชายอบอุ่น แต่กวนประสาทมากเลยอ่ะ   

ขอบคุณที่มาอัพให้อ่านนะคะ..
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 14-12-2017 11:49:13
คุณยุคมีพี่น้องไหมคะ?
จะไปสู่ขอมาเป็นแฟน
ฮรือออออออออออออออออออออออออ
ดีต่อใจ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่6 [03/12/60] *หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 14-12-2017 22:43:18
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ชยินหนูควรท้องนะลูก :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 15-12-2017 23:28:12

ตอนที่ 7
จีบไม่กลัว กลัวแพ้



   ไอ้ยุคขับรถมาส่งผมถึงหน้าคอนโด ระหว่างทางเราก็คุยเรื่อยเปื่อยกันไปตลอดทาง ซึ่งมันควรเป็นเรื่องปกติของคนเป็นเพื่อนแถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ แต่สำหรับผมมันไม่ปกติเอาซะเลย ขากลับมานอกจากจะนั่งใจสั่นเป็นกลองชุดแล้ว แต่ละประโยคที่เปล่งออกมาก็ยังติดสั่นไปด้วย

   ผมไม่อยากบอกว่าตัวเองกำลังหวั่นไหวกับคนที่มาบอกรัก เพราะสมัยเรียนมหา’ลัยผมก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับทุกคนที่มาบอกชอบ หรือเพราะตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับความเหงาอยู่กันแน่ ถึงทำให้ความรู้สึกตอนอยู่กับไอ้ยุคเปลี่ยนไป

   ด้วยมั่นใจว่ารสนิยมของตัวเองไม่เคยเปลี่ยน หลังจากแยกกับอีกฝ่ายผมก็รีบวิ่งขึ้นห้อง รื้อค้นเอาปฏิทินปลุกใจเสือป่าและแม็กกาซีนรวมภาพวาบหวิวออกมาเพื่อกระตุ้นตัวเอง

   ผู้หญิงพวกนี้สิที่เป็นไทป์ของผม เธอดึงดูด ไม่ว่าจะเป็นหน้าอกหน้าใจหรือตูดงอนๆ ให้ตายเถอะ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆ ที่รู้สึกแปลกคงเป็นเพราะบรรยากาศพาไปเองมากกว่า

   คิดได้เท่านั้นก็จัดการเก็บภาพเสียวตรงหน้าเข้ากรุดังเดิม แล้วเดินผิวปากไปยังห้องนอน

   “ฮู้วฮูวววววววว” มีความสุขละ

   เริ่มต้นทำงานได้อย่างมีสมาธิซะที ก่อนอื่นเลยตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่ไม่กี่บาท มาม่าก็ใกล้จะหมด ถ้าขืนขี้เกียจอีกก็ไม่แน่ว่าจะอดตายในเร็ววัน ถ้าให้บากหน้าไปขอที่บ้านก็กลัวจะเสียศักดิ์ศรีเพราะบอกไว้แต่แรกแล้วว่าอาชีพนี้ยังไงก็อยู่ได้ สักวันผมจะยิ่งใหญ่

   เป็นไงล่ะกู...จนใหญ่เลย

   ผมเป็นลูกคนกลางจากบรรดาพี่น้องสามคน และก็นับว่าเป็นคนเดียวที่นอกคอกและแปลกแยกไปจากคนอื่น พ่อผมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน แม่เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ ม.ต้น พี่สาวจบมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ส่วนน้องชายตอนนี้เรียนครูอยู่ปีสาม

   คิดดู แล้วไอ้เหี้ยนักแต่งเพลงนี่ใคร ลูกคนข้างบ้านเหรอ

   ที่บ้านอยากให้ผมเป็นข้าราชการ หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็อยากให้เรียนในคณะที่จบมามีงานทำมั่นคง ซึ่งบอกเลยว่าผมไม่เข้าใจ จนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ

   สุดท้ายผมตัดสินใจเลือกสิ่งที่ตัวเองรักและเริ่มเดินทางตามความฝัน เมื่อมาไกลขนาดนี้แล้วก็ยากเกินกว่าจะบากหน้าไปขอเงินที่บ้านอีก ศักดิ์ศรีมันค้ำคอเกินไป

   วิธีเดียวที่ประทังชีวิตตัวเองให้อยู่รอดได้และไม่ลำบากคนอื่นคือขุดงานเก่าๆ ที่เคยทำออกมา ปรับเมโลดี้และแก้เนื้อเพลงใหม่ทั้งหมดเพื่อลองเอาไปเสนอทางค่ายดู ผลงานพวกนี้ผมเริ่มทำตั้งแต่สมัยเรียนเลยไม่เคยเอาไปเสนอให้ใครเพราะคิดว่ามันไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร แต่ตอนนี้กูไม่สนคุณภาพละ ปากท้องกูต้องมาก่อนเสมอ

   ผมใช้เวลาทั้งคืนในการคิดเนื้อร้องใหม่ ไม่กินข้าวกินน้ำ ไม่พาตัวเองไปนั่งใกล้เตียงเพราะกลัวจะเผลอหลับซะก่อน สุดท้ายเพลงที่ทำการเผามาตลอดทั้งคืนก็เสร็จตอนเที่ยงของอีกวันพอดี

   ผมรวบรวมไฟล์ที่ทำการอัดเสียงแบบง่อยๆ พร้อมเนื้อเพลงไปให้กับโปรดิวเซอร์ที่รู้จักผ่านทางอีเมล จากนั้นก็ได้เวลานอนสักที

   “เห้ออออออออ~”

   ก๊อกๆๆ

   ว็อท เดอะ ฟัคคคคคคคคคค

   ล้มตัวลงไม่ถึงสิบวิเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมดึงทึ้งหัวตัวเองอยู่บนเตียงด้วยความโมโหก่อนจะกระทืบเท้ามาเปิดประตูด้วยความไม่พอใจ พอเปิดมาเจอไอ้ยุคที่ถือของพะรุงพะรังตรงหน้ากูก็หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก

   “มาทำไมตอนนี้ ผมง่วง อยากนอนนนนนน” ผมพูดเสียงยานคางเป็นการเริ่มต้นบทสนทนา

   คนตรงหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอดหมวกแก๊ปออกจากหัวแล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “ใส่ชุดเดิมเลย ไม่ได้อาบน้ำเหรอคุณ”

   “อือ ไม่ได้นอนด้วย มีอะไรรีบๆ พูดมา ง่วงจนหนังตากระพือแล้วเนี่ยเห็นมั้ย” มันหัวเราะเบาๆ ก่อนแทรกตัวเข้ามาภายในห้องอย่างถือวิสาสะ มือหนาดึงลูกบิดล็อกประตูเช่นเดิมแล้วสาวเท้าไปยังห้องครัว

   “กินข้าวยัง” เจ้าตัวถาม ซึ่งผมก็เลือกส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ผมซื้อข้าวกล่องมาให้ กินก่อนแล้วค่อยนอนสิ”

   “ไม่เอาจะนอน”

   “ชยิน”

   “ง่วง ตอนนี้ง่วงกว่าหิวอีก”

   “ชยินอย่างอแง”

   กูนี่อยากลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อเห็นสายตาเอาจริงเลยจำต้องทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แล้วเท้าคางลงกับโต๊ะ สายตาจ้องมองการกระทำของคนตัวสูงที่กำลังหยิบกล่องข้าวออกมาจากถุงแล้วยื่นให้ตรงหน้า   

   “อะไรอ่ะ”

   “ข้าวผัดกุ้ง”

   “บอกแล้วว่าขี้เกียจแกะ ถึงจะเหลือแค่หางก็ไม่อยากแกะ” ผมพูดเสียงขุ่น

   “สั่งให้เขาเอาออกให้หมดแล้ว แค่ตักกินน่ะคุณ รีบกินรีบนอน”

   “แล้ววันนี้ว่างเหรอถึงมาหาผมได้” ปากถามแต่มือก็จับช้อนจ้วงข้าวใส่ปากอย่างเชื่องช้า เพราะเลือกไม่ได้ว่าจะกินหรือจะนอนดี

   “ผมว่างทุกวันแหละ วันนี้ออกไปซื้อของข้างนอกเลยแวะมาหา นั่งตัวตรงๆ นอนกินเป็นงูเลย”

   “สั่งๆๆ”

   เป็นแค่เพื่อนทำมาเป็นวางอำนาจ ถึงจะมาบอกชอบแต่ก็อย่าหวังจะได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่นนะเว้ย ในหัวคิดแบบนั้นแต่การกระทำตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง กูลุกขึ้นมานั่งตัวตรงทำไมวะเนี่ยยยยยยยย

   “น้ำมั้ย”

   “เอาน้ำเย็นๆ มาแก้วนึง”

   อีกฝ่ายพยักหน้า เดินตรงไปยังตู้เย็นพร้อมกับหยิบขวดน้ำเปล่าออกมา สรุปนี่ห้องกูหรือห้องมันวะเนี่ย รู้ดีอย่างกับเป็นเจ้าของ

   “แล้วทำไมถึงนอนดึก” น้ำที่ถูกรินใส่แก้วถูกวางไว้ด้านขวามือ ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงพลางตอบเสียงเรียบ

   “หาเงิน”

   “หมดตัวอ่ะดิ มีอะไรก็บอกผม เดี๋ยวให้ยืมเงินใช้ก่อน”

   “ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากรบกวนคนอื่น” ท้ายประโยคผมเน้นเสียงหนัก เพื่อให้ไอ้ยุคมันเข้าใจว่าสำหรับผมแล้วมันก็ยังไม่ใช่เพื่อนสนิทของผมอยู่ดี ทิ้งระยะห่างแบบนี้อ่ะดีแล้ว

   “แต่งเพลงออกแล้วเหรอ”

   “เอาเพลงเก่าที่เคยแต่งแล้วมาปรับใหม่ ช่วงนี้ต้องหาเงิน มีอะไรก็ทำๆ ไปก่อน นี่ก็เพิ่งส่งงานไป” พูดไปก็ตักข้าวใส่ปากไปด้วย เออ เจ้านี้อร่อยว่ะ แถมไม่เสียเวลาแกะกุ้งให้มือเปื้อนด้วย

   “เร่งทำขนาดนี้ไม่ดีหรอก คุณไม่ได้ทำมันด้วยแพชชั่น”

   “แพชชั่นอ่ะเคยมี ตอนนี้ไม่อยู่แล้วเพราะกินไม่ได้”

   “อ้าวงี้ถ้าคุณชอบใครสักคนก็ชอบที่เขาทำให้คุณมีกินมากกว่าตัวของเขาอ่ะดิ”

   “มันก็ไม่ใช่อย่างนั้น...”

   เปรียบเทียบซะกูดูเลวเลย

   “บางอย่างถ้ารู้ว่าเถียงไม่ชนะก็อย่าทำ” มันยิ้มอย่างเป็นต่อ ผมเลยส่งนิ้วกลางไปให้เป็นคำตอบ คราวนี้แม่งฉีกปากยิ้มกว้างกว่าเดิมอีกสัด

   “ชนะไม่ได้ตลอดหรอกคุณ”

   “เด็กน้อย”

   “เลิกเรียกแบบนี้ซะทีน่า ปีนี้ยี่สิบห้าแล้ว”

   “ก็เด็กจริงอ่ะ”

   ผมจิ๊ปากเสียงดัง แล้วหันมาก้มหน้าก้มตากินข้าวเพื่อจะได้ขอตัวไปนอนอย่างเต็มที่ และเหมือนไอ้ศตวรรษมันจะรู้เลยพูดดักทางไว้ก่อน

   “ค่อยๆ กินก็ได้ ถ้าข้าวติดคอผมไม่พาคุณไปโรง’บาลนะ”

   “หมดแล้ว ไม่ติดคอด้วย” ผมยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมากระดกจนหมด ก่อนจะเอ่ยปากไล่อย่างไม่รักษาน้ำใจ “คุณกลับไปเลย ผมจะนอน”

   “งั้นผมไม่รบกวนแล้ว คุณเองก็อย่าลืมแปรงฟันก่อนนอน”

   “รู้แล้วน่า” สั่งเป็นพ่อเลย

   เจ้าตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินตรงดิ่งไปหน้าประตูเพื่อสวมรองเท้าและตั้งท่าหมุนลูกบิดออกไป แต่ผมไวกว่านั้นรีบเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ทัน

   “คุณ! ลืมของอ่ะ” ไม่พูดเปล่า ยังชี้ไปที่ถุงซูปเปอร์มาเก็ตสองสามถุงที่วางอยู่บนโต๊ะด้วย

   “อันนั้นของคุณ ผมซื้อมาให้”

   “ได้ไง”

   “ซื้อมาแล้วขี้เกียจถือกลับ คุณเก็บไว้เถอะ”

   “เดี๋ยว!” ใบหน้าหล่อเหลาหันขวับ ผมจึงเรียบเรียงคำพูดในหัวอยู่พักใหญ่ ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปดีมั้ย แต่ตามธรรมเนียมแล้วมันก็ควรบอก...

   “มีอะไร”

   “ขอบคุณนะ ที่ซื้อข้าวมาให้” สุดท้ายก็พูดออกไป คนตรงหน้าคลี่ยิ้ม หยิบหมวกขึ้นมาสวม เอ่ยตอบด้วยเสียงราบเรียบเหมือนทุกที

   “ก็บอกแล้วไงว่าผ่านมาเฉยๆ ไปนอนได้แล้วเด็กน้อย”

   “ไม่เด็กโว้ย”

   “เด็กน้อย”

   “โว้ยยยยยยยยยย”

   ผมกระทืบเท้าด้วยความโมโห ก่อนอีกฝ่ายจะปิดประตูหนี ทิ้งให้ผมหงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อสงบสติอารมณ์ได้สักพักก็รีบเดินมาแหวกถุงบนโต๊ะดู แล้วก็พบว่าในนี้เต็มไปด้วยของกินที่ดีต่อกระเพาะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล่องเวฟที่ง่ายต่อการกิน ขนมปัง นม น้ำผลไม้ ช็อกโกแลต เยลลี่กับมาร์ชเมลโล่มันก็ซื้อมา 

   ง่ายๆ เลยมึงยกซูปเปอร์ฯ มาไว้ที่ห้องกูเลยดีกว่า

   แล้วนี่กูเป็นอะไรเนี่ย จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมา มึงดีใจเหรอชยิน ใครก็ไม่รู้ซื้อของกินให้เนี่ย เอาของกินมาล่อเหมือนเด็กเนี่ย ผมถามตัวเองในใจก่อนจะตอบตัวเองเบาๆ

   อือ...ดีใจ อย่างน้อยก็ได้กินฟรี










   ผมนอนไม่หลับ จากที่ง่วงมากๆ ตอนนี้ตาสว่างเฉยเลย

   ได้แต่นอนพลิกตัวไปมาอยู่เกือบชั่วโมง จนต้องยกธงขาวยอมแพ้ จิตใจมันกำลังว้าวุ่นเพราะใครบางคน

   จะบอกว่าไอ้ยุคเป็นผู้ชายคนแรกที่เข้ามาสารภาพรักผมมั้ย ตอบเลยว่าไม่ ตอนอยู่มหา’ลัยนอกจากสาวๆ แล้วก็ดันมีผู้ชายหน้ามืดบางคนเข้ามาหาผมเหมือนกัน ไม่รู้แม่งใช้อะไรมอง แต่ทุกครั้งที่ปัดปฏิเสธผมไม่เคยรู้สึกตกค้างหรือรู้สึกผิดอยู่ในใจเลย แล้วทำไมตอนนี้มันดันตรงกันข้ามไปซะหมด

   ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย มั่นใจว่าอย่างนั้น

   ความคลางแคลงใจส่งผลให้ข่มตาหลับไม่ได้ ดังนั้นผมจึงทำใจกล้าอีกครั้ง เพื่อจะได้นอนหลับสบายสักที

   คิดแล้วก็พุ่งลงไปรื้อค้นกรุเก็บของสะสม จัดมาให้หมดครับทั้งหนัง AV ที่เคยซื้อ การ์ตูนปลุกใจชายโฉด 20+ แล้วหอบทั้งหมดขึ้นเตียงพร้อมกับแมคบุ๊กลูกรัก

   เอาวะ! ในเมื่อนอนไม่หลับก็ต้องทำกิจกรรมสโตรกกันยาวๆ แม่งเลย

   เมื่อวานดูภาพพวกนี้ก็ยังรู้สึกเร้าอารมณ์อยู่ วันนี้หวังว่ามันคงจะได้ผลเหมือนทุกครั้ง ผมหยิบแผ่นหนังใส่เข้าไปในเครื่อง ตั้งหน้าตั้งตาดูอย่างจดจ่อ

   หน้าอกหน้าใจเธอนั้นหนอ...

   ตูดที่ดูอวบอิ่มชวนน้ำลายสอนั้นหนอ...

   ไม่ช่วยอะไรเลย

   เหมือนตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์อย่างว่าเลยว่ะ ดูหนังจนหมดแผ่น เปิดการ์ตูนปลุกเร้าอีกเป็นชั่วโมงก็ไม่ช่วยอะไร สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปเพราะเหนื่อยกับความพยายามที่มากเกินไปจนได้











   “ชยิน...”

   “อือ อย่ายุ่ง ง่วง”

   “ชยินตื่นได้แล้ว”

   เสียงของใครบางคนลอยวนอยู่ใกล้หู ด้วยความรำคาญเลยดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดเพื่อหลีกหนีเสียงนั้น ซึ่งก็ไม่เคยได้ผลเมื่ออีกฝ่ายดึงมันออกแล้วตรึงไหล่ของผมไว้กับเตียงจนไม่สามารถขยับตัวได้

   “ปล่อยเลย ใครเนี่ย”

   ผมค่อยๆ ปรือตาขึ้น รู้สึกหงุดหงิดที่ถูกรบกวน แต่เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้แล้วร่างกายก็กระตุกด้วยความตกใจ เพราะคนตรงหน้าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไอ้ยุค

   “คะ...คุณเข้ามาในห้องผมได้ยังไง เป็นโจรเหรอ”

   “เข้ามาปลุกคุณไง”

   “ปลุกแล้วก็ปล่อยสิ”

   ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุเพราะนอกจากมันจะไม่ปล่อยแล้วยังมีหน้ามาปั้นยิ้มกวนตีนใส่อีก เชี่ยแล้วชยิน ได้แต่ดิ้นขลุกขลักในการควบคุมของร่างหนาเท่านั้น

   “เด็กน้อย”

   “เลิกเรียกเด็กน้อยสักที ลุกออกไปจากเตียงผมเลย”

   “เด็กน้อยชอบเอาแต่ใจ”

   จมูกสันโด่งโน้มเข้ามาใกล้ใบหน้าของผมเรื่อยๆ จนต้องเผลอกลั้นหายใจ แต่แทนที่จะหยุดเพียงเท่านั้นอีกฝ่ายกลับเคลื่อนลงมาจนปลายจมูกสัมผัสกัน เขาเอียงหน้า ใช้ริมฝีปากแตะประกบกับริมฝีปากของผมจนไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้

   รู้แค่ว่าการกระทำอุกอาจทำให้ผมตั้งตัวไม่ทัน ร่างกายไม่แม้แต่จะดิ้นเพื่อขัดขืน รับรู้เพียงความนุ่มจากริมฝีปากที่สัมผัสลงมาเริ่มอ่อนโยน ละมุนละม่อม ปลายลิ้นร้อนค่อยๆ แทรกเข้ามาในโพรงปากของผม เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อจนขนลุกซู่

   มือหนาที่กดอยู่บนไหล่เริ่มเคลื่อนต่ำลง ปัดป่ายไปตามร่างกายจนถึงพื้นผิวใต้กางเกง

   “อะ...” ผมเผลอคลางออกมาเมื่อฝ่ามือหนาลูบวนอยู่บริเวณที่อ่อนไหวต่อความรู้สึก ขณะริมฝีปากของเราทั้งคู่ยังสัมผัสกันอยู่

   ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ประเดประดังเข้ามาไม่หยุด ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้แม้ตอนฝ่ามือของอีกฝ่ายกำส่วนนั้นของผมเอาไว้ด้วยความหนักเบาสลับกันไป

   “ยุค...ยุค...”

   Rrrr..!

   “ยุค...อือออออ”

   Rrrr..!

   เฮือก!!

   ผมกระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง มองตามเสียงที่ดังกังวานจนแสบแก้วหูก่อนจะพบว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่ากำลังสั่นครืดอยู่บนหัวเตียง

   สายตามองไปโดยรอบเพื่อสำรวจ ไม่มีไอ้ยุค ไม่มีการจูบดูดดื่มอะไรเกิดขึ้น ผมแค่นอนอยู่บนเตียงคนเดียว และกำลังค้นพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากหลับไปตั้งแต่ช่วงกลางวัน

   มือติดสั่นรีบตลบผ้าห่มที่เกาะอยู่บนตัวออกไป ก้มหน้ามองช่วงล่างที่ยังสวมกางเกงนอนอยู่ด้วยใจสั่นสะท้าน

   ดูหนังโป๊ไม่รู้สึก ฝันถึงไอ้ยุคกางเกงเปียกเลย...

   “ไม่จริงอ่ะ”

   สองเท้ารีบลุกเดินเข้าห้องน้ำ ไม่สนแม่งแล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ พอมองหน้าตัวเองในกระจกก็เห็นว่ามันกำลังซีดเป็นตีนไก่ หัวใจยังคงกระหน่ำรัวไม่หาย เหงื่อเม็ดโตผุดซึมเต็มกรอบหน้าและแผ่นหลังจนรู้สึกแสบ

   “บ้าเอ๊ย!”

   เอาจริงดิ ผมรู้สึกกับไอ้ยุคจริงดิ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ

   ตลอดชีวิตยี่สิบห้าปี ผมไม่เคยฝันถึงผู้ชายถึงเรื่องอย่างว่าเลยสักครั้ง หรือเป็นเพราะหนังที่เปิดดูทำให้เกิดภาพหลอนติดตากันแน่ ใช่! อาจจะเป็นแบบนั้น ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้ยุคหรอก ร่างกายแค่มีกลไกตามปกติอย่างที่มันควรจะเป็นเท่านั้น

   คิดเข้าข้างตัวเองจนสบายใจจบก็เปิดน้ำล้างหน้าให้สดชื่นและเปลี่ยนกางเกงซะใหม่ เปียกขนาดนี้เดี๋ยวจะรู้สึกผิดต่อตัวเอง มึงฝันได้ไงชยิน บ้าบอว่ะ

   ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ คว้ามือถือที่แผดเสียงดังหลายครั้งขึ้นมาก็เห็นว่ามิสคอลสี่ห้าสายที่ค้างอยู่เป็นของไอ้เบิร์ด โทรมาหาหอกทำไมตอนเที่ยงคืนวะ และพอต่อสายหาผมก็ได้รับการด่ากราดกลับมาทันที

   [ควาย ทำไมไม่รับโทรศัพท์กู นึกว่าตายอยู่ที่ห้อง ทำอะไรอยู่วะ]

   “ทำอะไร...กะ...กูไม่ได้ทำอะไร”

   กูไม่ได้ฝันเปียกนะ...

   [แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์]

   “กูหลับ”

   [มึงเคยนอนเวลานี้ด้วยเหรอ ตอแหลน่า] ถึงกับกรอกตาด้วยความเอือมระอา ขอโทษที่ปกตินอนเกือบเช้า วันนี้อยากนอนก่อนเพื่อนมันดันไม่เข้าใจอีก

   “รีบเข้าประเด็นมาเลย เดี๋ยวกูจะหาอะไรกินแล้วกลับมานอนต่อ” 

   [เออใจร้อนฉิบหาย คืองี้ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดเพื่อนกู เห็นมึงเหงาเลยอยากชวนมาปาร์ตี้กัน]

   “เพื่อนคนไหน”

   [เพื่อนต่างโรงเรียนสมัย ม.ปลายอ่ะ มึงคงไม่เคยเจอ]

   “นั่นสิ ไม่เคยเจอแล้วจะชวนไปทำไม อีกอย่างกูไม่มีตังค์ซื้อของขวัญให้เพื่อนมึงหรอกนะ”

   [มึงห่วงเรื่องนี้เหรอวะชยิน มึงไม่ต้องซื้ออะไรมาเลย ไอ้เจ้าของวันเกิดมันไม่ว่าหรอก อีกอย่างถ้ามาเจอคนเยอะๆ มึงอาจได้ไอเดียใหม่ๆ ในการทำเพลง แถมไม่อุดอู้อยู่แค่ในห้องด้วยนะเว้ย]

   “กูไม่รู้จักใครเลยทำไมต้องไปด้วยวะ”

   [ไอ้ท็อปก็ไป]

   “อ้าวเหรอ แล้วไอ้ยุคล่ะ”

   [เห็นบอกว่าไม่ไปนะ]

   “เดี๋ยวดูอีกที”

   [ไม่ต้องดู สรุปมึงคอนเฟิร์มแล้วนะ แค่นี้แหละ ไปหาอะไรแดกได้เลย]

   “ไอ้เบิร์ดกูยัง...”

   พูดไม่ทันจบประโยคแม่งตัดสายใส่ละ นรกมีจริงๆ นะครับ มันเนี่ยแหละตัวดีเลย...

    จะให้ผมไปงานวันเกิดของคนที่ไม่เคยเจอหน้า ไม่รู้จัก แถมยังเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที แค่คิดก็ประสาทจะแดกแล้วครับ และเกลียดมากเวลาคิดเยอะทีไรกระเพาะจะทำงานหนักกว่าปกติทุกที หิวขึ้นมาเฉยเลย...

   ผมเดินไปยังครัวเล็กๆ เปิดตู้เย็นที่ใส่ของกินที่ไอ้ยุคซื้อมาให้จนเต็มตู้ออกมา มองแล้วน้ำตาจะไหล ชีวิตผมไม่เคยมีของกินเต็มตู้มานานเท่าไหร่แล้ว นี่ครั้งแรกในรอบหลายปีเลยนะเนี่ย ฮืออออ

   ซาบซึ้งกับของกินตรงหน้าจบก็หยิบเอาอาหารกล่องง่ายๆ ออกมาเวฟ นั่งกินมันเงียบๆ จนอิ่ม จากนั้นก็ดึงขนมบางส่วนเข้าไปกินในห้อง

   มือกดเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องที่มักใช้งานประจำออกมา แล้วล็อกอินเข้าไปในโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น หลายวันมานี้ผมไม่ได้คุยกับไอ้หมีใหญ่เลย เพราะมันหายไป ไม่ตอบข้อความที่ค้างไว้แม้แต่น้อย วันนี้เลยจะวัดดวงอีกสักรอบ และผมก็เห็นว่าคนที่ตั้งหน้าตั้งตารออยู่ในสถานะ Available

   แถมมันยังตอบข้อความที่ค้างทั้งหมดของผมได้เพียงประโยคเดียว


   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   กูไม่ว่าง วันๆ จะให้เล่นด้วยตลอดเหรอ


   มึงเคยคิดจะพูดดีกับกูสักครั้งมั้ยไอ้หมีใหญ่


   Chayin says…      แล้วทำไมตอนนี้มาได้ล่ะ กระแดะออนทำไม
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ออนให้หมาถาม
   Chayin says…      สัด!!
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ʕ→ᴥ←ʔ
   Chayin says…      มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องด้วยอีโมติคอนกากๆ
    0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   คิดถึงก็บอกสิ
   Chayin says…      ใครคิดถึงมึง ช่วงนี้กูมีเพื่อนเยอะ แทบไม่ว่างเปิดคอมแน่ะ
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   แล้ววันนี้เพื่อนไปไหน
    Chayin says…      อย่าย้อนได้ป่ะ พรุ่งนี้กูก็ไม่ว่างคุยกับมึงอีก
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   ไปตายเหรอ


   กูไม่น่ารับแผ่นโปรแกรมจากไอ้เบิร์ดมาเลย ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอคนเหี้ยๆ แบบนี้ในชีวิต พูดอะไรไปโดนย้อนตลอด นี่ขนาดไม่ได้คุยกันหลายวันแม่งก็ยังลากกูมาด่าได้นะ

   ผมไม่รู้ว่าไอ้หมีใหญ่คนนี้เป็นใคร คุยกันมาก็หลายต่อหลายครั้งแต่ไม่เคยรู้อะไรมากกว่านั้นสักนิด ชื่อก็ไม่รู้ รู้แค่อายุกับคณะที่มันเรียน แถมที่บอกมาจริงหรือหลอกก็ไม่แน่ใจ

   บางทีเด็กสิบขวบอาจจะขโมยแผ่นมานั่งเล่นกับกูก็ได้ใครจะไปรู้


   Chayin says…      มึงสิตาย กูจะไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน
   0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   เหรอ กูก็มีเหมือนกัน
   Chayin says…      พูดจริงพูดเล่น
    0 8 3 2 / 6 7 6 Say…   จะหลอกมึงให้ได้อะไร แค่ที่โง่ทุกวันนี้ก็น่าสงสารแล้วนะ


   สงครามด่ากราดเริ่มขึ้นหลังจากนั้น เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงที่ทำให้รู้สึกเปลืองพลังงานชีวิตฉิบหาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย

   หนึ่งคือผมมีเพื่อนคุยด้วย เพราะปกติเวลานี้หลายๆ คนก็คงหนีกันไปนอนหมดแล้ว สุดท้ายผมก็ต้องใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับตัวเอง

   สอง ไอ้หมีใหญ่กวนตีนก็จริง แต่ตอนที่อยากจริงจังมันก็คุยเรื่องมีสาระกับเขาเป็นนะ

   สาม นิสัยบางอย่างของมันเหมือนกับผม ไม่รู้ดิ เราอาจเป็นคนเหงาไทป์เดียวกันเลยเข้าใจกันมากขึ้น

   หลายอย่างประกอบกันขึ้นมา นี่คือส่วนที่ดีอีกส่วนหนึ่งในชีวิตปีชงของผม และคงรู้สึกเสียใจน่าดูถ้าอีกไม่นานนี้ผมกับมันจะไม่ได้คุยกันอีก

   คิดแล้วก็เศร้า จกขนมแดกแป๊บ

   ผมไม่รู้จะหลอกถามชื่อหรือคอนแท็กอื่นๆ จากมันก่อนโปรแกรมหมดอายุได้มั้ย รู้แค่ว่าตอนมันอยู่ ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงมัธยมฯ อีกครั้ง

   ตอนที่ยังเป็นเด็ก และมีเพื่อนอยู่ในวงโคจรของชีวิต












   วันนี้เป็นวันดี

   ต้องบอกว่าดีเกินคาดเพราะโปรดิวเซอร์แกบอกว่าเพลงที่ผมเผาเสร็จในหนึ่งคืนมันออกมาดีมาก ดังนั้นทางค่ายจึงตัดสินใจซื้อเพลง ‘จำจนลืม’ ไปก่อนในราคาไม่ถึงหมื่น เอาวะ! กำขี้ดีกว่ากำตด

   แต่กว่าจะได้เงินก็อีกนาน ผมจึงใช้ความสนิทสนมกับโปรดิวเซอร์เพื่อขอเงินมาใช้ก่อน ความโชคดีต่อที่สองคือแกบอกว่าไม่มีปัญหา หลังจากนั้นสองชั่วโมงผมก็ได้กอดยอดเงินในบัญชีให้อุ่นใจจนน้ำตาแทบไหล

   ความอารมณ์ดีส่งผลให้การแต่งตัวก่อนไปปาร์ตี้ของผมค่อนข้างจัดเต็ม ทั้งเซตผม หาเชิ้ตเหมาะๆ มาใส่ แถมไม่ลืมสวมแจ็กเก็ตหนังสีดำไปด้วย ง่อววววววว

   พอไปถึง...

   “เบิร์ด”

   “อะไร”

   “มึงว่า...กูลืมอะไรไปหรือเปล่าวะ”

   “คิดว่านะ”

   ผมกับไอ้เบิร์ดนั่งอยู่ตรงโซฟาภายในงาน ปาร์ตี้ฉลองวันเกิดจัดในคอนโดของเจ้าภาพ ไอ้เบิร์ดนัดผมมาเจอที่นี่เมื่อสิบห้านาทีก่อน แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปในงานถึงเพิ่งรู้

   เขามาในธีมเสื้อยีนส์ ถึงแม้เมพเบิร์ดจะไม่รู้ว่าเขาระบุธีมไว้ก่อนแล้ว แต่กางเกงมันก็ยังมีความเป็นยีนส์อยู่ กูนี่สิ เชิ้ตสีแดง แจ็กเก็ตหนัง กางเกงสแลค นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนไอ้เบิร์ดเขาคงนึกว่ากูเป็นคิงส์แมน สาดดดดดดดดดด

   “เอาน่า ไม่มีใครสนใจมึงหรอก” อีกฝ่ายเอ่ยปลอบเสียงอ่อย

   “มึงก็พูดได้สิ กางเกงมึงไม่ได้ทรยศเหมือนกูหนิ”

   “เด่นออก”

   “เด่นพ่อง”

   “อย่านอยด์ๆ เดี๋ยวกูพาไปเจอเจ้าของวันเกิด” จากนั้นเพื่อนรักมันก็ลากผมไปที่ระเบียงซึ่งมีคนสองคนยืนอยู่ การมาของผมทำให้ผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งหันมายิ้ม

   “เฮ้ยเบิร์ด ดีใจเว้ยที่มึงมา” น้ำเสียงนั้นทุ้มต่ำ เค้าโครงหน้ารูปไข่ จมูกสันโด่ง ปากงี้เป็นรูปกระจับเลย ยิ่งมองยิ่งเห็นออร่ากระจายไปทั่วตัว ฉิบหาย ไอ้เบิร์ดแม่งรู้จักคนที่ดูดีขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “ดีใจเหมือนกันที่ชวนกู แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะ นี่ของขวัญ” มือขาวยื่นกล่องของขวัญให้ คนตรงหน้ารับไปพร้อมเอ่ยขอบคุณก่อนจะเบี่ยงสายตามามองผม

   “แล้วนี่...”

   “อ๋อเพื่อนสนิทที่โรงเรียนกูเอง ชื่อชยิน มันเป็นนักแต่งเพลงที่เก่งมากนะเว้ย เออชยินนี่เพื่อนกูชื่อริว เพื่อนแม่งชอบเรียกสหรัฐ อยากเรียกแบบไหนก็ตามสะดวกเลย” การแนะนำตัวโดยคร่าวจบลง ผมยื่นกล่องปากกาที่ซื้อเป็นของขวัญให้อีกฝ่าย พร้อมกับเอ่ยประโยคที่โคตรธรรมดา

   “สุขสันต์วันเกิดครับ และยินดีที่ได้รู้จัก”

   “ยินดีมากคุณ หิวกันมั้ย หาอะไรกินก่อนได้ ข้างในมีเพียบเลย เครื่องดื่มก็บริการตัวเองได้เต็มที่” ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนเดินตามเจ้าของวันเกิดเข้าไปภายใน

   ความรู้สึกตอนนี้เหรอ อยากมุดหน้าลงดินแล้วหายไปฉิบหาย

   เสียเซลฟ์มากเพราะเหมือนตัวเองแปลกแยก เขายีนส์ทั้งตัวเลยมึงเอ๊ย ดังนั้นหลังจากหาเบียร์จิบได้สักพักเลยหลีกเลี่ยงสายตาทุกคนไปอยู่ในห้องน้ำ ถอดเสื้อหนังออกแล้วจ้องมองตัวเองในกระจก

   ปาร์ตี้ที่จัดแน่นอนว่าคนไม่ได้เยอะมาก นับคร่าวๆ ก็ประมาณยี่สิบคน แต่มั่นใจเลยว่าไอ้ยี่สิบคนนี้จะต้องมีคนที่หัวเราะกูบ้างล่ะ คิดแล้วก็อยากหนีกลับไปก่อน ถ้าไม่ติดว่าเชี่ยเมพมันขอให้อยู่เป่าเค้กก่อนนะ กูไม่อยู่แล้ว

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมได้สติอีกครั้งเลยเดินไปเปิดประตูเพราะกลัวว่าคนอื่นจะอยากทำธุระบ้าง แต่ไม่เลย ทันทีที่เปิดประตูออกไป คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับเป็นไอ้ยุค

   “คุณ...มาได้ไง” ตอนที่เห็นมัน ผมทั้งตกใจและดีใจไปพร้อมๆ กัน

   “มากับไอ้ท็อป อีกอย่างไอ้ริวเป็นเพื่อนผม”

   “ฮะ!”

   โลกแม่งจะกลมไปไหนวะ

   “ไม่ต้องมาทำตาโตเด็กน้อย เข้าไปอยู่ในห้องน้ำทำไมตั้งนาน”

   “ไม่มีอะไร แค่...”

   ในหัวของผมกำลังคิดหาข้อแก้ตัวไปสารพัด แต่ในวินาทีนั้นมือหนาก็หยิบเสื้อยีนส์ตัวหนึ่งขึ้นมาคลุมไหล่ของผมให้ กลิ่นไอที่ได้รับจากเสื้อตัวนี้ทำให้ผมรู้ในทันทีว่าเป็นของคนตรงหน้า

   “ดีขึ้นหรือยัง” มันถาม แต่ผมไม่รู้จะตอบอะไร นอกจากมองดูอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า นี่คงเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมเห็นไอ้ศตวรรษสวมเสื้อสีอื่นที่ไม่ใช่ขาวกับดำ และดูเหมือนแจ็กเกตยีนส์จะเข้ากับมันค่อนข้างมาก

   “แล้วรู้ได้ไงว่าผม...”

   “เบิร์ดโทรหาไอ้ท็อป แต่ตอนนั้นผมอยู่กับมันเลยเอาเสื้อมาให้แทน”

   “ขอบคุณ”

   “ออกไปข้างนอกเถอะ อยู่ในส้วมไม่เหม็นหรือไง”

   ผมถูกรั้งออกมาด้านนอกพร้อมความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า หลายคนกล้าเข้ามาทำความรู้จักผมมากขึ้น จากตอนแรกแม่งต่างคิดว่ากูหยิ่ง

   กูไม่ได้หยิ่งงงงงงง กูแค่อาย
   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 15-12-2017 23:30:17

   ไอ้ยุคยืนคุยกับเจ้าของวันเกิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปคุยกับไอ้ท็อปอีกทาง ไอ้เบิร์ดก็เต้นแร้งเต้นกาไปกับเพลงของวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังแบบลืมตาย ผมเลยปลีกวิเวกมาหาความสงบตรงระเบียง จนกระทั่งไอ้คุณริวเดินตามมา

   “อาหารอร่อยมั้ย” เสียงที่เป็นเอกลักษณ์เอ่ยขึ้น ผมพยักหน้า

   “อร่อยครับ”

   “ดีใจนะที่คุณมา”

   จำเป็นต้องสุภาพกับกูขนาดนี้มั้ยเนี่ย

   “ขอบคุณที่ไม่ถือสา แม้ผมจะเป็นเพื่อนของเพื่อนคุณอีกที” คนข้างๆ หัวเราะ เท้าแขนลงกับราวระเบียง ในมือถือแก้วเหล้าเอาไว้พลางแกว่งไปมา

   “ไม่ต้องพูดสุภาพหรอก ใช้กูมึงได้ จริงๆ กูก็เป็นคนกวนตีนอ่ะ”

   “กะ...กูก็กวนตีนเหมือนกัน”

   “เป็นนักแต่งเพลงเหรอ เพลงรักที่เธอเคยมีกูก็ฟังนะ เพราะมาก”

   “ขอบคุณ”

   ดีใจว่ะ มีคนฟังเพลงผมด้วย รู้สึกชนะยังไงไม่รู้

   “ทำเพลงก็ต้องรู้จักคนในวงการเพลงเยอะน่ะสิ รู้จักเดอะทอยมั้ย”

   “เคยเจอกันบ้าง แต่ไม่ได้สนิท”

   “เพื่อนแม่งชอบเดอะทอยมาก แต่กูชอบมึงมากกว่า”

   บึ้ม!!

   ชมกันโต้งๆ แบบนี้กูก็เขินสิวะไอ้ริวววววว สาบานได้ว่าเราเพิ่งรู้จักกัน ดูท่าแล้วคงคารมดีและค่อนข้างเจ้าชู้เพราะเซ็กซ์แอพพีลเล่นสูงซะขนาดนี้ ถ้ากูเป็นผู้หญิงจะไม่รอช้าเลย เตะตัดขาลากเข้าห้อง

   “ขอบคุณนะที่ชอบ ว่าแต่มึงเถอะทำงานอะไร” ถามแต่กูขอเสือกเรื่องชาวบ้านบ้างน้า

   “ยังเรียนอยู่ เป็น Resident” ผมทำหน้างง เจ้าตัวจึงขยายความเพิ่ม “เป็นหมอน่ะ เรียนต่อเฉพาะทางด้านจิตเวชศาสตร์” โอ้โหโพรไฟล์ดีไปอีก ดูที่กูซิ ไม่มีอะไรเลยแม้แต่ข้าวประทังกระเพาะ

   “เรียนที่ไหนอ่ะ”

   “B จบหกปีที่นี่ ไม่ต้องใช้ทุนก็เรียนต่อได้เลย”

   “ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยนี่มันดีเนอะ”

   “มึงก็เหมือนกัน”

   ถ้าได้รู้ความจริงเบื้องลึกมึงจะไม่พูดแบบนี้ กรอบตั้งแต่หัวจรดเท้า ว่างงานนานจนหลายคนขนานนามว่าหนุ่มสันโดษ คือกูไม่ได้สันโดษเลย ที่ไม่ยอมออกไปไหนเพราะไม่มีเงินต่างหาก

   เดดแอร์เข้าแทรก เหมือนต่างคนต่างไม่รู้จะคุยอะไรกัน ได้แต่มองมือหนาที่แกว่งเหล้าในแก้วไปมา ปล่อยเบลออยู่หลายนาทีกว่าอีกฝ่ายจะหาประเด็นคุยได้อีก

   “คืนนี้ดาวสวยเนอะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสนิท แต่ในความมืดนั้นมีแสงระยิบระยำจากดาวอยู่เต็มไปหมด

   “อืมสวย กูชอบดูแต่ไม่รู้จักอะไรมันเลย” ง่ายๆ คือโง่นั่นเอง

   “เหรอ ตรงนั้นที่สว่างมากๆ คือดาวเหนือ” เขาชี้ไปบนท้องฟ้า ผมมองตามปลายนิ้วนั้นก่อนเอ่ยขึ้น

   “มันเป็นดาวดวงเดียวที่รู้จักเพราะหาง่ายที่สุด”

   “ใช่” เจ้าตัวตอบก่อนจะร่ายความรู้ให้ฟังยาวเหยียด “แต่ในบางวันถ้าหามันไม่เจอก็ดูจากกลุ่มดาวหมีใหญ่หรือแคสสิโอเปียได้”

   “หมีใหญ่...” ผมพึมพำ

   “ใช่ M14 ในนั้นมีดาวเด่นๆ คือ PC 0832/676”

   ไม่มีใครเคยพูดเรื่องนี้กับผมนอกจากไอ้หมีใหญ่ใน MSN แต่ทำไมอีหมอริวถึงได้รู้เรื่องนี้จังวะ ความสงสัยค่อยๆ จู่โจมทุกขณะ สมองเริ่มประติดประต่อเรื่องราวทุกอย่างเข้าด้วยกัน

   “ทำไมถึงรู้จัก PC 0832/676”

   “เพราะมันเป็นดาวที่อยู่ไกลที่สุดในระนาบดาราจักร และกูชอบศึกษาอะไรที่มันเป็นที่สุดเสมอ” เริ่มใกล้เคียงละ แต่ยังไม่ปักใจเชื่อ

   “ริว ขอตัวแป๊บนะ” ไม่รอให้อนุญาตผมก็วิ่งไปหาไอ้เบิร์ดที่กำลังเต้นลืมตายอยู่บนฟลอร์ มันหันมามองหน้าแบบงงๆ ขณะที่ผมรัวคำถามใส่ไม่หยุด

   “เชี่ยเบิร์ดเรื่องแผ่นโปรแกรม MSN ของมึงอ่ะ มึงเคยเอาให้หมอริวมั้ย ถ้าให้แล้วตอนที่มึงถามว่าใครคือหมีใหญ่มึงตอบว่ายังไง”

   “สัดชยินเป็นห่าอะไรเนี่ย” มันโวยวายเมื่อผมขัดจังหวะ

   “ตอบก่อนสิวะ”

   “เออกูเอาแผ่นโปรแกรมให้มัน และตอนที่ถามมันก็บอกไม่รู้ จบยัง”

   บิงโก!! ต้องใช่แน่ๆ

   เนียนจังนะไอ้หมีใหญ่

   แถมตอนคุยเอ็มกันเมื่อคืนมันก็บอกด้วยว่ามีปาร์ตี้วันเกิด ไม่คิดไม่ฝันว่าความจริงแล้วมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย คนที่พยายามตามหามานานสุดท้ายก็ได้รู้แล้ว

   เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยว่ะ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตามตัวมันอีกแล้วในเมื่อรู้ว่ามันเป็นหมอ แถมยังเป็นมหา’ลัย B อย่างที่มันเคยบอกเอาไว้ด้วย เรื่องศิลปกรรมที่จบมาก็คงเป็นเรื่องโกหก

   ผมเดินผิวปากออกมาจากฟลอร์เต้น เห็นไอ้ยุคนั่งอยู่ตรงโซฟาเลยไปนั่งเบียดด้วย   

   “ทำอะไรอ่ะ”

   “ไม่มีอะไร ผมแค่หาอะไรอ่านนิดหน่อย”

   ผมขยับเข้าไปนั่งให้ใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น พยายามโน้มหน้าเข้าหาจอมือถือ แต่ไอ้ยุคกลับเบี่ยงมือหลบราวกับไม่เต็มใจจะให้ดู

   “มีความลับอะไร คุณบอกผมมาเลย”

   “แน่ใจเหรอว่าอยากฟัง”

   “ก็พูดมาสิ” ได้ยินเสียงถอนหายใจของคนข้างๆ ดังขึ้นมาเฮือกหนึ่ง ก่อนมือหนาจะเลื่อนมือถือไปมาแล้วเริ่มออกเสียงอ่าน

   “ร่างกายของผมราวกับถูกกระแสไฟฟ้านับร้อยโวลต์ช็อต ยามส่วนแข็งขึงแทรกเข้ามาในร่างกาย ยุคปล่อยผม อ๊ะอ๊ะ อาาาาาาา~”

   หน้าของผมร้อนผ่าวหลังจากได้ยินประโยคสยิวนั้น

   ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย

   มีทุกอย่างยกเว้นความมั่นใจ

   “หยุด หยุดอ่านเดี๋ยวนี้!” ผมรีบเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์จากมือหนา ไอ้ยุคปล่อยให้ผมแย่งมาอย่างง่ายดายก่อนจะหัวเราะชอบใจ

   “ก็คุณบอกให้ผมเล่าให้ฟัง นี่ยังไม่จบเลยนะ”

   “เลวจริงๆ บอกว่าห้ามอ่านไง”

   “ก็คนเขียนแต่งมาแล้วไม่อ่านก็ดูจะแล้งน้ำใจกันไปหน่อย” ไม่รู้ว่าสีหน้าของผมตอนนี้เป็นยังไง แต่มันคงแดงก่ำมากเพราะรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าว โกรธจนตัวสั่นอ่ะคิดดู

   “ลบออกจากมือถือเดี๋ยวนี้เลย”

   “อะไร ในเรื่องคุณก็เสนอให้ผมเอง มาถึงก็ขึ้นขย่มผมไม่หยุด นี่ยังมาใช้อำนาจสั่งลบอีกเหรอ ผมฟ้องปวีณาแน่”

   ปวีณาบ้านป้ามึงสิ!

   “โอ๋เด็กน้อย โกรธเหรอ” มันเอื้อมมือมาจับแก้มผม

   “ไม่ต้องมายุ่ง”

   “อ่ะ ต่อไปไม่อ่านแล้ว ไม่อ่านให้ได้ยิน”

   “ยังจะกวนตีนอีก”

   ผมลุกขึ้นเต็มความสูง ตั้งท่าจะตบกะโหลกแม่งให้ยุบแต่สุดท้ายก็จำต้องลดมือลงเมื่อไอ้หมอริวเดินเข้ามา ผมจึงโยนมือถือให้ไอ้ยุคแล้วเดินไปหาหมีใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์แทน
   







   เดี่ยวศตวรรษ...

   เดินไปแล้ว

   ผมไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโห เออ ยอมรับก็ได้ว่าอยากแกล้งไม่คิดว่าชยินจะโกรธจริง แถมตอนนี้ยังทำหน้างอง้ำเดินไปหาเพื่อนที่เป็นเหมือนศัตรูของผมอีก

   ไอ้ริวเป็นเพื่อนสมัยมัธยมฯ ของผมแต่เรียนคนละห้อง จะเรียกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมายังได้ มันเรียนสายวิทย์ ส่วนผมอยู่สายศิลป์ เราแข่งกันในทุกเรื่องตั้งแต่ ม.ต้น

   ตอนสมัครประธานนักเรียนก็แข่งกันสุดตัว เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึง เชือดเฉือน แต่ระดับมันสมองถือว่าห่างกันมาก ของมันชื่อพรรคเพื่อเธอ ของกูเหรอพรรคและผลไม้

   ห่า...แทบไม่มีใครกา

   “เด็กน้อยมึงแจ้นไปหาเขาแล้วนั่น เหมือนจะสนิทกันไวด้วยนะ” ฝ่ายกองกำลังเสริมเดินมาเย้ย

   ผมชูนิ้วกลางใส่ไอ้ท็อป แต่เจ้าตัวก็ดูไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่นัก มันนั่งข้างผม เอื้อมมือมาตบบ่าปลอบใจแต่สีหน้าที่แสดงออกนั้นกลับเต็มไปด้วยความขบขัน

   กับไอ้ท็อปเราเพิ่งสนิทกันก็จริง แต่ความสัมพันธ์กลับไปได้เร็วเพราะไลฟ์สไตล์และเรื่องราวที่แลกเปลี่ยนกัน มันรู้แม้กระทั่งผมชอบชยินตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอในงานสัมภาษณ์ ซึ่งไอ้ท็อปเองก็พอจะรู้ มันเลยอาสาเป็นคนกลางคอยถามไถ่เรื่องของชยินผ่านไอ้เบิร์ดอยู่หลายครั้ง

   ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีอยู่แล้วเชียว จนกระทั่งไอ้ริวโผล่มา

   ใครจะไปคิดว่าเบิร์ดจะรู้จักเพื่อนผมคนนี้ด้วย แถมยังพาชยินติดสอยห้อยตามมาอีกต่างหาก หวงโว้ยยยยยย

   “ชยินไม่ชอบมันหรอก” ผมเปรยนิ่งๆ

   “อดีตเดือนแพทย์เลยนะนั่น”

   “ก็แค่เดือนแพทย์”

   “เดือนดาวองก์ไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้นะครับ”

   ไอ้ท็อป มึง...

   ผมนั่งมองชยินกับไอ้ริวที่ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ในมือถือเครื่องดื่มไว้คนละแก้ว ทั้งพูดคุยและหัวเราะกันอยู่สองคนจนลืมไปเลยว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่ ซึ่งคนคนนั้นก็คือกูเอง...

   “เขามาแบบคูลๆ นิ่งๆ เลย เนี่ยมึงแพ้แล้วเนี่ย” ไอ้ท็อปยังไม่เลิกสำทับ

   “...”

   “แพ้ตั้งแต่เรียนหมอละ”

   เออว่ะ กูเล่นใหญ่ก่อน เขาแกรนด์โอเพนนิ่งทีหลัง แพ้เลย...

   “สินกำจะเอาอะไรไปสู้”

   “จับชยินมาฟิวส์ชั่นเลยมั้ย รวบหัวรวบหางไปก็จบเรื่อง” ดูคำแนะนำแต่ละอย่างของมัน ไม่ใช่ไม่อยากทำนะแต่ไม่สามารถทำได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ขอเบอร์ ตามไปถึงห้อง ซื้อหนังสือไปให้ ยังคิดว่าไม่ชัดเจนพอเลยบอกชอบไปตรงๆ แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธ

   คนถูกปฏิเสธนะเว้ย จะให้ไปปล้ำเขาเหรอ

   “เลิกคิดเรื่องนี้ไปเลย กูยังจีบไหว”

   “นั่นหมอเลยนะ”

   “หมอแล้วไง สมองใหญ่กว่าคนอื่นแต่หัวใจมีแค่ครึ่งเดียว”

   “ไม่เหมือนมึงเนาะ หัวใจดวงใหญ่แต่สมองไม่หลงเหลือเลย” ก่อนไปสู้กับไอ้ริวกูขอต่อยปากไอ้ท็อปก่อนเถอะ นอกจากไม่ช่วยแล้วยังขัดขวางอีก

   แล้วนั่นอะไร มีสิทธิ์อะไรไปจับผมชยินวะ!

   การกระทำของทั้งคู่อยู่ในสายตาของผมตลอด แน่นอนความความอดทนจากการนั่งมองอยู่ตรงนี้ก็ใกล้จะหมดเต็มทน

   “ไปเลยมึง” ไอ้ท็อปเสนอ

   “ไปขัดขวางใช่มั้ย”

   “ไปใส่เกิบแล้วกลับบ้านซะ! มึงแพ้แล้วไอ้ยุค” ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ ผมตั้งท่าจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ถูกไอ้ท็อปรั้งเอาไว้ให้อยู่กับที่ “ยุคมึงต้องใจเย็น ใจร้อนก็เสียหมด”

   “แล้วให้ทำไงวะ”

   “ดูไปก่อน พอชยินแยกกับมันมึงค่อยไปทำคะแนน แทรกพรวดเข้าไปแบบนี้มีแต่เสียกับเสีย”

   ผมยอมฟังคำแนะนำของเพื่อน เห็นมันหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนดูข้อมูลอะไรสักอย่างก่อนจะยื่นให้ผมดู

   “มีคนเอารูปไอ้ริวไปลงเพจเซ็กซี่บอย #หมอหล่อบอกต่อด้วย มันไม่เบาเลยนะ แต่มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูช่วยปั่นกระแสมึงกับชยินในแท็ก YukYinCouple ให้ติดเทรนด์ไทยเลย”

   “ไปเลยให้ว่องๆ” นาทีนี้อย่ามาปฏิเสธ ในเมื่อแฟนคลับสร้างแท็กแล้วก็ควรแล่นเรือต่อ

   ผมนี่ได้ศัพท์นี้มาจากแท็กเลยนะ เรือยุคยินต้องไม่ล่ม พี่จะพาย ต่อให้เรือแตกพี่ก็จะว่ายน้ำไป

   แล้วนั่นอะไรวะ!

   ผมนั่งเกร็งไปทั้งตัว มองดูชยินที่ค่อยๆ หยิบมือถือออกมาจากกางเกง ส่วนไอ้ริวก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน มึงจะทำอะไร จะขอเบอร์เด็กน้อยกูเหรอ

   ได้แต่กัดฟันกรอดมองดูคนที่ชอบแลกเบอร์กับคนอื่น คุยกันอย่างสนุก หัวเราะอย่างไม่ถือตัว ซึ่งมันตรงข้ามกับสิ่งที่เขาเคยทำกับผมอย่างสิ้นเชิง

   บางทีความชอบของคนที่ไม่เคยจีบใครเลยก็เป็นแบบนี้แหละ

   “ท็อปกูตัดสินใจแล้ว”

   “ยอมแพ้เหรอ”

   “เปล่า แค่คิด”

   “...”

   “ต่อให้ชยินเลือกคนอื่น กูก็จะไปแย่งมา”










   สองวันหลังปาร์ตี้วันเกิดสิ้นสุด ผมไม่ได้แวะไปหาชยินที่ห้องอีก คืนนั้นเราไม่ได้คุยอะไรกันมากนอกจากคืนแจ็กเก็ตให้ผมแล้วแยกย้าย ไอ้ท็อปก็บอกให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบร้อน

   ผมจึงใช้ช่องทางเดียวที่สามารถติดต่อกับชยินได้โดยที่เขาไม่รู้สึกอึดอัดนั่นคือ MSN แต่เหมือนบทสนทนาจะเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ ราวกับอีกฝ่ายล่วงรู้ตัวตนของผม แต่นั่นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

   ช่วงบ่ายผมได้รับสายจากพี่สาวให้แวะเข้าไปที่ร้าน ผมพยายามปฏิเสธแต่เธอก็ร้องไห้ออกมาเลยต้องบากหน้าไปหาถึงที่

   พี่สาวของผมอายุมากกว่าผมสามปี เมื่อก่อนเราเจอกันแทบทุกวัน แต่ภายหลังจากเธอเปิดกิจการคาเฟ่ในมหา’ลัย ผมก็ไปหาเธอน้อยลงเพราะไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ดูเหมือนเจ้าตัวจะเข้าใจในจุดนี้แต่ก็มีหลายครั้งที่เอาแต่ใจตัวเอง ผมถึงต้องแวะเวียนไปหาเธออย่างน้อยก็เดือนละสามครั้ง

   “ยินดีตอนรับค่า อ้าวยุค!” เสียงแหลมเล็กของเธอยังคงเป็นเอกลักษณ์

   ผมก้าวเข้ามาในร้าน สวมหมวกแก๊ปและคาดแมสต์เหมือนทุกทีที่มา เพราะร้านของเธอไม่ค่อยมีช่วงคนบางตาเท่าไหร่ มาทีไรก็เต็มตลอดเลยไม่อยากให้ใครมาสนใจมากนัก

   “เป็นไงบ้าง” ผมถาม

   “คิดถึงแก วันนี้ลูกน้องไม่อยู่ช่วยเป็นเด็กเสิร์ฟให้วันนึงสิ”

   “เรียกมาใช้งานว่างั้นเถอะ”

   ผมถอนหายใจอย่างปลงตก

   คาเฟ่ของพี่ผมตั้งอยู่หน้าคณะเภสัชศาสตร์ ทั้งร้านทาด้วยสีเหลืองชนิดที่ว่าคนในมหา’ลัยไม่มีใครไม่สะดุดตา เดินเข้ามาด้านในก็จะพบกรอบรูปนับร้อยติดอยู่ตามฝาผนัง เป็นรูปศิลปินเกาหลีที่มีทุกวนบนโลกใบนี้

   เด็กมหา’ลัยเลยขนานนามร้านว่า ‘คาเฟ่ติ่ง’ แหล่งรวมติ่งทุกวงและทุกสายพันธุ์บนโลก ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

   “อย่าเรียกว่าใช้งานสิ ให้เรียกว่าเช็กเรตติ้ง”

   “ไม่ต่างกันเหอะ”

   พี่ผมชื่อแยม แฟนเป็นคนเกาหลี แต่ใครอย่าเผลอเรียกชื่อแยมนะเพราะนั่นคืออดีตชาติ ตอนนี้ให้เรียกว่ายุน...ยุนอา แม่งสร้างตัวตนขึ้นมาเป็นไอดอลเฉย แต่ผมก็ไม่เคยขัดเรื่องนี้เพราะเป็นความชอบของเธอ

   “แล้วจะช่วยได้มั้ยล่ะ” เจ้าตัวถามอีก

   “ผมปฏิเสธพี่ได้ด้วยหรือไง”

   “ดีเลยๆ น้องรัก ผ้ากันเปื้อนอยู่หลังเคาน์เตอร์ ตอนทำงานก็ช่วยมีมารยาทด้วย ถอดหมวกและแมสต์ไปเสิร์ฟเครื่องดื่ม”

   “พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบ”

   “แล้วแกเคยเอาชนะฉันได้มั้ย ไปเลย” ผมถูกไล่ให้เดินไปหลังเคาน์เตอร์ จัดการถอดหมวกและแมสต์ออกตามคำสั่ง จากนั้นจึงหยิบเอาผ้ากันเปื้อนสีเหลืองขึ้นมาสวม ก่อนพี่สาวผมจะเดินตามมาพร้อมกับนิตยสารเล่มหนึ่ง

   “พี่ชอบผมสีนี้” ว่าแล้วก็จิ้มนิ้วลงไปที่รูป

   “ก็ไปทำสิ”

   “ไม่ใช่ อยากให้แกทำ เห็นมั้ย ทำแล้วเหมือนเซฮุนเลยนะ”

   “ไปให้แฟนพี่ทำเถอะ”

   “แฟนฉันทำสีเดียวกับลีมินโฮแล้วย่ะ”

   “ผมไม่ทำ คราวก่อนก็บังคับให้ทำสีชมพู พี่จะบ้าเหรอ”

   “ทำไมเป็นน้องที่ใจร้ายอย่างนี้” ผมเดินหนี กะรับออเดอร์ลูกค้าเพื่อตัดรำคาญ แต่ก็ยังได้ยินเสียงครางอือตามหลังมาไม่ห่าง “อันเดว~ คิมยุค กลับมาหานูน่าของเธอก่อนนนนนนน”

   จะบ้าตาย...

   “ฮื้ออออแก เด็กเสิร์ฟ”

   เหมือนหนีเสือปะจระเข้ ผมเดินมารับออเดอร์ลูกค้า ทุกคนเหมือนจะจ้องผมไม่กะพริบแถมยังซุบซิบกันเสียงดัง มันทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย

   “รับอะไรดีครับ”

   “มีอะไรแนะนำบ้างคะ” ผู้หญิงหน้าตาน่ารักเอ่ยถาม

   “มีตามเมนูครับ ไม่รู้อะไรอร่อยบ้าง”

   “ยุคคคคค ไม่กวนตีนลูกค้า อร่อยทุกอย่างเลยค่ะน้องๆ เมนูสุดฮิตคือบิงซูสตรอเบอร์รี่ค่ะ ถ้าสั่งครบสิบครั้งหนูจะได้พวงกุญแจอปป้าไปหนึ่งอันเลยนะคะ”

   พี่สาวผมแทรกขึ้น เธอมีความป็นมิตรกับทุกคนซึ่งตรงข้ามกับผมที่จะเลือกแค่คนที่อยากแคร์

   “จริงเหรอคะ งั้นบิงซูสตรอเบอร์รี่แล้วกันค่ะ”

   ผมจดเมนูตามที่ลูกค้าสั่งแล้วเดินไปยื่นให้กับคนที่ยืนรอตรงเคาน์เตอร์ พี่สาวผมมีหน้าที่ทำ ส่วนผมก็เสิร์ฟ สักพักโดนไล่ให้ถูพื้น เบื่อนะ แต่ทำอะไรไม่ได้

   “ยินดีต้อนรับค่า” พี่แยมหันไปบอกคนมาใหม่ ขณะสองมือสาละวนอยู่กับการทำเมนูให้ลูกค้า

   ผมหันไปยังประตู เห็นร่างโปร่งที่คุ้นตาเดินเข้ามากับอริเก่าแล้วรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบที่หัวอย่างหนัก ได้แต่มองตามการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ที่กำลังหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่

   ชยินมากับไอ้ริว

   รู้สึกแพ้ขึ้นมาเลยว่ะ

   “มัวแต่ยืนทำอะไรอยู่ยุค ไปรับออเดอร์ลูกค้าสิ” ผมพยักหน้าเข้าใจ สืบเท้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ชยินที่ตอนแรกไม่ได้สนใจอะไรเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าตื่นตกใจ คงไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่มั้ง

   “คุณ” และนี่คือคำทักทายแรกจากเด็กน้อย

   “ไง มาทำอะไรแถวนี่เนี่ย” ผมพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงอาการ

   “ผมแวะมาหาริวที่โรง’บาล คุณล่ะมาทำอะไร”

   “นี่ร้านพี่สาวผม”

   “อ๋อ”

   “สั่งอะไร” ผมรีบตัดเข้าประเด็น ไม่แม้แต่จะทักไอ้ริว รู้ว่ามันก็คงเขม่นผมอยู่เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันก็จริงแต่ขออย่าให้ลงสนามแข่ง เพราะท้ายที่สุดแล้วความสัมพันธ์ที่ชื่อว่าเพื่อนคงพังลงแน่ๆ

   ตอนนี้ก็เริ่มเกลียดไอ้ริวแล้วเนี่ย แล้วดูมัน

   กระเป๋าตังค์แพงต้องเอามาวางไว้บนโต๊ะ วางไว้ตรงอื่นไม่ได้พ่องตาย

   “งั้นผมเอาช็อกโกแลตร้อน”

   “กูขอคาปูชิโน่เย็นแล้วกัน”

   ผมจรดปากกาลงบนกระดาษลวกๆ แล้วผละออกไปอย่างรวดเร็ว หวงนะแต่ก็รู้ว่าไม่มีสิทธิ์นั้น

   “ยุคๆ น้องที่นั่งอยู่กับหมอริวตรงนั้นใช่คู่จิ้นเราในทวิตหรือเปล่า หน้าคุ้นมาก น้องชยินใช่มั้ย” พี่สาวผมพูดเสียงดังจนคนทั้งร้านหันมามอง แม้แต่คนถูกพาดพิงก็มีสีหน้างุนงงไปด้วย

   “เบาหน่อยน่า”

   “กรี๊ดดดดดดดด ใช่แล้ว น้องชยินค้า นี่พี่สาวยุคเองนะคะ พี่ฝากด้วยนะ เขาไม่เคยชอบใครมาก่อนเลย”

   เชี่ยอะไรวะเนี่ย

   ผมสบถอยู่ในใจ ก่อนระรอกคลื่นใหญ่จะค่อยๆ ก่อตัว เพราะสาวๆ ในร้านเริ่มจับกลุ่มคุยดังขึ้น หลายคนหยิบมือถือขึ้นมาแอบถ่ายซึ่งผมดันเห็นการกระทำเหล่านั้นทุกอย่าง

   “เอ่อ...ครับ” ชยินเองก็ดูเหมือนจะตอบกลับแบบงงๆ

   “ไม่ต้องไปฟังเขาหรอก พี่เองก็ไปทำเครื่องดื่มให้ลูกค้าได้แล้วน่า”

   แยมทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์อย่างง่ายดาย ระหว่างนี้เริ่มมีนิสิตในร้านเดินเข้ามาขอถ่ายรูปผมอยู่หลายครั้ง หนักสุดก็กลุ่มนี้แหละ...

   “พี่ยุคคะ ขอถ่ายรูปคู่กับพี่ชยินได้มั้ยคะ”

   “เขาคงไม่สะดวกมั้งครับ”

   “งั้นเดี๋ยวหนูขอพี่ชยินก่อน ถ้าได้พี่จะมาถ่ายได้มั้ยคะ”

   “ครับ”

   ไวปานแสง รุ่นน้องคนนั้นปรี่ไปที่โต๊ะของเด็กน้อย สักพักก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาด้วยความดีใจ เธอเดินกลับมาลากผมไปที่โต๊ะของชยินแล้วยกมือถือขึ้นมา

   “พี่นั่งข้างกันเลยค่ะ พี่หมอริวคะขอรบกวนแป๊บนึงนะคะ” ไอ้ริวพยักหน้า ส่วนผมกับชยินก็นั่งตัวแข็ง ไม่รู้จะพูดอะไรกัน

   “พี่ยุคกับพี่ชยินทำมินิฮาร์ทได้มั้ยคะ”

   โอเค ทำก็ทำ

   “ทำมือรูปตัวแอลด้วยค่ะ”

   เป็นครั้งแรกที่ผมยอมทำอะไรบ้าบอแบบนี้ อาจเพราะคนที่อยู่ข้างๆ เป็นชยินล่ะมั้ง

   เพราะเป็นเขา ผมถึงยอมได้ทุกอย่าง

   “ขอบคุณมากเลยค่ะ อยากจะบอกว่าเพื่อนหนูชื่อมิ้ง เขียนฟิคที่พี่ชยินท้องได้ค่ะ ดังมากเลยนะคะ” ผมหันไปมองหน้าคนเคียงข้าง ดูเหมือนตอนนี้ชยินพร้อมจะร้องไห้แล้ว

   ด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เลยต้องพูดกับรุ่นน้องตรงหน้าเสียงเข้ม

   “ไหน คนไหนเขียนฟิคเกี่ยวกับพี่”

   น้องที่ยืนหลบอยู่หลังเพื่อนกลัวหงอ ตัวสั่นเหมือนทำอะไรไม่ถูก แม้แต่พูดก็ยังตะกุกตะกักเต็มที

   “พี่คะหนูขอ..ขอโท...”

   “พี่ชอบมาก แต่งได้ดี รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ”

   “แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย”

   ปุ้ง!!

   วินาทีนั้น หู....ดับ!

   กว่าร้านจะกลับสู่สภาวะปกติก็กินเวลาไปหลายสิบนาที พวกนิสิตปล่อยให้เราได้มีเวลาส่วนตัว ผมเลยช่วยพี่สาวทำงานได้คล่องมือขึ้น แต่ระหว่างนั้นก็ยังหันกลับไปมองชยินกับไอ้ริวไม่หยุด ครึ่งชั่วโมงให้หลังทั้งคู่ก็เดินมาจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์

   “ทั้งหมดหกสิบบาทครับเป็นค่ากาแฟ ส่วนช็อโกแลตร้อนฟรี”

   “อะไรคุณ” ชยินแย้งขึ้นมา

   “คุณไม่ต้องจ่าย พี่สาวผมเลี้ยง” จริงๆ ไม่ใช่หรอก กูเอง

   “ของซื้อของขายน่า”

   “ไว้คราวหน้าถ้าแวะมาค่อยจ่ายก็ได้”

   “งั้นเหรอ”

   “เดี๋ยวออกไปรอข้างนอกนะ” ไอ้ริวพูดแทรก หยิบเงินจากกระเป๋าออกมาจ่าย ผมคิดเงินและยื่นใบเสร็จให้มันทันที ไอ้หมอเดินออกไปก่อน มีแค่เด็กน้อยเท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า

   “ไม่เคยรู้เลยว่าพี่สาวคุณมีร้านอยู่ที่นี่” เจ้าตัวพูด

   “ไม่เคยรู้เลยเหมือนกันว่าสนิทกับไอ้ริว ออกมาเจอกันทุกวันเลยเหรอคุณ”

   “ใช่ที่ไหน เพิ่งออกมาวันนี้ พอดีว่าง”

   “เหรอ แต่คุณสองคนเข้ากันดีนะ” มันเป็นความรู้สึกหวง แต่ก็ต้องยอมรับว่าทั้งคู่เข้ากันได้ดีจริงๆ คงตั้งแต่คืนวันเกิดนั้นแล้วมั้ง

   “สองวันนี้คุณไม่มาที่ห้องผมเลย” น้ำเสียงนั้นแผ่วลงเรื่อยๆ

   จะน่ารักไปถึงไหนวะชยิน แค่นี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว

   “ก็กลัวคุณจะอึดอัดน่ะ”

   “...”

   “ยิ่งคุณฮอตแบบนี้ผมคงไม่มีอะไรไปแข่งกับคนอื่นหรอก”

   ดวงตากลมเบิกกว้าง ปากบางนั้นขบเม้มเบาๆ เหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็บังคับมันเอาไว้ นานเหมือนกันที่เราไม่พูด สุดท้ายชยินก็ยอมเอ่ยออกมา

   “แล้วทำไมต้องแข่ง”

   “ฮะ”

   “ทำไมต้องแข่ง อยู่เฉยๆ คุณก็สู้คนอื่นได้อยู่แล้ว”

   ตุบ!

   ตุบ

   ตุบ

   ไม่รู้ว่าทำไมคนเด๋อๆ อย่างชยินถึงพูดประโยคนี้ออกมาก แต่มันทำให้ใจผมตก ตกไปอยู่ในกำมือของคุณแล้ว

   “เดี๋ยวผมกลับก่อนนะ”

   “ชยินอย่าเพิ่งไป”

   “มีอะไรหรือเปล่า”

   “รอผมแป๊บนะ จะรีบไปกดเงินมาให้!!”

   ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเปย์ด้วยเงินเนี่ยแหละแม่ง น่ารักซะขนาดเนนนนนนนน้




เอ่อ...พี่พระเอกคะ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่ามองคนที่ภายนอกค่ะ
ตามให้กำลังใจพี่พระเอกเขาด้วยนะคะ
#mเอสn

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-12-2017 23:59:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-12-2017 23:59:54
ชอบไม่ชอบไม่รุ้แต่ชยินแอบอ่อยอ่ะ
ร้ายนะยะพ่อนักแต่งเพลง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 16-12-2017 00:02:06
ไปกันใหญ่แล้วชยิน หมีใหญ่คือพี่ยุคเอง ยุคไงจะใครล่ะ
แต่ชยินนี่เริ่มชอบยุคแล้วใช่ปะ :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-12-2017 00:07:33
หมอริวนี่บังเอิญหรือตั้งใจให้ชยินเข้าใจผิดเนี่ย เพราะงั้นคุณพี่ยุคควรเปิดตัวได้แล้วนะคะ เนี่ยๆชยินก็เปิดใจซะขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 16-12-2017 00:08:46
ตกลงยุคคือหมีใหญ่? ชยินเข้าใจผิดว่าเป็นริว?
หรืออะไรยังไง?
ไม่อยากให้ชยินไปไหนมาไหนกับริว #ทีมยุค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: iiamerror_ ที่ 16-12-2017 00:12:23
โอยยูคทำไมตลก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 16-12-2017 00:12:33
สายเปย์ค่ะพี่ยุค เปย์น้องหนักๆรักเยอะๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-12-2017 00:27:36
 :katai2-1:



โถถถถถถถๆๆๆๆๆๆ พ่อคู้นนนนนน พ่อยอดขมองอิ่มของอิชั้น
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 16-12-2017 00:54:49
จะสู้ได้ป่าวเนี๊ยะ. ยุค!!!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-12-2017 00:55:20
หมอริวก็ดีนะ ชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 16-12-2017 00:57:06
ยุคคคคคคคคคคค โอ๊ยขำ ที่คีฟลุกทำเท่ๆคลูๆ เวลาเจอคนอื่นก็เรื่องโกหกซินะ ทำไมเจอชยินแล้วหลุดขนาดเน้ 5555
ชยินเข้าใจผิดแล้วววว พี่ยุคคือหมีใหญ่น้า
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 16-12-2017 00:58:00
โอ้โห เด็กน้อยของคุณยุคนี่ร้ายกาจอ่ะ มาอ่อยให้อยากแล้วก็จากไป 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: chomistry ที่ 16-12-2017 01:06:18
ชยินซื้อไม่ได้ด้วยเงินนะ!!!

ถ้าไม่มากพอ 5555555555

ทำรถอ้อยคว่ำใส่ยุคขนาดนี้ ถ้าอิพ่อพระเอกเขารุกแรงแล้วจะเดือดร้อนหัวใจชยินนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-12-2017 01:12:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 16-12-2017 01:16:49
ชอบที่นายเอกเรื่องนี้ยอมรับว่าเห็นแก่เงินอย่างไม่ปิดบัง ชอบก็บอกว่าชอบ ชอบ!!! 55555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 16-12-2017 01:20:52
คุณยุคชวนชยินไปห้องเลยค่ะ โชว์หลักฐานความใหญ่หมีใหญ่เลย อย่าให้หมอมาฉวยโอกาสไป
ให้รู้ไปเลยว่าใครเป็นหมีใหญ่ตัวจริง  :m19:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-12-2017 01:38:13
  “ทำไมต้องแข่ง อยู่เฉยๆ คุณก็สู้คนอื่นได้อยู่แล้ว”
 อยากจะบอกว่าชยินจ๊าดง่าวแต่เจอประโยคนั้นเข้าไปอื้อหือง่าวก็ง่าวเถอะ :z1:
 เอ่อแล้วยุคมันจะไปกดเงินทำไมวะ o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 16-12-2017 01:52:12
ยุคคือหมีใหญ่ แต่ชยินเข้าใจผิดว่าเป็นริว ริวนี่เข้ามาแบบไหนกันแน่เนี่ย แต่ยุคยินน่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 16-12-2017 02:04:41
ยุคคคค  ฉันรักเขาาาาาา
ชยินอ่อยแล้วต้องรักยุคนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-12-2017 02:08:32
ชยินหนูกำลังจะหลงผิดลูกก เขาไม่ใช่หมีใหญ่ของหนูนะ ยังดีที่ตัวจริงยุคยังพอจะไปได้ สู้ต่อไปปป ริวมันจิ๊บๆเนาะยุคเนาะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 16-12-2017 02:38:19
นึกว่าจะพลิกล็อคให้หมีใหญ่เป็นหมอริวซะอีก เอ็นดูชยินละเกินนน แล้วก็สู้ ๆ นะคุณยุค :ped149:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 16-12-2017 03:35:44
ลงเรือยุคยินค่า กำไม้พายแน่นน  :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 16-12-2017 03:52:28
น่าร้ากก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-12-2017 04:26:17
เอาแล้ว เอาแล้ว ยินคิดว่าหมีใหญ่เป็นริว  ยุคจะทำไงละทีเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 16-12-2017 06:38:53
ชอบอ่านพาร์ทยุคอะ 5555 สู้ๆนะ!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 16-12-2017 07:28:17
ชยินอย่าไปหลงคารมหมอริวลูก หมอริวบังเอิญหรือสวมรอยนะ เอาใจช่วยนะยุค หมอริวอย่าร้ายเลยเสียดายของ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 16-12-2017 07:35:42
ตล๊กกกกก55555554 :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 16-12-2017 08:48:57
นั่นแน่ ชยินชอบเค้าไปแล้วใช่ม
ที่แท้คนในmsnก็เป็นยุคจรวิๆด้วย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 16-12-2017 08:56:09
เกลียดดดด แหมอีพี่ยุคบอกเหมือนสงสารชยินสุดท้ายก็แกล้งอยู่ดี ก็อย่างว่าล่ะเนาะ แกล้งเพราะรักเป็นสไตล์ของพระเอกนิยายฟีลกู้ดของพี่จิตตินิเนาะ (ต้องฟีลกู้ดด้วยนะ ดราม่านี่อย่าให้ด่าพระเอกเลย เดี๋ยวจะยาว55555) ชยินก็จะเริ่มหลงเข้ามาในหลุมของยุคแล้ว แต่อีพี่ยุคนี่สิหลงจนไม่รู้จะโงหัวขึ้นได้หรือเปล่า555  :katai2-1: :katai2-1: ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เปย์ด้วยเงิน ชอบๆ
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-12-2017 09:11:43
โธ่ พ่อพระเอกกลัวแพ้ว่างั้น
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Slotjai ที่ 16-12-2017 09:28:35
คนอย่างยุคกลัวด้วยเหรออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 16-12-2017 09:30:08
ยุค พระเอกรั่วอ่ะ สมัครเป็นแฟนคลับพี่นะคะ ติ่งพี่ยุคค่ะ ถือป้ายไฟ  :ped149:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 16-12-2017 09:37:27
เดี๋ยวผมกลับก่อนนะ”

   “ชยินอย่าเพิ่งไป”

   “ทำไม”

   “รอผมแป๊บนะ จะรีบไปกดเงินมาให้!!”

   ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยเงินเนี่ยแหละแม่ง น่ารักซะขนาดเนนนนนนนน้

ไม่เอาใจไปกดเงินมาทำไหมงง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 16-12-2017 10:32:24
กรีดร้องงงงงทำไมดีอย่างนี้ทีมยุคนะคะยุคต้องสู้เราเชียร์ยุคเด้อ ไรท์ขามาจุ๊บทีคิดถึงจัง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Bheamphon ที่ 16-12-2017 10:49:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ทำดียุคทำดีมากไม่ได้ด้วยเล่ก็ต้องใช้เงินเป็นตัวประสาน ช้ามากไม่ได้ชยินแม่มน่ารักสาด  :katai5: คึคึ :z1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Keiji ที่ 16-12-2017 10:52:56
ชยินอ่อยไม่รู้ตัวอีก55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-12-2017 11:43:24
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 16-12-2017 11:54:12
555 ยุคคครค จะไปกดเงินทำม้ายยยว ชวินไม่ได้ซื้อได้ด้วยเงินน๊าาาา
#พ่อพระเอกสายเปย์
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 16-12-2017 11:58:41
ถ้าชอบฟิคเรื่องที่ชยินท้องนี่ต้องทำไง วอนน้องคนนั้นช่วยแนปลิงค์มาหน่อย เราหาไม่เจอ อยากอ่าน ยุคอ๊าาาาาาห์ 55555

แหม ชยินเวอร์ชั่นท้องนี่ร้อนเเรงน่าดู ขึ้นไปขย่มเขาก่อนด้วย อุว้ายยยย

อยากรู้ว่าเวอร์ชั่นชยินเด๋อๆจะทำแบบนั้นมั๊ย วรั๊ยยย แค่คิดก็บาปแหละ โนววววววว #ใจบาปมากตอนนี้


........ :hao6:......




หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 16-12-2017 12:04:45
ชยินอย่าเข้าใจผิดสิ หมีใหญ่คือยุคนะ ใครก็ได้เอาริวไปกำจัดที รู้สึกมั่นไส้ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรมาก 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 16-12-2017 12:58:39
โอ้โหหห ยุคสายเปย์ก็มาาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 16-12-2017 14:08:05
โอ้ยชยินน่าร้ากกกกก น้องชยินนนน
รู้สึกขัดใจหมอริว ชยินก็เข้าใจผิดไปปป พี่ยุครีบเปิดเผยตัวเลยด่วนๆมันขัดใจ55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-12-2017 14:11:10
ถ้ายุครู้ว่าชยินเข้าใจผิดว่าหมอริวเป็นคุณหมีใหญ่คงหัวร้อนน่าดู 55555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: pannuna ที่ 16-12-2017 15:45:58
อ้าววววสรุปคือในเอ็มก็เป็นยุคอยู่นึกว่าจะริวซะแล้ว
ชอบมากเรื่องนี้สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 16-12-2017 19:15:35
เกลียดการจะไปกดเงินมาให้นี่แหละ​ คุณยุคคะใจเย้นนนนน555555555555555
ชยินคงเริ่มรู้ตัวแล้วล่ะสิว่าตัวเองก็รู้สึกดีๆกับยุค​ ฟินกว่าน้องคนแต่งชยินท้องได้ก็เรานี่แหละค่ะ​ แอร๊ยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: pinchicchic ที่ 16-12-2017 20:54:44
ฮืออออออ มาอ่านตอนแรกก็ชอบแล้วอ่าาา
จิตติไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยยย รอตอนๆต่อไปเรื่อยๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Keiji ที่ 16-12-2017 21:13:05
อ่านวนซ้ำๆก็ยังไม่เบื่อ ยิ่งอ่านยิ่งฮา ชยินเคยกวนทีนชนะยุคซักครั้งมั้ย555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPlai ที่ 16-12-2017 21:27:35
ชนะแล้วยังไม่รู้ตัวอีกยุคค ชยินน่าเคี้ยวแล้วกลืนลงท้องมากเลย ฮืออ น่ารักโพด :hao5: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 16-12-2017 21:41:39
อ้าคคคคคคคคคคคคคคคคคค ชยินน่ารักโคดดดดดดด รู้ตัวแล้วใช่มั้ยคะลูกกกกกกกกก  ^^ รีบยอกยุคนะขานั้นเดี๋ยวเข้าใจผิดไปยกใหญ่ หุ หุ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 16-12-2017 21:47:49
ชยินน่ารักไปไหน :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 16-12-2017 22:28:12
โถๆ เจอเขาปฏิเสธ+คู่แข่ง (มั้ย)
  อาการสมองไหลไร้มาดขาดความมั่น นี่ผลจาก chayinmania งี้ป่ะ
 :laugh:
 
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-12-2017 22:59:14
อ่านมุมของยุคแล้ว โอ้ ฝั่งนี้เป็นหนักมาก ไม่ได้เฉยอย่างหน้าตาท่าทางเลยสักนิด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 16-12-2017 23:04:57
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 16-12-2017 23:07:44
ชยิน เอ้ย.. ครั้งหน้าไม่อธิบายดีๆ จะเชียร์ให้ยุคปล้ำนะจ๊ะ
ยุคตามจีบตั้งนาน ทำเป็นปฏิเสธ ทีหมอริวนี่ คิดเป็นตุเป็นตะ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: pangning ที่ 17-12-2017 00:00:05
อ้ากกกกกกกกกก อยากอ่านตอนต่อไปแย่ :hao3: :hao5:แล้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Jintajam ที่ 17-12-2017 07:12:58
แอร้ยยยย นางชยิน ทำไมน่ารักอย่างงี้ลู๊กกกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 17-12-2017 07:42:54
ยุคสายเปย์   555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Seeetnott ที่ 17-12-2017 13:10:37
 :-[ รอๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 18-12-2017 02:45:31
ชยินเริ่มเข้าใจความรู้สึกตัวเองแล้วใช่ม้าาาาา พี่ยุคสู้ๆนะพี่ //อ่ามาจนถึงตอนนี้คิดว่าพี่ยุคเป็นคนคูลๆเก่งๆเท่ๆกวนตีนนิดๆมาตลอด แต่พอเจอพาสนางตอนนี้เข้าไปทำไมพี่มันดูกากๆว้ะเนี่ย5555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: khungyf ที่ 18-12-2017 10:33:24
หมอริวหลบไปค่ะ YukYinCouple เค้าจะเดิน //สะบัดปลายผมเสีย15เซ็น 555555555555555555555 ชยินจะรู้ตัวมั้ย ว่าแบบนี้มันเรียกว่า"อ่อย"อะรู๊กกกกก รถอ้อยคว่ำเด้อลูกเด้ออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: jikanyarat ที่ 18-12-2017 18:15:54
ทำไมฮาา 555555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 19-12-2017 02:11:25
โอ้ยยยยยยยยยย เกือบใจเปลี้ย นึกว่าสนใจริว ใจกร๊าวเลยตรู
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-12-2017 10:45:44
แหนะคิดถึงเค้าอะจิ พอมีหนุ่มชวนออกไปข้างนอกก็เลยไป

แถมคืดว่าเป็นพี่หมีใหญ่ใจดีอีก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 19-12-2017 14:54:58
เรื่องนี้พอจะทำให้หายจากอาการเศร้าจาก #ร้ายเดียงสา พอได้บ้าง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: แพรพลอย ที่ 20-12-2017 08:17:18
ฮืออออ มันดีต่อใจมากกกกกก
อ่านไปขำไปแทบสำลักน้ำลายตัวเอง 5555
ยุคต้องไฟท์อะ ยุคอย่ายอมแพ้นะ
งานนี้ต้องเปย์แล้วแหละ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยเงินนะยุคนะ 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-12-2017 01:50:42
พี่ยุคแอบรั่วอะ555
เจอแบบนี้เป็นนี่ก้แอบมจแป้วเหมือนกันนะ
อยู่ดีๆก้ไปสนิทกับศัตรูเราอย่างรวดเร็ว
อย่างที่เราทำไม่ได้งั้นอะ
แล้วชยินนี่อะไรร อ่อยหรออ
ไม่ต้องแจ่งก้สู้ได้นี่แบบบ ตายไปเลยยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-12-2017 13:26:30
55555 หายไปไหนแล้วคนจริง

มีคู่แข่งนี่ดีจริงเลย แถมชยินยังลงทุนมาเจออีก
ยุคแย่แน่ จะไปถอนเงินมาทำไม มาขอหรอ หรือจองตัวไว้ก่อน  :hao7:

ชยินทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะ แล้วทำหน้าแบบนั้นอีก ไหนว่าไม่ชอบไง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 05-01-2018 15:52:28
 o22 o22
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 07-01-2018 00:46:51
ชยินลืมไปเปล่าว่า ไม่เคยรู้จักหมอริวมาก่อน ไม่เคยแอดแอคเคานท์กับหมอริวด้วย ... หมอริวจะเป็นหมีใหญ่ได้ไง....... 
อ่านพาร์ทยุคแล้วสงสาร  แบบแพ้ชยินมาตั้งแต่แรกเจอ  :mew2: :mew2: ... ไปๆมาๆ  ยุคจะน่าสงสารกว่าอิค่ายซะอีก  อ่านแล้วแบบดูเจียมตั๊วเจียมตัว :m15: :m15:     สงสารจนใจบางหมดแล้ว  อยากอ่านต่อ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: pangning ที่ 14-01-2018 01:57:31
ชอบเวลาพระเอกเถียงกับนายเอกตลกดี กวนๆ เมื่อไหร่จะมาน้าาาาาาารออ่านนนนใจจดใจจ่อ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 15-01-2018 13:00:18
อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  อยากอ่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ต่อแว้วววววววววววววววววววววว
 :z3: :z3: :z3: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 15-01-2018 13:22:12
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 15-01-2018 15:21:06
รอน้าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 15-01-2018 15:38:51
1 เดือนแล้ว กลับมาเถอะนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 15-01-2018 20:28:31
อ่านพาสของยุคแล้วตลกอ่ะ แบบเคยคิดว่านางเป็นคนซึนๆ เนี๊ยบๆ แต่ไหงมาติ๊งต๊องแบบนี้อ่ะ555555 ชนะด้วยวิธีอื่นไม่ได้ก็ไปกดเงิน :impress2: :impress2:

รอนะคะ...
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่7 [15/12/60] *หน้า16
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 20-01-2018 21:32:49
โอ๊ยยยยยย
ความกวนตีนเบอร์แรงงงงงง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-01-2018 00:39:40

ตอนที่ 8
ผู้ประสบภัยความเหงา



   หลังเดินออกจากคาเฟ่ด้วยความมึนงง ผมก็ไม่ได้แวะไปไหนกับไอ้ริวต่อนอกจากขอตัวกลับ ความจริงก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพราะหลังจากเจอไอ้ยุคแล้วความรู้สึกบางอย่างเล่นจู่โจมเข้ามาอย่างจัง มันเป็นความรู้สึกอึดอัดผสมความรู้สึกผิดไปด้วย เมื่อได้เห็นหน้าหงอยๆ ของมันที่ถามทำนองว่า ‘ไม่ยักรู้ว่าสนิทกับไอ้ริว’

   จริงๆ มันก็สิทธิ์ของกูมั้ยว่าจะสนิทกับใคร แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่สบายใจด้วย

แม่ง...แทนที่จะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ กลายเป็นตอนนี้ต้องกลับมาเหงาที่ห้องคนเดียวอีกแล้ว งานเอ๋ย โปรดติดต่อมาเถอะ เงินก้อนนี้หมดก็ไม่เหลืออะไรให้กินแล้วนะ

   เหงาก็เหงา เพื่อนก็มีโลกส่วนตัวของตัวเอง ส่วนผมเหรอ มีเหงาเป็นเพื่อนไง นับจากพามันไปคอนเสิร์ตครั้งก่อนเหงาก็เรียกร้องกับผมมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกรำคาญ มันทักมาแทบตลอดเวลา ดีหน่อยที่ช่วงหลังมีไอ้ยุคเข้ามาในชีวิต ผมกับเหงาเลยเว้นระยะห่างให้กันอยู่บ้าง

   ไอ้ยุค...

   สุดท้ายผมก็นึกถึงมันอีกจนได้

“ไม่คิด ไม่คิด! เราต้องไม่คิดถึงมัน”

   เวลาที่คนเราอยู่คนเดียวแม่งชอบคิดฟุ้งซ่านแบบนี้แหละ ผมเลยต้องสลัดเรื่องที่อยู่ในหัวทิ้งโดยการเดินไปหยิบแล็ปท็อปที่วางอยู่ตรงปลายเตียงขึ้นมา กดดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อย เว็บที่เข้าอยู่เป็นประจำก็มีไม่กี่อย่าง

   เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ เน็ตฟลิกซ์ เว็บหนังโป๊ขาประจำ

   ผมใช้เวลาที่แสนเหลือเฟือของตัวเองไปค่อนข้างฟุ่มเฟือย ในหัวเองก็ตันจนคิดงานใหม่ไม่ออกเพราะไม่มีความหวังว่ามันจะขายได้อีก

   หลังหายใจทิ้งไปกับโลกโซเชียลอยู่หลายชั่วโมง เทรนด์ทวิตเตอร์ชื่อหนึ่งที่คุ้นเคยก็ขึ้นมาติดเทรนด์อย่างไม่ทราบสาเหตุ ใจของผมเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เดาได้คร่าวๆ ว่าอาจจะเป็นลางร้าย

   เหยดเขร้! #YukYinCouple กลับมาหลอกหลอนกูอีกแล้ววววววววว

   ด้วยไม่อยากจินตนาการไปคนเดียวจนเป็นบ้า ผมกดเข้าไปในแท็กดังกล่าวด้วยความเร็วเหนือแสง

   ผ่าง! โอ้โหแม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยย มีหน้ากูกับไอ้ยุคถูกแปะเต็มไปหมดเลย น้ำตาผมไหลอีกครั้งเมื่อเห็นยอดรีทวิตมหาศาลที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ข้อความแต่ละอันก็โคตรจิรานันท์ มโนแจ่มซะเหลือเกิน
   

‘วันนี้คุณนักเขียนเป็นเด็กเสิร์ฟนะคะ แต่ดูท่าว่าจะงอนกับคุณนักแต่งเพลงอยู่ เขาเล่นมากับคุณหมอซะขนาดนั้น’


แต่ดูท่าแล้วจะแม่งจะงอนผมจริงว่ะ เพราะขนาดคนอื่นยังรับรู้ได้เลย
   

‘คิดว่าหลังไมค์คงเคลียร์กันแล้วค่ะ’
‘ถ้าเคลียร์กันบนเตียงก็คงจะดีไปอีกแบบนะ’

   

“เตียงอารายยยยยยยยยยยย”

ผมสบถออกมาเสียงดัง ก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังนอนเล่นแล็ปท็อปอยู่บนเตียงจริงๆ เพียงแต่ว่าตรงนี้มีแค่ผมคนเดียวที่อยู่ในห้อง

นอกจากนั้นในแท็กยังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่เป็นฉากๆ อย่างละเอียดยิบ บางฉากผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า แต่เหมือนทุกคนจะปักใจเชื่อ ที่สำคัญ พวกเขาดูจะชอบมากซะด้วย

ผมไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเสียใจอะไรหรอก แค่ตกใจในช่วงแรก และเมื่อลองอ่านไปสักพักผมก็ค้นพบว่ารูปที่ถูกถ่ายตอนเผลอนั้นก็ดูดีไปอีกแบบ เออว่ะ รู้สึกตัวเองแม่งก็หล่อไม่เบา แต่ถ้ารูปไหนมีไอ้ยุคอยู่ในเฟรมด้วยกูจะดูเหียกไปในทันที
   

   ‘Hey! My boss ตอนแรกอัพแล้วนะคะ ขอฝากเรื่องนี้ไว้กับสาวก #YukYinCouple ด้วยค่ะ’


   เลื่อนๆ ไปสายตาก็ดันเจอเข้ากับนิยายเรื่องใหม่ที่แปะอยู่ในแท็ก ไม่อยากจะพูดเลยว่าเรื่องเก่าก็ทำเอาเข็ดขยาดไปพักใหญ่ นี่มีเรื่องใหม่มาอีกแล้วเหรอ

   แต่เนื่องจากความเสือกที่ไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์นั้น ผลักดันให้ผมต้องกดเข้าไปในลิงก์ที่แปะเอาไว้ และหน้าจอใหม่ก็แทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

   “อะไรวะ” ผมพูดกับตัวเองเมื่อหน้าเว็บดังกล่าวปรากฏขึ้น

   ไวอากร้าของแท้ ยาเร่งเสียว จิ๋มกระป๋องนำเข้า เดี๋ยวนะ! เดี๋ยวววววววววว

   ตอนแรกนึกว่าเจอแจ็กพอตโดยสปายแวร์เข้า แต่พอเลื่อนไปๆ มาๆ ถึงรู้ว่ามันคือเว็บลงนิยาย โถ...ภาพลักษณ์ของไอ้ชยินที่ทุกคนพูดถึง

   ตัดประเด็นนี้ไปก่อน มันไม่สำคัญเท่าไหร่แล้วเพราะสิ่งที่ควรจดจ่อจริงๆ มันคือนิยายเรื่องนี้ต่างหาก คนเขียนเพิ่งอัพตอนแรก ผมแค่อยากรู้ว่าตัวเองทำอาชีพอะไร เพราะเรื่องก่อนที่ท้องไปกูก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

   ผมกวาดตามองตัวหนังสือมากมายตรงหน้า ก่อนเริ่มต้นอ่านอย่างจดจ่อ

   เหมือนเรื่องนี้จะเริ่มโดยที่คุณศตวรรษเป็นประธานบริษัทเพลงแห่งหนึ่ง หึ! ให้เดาผมคงเป็นนักแต่งเพลงเหมือนชีวิตจริงนั่นแหละ

   “ฟู่~”

   ผมถอนหายใจออกมาทันทีเมื่อเห็นชื่อของตัวเองในบรรทัดต่อมา และผม...เป็นนักแต่งเพลงอย่างที่คาดเอาไว้ ลาก่อนลูกในท้อง ลาก่อนการตั้งครรภ์อ่อนๆ ถุย!

   ‘โอ๊ย ผมเจ็บนะ คุณ...คุณผลักผมทำไม’

   เนื้อเรื่องดูเข้มข้นราวกับละครหลังข่าว ผมถูกผลักลงกับพื้น จากนั้นไอ้ยุคก็ย่างสามขุมมาหาด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด ก่อนใช้มือเชยคางของผมขึ้นมาอย่างแรง

   ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ จี้สัด!

   ชีวิตจริงมีใครทำแบบนี้บ้างวะ แต่ไม่เป็นไร นิยายย่อมมีความไม่สมจริงอยู่ในนั้นเสมอ ผมตั้งหน้าตั้งตาอ่านต่ออย่างนึกสนุก

   ‘เพราะนายมันร่านไง!’

   หืม เป็นนักแต่งเพลงที่ร่านด้วย ไม่เบาๆ

   ‘ผม...รักคุณ’

   ‘แต่ฉันไม่เคยรักนาย ออกไปซะ แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก’

   น้ำตากามเทพเหี้ยๆ ผมอ่านฉากเปิดตัวที่ออกจะดราม่าอย่างนึกขำ ในฉากเล่าอย่างละเอียดว่าตัวเองต้องคลานไปกับพื้น ยึดขาของประธานหนุ่มเอาไว้และอ้อนวอนเสียงสั่นเครือ

   ‘ได้โปรดให้ผมอยู่ต่อเถอะ’   

   ‘…’

   ‘ถึงจะลำบากแค่ไหนผมก็จะไม่ปริปาก ขอแค่...คุณยังให้ผมเป็นทาสเซ็กซ์ของคุณต่อไป’

   ว่าไงนะ...

   เรื่องก่อนท้อง เรื่องนี้กูเป็นทาสเซ็กซ์

   ว็อทเดอะฟ้าคคคคค ทำไมชีวิตไอ้ชยินถึงได้ต่ำตมถึงขนาดนี้ คิดแล้วเศร้า ขอพี่ปิดก่อนนะครับ ทำใจอ่านต่อไม่ได้จริงๆ เพราะแค่ตอนแรกก็อ้อนวอนขนาดนี้แล้ว ตอนหลังผมไม่ต้องโดนโซ่ แซ่ กุญแจมือเลยเหรอ

   อิจฉาไอ้ยุค เรื่องก่อนเป็นนักเขียน เรื่องนี้เป็นท่านประธาน ที่สำคัญได้กดผมด้วย โฮร่ลลลลลล ผมอยากกดชาวบ้านเขาบ้างทำไมถึงทำไม่ได้ ใจร้าย คนพวกนี้ใจร้ายกับหัวใจผมมากเกินไป

   ผมจะฟ้องแม่จ๋า แต่เพราะรู้ว่าแม่ต้องด่าสวนกลับมาว่าปัญญาอ่อนเลยระหกระเหินพาตัวเองไปนั่งเก้าอี้หน้าคอม ล็อกอินเข้าไปยัง MSN เพื่อจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้หมีใหญ่ฟัง

   ผมคิดว่าไอ้ริวอาจให้คำปรึกษาที่ดีได้ แม้เรื่องราวในแท็ก #YukYinCouple ชื่อของมันจะกลายเป็นมือที่สามระหว่างผมกับไอ้ยุคก็ตาม

   ก๊อกๆๆ

   อาจเพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลาเที่ยงคืนที่หมีใหญ่จะออน ผมจึงทำได้แค่ทิ้งข้อความมหาศาลเอาไว้ ซึ่งเป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ผมลากเท้าออกไปที่ประตู ตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูเพื่อเผชิญหน้ากับคนด้านนอก

   แทนที่จะเห็นใครบางคนยืนอยู่ พื้นที่ตรงหน้ากลับว่างเปล่า มีเพียงถุงซูปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่เท่านั้นที่ถูกแขวนไว้ด้านนอก

   ยุค...

   มีไม่กี่คนหรอกที่จะทำอะไรแบบนี้ ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนตัวสูงแต่ก็ไร้วี่แวว เลยตัดสินใจปิดประตู เดินตรงไปยังครัวเล็กๆ เพื่อดูของที่บรรจุอยู่ในถุง

   สิ่งแรกที่สะดุดตาเลยก็คือหนังสือของมูราคามิที่ห่างหายจากการได้รับมาค่อนข้างนาน ผมหยิบมันออกมา เปิดดูเนื้อความข้างในโดยคร่าว เผื่อว่าจะเจอข้อความที่แฝงเอาไว้ แต่ก็ไม่เจออย่างที่คิด

   นี่กูหวังอะไรอยู่วะ

   นอกจากนี้ในถุงยังมีนม น้ำผลไม้ ขนมปัง และของสดอีกสองสามอย่างที่พอประทังชีวิตเหี่ยวแห้งได้อีกหลายวัน ผมอยากถามเหตุผลจากไอ้ยุคว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ ทั้งที่ผมไม่ใช่คนดีอะไร ที่สำคัญก็ยังไม่รับรักเจ้าตัวเลยด้วยซ้ำ จะบอกว่าทำดีเพื่อหวังว่าผมจะชอบมันก็เป็นไปไม่ได้อีก

   ผมไม่ได้รักทุกคนที่ทำดีด้วย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มานั่งเหงาเหมือนทุกวันนี้หรอก ความจริงจะเอ่ยตัดสัมพันธ์ไปเลยก็ได้ แต่มันยังมีบางอย่างที่ผมไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจ รู้แค่ว่า...ลึกๆ ก็ไม่ได้อยากตัดขาดอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก

   งงตัวเองฉิบหาย ขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่เวลามาหาความกระจ่างเท่าไหร่ ผมสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แล้วหันไปจัดของสดในถุงใส่ตู้เย็น ยอมรับเลยว่าตั้งแต่มีไอ้ยุค ผมก็ไม่เคยรู้จักคำว่าอดอยากอีกเลย

   ติ๊ง!

   มือถือดังขึ้น ผมหันไปสนใจมันประมาณ 0.3 วินาทีก่อนจะกลับมาจัดเรียงของต่อ แต่...

   คือมึ๊งงงงงงงง เห็นแว๊บๆ ทางหางตาว่าจะมีข่าวดี กูรีบเตะปิดประตูตู้เย็นเสียงดังปังก่อนจะเอื้อมมือมาคว้ามือถือที่วางอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวอย่างเร็วรี่

   ก่อนเปิด ขอพี่สวดบริกรรมคาถาเพื่อชีวิตที่ร่ำรวยสักสามนาทีก่อนเถอะ หากสายตาไม่พร่ามัวหรือกำลังฝันอยู่ ข้อความที่เด้งเข้ามาใหม่ต้องมาจากอีเมลแน่นอน และส่วนใหญ่ร้อยละ 99.99% มักเกี่ยวข้องกับเรื่องงาน

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก กดมือแสนสั่นเทาลงไปที่หน้าจอมือถือแตกร้าว แล้วกวาดตาอ่านข้อความที่เพิ่งส่งถึงไม่นานด้วยใจเต้นรัวราวกับเต้นซุมบ้า

   เกร้ดดดดดดดดดด แม่เจ้าโว้ยงานเข้า ไอ้ชยินมีงานแล้วววววววว

   แทบจะวิ่งไปบอกคนทั้งคอนโด ดีใจจนต้องยืนเต้นโชว์หน้าเตาเพื่อบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่า นี่นะ...นักแต่งเพลงที่เฟื่องฟูแห่งยุคกำลังจะกลับมาแล้ว แถมคราวนี้งานงอกถึงสองงาน ด้วยเหตุผลที่พี่เขาได้อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้ว่า

   ชยินในทวิตเตอร์กำลังเป็นกระแส และผู้ใหญ่อยากให้ผมออกมาแต่งเพลงเพื่อดึงคนฟังกลุ่มหนึ่ง ถึงจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เขาไม่มองที่ความสามารถ แต่ผมก็บ่หยั้น กับเงินเราจะไม่พูดเยอะจ้ะ

   พี่โปรดิวเซอร์สุดที่รักของผมได้ส่งรายละเอียดของงานมาให้ งานแรกคือโปรเจ็กต์ของนักร้องในสังกัดคนหนึ่งที่มีแพลนจะทำอัลบั้ม โดยส่วนนี้จะมีทีมทำดนตรีอยู่แล้ว หน้าที่ของผมก็แค่แต่งเนื้อร้องใส่เข้าไป ซึ่งงานมันก็ไม่ได้ด่วนมาก สามารถทำไปอย่างชิลๆ ช่วยอาการแก้เหงาของมนุษย์ฟรีแลนซ์อย่างผมได้ดีทีเดียว

   งานที่สองเป็นงานที่รอให้ผมเป็นฝ่ายเริ่มต้น เป็นซิงเกิ้ลสำหรับนักร้องสายประกวดคนหนึ่งที่กำลังมีเพลงเป็นของตัวเอง แล้วเขารีเควสมาว่าอยากได้ผมเป็นคนแต่งเพลงให้ แต่ผมมีเวลาแค่ไม่กี่วันในการทำส่วนของดนตรี และต้องส่งเข้าให้ที่ประชุมเคาะอนุมัติ หากผ่านก็จะได้แต่งเนื้อร้องต่อไป

   พี่โปรดิวเซอร์ถามว่าเวลากระชั้นแบบนี้จะรับมั้ย ตอบเลยว่ารับจ้า!

   นี่วิ่งไปหยิบกีตาร์มาแล้วนะคะที่รัก

   เข้าสู่ช่วงไม่เลือกงานไม่ยากจน

   ยิ่งโจทย์ของเพลงที่ต้องเกี่ยวกับการตกหลุมรักใครสักคนด้วยแล้วนี่ยิ่งเป็นของถนัด พี่แถแด๊ดๆ มานักต่อนักแล้ว สุดท้ายขายดีเป็นเททิ้งเทขว้าง ขึ้นไปติดชาร์ตสูงๆ ตั้งหลายสัปดาห์

   เพลงอกหักก็ยิ่งแต่งได้ดี แต่พอดีเขาไม่ได้ขอมาเลยอยากโม้ให้ฟังนิดหน่อย

   “พี่กลับมาแล้วแฟนเพลงทั้งหลาย” สร้างกำลังใจให้ตัวเองเสร็จก็เดินกลับไปหยิบกาแฟกระป๋องออกมา จัดเตรียมของกินรองท้องเสร็จสรรพก่อนจะตั้งท่าเปิดสมุด และหยิบกีตาร์ขึ้นมาอย่างทะมักทะแมง

   นักแต่งเพลงบางคนอาจจะถนัดใช้เปียโนในการทำเดโม่ แต่กับบางคนก็ถนัดใช้กีตาร์มากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่ความถนัดของใครของมัน

   เคยมีคนบอกว่าผมเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ของนักแต่งเพลง บางครั้งไม่ต้องเค้นอะไรทุกอย่างก็พรั่งพรูเข้ามาในหัวเต็มไปหมด เมื่อก่อนผมแต่งเพลงได้เร็วมาก งานเผาคืนเดียวที่เคยทำก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดยี่สิบกว่าปีหยิบมาเขียนอะไรได้เยอะแยะมากมาย

   ดังนั้นมันจึงไม่ยากเลยที่จะแต่งเพลงสักเพลงหนึ่งขึ้นมา โดยมีเงินเป็นของหวานสำหรับความพยายาม

   “เพลงเป็นเชิงโพสสิทีฟ” ผมก้มลงอ่านโน้ตที่เขียนแปะเอาไว้ ก่อนเริ่มเกากีตาร์ไปพลางๆ อยู่เกือบชั่วโมง ลองผิดลองถูกไปอย่างนั้น

   เที่ยงคืนก็เปลี่ยนอิริยาบถไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะคอม ล็อกอินเข้าไปคุยกับหมีใหม่และอวดโม้ถึงงานที่เพิ่งได้มาจนดึกดื่น เช้าวันต่อมาผมเริ่มลูปเดิมอีกครั้ง

   ดีจริงที่เมโลดี้มันหลั่งไหลออกมาจากหัวราวกับน้ำไหล แค่หนึ่งคืนกับอีกครึ่งวันมันก็เสร็จจนสามารถส่งให้ที่ประชุมได้แล้ว ช่วงเย็นของวันเดียวกันผมได้รับข่าวดีทางอีเมล งานของผมผ่านครึ่งทางไปอย่างฉลุย เลยกะเขียนเนื้อเพลงต่อทันที

   แต่...

   บุญมีแต่กรรมบังจริงๆ เลยกู เพราะต่อให้เขียนยังไงก็ไม่ถูกใจสักที คำโดนๆ ที่อยากเอามาใส่ในท่อนฮุกก็ว่างเปล่าเหมือนกระเป๋าสตางค์แบนๆ ที่ถูกโยนอยู่มุมห้อง ทั้งที่เพลงของคนมีความรักมันโคตรเป็นอะไรที่เบสิค แต่ผมกลับคิดไม่ออกสักที

   ตอนกลางคืนผมตัดสินใจปรึกษาปัญหานี้กับหมีใหญ่ ซึ่งมันก็พอแนะนำให้ว่าต้องใช้เวลาในการเข้าถึงอารมณ์อยู่บ้าง แต่คืองานมันกระชั้นเข้ามาแล้วไง เอาเวลาที่ไหนให้กูดื่มด่ำก่อนเสพงานเหรอ

   สุดท้ายตัดประเด็นไป ผมยังคงดั้นเขียนเพลงต่อเหมือนคนหลงทาง ได้เนื้อเพลงมาในระดับที่พอถูไถเลยลองส่งให้ทางทีมดู ผลสรุปอีกวันเคาะเพลงไม่ผ่าน คือถ้าผ่านนี่ปาฏิหาริย์ในรอบพันปีเลยเถอะ

   ผมได้งานกลับมาแก้ใหม่ แต่รอบนี้ไม่มีใครคอนเฟิร์มว่าถ้าหากไม่ผ่านรอบสองอีก งานอาจจะหลุดมือไปในที่สุด คิดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา เจ็บกว่าอ่านนิยายที่ตัวเองท้องหรือเป็นทาสเซ็กซ์หลายเท่าก็คราวนี้แหละ

   ไอ้ยุคหายไปสารบบของผมหลายวันโดยไม่โผล่หน้ามา ไอ้ริวโทรมาหาเป็นครั้งคราวพยายามชักชวนให้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกเผื่อจะคิดอะไรออก แน่นอนว่าผมทำตามข้อเสนอนั้น โดยไม่คิดปริปากพูดความจริงที่ได้ล่วงรู้ว่ามันคือหมีใหญ่ และยังคงทำเนียนเป็นคนโง่ๆ ต่อไป

   เราแยกย้ายกันเมื่อไอ้ริวต้องลงไปอยู่เวรที่ ER ส่วนผมก็ขอตัวกลับมานั่งแต่งเพลงต่อ นิดหน่อยก็พอถูไถไปได้ แต่ก็ยังคิดว่ามันไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ความจริง...ผมอาจจะไม่อินกับความรักก็ได้ มันนานจนจำไม่ได้แล้วว่าความรู้สึกของการเริ่มต้นความสัมพันธ์เป็นยังไง

   นี่อาจเป็นเรื่องยากที่สุดในการแต่งเพลงนี้ออกมา

   “เบื่อๆๆ” บ่นกับตัวเองจบก็ทำได้แค่เดินวนไปเวียนมาจนปวดหัว ผมไม่สามารถล้มตัวลงนอนและข่มตาหลับได้ เนื่องจากภาระที่หนักอึ้งนี้กำลังทับตัวจนหายใจไม่ออก

   เที่ยงคืนผมแชทคุยกับไอ้ริวผ่านทาง MSN อีกรอบ มันเป็นผู้ฟังที่ดี เวลาผมบ่นอะไรมันก็จะนิ่ง ไม่พิมพ์ตอบกลับมา แค่รับรู้ว่าเจ้าตัวยังคงอ่านทุกข้อความที่พิมพ์ถึงอยู่ ผมก็รู้สึกอุ่นใจแปลกๆ

   เช้าวันรุ่งขึ้นผมลืมตาขึ้นมาด้วยสภาพร่างกายเมื่อยขบ ลำคอแห้งผาก ตาสองข้างลืมแทบไม่ขึ้นแต่ก็ยังฝืน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้ผมไม่ได้นอนอยู่บนเตียง แต่ฟุบหลับไปกับเศษกระดาษมหาศาลบนพื้นจนถึงเช้า

   “โอ๊ยยยยยย ไอ้เหี้ยโอ๊ยยยยยยยย” ผมโวยวายทันที

   ตะคริวแดกตูด เชี่ย โอยยยยยยยยยย

   ต้องโก่งตูดเพื่อคลายเส้นอยู่นานกว่าจะหาย สัด! งานเร่งมันทรมานอย่างนี้นี่เอง

   ผมไม่กินข้าวเช้า ดื่มแค่น้ำแล้วเดินไปล้างหน้าให้หายง่วง จากนั้นก็กลับมานั่งหาไอเดียในการแต่งเพลงต่อ จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเคลื่อนผ่านเป็นวัน ผมจมจ่อมกับความว่างเปล่าของกระดาษโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย

   ในหัวเริ่มหนักอึ้ง ผมอยากหลับ แต่ก็พยายามส่ายหัวไปมาเพื่อให้ร่างกายยังคงตื่น นาฬิกาฝาผนังบ่งบอกว่ามันกำลังเวียนมาถึงเที่ยงคืนอีกครั้ง ผมเดินไปที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ กดเปิดมันด้วยความรู้สึกตึงเครียดเพื่อหวังจะให้ตัวเองได้ระบายมันออกมา

   เอ็มเอสเอ็นยังเป็นสิ่งเดียวที่ผมมีอยู่ หลังกดล็อกอินเข้าไปผมก็เห็นว่าไอ้หมีใหญ่ออนไลน์อยู่ก่อนแล้ว แปลกมาก แม่งโคตรผิดวิสัยของคนที่มักมาตอนเที่ยงคืนเป๊ะๆ แต่คืนนี้กลับมาก่อนถึงสิบนาที

   ผมไม่รอช้า พิมพ์ข้อความทักทายมัน
   

   Chayin says…      ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแน่ๆ อะไรดลใจให้มึงออนก่อนเวลาวะ
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   จะมาอยู่ปลอบใจมึง ได้ข่าวว่าเครียด ใกล้ตายยัง
   Chayin says…      มึงสิตาย!


   ผมว่าผมเจอเรื่องเครียดกว่าการแต่งเพลงละ กวนตีนกูไม่ดูหน้าเลย


   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   อ่ะ กูเอากำลังใจมาให้ ช่วยเปิดวิทยุไปที่คลื่น 102.789 หน่อย
   Chayin says…      มีอะไร ตื่นเต้นๆ >//<
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   กูโทรไปขอเพลงมึงกับทางสำรวยเรดิโอ มึงจะได้มีแรงแต่งเพลงต่อ
   Chayin says…      ตื้นตันใจฝุดๆ


   ถุย สำรวยเรดิโอนี่ใช่วิทยุชุมชนมั้ยวะ ทำไมเกิดมากูไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วคือมีจัดอันดับเพลงฮิตติดชาร์ตมั้ย กลัวต้องไปแย่งตำแหน่งพี่ๆ นักร้องค่ายอื่นมาก

   แต่สิ่งที่กลัวที่สุดของวิทยุชุมชนสำหรับผมเลยก็คือการขอเพลง แม่งไม่อยากเปิดมาเจอน้องกิ๊ฟหนองจอก ขอเพลงให้พี่ก้องบ้านใต้อะไรแบบนี้ คนจีบกันผ่านวิทยุไม่ผิด แต่ผิดที่กูไม่อินไง

   สรุปผมก็ไม่ได้เปิดไปฟังเพลงตามที่ไอ้หมีใหญ่บอก แต่เลือกใช้เวลาทั้งหมดกับการพิมพ์เถียงมันแทน


   Chayin says…      กวนตีนกูเสร็จแล้วก็รีบออฟไลน์ไปเลย ตอนนี้งานล้นมือมาก แต่ที่คุยกับมึงได้
   Chayin says…      เพราะเจียดเวลามาคุยนะเนี่ย
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ชยิน มึงแม่งเพ้อเจ้อว่ะ
   Chayin says…      -_-
    0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ยังคิด lyrics ไม่ได้สินะ
   Chayin says…      รู้ดีอย่างกับเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูเลย
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ขอบคุณที่ชม


   ไอ้เหี้ย กูด่ามึงอยู่สัด


   Chayin says…      ที่กูมาคุยกับมึงก็เพราะหวังว่ามึงจะช่วยอะไรได้บ้าง
   Chayin says…      แต่แม่งสุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถามจริง มึงเกลียดอะไรกูวะ


   ไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมา ความรู้สึกผิดเริ่มจู่โจมฉับพลันหลังเกิดอารมณ์ชั่ววูบจนเผลอพิมพ์ข้อความก่อนหน้านั้นออกไป ยอมรับเลยว่าเครียดมาก แต่จะให้ทำไงวะ

   คำว่า ‘ขอโทษ’ ถูกพิมพ์ค้างไว้ แต่ก็ยังไม่ได้กดส่ง

   พลันข้อความจากอีกฝ่ายเด้งขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ผมกวาดตามองตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น ก่อนมือที่จับคีย์บอร์ดจะสั่นขึ้นมาดื้อๆ
 

   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   กูไม่ได้เกลียดมึง ชยิน จริงๆ แล้ว...
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   กูชอบมึงนะ
   

   กูชอบมึงนะ

   กูชอบมึงนะ

   กูชอบมึงนะ!
   


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-01-2018 00:41:21
   เหยดดดดดดดดดดดด เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้

   ผมอ่านทวนข้อความตรงหน้าอยู่หลายรอบ แต่ก็ค้นพบว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดถึงขนาดอ่านตัวหนังสือพวกนั้นผิดไป จิตใจยังคงสั่นรัว มือไม้ที่พาดอยู่บนคีย์บอร์ดปัดป่ายสะเปะสะปะ

   พยายามพิมพ์ข้อความมากมายมาหักล้างแต่ก็ลบ ทำแบบนี้อยู่ซ้ำๆ กระทั่งตัดสินใจพิมพ์ข้อความว่า ‘ล้อเล่นหรือเปล่า’ กลับไป แต่โปรแกรม MSN กลับไม่ส่งให้ตามที่หวัง

   “เป็นเหี้ยอะไรอีกวะเนี่ย”

   พูดไม่ทันขาดคำ หน้าต่างใหม่ก็เด้งขึ้นมา เป็นสัญญาณลาขาดของหมีใหญ่แบบตลอดกาล

   ครบรอบ 30 วันของการใช้โปรแกรมทดลอง MSN เวลาเวียนกลับมาที่เที่ยงคืนพอดิบพอดี และต่อไปผมจะไม่ได้คุยกับ 0832/676 อีก

   มันเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งเสียใจ อึดอัด ตึงเครียด และสับสนงุนงง เพราะก่อนหน้าผมเพิ่งพิมพ์ข้อความเหวี่ยงๆ ไปให้ ก่อนจะได้รับข้อความบอกรักตอบกลับมา แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่พิมพ์มานั้นเป็นเรื่องจริงหรือล้อเล่น

   ผมถามหาคำตอบนั้นจากหมีใหญ่ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นเลยไม่รอช้ารีบคว้าโทรศัพท์ต่อสายหาเพื่อนรักอย่างไอ้เบิร์ดทันที

   [โทรมาทำไมดึกดื่นวะ] มันแม่งก็โมโหใส่กูแบบนี้ตลอด

   “เมพ โปรแกรมมึงหมดอายุแล้วว่ะ มีวิธีไหนทำให้กูกลับไปคุยกับคนใน MSN ได้อีกมั้ยวะ” ผมอยากถามให้หายคาใจ จากนั้นก็ถือว่าจบกัน

   [ไม่ได้แล้ว กูทำไว้แค่นั้นแหละ]

   “แต่กูอยากรู้คำตอบ กูจะนอนไม่หลับถ้ามันยังค้างคาอยู่แบบนี้”

   [ถามจริง มึงคุยอะไรกับใครมา อาการหนักไม่เบานะเนี่ย]

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนกรอกเสียงลงไปทีละคำอย่างเน้นๆ

   “ฟังนะ ไอ้-ริว-บอก-ชอบ-กู”

   [อะไรนะ! แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยย มึงฝันเหรอชยิน]

   “ฝันก็ดีสิ กูถึงอยากรู้คำตอบไงว่าที่บอกว่าชอบเนี่ยจริงหรือเล่น”

   [มึงไปเค้นเอากับตัวจริงเลย แต่ถามหน่อย มั่นใจใช่มั้ยว่าหมีใหญ่คือไอ้ริว] น้ำเสียงนั้นดูคลางแคลงใจเล็กน้อย

   ผมเคยพูดเรื่องนี้กับไอ้เบิร์ด บอกมันถึงข้อสันนิษฐานต่างๆ ที่หมีใหญ่อาจจะเป็นไอ้ริวตามคาด แต่เพื่อนเมพก็ยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่ นอกจากบอกให้รอพิสูจน์ความจริง

   บอกตามตรงเลยนะว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของผมยังไงก็คิดว่าเป็นไอ้ริวเนี่ยแหละ ไม่อย่างนั้นตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่ผมเครียดเรื่องแต่งเพลง มันจะออกตัวชวนผมไปหาแรงบันดาลใจข้างนอกทั้งที่ตัวเองก็ยุ่งขนาดนั้นทำไมวะ มันดูเป็นไปไม่ได้เลย

   “กูมั่นใจ” เอ่ยตอบกลับไปยังปลายสายด้วยเสียงหนักแน่น

   [ถ้ามั่นใจก็หาโอกาสถามมันเองเถอะ หน้าที่ของโปรแกรมจบลงแล้ว เหลือก็เป็นส่วนของมึงแล้วล่ะ]

   นั่นเป็นประโยคยืดยาวของไอ้เบิร์ดก่อนสายจะตัดไป

   ผมเดินวนอยู่ในห้อง คิดเรื่องราวสารพัดในหัว ก่อนกลับมานั่งตรงหน้าจอคอมอีกครั้งเพื่อกดตกลงในการปิดโปรแกรมโดยถาวร

   จู่ๆ ก็ใจหายขึ้นมาเฉยเลยว่ะ ลาก่อนหมีใหม่ ลาก่อน 0832/676

   ชีวิตจริงจะมีสักกี่ครั้งที่เราจะเจอดวงดาวที่ห่างไกลขนาดนี้ ได้คุยกันแต่เหมือนอยู่คนละโลก และวันหนึ่งก็ต้องแยกย้ายไปอยู่ในโลกของตัวเอง

   ผมยังจำวันแรกที่เราคุยกันได้ดี มันบอกกับผมด้วยข้อความสุดกวนตีน ‘ไม่ชอบบอกชื่อกับคนแปลกหน้าว่ะ’ แต่วันสุดท้ายที่ได้คุยกัน แม่งกลับบอกว่า ‘กูชอบมึง’ เฉย

   สองประโยคนี้อึ้งเหมือนกัน แต่ความรู้สึกต่างกันฉิบหาย

   สุดท้ายแล้ว...ผมก็ไม่รู้ชื่อของมันผ่านทางเอ็มเอสเอ็นอยู่ดี

   “เชี่ย...ฮาร์ทแอทแท็กว่ะ”

   จู่ๆ ประโยคบางอย่างก็พุ่งกระแทกใส่หัวอย่างจัง ผมรีบวิ่งไปที่สมุดจดเนื้อเพลง ขีดเขียนข้อความบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็ว ความคิดต่างๆ พรั่งพรูออกมาไม่หยุดจนผมกลัวว่ามันจะปลิวหายไป

   เนื้อเพลงที่หายไปจากความรู้สึก สิ่งที่ผมพยายามเค้นอย่างหนักตลอดหลายวันแต่กลับสูญเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้มันจะกระจ่างชัด

   ผมบอกว่าไอ้หมีใหญ่ช่วยอะไรผมไม่ได้เลย แล้วดูตอนนี้...มันต่างหากที่ช่วยผม

   เราไม่เคยรู้จักความรัก

   เราเดินมาทำความรู้จักมันเหมือนที่คนอื่นอยากรู้จัก

   ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันคือรักจริงๆ ใช่มั้ย

   แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป เรากลับเข้าใจอีกอย่างหนึ่งว่า...

   เราไม่ต้องรู้จักกับความรักก็ได้ แค่เราได้รู้จักคุณก็พอ

   นี่คือคอนเส็ปที่ผมอยากเขียน ก่อนจะร้อยเรียงทุกประโยคนั้นให้ออกมาสวยงาม

   ผมอยู่กับกระดาษ สมุด ดินสอ และกีตาร์ตลอดหลายชั่วโมงก่อนเนื้อเพลงท่อนสุดท้ายจะถูกเขียนจบ มันเป็นความรู้สึกที่โคตรมหัศจรรย์ แสงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนลงมืออัดเสียงในเวอร์ชั่น Acoustic บีบอัดไฟล์ แล้วส่งเดโม่ไปทางอีเมล

   วินาทีนี้ไม่สามารถข่มตาหลับได้อีกจนกว่าจะได้ทราบผล หัวสมองแม้หนักอึ้งจากการอดนอนมานานไม่ได้ทำให้ผมถอดใจ ยังคงนั่งรออีเมลอย่างจดจ่อ จากเช้าเปลี่ยนเป็นเที่ยง แล้วตอนเย็นกำลังผ่านพ้น

   ร่างกายเหนื่อยจนหมาหอบแดด สองทุ่มไม่มีข้าวตกถึงท้อง ผมรออย่างมีความหวัง

   ติ๊ง!

   กระทั่งอีเมลฉบับใหม่ถูกส่งเข้ามา ผมรีบกดเปิดข้อความนั้นก่อนจะดีใจอย่างลิงโลดเมื่อเพลงที่พยายามแต่งมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ได้รับการอนุมัติ

   “ดีฉิบหายเลย” ผมพูดกับตัวเอง ชมตัวเอง ขอบคุณตัวเอง

   วันนี้จะนอนให้เต็มอิ่ม กินให้หายอยาก จะทำทุกอย่างที่อยากทำ เมื่อคิดแล้วก็ตั้งท่าจะก้าวไปยังห้องครัว หากแต่ภาพตรงหน้ากลับฉายภาพไม่ชัดนัก มันโคลงเคลงไปมา พร่ามัวในบางครั้งจนรู้สึกว่าสองขาที่กำลังทรงตัวอยู่นั้นกำลังหมดเรี่ยวแรงทีละนิด

   ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก

   ห้ามรักงานมากเกินไป...

   ตุบ!










   เดี่ยวศตวรรษ...

   ผมยืนอยู่หน้าห้องของคนที่คุ้นเคย ในมือถือถุงซูปเปอร์มาเก็ตติดมาด้วย หลายวันมานี้ผมไม่ได้คุยกับชยินเท่าไหร่นอกจากในเอ็มเอสเอ็น เพราะไม่อยากกวนเวลางานเลยทำได้แค่แวะเอาของมาแขวนไว้ตรงประตูเท่านั้น

   และเมื่อวานหลังรู้ว่าโปรแกรมกำลังหมดอายุ ผมจึงรวบรวมความกล้าบอกความรู้สึกกับเขาอีกครั้ง

   แม้ไม่ได้คำตอบแต่ก็ยังดีที่ได้บอก

   เดาว่าเขาคงส่งเพลงให้กับค่ายไปแล้ว วันนี้เลยกะมากวนประสาทสักหน่อย อยากเห็นหน้า อยากฟังเสียง อยากดูปากเล็กๆ นั้นเถียงฉอดๆ ไม่หยุด คิดแล้วก็ตลกดี ด้วยไม่อยากเสียเวลานักจึงลงมือเคาะประตูอยู่สองสามครั้ง

   แต่คนด้านในกลับไม่ขานตอบ ผมเคาะใหม่ และคำตอบก็เหมือนเดิม

   ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้งจนต้องตัดสินใจกดเบอร์โทรศัพท์ไปหาเจ้าตัว ผมได้ยินเสียงเรียกเข้าจากด้านใน ไฟในห้องก็ยังคงเปิด แต่ทำไมถึงไม่มีคนรับสาย พยายามอยู่หลายครั้งจนมั่นใจว่าชยินคงไม่ได้อาบน้ำแน่เลยตั้งใจลงไปข้างล่างเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่แล้วประตูห้องก็เปิดออกซะก่อน

   “ชยิน”

   “ฮือ จะโทรมาทำไมนักหนา ผมรำคาญนะ” เขาบอกเสียงแหบแห้ง ดวงตาแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง แม้แต่สองเท้าก็ยืนแทบไม่มั่นคง

   “เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ ผมเอื้อมมือข้างที่ว่างไปแตะหน้าผากก่อนจะเลื่อนลงไปมาที่ลำคอขาว ซึ่งก็พบว่าชยินตัวร้อนราวกับโดนไฟลวก

   “ง่วง”

   “ไม่ง่วงก็หิวมีอยู่สองอย่างแค่นั้นแหละ ตอนนี้คุณป่วย ไปหาหมอมั้ย”

   คนตรงหน้าส่ายหัวไปมา ผมเลยดันตัวเข้ามาภายใน วางถุงของสดไว้บนโต๊ะก่อนจูงมือคนตัวเล็กกว่าให้กลับไปนอนในห้อง

   สภาพห้องที่เห็นตอนนี้เต็มไปด้วยกระดาษที่ถูกขยำทิ้ง สมุดจดเพลงหลายเล่ม ขี้ดินสอ ปิ๊กกีตาร์ และขยะอีกมากมายที่ทิ้งเกลื่อนอยู่เต็มพื้น หากแต่เจ้าของห้องกลับไม่คิดใส่ใจ เดินเหมือนละเมอแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน

   “ก่อนหน้านั้นผมล้มด้วยแหละ อือ เจ็บตูดไปหมด” เจ้าตัวปรือตาขึ้น ขยับปากฟ้องเหมือนกับเด็กๆ

   ผมทิ้งตัวนั่งข้างเตียง เลื่อนมือไปจับซีกหน้าที่แดงเรื่อเพราะพิษไข้ก่อนเอ่ยถาม

   “ไม่ได้นอนมากี่วัน”

   “ตั้งแต่เมื่อวาน จริงๆ ก็นอนหลับไม่เต็มอิ่มมาเป็นอาทิตย์แล้ว”

   “วันนี้ได้กินข้าวมั้ย”

   “ไม่”

   “ที่ผ่านมากินอะไร”

   “กาแฟ”

   “โคตรน่าตีเลย”

   คนนอนเบะปากใส่ ผมเลยทำเป็นไม่สนใจเดินไปหาผ้าขนหนูมาชุบน้ำหมาดๆ เพื่อเช็ดตัว ก่อนจะหาข้าวและยามาให้คนป่วยกิน สาบานได้ว่าถ้าวันนี้ผมไม่แวะมาหาที่ห้องชยินอาจจะนอนซมโดยไม่มีใครดูแลไปทั้งคืน

   แค่คิดในใจมันก็ว้าวุ่นไปหมด ผมบิดผ้าขนหนูในมืออย่างหมาดๆ สาวเท้าไปหาร่างบางที่นอนหอบหายใจอยู่บนเตียง

   “ขอผมเช็ดตัวคุณหน่อย” คนฟังกะพริบตาปริบๆ แต่ก็ยอมนอนนิ่งให้ผมใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปตามร่างกาย เริ่มตั้งแต่ใบหน้าและลำคอ

   “เพลงผมผ่านแล้วนะ” ชยินเอ่ยเสียงแผ่ว ริมฝีปากคลี่ยิ้มราวกับมีความสุขหนักหนา

   “ยินดีด้วย แต่ต่อไปถ้าไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ก็ไม่ต้องแต่ง”

   “แล้วผมจะเอาอะไรกินอ่ะ”

   “ผมเลี้ยงคุณเอง”

   “ตลกน่า” ผมเลื่อนมือเช็ดไปตามแขน ก่อนสอดเข้าไปใต้เสื้อเพื่อเช็ดหน้าอก

   คนใต้ร่างกุมหน้างุด เม้มริมฝีปากแน่นและเอาแต่นอนตัวเกร็งจนน่าสงสาร ผิวที่แดงเรื่อเพราะพิษไข้ก็ยิ่งแดงขึ้นอีกเป็นเท่าตัวจนเหมือนจะสุก เห็นแล้วแม่งแทบอดใจไม่ไหวจับลากลงเตียงแล้วพาไปบรรเลงเพลงให้มันรู้แล้วรู้รอด

   “ชยินไม่ต้องเกร็ง ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณ” แม้ใจอยากจะทำก็ตาม

   “ก็มันไม่เคยมีใครเช็ดตัวให้นานแล้วอ่ะ ไม่ชิน”

   โอ้โหทั้งน้ำเสียงและแววตา แม่มึงเอ๊ยยยยยยย ผมล่ะอยากกัดให้จมเขี้ยว ฟอนเฟ้นให้เละคามือ น่ารักเกินไปแล้วมนุษย์เด็กน้อย

   ถึงแม้ในใจจะคิดเลวเอาไว้แค่ไหน แต่ภายนอกก็ทำได้เพียงคีพลุคเคร่งขรึมเอาไว้เท่านั้น

   “งั้นก็เริ่มชินได้แล้ว หันหลังให้ผมหน่อย” คนตัวเล็กกว่าทำตามอย่างว่าง่าย เปิดโอกาสให้ผมสอดผ้าเข้าในลูบไล้แผ่นหลังเนียนเรียบ

   ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ โป่งพองแล้วหนอ

   แข็งขึ้นมาใครจะรับผิดชอบวะ กับคนป่วยก็ไม่อยากจะเว้นเลยจริงๆ

   ช่วงบนเสร็จแล้วคราวนี้มาต่อที่ช่วงล่างบ้าง ดีหน่อยที่ชยินสวมกางเกงขาสั้น มันเลยง่ายต่อการเช็ดตัว เริ่มตั้งแต่ปลายเท้าระเรื่อยขึ้นมาจนถึงน่องและส่วนของข้อพับ ขาที่ขาวสะอาดนั้นปลุกเร้าอารมณ์คนมองได้ไม่เบาเลย เช็ดไปอารมณ์ก็เริ่มเตลิด จนมือเผลอไปโดนส่วนกลางลำตัวของอีกฝ่ายเข้า

   เจ้าของร่างสะดุ้งเฮือก ก่อนห่อตัวเหมือนกุ้งแล้วบอกเสียงสั่น

   “ไม่เอาแล้ว ไม่เช็ดแล้ว” ผมหัวเราะอย่างนึกขำ ก่อนเอ่ยแซวตามประสา

   “แค่มือแตะโดนนิดเดียวตัวคุณก็แดงไปหมด เร่าร้อนไม่เบานะเรา”

   “ไปเหี้ยไกลๆ ไป”

   “โอเค เช็ดตัวอีกรอบเสร็จก็จะไปเหี้ยไกลๆ ให้” บอกแค่นั้นแล้วจึงผละออกไปยังห้องน้ำ เพื่อซักผ้าขนหนูและกลับมาเช็ดคนป่วยอีกรอบ

   ตัวชยินก็แดงแล้วแดงอีกจนเริ่มไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะพิษไข้หรืออายกันแน่ ผมมองใบหน้าของคนบนเตียงแน่นิ่ง ส่วนเจ้าของดวงตากลมก็ไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด นอกจากปรือตามองกลับ

   “หน้ามีรูขุมขนป่ะ” ผมถาม

   “ก็หล่ออ่ะ”

   “น่ารักต่างหาก”

   “ผมไม่ชอบคำนี้”

   “ชยินน่ารัก”

   “ไปไกลๆ เลยโว้ย”

   “น่ารัก น่ารัก น่า...”

   ปั่ก!

   พูดไม่ทันจบประโยคตีนขวาแม่งถีบผมเข้าให้ ความแรงของมันพอๆ กับการถูกที่กั้นรถไฟฟ้าหนีบเข้าอย่างจัง จนผมต้องดึงกางเกงลงมาเล็กน้อยท่ามกลางเสียงโวยวายของคนตรงหน้า

   “จะทำอะไร ถอดกางเกงทำไม”

   “รับผิดชอบเลยคุณ” ผมชี้ให้อีกฝ่ายดูรอยแดงตรงสะโพกที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ

   “ทำตัวเองอ่ะ”

   “ตีนคุณไง”

   “ก็คุณพูดคำว่าน่ารัก”

   “ก็คุณน่ารักจริงอ่ะ”

   ไม่มีการโต้เถียงกลับ ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รับฟังอะไรอีกแล้ว เพราะเล่นตลบผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวเพื่อหลีกหนีการพูดคุย ผมเลยเดินไปดึงออกเพื่อให้เจ้าตัวหายใจได้สะดวกขึ้น แล้วเปลี่ยนไปปิดไฟในห้องนอนเพื่อลดแสงแยงตาแทน 

   ชยินครางอืออาได้สักพักก่อนจะเงียบไป

   ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะปลีกตัวไปที่ครัวเพื่อทำอาหารง่ายๆ ให้คนป่วย ดีที่วันนี้ติดโจ๊กสำเร็จรูปมาด้วย สิบนาทีให้หลังอาหารจึงเสร็จเร็วตามคาด

   ส่วนยาลดไข้หรือยาแก้ปวดที่ห้องก็ยังพอมีเลยไม่ต้องลำบากลงไปซื้อข้างนอกอีก ผมถือวิสาสะเดินกลับไปยังห้องนอนอีกครั้ง กดสวิตช์เปิดไฟจนทั่วบริเวณสว่างจ้า แน่นอนว่ามันรบกวนการนอนของเขา แต่ผมก็คงให้เจ้าตัวหลับไปทั้งที่ไม่มีอาหารในท้องไม่ได้

   “ชยินตื่นมากินข้าวกับยาก่อนเดี๋ยวค่อยนอนต่อ” ร่างบางดิ้นขลุกขลักไปมาก่อนจะปรือตาขึ้น สีหน้าดูไม่พอใจเล็กน้อย

   ริมฝีปากได้รูปแห้งแตก ผมยกหลังมือขึ้นมาแตะหน้าผากเพื่อเช็กอุณหภูมิอีกครั้ง แล้วก็พบว่าอาการยังคงไม่ดีขึ้น

   “ผมไม่หิว”

   “คุณไม่สบาย ไม่หิวก็ต้องกิน”

   “ไม่”

   “คงไม่อยากหายสินะ” ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้ปกครองที่กำลังตะล่อมให้เด็กกินข้าวหรือผักให้หมดจานเลยว่ะ

   “ป่วยได้ก็หายเองได้” ว่าแล้วร่างบางก็พลิกตัวหันหลังใส่

   “หันมาคุยกันหน่อยสิ”

   “ไม่”

   “ชยินอย่าดื้อ”

   “...”

   “เด็กน้อยมองหน้าผมหน่อย”

   สิ้นสุดประโยคนั้นผมไม่รอให้คนป่วยทำตามคำสั่ง นอกจากรั้งไหล่บางให้กลับมานอนหงายแล้วลูบแก้มเจ้าตัวอย่างนึกเอ็นดู

   “กินข้าวและกินยา แล้วเดี๋ยวคุณก็จะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม เข้าใจมั้ย”

   “ขะ...เข้าใจ” น้ำเสียงบางเบานั้นแทบปลิดปลิวไปในอากาศ สำหรับผมมันเป็นเสียงที่เพราะมาก จนต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามนอกจากรั้งให้เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง วางโต๊ะญี่ปุ่นเอาไว้พร้อมกับอาหารที่เพิ่งทำเสร็จ

   “อันนี้โจ๊ก แล้วนี่ก็น้ำกับยา” ผมบอกเสียงเรียบ

   “ขอบคุณนะ” ชยินเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม เอื้อมมือไปจับช้อนด้วยตัวเอง

   “เราย้ายมาอยู่กินด้วยกันเลยมั้ย”

   “เป็นบ้าเหรอ”

   “คุณไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ ทำอาหารไม่เป็นผมก็จะไม่ว่า”

   “คุณจะทำให้หรือไง”

   “เปล่า ซื้อกิน”

   “ชีวิตดีมาก เชิญกลับเอาไปฝันที่บ้านเลยครับ ผมไม่เอาด้วยหรอก” ก็ไม่หวังจะได้รับการตอบรับอยู่แล้ว

   ผมใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการคะยั้นคะยอให้คนตรงหน้าค่อยๆ กินโจ๊กทีละคำจนเริ่มพร่อง หลังจากนั้นก็ป้อนยาและจัดให้เขาได้นอนในท่าที่สบายขึ้น ส่วนตัวเองก็หันมาจัดการพื้นที่ตรงครัว เก็บของสดทุกอย่างใส่ตู้เย็นเอาไว้ ความจริงจะหนีกลับเลยก็ได้ แต่ใจก็นึกห่วงว่าคนที่นอนป่วยอยู่ในห้องจะไม่สบายกลางดึก จึงตัดสินใจปักหลักอยู่ที่นี่

    นอนพื้นข้างเตียงเงียบๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรำคาญ

   “ยังไม่กลับอีกเหรอ” แต่เหมือนผมจะเสียงดังเกินไปจนทำให้เขาตื่น และเพราะห้องค่อนข้างมืด ผมเลยไม่รู้ว่าเขากำลังทำหน้ายังไงอยู่

   “ผมอยากเฝ้าคุณ กลัวไข้ขึ้นอีกจะไม่มีใครดูแล”

   “แล้วนอนทำไมตรงนั้น”

   “จะใจดีให้ผมขึ้นไปนอนบนเตียงกับคุณเหรอ”

   “จ้างล้านนึงผมก็ไม่ให้คุณขึ้นมานอนบนเตียงผมหรอก” เราต่างคนต่างเงียบไปอึดใจหนึ่ง ทว่าก็ผมก็ยังตัดสินใจจะบอกให้เขาสบายใจขึ้น

   “คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่มีความคิดจะทำอะไรไม่ดีกับคุณทั้งนั้น”

   “ไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย”

   “...”

   “แค่กลัวว่าคุณจะติดไข้ผมต่างหากล่ะ”

   น้ำเสียงอู้อี้ให้ความกระจ่าง ไม่นานหมอนใบหนึ่งก็ถูกโยนลงมาใส่หน้า พร้อมกับผ้าห่มที่เคยอยู่บนเตียง ตอนนี้ส่วนหนึ่งของมันพาดผ่านลงมาด้านล่าง คล้ายกับต้องการแบ่งปันอย่างเต็มใจ

   “ในห้องมีผ้าห่มผืนเดียว ก็...แบ่งๆ กันนอนเถอะ”

   ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงยิ้ม ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกมีความสุขจนหัวใจพองโต ผมชอบคนน้อยมาก คบกับใครก็น้อยมาก แต่กับคนคนนี้มันอธิบายไม่ได้จริงๆ

   ชยิน ผมชอบคุณเพราะคุณคือชยิน

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-01-2018 00:43:04

   ไข้ของชยินลดลงในตอนเช้า อาการเจ้าตัวเริ่มดีขึ้นมากจนสามารถเถียงผมฉอดๆ ได้ ตอนเช้าผมทำอาหารและหายาให้ ตอนกลางวันผมถูกไล่กลับห้องก่อนเพราะเด็กน้อยโวยวายลั่นห้องว่าอยากอยู่คนเดียว อีกวันต่อมาผมแวะมาหาเขาใหม่ คราวนี้แผลงฤทธิ์ได้แล้ว

   อาการป่วยไม่หลงเหลืออีกต่อไป ผมเลยวางใจไปเปราะหนึ่ง แล้วปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัวในการทำงาน ประจวบกับไอ้ท็อปกำลังอยู่ข้างนอกพอดี เลยถือโอกาสออกไปกินข้าวเที่ยงกับมันแก้เบื่อ

   ไม่คิดว่าสองชั่วโมงให้หลังพี่สาวของผมจะโทรเข้ามาพร้อมกับประโยคสั้นๆ ว่า ‘คนที่แกชอบมากับหมอริวอีกแล้ว’ และในเมื่อสายข่าวรายงานความคืบหน้าขนาดนี้มีหรือที่กูจะไม่บึ่งรถไปที่คาเฟ่โดยมีไอ้ท็อปตามติดไม่ห่าง

   ไม่น่าเชื่อว่าพอไปถึงจะเห็นคนที่เคยบอกว่าอยากทำงานอยู่ในห้องกำลังนั่งอยู่ตรงนี้พร้อมกับศัตรูคู่แค้น
   “เฮ้ยยุค” ไอ้ริวทักทายพลางยักคิ้วให้ ผมจึงพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์

   “น้องสะใภ้มากับหมออีกแล้ว” พี่สาวผมพูดเป็นเสียงกระซิบ แน่นอนว่าเธอรู้ว่าผมคิดอะไร เพราะมันก็ไม่ได้มองยากเท่าไหร่นัก

   “อืม”

   “ไม่หึงเหรอ”

   “มีสิทธิ์อะไรไปหึงเขา ผมไปนั่งกับไอ้ท็อปนะ เดี๋ยวมาช่วยเสิร์ฟ”

   “ไม่ต้องๆ แกจะทำอะไรก็ทำเถอะ” เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกมาร้านและไม่ถูกใช้

   ผมก้าวเท้ากลับไปนั่งกับไอ้ท็อปในระยะที่ยังพอเห็นคนทั้งคู่ในสายตา ชยินหันหลังให้ผม ดังนั้นมันเลยดีที่เขาไม่ต้องรู้สึกอึดอัดอีก บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่ามันถูกแล้วเหรอที่บอกชอบออกไป

   เอาเถอะ เวลาแม่งย้อนไม่ได้แล้วนี่หว่า

   “ไหนบอกเพิ่งหายป่วยไง ทำไมมากับไอ้ริวไรนั่นได้วะ งงใจนะเนี่ย” ไอ้ท็อปเริ่มปั่นหัวผม

   “กูก็งงเหมือนกัน” บอกตามตรงคิดว่าที่ผ่านมาเขามีใจ แต่ไม่ใช่ไง ชยินอาจจะทำดีกับทุกคนเพื่อรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ แต่เป็นผมเองที่คิดไปไกล

   “จริงๆ หน้าอย่างมึงหาคนที่ดีกว่านี้ได้นะเอาจริง ไม่ต้องมาตามจีบตามเอาใจเหมือนที่ผ่านมาด้วย”

   “แต่คนที่ดีกว่านี้ไม่ใช่ชยิน”

   “รับได้มั้ยที่วันนึงเขาเลือกคนอื่น” คนตรงหน้าถามอย่างจริงจัง

   “ให้กูได้ลองก่อนมั้ย”

   “...”

   “ถ้าเขาไม่ชอบเดี๋ยวกูเจ็บเอง”

   “พระรองเหี้ยๆ หมอเขามีกาวน์ วิศวะอ่ะมีเกียร์ มึงเป็นนักเขียนมีเหี้ยอะไรไปสู้เขา”

   “อ่อจ้ากูมีเงินจ้า”

   “ยอมแล้วจ้าาาาาา”

   เปย์หมดจนหยดสุดท้าย

   ไอ้ท็อปหันไปมองด้านหลัง เฝ้าดูการกระทำของคนทั้งคู่พักหนึ่งก่อนจะหันกลับมาพูดกับผมต่อ

   “ไอ้ยุคมึงอย่าป๊อด มึงสู้ไอ้ริวได้ทุกอย่างเว้ยไม่ว่าจะเป็นหน้าตา”

   “หล่อสัดๆ ไปเลย” ผมรีบสนับสนุนคำพูดของมันทันที

   “การแต่งตัว”

   “ชยินบอกกูเหมือนนักฆ่า”

   “การศึกษา”

   “สินกำนี่สู้หมอได้ถูกมั้ย”

   “เงินทอง”

   “กูขับฮอนด้าซิตี้”

   “โอ้โห แค่นี้ก็ดูดีมากแล้ว”

   “มันขับออดี้”

   “สัด”

   หมดกันเส้นทางของสายเปย์

   ไอ้ท็อปเงียบทันทีเมื่อสบถคำสุดท้ายออกมา กลับมามองแล้วผมไม่สามารถสู้ไอ้ริวได้เลย ถ้าชยินจะเลือกใครก็ควรยินดีถูกมั้ย

   ผมเคาะนิ้วไปบนโต๊ะเพื่อระบายความกังวลที่อยู่ในใจ สายตาก็มองแผ่นหลังบางของใครบางคนไปด้วย นั่นยิ่งทำให้ผมคิดฟุ้งซ่าน สุดท้ายเลยลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินออกจากร้านไป

   “พี่ผมกลับก่อนนะ” แยมไม่ทักท้วงอะไรนอกจากพยักหน้า ส่วนไอ้ท็อปก็ยิ้มแหยรีบยกมือไหว้แล้วเดินตามออกมา คืนนี้เราคงหมดเหล้าไปอีกหลายขวด

   “ไม่รอคุยกับเขาก่อนเหรอวะ”

   “เขามากับคนอื่น ไม่ได้มาหากูสักหน่อย รีบขึ้นรถเถอะคืนนี้ไปเมากัน”

   ผมออกมาจากร้านโดยไม่ได้หันกลับไปมองชยินแม้แต่เสี้ยว นึกแล้วกูก็เหมือนพระเอกละครน้ำเน่าเหมือนกัน รู้ว่าไม่มีสิทธิ์แต่กูงอนไปแล้วจะให้ทำยังไง

   คนที่เราให้เวลาเขาได้ทำงานส่วนตัว ไม่ก้าวก่ายและวุ่นวายให้เขารู้สึกอึดอัด สุดท้ายออกมากับคนอื่นทั้งที่เพิ่งเจอกับเราได้ไม่นาน พล็อตชีวิตโง่ดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ

   “คืนนี้ร้านไหนดี” คนที่นั่งเบาะด้านข้างถาม

   “ร้านประจำเรามั้ย”

   “จัดไป แต่ตอนนี้ไปส่งกูเอารถก่อน”

   Rrrr..!

   ขับได้ไม่ถึงครึ่งทางโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ไอ้ท็อปเป็นคนหยิบมันขึ้นมาให้ ก่อนจะบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   “ชยิน”

   “เอามาให้กูคุย” ผมยื่นมือไปรับ แต่อีกฝ่ายกลับชักมือกลับ

   “คีพหยิ่งไว้มึง เดี๋ยวกูคุยเอง อะแฮ่มๆ ฮัลโหลชยินเหรอ ตอนนี้ไอ้ยุคไม่ว่างคุยมีอะไรค่อยโทรมาใหม่นะ” ผมเหลือบตามองคนข้างๆ จิตใจไม่ได้สนท้องถนนแล้วเพราะมันกำลังจดจ่ออยู่กับปลายสายมากกว่า

   “เหรอ สำคัญมั้ย อืม ไม่สำคัญเหรอ งั้นเดี๋ยวกูให้มันโทรกลับแล้วกัน” เชี่ยท็อปพูดไปเบะปากจะหัวเราะไป ผมทนไม่ไหวเลยขยับปากให้มันเปิดสปีกเกอร์โฟน

   [แล้ว...แล้วนี่มึงจะไปไหน] ผมจำเสียงนี้ได้ดี ทั้งน่าฟังและติดหู

   “อ๋อกูจะไปดื่มกับไอ้ยุคน่ะ”

   [กลับดึกมั้ย]

   “มึงตลกป่ะ ใครจะไปรู้วะ เมาเมื่อไหร่ก็กลับ”

   [อยากคุย]

   “อะไรนะไม่ได้ยินเลย”

   [อยากคุยกับยุค ขอคุยกับยุคหน่อยได้มั้ย]

   โอ้โห สิ้นสุดประโยคนั้นกูตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเลยจ้าาาาาาาา

   ไอ้ท็อปก็เหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ดีเลยกดปิดสปีกเกอร์โฟนแล้วให้ผมได้คุยกับปลายสายอย่างเต็มที่ ผมสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนกรอกเสียงลงไป

   “มีอะไรหรือเปล่า” ต้องบอกว่าพยายามอย่างมากที่จะไม่เอ่ยเสียงสั่นๆ ออกมา

   [ผมมาหาหมอริว เพราะว่าเขาโทรชวน] ผมรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเว้าวอนจนน่าเอ็นดู พอฟังแล้วก็อยากจะแกล้งให้ร้องไห้แม่ง

   “แล้วไง มันไม่ได้เกี่ยวกับผมซะหน่อย”

   [แล้วตอนนี้ผมก็จะกลับแล้ว]

   “ริวไปส่งเหรอ”

   [ไม่ๆ ผมกลับเอง]

   “โอเค กลับดีๆ ล่ะ แค่นี้ใช่มั้ย”

   [เดี๋ยวก่อนคุณ คือมะรืนนี้ A little bliss จัดไลฟ์สดกันภายในกับแฟนคลับจำนวนหนึ่ง ผมจะไปร่วมร้องเพลงกับเขาด้วย เผื่อว่า...เผื่อว่าคุณอยากจะไป] ใจผมเต้นโครมครามและเผลอกลั้นยิ้มอย่างไม่รู้ตัว

   “ขอดูก่อนแล้วกัน ผมยังไม่มีบัตร”

   [ผมมี ไม่ต้องเอาอะไรมาเลย บัตรก็ไม่ต้องซื้อ]

   “...”

   [ขอแค่คุณมาก็ดีแล้ว]

   ปุ้ง!!

   บอกจะงอนๆ ตอนนี้กูไม่งอนแล้วแสรดดดดดดด รักเลย รออะไรล่ะคราวนี้ ตอบตกลงสิ!

   “งั้นมะรืนผมไปก็ได้ แล้วเจอกัน”

   [อืม]

   หลังกดวางสาย ผมกับไอ้ท็อปก็แทบจะจุดพลุฉลองในรถ แม่ครับลูกสะใภ้แม่น่ารักเหี้ยๆ กูนี่ดีใจจนรถโยก คนข้างนอกคงนึกว่าเล่นท่ายาก แถมคราวนี้ไอ้ท็อปยังวิเคราะห์สถานการณ์ให้เสร็จสรรพ

   “มีใจชัวร์ เห็นทีฮอนด้าซิตี้จะสู้ออดี้ได้ก็ตอนนี้แหละ”

   “นี่ขนาดชยินชวนไปงานนะ สมองกูคิดเรื่องแต่งงานละ ของชำร่วยเป็นอะไรดี แต่มึงได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแน่ไม่ต้องห่วง”

   “ไอ้ห่ายุคใจเย็น”

   “มึงว่าออกแบบการ์ดที่ไหนดีวะ”

   “ยุค ตื่นไอ้ควายตื่น ก่อนการ์ดจะเสร็จกูว่าใบสั่งมาก่อนแน่ๆ รีบไป!”

   ท่ามกลางเสียงบีบแตรดังสนั่น ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นเสียงที่ไพเพราะที่สุดของวันเลยทีเดียว











   A little bliss party

   งานสำหรับผู้ประสบภัยความเหงา

   A little bliss เป็นวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟที่ต้องบอกว่าค่อนข้างเข้าถึงคนฟังส่วนใหญ่ เพลงที่คุ้นหูและเป็นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของอัลบั้มมักเป็นเพลงเศร้าและอกหัก ดังนั้นหลายคนจึงมักให้ฉายาว่าเป็นวงของผู้ประสบภัยความเหงาอย่างแท้จริง

   ชยินเคยแต่งเพลงให้กับวงอยู่หลายเพลง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ขึ้นเวทีในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลงท่ามกลางผู้คนจำนวนหนึ่งในร้านเหล้าที่เปิดให้แฟนคลับของวงและคนที่มีบัตรเข้ามาเท่านั้น

   โต๊ะของผมมีไอ้ท็อปกับเบิร์ดมานั่งให้กำลังใจด้วย ส่วนชยินอยู่ข้างหลังร้านพร้อมกับสมาชิกในวง ผมเองก็ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเข้าไปก้าวก่ายเลยนั่งอยู่หน้าเวทีเพื่อรอให้วงขึ้นแสดง

   ระหว่างนี้ต่างคนก็ต่างนั่งจิบเบียร์ไปพลางๆ บรรยากาศภายในร้านเริ่มคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจนแน่นถนัด กระทั่งสี่ทุ่มตรงอะลิตเติ้ลบลิสก็เริ่มการแสดงบนเวที

   “สวัสดีผู้ประสบภัยความเหงาทุกคนค่า”

   “กรี๊ดดดดดดดดด”

   สมาชิกในวงมีสี่คนและก็เป็นผู้หญิงล้วน ดังนั้นจึงมีแฟนเพลงที่เป็นผู้ชายค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้หญิงภายในร้าน

   “วันนี้เป็นไลฟ์แบบปิดครั้งแรกของปี ขอบคุณทุกคนที่มาเจอกัน วันนี้รับรองว่าสนุกแน่นอนค่ะ”

   “วิ้ดวิ้ว!”

   “พร้อมจะสนุกและเศร้าไปด้วยกันหรือยัง”

   “พร้อม!”

   “ไม่ได้ยินเลย”

   “พร้อม!!”

   “เธอ...เธอคือรักใช่หรือเปล่า...” เพลงแรกเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของแฟนคลับที่ดังกระหึ่มไปทั้งร้าน แม้แต่ไอ้ท็อปเองก็ไม่น้อยหน้า เก็บทุกท่อน จำได้ทุกคำ แฟนบอยสัดๆ ไปเลยมึง

   ส่วนเบิร์ดที่หนีไปอยู่อเมริกานานก็ไม่ค่อยได้ฟังเพลงไทยเท่าไหร่ มันจึงทำได้แค่ยักไหล่ไปตามจังหวะเพลง บางทีก็ชวนผมคุยเรื่องอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องผู้หญิงนมใหญ่โต๊ะข้างๆ หรือไม่ก็เรื่องเบียร์ผสมน้ำแข็งที่มันบอกไทยแลนด์โอลี่เท่านั้น

   หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ไลฟ์สดของวงได้ทำให้คนฟังแหกปากจนเสียงแห้ง หรือบางคนก็เต้นจนเหงื่อโซมกาย นักร้องนำเลยทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ทรงสูงตัวหนึ่ง ก่อนจะพูดผ่านไมค์ด้วยเสียงหอบเหนื่อย

   “ทุกคนเคยผ่านช่วงเวลาที่ได้ตกหลุมรักใครสักคน ใช้เวลาอยู่กับมัน มีความสุขกับมัน แต่แล้ววันหนึ่งมันกลับผ่านไป เริ่มต้นเรามีความสุข ไม่น่าเชื่อว่าตอนจากเราจะเจ็บปวดขนาดนี้”

   “ช่ายยยยยยยยย ฮือออออ”

   ตายไปแล้วหนึ่งศพ เดาว่าคงเพิ่งถูกทิ้งมาไม่นาน

   “วันนี้เป็นวันพิเศษที่ A little bliss จะมีนักร้องเพิ่มขึ้นมาอีกคน”

   “กรี๊ดดดดดดดดดด”

   “คนแต่งเพลงนี้ รักที่เธอเคยมี”

   “ชยินนนนนนนนน” ทุกคนตะโกนเรียกชื่อพร้อมกัน ก่อนเสียงปรบมือและโห่ร้องจะดังขึ้นเมื่อเจ้าของชื่อเดินออกมายืนตรงหน้าเวที

   “แม่เจ้าโว้ยยยยยย ขาวมากครับ มีแฟนยัง ขอจีบได้หรือเปล่า”

   “ชยินคร้าบบบบบบ ชอบนะครับ”

   “น่ารักจังเลย ขอเบอร์หน่อยสิ”

   “เมียจ๋า เค้าอยู่นี่~”

   เพล้ง!

   ผมปาแก้วลงพื้นด้วยความไม่พอใจ หลังได้ยินคำพูดแทะโลมชยินที่ดังมาจากทั่วทุกสารทิศ ทุกเสียงเงียบลงก่อนมองมาที่โต๊ะผมเป็นตาเดียว จนไอ้ท็อปเริ่มลนลานรีบแก้ต่างทันควัน

   “จริงๆ เล้ย มือลื่นอีกแล้วอ่ะ ขอแก้วใหม่ด้วยครับน้อง”

   “...”

   “ขอโทษทุกคนด้วยครับ พอดีเพื่อนผมเพิ่งไปถูสบู่ในส้วมมา นี่แน่ะไอ้มือไม่รักดี” มันตีมือผมฉาดใหญ่ก่อนจะนั่งลงที่เดิม รอจนเด็กเสิร์ฟเอาแก้วมาให้ใหม่ถึงได้เริ่มรินเบียร์

   ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจนอกจากจดจ่อกับคนตรงหน้า วันนี้ชยินสวมเชิ้ตสีขาว กลัดกระดุมถึงแค่อกเผยให้เห็นผิวขาวของเขาที่สะท้อนแสงไฟบนเวที กางเกงยีนส์สีอ่อนเข้ากับรูปร่าง และทรงผมยุ่งๆ ที่ดูยังไงก็แปลกตาไปอีกแบบ

   ในมือถือกีตาร์คลาสสิกเอาไว้ เขานั่งลงตรงเก้าอี้ทรงสูงเคียงข้างนักร้องนำ โดยมีไมค์จ่ออยู่ตรงริมฝีปาก

   “ถ้าใครร้องได้ช่วยกันร้องด้วยนะครับ กับเพลง...รักที่เธอเคยมี”

   ดนตรีในจังหวะอะคูสติกเริ่มบรรเลง ทุกคนเริ่มร้องตามเสียงทุ้มนุ่มของชยินไปเรื่อยๆ ก่อนตัดสลับกับนักร้องนำอย่างเข้ากันดี บรรยากาศกรุ่นไปด้วยความอบอุ่น แอลกอฮอล์ เสียงเพลง แสงไฟ กับคนที่ชอบตรงหน้า

   ผมพอแล้ว...

   “อะไรวะ ไอ้ริวมาด้วยเหรอ” เบิร์ดเอ่ยออกมา ก่อนชี้ไปยังร่างสูงของเพื่อนเก่าที่ยืนถือช่อดอกไม้เอาไว้อีกฟากของโต๊ะ มันยิ้มให้ชยิน และ...

   ชยินก็ยิ้มตอบ หมดกัน หึงขึ้นมาอีกละ

   เพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าผมไม่ใช่คนเดียวที่อีกฝ่ายชวน แต่กับคนอื่นก็ได้สิทธิ์นั้นเหมือนกัน

   “เอาไงดีวะไอ้ยุค” ไอ้ท็อปถามความเห็น

   “ก็ไม่เอาไง กูมาฟังชยินร้องเพลง ไม่ได้จะมาแข่งกับมัน”

   “อืม จำไว้ ฮอนด้าซิตี้สู้ออดี้ได้เว้ย”

   เหี้ยนี่ก็ย้ำจัง กูจะแพ้ก็ตอนที่มึงพูดเนี่ยแหละ

   ชยินร้องเพลงแรกจบพร้อมกับเสียงปรบมือและการให้กำลังใจอย่างล้นหลาม เพลงที่สองเริ่มต้นขึ้น เป็นเพลงที่เขาแต่งขึ้นเมื่อปีก่อน ผมจำได้ดีเพราะตามไปฟังจนร้องได้ขึ้นใจ

   ผมคิดเสมอว่าจะชอบกับคนที่อยากชอบ คนที่ทำให้รู้สึกดีแม้อธิบายไม่ได้ ซึ่งชยินเป็นคนแรกที่ผมรู้สึกอย่างนั้น ผมไม่มองด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เพศไหน อายุเท่าไหร่ ผมมองแค่ว่าเขาคือชยิน และผมชอบเขาจนหัวปักหัวปำ

   “โคตรมีเสน่ห์เลยว่ะ กูรู้ละว่าทำไมมึงถึงชอบมัน” ท็อปยังพูดอีก เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนหน้า

   “อือ เสียงเพราะด้วย”

   “โคตรอวย”

   เพลงที่สองจบลง เขาค้อมตัวให้กับคนดู ทุกคนเลยลุกขึ้นยืนปรบมือให้อย่างชื่นมื่น มีเพียงเสี้ยววินาทีที่เขาหันมามองผม ยิ้มให้ และผมหวังว่าเขาจะเดินมาตรงนี้

   “ชยิน ทางนี้โว้ย มาฉลองกัน” เบิร์ดกวักมือเรียกหยอยๆ

   แต่ชยินกลับทำตรงข้าม เมื่อเขาเดินไปอีกฟากของเวที ก้าวเท้าลงบันไดไม่กี่ขั้นไปทีละก้าวก่อนหยุดยืนหน้าไอ้ริวและรับดอกไม้ไป

   “โห่วววววววว วิ้ดวิ้ว!”

   “โหยไรว้า มีแฟนแล้วทำไมไม่บอก”

   “อกหักดังเป๊าะเลย”

   หลายคนยังคงบ่นระงม แต่ผมเจ็บกว่านั้น แม่งมันเหมือนมีใครสักคนเอามีดมาแทงที่ใจเลยว่ะ เจ็บ แต่ทำได้แค่ยิ้มปรบมือ นั่งลงจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตรงหน้า

   A little bliss ยังคงเล่นเพลงต่อไป แต่ผมไม่ได้สนใจแล้ว

   “เหมือนไอ้ชยินจะนั่งอยู่ที่โต๊ะไอ้ริวกับเพื่อนว่ะ พวกมึงไปมั้ย” เบิร์ดเอ่ยชวน ไอ้ท็อปหันมาถามความเห็นผมทางสายตา แต่เราต่างรู้กันดี

   “กูๆ แต่ไอ้ยุคมึงนั่งเฝ้าโต๊ะตรงนี้แหละ เคนะ” ทั้งคู่ผละออกไป คงเหลือผมที่นั่งอยู่คนเดียว

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่มันนานมากสำหรับการรอ เลยตัดสินใจส่งข้อความไปหาไอ้ท็อปว่าจะขอตัวกลับก่อน

   นาทีต่อมาแทนที่เจ้าของไลน์จะเดินมาที่โต๊ะ ผมกลับเห็นชยินเดินมาแทน

   “จะกลับแล้วเหรอ” ดูเสียงดิ แม่ง จะให้กูโกรธลงได้ยังไงวะ

   เจ้าตัวหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนลากเก้าอี้ใกล้ตัวมานั่ง ดวงตาฉ่ำปรือเล็กน้อยเหมือนดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปหลายแก้ว

   “เมาเหรอ เดินมาผิดโต๊ะหรือเปล่า” ผมถามย้ำ

   “อือเมา”

   “ละเมอด้วย”

   “ใช่ละเมอ”

   “งั้นกลับไปที่โต๊ะเลย โน่นโต๊ะคุณ ดูตามนิ้วผม” ว่าแล้วก็ชี้กลับไปที่โต๊ะไอ้ริวซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกฟาก หากแต่คนตรงหน้ากลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นอกจากนั่งนิ่ง

   “โต๊ะผมอยู่ที่นี่ ผมเป็นคนจอง”

   เขาเอ่ยเสียงเรียบ จ้องมองผมเหมือนจริงจังกับประโยคที่พูดซะเหลือเกิน

   “จองไปกี่โต๊ะล่ะ”

   “จองให้คุณคนเดียว” ตู้ ATM อยู่ไหน! กูจะวิ่งไปกดตังค์มาเปย์เด็กแถวนี้หน่อย

   “แล้วไม่จองให้ริวหรือไง”

   “ริวซื้อบัตรเข้ามา”

   “เพลงนี้เพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้แล้วนะคะ มาเต้นไปพร้อมกันค่า” เสียงนักร้องดังกลบไปทั่วบริเวณ ก่อนเพลงช้าๆ เหล่านั้นจะเลือนหายไป กลายเป็นเพลงจังหวะสนุกสนาน

   “โอเคงั้นคุณนั่งต่อ ผมจะกลับแล้วล่ะ” ผมแทบจะตะโกนบอกให้คนตรงหน้าได้ยิน

   “อะไรนะ”

   “ผมจะกลับแล้ว”

   “จริงๆ ริวชวนผมไปนั่ง เอาดอกไม้มาให้ผมก็เลยรับ ชวนดื่มเหล้าผมก็ดื่มเพราะเป็นเพื่อน คุณโกรธเหรอ” หื้มมมม ดูช้อนตาเข้า น่ารักฉิบหายเลยโว้ยยยยยยยยยย

   ไม่ไหวละ ถ้าไม่ได้เป็นเมียกูปิดถนนประท้วงจริงๆ ด้วย

   “ไม่ได้โกรธ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ”

   “วันนี้ผมร้องเพลงเพราะมั้ย” ท่าจะเมาจริงว่ะ ตาหวานเยิ้มเชียว

   “เพราะ”

   “แล้วชอบมั้ย”

   “อะไรนะ ผมไม่ได้ยิน” ความจริงแล้วได้ยินชัดแจ๋วเลย

   “คุณชอบงานนี้มั้ย” ชยินถามแทบเป็นเสียงตะโกน

   “ชอบ ผมชอบงานนี้”

   “...”

   “เพราะงานนี้มีคุณ”

   ประโยคที่ผมพูดจบลงพร้อมกับเสียงดนตรี ทั่วบริเวณเงียบสงัด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงจอแจหลังงานไลฟ์จบ คงมีเพียงคนตรงหน้าเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดจากปากของผมเต็มสองรูหู

   “ชยิน...”

   ผมเรียกชื่อเขา แต่เหมือนร่างบางไม่คิดจะคุยต่อนอกจากลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และวิ่งไปยังหลังเวทีด้วยความเร็วเกินพิกัด

   อีกนิดก็เข้าร่วมโครงการวิ่งไปกับพี่ตูนได้แล้วแม่ง...เร็วยิ่งกว่าแชมป์มาราธอนจากพื้นราบสู่ดอยเต่าเมื่อปีก่อนอีก

   รู้สึกว่าตัวเองคงหมดหวังแล้วจริงๆ ว่ะ พูดขนาดนี้ถึงกับวิ่งหนี บางทีผมควรพิจารณาตัวเอง

   ไอ้ท็อปกับไอ้เบิร์ดเดินกลับมาที่โต๊ะ มันถามหาชยินแต่ผมยังไม่ทันตอบนีน่าที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของ A little bliss ก็เดินมาที่โต๊ะ เบิร์ดเลยถือโอกาสถาม

   “นีน่า เห็นชยินหรือเปล่า”

   “เห็นวิ่งหน้าแดงไปโน่นแล้ว ไม่รู้เขินใคร”

   “เอ้า! อย่างนี้ก็ได้เหรอ ใครเต๊าะมัน”

   “ก็น่าจะแถวๆ นี้แหละ ตอนนี้บิดเป็นเกลียวโปเต้เลย ไปดูหน่อย อาการน่าจะหนักนะ”

   “เหยดดดดดดดดดดดด”






ถึงเขาจะกวนตีนแต่เขารักของเขามากนะคะ
ให้ตกส้วมแทนก็ยอม~~~~~
ชอบตอนท็อปอยู่กับยุค มันเหมือนจะสนับสนุนเพื่อนนะ แต่ก็เหมือนจะด่าเพื่อนกรายๆ 5555
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ กลับมาต่อแล้ว คิดถึงยุคยินและคนอ่านมากจริงๆ
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ #mเอสn
ป.ล. คนอ่านเคยถาม A little bliss มีจริงมั้ย คำตอบคือไม่มีนะคะ ชื่อเพลงก็เป็นเพลงที่คิดขึ้นมาเองค่ะ

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-01-2018 00:58:28
ยินเขินไกลไปหน่อยไหม วิ่งออกจากโต๊ะ เราก็คิดว่าปวดเข้าห้องน้ำเสียอีก  o18
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 22-01-2018 01:16:26
ยุคยินนนนนนน เมื่อไหร่ยินจะรู้ว่า คนๆนันคือยุค
ทำไมอ่านพาทยุค ความแมนของชยินถึงหายไปหมด5555 น่ารักเรี่ยราดนะเรา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 22-01-2018 01:18:51
ก้ากกกกกกกกก 55555+++  โอยแกนังชยิน   เขินแรงนะยะ วิ่งซะ เดี๋ยวเอายุคมาทำ ผ-อัว ซะดีมั้ย เล่นวิ่งหนีทิ้งกันไปดื้อๆ ^^ :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 22-01-2018 01:25:11
ชยินน่ารักกก ฮานางตอนอ่านฟิคตัวเอง  :laugh: พี่ยุคสู้เขาค่ะ เรามีเงิน เปย์วนไปค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: faluao ที่ 22-01-2018 01:35:57
คิดถึงจังงงง มาต่อแล้ว เกลียดความเปย์เก่งเต๊าะเก่งของอิยุค ที่ออดี้ก็สู้ไม่ได้ งานนี้ฮอนด้าซิตี้ต้องมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 22-01-2018 01:41:10
ชยินลู๊กก เขิลแล้วทำไมต้องวิ่ง น่ารักเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-01-2018 02:16:18
ชยินในพาร์ทของยุคนี่โคตรน่ารักเลยอ่ะ ยุคสู้ๆยังไงก็ชนะออดี้อยู่แล้ว หยอดเยอะๆ จีบเยอะๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 22-01-2018 02:27:01
ชยินน่ารัก บอกเลยในที่นี้ใครก็สู้ยุคยากละ ขอบคุณความแข็งแกร่ง เออยุคก็เก็บอารมณ์เก่งเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-01-2018 02:31:08
ชยินน่ารักกกมีความงอแงมีความรายงานที่หนูทำนี่ไม่ต่างกับแฟนเลยนะลูก ว่าแต่เมื่อไหร่หนูจะรู้ซะทีหื้มว่าหมีใหญ่คือพี่ยุคน่ะ รายนี้ก็นะสายเปย์ที่แท้ทรูเหมือนเลี้ยงต้อยทั้งๆที่อายุไม่ห่างกันมากแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Seeetnott ที่ 22-01-2018 03:02:51
 :-[ชนิน จะน่ารักไปไหน ส่วนยุคนี้สายเปตัวจริง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2018 03:30:27
น่าเอ็นดู จนอยากดูเอ็น 555555 เขินได้น่ารักมาก ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมว่าคนไหนคือคนที่ใช่
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 22-01-2018 04:05:53
อ่านเพิ่งจบก็อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว  :mew2: 
แบบรู้สึกหวาน   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 22-01-2018 07:31:49
คิดถึงมากกกกกกค่ะ และดีใจกับท่านยุคด้วยนะคะชยินเริ่มเปิดใจแล้วจุดพลุค่ะจุดพลุ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 22-01-2018 10:02:05
ชยินผู้ชายเที่ยงคืนคนนั้นคือยุคค่ะลูก ยุคเองไม่ใช่ริว 5555 ชยินน่ารักว่ะ มีวิ่งหนีไปเขินด้วย เขินต่อหน้าไม่ได้งี้  :impress2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Tiwtadz ที่ 22-01-2018 10:11:25
ยุคยังคงเป็นสายเปย์เช่นเดิมมม 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 22-01-2018 11:52:40
อนาคตคนอวยแฟนแน่นอน

ชยินทำอะไรก็ดีไปหมด ถูกไปหมด น่ารักไปหมด

ง้อง่ายด้วย แค่อ้อนหน่อยก็ยอมหมดละ


ยุค เอ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Rainy_bl ที่ 22-01-2018 12:15:49
 :hao7: :hao7: เขินจิงจังง มาก ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้คะชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 22-01-2018 12:25:33
พระเอกเราสายเปย์จริงๆ เอะอะถามหาตู้ ATM ตลอด น้องชยินเขินแล้วน่ารักนะลูก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Miawncha ที่ 22-01-2018 12:44:17
ฟินแทนพี่ยุคเด้ออออออออ โอ้ยยยยยชยินโคตรน่ารักกกกเข้าใจพี่ยุคเลยค่ะพี่55555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: มาดามพีพี ที่ 22-01-2018 13:04:06
งืมๆ หายไปนานมาก กลับมาแล้ว ดีต่อใจเลยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-01-2018 13:22:00
ระดับความอ้อนของชยินเพิมขึ้นนะ ชอบทำตัวน่าขย้ำ ใจกร๊าวแทนยุค :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 22-01-2018 13:27:49
ความเปย์นี้ ชยินน่ารักอ่าาาาา อยากได้จะช่วยยุคปิดถนนประท้วงแล้วมาแบ่งกันเนาะยุคอิอิ :katai3: :katai3: มีใจให้แล้วก็บุกเลยค่ะพี่ยุคเชื่อว่าหลังจากนี้เด็กน้อยจะเสร็จพี่แน่นวลลลลล ยังไงฮอนด้าซิตี้ก็สู้ออดี้ได้อยู่แล้ว ถ้าคนนั่งมีใจ ฮิ้วววววว
ปล. เกลียดความแซวเว็บ อ่านไปนี่คือไม่รู้จริง จริ๊งนะ ว่าเว็บไหน55555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-01-2018 13:50:35
เขินใกล้ๆ ก็ได้มั้งไปซะไกลเชียวนะชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: สาว801 ที่ 22-01-2018 14:34:20
ชยินนางเขินเบอร์อรงไปมั้ย5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-01-2018 14:48:45
โอ้ยยย ชยิน เมื่อไหร่หนูจะรู้ความจริงลูกก โบกมือบ้ายบายริวไปซะ พ่อหมีใหญ่ของหนูคือยุคลูกกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 22-01-2018 15:07:12
“จองให้คุณคนเดียว” ตู้ ATM อยู่ไหน! กูจะวิ่งไปกดตังค์มาเปย์เด็กแถวนี้หน่อย

555  :m20: :laugh: เข้าใจแล้ว ตอนก่อนตามมุกคนเขียนไม่ทันงง

ตลกตัวเองจริงๆ :pigha2:

ว่าแต่ชยินน่ารักจริงๆ  :z13: จิ้มตูดเลย  :laugh5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 22-01-2018 15:22:34
ป๋ากว่ายุคมีอีกไหม 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Milkmee ที่ 22-01-2018 15:24:56
รอออออ นานแค่ไหนก็รอ ขอบคุณที่คอยอัพนิยายให้อ่านนะคะ ทีมยุคยิน น่ารักมากชอบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 22-01-2018 15:47:00
คุณจิตติ มาอัพบ่อยๆนะคะ คิดถึง YukYin มัั่กๆ...
รอเล่มแล้วเนี้ยยยย...   :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 22-01-2018 16:15:15
อรั้ยยยย ยุคยิน ยุคยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 22-01-2018 16:49:43
คิดถึงงง กลับมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-01-2018 17:50:41
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 22-01-2018 17:59:24
ชยินๆๆ ถ้าจะขนาดนี้ ไม่ต้องสนคุณหมีใหญ่แล้ว เอาคุณศตวรรษเนี่ยแหละ เชื่อแม่ คริๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-01-2018 20:59:03
อ่านตอนนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆตลอดเลยเดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวหัวเราะ o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 22-01-2018 21:01:52
น้องชยินน่ารักอ่ะ เวลาเขินอยากหยิกแก้ม
อยากให้ชยินรู้เร็วๆจังว่าคนที่แชทในMSNไม่ใช่ริวแต่เป็นยุค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-01-2018 21:53:22
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 22-01-2018 22:02:56
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 22-01-2018 22:11:56
ยุคยินกลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 22-01-2018 22:50:35
 :katai5: :katai5: :katai5:
คิดถึงชยินมากเลย.......
..ลูกเอ๊ย.ยอมๆเค้าไปเถอะทั้งเปย์ดูแลดีขนาดนี้...เจอเค้าตัดใจขึ้นมาเนี่ยจะเหงาตัวแม่เข้าสิงห์อีกนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 22-01-2018 23:05:37
ยุคสายเปย์
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-01-2018 00:48:42
ยิ่งอ่านยิ่งชอบยุคอ่ะ ชยินรีบรับรักซะที!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-01-2018 01:02:12
 :a1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-01-2018 11:28:52
555555 คุณศตวรรษไหวไหม

ชยินคะ หนูไม่ไปห้องน้ำเนาะ  :hao7:
หนีไปแบบนี้ คนพูดถึงกับงง

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 23-01-2018 19:12:05

 นายยุค ..ทำดีเท่าที่คนอีโก้สูงๆจะทำได้ล่ะจะไม่พูดถึงละกัน

 ในส่วนของชยินนั้น   :impress2:

 นี่ถ้าเอาชยินออกประมูลนะ นี่จะสู้ใจขาดดิ้นเลย อยากเปย์ชยินหนักมาก อยากบอกว่า  น่ารักเชี่ยๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 23-01-2018 19:13:36
เง้ออออออออออ เขินเป็นเพื่อนชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-01-2018 19:43:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 23-01-2018 19:46:42
ชยินจะได้อินกับการแต่งเพลงรักสักที
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 23-01-2018 22:31:21
 ถ้าไม่ได้เป็นเมียกูปิดถนนประท้วงจริงๆ ด้วย /555555 ยุคสายเปย์ 
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-01-2018 22:53:11
ชยินอ่อยยังไงไม่รุ้ว่าตัวเองอ่อย น่ารักน่าฟัดมากบอกเลย ยุคต้องใจแข็งขนาดไหนเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: pangning ที่ 23-01-2018 23:50:24
 :hao5:โอยยยยเมื่อไหร่หนังสือจะออก คนอ่านอยากPay  :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: memytae ที่ 24-01-2018 02:05:22
ยกย่องให้พี่ยุคเป็นไอดอลแห่งสายเปย์ค่าาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 24-01-2018 08:19:56
ชยินคนแมน ตอนอยู่กับยุคกลายเป็นเด็กน้อยตลอด น่าร้ากกกกกก
พี่ยุคพร้อมเปย์ค่ะ 555
อยากฟังเพลงใหม่ที่ชยินแต่งแล้ว รอฟังเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 24-01-2018 15:36:19
โอ้ยยย ยังไงคะ ยังไง น้องยิน

พี่เค้าหวั่นไหวนะลูก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 24-01-2018 20:21:53
โอ้ยยยย ชยินลูกกน่ารักมากก
ยุคดูแลดีมากอะ รักเลยย ชอบความจะเปย์ๆของยุค555555
เหมือนน้องจะมีใจแล้ว แต่เมื่อไรน้องจะรู้อะว่าหมีใหญ่ไม่ใช่ริววว
ยุคสู้เค้านะๆ

ปล. เป็นฟิคที่ไม่อยากเลื่อนมาให้จบตอนเลยอะ อยากอ่านต่อเรื่อยๆอะแงงง สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-01-2018 23:16:41
เพิ่งเข้ามาอ่านจ้า แล้วก็กลั้นขำจนหน้าสั่น ฮ่า ๆๆๆ

ตลก น่ารัก มีครบบบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 24-01-2018 23:55:41
ดีใจแทนยุค​ คิดว่าตอนนี้กินขาดทำคะแนนแซงออดี้ไปแล้วแน่นอน
ว่าแต่ชยินจะรู้รึยังว่าหมีใหญ่ไม่ใช่ริว :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: elephantisme ที่ 25-01-2018 19:46:00
part ยุคนี่คือชอบมากกกกก แบบโอ้ยละลายยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Axis._. ที่ 28-01-2018 13:14:09
ฮอลลลลลลลลลล เขินอ่ะ  :-[  :o8:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 30-01-2018 14:07:34
เขินคร้า :-[ รอฉากฟินๆน่ะค่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 06-02-2018 21:25:30
รอคุณยุคคนกากอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-02-2018 10:45:10
ยุคสื่อรัก 4.0 สอดคล้อง คสช.
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: knxiiviii ที่ 10-02-2018 06:20:17
ยุคโอ๊ยยยย ชยิน ความแมนของหนูหายไปไหนเมื่ออยู่ในพาร์ยุคคะ 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Keiji ที่ 11-02-2018 15:33:37
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 11-02-2018 17:41:05
อือออ อยากอ่านยุคยินแล้วอ่าา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubasa ที่ 11-02-2018 18:00:09
 :hao5: รอ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 14-02-2018 23:27:04
รู้สึกว่าคุ้นๆกับอารมณ์ประมาณนี้ และคำนี้ "หมาเหงา"  เขาก็รักกันนั่นแหล่ะ แต่พ่อแม่งอนตลอด...
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 14-02-2018 23:37:00
ahhh   :mew2:

 ไม่มี HAPPY VALENTINE'S DAY ให้นายชยินเลยง่ะ
 นายยุคโอ๊ยยยย ความโรแมนติกมีมั้ย ถามมมม!! เอ้ย ตอบบบ!!!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: Yukezz ที่ 19-02-2018 08:02:24
ยุคยิน จงมาๆๆๆๆๆ ร่วมเล่มเถิดได้โปรด รอไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 20-02-2018 14:50:37
ประกาศ ประกาศ ประกาศ!!!!!!!!! คนเขียนหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  วู้วววววววววววววววววววววววววววววว
กลับมาด่วน  คนอ่านอยากอ่านต่อแว้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว    :katai4: :katai4: :katai4:
 :z13: :z13: :z13:  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 21-02-2018 03:28:44
เข้ามารอคุณจิตติทุกวันเรยยยยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: NINNILL ที่ 21-02-2018 21:32:17
ยุคเป็นคนตลก :hao6: :hao6:

#รอยุคปิดถนนเลี้ยง555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 20-04-2018 16:18:46
คือฮาช่วงยุคทอล์กมากเลย ไม่คิดว่าจะรั่วขนาดนี้ 555555555
เมื่อไหร่ชยินจะรู้ว่าหมีใหญ่คือยุค ชั้นไม่อยากให้ยุคเสียจายย

รอยุคยินเสมอนะค่าาาาา เรื่องตลกมากชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: cookie12ck ที่ 20-04-2018 16:31:33
รอๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่8 [22/01/61] *หน้า19
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 02-05-2018 18:02:52
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 12-05-2018 22:04:43

ตอนที่ 9
ไม่ได้อ่อยแต่อร่อยกว่าทุกคน



   ผมถูกไอ้เบิร์ดลากคอกลับมานั่งที่โต๊ะในสภาพมึนงงเต็มแก่ ก่อนหน้าก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ากูวิ่งไปหลังเวทีทำไม รู้แค่ว่าตอนนั้นผมไม่เป็นตัวของตัวเองที่สุด เลยพยายามหลีกหนีสถานการณ์ที่ไม่โอเคออกมาสงบสติอารมณ์เงียบๆ

   แต่แล้วไง สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งเผชิญหน้ากับไอ้ยุคอยู่ดี

   “ถามจริง มึงวิ่งไปหลังเวทีทำไมวะ” เชี่ยท็อปเป็นฝ่ายเริ่มประเด็น แม้ผมจะภาวนามาตลอดทางว่าขอให้ใครอย่าถามเรื่องนี้อีกก็เถอะ

   “กู...กูไปช่วยเก็บ อึก...ของ” พูดไปก็สะอึกไปจนรู้สึกสงสารตัวเองฉิบหาย ต้องดับความลนลานที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นด้วยการคว้าเบียร์ขึ้นมาดื่มจนลดลงไปเกือบครึ่งแก้ว

   “เก็บของห่าอะไร กูเจอนีน่า เขาบอกมึงเขินใครไม่รู้อยู่หลังเวที”คนถามหรี่ตามองราวกับไม่เชื่อ ผมเลยรีบแย้งออกไปทันที

   “เขินไร นีน่านี่มองอาการคนไม่ออกเหรอ ตรงไหนที่เรียกว่าเขินไม่ทราบ”

   “อย่ามาเนียน บอกมาใครเต๊าะมึง”

   “ไม่มี เชื่ออ่อ เชื่อที่คนอื่นพูดมากกว่ากูอ่อ”

   “เออกูเชื่อเขา แต่ไม่เชื่อมึง แม่ง...ตาลอยแล้วนั่น น้ำเปล่าหน่อยมั้ย” ผมยกมือปัดปฏิเสธ ก่อนยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมากระดกจนหมดแก้วเพื่อแสดงความเก๋า

   ทว่าถึงจะทำตัวแกร่งแค่ไหน เชื่อหรือเปล่าว่าผมก็ยังไม่กล้าที่จะมองหน้าไอ้ยุคอย่างเต็มตาสักที

แปลกดีเหมือนกัน ครั้งหนึ่งมันเคยบอกชอบผม บรรยากาศบนดาดฟ้าทั้งพิเศษและโรแมนติก แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าความสับสนงุนงง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกกับไอ้ยุคแบบไหน แต่รู้แน่ชัดว่าจะปฏิเสธอีกฝ่ายยังไง

   ไม่เหมือนคืนนี้ ทุกอย่างต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

   ที่นี่ไม่ได้เงียบสงบ พลุกพล่านไปด้วยผู้คน บรรยากาศก็ไม่ได้โรแมนติกอะไรเลย แต่ไม่รู้ทำไม...ใจมันกลับสั่นแปลกๆ

   หรือนี่จะเป็นเพราะเวลาวะ เวลาที่เคลื่อนผ่านไปในแต่ละวัน บทสนทนาที่มากขึ้น กับความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้จากเดิม และตอนนี้ไอ้ยุคได้กลายเป็นเพื่อนที่ผมเลือกจะแคร์คนหนึ่ง ซึ่งมัน...

   เริ่มมีอิทธิพลกับผมมากขึ้นจนน่าใจหาย

   “มึง...กูขอน้ำแข็งเพิ่ม หิวเบียร์โว้ยยยยยยย” ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เพราะงั้นแดกต่อดีกว่า

   ผมยื่นแก้วเปล่าให้ไอ้ท็อปจัดการ แต่กลับถูกมือหนาของใครอีกคนคว้าเอาไว้ซะก่อน และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สบตากับคนที่พยายามหลบมาตลอดหลังกลับมานั่งตรงโต๊ะ

   “พอแล้วคุณ” เสียงทุ้มเอ่ยเตือน ผมเลยยิ้มเย้ยใส่

   “ผมยังไม่เมา ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

   “ไม่ได้ห่วง มันเปลือง”

   ไอ้เวร...

   “ไม่กินก็ได้” สลดเลยสัด กูจะโทรไปฟ้องแม่ให้เอาก้านมะยมมาตีมึง

   “คืนนี้คุณดื่มเยอะเกินไป กลับได้แล้ว”

   “เพื่อนผมยังไม่กลับ เพราะงั้นผมก็จะอยู่ต่อ”

   “เฮ้ยกูจะกลับแล้ว!” ซูปเปอร์เนิร์ดรีบแทรกทันควัน พากูหน้าแหกแบบหมอไม่รับเย็บไปอีกรอบ แถมไอ้ท็อปยังพยักหน้าคล้อยตามเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีก มึงไปอยู่ด้วยกันเลยป่ะ รำคาญ

   “ก็...ก็ถ้าไอ้เบิร์ดจะกลับผมก็ต้องกลับแหละ”

   “เดี๋ยวผมไปส่งเอง เบิร์ดบ้านอยู่คนละทางกับคุณจะลำบากเพื่อนทำไม”

   “เออใช่ๆ มึงกลับกับคุณยุคน่าจะดีกว่า” แหม...ทีอย่างนี้เร็วเลยนะมึงไอ้เมพพพพพพพพ

   หลังเคลียร์กันเรียบร้อยก็ได้ฤกษ์งามยามดีให้พนักงานมาเช็กบิล ก่อนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทั้งคู่จะเผ่นแน่บเข้าป่ากล้วยไปแบบไม่เห็นฝุ่น ทิ้งผมไว้กับนักฆ่าล่าแต้มเพียงลำพัง แถมตอนนี้ในหัวก็ตื้อไปหมดแล้วด้วย ถ้าโดนลากไปฆ่าตายคงขัดขืนอะไรไม่ได้แน่

   “ไหวมั้ย” คนตัวสูงตบแก้มผมเบาๆ

   “ไหวดิว้า”

   มันยิ้ม พลางเอื้อมมือมายีหัวผมจนยุ่งเหยิง เกลียดว่ะ ทำมันทุกคนชอบยุ่งกับหัวกูจัง

   “ลุกขึ้นมาได้แล้วเด็กน้อย” มือหนาจับแขนของผมเอาไว้แน่น พยายามรั้งให้ลุกขึ้นยืนแต่ผมเลือกที่จะไม่ขยับ

   “เมื่อกี้เรียกผมว่าอะไรนะ”

   “เด็กน้อย”

   “ห้ามเรียกเด็กน้อยเข้าใจป้ะ”

   “โอเคครับที่รัก”

   สัด! วันแรกเคยเถียงไม่ชนะยังไง วันนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไอ้ชยิน มึงแม่งไม่เคยพัฒนาเลยว่ะ

   สุดท้ายก็จำต้องลุกขึ้นยืนตามแรงรั้งของอีกฝ่าย แต่แทนที่จะก้าวเท้าไปข้างหน้าตามคนตัวสูง ผมกลับต้องหยุดนิ่งเมื่อใครคนหนึ่งรั้งไหล่เอาไว้เสียก่อน

   “ริว ยังไม่กลับเหรอวะ” ใช่แล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็คือไอ้ริว ตอนแรกเข้าใจว่ามันคุยกับเพื่อนหมอที่บังเอิญเจอกันแล้วก็แยกย้ายกลับไปก่อนหน้านั้น ไม่คิดว่าจะยังอยู่อีก

   “ถ้ากลับแล้วจะเห็นมั้ย เออนี่ มึงลืมดอกไม้” คนตรงหน้ายื่นช่อกุหลาบมาให้ผมด้วยสีหน้านิ่งๆ

   “เฮ้ยโทษที กูลืม ขอโทษจริงๆ นะเว้ย”

   “ไม่เป็นไร ว่าแต่มึงเถอะ กลับกับไอ้ยุคเหรอ”

   “อืม” ผมพยักหน้า

   “ให้กูไปส่งแทนมั้ย ทางเดียวกันพอดี”

   “กูจะไปส่งชยินเอง” ยังไม่ทันได้ตอบอะไร คุณนักเขียนมันก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน พอๆ กับไอ้ริวที่สวนกลับทันควัน

   “ถ้าไปกับกูคงดีกว่า”

   “มีเหตุผลอะไรที่ทำแบบนี้ไม่ทราบ!” ไอ้ยุคทุ้มขึ้นเสียง คล้ายกำลังโมโหอยู่นิดหน่อย

   “ก็ทางการแพทย์เขาเรียกว่ามันคือความใส่ใจต่อผู้อื่น กูก็ควรทำป่ะวะ”

   “แต่ทางวรรณกรรมเขาเรียกว่าเสือกว่ะ”

   พวกมึง! อย่าตีก๊านนนนนนนนน

   “สรุปมึงจะไปกับใครชยิน”

   “เอ่อ...” ฉิบหาย ทำไมโชคชะตาต้องทำให้ชีวิตผมวุ่นวายขนาดนี้ด้วยวะ แทนที่จะได้กลับบ้านดีๆ กลับต้องมายืนเลือกฝั่ง แล้วคอนโดมีเป็นแสนเป็นล้าน แม่งยังเสือกอยู่ทางเดียวกันอีก

   “ชยินกลับได้แล้ว” ไอ้ยุคกระตุกแขนผม แต่แอลกอฮอล์ที่อยู่ในกระแสเลือดกลับทำให้สมองเบลอจนหาคำพูดปฏิเสธไอ้ริวค่อนข้างช้า ผมเลยได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นาน ก่อนจะรู้สึกได้ว่าความอบอุ่นที่กอบกุมแขนขวาจางหายไป และไอ้ยุคได้เดินผละออกไปไกลแล้ว

   ใจของผมหล่นร่วงไปอยู่ตรงตาตุ่ม

   ทุกอย่างในหัวที่เคยพร่าเลือนกระจ่างชัดขึ้นมาทันที

   “ริว กูต้องกลับกับยุคว่ะ ขอโทษทีนะ ไว้คราวหน้าเจอกัน” ผมพูดรัวเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบไม่รอให้เจ้าตัวตอบกลับมาด้วยซ้ำ สองเท้าก็ก้าวตามร่างสูงของคนตรงหน้าไปอย่างไม่คิดชีวิต

   แผ่นหลังที่ห่างออกไปในตอนแรกค่อยๆ ชัดขึ้น ไอ้ยุคกดรีโมทรถยนต์แล้วแทรกตัวเข้าไปในรถ ผมจึงลนลานเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น รีบเปิดประตูอีกฝั่งและเข้ามานั่งตรงเบาะข้างคนขับอย่างหน้าด้านๆ

   หายเมาไปเลยกู

   “ไม่ไปกับมันเหรอ” เจ้าของร่างสูงเอ่ยถามอย่างสงสัย

   “ก็บอกแล้วว่าจะมากับคุณ แค่...แค่กำลังหาคำพูดปฏิเสธคุณก็เดินหนีมาก่อนแล้ว”

   ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมต้องกลัวถูกเข้าใจผิด หลายครั้งหลายหนที่ผมพยายามขยับห่างไอ้ยุคอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายกลับเป็นผมเองที่วิ่งกลับเข้ามาพุ่งชนใหม่ ทั้งย้อนแย้งและน่าปวดหัวสิ้นดี

   “ก็คุณทำท่าเหมือนอยากไปกับมัน ก็ไม่ได้ว่าอะไร อยากไปก็ไปสิ”

   อารมณ์มาเต็ม! มึงเป็นนางเอกนิยายเหรอศตวรรษ

   “ผมไม่ไป ผมนั่งอยู่ในรถคุณแล้ว”

   “เดี๋ยวช่วยโทรไปบอกไอ้ริวให้ขับรถมาจอดเทียบได้ ออดี้เลยนะคุณ”

   “จะประชดผมทำไมเนี่ย มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า”

   “ก็หวง ไม่อยากให้ไปกับไอ้ริว ไม่อยากให้คุณเลือกมัน ไม่อยากให้คุณลังเลเวลาอยู่กับผมด้วย จบยัง”

   “จะ...จบ”

   ไม่เห็นต้องบอกตรงๆ ขนาดนี้เลยนี่หว่า

   รถยนต์ถูกขับออกจากลานจอด ท่ามกลางความเงียบงันที่เกาะกุมจนทำตัวไม่ถูก ผมนั่งกอดช่อดอกไม้บนตักอย่างเงียบเชียบ ไม่นานความอึดอัดก็ค่อยๆ คลายลงเมื่อเสียงเพลงจากวิทยุถูกเปิดโดยคนตัวสูง

   ผมไม่ได้ใส่ใจจะฟังมันนัก เพราะกำลังเล่นสงความประสาทว่าใครจะเป็นผู้พ่ายแพ้แล้วเริ่มต้นพูดออกมาก่อน จากนาที เป็นสิบนาที ตอนนี้ใกล้จะถึงคอนโดแล้วไอ้ยุคก็ยังคงเงียบ

   คนที่กังวลเลยตกเป็นผมทั้งที่ไม่ควรเป็น เบื่อว่ะ กูแพ้อีกแล้ว

   “จอดข้างหน้าพอ” พูดก่อนก็ได้วะแม่ง อีกฝ่ายเลยตอบกลับแทบจะทันที

   “อืม”

   แค่เนี๊ยะ!

   “จริงๆ เข้าไปอีกหน่อยก็ได้ ผมรู้สึกมึนหัวแปลกๆ” แพ้แล้วแพ้อีก แพ้จนต้องร้องขอชีวิต ไอ้สัด

   “โอเค ผ่านตรงป้อมยามไปคุณเดินขึ้นไปเองได้มั้ย”

   “ได้” ผมตอบเสียงแผ่ว ลอบมองเสี้ยวหน้าของคนเคียงข้างอยู่แว๊บหนึ่ง ก่อนอีกฝ่ายจะรู้ทันหันมามองกลับจนผมทำตัวแทบไม่ถูก

   “ชยิน ขอโทษ”

   อ้าว เกมส์พลิก

   “เรื่องอะไร”

   “ผมไม่มีสิทธิ์จะหวงคุณ ที่สั่งให้คุณเลือกผม”

   “ก็...” ผมคิดหาคำพูดอยู่ในหัว ประมวลผลอยู่นานก็ได้แต่ครางอืออาในลำคอ กระทั่งรถยนต์จอดสนิทอยู่ตรงประตูทางเข้า

   “ถึงแล้ว”

   “อือ” สองเท้าก้าวลงจากรถพร้อมช่อกุหลาบในมือ แต่ก็ไม่ลืมเอ่ยประโยคซ้ำซากเฉกเช่นทุกที

   “ขอบคุณนะ”

   “ไม่เป็นไร”

   ผมปิดประตูรถยนต์ และในเสี้ยววินาทีที่คนตัวสูงตั้งท่าจะขับออกไป ในหัวก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เลยรีบตบกระจกรถเพื่อให้อีกฝ่ายชะลอความเร็วลง

   บางที บางทีถ้าผมพูดมันอาจไม่อึดอัดใจขนาดนี้ก็ได้

   “ยุค” ผมเรียกชื่อเขา หลังกระจกถูกลดลงมาครึ่งหนึ่งและเราได้สบตากันตรงๆ

   “ว่าไง”

   “ถ้าจะหวงก็ไม่ว่ากัน จริงๆ มันก็เป็นสิทธิ์ที่คุณควรทำล่ะนะ”

   ผมเอ่ยเสียงแผ่ว รอคอยคำตอบจากอีกฝ่าย แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับไม่มีคำตอบหลุดออกมาจากริมฝีปากนั้นเลยนอกจาก…

   บึ้ม!

   รอยยิ้ม ที่ผมคิดว่าแม่งหล่อเหลาที่สุดเท่าที่เคยรู้จักกับมันมาเลย

   ฮาร์ทแอทแทคซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   คนบางคนนี่มันเก่งจริงๆ เพราะไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมาย ก็ชนะไปซะทุกอย่างแล้ว












   สองวันให้หลังผมได้ฤกษ์งามยามดีหาเงินเข้ากระเป๋าก่อนภาวะอดอยากจะวนมาถึงอีกรอบ เนื่องจากไอ้ท็อปได้นัดแนะสัมภาษณ์คอลัมน์หนังสือล่วงหน้า ผมจึงตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอกอย่างมีความสุข

   จะแตกต่างกว่าทุกวันหน่อยก็ตรงที่วันนี้ผมเลือกหยิบหมวกแก๊ปใบหนึ่งออกมาปัดฝุ่น มันพอจะช่วยอำพรางสิวที่ผุดขึ้นตรงหน้าผากอยู่สองสามเม็ดได้

   ผมเป็นแบบนี้เสมอตอนที่เครียด และจะเห่อขึ้นหนักมากตอนไม่มีเงิน

   เรานัดกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในช่วงเวลาสิบเอ็ดโมงตรง กะกินไปสัมภาษณ์ไปตามประสาเพื่อน ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีการตระเตรียมคำพูดเหมือนครั้งแรก และก็ไม่ต้องลุ้นว่าคู่สัมภาษณ์จะเป็นใครอีก เพราะตอนนี้...

   “ชยิน ตรงนี้เว้ย!” ไอ้ท็อปได้โบกมือเรียกผมหยอยๆ ขณะที่มีใครอีกคนนั่งรออยู่ตรงนั้นด้วยแล้ว

   ใครบางคนที่ทำให้ใจเต้นรัวเหมือนกลองศึก และผมต้องออกรบกับแม่ทัพที่กวนตีนที่สุดในโลก

   ไอ้เหี้ยศตวรรษ

   ขนาดเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วก็ยังรู้สึกประหม่าแปลกๆ ผมสาวเท้าไปหาคนทั้งคู่ ส่งยิ้มวอนส้นไปให้ทีหนึ่งก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างคนตัวสูงที่ยังคงคุมโทนด้วยเสื้อผ้าสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนเคย

   “อะไรดลใจให้มึงใส่หมวกวะ รุ่นเดียวกับไอ้ยุคเลย” สิ้นสุดคำพูดของเพื่อนคอลัมนิสต์ คนเคียงข้างก็หยิบหมวกแก๊ปสีดำยี่ห้อ A Bathing Ape ที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาสวมเป็นพร็อพประกอบฉาก

   “เนื้อคู่” ดูแม่งพูดเข้า

   “บังเอิญเหอะ ถ้าสิววัยรุ่นไม่ขึ้นผมก็ไม่หยิบมาใส่หรอก”

   “อายุปูนนี้ยังเรียกว่าวัยรุ่นอีกเหรอ”

   “โอ้โหหหหห คุณก็อายุเท่าผมมั้ย กล้าพูดได้ยังไง”

   “เคๆ เด็กน้อย”

   “ไม่ใช่เด็กน้อยโว้ย!”

   “พวกมึงนี่เถียงกันสนุกจังเล้ย ให้กูกลับบ้านก่อนมั้ย พร้อมเมื่อไหร่ค่อยโทรมาตาม” ไอ้ท็อปเบรกทุกประเด็น    ก่อนยื่นสมุดรายการอาหารมาให้ผมเป็นการตัดรำคาญ

   ผมเลยจิ้มๆ สั่งอาหารหนักๆ มากิน ก่อนจะเริ่มต้นกินไปบ่นไปตามประสาเพื่อน เพราะวันนี้เราจะมากันในธีมสายชิลด์ และเมื่ออาหารพร้อมผมจึงถือโอกาสหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอัพลงโซเชียลเพื่อเรียกกระแสตามสไตล์คนไม่มีอันจะกินเท่าไหร่นัก

   แชะ!

   “กล้องไม่ชัดเลย ใช้มะเขือเทศถ่ายเหรอ” นี่เป็นคำพูดจากปากหมาๆ ของไอ้ยุค และมันทำให้ผมโมโหจนอยากปามือถือใส่

   มึงดูเงินในกระเป๋ากูก่อนไอ้ฟายยยยยยยยย

   “ยุ่งน่า”

   ผมทำท่าฮึดฮัด รีบสอดมือถือหน้าจอแตกยับของตัวเองใส่กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงดังเดิม ก่อนไอ้ท็อปจะขึ้นประเด็นสัมภาษณ์ในเวลาต่อมา

   “เดี๋ยวเชี่ยท็อป มึงไม่เอาสมุดมาจดด้วยหรือไง” ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

   “อัดเสียงพอ เดี๋ยวกูกลับไปแกะที่ห้องเอง” มันตอบหน้าตาย

   “มึงนี่เป็นคอลัมนิสต์ที่ขยันมากเลยว่ะ”

   “ขอบใจ”

   “กูประชด”

   “ไม่สนอ่ะ”

   “ก่อนสัมภาษณ์กูต้องบอกชอบน้ำอัดลมยี่ห้อนี้มั้ย เผื่อเขาใจดีเป็นสปอนเซอร์ให้”

   “หยุดเพ้อสักห้านาทีก่อนนะเพื่อน เราไม่มีสปอนเซอร์ ครั้งนี้เป็นสัมภาษณ์คู่ คำถามเดียวกันต่างคนต่างตอบตามมุมมองของตัวเอง เข้าใจตรงกันนะ” อดีตเพื่อนสมัยมัธยมฯ เลื่อนมือไปบนหน้าจอไอแพดซึ่งจดคำถามเอาไว้ยาวเหยียด ก่อนเอ่ยถามคำถามแรก

   “แนะนำตัวก่อนเลย”

   “ชื่อยุคเป็นนักเขียน” คนเคียงข้างเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมจึงตามน้ำไปติดๆ

   “ส่วนผมชื่อชยิน”

   “เป็นแฟนไอ้ยุค”

   “ตบปาก!” ทายว่าไอ้ท็อปเนี่ยแหละที่ต้องตายก่อนศพแรก โทษฐานปากพล่อยเกินหน้าที่

   “แค่ล้อเล่นนิดเดียวทำเป็นซีเรียส อ่ะคราวนี้กูจริงจังละ ชีวิตเป็นยังไงบ้างหลังกระแสคู่จิ้นมาแรง งานเยอะขึ้นหรือเปล่า”

   จบคำถามนั้นผมกระทุ้งศอกใส่คนตัวสูง โดยให้มันเป็นฝ่ายตอบก่อน

   “ไม่นะ งานไม่ได้เยอะขึ้น แต่มีนิยายให้อ่านเพิ่มขึ้น”

   “แนวไหนที่ชอบอ่าน” ถามขยี้ใจกูไปอีกกกกกกกกก จนผมจะกระทุ้งศอกใส่ไอ้ยุคเป็นรอบที่สองให้มันตอบดีๆ

   “แนว Mpreg มั้ย เขาเรียกแบบนั้นหรือเปล่า”

   “ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อย”

   “ก็ผู้ชายที่ท้องได้อ่ะ เคยอ่านเรื่องนึงชยินขี้อ่อยมาก เอะอะคือชวนขึ้นเตียง ผลิตลูกกันทั้งวัน”

   “หยุดเลย หยุด!” ผมรีบยกมือปิดปากไอ้ยุคทันที แต่มันแม่งก็สะบัดหน้าออกเร็วมากก่อนจะจับข้อมือของผมเอาไว้

   “ชื่อเรื่องว่ารักไม่ยุ่งมุ่งแต่เย ลองไปอ่านดู สนุกดี”

   “ยุค! ผมโกรธคุณจริงๆ นะเว้ย” 

   “โอเค เขาอัพจบไปแล้ว ผมไม่อ่านแล้ว” พูดไปก็ยิ้มไปจนกูอยากจะเอามือไปจกตามึงให้แหก

   เบื่อมากนิยายที่เขียนให้ผมท้องเนี่ย เรื่องไหนเรื่องไหนผมก็โดนกดหมด ทำไมไม่มีใครคิดว่าคนอย่างชยินจะกดคนอย่างไอ้ยุคได้วะ คนเดี๋ยวนี้มันตาไม่ถึงกันจริงๆ

   “เลิกทำหน้างอได้แล้วน่า” ไม่พูดเปล่า ไอ้ศตวรรษก็ใช้ส้อมจิ้มมะเขือเทศมาไว้ในจานผม ซึ่งเผื่อมึงไม่รู้นะ กูไม่กินมะเขือเทศโว้ยยยยยยย 

   “เอาไปไกลๆ ผมไม่กิน” ว่าแล้วก็ใช้ส้อมจิ้มกลับไปใส่จานแม่งอีกรอบ

   “พูดถึงนิยายเท่าที่ตามไปส่องๆ ดูมันก็เยอะอย่างที่ว่าจริงๆ นั่นแหละ ล่าสุดที่เผลอกดเข้าไปอ่าน เพิ่งเห็นว่ามึงเป็นกะหล่ำปลีด้วยว่ะชยิน” ไอ้ท็อปพูดหน้าตาย แต่คนฟังอย่างผมเนี่ยสิที่ตกใจจนแทบช็อก

   “ฮะ?”

   “มึงเกิดมาเป็นกะหล่ำปลีอ่ะ ไอ้ยุคเป็นคนสวน ฮ่าๆๆๆ”

   “พูดให้กูเข้าใจอีกทีดิ”

   “ตำนานรักกะหล่ำปลีไง นิยายสำหรับคู่จิ้น #YukYinCouple เอ้า! ไม่เคยอ่านเหรอ หวายยยยยยยไปอยู่ไหนมาเนี่ย”

    เชี่ย! ใครมันกล้าเขียนเรื่องแบบนี้วะ ดูปลาบู่ทองเยอะเหรอ มีต้นมะเขือเป็นแรงบันดาลใจสินะ

   โว้ยชีวิตกูนี่หนอ เป็นมันทุกอย่างทั้งคนท้อง ทาสเซ็กซ์ ล่าสุดกูเป็นกะหล่ำปลี ไอ้เหี้ย!

   “มึงไม่ต้องเครียดหรอกชยิน คนอ่านไปแค่ล้านสองแสนเอง”

   “ฮือออออ”

   “ไม่ต้องร้อง ตอบคำถามกูก่อน มึงล่ะชีวิตเปลี่ยนไปมั้ย” และคราวนี้ไอ้ท็อปก็พาเรากลับเข้ามาในโหมดเป็นการเป็นงานอีกรอบ

   “เปลี่ยนสิ เปลี่ยนมากเลย ทั้งงานและกระแสในโลกโซเชียล” โดยไอ้ยุคเนี่ยแหละที่เป็นตัวแปรสำคัญในชีวิตของผม แถมทำกูน้ำตาซึมในตอนนี้อีกต่างหาก

   ทำใจไม่ได้อ่ะ ทำไมไม่มีนิยายที่ผมจะได้รับบทที่ดูดีและมีเสน่ห์บ้างวะ

   “แล้วรู้สึกยังไงตอนที่มีคนเห็นหน้ามึงแล้วบอกว่าน่ารัก” ไอ้ท็อปถามต่อ

   “มึงไปอ่านข้อความที่ไหนมาไม่ทราบ มีแต่คนชมกูว่าหน้าตาดี หน้าตาดีเว้ยไม่ใช่น่ารัก” ตอบไปก็จ้วงข้าวใส่ปากไป ขณะที่ไอ้ท็อปก็ยิงคำถามใส่ไม่หยุด

   “โอเคเปลี่ยนเรื่อง ชอบประโยคไหนในเพลงที่ตัวเองแต่งมากที่สุด และทำไมถึงชอบ”

   “คงเป็น...ยินดีที่ได้รู้จัก”

   “ธรรมดาขนาดนี้เลย นึกว่าจะมีประโยคคมๆ อะไรซะอีก”

   “แม่งดีนะเว้ย ประโยคนี้มันเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักใครสักคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ถึงแม้ว่าตอนสุดท้ายความสัมพันธ์ของเรากับคนๆ นั้นจะดีหรือแย่ก็ตาม”

   “...”

   “เพราะถ้าดีก็รักษาไว้ แย่ก็แค่จดจำและเรียนรู้เท่านั้นเอง”

   “ไอยะ คมแล้วสัด” ไอ้ท็อปพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ก่อนเบนสายตาไปยังอีกคน “มึงอ่ะยุค ชอบประโยคไหนในหนังสือของตัวเอง”

   “จงซื่อสัตย์กับความรู้สึก”

   “จริงดิ” ผมแทรกขึ้น กะแซวเล่นขำๆ แต่กลับได้สายตาสงบนิ่งของเจ้าของคำตอบกลับมาซะอย่างนั้น

   “แล้วคุณว่าจริงมั้ย”

   “ไม่รู้ ผมไม่ใช่คุณ”

   “คุณรู้ แล้วผมก็รู้ด้วยว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับผม”

   “ไม่ใช่นะ!”

   ฉิบหายละ หลุดปากพูด

   “ต๋ายแล่ววววววว มึงไปเต๊าะกันไกลๆ เถอะ เหม็นความรัก”

   “เชี่ยท็อปมึงอย่าเข้าใจผิด คุณก็ด้วย ที่พูดว่าไม่ใช่เพราะผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกของผมซะหน่อย”

   “พูดอะไรยืดยาว ขี้เกียจฟัง” แล้วไอ้ยุคก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อโดยไม่สนใจความร้อนตัวของผมอีกเลย โฮร่ลลลลล

   กูจะร้องไห้แล้วววววว

   ทำไมถึงรู้สึกเหมือนโดนรุมรังแกอยู่ฝ่ายเดียวเลยวะ

   “เป็นอะไร เบะปากจนเบี้ยวไปหมด” ยังมีหน้าหันมาถามอีก

   “ไม่ต้องมายุ่ง”

   “สรุปผมผิดเหรอเนี่ย”

   “ก็คุณกวนตีนไง”

   “ไม่ดีเหรอ อย่างน้อยชีวิตคุณจะได้มีสีสัน”

   “สีสันกับผีน่ะสิ”

   หลังซุ่มเถียงกันอยู่พักใหญ่ จากสัมภาษณ์คู่ดูเหมือนว่าตอนนี้ไอ้ยุคจะให้สิทธิ์ผมในการตอบคำถามก่อนทั้งหมด ซึ่งกูต้องเผชิญกับสายตาล้อเลียนของไอ้คอลัมนิสต์ตัวดีไปอีกหลายสิบนาที แถมยังกินเวลานานจนอาหารในจานพร่องเกือบหมด

   ก่อนเพื่อนท็อปจะเบี่ยงประเด็นไปยังคนตัวสูงซึ่งนั่งจิบน้ำรออย่างนิ่งๆ และจู่โจมอีกฝ่ายด้วยคำถามเดียวกัน

   “ได้ข่าวว่าผ่านพ้นวันเกิดมาแล้ว ปีนี้พิเศษกว่าปีไหนๆ มั้ย”

   “อาจจะพิเศษล่ะมั้ง ปกติในวันเกิดกูจะได้ของขวัญสวัสดิการนักเขียนจากสำนักพิมพ์ แต่ปีนี้ดีกว่านั้นหน่อยตรงที่ได้อยู่กับคนที่อยากอยู่ด้วย”

   “ดีว่ะ คนๆ นั้นเป็นยังไง”

   “เป็นคนที่ปฏิเสธกู แถมยังนั่งหน้าสลอนอยู่ตรงนี้ไง”

   เขร้!!

   ทุกสายตาหันมามองผมเป็นจุดเดียว ด้วยไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พยายามนึกย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่ผ่านมา...

   หรือจะเป็นที่ดาดฟ้าในคืนนั้น จำได้ว่าไอ้ยุคเคยบอกกับผมว่าเป็นวันเกิดของมัน แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่ออย่างจริงจัง มาวันนี้เพิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก

   “ฮะ...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ย้อนหลังนะคุณ” ผมยิ้มแหยส่งไปให้

   “ตลกเด็กน้อย ขอบคุณครับ”

   “ถ้าคุณบอกผมก่อน ผมก็จะ...”

   “จะอะไร”

   “ซื้อของขวัญให้”

   “มีเงินเหรอ”

   “ไม่ได้อดอยากขนาดนั้นมั้ย”

   “ผมได้รับของขวัญแล้ว”

   “ตอนไหน”

   “ได้อยู่กับคุณไง”

   “แต่ผมไม่ได้รับรักคุณนะ”

   “ไม่เป็นไร อีกหน่อยจะรัก”

   “ง่อววววววว กูขอตัวไปอ้วกก่อนนะเพื่อน ไม่ไหวละ ความรักกระแทกคอกูแรงไปหน่อย อ้วกกกกกกก” ไม่พูดเปล่า ไอ้ท็อปยังวิ่งปรี่ไปห้องน้ำอย่างที่ปากพูดจริงๆ

   ทิ้งผมให้เผชิญหน้ากับไอ้นักฆ่าอยู่ตามลำพังในบรรยากาศที่ชวนวูบโหวงแปลกๆ

   ดูเหมือนคนพูดมันจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรด้วยซ้ำ ตรงข้ามกับผมที่ได้แต่เกาท้ายทอยไปมา เพราะไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนมากกว่า

   มึงทำสำเร็จแล้วศตวรรษ สุดท้ายผมก็แพ้ให้กับความหน้าด้านของมันอย่างไม่มีเงื่อนไข

   “ขากลับผมไปส่งนะ” ต่างคนต่างเงียบอยู่นาน กระทั่งเสียงทุ้มดังขึ้นในโสตประสาท

   “ไม่เป็นไร มาได้ก็ต้องกลับเองได้สิ”

   “งั้นตามใจ”

   ไม่นานไอ้ท็อปก็กลับมานั่งที่โต๊ะ เราพูดคุยกันต่ออีกนิดหน่อยจนทุกอย่างเสร็จสิ้น และทุกคนพร้อมจะแยกย้ายกลับทางใครทางมัน ทว่าจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น

   Rrrr..!

   พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นชื่อของไอ้ริวปรากฏอยู่ตรงหน้า ผมรู้ว่าริวเป็นแค่เพื่อน ถึงแม้ว่าเราจะคุยกันผ่าน MSN ด้วยความสนิทสนมแค่ไหนความสัมพันธ์ของเรามันก็เป็นได้แค่นั้น แต่ไอ้ยุคนี่ดิที่ไม่เข้าใจ ยิ่งเวลาต้องมารับโทรศัพท์แบบนี้ผมยิ่งเกรงใจมันแปลกๆ

   แต่คิดแล้วก็เท่านั้น สุดท้ายผมก็กดรับอยู่ดี

   “ว่าไง”

   [ชยินอยู่ไหน พรุ่งนี้ว่างมั้ย] อีกฝ่ายเข้าประเด็นอย่างรวดเร็วโดยไม่รอให้ผมถาม

   “ทำไมเหรอ”

   [กูอยากแฮงก์เอาท์กับเพื่อน เลยอยากชวนมึงมาด้วยกัน]

   “แถวไหนล่ะ”

   [ผับแถวคอนโดกู สรุปมาได้มั้ย]

   “เอ่อ...ขอดูก่อนนะ ยังไงเดี๋ยวจะให้คำตอบอีกที”

   [ได้ แต่อยากให้มานะ กูโทรหาไอ้เบิร์ดแล้วมันบอกจะมาเหมือนกัน]

   “โอเค ถ้าจะไปยังไงเดี๋ยวโทรบอก”

   หลังวางสาย ผมก็เงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนข้างๆ ทันที ไอ้ยุคไม่ได้มีท่าทีจะถามหรือสนใจอะไรนอกจากหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมากดเล่นเงียบๆ

   ความจริงเราจะแยกย้ายกันตอนนี้ก็ได้ แต่ในใจกูเนี่ยดิที่มันว้าวุ่นจนน่ารำคาญ

   “เอ่อ...ริวโทรมาน่ะ” พูดลอยๆ นะเว้ย ไม่ได้อยากให้ใครได้ยินหรอก

   ผมคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่มีใครถามอะไรกลับมา ไอ้ท็อปง่วนอยู่กับการเช็กเงินในกระเป๋าของตัวเอง ส่วนคุณนักฆ่าที่อยากให้มันพูดอะไรออกมาสักคำก็ยังคงนิ่งเงียบ

   ทำไมต้องให้กูพูดซ้ำด้วยวะ!!

   “ริวชวนผมไปแฮงก์เอาท์กับเพื่อนๆ คืนพรุ่งนี้ คุณจะไปด้วยกันมั้ย” รู้สึกได้เลยว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมาช่วงท้ายอ่อนลงหลายเท่า

   “มันไม่ได้ชวนผมสักหน่อย”

   “ก็เดี๋ยวอาจจะชวน”

   “คุณไปเถอะผมไม่อยากทำให้งานกร่อย”

   “เพื่อนกันทั้งนั้น ไปดื่มเหล้า ผมก็..น่าจะเมานิดหน่อย”

   “รู้ด้วยเหรอว่าตัวเองจะเมา”

   “ผมเมาง่าย”

   “ไอ้ริวดูแลคุณได้อยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก”

   “โอเค ยังไงมันก็ดูแลผมได้จริงๆ นั่นแหละ งั้นกลับก่อนนะ ไอ้ท็อปไว้เจอกันเว้ย” โบกมือให้สองสามทีก็รีบหมุนตัวเดินออกจากร้านโดยไม่คิดมองหน้าไอ้ศตวรรษแม้แต่เสี้ยว

   ผมเกลียดความย้อนแย้งของตัวเอง อยากฟอร์มจัดแต่บางทีก็อดแคร์อีกฝ่ายไม่ได้ ผมไม่อยากให้ไอ้ยุครู้สึกไม่ดี ขณะเดียวกันผมก็ไม่อยากมานั่งอธิบายว่าทำไมต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ในเมื่อความสัมพันธ์ของเราก็ยังเป็นแค่เพื่อน

   เป็นความสัมพันธ์ที่ผมเป็นฝ่ายเลือกเอง...

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 12-05-2018 22:07:42

   เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำเอานอนไม่หลับ ผมพลิกตัวไปมา พยายามครุ่นคิดทุกอย่างอยู่ในหัว

   สุดท้ายก็ได้คำตอบแล้วว่าผมจะไม่ไปปาร์ตี้กับไอ้ริว แล้วเลือกใช้เวลาในช่วงกลางวันมาเดินเลือกของขวัญวันเกิดให้ไอ้ยุคแทน

   นี่ก็สองชั่วโมงกว่าๆ ละกูยังเดินวนอยู่ที่เดิมอยู่เลย แม่ง...คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะซื้ออะไรให้

   ผมเดินกรีดกรายไปตามช็อปเสื้อผ้าอยู่หลายรอบ วนร้านเครื่องเขียนอีกครึ่งชั่วโมง ร้านรองเท้าอีกสิบห้านาทีทั้งที่ไม่รู้แม้แต่ไซส์ตีนอีกฝ่าย จนความอดทนเริ่มหมดลง เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักอย่างเมพเบิร์ดแทน

   รอสายไม่นาน เพื่อนยากก็กดรับสายอย่างเร็วรี่

   [งายยยยยยย] น้ำเสียงบรมง่วงเลยสัด ก้มมองนาฬิกาข้อมือก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักกว่ากูก็ไอ้เบิร์ดเนี่ยแหละที่กว่าจะตื่นนอนทีก็ล่อไปตั้งบ่ายสอง

   “เบิร์ด ถ้าจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ใครสักคน มึงว่ากูควรซื้ออะไรดีวะ”

   [ให้ใครล่ะ] โอ้โห! น้ำเสียงมึงดูตอแหลขึ้นมาทันทีเลยนะ

    แล้วมีเหรอที่คนอย่างผมจะบอกมันตรงๆ

   “เอ่อ...เพื่อน”

   [คนไหน]

   “เป็นเครื่องซักผ้าเหรอ ซักกูอยู่ได้ รีบๆ ตอบเร็ว”

   [เครื่องสำอางมั้ย]

   “เพื่อนผู้ชาย”

   [ซื้อปากกาเหมือนตอนมึงซื้อให้ไอ้ริวก็ได้]

   “ไม่เอาดิ เอาที่มันมีความหมายกว่านี้หน่อย” ไม่อยากซื้ออะไรชุ่ยๆ เดี๋ยวมันจะดูไม่ใส่ใจเท่าที่ควร แต่เอ๊ะ! กูควรแคร์ขนาดนั้น?

   [ดิกชันนารีเลย มีความหมายดี]

   “โว๊ะ อย่ากวนตีนได้ป่ะ”

   [แล้วสรุปมึงซื้อให้ใคร]

   “มึงไม่ต้องรู้หรอก”

   [ซื้อให้ไอ้ยุคเหรอ]

   “เหี้ยไรล่ะ!”

   [ซื้อหนังสือมั้ย] ไอ้เบิร์ดยังคงเสนอไอเดีย

   “มันคงอ่านเกือบหมดร้านแล้วมั้ง”

   [ก็เป็นนักเขียนอ่ะเนาะ]

   “อือ เฮ้ยไม่ใช่!”

   [จะซื้อให้เขาก็บอกกันตรงๆ สิ ปิดทำไม เพื่อนกันนนนนนนนนน]

   “กูไม่คุยกับมึงแล้ว ยังไงก็ช่วยกูไม่ได้อยู่ดี แค่นี้นะ” มือผมกดตัดสาย แต่เสียงสุดท้ายที่ลอดผ่านมือถือก็คือเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเพื่อนขี้เสือกอย่างมัน

   ผมประเมินคนอย่างซูปเปอร์เนิร์ดน้อยไปจริงๆ เพราะถ้ารู้แต่แรกก็คงไม่เลือกโทรไปปรึกษามันให้เสียเวลาหรอก

   ได้แต่ดึงทึ้งหัวตัวเองพักใหญ่ผมก็เดินเตรดเตร่ไปยังร้านหนังสือเล็กๆ อีกร้านหนึ่ง มองดูสมุดโน้ต อุปกรณ์เครื่องเขียน กาวตราช้าง เลือกให้ตาแฉะยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดีจนกระทั่ง...

   ‘หมวก’

   นี่คือสิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัวฉับพลัน นอกจากเสื้อผ้าสไตล์นักฆ่าแล้ว ก็มีหมวกแก๊ปเนี่ยแหละที่เหมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ในร่างกายของมัน

   เมื่อรู้ในใจแล้วว่าอยากซื้ออะไร ผมก็ไม่รอช้าเดินไปที่ช็อปต่างๆ เพื่อเลือกหมวกที่เข้ากับบุคลิกของไอ้ยุคทันที จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงช็อปของ Balenciaga

   เพราะบังเอิญสะดุดตาเข้ากับหมวกสีดำใบหนึ่งเข้าอย่างจัง มันสวยมาก และเหมาะกับไอ้ยุคอย่างไม่ต้องสงสัย คิดไม่ผิดเลยที่เดินเข้ามาตั้งแต่แรก

   ไหนขอหยิบขึ้นมาดูหน่อยซิ

   “ราคาหนึ่งหมื่นเจ็ดร้อย...”

   หงั่กๆๆๆๆ ข้าวกูทั้งเดือน

   แต่นี่ใครครับ นี่ชยิน มีเหรอจะมองอยู่เฉย ไปสิครับเดินออกร้านไป ราคาขนาดนี้กูไม่มีปัญญาซื้อจริงๆ ครับพี่น้อง

   หลังปาดเหงื่อออกจากหน้าผากไปหลายรอบ ผมก็ยังไม่หยุดมองหาของขวัญวันเกิดสำหรับไอ้ยุค มันยังมีหมวกอีกหลายยี่ห้อที่สวยมากๆ แต่เชื่อมั่นเหลือเกินว่าเจ้าตัวอาจมีหมดแล้ว ดังนั้นผมเลยต้องสุ่มเลือกยี่ห้อและรุ่นที่คิดว่ามันคงไม่มีขึ้นมา

   และทุกอย่างก็จบลงที่หมวกยี่ห้อ Moncler ทรงเบสบอลสีดำรุ่นหนึ่ง ราคาก็พอให้อดข้าวระยะสั้นไปได้บ้าง จึงตัดสินใจจ่ายตังค์แล้วเดินออกมาด้วยแข้งขาที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง

   คิดอย่างเดียวว่าพลังที่สามารถเติมได้ตอนนี้ก็คือร้านหนังสือ เพราะผมต้องหาหนังสือของไอ้ยุคมาด่าสาปส่งให้พอใจก่อนกูถึงจะกลับ แม่งทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุจริงๆ

   อ้าว! เหยดดดดดดดดด

   ในใจของผมสบถร้องออกมาอย่างหนักเมื่อเห็นร่างสูงแสนคุ้นตายืนอยู่ภายในร้าน วินาทีนั้นผมรีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างชั้นหนังสือ ทว่าสองตายังคงแอบส่องดูความเคลื่อนไหวจนแทบไม่หลุดโฟกัส

   ไอ้ยุคสวมฮู้ดสีดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าไนกี้สีเดียวกัน รวมไปถึงหมวกกับแมสก์ปิดหน้าก็ด้วย เรียกได้ว่าเดินเข้ามากลิ่นไอนักฆ่าก็กระจายไปทั่วพื้นที่ และถึงแม้ว่าผมจะสังเกตเห็นแค่ดวงตาก็ยังจำได้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นใคร

   มีไม่กี่คนในประเทศหรอกที่จะเป็นอย่างมัน

   “หากต้องการหาหนังสือเล่มไหนแจ้งเราได้เลยนะคะ” พนักงานที่กำลังจัดของอยู่ใกล้ๆ เอ่ยบอก ส่วนไอ้ยุคก็พยักหน้าหงึกหงัก เอามือล้วงกระเป๋ายืนอยู่หน้าชั้นหนังสือหมวดสืบสวนสอบสวน ท่ามกลางสายตาของใครหลายๆ คน

   คือจะบอกเสือกกว่าไอ้เบิร์ดก็กูแล้วล่ะ ฮ่วย!

   มือหนาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา เปิดอ่านอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็สอดเก็บไว้ตรงจุดเดิม ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เกือบสิบนาทีถึงค่อยขยับเท้าไปยังชั้นหนังสืออีกหมวดหนึ่ง

   ผมรู้สึกว่าตอนที่ไอ้ยุคกำลังจดจ่อกับอะไรสักอย่างหนึ่งนั้นมันโคตรจะดูดี ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะสวมทุกอย่างปิดหน้าปิดตาราวกับกำลังออกไปกรีดยางตอนกลางดึกก็เถอะ

   “คุณลูกค้ากำลังหาหนังสืออะไรอยู่คะ”

   เหี้ย!

   ผมถึงกับสะดุ้งโหยง ทันทีที่พนักงานผู้มีใจรักในการบริการจู่โจมขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาทำอะไรไม่ถูกไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

   “ไม่เป็นไรครับ”

   “ถ้าหาไม่เจอสอบถามได้นะคะ”

   “ครับๆ” ตอนนี้กูกลัวว่าคนที่หาผมเจอจะเป็นไอ้ยุคแล้วล่ะ

   แต่เมื่อหันไปมองร่างสูงที่กำลังจดจ่อกับการอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ ก็พอทำให้โล่งใจได้บ้าง มันไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบข้างมากนัก เพราะงั้นผมเลยไม่ถูกจับได้อย่างที่กลัว

   “ยินดีต้อนรับค่า” ลูกค้าใหม่ๆ ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ พนักงานในร้านก็ทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนเครื่องไหน เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา และสองเท้าแสนมั่นคงนั้นกำลังตรงดิ่งไปยังเป้าหมายของผม

   คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาเลยก็คือ ใคร?

   เธอมีผมสั้นสีน้ำตาลอ่อน สวมเชิ้ตลายตารางสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่เขากับรูปร่างได้เป็นอย่างดี ดูรวมๆ นี่คือมนุษย์ฮิปสเตอร์คนหนึ่งที่หน้าตาดีสัดๆ เลยล่ะ

   เห็นแบบนี้ความอยากรู้อยากเห็นของไอ้ชยินยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทบทวี ผมพยายามอย่างมากเพื่อเงี่ยหูฟังว่าคนทั้งคู่กำลังคุยอะไรกันอยู่ แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลยเนื่องจากยืนห่างเกินไป

   ท่าทางที่ดูสนิทสนมนั้นทำให้จิตใจของผมกระวนกระวาย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของกูไง อยากขยับใกล้กว่านี้ แต่ใจก็เสาะเกินกว่าจะทำ นอกจากมองคนทั้งคู่อยู่ห่างๆ เพียงอย่างเดียว

   ผมตกอยู่ในภวังค์ไปพักหนึ่ง กว่าจะรู้ตัวไอ้ยุคกับผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว ผมพยายามมองซ้ายมองขวาก็ไม่เจอเลยตัดสินใจเดินออกมาจากซอกชั้นหนังสือ ไม่คิดเลยว่าคนที่ยืนดักหน้าอยู่จะเป็นคนที่กำลังตามหาในตอนแรก

   “อะ...อ้าวคุณ มาได้ไง” เนียนให้สุดแล้วหยุดที่ดริฟท์หน้าแหก

   ทำไมมึงยังไม่ป๊ายยยยยยยยยยย กูซ่อนถุงหมวกไว้ข้างหลังแทบไม่ทัน

   “ผมเดินที่นี่เป็นปกติอยู่แล้ว ว่าแต่คุณเถอะ มาซื้ออะไร” ตอนนี้อีกฝ่ายได้ถอดแมสก์ออกแล้ว ผมถึงได้เห็นหน้าของมันเต็มตาซะที

   “ผมมาหาซื้อหนังสือ เห็นหน้าแบบนี้ความจริงผมก็เป็นคนชอบอ่านนะ”

   “เหรอ เหมือนจะชอบอ่านจริงๆ เห็นยืนอยู่ตั้งนานไม่ขยับไปไหนสักที”

   “ฮะ! คุณเห็นผมเหรอ”

   “ตั้งแต่เดินเข้าร้านแล้วคุณ”

   “แล้วทำไมไม่บอกอ่ะ” กูอุตส่าห์ซ่อนตัวในซอกหลืบตั้งนาน ไอ้เวร

   “ถ้าบอกก่อนจะรู้เหรอว่าคุณสนใจผมซะขนาดนี้”

   “เหอะ โคตรหลงตัวเองเลย ผมไม่ได้สนใจสักหน่อย” สิ้นสุดประโยคนั้นผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังในลำคอของอีกฝ่าย ก่อนฝ่ามือหนาจะแปะลงบนหัวของผมพร้อมกับขยี้เบาๆ

   “ไม่มีอะไร”

   “หา?”

   “เรื่องดรีม แค่แฟนเก่า” นี่กูกำลังตามติดชีวิตแฟนเก่าอยู่เหรอวะ ไม่น่าเลยจริงๆ คือแฟนไอ้ยุคสวยมากครับ ดูดีมีสไตล์ และคิดว่าผู้ชายหลายคนคงชอบแบบนี้แม้กระทั่งผม

   “แล้วไง ผมไม่ได้อยากรู้”

   “จริงดิ เสือกเก่งนะเราอ่ะ”

   “ยุ่งน่า”

   “หึงผมเหรอ”

   “ประสาท”

   “ไม่อยากรู้เหรอว่าเลิกกันเพราะอะไร”

   “เพราะคุณมันกากไง”

   “คงใช่ เขานอกใจก่อน ก็กากดี” อ้าว เข้าซีนดราม่าเฉย

   ผมเงยหน้ามองคนตัวสูง ในหัวก็พยายามเค้นหาคำพูดปลอบใจมากมายทว่าผมก็คิดอะไรไม่ออก นอกจากประโยคธรรมดาๆ ที่มักใช้กับเพื่อนทุกคนเวลาทะเลาะกับเมีย

   “คุณทำดีที่สุดแล้ว”

   “อืม”

   “แต่ลึกๆ คุณอยากกลับไปคบกับเขามั้ย ดูเหมือน...เขาจะอยากกลับมาหาคุณนะ” จากที่ดูอย่างห่วงๆ มาพักใหญ่ ผมก็พอจะจับสังเกตได้หลายอย่างทีเดียว

   “มันยากมากที่จะทำให้ทุกคนชอบเรา และที่ยากยิ่งกว่าคือการพยายามทำตัวเองให้เหมือนเดิมทั้งที่คนเราควรเติบโต”

   “...”

   “ผมชอบคุณแล้ว ชอบคนอื่นไม่ได้อีก”

   เอาจริงดิ พูดง่ายๆ อย่างงี้เลยจริงดิ

   ไปไม่เป็นเลยสัด

   “หน้าแดงแล้วเด็กน้อย เก็บอาการหน่อย”

   “อะไร คนอย่างผมไม่หลงคารมง่อยๆ อย่างนี้หรอกโว้ย”

   “เก่งครับเก่ง” มันยังทำหน้าล้อผมไม่เลิก กูเลยต้องหาประเด็นใหม่มาเปลี่ยนอย่างเร่งด่วน

   “แล้วนี่ไปไหนต่อ”

   “ยังไม่รู้ แค่จะมาดูหนังสือว่ามีเล่มไหนออกใหม่บ้าง แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีเล่มที่อยากได้ผมก็แค่มาเดินเล่นเฉยๆ ตอนที่คิดงานอะไรไม่ออก”

   “พวกนักเขียนอารมณ์สุนทรีย์แบบนี้ทุกคนป่ะ”

   “อืม อารมณ์ทางเพศก็สูงด้วยนะอยากลองมั้ย”

   “โคตรเหี้ย”

   “แล้ววันนี้ไม่ไปแฮงก์เอาท์กับไอ้ริวหรือไง จะแยกกันตรงนี้ก็ได้นะ” นั่นไง แม่งวกกลับมาเรื่องนี้อีกจนได้

   “ผมไม่ได้ไปแล้ว พอดียุ่ง”

   “อ้อ ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันเลยมั้ย ผมไม่อยากรบกวนคุณเหมือนกัน” ร่างสูงตั้งท่าผละออกไป แต่ผมเร็วกว่านั้นรีบคว้าข้อมือเจ้าตัวเองไว้

   “ตอนนี้ คือตอนนี้ผมยังไม่ยุ่งมาก” พูดไปก็อยากตีปากตัวเองไป นี่ไม่ใช่คำขอร้องนะเว้ยบอกไว้ก่อน

   “ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย” พอไอ้ยุคถาม ผมก็ขี้เกียจจะปฏิเสธแล้วล่ะ

   “ก็ได้”

   “อยากกินอะไรเป็นพิเศษ”

   “อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องแกะหรือแทะ”

   “โอเคงั้นกินบอนชอนแล้วกัน”

   ไอ้เวร มึงมัน...

   “ยิ้มดีใจเลยล่ะสิเด็กน้อย” หน้ากูนี่ดูดีใจเหรอ ทำตัวเปรี้ยวตีนชาวบ้านเขาไปทั่วเลยนะมึงเนี่ย

   “หึ! เอาเวลากวนตีนผมไปทำอย่างอื่นดีกว่า ไม่ต้องซื้อของหรือดูอะไรก่อนหรือไง”

   “ยังเหลืออยู่อย่างนึง แต่คิดว่าคงซื้อหลังกินเสร็จโน่นแหละ”

   “อะไร”

   “ตั๋วหนัง”

   “...”

   “ไปดูหนังเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”

   ไอ้ยุคเล่นกูอีกแล้วววววววววว พอเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมัน ผมแม่งก็ดันเห็นแววตาจดจ่อจนเยี่ยวกูแทบจะราดใส่กางเกง

   เอาไงดีวะ

   เอาไงดีวะ

   เอาไวดีวะ!!

   “จริงๆ วันนี้ผมก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่นะ แต่...”

   “...”

   “ก็พอมีเวลาจะดูหนังเรื่องนึงพอดี”












   ไม่มีเวลาแต่ดูหนังจบเที่ยงคืนกว่า ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลยเลือกเงียบจนไอ้ยุคพามาส่งถึงคอนโด แล้วมันก็เหมือนตรัสรู้ถึงไม่ได้ถามซักไซ้ว่าทำไมเวลาของคนไม่ว่างถึงเหมือนว่างซะขนาดนี้

   คือบอกตามตรงว่าหลุดฟอร์มไปเยอะ ช่วงนี้คงต้องห่างๆ จากมันบ้างเผื่อจะได้กลับมาเป็นคนมีฟอร์มเหมือนเดิม

   เช้าวันรุ่งขึ้นผมมีนัดกินข้าวกับไอ้เบิร์ด เราคุยกันนิดหน่อยก่อนความเศร้าสลดจะมาเยือนอีกครั้งเมื่อรู้ว่าอาทิตย์หน้าแม่งก็จะกลับอเมริกาแล้ว ทิ้งให้ผมต้องเหงาเปล่าเปลี่ยวลำพังอีกตามเคย

   “ดราม่าทำห่าอะไรเนี่ย กูไม่ได้ไปตาย กูแค่จะกลับไปหาเมีย”

   “มึงไม่อยู่กูเหงา”

   “เหงาบ้าบออะไรของมึง มีผู้ชายมารุมล้อมขนาดนี้ ไหนจะไอ้คุณยุค ไหนจะไอ้ริว บันเทิงฉิบหายเลย”

   “มันเหมือนมึงที่ไหนล่ะ”

   “อย่าบ่นให้มาก อันนี้แบบสอบถามการใช้ msn ฉบับทดลอง ช่วยตอบให้ครบทุกข้อด้วย”

   ปากว่า หากแต่มือก็จิ้มลงไปบนมือถือเพื่อส่งแบบฟอร์มออนไลน์มาให้ มึงนี่มันไอ้ทีแมนของจริงเลยแสรด แล้วไม่สนใจด้วยนะว่าผมจะตัดพ้อชีวิตปีชงของตัวเองไปมากแค่ไหน เพราะทุกคำที่พ่นออกมาก็เหมือนผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาในที่สุด

   “โปรแกรมมึงแย่ทุกอย่าง” ผมให้ความเห็น

   “ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อน กูสั่งคนมาซ้อมนะไอ้นี่ ไม่ใช่เพราะโปรแกรมกูเหรอที่ทำให้มึงหายเหงา”

   “วุ่นวายล่ะไม่ว่า”

   “อ้อ ก็บังเอิญมีผู้ชายมาบอกรักอ่ะเนาะ แถมไม่มั่นใจด้วยว่าเป็นไอ้หมอริวหรือเปล่า ถามจริง ถ้าใช่ไอ้ริวมึงจะทำยังไง สานต่อมั้ย”

   คำถามนี้ทำเอาผมสตั๊นไปพักหนึ่ง พยายามกรอกตาหาเหตุผลต่างๆ มากมาย สุดท้ายก็ทำได้แค่ส่ายหัว

   “ต่อให้เป็นริวจริงกูก็ไม่ได้ชอบมันแบบนั้น”

   “จริงดิ”

   “คือตอนที่คุยกันในเอ็มมันดีมากก็จริง เป็นพี่ปรึกษา ช่วยให้คลายเครียดเวลาเบื่อๆ แต่กับชีวิตจริงมันยังไงไม่รู้ว่ะ กูรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างกูกับไอ้ริวมันคงเป็นได้แค่เพื่อน”

   “แล้วถามมันยัง บางทีมันอาจไม่อยากเป็นเพื่อน ดูก็รู้ว่าแม่งชอบมึง”

   “...” คราวนี้ผมเลือกเงียบ ทว่าไอ้เบิร์ดก็ยังฝอยออกมาไม่หยุด

   “ไอ้ยุคก็ชอบมึง รายนี้ล่ะเป็นไง”

   “กูปฏิเสธมันไปแล้ว และตอนนี้กูก็ไม่อยากเจอมันด้วยเพราะเพิ่งเจอกันไปเมื่อวาน”

   “เอ้า! เจอเมื่อวานวันนี้เจอไม่ได้เหรอ แล้วของขวัญวันเกิดล่ะให้มันไปหรือยัง”

   “ยัง”

   “นั่นไง ยอมรับแล้วอ่ะดิว่าซื้อให้มัน โธ่...ทำมาเป็นฟอร์ม”

   ผมหรี่ตามองไอ้เมพ บางทีถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทกูจะถีบให้คอหักตาย

   “เรื่องบางเรื่องมันควบคุมไม่ได้หรอกนะเว้ยโดยเฉพาะความรู้สึก ถึงคนที่ชอบมึงจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เป็นไอ้ริว ไอ้ยุค หรือคนอื่น ก็แล้วไง มันก็สิทธิ์ของมึงที่จะชอบตอบไม่ใช่เหรอวะ”

   “ทำมาเป็นพูดหล่อ”

   “ก็กูหล่อ”

   “ที่ห้องมีกระจกมั้ยน้องงงงงง”

   “ไม่มีจ้ามีแต่ถุงยาง คืนนี้ร้านเหล้ามั้ยวะ” เอาอีกละ ทำกูเสียคนตลอด

   “ไม่ดีกว่า กูต้องกลับไปแต่งเพลง”

   “จริงรึ”

   “จริงซิ”

   “ขอให้แต่งจริงๆ นะ”

   “แน่นอน...”

   ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ผมยืนอยู่หน้าร้านกาแฟที่เปิด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นร้านประจำของไอ้ยุค บอกตามตรงว่าสมองตอนนี้ว่างเปล่ามาก จะให้แต่งเพลงก็คงเป็นเรื่องที่ยากสุดๆ

   แต่ผมก็ไม่อยากเดินไปเคาะประตูห้องมันแล้วบอกว่าซื้อของขวัญวันเกิดมาให้ไง วิธีเดียวที่พอช่วยได้คือทำตัวเหมือนบังเอิญมานั่งทำงานที่ร้าน แม้ไม่รู้ว่าคืนนี้มันจะมาหรือเปล่าก็เถอะ

   เอาวะ!

   หลังตัดความกังวลใจออกไปจนหมด ผมก็เริ่มสั่งเครื่องดื่ม และหาที่นั่งทำงานอย่างขะมักเขม่น กางสมุดจดเพลง แล็ปท็อป เสียบหูฟัง มีเช็กข้อความในมือถือเล็กน้อย ปล่อยให้เวลาผันผ่านอย่างเชื่องช้า...

   เชื่องช้าราวกับกำลังกระดึ๊บตัวไปบนโขดหิน

   ไอ้นรก...

   ตีสาม

   ไร้ซึ่งวี่แววของคนที่คุณรู้ว่าใคร แต่ผมก็ยังนั่งต่อจนเวลาล่วงเลยมาถึงตีห้า ความอดทนก็หมดลง ได้แต่เก็บของแล้วกลับไปนอนผึ่งพุงที่ห้องด้วยความรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ

   คืนที่สองผมมาใหม่ ทว่าครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งแรกคือไอ้ยุคไม่ได้โผล่มาที่นี่ และของขวัญที่ผมคิดจนหัวแทบแตกก็ยังถูกยัดอยู่ในถุงกระดาษเหมือนเคย

   จิตใจเริ่มกระวนกระวาย คิดหาทางออกหลายวิธี

   หลายครั้งที่ผมอยากกดโทรศัพท์หามัน หรือไม่ก็เดินไปเคาะห้องแล้วยื่นของขวัญให้ หนักสุดนี่ถึงกับภาวนาว่ามันจะโผล่ไปหน้าห้องผมเหมือนที่ผ่านๆ มาแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่ได้เกิดขึ้น

   คืนที่สามผมมานั่งที่ร้านกาแฟอีก หมดแล้วภาพลักษณ์ที่สั่งสมมาตลอด นาทีนี้ถึงกับต้องแบกทุกอย่างออกห้องในสภาพชุดนอนกันเลยทีเดียว และก็ตามสเต็ป หาที่นั่ง สั่งเครื่องดื่ม จากนั้นก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วหลับไป

   เผื่อใครยังไม่รู้

   ผมแค่ย้ายที่นอนเฉยๆ

   “คุณ...คุณ...” รู้สึกสะลึมสะลืออีกทีก็ตอนถูกเรียกและเขย่าตัวเนี่ยแหละ พนักงานร้านนี้ทำไมชอบรบกวนลูกค้าจังวะ เดี๋ยวคอมเพลนไปทางเพจเลย คนจะหลับจะนอน

   “อืออออ” ด้วยความหงุดหงิดผมเลยครางอืออาตอบ ก่อนผินหน้าไปอีกทางโดยไม่คิดลืมตาขึ้น

   แล้วเสียงน่ารำคาญนั้นก็เงียบไป ผมได้นอนเต็มอิ่มจนนาฬิกาจากมือถือดังปลุกให้ตื่น ซึ่งเป็นเวลาตีห้าเหมือนทุกวัน แล้วไอ้ยุคก็ไม่เคยมาที่นี่อยากที่หวัง

   “ตายโหง!” ผมสบถออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนที่อยากเจอมาตลอดหลายวันกำลังนั่งหน้านิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

   เสื้อยืดตัวโคร่งสีดำ กางเกงดำ รองเท้าดำ เพียงแต่คืนนี้ไม่มีหมวกเท่านั้นเอง เป๊ะเลย!

   “ท่าทางคุณจะหลับฝันดี เห็นน้ำลายยืดจนถึงใบหูแล้วนั่น” ผมรีบยกมือปาดคราบเปียกออกจากแก้ม ก่อนเอ่ยถามออกไปทั้งที่หัวใจทั้งดวงกำลังเต้นโครมครามแทบไม่เป็นจังหวะ

   เพลงสิบสี่อีกครั้งบรรเลง~

   “มา...มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “นานพอจะมองดูคนหลับ” เจ้าตัวตอบหน้าตาย

   “แล้วทำไมคุณไม่ปลุกผม”

   “ปลุกแล้วแต่คุณงอแง เปลี่ยนที่นอนหรือไง” รู้ดีไปอีก

   “ใช่ผมมานอน แล้วคุณล่ะมาทำงานเหรอ”

   “อืม แต่คิดว่าคงไม่ได้งาน เพราะต้องมานั่งเฝ้าเด็กขี้เซาแทน” ว่าแล้วไอ้ยุคก็คว้าแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่ผมก็พยายามจัดเสื้อผ้าและทรงผมยับเยินให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

   “ตอนนี้ตีห้า ผมอาจจะต้องกลับแล้ว”

   “เดี๋ยวไปส่ง กลัวเดินมึนๆ ไปชนคนอื่นเขาก็ลำบากไปอีก” ปากดีฉิบหายเลยว่ะ

   ผมทยอยเก็บของใส่ถุงผ้าสีขาวทีละชิ้น ก่อนสายตาจะสังเกตเห็นถุงกระดาษที่ซุกอยู่ด้านใน แทบลืมไปด้วยซ้ำว่ามันถูกซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะกว่าผมกับไอ้ยุคจะบังเอิญมาเจอกันมันก็ใช้เวลานานมากโข

   “เอ่อ...คือได้ยินว่าวันเกิดคุณผ่านไปแล้ว เลยมีคนฝากของมาให้”

   “ใคร” คราวนี้น้ำเสียงไอ้ยุคดูอยากรู้นิดหน่อย

   “เบิร์ด”

   ไอ้เพื่อนเมพนี่แหละวะที่พอเป็นทัพหน้าให้

   ฝ่ามืออุ่นยื่นมือมารับถุงกระดาษจากมือผม แล้วจึงหยิบของด้านในออกมาพิจารณา หมุนซ้าย หมุนขวาเล็กน้อยจากนั้นก็ลองสวมดู

   หล่อบรรลัยเลยว่ะ...

   ไม่อยากจะชมนะ แต่ผมคิดว่าไอ้ยุคดูดีมากเวลาที่ได้ใส่หมวก

   “พอดีหัวเลย” มันพูด ผมเองก็ได้แต่พยักหน้าตามโดยไม่ออกอาการใดๆ “ซื้อหมวกให้เนี่ยนะ”

   “อืม”

   “ซื้อมาจากที่ไหน”

   “ไม่รู้”

   “คุณบอกเบิร์ดเหรอว่าวันเกิดผมผ่านมาแล้ว”

   “ใช่”

   “จริงๆ ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนี้ ผมไม่ได้อยากได้ของขวัญอะไร”

   “แต่ผมว่ามันเหมาะกับคุณออก อีกอย่างไอ้เบิร์ดก็เต็มใจซื้อให้ คุณก็เหมือนเพื่อนของมันคนหนึ่ง”

   “งั้นฝากขอบคุณเบิร์ดด้วยนะ”

   “ได้เลย” จบภารกิจ ต่อไปก็ไม่ต้องหอบสังขารมาท้าดวงที่ร้านกาแฟอีก กูอยากนอนเตียงนุ่มๆ ที่ห้องมาหลายคืนแล้ว

   “หมวกนี่ดีเนอะ” ไอ้ยุคยังคงพึมพำไม่หยุด

   “มันใส่สบายมั้ย”

   “มาก แต่เสียอยู่อย่างเดียว”

   “อะไร”

   “ผมมีใบนี้แล้ว”

   “โอ๊ยจริงดิ รู้งี้ซื้ออีกใบมาก็ดี”

   “...!!” ความเงียบเกิดขึ้นไปอึดใจหนึ่ง หลังรู้สึกว่าตัวเองเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรออกมา

   “คือผมกับไอ้เบิร์ดไปช่วยกันเลือกน่ะ แต่ว่ามันเป็นคนจ่ายเงิน”

   “ไหนตอนแรกบอกไม่รู้ว่าเพื่อนคุณซื้อหมวกจากที่ไหนไง”

   “คือ...คือ...”

   “ใบเดิมที่มีมันเก่าจนไม่ได้ใส่แล้ว มีใบใหม่มาแทนก็ดีเหมือนกัน”

   “...”

   “ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดครับชยิน”

   นี่เป็นอีกครั้งที่ผมตายเพราะรอยยิ้ม คำพูด และแววตาของคนชื่อศตวรรษ แม่งคิลกูซ้ำๆ จนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลย

   อ๊อย~ กูพลาด










   รอบตัวผมเหมือนฟุ้งไปด้วยหมอกควัน ตั้งแต่ตอนที่แทรกตัวเข้าไปในรถ จนกระทั่งอยู่ในลิฟต์ที่กำลังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ไอ้ยุคไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวนอกจากยิ้มกรุ้มกริ่ม ซึ่งผมก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากก้มมองปลายเท้า

   “ส่งผมแล้วก็กลับห้องเลยเหรอ” และก็เป็นผมเองที่เลือกทำลายความเงียบ

   “ใช่ ชยินเงยหน้าหน่อย”

   “ทำไม” พึมพำอย่างสงสัยแต่ก็ทำตามคำสั่งอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย

   “มีอะไรไม่รู้ติดหน้าคุณ” เจ้าตัวปาดนิ้วโป้งไปบนแก้มของผม ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรติดนักหนาถึงไม่หยุดมือสักที

   “ติดเยอะไปมั้ย สรุปอะไรติดอ่ะ”

   “ไม่มี”

   “ฮะ?”

   “อยากจับเฉยๆ”

   โอ๊ยไอ้เวร

   “เด็กน้อยทำไมน่ารัก”

   “เลิกเรียกเด็กน้อยได้แล้ว และผมก็ไม่ได้น่ารักด้วย”

   “ชยิน ผม...อดทนมาก”

   “คุณเป็นอะไร”

   “ขอโทษนะ แต่...”

   เพียงพริบตาเดียวมือหนาก็กอบกุมใบหน้าผมเอาไว้ พร้อมกับกดริมฝีปากลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว

   ร่างทั้งร่างชาวาบ คล้ายกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อตไปทั่วพื้นที่ ริมปากปากได้รูปกดลงบนปากของผม มันไม่ได้แรงมากนัก ขณะเดียวกันก็ไม่ได้อ่อนโยนราวกับขนนกเฉียดผ่าน

   ไม่มีการล้วงล้ำเข้าไปภายใน แต่ถึงไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้นผมก็ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ดี

   ติ๊ง!!

   สัญญาณลิฟต์เปิดออก นำพาเอาความรู้สึกวาบหวามทุกอย่างกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ เรียวลิ้นร้อนไล้เลียริมฝีปากของผมเบาๆ ก่อนจะผละออก เลือดในกายเดือดพล่านขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และที่สำคัญ...ผมไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอีกต่อไป

   หลังม่านหมอกในม่านสายตาจางหาย ความรู้สึกทั้งหมดก็เหมือนหุบเหวลึกที่ฉุดรั้งให้ผมตกลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะทันทีที่ลิฟต์ถูกเปิดและสมองประมวลผลได้เกือบครบถ้วน

   เราทั้งคู่ก็ได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของคนที่อยู่ภายนอกชัดๆ เต็มตาซะที

   กูอยากร้องไห้เลยสัด

   ดูเหมือนไอ้ยุคจะสังเกตเห็นใบหน้าอันเหยเกของผม มันจึงรั้งข้อมือให้เดินออกมาจากลิฟต์ ขณะริมฝีปากบ่นพึมพำให้คนที่เหลือได้ยินตามไปด้วย

   “คุณนี่นะ ผมแค่ตั้งใจจะเลื่อนหน้าเข้าไปดูขี้ตา ทำไมจู่ๆ ถึงดึงผมเข้าไปจูบได้”

   “ฮืออออออ”

   “ก็บอกอยู่ว่ากลับห้องก่อน คุณก็ไม่ยอมท่าเดียว”

   “ผมจะเกลียดคุณ ผมเกลียดคุณจริงๆ ด้วย”

   ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนข้างหลัง สำหรับผมแล้ว แม่งคือสิ่งที่เรียกน้ำตาได้ดีที่สุดครั้งหนึ่ง นี่แหละ...ประสบการณ์ที่ฟัคอัพที่สุดในชีวิตของไอ้ชยิน

   จูบครั้งแรกกับศตวรรษ
 


คิดถึงคนอ่านมากจริงๆ เราหายไปนานเท่าไหร่กันแล้ว ฮือออออ
ตอนนี้ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนต้องกลับไปอ่านเรื่องเดิมๆ ใหม่เพราะหายไปนานจริงๆ
จิตติอยากย้ำอีกครั้ง เรื่องนี้ฟีลกู๊ดนะคะ ดราม่าสุดก็คือการหนีจากความจนของชยินเนี่ยแหละ 5555
เพราะงั้น บางครั้งเห็นชยินโลเลอย่าเพิ่งรำคาญน้อง เขาไม่มีความรักมานาน เขากำลังปรับตัวค่ะ
แล้วเจอกันตอนหน้านะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 12-05-2018 22:45:54
คุณจิตติหายไปนานเลยนะคะ แต่กลับมายังคงคอนเซ็ปต์ทำให้ขำเป็นบ้าเหมือนเดิม5555 ยุคนี่หยอดไม่หยุดเลยจริงๆ เขินเหมือนโดนจีบเอง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-05-2018 22:54:37
 :m20:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 12-05-2018 22:56:24
คิดถึงมากกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 12-05-2018 22:58:33
โอ้ยยย ลุ้นตามชยิน ซึนจริงลูกเอ้ยย อยากให้ชยินรู้ว่าหมีใหญ่ไม่ใช่หมอริว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 12-05-2018 23:02:57
 :pig4:
นานแล้วนาน จนแอบคิดว่าจะเจอชยินตอนรวมเล่ม (แอบคิดในใจ)
 
เป็น 1ชั่วโมงก่อนวันเกิดที่ดีมากเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-05-2018 23:03:49
คิดถึงยุคชยิน และคุณจิตติมากเลย
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2018 23:09:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-05-2018 23:10:22
 :z1: :z1: :z1: :z1: สงสารชยินโดนแกล้งตลอดๆ เอ็นดู
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 12-05-2018 23:44:43
โถ่วว ชยินคนอ๊องลูก หมดกันฟอร์มที่มี
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 12-05-2018 23:50:28
คิดถึงมากๆค่ะ :mew6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-05-2018 23:51:00
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป และต่อไปเรื่อย ๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 13-05-2018 00:01:48
มาถึงตอนนี้ชยินใจบางไปเยอะเลย :hao3:
อยากจะตะโกนบอกว่าเราคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเลยค่ะ จิตติต้องกลับมาหาเราบ่อยๆนะคะ :'D
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-05-2018 00:15:09
ชยินนนนนนนน น่ารัก ศตวรรษเค้าร้ายอ่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 13-05-2018 00:26:48
คิดถึงชยินมากเลยค่ะ รักความละมุนของยุคมากกกก ไอเลิฟเรื่องนี้ รักส์  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-05-2018 00:35:45
เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่ หนูยินจะตามทันคารมยุคเขาเสียทีนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 13-05-2018 01:12:14
คิดถึงเรื่องนี้ ขอบคุณที่อัพนะคะ
ชยินลูกกกกกก อย่ายอมให้เค้าแอทแทคอย่างเดียวยั่วให้เขาตบะแตกเลยลงลูกจะได้ชนะบางไง555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 13-05-2018 04:22:33
ยุคก็ยังเป็นยุคอะนะ  :z1: :z1: :z1: ว่าแต่เมื่อไรชยินจะรู้สักที่ว่าที่คุยในmsnเป็นยุคไม่ใช่ริว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 13-05-2018 04:40:04
ยุคผู้เกิดมาทำลายฟอร์มชยิน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 13-05-2018 05:33:40
ดราม่าสุด ไม่น่าใช่การหนีจากความจนของชยิน
แต่น่าจะเป็น การหนีความรู้สึก หนีความจริงของใจตัวเอง
ตอนชยินบอกยุคว่าเบิร์ดซื้อหมวกให้  รู้สึกว่า  เรื่องแค่นี้ทำไมต้องปิด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 13-05-2018 05:33:56
นั่งมองทุกวันค่ะ ..
และคิดทุกครั้งว่า จะไปถาม ไปทวง ..
หากก็ เนอะ ... คุณคงมาอัพแหละถ้าอยากจะอัพ

วันนี้ ดีใจค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ไม่ทิ้งคนอ่านนานไปกว่านี้
 
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 13-05-2018 07:27:54
หยุดยิ้มไม่ได้เลย อ๊ากกกกก :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 13-05-2018 07:44:06
คิดถึงมาก กอดทีนึง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 13-05-2018 09:05:57
 :o8: :o8: :-[ :-[
คิดถึงที่ซู๊ดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 13-05-2018 09:10:50
ตอนต่อไปคือคืนนี้เลยได้ป่ะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: LAFIA ที่ 13-05-2018 10:10:41
อย่าหายไปนานเลยยย คิดถึงงง  :o12:
ทำไมไม่ถามไปตรงๆเลยล่าวววว ว่าใช่พี่หมีอ้ะป่าวอะะะ เซ็ง  :hao4:
อยากเห็นมากกว่าจูบแล้วค่ะ 555555555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 13-05-2018 10:17:48
ดีใจ ชยินคนซึน ตามมุกของยุคไม่เคยทันจริงๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 13-05-2018 10:26:23
 :m20: ขำมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: nutty2554 ที่ 13-05-2018 10:46:25
ตอนนี้ น่ารักมากกก
ชยินน่ารัก เหมือนเด็กน้อยปากแข็ง
ใจไปหมดแล้ว แต่ปากยังบอกว่า ไม่หรอก ยังไม่รัก อะไรแบบนี้

มีความแพ้ทางยุคทุกอย่าง คำพูดก็แพ้ ความเท่ ความหล่อก็แพ้ แต่ชยินน่ารักกกก

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 13-05-2018 10:55:49
ชยิน เด็กน้อยเอ๊ยยยย 55 ย้อนแยงมากๆลูก
อย่างว่าคนมันยังไม่อยากยอมรับความรู้สึกตัวเองอ่ะเนอะ
แต่หลังๆเริ่มคุมฟอร์มตัวเองไม่อยู่แล้วววว
ส่วนยุคก็ยังคงเป็นยุคคนคูล คนรักเดียวใจเดียวกับชยินมาก ชอบค่ะ บอกเลย ^^
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 13-05-2018 12:24:14
ฮืออออ คิดถึงมากเลยยยย คิดถึงนักเขียน ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 13-05-2018 13:23:19
คิดถึงเรื่องนี้มาก ในที่สุดก็มาซักที
ชยินน่ารักเหมือนเดิมเลย โป๊ะได้ตลอดจริงๆ
ชอบความจริงใจของยุค คิดอะไรก็บอก ชอบก็พูด รู้สึกรักก็แสดงออก
อิจฉาชยินจังมีแฟนน่ารัก :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 13-05-2018 14:31:19
เขินนนนนนนนนนนยุคคค
ชยินน่าร้ากก หลุดหลายรอบละนะ5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 13-05-2018 17:54:51
เราเลือกไม่ได้จริงๆว่าจะขำหรือจเขินดี ฮือออ พี่ยุคขาาา หยอดหนักอะไรขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 13-05-2018 18:01:30
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 14-05-2018 09:58:41
คิดถึงมากกกกกชยินมีความน้องงงงงงงงงงงงงงงมากอ่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-05-2018 11:16:01
กลับมาแล้ว คิดถึงยุคยินที่สุด~
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 14-05-2018 13:38:47
5555555 ชยินควายน้อยเอ้ย น่ารักๆ เมื่อไหร่จะรู้ซักทีว่าใครกันแน่คือคนmsn หายไปนานจริงๆ จิตติแต่รอเสมอนะฮับ :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 14-05-2018 19:07:00
คิดถึงเรื่องนี้มากๆ ยุค กวนตรีนชยินจริงๆ แต่ถ้าไม่หลอกล่อไม่กวนโอ๊ย ชยินคงโดนริวเตาะไปแล้วปฎิเสธไม่ออก หลงรักความกวนของยุค

รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-05-2018 22:38:00
ชยินแพ้ทุกทางจริงๆ ฟอร์มเยอะแต่ไม่เคยรอดเลย
ชยินนี่จะอดทนไม่ไหวกับความน่ารักแล้วใช่ป่ะ ปะๆไปจุ๊บๆที่ห้องต่อนะ :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 15-05-2018 12:45:22
สนุกกก คิดถึงชยินนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-05-2018 15:14:16
โอ๊ยยยยย จิตติกลับมาแล้ววววววกลับมาพร้อมกับความออลคิลของพี่ยุค งือออ ใจบางไปหมดแล้วแม่จ๋าทำไมถึงได้ขยันแอทแทครัวๆกันแบบนี้ เขินแทนชยินจริงๆเลย และที่สำคัญเขาจูบกันแล้วจ้าาาาา  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 16-05-2018 19:46:37
น่ารักอ่ะ อยากอ่านต่อๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Seeetnott ที่ 18-05-2018 00:39:18
คิดถึงยุคยิน มากๆเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-05-2018 08:24:23
ไม่น่าจะไปไหนรอดแล้วนะชยิน
ทำเป็นเข้มใส่ แล้วเป็นไงแพ้ทางมาก

ยุคทำไมเป็นคนตลก ตอดตลอดเลยนะ
ชงให้ตัวเองก็ได้ด้วย ดีงามค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 20-05-2018 18:01:48
คิดถึงมากมาย

ยังคงเขิลจนตัวบิดเหมือนเดิม   :กอด1::-[ :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 22-05-2018 08:28:23
โดนยุคตะล่อมทางนั้นทีนี้ทีแถมเสียจูบแรกให้เค้าเฉยยยย เอ็นดูหนูเหลือเกินชยินลู้กกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่9 [12/05/61] *หน้า21
เริ่มหัวข้อโดย: pika_ ที่ 22-05-2018 12:51:10
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-05-2018 23:34:21

ตอนที่ 10
ต่อให้เรือจมพี่ก็จะว่ายน้ำไป



   เดี่ยวศตวรรษ...

   ทันทีที่ประตูถูกไข ชยินก็รีบเดินดุ่มๆ เข้าไปข้างในแล้วจัดการสะบัดตีนถอดรองเท้าด้วยความหงุดหงิด ท่าทีฮึดฮัดแบบเด็กๆ นี้ทำให้ผมอดขำไม่ได้

   หูสองข้างของเขาแดงเถือกลามไปจนถึงลำคอ ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือโกรธกันแน่ แต่คาดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังซะมากกว่า ผมรู้ว่าตัวเองผิด ก็แล้วจะให้ทำยังไงวะในเมื่ออีกฝ่ายน่ารักซะขนาดนี้ ใครอดทนได้ก็โคตรปรมาจารย์นักบวชแล้วเว้ย

   กลิ่นตัวของเขา น้ำเสียงของเขา ริมฝีปาก ดวงตา รวมถึงท่าทางที่แสดงออก หากหยิบมาปั่นยัดใส่ปากได้ กูก็คงทำตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นหน้าแล้วแม่งเอ๊ย

   “จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือไง” น้ำเสียงแสนแข็งกระด้างเปล่งออกมาจากริมฝีปากได้รูป ผมยิ้ม มองดูคนร่างบางโถมตัวนั่งบนโซฟาพร้อมกับกอดอกรอฟังคำตอบอย่างจดจ่อ

   “ให้พูดอะไร”

   “ก็ที่คุณจูบผมแล้วโบ้ยทุกอย่างว่าเป็นความผิดของผมไง”

   “ตอนอยู่ในลิฟต์คุณทำตัวน่าแกล้งเอง” ชยินเบะปากคว่ำ เอาแต่กรอกตาไปมาคล้ายกำลังคิดหาสารพัดคำด่าเพื่อตอบโต้

   “สรุปผมผิดงั้นเหรอ”

   “อือ”

“คนปกติเขาไม่ทำหรอกนะมาจูบกันในลิฟต์น่ะ ที่สำคัญผมกับคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย คอนโดนี้ก็ต้องอยู่อีกยาว เกิดวันนึงเจอเพื่อนบ้านในลิฟต์ผมจะทำยังไง”

“ก็บอกไปว่าอดใจไม่ไหว แฟนขี้เอา แค่นี้ก็จบแล้วคุณ”

“คุณเอาแต่ว่าผมเหมือนเด็ก ความจริงแล้วคุณก็ไม่ต่างกันมากหรอก”

และใช่ ผมเป็นผู้ใหญ่มาตลอด ผมเป็นแบบนั้นเสมอจนกระทั่งเจอคุณ...

“ชยิน เราดีกันเถอะ”

“กลับไปเลยรำคาญ”

โห คราวนี้หายใจถี่กว่าเดิมอีก จะตายมั้ยวะนั่น

   ด้วยความสงสารจนไม่อยากแกล้งต่อ ผมจึงก้าวเท้าไปหาเจ้าตัว ย่อเข่าลงตรงหน้าเขาและตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ

   “ขอโทษนะ”

   ชยินเอาแต่มองนิ่งไม่ไหวติง ความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายท้วมท้น จนผลักดันให้ผมตัดสินใจโน้มหน้าเข้าไปจูบหน้าผากขาวอย่างนึกเอ็นดู

   ซึ่งเหมือนว่าเจ้าตัวจะอึ้งไปพักหนึ่ง ดวงตาสองข้างเบิกโพลงจนแทบถลน แต่ถึงอย่างนั้นมือบางก็ยังคงออกแรงดันผมให้ออกห่างจากตัวในที่สุด

   “พูดขอโทษดีๆ ก็ได้”

   “ก็คุณนิ่งอ่ะ”

   “นิ่งแล้วต้องทำแบบนี้เหรอ”

   “เวลาหมาที่บ้านงอน ผมจะใช้วิธีนี้ แล้วมันก็หายโกรธตลอดเลย”

   “โว้ยยยยยยย ผมไม่ใช่หมานะ”

   “แล้วคุณหายโกรธผมมั้ยอ่ะ”

   “ไม่หาย”

   “งั้นต้องจุ๊บเหม่งอีกรอบ”

   แทนที่จะได้ทำอย่างปากพูด ผมกลับไม่มีโอกาสเข้าถึงตัวชยินอีกเลยเพราะถูกฝ่าเท้ายื่นออกมากันเอาไว้ซะก่อน จากตอนแรกที่คิดว่าคนเขาจะหายโกรธ สุดท้ายกลายเป็นว่าแม่งอาละวาดหนักกว่าเดิมอีกว่ะ สนุกจังเลย สนุกจังเล้ย!

   “คุยกันดีๆ” ผมพูดไปกลั้นขำไป

   “ไม่คุย กลับไปเลย แล้วไม่ต้องมาหาผมอีก”

   “คุณจะเป็นฝ่ายไปหาผมที่ห้องแทนเหรอ ได้นะ เดี๋ยวจัดเตียงรอ”

   “ไม่ใช่โว้ย เลิกกวนตีนผมสักนาทีได้มั้ย” และผมก็ทำตามคำขอจริงๆ ทุกอย่างเงียบลงถนัดตา เหลือแค่เราที่มองหยั่งเชิงกันอยู่อย่างนี้โดยไม่ขยับไปไหน

   ผมไม่ได้อยากหน้าด้านอยู่ให้เขารำคาญ ทว่าลึกๆ ก็ไม่ได้อยากออกห่างเท่าไหร่นัก อาจเพราะมีความสุขที่จะอยู่ตรงนี้มากกว่า ในโลกของผมเต็มไปด้วยกำแพงที่เลือกว่าจะให้ใครปีนเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิต แต่กับชยิน...

   เขาไม่จำเป็นต้องรอให้ผมเลือก ตัวผมต่างหากที่เป็นฝ่ายเลือกเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน

“สามพันหกร้อยเก้าสิบบาท” ต่างคนต่างเงียบได้อึดใจหนึ่ง ชยินก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น

“อะไร”

“เป็นค่าหมวก ผมไม่ให้เป็นของขวัญแล้ว วันนี้คุณทำผมประสาทแดกมาก”

“งั้นคิดเป็นเลขกลมๆ เลยแล้วกัน สองหมื่นห้าพันบาท” คราวนี้คนฟังรีบเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาติดสงสัย

“สองหมื่นห้า?”

“เป็นค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ผมเคยออกให้คุณ อันนี้คือลดให้เยอะแล้วนะ ถ้าจะเอาค่าหมวกคุณก็จ่ายคืนผมให้ครบด้วย” ฟังจบ หน้านี่หดเหลือสองนิ้วแล้วมั้ง

“งั้นเอาเลขบัญชีมาเลย ผมจะโอนให้”

“ขอภายในวันนี้นะ”

“จะ...จะทันได้ยังไง ผมยังกินมาม่าอยู่เลย”

“ไม่สนอ่ะ ถ้าไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องขอหมวกคืน เพราะผมใช้แล้ว” เงียบดูสถานการณ์ไปพักหนึ่งจึงถือโอกาสเอ่ยต่อ “คุณคงง่วงแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวผมกลับก่อนนะ”

   “อืม”

   “และคงไม่ได้มาเจอคุณอีก ดูแลตัวเองด้วย”

   แสร้งทำหน้าหงอยไปงั้นแหละ เผื่อเด็กน้อยจะตกหลุมพราง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปตามคาดเพราะชยินนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ไอ้เหี้ย! เห็นหน้าแล้วกูอยากกระชากตัวมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว แต่ไม่ได้ครับ ต้องคีพลุคขรึมๆ เอาไว้จากนั้นก็ลากเท้าไปยังหน้าประตูตั้งท่าจะไปจริงๆ

   ทว่ายังไม่ทันได้หยิบรองเท้า เสียงของเด็กน้อยชยินก็ดังแง้วๆ มาแต่ไกล

   “ทำไมคุณไม่มาล่ะ”

   “ก็คุณบอกว่าไม่ต้องมา”

   “ตอนนั้น...ก็ตอนนั้นผมโมโหมาก” คนอายุ 25 จำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้มั้ยไอ้สัด

   “แล้วตอนนี้ล่ะ คุณยกโทษให้ผมแล้วหรือไง”

   “ไม่”

   “โอเคงั้นผมกลับละ”

   “ดะ...เดี๋ยว คุณ...จะไปจริงๆ เหรอ ไม่กลับมาแล้วเหรอ”

   “ใช่”

   “ทำไมคุณต้องบังคับให้ผมพูดมันออกมาด้วยวะ”

   “พูดอะไร ใครบังคับคุณไม่ทราบ”

   “ก็คุณจะไม่มาหาผมแล้วอ่ะ”

   “คุณเป็นคนบอกเอง”

   “ผมไม่ได้อยากให้คุณหายไปจริงๆ สักหน่อย รู้จักคำว่าประชดมั้ย รู้จักคำว่าอารมณ์ชั่ววูบหรือเปล่า แม่ง!!”

   ตุบ! ตุบ! ตุบ!

   ผมยืนมองชยินซ้อมหมอนตรงโซฟาจนเละคามืออยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูอีกครั้ง ร่างบางก็หันขวับกลับมามองพร้อมกับตะโกนลั่นห้อง

   “ผมหงุดหงิดตัวเองอ่ะ”

เกรี้ยวกราดจังวะ

   “ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมผมถึงต้องโมโหตอนที่คุณจูบ แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือผมไม่อยากให้คุณไป” พูดไปก็เบะปากไปจนหน้าสงสาร สองแก้มแดงซ่านจนต้องมุดหน้าลงกับหมอนแล้วพึมพำภาษามนุษย์ต่างดาวออกมาไม่หยุด

“ชยินใจเย็นๆ”

เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสองข้างเหมือนมีน้ำใสๆ เอ่อคลออยู่ อ้าว! กูทำเด็กน้อยร้องไห้เฉย

“ผมไม่มีความรักมานานแล้วและผมก็ไม่ได้รู้สึกกับใครแบบนี้ คุณทำพังหมดเลย พังหมดเลย” จากเท้าที่ตั้งท่าจะเดินออกไปเป็นอันต้องหมุนกลับไปหาคนตัวเล็กกว่าราวกับถูกสะกด ผมทรุดตัวนั่งลงเคียงข้าง แล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แนบแน่น

“อย่าเพิ่งโมโหนะ ผมขอโทษ”

“คุณทำให้ผมไม่มีเงินเพราะต้องซื้อหมวก ผมจน แต่ผมก็อยากซื้อของดีๆ ให้คุณ”

“...”

“ผมมารอคุณที่ร้านกาแฟทุกวัน เพราะไม่อยากให้คุณรู้ว่าผมอยากเจอคุณมากแค่ไหน ผมเคยปฏิเสธคุณ นั่นเท่ากับว่าผมกำลังกลืนน้ำลายตัวเองอยู่” เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ขณะที่ใบหน้าขาวยังจมอยู่กับอกของผมโดยไม่คิดเงยหน้า

และชยินร้องไห้ออกมาจริงๆ

ไอ้เหี้ย! เขาร้องไห้แต่ผมกลับรู้สึกยินดีตอนได้ยินเจ้าตัวระบายความรู้สึกออกมา

“กลืนน้ำลายตัวเองแล้วยังไง มันก็ดีไม่ใช่เหรอที่คุณยอมรับในตัวเอง” พูดไปสองมือก็ลูบหลังอีกฝ่ายไป เข้าใจดีว่าบางครั้งคนเราก็มักสับสนในตัวเอง ยิ่งเป็นชยินที่เป็นศิลปินด้วยแล้วก็ยิ่งอ่อนไหวกว่าคนปกติเป็นเท่าตัว

“ผมไม่เข้าใจว่าความรู้สึกชอบที่มีให้คุณมันจริงหรือเปล่า บางทีผมอาจจะหลงไปกับความแสนดีของคุณเท่านั้น”

   “ลองดูมั้ยล่ะ เปิดใจหน่อย คุณจะได้รู้ว่าชอบจริงหรือแค่อยากชอบ”

   ชยินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมตรงๆ ดวงตาของเขามุ่งมั่น ซึ่งมันทำให้ผมต้องจริงจังกับบทสนทนาครั้งนี้ไปด้วย

“แล้วถ้าเกิดผมชอบคุณจริงล่ะ”

“เราก็มาคบกัน”

“แต่ถ้าคำตอบออกมาว่าไม่ใช่ คุณจะทำยังไง”

“ไม่ทำไง”

“...”

“ก็แค่รักคุณข้างเดียวต่อไป”

เท่านั้นเอง...










ความงอแงของชยินทำให้ผมไม่อยากไปไหน นอกจากนั่งเป็นเพื่อนอีกฝ่ายจนเวลาล่วงเลยเกือบแปดโมงเช้า ซึ่งมันควรเป็นช่วงที่เราต้องนอนกันทั้งคู่

ดวงตาสองข้างของคนตรงหน้าเริ่มปิด เอาแต่นั่งสัปหงกอยู่ตรงโซฟา ขณะที่ผมก็เอาแต่เฝ้ามองอย่างไม่รู้สึกเบื่อ นานเหมือนกันกว่าจะรู้ตัวว่าควรปล่อยให้เขาได้พักผ่อนสักที

“ง่วงก็ไปนอนได้แล้ว” ชยินหันมามองผมนิ่งๆ เม้มริมฝีปากเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าผมนอนแล้วคุณล่ะ”

“กลับห้องไง”

“แล้วคุณยังจะมาเจอผมอีกใช่มั้ย” ผมหลุดหัวเราะทันควัน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งสองครั้งที่เจ้าตัวเลือกถามย้ำประโยคนี้ แต่เป็นนับครั้งไม่ถ้วนต่างหาก

“มาสิ”

“ถ้าคุณอยากได้รับโอกาสจากผมคุณต้องมานะ”

เด็กน้อยเอ๊ย ขี้ยั่วฉิบหายเลยว่ะ

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ตอนเย็นว่างมั้ย” ผมสังเกตสีหน้าของชยินครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “ผมนัดกับพี่ที่ร้านสักไว้ ว่าจะเข้าไปเติมลายนิดหน่อย คุณไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”

“ในเมื่อคุณชวนผมก็จะไป”

“งั้นตอนห้าโมงเย็นผมออกมารับนะ”

“อืม” เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนผมจะอดใจไม่ไหวยกมือขึ้นยีหัวอีกฝ่ายอย่างลืมตัว

เราพูดกันอีกเล็กน้อยจากนั้นก็แยกย้าย ต่างคนต่างใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพักผ่อน รอจนกระทั่งเวลานัดหมายมาถึงผมถึงได้เห็นชยินเดินลงมาจากคอนโด ก้มหน้าก้มตาเข้ามาภายในรถ ดูก็รู้แล้วว่าตาสองข้างบวมปูดเป็นลูกมะนาวขนาดไหน แต่ก็ไม่อยากทักเพราะกลัวเด็กน้อยจะงอนใส่อีกรอบ

“นอนพอมั้ย” ผมถามพลางสตาร์ทรถ

“พอดีนอนไม่ตรงเวลาตาเลยบวมนิดหน่อย” ผมนึกขำอยู่ในใจ ดูหาคำแก้ตัวเข้า ไม่ใช่เพราะร้องไห้หรอกเหรอตาถึงได้เป็นแบบนี้

“ใช่เหรอ”

“เลิกสนใจผมเถอะ สนใจตัวคุณเองดีกว่า จะสักเพิ่มอีกแล้วหรือไง” ในเมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่อง ผมก็คงต้องตามน้ำโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

“ใช่”

“พูดตามตรงนะ ผมเห็นคนที่ได้สักครั้งแรกแล้วก็มักไม่มีใครหยุดแค่ครั้งเดียวอ่ะ เจอกันอีกทีรอยสักคุณอาจจะเต็มคอไปหมด”

“ทำไม หวงผิวผมเหรอ”

“จินตนาการเก่งสินะ ความจริงจะสักตรงไหนหรือมากเท่าไหร่มันก็เรื่องของคุณ เกี่ยวอะไรกับผม”

“นั่นสิ เจอกันเดือนหน้าผมอาจจะสักทั้งตัว อย่าตกใจล่ะ”

“ไม่กลัวว่าวันหนึ่งจะไม่ชอบมันหรือไง ถ้าเผลอเกลียดมันขึ้นมาก็ต้องลำบากลบอีก” ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าคนข้างๆ แว๊บหนึ่งก่อนตอบ

“ผมตัดสินใจสักโดยไม่มีความคิดจะลบมัน ถ้าวันหนึ่งไม่ได้รักมันแล้ว ก็ยังดีที่อย่างน้อยเราเคยรัก”

“โคตรคำคมนักเขียน”

“เหมือนความรักไง ถ้าคุณได้ชอบใครจริงๆ ต่อให้เขาแย่แค่ไหนคุณก็จะมองมันเป็นเรื่องที่ดีเสมอ”

“ไม่จริงอ่ะ”

“จริง”

“อย่ามั่ว”

“ไม่มั่ว ขนาดคุณไม่มีเหี้ยอะไรดีเลยผมยังมองว่าคุณวิเศษ”

“ด่ากันขนาดนี้ก็ถีบผมตกรถไปเลยดีกว่า”

“อย่าท้านะ ทำจริง” พูดจบ ไหล่ซ้ายก็ถูกหมัดแน่นๆ พุ่งเข้าใส่อย่างจัง ชยินที่เวลาโมโหหรือเขินอะไรก็มักจะแสดงออกด้วยการทำร้ายร่างกายเนี่ยแหละ แต่อย่าให้กูได้พาขึ้นเตียงนะ พ่อจะทบต้นทบดอกที่เคยทำไว้ให้หมด

ระยะทางจากคอนโดไปร้านสักไม่ไกลมาก ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีผมก็มาถึงร้านของรุ่นพี่เรียบร้อย

   “โห กว่าจะมานะมึง” หลังเดินลงจากรถได้ไม่นาน เสียงทุ้มต่ำที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นพี่เจ้าของร้านก็ดังขึ้น ผมเลยโบกมือให้แกเป็นการทักทาย ก่อนหันไปทางชยิน

   “ไอ้ฝรั่งนั่นชื่อลี เป็นรุ่นพี่ที่คณะผม”

   “อ๋อ”

ลีเป็นลูกครึ่งไทย - อเมริกัน รู้จักกันตั้งแต่ผมเข้าเรียนปีหนึ่ง ด้วยไลฟ์สไตล์และอะไรหลายๆ อย่างที่ตรงกัน ทำให้ผมค่อนข้างสนิทกับอีกฝ่ายพอสมควร

หลังเรียนจบ ลีก็ออกมาทำตามความฝันด้วยการเปิดร้านสักเป็นของตัวเองจนโด่งดังในกลุ่มวัยรุ่นและคนในวงการอาร์ตตัวพ่อ

“ไม่ต้องกลัว รุ่นพี่ผมใจหมาก็จริงแต่มันไม่ทำอะไรคุณหรอก”

   ผมคว้ามือของชยินมาจับไว้ แล้วพาเขาเดินเข้าไปภายในร้านซึ่งถูกตกแต่งในสไตล์เรโทรหน่อยๆ ข้าวของหลายอย่างที่อยู่ในร้านเต็มไปด้วยของโบราณแต่ดูคลาสิก ซึ่งแม่งตรงข้ามกับการแต่งตัวของไอ้พี่ลีโดยสิ้นเชิง มันชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น ใช้สีทูโทนแบบน้อยแต่มาก ทว่าร้านกลับรกเหี้ยๆ

   “ไงมึง ไม่เจอกันมาพักใหญ่ๆ พาเหยื่อมาเป็นลูกค้าเหรอ” สายตาคมจ้องตรงมายังชยิน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมกระชับฝ่ามือบางนั้นให้แน่นขึ้น

   “สงสัยเหยื่อพี่ต้องเป็นคนอื่นละ คนนี้ของผม”

   “โห ออกตัวขนาดนี้เลย”

   “นี่เพื่อนผมชื่อชยิน” คนตัวเล็กกว่ายกมือไหว้ ก่อนรุ่นพี่ตรงหน้าจะยิ้มรับอย่างเจ้าเล่ห์

   “เพื่อนเหรอ ก็นึกว่าแฟน เห็นจับมือถือแขน”

   “กลัวเด็กหลงเถอะ”

   “โอเคๆ ช่วงเย็นนี้กูมีลูกค้าจองคิวเพิ่มอีกคน เพราะงั้นรีบขึ้นเขียงครับ ส่วนน้องชยินเข้าไปนั่งข้างในด้วยกันนะ เกิดเปลี่ยนใจอยากสักก็บอกพี่ได้ รับรองว่าจะคิดราคาพิเศษแบบคนกันเองเลย”

   “เดี๋ยวขอดูก่อนแล้วกันครับ”

   ผมยังมีรอยสักที่ต้องเพิ่ม ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ตำแหน่งใหม่บนร่างกายอะไรหรอก แต่เป็นบริเวณข้อมือขวาที่เคยสักตัวเลขค้างไว้ในครั้งนั้น

   “สักเลขต่อเลยมั้ย หรือขึ้นบาร์โค้ดให้ครบก่อน” พี่ลีถาม เขารู้อยู่แล้วว่าผมต้องการอย่างไหน และเพื่อจุดประสงค์อะไร

   “บาร์โค้ดก่อน”

   แถบบาร์โค้ดทุกตัวอักษรจะมีความแตกต่างกัน ดังนั้นเราอาจต้องใช้เวลากันค่อนข้างมากเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด

   “แล้ววันนี้จะให้เติมตัวเลขให้ครบเลยมั้ย”

   “ไม่”

   “ยังไม่ชัวร์อีกเหรอ”

   “รอก่อน”

   ชยินเอาแต่นั่งมองตาแป๋ว สองคิ้วขมวดปมเล็กน้อยตอนที่ผมกับรุ่นพี่คุยกันในเรื่องที่เขาเองก็คงไม่เข้าใจ และคิดว่าชยินเองก็ไม่ได้อยากเสียมารยาทแทรกถามก่อน ผมจึงเป็นฝ่ายบอกเขาด้วยตัวเอง

   “ผมจะสักรูปบาร์โค้ดตรงข้อมือ”

   “ทำไมต้องเป็นบาร์โค้ด” เจ้าตัวถามกลับอย่างเร็วรี่

   “เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นสินค้า เกิดมาก็เพื่อขายสิ่งที่มีให้กับคนอื่น ขายความภูมิใจให้ครอบครัว ขายความสามารถแลกเงิน ขายผลงานแลกชื่อเสียง ผมมันก็แค่สินค้าที่ทำเงินได้เท่านั้นแหละ”

   ใบหน้าของคนฟังหงอลงเล็กน้อย ขณะพึมพำประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว

   “คุณไม่ใช่สินค้า”

   “...”

   “คุณเป็นคนเหี้ย”

   “วอนซะละ” หมดกันอารมณ์โรแมนติกที่คิดเอาไว้

“เออเหมาะกันดีว่ะ กวนตีนกันทั้งคู่” แล้วมันก็ต้องมีคนเสือกเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลา เช่นไอ้ช่างสักซึ่งกำลังหยิบแมสก์ปิดปากมาสวมอยู่ตรงหน้านี้

   ผมนั่งอยู่ตรงเบาะรอเชือด ส่วนชยินนั่งอยู่ใกล้ๆ และให้ความสนใจกับอุปกรณ์หลายชิ้นที่ถูกทำความสะอาดอย่างดีแล้ว

   ลีเริ่มลอกลายตามแบบที่ผมให้มาอย่างตั้งอกตั้งใจ ใช้เวลาไม่นานก่อนจะหยิบเข็มสักขึ้นมาและบรรจงกดลงไปบนข้อมืออย่างชำนาญ ระหว่างนี้ต่างคนก็ต่างชวนกันพูดคุยไปเรื่อยๆ คงมีแต่ชยินล่ะมั้งที่สีหน้าเริ่มซีดลงจนเห็นได้ชัด

   “เป็นอะไร” เอ่ยถามอย่างนึกห่วง เดาว่าคงไม่ชินกับอะไรแบบนี้ แม้ครั้งหนึ่งจะปากดีบอกว่าอยากลองไปสักเขาบ้าง

   “เลือดคุณออกอ่ะ แล้วคือผม...”

   “กลัว?”

   คราวนี้เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ทันไรก็ถูกแทรกจากรุ่นพี่ตรงหน้าด้วยความเร็วแสง

   “อาการแบบนี้ลูกค้าเคยเป็น หน้าซีด เวียนหัว แล้วก็อ้วกแตกอ้วกแตน คือบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าอ้วกตรงนี้พี่เตะให้ร่วงเลยนะ แขยง!”

   เชี่ยยยย หน้าว่าที่เมียเหลือแค่นิ้วครึ่งแล้วเนี่ย และดูเหมือนว่าลีจะรับรู้ด้วย

   “โธ่…ขวัญเอ๊ยขวัญมา แค่ล้อเล่นน่า”

   ขวัญมันคงไม่มาแล้ว แม่งหายไปเหมือนสติของพี่มึงตอนนี้ไง

   “เล่นแรงนะเนี่ยพี่” ชยินยิ้มแหยส่งมาให้

   “มีคนเรียกพี่แบบนี้ไม่ชินว่ะ ปกติเรียกแต่ไอ้เหี้ย”

   “ก็เหี้ยจริง” ผมสำทับด้วยอีกคน

   “ปากดีไอ้ยุค อยากเลือดสาดเหรอ” เก่งแต่ขู่แหละครับ ผมชินแล้วเลยไม่ได้แคร์อะไร จะมีก็แต่คนข้างๆ นี่แหละมั้งที่ดูเหมือนจะตื่นตระหนกไปซะทุกเรื่อง ยิ่งตอนที่เข็มสัมผัสไปบนผิวแล้วทิ้งรอยแดงเอาไว้ เขาก็ยิ่งสูดลมหายใจหนักหน่วงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

   “เจ็บมั้ยล่ะนั่น” เห็นเงียบอยู่นาน สุดท้ายชยินก็ถามเสียงแผ่ว

   “ขอจับมือหน่อย ตอนนี้เจ็บระดับสิบ เนี่ยน้ำตาจะไหลละ”

   “ตอแหล” กับเรื่องบางเรื่องนี่เก่งจัง

   “หน้ามืดมาก พร้อมเป็นลมได้ทุกเมื่อ”

   “เดี๋ยวโทรเรียกหมอให้เตรียมห้องเก็บศพให้”

   “ไม่ต้องเรียกหรอก แค่คุณก็พอ” ผมใช้จังหวะที่อีกฝ่ายยังคงอึ้งๆ อยู่ ด้วยการคว้ามือบางมาจับไว้แน่น

   ฝ่ามือของชยินอบอุ่น ลื่นมือ พอจับทีไรก็รู้สึกว่าผมเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่บังเอิญได้เจอเขา ในวันที่โคตรจำเจกับชีวิตแสนราบเรียบตลอดหลายปี คนคนนี้เปลี่ยนทุกอย่างให้ดีขึ้น

   ลีมองไปเบะปากไปเป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้พูดขัด ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ชยินเองก็เช่นกัน เวลาที่ผมจ้องมองเขา ราวกับเห็นเด็กคนหนึ่งที่อายุน้อย เห็นเพื่อนที่อายุเท่ากัน เห็นผู้ใหญ่ที่กำลังมองหาความมั่นคงในชีวิต ทุกอย่างรวมอยู่ในคนที่ชื่อชยินเพียงคนเดียว

   แค่นี้ก็พอจะเป็นเหตุผลได้แล้ว ว่าทำไมผมถึงชอบเขามากมายขนาดนี้

   ฝ่ามือที่จับผมเริ่มชื้นเหงื่อ นานเข้าก็เลยรู้สึกสงสารกลัวเด็กจะร้อน เลยตั้งท่าจะปล่อยมือ ทว่ายังไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนั้นชยินก็กระชับฝ่ามือของเขาให้แน่นขึ้น

   “กลัวจะร้อน” ผมบอกไปยิ้มไป

   “ไม่ร้อน ถ้าปล่อยมือผมคุณจะเจ็บนะ”

   “ใช่ๆ เจ็บจริงๆ ด้วย” กะอีแค่เข็มสัก มีอะไรระคายผิววะ แต่ในเมื่อคิดจะทำการใหญ่แล้วใจก็ต้องเหี้ยพอสมควร รีบเปลี่ยนเรื่องถามต่อให้ว่อง “เบื่อมั้ย”

   “ไม่นะ”

   “อยากอ้วกมั้ย”

   “ชินแล้ว”

   เราอยู่กันแบบนี้อยู่เกือบสองชั่วโมงกว่าจะลงรายละเอียดสิ่งที่ต้องการสักจนเสร็จ ตอนนี้ข้อมือของผมมีบาร์โค้ดครบทุกแถบแล้ว ยังคงขาดเพียงตัวเลขที่ต้องการระบุเท่านั้น ครั้งแรกผมสักเลขหนึ่งทิ้งไว้ก่อน รอก็แต่เวลาว่าจะตัดสินใจมาเพิ่มตัวเลขที่เหลือกเมื่อไหร่เท่านั้น

   ตอนอยู่ในห้องชยินนั่งหาวไปแล้วเกือบสิบรอบ ยิ่งเห็นตาปรอยๆ แบบนี้ในใจก็อยากพากลับไปนอนซะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะงั้นหลังสักเสร็จผมจึงไม่รอช้าเอ่ยลากับรุ่นพี่แล้วพาชยินกลับทันที

   “เดี๋ยวผมแวะซื้อข้าวกล่องให้คุณเก็บไว้กินที่ห้องนะ”

   “ทำไมอ่า” เจ้าตัวถามเสียงยานคาง อะไรจะง่วงปานนั้น

   “เผื่อกินเสร็จแล้วง่วงก็นอนเลยไง อยู่แบบนี้จะยิ่งฝืนตัวเองเปล่าๆ”

   “ไม่นะ”

   “อย่าเถียง”

   “ไม่ได้เถียง ก็ข้าวกล่องมันไม่อร่อย” เจ้าตัวบ่นอุบอิบ ผมเลยอดไม่ได้รีบละมือจากพวงมาลัยข้างหน้าเพื่อลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว ชยินปัดออกอย่างไวว่องก่อนตวัดตาขวางใส่

   “แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ” อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คืออะไรกันแน่ เพราะต่อให้อยากได้อะไร ผมสาบานได้ว่าจะหามาให้ทุกอย่าง

   “ผมอยากทำเอง พอดีของสดที่ซื้อมาครั้งก่อนยังเหลืออยู่เยอะมาก และมันก็ใกล้หมดอายุแล้วด้วย”

   “อ๋อ แล้วแต่คุณเลย”

   “แต่ว่า...แต่ว่าเพราะของสดเยอะ ผมเองก็น่าจะกินคนเดียวไม่หมด”

   “อาฮะ” ขานรับไปก็นึกขำในใจไป

   “คุณเองก็มากินด้วยกันสิ”

   “นี่คือคำชวน?”

   “อืม”

   “นี่คือการเปิดใจด้วยมั้ย”

   “แล้วแต่จะคิด”

   “งั้นตกลง มือนี้ขอฝากท้องไว้ที่คุณแล้วกัน”

   รถเคลื่อนตัวออกไป ท่ามกลางบรรยากาศเดิมๆ และความราบเรียบของชีวิต ผมมองเห็นความสุขเล็กๆ ที่ถูกจุดขึ้นภายในใจของตัวเอง และเชื่อเหลือเกินว่ามันไม่เพียงเกิดขึ้นกับผม ทว่าในใจของใครบางคนก็รับรู้ได้ถึงมันเช่นกัน


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 22-05-2018 23:35:13

มะรืนเบิร์ดจะกลับอเมริกา เพราะงั้นผมจึงได้รับคำเชิญให้ไปร่วมปาร์ตี้เลี้ยงส่งในเย็นวันหนึ่ง ซึ่งแน่นอนผมต้องไปอยู่แล้วเพราะที่นั่นมีชยิน และหนักกว่าชยินก็คือไอ้ริวเนี่ยแหละที่ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก

แค่มองตาก็รู้ละว่าแม่งชอบเด็กน้อยของกูเหมือนกัน แต่จะให้ยอมแพ้มันก็ดูไม่เอาไหนไปหน่อย ผมไม่ได้ชอบใครง่ายๆ ดังนั้นถ้าได้ชอบแล้วก็จะพยายามจนกว่าจะรู้ว่าควรตัดใจหรือไปต่อ

ก่อนเวลานัดหมายสองชั่วโมงผมได้โทรไปหาชยิน ตั้งใจว่าจะแวะไปรับเจ้าตัวมาด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้ เลยเดาว่าเบิร์ดคงตามไปรับที่ห้องเรียบร้อย

ปาร์ตี้เริ่มตั้งแต่สองทุ่มในบาร์แจ๊สแห่งหนึ่ง ผมเดินตรงดิ่งเข้าไปภายในซึ่งคลาคล่ำไปด้วยนักท่องราตรี เบิร์ดจองโต๊ะไว้ตรงโซน VIP ของร้าน เท่าที่กวาดตาดูก็มีทั้งคนคุ้นเคยและคนที่ไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้ามาก่อนนั่งปะปนกันอยู่

“มาแล้วๆ” เสียงของไอ้ท็อปดังแว่วมาแต่ไกล ผมย่างเท้าไปข้างหน้า มองหาคนที่ไม่ได้เจอมาตลอดหลายวันไปด้วยแต่ก็ไม่พบ ความจริงจะบอกว่าผมโฟกัสแค่ชยินเพียงคนเดียวก็คงไม่ผิดเท่าไหร่

“นั่งเลยเพื่อน กูเว้นที่ว่างไว้ให้” ไอ้คอลัมนิสต์ตัวดีตบมือลงบนโซฟาสีขาวปุๆ ผมจึงนั่งตามคำเชิญโดยไม่ขัด ขณะเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ชยินยังไม่มาอีกเหรอ” เบิร์ดก็อยู่นี่แล้ว ไอ้ท็อปและเพื่อนคนอื่นๆ ก็ด้วย

“คือกูมัวแต่ยุ่งๆ ไม่มีเวลาไปรับมัน ไอ้ริวเลยอาสาไปรับโน่นแล้ว”

“เหยดดดดดดดด” ไอ้ท็อปร้องเสียงหลง ก่อนจะรีบยกมือปิดปากเมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของผมเข้า

เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลย พอเผลอหน่อยก็จะมีหมาชิงคาบไปแดกก่อนตลอด แล้วชยินแม่งก็ไม่เคยปฏิเสธนะ ถ้ากูเจอจะจับมาตีก้นแรงๆ ให้หายโมโหสักทีสองที

ปล่อยให้จิตใจกระวนกระวายอยู่เกือบสิบห้านาที ในที่สุดชยินกับไอ้ริวก็โผล่มา คนตัวเล็กกว่าสวมเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งที่ผมมักเห็นเขาใส่เสมอ ทั้งคู่ทักทายทุกคนในโต๊ะสั้นๆ ก่อนทิ้งตัวลงนั่งยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งผมก็ได้แต่มองโดยไม่พูดอะไร

ไม่ได้งอนนะ ก็แค่อยากรู้ว่าชยินจะพูดอะไรกับผมมั้ยแค่นั้น

   “รอนานมั้ย” ไม่นานเสียงที่ผมอยากฟังมาตลอดก็ดังขึ้นแข่งกับเสียงเพลง ผมไม่รู้ว่าเขากำลังถามใครเลยไม่ได้ตอบ มีเพียงไอ้ท็อปที่เป็นฝ่ายไขความกระจ่างทุกอย่างแทน

   “อีกสองนาทีก็ครบสองชั่วโมงแล้วววววว”

   “นานขนาดนั้น”

   “ประชดมั้ย กูก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”

   “แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง”

   “โอ๊ยยยยยจะไปกินอะไร หิวจนไส้กิ่วแต่ต้องรอมึงก่อนไง” ชยินเบะปากใส่ ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟตามคำประชดของไอ้ท็อปจริงๆ ระหว่างนี้เพื่อนในกลุ่มก็หาหัวข้อมาพูดคุยเพื่อไม่ให้งานกร่อย

   ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับคนตรงหน้ามากนักนอกจากมองอยู่เงียบๆ เฝ้าดูไอ้ริวคอยเทคแคร์และชวนคุยอยู่เป็นระยะ ก่อนบรรยากาศจะครึกครื้นอีกครั้งเมื่อใครคนหนึ่งปรากฏตัว

   “เชี่ยเจ มึงมาช้า!” เบิร์ดตะโกนเสียงดัง ทว่าเจ้าของชื่อก็ทำได้แค่ยิ้มกวนตีนใส่

   “หวัดดีเพื่อนๆ โทษทีพอดีงานเลิกดึก เฮ้ยไอ้ยุคมึงก็มาด้วยเหรอวะ”

   “เออ”

   เจเจเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมตั้งแต่มัธยม แถมมันยังจับพลัดจับผลูมาเรียนศิลปกรรมที่มหา’ลัยเดียวกันกับผมอีก เมื่อก่อนนี่แม่งโคตรเบื่อขี้หน้ามันเลย เจอกันแทบทุกวัน แต่หลังจากเรียนจบแล้วน้อยครั้งมากที่จะได้เห็นหน้าค่าตา ครั้งสุดท้ายก็ตอนมันเอาแผ่นโปรแกรม MSN มาให้ผมเนี่ยแหละ

   “รู้จักกันด้วยเหรอ” ดูเหมือนว่าเบิร์ดจะตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน

   “เพื่อนสมัย ม.ปลายยันมหา’ลัย อ้าว! ไอ้ริวมึงก็มาด้วย”

   “นี่กูต้องตกนรกแน่ๆ ที่มาเจอมึง”

   นับเป็นวาระของเพื่อนที่รู้จักแต่บังเอิญมาเจอกันแบบงงๆ

   “อะไรยังไงเล่าด่วน” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ต้องการคำตอบเหมือนกัน ทำไมความสัมพันธ์ของแต่ละคนมันถึงวนเป็นวงกลมขนาดนี้ได้วะ

   “คืออย่างนี้นะ...” ว่าแล้วมหากาพย์พรหมลิขิตที่ขีดโดยนรกก็เริ่มฉาย

   โดยจุดเชื่อมโยงทั้งหมดเกิดจากเบิร์ดที่บังเอิญไปสนิทกับไอ้ริวและไอ้เจตั้งแต่สมัย ม.ปลาย เพราะเป็นก๊วนเรียนพิเศษและเล่นเกมส์ออนไลน์มาด้วยกัน ซึ่งที่พิเศษกว่าทุกความสัมพันธ์ก็ตรงที่พวกมันก็ยังคงติดต่อกันจนถึงทุกวันนี้ ส่วนผมรู้จักกับไอ้ริวมาตั้งแต่ ม.ต้นรวมถึงเรียนมหา’ลัยเดียวกัน

   ส่วนไอ้เจเป็นเพื่อนร่วมห้องตอน ม.ปลายยันเหยียบเท้าเข้าไปเป็นเดอะแก๊งร่วมคณะ พอเรียนจบก็แยกย้ายจนมีโอกาสได้มารู้จักเบิร์ด ชยิน แล้วก็ไอ้ท็อปเมื่อไม่นานมานี้

   ทุกอย่างพันกันยุ่งเหยิง แต่ก็ไม่ได้เข้าใจยาก อย่างหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวเลยก็คือข้อความจากแชท MSN ที่ชยินเคยถามว่ารู้จักเจ้าของแผ่นโปรแกรมอย่างเบิร์ดมั้ย ตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆ แต่ตอนนี้ก็กระจ่างแล้วว่าก่อนจะมารู้จักหน้าค่าตากัน ผมได้รับแผ่นโปรแกรมของมันมาจากไอ้เจก่อนแล้ว

   หลังอดีตเพื่อนร่วมคณะทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างผม จวบจนเล่าเรื่องบังเอิญโคตรๆ ของคนในกลุ่มจบ เบิร์ดก็ทำหน้าที่เจ้าภาพที่ดีด้วยการแนะนำเราทุกคนให้รู้จักกันอีกรอบ ไอ้เจเป็นคนปากมาก อะไรที่มีในโลกนี้มันลากมาคุยด้วยหมดเพราะงั้นบรรยากาศเงียบเหงาในตอนแรกเลยครื้นเครงขึ้นมาทันที

   “เพื่อนเก่ากลับมาเจอกันนี่ดีเนาะ มึงจำสมัยนั้นได้มั้ยที่เราเล่นแร็กนาร็อกกันอ่ะ โห...คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ฉิบหาย”

   “หวัดดีดาวไถ คิดถึงมึงว่ะ ฮ่าๆ” ดาวไถเป็นชื่อตัวละครในเกมส์ของไอ้เจ ขณะที่ไอ้ริวก็แทบสำลักแอลกอฮอล์เมื่อเพื่อนหันไปโฟกัสกับมันอย่างรู้ทัน

   “อย่าได้เรียกชื่อกูให้ใครฟังอีก”

   “ทำไม มึงอายเหรอเฮอร์ไมโอนี”

   “โธ่เวรเอ๊ย!”

   เราทุกคนค่อยๆ ย้อนถอยหลังกลับไปในช่วงหลายปีก่อน บรรยากาศเดิมๆ มาเยือนอีกครั้ง เป็นความทรงจำที่พอนึกถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกอบอุ่นทุกที ในวันที่เทคโนโลยียังไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้ เราเคยเป็นยังไงกัน

   ชยินยังคงนิ่งฟังเรื่องเล่าของเพื่อนๆ อย่างตั้งใจ ผมมองเขาอยู่ครู่หนึ่งและในเสี้ยววินาทีสายตาของผมก็สบเข้ากับเขาอย่างจัง ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนคราแรก

   “พูดถึงสมัยก่อนนี่คิดถึงอะไรกันบ้างวะ สำหรับกูยุคนั้นต้อง Nokia N79 เว้ย สุดยอดมือถือแห่งยุค ใครไม่มีต้องรีบบากหน้าไปขอให้แม่ซื้อให้” แอลกอฮอล์เริ่มเข้าสู่กระแสเลือด และมันทำให้ทุกคนคึกกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พูดแม่งเป็นน้ำไหลไฟดับ กูก็อินนะครับไม่ใช่ไม่อิน แต่ที่ไม่พูดเพราะกำลังจับตาพฤติกรรมของไอ้ริวกับชยินอยู่

   “กูมี N70 ด้วย ใช้แม่งทุกรุ่นที่ชาวบ้านเขามี” ไอ้ท็อปยืดอกภูมิใจ

   “มือถือมันธรรมดา กูมีแผ่นเพลง Vampire เถื่อนเป็นร้อยแผ่น แถมปั๊มขายด้วย”

   “กูลูกค้าประจำมึงเลยสัด วงโปรดที่รอต้อง Bodyslam กับ Potato เท่านั้น”

   “แล้วต้องฟังใน Sony walkman ด้วยนะเดี๋ยวไม่คูล”

   “กากว่ะ พวกมึงอย่าเหมารวมว่าทุกคนต้องฟังเพลงผิดลิขสิทธิ์ดิ กูนี่ลูกค้าวีไอพีจากร้านดีเจสยามเลยนะเว้ย อย่าลืม”

   “ปากดีเข้าไป ตอนนั้นกูยังเห็นมึงโหลดเพลงเถื่อนมาลง Winamp อยู่เลย”

   “สัด”

   “พูดถึงเน็ตไอดอลกันดีกว่า มึงชอบใครๆ”

   “เต้ย จรินทร์พรแฟนกูคนเดียวเท่านั้น”

   “ของกูชอบฟ้า อริสราจากบดินทร์สองเว้ย น่ารักเหี้ยๆ”

   “มึงรู้ยังว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนชื่อเป็นษริกาแล้ว โง่แล้วโง่อีกนะมึงเนี่ย แต่บอกเลยใครก็สู้พี่เบเบ้กูไม่ได้ทั้งนั้น น่ารักโมเอะเหี้ยๆ”

   “คนชอบเป็นล้าน”

   “กูเป็นเซเลบ Hi5 กูจะชอบใครก็ได้”

   “มึงล่ะชยิน เมื่อก่อนมึงคิดถึงอะไร อย่าบอกนะว่าแฟนคนแรก” คนถูกถามทำตาโตใส่พักหนึ่ง ก่อนกรอกตาคิดหาคำตอบ

   “กูเหรอ...กูคงคิดถึงโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นมั้ง สมัยนั้นคงไม่มีใครไม่เคยเล่น”

   “เออว่ะ” แล้วทุกคนก็พยักหน้าหงึกหงัก เล่ามหากาพย์ดราม่าร้อยแปดที่เกิดขึ้นกับโปรแกรมนี้ ใช่! เราทุกคนผูกพันกับมันมายาวนาน ในยุคที่การต่ออินเทอร์เน็ต 56K เป็นไปด้วยความยากลำบาก

   ผมโชคดีที่มีโอกาสได้กลับไปใช้โปรแกรมอีก แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมได้เจอความรักอีกครั้ง

   “ไหนๆ ก็พูดถึงเอ็มเอสเอ็นละ เพื่อนๆ ทั้งหลายที่กูแจกโปรแกรมทดลองให้ ช่วยกรุณาส่งแบบสอบถามให้กูด้วยครับ” แล้วบทสนทนาก็วกเข้ามาที่เรื่องส่วนตัว นั่นคือปากท้องของโปรแกรมเมอร์อย่างเบิร์ด

   “กูส่งแล้ว” หลายคนรีบตอบอย่างเร็วรี่ พลางยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มอย่างครื้นเครง

   “มึงล่ะไอ้ริว เอาไปแล้วไม่คิดจะตอบแบบสอบถามบ้างเหรอ”

   “อะไร กูเอามาก็จริงแต่ไม่ได้เล่น” เจ้าของชื่อปฏิเสธทันที

   “มึงอย่ามาตอแหล เอาไปใช้จีบใครก็พูดมาตรงๆ”

   “สาบานได้ว่ากูไม่ได้เล่น คือกูเรียนหนักนะ จะเอาเวลาที่ไหนไปเล่นโปรแกรมมึงเป็นเดือนๆ วะ”

   “อ้าว! จริงดิ”

   “อืม ไปถามที่คนอื่นเถอะ”

   “มึงล่ะเจเจ มะรืนกูกลับแล้วนะ ช่วยตอบแบบสอบถามเอ็มเอสเอ็นให้กูด้วย ที่ส่งไปให้ทางเมลอ่ะ” แล้วเบิร์ดก็หันไปเค้นคำตอบจากคนข้างๆ ซึ่งไอ้เจกันหันมามองหน้าผมครู่หนึ่งก่อนตอบ

   “อันนี้ต้องถาม...อ๊ากกกกกกกกก” ผมกระทืบตีนไปที่มันอย่างจังเพื่อเบี่ยงประเด็น บอกตามตรงว่าลึกๆ ยังไม่อยากให้ใครรับรู้ตอนนี้ จึงเลือกมองตากับไอ้เพื่อนรักเพื่อบอกความต้องการอย่างอ้อมๆ ซึ่งก็เหมือนมันจะเข้าใจเลยตอบแบบเลี่ยงๆ ไป “คือแบบ...เดี๋ยวตอบให้แล้วกันนะ”

   สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ ทุกคนเริ่มจดจ่อกับการพูดคุยและดื่มสังสรรค์กันไปเรื่อยๆ จะมีก็แต่ชยินที่มีท่าทีแปลกไปจากเดิมจนสังเกตได้ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอยู่หลายครั้ง ซึ่งผมเดาว่ามันคงเกี่ยวกับแผ่นโปรแกรมเจ้าปัญหานั่นแหละ

   ก็แหง กูเล่นบอกรักเขาแล้วก็หายไปเลยไง

   “เอ่อ...ขอโทษนะ เจเจเรียนคณะอะไร” สุดท้ายก็เลือกทำลายความเงียบลง และนั่นไง เจ้าตัวสงสัยในเรื่องที่ผมคิดเอาไว้จริงๆ

   ไอ้เพื่อนตัวดีเลยจ้องมองชยินด้วยรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลือ พลางตอบเสียงหล่อแบบเก๊กๆ ตามสไตล์

   “สินกำ”

   “มอบีเหรอ”

   “ใช่ รู้แบบนี้เนื้อคู่กันแน่ๆ” ห่านี่...เต๊าะว่าที่เมียกูอีก

   “คือไม่ใช่อะไรหรอก แค่คิดว่าเราอาจจะเคยคุยกันผ่านโปรแกรมของเบิร์ดอ่ะ”

   “อ๋อ งั้นจำ PC0832/676 ได้มั้ยอ่ะ”

   “...!!” คนตรงหน้าดูเหมือนอึ้งไปพักหนึ่งก่อนพยักหน้าหงึกหงัก

   ไอ้ห่าเจนี่มันรู้ดีเรื่องแอคเคานท์ผมเหลือเกิน แน่นอนว่ามันคงจับไต๋ได้เลยใช้ตีนสะกิดผมใต้โต๊ะไม่หยุด ขณะสายตาหรี่มองอย่างรู้ทัน

เหตุผลที่ผมไม่อยากแสดงตัวในตอนนี้เพราะอยากบอกความจริงทั้งหมดด้วยตัวเอง ไม่ใช่มารับรู้จากคนอื่น ผมอาจจะพลาดที่เผลอบอกรักผ่าน MSN จนทำให้ชยินสับสน แต่กับชีวิตจริงที่ได้บอกความรู้สึกออกไปตรงๆ ผมไม่นึกเสียดาย ก็แค่หวังว่าในหลายๆ คนที่เดินมาบอกชอบเขานั้น ผมจะเป็นคนที่ถูกเลือกบ้าง

“เจเจคือหมีใหญ่เหรอ” คนตัวเล็กถามเสียงผะแผ่ว ไอ้เจเลยหันมามองหน้าผมเพื่อพูดคุยกันผ่านสายตา

“คิดว่าใช่มั้ยล่ะ”

“ไม่รู้...” พึมพำได้ไม่นานก็ลุกขึ้นเต็มความสูง “เดี๋ยวขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

ผมคิดว่าเขาคงสับสน และผมผิดเองที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้

“เล่นอะไรของพวกมึงเนี่ย” คล้อยหลังชยินได้ไม่นานไอ้ท็อปก็ถามอย่างสงสัย

“กูอยากบอกความจริงกับเขาเอง แค่ขอเวลาอีกหน่อย”

“ช้าเดี๋ยวมึงก็อดแดก เชื่อเถอะ” พูดจบมือหนาก็คว้าแก้วเครื่องดื่มขึ้นมากระดกจนหมด

“มันเป็นเรื่องของจังหวะและโอกาส”

   “เผื่อมึงยังไม่รู้นะ โอกาสไม่ได้รอมึงตลอดไปหรอก”

   “ก็จริง”

ผมนั่งรอชยินอยู่พักหนึ่ง จนตัดสินใจได้ว่าจะเดินไปแต่ไอ้ริวก็ลุกขึ้น อาสาตัดหน้าไปแบบไม่รอคำทัดทานจากใครทั้งนั้น

“ดูเหมือนไอ้ริวจะชอบคนที่ชื่อชยินว่ะ” ไอ้เจพูดแทบเป็นเสียงกระซิบ ซึ่งผมก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับมันเพราะแค่มองก็รู้สถานการณ์กันอยู่แล้ว

“...”

“แล้วโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นนี่ยังไง สรุปมึงคุยกับเขาเหรอ”

“อืม”

“คุยเล่นๆ ก็เงี้ยะ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจริงจังนะนั่น”

“กูก็จริงจัง”

“ฮะ?”

“กูจริงจัง เพราะงั้นมึงอย่ายุ่งกับชยินอีกนี่คือคำเตือน”

“โอ๊ยยยยย กูมีเมียแล้วมั้ยเพื่อน”

“...”

“ฮ่าๆ ควายจริงเลยยุค ไอ้ริวนี่เป็นคู่แข่งมึงตั้งแต่มัธยมตอนนี้ก็ยังมาชอบคนเดียวกันอีกเหรอเนี่ย” ผมไม่คิดใส่ใจกับคำพูดนั้น นอกจากชะเง้อมองคนที่ผละออกไปจากโต๊ะได้พักหนึ่ง

เวลาเลื่อนผ่านอย่างเชื่องช้าจากหนึ่งนาทีเป็นสอง สาม และสี่ไปเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้ริวกับชยินจะเดินกลับมา จนกระทั่งความอดทนได้สิ้นสุดลง ผมตัดสินใจสาวเท้าไปยังห้องน้ำโดยไม่รีรอ

ภาพแรกที่เห็นคือร่างสูงของไอ้ริวที่กำลังเคาะประตูห้องน้ำอยู่หลายครั้ง เลยอดไม่ได้เดินเข้าไปประชิดแล้วกดเสียงต่ำถามด้วยความสงสัย

“ชยินล่ะ”

“อยู่ข้างใน ตั้งแต่กูเข้ามายังไม่ยอมขานตอบอะไรเลย”

ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนเคาะประตูเบาๆ พร้อมเอ่ยชื่อของคนด้านในไปด้วย

“ชยิน เมาหรือเปล่า”

“...” แน่นอนว่าไม่มีเสียงใดตอบกลับมาแม้แต่คำเดียว

“คุณโอเคมั้ย เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อย”

“...”

“ผมรู้ว่าคุณสับสน ออกมาคุยกันก่อน ผมมีบางอย่างจะบอกกับคุณ” เอาวะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้าไม่บอกตอนนี้ก็คงเป็นชยินอีกนั่นแหละที่ต้องเจ็บต่อไป

“ผมไม่เป็นไร พอดีว่ารู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย” เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ผมโล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง

“งั้นออกมาได้มั้ย”

แกร๊ก!

ไม่นานประตูก็ถูกไข ใบหน้าขาวแดงซ่านจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ หากแต่ดวงตากลับเศร้าจนรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ผมเดินเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย ยกมือขึ้นลูบกลุ่มเส้นผมนุ่มอย่างนึกเอ็นดู

“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”

“คุณ...ผมเจอหมีใหญ่แหละ เขาเล่น MSN กับผม ตอนแรกเข้าใจมาตลอดว่าคือริวแต่จริงๆ ก็ไม่ใช่” ไอ้ริวที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนักทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก

ไอ้ฉิบหาย! คือตลอดเวลาที่ผ่านมาเข้าใจว่ากูคือไอ้ริวเหรอวะ ถึงว่าแพ้แล้วแพ้อีก สัด

“เจอยังไง” ผมยังคงใจเย็นถามต่อ

“เขาเป็นเพื่อนคุณที่ชื่อเจเจ ก่อนที่โปรแกรมจะหมดอายุเขาบอกชอบผมด้วย”

“เดี๋ยวชยินคือ...” ไปกันใหญ่ละ

“ผมต้องไปบอกเขาว่าผมรู้สึกยังไง”

“ชยินฟังก่อน” ไม่ทันแล้วครับ แม่งเบี่ยงตัวเดินดุ่มๆ ออกไปจนแทบไม่หันกลับมามองข้างหลัง ผมกับไอ้ริวเลยทำได้แค่สับเท้าตามไปอย่างร้อนรน

บอกตรงๆ ว่ากลัวครับ กลัวว่าชยินจะหลงไปกับประโยคสั้นๆ ใน MSN หลงไปกับความรู้สึกชั่วคราวที่มีขึ้นและจบลงเพียงช่วงเวลาเดียว

“เจเจ” ไม่ทันแล้ววววววววววววววว

แทบไม่รอให้ตัวเองนั่ง ชยินก็เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนของผมทันที นั่นเลยทำให้คนในโต๊ะหันไปให้ความสนใจกับเขาเพียงคนเดียว

“ว่าไงครับ” ดูหน้าไอ้เจดิ ยังทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่อีก

“ผมรู้ว่าคุณคือหมีใหญ่ใน MSN”

“แล้วไง”

“คุณได้แผ่นโปรแกรมมาจากเบิร์ดใช่มั้ย”

“ใช่”

“คุณเรียนจบศิลปกรรม มอบี”

“ก็ใช่อีก”

“คุณชอบออนไลน์ตอนเวลาเที่ยงคืน”

“ก็หลายครั้งอยู่ ตอนดึกๆ มันว่างอ่ะ”

“คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นนักแต่งเพลง”

“รู้ ก็ฟังเพลงของคุณอยู่”

“ก่อนโปรแกรมจะหมดอายุคุณจำได้มั้ยว่าได้บอกอะไรกับผม”

“คุ้นๆ นะ” คุ้นเหี้ยอะไรมึงล่ะ! ผมล่ะเกลียดการเล่นตามน้ำของมันมาก ยิ่งตอนที่มันเห็นสีหน้าคร่ำเครียดของผมด้วยแล้วก็ยิ่งรู้สึกสนุก

“ผมมาคิดดูแล้ว เอาตีนก่ายหน้าผากเวลานอนตลอดเลย ถ้าได้เจอหมีใหญ่จริงๆ ผมจะทำยังไง เราคุยกันทุกเรื่องไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และมันก็ทำให้ผมไม่รู้สึกเหงาอีกตอนที่ต้องอยู่คนเดียว”

“...”

“แต่ว่า...คนใน MSN ก็เป็นได้แค่เพื่อนสำหรับผม”

“อ้าว ทำไมอ่ะ” ไอ้เจตอแหลทำหน้าเสียดาย กูจะโทรไปฟ้องเมียมึงไอ้สัด

   “ผมไม่ได้ชอบคุณแบบนั้น”

   “ลองดูก็ได้ หรือว่าคุณมีคนชอบอยู่แล้ว”

   “อือ”

“ใคร”

“เขาเป็นคนที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นสินค้า ทั้งที่จริงๆ เขาไม่ใช่แบบนั้น”

“เขาเป็นคนเหี้ย” ผมตอบขำๆ วินาทีนี้หัวใจทั้งดวงเต้นแรงจนควบคุมไม่อยู่ หากแต่ชยินกลับเถียงออกมาทันที

“ไม่ใช่นะ”

“...”

“คุณเป็นคนดี”

“โอ๊ยยยยยยยยต๋ายแล่ววววววว รีบจัดงานแต่งเถอะไอ้สัด เลี่ยนจนกูอยากจะอ้วก” ท่ามกลางเสียงหยอกล้อของบรรดากลุ่มเพื่อน ผมมองเห็นชยินชัดที่สุด เป็นตัวตนของคนที่ได้ชื่อว่า ‘รัก’ อย่างสุดหัวใจจริงๆ






ตอนนี้ไม่ตลก แต่เราจะจริงจังค่ะ โฮร่ลลลล
คิดเป็นตุเป็นตะเลยชยิน เข้าใจว่าคนโน้นคนนี้เป็นหมีใหญ่ไปทั่ว
แต่ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองบ้างแล้ว
มาเป็นกำลังใจให้พี่ยุคต่อสู้กับริวต่อค่ะ ศึกนี้ยังอีกยาวไกล
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 23-05-2018 00:39:13
 :pig4:
ตลกรึจริงจัง
คนอ่านก็เขิลลลลลลลลลลไปหมด  อร๊างงง บร้าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-05-2018 00:45:16
เฮ่อจะเอายังใงต่อละพ่อหนุ่ม ซิตี้ จะปล่อยไว้หรือจะบอกความจริงกับชยิน  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-05-2018 00:51:43
สุดยอด ชยินคนกล้าแห่งปี  o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 23-05-2018 01:24:05
ชยินนนนนน
เด็กน้อยของเรา โดนยุคคนร้ายกาจปั่นหัว
ทำเอาสับสนเลย
หืม เค้ารักกันแล้ววว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 23-05-2018 01:34:40
สงสารชยิน ไม่รู้สักทีว่าหมีใหญ่คือใครกันแน่ ยุคก็เฉลยเถอะ 5555555
ตอนนี้ชยินน่ารักมาก ใจบางไปหมด :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 23-05-2018 02:02:55
เดี๋ยวชยินรู้ความจริงเมื่อไรล่ะก็นะนังยุคแก... :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 23-05-2018 02:09:03
ความสุขของชั้นมาแล้ววววววววขอบคุณค่าาาจิตติ :katai3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 23-05-2018 02:22:25
เอ็นดูชยิน ยุครีบบอกความจริงเร็ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-05-2018 02:35:21
 :katai2-1:

สาแก่ใจ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-05-2018 02:43:03
โหหก ชยินกล้ามาก อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 23-05-2018 06:27:07
ไม่อยากให้คนหล่อต้องเจ็บปวด ส่งริวมาทางนี้ก็ได้ค่ะ5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: nutty2554 ที่ 23-05-2018 07:17:11
กดบวกเป็ดแล้วกดรักชยินด้วยได้ม๊ายยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 23-05-2018 08:20:49
ฮอลล ชยินลู๊กกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 23-05-2018 09:05:05
ชยินลู๊กก นู๋โดนไอ้หมีใหญ่มันปั่นหัววว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-05-2018 09:10:04
เจเจโผล่มาแย่งซีนชัดๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 23-05-2018 10:10:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ปรบมือค่ะ..
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 23-05-2018 10:32:28
แหม๋ๆ ฉันล่ะภูมิใจกับลูกชายคนนี้จริงๆ
ดูซิ จับลูกสะใภ้ฉันได้อยู่หมัดเลย  :laugh: :laugh:
ไม่รอดแล้วล่ะจ้ะ ลูกยิน  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-05-2018 10:43:28
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 23-05-2018 10:47:34
ยุคควรบอกชยินได้ล่ะนะ อยากเห็นคนเหวอ 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 23-05-2018 12:19:43
ชยินน้อยสับสนมึนงงไปหมดแล้วเอ็นดูอะ
คนอายุ25ต้องน่ารักขนาดนี้ไหม :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 23-05-2018 13:14:57
น้องชยินนนนนนน บ้าคนอายุ25อะไรน่ารักชิบหาย ศตวรรษมาตบแย่วชยินกับเรา //ถกแขนเสื้อ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 23-05-2018 17:46:15
ชยินจะรู้ความจริงจากยุค หรือ โดนตัดหน้าจากริว ถ้าเป็นแบบนั้นชยินจะโกรธยุคแน่ๆ ขอให้ยุครอดนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 23-05-2018 18:04:17
ในที่สุดชยินเราก็ยอมรับความรู้สึกตัวเอง ดีใจ~~~
ชยินตอนหงอยๆ ตอนทำตัวไม่ถูกโคตรน่ารัก จะให้ยุคอดใจไหวได้ไง 555
แหม แล้วตอนที่จับมือกันตอนยุคไปสักนะ อยากจะแหมมมมมม ยาวๆ  ชอบค่ะชอบ อิอิ
ว่าแต่ว่าชยินยอมรับความรู้สึกตัวเองแบบนี้แล้ว ริวก็ยังไม่ถอยอีกเหรอเนี่ยยยย
เอาใจช่วยยุค ทีมยุคอยู่แล้วววววร
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 23-05-2018 18:16:02
 :z6: นี่แหนะอมพะนำอยู่ได้

สงสาร ชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-05-2018 22:13:06
ชยินนนนนนนนนนน น่ารักน่ากินมากขอปั่นเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้องก่อนยุคได้มั้ยยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 23-05-2018 22:34:33
ชยิน น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-05-2018 23:41:58
หลงขนาดหนัก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 24-05-2018 02:49:23
เอาจริงๆ ไม่ค่อยชอบลักษณะเรื่องนี้ของคุณจิตติเท่าไหร่ แต่ด้วยความเป็นคุณจิตติน่ะนะ ที่เราอ่านมาทุกเรื่องจนติดสำนวนการเขียนไปแล้ว ฮาาาาาา ที่บอกว่าไม่ชอบคือหมายถึงในเรื่องของบริบทมากกว่า ชยินเหมือนเด็กโง่ที่ถูกแกล้งให้เดินวนไปวนมาอยู่ในคอก ถึงแม้จะปลอดภัยแต่ก็ถูกจำกัดอิสระ อีกสิ่งที่เราไม่ชอบคือการที่ชยินมักจะแพ้ทางให้กับยุคที่ชอบแกล้งชยินทางความรู้สึก ทำเหมือนหยอกเล่นอ่ะ อาจจะเพราะเราเป็นทีมนายเอกเราเลยอยากให้ชยินมีแต้มต่อมากกว่านี้ เอาจริงถ้าไม่ได้คิดว่ายุคทำเพราะรักหรือเอ็นดู ชยินก็เหมือนตัวตลกดีๆ นี่เองอ่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 24-05-2018 19:11:24
โอ๊ยยย
ยุคอย่าเก๊กมาก
ลุ้นนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 24-05-2018 23:12:12
พี่ยุคมันร้าย5555
เอ็นดูชยินนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 25-05-2018 01:13:49
ชยินคนซื่อของเจ้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 25-05-2018 01:15:53
โอ๊ยยยย มันดี~  แต่ยังดีไม่สุด ตอนไหนจะบอกฮ่วยยย ลุ้นจนไม่รู้จะลุ้นยังไงแล้ว ตายๆๆๆ ได้แต่กลั้นฟินและกลั้นหายใจ เฮ่อ หนูชยิน ยอมในความจับจูดมาก เหลยเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 25-05-2018 12:40:47
โง้ยยยยยย ชยิ้นนนน ยุ้คคคคคคค

ไปแต่งงานนนนนนน

ใจน้องไม่ไหวแล้ววววว

ฮือออ

 :-[
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 25-05-2018 19:01:14
ตอนนี้ไม่ตลกและจริงจังมากเลย 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 26-05-2018 15:33:32
อิพี่ยุคคะจะบอกก็รีบบอกค่ะชยินเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้วขืนยังกั๊กๆอีกระวังดราม่านะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 26-05-2018 21:20:00
ถ้าเป็นชยินนี่โคตรเสียความรู้สึกอ่ะ เหมือนเป็นตัวตลก โง่อยู่คนเดียว
อิพระเอกงานเข้าแน่ๆถ้าความจริงเปิดเผย :beat:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 27-05-2018 23:09:07
กะรอให้จบ. แต่อดใจไม่ไหววววว
น่ารัก น่ารัก น่ารักกกกกกกกกกก
ไม่รู้จะเอ่ยคำอะไร แต่อยากให้มาต่อไวๆน้า
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 27-05-2018 23:48:34
ตามทันจนได้จริงๆแล้วเราก็รอให้มีหลายๆตอนก่อนแล้วค่อยๆอ่านแต่มันไม่ไหวแล้วไงต้องการนิยายมาฮีลตัวเองหนักๆมากๆด่วนๆด้วย
สารภาพตามตรงตอนที่อ่านเธอที่ร้ายจนจบเราอินหนักมากอินจนเฟลเลยล่ะซึมไปหลายวันอ่านไปซับน้ำตาไปแต่ก็หยุดไม่ได้ต้องอ่านให้จบ
จนมาเห็นเรื่องนี้เข้าสะดุดตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว พอรู้ว่าเป็นคุณนักเขียนกับคุณนักแต่งเพลงแล้วตั้งใจอ่านเต็มทีื พอตอนแรกจบเท่านั้นแหละเราก็ต้องซับน้ำตาเหมือนกัน แต่มันเพราะหัวเราะจนน้ำตาไหลต่างหาก
โอยย ยอมใจกับความกวน...ของคุณยุค ยอมกับความแกรบของชยิน คนอะไรน่ารักมากมาย ชอบมากเลยค่ะ สนุกมากๆเลย รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่10 [22/05/61] *หน้า23
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 01-06-2018 00:08:30
โอ้ยเขิลหนักมาก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 01-06-2018 20:03:45


ตอนที่ 11
หัวใจมักวุ่นวาย (เป็นบางครั้ง)



   บางครั้งโลกก็แสนวุ่นวาย

   บางครั้งชีวิตแสนราบเรียบก็มีสีสันขึ้นมาเพราะใครคนหนึ่ง

   และบางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอทำอะไรลงไป แต่กลับทำให้คนบางคนยิ้มปากแทบฉีกถึงใบหูเหมือนในตอนนี้

   “แต่งงานกัน! แต่งงานกัน! แต่งงานกัน!”

   แต่งเชี่ยไรของเมิ๊งงงงงงงง

   บอกตามตรงว่าเสียงเพลงที่อึกทึกครึกโครมภายในร้านตอนนี้ ยังไม่สามารถสู้กับเสียงโห่ร้องและเอ่ยแซวที่ดังมาจากโต๊ะของผมได้เลย คือกูไม่รู้ตัวไงว่าเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจไปจนหมดเปลือก แต่เวลาก็ย้อนกลับไปให้แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

   เหงื่อเปียกๆ ไหลซึมเต็มฝ่ามือของผม ขณะถูกมือหนาของไอ้ยุคกอบกุมเอาไว้ ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของคนโดยรอบ

   ง้างงงงงง ใครก็ได้สูบกูลงนรกที ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีก่อนผมจะหน้าบางไปมากกว่านี้

   “กลับมั้ย คุณอาจจะเมาแล้ว” ซึ่งยุคแม่งก็ฉลาดในเรื่องนี้ทุกที เวลาที่ผมเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากอะไรก็ตาม มันจะเป็นคนแรกที่จับมือและพาผมออกไปเสมอ ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง

   “อือ” ผมพยักหน้าอย่างไม่รีรอ

   “งั้นทุกคน คืนนี้ต้องขอพาชยินกลับก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ

   “ง่อววววว ไปไหนกันต่อคร้าบ แอบไปกิ๊กกันสองต่อสองเหรอ”

   “เสือกน่า”

   “โว้วๆๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้ กลับก่อนเถอะไอ้ชยิน เดี๋ยวยังไงค่อยเจอกันใหม่” ไอ้เบิร์ดพูดพลางปัดมือเป็นเชิงไล่ คือหน้ากูตอนนี้ไม่รับมุกแล้วครับ แม่งอยากจะซุกหน้าเข้าไปในถุงปุ๋ยอย่างเดียว

   หลังเอ่ยลาเพื่อนในโต๊ะอย่างลวกๆ ผมก็เดินจ้ำอ้าวตามหลังร่างสูงไปติดๆ ขามาไอ้ริวเป็นคนถ่อไปรับ ขากลับผมก็ยังติดสอยห้อยตามไปกับไอ้นักเขียนฆาตกรรมที่โหดสัดอีก

   บรรยากาศในรถเต็มปกคลุมด้วยความเงียบงัน ผมเคาะมือไปบนเข่า พยายามทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ อยู่ในหัว อะไรที่ผลักดันให้ผมคิดและพูดแบบนั้นออกไป อาจเป็นความสับสนชั่วขณะ หรือเพราะความกดดันที่กำลังเผชิญอยู่ หลายอย่างตีกันจนวุ่นวายและสุดท้ายผมไม่อยากปวดหัวกับมันอีก

   หมีใหญ่จะเป็นใครไม่สำคัญแล้ว ก็แค่ความทรงจำช่วงหนึ่ง ผ่านมา จดจำ และก็ผ่านไป หากวันใดวันหนึ่งที่มีโอกาสเจอกันเราก็คงทำได้แค่ยิ้ม แล้วเอ่ยขอบคุณที่เข้ามาทำให้ชีวิตราบเรียบของผมไม่เหงาเหมือนที่ผ่านมา มันมีแค่นั้น

   แต่เหตุผลที่ทำให้ผมวิตกกังวลกับเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน คงเป็นเพราะช่วงเวลาก่อน MSN จะหมดอายุ อีกฝ่ายดันบอกชอบผมขึ้นมาซะงั้น

   เคยมั้ย...เวลาที่เจอหรือคุยกับใครคนหนึ่ง เราไม่ได้ชอบเขามากหรอก แต่พอเขาบอกว่าชอบเรา แม่งจะรู้สึกดีขึ้นมาทันที ผมเองก็คงไม่ต่างกันนัก

   อาจจะหวั่นไหวง่าย อาจจะสับสนงุนงงจนบางทีก็นึกสงสัย...แล้วกับยุคล่ะเป็นความชอบจริงๆ ใช่มั้ย

   หรือที่พูดออกไปแบบนั้นเพียงแค่เจ้าตัวเอ่ยชอบออกมา

   คำถามนี้ค้างคาอยู่ในใจมาตลอด กระทั่งผมเลือกหาคำตอบด้วยการเปิดใจ อยากรู้เหมือนกันว่าเราจะไปกันได้ไกลแค่ไหน แต่ก่อนอื่นเลยช่วยหาอะไรก็ได้ที่พอจะลดความประหม่าในตอนนี้ให้กูที

   แม่งเอ๊ย! คือไอ้ยุคเงียบผมก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้วครับ บางทีในใจมันอาจจะล้ออยู่ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาพักหนึ่งแล้ว

   “เป็นอะไรคุณ” ยิ่งคนบ้าจี้อย่างผมด้วยแล้ว มันเลยอดถามออกไปไม่ได้

   “เปล่า” ดูมันตอบเข้า

   “ก็เห็นคุณยิ้ม”

   “ดีใจต่างหาก คุณบอกชอบผม”

   “ชะ...ใช่ที่ไหนเล่า มันเรียกว่าการเปิดใจต่างหาก เพราะถ้าเปิดใจแล้วผมก็จะไม่คุยกับคนอื่นอีก มันมีแค่นั้นจริงๆ” พูดออกมายืดยาวขนาดนี้หวังว่าจะเข้าใจนะ

   “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ดีใจอยู่ดี คุณไม่รู้สึกแบบนั้นบ้างเหรอ” เสี้ยวหน้าคมหันมามองผมแว๊บหนึ่งก่อนกลับไปจดจ่อกับถนนตรงหน้า

   “ไม่อ่ะ”

   “สักวันอาจจะดีใจ”

   “ไม่แน่ ต้องดูก่อนว่าเวิร์กหรือเปล่า อย่าลืมนะว่าผมไม่มีความรักมานานแล้ว อีกอย่างคุณก็เป็นผู้ชายด้วย มันยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่ต้องเรียนรู้”

   “ผมก็เหมือนกัน เหมือนคุณทุกอย่าง เพราะงั้นเรามาเรียนรู้ด้วยกันเถอะ”

   เหมือนวิชาภาษาไทยที่ครูผ่องศรีเคยสอน เรามาเรียนรู้กันเถอะค่ะนักเรียน ถุย!

   “อืม ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น”

   “ฝากตัวด้วยนะชยิน”

   “เหมืนกัน”

   อยากรู้เหลือเกินว่าชีวิตนักแต่งเพลงกากๆ กับนักเขียนในคราบนักฆ่าอย่างมันจะเป็นยังไง บางทีอาจจะดี หรือบางทีอาจจะพังพินาศ ผมขจัดความกลัวออกไปจากใจจนหมดแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ดีหรือร้าย สมหวังหรือเจ็บปวด เราต่างก็ต้องยอมรับมันเมื่อได้รับคำตอบในที่สุด

   ยุคมาส่งผมถึงหน้าห้อง จากนั้นมันก็กลับออกไป ปล่อยให้ผมทิ้งตัวลงนอนได้ไม่นานประตูห้องก็ถูกเคาะอีกรอบ คิ้วสองข้างขมวดปมอย่างสงสัย แม่งเสือกลืมอะไรอีกวะ คิดไปก็ลากเท้ากลับไปยังหน้าประตู ไม่นึกเลยว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้จะไม่ใช่ไอ้ยุค แต่เป็นไอ้ริว

   “มาได้ไงวะ” ไอ้ริวยืนนิ่ง ส่งยิ้มหล่อๆ ของมันมาให้ก่อนตอบ

   “กูมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับมึงอ่ะ ขอเข้าไปข้างในได้มั้ย”

   ผมเกาหัวแกรกแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาภายใน ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟา ขณะที่กูนั้นรีบกุลีกุจอเก็บเศษซากอารยธรรมเกลื่อนพื้นอยู่พักใหญ่

   “โทษทีนะกูไม่ค่อยได้เก็บห้อง” ตอนมารับมันก็อยู่ข้างล่างรอไง ไม่ได้มาเห็นสภาพแบบนี้เหมือนไอ้ยุค

   ซึ่ง...อีกฝ่ายก็คงชินกับภาพพวกนี้ไปแล้ว แต่กับไอ้ริวมันไม่ใช่ไง

   “ไม่เป็นไรเลย”

   “หิวน้ำมั้ย เดี๋ยวรอแป๊บนะ” ไม่รอฟังคำตอบผมรีบพุ่งตรงไปยังตู้เย็น เปิดเอาน้ำดื่มออกมาเสิร์ฟแขกของห้องอย่างเร็วรี่

   “ชยินมึงไม่ต้องเกรงใจกูขนาดนั้น” เสียงของไอ้ริวทำให้ผมชะงักมือ ปล่อยขวดน้ำลงกลางโต๊ะและหันไปมองคนพูดครู่หนึ่ง

   “ก็มึงมาห้องกูทั้งทีนี่”

   “มาคุยกันหน่อย กูมีเรื่องสำคัญจะบอกกับมึง” คราวนี้มึนกว่าเก่าอีกสัด ด้วยความขี้เสือกประมาณนึงผมจึงสาวเท้าไปยังโซฟาตัวเก่ากลางใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างคนตัวสูงกว่าอย่างสงบเสงี่ยม

   “มีอะไรหรือเปล่าวะ” ดึกดื่นป่านนี้ยังลากสังขารมาหากันได้ คิดว่าคงสำคัญไม่น้อย

   “มึง...ชอบไอ้ยุคจริงๆ เหรอ”

   เชี่ย! คำถามห่าอะไรวะเนี่ย

   “มึงเป็นอะไรวะริว ทำไมถึงถามเรื่องนี้ได้”

   “ตอบมาเถอะน่า”

   “กูยังไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง อาจจะ...ลองดูกันไปเรื่อยๆ มั้ง”

   “งั้นถามหน่อย มึงเข้าใจว่ากูเป็นคนที่มึงคุยด้วยใน MSN นี่เลยเป็นเหตุผลที่มึงออกมาเจอกูแล้วไปนั่นไปนี่ด้วยกันใช่มั้ย”

   คำถามนี้เล่นเอาผมสตั๊นไปหลายวินาที รู้สึกผิดขึ้นมาเลยไอ้เหี้ย

   “กูขอโทษว่ะริว แต่ส่วนหนึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ กูแย่มาก เข้าใจว่าเราสนิทกันมาก่อนแล้วก็เลย...” ผมพูดไม่ออก ขณะคนเคียงข้างเอ่ยแทรกขึ้นมา

   “ไม่ๆ กูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น คือที่มาเนี่ยแค่อยากถามให้แน่ใจ แล้วก็มีเรื่องที่อยากบอกกับมึง”

   “อือ”

   “กูไม่ใช่หมีใหญ่อะไรนั่นของมึง แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่กูก็ชอบมึงไม่ต่างจากไอ้ยุคหรอก”

   “ฮะ! มึงวะ...ว่าไงนะ”

   บอกตามตรง หากมันยังคงเป็นหมีใหญ่ผมคงไม่ตกใจเท่านี้ เพราะที่ผ่านมาผมก็คิดเองเออเองไปหมดทุกอย่าง ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งไอ้ริวจะมาบอกชอบกันจริงๆ

   ตอนแรกคิดว่าชีวิตผมจะมีผู้ชายเข้ามาป้วนเปี้ยนให้ปวดหัวเล่นแค่สองคน นั่นคือไอ้ยุคกับหมีใหญ่ แต่คราวนี้ดันพ่วงไอ้ริวเข้ามาในวงจรอุบาทว์ด้วยนี่สิ

   ฮอตไม่ดูเวล่ำเวลาเลยไอ้ชยิน ไอ้เวร!

   เงินในบัญชีทำไมไม่เข้ามาบ่อยเหมือนความรักบ้าง แถมโผล่มาทีก็เล่นเอาปวดหัวฉิบหาย

   “กูชอบมึง”

   “ล้อเล่นหรือเปล่าวะ คือถ้ามึงเข้าใจผิดจากการกระทำที่ผ่านมาของกู กูขอโทษจริงๆ”

   “กูรู้ตัวเองดี และก็เข้าใจมึงด้วย หลายครั้งที่เหมือนมึงมีใจแต่สุดท้ายกูก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่ เพราะงั้นกูเลยขอโอกาสกับมึงเหมือนที่ไอ้ยุคได้รับ” มนุษย์บนโลกที่ผมรู้จักต้องตรงเผงทุกคนเลยป่ะวะ

   บางทีอ้อมค้อมบ้างก็ได้ กูไม่โกรธหรอก มาแบบนี้มันตั้งตัวไม่ทันไง ทุกสิ่งที่อยู่ในหัวพรั่งพรูออกมาไม่รู้จบ ทว่าผมก็คงพูดได้แค่...

   “ริว ความจริงแล้วกูถามตัวเองหลายครั้งว่าคิดยังไงกับมึง ไม่ว่าจะตอนที่ปักใจเชื่อว่ามึงเป็นหมีใหญ่หรือไม่ได้เป็น สุดท้ายแล้วกูก็ได้คำตอบเหมือนเดิมคือเป็นเพื่อนกันน่ะดีที่สุดแล้ว”

   “เรายังไม่มีเวลาศึกษากันเลย มึงแม่งก็ตัดสินกูซะละ”

   “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันไม่ถูกต้อง”

   “ยังไงที่เรียกว่าไม่ถูกต้องวะ”

   “กูไม่ชอบคุยกับใครหลายๆ คน คนปกติเขาไม่ทำกัน”

   “ตราบใดที่มึงยังไม่คบใคร มึงก็มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นเว้ยชยิน”

   “แต่ว่า...”

   “มึงทำได้ เดี๋ยวกูคุยกับไอ้ยุคเอง คนเราควรมีสิทธิ์เลือกป่ะวะ”

   “มันไม่ปกติว่ะริว ทุกคนมีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีหรือเหมาะสมที่สุดให้ตัวเองอันนี้กูรู้ดี แต่บางครั้งมันไม่ใช่ว่าเราจะเลือกโดยไม่แคร์อะไรเลย ไอ้ยุคมาขอโอกาสจากกูก่อน แล้วกูก็บอกแล้วว่าจะเปิดใจ ถ้าวันไหนที่ไปกันไม่รอดกูถึงจะเริ่มกับคนใหม่ ถึงตอนนั้น...”

   ผมหยุดพูดไปอึดใจหนึ่ง จ้องมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้า “มึงรอได้มั้ยล่ะ”

   “กูรอได้” คำตอบนั้นหนักแน่นจนผมเริ่มหนักใจ

   ไม่ใช่ไอ้ริวไม่ดี แต่มันไม่ใช่จังหวะและเวลาของมัน

   พูดเหมือนคนเลือกได้เนาะ แต่ถามหน่อยเถอะ ไม่มีผู้หญิงสักคนหลุดมาให้กูเลือกแบบนี้เลยเหรอวะ หรือจริงๆ แล้วโชคชะตาต้องการกำหนดให้ผมได้รักกับผู้ชายสักคนมากกว่า งงในงงเว่อร์

   “บางทีมึงอาจจะต้องรอโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย”

   “กูก็ยินดี”

   “ไม่อยากให้มึงต้องเสียเวลาเลยว่ะ กับความรู้สึกกูตอนนี้มึงเป็นแค่เพื่อนจริงๆ”

   “กูไม่ได้เสียเวลาเลยสักนิด ยังมีเวลาอีกเยอะเพื่อรอโอกาสจากมึง”

   “...” เดดแอร์เลยครับ

   “งั้นตามนี้นะ กูจะรอวันที่ได้รับโอกาสจากมึง แต่ถึงไม่ได้กูก็จะรอคำตอบในวันนั้นอยู่ดี”

   เรื่องจบลงตรงที่ไอ้ริวมัดมือชกทุกอย่าง และปิดประเด็นด้วยการเดินออกห้องไป ทิ้งความหนักอึ้งเอาไว้ให้กับมนุษย์แกลบอย่างผม จนต้องเผลอเอาตีนก่ายหน้าผากหนักหน่วงกว่าทุกคืน

   มันไม่ง่ายหรอกที่จะรักใครสักคน

   แล้วมันก็ไม่ง่ายเหมือนกันที่เราจะเลือกคนๆ หนึ่งโดยที่อีกคนไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย











   และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ผมต้องส่งเพื่อนรักขึ้นเครื่องเพื่อกลับไปหาเมีย

   ใจหายขึ้นมาเลยว่ะ ตอนมันไม่อยู่ทุกอย่างก็คงเงียบเหงากว่าเดิมเป็นเท่าตัว ยังจำวันแรกตอนที่แม่งแวะมาหาที่ห้องได้อยู่เลย กระเป๋าสตางค์ยี่ห้อ Coach กูยังใช้อยู่นะ แถม MSN ของมันก็คงเป็นเรื่องเล่าในชีวิตของผมไปอีกนาน

   ซุปเปอร์เนิร์ดที่เป็นทุกอย่างของผม กำลังเดินทางไกลอีกแล้ว กว่าจะเจอกันอีกทีก็หนึ่งถึงสองปีข้างหน้าโน่น

   เพื่อนที่ดีอย่างมันไม่ใช่จะหากันง่ายๆ ยิ่งคนขี้เหงาและเพื่อนไม่เอาอย่างผมยิ่งแล้วใหญ่ จะกลับไปหาเพื่อนมหา’ลัยเขาก็มีงานมีการทำเป็นเวลา หรือจะให้ติดต่อหาเพื่อนสมัยเด็กนี่ยิ่งหนัก ผมไม่ชอบขี้หน้าแม่งเลย ครั้งหนึ่งพวกมันเคยแย่งกล้วยบวชชีของผมไปกินตอนอยู่เนอสเซอรี่ บอกตามตรง กูฝังใจมาจนทุกวันนี้

   “ฮือออออออ”

   “ร้องไห้ทำเหี้ยไรเนี่ย” กูล่ะหมดมู้ดทันทีที่ไอ้เพื่อนเลวนี้พูดขึ้น

   “มึงไม่อยู่กูก็เหงาดิวะ”

   “มึงจะไม่เหงา ฝากชยินด้วยนะ” ท้ายประโยคมันหันไปหาคนตัวสูงอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และใช่! ไอ้ยุคมากับผมด้วย เรามาส่งเพื่อนรักด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศน้ำเน่าสัดๆ

   “จะดูแลเป็นอย่างดี” แล้วดูคำตอบของไอ้ยุคครับ เล่นเอากูขนลุกขนชันขึ้นมาฉับพลัน

   “เมื่อไหร่มึงจะกลับมาอีก”

   “ปีหน้าอาจจะมา รอดูจังหวะก่อน”

   “แล้วกลับมาอยู่ถาวรล่ะเมื่อไหร่”

   “ตอนแก่โน่นจ้า” ดูจากสภาพหนังหน้าและกิริยามึงแล้ว ไม่ได้ตายแก่ชัวร์

   “กูคงคิดถึงมึงมากว่ะเบิร์ด และคงเหงาฉิบหาย”

   “เชื่อสิว่ามึงจะไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว แต่อาจจะเครียดเรื่องไม่มีเงินจนนอนไม่หลับแทน”

   “แช่งกูไอ้สัด ยิ่งปีชงอยู่ด้วย”

   “เออท่าจะจริง ชงเข้มซะขนาดนี้” พูดไปสายตาก็เหลือบมองไอ้ยุคไป เผื่อมึงยังไม่รู้นะเบิร์ด นอกจากไอ้ยุคแล้วไอ้ริวก็ยังตามเข้ามาผสมโรงชงจนวุ่นวายด้วยอีกคน

   “เดี๋ยวกูว่าต้องเข้าเกตแล้วว่ะ” สิ้นสุดคำพูดของเพื่อนเมพ ผมก็โผเข้าไปกอดคอมันทันที

   ใจหายโว้ยยยยยยยยย

   “เป็นหมาเหรอชยิน ปล่อยกูไอ้สัด”

   “กูไม่ให้มึงไป โทรบอกเมียมึงเลยว่าจะอยู่ที่นี่ ให้เมียมึงตามมา”

   “ห่าอะไรของมึง กูคิดถึงเมีย”

   “มึงไม่คิดถึงกูเหรอ”

   “มึงไม่ได้สำคัญกับกูขนาดนั้น”

   โฮร่ลลลลลลลล ร้องไห้น้ำตาเป็นสายไหม

   “กูจะทำเรื่องขอให้ทรัมป์ส่งมึงกลับไทย ข้อหาลอกเลียนโปรแกรมของของไมโครซอฟท์”

   “ยิ่งใหญ่จังเลยนะมึงเนี่ย” ไอ้เบิร์ดลากกระเป๋ามาตามทาง โดยมีผมเกาะหลังมันไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดปล่อย

   เราอยู่ห่างจากเกตพอสมควร เลยใช้เวลาเดินไปบ่นไปไม่หยุดหย่อน คือกูจะงอแงใครก็ห้ามไม่ได้ ขนาดไอ้ยุคยังไม่กล้าปริปากเลย มีแต่ไอ้เบิร์ดเนี่ยแหละที่เอาแต่สาปแช่งผมทุกวินาที

   “เดี๋ยวกูก็กลับมามั้ย แต่ถ้าคิดถึงก็ช่วยส่งลาบหมูไปให้ที่เมกาหน่อยดิ”

   “ไม่!!”

   “งั้นกูก็ไม่กลับมาแล้วจ้า”

   “เออๆ กูจะส่งลาบหมูแช่แข็งไปให้เลย ถึงแล้วติดต่อหากูบ้างนะ”

   “จะลืมได้ไง ไปละ” เราหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเกต จู่ๆ หัวใจก็วูบโหวงขึ้นมาดื้อๆ กระบอกตาร้อนผ่าว มือสั่นเทาราวกับกลัวว่าตัวเองจะสูญเสียอะไรบางอย่างไปซึ่งมันก็จริง...

   เบิร์ดไม่อยู่แล้ว คนเหงาที่ไม่มีใครเข้าใจกำลังจะกลับมา

   “โชคดีชยิน” เพื่อนรักโบกมือลา ผมกับไอ้ยุคก็โบกมือตามหยอยๆ

   “โชคดี”

   ทำได้แค่มองดูแผ่นหลังของมันเดินห่างออกไปเรื่อยๆ จนสุดสายตา ผมไม่คิดว่าจะทำใจกับอะไรพวกนี้ได้มากนัก หากวันหนึ่งคนที่เคยอยู่กับเราเดินจากไป ผมจะเป็นยังไงวะ

   “ร้องไห้ทำไม ไม่ร้อง โตๆ กันแล้ว” ไอ้ยุคเอ่ยปลอบผมก่อนดึงตัวเข้าไปกอดราวกับกูเป็นเด็ก และมันก็แปลกมากที่ผมยอมให้เจ้าตัวได้ทำตามใจโดยไม่นึกเถียง

   ช่างเป็นซีนที่โลกนี้ต้องจารึก นักแต่งเพลงและนักเขียนกากๆ สองคนยืนกอดกันหน้าเกต ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่ที่มองกลับมาเป็นเชิงถาม...

   อะไรของมันวะ?

   คล้อยหลังซุปเปอร์เนิร์ดได้ไม่นาน ผมกับไอ้ศตวรรษก็แวะหาร้านข้าวประทังกระเพาะแถวๆ สนามบิน เราสั่งฟาสต์ฟู้ดแดกง่ายๆ คนละอย่าง ใช้เวลากินไปคุยไปตามประสาจนกระทั่งสังเกตเห็นสายตาคมเข้มที่เพ่งมองไปยังอะไรสักอย่างซึ่งอยู่ด้านหลังของผมอยู่บ่อยครั้ง

   ด้วยความอยากรู้จึงเห็นไปมองบ้าง เลยได้เห็นผู้ชายหน้าตาดีเหี้ยๆ คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่กับเพื่อน

   “รู้จักกันเหรอ” ผมถาม น้ำเสียงแข็งกระด้างจนรู้สึกได้

   “เปล่า”

   “แล้วคุณมองทำไมอ่ะ หรือชอบ”

   “เปล่า”

   “ไม่เข้าใจอ่ะ ช่วยตอบให้กระจ่างหน่อย”

   “แค่คิดว่าทรงผมนั้นน่ารักดี ถ้าคุณตัดมันคงเหมาะมาก”

   “เหอะ! ผมไม่มีความคิดที่จะทำอะไรเหมือนคนอื่นหรอก” แม้ช่วงนี้ผมจะเริ่มยาวจนแทบปิดตาแล้วก็ตาม

   “ก็ดีแล้ว คุณเป็นแบบไหนมันก็ดีทั้งนั้นแหละ”

   อยากปาเบอร์เกอร์ทิ้งแล้ววิ่งเข้าส้วมเพื่อไปอ้วกเลยจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าเสียดายเพราะความจนอ่ะนะ

   “เดี๋ยวคุณไปไหนต่อ” ผมไม่เล่นไปตามเกมของอีกฝ่าย แต่พยายามเบี่ยงประเด็นเพื่อคุยเรื่องอื่นแทน

   “ปั่นต้นฉบับ คุณล่ะอยากไปไหนมั้ย”

   “ไม่ ผมเองก็ยังมีโปรเจ็กต์เพลงที่ต้องแต่งอีกเพลงนึง”

   “งั้นกลับห้องมั้ย”

   “อืม...” แม้ลึกๆ จะยังไม่อยากกลับเท่าไหร่ ไม่รู้สิ บางทีสิ่งที่ต้องการอาจไม่ใช่การออกไปข้างนอกหรือแช่อยู่ในห้อง แต่เป็นความรู้สึกที่ว่าเราอยากมีใครสักคนทำอะไรด้วยในตอนนั้นมากกว่า

   “แล้วรีบหรือเปล่า” เสียงทุ้มปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ชั่วครู่

   “หมายถึงอะไร”

   “แต่งเพลง”

   “ไม่เท่าไหร่ งานไม่เร่ง แต่งไปเรื่อยๆ”

   “คืนนี้ไปนั่งแต่งเพลงที่ห้องผมมั้ย เดี๋ยวแวะไปรับ” หัวใจเต้นตึกตักขึ้นมาเฉย   

   “ไม่ต้อง”

   “ไม่อยากมาเหรอ”

   “ใช่ที่ไหนล่ะ แค่จะบอกว่าไม่ต้องมารับ”

   “...”

   “เดี๋ยวไปเอง”

   นี่ไม่ได้เรียกว่าให้ความหวังหรอกนะ ก็แค่...ก็แค่...











   ก่อนที่จะไปหาไอ้ศตวรรษ ผมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกระดิกเท้าฆ่าเวลาอยู่ที่ห้องหรอก แต่เปลี่ยนเป็นรีบติดต่อหาใครคนหนึ่งที่รู้จักกันพอสมควรแทน พอได้ยินคำว่า ‘ว่าง’ จากปลายสายผมก็ไม่รอช้านั่งรถไฟฟ้าไปอีกสองสถานีจนถึงหน้าร้าน

   “น้องชยิน ไม่เจอกันนานเลย” รุ่นพี่สาวประเภทสองที่เป็นเจ้าของร้านเดินมาต้อนรับถึงที่

   “ครับ ไม่ได้เจอกันนาน” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม

   “แล้ววันนี้จะตัด สระ ไดร์ หรือทำสีผมเอ่ย”

   “คือ...ตัดผมครับ”

   “แบบไหนคะ เดี๋ยวนั่งโซฟาก่อน” เจ้าตัวผายมือไปยังโซฟาตัวหรูสีดำ ก่อนผมจะเดินเข้าไปนั่งพร้อมหยิบมือถือขึ้นมา

   คือกูหืดจับมากครับกับการเซิร์ชหาทรงผมของผู้ชายที่อยู่ในสนามบิน จะให้อธิบายก็ยาก จะให้วาดออกมาฝีมือก็ง่อยอีกนั่นแหละ ดังนั้น Google จึงเหมือนเป็นทางออกสุดท้าย

   ‘ทรงผมผู้ชายน่ารักๆ” กูเกลียดคำนี้มาก แต่แม่งก็ต้องหา

   แล้วเสือกเจอด้วยไง!

   แถมเหมือนผู้ชายคนนั้นเป๊ะ

   “เอาตามรูปนี้เลยครับ” ผมยื่นมือถือให้คนตรงหน้า

   “โอ้วดีมากค่า อันนี้ก็ตัดผมหน้าขึ้นนิดหน่อยเนาะ ส่วนข้างหลังก็ซอยให้สั้นลง ทรงนี้วัยรุ่นตัดกันเยอะ น่ารักมากจริงๆ เข้ากับรูปหน้าชยินด้วย เกาหลีมั่กมากค่ะ”

   นั่งฟังคำสาธยายอะไรต่อมิอะไรไปสักพัก ผมก็ถูกจับขึ้นเขียง ทั้งตัด ซอย แบตเตอร์เลี่ยนไถกรุยจนเส้นผมที่อยู่บนหัวหายไปเยอะโข ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย

   “เสร็จแล้วค่า หุยยยย หล่อน่ารักเลย”

   ส่องตัวเองในกระจกมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมเกิดมาหน้าตาดีขนาดนี้วะเนี่ย

   “เท่าไหร่ครับ”

   “หกร้อยค่า เดี๋ยวก่อนไปขอถ่ายรูปลงเพจร้านหน่อยได้มั้ยคะ”

   “ครับ”

   ผมยืนนิ่งปล่อยให้แกและเด็กในร้านจัดท่าจัดทางให้ พอถ่ายรูปเสร็จก็ได้เวลากลับไปต้มมาม่าแดกเพราะไม่มีตังค์ซื้อข้าวกิน ก่อนจะนอนมองดูนาฬิกาที่หมุนไปเรื่อยๆ เพื่อรอจนกว่าจะถึงเวลานัดหมาย

   สองทุ่ม...เมื่อไหร่จะสองทุ่ม

   ลืมสิ้นแล้วเรื่องไอ้เบิร์ด นึกเสียดายน้ำตาที่ร้องให้มันตอนกลางวันฉิบหายเลย

   กริ๊งงงงงงง

   เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้อง ผมดีดตัวขึ้นมาจากเตียงแล้วคว้าถุงผ้าลงไปยังชั้นล่างทันที คาดว่าพอไปถึงห้องไอ้ยุคก็อาจจะเลทนิดหน่อย แต่มันดีแล้วเพราะจะได้ดูไม่จงใจเกินไปนัก แม้ในใจกูนั้นแทบจะพุ่งตัวถึงห้องมันตั้งแต่ตัดผมเสร็จแล้วก็ตาม

   ผมนั่งรอคนตัวสูงอยู่ตรงล็อบบี้ ไม่นานคนที่รอคอยก็เดินลงมาพร้อมส่งยิ้มกว้างมาให้ ผมเกาท้ายทอยแก้เขิน ไม่รู้แม้กระทั่งจะวางมือไว้ตรงไหนอ่ะคิดดู

   “ดูแปลกตาไปนะ” คำทักทายแรกที่หลุดออกมาจากปากของไอ้ยุค

   “เหรอ”

   “อืม”

   “แบบ...อากาศมันร้อนน่ะ เลยตัดผมออกนิดหน่อย”

   “น่ารักดี” เจ้าตัวเอ่ยชม จนกูนี่แทบบิดเป็นผ้าซักใหม่เลยสัด

   “คือบังเอิญเดินผ่านหน้าร้านตัดผม ช่างก็แนะนำมา ไม่ได้ตัดตามใครเลยจริงๆ”

   “คุณไม่ได้ตามใครหรอกชยิน คุณเป็นคุณ ถึงจะมีคนตัดทรงเดียวกับคุณเป็นร้อย คุณก็น่ารักที่สุดอยู่ดี”

   บึ้ม!!

   คำพูดมึงเหมือนมีดสับหัวใจกูได้ละเอียดลออมาก

   “ขึ้นไปข้างบนเลยมั้ย”

   “อือ” ผมพยักหน้าเดินตามร่างสูงไปต้อยๆ และทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดเข้าไป บรรยากาศเดิมๆ ก็หวนกลับมาอีกครั้ง ในห้องที่เตียงนอนห้อมล้อมไปด้วยตู้หนังสือ โต๊ะทำงานแสนรกแต่กลับมองดูเพลินตาไปอีกแบบ แถมยังมีกลิ่นอบอวลแสดงถึงตัวตนของคนเป็นเจ้าของ ซึ่งคงหาไม่ได้จากที่ไหน เพราะมันมีแค่ที่เดียว

   “ผมขอนั่งพื้นได้มั้ย ตอนแต่งเพลงผมชอบนั่งพื้น”

   “ไปนั่งบนเตียงไป พื้นมันเย็นมากเดี๋ยวขาจะชาเอา”

   ผมไม่ได้ปฏิเสธ เดินตรงดิ่งไปที่เตียงหลังใหญ่ก่อนเทกระจาดของทุกอย่างในถุงผ้าออกมา การมาห้องของไอ้ยุคหลายๆ ครั้งทำให้ผมรู้ว่ามันมีสมบัติล้ำค่าเก็บเอาไว้อีกชิ้นหนึ่ง นั่นคือกีตาร์ นี่เลยเป็นเหตุผลที่ผมไม่พกของตัวเองมาด้วย

   “คุณ ผมขอยืมกีตาร์หน่อยสิ” เอ่ยออกไปครู่เดียว ใบหน้าหล่อเหลาก็ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์แล้วหมุนเก้าอี้หันมองผมนิ่งๆ

   “งั้นมานี่สิ”

   “คุณวางไว้ตรงไหนเดี๋ยวผมไปหยิบเอง” ครั้งก่อนอยู่ข้างตู้หนังสือ ครั้งนี้ไม่รู้หายไปไหน

   “มานี่ก่อน” เสียงทุ้มยังคงเปล่งประโยคเดิม

   “ทำไมล่ะ”

   “เดินมาใกล้ๆ ผม” ผมไม่สามารถแย้งคำพูดประโยคนั้นได้ นอกจากคลานลงจากเตียงแล้วเดินไปหาคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ในเสี้ยววินาทีนั้นร่างกายก็ถูกรวบไปกอดจนแน่น ใบหน้าคมและจมูกสันโด่งกดลงบนหน้าท้องของผมจนรู้สึกจั๊กจี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมันเป็นบ้าอะไรของมัน

   แต่ที่บ้ายิ่งกว่าคือผมไม่เคยปฏิเสธอะไรได้เลย

   “ผมคิดถึงคุณ” เจ้าตัวพูดออกมาตรงๆ จนผมเองก็ได้แต่อึ้ง

   “ก็มาเจอแล้วนี่ไง”

   “อยากอยู่กับคุณไปตลอด” ความจริงแล้วการอยู่กับไอ้ศตวรรษมันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน ผมไม่ได้รู้สึกแย่ กลับกัน เพิ่งรู้ว่าความสบายใจมันหาได้ง่ายขนาดนี้

   “แต่จะกอดผมตลอดแบบนี้ไม่ได้นะ บอกมาว่ากีตาร์อยู่ไหน ส่วนคุณก็ทำงานต่อไป”

   “ผมจะได้อะไรจากการตอบคำถามคุณครับ”

   มันมากอีกแล้วววววววววว มาแบบนี้ทีไรแม่งต้องมีข้อแลกเปลี่ยนตลอด

   “คะ...คุณก็จะได้เพื่อนนั่งทำงานด้วยไง”

   “พูดแล้วนะ”

   “โอเค กีตาร์อยู่ข้างทีวีที่ห้องนั่งเล่น” เมื่อได้คำตอบแล้วเจ้าตัวก็ยอมปล่อยมือจากผม ทว่าความอบอุ่นยังคงเกาะกุมร่างกายจนรู้สึกได้อยู่ นี่หรือเปล่าที่หลายคนคิดถึงและโหยหาอ้อมกอด มันเป็นแบบนี้นี่เอง

   สองเท้าเดินออกไปด้านนอก จากนั้นก็คว้ากีตาร์กลับเข้ามาดังเดิม คงมีแต่เจ้าของห้องล่ะมั้งที่ดูจะไม่จดจ่อกับการทำงานแต่กำลังพุ่งเป้ามาที่ผมโดยตรง

   “มองอะไร ทำไมไม่ปั่นงานครับ” ผมถามเสียงดุขึ้นเล็กน้อย

   “ผมบอกว่ากีตาร์อยู่ไหนแล้ว เพราะงั้นผมขอข้อแลกเปลี่ยนที่คุณเสนอมาหน่อย”

   “ผมก็ทำอยู่นี่ไง นั่งเป็นเพื่อนทำงานกับคุณ”

   “ไม่ใช่แบบนี้”

   “ไม่ใช่แบบนี้แล้วแบบไหน”

   ไอ้ยุคไม่ตอบแต่อ้าขากว้าง เฮ้ย! เป็นเหี้ยอะไรของมึงวะนั่น

   ห้านาทีต่อมา...

   “คุณ อย่าเอาคางมาวางไว้บนหัวผมได้มั้ย” เริ่มบ่นอุบอิบแล้วครับ

   “ก็มันสบาย คุณก็ทำงานไปดิ”

   อย่างนี้จะให้กูทำได้ยังง้ายยยยยยยยยยยย

   นรกบนดินมีจริงนะเนี่ย และวิธีการตกนรกแบบนี้ก็ทำร้ายร่างกายกันสุดๆ ร่างกายของผมทำงานหนักขึ้นจนบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าหัวใจอาจจะวายตายในสักวัน

   ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวเดียวกับไอ้ยุค โดยมีคนตัวสูงนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง แล้วกูเบื่อมากเวลาที่แม่งเอื้อมมือไปจับแป้นพิมพ์ทำงาน ร่างกายของผมเลยเหมือนถูกล็อกไว้ในวงแขนแกร่งจนขยับไปไหนไม่ได้ แถมหัวกูยังทำหน้าที่เป็นหมอนวางคาให้มันอีกต่างหาก

   ซวยของจริง เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้ แต่งเพลงก็ไม่ได้ ไม่มีสมาธิโว้ยยยยยย

   กว่าจะหลุดออกจากพันธนาการของไอ้นักฆ่าได้ ก็ทำเอานั่งง่อยอยู่เกือบชั่วโมงจนเผลอพิงอกแกร่งหลับคาเก้าอี้ไปโดยปริยาย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกอุ้มกลับมาที่เตียงเนี่ยแหละถึงได้ลืมตาขึ้นมา

   “นอนได้แล้ว”

   “ผมต้องกลับ” ผมบอกเสียงงัวเงีย ภาพตรงหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างเพราะยังปรับโฟกัสได้ไม่เต็มที่

   “ดึกแล้ว นอนที่นี่เถอะ พรุ่งนี้ค่อยกลับ”

   “คุณทำให้ผมไม่ได้งาน” เสียงหัวเราะดังตามหลังมาทันที

   “คุณไม่ทำเองนะ ผมให้โอกาสคุณทำแล้ว”

   “ใครทำได้ก็โคตรเก่งแล้วโว้ย”

   “นอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยตื่นขึ้นมาเถียงต่อ”

   “อือ...”

   จำไม่ได้เหมือนกันว่าประสาทการรับรู้ถูกปิดไปตอนไหน แต่ผมฝัน ฝันเห็นใครคนหนึ่งล้มตัวลงนอนเคียงข้าง กอดผมไว้ในอ้อมกอดของเขาแล้วหลับไปด้วยกัน

   เสียงทุ้มนั้นพูดกล่อมอยู่ข้างหู มันวนเวียนแบบนั้นซ้ำๆ ไม่รู้จบ

   ‘ผมรักคุณชยิน รักคุณ...’

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 01-06-2018 20:05:27
   แสงแดดที่ลอดผ่านมาจากผ้าม่านตรงปลายเท้าทำให้ผมบิดขี้เกียจไปมาบนเตียง กว่าจะเรียกสติกลับมาแล้วรับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเองก็ใช้เวลาอยู่นานโข

   ผมอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นผมเผ้าที่คงยุ่งเหยิงเกินกว่าจะหวีกลับให้เข้าที่ ด้านนอกได้ยินเสียงดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว ผมรวบรวมกำลังลุกขึ้น เดินออกไปดูสถานการณ์ก่อนจะพบว่าเจ้าของห้องได้เตรียมอาหารเช้าเอาไว้จนเสร็จเรียบร้อย

   “ตื่นแล้วเหรอ” คำถามแรกพุ่งโจมตีฉับพลัน

   “อือ ตอนนี้กี่โมงแล้ว”

   “แปด”

   “ผมยึดเตียงคุณ ขอโทษนะ”

   “ก็ยินดีให้ยึด ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน” เขาออกคำสั่ง ขณะสองมือสาละวนอยู่กับการวางจานไข่ดาวไว้บนโต๊ะ

   ยิ่งกว่าแม่ก็ศตวรรษนี่แหละ

   “ที่ห้องคุณไม่มีแปรงฟันสำหรับผมอ่ะ”

   “มี เคยบอกว่าซื้อเผื่อไว้คราวก่อนไง” ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาสบตาแล้วพูดต่อ “ยังจะนิ่งอยู่อีก ล้างหน้าล้างตาแล้วมากินข้าว ผมหิวแล้วเนี่ย” พูดมาขนาดนี้แล้วใครลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นี่ถือว่าสุดยอด

   ผมลากสังขารอ่อนเปลี้ยของตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ และก็เป็นอย่างที่ไอ้ยุคมันว่าจริงๆ ที่มีแปรงฟันอันใหม่สำหรับผม มันถูกวางไว้ตรงเคาน์เตอร์พร้อมผ้าขนหนูสีขาวผืนใหม่เอี่ยม คือผมไม่เคยคิดหรอกว่าวันหนึ่งจะมีของๆ ตัวเองอยู่ในห้องของใครสักคน

   คิดแล้วน้ำตาจะไหล ซาบซึ้งใจมากๆ

   ใช้เวลาล้างหน้าแปรงฟันจนเสร็จสรรพ ก็กลับมานั่งที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆ สำหรับสองคน โดยมีคุณนักเขียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

   “อะไรอ่ะ” ผมถามอย่างอยากรู้ คือเห็นมันแม่งเขี่ยมือถือรอได้สักพักแล้ว

   “อ่านนิยาย”

   “งานของใครอ่ะ”

   “ไม่รู้จัก อยู่ในแท็ก YukYinCouple อ่ะ”

   มันเอาอีกล้าววววววววว นี่มึงยังไม่เลิกอ่านอะไรแบบนี้อีกเหรอวะ โกรธนะเนี่ยโกรธ!

   “ไม่ให้อ่าน ถ้าคุณอ่านผมจะโกรธ”

   “ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย อย่างเรื่องนี้คุณก็น่ารักมาก เป็นกระต่ายตัวน้อยสีขาว” ไม่พูดเปล่าแม่งยังหมุนจอมือถือมาให้กูดูด้วย

   โอ๊ยยยยยยย แฟนอาร์ตส้นตีนอะไรของมันเนี่ย นี่ไม่เรียกกระต่ายแล้ว เรียกคอสเพลย์เรียกเลือด แล้วอะไรคือการที่ผมต้องใส่ขนฟูๆ เอาไว้ตรงตูดวะนั่น เล่นเอาอึ้งไปพักหนึ่ง นี่หนักกว่ากูเป็นต้นกะหล่ำปลีอีกนะเนี่ย

   “มันจะมีสักเรื่องมั้ยที่ผมเท่ๆ อ่ะ ไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้เลย” พูดไปก็บ่นไป จิ้มส้อมลงบนไข่ดาวเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ

   “มีเรื่องนึง คุณเท่มาก”

   “จริงดิ เอามาให้อ่านหน่อย”

   “เดี๋ยวส่งให้ แต่ช่วยกินข้าวก่อน” ต่างคนต่างวางมือถือ แล้วหันไปจดจ่อกับอาหารเช้าตรงหน้า

   ไอ้ยุคแม่งโคตรดี อยากด่ามันในหลายๆ เรื่องนะแต่ก็พบว่าไม่มีอะไรให้ด่าอยู่ดี ผมมองดูอาหารที่อีกฝ่ายทำจนเต็มโต๊ะ มันเป็นสิ่งที่ดูเรียบง่ายแต่มองเห็นถึงความใส่ใจ ไข่ดาวคนละฟอง มีไส้กรอก แฮม เบคอน ขนมปังปิ้งกับแยม แถมเจ้าตัวยังเทนมใส่แก้วเตรียมไว้ให้อีกต่างหาก

   สบายใจจนไม่อยากขยับไปไหนเลยเอาจริง

   หลังมื้อเช้าผ่านไป ผมอาสาล้างจานเป็นการตอบแทนสำหรับของกินประทังชีวิต ก่อนคนตัวสูงจะเป็นฝ่ายพากลับไปส่งที่ห้อง ระหว่างทางกูก็เพลินเลยครับ นั่งอ่านนิยาย

   เชี่ยยุคก็หามาได้เนาะ ในแท็ก #YukYinCouple มีนิยายเรื่องหนึ่งที่แปลกแหวกแนวจากเรื่องอื่น มันชื่อว่า No name เขียนโดย No name เออสัด ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก

   นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ต้องรับบทเป็นผู้ชายท้องได้ ทาสเซ็กซ์ กะหล่ำปลี หรือแม้แต่กระต่ายขาว แต่เรื่องนี้ผมเป็นถึง...

   นักโทษแหกคุก เอากับมันสิ!

   No name เล่าเรื่องราวของนักล่าฆ่าหัวที่มีรอยสักบนหลังคอว่า AC118 ตัวเลขพวกนี้เป็นรหัสลับ ไว้ใช้เรียกแทนชื่อของคนในองค์กร ในโลกนี้จะไม่มีใครรู้ชื่อจริงของกันและกัน การสั่งงานทุกอย่างจะเรียกด้วยรหัสประจำตัว ดูเหมือนว่าพระเอกของเรื่องจะเป็นไอ้ 118 นี่แหละ

   ส่วนตัวเอกอีกตัวหนึ่งอยู่ในคุก นั่นคือกูเอง

   คนเขียนจั่วหัวเอาไว้แล้วว่านี่ไม่ใช่นิยายรัก แต่ถึงจะไม่เป็นอย่างนั้นคนอ่านกลับเยอะมากเมื่อเทียบกับนิยายเขินๆ เรื่องอื่น

   “คุณว่าคนแต่งเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอ่ะ” ผมถามคนข้างๆ

   “ไม่รู้สิ ในโลกของคนอ่านกับคนเขียน ไม่มีใครรู้ความจริงหรือความลับของกันและกันทั้งหมดหรอก”

   “อือ เข้าใจแหละ แต่ผมชอบนะ อ่านจบไปแล้วสามตอน”

   “ไหนบอกไม่ชอบอ่านอะไรแบบนี้ไง”

   “นี่เป็นข้อยกเว้นเว้ย ถึงในเรื่องผมจะเป็นขี้คุกแต่ผมก็เท่มาก” ยืดอกอย่างภูมิใจ อยากโทรไปหาแม่แล้วเล่าถึงความปลื้มปริ่มที่เกิดขึ้นให้ฟังเลยจริงๆ

   “ถึงคอนโดคุณแล้ว” พอได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยแบบนั้นผมก็หน้ามุ่ยลงทันที

   ต้องกลับไปเหงาอีกตามเคย

   “คุณจะมาหาผมอีกมั้ย” ไม่อยากฟอร์มจัดแล้ว แม่งเหนื่อยว่ะ

   “ถ้าคุณอยากให้มาผมก็จะมา แต่ช่วงนี้เห็นทีว่าคงไม่ได้มากวน เพราะกลัวว่าสุดท้ายคุณจะไม่ได้งานเหมือนเมื่อคืน” เศร้าสลดไปอีก

   “เอาอย่างนั้นก็ได้”

   “ในห้องมีของกินที่ตุนเอาไว้เหลืออยู่มั้ย”

   “มีอยู่ ขอบคุณนะที่มาส่ง”

   “ยินดี”

   ผมเปิดประตูเดินลงไป สักพักก็มองดูรถยนต์สีดำขับห่างออกไปจนลับสายตา ถึงได้ดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง

   เวลาที่เหลือนี้ผมใช้มันทุ่มไปกับการแต่งเพลงตามคำสั่งของโปรดิวเซอร์ ซึ่งมันก็ไม่ได้แย่ ทำไปเพลินๆ มีบ้างที่ริวจะติดต่อมา ด้วยความที่ไม่อยากปฏิเสธให้เสียน้ำใจก็เลยรับและพูดคุยกันเล็กน้อย

   ไอ้เบิร์ดเองก็เดินทางถึงบ้านที่อเมกาตั้งแต่เมื่อคืน แถมแม่งยังทำตัวหน้าหมั่นไส้ด้วยการเซลฟี่กับเมียมาอวดอีกต่างหาก หน้าที่ผมเลยเป็นการส่งนิ้วกลางไปให้เป็นของขวัญการกลับบ้านของมันซะเลย

   ก๊อกๆๆ

   ประตูห้องถูกเคาะ ผมละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อย ใครมันมารบกวนตอนนี้วะ แปดโมงเช้า ช่วงเวลาที่คนอย่างไอ้ชยินยังไม่หลับไม่นอนเนื่องจากแต่งเพลงเพลินไปหน่อย ผมเป็นอย่างนี้เสมอ นอนไม่เป็นเวลา วันดีคือดีอยากออกมาจัดระเบียบชีวิตตัวเองบ้าง แต่ก็ทำได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ

   ผมย่างเท้าออกจากห้องนอน เพื่อเปิดประตูทักทายกับคนมาใหม่

   “โห คุณยังอยู่อ่ะ นึกว่าโดนเผาไปแล้ว”

   “คนครับไม่ใช่ศพ”

   คำทักทายกวนตีนๆ แบบนี้มีคนเดียวเท่านั้นแหละครับ ไอ้...สัด...ตะ...วัด

   แม่งเหี้ยที่สุดในประวัติศาสตร์นักเขียนแล้วเนี่ย

   ผมมองดูมือหนาตั้งแต่หัวจรดเท้า วันนี้คนตัวสูงสวมหมวกแก๊ปยี่ห้อ Moncler ใบเดียวกับที่ผมซื้อให้ ขณะสองมือถือถุงซุปเปอร์มาเก็ตเอาไว้พะรุงพะรัง เห็นแล้วก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที

   “เข้ามาข้างในก่อน แล้วไหนบอกว่าอีกหลายวันกว่าจะแวะมาไง นี่เพิ่งวันเดียวเองนะ”

   “ผมอยากฟัดคุณ”

   โอ๊ยไอ้เหี้ย ดูมันตอบครับ

   “แล้วนี่มีเงินเยอะเหรอ ถึงได้ซื้อนั่นซื้อนี่มาให้ตลอด”

   “มีเท่าที่พอจะเลี้ยงดูคุณได้แล้วกัน” ผมมองตามกายสูงที่หมุนตัวไปมาอย่างคล่องแคล่ว หยิบนั่นจับนี่ยัดใส่ตู้เย็น พวกอาหารสำเร็จรูปก็ใส่ไว้ในตู้เก็บอาหารแห้งอย่างเป็นระเบียบ มองดีๆ ชีวิตกูนี่เหมือนมีแม่เพิ่มอีกคน

   “ส่วนอันนี้ เล่มที่เพิ่งหามาได้” หลังจัดการกับของสดจนเสร็จ มือหนาก็ยื่นถุงใส่หนังสือเล่มหนึ่งมาให้

   “ยังมีอีกเหรอ” เอ่ยถามอย่างแปลกใจ

   ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเอาหนังสือมูราคามิมาให้เราเป็นประจำได้ แต่ไอ้ยุคคือคนที่สามารถทำลายความคิดนั้นลง

   “เล่มนี้หายากมาก”

   “นั่นแหละ หากยากแล้วทำไมถึงเอามาให้อีก”

   “ก็อยากให้”

   เอ่อ...มิมีอะไรจะพูด

   “วันนี้ผมอยู่ได้แป๊บเดียวนะ พอดีมีนัดกับ บ.ก.ไว้ ต้องเข้าไปคุยงานที่ออฟฟิศ”

   “อือ”

   “ดูแลตัวเองด้วย” ไอ้ยุควางมือลงบนหัวของผมก่อนจะขยี้เบาๆ ไปมา

   “รู้แล้ว”

   “กินข้าวให้ตรงเวลา”

   “สั่งอีก”

   “แล้วอย่านอนดึก”

   “นอนดึกที่ไหน ผมนอนเช้า”

   “ปรับเวลานอนใหม่ ก็รู้อยู่ว่าผมเป็นห่วง”

   “...” ฮือ ซึ้งฉิบหาย

   “กลัวคุณจะไม่ได้ตายแก่ เสียดายแย่เลย” ไอ้เหี้ย! หมดกันอารมณ์ที่กูพล่ามไป ทว่าเสียงทุ้มก็ยังคงถามต่อไม่หยุดหย่อน “พรุ่งนี้ตอนเย็นคุณว่างมั้ย ผมจะแวะมาหาที่ห้อง”

   “ว่าง ทำไมเหรอ” จริงๆ จะว่างหรือเปล่าก็ไม่มีผลต่อไอ้ยุคอยู่แล้วมั้ง ทำตัวอย่างกับวิญญาณ คิดจะมาก็มา จะไปก็ไปเหมือนทุกทีนั่นแหละ

   “ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก”

   “เรื่องอะไร”

   “ไว้รอพรุ่งนี้แล้วกัน ฝันดีนะเด็กน้อย” จากนั้นร่างกายของผมก็ถูกอีกฝ่ายพุ่งจู่โจมอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของเราประกบกันชั่วครู่ก่อนผละออก นับดูแล้วคงเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่กลับทำเอาใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

   ไอ้ยุคยิ้มให้ ก่อนหมุนตัวเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงผมที่เอาแต่ตั้งคำถามอยู่ในใจ

   มึงทำแบบนี้กูจะนอนหลับลงไอ้ไง ไอ้เวรรรรรรร











   Rrrrr..!

   โทรศัพท์มือถือของผมแผดเสียงร้องไม่หยุดหย่อน ขณะเจ้าของเตียงอย่างกูนั้นกำลังฝันหวานไปกับโลกในจินตนาการของตัวเองอยู่ คือถ้าโทรมาแล้วไม่มีสาระอะไรกูจะสาปแช่งให้

   ผมเอื้อมมือไปบนหัวเตียง หยิบเอามือถือขึ้นมาดูลวกๆ หน้าจอตอนนี้กำลังปรากฏรายชื่อของคนคุ้นเคยคนหนึ่งซึ่งก็คือไอ้ริว นี่ถือเป็นเรื่องปกติเหมือนกันเพราะมันเล่นโทรหากูทุกวันไม่มีขาด แต่ผมก็ยังใช้วิธีจู่โจมเข้าประเด็นอย่างรวดเร็วจะได้ไม่เสียเวลาคุยกันยาวๆ อีก

   เราเป็นแค่เพื่อน และผมคิดเสมอว่าไม่อยากคุยกับใครหลายคนพร้อมกัน

   เดี๋ยวดูวันนี้ครับว่ามันจะโทรมาคุยเรื่องอะไรอีก

   “ฮัลโหลลลลล” ผมกรอกเสียงยานคางของตัวเองลงไป

   [ชยิน ยังไม่ตื่นอีกเหรอ] ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีจนรู้สึกได้

   “มีมึงนี่แหละที่โทรมาปลุกกูเนี่ย”

   [โทษทีพอดีว่ากูดีใจไปหน่อย คือมีข่าวดีจะบอกเว้ย วันนี้หัวข้อวิจัยกูผ่านแล้วนะ]

   “อ้าวเหรอ ยินดีด้วยว่ะ” แม้ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันสำคัญแค่ไหน แต่ในใจลึกๆ ก็รู้สึกดีเหมือนกันที่เพื่อนคนหนึ่งก้าวเข้าใกล้กับความสำเร็จมากขึ้นทุกที

   [อือ กูเลยอยากชวนมึงมาดูหนังฉลองกันหน่อย]

   “เอ่อคือ...” งานเข้าแล้วมึ้ง

   [คราวนี้มีเพื่อนหมอในกลุ่มกูมาด้วยเว้ย ดูกันหลายคนสนุกดี] ถึงจะไม่ใช่สองต่อสองก็เถอะ แต่มันก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ดี อีกอย่างวันนี้ผมก็มีนัดแล้วด้วย

   “โทษทีว่ะริว กูมีนัดกับยุคอ่ะ อาจจะไปกับมึงไม่ได้”

   [มึงมีนัดกี่โมง]

   “ช่วงเย็นๆ”

   [เฮ้ยได้ เราดูหนังรอบบ่ายสองโมง พอจบแล้วเดี๋ยวกูรีบพามึงกลับมาส่งเลย รับรองทันแน่นอน]

   “...”

   [มาเถอะ กูอยากให้มึงอยู่ในวันนี้จริงๆ ว่ะ]

   เห็นผมเงียบไปนาน ไอ้หมอมันก็รัวพลังอ้อนใส่กูสุดฤทธิ์ แล้วมีเหรอที่คนใจอ่อนอย่างผมจะปฏิเสธได้ลงคอ สุดท้ายก็จำต้องลากสังขารลุกออกจากเตียง แล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัว หาเสื้อผ้าสบายๆ สำหรับใส่ไปพบปะเพื่อนฝูง ก่อนไอ้ริวจะอาสามารับถึงใต้คอนโด

   ระหว่างทางก็ไม่ลืมต่อสายหาไอ้ยุคไปด้วย ผมไม่อยากให้แม่งรู้สึกไม่ดีเวลาต้องรอผมนานๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่ายอยู่ดี

   เดาว่าแบตมือถือคงหมด หรือไม่สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดหายไป แต่มันยิ่งสร้างความกระวนกระวายขึ้นในใจผมอีกเป็นเท่าตัว

   เราไปถึงห้างในยี่สิบนาทีต่อมา แต่กว่าจะรวมตัวเพื่อนของไอ้ริวก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง แถมที่หนักกว่านั้นคือทุกคนบ่นหิวกระปอดกระแปด ผมเลยจำต้องตามแก๊งหมอเข้าไปในร้านอาหาร จัดการหาอะไรรองท้องเสร็จสรรพเวลาก็ปาไปเกือบบ่ายสองโมงแล้ว

   แถมซวยซ้ำซวยซ้อนไปอีกต่อหนึ่งก็คือเพื่อนของไอ้ริวที่อาสาไปซื้อตั๋วดันจัดรอบมาซะห้าโมงครึ่ง เพื่อที่จะได้หาเรื่องให้ทุกคนมีเวลาเดินเล่นอ้อร้อสาวอะไรก็ว่าไป

   เหงื่อผมแตกพลั่ก หยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาไอ้ยุคครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าผลลัพธ์ที่ตอบกลับมาก็ยังคงเหมือนเดิม
 
   “ริว กูขอตัวกลับก่อนได้มั้ยวะ” สูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย แล้วตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด

   คนตัวสูงกว่าหันมามองนิ่งๆ หากแต่แววตากลับเจือไปด้วยความเศร้าจนกูรู้สึกผิด คือผมนัดกับไอ้ยุคไว้แล้ว และผมก็แคร์มันมากด้วย ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องรอนาน ไม่อยากผิดนัดอะไรอีกแล้ว

   “มึงไม่ดูหนังเหรอ คือ...เราตกลงกันแล้วไง”

   “แต่ยุคไม่รับโทรศัพท์ กูกลัวว่ามันจะรอ”

   “มันอาจจะมีเรื่องยุ่งอะไรก็ได้ เอางี้ส่งไลน์ไปหามันสิ เผื่อแม่งเห็นจะได้ไม่มาก่อนเวลา”

   “กูส่งไปแล้ว แต่มันไม่อ่าน”

   “เพื่อนๆ ครับ ได้เวลาดูหนังแล้ว รีบเข้าไปเถอะ” เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากระหน้าผาก เมื่อใครคนหนึ่งพูดขึ้นและผมถูกมือของไอ้ริวรั้งให้เดินตามเข้าไปโดยไม่สามารถปฏิเสธได้

   ใช่! ผมต้องดูหนัง ผมต้องดูทั้งที่ไม่มีสมาธิเลยสักนิดเพราะมัวแต่พะวงถึงใครอีกคน

   กว่าหนังจะจบก็ปาไปเกือบสองทุ่ม ไอ้ริวเห็นความร้อนรนของผมจึงอาสารีบขับรถพาไปส่ง แถมไม่ได้ส่งแค่ข้างล่างไง แม่งเล่นตามขึ้นมาถึงหน้าห้องด้วย

   “ยุค...”

   ภาพที่เห็นหลังเดินออกจากลิฟต์ ทำเอาหัวใจทั้งดวงร่วงลงไปกองอยู่ตรงตาตุ่ม

   ไอ้ยุคนั่งอยู่ตรงนั้น ที่หน้าห้องของผมและตอนนี้มันก็กำลังหันมามองผมกับไอ้ริวด้วยใบหน้านิ่งเฉย ผมอยากร้องไห้ แต่น้ำตาไม่ไหลลงมาสักหยด

   “กูกลับก่อนนะชยิน”

   “อืม” ไอ้ริวบอกก่อนเดินผละออกไปอีกทาง ทิ้งผมไว้กับใครอีกคน ท่ามกลางความอึดอัดที่แผ่รังสีออกมาจนทั่วพื้นที่

   ผมเดินเข้าไปประชิดกับกายสูง มองดูเจ้าตัวค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียบ มันเงียบซะจนรู้สึกโหวงอยู่ในอก

   “รอนานมั้ย” ถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

   “ไม่นาน” ยุคตอบสั้นๆ

   “กี่โมง”

   “ทำไม”

   “กี่โมง”

   “สี่”

   “ผม...ผมโทรหาคุณแล้วแต่ก็ไม่ติด ส่งข้อความหาก็ไม่อ่าน วันนี้ริวมันบังเอิญชวนออกไปดูหนังกับเพื่อนๆ แล้วคือ...” ยังไม่ทันพูดจนจบประโยค ก็ถูกอีกฝ่ายแทรกขึ้นมาทันที

   “ผมบอกว่าชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ ไม่ว่าจะข้อเสียอะไรก็ช่างผมมองมันเป็นเรื่องดีเสมอ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ ทำไมวะชยิน แค่บอกว่าไม่ชอบก็จบเรื่อง ผมไม่ได้ขอให้คุณรับผิดชอบความรู้สึกของผมสักนิดเลยด้วยซ้ำ”

   “...”

   “ทุกอย่างที่คุณอยากได้ แค่บอกมาผมก็ให้ได้ทุกอย่าง แต่ถ้าอย่างไหนที่ให้ไปแล้วคุณไม่ต้องการก็แค่พูดออกมาตรงๆ มันไม่มีอะไรที่เข้าใจยากหรอก”

   “หมายความว่าไง”

   “คุณคุยกับไอ้ริว คุณไม่ผิด คุณไม่ผิดที่จะคุยกับใครหลายคนแต่ควรจะบอกผมด้วย”

   “เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว”

   “ผิดยังไง สิ่งที่ผมเห็นอยู่มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ”

   “คุณกำลังคิดเองเออเองอยู่นะ ช่วยฟังผมอธิบายก่อน” ความรู้สึกตอนนี้มันตื้อไปหมด เจ็บจนไม่รู้จะพูดยังไง

   “งั้นบอกผมสิ ทำไมคุณถึงไปกับมัน” ยุคที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่เหมือนคนที่ผมเคยเห็น ซึ่งผมกลัวว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเปลี่ยนเขาไป กลัวว่าจะสูญเสียบางอย่างที่สำคัญในชีวิต กลัวจนอยากร้องไห้...

   “ริวแค่อยากฉลองเพราะหัวข้อวิจัยผ่าน”

   “คุณก็เลยไป”

   “ใช่”

   “คุณไปทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผมจะมาหาคุณ คุณรู้อยู่แล้วแต่ไม่ยอมปฏิเสธมันไปตรงๆ”

   คราวนี้ผมพูดไม่ออก

   “ผมไม่ได้อยากแข่งกับใคร คุณเองก็คงอึดอัดเหมือนกันใช่มั้ย คุณสับสนผมรู้ หลายครั้งที่ผมโยนความไม่สบายใจมาให้ โยนคำว่าชอบมาให้ บางทีคุณอาจไม่ต้องเหนื่อยถ้าผมไม่พยายามยัดเยียดอะไรก็ตามให้คุณอีก”

   ผมเงยหน้ามองใบหน้าคม จ้องมองลึกไปยังดวงตาคู่นั้นพลางกัดฟันถาม

   “หมายความว่าไง คุณจะทิ้งผมเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย คุณจะล้มเลิกความตั้งใจทุกอย่างทั้งหมดเลยใช่มั้ย”

   “...”

   “ถ้าใช่ก็ไปเลย ในเมื่อคุณไม่ฟังก็ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก”

   ความเงียบเกาะกุมไปทั่วพื้นที่

   เราต่างสังเกตปฏิกิริยาของกันและกัน นานเหลือเกินกว่าเขาจะตอบ

   “ความจริงแล้วรักมันก็ไม่มีอะไรยากหรอก แต่เรื่องระหว่างคุณกับผมมันคงเป็นไปได้ยากจริงๆ” คนตรงหน้าหยุดพูดไปอึดใจหนึ่ง ก่อนยื่นมือไปหยิบถุงหนังสือที่แขวนไว้ตรงประตูขึ้นมายัดใส่กระเป๋าเป้ส่วนตัว

   “...”

   “อือ ผมจะไป”

   เราแทบไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เห็นผ่านม่านสายตามีเพียงผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งกำลังเดินห่างออกไปไกลเรื่อยๆ เรื่อยๆ ภาพที่แสนชัดเจนในคราแรกเริ่มพร่ามัวไปทีละนิดเนื่องจากน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ตรงขอบ

   มีอะไรหลายอย่างที่ผมอยากพูดออกไป อะไรหลายอย่างที่อยากอธิบายให้ฟัง แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะปฏิเสธมันแล้ว ก็สมควรที่ทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้

   แต่ผมเจ็บ ผมเจ็บที่ใช้เวลาค้นหาตัวเองอยู่พักใหญ่ ความจริงแล้วผมรู้สึกยังไงกับคนๆ นี้กันแน่

   กระทั่งได้คำตอบ

   ผมรักเขา

   ทว่าเวลานี้ เขาไม่ได้อยู่ให้บอกรักอีกต่อไป...




อ่อม...
 :a5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 01-06-2018 20:30:30
เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Slotjai ที่ 01-06-2018 20:30:54
ทำไมทิ้งกันไว้กลางทางงี้ค้างคาฮื้อ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-06-2018 20:46:58
ไม่นะ อะไรเนี่ย จะไม่ฟังกันหน่อยหรอ ใจร้อนไปนะ :ling1:

แต่ชยินคงรู้ใจตัวเองแล้ว เอาตัวเข้าแลกเลยลูก555 :z13:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 01-06-2018 21:14:01
อยากบอกว่าสมน้ำหน้าชยิน ที่ไม่พยายามเข้าใจอะไรเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 01-06-2018 21:16:02
 :katai1: งื้อ ดราม่าอีกแล้ว สงสารทั้ง 2 ฝ่าย ทำไมหนูไม่พูดไปว่ารักเขาชยิน ใจดีไปทั่ว เจ็บเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-06-2018 21:38:15
โอยย หมอริวอีกแล้วว ตัวการขัดขวางจริง ที่ยุคนัดชยินจะบอกเรื่องหมีใหญ่หรือเปล่า แงงง สงสารร
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-06-2018 21:41:26
เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-06-2018 21:56:37
เอ้า มาม่าเฉยเลย จะโทษใครดีแต่ยุคก้น่าจะฟังบ้าง รักชยินมากไมไม่ฟังชยินเลย ใจร้ายเกินไป ถึงชยินจะไปกลับคนอื่นแต่นะความเชื่อใจไม่มีเลยเหรอ คงต้องปรับกันอีกเยอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 01-06-2018 21:59:01
เหตุการณ์นี้ คงทำให้ชยินโตขึ้น สงสารนะแต่ก็สมควรแล้วที่ยุคจะโกธร รอดูชยินจะมองเห็นปัญหาและหาทางแก้ได้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 01-06-2018 22:06:02
ถ้าเราเป็นยุค เจอแบบนี้เราก็ถอยอ่ะ ชยินตามใจริวเพราะอะไรเหรอ เกรงใจ? รู้ทั้งรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดูยังไงก็ให้ความหวังอ่ะ แล้วยังมีหน้ามาพูดว่ายุคไม่ฟังอะไรอีก ถามจริงถ้าอธิบายได้ จะอธิบายว่าอะไรเหรอ? เฮ้อ แถมขอโทษซักคำยังไม่มี

คนรอน่ะ ในระหว่างที่รอมันคิดไปสารพัด จนได้บทสรุปกับสิ่งที่เห็นตำตา มันคงไม่อยู่ฟังอะไรอีกแล้ว เพราะอย่างนั้นก็ สนน.นะ ลาก่อยชยิน เราทีมยุค :beat:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดน้อยแฟนแมวโหด ที่ 01-06-2018 22:09:30
ไม่ชอบริวเลย เกลียด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 01-06-2018 22:15:06
ตู้มมมม!! นี่เรียกว่าระเบิดลงได้มั้ย
หน้าเจื่อน ยิ้มไม่ออกกันเลยทีเดียว  :a5: o22 o22
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 01-06-2018 22:35:23
 :katai1:.
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 01-06-2018 22:42:02
รู้ตัวแล้วว่ารักเค้า ก็รีบตามไปบอกเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 01-06-2018 22:47:39
ชยินนี่ปากก็มีไม่พูดให้ชัดๆ อ้ำอึ้งให้ความหวังอิริวไปอีก :z6: สมควรจริงๆที่ยุคจะปล่อยมือ ชยินแคร์คนที่ตัวเองคิดว่ารักน้อยเกินไปจริงๆจนบางทีเราก็คิดเหมือนยุคนะว่าชยินเผื่อใจให้อิริว งั้นก็ขอให้รักกันไปเลยข่ะ ส่วนพี่ยุคเราจะดูแลหัวใจให้เอง คนดีๆแบบพี่ยุคไม่เหมาะกับคนโลเลแบบชยินหรอก #ทีมยุค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-06-2018 23:05:14
 :a5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 01-06-2018 23:17:46
ม่าชามโตเลย โอ้ยยยยยยยยยย
อินังริววววววว  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 01-06-2018 23:20:09
ทำตัวเองทั้งนั้น ชยินเนี่ยเป็นคนที่มีนิสัยที่โคตรน่ามคาน
พูดได้คำเดียว "สมน้ำหน้า"
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 01-06-2018 23:25:33
ใจเย็นๆนะค่อยๆคุยกัน
ต้องรับฟังกันทั้งสองฝ่ายนะ
ยุคแค่ยังไม่มั่นใจในตัวชยิน เลยคิดมาก (เป็นเราก็คิด)
ส่วนชยินนางใจอ่อน ขี้เกรงใจมากไปหน่อย นางเลยไม่มีความหนักแน่นในการปฏิเสธคน(อย่างริว)
#รีบเข้าใจกันไวๆเน้อ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 01-06-2018 23:46:32
ดิฮั้นว่าแล้ววว่า(ไอ้)หมอริวต้องทำให้เสียเรื่อง
แล้วนี้มันอะไร๊ อะไรก๊านนนน กลับมาคุยกันก๊อนนน  :undecided: :undecided:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-06-2018 00:08:05
 :เฮ้อ:


ไม่หนักแน่นเอง เห้ออออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 02-06-2018 00:14:48
  :pig4:
 แปลก นะ แปลกใจกับความคิดของยุคพาร์ทนี้
คือตอนแรกยังคิดว่ายุคเข้าใจความเป็นชยินซะอีก  แต่แล้วกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้

เอาจริงนะ นี่ไม่คิดว่าชยินผิดอะไร
เพราะถ้ามองตามนิสัยแล้ว  การคุยทีละหลายคนไม่น่าจะใช่นิสัยชยิน
 ..คือ นี่เป็นความรักที่ไม่ได้เกิดนานแล้วงัย   ..ยิ่งถ้าเป็นเพศเดียวกันยิ่งแล้วใหญ่ ...
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 02-06-2018 01:22:13
หัวใจมักวุ่นวาย (เป็นบางครั้ง) ได้ แต่อย่านาน

รีบปรับความเข้าใจกันนะ
หวังว่า ชยินจะไม่ให้โอกาสริว
ไม่งั้น...
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-06-2018 02:49:14
จะไปไงต่อดีล่ะเนี่ย ยินเอ่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 02-06-2018 04:49:13
เข้าใจทั้งคู่ และเอาใจช่วยทั้งคู่
อยากอ่านต่อฮื่อออออออออออ
เอาใจช่วยให้น้องผ่านไปได้ ตอนนี้หล่ยอารมณ์มาก
ตอนที่ชอบคือชยินงอแงเกาะหลังเพื่อน
นึกหน้าน้องยุคออกเลย ต้องทำหน้าเอ็นดูแค่ไหนกัน

ไม่อยากกดดันเลยยยยยย แต่มาต่อไวๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-06-2018 09:43:56
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 02-06-2018 10:32:00
เราว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ ทำไมยุคถึงไม่ฟังแล้วยอมปล่อยมือไปง่ายๆ ฮือออออ มาม่าชามโตเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 02-06-2018 10:41:16
มาอ่านตอนกำลังจะขึ้นเขียงทำฟัน คุณหมอถามเลยค่ะว่ากลัวหรอ ร้องไห้ทำไม ฮรุก แต่เราว่าริวไม่ผิดนะคะที่จะพยายามทำคะแนนกับชยิน แต่คนไม่รักก็คือไม่รัก บอกแล้วให้มาหาน้อง ไปทำบ้านเขาแตกอีกคุณพี่
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 02-06-2018 11:30:34
ยุคอย่านะอย่าหันหลังให้ชยินอย่างนี้เราร้องไห้หนักมากตอนแรกเขินตัวบิดตอนท้ายน้ำตาท่วมเลยกลับมาคุยกันก่อน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-06-2018 14:01:34
ยุคกลับมาก่อน...
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 02-06-2018 14:44:53
เราว่าตอนนี้ชยินผิดเต็มๆนะ เราเข้าใจในการกระทำของชยิน แต่ความไม่เด็ดขาดไม่กล้าปฎิเสธริวให้ชัดเจนก็เลยกลายเป็นความผิดพลาด แต่ก็ทำให้ชยินเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ในเมื่อรู้ใจตัวเองแล้วก็ต้องกล้าๆหน่อยแล้วล่ะ ไปง้อสิค่ะอย่ารอไปพูดให้ยุคฟังตรงๆ ในเมื่อยุคเป็นคนตรงๆพูดตรงแสดงออกอย่างชัดเจนทุกการกระทำ ถ้าชยินมีความกล้าที่จะพุ่งชนเอาความรู้สึกทุ่มใส่ยังไงยุคก็หนีไม่พ้นหรอก ถึงเวลาที่ชยินต้องทำอะไรให้ยุคบ้างแล้วนะค่ะ
รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ ไม่ต้องดราม่าเยอะนะเรารู้ว่าคุณถนัดเรื่องบีบอารมณ์คนอ่านแต่เว้นเรื่องนี้ไว้สักเรื่องเถอะนะ please~
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-06-2018 16:41:08
ทำไมชยินทำแบบนี้ :a5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 02-06-2018 20:09:57
จะร้องไห้ตามชยินแล้วเนี่ย ยุคกลับมาก่อน
โอ๊ยสงสารน้อง เศร้าอ่ะ ทำไมต้องเป็นแบบนี้
ริวคงคิดจะมากวนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 02-06-2018 20:45:48
โอ๊ยยยยยยยย ฮือออออออออ
อธิบายอารมณ์ไม่ถูกเลย ตอนนี้หลายอารมณ์มาก ทั้งน่ารัก อบอุ่น ละมุน  น่าหมั่นไส้ หน่วงใจ ฮืออออ
กำลังไปกันได้ดีอยู่เลย เอาจริงๆความใจดี ใจอ่อนของชยินเนี่ย สำคัญเลย
เราไม่อยากให้คนที่เราชอบไปใจดีกับคนอื่นหรอกนะ ยิ่งเฉพาะคนที่มาจีบเจ้าตัวเนี่ยยยยย
เข้าใจความรู้สึกยุคเลย คือรักชยินมาก แต่พอมาเจอแบบนี้ มันเหมือนความพยายามมาทั้งหมดกลายเป็นศูนย์
แล้วด้วยอารมณ์เสียใจของชยิน ก็ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจกันไปอีก รู้สึกยังไงดันไม่บอกเขาไปก่อนเขาจะเดินจากไป
คนเราน่ะ ชอบคิดไปเองกันทั้งนั้น ถ้าไม่สื่อให้รู้กันตรงๆบางทีก็เข้าใจคนละทางกันไปเลย
ส่วนริวก็อย่างว่า มาจีบเขาก็เห็นแก่ตัวแบบนี้ ต้องการเห็นเขาแตกหักกันอยู่แล้ว เฮ้อออออ
เป็นกำลังใจให้ทั้งยุคและชยิน รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Seeetnott ที่ 02-06-2018 23:05:40
สงสารทั้งคู่เลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 03-06-2018 01:02:44
ชยิน งานนี้เธอผิดเต็มๆเลยนะ ไปง้อน้องยุคของฉันเดี๋ยวนี้!!!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 03-06-2018 15:41:04
ชยินยังไม่ได้ตอบยุคเลยว่าดีใจเหมือนกันที่ได้ชอบยุค....ตรงนี้ด้วยรึเปล่าที่เป็นจุดชนวน

ในขณะที่ยุคทั้งชอบจนกลายเป็นรักชยิน 
แต่ชยินยังคิดว่าที่ชอบยุคมากกว่าริวเพราะถูกยุคบอกชอบก่อน  แล้วชยินยังไปให้โอกาสริวด้วยคำถามงี่เง่าว่ารอได้ไหม....อ่านแล้ว  เป็นคนโลเลมาก  ไม่ใช่สับสนหรอก... ความรักกับการให้โอกาสลองใช้ชีวิตเพื่อเลือก  คนละอันกัน
นี้ชยิน  กำลังใช้ชีวิต  เพื่อจะเลือกใครสักคนมาอยู่ด้วย.... ไม่ใช่ความรัก  เป็นแค่ความเหงา

เพื่อน(ไม่สนิท) กับคนรัก  ชยินยังแยกไม่ออก
ไม่รู้จะเกรงใจอะไรริวกันนัก  ขอเงินริวมันใช้เหรอ
อ่านแล้วรำคาญชยินมาก  แล้วก็อยากถีบริวด้วย  เห็นแก่ตัวมาก  ชยินคงดีใจที่ได้คนแบบนี้มาเป็นเพื่อน... พวกหน้าซื่อ ตาใส

ใครไม่โดนแบบยุค  ไม่รู้หรอก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Tampopo ที่ 03-06-2018 16:01:20
 :m15: งือววววววววววววว กลับมาก่อนนนนน กลับมาฟังชยินก่อนนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 03-06-2018 20:16:40
โอ้โหวว นาทีนี้ :katai1: มารอตั้งนานพอกลับมาดันมากับคนอื่น ใครไม่เป็นยุคก็เข้าใจอ่ะเอาสิ เรื่องมันต้องออกแบบนี้หล่ะ ยุคต้องหันหลังกลับถูกแล้ว  :m16: ไปก่อนล่ะกัน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: qxrb ที่ 03-06-2018 22:20:34
เราเคยเป็นแบบยุค เป็นคนที่ชอบเขาข้างเดียว อย่าว่าทำไมยุคไม่ฟังเลย คนที่ชอบข้าเดียวเห็นเขาไปกับคนอื่นแบบนั้น พูดตรงๆเลยมันเสียใจ ต่อให้เหตุผลมันคืออะไรก็เถอะ //ไรท์เขียนดีนะ ชอบมาก เป็นเนื้อเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆ บีบหัวใจหน่อยๆ //พี่ยุคสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 04-06-2018 11:12:25
โอย อึดอัดมาก
เราว่าชยินดูไม่เด็ดขาดเอาเลย โอเครอาจจะไม่ได้คบกันไม่ได้เป็นแฟนกัน
แต่คือบอกยุคไปแล้วไงว่าชอบอะ ชัดเจนหน่อยดิวะ สงสารยุคอ่า :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-06-2018 11:17:23
เรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ ก็เข้าใจว่าริวก็อยากให้มาร่วมฉลอง แต่ชยินก็บอกปัดไปคราวหน้าก็ได้นะ
ใจไม่แข็งพอก็นะ เรื่องถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ยุคก็น่าจะฟังชยินมากกว่านี้หน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 04-06-2018 13:06:57
เอ้า เรื่องนี้เราว่าชยินทำตัวเองนะ :hao4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 04-06-2018 13:36:56
เราเคยเจอเหตุการณ์เดียวกับยุคเลยคือบอกไม่มีอะไรแต่ให้เรารอแล้วก็ไปกับคนอื่น  โกรธชยินเลยแต่จะหายโกรธถ้าชยินขอยุคเป็นแฟนนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: Star06 ที่ 05-06-2018 12:40:43
ทำไมนี่อ่านละเข้าใจชยินกันนะ แล้วไม่เข้าใจยุคแทน คือมันดูเหมือนยุคเป็นฝ่ายวิ่งตาม แต่เราว่าไม่อะ ชยินก็วิ่งตามเหมือนกัน เพราะอ่านพาร์ทชยินทีไร รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกทดสอบความรู้สึกอะ อ่านพาร์ทยุคก็เห็นชัดนะว่ายุคชอบทำให้ชยินใจเสียบ่อยมาก ใครว่าชยินงี่เง่าก็แล้วแต่ แต่ต้องเข้าใจเว้ยว่านางไม่คิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชายได้ไง นางเถียงกับความรู้สึกตัวเองกว่าจะยอมรับก็นานิยู่นะ แต่พอยอมรับได้ เอ้า เสือกมีอีกคนมาบอกชอบเฉย แล้วคนที่กว่าเราจะยอมรับความรู้สึกตัวเองว่าชอบเขาก็ดันมาไม่เข้าใจเฉย นี่ก็เลยอ่านแล้วรู้สึกว่าชยินไม่ได้งี่เง่าหรือโลเลอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 05-06-2018 13:20:30
ฮรืออออออออออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 06-06-2018 01:26:28
ความไม่ชัดเจนนี่มันเจ็บปวดจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 06-06-2018 22:52:53
อยากอ่านต่อค่ะ
อยากปลดความอึดอัด หรือจะอึดอัดกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-06-2018 11:38:14
เฮ้อออ ตอนนี้ขัดใจกับชยินมากอะเอาจริงทำไมถึงได้เป็นคนใจอ่อนไม่เด็ดขาดขนาดนี้ แทนที่พอรู้ว่าเวลาดูหนังมันเป็นช่วงเย็นแล้วจะตัดสินใจกลับบอกปัดไปให้เด็ดขาด กลับมาทำอ้ำอึ้งลังเลอยู่ได้ คืออะไรเหรอ เออเป็นเราเราก็โกรธอะ เหมือนชยินแคร์ริวทั้งๆที่ควรจะแคร์ยุคมากกว่ามั้ยอะ จะทำอะไรคิดถึงใจเขาใจเราหน่อยทีตอนยุคมองผู้ชายคนอื่นที่สนามบินชยินยังเสียงแข็งใส่เลยแล้วยุคที่เห็นว่าชยินไปกับริวละจะรู้สึกยังไง ตอนนี้ไม่เห็นใจชยินสักนิดออกจะหงุดหงิดน่ารำคาญด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 07-06-2018 15:57:09
เราไม่ชอบคนโลเลหลายใจ ไม่เด็ดขาดไม่ชัดเจน
คือนัดกับยุคไว้ถึงเวลาต้องไปดิ ต้องรู้จักปฏิเสธนะ ที่ชวินไม่ปฏิเสธริว คงเะราะเห็นยุคเป็นของตายที่จะไปหา อธิบายยังไงก็ได้ใช่ไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 07-06-2018 16:01:38
ประเด้นของเรามีนิดเดียวคือเรื่องเวลา ถ้ามันเลยเวลานัดแล้วจะเกรงใจไปอีกทำไม ทำไมไม่นึกถึงอีกคนที่คุณนัดไว้ในเวลาเดียวกันว่าเขาจะรู้สึกยังไง คิดให้ดีว่าสุดท้ายคุณแคร์ใครมากกว่า
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่11 [01/06/61] *หน้า24
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-06-2018 19:12:23
รอชยินไปง้อยุคนะ กลับคนอื่นทำไมใจแข็ง
พอมียุคแล้วทำไมใจอ่อนกับคนอื่นไปทั่ว
สงสารใจยุคมาก กว่าจะเปิดใจ กว่าจะเจอ

สำหรับริว ไม่มีคอมเมนท์ใดๆ ที่ดีกว่าคำว่า แย่
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 11-06-2018 22:39:50


ตอนที่ 12
Find yourself and grow



   ตอนนี้ยุคอาจจะโกรธมาก มันคงไม่อยากคุยกับผมหรือเจอหน้ากันอีกแล้ว

   ใช่ ผมปากพล่อยเองที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะรู้สึกทนไม่ได้ตอนที่ได้ยินว่าเขาจะไม่ทำทุกอย่างเพื่อผมอีกแล้ว มันเหมือนตัวเรากำลังถูกลดความสำคัญ ผมโคตรจะเห็นแก่ตัว พอได้รับทุกอย่างจากอีกฝ่ายผมก็ยิ่งคาดหวังว่าจะยังได้รับมันเหมือนเดิมหรือมากกว่า

   ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งหากเขาไม่หยิบยื่นทุกอย่างให้แล้วผมจะเป็นยังไง

   ยุคเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันหลังกลับ ภาพที่แสนเลือนรางสุดท้ายก็จางหายไป เหลือตัวผมเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงประตู บางที...เราอาจต้องการเวลาสำหรับทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะจบลงหรือไปต่อข้างหน้าผมก็พร้อมจะยอมรับ

   ลูกบิดประตูถูกหมุน ผมก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง มองดูความจำเจของชีวิตด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ที่ผ่านมาผมก็ใช้ชีวิตแบบเดิมมาตลอด หากแต่วันนี้ในใจกลับว้าวุ่นจนไม่สามารถจัดการได้

   “ทุกอย่างยังเหมือนเดิม” เอ่ยบอกกับตัวเอง

   โต๊ะกินข้าวตัวเดิม ตู้เย็นหลังเดิม ข้าวของทุกอย่างก็ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน แต่ทำไม...ความรู้สึกของผมถึงได้เปลี่ยนไป

   ผมทำลายความฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวด้วยการอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาเพื่อขจัดความรู้สึกแย่ๆ ออกให้หมด ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียง มือข้างหนึ่งคว้ามือถือเอาไว้ จากนั้นก็กดเลื่อนดูข้อความจากไลน์

   มีแจ้งเตือนหนึ่งถูกส่งมาเมื่อสิบห้านาทีก่อน แล้วความมัวหมองที่เกาะกุมใจในคราแรกก็สลายหายไป เมื่อชื่อของผู้ส่งนั้นเป็นคนที่ผมคิดถึงมากที่สุด

   
   ‘ขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ แต่ลืมไว้ที่ห้องจริงๆ’


   นี่เลยเป็นสาเหตุที่ผมไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้ ปกติยุคไม่ใช่คนขี้ลืม ผมไม่รู้เหตุผลสำหรับการลืมในครั้งนี้ แต่หวังเหลือเกินว่าเขาจะไม่รีบมาหาผมเกินไปจนลืมหมดทุกอย่าง ถ้าเป็นอย่างนั้น...

   ผมจะทำยังไง

   ทว่าสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวและพอจะทำได้ในตอนนี้ไม่ใช่การถามหาเหตุผลข้ออื่น แต่เป็นการส่งความรู้สึกของตัวเองออกไปตรงๆ
   

   ‘ยุค ที่พูดออกไป...ขอโทษนะ’


   ผมมีอะไรอยากบอกกับเขาเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ก็ยังรอว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมายังไง ไม่คิดเลยว่าหลังส่งไปแล้ว นอกจากไม่ได้รับการตอบกลับ ยุคยังไม่แม้แต่จะเปิดอ่านมันด้วยซ้ำ

   แน่นอนว่าผมคงนอนไม่หลับแน่ถ้าทุกอย่างยังค้างคาอยู่แบบนี้ เอาแต่พลิกตัวไปมาบนเตียง หยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงคืน ผมยังรอคำตอบอย่างใจจดจ่อ

   ไม่ใช่ว่าบล็อกกันไปแล้วหรอกนะ

   ตีหนึ่ง...ตีสอง...ตีสาม...

   ร่างกายไม่ได้รู้สึกง่วงเลยสักนิด ดวงตาสองข้างยังคงสว่างใสแจ๋ว เนื่องจากกำลังคาดหวังว่าจะได้อ่านข้อความจากใครอีกคน

   แต่ไม่มี

   ไม่รู้ว่าเผลอหลับคาเตียงไปตั้งแต่ตอนไหน กว่าจะสะดุ้งตื่นอีกทีเวลาก็ปาไปเกือบแปดโมงแล้ว ผมรู้สึกปวดขมับเล็กน้อย เลยเดินสืบเท้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนหาอะไรกิน จากนั้นก็กลับมาเช็กมือถืออีกครั้ง

   ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คือไม่มีการเปิดอ่านหรือมีข้อความใดตอบกลับมา ผมทำใจกล้าด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนเลื่อนมือหาเบอร์โทรที่อยู่ในรายชื่อติดต่อ จากนั้นก็กดโทรออกออก

   ‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...’

   ปิดเครื่อง!

   เออดี ปล่อยให้กูเป็นบ้าฟุ้งซ่านอยู่ทั้งคืน ในเมื่ออยากจบทุกอย่างไว้แค่นี้ก็เชิญเลย

   คิดได้เท่านั้นก็รีบคว้าแล็ปท็อป สมุดเพลง และกีตาร์ขึ้นมา บางทีงานยุ่งก็อาจจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ผมยังเหลือโปรเจ็กต์ที่ไม่ได้เร่งทำจากทางค่ายอยู่ วันนี้ได้ฤกษ์ดีที่ไม่ต้องเอาคำว่าขี้เกียจมาอ้างแล้ว เลยขอใช้โอกาสนี้ทำงานให้เต็มที่

   หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

   สุดท้าย...ผมไม่ได้อะไรเลย

   ไม่มีไอเดียที่จะเขียน ไม่มีแรงจูงใจที่จะทำมัน ผมพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะเขียนเพลงขึ้นมาแต่มันก็เปล่าประโยชน์ ทำได้แค่ทิ้งตัวลงนอนเกลือกกลิ้งกับพื้น มองดูฝ้าเพดานสีขาวแล้วเอาแต่ถามตัวเองว่าควรทำยังไง อย่างไหนที่ต้องทำในตอนนี้

   ซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อ บางครั้งก็หดหู่

   กว่าจะลากตัวเองให้ผ่านเวลาแย่ๆ แบบนี้มาได้ก็เข้าสู่วันที่สามแล้ว

   วันที่ไม่มีแม้แต่เสียงเคาะประตูหน้าห้อง วันที่ไม่มีคนตัวสูงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับหนังสือมูราคามิที่โคตรหายาก วันที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหมวกแก๊ปสีขาวกับดำยี่ห้อต่างๆ แม้แต่เสื้อผ้าสไตล์นักฆ่าที่ผมมักเบะปากใส่ตลอดเวลาก็ไม่หลงเหลือ

   ไม่มี...

   เหงา เหงาจนรู้สึกปั่นป่วนในอก ความรู้สึกผีเสื้อบินวนในท้องหายไป มีเพียงความว่างเปล่าและการอยู่คนเดียวเหมือนในอดีตเท่านั้นที่บอกเล่าชีวิตแสนหดหู่นี้เป็นอย่างดี หลายครั้งเหมือนกันที่ผมมักได้รับการติดต่อจากไอ้ริวมาเป็นระยะ แต่ผมก็ทำได้แค่หันไปมอง แล้วปล่อยให้โทรศัพท์สั่นครืดจนกว่าจะดับไป

   ผมไม่อยากคุยกับใคร มีคนเดียวที่พอจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็มีแค่ไอ้ยุคเท่านั้น

   “ทำไงดี” ได้แต่ถามตัวเองเป็นรอบที่ล้าน

   สุดท้ายผมก็ไม่เคยหาคำตอบได้เลย

   ตึ่ง!!

   แล้วข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมาในเวลาตีหนึ่ง ร่างกายมีปฏิกิริยาด้วยการชันตัวลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เลื่อนจอไปยังแอพลิเคชั่นคุ้นตาอย่างตื่นเต้น

   แต่ผมก็ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะคนที่หวังกลับกลายเป็นเพื่อนสนิทอย่างไอ้เบิร์ดแทน
   

   ‘กูรู้ว่ามึงยังไม่หลับ ตายหรือยัง หรือกำลังยุ่งกับการแต่งเพลงอยู่’


   หลังอ่านประโยคตรงหน้าจบ ผมรีบส่งข้อความกลับไปทันที...
   

   ‘ขอโทรคุยด้วยได้มั้ย’


   ในเสี้ยววินาทีหลังข้อความถูกส่ง เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น ผมกดรับโดยไม่รีรอก่อนกรอกเสียงอ่อยๆ เหมือนหมาโดนทิ้งลงไปจนเพื่อนสายเนิร์ดจับสังเกตได้

   [เป็นห่าอะไรวะ] ถึงจะเป็นน้ำเสียงที่ดูแข็งกระด้าง แต่ผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากปลายสายอยู่

   “กู...ทะเลาะกับยุคว่ะ” ผมไม่เคยมีความลับกับมันอยู่แล้ว มีอะไรก็พูดออกไปตรงๆ เวลามีความสุขก็แชร์กัน เวลาเศร้าผมโยนทุกอย่างให้มันช่วยแบกรับ เพื่อนแบบนี้ไม่มีอีกแล้วครับ

   พูดแล้วกูจะร้อง

   [โฮลี่ชิท! ทะเลาะอะไรกัน เรื่องที่มึงไม่ยอมครางชื่อมันหรือเปล่า]

   “ไม่ตลก” กูแทบปามือถือทิ้ง นี่คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ตัดสินใจบอกไอ้เบิร์ด

   [เออรู้ละว่าเครียดจริง มีอะไรเล่าให้กูฟังได้ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้เลยอ่ะนะ] แค่เป็นผู้ฟังที่ดีก็รู้สึกตื้นตันใจฉิบหายแล้วครับ

   “หลายวันก่อนเกิดเรื่องนิดหน่อย กูนัดกับยุคไว้ว่าจะมาเจอกันที่ห้องตอนเย็นๆ แต่ไอ้ริวก็ดันมาชวนกูไปดูหนัง ที่คิดไว้คือยังไงก็กลับมาทันนัดอยู่แล้วก็เลยตอบตกลงไป แต่มีบางอย่างผิดพลาด กูมาไม่ทัน” ท้ายเสียงเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ ตามความรู้สึกผิด

   [ไม่ทันนี่ปล่อยให้รอนานมั้ย กูจะได้ประมาณถูก ถ้าไม่มากก็จะช่วยหาวิธีง้อให้]

   “มันมารอกูที่ห้องตั้งแต่สี่โมง”

   [อ่า แล้วมึงดูหนังกลับมากี่โมง]

   “สามทุ่ม”

   [สามทุ่ม! มึงบ้าป่ะชยิน] ปลายสายแหกปากลั่นจนผมต้องดึงมือถือออกห่างจากหู

   “กูรู้ว่าตัวเองผิด เลยขอโทษและพยายามอธิบาย แต่ไอ้ยุคแม่งก็ไม่ฟังลูกเดียว กูเลยโมโหไล่ให้มันไปพ้นๆ หน้า แบบไม่ต้องมาเจอกันอีกยิ่งดี”

   [ฉิบ-หาย-ละ] ไอ้เบิร์ดเน้นย้ำที่ละคำ

   มันปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่แทนอยู่พักใหญ่ก่อนจะกระแอ่มไอออกมา ผมรอฟังคำแนะนำของมันอย่างจดจ่อ อะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

   [คืออย่างนี้นะชยิน ตอนที่ไอ้ริวนัดมึงทำไมถึงได้ตอบตกลงวะ]

   “ริวบอกว่าจะมาส่งกูให้ทัน”

   [แล้วตอนที่มึงรู้ว่ามันเลยเวลานัดแล้วทำไมมึงถึงยังอยู่ต่อ]

   “กูไม่กล้าปฏิเสธมัน กู...”

   [มึงไม่กล้าปฏิเสธอันนี้กูเข้าใจ นิสัยมึงอ่ะทำไมจะไม่รู้ มึงกลัวคนอื่นรู้สึกไม่ดีเวลาที่ถูกปฏิเสธใช่มั้ย แต่ถามหน่อยมึงไม่แคร์ไอ้ยุคเลยเหรอว่ามันต้องรอมึงนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงกำลังทำอะไร ใจคนรออ่ะมันคิดไปสารพัดแหละ] คำพูดของไอ้เบิร์ดทำผมอยากร้องไห้ออกมาอีกรอบ

   “กูก็ไม่ได้มีความสุขที่ทำแบบนี้นะเว้ย”

   [ใช่ไง ปฏิเสธคนไม่เป็นเองก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตัวเองเลือกป่ะวะ แต่ผิดแล้วขอโทษอ่ะดีแล้ว กูรู้ว่ามึงไม่ได้เป็นคนฟอร์มจัดกับคนที่แคร์ขนาดนั้น แต่ที่ไม่เข้าใจคือมึงไล่เขาทำไม]

   “มันพูดเหมือนกับว่าจะไม่ทำทุกอย่างเพื่อกูอีกแล้ว จะไม่มาหา จะไม่บอกชอบ จะไม่ชวนไปร้านกาแฟหรือกินข้าวด้วยกัน ซึ่งกูรู้สึกไม่ดี กูยังอยากให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม เลยเผลอพูดท้าทายว่าถ้าไม่อยากทำก็ไปเลย คิดอยู่ตลอดแหละว่ายังไงมันก็คงไม่ไปไหน แต่กูคิดผิดว่ะ”

   ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของคนทางไกล ก็ตอนนั้นกูควบคุมตัวเองไม่ได้นี่หว่า

   [มันมีนะ คนที่รอจะรับทุกอย่างอยู่ตลอดแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับไปเลย เพราะไม่เคยให้อะไรเขาตอบแทน]

   “...” คำพูดนั้นทำผมสะอึก

   [มึงเชื่อมั่นว่าเขาต้องรัก ต้องทำทุกอย่างเพื่อมึง ต้องแคร์มึงมาก ผิดแค่ไหนเขาก็ไม่ไปไหน แต่มึงลืมไปหรือเปล่าว่าคนทุกคนมีขีดจำกัดของตัวเองเหมือนกัน]

   “กูรู้...กูรู้แต่ไม่คิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เบิร์ดกูชอบยุค กูชอบจริงๆ นะ” พูดไปน้ำตาก็ไหลไปจนต้องซบหน้าลงกับหมอน

   ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมต้องเครียดกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เข้ามาในชีวิต เพราะมัวแต่ยึดบรรทัดฐานของสังคม ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง ที่ผ่านมาความรักของผมก็เป็นแบบนั้นมาตลอดจนกระทั่งใครคนหนึ่งเดินเข้ามา เราทำความรู้จักกัน พบปะ กินข้าว และแชร์เรื่องราวต่างๆ มากมาย แม้เป็นเวลาไม่นานนักแต่กลับรู้สึกผูกพัน

   ผมถามตัวเองมาตลอด ความชอบคืออะไร ความรักคืออะไร ที่ผ่านมาผมปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อกลับไปเป็นคนที่สังคมคาดหวังอีกครั้ง แล้วอย่างไหนที่ตัวของผมคาดหวังล่ะ

   การเข้ามาของผู้ชายแปลกประหลาดคนหนึ่งเปลี่ยนทุกอย่างในโลกของผม โลกที่ไม่ต้องเหงาและโดดเดี่ยว โลกที่มีสีสันและเรื่องราวที่ไม่เคยพบเจอ โลกที่ไม่ต้องเครียดว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเราแล้วปล่อยวางทุกอย่างลง

   ผมยอมให้ผู้ชายคนหนึ่งกอดได้ทั้งที่ไม่เคยให้ใครมากอดนอกจากคนในครอบครัว ยอมให้เขาจูบแม้จะรู้สึกขัดๆ แต่กลับมีความรู้สึกซาบซ่านอยู่ในนั้น ยอมทุกอย่างหากอีกฝ่ายต้องการจนคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากให้เป็นและไม่ยอมสูญเสียไป

   ...ความรัก...

   เราทุกคนต่างเรียกมันแบบนั้น

   [กูโทรไปเคลียร์ให้มั้ย ทุกอย่างมันจะโอเคเว้ย] หลังต่างคนต่างเงียบไปนาน ไอ้เบิร์ดก็เสนอทางออกให้กับผม แต่นี่ไม่เวิร์กหรอก

   “กูอยากจบทุกอย่างด้วยตัวเองมากกว่า แต่การได้คุยกับมึงก็ทำให้กูรู้ว่าตัวเองควรทำยังไง”

   [งั้นกูเอาใจช่วย มันจะโอเคเว้ย]

   “หวังอยากนั้น ขอบใจมึงมากนะเบิร์ด”

   [มึงอย่าร้องไห้ดิสัด]

   “ใครร้อง กูไม่ได้ร้อง...” แม้เสียงที่ตอบกลับจะเจือไปด้วยเสียงสะอื้นและน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย

   ปล่อยให้ตัวเองได้สงบสติอารมณ์ครู่หนึ่งถึงวางแผนว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรต่อไป ในเมื่อโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ ไลน์ก็ไม่ได้กดอ่าน สิ่งที่ทำได้คงมีแค่การโผล่ไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ

   ผมสลัดความกลัวออกไปจนหมด เพื่อพาตัวเองมายืนอยู่ตรงล็อบบี้คอนโดของคนตัวสูง มันแย่หน่อยก็ตรงที่ผมไม่สามารถเข้าไปข้างในได้นอกจากรอเขาลงมา หรือบอกกับพนักงานให้เปิดประตูให้หลังได้รับคำยืนยันจากเจ้าของห้อง

   “เอ่อ...ตอนนี้คุณศตวรรษได้ตอบกลับมามั้ยครับ”

   ผมเดินไปถามที่เคาน์เตอร์อีกครั้ง หลังนั่งรอมาเกือบสองชั่วโมง และจิบน้ำดื่มหมดไปแล้วสามแก้วถ้วน

   “ที่ห้องยังไม่มีคนรับสาย เดาว่าเจ้าของห้องอาจจะไม่อยู่ค่ะ”

   “แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ ยังไงรบกวนลองติดต่อกลับไปอีกครั้งนะครับ” รู้ดีว่าได้สร้างความลำบากให้กับคนอื่นแล้ว แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

   เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็เรียกผม เธอทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยก่อนตอบคำถามอย่างครบถ้วน

   “ทางเราได้ติดต่อไปที่ห้อง 2108 แล้ว ทางคุณศตวรรษแจ้งมาว่าไม่สะดวกให้ใครเข้าพบ เพราะฉะนั้นต้องขออภัยด้วยนะคะ” เธอค้อมหัวเล็กน้อย ขณะที่ผมได้แต่ยืนตัวชาอยู่ที่เดิม

   “ขะ...ขอบคุณมากครับ” กว่าจะเค้นแต่ละประโยคออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน ผมเดินออกจากคอนโดในสภาพใกล้เคียงกับคนไร้วิญญาณเต็มแก่ ทุกอย่างที่ผ่านมาจบลงแล้วเหรอ ได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

   การรอคอยทรมานแค่ไหนตอนนี้ผมรู้แล้ว จิตใจมันทั้งกระวนกระวายและไม่เป็นสุข ยิ่งเวลาได้รับคำตอบในแบบที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็ยิ่งเจ็บปวดเป็นเท่าตัว ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทนได้ และคงผ่านมันไปไม่ได้ในเร็วๆ นี้แน่

   ผมเดินคอตกกลับห้องขณะในหัวครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ความจริงแล้วผมมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้คนหนึ่งเท่านั้นแหละ

   แม้พยายามจัดการปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปทีละอย่าง แต่มันก็ยังล้มเหลว วันนี้ยังเคลียร์กับยุคไม่ได้ ส่วนริวผมก็ละอายใจเกินกว่าจะเจอหน้า คนเดียวที่เหลืออยู่เลยมีแค่เจเจ

   แน่นอนว่าเราได้เห็นหน้าค่าตากันเพียงครั้งเดียว แต่บทสนทนาทาง MSN ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถึงจะบอกความรู้สึกของตัวเองกับอีกฝ่ายไปตรงๆ แต่เราก็ไม่ได้เคลียร์เรื่องค้างคาใจให้จบตั้งแต่คืนนั้น แถมยุคยังพาผมหนีกลับซะก่อน ความสัมพันธ์ของเราเลยคาราคาซังมาจนทุกวันนี้

   ผมโทรหาไอ้เบิร์ดเพื่อขอเบอร์เจเจ จากนั้นก็นัดแนะอีกฝ่ายมาเจอในวันรุ่งขึ้น

   “ชยิน” เสียงของใครคนหนึ่งร้องเรียก ผมหันขวับไปทางต้นเสียงนั้นก่อนทักทายกลับ

   “หมีใหญ่”

   ใช่ หมีใหญ่มาแล้ว แถมมาซะตรงเวลาเป๊ะ

   “เรียกเจเถอะ ฟังชื่อหมีใหญ่แล้วมันเขินยังไงก็ไม่รู้” เจ้าตัวเอ่ยตอบ จากนั้นก็ย้ายก้นมานั่งยังฝั่งตรงข้ามของผมด้วยรอยยิ้ม

   แปลกดี ขนาดคนที่รู้สึกดีเวลาที่เล่น MSN ด้วยกันครั้งนั้น ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลยนอกจากดีใจที่ได้เจอกัน

   “ไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่วันนั้น”

   “เอ่อ...อืม นั่นสิ” พูดแล้วก็อายจนไม่รู้จะมุดหน้าไว้ตรงไหน

   “ตอนมึงบอกรักไอ้ยุคกูอึ้งมาก”

   “จริงๆ ลืมมันซะก็ได้”

   “จะลืมได้ยังไง จริงใจออกขนาดนั้น”

   “มึงไม่โกรธใช่มั้ย”

   “โกรธทำไม คนไม่มีใจไม่ผิดเว้ย คิดซะว่าทุกอย่างผ่านไปแล้วกัน ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันได้”

   “มึงคิดอย่างนี้เหรอ”

   “แหงสิ ก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อนก็ต้องเป็นเพื่อน กูจะพยายามเป็นอย่างอื่นไปทำไม ว่าแต่ที่นัดมาวันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” เขาถาม ผมเลยตอบตามตรง

   “ก็จะคุยเรื่องนี้แหละ เหมือนคืนนั้นเรายังพูดกันไม่เคลียร์เท่าไหร่ กลัวว่าต่อไปจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น”

   “ปัญหาอะไร กับไอ้ยุคเหรอ”

   “ไม่ใช่หรอก”

   “สบายใจได้ เป็นเพื่อนกันแล้วกูก็ไม่คิดเกินเลยเป็นอย่างอื่นหรอก ฝากบอกไอ้ยุคด้วยนะว่าอย่าคิดมาก ได้ข่าวว่ามันเองก็ชอบมึงหนิ แม่งคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่มีเรื่องของกูเข้าไปแทรก” ยิ่งพูดถึงบุคคลที่สามทีไรใจผมก็เหมือนดิ่งลงเหวทุกที

   “กับยุคอาจจะไม่ได้บอกหรอก เรา...ทะเลาะกันนิดหน่อย”

   “ไหงเป็นงั้นวะ” เจ้าตัวบ่นงุบงิบ ดวงตาสองข้างหรี่มองผมเหมือนกำลังพิจารณาอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ เราต่างคนต่างแสดงท่าทีอึกอักไปพักใหญ่ ก่อนผมจะเป็นฝ่ายถามออกไป

   “ถามหน่อยสิ ทำไมวันนั้นก่อนโปรแกรมจะหมดอายุ มึงถึงบอกชอบกูวะ” เพราะดูจากตอนนี้แล้ว เราเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ จะบอกว่าที่ห่างเพราะผมปฏิเสธไปเมื่อครั้งก่อนก็คงเป็นไปไม่ได้

   “ก็เพราะชอบล่ะมั้ง” อีกฝ่ายตอบหน้าตาย

   “งั้นถามต่อ ชอบกูที่ตรงไหนเหรอ”

   “มันอาจจะบอกเป็นเหตุผลทั้งหมดไม่ได้ ความจริง...” เจหยุดพูดไปอึดใจหนึ่ง แล้วพรูหายใจออกมายาวเหยียด “ไม่เคยรู้สึกบ้างเหรอว่าไม่ใช่”

   “ฮะ?”

   “รู้สึกมั้ยว่ากูไม่ใช่หมีใหญ่ หรือปักใจเชื่อเลย”

   คำพูดนั้นทำสมองผมหยุดทำงานไปชั่วขณะ อะไรคือใช่หรือไม่ใช่ ที่ผ่านมาเวลาผมถามเขาก็ไม่เคยปฏิเสธมันสักครั้งไม่ใช่เหรอ

   “เจเจคือหมีใหญ่มาตลอด” ผมพึมพำเสียงแผ่ว

   “กูมีแฟนแล้ว” คราวนี้กูเบิกตากว้างเลยจ้า

   “แฟน?”

   “ใช่ เป็นผู้หญิงด้วย”

   “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   “คืองี้นะ แผ่นโปรแกรม MSN กูได้มาจากไอ้เบิร์ด แถมสัญญากับมันไว้เสร็จสรรพว่าจะทดลองใช้เพื่อบอกผล แต่พอดีว่าช่วงนั้นกูไม่มีเวลาเลยยกแผ่นโปรแกรมให้กับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง มันอยู่คณะเดียวกัน มหา’ลัยเดียวกัน และก็เป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่เรียนมัธยม”

   สมองผมเริ่มประมวลผล ปะติดปะต่อทุกเรื่องเข้าด้วยกันทีละน้อย

   “หมีใหญ่เป็นชื่อกลุ่มดาว ในนั้นมีดาวดวงหนึ่งที่แปลกประหลาดมาก มันคือPC 0832/676 ซึ่งอยู่ห่างไกลที่สุดในระนาบดาราจักร”

   “...” คนตรงหน้ายังคงพูดไม่หยุด ส่วนตัวผมเองก็เป็นผู้ฟังที่ดี

   “มันบอกว่าตัวมันเหมือนดาวดวงนี้ โดดเดี่ยว และน้อยครั้งมากที่ใครจะหาเจอ มันเป็นคนโลกส่วนตัวสูง งานของมันแทบไม่ต้องเจอกับใครเลย แม่งโคตรเหงา แต่ความเหงานี่แหละมั้งที่เป็นเสน่ห์ เผื่อวันนึงที่จักรวาลหมุนวนไปเรื่อยๆ ก็อาจจะได้เจอกับดวงดาวที่อยู่ห่างไกลเหมือนกัน”

   ผมเริ่มมองเห็นเค้าลางบางอย่างที่ไม่เคยสังเกตเห็น

   หมีใหญ่ PC 0832/676 ดาวที่อยู่ไกลที่สุดในระนาบดาราจักร

   “จริงๆ กลุ่มดาวนี้มีอีกชื่อนะ รู้มั้ยว่าชื่ออะไร”

   ต่างคนต่างเงียบ มองหน้าหยั่งเชิงกันพักหนึ่ง

   “คัลลิสโต”

   เราพูดออกมาพร้อมกัน ผมกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก ก้มมองดูฝ่ามือที่กำลังสั่นเทาพอๆ กับหัวใจที่รัวกระหน่ำไม่มีหยุด

   ทำไมถึงได้มองข้ามทุกอย่างไปจนหมด ทำไมถึงไม่เอะใจสักนิดว่าแท้จริงแล้วเราไม่ได้อยู่ไกลกันเลย แต่สิ่งที่อยากถามมากที่สุดก็คือ ทำไมถึงไม่บอกกัน ทำไมถึงปล่อยให้ผมสับสนเนิ่นนานขนาดนี้

   ผมไม่ได้โกรธ ตรงข้ามกลับดีใจด้วยซ้ำ

   ตอนคุยกันผ่าน MSN เราเหมือนเพื่อน แชร์กันได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม แต่พอได้คุยกันในชีวิตจริงเราเป็นยิ่งกว่านั้น ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่โล่งใจเป็นร้อยเท่า ขอบคุณที่ไม่ใช่คนอื่น ขอบคุณที่เป็นคุณ

   “อาจจะแย่นิดหน่อยตรงที่ไอ้ยุคไม่ได้บอกเอง ขอโทษจริงๆ ว่ะ”

   “...” ผมส่ายหัว

   “อย่าโกรธมันเลย”

   “ไม่สักนิด”

   “ถ้าทะเลาะอะไรกันก็รีบคุยกันเถอะ”

   “แน่นอน ต้องคุยอยู่แล้ว”

   “พอได้พูดความจริงทั้งหมดแล้วกูโคตรโล่งใจเลยว่ะ”

   “ขอบคุณที่บอกกูนะ”

   “ไม่เป็นไร แต่ฝากบอกไอ้ยุคด้วยว่าอย่าโกรธกู กูแค่ทนความน่ารักของเด็กน้อยอย่างมึงไม่ได้ก็เท่านั้น” ผมส่งยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาพร้อมกับคิดอะไรเพลินๆ

   ทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว แม้ไม่รู้ว่าผมมียุคในคอนแท็กเอ็มเอสเอ็นตั้งแต่ตอนไหน ทว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป

   หมีใหญ่ คัลลิสโต ศตวรรษ แท้จริงแล้วคือคนเดียวกัน

   เป็นคนที่ผมรัก

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 11-06-2018 22:42:20

   ผมอยากง้อ และผมต้องเป็นฝ่ายง้อ ทิ้งมันให้หมดศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ ฟอร์มจัดไปทำไมในเมื่อใจเราไม่มีความสุข จะให้เข้าวัดทำบุญมันก็ไม่ใช่เรื่อง ผมมันคนบาปเยอะ เดินเข้าวัดไม่ได้เดี๋ยวร้อนจนตัวละลาย

   วิธีแก้ง่ายๆ คือไปเจอเพื่อเคลียร์ปัญหาทุกอย่าง แต่ครั้งหนึ่งผมเล่นโผล่ไปถึงคอนโดแล้วมันไม่เวิร์กเลยต้องเปลี่ยนสถานที่ อย่างน้อยที่มั่นใจว่าเจ้าตัวต้องโผล่ไปแน่ๆ ก็คือคาเฟ่ที่พี่สาวยุคเป็นเจ้าของ

   “ยินดีต้อนรับค่า อ้าว! น้องสะใภ้” ผมได้รับการทักทายอย่างดีจากเจ้าของร้าน หลังก้าวเท้าเข้ามาภายในได้ไม่นาน

   “สวัสดีครับ”

   “รับอะไรดีคะ เดี๋ยวพี่ทำให้สุดฝีมือเลย”

   “ขอเป็น...” พูดพลางสอดส่ายสายตามองไปจนทั่วร้าน แต่ก็ไม่เห็นคนที่อยากเจออย่างที่คาดหวังไว้ในตอนแรก “เอสเพรสโซ่เย็นแล้วกันครับ”

   “งั้นรอก่อนน้า กินที่ร้านหรือสั่งกลับดี”

   “กินที่นี่ครับ” ผมละล้าละลัง ไม่ยอมผละจากเคาน์เตอร์จนพี่สาวของไอ้ยุคหันมาถามด้วยความสงสัย

   “น้องสะใภ้ เอ๊ย น้องชยินมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

   “เอ่อ...ช่วงนี้ยุคได้แวะมาที่ร้านบ้างมั้ยครับ”

   “เพิ่งมาเมื่อวันก่อนเอง วันนี้ไม่รู้จะมาหรือเปล่านะ เราไม่ได้โทรคุยกันเหรอ” คนตรงหน้าหรี่ตามองเล็กน้อยราวกับกำลังตั้งข้อสงสัย ซึ่งผมเองก็ไม่อยากตอบอะไรตอนนี้เลยเลือกส่ายหัว แล้วหมุนตัวหาเก้าอี้นั่ง

   เอาวะ! อย่างน้อยก็คาดหวังว่าค่ำๆ หน่อยไอ้ยุคอาจจะโผล่มาอีกรอบ ทั้งที่ตอนนี้ก็ปาไปหกโมงนิดๆ แล้ว สองทุ่มร้านก็ได้เวลาปิด นั่นหมายความว่าผมมีเวลาแค่สองชั่วโมงในการนั่งรอปาฏิหาริย์

   “ชยิน”

   ที่ไหนได้ คนที่โผล่มากลับเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอในตอนนี้ที่สุด

   “ริว มาได้ไง”

   “กูเล่นบาสอยู่ที่สนามคณะแพทย์ แอบเห็นหลังมึงไกลๆ เลยตามมาดู แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย” ความบังเอิญแบบอินฟินิตี้ของชีวิตถูกฉายซ้ำๆ ซากๆ ร่างสูงในชุดกีฬาเดินตรงดิ่งมายังโต๊ะที่ผมนั่ง สองคิ้วแทบผูกปมแน่นแต่ไม่นานก็คลายออกเมื่อคาดเดาเหตุผลที่ผมมาอยู่ตรงนี้ได้

   “มาหาไอ้ยุคเหรอ” ผมพยักหน้า “กูโทรหามึงตั้งหลายสาย แต่มึงก็ไม่เคยรับ”

   “กู...กูแค่ต้องการเวลา อยากเคลียร์เรื่องวุ่นวายไปทีละอย่าง”

   “หึ! ถ้าไม่บังเอิญเจอมึงที่ร้านเราจะได้เคลียร์กันเมื่อไหร่เหรอวะ” มันถามพลางยิ้มขื่น ผมเองก็น้ำท่วมปากเกินกว่าจะหาข้อแก้ตัว

   “ขอโทษว่ะ”

   “ตอนนี้กูก็อยู่ให้มึงเคลียร์นี่แล้วไง จะได้ไม่เหนื่อยหลบหน้ากันอีก”

   ผมเป็นคนกลัวความผิดหวัง แต่ที่กลัวยิ่งกว่าคือการทำให้คนอื่นผิดหวัง มันเลยเป็นเรื่องค่อนข้างยากเวลาต้องเด็ดขาดกับอะไรสักอย่าง

   กับแฟนเก่าที่เคยคบหา ทุกคนล้วนเป็นฝ่ายบอกเลิก ไม่มีสักครั้งที่ผมเอ่ยปากพูดก่อนแม้ในใจลึกๆ จะหมดเยื่อใยกันไปแล้วก็ตาม กับเพื่อนก็ไม่เคยเซย์โน จนแค่ไหนพี่ถ่อไปหาเพียงเพื่อนั่งก๊งเบียร์กันอย่างเริงร่า ก่อนจะแหกเหรียญในกระเป๋าจ่ายพนักงานด้วยความอับอายตอนเมากันได้ที่

   แล้วนับประสาอะไรกับการปฏิเสธคนที่มาบอกชอบกูวะ แม่งยากมากเว้ย แต่คิดว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งผมก็ต้องพูดออกไปอยู่ดี

   “ริว กูคิดอยู่ตลอดว่าจะหาโอกาสบอกกับมึงแต่ก็ไม่มีความกล้าพอ กูขี้เกรงใจ ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น และเพราะกูเป็นแบบนี้มันเลยทำให้กูไม่มีความสุข” ผมระบายออกมายาวเหยียด

   “...”

   “มึงเองก็เหมือนกันใช่มั้ย ไม่มีใครมีความสุขหรอกที่ต้องรอ เพราะงั้นกูเลยอยากบอก...”

   “กูรู้ว่ามึงจะพูดอะไร” อีกฝ่ายตัดบท

   “ขอโทษ กูมันแย่”

   ผมก้มหน้ามองแต่นิ้วมือของตัวเอง บอกตามตรงว่าไม่กล้าสู้หน้ากับใครทั้งนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นผมผิดเอง ผมผิดสัญญากับยุค เห็นแก่ตัวกั๊กไอ้ริวเอาไว้ แทนที่มันจะได้มีอิสระได้รักกับคนอื่น แต่ผมก็ยังเหลือความหวังสุดท้ายให้กับมันทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

   ต่อให้ผมกับยุคไปกันไม่รอด เรื่องระหว่างผมก็ริวก็เป็นได้แค่เพื่อนอยู่ดี

   ซีนนี้ไม่ตลกเลย ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตคอมเมดี้อีกครั้งทำไมมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้วะ

   “มึงไม่ได้แย่ชยิน แต่กูเสือกมาช้าเอง”

   “มันไม่ได้เกี่ยวว่ามาช้าหรือเร็ว กูขอโทษที่ไม่ยอมปฏิเสธไปตรงๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกูขอรับผิดเอง เพราะงั้นมึงไม่ต้องรอแล้ว ไม่ว่าคำตอบของกูกับยุคจะเป็นยังไงมันก็คงจบแค่นี้”

   “...”

   “มึงจะต่อยกูก็ได้นะ ให้สาสมกับที่เสียเวลารอ”

   “ต่อยได้เหรอ” ผมสะดุ้งเฮือก

   “ถะ...ถ้าต่อยเบาๆ หน่อยก็จะดีมาก”

   “กูจะต่อยมึงได้ไงในเมื่อมึงปฏิเสธกูตั้งแต่แรกแล้ว มีแต่กูที่ยังตื๊ออยู่ ถามจริง มีตรงไหนที่กูสู้ไอ้ยุคไม่ได้วะ”

   “...”

   “สมัยเรียนกูเก่งกว่ามัน ความฮอตถ้าเทียบแล้วกูชนะขาด เข้ามหา’ลัยก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เรื่องฐานะกูยิ่งมั่นใจว่าเหนือกว่าอยู่หลายเท่า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหน้าที่การงาน ทุกอย่างในชีวิตกูมั่นคงพอที่จะดูแลมึงได้ แต่ไอ้ยุคมีอย่างไหนที่ดีกว่ามึงก็ลองพูดมาสิ” ผมได้แต่ส่ายหัว เรียนหมอก็จริงนะแต่ความคิดเด็กน้อยไม่ต่างจากผมเลยสักนิด

   “กูไม่เคยเอามึงสองคนมาเปรียบเทียบกัน ไม่มีใครสู้ได้หรือไม่ได้ มันมีแค่ความสบายใจที่ได้อยู่มากกว่า”

   “ทุกครั้งเวลาอยู่กับกูมึงไม่สบายใจเหรอวะ”

   “สบายใจสิ มากด้วย”

   “แล้วทำไม...”

   “เพราะรักล่ะมั้ง”

   “...”

   “มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอธิบายให้เห็นภาพชัดหรอก เคยเห็นหลายคู่ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ดีแต่ก็ยังโง่รักอยู่มั้ย นั่นแหละเหตุผลเดียวกัน แต่ยุคไม่ได้แย่แบบนั้น แน่นอนว่าอาจไม่ดีเท่าคนอื่น แต่ก็ดีในแบบที่เป็นเขา”

   “มึงพูดขนาดนี้กูแม่งอิจฉาไอ้ยุคเลยว่ะ”

   “อิจฉาทำไม บางทีคบกับกูมึงอาจโชคร้ายก็ได้ กูนี่ไม่มีอะไรดีเลยนะ จนมาก ขี้เกียจทำงานด้วย ขี้หงุดหงิด บางครั้งก็ชอบเพ้ออะไรเหงาๆ แถมกวนตีนอีกต่างหาก มึงโชคดีแล้วเว้ยริว” ปากพูด ทว่ามือกลับเอื้อมไปตบไหล่แกร่งเป็นการปลอบใจ

   “ถ้ามึงคิดว่านั่นคือความโชคดีกูก็คงต้องยอมรับ แต่ขออะไรอย่างหนึ่งสิ”

   “ว่ามา”

   “ถ้าวันไหนที่ไปกับไอ้ยุคไม่รอด ช่วยกลับมาหากูได้มั้ย กูไม่ได้รอ แต่เผื่อว่าตอนนั้นเราต่างไม่มีใครทั้งคู่จะได้ดูแลกันได้”

   ผมยิ้ม เป็นยิ้มที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร

   “นี่แช่งกันหรือเปล่าเนี่ย”

   “ก็แค่เผื่อไว้ อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน”

   “มันก็จริง แต่แปลกดี สำหรับตอนนี้...”

   “...”

   “กูไม่เคยคิดถึงอนาคตที่ไม่มียุคอยู่เลยว่ะ”











   ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับว่าไอ้ยกภูเขาออกจากอกจนมีโอกาสได้หายใจสะดวกขึ้น ความจริงแล้วการปฏิเสธหรือสารภาพความรู้สึกของเราออกไปตรงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเท่าไหร่ การให้ความหวังโดยที่เรารู้ว่าไม่มีหวังต่างหากที่น่ากลัว

   ตอนนี้ผมกลับมาถึงห้อง ทุ่มตัวลงบนเตียงด้วยความรู้สึกโล่งอก สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือการพ่นเรื่องเหล่านี้ให้เพื่อนรักอย่างไอ้เบิร์ดฟัง ไหนๆ ก็อุตส่าห์รับฟังมาตั้งแต่ต้นแล้ว พอได้บทสรุปผมก็อยากให้มันรับรู้เป็นคนแรกๆ ด้วยเหมือนกัน

   [ว่างายมึงงงงงง โทรมาแต่เช้าไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจ] ผมเหลือบมองนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง สัด ลืมไปเลยว่าที่โน่นเพิ่งสว่าง แถมคนที่รับยังเป็นพวกนอนกลางวันตื่นตอนกลางคืนอีกต่างหาก

   “ขอโทษเว้ย แม่งลืมไปจริงๆ”

   [งั้นกูวางสายนะ คนจะหลับจะนอน]

   “คัลลิสโตคือหมีใหญ่”

   [ฮะ! อะไรยังไงว่ามา] ก่อนหน้าทำมาเป็นอิดออด ทีตอนนี้ล่ะน้ำเสียงดูระริกระรี้เชียว อย่างว่าแหละครับ ไม่มีใครในรุ่นที่จะขี้เสือกได้เท่าผมกับไอ้เบิร์ดอีกแล้ว

   “คัลลิสโต ยุคน่ะ มันคือคนเดียวกันกับที่เถียงกูใน MSN เป็นคนที่ใช้โปรแกรมมึงมาป่วนประสาทกูทุกวี่ทุกวัน”

   [ใครบอกมึงวะ]

   “เจเจ กูตั้งใจนัดมันมาเคลียร์ประเด็นที่เคยบอกชอบกูในเอ็ม แต่ที่ไหนได้มันดันบอกความจริงกับกูเฉยเลย”

   หลังจากนั้นเมพเบิร์ดก็แย่งเวลาทุกอย่างไปจากชีวิตผม เราคุยกันอยู่นานกว่าจะวางสาย รู้ตัวอีกทีเวลาก็ปาไปเกือบตีสองแล้ว คือมันมีอะไรให้คุยกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ เหนื่อยแทนตัวเองเหมือนกัน แต่ก็พอจะปลอบใจได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร

   ไอ้ยุคเป็นความรักที่เกิดขึ้นหลังมันห่างหายไปจากชีวิตของผมหลายปี เป็นเพลงรักที่เกิดจากความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่เพราะบรรยากาศหรือความรู้สึกที่บิลด์ไว้เพื่อแต่งเพลงให้มันจบๆ ไป

   ดังนั้นผมถึงอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ยอมรับตัวเองและเลิกบ่ายเบี่ยงเพื่อหนีปัญหาสักที

   ตีสามผมอาบน้ำเตรียมเข้านอน ทว่ามือก็ยังคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดอีกครั้งเพื่อดูว่าอีกฝ่ายได้ตอบข้อความบ้างหรือยัง แน่นอนว่าคำตอบก็ยังคงเหมือนเดิมคือไม่ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร พรุ่งนี้ทุกอย่างก็คงดีขึ้นแล้ว

   “ราตรีสวัสดิ์นะหมีใหญ่”

   ไม่รู้ว่าตอนนี้ยุคอยู่ที่ไหน ทำอะไร คิดถึงผมบ้างหรือเปล่า คำถามเหล่านี้ไร้ซึ่งคำตอบแต่ผมก็ยังถามย้ำกับตัวเองซ้ำๆ จนกว่าจะหลับไป

   เช้าวันรุ่งขึ้นผมพุ่งไปยังชั้นหนังสือเล็กๆ ในห้อง รื้อค้นเอาหนังสือของมูราคามิมาวางเรียงกันเพื่อนับจำนวน หนังสือทุกเล่มที่ได้มาจากคนตัวสูงผมเก็บเอาไว้อย่างดี บางเล่มอ่านจบแล้ว บางเล่มก็ยังไม่มีโอกาสได้เปิดอ่าน แต่เชื่อหรือเปล่า ผมจำได้จนขึ้นใจว่าแต่ละเล่มได้มันมายังไง

   “Hard-boiled, Norwegian wood, Dance dance dance…” ผมอ่านชื่อเรื่องที่อยู่บนหน้าปกไปทีละเล่มจนถึงเล่มสุดท้าย ก่อนจะพบว่าหนังสือที่ผมมีมันเกือบครบหมดแล้ว

   ขาดอยู่เพียงเล่มเดียว

   เมื่อลองเช็กประวัติของคนเขียนดูก็พบว่าหนังสือที่ผมยังขาดไปก็คือเรื่อง Hear the wind sing ที่มูราคามิเขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว

   นี่แหละหนึ่งเหตุผลที่ผมคิดออก ว่าจะหาข้ออ้างในการไปเจอไอ้ยุคยังไง ถึงตอนนั้นผมจะพูดอะไรก่อนดีเวลาที่เราได้เผชิญหน้ากันตรงๆ

   ‘หวัดดี คุณเป็นยังไงบ้าง’ หรือ ‘หนังสือของผมขาดไปหนึ่งเล่ม เลยคิดว่าจะมาถามที่คุณ’

   “ประสาทว่ะ” ด่าตัวเองจบก็ลุกขึ้นเต็มความสูง รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบน้ำและทำธุระ

   ผมเลือกเสื้อผ้าในตู้นานมาก คิดอยู่นั่นแหละว่าจะใส่ตัวไหนให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุด แต่สุดท้ายผมก็พบว่าการใส่อะไรที่เป็นตัวเองนี่แหละเวิร์กโคตรๆ แล้ว

   ไอ้เบิร์ดแนะนำว่าให้กินข้าวเช้า เพราะมันดีต่อสุขภาพ อะไรของแม่งวะ?

   ทว่าผมก็ทำตามคำแนะนำ จัดข้าวเช้าไปอีกชุดใหญ่ก่อนพุ่งสู่สนามรบ กว่าจะรู้ตัวว่าควรกลับไปตั้งหลักที่เดิมอีกรอบก็ตอนมายืนอยู่หน้าห้องของใครบางคนนี่แหละ

   คอนโดเขาไม่ให้ผมเข้าก็จริง แต่ทำไมเราต้องมารยาทดีรอเจ้าของห้องอนุญาตด้วยล่ะ ในเมื่อเราเนียนผ่านประตูเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับผู้อยู่อาศัยคนอื่นได้ ทำเสมือนตัวเองอยู่คอนโดนี้ทั้งที่ไม่ใช่เลย โฮ~

   “มึงทำได้เว้ย ทำได้” นอกจากเหงาแล้วนับวันจะยิ่งบ้าด้วย

   ผมพูดกับตัวเองบ่อยขึ้น จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุดพูด มันคงเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ผมผ่อนคลายและไม่ตื่นเต้นเวลาอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายมากนัก

   สาม...สอง...หนึ่ง

   ก๊อกๆๆ

   เคาะไปแล้ววววววว แม่ผมเคาะไปแล้ว!!

   หัวใจเต้นรัว มือไม้สั่นเทา สองขาแทบหมดเรี่ยวแรงล้มกองลงกับพื้น ทุกอย่างในท้องบิดมวนไปหมด ความรู้สึกเหล่านี้ตีรวนอยู่ในร่างกายของผมอยู่พักใหญ่ ก่อนจะสงบลงเพราะเจ้าของห้องไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง

   ตอนนี้จากตื่นเต้นกลายเป็นใจเริ่มเสียละ

   ก๊อกๆๆ

   ผมลงแรงเคาะใหม่อีกครั้ง นานเหมือนกันที่คนด้านในเงียบหาย บางทีเขาอาจไม่อยู่หรือไม่สะดวกที่จะเจอ สมองมันคิดไปสารพัด แต่จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกแบบงงๆ

   ถึงแม้จะแง้มประตูออกมาเพียงเล็กน้อยผมก็รู้ดีว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือยุค

   “มาได้ไง” เจ้าตัวถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผมเลยทำใจดีสู้เสือตอบกลับในทันที

   “ผมแอบเข้ามา เพราะคิดว่าเราอาจมีเรื่องต้องคุยกัน”

   “ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง เป็นวันอื่นได้มั้ย” ร่างสูงตั้งท่าจะปิดประตูแต่ผมไวกว่านั้นรีบคว้าข้อมือหนาเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   “ขอคุยด้วยหน่อย”

   “ยังไม่ใช่ตอนนี้”

   “คุณไม่อ่านข้อความผม โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ เพราะงั้นให้ผมได้พูดอะไรบางอย่างกับคุณก่อนได้มั้ย” ยุคบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงยืนอยู่นิ่งๆ คล้ายกับรอให้ผมได้พูดสิ่งที่อยากพูดจนจบ

   “ยุค”

   “...”

   “เรื่องที่เกิดวันนั้นผมผิดเอง” โอเคจุดนี้คงแก้ตัวไม่ทัน มันเป็นสิ่งที่ผมทำผิดพลาดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ได้แต่หรี่ตามองคนตรงหน้า แล้วสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดต่อ

   “ผมรู้ว่ามีนัดกับคุณ แต่ผมก็ยังไม่ยอมปฏิเสธริวไปตรงๆ เพราะคิดว่าต้องกลับมาทันแน่ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น พอกลับมาแล้วเห็นว่าคุณรออยู่หน้าห้อง ผมกลัวมากว่าจะเสียคุณไป ผมไม่ได้ตั้งใจจะไล่คุณ แต่เพราะปากพล่อยๆ ของผมเลยทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด”

   บันทึกสารภาพบาปของนายชยินถูกเผยแพร่ต่อคนตัวสูง ตอนนี้คงเป็นหน้าที่ของเจ้ากรรมนายเวรแล้วล่ะที่จะตัดสินชีวิตของผม

   “ชยิน ผมรู้ว่าคุณทั้งสับสนและเสียใจ แต่ผมก็แค่อยากให้คุณได้มีเวลาคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น”

   “ผมคิดมาตลอดเลย ผมชอบคุณ ชอบคุณมากๆ”

   คิดดูแล้วนี่มันเหมือนฉากคลีเช่ในละครหลังข่าวดีๆ นี่เอง ซีนบอกรักซ้ำซากที่โคตรน่าเบื่อ แต่สำหรับผมแล้วนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ทำอะไรแบบนี้

   ประโยคเมื่อครู่ดังก้องอยู่ในหัวทุกวัน มันบอกให้ผมทำอะไรสักอย่าง อะไรก็ตามที่จะรั้งเขาไว้โดยที่ผมไม่ต้องอึดอัดกับการปกปิดความรู้สึกของตัวเองอีก และผมก็ได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อบอกความรู้สึกของตัวเอง

   “ยุค...คุณ...”

   ทว่าคนฟังไม่ได้มีท่าทีดีใจอย่างที่คิด เวลานี้ผมเหมือนถูกผลักลงเหวอีกรอบโดยไม่ทันตั้งตัว

   “แล้วไอ้ริวล่ะ”

   “ริวเป็นแค่เพื่อน ผมไม่เคยคิดอะไรกับมันมากเกินกว่านั้น” แววตาของคนตรงหน้าอ่อนแสงลงเล็กน้อย

“งั้นถามอะไรหน่อยสิ แค่ตอบตามสิ่งที่คุณคิด”

“ได้ ผมจะตอบทุกอย่าง”

“คุณรู้สึกยังไงเวลาที่ได้คุย MSN กับหมีใหญ่”

   “สบายใจ”

   “แล้วรู้สึกดีมั้ยตอนที่อีกฝ่ายบอกชอบ”

   “ก็...แปลกๆ แต่ไม่แย่ เราทุกคนก็รู้สึกดีทั้งนั้นแหละเวลาที่มีใครสักคนชอบเรา” ยิ่งรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใครผมก็ยิ่งได้คำตอบชัดเจน หลายครั้งที่สับสนเวลารู้สึกดีกับคนหลายคนพร้อมๆ กัน

   ความจริงไม่ใช่หรอก คนที่ผมชอบมีแค่คนเดียว

   “แล้วตอนที่ไอ้ริวบอกรักคุณล่ะ รู้สึกยังไง ยังไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ผมถามต่อ ตอนที่ไอ้เจเจนั่งอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจปฏิเสธคุณรู้สึกดีกับมันบ้างมั้ย”

   “...”

   “คำถามสุดท้าย กับผมที่บอกชอบคุณไปในวันนั้นจนกระทั่งวันนี้คุณรู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า เป็นเหมือนกับความรู้สึกของทุกคนที่เข้ามาในชีวิตของคุณมั้ย ผมอาจจะถามยืดยาวแต่ไม่อยากให้คุณรีบตัดสินใจลองกลับไปคิดดู ความรักของคุณคืออะไรกันแน่”

   “...”

   “ลองมองมันอีกครั้ง แยกให้ออกว่าอันไหนความรัก หรืออันไหนความเหงา แล้วคุณอาจจะรู้คำตอบของตัวเอง”

   นี่คือสิ่งที่ผมได้รับ ไม่ใช่การตอบตกลง และก็ไม่ใช่การปัดปฏิเสธโดยไร้เยื่อใย แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ผมได้มีเวลาถามใจตัวเอง แม้รู้ดีว่าคำตอบคงไม่เปลี่ยนแปลง คือต่อให้รู้สึกยังไงกับใครในช่วงแรกที่ได้รู้จัก ทว่าท้ายที่สุดแล้วผมก็มีคนในใจเพียงแค่คนเดียวอยู่ดี

   “ผมรู้แล้ว ผมจะบอกคุณตอนนี้” เอ่ยบอกอย่างมั่นใจ

   “ยังไม่ต้องรีบหรอก”

   “ไม่! ผมคิดมาตลอด ช่วงที่เราไม่ได้เจอกันมันแย่มาก ผมรู้ว่าตอนที่อยู่กับคุณมันรู้สึกดีแค่ไหน มีความสุขแค่ไหน ผมชอบตัวตนของคุณ คุณที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ”

   การรักใครสักคนนี่มันยากเหมือนกัน แรกเริ่มผมไม่มีความคาดหวังว่าจะมีใครสักคนที่รักเรามากมายขนาดนี้เดินเข้ามาในชีวิต ฝ่ายถูกรักมักคิดเสมอ ดีเหมือนกันที่เราไม่ต้องพยายามอะไรก็มีคนชอบแล้ว แต่เปล่าเลย ผมค้นพบว่าตัวเองค่อยๆ สูญเสียความมั่นใจเพราะได้มอบความรักกลับคืนให้อีกฝ่ายไปจนหมด กว่าจะรู้ตัวเราก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

   “ผมยอมทุกอย่าง ขอแค่คุณเชื่อว่าผมรักคุณจริงๆ ก็พอ”

   “...” ไม่มีการตอบรับจากคนตัวสูง นานเข้าก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย

   ผมกลัวว่าจะต้องสูญเสียเขาไป

   “คุณอยากนอนกับผมมั้ย”

   “พูดอะไรน่ะชยิน”

   ไม่รู้สิ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ แต่ถ้ามันทำให้ยุคกลับมารู้สึกหรือรักผมเหมือนเดิมมันก็คุ้มที่จะเสี่ยงทั้งนั้น ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้างก็ตาม

   “ผมให้ทุกอย่างที่คุณต้องการได้ แค่...แค่คุณบอกมา”

   “ชยิน”

   “คุณอยากใช้ถุงยางหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร ผม...ผมยังไงก็ได้”

   “...”

    “คุณชอบมีอะไรบนเตียงหรือที่ไหนๆ ผมก็ไม่ขัดทั้งนั้น คุณอยากให้ผมร้องครางดังๆ แล้วเรียกแต่ชื่อคุณตลอดเวลาผมก็จะทำ” พูดไปน้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด ผมรู้สึกว่าตัวเองโคตรอ่อนแอและเหมือนเด็กมากเวลาอยู่กับเขา

   และผมก็ยิ่งเป็นเด็กกว่าเดิมเมื่อมือหนาเอื้อมมากอบกุมใบหน้าทั้งสองข้าง ดวงตาของเราสอดประสานกัน คำตอบเดียวที่คาดหวังก็คือการยอมรับความรักจากอีกฝ่าย

   “รักไม่ใช่การให้ทุกอย่างนะชยิน”

   “แต่คุณก็เคยมอบทุกอย่างให้ผม”

   “ไม่ได้ให้ทุกอย่าง แต่ยอมรับทุกอย่างที่เป็นคุณต่างหาก”

   “นั่น...นั่นผมก็ยอมรับ”

   “...”

   “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณสำคัญยังไง และมันแย่แค่ไหนตอนที่ผมแคร์คนอื่นมากกว่าคุณ ผมผิดนัด เคยปฏิเสธความรัก เคยคิดแย่ๆ กับคุณมากมายแต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว” ผมเล่าทุกอย่างหมดเปลือก ปล่อยให้มันพรั่งพรูออกมาตามที่สมองสั่งการ

   “คุณรู้มั้ยว่าตอนเช้าผมทำอะไร”

   คนตัวสูงส่ายหัว

   “ผมหยิบหนังสือทุกเล่มที่คุณเคยให้มาวางเรียงกัน ผมจำได้หมดว่าหนังสือแต่ละเล่มได้มาตอนไหนและรู้สึกยังไง แต่มันยังมีเล่มหนึ่งที่ผมไม่ได้รับจากคุณ และใช่ถ้าคุณรักผมเหมือนกัน ช่วยยกหนังสือเล่มนั้นให้ผมได้มั้ย”

   “ชยิน” เสียงทุ้มแสนคุ้นหูเอ่ยตอบเสียงแผ่ว ผมกำลังคาดหวังในคำตอบ

   “...”

   “ขอโทษด้วย แต่หนังสือเล่มนั้นผมยกให้คนอื่นไปแล้ว”

   คำพูดที่ตระเตรียมเอาไว้หายไปจากหัว เหลือแต่ก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ตรงอก จนทำให้ผมต้องกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอ สิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนเดินออกจากห้องไม่ใช่แบบนี้ และเมื่อมันผิดพลาดผมก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี

   “ใครเหรอ ใครที่คุณให้ไป”

   “ดรีม”

   แฟนเก่า ชื่อที่ยังจำได้จนขึ้นใจ

   ผมยกแขนขึ้นปาดคราบน้ำตาที่ขังอยู่ขอบตาออก ก่อนพุ่งตัวเข้าไปกอดคนตรงหน้าสุดแรง

   “ไม่ให้ได้มั้ย ไม่ยกให้เขาได้มั้ย”

   ผมเห็นแก่ตัว และไม่ได้ใจดีขนาดนั้น วินาทีที่พุ่งเข้าไปกอดมันไม่ใช่ความรู้สึกหวงแหนอย่างเดียว แต่มันคือความกลัว กลัวความสูญเสียที่กำลังมาถึง

   ยุคไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้ปลอบประโลมอย่างที่คิด ผมใช้จังหวะที่เขายืนนิ่งยืดตัวขึ้นไปตระโบมจูบอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะใช้แรงที่มีอยู่ผลักร่างสูงจนถอยเข้าไปด้านใน

   “ยุค” ตอนนั้นเองที่เสียงของใครคนหนึ่งเหมือนมือล่องคนที่พุ่งมาตบหน้าอย่างแรง ผมผละออกจากอกแกร่งแล้วหันไปทางต้นเสียง กระทั่งสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งหัวยุ่งอยู่ตรงโซฟา ไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแต่ก็คงจะนานพอเห็นฉากบอกรักและการกระทำที่น่าสมเพชของผมจนหมด

   ผู้หญิงหน้าตาสะสวย กับการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์คนนี้ผมเคยเห็นเธอมาก่อน และรู้ดีว่าในอดีตเธอสำคัญกับยุคยังไง

   “ขอโทษ ขอโทษที่จูบคุณ ผม...ผมคิดว่าจะกลับแล้ว”

   “ชยินตั้งสติหน่อย”

   “วันนี้มาขัดจังหวะ คุณไม่ว่างจริงๆ ด้วย ฮ่าๆ”

   “เดี๋ยวผมลงไปส่ง”

   “ไม่ต้อง ทำไมไม่บอกผมแต่แรก ว่าคุณไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมแล้ว”

   “...”

   “แค่ตอบข้อความหรือโทรมาบอกก็ได้ บอกว่าไม่รักจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาเสนอตัว หรือจะพูดให้รู้สึกแย่ ยังไงมันก็ดีกว่าตอนนี้อยู่ดี”

   ตลกว่ะ เรื่องเพ้อฝันที่สุดที่ผมเคยคิด คือการคาดหวังว่าตัวเองจะสามารถทำให้เขารักผมได้อีก

   ทั้งที่ไม่จริงเลย…
   
 


น้องงงงงงงงงง~~~~

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: NEPTUNE ที่ 11-06-2018 22:51:42
สงสารชยินนนนนนนนน :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Slotjai ที่ 11-06-2018 23:07:22
ฮือออ ทิ้งระเบิดไว้อีกแว้ววววว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 11-06-2018 23:13:25
เดี๋ยวก่อนชยิน นายขอโทษยุค ตอนที่ปล่อยให้ยุครอตอนไหน ตอนไหน ตอนหนายยยย
นี่อิน จนกลับไปอ่านตอนที่แล้วใหม่ มันไม่มี มันไม่มี มันไม่มี๊

แล้วชยินนี่คิดว่าตัวเองเป็นพระอาทิตย์หรือไง ตอนเค้ารัก เค้าก็มาบอกรัก พอ(คิดไปเองแหละ)ว่าเค้าไม่รัก เค้าก็ต้องมาบอกอี๊ก
ปกติเราจะอยู่ทีมนายเอกนะ ส่วนตัวจะชอบผู้ชายสายเคะ แต่นี่ เรื่องนี้เรามาทีมพระเอก

แต่สุดท้ายถามว่าเราเชียร์ชยินต่อมั้ย ก็เชียร์น่ะสิ ความเด็กน้อยน่ารักของนางไม่ได้มีผลต่อเจเจคนเดียวนะ
แต่ทำนางเจ็บอีกหน่อยก็ได้ เราชอบความฟูมฟายของนาง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-06-2018 23:14:51
โอ้ม่ายยยย ใจมันรับไม่ไหวอ่ะ ฮือออออ ช่วยด้วยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดน้อยแฟนแมวโหด ที่ 11-06-2018 23:19:26
แงงงง ไม่รักยุคแล้ว  :o12:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 11-06-2018 23:21:05
ชยิน ฟังยุคก่อนนะ เราเชื่อว่ายุคไม่มีทางทำให้ชยินเสียใจหรอก :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 11-06-2018 23:27:26
มันต้องไม่มีอะไร ชยินตั้งสติ มีสติ
แต่เข้าใจนะ เพราะตั้งใจจะมาง้อ
เพราะไม่คิดว่าจะเจอเรื่องอื่น สงสารอ่ะ

ยุค ... ถ้าเธอเป็นพระเอก เธอต้องรีบไปเคลียร์นะ

อะไรกัน ปวดตับ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Lalinnovel ที่ 11-06-2018 23:32:36
ชยินรูกแมะะะะะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Cinnamon Roll!!! ที่ 11-06-2018 23:37:09
ชยินลู๊กกก เอ็นดูขนาด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-06-2018 23:50:31
ให้ตายเหอะอ่านตอนนี้จบแล้วรู้สึกอยากบีบคอใครสักคนจริงๆ :katai1: :katai1: :katai1: แต่ก็ยังเชื่อนะว่ายุคกับแฟนเก่าคงมีเหตุผลอะไรซักอย่างอะ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 12-06-2018 00:12:28
ระเบิดลูกที่สอง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 12-06-2018 00:16:54
เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาตบเราเลยค่ะ ชยินนนนนนนนมากอดกันเถอะเราไม่ไหวแล้วตอนนี้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 12-06-2018 00:23:38
น้องงงงง เอ็นดูเหลือเกินนนน
รอฟังพี่ยุคจากปากว่าจะพูดอะไร
แต่ตอนนี้เอ็นดูชยินมากกกกก
พี่ยุคก็เหลือเกิน หายไปก็นาน
ถถถถถถถถถถถขี้น้อยใจ

อยากให้มาบ่อยๆ555555

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-06-2018 00:37:03
แงงงงงงง ชยินลู๊กกกกกกก อยากจะโอ๋ๆเลย ตั้งใจมาง้อยุคแต่มาเจอแบบนี้ก็ต้องช็อคกันทั้งนั้น สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-06-2018 00:39:27
เอ่อมมมม. โนคอม........ :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 12-06-2018 01:01:55
 :pig4:
 
 เอาจริงนะ ไม่ว่าจะยังไง  สำหรับวันเวลาที่คนเราตกลงใจยอมรับใครอีกคนเข้ามา แต่แล้วใครคนนั้นดันอยู่กับใครบางคน(ที่มีอดีตกันมาก่อน) ไม่ว่าจะโดยความบังเอิญรึไม่
  ..นี่คิดว่า มันเป็นเรื่องโหดร้ายนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 12-06-2018 01:12:55
ชยินเด็กน้อยของพี่~~~~ สงสารน้องงง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-06-2018 01:26:31
:pig4:
 
 เอาจริงนะ ไม่ว่าจะยังไง  สำหรับวันเวลาที่คนเราตกลงใจยอมรับใครอีกคนเข้ามา แต่แล้วใครคนนั้นดันอยู่กับใครบางคน(ที่มีอดีตกันมาก่อน) ไม่ว่าจะโดยความบังเอิญรึไม่
  ..นี่คิดว่า มันเป็นเรื่องโหดร้ายนะ


อยากกดบวกข้อความนี้อะ o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 12-06-2018 01:27:16
ปกติอ่านตอนดราม่า ไม่ได้เลย ยกเว้นเรื่องนี้ ทุกอย่างมันลงตัว น่าติดตามจนข้ามไม่ได้สักตอน คดีพลิกอีก สุดท้ายถ้ายุคไม่ตามไปเคลียร์กับชยินเรื่องแฟนเก่าในวันนี้ ยังเชื่อว่าชยินเด็กน้อยที่ทุกคนว่าไว้ ก็จะต้องเดินหน้า เสียใจอกหัก แต่คิดว่าชยินได้ทำเต็มที่ในฝั่งของตัวเองแล้ว ที่เหลือก็ทำใจยอมรับ เป็นกำลังใจให้ชยินนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-06-2018 01:42:17
ต้องรอนานอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-06-2018 02:01:55
ชยิน นังเด็กน้อย พูดต่อยหอยฝ่ายเดียวอีกแล้ว ปวดตับกับอีน้องจริง ๆ เลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 12-06-2018 02:28:12
ฮือออออออออออออออออ :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-06-2018 02:39:40
 :hao3:

ไม่โดนสักที ไม่ดีขึ้นเลย

หวังว่าจะคิดได้ ^_^
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 12-06-2018 02:44:55
 ขีวิตแค่โดนทำร้ายว่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-06-2018 06:24:30
ชยินนี่หัวร้อนตลอด ปากไว ไม่ค่อยได้ทันคิดอะไร
ไหนว่ามาง้อไง น้ำตาไหลเป็นท่อน้ำแตกซะแล้ว
เด็กน้อย อ่อนไหวง่าย และชอบคิดไปเอง

ยุคก็นะ ไม่รู้จะตั้งใจหรือจะแกล้ง เพราะก่อนหน้าบอกว่าจะติดงาน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-06-2018 07:20:45
รู่ตัวเมื่อ(เกือบ)​สาย ก็ต้องจมน้ำตาไปสิชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-06-2018 08:18:15
แงงงง ค้างงงงง จิตติทำร้ายกันได้ลงคอ ฮือออ นี่ก็ไม่รู้ว่าจะยังไงดีคือยุคที่มาเปิดประตูแบบแง้มๆนี่เราก็แอบเอะใจแล้วนะว่ามีใครอยู่ในห้องด้วยรึเปล่าแต่ไม่คิดว่าจะเป็นแฟนเก่าไง แถมผู้หญิงสภาพหัวยุ่งๆบนโซฟาอีก สถานะก็แฟนเก่าเป็นใครมาเจอก็คงคิดดีไม่ได้หรอกจริงๆ ชยินก็เหมือนจะสติแตกไปแล้วตอนก่อนหน้าคือโกรธชยินนะแต่ตอนนี้สงสารคือรู้แหละว่าชยินคาดหวังไว้สูงเกินไปอะว่าถ้าง้อแล้วอิยุคมันจะยอมคืนดีด้วยง่ายๆแน่ๆเลยไม่ได้เตรียมใจรับความผิดพลาดยิ่งความผิดพลาดที่เจอแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เฮ้อออ ไม่รู้จะยังไงดีเพราะงั้นตอนต่อไปต้องมาเร็วๆแล้วนะจิตติ มันค้างเว่ออะ งือออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 12-06-2018 08:26:24
โอ้ยยยยย ค้างเว่อร์ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 12-06-2018 08:55:41
คุณจิตติ..ทำน้ำตาไหล...  :hao5:
รีบกลับมา เอายุคมาง้อ เด็กน้อยชยิน เรยยย.. :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 12-06-2018 08:56:36
อมกกกก ยาวไปป ฮื้อออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 12-06-2018 10:15:38
คืออินมากโคตรเสียใจเลยแบบนี้อ่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 12-06-2018 12:48:42
โห ... โคตรเข้าใจเลยอะซีนนี้
จำได้ว่า เจ็บโพด ๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 12-06-2018 13:26:04
ปวดใจ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 12-06-2018 13:47:27
หวังว่าคงจะไม่ใช่แบบที่คิด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: stikkies_naja ที่ 12-06-2018 14:18:55
 :o12:
ฮรืออออออออออ ร้องห้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ชยินลูกกกกกกก

นี่ไม่โอเคอ่ะ ไม่ว่าแฟนเก่าจะอยู่ในห้องด้วยเหตุผลใด
ถ้าไปเจอแบบนี้ ไม่โอเคแน่ๆ

แล้วนี่ชยินแบบ ทุ่มหมดหน้าตักในการมาง้อ มาสารภาพรัก
แล้วมาเจอแบบนี้ ฮือออออออออออออออออ สงสารน้องงงงงง

ปล.ตอนที่แล้วก็สงสารยุค  เฮ้อออออ จิตตินะจิตติ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 12-06-2018 14:36:07
อะไรกันอีกน้ออออออ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 12-06-2018 15:31:26
เริ่มต้นด้วยความขัดใจนิสัยของชยิน แต่เราก็เข้าใจในความคิดของชยินนะ แล้วพอน้องเริ่มเคลียร์ตัวเองได้เริ่มชัดเจนก็โอเค ปฎิเสธริวแบบไม่กั๊กแล้วทำดีมากเลย โล่งไปเปลาะนึง แล้วก็ลุ้นต่อว่าจะเดินหน้าง้อยุคยังไง อ่านไปก็ลุ้นไป แล้วพอจบตอนก็แบบว่า เฮ้ยย เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ จะลากให้ดราม่าต่ออีกเหรอ คนอ่านลุ้นจนเหนื่อยแล้วนะ ตอนต่อไปก็เคลียร์กันเหอะ ไม่อยากดราม่าแล้ว อยากฟินอยากแฮปปี้แล้ว PLEASE~~
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 12-06-2018 16:05:00
ตั้งสติหน่อยชยิน
แค่เจอดรีมนั่งหัวฟูในโซฟา ก็ทำโวยวายเป็นอิบ้า  ไม่ได้เจอดรีมกับยุคแก้ผ้าเอากันบนที่นอนซะหน่อย
มีสาเหตุอื่นตั้งเยอะที่ดรีมจะมานอนหัวฟูบนโซฟาในห้องของยุค

โวยวายเป็นเด็กสติแตกไปได้   คิดสิคิด  คิดให้ดี
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 12-06-2018 17:55:05
โอ๊ยน้องงงง
สงสารชยินอ่ะ
มันคือเรื่องเข้าใจผิดใช่มั้ย
อยู่ดีๆน้ำตาไหลเฉยเลย สงสารชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 12-06-2018 20:38:57
เข้าใจชยินเลยอะ นี้ไม่เคยโอเคเวลาเห็นคนที่นี้รักอยู่กับแฟนเก่า2คนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันแย่ตรงที่เขาเคยรัก่อนมาก่อน เขาเคยมีความทรงจำดีๆด้วยกันมา ไม่ว่ายังไงก็ตาม รีบมาต่อนะคะ อย่าให้ค้างนาน :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 12-06-2018 23:35:34
 :o12:
ชยินนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 12-06-2018 23:54:27
โอ๊ย พีคคค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 13-06-2018 01:01:56
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 13-06-2018 07:33:52
ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าดรีมอยู่ด้วย
ยุคคนใจร้ายย
#ทีมชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-06-2018 09:24:30
ไหนบอกไม่ดราม่าไง โกหก!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-06-2018 11:02:20
ยุคแกไม่ควรทำให้ชยินเสียใจ ชยินไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้
ถึงเหตุการณ์นี้จะให้บทเรียนชยิน แต่มันก็เกินเหตุไปเยอะ สงสาร
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 13-06-2018 11:25:59
ดูเหมือนกำลังจะเคลียร์กันได้ แต่ดันมีดราม่าใหม่เข้ามาอีก เวรกรรมของนายชยิน  :mew2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 13-06-2018 11:40:57
 :impress3: :impress3: :impress3:  TTTTT TTTTT 
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 13-06-2018 12:07:41
เกลียดดดดดด
โอเคร ชยิน ถ้ายุคกลับไปกินของเก่าก็ปล่อยมันไปปปป  :fire: :fire:
คือเราเป็นคนที่มีความเจ็บซ้ำกับคำว่าแฟนเก่า  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 13-06-2018 16:27:07
อ้าว..คดีพลิก ถามจริง..ถ้าชยินอยู่กะแฟนเก่าในห้องสองต่อสอง แล้วยุคมาเจอ
ยุคจะคิดอย่างไร ถามใจเธอดู
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-06-2018 22:41:30
เอ้าชยินทุ่มสุดตัวขนาดนี้ ดันมีเซอไพรส์อีก จะยังไงล่ะนี่ แต่การที่ชยินยอมทุกอย่างแบบที่พูดออกมาก็เกินไปนะ มันดูไม่เหลือค่าอะไรในตัวเองเลย แต่ยังไงก็สู้ๆนะชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 14-06-2018 01:44:45
อีหนูชยินนนน แงงงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: petrichor ที่ 14-06-2018 17:54:06
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 14-06-2018 20:39:24
ค.คนไหมรึค.ควาย  มีปากไม่ถามอ่ะ  ตีโพยตีพายเองอยู่ได้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Hapmar ที่ 15-06-2018 08:01:29
กลัวดราม่าของจิตติ  :ling3:แค่ตอนนี้ยังหน่วงขนาดนี้ ไม่เอาดราม่าน้าาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Nighttime ที่ 15-06-2018 14:48:53
 :o12:กรี้้ดดดด ทำแบบนี้กับน้องได้ไง
น้องงอลนานๆๆไปเลย เป็นกำลังใจค่าา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 19-06-2018 01:48:04
สงสารชยิน....เราว่าหลายวันที่ผ่านมาที่ขาดการติดต่อกับยุคทำให้ชยินรู้ใจตัวเองและรู้ว่าตัวเองผิดแล้วอ่ะ ชยินไม่ควรต้องมาเจอแฟนเก่าในห้องยุคอ่ะ ถึงแม้เราค่อนข้างจะมั่นใจว่ามันคงไม่มีอะไรหรอก แต่ก็ไม่อยากให้ชยินเสียใจไปกว่านี้อ่ะ ลูกแม่ :sad4: กอดปลอบพร้อมหอมหัว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 19-06-2018 12:41:18
คุณ จิตติ.. รีบมาต่อนะคะ  :katai4:
เข้ามาดูทุกวันเบยย..  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 19-06-2018 21:31:48
โหเจ็บมาก เจ็บสุดๆ ถ้าเราเป็นชยินความรู้สึกคงแหลกไม่เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ยุคอธิบายมา!!!!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: Forbiddenlove ที่ 20-06-2018 14:16:44
ไหนบอกไม่ดราม่าไง ฮืออออออออออ
สงสารชยิน ร้องไห้เลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 21-06-2018 23:24:17
เธอหายไปเลย หายไปในอากาศ ลอยไปกับสายลม.....
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 27-06-2018 12:09:37
คิดถึงชยิน  :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่12 [11/06/61] *หน้า26
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 27-06-2018 18:08:35
:กอด1: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 27-06-2018 23:34:11


ตอนที่ 13
ความเหงากลับมาทักทาย



   ผมรู้แล้วว่าโลกนี้ยังมีสิ่งที่มนุษย์เราต้องเผชิญอีกเยอะ

   ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าเมื่อโตขึ้นเราจะต้องเก่งกล้ามาก ต่อให้มีสิ่งที่น่ากลัวแค่ไหนเข้ามาสุดท้ายก็คงผ่านมันไปได้ในที่สุด แต่ใครจะคิด สิ่งที่คาดหวังกับความเป็นจริงมันต่างกัน

   บางอย่างเราควบคุมมันไม่ได้ น้ำ ลม ฝนฟ้าอากาศ โชคชะตา หรือแม้แต่ความรู้สึกของคน

   “ชยิน อย่าคิดไปเอง ตอนนี้คุณต้องตั้งสติก่อน” คำพูดของคนตัวสูงทำให้ผมชะงักนิ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ด้วยซ้ำ

   “ผมขอโทษ ผมงี่เง่าเอง”

   “มันไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้คุณช่วยกลับไปก่อนได้มั้ย”

   “...”

   “แล้วผมจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง”

   “ก็คง...ต้องเป็นอย่างนั้น”

   ผมไม่ใช่ผู้ฟังที่ดีเท่าไหร่นัก แต่ก็อยากให้โอกาสตัวเองได้ฟังคำอธิบายอะไรสักอย่างจากปากของเขา เพื่อที่บางทีจะได้เข้าใจว่าสถานะที่เราเป็นอยู่นี้มันควรหยุดลงหรือดำเนินต่อ

   “เดี๋ยวผมลงไปส่ง”

   “ยุค” ยังไม่ทันหมุนตัว เสียงหนึ่งก็หยุดความมีน้ำใจของคนตัวสูงเอาไว้ ผมหันไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

   หลายอย่างไม่จำเป็นต้องพูดตอนนี้ ต่อให้อยากรู้หรือไม่เข้าใจกับมันมากแค่ไหนก็ควรเก็บเอาไว้ในใจ ผมไม่ได้อยากดูแย่ในสายตาของใครหลายๆ คน ทว่ากว่าจะอดกลั้นให้สงบนิ่งได้ขนาดนี้มันไม่ง่ายเลยสักนิด

   สองเท้าติดสั่นก้าวออกมานอกห้อง เดินไปตามทางอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกสับสน ในใจกำลังหวังอะไรบางอย่างที่ดูเป็นไปได้ยากแต่ผมก็ยังคิด ช่วยตามออกมาได้มั้ย หรือบอกอะไรก็ได้ให้รู้สึกใจชื้นกว่านี้หน่อย ช่วยบอกว่าผมเข้าใจผิด บอกว่าผมคิดไปเอง อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การกลับไปรอความหวังลมๆ แล้งๆ เหมือนที่กำลังทำอยู่

   ทำไมถึงพูดตอนนี้ไม่ได้ เพราะแคร์เธอมาก กลัวว่าเธอจะเสียใจเหรอ แล้วตัวผมล่ะ

   ตอนที่ตัดสินใจจะรักเขา ผมทิ้งความกลัวทั้งหมดออกไป

   โดยลืมนึกไปว่า ความผิดหวังก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวเหมือนกัน

   ผมสะกดจิตตัวเองไม่ให้หันไปมองด้านหลัง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกของตัวเอง เพราะเมื่อหันไปความหวังที่สร้างมาก็พังทลายไม่เป็นท่า ยุคไม่ได้ตามออกมา ประตูห้องยังคงปิดสนิท ต่อให้ยืนรอนานกว่านี้อีกเป็นชั่วโมงมันก็ยังเหมือนเดิม

   การกลับมารอที่ห้องอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด ผมรู้ดีว่าคงไม่สามารถทำอะไรต่อได้อีกแล้วนอกจากทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เฝ้ารอเวลาให้ผันผ่านไปแต่ละวินาทีอย่างมีความหวัง

   หนึ่งวินาที...สองวินาที...สามวินาที...

   ผมเกลียดการเฝ้ารอ เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของยุคในวันนั้น ผมปล่อยให้เขาจมจ่อมอยู่หน้าห้องนานนับชั่วโมง นี่หรือเปล่าที่ทำให้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อผมเริ่มเปลี่ยนไป

   ผมผิดเอง ขอโทษ ผมผิดเอง...

   อยากบอกแบบนี้มาตลอดแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำ อีกนานแค่ไหนกว่าเวลาจะผ่านพ้น เพราะผมคงทนไม่ได้ที่ตัวเองรู้สึกอ่อนแอลงทุกที ผมไม่ใช่ชยินคนเดิมที่ยอมรับกับเรื่องเลวร้ายทุกอย่างในชีวิตได้อีกแล้ว นั่นเป็นเพราะเขาได้เปลี่ยนทุกอย่างของผมไป

   นาฬิกายังคงเดินของมันตามปกติ มีแต่ผมที่คิดว่าแม่งโคตรช้า นอนก็ไม่หลับ ทำอะไรก็ไม่ได้ แต่งเพลงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทำได้แค่พลิกตัวไปมา มองดูแสงสว่างที่ลอดผ่านหน้าต่างค่อยๆ เปลี่ยนสี ตอนนี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว

   แสงในช่วง Afterglow ผลักความรู้สึกหดหู่นั้นให้ยิ่งหนักเข้าไปอีก

   หนึ่งทุ่มผมลุกเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาก่อนกลับมากดมือถือ เลื่อนไปยังหน้าคอนแท็กซึ่งมีชื่อของคนที่เฝ้ารออยู่หลายครั้ง ผมอยากโทรไปหาเขา แต่ก็รู้ว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางรับ ทำได้อย่างเดียวคือรอต่อไป เขาบอกให้รอก็ต้องรอ ต่อให้ไม่รู้ว่ารอไป...สุดท้ายเขาจะมาหรือเปล่าก็ตาม

   Rrrr...!

   เสียงเรียกเข้าดังขึ้นในเวลาสามทุ่มกว่า ผมรีบคว้าโทรศัพท์อย่างเร็วรี่ แต่ก็ต้องใจเสียอีกครั้งเพราะคนที่โทรมาไม่ใช่ยุค และคนเดิมที่ตามติดสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วงก็มีเพียงไอ้เบิร์ดแค่คนเดียว ผมกดรับสายอย่างไม่รีรอก่อนกรอกเสียงอ่อยๆ ลงไป

   “ว่าไง”

   [มึงนั่นแหละว่าไง เป็นไงบ้างวะ เคลียร์กันยัง] อีกฝ่ายรัวคำถามเป็นน้ำไหลไฟดับ ส่วนคนฟังน่ะเหรอ พอมีคนสะกิดหน่อยล่ะใจเหลวขึ้นมาทันที

   “ยัง”

   [มึงโอเคหรือเปล่า เสียงแม่งโคตรแย่เลยว่ะ]

   “วันนี้กูไปหายุคแล้วนะ” บางทีผมก็แค่ต้องการใครสักคนที่รับฟัง ไม่ต้องปลอบก็ได้ แค่อยู่ด้วยกันตอนที่ไม่มีใครแบบนี้ก็พอ

   [อืม เจอมั้ย มันว่าไงบ้างล่ะ คือถ้าไม่โอเคกูโทรไปเคลียร์ให้ได้]

   “มันไม่มีประโยชน์หรอก ยุคบอกให้กูกลับมารอที่ห้องก่อน คิดว่าอีกไม่นานคงได้คุยกัน”

   [แล้วทำไมมึงไม่คุยกันตั้งแต่ตอนนั้นวะ]

   “ยุคไม่สะดวกคุยน่ะ” ผมไม่ได้เล่าทั้งหมดให้ไอ้เบิร์ดฟัง อาจเพราะกลัวว่าตัวเองจะคิดไปเอง ประกอบกับไม่อยากให้ใครมองยุคไม่ดีเลยเลือกพูดแค่บางอย่างที่พูดได้เท่านั้น

   [เอาเถอะ พอเข้าใจ เดี๋ยวก็ได้เคลียร์กันแล้ว ว่าแต่มึงเถอะกินอะไรหรือยัง]

   “กูไม่หิว” เสียงพรูลมหายใจดังเข้ามาในสาย ซูปเปอร์เนิร์ดเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนกรอกเสียงตอบกลับมา

   [ถ้ากูยังอยู่ไทย แม่งจะขับรถไปตีก้นมึงให้หนักเลยจริงๆ ไปหาอะไรกินซะ]

   “เบิร์ด...” ผมแทบไม่สนใจคำขู่ของมันด้วยซ้ำ นอกจากถามสิ่งที่คิดอยู่ในหัวตลอดทั้งวันออกไป

   [ว่าไง]

   “ถ้าสมมติกูกับยุคไปด้วยกันไม่รอด มึงว่ากูควรทำยังไงต่อไปวะ”

   [ทำเหมือนที่มึงเคยจบกับแฟนเก่ามึงไง]

   “ไม่เหมือนกัน อันนั้นเราต่างหมดรักกันไปแล้ว แต่ตอนนี้กู...กูยังรักมันอยู่”

   ตอนแรกที่เจอกันผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ครั้งที่สองและสามก็เหมือนกัน

   ขนาดตอนที่ได้ยินคำสารภาพรักครั้งแรกผมยังรู้สึกเฉยๆ ยังถามตัวเองอยู่เลยว่าตายด้านหรือเปล่า ครั้งแรกไม่ได้ชอบก็จริง ทว่าวันนี้ผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าตัวเองได้รักเขาจนไม่เผื่อใจสำหรับความเจ็บปวดไปหมดแล้ว

   [ชยิน ทุกความสัมพันธ์ไม่ได้จบแค่คำว่าแฟนนะเว้ย มึงสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้] ผมส่ายหัวทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าว

   “กูไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับยุค”

   […]

   “ถึงใครจะเป็นได้ แต่สำหรับกูมันไม่มีวันเป็นแบบนั้นแล้ว”

   ผมไม่เคยเตรียมใจไว้ว่าต้องผิดหวัง ในจินตนาการมันมีแต่เรื่องที่เราคบกันและจะใช้ชีวิตประจำวันด้วยกันยังไงมากกว่า แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นผมควรทำยังไง

   เป็นเพื่อนก็ไม่ได้ จะรักก็ไม่ได้ บางทีคงเป็นได้แค่...ความทรงจำ
   









   ผมวางสายจากเพื่อนสนิทที่อยู่ไกลคนละซีกโลกในเวลาเกือบสี่ทุ่ม ก่อนจะกลับมาเฝ้ารอใครบางคนอย่างมีความหวัง เกือบสิบชั่วโมงแล้วที่ยังอยู่ที่เดิม ยึดเตียงเป็นที่พักพิงใจแล้วสะกดจิตตัวเองซ้ำๆ ว่าไม่มีอะไร ทุกอย่างจะดีขึ้น เดี๋ยวเขาก็มา เดี๋ยวเสียงประตูห้องก็ดังอย่างใจหวัง

   เที่ยงคืน จิตใจที่เคยสงบเริ่มกลับมากระวนกระวายอีกครั้ง ผมเดินไปทั่วห้อง หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดและตัดสินใจต่อสายหาคนตัวสูงโดยไม่กลัวว่าจะถูกมองแย่ยังไง

   หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...

   จู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมา ผมไม่ควรเป็นแบบนี้ ไม่ควรต้องเจ็บปวดกับการมีความรัก ทั้งที่เคยบอกตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่เริ่มต้นกับใครง่ายๆ อีก สุดท้ายผมก็กลืนน้ำลายตัวเอง

   หากจะโทษใครที่ทำให้เจ็บ คงเป็นตัวผมเองที่ก้าวออกมาจากกำแพงทั้งที่รู้ดีว่าอยู่ในนั้นแม่งก็ดีอยู่แล้ว

   ตีหนึ่ง...

   ยังคงพลิกตัวไปมาบนเตียง ร่างกายไม่รู้สึกถึงความหิวแม้ลำคอจะแห้งผากไปแล้วก็ตาม ขณะเดียวกันความกระวนกระวายที่เกาะกุมจิตใจก็ยังไม่หายไปไหน ได้แต่ข่มตานอนซึ่งรู้ดีว่ามันคงไม่ต่างอะไรกับการนอนนิ่งๆ เหมือนในคราแรก

   ตีสอง...

   ผมตัดสินใจเดินออกมานั่งรออยู่ตรงโซฟา เผื่อเสียงเคาะห้องดังขึ้น ผมจะได้รีบเดินไปเปิดโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายรอนาน ระหว่างนี้ก็พยายามลดความฟุ้งซ่านของตัวเองลงด้วยการหยิบกีตาร์มาเล่นไปพลางๆ

   การเพ่งสมาธิไปที่จุดใดจุดหนึ่งช่วยได้มาก ทว่ามันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นแหละ

   ตีสาม...

   ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง การเปิดโอกาสเป็นเรื่องที่ดีแล้วเหรอ ถ้าให้เลือกย้อนเวลากลับไปได้ผมยังอยากสานสัมพันธ์กับยุคอยู่มั้ย คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบ

   เวลาตีห้า ผมรอข้ามคืนด้วยความหวัง แต่ผลตอบแทนกลับมานั้นมันโคตรว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เฝ้ารอ ไม่มีเสียงเคาะประตู ไม่มีคำอธิบายใดๆ ที่ทำให้รู้สึกใจชื้นเลยสักนิด ผมไม่อยากคิดไปไกลแต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี

   การมีแฟนเก่าอยู่ในห้องว่าเจ็บแล้ว แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือสภาพของผู้หญิงคนนั้น มันอดเชื่อได้ยากว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ยุคกับดรีมเคยคบกัน เขาเคยรักกันมาก่อน

   พอคิดว่าทุกอย่างที่เขาเคยทำดีกับผม ครั้งหนึ่งเขาก็เคยทำให้เธอ แม่งก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที ไม่มีหรอก คนที่ทำดีกับเราแค่คนเดียวในโลก มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่ต้องมารับผิดชอบความรู้สึกไม่พอใจของผมสักหน่อย เป็นผมเองต่างหากที่ต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้ได้

   หกโมงเช้าผมอาบน้ำแปรงฟัน หาของกินง่ายๆ รองท้องแม้จะไม่รู้สึกอยากเท่าไหร่นัก เมื่อจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จจึงย่างเท้าเข้ามายังห้องนอน เก็บเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋า ในหัวผมไม่รู้หรอกว่าควรทำอะไรหรือตัดสินใจจะไปที่ไหน รู้แค่ว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้นานนัก

   ผมเป็นคนไม่มีเพื่อนมาก จะหวังพึ่งใครก็กลัวว่าเขาจะอึดอัดเลยเลือกแบกทุกอย่างไว้กับตัวเอง

   ในบัญชีมีเงินอยู่เล็กน้อย มันพอสำหรับค่าเดินทาง ค่าที่พัก รวมถึงค่าอาหารในระยะเวลาหนึ่ง แย่หน่อยที่ผมเลือกหนีปัญหา แต่เชื่อเถอะว่ามันดีสำหรับตอนนี้ที่สุดแล้ว

   ผมให้เวลา ผมเฝ้ารอ ทว่าความอดทนของคนเรามีวันสิ้นสุดเสมอ

   ถ้ายุคแคร์ผมจริงเขาคงวิ่งมาอธิบายทุกอย่างให้เข้าใจตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมถึงปล่อยให้ผมรอนานขนาดนี้ อย่างน้อย...โทรมาบอกสักนิดก็ได้ว่าคืนนี้คงไม่มา ว่างวันไหนค่อยคุยกันมันก็อาจจะดีกว่า

   ผมส่งข้อความไปหาที่บ้าน บอกกับเขาด้วยประโยคสั้นๆ ว่าขอหนีเที่ยวสักสัปดาห์ จากนั้นช่องทางการติดต่อทุกอย่างก็ถูกปิด หวังว่ามันคงเพียงพอสำหรับการทบทวนสิ่งต่างๆ เพียงลำพัง

   โชคดีที่เมื่อสองเดือนก่อนผมได้รับอีเมลชวนให้ไปคอนเสิร์ตต่างจังหวัด ตอนแรกคิดว่าคงไม่มีเวลาว่างพอจะไป ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ ชีวิตก็อยากหาอะไรทำขึ้นมาซะงั้น


   ‘ยุค’
   ‘ว่า...’
   ‘คุณชอบผมเพราะอะไร จะบอกว่าผมหล่อก็คงไม่ใช่มั้ง เงินก็ไม่มีด้วย แถมคอนโดยังผ่อนอยู่เลย ผมไม่เคยทำดีเพื่อคุณสักอย่างแต่ทำไมคุณถึงชอบผม’
   ‘เพราะคุณทำให้ผมเติบโต และเพราะคุณอีกเหมือนกันที่ทำให้ผมกลายเป็นเด็ก’
   ‘…’
   ‘ผมเกลียดการเป็นผู้ใหญ่เพราะต้องแบกรับหน้าที่อะไรหลายๆ อย่าง ผมอยากเป็นเด็กที่ไม่ต้องคิดอะไรนอกจากใช้ชีวิตไปวันๆ แต่กาลเวลาเอาความเป็นเด็กกลับมาไม่ได้’
   ‘…’
   ‘ตอนที่ผมได้เจอคุณครั้งแรก มันทำให้ผมคิดว่าผมอยากเป็นผู้ใหญ่ อยากดูแลคุณ อยากแบกรับภาระทุกอย่างที่มีคุณอยู่ ขณะเดียวกันความสดใสของคุณ ความคิดเด็กๆ ของคุณมันทำให้ผมได้รับช่วงเวลาวัยเด็กกลับมาพร้อมๆ กัน คุณเป็นมันทุกอย่าง’



   ยังจำได้ดี

   ประโยคสารภาพรักในคืนนั้น เขาบอกชอบผม ชอบทุกอย่างที่เป็นตัวตนของคนชื่อชยิน นี่อาจเป็นคำปลอบใจที่ดีที่สุดที่สามารถบอกกับตัวเองได้

   สิบโมงเช้าผมแบกกระเป๋าออกจากห้องหลังสำรวจความเรียบร้อยเสร็จสรรพ แต่ก็ยังไม่หมดความพยายามต่อสายหายุคไปพลางๆ แน่นอนว่าคำตอบก็เป็นอย่างที่รู้กันดี เขาปิดเครื่องไปแล้ว เหมือนกับความสัมพันธ์ของเราที่คงต้องจบลงไปพร้อมกันด้วย

   ถ้ารู้ว่าแพ้ผมก็จะถอย คงไม่ดันทุรังให้ใครต้องรู้สึกอึดอัดอีก

   “มึงอยู่คนเดียวได้เว้ยชยิน มึงอยู่กับความทรงจำได้” ผมพูดปลอบใจตัวเองขณะเดินแบกกระเป๋าเป้ไปตามทาง

   ก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิมคงไม่มีอะไรยาก เมื่อก่อนเหงาแค่ไหน โดดเดี่ยวแค่ไหนทำไมถึงอยู่ได้ ผมดูหนังคนเดียวเป็นประจำ กินข้าว ปั่นเรือเป็ด หรือแม้กระทั่งไปดูคอนเสิร์ต ทุกอย่างที่ทำผมมีความสุขดี คราวนี้ก็คงไม่ต่าง...

   ชีวิตเคยมีเขาเข้ามา วันหนึ่งเขาไม่อยู่แล้ว มองในแง่ดีครั้งหนึ่งเราก็เคยอยู่ด้วยกัน ต่อให้เจ็บปวดแค่ไหนก็เรียกร้องอะไรกลับมาไม่ได้หรอก

   ทำได้แค่พาคำว่ารักของเขาเดินทางไป ทั้งที่ตอนนี้อาจไม่เหลือความรักอยู่แล้วก็ตาม

   “ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร...”

   “...”

   “เก่งแล้วชยิน เก่งมาก”

   วันแรกของการเดินทางมาต่างจังหวัดในรอบหลายเดือน ผมไม่ได้ติดตามข่าวสารทางโซเชียลใดๆ เพราะปิดมือถือและไม่ได้พกแล็ปท็อปติดตัวมาด้วย ช่วงเวลานี้จึงเป็นการแค่พักผ่อนโดยไม่มีอะไรมารบกวนอย่างแท้จริง

   การอยู่ในกำแพงเหงาก็จริง แต่ถ้าแลกกับการไม่เจ็บปวดอีกมันก็คุ้มค่า

   โฮมสเตย์ที่เข้าพักค่อนข้างสะอาด และราคามิตรภาพเหมาะสำหรับคนกินแกลบประจำอย่างผม อาหารอร่อย บรรยากาศก็ดี ผมพกหนังสือของมูราคามิเล่มที่ยังไม่ได้อ่านติดตัวมาด้วย เลยไม่มีเวลาว่างแบ่งไปคิดถึงเรื่องอื่น แค่ถ่ายรูปกับอ่านหนังสือหนึ่งวันก็ผ่านไปแล้ว

   วันที่สองผมยังคงทำทุกอย่างเหมือนเดิม มีแค่หนังสือที่ไม่ได้หยิบมาด้วยเนื่องจากตะบี้ตะบันอ่านแก้อาการนอนไม่หลับจนจบเล่มภายในคืนเดียว เลยเปลี่ยนไปใช้เวลาเที่ยวละแวกนั้น หาไอเดียแต่งเพลงเลี้ยงปากท้องเหมือนที่ชอบทำแบบเมื่อก่อน

   ใกล้ค่ำหน่อยก็กลับมาหาข้าวกิน เวลาดึกผมนอนดูดาวอยู่ตรงระเบียงห้อง ที่ตรงนี้เห็นดาวชัดแจ๋ว สวยไม่ต่างจากดาดฟ้าคอนโดที่กรุงเทพฯ เลยสักนิด

   ผมไม่ได้มีกำหนดว่าจะอยู่ที่นี่ไปถึงเมื่อไหร่ คิดว่าเงินหมดก็คงต้องกลับ ซึ่งข่าวร้ายก็คือมันคงพอให้ผมได้ดูคอนเสิร์ตในวันสุดท้ายเท่านั้นแหละ เกิดมาจนจะแย่ ทำตามความฝันบางทีก็แดกไม่ได้ แถมมีความรักกับเขาทั้งทีก็ต้องมาเจ็บปวดเพราะไม่สมหวังอีก

   ผมเลยพยายามตัดใจ

   แต่มันไม่ง่ายเท่าไหร่เพราะยังคิดถึงเขาอยู่ ยุคจะคิดเหมือนกันบ้างมั้ย ผมตั้งคำถามแบบนี้ซ้ำๆ ทว่าก็ไม่เคยรู้คำตอบอยู่ดี

   บรรยากาศในวันคอนเสิร์ตพลุกพล่านไปด้วยผู้คน ผมยื่นนิ่งๆ กวาดตามองบรรยากาศโดยรอบ บางคนมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ บางคนมากับคนรัก บางคนมากับเพื่อนสนิท หรืออีกหลายๆ คนก็ฉายเดี่ยวด้วยความแกร่งกล้า ผมคือหนึ่งในนั้น

   ความรู้สึกเดิมๆ ตีวนเข้ามาในความคิด เมื่อก่อนผมอยู่กับความเหงายังไงวะ โคตรเก่งเลย ตอนนี้ก็ไม่ยากนักหรอก เปิดใจ ยอมรับความจริง อีกไม่นานก็ผ่านมันไปจนได้นั่นแหละ

   “ขอเสียงคนรักในเสียงเพลงดังๆ ได้มั้ยคร้าบบบ”

   “โว้วววววววว” เสียงลากยาวจากหน้าเวทีทำให้ทุกคนวิ่งกรูกันเข้าไป

   วันนี้มีวงดนตรีหลายวงมาเล่นที่นี่ มั่นใจว่ายังไงก็ต้องได้ฟังเพลงที่ตัวเองแต่งแน่ๆ เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมตัดสินใจมาดูคอนเสิร์ตไกลถึงต่างจังหวัด ทั้งที่ตัวเองเป็นคนติดห้องจนใครก็ลากออกมาไม่ได้

   งานเริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็นยาวนานจนถึงเที่ยงคืน ผมเดินไปซื้อเบียร์กระป๋อง จากนั้นก็เดินเข้าไปบริเวณเวทีใหญ่และโยกไปตามจังหวะเพลงที่ศิลปินกำลังเล่น

   รักที่เธอเคยมีถูกร้องในเวลาเกือบสี่ทุ่ม เนื่องจาก A little bliss เล่นเป็นวงที่ห้า ทุกคนดูอินกับการร้องคร่ำครวญราวกับเพิ่งอกหักมาหยกๆ ขณะที่อีกหลายคนก็กอดคอเพื่อนเพื่อปลอบใจอยู่ไม่ห่าง

   ไม่มีใครจำผมได้ อาจเพราะทุกคนกำลังโฟกัสไปที่ความสนุกบนเวทีเลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ซึ่งมันดีแล้ว

   จากเพลงเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นเพลงสนุกสนานในเวลาต่อมา เรากระโดดโลดเต้น แหกปากร้องจนเหน็ดเหนื่อย เหงื่อเม็ดโตผุดซึมเต็มกรอบหน้าและแผ่นหลัง ผมเดินไปซื้อเบียร์มาอีกกระป๋อง กระดกดื่มจนหมดเนื่องจากแอลกอฮอล์ช่วยให้รู้สึกสนุกขึ้นเป็นเท่าตัว

   สี่ทุ่มครึ่ง Moving and cut วงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟอีกวงที่ผมชื่นชอบก็เอ่ยทักทาย ท่ามกลางเสียงกรี๊ดต้อนรับของคนด้านล่าง

   เพลงส่วนใหญ่ของวงมักเป็นเพลงเศร้า ดังนั้นหลายคนจึงเตรียมตัวอย่างดีว่าจะมาน้ำตาหลากกันที่นี่ ก่อนหน้าก็ A little bliss ไปแล้ว ตอนนี้หัวใจคนฟังคงอินไปอีกพักใหญ่

   “นี่เป็นเพลงใหม่ของพวกเรา อาจจะแปลกหน่อยที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยเพลงเร็ว เพียงแต่เราคิดว่าคงมีใครในนี้อีกหลายคนที่มาคนเดียว”

   “วู้วววๆๆๆ”

   “ใครอีกหลายคนที่เพิ่งอกหัก”

   “ช่ายยยยยยยย”

   “ใครหลายคนที่กำลังหนีความจริง และใช่...บางคนเลือกหนีเพื่อที่จะได้รู้สึกดีขึ้น หนี...เพื่อลืมความรักที่จากเราไป เพราะงั้นขอเสียงคนที่กำลังหนีหน่อยได้มั้ยครับ”

   “กรี๊ดดดดดดดดดด”

   เสียงตอบกลับดังไปทั่วพื้นที่ ผมยังคงยืนนิ่ง จ้องมองไปตรงเวที รอคอยจนกระทั่งดนตรีในจังหวะแสนคุ้นเคยดังขึ้นมา

   คืนนี้ผมมาเที่ยวกับความเหงา เราแบกเป้กันมาไกลด้วยความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างในร่างกายที่แหลกสลาย ผมพยายามที่จะรักษาด้วยการหยุดเฝ้ารอ และเลือกเยียวยามันด้วยการทำทุกๆ อย่างเหมือนในอดีต

   ก่อนมีความรักผมทำอะไรบ้าง รู้สึกยังไง มีความสุขแค่ไหน

   ผมไม่ได้โดดเดี่ยว ในวันที่ความเหงาเข้ามาทักทาย ก็แค่ยอมรับความจริงและอยู่ให้ได้เท่านั้น

   “มาช่วยร้องไปพร้อมๆ กันนะครับ Escape…”


   “ฉันเพียงแค่อยากหนีไป ยังฝืนความรู้สึกไม่ไหว
   เพราะว่าในความหลัง ไม่ได้ทำให้มีความหวัง
   ให้เดินต่อไป...


   แต่สุดท้ายฉันยังคงอยู่ที่เดิม
   มีชีวิตเหมือนวันเก่าๆ เสมอ
   ได้แค่ยิ้มให้ความผิดหวัง และคงทำได้เพียงแค่นั้น
   มานานเหลือเกิน”



   เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมคนอกหักถึงชอบฟังเพลงเศร้า ทั้งที่มันไม่ได้ปลอบประโลมอะไรเรา ตรงกันข้ามกลับทำให้เรายิ่งเจ็บเข้าไปอีก

   จริงๆ แล้วมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยึดติดกับความเจ็บปวดต่างหาก การตอกย้ำว่าเราทรมานแค่ไหนเป็นเหมือนการระบายความอัดอั้นทุกอย่างออกมา หลายครั้งที่คนฟังเพลงเศร้าแล้วร้องไห้ หลายครั้งที่ไม่อาจฝืนยิ้มได้อีกต่อไป และหลายครั้งเหมือนกันที่เราตะโกนแหกปากร้องเพลงฟูมฟายจนแทบเสียสติ

   ถามว่าเจ็บมั้ย ก็ไม่ได้บรรเทาอะไรมาก แต่ในทางความรู้สึกผมคิดว่ามันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย เจ็บปวดเข้าไปอีก แต่ต่อให้เจ็บแค่ไหน เราก็ยังมีความหวังว่าทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิม


   “ฉันเพียงอยากขอช่วยทำให้ฉันหายไป
   หายไปในความฝันที่ไม่มีใครสนใจ
   อยู่ตรงนั้นคงงดงาม ฟ้าที่สีคราม ลมที่พัดผ่านไป
   ได้แต่หวังว่ามันคงสวยงาม”



   น้ำตาไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ความอดทนที่พยายามมาตลอดพังทลายลงไม่เป็นท่า ท่ามกลางผู้คนมากมาย ผมรับรู้ได้แต่เสียงร้องไห้ของตัวเอง มันดังก้องในใจและยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีหยุด
   

   ‘ชยิน’
   ‘หืม’
   ‘จากวันแรกที่เจอคุณจนวันนี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่...’
   ‘...’
   ‘ผมชอบคุณมากขึ้นทุกวันเลยว่ะ’



   เขาคงลืมมันไปหมดแล้ว มีเพียงผมที่ยังคงจดจำได้ขึ้นใจ

   ความทรงจำในอดีตหลั่งไหลราวกับสายน้ำ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวลงทุกขณะจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องทรุดตัวนั่งลงกับพื้น

   เกลียดตัวเองฉิบหายที่ต้องมาอกหักทั้งที่ยังไม่ได้คบ

   “คุณ...คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ใครสักคนย่อเข่าลงตาม มือข้างหนึ่งแตะลงบนไหล่ของผมเบาๆ ราวกับกำลังเป็นห่วง

   “เปล่าครับ ผม...ไม่เป็นไร”

   “มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะคะ”

   “ขอบคุณมากครับ แต่ไม่เป็นไรจริงๆ” ผมกะพริบตาถี่เพื่อไล่น้ำตาร้อนๆ พลางยกแขนขึ้นเช็ดอีกที จากนั้นจึงยืนขึ้นเต็มความสูง ก้มหัวขอบคุณกลุ่มคนตรงหน้าก่อนเบียดเสียดผู้คนเดินออกไปด้านนอก

   ความพยายามที่ทำมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ล้มเหลวไม่เป็นท่า

   วันนี้...ผมคิดถึงเขาอีกแล้ว

   ถึงผมกับยุคจะได้เจอกันในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้ยาวนานนับปีเหมือนใครหลายคน แต่แปลกเหลือเกิน...ตอนที่ความสัมพันธ์จบลงในวันนั้น ความทรงจำทุกอย่างกลับยังคงดำเนินต่อ

   ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ อาจจะหนึ่งเดือน สองเดือน หนึ่งปี ตอนที่มีความรักครั้งใหม่เข้ามาทักทาย หรือบางที...

   มันอาจเป็นตลอดไป

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 27-06-2018 23:35:05

   กงล้อของความจริงมักหมุนวนกลับมาเร็วเสมอ เพราะต่อให้เราอยากหนีไปนานแค่ไหนท้ายที่สุดแล้วก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับทุกอย่างอยู่ดี

   ผมแบกกระเป๋าเสื้อผ้าเน่าๆ กับเงินที่มีติดตัวโคตรน้อยนิดกลับมายังห้อง ก่อนจะเปิดอีเมลเพื่อเช็กความเคลื่อนไหวของงานผ่านแล็ปท็อปโดยไม่คิดแตะต้องมือถือ ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความทวงงานจากพี่โปรดิวเซอร์สนิทเด่นหราอยู่ตรงหน้า

   เราเคยคุยกันเรื่องเพลงที่ตกลงไว้ในตอนแรก แม้ไม่เร่งร้อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสบายใจถึงขั้นอยากส่งเมื่อไหร่ก็ได้ เพลงคือธุรกิจ งานของผมก็ต้องการเงิน ดังนั้นเลยหลีกเลี่ยงกฎข้อนี้ไม่ได้เลย

   ผมกดเปิดโทรศัพท์มือถือครั้งแรกในรอบหนึ่งสัปดาห์ ข้อความและ missed call มหาศาลถูกส่งเข้ามานับไม่ถ้วน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนอกจากต่อสายหารุ่นพี่ที่ทำงานเป็นอันดับแรก ซึ่งแกก็กดรับอย่างเร็วโดยไม่ปล่อยให้รอนาน

   [ไอ้ชยิน มึงหายไปไหน!] น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูโมโหไม่น้อย ส่วนผมก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากตอบอ้อมแอ้มยอมรับความจริง

   “ขอโทษครับ พอดีผมไปต่างจังหวัดมา”

   [เออดี ชีวิตแฮปปี้แต่คนที่นี่กำลังจะตาย]

   “ก่อนหน้านั้นผม...มีปัญหานิดหน่อย”

   [อกหัก?]

   “...” คราวนี้ผมเงียบไป

   [ก็ไม่ได้บอกหรอกว่าจะให้เคลียร์เรื่องอกหักแล้วมาแต่งเพลง เข้าใจว่าทำได้ยาก แต่ก่อนจะตัดสินใจหายหัวน่ะช่วยเมลหรือโทรมาบอกก่อนได้มั้ย กูจะได้รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป]

   “งั้นผมขอแก้ตัวใหม่ได้มั้ยพี่เกม”

   [โทษทีว่ะ งานมึงกูยกให้คนอื่นทำไปแล้ว] อาการช็อก แล้วก็อาฟเตอร์ช็อกแบบไม่รู้จบมันเป็นแบบนี้นี่เอง

   “ได้ไง!”

   [ก็มึงไม่อยู่ ติดต่อก็ไม่ได้ งานของค่ายมันก็ต้องเดินหน้าป่ะวะ ถ้าจะให้รอมึงคนเดียวก็ฉิบหายตายห่ากันพอดี]

   “ผมรู้ แค่อยากจะขอโอกาสอีกครั้งได้มั้ยครับ” เงินหมดแล้ว พูดง่ายๆ ว่าไม่มีจะแดก สภาพจิตใจย่ำแย่ สภาพกระเป๋าสตางค์ก็ไม่ต่างกัน

   [ช่วงนี้ไม่มีโปรเจ็กต์อะไรให้มึงทำหรอก]

   “เข้าใจครับ”

   [แต่ถ้าอยากมีงาน มึงเขียนเพลงใหม่ขึ้นมาเลย ทำเองแม่งให้หมด แล้วลองเอามาเสนอดู ได้ไม่ได้เดี๋ยวกูเคาะกับที่ประชุมอีกที] ในข่าวร้ายยังมีข่าวดีแทรกอยู่ ผมยิ้มออกมา ดีใจจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้

   “ไม่มีปัญหาครับ จะให้ส่งวันไหนบอกมาได้เลย”

   [สิ้นเดือนนี้ทันมั้ย]

   “ทันครับ” ผมตอบโดยไม่คิด

   [แล้วเรื่องปัญหาหัวใจอะไรของมึงล่ะ แยกออกจากงานได้เหรอ]

   “ได้ครับ พี่เกมไม่ต้องห่วงเลย ผมทำได้”

   [เออ แล้วอย่าโหมงานจนตายล่ะ อยู่คนเดียวแบบนั้นไม่มีใครไปช่วยหรอกนะ แค่นี้แหละมีงานแทรก ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มเติมก็ส่งเมลมาคุยแล้วกัน]

   หลังวางสาย ผมตัดสินใจกดปิดเครื่องมือสื่อสารอีกครั้งก่อนรวบรวมกำลังใจให้ตัวเอง ความจริงแล้วเรื่องงานกับความรู้สึกมันแยกกันได้เว้ย และผมก็คือคนนั้น...

   การอุดอู้อยู่ที่ห้องไม่ได้ช่วยให้งานคืบหน้า เพราะงั้นผมจึงคว้าเอาแล็ปท็อป สมุดจดเพลงพร้อมกับกีตาร์ออกไปหาแรงบันดาลใจข้างนอก ผมมีร้านประจำที่มักมาเสมอจนจำหน้าค่าตาคนในร้านได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือมันมีห้องส่วนตัวพอที่จะให้ผมได้แต่งเพลงนอกสถานที่แบบไม่ต้องรบกวนใคร

   ช่วงบ่ายแก่ๆ ผมมาถึงร้าน สั่งกาแฟและของกินเล่นที่ถูกที่สุดมาประทังความหิว ก่อนเริ่มต้นแต่งเพลง

   “กาแฟครับ” เจ้าของร้านเดินเข้ามาเสิร์ฟด้วยตัวเอง

   “ขอบคุณครับพี่”

   “หายไปหลายวันเลยนะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง”

   “ก็...แย่นิดหน่อย”

   “ชีวิตมันก็มีทั้งดีและแย่นั่นแหละ ว่าแต่คนนั้นไม่มาด้วยเหรอ” คนนั้นคงหมายถึงยุค เราเคยมาที่นี่ด้วยกัน แลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจด้วยกัน ซึ่งมันจะไม่มีอีกแล้ว

   “คงไม่มาแล้วครับ”

   สีหน้ายิ้มแย้มนั่นดูสลดลงเล็กน้อย

   “วันนี้ว่าจะเปิดเพลย์สิสต์ที่มีคนแต่งชื่อชยินทุกเพลงเลย”

   “ปลอบใจกันได้ดีมาก ขอบคุณครับ”

   “รอฟังเพลงใหม่อยู่นะ”

   “อีกนานเลยกว่าจะได้ฟัง”

   “การรอคอยไม่ได้แย่สักหน่อย มองดีๆ มันก็คุ้มที่จะรอเหมือนกัน” มือหนาเลื่อนปิดประตูกระจกให้ ปล่อยให้ผมได้อยู่ตัวเองอีกครั้ง ไม่ถึงสามนาทีเพลย์สิสต์เพลงทุกเพลงที่ผมเคยแต่งก็ดังลอดเข้ามา ซึ่งก็ดีแล้วที่ไม่ต้องอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง

   ก่อนหน้านั้นผมทำตัวโง่ คาดหวังถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และบางครั้งก็ค้นพบว่าตัวเองแม่งไร้เหตุผลสิ้นดี ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปแต่ไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง จากความคิดที่ว่าจะแต่งเพลงรักหวานแหวว เลยกลายเป็นต้องเบนเข็มมาเขียนเพลงเศร้าอีกตามเคย

   แถมคราวนี้ก็ดูจะอินกว่าทุกครั้ง ‘ลืมเลือน...’ เพลงที่มีชื่อก่อนเนื้อหาและเมโลดี้

   เพลงที่มีภาพความทรงจำของผมกับใครบางคนก่อนจะจางหายไป










   “กลับแล้วเหรอ” รุ่นพี่เจ้าของร้านเอ่ยถามเหมือนทุกครั้ง

   “ครับ”

   “ได้งานมั้ยวันนี้”

   “ไม่ได้อะไรเลยครับ” หลายคนพูดถูก เราไม่สามารถแยกความรู้สึกส่วนตัวกับงานได้จริงๆ

   “ไอเดียดีๆ มันไม่ได้มาทุกวันหรอก อย่ากดดันตัวเอง”

   “ขอบคุณครับ แล้วค่ากาแฟกับขนมเท่าไหร่ครับ”

   “ร้อยห้าสิบ”

   ผมควักเงินออกจากกระเป๋าสตางค์พลางยื่นให้คนตรงหน้า ใช้เวลาอยู่ตรงเคาน์เตอร์ไม่นานก็หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังเดินออกจากร้าน ไม่คิดเลยว่าภาพที่เห็นจะทำให้หัวใจที่เริ่มแข็งแรงกลับมาอยู่ในสภาพย่ำแย่อีกครั้ง

   “ชยิน” นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่เจอยุค แปดวัน...ทว่าในความรู้สึกกลับเหมือนยาวนานนับปี

   “มาทำงานเหมือนกันเหรอ”

   ผมคงทำได้แค่ทักแล้วส่งยิ้มให้ เวลาของเรามันจบลงแล้ว จบลงในวันที่เขาไม่มาตามนัดและปล่อยให้ผมรอข้ามคืนอย่างมีความหวัง

   แถมวันนี้เจ้าตัวก็ไม่ได้มาคนเดียวเสียด้วย ข้างกายเขายังมีใครอีกคน เป็นแฟนเก่าที่ตอนนี้อาจจะเลื่อนความสัมพันธ์มาเป็นแฟนคนปัจจุบัน ผมไม่อยากคิดไปเองหรอก แต่เห็นท่าทางการจับมือแล้วมันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี

   คงมีแต่ผมที่ร้องไห้ ความคิดเข้าข้างตัวเองมากมายสลายหายไปในพริบตา ตรงหน้านี้ต่างหากที่เป็นความจริง
   “ดรีมเข้าไปรอในร้านก่อนได้มั้ย” คนตัวสูงหันไปบอกผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก่อนเธอจะพยักหน้าเข้าใจ

   “คือขอโทษนะ แต่ตอนนี้ผมไม่สะดวก ต้องกลับแล้ว” เวลานี้คงไม่มีใจอยากฟังคำพูดแก้ตัวอะไรหรอก ผมเอ่ยลาสั้นๆ จากนั้นก็ย่ำเท้าไปข้างหน้า แต่ยุคไวกว่านั้น เขาคว้าข้อมือของผมเอาไว้และยึดให้หยุดอยู่กับที่

   “เราต้องคุยกัน”

   “ไม่มีอะไรต้องคุยกัน”

   “คุณหายไป ผมติดต่อคุณไม่ได้ รู้หรือเปล่าว่าทุกคนเป็นห่วง”

   “รู้ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ผมจะโทรไปขอโทษเพื่อนๆ เอง แค่นี้ใช่มั้ย”

   “ชยิน”

   “ผม...อยากกลับแล้ว เพราะงั้นคุณช่วยปล่อยมือผมได้มั้ย” ก่อนที่ผมจะทำตัวงี่เง่ามากกว่านี้ ก่อนที่ผมจะร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ

   “เรายังไม่เข้าใจกัน”

   “ใช่ แล้วก็ไม่มีวันเข้าใจด้วย ตอนที่ผมรอคุณเป็นนาที เป็นชั่วโมง รอจนข้ามวันคุณหายไปไหน”

   “...”

   “ผมเจ็บ ฮือออออ พอแล้วได้มั้ย พอเถอะ”

   สุดท้ายก็พ่ายแพ้ ผมร้องไห้อีกจนได้ คิดถึงชยินที่เคยเข้มแข็งในอดีตจริงๆ ต่อให้เจ็บปวดแค่ไหนก็ไม่เคยร้องออกมา

   “ปล่อยเถอะ ปล่อยได้แล้ว” ไม่นานข้อมือก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ

   ในเวลานี้ผมไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขา เลยได้แต่หมุนตัวเดินผละออกไป ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิด ยุคไม่ได้ตามผมมาแต่กลับเลือกเดินเข้าไปในร้านเพราะผู้หญิงคนนั้น

   ความรักที่ยังไม่ได้เริ่มต้นตอนนี้จบลงแล้ว...

   เมื่อกลับถึงห้องผมทิ้งข้าวของทุกอย่างไว้กับพื้น ก่อนโถมตัวลงบนโซฟา ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเพื่อหวังว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะร้องไห้ให้เขาอีก

   นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่จมอยู่กับสภาพน่าสมเพช ในหัวจินตนาการไปสารพัดกระทั่งคิดหาทางออกด้วยตัวเองได้อย่างหนึ่ง เลยย่างเท้าไปยังตู้เย็น หยิบกระป๋องเบียร์ทั้งหมดที่มีออกมากระดกดื่ม คิดเสมอว่าแอลกอฮอล์ช่วยคลายความเศร้าได้ และผมอยากหลับไป

   ทุกคืนผมมักจะฝันถึงเขา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เมาผมจะไม่ฝันอะไรอีกเลย ไม่ต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดทั้งในความจริงและความฝัน แม้จะเป็นเวลาชั่วครู่แต่ก็ดีกว่าต้องเจ็บอยู่ตลอดเวลา

   กระป๋องเปล่าถูกทิ้งลงบนพื้น ของเหลวที่ดื่มเข้าไปแผ่ซ่านไปตามกระแสเลือด กว่าจะรู้สึกร้อนก็ตอนที่เบียร์กระป๋องที่สามถูกดื่มจนหมด การดื่มรวดเดียวแบบไม่มีพักนี้ทำให้รู้สึกเมาเร็วขึ้นหลายเท่า ทว่าผมก็ยังคิดว่ามันไม่พอ

   กระป๋องที่สี่และห้าตามมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่มองเห็นชัดเจนเริ่มพล่ามัว ร่างกายคล้ายกำลังโงนเงนแทบยืนไม่มั่นคง ผมแกะเบียร์กระป๋องสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้วยกขึ้นดื่ม แต่ยังไม่ทันหมดกระเพาะก็เหมือนจะไม่ยอมรับ เลยเดินโซซัดโซเซกลับไปที่โซฟา

   “หลับได้แล้ว...หลับเถอะ” ทิ้งตัวลงนอนและกล่อมตัวเอง ขณะน้ำตายังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย

   อยากผ่านไป แต่เมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึง

   ผมข่มตาหลับเนิ่นนาน ซึ่งไม่รู้ว่าผ่านไปในเท่าไหร่ที่อยู่ในสภาพนี้กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ที่มีแต่ความสับสน

   ก๊อกๆๆ

   ผมยังคงไม่สนใจนอกจากนอนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม ทว่าคนด้านนอกก็ยังไม่หยุดเคาะ ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่อยู่ตรงนั้น แต่ในช่วงเวลาที่สมองประมวลผลเชื่องช้าขนาดนี้ ผมก็คิดอะไรไม่ออกนอกจากสะบัดหัวไล่ความมึนเมาออกไปเล็กน้อย ก่อนลากสังขารไปยังหน้าประตู

   ไม่คิดเลยว่าร่างกายจะถูกจู่โจมด้วยแรงกอดที่รัดแน่นจากคนตัวสูงกว่าในเสี้ยววินาที

   “อืออออออ” ผมร้องอย่างไม่พอใจ พยายามสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ

   “ชยิน” เจ้าตัวเรียกชื่อผม

   “ใคร เป็นใคร”

   “คุณเมาเหรอ” วงแขนอบอุ่นกับกลิ่นกายที่คุ้นเคย คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ชายที่ชื่อศตวรรษ

   “ยุค คุณมา...ที่นี่อีกทำไม” พูดไปก็สะอึกไปจนน่ารำคาญ   

   “...”

   “เราจบกันแล้ว...ไม่...ใช่เหรอ”

   เขาไม่ยอมตอบ แต่กลับยึดหน้าของผมไว้ จากนั้นก็ประกบจูบอย่างเอาแต่ใจ เรียวลิ้นร้อนชื้นแทรกผ่านริมฝีปากเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับทุกอย่างที่อยู่ภายในโพรงปากจนทำให้ผมแทบหมดเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน

   ใจหนึ่งอยากผลัก แต่เมื่อถูกกอดกลับอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมเกลียดความย้อนแย้งในใจของตัวเอง   

   จูบครั้งนี้ไม่ได้หอมหวาน สิ่งที่รับรู้ได้เต็มไปด้วยความขื่นขม ทว่าเขาก็ยังเก่งที่ยังคงทำให้ผมคล้อยตามจนเหมือนถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง กว่าจะยอมผละออก สองขาก็แทบทรุดลงกับพื้น หากไม่ได้คนตัวสูงพยุงไว้ตอนนี้ผมคงล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว

   “คุณทำไปเพื่ออะไร” ผมก้มหน้าไม่ยอมสบตา

   “...”

   ไม่อายหรอกที่ต้องร้องไห้ต่อหน้าเขาซ้ำซาก ก็แค่ไม่เข้าใจว่าหากไม่รักกันแล้วทำไมถึงไม่ยอมพูดตรงๆ ต่างหาก

   “ทำไมต้อง...เป็นผมคนเดียวที่เจ็บ ทำไมผม...ต้องรักคุณในวันที่คุณไม่รู้สึกอะไรแล้วด้วย”

   “เมาแล้วเด็กน้อย รอให้คุณโอเคกว่านี้เรามาคุยกันเถอะ” ตัวของผมถูกรวบไปกอดอีกรอบ คราวนี้วงแขนหนาหนักออกแรงรัดแน่นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่ผมส่ายหัว

   “ผมไม่อยากฟัง...ไม่อยากเสียใจที่ต้องรับรู้...ว่าคุณไม่รักกันแล้ว”

   ผมยังคงพึมพำไม่หยุด ไม่นานร่างกายก็ถูกอุ้มขึ้นมา ร่างสูงใช้เท้าเปิดประตูเข้าไปยังห้องนอน ก่อนวางผมไว้บนเตียงอย่างละมุนละม่อมและตั้งท่าจะผละออกไป ความกลัวผลักดันให้ผมรีบคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยขอร้องราวกับคนไม่มีศักดิ์ศรี

   “อย่าไป อย่าเลือกเขาได้มั้ย”

   “ผมไม่ได้ไปไหน แค่คุณเมามาก ต้องเช็ดตัวนะ”

   “ผมไม่เมา ยังรู้สึกตัว” แถมรู้ดีด้วยว่าในเวลาที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เข้าใจดีว่าต้องเจ็บที่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ แต่ช่างแม่งเถอะ ผมฝืนความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

   ความรู้สึกเบื้องลึกผลักดันให้ผมมีความกล้าพอจะทำอะไรบางอย่าง ยางอายถูกสลัดออกไปทันทีที่มือติดสั่นของตัวเองกำลังดึงทึ้งเสื้อยืดที่สวมใส่ออกไปจากตัว

   “ชยินจะทำอะไร”

   “มีเซ็กซ์”

   “ตั้งสติก่อน ชยินตอนนี้คุณไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

   “ผมรู้”

   ในเมื่อไม่สามารถถอดเสื้อผ้าของตัวเองเพราะถูกรั้งเอาไว้ ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายด้วยการพุ่งไปรูดซิบกางเกงของคนตรงหน้า จากนั้นก็ก้มลงใช้ริมฝีปากครอบครองส่วนกลางกายอย่างรวดเร็ว

   ผมรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกเกร็งของร่างสูง มือหนาพยายามผลักออกแต่ความดื้อรั้นนี้ก็ทำให้เจ้าตัวถอนหายใจพร้อมกับพูดออกมาเสียงแผ่ว

   “ชยิน”

   “...” เขารู้ดีว่าผมไม่คิดจะหยุด นอกจากทำไปร้องไห้ไปเหมือนคนบ้า

   “พอได้แล้ว” คำพูดของยุคเหมือนกำลังสวนทางกับร่างกาย เพราะปฏิกิริยาที่ตอบสนองนั้นค่อยๆ ร้อนแรงขึ้นทุกที ไม่นานเขาก็ล้มเลิกความพยายามที่จะผลักผมออก แต่เปลี่ยนเป็นการลูบหัวปลอบประโลมราวกับเด็กๆ แทน

   แกนกายของคนตรงหน้าเริ่มแข็งขึง มันขยายจนเต็มโพรงปากส่งผลให้ผมรู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาดื้อๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เพราะถ้าหยุดยุคอาจจะหนีไป ผมรู้ว่าเขาไม่พอใจ รู้ว่าที่ทำไปมันแย่และไร้ศักดิ์ศรีเพียงแต่...

   “อย่าเกร็ง คุณปล่อยปากก่อน”

   “...”

   “ชยินผมไม่ได้จะไปไหน เด็กดีฟังผม อยู่แบบนี้คุณจะทรมาน” สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ให้กับคำพูดของเขา มือหนาผลักให้ผมล้มตัวลงนอนกับเตียงอีกครั้ง ความมึนเมาของแอลกอฮอล์ยังคงเหลืออยู่ในกระแสเลือด ภาพตรงหน้าพร่าจนต้องยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดน้ำตาออกลวกๆ

   “คุณช่วย...ช่วยนอนกับผมได้มั้ย”

   “ผมจะนอนเป็นเพื่อนคุณ”

   “ไม่ใช่...ไม่ใช่แบบนั้น”

   ผมยังไม่หมดความพยายามที่จะถอดเสื้อผ้าบนร่างกายของตัวเองออก ในเวลาเดียวกันนั้นสองหูกลับได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นั่นยิ่งทำให้รู้สึกใจแป้วขึ้นมาทันที

   กว่าจะทำสำเร็จก็ใช้เวลาอยู่นาน คนตัวสูงหมดความพยายามจะห้ามปรามแล้วเลยได้แต่ยืนมองอยู่เงียบๆ ผมกัดฟันถอดปราการด่านสุดท้ายออกจากขา ข่มความอายและร่างกายที่แล่นพล่านด้วยความร้อนเอาไว้ด้วยการนอนหงาย อ้าขาสองข้างให้กว้างที่สุด จากนั้นก็ใช้มือที่ว่างอยู่นั้นแหวกแก้มก้นจนเห็นช่องทางด้านหลังอย่างชัดเจน

   “ขะ...เข้ามา...ในตัวผมเถอะ”

   “ชยินคุณยังไม่พร้อม”

   “เข้ามา”

   “เด็กดื้อ ถ้าคุณตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คุณจะเสียใจที่ทำแบบนี้”

   “ไม่เสียใจ ผมรักคุณ ผมยินดียกทุกอย่างให้คุณ”

   “...”

   “ยุค” พอเห็นเขาไม่ตอบน้ำตาก็เริ่มเอ่อคลออีกรอบ อาการวิงเวียนยังคงอยู่ แต่ที่รู้สึกกว่านั้นคือความร้อนรุ่มที่แล่นพล่านไปทั่วกายจนทำให้ผิวหนังขึ้นริ้วแดงไปทั้งตัว

   คนตรงหน้านิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนเขาจะโน้มตัวลงมาประกบจูบที่ริมฝีปากอีกรอบด้วยความอ่อนโยน กายสูงโถมตัวลงบนเตียง สองมือกอดผมเอาไว้ขณะริมฝีปากยังคงสัมผัสกันอยู่ ลิ้นร้อนไล้ไปตามสบฟันอย่างหยอกล้อ ก่อนล่วงล้ำเข้าไปภายใน ดูดดึงแลกเปลี่ยนความหวานจนน้ำลายชุ่ม

   แต่ถึงจะได้รับมากมายขนาดนี้กลับยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ สองมือกอดเกี่ยวอีกฝ่ายเอาไว้ เงยหน้ารับจูบอย่างเต็มใจ ไม่ว่าเขาต้องการอะไรผมก็จะให้ความร่วมมือทุกอย่าง

   เมื่อต่างคนต่างบดจูบกันจนพอใจแล้ว คนตัวสูงก็ผละออก เขาสาละวนกับการถอดเสื้อผ้า ไม่นานเราต่างก็เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ร่างของผมถูกช้อนตัวขึ้นมาจากเตียง ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

   ภายใต้น้ำอุ่นจากฝักบัว ผมถูกทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม ร่างกายสิ้นเรี่ยวแรงไม่แม้แต่จะกระดิกตัวได้ ยิ่งตอนที่ถูกมือหนาถูสบู่และปัดป่ายไปตามส่วนต่างๆ ผมก็เผลอกระตุกเกร็งเป็นระยะก่อนจะล้มลงในสภาพเนื้อตัวอ่อนปวกเปียกจนแทบหมดฤทธิ์

   “เด็กน้อย ผมอดทนไปตลอดไม่ไหวหรอกนะ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู จากนั้นเขาก็อุ้มผมออกมาวางลงบนเตียงเพื่อเช็ดตัวก่อนคืบคลานตามขึ้นมา ผมสังเกตเห็นแกนกายของเขาขยายขนาดจากเดิมค่อนข้างมาก ความแข็งขึงของมันทำให้ขนอ่อนทุกส่วนลุกชัน จากที่ปากเก่งในตอนแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นอย่างห้ามไม่อยู่

   “เราไม่มีถุงยาง ไม่มีเจลหล่อลื่น คุณยังอยากให้ผมทำอีกมั้ย”

   คราวนี้ผมพยักหน้า มาถึงขนาดนี้แล้ว ถึงจะเสียใจแต่ก็ไม่เสียดายที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น

   “คุณจะไม่เสียใจ”

   “อื้อ”

   “คุณจะฟังคำอธิบายที่ผมต้องการบอกกับคุณ”

   “ครับ”

   “เก่งให้ได้เหมือนที่คุณพยายามล่ะ” พูดแค่นั้นยุคก็กดข้อมือของผมฝังไว้กับเตียง ก่อนโน้มตัวลงมาพรมจูบตั้งแต่หน้าผาก จากนั้นจึงเลื่อนลงไปยังจมูก ริมฝีปาก รวมถึงซอกคอ

   “อา...” ผมเผลอครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อถูกคมฟันกัดเข้าเนื้อบริเวณข้างใบหูรวมถึงซอกคอ และเขาก็ยังคงทำแบบนั้นอย่างต่อเนื่องทิ้งความเจ็บซ่านน้อยๆ ไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกระดูกไหปลาร้า หน้าอก หน้าท้อง หรือแม้แต่ส่วนล่างที่เป็นจุดสงวน

   “ยุค ผม...ผม...” จู่ๆ ดันพูดไม่ออกซะอย่างนั้น

   เพราะไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้เลยเอาแต่ร้องครางไม่หยุด เจ็บ เสียวซ่าน หรือรู้สึกดี ทุกอย่างผสมปนเปจนแยกไม่ออก ได้แย่จิกเล็บไปบนฝ่ามือของตัวเองและบิดกายไปมาเป็นการหลีกหนีสัมผัสคุกคาม

   ยิ่งตอนที่ถูกริมฝีปากร้อนฝังลงไปบนซอกขาด้านใน ก่อนถูกเรียวลิ้นตวัดเลียเป็นการปลอบประโลมด้วยแล้ว ร่างกายก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ผมพยายามจะเอื้อมมือดันหน้าของอีกฝ่ายออกแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อข้อมือยังถูกเขายึดไว้กับที่ ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรอีกในเมื่อเสนอตัวอยากให้เองตั้งแต่แรก
   

อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 27-06-2018 23:35:56

   การเล้าโลมยังคงดำเนินไปอย่างยาวนาน ผมหอบหายใจถี่ระรัว พยายามกอบโกยเอาออกซิเจนเข้าสู่ปอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การอาบน้ำในตอนแรกไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยเมื่อเหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดซึมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย อุณหภูมิรอบข้างคล้ายกับกำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีหยุดยั้ง

   ผมกระตุกเกร็งครั้งแล้วครั้งเล่า ขนาดไม่ถูกสัมผัสแกนกายตรงๆ ทำไมร่างกายถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองมากมายขนาดนี้ น้ำใสๆ บริเวณนั้นเริ่มไหลปริ่มพาเอาความอึดอัดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี

   “ยุค...ผมขอ...ขอช่วยตัวเองได้มั้ย ไม่ไหว...ไม่ไหว” ผมรัวคำพูดไม่ได้ศัพท์ออกมาเรื่อยๆ แต่คนเหนือร่างกลับไม่ยอมปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระเสียที

   “รอก่อนได้มั้ยเด็กน้อย มันยังไม่ถึงเวลา”

   “แต่ผมอึดอัด”

   “อดทนอีกหน่อย”

   “เมื่อไหร่” ถามทั้งที่น้ำตายังเอ่อคลออยู่เต็มขอบ

   คราวนี้เขาเลือกที่จะไม่ตอบ แต่เลื่อนใบหน้าขึ้นมาประกบจูบผมอีกรอบ คล้ายกับกำลังเริ่มต้นเล้าโลมทุกอย่างใหม่ตั้งแต่แรก และอ้อยอิ่งกว่าเดิมตอนที่ลิ้นร้อนสัมผัสกับหน้าอกของผมตรงๆ

   “อ๊า...”

   “รู้สึกดีมั้ย”

   “ดี...ฮึก!”

   “อ้าปากหน่อย” ผมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนยุคจะยื่นนิ้วมาจ่อบริเวณฝีปากแล้วให้ผมตวัดลิ้นเลียจนเปียกชุ่ม น้ำลายเม็ดใสไหลไปตามขอบปากและนิ้วมือ เร้าอารมณ์และความรู้สึกของผมจนลมหายใจเริ่มติดขัดอีกรอบ แต่คราวนี้ยุคไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น เขาดึงนิ้วออกมาก่อนออกคำสั่งเสียงเรียบ

   “อ้าขาหน่อย” ร่างกายที่ร้อนรุ่มคล้ายกับตกลงไปในธารน้ำแข็งหนาวยะเยือก ความกลัวบางอย่างกลับมาเยือนจิตใจอีกครั้ง

   ความกล้ากับความกลัวตีกันอยู่ในหัวไม่หยุด จนไม่รู้ต้องทำยังไงนอกจากนอนนิ่ง

   “ชยินเชื่อใจผม อ้าขาหน่อย” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่มือที่ยังว่างอีกข้างก็จัดการแยกขาทั้งสองข้างของผมออกจากกันเรียบร้อยแล้ว

   ไม่นานหมอนใบเล็กก็ถูกวางรองไว้ตรงสะโพก ผมปิดตาแน่น รู้สึกอับอายขึ้นมาเป็นเท่าตัว

   ยุคเห็นทุกส่วนในร่างกายของผมหมดแล้ว แค่คิดก็ไม่รู้จัดมุดหน้าไว้ตรงไหนนอกจากฝังมันให้จมลงไปกับหมอน ไม่คิดเลยว่าจะถูกเชยคางให้กลับมาเผชิญหน้ากันในที่สุด

   “ลืมตาหน่อยเด็กน้อย ยิ่งหลับตาคุณจะยิ่งกลัว”

   “ผมขอโทษที่ปากดี ฮือ”

   “เราจะหยุดกันแค่นี้ก็ได้นะ”

   “ไม่ ไม่หยุด”

   เสียงถอนหายใจดังขึ้นมาอีกระรอก ผมมองลึกไปยังดวงตาคู่คม แล้วตัดสินใจยกทุกอย่างให้กับเขา

   “ผมเชื่อใจคุณ” เปลือกตาทั้งสองข้างถูกจูบปลอบประโลม ก่อนคนเหนือร่างจะอธิบายสิ่งที่กำลังทำให้ผมเข้าใจและหายตื่นกลัว

   “เราต้องขยายช่องทาง คุณไม่เคยมาก่อนเพราะอย่างนั้นอาจต้องใช้เวลา น้ำลายกับโลชั่นจะช่วยทำให้นิ้วของผมเข้าไปในตัวคุณได้ง่ายขึ้นเพราะงั้นอย่าเกร็ง”

   ผมพยักหน้า สูดลมหายใจเข้าปอดลึกพลางเหลือบตามองกายสูงที่เคลื่อนตัวไปอยู่กึ่งกลางหว่างขา

   นิ้วชี้วนไปรอบบริเวณช่องทางด้านหลัง ความเย็นเยียบที่สัมผัสส่งผลให้ผมเผลอหุบขาโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ทันไรก็ถูกแยกให้กางออกอีกครั้ง พร้อมกับนิ้วมือนิ้วหนึ่งที่กำลังล่วงล้ำเข้ามาภายใน

   “ผ่อนคลายเด็กน้อย”

   “ฮืออออ ยุค ผม...ผม...รู้สึกแปลกๆ” ผมรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนตัวของสิ่งแปลกปลอมที่ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาภายในร่างกายอย่างเชื่องช้า ทว่ากลับสร้างความอึดอัดอย่างมหาศาลจนต้องแผดเสียงร้องออกมา

   “คุณเก่งแล้วชยินผ่อนคลายอีกหน่อย ผมขยับเข้าไปไม่ได้” มือหนาอีกข้างลูบไล้สะโพกของผมไปมาเหมือนเป็นการสร้างความผ่อนคลาย แต่ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงถึงเรียกว่าผ่อนคลาย ทุกอย่างในหัวมันตื้อไปหมด

   “ผมทำไม่ได้”

   “ทำได้สิ ปล่อยขาให้สบาย” ขาสองข้างเป็นยังไงไม่รู้หรอก แต่นิ้วมือที่จิกลงไปบนผ้าปูจนยับยู่ตอนนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าผมทำไม่ได้

   “ผมแย่มากที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี”

   “เด็กน้อยงั้นจับมือกัน” มือหนาเลื่อนจากสะโพกมาคว้ามือของผมเอาไว้ ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าท้องที่เกร็งเครียดจนรู้สึกได้ “แล้วมองหน้าผม” เขาบอกอีกครั้ง

   ผมจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาเบื้องหน้า มองเห็นทั้งความห่วงใยและแสนอบอุ่น เลยทำให้ความกลัวที่สั่งสมมาค่อยๆ จางหายลงไปค่อนข้างมาก

   “นั่นแหละดีแล้ว”

   “อ๊าาาาา” เผลอร้องครางออกมาทันทีที่นิ้วนั้นชำแรกเข้ามาภายในจนสุด จากนั้นก็รอให้ร่างกายปรับตัวกับสิ่งแปลกปลอมได้สักพักเขาก็เริ่มเคลื่อนมือเข้าออกอย่างช้าๆ มันไม่ได้เจ็บ แต่นำพาเอาความเสียวซ่านมาให้จนต้องกัดปากระบายความรู้สึก

   “เก่งมากเด็กดี ตอนนี้ผมจะใส่นิ้วที่สองเข้าไป ผ่อนคลายเหมือนเดิมนะ”

   คำพูดนั้นเป็นสัญญาณเตือนให้ผมปรับตัว ในเสี้ยววินาทีที่คนตัวสูงพูดจบความคับแน่นก็มาเยือนช่องทางด้านหลังอีกครั้ง แถมคราวนี้เจ้าตัวยังงอนิ้วทั้งคู่ ปล่อยให้มันขูดผนังภายในจนผมแหกปากร้องเสียงหลง

   “ยุค โอ๊ยยยย”

   เขาควานนิ้วไปทั่วบริเวณ คล้ายกับกำลังตามหาอะไรสักอย่าง ผมกัดปากให้ความร่วมมือไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ไม่นานนิ้วมือแกร่งก็สัมผัสโดนจุดบางอย่างในร่างกาย นั่นทำให้ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความเสียวซ่านโดยอัตโนมัติ

    “อะ...อ๊า!”

   และเหมือนเขาจะรู้ว่าผมมักตอบสนองกับการสัมผัสตรงจุดนั้น เจ้าตัวเลยสะกิดบริเวณที่เสียวซ่านทุกครั้งที่เคลื่อนที่เข้าและออกช่องทางด้านหลัง

   ผมหายใจหอบฮัก เหงื่อเม็ดโตผุดซึมเต็มแผ่นหลังจนรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นของผ้าปูที่นอน ยุคดึงนิ้วทั้งสองออกมาแต่ไม่นานก็ถูกใส่กลับเข้าที่เดิมพร้อมกับจำนวนนิ้วที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

   นิ้วเท้าทั้งสิบจิกลงบนเตียง มือที่วางอยู่ตรงหน้าท้องกำแน่นจนคิดว่ากระดูกนิ้วของคนตัวสูงอาจจะหักได้ แต่ผมทนไม่ไหวจริงๆ เพราะนอกจากความเสียวซ่านแล้วผมก็ยังรู้สึกเจ็บปนอึดอัดไปด้วย

   “อื้อออออ เจ็บ เอาออกไปได้มั้ย ผม...ไม่ไหว”

   “คุณทำได้เด็กดี หายใจเข้าลึกๆ อีกนิดเดียวก็เข้าไปจนสุดแล้ว”

   “มันเจ็บมากเลย”

   “อ้าขากว้างอีกหน่อย” ตอนนี้เหน็บชาได้เกาะกุมบริเวณช่วงล่างทั้งหมด เลยยากแก่การทำตามคำสั่งเหมือนในคราแรก ซึ่งเหมือนยุคจะเข้าใจเลยเป็นฝ่ายรั้งขาของผมให้อ้ากว้างด้วยตัวเอง

   เขากระชับมือที่จับผมไว้ให้แน่นขึ้น ดวงตาคมที่กำลังจ้องมอเต็มไปด้วยความอาทร ผมรับรู้ความรู้สึกของเขาเหมือนที่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นความรักจากผมเช่นกัน

   “อา~~~” นิ้วมือทั้งสามเคลื่อนเข้าไปจนสุด ผมหลุบตามองเบื้องล่างครู่หนึ่งพลางพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

   “มองหน้าผมหน่อย”

   “ฮือ”

   “นั่นแหละดีแล้ว เก่งมาก อดทนไว้นะ อีกไม่นานคุณก็จะรู้สึกดี”

   ถ้าบอกว่าเชื่อใจแล้วก็ต้องเชื่อให้ถึงที่สุด ผมพยักหน้า ก่อนแหงนขึ้นจนสุดหลังจากนิ้วมือเคลื่อนตัวเข้าออกอย่างช้าๆ การงอนิ้วของอีกฝ่ายสร้างอาการกระตุกเกร็งให้กับร่างกายเป็นระยะ ยิ่งเมื่อสัมผัสถูกจุดที่ไวต่อความรู้สึกนั่นด้วยแล้ว ความอดกลั้นที่พยายามสร้างมาตลอดก็พังทลายลง

   “ยุค อะ...อ๊ะ...ขอร้อง”

   “...”

   ช่องทางด้านหลังถูกรุกล้ำเร็วและแรงขึ้นเป็นเท่าตัว ร่างกายของผมสั่นคลอนตามแรงส่ง ทุกส่วนบิดเร่าเกินควบคุม ความเสียวซ่านปนทรมานพุ่งทะลุจนขีดสุด น้ำใส่ๆ ที่เอ่อปริ่มอยู่ตรงแกนกายมีปริมาณมากขึ้น ผมอยากช่วยตัวเองใจแทบขาดเลยเอ่ยขอความเห็นใจอีกรอบ

   “ขอร้องให้ผม...ให้ผมทำ”

   “ไม่เป็นไรเด็กดี เดี๋ยวผมจัดการเอง”

   เขาปล่อยมือเป็นอิสระ จากนั้นก็กอบกุมแกนกายที่ขยายจนเกือบเต็มที่ของผมเอาไว้ ด้านหน้าออกแรงรูดรั้งขึ้นลง ขณะด้านหลังก็ยังไม่หยุดเคลื่อนนิ้วเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ทุกส่วนสัมพันธ์กันอย่างน่าประหลาด

   ผมอ้าปาก กอบโกยอากาศเข้าไปทุกช่องทางพลางร้องระงมออกมาลั่นห้อง

   “ผมจะ...จะเสร็จแล้ว อ๊ะ!”

   “ปล่อยออกมาเถอะ” คำพูดลื่นหูเหมือนแสงสว่างที่ส่องอยู่ตรงหน้า ผมเดินทางไปตามแสงนั้นอย่างมุ่งมั่น กระทั่งมองเห็นสีขาวที่สว่างวาบเข้ามาในสมอง ทุกอย่างขาวโพลนไปหมดจนแยกไม่ออกว่าสิ่งไหนคือความจริงหรือความฝัน รู้แค่ว่ามันรู้สึกดี

   กว่าจะเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ตอนที่หน้าท้องและซอกขาด้านในเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำรัก กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ นอกจากใช้นิ้วกวาดเอาของเหลวสีขาวขุ่นออกมา จากนั้นป้ายไปยังช่องทางด้านหลังของผมอย่างใจเย็น

   คราแรกได้แต่คิดว่าเขาอาจจะตายด้านไม่มากกว่าน้อยเพราะไม่ยอมแสดงท่าทีใดๆ ออกมา แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ เมื่อผมบังเอิญสังเกตเห็นแกนกายของอีกฝ่ายที่ขยายขนาดจนสุด และตอนนี้ส่วนนั้นก็แข็งขึงตั้งตรงจนผมอดหวั่นใจไม่ได้

   “ชยิน ผมขอลิ้นหน่อย”

   เสียงนั้นดึงผมออกจากภวังค์กลับมาที่ใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง

   ผมที่อยู่ในสภาพมึนงงเลยทำทุกอย่างช้าลงเป็นเท่าตัว กว่าจะรู้ว่าควรทำอะไรริมฝีปากก็ถูกประกบจูบอย่างรุนแรงเข้าแล้ว ด้วยไม่รู้จะตอบสนองยังไงจึงปล่อยให้อีกฝ่ายกอบโกยทุกอย่างไปจนหมด

   เนิ่นนานราวกับเวลาได้หยุดเดิน ผมล่องลอยไปกับสัมผัสของเขาราวกับอยู่ในความฝัน แต่ก็ถูกปลุกให้ตื่นฉับพลันตอนที่ความอบอุ่นจางหาย เขายืดตัวขึ้น นั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางหว่างขา มือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดทำหน้าที่ยึดหัวเข่าทั้งสองข้างของผมอย่างมั่นคง

   “โลชั่นจะพอช่วยให้คุณไม่เจ็บมาก เพราะงั้นอย่ากลัว” พูดแค่นั้นยุคก็ขยับมาใกล้ ก่อนจ่อส่วนปลายของแกนกายไปตรงช่องทางด้านหลัง ปล่อยให้มันสัมผัสส่วนนั้นเนิ่นนานแต่ไม่ยอมเข้ามาสักที

   “เลิกแกล้ง...ผมได้แล้ว” กว่าจะข่มความอายพูดออกไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่คิดเลยว่าหลังจากนั้นผมจะเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าของเขาแทนคำตอบ

   “ไม่ได้แกล้ง ก็แค่...ชอบหน้าตอนที่ทรมานแต่ก็ยังอดทนต่างหาก”

   นิ้วโป้งเอื้อมมาปาดไล้คราบน้ำตาออกจากแก้มอย่างแผ่วเบา ผมหลับตาพริ้มให้กับการกระทำของเขา ไม่นึกเลยว่าเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นพายุลูกใหญ่จะพัดโหมกระหน่ำยากแก่การสงบ

   ทันทีที่แกนกายแข็งแรงพยายามดุนดันเข้ามา ผมรีบผงกหัวมองสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงเพิ่มขึ้นเกือบถึงขีดสุด ร่างกายเจ็บร้าวคล้ายกับกำลังปริแตกแม้ส่วนนั้นจะแทรกเข้ามาได้ไม่มากนักก็ตาม

   “ฮือออ เจ็บ ผมเจ็บ”

   “ผ่อนคลายหน่อยเด็กดี ทำเหมือนที่ผมสอนคุณก่อนหน้านั้นสิ”

   “เข้าไม่ได้หรอก ไม่ได้...” ผมส่ายหัวไปมาบนหมอน ก่อนหน้านั้นเป็นนิ้วเลยคิดว่าคงรับมือไหว แต่เมื่อถูกแกนกายของเขาสอดใส่เข้ามาจริงๆ ผมก็แทบจะตายอยู่ตรงนี้ให้ได้

   “ชยินอย่าดิ้น ถ้าดิ้นเลือดคุณจะออก”

   “ฮือ เจ็บมากเลย”

   “ชู่ว~ อย่ามองข้างล่าง มองหน้าผม คุณจะไม่เป็นอะไร” แล้วผมก็ได้รับจูบเป็นการปลอบใจนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนเราจะตั้งสติและพยายามกันอีกครั้ง

   ยุคไม่ยอมถอนแกนกายออกมา แต่เลือกคามันไว้อย่างนั้นทั้งที่ยังเข้าได้ไม่ถึงครึ่ง เขาโน้มตัวมาข้างหน้า สอดมือไปยังด้านหลังแล้วโอบกอดผมไว้ทั้งตัว

   ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงในตอนแรกกลับสู่สภาวะปกติ ลมหายใจสงบขึ้น แม้ความเจ็บร้าวบริเวณช่วงล่างจะยังไม่หายไปก็ตาม

    เมื่อเราต่างอยู่ในท่าทางที่พร้อมกว่าเดิมแล้ว คนเหนือร่างก็กัดฟันกดส่วนแข็งแกร่งเข้าไปภายในทีละนิด...ทีละนิด พร้อมกับไล่อากาศที่อยู่ภายในออกไป ทุกอย่างคับแน่นไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถแทรกเข้าไปได้จนสุดสักที

   “ครึ่งนึงแล้วเด็กน้อยเก่งมาก อดทนนะ” ตอนนี้เข้าใจแล้ว ไม่ได้มีแค่ผมหรอกที่ต้องอดทน ยุคเองก็คงไม่ต่าง เขาทำทุกขั้นตอนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งที่จะใส่เข้ามาทีเดียวก็ยังได้

   “ใส่...เข้ามาอีกเถอะ”

   ผมสงสารเขา อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังพอไหว

   อีกฝ่ายทำตามคำขอทันทีด้วยการดันส่วนปลายให้เข้ามาลึกขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกมิลลิเซนที่ร่างกายเราขยับแนบชิดนำพาเอาความปวดร้าวมาให้ไม่รู้จบ ผมแอ่นสะโพกโดยอัตโนมัติ ออกแรงกอดคนตัวโตให้แน่นขึ้นกระทั่งส่วนนั้นจมดิ่งเข้ามาจนสุด

   น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลซึมรวมกับเหงื่อ ได้แต่เผยอปากกอบโกยเอาอากาศเข้ามาภายใน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ยุคผละจากอ้อมกอด จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของผมขึ้นมาพาดไหล่แกร่ง เผยให้เห็นส่วนสงวนอย่างเด่นชัดกว่าเดิมจนรู้สึกอาย

   ผมยกมือปิดหน้า แต่ไม่ทันไรก็ถูกดึงออกแล้วป้อนจูบให้อีกยกหนึ่ง

   “อ๊ะ...อาาาาาา”

   เสียงร้องแหบพร่าดังไปทั่วห้อง ผมไม่สามารถกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้อีก ยิ่งตอนที่เขาเริ่มขยับกาย แม้จะไม่หนักหน่วงทว่าก็ส่งผลให้ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่ดี ร่างกายของผมเกร็งเครียดอีกรอบ รู้สึกเจ็บบริเวณหน้าท้องเนื่องจากแกนกายนั้นแทรกตัวเข้าไปจนสุด

   “เด็กดีคุณรัดแน่นเกินไปแล้ว ผมขยับไม่ได้” คนตัวสูงเอ่ยเสียงนุ่ม

   “ขอ...ขอโทษ”

   “ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ข้างในตัวคุณผม...รู้สึกดีมาก” คำพูดประโยคนั้นสร้างกำลังใจให้ผมค่อนข้างมาก ก่อนจะนึกได้ว่าควรตอบแทนเขาเหมือนกัน

   “ผมเจ็บ แต่...รู้สึกดีเหมือนกัน”

   รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา ยามร่างกายค่อยๆ ปรับตัวจนถึงจุดหนึ่งยุคก็สามารถขยับร่างกายได้ง่ายดายกว่าเดิม เริ่มจากเชื่องช้า จากนั้นก็เพิ่มความเร็วขึ้น

   ความปวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ผมกัดฟัน ทนต่อความทรมานในช่วงแรกจนกระทั่งความรู้สึกแย่ๆ นั้นจางหายไป แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านที่ทำให้เผลอร้องครางออกมาจนสุดเสียง เบียดเสียดร่างกายบิดเร่าไปบนเตียงอย่างร้อนรุ่ม

   “อื้อ...อ๊ะ...อา” เลือดในกายพุ่งพล่านจนถึงจุดเดือด ยามส่วนแข็งขึงแทรกเข้ามาจนสุดก่อนถอนตัวออก จากนั้นก็ใส่เข้ามาใหม่อีกรอบให้แรงกว่าเดิม ผมดิ้นทุรนทุราย ยิ่งเมื่อถูกกระตุ้นตรงจุดที่ไวต่อการสัมผัส ภายในหัวใจก็รัวกระหน่ำไม่หยุดราวกับกำลังทำสงคราม

   ผมจมดิ่งไปกับการร่วมรักที่คราแรกอ่อนหวาน แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงและดุดัน แม้จะเป็นครั้งแรก ทว่ากลับรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด

   “ยุคระ...แรงไป อื้ออออ...ฮือออ” ผมร้องแทบไม่เป็นภาษา ตอนที่ก้มมองส่วนที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกำลังเคลื่อนไหว ต้นขาด้านในแดงเผือดจากการถูกเสียดสี ความหนักเบาและจังหวะที่สอดใส่ผลักให้อารมณ์ของผมพุ่งสูง ก่อนจะถูกผลักลงมายังจุดต่ำสุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   มือหนายกขาของผมลง จากนั้นก็พลิกให้อยู่ในท่านอนตะแคง

   “อะ...อื้ออออ” เขาสอดใส่เข้ามาอีกรอบ แล้วจดจ่อกับการเคลื่อนไหวอย่างเอาเป็นเอาตาย

   เสียงเปียกแฉะหยาบโลนดังไปทั่วห้อง ผิวเนื้อของเรากระทบกันจนเกิดเสียงเร้าอารมณ์ให้พุ่งไปจนสุด

   “ยุค ผมไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว...”

   “อดทนหน่อยนะเด็กดี ยังไม่ถึงเวลา รอก่อน” ดวงตาสองข้างพร่ามัว ก่อนถูกพลิกตัวในกลับมานอนหงายอีกครั้ง แกนกายนั้นใส่เข้ามาจนสุดทั้งเร็ว แรง และลึก ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่ขยายไปทุกจุดของความรู้สึก ยามผนังถูกครูดสัมผัสอย่างแรง ยิ่งผลักดันให้ความอดทนอดกลั้นที่มีอยู่ลดน้อยลงทุกที

   แกนกายส่วนหน้าของผมแข็งขึงจนตั้งตรง หยดน้ำใสๆ เริ่มเอ่อคลอตรงส่วนปลาย ผมเอื้อมมือหมายจะสัมผัสเพื่อปลดปล่อยแต่ยุคก็รั้งข้อมือของผมไว้

   “เด็กดีไปพร้อมกัน จับมือผมไว้ ไม่ต้องกลัว” นิ้วมือของเราสอดประสานแทบไม่เหลือช่องว่าง เอวหนาเคลื่อนตัวชักเข้าออกอย่างรวดเร็วและมันทำให้ผมดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง

   “ยุค ผมไม่ไหวแล้ว”

   “ปล่อยออกมาเถอะ”

   “อ๊ะ...อ๊าาาาาาา” สิ้นสุดประโยคนั้น น้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาจนเลอะหน้าท้อง ซอกขาด้านใน ร่วมถึงผ้าปูที่นอน ร่างกายกระตุกเกร็งอยู่หลายครั้งให้กับความรู้สึกสุขสม ก่อนความรู้สึกซาบซ่านจะจางหาย รับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนที่อยู่ภายในร่างกายโดยฝีมือของอีกฝ่าย

   เขาทำให้ผมถึงจุดสูงสุดได้ทั้งที่ไม่ต้องใช้มือช่วยด้วยซ้ำ แถมเจ้าตัวก็ยังทิ้งความรู้สึกกระดากอายเอาไว้ในช่องทางด้านหลังอีกต่างหาก

   “รอบที่สองไหวมั้ย”

   หลังหอบหายใจอยู่บนเตียงนับสิบนาที เสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้นอีก ด้วยไม่รู้จะตอบยังไงเลยได้แต่ก้มหน้า กะพริบตาช้าๆ แทนคำตอบไปในที่สุด

   Rrrr...!

   ทว่ายังไม่ทันได้เริ่มต้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของร่างสูงก็แผดเสียงดังขึ้นมาเสียก่อน

   เราหันไปมองยังปลายเตียง ใบหน้าคมจ้องมองอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งก่อนตั้งท่าจะเดินไปคว้ามันเพื่อรับสาย แต่ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ไม่อยากให้ใครเข้ามาแทรกช่วงเวลาที่เป็นของเรา

   “ยุค”

   “ชยินเดี๋ยว อาจจะมีเรื่องสำคัญ”

   “อย่าเพิ่งรับเลย ผมขอร้อง”

   “...” และเพราะไม่รู้จะทำยังไงเพื่อรั้งเขาไว้ ผมจึงตัดสินใจฝืนความเจ็บที่เกาะกุมทุกตารางผิวด้วยการพลิกตัว จัดร่างกายให้อยู่ในท่าคลานเข่า คว่ำหน้าลงกับหมอน ยกสะโพกขึ้นสูงพร้อมกับอ้าขากว้าง

   สองมือแหวกกล้ามเนื้อสะโพกออกจากกันจนเผยให้เห็นส่วนลับที่บวมช้ำจากการร่วมรักในรอบแรก แม้จะรู้สึกโหวงหวิว แต่ก็ยังคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะอยากช่วยเติมเต็ม

   “เข้ามาในตัวผมเถอะ ขอร้อง...เข้ามาเถอะ”

   “...”

   “ผมรักคุณ ช่วย...เข้ามาในตัวผมได้มั้ยครับ”

   แน่นอนว่าวิธีการไร้ยางอายนี้ได้ผล เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นครู่หนึ่งแล้วก็ดับไป แม้มันจะดังขึ้นมาอีกสองหรือสามครั้งแต่ก็ไม่ทำให้เราหยุดกิจกรรมที่ทำร่วมกันลง ปล่อยให้พายุโหมกระหน่ำและสาดซัดทุกหยาดอารมณ์ไปอีกสองรอบ ก่อนทุกอย่างจะสงบลงและผมไม่เหลือแรงแม้แต่จะกระดิกตัว

   นาฬิกาฝาผนังบ่งบอกว่านี่เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว ผมอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูง มันทั้งอบอุ่น ปลอดภัย และอยากให้เป็นแบบนี้ไปอีกนานๆ

   Rrrr..!

   ไม่คิดเลยว่าโทรศัพท์ของเขาจะดังขึ้นอีกครั้ง ผมแสร้งปิดเปลือกตา แต่กลับรับรู้ทุกอย่างผ่านทางเสียงและสัมผัส ไม่คิดเลยว่าการกระทำของอีกฝ่ายจะทำให้ความหวังที่พยายามหลอกตัวเองมาตลอดพังทลายในพริบตา

   เขาผละออกจากอ้อมกอด ตะเกียกตะกายลงจากเตียงพร้อมกับกดรับโทรศัพท์

   ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องที่กำลังคุยกันนั้นสำคัญแค่ไหน แต่ก็คงสำคัญกว่าผมในตอนนี้

   ยุคผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างลวกๆ เขาใช้เวลากลัดกระดุมเสื้อผ้ารวมถึงสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลับมาที่เตียง คว้าเอาอะไรบางอย่างและเปิดประตูออกไป

   แกร๊ก!

   เสียงลูกบิดถูกกดล็อก รอบกายของผมว่างเปล่า ความอบอุ่นที่สัมผัสได้ในคราแรกไม่หลงเหลืออีกต่อไป ผมนอนกอดตัวเอง รู้สึกหนาวยะเยือกราวกับนอนอยู่ในธารน้ำแข็ง ได้แต่สะกดกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อคลออยู่ไม่ให้ไหลลงมาเหมือนทุกที

   ขนาดจะไปยังไม่บอกกันเลยด้วยซ้ำ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่พยายามทำมันโคตรเปล่าประโยชน์

   เขาหยิบกระเป๋าสตางค์บนหัวเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือ เอาทุกอย่างของเขาไปจนหมดแล้วแต่กลับทิ้งผมไว้ในห้องเพียงลำพัง

   จบแล้วใช่มั้ย

   เคยถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งจนกระทั่งได้คำตอบในที่สุด

   ผมรู้แล้ว เจ็บกว่าการอยู่คนเดียว

   คือการที่มีใครบางคนเดินเข้ามา แล้วจากไป...




คลับฟรายเดย์วันนี้เสนอตอน “รักแท้แพ้ไม่คุย”
แง้ๆๆๆ ขอโทษที่มาช้ามากๆ ค่ะ เป็นบ้ากับการเขียน NC อยู่
คือจะบอกว่าไม่ได้เขียน NC ที่ถูกเล่าจากฝั่งนายเอกมาหลายปีแล้ว นับดูดีๆ ก็สามปี
ไม่ชินมากค่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดตรงไหนขอโทษไว้ด้วยนะคะ
ป.ล.ด่าได้แต่อย่าแรง ใจบางค่ะ แง้งงง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 28-06-2018 00:04:26
ทิ้งยุคมันเลยลูกกกกกกก อย่าไปแคร์ค่ะ หนูแต่งเพลงให้มันเลยลูกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-06-2018 00:04:57
เอ่อมมม เป็น NC ที่เศร้าจัง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 28-06-2018 00:07:00
หน่วงมากสุด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 28-06-2018 00:11:01
ไม่รู้ว่ายุคคิดยังไงอยู่นะ แต่สงสารชยินมาก ชยินสู้ๆระลูก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 28-06-2018 00:19:28
เฮ้ออ คือบั่บ ไม่รุ้ว่ายุคมีอะไรติดค้างหรืออะไรยังไง รีบคุยรีบเคลียร์ได้มะ สงสารชยินอ่ะ
อารมณ์บั่บยอมเสียเพื่อรั้งอีกคนไว้ แต่อีกคนแม่มก็ไม่คุยไม่ไรเลย

หน่วงนะ แต่เท่าที่อ่านนิยายคุณจิตตมา แค่นี้จิบๆ 55555
เอาใจช่วยทั้ง 2 ค่ะ

เหมือนจะเป็นไบโพล่า แงงง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: fronkdefroy ที่ 28-06-2018 00:21:25
แอบอยากให้ชยินแข้มแข็งแล้วเอาคืนบ้าง นังยุคคงกระอักเลือดตายยย

ฮือออ ไบโพล่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 28-06-2018 00:31:38
  :pig4:

 writer เก่ง
 มีแค่ตัวอักษรยังทำให้รู้สึกหน่วงได้โดยไม่ต้องมีภาพประกอบ

 รึเป็นเพราะสถานการณ์บ้านเมืองเราตอนนี้ด้วยที่ทำให้อะไรๆมันอินนนนนนนนนนนนนนขนาดเน๊
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Plavann ที่ 28-06-2018 00:46:25
เข้มแข็งนะชยิน พูดได้แค่นี้จริงๆ จากใจคนที่ผ่านอะไรคล้ายๆแบบนี้ มีแค่ตัวเราเองที่จะทำให้มันดีขึ้น

แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-06-2018 00:48:41
สงสารชยิน
พยายามเต็มที่แล้วใช่มั้ย หวังว่าจะถึงเวลาพอได้แล้วนะ
ส่วนยุคก็ไปเถอะ ไม่คุยไม่พูดก็ปล่อยไว้แบบนี้แหละ
ไปหาคนที่สำคัญกว่า ทำได้ดีจริงๆ
ถ้าการที่ชยินปฏิเสธคนไม่เก่งแล้วผลที่ได้กลับมาเป็นแบบนี้ก็พอที
กระจอกมากจริงๆศตวรรษ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 28-06-2018 00:51:24
ทำไมไม่คุยล่ะยุค!!
เกิดอะไรขึ้น ปวดตับมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 28-06-2018 00:59:02
ยุคใจร้ายมาก ไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: iparallel ที่ 28-06-2018 01:03:53
โถววว ชยิน 
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 28-06-2018 01:05:09
เนื้อเรื่อง ไม่สัมพันธ์กับชื่อเรื่อง
จาก msn  โปรแกรมสื่อสาร

กลายเป็น nsm   
natural sadism & masochism

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-06-2018 01:09:20
 :z6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-06-2018 01:30:24
มันคือไรวะ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-06-2018 01:40:40
ยุคใจร้ายมาก ไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ

ใช่ๆไปตายซะ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-06-2018 01:41:16
ปวดตับ สงสารชยิน  :o12:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 28-06-2018 01:49:59
เบิดคำซิเว้า :m15:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 28-06-2018 01:52:13
ม่ายยยยยย ยุคคคค ฉันเข้าข้างแกมาตลอดเลยนะเว้ย แต่แกจะมาทิ้งชยินแบบนี้ไม่ได้ ฮืออออ ชยินลูกแม่ โอ๋นะลูกนะ ทิ้งมันไปเลยลูก หาใหม่เลยลูก ไม่ต้องรอฟังอะไรทั้งนั้น ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว หาใหม่เลยย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 28-06-2018 02:23:51
เข้มแข็งนะชยิน /กอดๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Lalinnovel ที่ 28-06-2018 02:48:34
เอาอีกแม่ เอาอีกกกกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 28-06-2018 02:54:25
สงสารชยิน คือ ทำไมยุคไม่เคลีย มีอะไรทำไมไม่พูด ทำไมปล่อยให้ชยินคิดเองเออเองฝ่ายเดียว
และยิ่งมาตอนนี้ ชยินใช้ไพ่ใบสุดท้ายเพื่อรั้ง แล้วจะได้อะไรมั้ย? นอกจากความว่างเปล่างี้หรอ?
สงสารสุดไรสุด งื้อออออ คนถูกทิ้งโดยไม่รู้อะไรเลยนี่มันเจ็บปวดนะ รีบๆ กลับมาเคลียเลยยุค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 28-06-2018 05:23:37
ไอ้ยุค ฉันจะไม่ให้อภัยแกง่าย เด็ดขาด ไหนบอกว่าจะอธิบาย นั้นแกจะทิ้งน้องชยินของฉันไปไหน นังคนเลว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 28-06-2018 05:57:45
ชยินลูกกกกก สงสารน้องมาก ทำไมแพ้ยุคทุกทางเลย เข้มแข็งนะคราวนี้ อย่าไปยอมเขาง่ายๆอีก

กลัวว่าถ้ายุคมาง้อง่ายๆ... ชยินจะกลับไปอีกโดยง่ายอะ อยากให้ชยินสู้กว่านี้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 28-06-2018 06:22:05
ปวดใจเลย ชยินลูก ทำไมต้องทำขนาดนี้ สุดท้ายก็ยังรั้งเขาไว้ไม่ได้ เข้มแข็งได้แล้ว ส่วนยุค เราคิดว่ายุคคงมีเหตุผล แต่ทำแบบนี้มันยิ่งแย่ลงอีก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 28-06-2018 06:25:25
จะอะไรนักหนาล่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 28-06-2018 06:47:55
เด็กน้อย เด็กดี ตอนนี้มองยุคเป็นแด๊ดดี้แล้วเนี่ย55555 เด็กดีของแด๊ด ชยินคนเกรี้ยวกราดหายไปไหน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 28-06-2018 06:50:48
หน่วงเกิ๊น NC ที่น้ำตาคลอเพราะเจ็บในใจมากกว่าเสียตัวอีก 555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Slotjai ที่ 28-06-2018 07:03:41
อ้าวน้ำตาไหลไอบ้าเอ้ยยยย เราไม่ให้อภัยยุคแล่ววว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-06-2018 07:09:18
ยุคทิ้งไปแบบนี้ได้ไง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: stikkies_naja ที่ 28-06-2018 07:18:36
ฮือออออออออออออออออออ ชยินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :hao5:

ยุค ถ้าเหตุผลในการไม่ยอมมาเคลียไวๆ ในตอนแรกให้รอข้ามวัน
กับเหตุผลในการรีบออกไปหลังรับสาย มันไม่มีน้ำหนักพอ

เราจะเกลียดยุคแล้วนะ จะให้อภัยยุคได้ยากแล้วด้วย

หวังว่าจิตติคงมีเหตุผลให้ยุคดีพอ ที่ทำให้ทิ้งคนที่บอกว่ารัก
คนที่มีความสัมพันธ์ครั้งแรกด้วยกันออกไปแบบโดยไม่บอกหรืออธิบายอะไรสักคำ
ต้องเป็นเรื่องที่หนักหนาและสมเหตุสมผลพอแก่การให้อภัยได้นะ

ไม่ใช่แค่แฟนเก่ามีเรื่องกับแฟนใหม่ ต้องไปช่วยเคลีย
หรือแฟนเก่าโดนขู่ทำร้ายจนต้องไปเฝ้าไปดู
หรือแฟนเก่าป่วยร้ายแรงต้องรีบไปดู
หรือแม้กระทั่ง บก มีงานเร่งจนต้องรีบไปส่ง
(คือคำตอบมันไม่เม้กเซ้นต์พอที่จะทำให้ยุคเลือกที่จะไปในสถานการณ์นี้ได้อ่ะ)

อะไรทำนองนี้หวังว่าคงไม่มีในนิยายของจิตติ
เพราะมันดูไร้น้ำหนักพอที่จะทำให้ยุคที่บอกว่ารักชยิน
เลือกที่จะทิ้งชยินไว้บนเตียงแล้วรีบออกไปหาเหตุผลด้านบน

เพราะเราเบื่อนิยายหลายเรื่องที่พระเอกกทิ้งพระเอกให้รออะไรแนวๆนี้
ด้วยเหตุผลโง่ๆ แค่ต้องรีบไปช่วยเพื่อน ช่วยแฟนเก่าในเรื่องที่ไม่น่าไปช่วย
ไม่อยากเห็นพระเอกโง่ๆอ่ะ

ยิ่งกับคราวนี้ รีบไปทั้งที่เพิ่งนอนกับนายเอก แม้ชยินจะเป็นฝ่ายเริ่มก็ตาม
แต่ยุคก็ทำด้วยความรัก

แต่การทิ้งคนที่รักไปกลางเตียงแบบนี้ มันเลวร้ายไปว่ะยุค

เหตุผลของยุคต้องสำคัญพอนะ :katai1:
และหวังว่าคงไม่เห็นว่า หากเป็นเหตุผลโง่ๆ ชยินจะยอมอภัยให้ง่ายๆ
เจ็บกว่าเค้าบอกให้มารอฟังเหตุผลในตอนแรกอีกนะ ตอนนี้อ่ะ

ปล.อินไปมั้ยเนี่ยเรา   :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-06-2018 07:23:50
อิยุคกลับมาก่อน จะไม่พูด ไม่เคลียร์อะไรก่อนรึ จะฟันทิ้งฟันขว้างไม่ได้นะมรึง อิเรว
จะเหตุผลสำคัญล้านแปดอะไรก็แล้วแต่ รู้แต่แกเลือกเขา ไม่เลือกชยิน แม่ยกชยินเสียใจหนักกว่าเป็นร้อยเท่า ทำกันได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: stikkies_naja ที่ 28-06-2018 07:34:13
อิยุคกลับมาก่อน จะไม่พูด ไม่เคลียร์อะไรก่อนรึ จะฟันทิ้งฟันขว้างไม่ได้นะมรึง อิเรว
จะเหตุผลสำคัญล้านแปดอะไรก็แล้วแต่ รู้แต่แกเลือกเขา ไม่เลือกชยิน แม่ยกชยินเสียใจหนักกว่าเป็นร้อยเท่า ทำกันได้ยังไง


อาาาาาาา นี่เลย คิดแบบนี้เหมือนกันเลย เลือกที่จะไปหาเขา ไม่เลือกชยิน ฮืออออออออออออออออ
เรื่องของคนอื่นสำคัญกว่าการได้อธิบายให้ชยินเข้าใจใช่มั้ย สำคัญกว่าการต้องสูญเสียชยินไปหรือไง
ทั้งที่รู้ว่าชยินจะเป็นยังไง มัน 2 ครั้งติดกันแล้วนะเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ปล.อินต่อไป  :ling3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 28-06-2018 08:49:54
แง้งงงงง เมื่อไหร่จะคุยกันดีๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 28-06-2018 09:29:38
ปวดใจแทนชยินเลยอ่ะ ทำไมทำร้ายจิตใจน้องขนาดนี้นะยุค
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 28-06-2018 09:51:41
อ่านไปก็หน่วงไปด้วย อยากลบนิยายเรื่องนี้ออกจากสมองเลย !!!
สงสารชยินอ่า  เกลียดยุค ตายไปซะ  :fire:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-06-2018 10:04:53
ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับตอนนี้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 28-06-2018 10:35:43
 เราว่ายุครักชยินอยู่แต่การกระทำหลายๆอย่างของยุคมันก็ทำให้คิดมากอยู่นะ คุยกันดีๆให้เข้าใจกันเร็วๆนะ เราไม่อยากหน่วงนานๆ จะร้อง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 28-06-2018 10:40:02
ยุคคิดอะไรอยู่ ทำไมไม่คุย ดูสิเด็กน้อยคิดไปใหญ่แล้ว แอบเชียร์ให้ชยินทิ้งยุคไว้ ละเดินออกมา เจ็บพอแล้ว อย่าทำตัวเป็นของตายที่เขาอยากกลับมาเมื่อไรก็มาหาได้ตลอด  :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 28-06-2018 11:02:40
 :hao5: :hao5:
คุณจิิตติ ทำน้ำตาไหล อีกแร้วววว..
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 28-06-2018 11:41:29
ตอนแรกเคยรำคาญชยินที่มีไรไม่พูด คิดเองเออเอง แอบเชียร์ให้ยุคจัดหนักซักที เอาให้เสียใจจะได้รู้สึก

อ่าว คราวนี้กลายเป็นอิห่ายุคไม่พูดซะเอง คือไม่แน่ใจว่านักเขียนตั้งใจให้ทั้งนายเอกและพระเอกถูกคนอ่านสลับกันเกลียดหรือเปล่า

คือความหน่วง เราอินนะ อ่านแล้วหน่วงมาก เข้าถึงอารมณ์ของความเศร้า ถ่ายทอดออกมาได้ดี แต่ในแง่การกระทำของตัวละคร มันดูแปลกๆ อะ จากยุคที่เป็นคนมีไรก็แสดงออก พูดสิ่งที่ตัวเองคิด กลับกลายมาอ้ำๆ อึ้งๆ เรื่องดรีม คือค้างคาและน่ามคานมาก

รอดูว่านักเขียนจะคลี่คลายสถานการณ์นี้ยังไง คิดเหมือนคห.บนๆ ค่ะ ว่าระดับคุณจิตติ คงไม่มีแนวนางเอกป่วย ใกล้ตาย หรือพวกเหตุผลคลิเช่ตั่งต่าง ถ้าเป็นแบบนั้นเราคงเฟลอะ

รออ่านต่อค่ะ และยังคงเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: มาดามพีพี ที่ 28-06-2018 12:23:02
งืมๆ เจ็บหน่วงไปหมดแล้วววว... :sad11:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: kampootsm ที่ 28-06-2018 12:38:53
สงสารชยินนนนนน แต่ปากท้องสำคัญนะลูกโอกาสนี้แหละ แต่งเพลงอกหักไปเลยแถมได้เงิน 5555

อย่าว่าเรา เราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เหอๆๆๆ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-06-2018 12:44:31
โว้ยยยยยโมโหๆๆๆๆ ชยินไม่น่ายอมยุคแบยรี้เลยจริงๆนะ รู้ว่าอยากรั้งไว้แต่แบบนี้มันเหมือนลดคุณค่าตัวเองลงไปอีกอะ ตอนแรกที่ชยินถอยออกมาแล้วหนีไปต่างจังหวัดนี่เราดีใจมากเลยนะ แต่พอมาเจอฉากในห้องนี่แบบยอมรับเลยว่าเป็น nc ที่ไม่ทันตั้งตัวแถมไม่รู้สึกดีเลยอีกตะหาก เกลียดความไม่อธิบายอะไรของอิยุคมันถึงจะบอกชยินไม่มีสติแต่แกก็ควรจะพูดอะไรหน่อยมั้ย หมดกันความดีที่แกเคยทำมา เกลียดแล้ว นี่มันไม่ต่างกับตอนอ่านทฤษฎีจีบเธอเลยจาิงๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ksoleef ที่ 28-06-2018 14:29:00
สงสารชยินอ่ะ อีนังแฟนเก่าก้ออะไรนักหนาคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-06-2018 15:43:37
เราไม่รู้ว่ายุคกำลังทำอะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ แต่การที่ยุคทำแบบนี้มันทำร้ายใจชยินมากเลยอ่ะ สงสารชยินมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 28-06-2018 15:54:31
บาดใจเลือดซิบๆเลย ฟันแล้วทิ้งมันเป็นแบบนี้นี่เอง
 
ชยินไปลูก ไปไหนก็ได้  ไปให้ไกลๆเลย
 
 ไปให้พ้นๆคนใจร้าย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 28-06-2018 15:59:59

 หน่วงสุดๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 28-06-2018 16:11:20
เชื่อว่ายุค ยังรักชยินคนเดียวและคงมีเหตุผลสำคัญที่ต้องทำแบบนี้ แต่เราไม่โอเคกลับเหตุผลทั้งหลายแหล่ของยุค การกระทำที่ไม่พูดจาให้อีกฝ่ายเข้าใจ และก็รู้ทั้งรู้ว่าชยินเป็นคนคิดไปเรื่อยตามความเข้าใจของชยินเอง ความเสียใจของชยินมีมากขนาดนี้ ถ้าเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ฆ่าตัวตายขึ้นมา เหตุผลทั้งหมดของยุค ที่ทำไปก็ไม่มีประโยนช์ การที่ยุคกลับมาหาชยิน และกลับไปโดยที่อีกฝ่ายต้องคืดไปเอง ว่าเพราะอะไร เราว่ามัลงตัวสำหรับยุคชยิน ที่จะเป็นเหตุให้ชยิน ไม่ต้องรีบคืนดีกับยุค ให้ยุคตามง้อไปเถอะ นานนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 28-06-2018 17:03:20
ตอนแรกทีมยุคนะแต่อะไรหลายๆอย่างทำให้สงสารชยินมากน้ำตาไหลเลย ขอเสนอชยินทิ้งยุคเลยหาใหม่ให้ดีกว่าให้ยุคเสียใจบ้างอย่าไปยอมง่ายๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 28-06-2018 17:45:04
เป็นครั้งแรกที่โคตรเจ็บไม่มีความสุขเลยยย
และรู้สึกไม่โอเคกับเหตุผลของยุคแต่เชื่อว่ายุคยังรักชยินอยู่
คิดไม่ออกอ่ะว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ดีพอในการอยู่ห้องแฟนเก่าและไปไหนมาไหนด้วยกัน  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 28-06-2018 19:31:11
คิดว่ายุคต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆที่ค้องรีบไปเคียล์
ตอนนี้ชยินอาจจะเข้าใจผิดอยู่
ฝากความหวังไว้ที่ตอนหน้านะจิตติ
"อย่าทำร้ายกันอีกเลย อย่าร้ายกันอีกเลย โอ้ใจเอ๋ย"
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Tampopo ที่ 28-06-2018 20:19:37
ชยินอย่าเพิ่งคิดไปเองน่ะ รอฟังคำอธิบายของยุคก่อนน
ยุคค รึบไปเคลียร์เรื่องของแกให้เสร็จเหอะ เราอยากให้ชยินมีความสุขสักที เราสงสารรรร   :m15:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 28-06-2018 20:48:08
 :serius2:ต้องใช้เหตุผลขนาดไหน..ที่ไม่บอกอะไรเลย.......
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-06-2018 21:18:25
สงสารชยินอ่ะ ไม่เห็นด้วยมากๆที่ชยินลงทุนทำขนาดนี้ กับคนที่เรายังแน่ใจไม่ได้ว่าเรามีค่าแค่ไหน ไม่ควรทุ่มเทให้จนหมดอ่ะ
อยากให้ชยินรักตัวเองกว่านี้
ไม่รุ้จะเกิดอะไร ดีหรือร้ายต่อจากนี้ขอให้ชยินเข้มแข็ง เปลี่ยนตัวเอง รักตัวเองให้มากๆได้มั้ย มันอาจจะทรมานมากหน่อยแต่อยากให้อดทน ไม่ว่ายุคจะคิดจะทำอะไรยุ่ตอนนี้ ยุคทำไม่ถุกที่ไม่พูดไม่บอกอะไรออกมา
เพราะงั้นชยินหลังจากนี้อย่ายอมง่ายๆ เก็บความเสียใจไว้เป้นเรื่องเตือนใจนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 28-06-2018 23:44:21
มาถึงขนาดนี้ละ เรารู้ว่าคุณจิตติถนัดดราม่า
แต่ก็ไม่คิดว่าMSNจะมีเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาฟิวกู๊ดมาตลอด แต่ก็นะ ระดับนี้ละ จะธรรมดาได้ยังไงใช่มั้ย o7 o7
เราชอบความรู้สึกแรกที่อ่านเรื่องเศร้าของคุณจิตตินะ ความรู้สึกมันคือ ระบมไปหมด ระบมอยู่ในอก ซึ่งเรื่องนี้มันกลับมาแล้วความรู้สึกนั้น ระบมในอกจริงๆ  :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-06-2018 00:06:16
 :hao4:

เข้ามาเพื่อเรียนรู้ แต่ไม่ได้เข้ามาเพื่อครอบครอง สิน่ะ


เรียนรู้ว่รเราคนเดียวที่เจ็บมากกว่าสิน่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 29-06-2018 10:21:45
อะเฮื้อ เจ็บเลย จะไปไหนนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 29-06-2018 12:42:28
เกินคำว่าโอ้ยยยไม่อยากจะพูด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 29-06-2018 13:42:46
เกลียดยุคแล้ววววววววว  ฮืออออ  ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย  เป็น NC ที่เศร้าที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมาอ่ะ  T T   :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 29-06-2018 14:05:20
โอ้ยยยเศร้ามากกกกกกกกกก ยุคทำแบบนี้ได้ไง ติดลบคะแนน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Seeetnott ที่ 29-06-2018 17:04:53
เกลียดๆๆๆๆยุคนิสัยไม่ดี
ชยินเลิกรักคนแบบนี้เลยนะ ไปซบอกริวเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 29-06-2018 17:46:59
ไม่น่าให้เป็นแบบนี้เลยนะ เสียดายความฟีลกู๊ดช่วงต้นๆ เสียดายจิงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 30-06-2018 00:31:39
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 30-06-2018 02:17:01
ทำอะไรอยู่กันแน่ยุค ไม่คิดว่าจะไม่ยอมพูดกับชยินแบบนี้ แล้วเรื่องแฟนเก่าอีก
เพลียจิตจริงๆ สงสารชยิน แม่งไอ้ยุค! แต่ก็คาดไม่ถึงอีกเหมือนกันว่าชยินจะยอมขนาดนี้

มาเคลียร์ด่วนเลย อะไรสำคัญถึงขนาดต้องทิ้งชยินไปวะ
รำคาญอิยุคแล่วว
ไหนบอกว่าเป็นนิยายฟีลกู้ดไงคะคุณจิตติ เพลียตับมากจุดๆนี้
เอาริวมาดามใจเลยนะ เอาอีพระเอกไปลงหลุมกะชะนีดรีมเลย รำคาญ เรียกเด็กน้อยๆพ่อง

ขอโทษนะคะอินไปหน่อย เหมือนผีเข้าไม่รู้ตัว ฮืออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 30-06-2018 02:24:28
ถ้าต้องมีเหตุผลที่ยุคไปอยู่กะแฟนเก่าจริงๆ
ขอให้เมคเซ้นจริงนะจิตติ เราเชื่อฝีมือคุณ

ตอนนี้ชยินเด็กน้อยดูไม่ใช่ชยินคนเดิมแล้ว งงไปเล้ย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 30-06-2018 05:57:52
[l :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Taohoo ที่ 30-06-2018 06:50:00
 :monkeysad: ถึงจะยังไม่รู้ว่ายุคมีเหตุผลอะไรทำไมทำแบบนี้ แต่มันเกินไปจริงๆ ที่ชยินต้องรอให้อธิบาย แค่พูดนี่จะยากอะไรนักหนา ถึงยุคอาจจะไม่ผิด แต่ยุคผิดนะ  :sad11:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-06-2018 08:40:40
โอ้ยยยยย ยุคพูดสิโว้ยพูด
สงสารชยินนน :z3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: italy18 ที่ 01-07-2018 04:46:59
จากประสบการณ์ตรงของชีวิตที่ผ่านมา...ถ้าการที่ยุคไม่แสดงออกถึงความชัดเจน...และชยินไม่ยอมรับที่จะฟังเหตุผลของยุคที่จะพูด...หรือถ้าหากยุคหมดใจจริงอย่างที่ชยินคิด...แต่ชยินกลับแสดงออกว่ายังอยากจะรั้งเขาให้กลับมาเหมือนเดิมแม้เขาไม่เหลือใจเเล้วก้อตาม ขอบอกชยินนะ...ว่า "อีโง่"
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 01-07-2018 12:18:11
อ่านช่วงแรกๆนี่แม่ๆพากันยกชยินให้กับยุคแบบไม่คิดชีวิตอะ แทบจะใส่พานถวายด้วยความเต๊าะแรง พออ่านตอนล่าสุดแล้วแบบ เบิ้ดคำสิเว้า อิเห้!! แทบเอาเท้าแนบหน้านังยุคแล้วดึงชยินมากอดปลอบอ่ะ ไม่ว่ายุคจะมีเรื่องอะไร สำคัญแค่ไหน แต่การที่ไม่พูดอะไรเลยมันดูไม่จริงใจ เหมือนกับว่าความรู้สึกและการกระทำที่แสดงมาทั้งหมดก่อนหน้ามันไม่ใช่ของจริง อยากให้ชยินเข้มแข็งเร็วๆ แล้วตัดใจให้ได้ ใจแข็งเหมือนเติร์ดคงจะสะใจอิช้อยนัก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 01-07-2018 15:05:42
ตอนนีเ อยากรู้มากเลยว่าดรีม มีปัญหาอะไร
ยุคใจร้ายมาก อยากตีแรงๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 02-07-2018 00:11:38
การยอมเป็นของเขาทำให้เศร้ากว่าเดิมอีก คิดถึงชยินคนเดิมที่ร่าเริง
แต่คนามรักก็เปลี่ยนคนได้เสมอ ยุคทำอะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ อยากรู้
คือดรีมน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง ซึ่งน่าเบื่ออ่ะ ทีมชยินไง
ชยินเองก็ต้องเติบโตและเรียนรู้เหมือนกัน ได้แต่หวังว่าน้องจะเข้มแข็งพอ
หน่วงหนักอึ้งไปเลยค่ะจุดนี้ ถอนใจแบบยาวๆๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-07-2018 01:18:00
ตอนใหม่ยังไม่มาไม่เป็นไร  :katai1: เข้ามาอ่านไอ้หนุ่ม CITY โดนด่ากันมันแล้ว  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 02-07-2018 09:36:08
ไปให้สุดแล้วลุกขึ้นมาด้วยขาตัวเอง อยากบอกชยินอย่างนี้

เข้าใจนะ ชยินพยายามแล้ว ไปต่างจังหวัด อยู่กับตัวเองและความเหงา แต่พอเจอยุค ไอ้ที่สร้างมาเจ็ดแปดวันก็พังเลย ลงไป*กอดขาอ้อนวอน แลกทุกอย่างที่มีเพื่อจะรั้งเขา แล้วยังไงวะ "เพราะมนุษย์ชยินเสพติดความเจ็บปวด" ไปให้สุดแล้วกันลูก แล้วรักตัวเองให้มากกว่านี้ *กอดดดด

ส่วนยุค เหตุผลอะไรก็ตามอย่าให้มันเหตุผลโง่ ๆ แบบที่ความเห็นก่อน ๆ ว่ามาล่ะ มันรับไม่ได้ว่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-07-2018 11:14:25
คำเดียว "สงสาร" ชยินมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-07-2018 12:58:50
ฮือออ หน่วงจน น้ำตาคลอเลยอ่ะ

เหตุผลอะไรก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นอ่ะ นี่มันฟันแล้วทิ้งชัดๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-07-2018 19:15:22
หน่วงสุด
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: nnwangJrs ที่ 04-07-2018 00:31:53
อ่านกี่รอบก็ยังอยากตีชยินอยู่ตี เฮ้อออ ไม่ได้สนับสนุนให้น้องทำแบบนั้นนะคะ แต่ ณ เวลานั้นเขาก็คงอยากรั้งคนที่เขารักไว้ทุกวิธีอะ อยากรู้เหตุผลทุกอย่างของยุคด้วย ทำไมไม่ยอมอธิบายให้เข้าใจสักที
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 04-07-2018 10:39:05
ยุคใจร้ายมากเลยนะ ไปไม่บอกไม่กล่าวสักคำ รู้ว่ามันคงเป็นเรื่องด่วน แต่แค่บอกอะไรสักหน่อยก่อนไปได้มั้ย นี่เป็นครั้งแรกของเค้านะเว้ย แล้วมาทิ้งให้เค้าอยู่คนเดียวตอนนี้ เค้าเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ แม่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: stikkies_naja ที่ 04-07-2018 10:42:03
 :mew5:
อ่านวนไปรอบ4 ก็มาเม้นอีกรอบ

บางทีเรื่องที่ยุคต้องอธิบาย มันต้องใช้เวลาและต้องให้ชยินมีสติเพื่อจะยอมรับได้
ก็ได้นะ

ยุคถึงไม่ยอมโทร ไม่ยอมส่งข้อความ หรือเขียนอะไรไว้

อาจเป็นเรื่องที่ต้องอธิบายและแสดงความจริงจังจริงใจให้เห็น และใช้เวลาเพื่อให้เข้าใจในเหตุผล

คือถ้าไม่ใช่แบบนี้ ชยินลูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

อยู่ให้ความเหงาเป็นเพื่อนต่อไปสวยๆเริ่ดๆ ก็ได้ลูก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 05-07-2018 17:31:52
ยุค ๆ ๆ โว้ยยยยกลับมาเคลียร์ก๊อนนนน :katai4: :z6: :z6:
ส่วนชยินแบมือมาค่ะลูกแม่จะตี
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 06-07-2018 15:43:18
รออ่านตอนนี้ แต่ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า ไม่รู้ทำไม ตอนต้นๆว่าเศร้าแล้วจบบทยิ่งเศร้ากว่า
สงสารชยิน แต่ไม่เห็นด้วยที่ทำแบบนี้เลยเศร้าเบย เหมือนตัวตนชยินหายไป เศร้าอ่ะ ฮือๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Yui_baanindy ที่ 06-07-2018 22:43:52
รอหนุ่ม city อยุ่นะ :mew6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Bluedock ที่ 07-07-2018 10:27:13
 :o12: ชยิน เหมือนสูญเสียความเป็นตัวเองไปไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยอยากให้นายเอกแข็งแกร่งกว่านี้ ยุคนี่ถ้าแคร์แฟนเก่าขนาดนั้นเลิกเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 07-07-2018 16:48:28
ไม่เคลียร์สักที ยุคมีอะไรทำไมไม่พูดออกมาสัก มัวแต่ปล่อยให้คนรักคิดไปเองคนเดียว สุดท้ายก็มีแต่เสีย ชยินตัดใจเลยลูก อย่าไปยุ่งกะมัน

ปล.อินมากกกกกกค่ะ555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: BeeQ ที่ 07-07-2018 19:34:38
เจ็บปวดเกินไป มองเห็นแค่ bad end เลยค่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: Pankwun ที่ 08-07-2018 09:36:09
ขอแปะๆก่อนเดี๋ยวมาอ่านน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: agustindahouse ที่ 08-07-2018 15:11:27
คุณจิตติอาจจะไม่รู้ว่ามีคนๆ นึงรีเฟรชเรื่องนี้ทุกวันตั้งแต่อ่านตอนล่าสุดจบ 5555555 ไหนๆ ก็ว่างพอดี เลยอ่านใหม่ทั้งหมด และพบว่าความรู้สึกแรกตอนอ่านยังคงหลงเหลืออยู่ทุกอณูเลยค่ะ
ไม่อยากปักใจกับความรู้สึกปัจจุบันเท่าไหร่ เพราะทั้งหมดเราได้รับสารมาจากมุมมองของชยิน คนแต่งเก่งมากที่ทำให้เราเขวขนาดนี้ทั้งๆที่รู้ว่ายุครักชยินแค่ไหน มันบ้ามากที่วันนี้เรากลับรู้สึกว่า ยุคหมดใจแล้วเหรอ
เราไม่รู้ว่ายุคมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่นี่คือยุค ยุคที่เข้าใจชยินมาตลอด คนที่ยอมรับทุกอย่างที่เป็นชยิน คนที่พร้อมจะเป็นผู้ใหญ่เพื่อดูแล พร้อมจะเป็นเด็กเพื่อเป็นเพื่อนเล่น ไม่น่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่ทิ้งให้คนที่ตัวเองยอมรับทุกอย่างรอคอยโดยไร้เหตุผลแบบนี้
แต่อย่างที่บอกไป เราไม่รู้เหตุผลของยุคเลย มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่มากพอที่จะทำให้ชยินเคว้งคว้างไปเป็นสัปดาห์ๆ ได้ อืม.. /ยิ้มแห้ง
แต่มันก็ยังแย่อยู่ดี เพราะก่อนที่ชยินจะออกมาจากคอนโดยุค ยุคก็เป็นคนบอกว่ามันไม่มีอะไร นั่นก็คือรู้ใช่ไหมว่าชยินคิดอะไร ยุคบอกจะติดต่อกลับมา แต่ก็ไม่ได้ทำ.. คือมันแย้งไปหมด ทั้งๆ ที่รู้อยู่กับใจว่าชยินคิดมากขนาดไหน (และน่าจะ)เข้าใจผิดไปถึงไหน ทำไมไม่รีบแสดงตัว บอกความจริง
อย่างที่เบิร์ดบอก คนเรามันมีขีดจำกัดเสมอ
มันน่าเสียใจที่ชยิน คนที่เห็นภาพแบบนั้นพยายามเข้าใจยุค ไม่บอกอะไรกับเพื่อนว่าเจออะไรมาเพราะรอยุคอธิบาย กลับไม่ใช่คนเดียวที่คาดหวังความจริง
จากที่อ่านวนซ้ำในประโยคของยุคก่อนที่ชยินจะไปต่างจังหวัด ยุคต้องการให้เวลาชยินคิด ให้คิดดูว่าความรักที่มีให้มันคือความรัก หรือความเหงา... คืออย่างชยินที่เผชิญหน้ากับความเหงามานานขนาดนั้น เราว่าน้องเป็นคนประเภท introvert มากพอที่จะแยกแยะระหว่างความรักที่เป็นสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้นได้ยากกับชยินออกนะ
และการที่ยุคบอกว่าหนังสือเล่มสุดท้ายให้แฟนเก่าเอาไปแล้วเนี่ย มันมีนัยยะสำคัญจริงๆใช่ไหม
เอาจริง เราคิดเหตุผลที่ยุคละเลยชยินไม่ออกเลย ถึงจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย การติดต่อทางแชทก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากถ้ายุคไม่อยากให้ชยินเข้าใจผิด
นอกจากจะอยากให้ชยินเติบโตจนต้องใช้วิธีที่โหดร้ายขนาดนี้
และอีกอย่างคือ- หมดรักแล้ว?
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 11-07-2018 17:13:12
ชั้นมารอจิตติที่ท่าน้ำทุกวันเลยจ้ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 11-07-2018 17:50:48
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 13-07-2018 01:26:05
คิดถึงชยิน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: VaLyn_TM ที่ 15-07-2018 13:32:17
โอ้โห นี่คืออารมณ์ของคนที่ยอมทุ่มหมดหน้าตักอ่ะ แม้กระทั่งศักดิ์ศรียังไม่เหลือ สงสารรรรรร
ยิ่งต้องมาเข้าใจผิดซ้ำๆจากการกระทำของยุคแบบนี้ คือ เธอคนใจสลายเลย TT^TT
ก็รู้นะว่าชยินไม่ยอมฟัง นั่นเพราะอารมณ์เสียใจ แต่ยุคเองก็ควรเคลียร์ตอนนั้นเลยเหมือนกัน
ไม่ว่าชยินจะฟังหรือไม่ฟัง สักสองประโยคก็ยังดี
แค่บอกว่าอย่าเข้าใจผิด ดรีมมีปัญหาต้องช่วยแก้ไขแล้วจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง เชื่อใจได้ไหม
อะไรแบบเนี้ย คือ พูดสวนไปเลย แค่ไม่ถึงนาทีก็พูดเสร็จแล้ว  ชยินจะได้ต่อความหวังให้ตัวเองได้หน่อย
จะได้ไม่เตลิดมาขนาดนี้ แล้วนี่ก็ออกไปเลยทั้งที่เพิ่งมีอะไรกัน ไม่บอกกล่าวด้วย
ถ้าชยินหายไปอีกครั้ง หายไปหาแหล่งกลบดานที่ชื่อริว แล้วจะรู้สึกค่ะยุค รีบกลับให้ไว เมียจะหาย!!!!!!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-07-2018 00:58:08
แค่ไปเจอตอนอยู่กับแฟนเก่าแล้วเค้าไม่พร้อมคุยก็จุกแล้วนะ
แล้วมาเจอซ้ำอีก ตอนใจเสียไปแล้ว เจ็บกว่า
ชยินยอมแลกถึงขนาดนี้ คิดว่าจะไม่เสียใจได้ยังไง
ตอนนี้กลายเป็นเจ็บหนัก จมอยู่กับความเศร้า
สงสารชยินนะ ยุคมาในเวลาที่ไม่พร้อมรับรู้น่ะ

แต่ลุกขึ้นมาทำงานด้วย เงินจะหมดแล้วนะชยิน
ความรักมีความสุข แต่ก็ทุกข์และกินไม่ได้

ยุคพลาดไปนะ ตรงที่ให้ความสำคัญชยินน้อยกว่า
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่13 [27/06/61] *หน้า28
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 19-07-2018 13:15:48
อห นังยุค รีบๆเคลียร์ปัญหาตัวเองซักที มันไม่โอเครรร ยุดต้องอยู่กับชยินเซ่ เอ้ออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 21-07-2018 20:11:26


ตอนที่ 14
ความหมายของอะไรบางอย่าง



   ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมเอาแต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเพื่อเฝ้ารอการกลับมาของใครบางคน

   ทว่าความหวังกับความจริงมักสวนทางกันเสมอ เลยได้แต่กัดฟันลุกขึ้นนั่งในสภาพปวดร้าวไปทั้งร่าง กระดูกทุกชิ้นคล้ายกับกำลังปริแตกได้ทุกเมื่อ ความเจ็บครอบงำร่างกายไปทุกส่วนจนอยากร้องไห้ ไม่รู้ว่าที่ทรมานอยู่นี้มาจากร่างกายหรือหัวใจกันแน่

   ทุกอย่างกำลังแตกสลาย ชยินคนเดิมจางหายไป เหลือแต่คนโง่ที่อ่อนแออยู่บนเตียง

   ผมไม่ได้เสียใจกับสิ่งทำลงไป ก็แค่...ต้องเข้าใจสักทีว่าการตัดสินใจทำบางอย่างอาจได้รับความว่างเปล่ากลับคืนมา

   ตอนนี้ผมไม่อยากคิดถึงอนาคตที่กำลังมาถึง หรือคาดเดาว่าตัวเองจะเป็นยังไงหลังต้องกลับมาใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวอีกครั้ง ไม่มีความรัก ไม่มีความหวังและสีสันในชีวิต คงเหลือแต่งานที่ขับเคลื่อนให้ก้าวเดินต่อไปแล้วรอคอยว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะกลับไปเป็นชยินคนเดิมสักที

   ผมรวบรวมแรงที่เหลืออันน้อยนิดค่อยๆ พาร่างระโหยโรยแรงลงจากเตียงอย่างยากลำบาก สองขาที่ติดสั่นทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้ดีนัก เลยต้องอาศัยเกาะเกี่ยวสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปเรื่อยกระทั่งเข้ามาในห้องน้ำได้สำเร็จ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปเปิดฝักบัว ปล่อยให้น้ำเย็นไหลชโลมลงมาบนร่างกายเพื่อเรียกสติ

   ถ้าเปิดเพลงเศร้าๆ ที่เคยแต่งเข้าไป ฉากนี้ก็คงกลายเป็นเอ็มวีน้ำเน่าดีๆ นี่เอง

   ความเย็นของน้ำช่วยให้รู้สึกดีขึ้นในตอนแรก แต่ต่อมามันก็พาเอาความเหน็บหนาวมาให้ ผมกอดตัวเอง จมดิ่งไปกับสารพัดเรื่องราวซึ่งกำลังตีวนอยู่ในหัว ทั้งสับสนและเจ็บปวด บางครั้งก็นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาดื้อๆ ที่ทำไมถึงเข้มแข็งไม่ได้เท่าเดิม ทำไมถึงยังคาดหวังว่าเขาจะกลับมา ทำไม...

   เราไม่ได้พูดเรื่องที่ควรเคลียร์

   ผมเป็นศิลปินที่อารมณ์อ่อนไหวง่าย เขาเป็นศิลปินที่บางครั้งก็ดูเข้าใจยาก


‘ผมไม่เข้าใจว่าความรู้สึกชอบที่มีให้คุณมันจริงหรือเปล่า บางทีผมอาจจะหลงไปกับความแสนดีของคุณเท่านั้น’
‘ลองดูมั้ยล่ะ เปิดใจหน่อย คุณจะได้รู้ว่าชอบจริงหรือแค่อยากชอบ’
‘แล้วถ้าเกิดผมชอบคุณจริงล่ะ’
‘เราก็มาคบกัน’
‘แต่ถ้าคำตอบออกมาว่าไม่ใช่ คุณจะทำยังไง’
‘ไม่ทำไง’
‘...’
‘ก็แค่รักคุณข้างเดียวต่อไป’



   ความทรงจำในอดีตหลั่งไหลราวกับสายน้ำ

   ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นผมอยากให้มันเป็นเรื่องจริง อยากให้สิ่งที่เขาเคยบอกในวันนั้นไม่ใช่คำโกหกหลอกลวง ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะไม่เหลือความรักอยู่ในใจของเขาแล้วก็ตาม

   สายน้ำยังคงตกกระทบบนร่างกายไม่หยุด ความเย็นของมันผลักให้ขนอ่อนตามร่างกายลุกซู่ ผมกอดตัวเองอยู่อย่างนั้น ก้มมองทุกตารางผิวบนร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการร่วมรัก มันยังคงติดตรึงไม่จางหาย แถมของเหลวที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายยังเป็นตัวบ่งบอกชั้นดีว่าทุกอย่างเคยเกิดขึ้นจริง

   ผมกัดปากแน่น ปิดเปลือกตาทั้งสองข้างจนสนิท จากนั้นจึงตัดสินใจเอื้อมมือติดสั่นของตัวเองไปยังช่องทางด้านหลัง พยายามอย่างมากเพื่อเอาน้ำรักสีขาวขุ่นออกมาแม้จะไม่เคยทำมาก่อน

   ผมอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ ปลอบใจหรือพูดอะไรก็ได้ให้คลายความโดดเดี่ยว แต่ยุคไม่เคยมา

   และคงไม่มา...






   เดี่ยวศตวรรษ…

   ผมไม่คิดว่าจะมีช่วงเวลาที่ตัวเองต้องย่ำเท้าออกมาจากห้องในตอนกลางดึก จากที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะอยู่กับชยินไปจนถึงเช้า ทว่าก็ยังมีเรื่องเข้ามาแทรกจนอยู่นิ่งไม่ไหว สายแล้วสายเล่าโทรเข้ามาที่เบอร์ของผม มันเป็นชื่อของคนคุ้นเคยและผมรู้ว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร

   แฟนเก่า

   คำนี้มันควรตัดขาดไปนานแล้วแต่สุดท้ายก็ยังคงวนเวียนในชีวิต ผมใช้จังหวะที่ชยินกำลังหลับด้วยความเหนื่อยอ่อนเดินลงมาด้านล่างอย่างเงียบๆ เพราะไม่อยากปลุกให้เขาตื่นเพื่อฟังเรื่องไม่สบายใจตอนนี้

   “ยุค” ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ เธอเรียกชื่อผม สีหน้าดูไม่ดีเท่าที่ควรจนต้องสืบเท้าเข้าไปหา แต่ก็ยังเว้นระยะห่างเอาไว้ไม่ให้ใกล้เกินพอดี

   “ดรีมมีอะไรหรือเปล่า แล้วรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่” ผมไม่เคยบอกว่าอยู่ที่ไหน และมั่นใจว่าไม่เคยหลุดปากพูดออกไปด้วยซ้ำว่าชยินอยู่ที่นี่ เนื่องจากไม่อยากให้ทั้งสองฝ่ายต้องเป็นกังวล

   “เราถามท็อป ตอนนี้เรารู้สึกไม่โอเค” เธอพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง

   “แล้วกินยาหรือยัง”

   “กินแล้ว แต่มันไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยยุค...” ดรีมพูดเหมือนจะร้องไห้ ผมเข้าใจดีว่าไม่มีใครผ่านเรื่องร้ายๆ ได้เพียงลำพัง แต่บางครั้งผมก็ไม่ได้เก่งหรือฉลาดที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างให้จบเพียงวันเดียว

   “ตอนนี้อยู่กับใคร”

   “เราอยู่คนเดียว มันเคว้งมาก ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ยุคช่วยอยู่เป็นเพื่อนเราได้มั้ย อย่างน้อยก็จนกว่าจะเช้า” ประโยคนั้นเหมือนกับก้อนหินหนักหลายร้อยตันร่วงมาทับบนร่างกายของผมอย่างจัง

   มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมไม่ได้อยู่กับชยิน และเขากำลังนอนหลับไปทั้งน้ำตาอยู่ข้างบน

   “ดรีมมีเพื่อนคนอื่นที่พอจะอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”

   คราวนี้คนตรงหน้าส่ายหัว ผมถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนทิ้งตัวลงเบาะตรงข้ามกับอีกฝ่าย

   “ไม่ใช่เพราะดรีมไม่สำคัญ แต่ตอนนี้คนที่เราชอบเขาก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่” ดรีมรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของผมกับชยินเป็นยังไง เธอบอกว่าเข้าใจทั้งที่รู้ว่ามันไม่จริง

   “เราไม่ได้อยากเรียกร้อง แค่บางครั้ง...” เจ้าตัวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกนอกจากก้มหน้า เหมือนพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลอย่างสุดความสามารถ

   ที่ผ่านมาผมคิดว่าตัวเองฉลาดมาตลอด รู้ว่าควรหรือไม่ควรทำยังไง รู้ว่าต้องแก้ปัญหาแบบไหนถึงจะดีต่อทุกฝ่าย แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าแฟนเก่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและเธอไม่เหลือใครเลย ส่วนชยินเราก็ยังไม่ได้เคลียร์ปัญหากันจนกลัวว่าสุดท้ายทุกอย่างจะสายเกินแก้

   ผมอยากใช้เวลาอยู่กับชยิน แต่ดรีมที่ไม่เหลือใครมันก็ทำใจยากเกินกว่าจะปล่อยปละละเลย

   “เดี๋ยวเราจะโทรหาไอ้ท็อป มันมีเพื่อนหลายคน บางทีอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง”

   “เป็นยุคไม่ได้เหรอที่อยู่กับเรา”

   “ดรีม ไม่ได้หมายความว่าเป็นเราไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเธอไม่สำคัญแต่บางครั้งเราก็ต้องเลือก” ที่ผ่านมาผมเลือกแคร์ดรีมมาตลอด แคร์จนหลงลืมใครอีกคนไป ซึ่งมันถึงเวลาแล้วที่ควรหนักแน่นกับตัวเองสักที

   “เราเข้าใจ”

   “ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ไม่ใช่เพราะอยากปลอบใจให้พ้นๆ แต่มันจะมีวันที่ดรีมดีขึ้น” ผมพูดจากใจ ซึ่งดูเหมือนว่าคนฟังจะยอมรับด้วยการพยักหน้าหงึกหงัก

   ผมไม่รอช้าหยิบมือถือต่อสายหาไอ้ท็อป ช่วงหลังมานี้มันค่อนข้างตื่นตัวอยู่ตลอดหลังรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของผมบ้าง ท็อปเป็นเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาได้ดี แม้บางครั้งปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจะไม่ได้คลี่คลายเท่าไหร่นัก

   เราพูดคุยกันพักหนึ่งก่อนวางสาย ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ผมเองก็ไม่รู้จะพูดปลอบใจอะไรเลยได้แต่นั่งนิ่ง คิดทบทวนเรื่องต่างๆ อยู่ในหัว

   ความสัมพันธ์ของผมกับดรีมจบลงเมื่อหลายปีก่อน เราคบกันตอนเรียนอยู่มหา’ลัย แต่ความต่างของนิสัยรวมถึงอะไรหลายๆ อย่างทำให้เราสองคนต้องยุติมันด้วยการเลิกราเหมือนกับหลายๆ คู่ ทว่าเราก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

   อาจไม่ได้พูดคุยกันบ่อยอย่างสนิทสนม แต่เมื่อมีปัญหาก็พร้อมจะรับฟังเสมอ นานมาแล้วที่ผมไม่ได้เจอกับดรีมเพราะรู้ว่าเขาเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคนไปแล้ว ส่วนผมก็ง่วนอยู่กับการทำงานก่อนจะได้เจอกับชยิน นั่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เกิดความรู้สึกว่าอยากมีความรักอีกครั้ง

   เป็นความรักที่ไม่เหมือนกับครั้งไหนๆ เพราะมันไม่ได้เกิดจากความเลือดร้อนตามประสาวัยรุ่น แต่เกิดจากความรู้สึกที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว ผมคาดหวังให้มันเป็นความรักที่ยาวนาน จนตอนนี้ก็ยังคงคิดอยู่

   “เขาเป็นยังไงบ้าง” หลังต่างคนต่างเงียบอยู่นาน ดรีมก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็น

   ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายพลางยิ้ม

   “ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ชยินค่อนข้างอ่อนไหวน่ะ”

   “ฝากขอโทษด้วยนะ เราผิดเอง”

   “มันไม่ใช่ความผิดของดรีม บางครั้งคนเราก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครตอนที่ตัวเองกำลังลำบาก”

   “เราอยากดีขึ้น”

   “ดรีมจะดีขึ้น”

   “แต่เรายังคิดถึงเขาอยู่เลย”

   “เข้าใจ” แม้รู้ดีว่าคนๆ นั้นอาจไม่กลับมาแล้ว “วันนึงอาจจะคิดถึงน้อยลง”

   เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า รู้ตัวอีกทีมันก็ผันผ่านไปเกือบชั่วโมง ความกังวลใจที่สุมอยู่ในอกค่อยๆ ทวีขึ้นเรื่อยๆ ผมกลัวว่าชยินจะเผลอสะดุ้งตื่นแล้วพบว่าข้างกายไม่มีใครอยู่ กลัวว่าเขาจะร้องไห้เสียใจที่ผมไม่อยู่ตรงนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น จนกระทั่งเสียงของใครคนหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท

   ปลดทุกพันธนาการที่รั้งให้ผมต้องอยู่ตรงนี้ออกไปในพริบตา

   “ขอโทษที่ทำให้รอนาน คือกูแวะไปรับขวัญมาก่อนเลยช้านิดหน่อย ดรีมเป็นไงบ้าง” ไอ้ท็อปเดินเข้ามาประชิด พลางเอ่ยถามเจ้าของชื่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

   “ไม่โอเคเท่าไหร่ เรา...อยู่คนเดียวไม่ได้”

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน ส่วนนี่ชื่อขวัญนะ ขวัญจะมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยอีกคน”

   “รบกวนด้วยนะ”

   “เฮ้ยไม่เป็นไรเพื่อนกัน ว่าแต่เรากลับกันเลยมั้ย” ดรีมพยักหน้าอย่างจำยอม ก่อนจะถูกเพื่อนผู้หญิงอีกคนจูงมือเดินออกไป หลงเหลือแต่ผมกับไอ้ท็อปที่มองหน้ากันนิ่งๆ

   “เพื่อนกูเป็นนักจิตวิทยา มันพอช่วยดรีมได้”

   “ขอบใจมาก” ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกเหนือจากคำนี้ ทุกอย่างในหัวแม่งตื้อไปหมด

   “เคลียร์กับชยินยัง” ไอ้ท็อปถามต่อ

   “ยัง”

   “ทำไมยังช้าอีก นี่ก็หลายวันแล้วนะเว้ย มึงจะให้มันอกแตกตายเหรอ”

   “แค่กำลังหาโอกาส แต่ก็เกิดเรื่องก่อนตลอด มึงก็รู้ว่าดรีมกำลังป่วย มันยากที่จะทิ้งเขาให้เผชิญปัญหาตามลำพังจริงๆ” ไม่ใช่ว่าไม่พยายาม แต่คนหนึ่งก็รัก อีกคนก็ต้องดูแล เพราะไม่รู้ว่าวันไหนอีกฝ่ายจะเกิดคิดสั้นอีก

   “มันไม่ใช่สิ่งที่มึงต้องรับผิดชอบขนาดนั้นเว้ยยุค เพราะป่วยเหรอถึงต้องรับผิดชอบ”

   “ดรีมไม่เหลือใคร”

   “เขามีคนที่คอยดูแลอยู่แล้ว แต่ที่เขาไม่ไปเพราะนึกถึงมึงเป็นคนแรกต่างหาก”

   “...”

   “ไอ้ยุค มึงแคร์คนที่มึงรักน้อยไปจริงๆ”

   “กูรู้ว่าตัวเองแย่” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแหบพร่าจนรู้สึกได้ ขณะที่คนตรงหน้าก็เอาแต่ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกอีกอย่างนึกปลง

   “เอาเถอะแม่งไม่ใช่เวลามาตัดพ้อป่ะวะ รีบขึ้นไปดูชยินเร็ว มันหลับอยู่ป่ะ”

   “อาจจะ”

   “ยังไงคืออาจจะ มึงไม่ได้ทำอะไรมันใช่มั้ย”

   คราวนี้ผมไม่ตอบแต่เปลี่ยนเป็นปัดมือไล่เพื่อนสนิทให้รีบกลับ ซึ่งเหมือนมันจะเข้าใจความหมายเลยรีบผละไปอีกทาง ส่วนผมก็แวะไปที่มินิมาร์ทใต้คอนโดเพื่อซื้อของจำเป็นบางอย่างก่อนกลับขึ้นห้อง

   ทุกก้าวที่ย่ำไปข้างหน้าเหมือนพาเอาความทรงจำที่ผ่านมาให้หวนนึกถึงอีกครั้ง ตอนที่ความสัมพันธ์ของผมกับชยินกำลังเป็นไปด้วยดี วันหนึ่งมันกลับสะดุดลงเพราะเรื่องเล็กน้อยที่ค่อยๆ บานปลาย

   ถ้าวันนั้นเราคุยกัน มันอาจไม่เป็นแบบนี้...












    ‘มาทำไมเนี่ย ว่างนักเหรอมึง’

   ผมโพล่งประโยคแรกที่เป็นเหมือนคำทักทายกับคนตรงหน้า ไอ้ท็อปยืนยิ้มแป้นอยู่ตรงประตู ก่อนจะเบี่ยงตัวเดินเข้ามาในห้องพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี

   ‘ไหนบอกเลิกบุหรี่แล้ว’

   ‘ก็ไม่ได้สูบ แค่พกไว้ให้อุ่นใจ’

   คนฟังเบะปากรับ ขณะทิ้งตัวลงบนโซฟาราวกับเป็นเจ้าของห้อง

   ‘จีบไอ้ชยินเป็นไงบ้าง คืองี้กูคิดแผนได้อย่างนึง เผื่อมึงเอาไปใช้รับรองว่าได้ผลชัวร์’ ไอ้นี่ก็อย่างนี้แหละ พอเห็นความสัมพันธ์ของผมกับชยินไม่ค่อยคืบหน้า แม่งจะรีบคิดอะไรแผลงๆ มาเสนอทันที

   แต่คราวนี้ผมไม่อยากรับฟังเท่าไหร่นัก

   ‘มึงไม่ต้องเสนอแล้ว พรุ่งนี้กูจะไปบอกความจริงกับชยิน’

   ‘ความจริงอะไรวะ เรื่องที่มึงคือหมีใหญ่อ่ะเหรอ’

   ‘อืม’

   คิดเอาไว้นานแล้ว บางทีมันควรถึงเวลาสักที ที่ผ่านมาผมยื้อให้ชยินรู้สึกสับสนมานานจนบางครั้งก็อดสงสารไม่ได้ เขาไม่ควรต้องเสียเวลาหรือปวดหัวกับเรื่องนี้อีก

   ‘กูล่ะอยากเห็นหน้ามันจริงๆ ว่าจะตกใจแค่ไหน แต่บางทีเตรียมใจไว้ก็ดีมึงอาจจะเจอแม่งอาละวาดใส่’

   ‘ทำใจไว้แล้ว’ ผมเอ่ยสั้นๆ ก่อนเอื้อมมือไปหยิบหนังสือชื่อ Hear the wind sing ของมูราคามิขึ้นมา เพราะมันคือหนังสือเล่มสุดท้ายที่อยากมอบให้เขา

   ‘เออ แล้วไอ้ริวนี่ยังไง มันยอมถอยยัง’

   ‘ไม่ถอยก็เรื่องของมัน’

   ‘จริง ยังไงความหื่นของมึงที่มีให้ชยินก็เยอะกว่าไอ้ริวแน่นอน’

   ผมหันไปมองคนพูด ก่อนยกนิ้วกลางส่งไปให้เป็นการตัดรำคาญ แต่ดูเหมือนว่าไอ้ท็อปจะชอบใจพล่ามต่อไม่หยุด

   ‘เชื่อเถอะ ฮอนด้าซิตี้ยังไงก็สู้ออดี้ได้แน่นอน’

   ‘มึงยังไม่หยุดอีกเหรอ’

   ‘โอเคกูหยุดก็ได้’

   ‘...’

   ‘แต่ถ้าได้คบกันเมื่อไหร่มึงช่วยเลี้ยงข้าวกูมื้อใหญ่ๆ ด้วยนะ’

   ‘พบๆ ไสหัวไปเลยมึงอ่ะ’

   ‘กูไปแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ มีปัญหาอะไรอย่ามาง้อกูแล้วกัน’

   ผมจำไม่ได้แล้วว่าเราพูดถึงเรื่องชยินกันไปเท่าไหร่ แต่มันคงยาวนานพอสมควรเพราะแทบไม่มีเวลาโน้มตัวลงหลับ ส่วนหนึ่งอาจเพราะตื่นเต้นด้วยล่ะมั้ง แค่คิดว่าจะได้เจอหน้าคนที่ชอบ ความสุขก็พุ่งจู่โจมเข้ามาทันที ดังนั้นผมเลยไม่รอช้าตื่นขึ้นมาแต่เช้า

   เคลียร์งานที่คั่งค้างให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าดูดีที่สุดแม้ในตู้จะมีแค่สีดำกับขาวก็ตามที ที่ขาดไม่ได้เลยเห็นจะเป็นหมวกแก๊ปยี่ห้อ Moncler ที่ชยินเคยซื้อให้ มันกลายเป็นหมวกใบโปรดที่ผมมักหยิบมาใส่เป็นประจำ และวันนี้มันก็เป็นวันสำคัญที่คงลืมใส่ไม่ได้

   ผมขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดของชยินในเวลาบ่ายสามกว่าๆ ใช้จังหวะที่คนเดินลงมาข้างล่างกดลิฟต์ขึ้นไปด้านบนอย่างที่มักทำ จนกระทั่งมาหยุดยืนหน้าประตูหมายเลขเดิมที่แสนคุ้นตา

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูดังอยู่สามครั้ง ผมแทบไม่อยากรอเวลาให้ผ่านไปเลยด้วยซ้ำเพราะอยากเจออีกฝ่ายให้เร็วขึ้น จะเป็นหน้าบูดบึ้งเหมือนทุกครั้ง หรือรอยยิ้มน้อยๆ เหมือนคนเขินอายมันก็ดีต่อความรู้สึกของคนมองไม่ต่างกัน

   แต่ทว่าหลังจากเคาะประตูห้องไปได้พักหนึ่งด้านในก็ไม่มีการตอบกลับใดๆ ผมจึงลองเคาะใหม่อีกรอบซึ่งก็ได้ผลเหมือนเดิม วินาทีนั้นสิ่งเดียวที่คิดได้เลยก็คือโทรศัพท์มือถือ แต่มันแย่ตรงที่ผมรีบมาหาเขาเกินไปเลยลืมเอาไว้ในห้อง

   เหี้ยฉิบหายเลย

   ผมใช้เวลายืนอยู่ตรงนั้นเพื่อเรียกคนด้านในครู่หนึ่ง กระทั่งมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ถึงได้ทรุดตัวลงนั่ง และเฝ้ารอว่าคนตัวเล็กกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เรานัดกันไว้เมื่อวาน แต่แย่หน่อยที่ไม่ได้กำหนดเวลาให้ตายตัว ชยินเลยยังไม่รู้ว่าผมมารออยู่ก่อนแล้ว

   ตอนที่คนเรากำลังเฝ้ารออะไรบางอย่างด้วยใจจดจ่อ โลกก็เหมือนจะกลั่นแกล้งเราอยู่เสมอ ผมรู้สึกว่าเวลาเดินช้าลงเรื่อยๆ ราวกับหยุดชะงัก กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวินาทีก็ทำเอากระวนกระวายได้เหมือนกัน

   ช่วงเวลาสี่โมงเย็นเป็นช่วงที่รู้สึกอึดอัดน้อยที่สุด ผมบอกตัวเองว่าเขาอาจออกไปซื้อของข้างนอกเลยยังไม่กลับมา ทว่าความคิดนี้ก็หายไปเมื่อเข็มนาฬิกาข้อมือหมุนเวียนมาที่เลขหก

   ชยินยังไม่กลับมา ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ลองเคาะประตูห้องอีกครั้งเพื่อความมั่นใจแต่ก็ได้คำตอบดังเดิมคือความเงียบ จึงตัดสินใจนั่งลงและรอต่ออย่างใจจดจ่อ

   ผมอ่านหนังสือทุกเล่มของมูราคามิหมดแล้ว ดังนั้นเลยไม่มีอะไรให้อ่านฆ่าเวลา มือถือก็ลืมไว้ในห้อง คนที่รอก็ยังไม่กลับ รอบตัวมีแต่ความว่างเปล่าที่เหมือนไม่รู้จะขจัดออกยังไงนอกจากหายใจทิ้งไปเฉยๆ

   หนึ่งทุ่ม...

   เสียงประตูลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนไม่คุ้นเคย ความจริงก็คือเพื่อนบ้านของชยินนั่นแหละ เขาเดินออกมา จากนั้นก็ลากเท้าไปยังมุมห้องอย่างเงียบเชียบโดยไม่ได้เอ่ยทักทายหรือพูดประโยคใดๆ กับผม

   สองทุ่ม...

   จิตใจเริ่มกระวนกระวายเป็นเท่าตัว ผมไม่คิดว่าเขาจะลืมหรือผิดนัด แต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอันตรายมากกว่า ความห่วงที่เอ่ออยู่ในอกกำลังบอกให้ผมรีบกลับไปที่ห้องเพื่อกดมือถือไปหาเขา ทว่าทุกอย่างก็เป็นแค่ความคิด ผมยังอยู่ที่เดิม และตั้งหน้าตั้งตารอต่อไปอย่างเงียบๆ

   สามทุ่ม...

   สิ่งที่ผมตั้งใจจะบอกเขาในวันนี้ไม่ได้มีแค่คำสารภาพหรือบอกความจริงว่าผมเป็นใคร เพราะมันคงไม่ได้สลักสำคัญอะไรขนาดนั้น แต่สิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด...คือการนอนหนุนตักเขาต่างหาก

   เราพูดเรื่องความฝัน มีเขาคอยกล่อมและลูบหัวเหมือนเด็กๆ ครั้งหนึ่งเราเคยแชร์กันทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องตลกขบขันหรือวันเศร้าหมองของตัวละครในหนังสือ บทเพลงที่เขาแต่ง ความตรากตรำตอนที่ได้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพียงลำพังในห้อง ผมอยากพูดและฟังมันทั้งหมด

   ก็ได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาให้ผมได้มีโอกาสทำอย่างนั้นสักที

   ชยินเป็นเหมือนโลกทั้งใบของผม

   ตอนเจอเขาครั้งแรก ผมอดทึ่งในความเป็นธรรมชาติของเขาไม่ได้ ทั้งกวนตีนและดูหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาแม้เจ้าตัวจะพยายามตีหน้ายิ้มเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อ แต่เขาคงลืมไป ทุกสิ่งที่คิดล้วนแสดงออกมาทางแววตาซะหมด

   ชยินไม่เคยปกปิดอะไรใครได้ เขาดูใสซื่อ เป็นกันเอง ไม่มีพิษมีภัย เป็นคนมีความฝันและความคิดที่แปลกประหลาดพอกัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเหงา แต่เป็นความเหงาที่ไม่ได้โหยหาเพื่อจะมีใครเหมือนคนอื่นๆ ผมชอบดวงตาคู่นั้นที่บ่งบอกทุกอย่าง

   ความรู้สึกอยากทำความรู้จักวนเวียนอยู่ในใจ ผมเลยไม่รีรอที่จะขอเบอร์หรือทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น เวลาเคลื่อนผ่านจากวันเป็นเดือน...ผมมองเห็นด้านดีและแย่ของเขา แต่นั่นยิ่งผลักดันให้ผมหลงรักคนคนนี้มากขึ้นไปอีก

   แล้ววันนี้มันก็คงถึงเวลาสักทีที่เราจะได้เปิดอกคุยกันตรงๆ

   ไม่มีความลับสำหรับเรา จะมีแค่ผมกับเขา

   แต่...

   เสียงลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง ผมมองไปยังต้นเสียงก่อนจะเห็นร่างบางของคนคุ้นเคยอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ขณะที่ข้างกายยังมีใครอีกคนยืนอยู่ด้วย

   ‘ยุค...’

   เจ้าของเสียงน่าฟังเรียกชื่อผม นัยน์ตาสีดำอมเศร้าจ้องมองไม่กะพริบพลางสาวเท้ามาข้างหน้าอย่างไม่ลดละ

   ผมชันตัวลุกขึ้นยืน ส่วนไอ้ริวเดินกลับเข้าไปในลิฟต์โดยไม่เอ่ยทักทายผมแม้แต่ประโยคเดียว ดังนั้นเลยเหลือแค่ชยินที่ยืนอยู่ตรงนี้พร้อมกับคำถามที่ทำเอายิ้มขื่นเมื่อได้ยิน

   ‘รอนานมั้ย’

   ‘ไม่นาน’ ผมตอบสั้นๆ ไม่ได้หวังให้เขารู้สึกแย่

   แม้ลึกๆ จะไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมเขาถึงไปกับไอ้ริว ทำไมถึงเลือกลืมนัดของผมอย่างง่ายดาย ทุกอย่างตีรวนยุ่งเหยิงอยู่ในหัว หรือความจริงแล้วผมไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้นกันแน่

   ‘กี่โมง’ คนตรงหน้ายังคงถามต่อ

   ‘ทำไม’

   ‘กี่โมง’

   ‘สี่’

   ‘ผม...ผมโทรหาคุณแล้วแต่ก็ไม่ติด ส่งข้อความหาก็ไม่อ่าน วันนี้ริวมันบังเอิญชวนออกไปดูหนังกับเพื่อนๆ แล้วคือ...’ สิ่งที่ได้ยินคงเป็นเพียงคำแก้ตัว

   ชยินไม่ได้ผิดอะไรที่จะทำแบบนี้ ผมต่างหากที่สำคัญตัวเองผิดไป

   และเพิ่งรู้คำตอบตอนนี้เองว่าเขาเลือกอีกฝ่ายไม่ใช่ผม

   ‘ผมบอกว่าชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ ไม่ว่าจะข้อเสียอะไรก็ช่างผมมองมันเป็นเรื่องดีเสมอ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ ทำไมวะชยิน แค่บอกว่าไม่ชอบก็จบเรื่อง ผมไม่ได้ขอให้คุณรับผิดชอบความรู้สึกของผมสักนิดเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างที่คุณอยากได้ แค่บอกมาผมก็ให้ได้ทุกอย่าง แต่ถ้าอย่างไหนที่ให้ไปแล้วคุณไม่ต้องการก็แค่พูดออกมาตรงๆ มันไม่มีอะไรที่เข้าใจยากหรอก’

   ‘หมายความว่าไง’

   ‘คุณคุยกับไอ้ริว คุณไม่ผิด คุณไม่ผิดที่จะคุยกับใครหลายคนแต่ควรจะบอกผมด้วย’

   ‘เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว’

   ‘ผิดยังไง สิ่งที่ผมเห็นอยู่มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ’

   ‘คุณกำลังคิดเองเออเองอยู่นะ ช่วยฟังผมอธิบายก่อน’

   ชยินพูดเหมือนจะร้องไห้ แต่ผมก็ยังควบคุมตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้ถลาเข้าไปกอดเขา

   ‘งั้นบอกผมสิ ทำไมคุณถึงไปกับมัน’   

   ‘ริวแค่อยากฉลองเพราะหัวข้อวิจัยผ่าน’

   ‘คุณก็เลยไป’

   ‘ใช่’

   ‘คุณไปทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผมจะมาหาคุณ คุณรู้อยู่แล้วแต่ไม่ยอมปฏิเสธมันไปตรงๆ ผมไม่ได้อยากแข่งกับใคร คุณเองก็คงอึดอัดเหมือนกันใช่มั้ย คุณสับสนผมรู้ หลายครั้งที่ผมโยนความไม่สบายใจมาให้ โยนคำว่าชอบมาให้ บางทีคุณอาจไม่ต้องเหนื่อยถ้าผมไม่พยายามยัดเยียดอะไรก็ตามให้คุณอีก’

   ‘หมายความว่าไง คุณจะทิ้งผมเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย คุณจะล้มเลิกความตั้งใจทุกอย่างทั้งหมดเลยใช่มั้ย’

   ‘...’

   ‘ถ้าใช่ก็ไปเลย ในเมื่อคุณไม่ฟังก็ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก’

   ประโยคนั้นเหมือนค้อนหนักๆ ตีแสกเข้ามาที่หน้าอย่างจัง มันไม่ใช่เพราะผมอยากทิ้งเขา แต่เป็นเพราะชยินไม่ได้เลือกผมแล้วต่างหาก

   เสื้อผ้าที่เลือกใส่มาอย่างดี หมวก Moncler ที่เขาซื้อให้ หนังสือของมูราคามิเล่มสุดท้ายที่ถือติดมา รวมไปถึงความจริงบางอย่างที่อยากพูดออกไปตรงๆ วันนี้มันคงเปล่าประโยชน์เมื่อเขาไม่ต้องการ

   และผมไม่อยากให้เขาต้องเหนื่อยหรือฝืนที่ต้องรับสิ่งที่ผมยัดเยียดให้อีก

   ‘ความจริงแล้วรักมันก็ไม่มีอะไรยากหรอก แต่เรื่องระหว่างคุณกับผมมันคงเป็นไปได้ยากจริงๆ’   

   ‘...’

   ‘อือ ผมจะไป’

   ที่ถอยไม่ใช่เพราะยอมแพ้ แต่เพราะแพ้แล้วจริงๆ ต่างหาก

   ผมเดินคอตกลงมาข้างล่าง สิ่งเดียวที่อยากทำตอนนี้เลยคือนอน นอนไปจนถึงบ่ายเพราะไม่รู้ว่าจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้อีก ไม่คิดเลยว่าเมื่อลงมาถึงใครบางคนจะนั่งรอตรงล็อบบี้อยู่ก่อนแล้ว

    ‘ขอคุยด้วยหน่อยสิ’

   ‘ไว้วันอื่น’ ผมปัดปฏิเสธตรงๆ

   ‘ถ้าเรื่องที่กูอยากคุยมันเกี่ยวกับชยินล่ะ มึงจะหยุดคุยกับกูสักสามนาทีได้มั้ย’ ผมถอนหายใจ ก้าวขาไปหาไอ้ริวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าที่ควร

   ‘มีอะไร’

   ‘วันนี้กูไปดูหนังกับชยิน’

   ‘กูรู้’ ผมแข่งขันกันไอ้ริวมาตั้งแต่มัธยม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแข่งกับมันเรื่องความรักด้วย

   ‘กูเองก็รู้ว่าเขามีนัดกับมึง แต่มันคงไม่ผิดใช่มั้ยที่เขาเลือกมากับกู’

   ‘หึ!’ ผมแค่นยิ้ม ทั้งที่ในใจรู้สึกเหมือนกับถูกเท้าของคนตรงหน้าบดขยี้จนแหลก

   ‘กูไม่เคยคิดจะแข่งกับมึงเว้ยยุค แต่กับชยินกูชอบเขาจริงๆ ว่ะ’

   ‘...’ ผมเงียบ ไม่ได้ตอบโต้ใดๆ กลับไป

   ‘จะต่อยกูก็ได้นะ เต็มที่จนกว่ามึงจะพอใจเลย’ สิ้นสุดคำพูดนั้นผมถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย กระชากคอเสื้อของมันเอาไว้ ขณะมืออีกข้างเงื้อขึ้นสูงพร้อมจะฟาดลงบนหน้าหล่อเหลาเต็มแรง

   ‘ต่อยเลยยุค’

   ‘…’

   ‘แล้วมึงเลิกยุ่งกับชยินซะ ถือว่ากูขอล่ะ’

   ร่างกายคล้ายกับหมดเรี่ยวแรงไปดื้อๆ นอกจากไม่ต่อยแล้ว ผมยังทำได้แค่ก้มหน้ารับฟังอย่างพวกขี้แพ้ ก่อนจะตระหนักได้ว่า...

   ต่อให้รักแค่ไหน ก็เอามาเป็นของตัวเองไม่ได้อยู่ดี

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 21-07-2018 20:12:49

   ตั้งแต่คุยกับไอ้ริวจบผมก็ไม่รับโทรศัพท์หรืออ่านข้อความของชยินอีก นอกจากตัดประเด็นไปสั้นๆ แล้วปิดเครื่องหนี มันอาจจะแย่หน่อยแต่นี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว พอรู้ว่าแพ้ก็ไม่อยากดันทุรังให้เขาต้องรำคาญ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะเจ็บด้วยกันทั้งคู่

   ที่ผ่านมาเลยได้แต่หวังว่ามันจะเป็นความทรงจำที่ดีของเรา

   ทุกอย่างมันควรจะจบตั้งแต่วันนั้น แต่ไม่รู้ทำไมในหลายวันต่อมาชยินถึงแวะมาหาผมที่คอนโด ผมไม่ได้โกรธเขา แค่ไม่เข้าใจว่าในเมื่อเลือกไอ้ริวไปแล้วทำไมเราถึงต้องคุยกันอีก เลยปฏิเสธที่จะเจอหน้าตรงๆ

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะห้องดังขึ้น ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็ยังย่างเท้าไปที่หน้าประตู ก่อนจะพบว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกเป็นใครคนหนึ่งที่แสนคุ้นเคย เธอคือความทรงจำที่ผ่านมาของผม เราได้เจอกันบ้าง ทว่าไม่มีครั้งไหนที่อีกฝ่ายจะแวะเวียนมาทักทายถึงหน้าห้อง

   ‘ดรีม’

   ‘ยุค ขอเข้าไปคุยด้วยได้มั้ย’

   ผมไม่รู้เธอขึ้นมาได้ยังไงและก็ไม่คิดจะถาม นอกจากพาเธอเข้ามาด้านใน หาเครื่องดื่มและขนมกินเล่นมาวางไว้ตรงชุดโซฟาแล้วหาโอกาสถามถึงต้นสายปลายเหตุ

   ดรีมไม่สดใสเหมือนทุกครั้ง ความจริงก็ตั้งแต่ครั้งก่อนตอนเจอกันที่ร้านหนังสือ ดูเหมือนเธอจะเจอวิกฤตในชีวิตนิดหน่อย ความรักไม่ได้เป็นดั่งหวังทั้งที่งานถ่ายภาพกับการรับจ๊อบเป็นนางเอกเอ็มวีก็ดูจะรุ่งไม่น้อยเหมือนกัน

   ‘มีอะไรหรือเปล่า บอกได้นะ’ ผมถามตามประสาเพื่อนคนหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะเป็นการร้องไห้จนตัวโยน

   นานเหมือนกันกว่าเจ้าตัวจะสงบสติอารมณ์ น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยเจือไปด้วยเสียงสะอื้น ทว่าผมก็ทำได้แค่นั่งตบบ่าปลอบใจพร้อมกับทิ้งระยะห่างเอาไว้ประมาณหนึ่ง เพื่อตอกย้ำให้แน่ใจว่าเราไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว

   ‘เราเพิ่งไปหาหมอ ความจริงก็เพิ่งเป็นหนักเลยต้องไป’

   ร่างกายของผมเย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ได้คาดหวังว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน รู้แค่ว่ามันคงไม่ใช่ข่าวดีเท่าไหร่นัก

   ‘ป่วยเหรอ’ ผมถามหยั่งเชิง ดรีมจึงพยักหน้าพลางตอบกลับทันที

   ‘เป็นซึมเศร้า เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันก่อน’

   โรคที่คนในสายอาชีพรวมถึงคนใกล้ตัวของผมเป็น มันไม่มีอะไรดี ทุกอย่างแย่ไปหมดและผมก็เข้าใจดี

   ‘หมอให้ยามามั้ย กินยาให้ตรงเวลา ที่ห้องมีใครอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า บางทีอยู่คนเดียวอาจจะไม่เวิร์ก ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้’

   ‘ตอนแรกเราไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนี้ แต่เวลาคิดถึงเขาทีไรมันก็รู้สึกหดหู่ตลอด’ เขาที่หมายถึงคงเป็นแฟนที่ดรีมคบ เราจบกันไปนานแล้ว เธอเริ่มต้นใหม่แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด

   ‘อาจจะต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น’ ผมลองเสนอ ถึงไม่รู้ว่ามันจะแก้ปัญหาได้หรือเปล่าก็ตาม

   ‘เราอยู่ในห้อง มองดูเพดาน มันหดหู่จนเหมือนกับว่าโลกกำลังจะแตก เราถามตัวเองว่าเกิดมาทำไม มีชีวิตไปทำไม หรืออยู่เพื่อใคร ถามคำถามเดิมซ้ำๆ จนได้คำตอบว่าไม่มี...ไม่มีเหตุผลที่เราต้องทนอยู่’

   สีหน้าของคนพูดคร่ำเครียด ผมจับมือเธอเอาไว้ แต่ไม่ได้ปลอบอะไรนอกจากรับฟังเงียบๆ

   ‘เราคิดถึงเธอ ตอนนั้นเราอยู่กับยุคแล้วสบายใจเลยตัดสินใจมาที่นี่’

   ‘มาได้’

   ‘ยุคมีใครหรือยัง’ จำได้ว่าครั้งก่อนดรีมเคยถามผมแล้ว แต่เธอก็ยังเลือกจะถามย้ำ

   ‘มีแล้ว’

   ‘ไปกันได้ดีมั้ย’

   ‘จบแล้วล่ะ’ ผมตอบยิ้มๆ

   ‘ทำไม’

   ‘มันมีเหตุผลไม่กี่อย่างหรอก บางทีเขาอาจจะไม่รักเลยไปกันไม่รอด’ ฟังดูเหมือนช่วงแฟนเก่าหันหน้าปรับทุกข์ด้วยกันเลยว่ะ แต่ผมอาจจะดีกว่ามั้งตรงที่ยังไม่ได้เริ่มความสัมพันธ์ก็จบลงซะก่อน ขณะที่ดรีมเริ่มต้นไปนานแล้ว อยู่ด้วยกันระยะเวลาหนึ่งก่อนจะแยกจากกันไป

   ‘ยังชอบอ่านมูราคามิเหมือนเดิมเหรอ’ เธอเปลี่ยนเรื่อง จ้องมองหนังสือ Hear the wind sing ที่วางอยู่ใกล้ๆ

   ดรีมไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่เขาก็รู้ว่าผมเคยชอบอะไร

   ‘อืม ก็สนุกดี’

   ‘ขอเล่มนี้ไปอ่านได้มั้ย’

   ‘ยังมีอีกหลายเล่มที่อยู่ในตู้’ ผมพูดเป็นเชิงปฏิเสธกลายๆ แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่เข้าใจ

   ‘อยากอ่านเล่มนี้แหละ ขอได้มั้ย’

   ‘…’

   ‘หรืออยากให้ใคร’

   ‘ไม่มีหรอก เอาไปเถอะ’ คิดดูอีกที ผมคงไม่มีโอกาสหยิบยื่นมันให้กับคนที่ต้องการให้อีกแล้ว

   ‘ยุคว่าเราจะเป็นยังไงถ้าใครคนนั้นไม่กลับมา’ เธอตั้งคำถาม สองมือเปิดหน้าหนังสือไปทีละหน้าอย่างใจเย็น

   ความจริงดรีมเป็นคนที่ค่อนข้างเข้าใจยากประมาณหนึ่ง ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล อะไรหลายๆ อย่างในชีวิตเลยเปลี่ยนแปลงตามความอ่อนไหวของอารมณ์

   ‘เสียใจ และก็คงร้องไห้ด้วย’ ปกติเธอก็เป็นแบบนี้ แต่แปลกดีในวันที่เราเลิกกันเมื่อหลายปีก่อน ไม่มีใครเผลอร้องไห้ออกมาแม้แต่นิดเดียว

   คงเพราะ...ต่างคนต่างหมดรักกันไปแล้ว

   ‘เราทำมันไปหมดแล้ว ร้องไห้ เปิดเพลงเศร้า แล้วก็เข้าไปอยู่ใต้ฝักบัว’

   ‘แล้วดีขึ้นมั้ย’

   ‘ตลกตัวเอง’ คนตรงหน้ายิ้มขื่น

   ‘อย่างน้อยก็ได้ทำ’

   ‘เรา...แย่มาก’

   ‘เดี๋ยวก็ผ่านไป’

   ‘เมื่อคืนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่ง อยากตายขึ้นมาเฉย’ ประโยคบอกเล่านั้นทำผมนิ่งไปพักใหญ่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดรีมถึงพูดมันออกมา แต่ดูจากสีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ

   ซึ่งมันน่ากลัว

   ความตายไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่คนจะคิด

   ก๊อกๆๆ

   จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ฉุดความรู้สึกที่ค่อยๆ จมดิ่งกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง ผมมองหน้าดรีม ตบบ่าเธอเบาๆ ก่อนยื่นช็อกโกแลตให้

   ‘นั่งรอก่อน เหมือนเพื่อนจะมาน่ะ’ เอ่ยออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าใครอยู่หน้าห้องกันแน่ บางทีอาจเป็น บ.ก.ที่ตามทวงต้นฉบับถึงที่ หรือจะเป็นไอ้ท็อปที่แวะเวียนมาหาได้ทุกเวลา

   ‘เราขอนอนได้มั้ย’

   ‘นอนได้’ ผมบอกสั้นๆ ดรีมเลยทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเงียบเชียบ ส่วนผมก็ปลีกตัวเดินมายังประตู ออกแรงหมุนลูกบิดเล็กน้อยเพื่อเผชิญหน้ากับคนด้านนอก ซึ่งเป็นคนที่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอในวันนี้

   คิดถึง คิดถึงมากๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้นอกจากฝืนตัวยืนนิ่ง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแม้ในใจจะรัวกระหน่ำด้วยความยินดี

   ‘มาได้ไง’

   ‘ผมแอบเข้ามา เพราะคิดว่าเราอาจมีเรื่องต้องคุยกัน’

   น้ำเสียงของชยินเต็มไปด้วยความเว้าวอนจนอยากดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด ใบหน้าของเขา ดวงตาของเขา ทุกอย่างที่ผมรักอยู่ตรงหน้านี้แล้วทว่าไม่สามารถครอบครองเป็นของตัวเองได้

   ‘ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง เป็นวันอื่นได้มั้ย’

   มีหลายอย่างที่อยากพูดอยากบอก แต่เหมือนว่าตอนนี้มันจะไม่ใช่สถานการณ์ที่เราต้องคุยกัน ดรีมยังอยู่ด้านใน และผมไม่อยากให้ชยินต้องรู้สึกไม่ดีเมื่อรู้ว่าเธออยู่ในห้อง

   ‘ขอคุยด้วยหน่อย’ ชยินยังคงยืนยันคำเดิม

   ‘ยังไม่ใช่ตอนนี้’

   ‘คุณไม่อ่านข้อความผม โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ เพราะงั้นให้ผมได้พูดอะไรบางอย่างกับคุณก่อนได้มั้ย ยุค...เรื่องที่เกิดวันนั้นผมผิดเอง’

   จนแล้วจนรอดผมก็ใจอ่อนให้เขา ยอมฟังคำอธิบายจากอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

   ชยินมาเพื่อขอโทษ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคือคำบอกรักทั้งน้ำตา หลายวันมานี้ผมเข้าใจมาตลอดว่าเขาไม่ได้เลือกผม เลยพยายามตัดขาดทุกอย่างและเลือกอยู่คนเดียวเหมือนที่ผ่านมา ทว่าแม่งไม่ใช่เลย สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงสวนทางกันโดยสิ้นเชิง

   ความรู้สึกตอนที่ได้ยินคำสารภาพรักมันทั้งดีใจและยินดี แต่เป็นความยินดีที่ไม่สุดซะทีเดียวเพราะก่อนหน้านั้นผมเพิ่งรับฟังปัญหาของใครอีกคนมา แถมเธอก็กำลังอยู่ในห้อง

   ผมรับรู้ว่าชยินรักผม รู้จากท่าทาง น้ำเสียง และแววตาที่ไม่เคยโกหกของเขา

   เราต่างรู้ว่าทางข้างหน้าคือกับดัก แต่กลับไม่มีใครคิดจะหยุดเดินแถมยังกระโจนเข้าใส่อย่างจัง ความลับไม่เคยมีในโลก เหมือนสิ่งที่ผมพยายามจะปกปิด แม้ไม่ได้ทำผิดอะไรแต่ชยินก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดีตอนที่เผลอดันผมเข้าไปในห้อง และเขาได้เห็นแฟนเก่ากำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

   ‘ขอโทษ ขอโทษที่จูบคุณ ผม...ผมคิดว่าต้องกลับแล้ว’

   ‘ชยินตั้งสติหน่อย’

   ร่างกายผมคล้ายหล่นร่วงลงไปยังธารน้ำแข็งเย็นเยียบ มันเจ็บจนรู้สึกชาไปทุกส่วนตอนเห็นคนที่รักกำลังร้องไห้และผมอยากอธิบายความจริงให้เขาฟังแค่ไหน

   ‘วันนี้มาขัดจังหวะ คุณไม่ว่างจริงๆ ด้วย ฮ่าๆ’

   ‘เดี๋ยวผมลงไปส่ง’

   ลงไปข้างล่าง อธิบายให้เขาได้เข้าใจ

   ‘ไม่ต้อง ทำไมไม่บอกผมแต่แรก ว่าคุณไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมแล้ว แค่ตอบข้อความหรือโทรมาบอกก็ได้ บอกว่าไม่รักจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาเสนอตัว หรือจะพูดให้รู้สึกแย่ ยังไงมันก็ดีกว่าตอนนี้อยู่ดี’

   ‘ชยิน อย่าคิดไปเอง ตอนนี้คุณต้องตั้งสติก่อน’   

   ‘ผมขอโทษ ผมงี่เง่าเอง’

   ‘มันไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้คุณช่วยกลับไปก่อนได้มั้ย แล้วผมจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง’

   ไม่รู้ว่าอาการของดรีมหนักแค่ไหน แต่เธอคงไม่โอเคถ้าจะพูดเรื่องอาการป่วยต่อหน้าชยิน ดังนั้นผมเลยอยากคุยกับชยินเพียงลำพังโดยไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาแทรก

   ‘ก็คง...ต้องเป็นอย่างนั้น’

   ‘เดี๋ยวผมลงไปส่ง’

   ‘ยุค’

   ร่างโปร่งเดินผละออกไป ส่วนผมที่ตั้งท่าจะเดินตามเขากลับถูกคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟารั้งไว้ซะก่อน สีหน้าของดรีมเหมือนจะไม่โอเคเท่าที่ควร ผมยืนลังเลอยู่นานสุดท้ายก็ไม่ได้วิ่งตามคนตัวเล็กกว่าไป แต่กลับใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพูดคุยและปลอบขวัญคนป่วย

   ในใจผมมีแต่ความกังวล พยายามคิดหาทางออกทุกวิถีทางทว่าก็โดนปฏิเสธหมด

   ดรีมไม่ยอมกลับห้อง เธอขอให้ผมอยู่เป็นเพื่อน คืนนั้นผมพยายามติดต่อหาเพื่อนคนอื่นๆ เพื่อขอความช่วยเหลือแต่ดรีมดันขอร้อง เธออยากปิดอาการป่วยเป็นความลับ แล้วโยนทุกอย่างมาให้ผมช่วยแบกเอาไว้ ซึ่งรู้ดีว่าบ่าทั้งสองข้างมันรับเรื่องต่างๆ ไม่ได้มากเท่าที่ควร

   ตอนเช้าอาการเธอไม่ได้ดีขึ้นนัก ตลอดหนึ่งคืนผมได้ยินคำพูดคิดสั้นมากมายจนข่มตานอนไม่หลับ เมื่อวันใหม่มาถึงจึงรีบโทรหาชยิน ทว่าปลายสายกลับไร้ซึ่งการตอบกลับ

   ผมตัดสินใจโทรไปขอความช่วยเหลือจากไอ้ท็อปซึ่งไม่รู้ว่ามันจะช่วยอะไรได้มั้ย แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

   หนึ่งคืนผ่านพ้นโดยที่ผมไม่ได้ตามไปอธิบายอะไรให้เขาเข้าใจแม้แต่อย่างเดียว สิ่งหนึ่งที่กลัวสุดหัวใจเลยก็คือกลัวว่าเขาจะรอ ผมพยายามหาโอกาสแล้ว แต่อาการของดรีมมันยากที่จะปลีกตัวออกมาส่งข้อความหรือโทรหาอีกฝ่าย ดังนั้นภาระทั้งหมดเลยตกไปอยู่ที่เพื่อนสนิท

   ใครจะคิดว่าผลที่ได้หลังจากนั้นจะเป็นการเห็นมันส่ายหัวอยู่หน้าห้องแล้วบอกว่าซวยแล้ว

   ชยินหายไป...

   คงเหมือนกับความสุขของผมที่ว่างเปล่าจนเหมือนไม่เคยมีอยู่ มันคงหายไปพร้อมกับเขา ไม่หลงเหลืออะไรเลยนอกจากความเจ็บปวด











   ผมขอความช่วยเหลือจากเพื่อนหลายๆ คนที่พอจะสนิทสนมกับดรีมเพื่อฝากฝังให้อีกฝ่ายช่วยดูแลเพราะยังอยู่ในช่วงที่อาการน่าเป็นห่วง ถึงแม้เธอจะยืนยันไม่อยากให้บอกใครในตอนแรกสุดท้ายก็ต้องยอมเปิดปากบอกเฉพาะบางคนเนื่องจากผมไม่สามารถแบกรับทุกอย่างไหว อาจจะแวะไปหาบ้าง แต่ไม่บ่อยเท่ากับการไปหาชยินที่ห้องทั้งที่รู้ว่าทุกอย่างกำลังจะสายเกินแก้

   ชยินไม่อยู่ห้องมาหลายวันแล้ว ติดต่อก็ไม่ได้ ถามเพื่อนคนไหนก็ไม่มีใครรู้จนรู้สึกกังวล

   ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นยังไง เฝ้าแต่ภาวนาว่าเขาจะเหนื่อยและกลับมาสักทีเพราะเรื่องระหว่างเรายังคงคาราคาซังอยู่

   ‘เป็นไงบ้างวะ สภาพแม่งแย่สัด’ ไอ้ท็อปแวะมาหาที่ห้อง ช่วงนี้ต้องเรียกว่าเป็นขาประจำถึงจะถูก

    มันวางข้าวกล่องง่ายๆ ไว้ตรงโต๊ะกินข้าว แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ กับผม

   ‘วันนี้กูไปหาชยินมา’ ผมบอกประโยคเดิมๆ ให้มันรับรู้

   ‘แล้วเจอมั้ย’

   ‘ไม่ มึงพอจะติดต่อคนที่ทำงานชยินให้ได้หรือเปล่า กูเป็นห่วงว่ะ’

   ‘ติดต่อไปแล้ว ปกติไอ้ชยินมันไม่ค่อยสนิทกับใคร เลยถามหาง่าย แต่บอกเลยว่าทุกคนไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหนสักคนแม้กระทั่งไอ้เบิร์ด ส่วนพี่เกมที่เป็นโปรดิวเซอร์ก็บ่นอยู่เหมือนกัน มันหายหัวแบบนี้ฝั่งโน้นเลยโยนงานให้คนอื่นไปทำแล้ว’

   ผมยกมือกุมขมับด้วยความรู้สึกมืดแปดด้าน

   ‘คนอื่นล่ะ มีคนอื่นที่พอจะติดต่อมั้ย’

   ‘หมดแล้ว มึงใจเย็นก่อน เดี๋ยวแม่งก็กลับมาเองแหละ’

   ‘ชยินไม่ค่อยมีเงินติดตัว’ ผมเป็นห่วงว่าเขาจะลำบาก จะอยู่ยังไง กินยังไง ลองติดต่อเลียบเคียงไปหาที่บ้านเขาก็ได้คำตอบคล้ายๆ กันคือไม่รู้ว่าไปไหน รู้แค่ว่าหนีพักผ่อนชั่วคราวเพื่อไม่ให้คนในครอบครัวเป็นกังวล

   ‘มันไม่มีเงินติดตัวอ่ะดีแล้วจะได้รีบกลับ มึงก็ไปกินข้าวก่อนเถอะ’

   ‘แดกไม่ลง’

   ‘เข้าใจ เมียหนีอ่ะเนาะ ไม่พอแฟนเก่ายังกลับเข้ามาในชีวิตอีก สีสันโคตรๆ’ ไอ้ท็อปพูดเป็นทีเล่นทีจริง ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดใส่ใจอะไรนอกจากนั่งนิ่ง มองดูหน้าจอทีวีฉายหนังที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อเรื่อง

   ‘รอมันกลับมาแล้วพามาเคลียร์กับดรีมเลยมั้ย’

   ‘มันไม่ได้อยู่ในจุดที่ชยินต้องมาเจ็บปวดเรื่องนี้’ เขาไม่ควรต้องมารับฟังหรือเคลียร์ปัญหาในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อด้วยซ้ำ

   ‘ยุค โอเคป่ะวะ’ คราวนี้เสียงทุ้มดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย

   ‘ไม่’

   ‘ถ้ามันเหนื่อยมากก็ปล่อยวางบ้าง’

   ‘ให้ปล่อยได้ยังไง ตอนนี้กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชยินอยู่ที่ไหน ทำอะไร อยู่กับใคร มันห่วงไปสารพัด แล้วไหนจะเรื่องดรีมอีก มึงจะให้กูไม่เหลียวแลคนป่วยเลยเหรอ เขาไม่เหลือใครแล้วนะเว้ย’ ยังคงเป็นปัญหาที่คิดไม่ตก เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องสูญเสียอีกอย่าง แต่หากจะแบกไว้ทั้งคู่ก็กลัวว่าสุดท้ายมันจะพังกันหมด

   ‘ดรีมยังมีเพื่อน ทางนั้นพอช่วยดูแลได้’

   ‘เมื่อวานเขายังโทรหากูอยู่เลย’ เหมือนกับว่าเจ้าตัวได้ทิ้งความหวังไว้ที่ผมจนหมด ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่ต้องแบกรับไว้

   ‘มึงใจอ่อนเกินไป’

   ‘แต่ถ้าใจแข็งกูกลัวว่ามันจะเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น’ เวลาที่ต้องรับรู้ว่าคนๆ หนึ่งกำลังเผชิญวิกฤติ หรืออยากฆ่าตัวตายนับร้อยครั้ง ไม่มีใครที่จะอยู่เฉยได้หรอก

   ‘งั้นมึงก็ปล่อยไอ้ชยินไป เลือกแฟนเก่ามึงเลย ไม่ต้องอธิบายห่าอะไรให้มันฟังหรอก’ คำพูดของให้ท็อปทำให้ผมหันขวับ

   ‘ที่มึงบอกว่าเข้าใจคือเข้าใจกูจริงป่ะวะ’

   ‘กูเข้าใจมึงถึงได้พูด ถ้าเกิดวันนึงชยินแม่งกลับมามึงจะทำยังไง วิ่งโร่ไปหามันพร้อมกับเกี่ยวแฟนเก่ามึงไปเคลียร์ด้วยเหรอ แน่ใจนะว่าอยากทำอย่างนั้น มึงไม่ได้แย่ที่ตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเว้ย’

   ‘…’

   ‘ที่สำคัญเลยก็คืออาการป่วยไม่ใช่ข้ออ้างในการเรียกร้องจะขออะไรจากคนอื่นก็ได้ ทุกอย่างมันมีขอบเขตของมัน ดรีมต้องเรียนรู้ มึงไม่ปล่อยให้เขาทำความเข้าใจแต่กำลังดึงให้เขาพึ่งพิงแต่มึง ถามหน่อยเถอะว่าวันหนึ่งมึงไม่อยู่เขาจะอยู่ได้มั้ย ก็ไม่!’

    ‘…’

   ‘มึงไม่ได้อยู่กับดรีมด้วยความรักแต่อยู่ด้วยความสงสาร เขาไม่ดีใจหรอกที่มึงรู้สึกแบบนี้ แต่กับคนที่รักอย่างชยินล่ะ มึงอยู่เพื่ออะไร เพื่อให้มันเดินจากไปแล้วก็เจ็บกันทั้งคู่น่ะเหรอ’

   ประโยคแล้วประโยคเล่าดังก้องในโสตประสาท ไอ้ท็อปยังคงพูดต่อไม่หยุดทว่าสมองของผมมันไม่ประมวลผลอีกแล้ว สิ่งเดียวที่รู้ในตอนนี้เลยก็คืออยากเจอชยิน อยากคุย อยากอธิบายให้เข้าใจ

   อยากทำทุกอย่างให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม

   ทั้งที่เวลาผ่านไปเกือบสัปดาห์แล้ว ผมรู้สึกว่าโลกทั้งใบหม่นหมองกว่าเดิมหลายเท่า รอยยิ้มของเขา ดวงตาที่ไม่เคยโกหก ประโยคกวนๆ ที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากได้รูป

   ผมเห็นผู้ชายคนเดิมนั่งอยู่ตรงโต๊ะฝั่งตรงข้ามพร้อมกับกอดกีตาร์เอาไว้แนบอก ร้องเพลงอกหักที่เขามักแต่งได้ดีเสมออย่างอินๆ และผมจะยังเห็นภาพนั้นวนเวียนอยู่ในหัวแบบเดิมในทุกวัน เป็นภาพจำที่อาจติดตรึงไปอีกยาวนานเมื่อไหร่ไม่รู้

   บางทีคงเป็นตลอดไป...









   แล้ววันที่ฝันเป็นจริงก็มาถึง

   ผมได้เจอกับชยินอีกครั้ง เขาดูผอมลงนิดหน่อยแต่ยังน่ารักเหมือนเดิม เราเดินสวนกันตรงทางเดินร้านกาแฟเจ้าประจำ แต่แทนที่จะมีโอกาสได้คุยหรืออธิบายมากกว่านั้น เขากลับต้องมาเห็นผมมากับแฟนเก่าแถมยังอยู่ในสภาพจับมือถือแขนกันอีก

   ในวินาทีนั้น ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันผิดพลาดไปซะหมด

    ไม่แน่ใจว่าโลกกำลังทำร้ายหรือเป็นผมที่ทำร้ายตัวเองกันแน่ ผมไม่คิดว่าความอดทนที่มีมาตลอดจะหลงเหลืออยู่อีก เลยตัดสินใจบอกกับดรีมไปตรงๆ และโทรให้เพื่อนคนหนึ่งมาอยู่เป็นเพื่อนเธอตอนผมไม่อยู่ แต่ใครจะรู้ หลังเคาะประตูห้องคนตัวเล็กอีกครั้งเขากลับไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะฟังอะไรอีกแล้ว

   ชยินที่สดใสหายไป หลงเหลือแต่คนที่แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ อยู่ตรงหน้า เราต่างควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้สุดท้ายก็เกิดเรื่องในที่สุด ผมปล่อยให้มันเกิดขึ้นทั้งที่รู้ดีว่าเขาไม่พร้อม...

   คิดถึงตรงนี้แล้วความทรงจำมากมายในอดีตก็หยุดชะงัก เสียงประตูลิฟต์เปิดออก ความคิดถูกอย่างเจือจางจนกระทั่งรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในปัจจุบัน

   สองเท้าติดสั่นหยุดยืนหน้าห้องหมายเลขเดิม มือข้างหน้าล้วงเอาคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋ากางเกงเนื่องจากมั่นใจว่าคนที่นอนอยู่คงไม่มีแรงลุกออกมาเปิดประตู สิ่งแรกที่ทำหลังก้าวเข้ามาในห้องเลยก็คือเข้าไปยังห้องนอนของเขา แต่ก็ต้องใจหายเพราะบนผ้าปูยับยู่ยี่ไม่มีร่างของใครคนนั้นนอนอยู่แล้ว

   จากที่คิดว่าเขาคงหลับโดยไม่รับรู้อะไรตอนนี้กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง

   ความกระวนกระวายผลักดันให้ผมรีบวิ่งไปยังห้องน้ำ เสียงฝักบัวดังเล็ดลอดออกมาด้านนอกทำให้รู้สึกอุ่นใจเล็กน้อยว่าเขาไม่ได้หนีไปไหนไกล ทว่าสภาพของคนตัวบางที่ได้เห็นกลับไม่ช่วยให้ความอึดอัดจางหายไปแม้แต่นิดเดียว

   “ชยิน...” ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าบางเบา สายน้ำตกกระทบลงบนร่างขาวซีดที่กอดตัวเองแน่น ไม่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ในสภาพนี้นานเท่าไหร่ แต่มันคงนานพอที่จะทำให้ผิวหนังที่ดูมีชีวิตชีวาไร้สีเลือดได้ถึงขนาดนี้

   เจ้าของดวงตาอ่อนล้าค่อยๆ ปรือตาขึ้น เขาสั่นไปทั้งตัวแต่ก็ยังคงนิ่ง ผมปราดเข้าไปหา เอื้อมมือไปปิดฝักบัวอย่างรีบเร่งก่อนจะช้อนร่างอ่อนปวกเปียกเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพากลับมายังเตียง หาผ้าขนหนูเช็ดตัวอีกฝ่ายทุกส่วน จากนั้นก็หายามาทาแล้วสวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่น

   “ฮือ...” คนใต้ร่างครางอืออาแทบไม่ได้ศัพท์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังร้องไห้ออกมา

   “เดี๋ยวกินยาก่อนนะ คุณจะได้นอนสบายๆ” ผมบอกเสียงเรียบ หมุนตัวไปหยิบยาแก้ปวดพร้อมกับน้ำดื่มมาจ่อปาก แต่ชยินสายหัวเอาแต่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาไม่หยุด

   “คุณ...ไม่ไปแล้วเหรอ”

   “ผมไม่ได้ไปไหน” ไม่พูดเปล่ายังคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดให้ความอบอุ่นโดยไม่คิดปล่อย

   “คุณหายไป...มีคนโทรมา คนโทรมา...แล้วคุณก็ไป” เจ้าตัวยังคงพูดวกไปวนมา ผมจูบที่ขมับบางพลางโยกตัวคนในอ้อมแขนเบาๆ

   “ผมลงไปแค่แป๊บเดียว”

   “คุณทิ้งผม”

   “ขอโทษ...” อาจพูดได้แค่คำนี้ แต่เขาควรได้รับมันจริงๆ

   “เขาสำคัญมากใช่มั้ย”

   “สำคัญคนละแบบกับคุณ”

   “ที่เกิดขึ้น...มันคือความผิดพลาด” คนพูดหลุบตาลงเล็กน้อย พูดเจือน้ำเสียงติดอู้อี้จนน่าสงสาร   

   “มันคือความตั้งใจของเราทั้งคู่”

   “พรุ่งนี้คุณก็จะหายไปอีกใช่มั้ย” พูดไปน้ำตาก็ไหลไปจนเปื้อนเสื้อตัวใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนไปไม่นาน

   “ผมจะอยู่ตรงนี้ อยู่กับคุณ”

   “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องถูกทิ้ง เพราะความโลเลของผมใช่มั้ย หรือเพราะผมง่ายเกินไป” คราวนี้ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ไม่อยากให้เขาต้องเจ็บปวดกับความรู้สึกพวกนี้อีก

   “มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณทั้งนั้น คุณไม่ผิดอะไร และผมยังรักคุณเหมือนเดิม อาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำนับตั้งแต่ตัดสินใจบอกรักคุณตรงดาดฟ้า”

   “แล้วทำไม...คุณถึงอยู่กับเขา ทำไมถึงปล่อยให้ผมรอ รอนานมากเลยแต่คุณก็ไม่มา คุณอยากแก้แค้นที่ผมปล่อยให้คุณรออยู่หน้าห้องใช่มั้ย ถ้าใช่ คุณทำสำเร็จแล้ว ฮือ...ผมทรมานมากเลย”

   ตลอดเวลาที่เราไม่ได้เจอกัน ผมรู้ว่าชยินต้องเผชิญกับความรู้สึกด้านลบมากขนาดไหนแต่ก็ยังเห็นแก่ตัว

   “ชยิน ขอโทษ”

   “ไม่อยากฟังคำนี้แล้ว”

   “ผมกับดรีมเป็นแค่เพื่อน เขารักคนอื่น ส่วนผมก็มีคุณ ไม่ได้มีอะไรเกินกว่านั้น”

   “...”

   “ดรีมป่วยเป็นซึมเศร้า เขาไม่มีใครและกำลังอ่อนแอมาก”

   “แล้วผมล่ะ”

   “...”

   “เพราะผมเข้มแข็งเหรอถึงต้องเป็นฝ่ายเสียสละ”

   รอบกายห่อหุ้มด้วยความเงียบงัน เป็นความเงียบที่รู้สึกเจ็บปวดแม้จะไม่มีใครกรีดมีดลงบนผิวหนังแม้แต่เสี้ยวเดียว

   “คุณไม่ได้รักผมหรอก จริงๆ คุณอาจรักคนอื่นอยู่”

   “ชยิน”

   “ผมง่วงแล้ว คุณปล่อยผมได้มั้ยครับ”

   ทว่าผมก็ยังคงทำเหมือนเดิม คือกอดเขาไว้แล้วล้มตัวนอนบนเตียงด้วยกัน รู้ดีว่าร่างกายของเขาไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็ยังเห็นแก่ตัวโอบกอดเพราะกลัวว่าเช้าวันรุ่งขึ้นอีกฝ่ายจะหายไป

   “เด็กดีอย่าร้องไห้” พูดพลางพรมจูบไปทั่วใบหน้าขาวจนคนตัวเล็กต้องเบี่ยงหน้าหลบ

   “ไม่ได้ร้อง”

   “พรุ่งนี้เราคุยกันให้เข้าใจเถอะนะ”

   “เข้าใจหมดแล้ว”

   ตอนนี้เขาคงไม่พร้อมจะรับฟังอะไรอีกเลยทำได้แค่เงียบ กล่อมเขาเบาๆ จนกว่าจะหลับไป   

   คงจะมีแค่ผมล่ะมั้งที่มัวแต่นอนครุ่นคิด มันคงจะจริงที่ผมแคร์เขาน้อยไป แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมา...

   ผมไม่ได้รักเขาเลย


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 21-07-2018 20:14:05

   เช้าวันใหม่มาถึง ร่างกายเหมือนมีความร้อนแผ่ซ่านไปซะทุกส่วน ผมปรือตาขึ้น ใช้เวลาปรับโฟกัสครู่หนึ่งก่อนจะก้มสำรวจความเปลี่ยนแปลงรอบกาย ชยินยังอยู่ในอ้อมแขนของผม แต่ที่แปลกออกไปคือความมีชีวิตชีวาที่มักแต่งแต้มบนใบหน้าได้หายไป

   “ชยิน...” ผมพึมพำเสียงแผ่ว รีบชันตัวขึ้นนั่งแล้ววัดอุณหภูมิอย่างลวกๆ ซึ่งก็เป็นตามคาด เพราะรับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากคนตัวเล็กกว่าจนน่าตกใจ

   เมื่อคืนนอกจากเรื่องเซ็กซ์ เขายังแช่น้ำอยู่นานกว่าจะถูกอุ้มออกมา ยาก็ยังไม่ได้กินนอกจากอาการบวมแดงที่ทายาภายนอกทิ้งไว้

   ผมหย่อนเท้าลงจากเตียง รีบรื้อหาผ้าขนหนูในตู้เพื่อเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกรอบ ถึงตอนนี้ชยินก็ปรือตาขึ้นมาพร้อมกับโอดครวญเสียงแหบพร่าจนต้องเอ่ยปลอบอยู่ใกล้ๆ

   “เจ็บ ฮือ...เจ็บ...”

   “อดทนนะเด็กน้อย ถ้าอาการไม่ดีขึ้นผมจะพาคุณไปโรง’บาล”

   “ไม่ไป” ใบหน้าขาวซีดส่ายไปมาบนหมอน เขาเอื้อมมือมาจับแขนผมพลางพูดเหมือนจะร้องไห้ “ไม่ไปนะ ฮือ...”

   “โอเคๆ แต่เดี๋ยวกินยาก่อนจะได้กินข้าว” ร่างบางยอมทำตามอย่างว่าง่ายด้วยการกลืนยาที่หยิบยื่นให้ จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนอย่างหมดเรี่ยวแรง

   ในตู้เย็นของชยินแทบไม่เหลืออะไรพอที่จะทำเป็นอาหารง่ายๆ ได้เลย ดังนั้นผมจึงเดินกลับไปที่เตียง กระซิบข้างหูเขาเบาๆ เพื่อไม่ให้กังวลว่าจะถูกทิ้งเหมือนเมื่อคืนอีก

   “เดี๋ยวผมลงไปมินิมาร์ทข้างล่างแป๊บนึงนะ”

   “ไม่ให้ไป...”

   “เด็กน้อยคุณไม่สบายต้องกินข้าว ผมลงไปแป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา”

   “ผมกลัวว่าคุณจะไม่กลับมาแล้ว” คำพูดนั้นเจือไปด้วยเสียงสะอื้น ผมเอื้อมมือไปลูบแก้มเขา ใช้เวลาปลอบอยู่นานกว่าจะสงบลง

   ความจริงจะเรียกสงบคงไม่ถูกเพราะเจ้าตัวเผลอหลับไปทั้งที่ยังคุยกันไม่จบด้วยซ้ำ

   ด้วยกังวลว่าเขาจะทรมานดังนั้นเลยทำทุกอย่างด้วยความรีบเร่ง อะไรคว้าได้ก็คว้า จากนั้นก็กลับขึ้นมาบนห้อง ทำอาหารอ่อนง่ายๆ จนเสร็จแล้ววกมาเช็ดตัวคนป่วยอีกรอบ

   อุณหภูมิร่างกายของเขายังคงสูงเท่าเดิม ผมจัดการปิดแอร์ แล้วเปลี่ยนเป็นเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศได้ระบายสะดวกขึ้น ร่างอ่อนปวกเปียกกอดตัวเองใต้ผ้าห่ม ผมทายาไปตามรอยฟกช้ำต่างๆ ที่ประปรายอยู่ตามตัว ชยินร้องอืออาในลำคอแต่ก็ยอมให้ดูแลอย่างง่ายดาย

   “เดี๋ยวกินข้าวนะ ตอนนี้จะเก้าโมงแล้ว”

   “ผมยังไม่หิว”

   “ไม่หิวก็ต้องกิน จะได้กินยาต่อ”

   “คุณไม่เหนื่อยเหรอที่ต้องดูแลผม ไม่รำคาญเหรอที่ต้องตามเอาใจ”

   “ไม่”

   “บอกกันตรงๆ ก็ได้”

   “นี่แหละบอกตรงๆ” ผมรั้งคนตัวเล็กกว่าพิงกับตัวเตียง ก่อนจะการตักข้าวต้มใส่ปากของเขาอย่างใจเย็น ชยินขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ยอมอ้าปากในที่สุด

   Rrrr..!

   กินข้าวในจานพร่องไปไม่เท่าไหร่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะ เราหันไปมองตรงโต๊ะโคมไฟข้างเตียงพร้อมกัน ก่อนจะเห็นว่าต้นเสียงมาจากมือถือของผม

   “ของคุณ” น้ำเสียงผะแผ่วเอ่ยบอก ผมวางชามข้าวลง แล้วหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ

   ปลายสายเป็นไอ้ท็อป มันโทรมาเรื่องของดรีมซึ่งผมยังไม่ทันได้คุยอะไรมากนัก คนป่วยที่นั่งอยู่ตรงเตียงก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

   “คุณไปเถอะ ผมไม่เป็นไร”

    เขาเป็นแบบนี้ต่อให้ใครพยายามลากออกไปผมก็ยังจะอยู่

   “ท็อป! จัดการเท่าที่มึงทำได้ ตอนนี้กูไม่อยากออกไปไหน อือ...” ผมใช้เวลาคุยโทรศัพท์พักหนึ่งจากนั้นก็ตัดสาย ปิดเครื่องแล้ววางมันไว้ตรงจุดเดิมโดยไม่คิดจะหยิบขึ้นมาอีก

   “มาคุยกันหน่อย” ชยินหลับตาลงอย่างรับรู้ ผมจึงถามต่อ “ขอจับมือได้มั้ย” 

   “ไม่ได้” แต่ผมก็คว้าหมับไปแล้ว

   ชยินดูผอมลง ใบหน้าซูบซีดและกระดูกไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าช่วงเวลาที่เราไม่ได้เจอกันเขาต้องเผชิญปัญหามากแค่ไหน ผมรู้ดีว่าคงไม่สามารถชดเชยความเจ็บปวดที่ผ่านมาได้ แต่ก็อยากเติมเต็มช่วงเวลาที่ขาดหายด้วยความจริงใจในปัจจุบัน

   “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่คุณไปดูหนังกับไอ้ริว ผมไม่ได้โกรธหรืออยากแก้แค้น แค่คิดว่าคุณอาจจะเลือกมันเลยพยายามตัดขาดทุกอย่าง อย่างน้อยคุณก็จะได้ไม่เหนื่อยอีก”

   “มันไม่ได้เป็นแบบนั้น”

   “ตอนนี้เข้าใจแล้ว ผมคิดไปเองทั้งหมด”

   “คุณไม่ฟังผมอธิบาย” ผมบีบมือขาวของคนตรงหน้าไปมาเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวล “ผมแย่เองที่ไม่ปฏิเสธริว” ตอนนี้เพิ่งเข้าใจว่าไม่ได้มีแค่เขาที่รู้สึก การจะปฏิเสธใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนที่ผมไม่สามารถทิ้งดรีมให้เผชิญกับอาการป่วยเพียงลำพัง

    เพิ่งเข้าใจ...

   “คุณไม่ผิด เป็นผมที่ไม่รับฟัง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องวันนั้นคุณจะอยากฟังมั้ย”

   “ผมเข้าใจ” เหมือนชยินจะไม่อยากฟังเท่าไหร่

   “เข้าใจว่ายังไง ยังไม่ได้อธิบายเลย”

   “พอรู้ คุณบอกว่าแฟนเก่าป่วยเป็นซึมเศร้าและไม่มีใคร เธอคงอาการแย่มากใช่มั้ย” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ “เพราะเธอป่วยไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเลยมาหาคุณ ส่วนคุณก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเลยต้องอยู่ดูแล ผมเข้าใจ”

   ทว่าในน้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจซ่อนอยู่

   “ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าเกิดเขาอาการแย่ขึ้นมาอีกคุณก็จะไปอีกใช่มั้ย แล้วผมเองก็ต้องยอมรับกับคำว่าเข้าใจ รอว่าเมื่อไหร่คุณจะกลับมาอธิบายเหตุผลซ้ำซากเหมือนทุกที”

   “ไม่แล้ว”

   หลังจากใช้เวลาทบทวนทุกอย่างอยู่นาน ปัญหาที่รุมเร้าก็เจอทางออกเช่นกัน ผมไม่อยากเสียชยินไปเพราะเรื่องของคนอื่นและความโลเลไม่เด็ดขาดของตัวเอง ยังอยากป้องเขาเหมือนที่พยายามทำมาตลอด

   “แล้วคุณจะทำยังไง จะพาเธอมาคุยกับผมเหรอ”

   “เปล่า แต่จะให้เขาเรียนรู้ในการก้าวผ่านเรื่องแย่ๆ ด้วยการพึ่งพาตัวเอง”

   “มันไม่ง่ายหรอก บางทีการอยู่คนเดียวก็ทำให้คนเราฟุ้งซ่าน ผมเคยลองแล้ว”

   “...”

   “หนีไปไกลๆ อยู่กับตัวเอง นึกถึงอนาคตในวันข้างหน้า แต่เชื่อหรือเปล่าตอนที่ภาพของคุณแว๊บเข้ามาในหัว ผมก็จมไปกับความทรงจำเดิมๆ อีก เขาก็คงไม่ต่างกัน”

   “ตรงโน้นจะยังมีคนคอยช่วยเหลือเขา” ผมหยุดพูดไปอึดใจหนึ่งก่อนจ้องมองไปยังดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “แต่ถ้าผมไม่มีคุณแม่งคงไม่มีใครช่วยได้อีกแล้ว”

   “...”

   “จริงอย่างที่ไอ้ท็อปมันบอก ผมเลือกแคร์คุณน้อยไปจริงๆ คุณไม่ได้อ่อนแอที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเสียสละให้กับคนที่อ่อนแอกว่าเสมอ ตอนนี้ผมไม่อยากสนใจอะไรอีก ไม่อยากเป็นคนดีมีคุณธรรม ไม่อยากมีความรับผิดชอบต่อคนอื่น ผมอยากเห็นแก่ตัวได้เลือกในสิ่งที่ผมอยากเลือก”

   “คุณจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เลือกเหรอ”

   “แล้วคุณเสียใจหรือเปล่ากับสิ่งที่เกิดขึ้น” ทั้งเรื่องราวที่ผ่านมา ร่วมไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทำลงไป

   “ไม่”

   “เหมือนกัน ถ้าเกิดจะมีใครสักคนที่ผิดก็ขอให้เป็นผมเถอะ”

   เราไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น ต่างคนต่างเงียบอยู่นาน ผมหยิบชามข้าวต้มที่เริ่มเย็นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนตักจ่อริมปากได้รูปของคนตรงหน้า ชยินเบ้หน้าเล็กน้อยตอนขยับตัว ผมรู้ว่าเขาเจ็บมากเลยค่อยๆ จัดท่านอนให้อีกฝ่ายสบายตัวขึ้นหลังกินข้าวและยาเสร็จ

   “ปวดตรงไหนมั้ย สะโพกหรือเปล่า” ผมถามเสียงแผ่ว คนนอนที่พรูลมหายใจเอาไอความร้อนออกมาเลยได้แต่ครางตอบด้วยเสียงอู้อี้น่าเอ็นดู

   “อือ”

   “ตรงไหน ตรงนี้มั้ย” มือเลื่อนไปสัมผัสตรงสะโพกเบาๆ เจ้าของร่างเลยหน้าแดงซ่านพยายามดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะสู้แรงของผมไม่ไหว

   “ปวดทั้งตัวเลย แถมคุณ...คุณไม่ใส่กางเกงในให้ผม” ใช่เรื่องมั้ยเนี่ย

   “ไม่ใส่อ่ะดีแล้ว เดี๋ยวคุณจะอึดอัดเปล่าๆ”

   “ผมรู้สึกแย่มาก”

   “เด็กดีเดี๋ยวก็หายนะ มีน้ำมูกหรือเปล่าไหนดูหน้าหน่อย” ว่าแล้วจึงค่อยๆ กอบกุมใบหน้าที่เริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อยดู ชยินหลุบตาต่ำไม่กล้ามองจนผมนึกขำ

   “ไม่มี...” เขาเอ่ยเสียงเครือ

   “แล้วปวดหัวมากมั้ย”

   “มาก”

   “หนาวหรือเปล่า”

   คราวนี้พยักหน้าหงึกหงัก เลยดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอ จากนั้นก็แยกตัวออกไปล้างชามด้านนอก กลับมาอีกทีคนบนเตียงก็จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว

   “ไม่ง่วงเหรอ”

   “ผมนึกว่าคุณไม่รักผมแล้ว”

   “ใครจะกล้าไม่รักเด็กน้อยอย่างคุณกัน” ผมคลานขึ้นเตียง แทรกตัวลงไปในผ้าห่มผืนเดียวกับคนป่วย แรกๆ ก็ถูกดันให้ห่างอยู่หรอก แต่พอรู้ว่าห้ามไปก็ไม่ได้ผลเลยเอาแต่นอนนิ่งให้ผมกอดเพียงอย่างเดียว

   “คุณอาจจะติดไข้”

   “ผมแข็งแรง วางใจเถอะ” ว่าแล้วจึงรั้งศีรษะทุยเข้ามาแนบหน้า พรมจูบที่หน้าผากและริมฝีปากเบาๆ ก่อนผละออก “เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย ว่าอาทิตย์นึงที่คุณหายไปทำอะไรมาบ้าง”

   “ผมไปคอนเสิร์ต ร้องเพลงเศร้า แล้วก็ร้องไห้คิดถึงคุณ”

   “เด็กน้อย...”

   “แล้วคุณล่ะ คุณเป็นยังไงบ้าง”

   “ผมเหรอ แวะมาหาคุณที่ห้องทุกวัน เป็นบ้า แล้วก็คิดถึงคุณ”

   คนเราชอบคิดว่าความรักทำร้ายเรา จนบางทีก็หลงลืมไปว่ามันไม่ใช่ความรักหรอกที่ทำให้เป็นแบบนี้ มันคือความไม่เข้าใจกันต่างหาก










   ชยิน…

   ยุคบอกว่าจะขังเราทั้งคู่ไว้ในห้องซึ่งมันก็จริง ผมไม่ได้ออกไปไหนเลยตั้งแต่ป่วย ขนาดจะเดินลุกออกจากเตียงยังโดนอุ้ม จะกินข้าวยังถูกป้อนเหมือนเด็กๆ งานการไม่ทำด้วยกันทั้งคู่ เห็นทีจะไม่เหลืออะไรเลี้ยงปากท้องแล้วล่ะนอกจากแทะผนังแดกเป็นอาหาร

   หนึ่งวันผ่านไปโดยไม่ทำอะไรมันเป็นอย่างนี้นี่เอง นอนดูหนัง นอนกอดกัน บางครั้งเขาก็จะจูบไปทั่วหน้าของผมราวกับหมาตัวใหญ่ที่บ้าน กว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีหยิบมือถือขึ้นมาชาร์ตแบตและเช็กข้อความเวลาก็ปาเข้าไปในวันที่สี่

   “คุณควรจะเปิดโทรศัพท์ได้แล้วนะ” ผมบอกคนตัวสูงที่กำลังหยิบเสื้อในตู้ขึ้นมาสวม

   บอกตามตรงว่าทั้งเนื้อทั้งตัวแม่งไม่มีอะไรเป็นของเขาเลยเว้ยเพราะมาแต่ตัวจริงๆ เสื้อก็ของผม โดยหยิบตัวที่ใหญ่ที่สุดมา กางเกงก็ของผม ครีมอาบน้ำ โฟมล้างหน้า แปรงสีฟันที่เคยซื้อตุนไว้ตอนนี้โดยแย่งไปจนหมด แถมยังไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะกลับไปที่ห้องของตัวเองด้วย

   “ก็ว่าอยู่ แต่กลัวว่า บ.ก. จะทวงงานอีก”

   “มันใช่เรื่องที่ควรกลัวมั้ยล่ะ” กายสูงขยับเข้ามาใกล้ ทิ้งตัวลงนั่งตรงขอบเตียงพร้อมกับลูบหัวผม

   “ดีขึ้นหรือยัง ยังเจ็บตรงไหนอยู่มั้ย”

   “ไม่เจ็บแล้ว”

   ยอมรับว่าวันแรกๆ โคตรเจ็บ ระบมไปทั้งตัว แถมยังไข้ขึ้นหนักจนรู้สึกขมปร่าไปทั้งปาก กินอะไรก็ไม่อร่อย เรื่องเดินเหินยิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่กระดิกตัวก็ร้าวตึงไปทั้งร่างแล้วครับ เลยอดแปลกใจไม่ได้ว่าหลังจากมีเซ็กซ์ในวันนั้นทำไมผมถึงเดินไปอาบน้ำได้อีก

   “ไอ้เบิร์ดทิ้งมิสคอลไว้เยอะมาก ผมยังไม่ได้โทรไปหามันเลย”

   “รีบโทรเถอะ เพื่อนคงจะห่วงคุณจนไม่ทำอะไรแล้วมั้ง” ผมคว้ามือถือเดินไปที่ระเบียง ต่อสายหาคนที่อยู่ทางไกลด้วยใจหวาดหวั่น คือกลัวครับว่ามันจะเป็นกังวลที่ผมหายไปแล้วด่ากราดกลับมาทันทีที่รับสาย

   รอไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบรับอย่างรวดเร็วจนผมสะดุ้งเฮือก

   [ว่าไงไอ้ชยิน หายหัวเลยนะมึง!] นั่นไง เจอศึกหนักเข้าให้แล้ว

   “กู...กูเพิ่งเคลียร์กับยุค”

   [เออสัด ไอ้ท็อปโทรมารายงานกูตั้งหลายวันก่อนละ มัวแต่รอให้มึงรับโทรศัพท์โลกคงแตกก่อนแม่ง] ปลายสายบ่นฉอดๆ ฟังแล้วนึกถึงแม่ที่บ้านเลยว่ะ แถมไม่ได้มีแค่มันคนเดียวที่พล่ามแต่ยังมีเสียงจอแจแทรกเข้ามาเป็นระยะด้วย

   “นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย”

   [มาฮันนีมูนกับเมียที่ฮาวาย] ขอบคุณที่เป็นห่วงกูมาตลอดนะ ถุย!

   จากที่กังวลว่าอาจจะโดนด่าเรื่องไม่รับโทรศัพท์ กลัวเพื่อนกินไม่ได้นอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืน แต่ผลที่ได้คือการรับรู้ว่าไอ้เพื่อนยากกำลังฮันนีมูนกับเมียที่ฮาวายเนี่ยนะ เออดีอ่ะ

   [แล้วนี่โอเคขึ้นยัง เวลามึงเครียดแล้วหนีปัญหาแม่งโคตรน่าเป็นห่วง]

   “โอเคแล้ว คุยกับยุคหมดทุกเรื่อง”

   [ก็ดี มัวแต่หึงกันไปหึงกันมารีบๆ ได้กันเลยเถอะ รำคาญ!]

   ได้แล้ว...

   “เบิร์ด” ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกับมันมา มันเป็นที่ปรึกษาที่ดีมาตลอด ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเผลอทำผิดพลาดอะไรไปบ้าง แต่ก็อยากถามย้ำๆ ให้แน่ใจ “ถ้าวันหนึ่งกูทำอะไรผิดไปมึงจะด่ากูมั้ย”

   [ผิดยังไง]

   “ไม่รู้ว่ะ ประมาณวู่วาม ไม่เห็นคุณค่าในตัวเองอะไรแบบนี้” เรื่องราววันนั้นมันคงยังติดตรึงในความรู้สึก จนบางครั้งก็ไม่กล้ามองหน้ายุคเพราะรู้สึกละอายใจ ผมมีอะไรกับเขาทั้งที่เรายังไม่คบกันด้วยซ้ำ กลัวว่าวันหนึ่งตอนที่ไม่เป็นที่รักแล้วภาพของผมในสายตาเขาจะเปลี่ยนไป

   เป็นชยินที่ไม่ได้สดใสร่าแรงแต่เต็มไปด้วยข้อเสีย

   [กูจะด่ามึงทำไม]

   “ด่าที่กูโง่ไง”

   [ทำอย่างกับทุกคนบนโลกนี้ไม่เคยโง่ ทำผิดก็แค่เรียนรู้ ครั้งต่อไปจะได้ไม่ผิดซ้ำซากอีก]   

   “ไม่ด่ากูจริงดิ”

   [ด่าไปก็ไม่จำหรอก มันต้องลองเจอกับตัว ไปพลาดให้มันรู้ว่าเป็นยังไง ไปเจ็บไปเสียใจแล้วค่อยยอมรับมันก็ไม่สาย ความจริงอยากพูดกับมึงเรื่องนี้หลายทีแล้ว ชีวิตก็คือชีวิตของมึง จะเลือกหรือทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของมึง ใครจะพูดดีหรือแย่แค่ไหนก็ช่างเขา แต่เชื่อเถอะไม่มีใครรู้จักมึงดีกว่าตัวเองอีกแล้ว]

   ความซูปเปอร์เนิร์ดแห่งอเมริกาแม่งมาจริงว่ะ เป็นความคิดเห็นที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากเพื่อนคนไหน แต่นี่แหละเบิร์ด

   “คือ...กูมีความจริงจะบอกมึง” และผมได้ตัดสินใจบอกความลับของตัวเองให้มันฟัง เพราะคิดว่าสุดท้ายคงไม่ถูกซ้ำเติมให้เจ็บกว่าเดิมอีก

   [อือว่ามา]

   “กู...กูกับยุคเผลอมีไรกันอ่ะ แล้วคือยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย”

   [ก็เป็นซะสิ]

   เขร้! คำตอบมึงแม่งทำเอาอึ้งไปพักใหญ่กว่าจะเค้นเสียงตอบกลับไปได้

   “พูดง่ายแต่มันทำยากนะเว้ย”

   [ทำยากยังไง ก็เห็นมึงเอากับเขาไปแล้วเนี่ย]

   เจอตอบแบบนี้เหมือนโดนลากไปกระทืบกลางสี่แยกไฟแดงเลยว่ะ

   “ไม่รู้ว่ายุคมันจะยังไงว่ะ”

   [ถามดูดิ คิดยิบย่อยอะไรเนี่ย]

   “แค่กลัวว่าสุดท้ายมันจะไม่เป็นอย่างหวัง ไม่รู้คำว่ารักที่พูดมันจะมากถึงขั้นอยากก้าวข้ามความสัมพันธ์จากเพื่อนเป็นคนรักมั้ย” สำหรับผมมันก้าวผ่านคำนั้นไปแล้ว แต่กับยุคยังคงเป็นจุดที่ไม่แน่ใจ

   [ชยินมึงฟังกูนะ บางอย่างลงทุนไปแต่ไม่ได้ผลตอบแทนก็เยอะแยะ บางอย่างทุ่มไปสุดตัวสุดท้ายขาดทุนย่อยยับก็มีให้เห็นตลอด มึงคาดหวังอะไรในการลงทุนเรื่องความรักวะ]

   “ก็ความรักไง”

   [เพราะงั้นมึงก็ควรรู้ว่าไม่ได้มีทุกคนที่ลงทุนแล้วจะได้ความรักกลับมา มึงต้องเสี่ยงดูเองว่าผลจะเป็นยังไง]

   “...”

   [ถึงตอนนั้นจะรักหรือไม่รัก หน้าที่ของมึงก็มีแค่ยอมรับความจริง]
   










   ครั้งแรกในรอบห้าวันที่ผมได้ออกจากห้อง คนตัวสูงแวะไปหาไอ้ท็อปที่คอนโดเพื่อพูดคุยกันเล็กน้อย ผมไม่ได้เจอดรีม แต่บทสนทนาที่ได้ฟังก็พอเข้าใจว่าหมายถึงเธอ

   ช่วงแรกที่ยุคปิดการติดต่อทุกช่องทางก็มีเพื่อนหลายคนผลัดเปลี่ยนไปอยู่เป็นเพื่อนดรีมที่ห้องเรื่อยๆ แต่คนที่ทำให้อาการของอีกฝ่ายเป็นไปในทางที่ดีขึ้นเห็นจะเป็นแฟนของเธอที่กลับมาคืนดี เลยทำให้เพื่อนหลายคนหมดห่วงไปเปราะหนึ่ง

   ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับยุคก็ยังงงๆ เพราะไม่แน่ใจว่าควรเรียกมันว่าอะไร

   นับตั้งแต่วันนั้นผมยังไม่กล้ามองหน้าเขาเต็มตาสักที เวลามองทีไรแม่งจะนึกถึงเรื่องน่าอายที่ทำลงไปตลอด ทั้งจู่โจมจูบก่อน เชื้อเชิญให้เขามีอะไรด้วย คิดแล้วก็อยากร้องไห้ออกมาจริงๆ

   “เห็นคุณบ่นอยากกินบุฟเฟ่ต์มาหลายวันแล้ว เดี๋ยวเราไปกันเลยมั้ย” หลังเดินลงมาจากคอนโดไอ้ท็อป บทสนทนาที่เต็มไปด้วยความประดักประเดิดก็เริ่มต้น

   “กะ...ก็ถ้าคุณจะเลี้ยงผมก็ไป”

   เขายิ้มให้พร้อมกับขยี้หัวผมจนยุ่ง

   “ต้องเลี้ยงด้วยเหรอ”

   “ยืมก่อนก็ได้ ตอนนี้ไม่มีตังค์” งานการก็ไม่ทำไง เพลงที่เขาบอกให้แต่งส่งไปให้ค่ายก็เขียนไม่ออกอีก

   “ให้ยืมได้ตลอดชีวิตเลยถ้าผมไม่ชิงตายก่อน”

   “เชื่อเถอะคุณไม่ได้ตายแก่หรอก”

   “ปากเก่งจริงนะเด็กน้อย”

   สุดท้ายเราก็มาถึงร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่มักมาประจำอีกตามเคย ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การกิน แต่มันอยู่ที่ว่าผมจะกินยังไงให้สบตากับอีกฝ่ายให้น้อยที่สุดนี่แหละ

   “ชยินกินหมูด้วย”

   “รู้แล้ว”

   เราไม่เคยพูดถึงเรื่องคืนนั้น มันเลยไม่รู้ว่าควรจบที่ตรงไหนนอกจากทำเป็นลืมๆ ไป

   “มองหน้าผมหน่อย” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเบาๆ แต่ผมก็ยังก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม “ผมไม่ได้มองคุณเต็มตามานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย เร็วเด็กดี...”

   “ทำไมต้องมองหน้าคุณด้วยล่ะ”

   “แล้วทำไมถึงมองไม่ได้”

   ก็กูเขินไงโว้ยยยยยยยยย อายด้วยเนี่ย ลองไปนอนโก้งโค้งอ่อยคนอื่นบนเตียงดูดิแล้วจะรู้สึก

   ตั้งแต่นั่งมาครึ่งชั่วโมงนี่สาบานได้ว่ากินหมูไปยังไม่ถึงครึ่งชิ้น ทั้งที่ปกติสวาปามแดกจนเรียบชนิดที่ว่าร้านควรเตรียมปิดกิจการได้ทุกเมื่อ

   “ผม...ไม่กล้ามองหน้าคุณ” พูดไปก็เบะปากไป ไม่คูลเลยกู

   “ทำไม ยังโกรธอยู่เหรอ”

   “มันน่าอายที่ผม...ผมทำอะไรแบบนั้นลงไป” เสี้ยววินาทีนั้นคนตรงข้ามก็ขำพรืดออกมาทันที อะไรว้า เห็นเป็นเรื่องตลกเหรอ

   “ที่คุณบอกให้ผมเข้าไปในตัวคุณน่ะเหรอ”

   “ไอ้ยุค ไอ้เหี้ย!” ถ้าไม่กลัวมือเปื้อนพี่จะปาตับดิบใส่หน้ามึงแม่ง

   “มันเป็นธรรมดา คุณอาจจะยังไม่ชิน”

   “คุณไม่รู้สึกแย่เลยเหรอที่ผมทำแบบนั้น ผมไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเลย”

   “ทำไมถึงต้องรู้สึกแย่ในเมื่อเรารักกัน ถ้าคุณจะหมดศักดิ์ศรีเพราะนอนกับผม งั้นผมก็ไม่มีศักดิ์ศรีที่นอนกับคุณเหมือนกัน เท่าเทียมกันแล้วนี่ไง”

   เถียงไม่ออก ไม่อยากพูดอีกด้วยเพราะกลัวจะถลำลึก

   ความเงียบเกาะกุมไปทั่วหม้อบุฟเฟ่ต์ ผมก้มหน้า นั่งเขี่ยหมูในจานไปมาพลางลอบสังเกตปฏิกิริยาของคนตรงหน้าไปพลางๆ ยุคก็เหมือนจะเกร็งๆ อยู่เล็กน้อย ต่างคนต่างจิ้มหมูคนละนิดคนละหน่อย แตะน้ำจิ้มพอเป็นพิธีแล้วใส่ปาก รู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาเช็กบิลเรียบร้อย

   เด็กผู้ชายวัยประมาณ ม.ปลายมองความสะอาดของจานและเตาบนโต๊ะก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสดใส

   “เพิ่งคบกันเหรอครับ” คำถามที่ได้ยินทำผมสะดุ้งโหยง

   “ทำไมเหรอ”

   “ปกติที่ร้านได้กำไรจากคู่รักเยอะมากเลย ยิ่งคู่ที่เพิ่งคบกันใหม่ๆ อย่างพี่เนี่ย”

   “ยะ...ยังไง” ผมถามโดยไม่คิดมองหน้าคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

   “คู่ที่เพิ่งคบกันใหม่มัวแต่เขินกันเลยไม่ค่อยมีใครกินเยอะ กะด้วยสายตาตอนนี้พี่สองคนกินหมูไปคนละสองชิ้น ปลา อาหารทะเลหรือผักไม่ลดลงเลยแถมน้ำจิ้มก็ยังไม่ได้เติม”

   “เอ่อ...”

   “ที่เห็นคุ้มหน่อยก็เห็นจะเป็นน้ำเปล่าเนี่ยแหละครับ หมดไปสามขวด คิดราคาเฉลี่ยรวมมื้อนี้ น้ำดื่ม 45 บาท หมูสองชิ้นคิดเป็นเงิน 2.50 บาท รวมๆ แล้วสองคนก็คิดเป็นเงินประมาณ 50 บาทครับ”

   “อ่า แล้วตอนนี้พี่ต้องจ่ายเท่าไหร่เนี่ย”

   “นี่เลยครับ” อีกฝ่ายวางบิล “หัวละ 499 บาทสองคนก็เป็น 998 บาทพอดีครับ”

   ผมยิ้มแห้ง มองไปยังคนตัวสูงที่เป็นฝ่ายควักกระเป๋าสตางค์

   “อันนี้ค่าอาหาร ส่วนนี่ให้น้อง” ไอ้คุณยุคยื่นเงินให้ก่อนจูงมือผมออกจากร้าน ท่ามกลางเสียงอวยพร ‘ขอให้รักกันนานๆ’ จนอยากดึงเสื้อขึ้นมาปิดหน้าให้มันรู้แล้วรู้รอด

   “ฮือออออ ต่อไปไม่มากินที่นี่แล้วนะ” ผมบ่นออกมา

   “ทำไม เขินเด็กเสิร์ฟเหรอ”

   “เปล่า ไม่คุ้ม”

   “เมียป้ายแดงก็อย่างนี้แหละ กินที่ไหนก็ไม่คุ้มหรอก”

   “ใครเมียคุณ”

   “คุณ”

   “เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน”

   “ทำไมจะไม่เป็น”

   “ก็คุณไม่ขอ”

   “ขออะไร” น่าโมโหว่ะ ทำไมผมต้องเป็นคนพูดด้วยวะ

   “ไม่รู้”

   “โอเค” ว่าแล้วเขาก็ยัดกระเป๋าสตางค์ใส่มือของผม เล่นเอางงไปพักหนึ่งเลย

   “อะไรเนี่ย”

   “คุณขอเงินไม่ใช่เหรอ ให้หมดตัวเลย”

   ไม่ใช่โว้ยยยยยยยยยยย กูไม่ได้ขอเงิน แต่มึงไม่เคยขอกูเป็นแฟนเลยไง แม่งเอ๊ย! ไม่เคยมีโมเมนต์โรแมนติกอ่ะ มีแต่อารมณ์วอนตีนจนน่ากระทืบ ทำไงล่ะทีนี้

   แฟนก็ไม่ได้เป็น แต่ได้กระเป๋าตังค์มาแทน อือ...คงพอทดแทนกันได้

   มั้ง?




รอบนี้หายไปนานมากเลยต้องขอโทษด้วยนะคะ
อย่างที่แจ้งไว้ในตอนแรกว่าจิตติเร่งปั่นต้นฉบับส่งสำนักพิมพ์
เลยแอบแว๊บๆ หายไป ตอนนี้กลับมาแล้ว จริงๆ msn ใกล้จบแล้วค่ะ
อยากให้คนอ่านอยู่เป็นกำลังใจด้วยกันต่ออีกนิดนึง คิดถึงที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 21-07-2018 21:04:59
ไม่ต้องขอแล้ว ข้ามไปนาดนี้ ตีมึนไปเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: patompong888 ที่ 21-07-2018 21:06:10


 เฮ้อ เข้าใจกันสักที  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 21-07-2018 21:09:10
โอ้ยยย ดีใจ กว่าจะเข้าใจกันได้ เสียน้ำตาไปเป็นลิตร  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 21-07-2018 21:09:46
เรารู้สึกว่ายุคได้บทเรียนน้อยไปหน่อย ยังไม่สาสมกับที่ทำกับชยินเลน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-07-2018 21:11:49
ดีแล้วที่เข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: goorooo123 ที่ 21-07-2018 21:43:58
นี่ขนาดอ่านจบแล้วยังหน่วงอยู่เลย
ไม่ได้รู้สึกว่า ยุครักชยินอย่างที่พูดเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-07-2018 21:58:13
เข้าใจกันแล้ว ดูแลกันดีๆน้าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 21-07-2018 22:04:08
คิดถึงมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-07-2018 22:06:14
 :เฮ้อ:


จ้าาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 21-07-2018 22:12:52
ในที่สุดก็เข้าใจกันซะที ยุคนะยุค ปล่อยให้ชยินฟุ้งอยู่ตั้งนาน
หลังจากนี้ หวังว่าคงไม่มีเรื่องไรอีกนะ ... แต่ว่าาา ริวก็ยังไม่ยอมปล่อยชยินนี่หว่า งื่อออ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 21-07-2018 22:21:51
คิดถึงคู่นี้ที่สุดเลย
โอเค ครั้งนี้จะให้อภัยนะยุค
แต่ครั้งหน้าถ้าทำชยินร้องไห้แบบนี้อีกล่ะก้น่าดูแน่!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 21-07-2018 22:25:57
ฮืออออ ร้องไห้ให้ชยินหนึ่งยก นั่นดิ คนเข้มแข็งผิดอะไร แล้วเข้มแข็งจิงมั้ยก็เปล่า โคตรเจ็บเลยที่คนรักพร้อมจะวิ่งไปหาคนอื่นเสมอเมื่อเค้าต้องการอะ  :hao5:
เข้าใจกันแล้วแต่ยังหน่วงอยู่ดี ได้ไปแล้วก็ดูแลดีๆล่ะยุค แบบเดิมอะพระเอกดีๆเค้าไม่ทำกัน
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-07-2018 22:27:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 21-07-2018 22:36:20
เข้าใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: iparallel ที่ 21-07-2018 22:52:33
หายหน่วงละสินะ หน่วงจนใจจะขาดอยู่แล้ววว  :o8:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-07-2018 23:00:07
 คู่นี้ลุ้นจนเหนื่อยจริงๆ กว่าจะเข้าใจกันได้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-07-2018 23:06:18
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 21-07-2018 23:58:33
อ้าวชยินนน หนูเห็นเงินดีกว่าสถานะหรอลูก 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-07-2018 00:12:12
โหยยยย ไม่รู้จะว่ายังไงกับอิพี่ยุคมันเลยจริงๆ ที่ท็อปพูดมาคือถูกทุกอย่างอะ ยุคแคร์ชยินน้อยไปจริงๆแหละ แต่ก็ยังดีที่เคลียร์กันได้แล้วถึงแม้ว่ามันจะยังดูติดๆขัดๆกันอยู่ก็เถอะ มันเหมือนเสียความรู้สึกกันไปแล้วอะจะให้กลับมาคืนดีกันเลย 100% มันก็แปลกๆ คงต้องปรับตัวกันอีกสักพักอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-07-2018 00:36:27
กว่าจะเข้าใจกันก็เสียน้ำตาไปหลายลิตรเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 22-07-2018 00:57:06
ยาวสะใจมาก ในที่สุดก็เข้าใจกันได้ซะที
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 22-07-2018 01:05:49
……


ชยินรู้ไหมว่าชยินไม่ได้อยู่คนเดียวนะ

เพราะเราอยู่เป็นเพื่อนชยินตลอด นั่งมองทะเลเป็นเพื่อนชยิน ร้องเพลงเป็นเพื่อนชยิน และร้องไห้เป็นเพื่อนชยินด้วย

ตอนนี้เข้าใจกันดีแล้ว เราก้อสบายใจ  คุยกันหน่อย เชื่อใจกันนิด รักกันเยอะๆ

อ้อ.   ทำงานหาเงินกันด้วยหล่ะ. จะอดตายทั้งคู่.   กำแพงมันกินไม่ด้ายยยยย. 5555


……


 :laugh:  :laugh:  :laugh:  :laugh:  :laugh:  :laugh:



.



หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 22-07-2018 01:10:33
เข้าใจกันแล้ว #อย่าม่าอีกนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 22-07-2018 01:33:35
สองคนนี่นิสัยเหมือนกัน ปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น
ขี้กังวล คิดมาก เลยต้องมาเสียเวลา กว่าจะเข้าใจกัน
อยากให้เขาขอเป็นแฟน เพราะคิดว่ายังไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาก็เถียงแล้วว่าทำไมจะไม่เป็น ก่อนหน้านี้ก็เรียกเมีย เมียป้ายแดงด้วย
ไม่เชื่ออีก เอาเป๋าตังค์ไปเลย คนเป็นเมียถือเงิน คุมเงินไง!
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-07-2018 01:34:38
เฮ้อ รอด คิดว่าจะตายแน่แล้ว อีคนอ่านเนี่ย ดีใจที่สองคนเข้าใจกัน
แอบลำไยดรีม เขามีคนใหม่ก็ต้องหลีกให้ป่ะวะ เห็รแก่ตัว

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 22-07-2018 01:40:18
โอ้ยจุกใจจุกตับจุปอดมากกก
ดีใจที่เข้าใจตรงกันสักที
เอาจริงๆพอฝั่งยุคมาเล่าถึงเรื่องดรีม นี้ก็แอบหงุดหงิดอยู่แต่ก็เข้าใจแหละ :serius2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-07-2018 02:38:25
กว่าจะเข้าใจกันได้ ยุคเหมือนได้เลี้ยงลูกน้อยเลย  o18
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 22-07-2018 02:40:05
กว่าจะดีกันได้ ลุ้นแทบแย่
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 22-07-2018 05:59:17
ชยินเจ้าลูกแมว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-07-2018 10:30:31
เข้าใจกันแล้ว เราก็สบายใจ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-07-2018 12:50:01
โอเค ดราม่าจบ
แต่ ... ไม่สัมผัสถึงความรักของยุค เท่าที่ควร
สิ่งที่ยุคทำ ในมุมมองของยุค ที่แก้ตัวมา
จากเท่าที่อ่าน .. มันเบาโหวง ยังไงไม่รู้

แปลกจัง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 22-07-2018 16:27:16
ลุ้นจน หืดขึ้นคอเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: Dreameekitanai ที่ 22-07-2018 17:03:16
ตอนที่แล้วกับตอนนี้ เป็นตอนที่ใช้อากาศหายใจได้เปลืองมาก อ่านไป ถอนหายใจไป เฮ้ออออ   :เฮ้อ:
พอจบแล้ว เออค่อยยังชั่วหน่อย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 22-07-2018 22:49:56
โล่งแล้วว หมดแล้วใช่มั้ยคะ555 ต่อไปขอฮาๆอีกเด้ออ เลิฟฟ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 22-07-2018 23:53:43
เหมือนอยู่ๆ อิค่ายก็มาเข้าสิงยุค 
ถึงท้ายบทนี้ทั้งคู่จะดีขึ้น  แต่เราสลัดอารมณ์อิค่ายไม่ออก  เสียดายความกุ๊กก๊กของหมีใหญ่ต้นเรื่อง
ที่จริงยุคน่าจะเรียกชยินว่าเมียหรือที่รักตั้งแต่นอนกอดบนเตียงแล้ว ไม่ใช่ให้ชยินต้องมาแสดงออกเพื่อถามระดับความสัมพันธ์
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 23-07-2018 00:17:08
  :pig4:

whyýyyyyyy ?!!!

just now i ended up don’t feel the emotion of love between them at all.

its like their connected feeling was removed after that confused sexuality chapter.


i don't truly know what it is but I don't see this as love anymore


please bring that romantic sweet love back
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 23-07-2018 01:12:59
ไม่ได้รู้สึกรำคาญพระเอกมานานมากกกกกกกกกกก
นานจริงๆ จำไม่ได้ว่าเรื่องไหนที่รำคาญพระเอก555555
ปกตินี่ทีมพระเอกไง แต่เหนือความรำคาญพระเอกคือดรีม
นี่ถ้าเป็นเพื่อนชยิน จะบุกไปหาละนะ ทำตัวเหมือนเข้าใจยุค
แต่จริงๆคือเห็นแก่ตัว ความป่วยไม่ใช่ข้ออ้างในการอ่อนแอ หรือเอาแต่ใจหรอกนะ
ถ้าไม่หายเธอควรไปหาหมอ ไม่ใช่มาหานักเขียน เพราะอาจจะยิ่งพากันจม
ยิ่งพากัยซึมเศร้าตาม ยิ่งติสๆอยู่ 555556

ปล.ทั้งหมดคือความอิน เอาจริงๆก็ไม่ได้เกลียดน้องยุค หรือดรีมหรอกนะ
แค่อิน ณ ช่วงที่อ่าน
ปล.2 รออ่านไปจนจบนะคะ  ขอความน่ารักคืนสู่เรื่องด้วยนะ 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 23-07-2018 10:09:26
เบื่อออออออออออออออออออ  E-พระเอกมากกกกกกกกกกกกกกกกก  ก็เข้าใจอ่ะนะว่าเค้าป่วยปล่อยไปไม่ได้  แต่ระหว่างปล่อยเค้าไปไม่ได้กับทำให้คนที่รักเสียใจ  แกเลือกดูแลเค้า  I-เลววววววววววววววว  ขอเห็นแก่ตัวเพื่อดูแลคนที่ตัวเองรัก  ดีกว่าปล่อยให้เค้าเข้าใจผิด  เข้าใจมั้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  เฮ่อ!  ดีนะที่แกกลับตัวทัน  เชอะ!!!  อยากกก  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 23-07-2018 12:24:56
เหมือนเข้ารูปเข้ารอยนะ แต่ทำไมเรารู้สึกว่า นี่ยุคกลับมาดูแลชยินเพราะอะไรอ่ะ เพราะเพื่อน ๆ พูดจนรู้สึกอิน เลยต้องทำตามนั้น  แบบ ต้องเลือกคนที่รักก่อนนะ แกไปดูแลแฟนเก่าอย่างนี้ไม่ถูกนะ  แล้วก็เสียดายชยินที่กลับไปเป็นชยินลูกแมวน้อยที่พอยุคกลับมาอยู่ข้าง ๆ พูดเรื่องแฟนเก่าให้ฟังนิดหน่อยก็โอเคแล้วอะไรงี้ มันข้ามช็อต อะไรสักอย่างมันหายไป  อย่างที่บอก ส่วนตัวรู้สึกว่าความรักของยุคมันไม่มี
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 23-07-2018 17:04:51
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 23-07-2018 21:51:51
กว่าจะเข้าใจกันได้นะ แต่นะยังเคืองยุคอยู่อะบอกตรงๆ โอเคเรื่องคิดเองเออเองนี่เป็นทั้งคู่ แต่เรื่องที่ยุคทำผ่านๆมามันไม่จบง่ายไปเหรอ รุ้สึกแต่ความเจ็บปวดของชยินแต่ของยุคเนี่ยะไม่ค่อยรู้สึกแต่ชยินรักมากไงให้อภัยเข้าใจง่ายไปอีก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-07-2018 13:03:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 24-07-2018 14:26:02
เกลียดการที่แฟนตัวเองยังทำดีกับแฟนเก่าอยู่แบบนี้ มันเหมือนจับปลาสองมือเลย ทิ้งชยินไว้ให้คิดเองเออเองไปหมด แล้วมาบอกเหตุผลทีหลัง โดยไม่คิดรึไงว่าไอ้เวลาที่อยู่คนเดียวโดยไม่รู้อะไรเลยนะ แบบคนอกหักรักคุดสามารถฆ่าตัวตายได้เลยนะ แต่ยุคไม่เคยคิดถึงสิ่งนี้ คิดเองแค่ว่า จะมาอธิบายให้ฟังทีหลัง ห่วงแต่ยัยดรีมนั่นแหละ ถ้าจะห่วงขนาดนั้น ก็กลับไปคบกันซะเลยสิ อดีตคนรัก กับคนรักปัจจุบัน ดูแล้วรู้สึกว่ายุคมันจะห่วงอดีตมากกว่าคนปัจจุบันด้วยซ้ำ  :z3: :z3: :z3:

นี่โคตรอยากให้ชยินหนีไปต่างจังหวัดแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลยด้วยซ้ำ  :fire:
ต่อให้มารู้เหตุผลของยุคทีหลังก็เถอะ ยังไงก็ไม่อยากให้ชยินยอมกลับไปคืนดีอยู่ดี มีหนทางติดต่อกันตั้งเยอะไม่ยอมบอกยอมแจ้งเหตุผล นี่มันยุคสมัยโซเชี่ยล ยุคสมัยที่มีโทรศัพท์ติดต่อบอกเหตุผลกันง่ายจะตาย ไม่ใช่ยุคสมัยที่ส่งโทรเลขกันเสียหน่อยดันไม่ทำ :z6: :z6:
.
..
โอ้ยยยยยยย ฉันอินมาก สงสารชยิน :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-07-2018 23:17:07
กว่าจะตัดใจอ่านได้ กลัวเศร้า สงสารชยินมาพอสมควร

แต่สุดท้าย ตอนนี้แฮปปี้แล้ว มีเขินกันหนักกว่าเดิมไปอีก
อยากไปเป็นพนักงานร้านนั้น จะแซวให้ทรุดเลย 5555

กว่ายุคจะรู้ตัวนะว่าพลาด ก็หลายวันเลยนะ
แล้วยังมาห่วงตอนช็อตสำคัญอีก ก็ต้องอยู่ให้งอแงไป
ชยินร้องไห้ งอแงน่าเอ็นดูมากค่ะ เหมือนเด็กน้อยแบบยุคบอก

ชยินอยากได้อะไร ก็บอกยุคไป กระเป๋าตังค์ไม่สำคัญเท่านะ
ยุคก็บอกว่าเป็นเมียแล้วไง ข้ามขั้นกว่าแฟนอีกนะชยิน


หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 27-07-2018 20:30:09

ตอนที่ 15
ไม่เคย ‘ลืมเลือน’



   ชีวิตของไอ้ชยินกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ไม่มีซีนดราม่าตัดพ้อหรือหนีปัญหาไปกระโดดโลดเต้นกลางคอนเสิร์ตในสภาพกระเป๋าตังค์แบนเหมือนที่ผ่านมาอีก

   ผมเริ่มใช้เวลาทำงานอยู่ที่ห้อง แต่ในทุกๆ วันไอ้คุณยุคก็มักจะแวะเวียนมาหาเสมอ บางวันซื้อของติดมือมาบ้าง บางวันก็หอบผ้าหอบผ่อนมานอนด้วยแบบงงๆ ความเก้อเขินที่มีในตอนแรกเลยลดน้อยลงกลายเป็นความเคยชินไปทีละนิด

   ถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ก็คงบอกได้แค่ว่าไม่คืบหน้า แบบ...ได้กันแล้ว เออได้กันจริงแต่ก็ไม่เคยได้ยินคำขอเป็นแฟนหลุดออกมาจากปากของมันสักคำ พาลให้เครียดอยู่หลายวันจนกระทั่งได้คุยกับไอ้เบิร์ด คำปลอบใจของมันทำให้จิตใจผมเริ่มสงบ มองในแง่ดีไม่ขอก็ช่างแม่ง ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด

   อีกอย่างผมก็เป็นผู้ชายด้วย ไม่มีอะไรให้ต้องรับผิดชอบหรอก

   ที่สำคัญเลยก็คือ...ผมดันไปเสนอตัวให้เขาเองยังจะเรียกร้องอะไรอีก อยู่เงียบๆ อย่างมีศักดิ์ศรีบ้างก็คงจะดี

   แม่ง แล้วนี่นอยด์อะไรอีกวะเนี่ย คิดถึงเรื่องนี้ทีไรใจมันอ่อนเหลวทุกที ชอบท่อนนี้ว่ะ! จดไว้เผื่อเอาไปแต่งเพลงแล้วกัน

   ก๊อกๆๆ

   ผมหันขวับไปยังต้นเสียงทันที มีไม่กี่คนหรอกที่จะโผล่มาเคาะถึงหน้าห้องโดยไม่มีคีย์การ์ดแต่กลับเดินตัวปลิวมาหาได้ทุกวี่ทุกวัน ผมชันตัวขึ้น เดินไปเปิดประตูก่อนจะพบรอยยิ้มที่ทำเอาเข่าอ่อนทักทายอยู่ตรงหน้า

   วันนี้ยุคยังคงสวมฮู้ดสีดำ กางเกงยีนส์ขาดเข่า กับหมวกแก๊ป A.P.C. ซึ่งขับเน้นลุคนักฆ่าได้เป็นอย่างดี ในมือของเขาไม่มีของอย่างอื่นติดมาด้วย จะมีก็แต่เป้สีดำสนิทหนึ่งใบที่สะพายอยู่ด้านหลังเท่านั้น

   “ว่างนักเหรอคุณถึงได้ถ่อมาทุกวี่ทุกวัน”

   “ไม่ว่าง โดนเดดไลน์งานอีกแล้วแต่ก็ต้องมาหาคุณ”

   “ไม่เห็นต้องเหนื่อยขนาดนั้น”

   พูดไปก็เหมือนจะไม่ฟังเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาภายในห้อง จุดแรกที่ตรงไปเลยก็คือตู้เสื้อผ้า เขาหยิบเอาข้าวของในนั้นใส่กระเป๋าเป้อย่างถือวิสาสะ

   “เฮ้ยๆ ทำอะไรของคุณเนี่ย” ผมแหวขึ้นมาทันที ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

   “วันนี้ไปอยู่เป็นเพื่อนผมหน่อย”

   “งานเร่งไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงต้องให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย โตแล้วนะคุณ”

   “คิดอะไรไม่ออก ไม่มีกำลังใจ”

   “ออกไปเที่ยวกับเพื่อนได้”

   “เดี๋ยวงานเสร็จไม่ทัน”

   “ทำอย่างกับมาหาผมแล้วจะเสร็จทันอย่างนั้นแหละ”

   คราวนี้คนตัวสูงไม่ตอบ แต่เร่งฝีเท้าเข้าไปยังห้องน้ำ คว้าเอาของใช้ส่วนตัวบางอย่างที่ผมต้องใช้ใส่กระเป๋า จากนั้นก็เดินหน้าตายมาถามอย่างเนียนๆ

   “พร้อมยัง”

   “อะ...อะไรของคุณเนี่ย”

   “แต่งเพลงอยู่ใช่มั้ย โอเคไปหยิบกีตาร์กับสมุดจดเพลงมา เดี๋ยวเราต้องรีบไปกันแล้ว”

   “ไปไหน”

   “ห้องผม” พอเห็นว่าผมยังคงนิ่ง สองเท้าก็เดินไปหยิบกีตาร์แล้วกลับมาคว้าข้อมือของผมเอาไว้อย่างแนบแน่น ขณะกูนั้นยังขืนตัวไม่ยอมขยับเขยื้อนเพราะยังมึนอยู่

   “ชยินผมทำงานไม่ได้ถ้าคุณไม่อยู่ มันไม่มีสมาธิ”

   “แล้ว...แล้วทำไมคุณไม่หอบข้าวของมาที่ห้องผมเองเล่า” ดวงตาคู่คมจ้องมองกลับ ก่อนริมฝีปากได้รูปจะเอ่ยบอกเสียงเรียบ

   “ที่ห้องผมมีของกินเพียบเลย”

   “แล้วไง”

   “คุณจะกินอิ่มกว่า ที่โน่นมีน้ำผลไม้ ไก่บอนชอนก็มีนะผมสั่งเอาไว้ ขนมก็มีอีกเยอะแยะรับรองว่าไม่อดตายแน่นอน” นึกว่ากูเป็นเด็กเหรอวะถึงได้เอาของกินมาล่อ แต่พอเห็นผมเงียบไปเจ้าตัวก็พูดต่อ “ดีกว่ากินมาม่าเยอะน้า อร่อยด้วยน้า...”

   “ไม่ต้องมาพูดกรอกหูผมเลย ไปก็ไปสิ”

   ว่าแล้วคนตรงหน้าก็ฉีกยิ้มกว้าง เป็นยิ้มที่สดใสและหล่อฉิบหาย ทำไมกูถึงไม่ยิ้มแล้วหล่ออย่างนี้บ้างวะ

   ผมติดรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคันเดิมไปยังคอนโดห้องเดิมที่แสนคุ้นตา บรรยากาศโดยรอบยังคงอบอุ่นเฉกเช่นทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาในโลกของเขา ผมชอบเตียงที่รายล้อมไปด้วยตู้หนังสือที่สุด ดังนั้นเลยไม่รอช้าโถมตัวลงกลิ้งไปมา ก่อนจะหยิบสมุดแต่งเพลงออกมาเขียนทั้งที่ยังนอนเลื้อยอยู่

   “อยากกินอะไร เดี๋ยวเอามาให้” เสียงทุ้มถามอย่างใส่ใจ ผมหันไปมองเขาก่อนจะตอบสั้นๆ

   “ไก่”

   “โอเค”

   “แต่ผมกินบนเตียงได้เหรอ”

   “ไม่ได้”

   “อ้าว” สรุปไม่ได้กินบนเตียงแต่แดกบนพื้นครับ คือจะบอกว่าเป็นเตียงก็คงไม่ถูกซะทีเดียวเพราะห้องไอ้ศตวรรษมันมีแค่ฟูก เพราะงั้นความสูงจากพื้นเลยไม่มากนัก ผมจึงสามารถนอนกลิ้งบนฟูกขณะที่จานไก่และโคล่ายังอยู่บนพื้น  โดยสองมือสามารถเอื้อมหยิบของกินได้ทุกเมื่อ

   “ขี้เกียจอะไรขนาดนั้น” ผมเบะปากทันทีที่ถูกแขวะ

   “มีงานให้เร่งทำก็ทำไปสิ สนใจผมทำไม”

   “เดี๋ยวนี้เป็นเด็กกวนตีนแล้วเหรอ”

   “ใครเด็ก ช่วยพูดให้มันดีๆ หน่อยนะครับ”

   “โอเคคุณไม่ได้เป็นเด็ก คุณเป็นเมียผม”

   กูแทบจะปาไก่ใส่หน้าเพื่อระบายความหงุดหงิด แต่ยิ่งแสดงอาการเท่าไหร่ก็เหมือนอีกฝ่ายจะมีความสุขมากเท่านั้น เลยเลือกปิดปากเงียบ ไม่คิดต่อปากต่อคำนอกจากแดกให้เสร็จแล้วกลับมาแต่งเพลงยาวๆ

   “เงียบไปเลยอ่ะ โกรธเหรอ”

   “...”

   “ชยิน”

   พอทำเป็นไม่สนใจไปสักพัก เสียงทุ้มที่คอยก่อกวนก็เงียบไป ผมเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาไม่ได้หันมามองผมแล้วแต่เปลี่ยนเป็นจดจ้องที่หน้าจอซึ่งเต็มไปด้วยตัวหนังสือแทน

   โกรธกูป่ะวะ...

   ไม่น่าเล่นตัวเลยไง จะง้อก็กลัวเสียฟอร์มเลยใช้ความเงียบเข้าสู้บ้าง

   ผมเก็บจานไก่ที่เพิ่งกินใส่ไว้ตรงเคาน์เตอร์ครัว ทำความสะอาดพื้นจนเรียบร้อยไอ้ยุคก็ยังไม่ยอมหันมา ผมเลยทำเป็นไม่สนใจบ้างด้วยการหยิบกีตาร์และสมุดเพลงขึ้นมาทำงาน ทั้งที่รู้ดีว่าต่อให้พยายามยังไงก็คงเขียนไม่ออก

   ครึ่งชั่วโมงผ่านไปยังไร้ซึ่งสุ้มเสียง ความกระวนกระวายเริ่มเกาะกุมในความรู้สึก ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ส่งเสียงเล็กน้อยเพื่อเรียกร้องความสนใจแต่ก็ไม่เกิดผล

   เราสองคนเล่นสงครามประสาทกันอย่างเงียบๆ จนกระทั่งผมหมดความอดทนเป็นฝ่ายทักขึ้นมาซะก่อน

   “ทำงานอยู่เหรอ” ลากเสียงยาวเข้าไว้ เผื่ออีกฝ่ายจะได้เห็นใจ

   “อืม” ทว่าคำตอบที่ได้กลับสั้นจุ๊ดจู๋ แถมเจ้าตัวยังไม่ยอมหันหน้ามาสบตาด้วยอีก ใจแหว่งไปแล้วกู ทำไมต้องถูกงอนแบบนี้ด้วยวะ

   “ละ...แล้วใกล้เสร็จยังอ่ะ”

   “ยัง” ถามคำตอบคำจริงๆ เลยมึง

   “ผมง่วง”

   “นอนไปสิ” จะร้องไห้แล้ววววววววววววววว

   ถามว่าเรียกร้องอะไรได้มั้ยก็คงตอบได้ว่าไม่ ยุคอาจจะยุ่งเรื่องงานประกอบกับงอนผีบ้าผีบอใส่ผมอยู่เลยประหยัดคำพูดจนน่าใจหาย ผมเองก็จนปัญญาไม่อยากต่อสู้กับสงครามที่ไม่มีทางชนะเลยขอยกธงขาวยอมแพ้ ก้มหน้าก้มตาเค้นไอเดียอันน้อยนิดกลับมาเขียนเพลงต่อ

   ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เราเงียบใส่กัน ผมได้ยินเสียงขยับเขยื้อนแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงความอ่อนยวบของฟูกและผมถูกดึงเข้าไปกอดโดยไม่ถามความเห็นกันสักคำ

   “อะไรเนี่ย ก่อนหน้ายังเงียบใส่ผมอยู่เลย”

   “ผมทำงาน”

   “แล้วทำไมเวลาผมพูดคุณไม่ตอบยาวๆ ล่ะ”

   “ต้องตอบยาวด้วยเหรอในเมื่อตอบสั้นๆ ก็ได้” มือซุกซนวนเวียนกับการลูบพุงผมไปมา ถึงจะพยายามเบี่ยงตัวออกแต่ก็เหมือนว่าจะไม่ได้ผล เลยต้องยอมนั่งนิ่งให้แม่งซุกหน้าลงซอกคอเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

   “ทำอะไร” เสียงทุ้มต่ำถามผะแผ่ว

   “แต่งเพลงไง”

   “เพลงอะไร” ผมยื่นกระดาษที่เขียนคำว่า ‘ลืมเลือน’ ไปให้เขาดู ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยเสียงหม่นลง “เพลงเศร้าอีกแล้วเหรอ ไม่เหมาะกับคุณเลย”

   “แบบนี้แหละที่เหมาะกับผม” เพลงนี้ตั้งใจเขียนขึ้นในวันที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอีกครั้ง ใครจะคิดว่าสุดท้ายผมก็ทำได้ไม่นานเพราะใครบางคนกลับเข้ามา แถมยังเริ่มผูกพันมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

   “คุณเขียนเพลงรักสิ” จมูกสันโด่งยังคงคลอเคลียร์อยู่ข้างแก้มจนรู้สึกจักจี้ แม่งรู้สึกอยากให้มันกลับไปนั่งปั่นงานเงียบๆ เหมือนเดิมฉิบหายเลย

   “ผมคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับเพลงรักเท่าไหร่ อีกอย่างผมก็คิด MV เพลงนี้เสร็จหมดแล้วด้วย” ร่างสูงผละออกเล็กน้อยก่อนขมวดคิ้วมุ่น

   “เดี๋ยวนะ ยังแต่งเพลงไม่จบรีบคิดเอ็มวีแล้วเหรอ”

   “แน่นอนสิ อะไรคิดได้ก่อนก็คิด คุณอยากฟังมั้ย” เขาพยักหน้า ผมเลยฉีกยิ้มกว้างกระแอ่มไอสองทีแล้วเริ่มต้นเล่ารายละเอียดอย่างตื่นเต้น “ก็...พระเอกกับนางเอกคบกันตั้งแต่มัธยม เป็นความรักที่ยาวนานนับสิบปีเลย”

   “อืม แล้วไงต่อ” สีหน้าดูไร้อารมณ์สัดๆ

   “ช่วยทำหน้าให้ตื่นเต้นหน่อยได้มั้ย”

   “คุณเล่ามาแค่นี้จะเอาอะไรมาตื่นเต้น”

   “งั้นก็ฟังก่อนดิ เรื่องมันเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤต มีสงครามระหว่างประเทศเกิดขึ้น พระเอกเลยอยากไปช่วยขณะที่นางเอกไม่ยอมจะรั้งให้อยู่ด้วยกัน”

   “อ่าฮะ”

   “สุดท้ายพระเอกก็ไปอยู่ดี นางเอกเลยใช้ชีวิตทุกวันเพื่อให้ลืมคนที่เคยอยู่ด้วยการทำอะไรแปลกใหม่ คบเพื่อนใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่แต่ก็ไม่เคยลืมจนกระทั่งผ่านไปหลายปีพระเอกกลับมา ถึงตอนนั้นนางเอกก็ลืมพระเอกไปแล้ว”

   “นางเอกไม่มีแฟนใหม่เหรอ”

   “ต้องไม่มี ไม่งั้นมันจะไม่อิมแพค คุณคิดเหมือนกันป่ะ”

   “ไม่อ่ะ”

   เกลียดคนชื่อศตวรรษนี่ผิดมั้ยวะ

   “ผมโคตรชอบ”

   “เหรอ แต่พล็อตแม่งคลีเช่มากเลยนะ”

   “ผมยังไม่เห็นเอ็มวีไหนทำเลย”

   “โห พูดจริงดิ ไปเปิดยูทูบนี่บานเลยคุณ”

   นอกจากจะไม่ให้กำลังใจแล้วยังตัดความหวังกันอีกต่างหาก ด้วยไม่รู้จะโต้เถียงกลับยังไงผมเลยทำหน้างอใส่ ริมฝีปากได้รูปฉีกยิ้มกว้างจากนั้นจึงหยิบสมุดจดเพลงขึ้นมาขีดเขียนอะไรบางอย่าง

   “ลองแต่งเพลงรักดูสิ ผมว่ามันเหมาะกับคุณ อยากให้คุณลองเขียนมันดู ถ้าไม่เวิร์กก็ค่อยเลิก” สมุดจดเพลงถูกยื่นมาไว้ตรงหน้า ผมมองไปยังตัวหนังสือของตัวเอง ตอนนี้มันมีลายมือของใครอีกคนเพิ่มเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดในช่องท้อง

   มันคือความรู้สึกดีๆ เวลาที่ได้เห็น

   ไม่เคย ‘ลืมเลือน’

   คำว่าไม่เคยเปลี่ยนอารมณ์ของเพลงไปจนหมด จากเศร้ากลายเป็นรัก จากเหงากลายเป็นคิดถึง

   “คุณคิดว่าผมจะทำได้เหรอ”

   “ได้สิ เด็กน้อยเป็นคนเก่ง” เด็กน้อยอีกแล้ว!

   “ให้ผมจ่ายเท่าไหร่คุณถึงจะเลิกเรียกผมแบบนี้สักที”

   “อยากจ่ายเหรอ”

   “อะ...เอ่อ” ดูจากสายตาเจ้าเล่ห์ตอนนี้แล้ว ผมล่ะอยากตบปากตัวเองหลายๆ ที ไม่น่าเผลอพูดออกมาเลยเพราะกลัวว่ามันจะไม่ได้จบแค่ตรงนี้ ใครๆ ก็รู้ว่ายุคมันเป็นคนทะลึ่งตึงตัง แล้วตอนนี้... “จะทำอะไรอ่ะ” ผมร้องเสียงหลงทันทีที่ร่างสูงใหญ่รวบตัวของผมเข้าไปกอด

   ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลียร์อยู่ตรงหน้า พรมจูบไปทุกที่จนผมต้องหลับตาปี๋

   “อืออ คุณอย่า...แกล้งผม”

   “ไม่ได้แกล้งซะหน่อย แค่หมั่นเขี้ยว” แล้วแม่งก็กัดคอกูจนเจ็บจี๊ด ผมตีแขนอีกฝ่ายเป็นการเอาคืนแต่ดูเหมือนมันจะเป็นการเพิ่มเชื้อไฟให้อีกฝ่าย

   ผมถูกผลักให้ล้มตัวลงนอน หัวใจที่เต้นระส่ำคล้ายกับกำลังลงร่วงลงไปกองอยู่ตรงตาตุ่มจนต้องยกมือขึ้นดันอกแกร่งเอาไว้ ทว่าผมก็ยังแพ้ให้กับความเหนือชั้นของคนเหนือร่างอยู่ดี

   “ยุค”

   “ขอหอมแก้มหน่อย”

   “ผมจะแต่งเพล...” พูดไม่ทันจบประโยคจมูกสันโด่งก็โน้มลงมาบดแก้มผมจนร้าวตึงไปทั้งหน้า นี่ฟังกูบ้างมั้ยเนี่ย แถมตอนผละออกแม่งยังมีหน้ามาถามต่ออีก

   “ขอจูบได้มั้ย”

   “ไม่ได้”

   “ขอกัดแรงๆ ได้หรือเปล่า”

   “ไม่”

   “โอเค ได้รับอนุญาตแล้ว” พ่องดิ!

   ยังไม่ทันได้ตอบโต้ผมก็ถูกตะครุบเป็นเหยื่อให้ไอ้หมีควายจนอ่อนระทวยไปทั้งร่าง เก่งจริงเรื่องทำให้คนอื่นแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนี่ย

   “อะ...เจ็บ ฮืออออ” กัดปากกูเหรอ กูจะกัดตอบแต่ไม่ทันเพราะลิ้นร้อนดันแทรกเข้ามาซะก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ลมหายใจเริ่มติดขัด กว่าจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระผมก็ถูกจูบ ถูกกัด ถูกฟัดจนนอนหมดสภาพเกิดกว่าจะขยับเขยื้อน

   Rrr...!   

   เสียงโทรศัพท์เหมือนระฆังช่วยชีวิต มันแผดเสียงร้องครู่หนึ่งแต่ยุคก็ยังไม่สนใจจนกระทั่งดับไป แล้วดังขึ้นใหม่ในครั้งที่สองและสามราวกับคนโทรมีเรื่องด่วนเกี่ยวกับความเป็นความตาย

   “ยุครับโทรศัพท์ก่อน” ขืนเป็นแบบนี้กูตายก่อนแน่

   คนตัวสูงทำท่าฮึดฮัดขัดใจ เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานก่อนกระแทกเสียงลงกับโทรศัพท์ ผมไม่รู้ว่าเขาคุยเรื่องอะไรแต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำมือเหมือนจะเดินลงไปข้างล่างผมก็พยักหน้ารับรู้ ไม่นานเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท ผมเลยรู้ได้ในทันทีว่า...ชีวิตกูฉิบหายแล้ว!

   “ไหนไอ้ชยิน วันนี้มานอนนี่เหรอวะ ชยิน! ชยิน!” ไอ้ท็อปแหกปากอยู่ด้านนอก ส่วนผมก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นนั่ง จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูเป็นปกติที่สุด เพราะรู้ดีว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่ไอ้เบิร์ดกับผมที่เสือกเก่ง แต่คอลัมนิสต์ระดับตำนานอย่างมันก็ใช่ย่อย

   “มะ...มีอะไร แหกปากเสียงดังเลย น่ามคาญ” ไอ้ท็อปย่างเท้าเข้ามาในห้องนอน มันมองดูผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะถามขึ้น

   “ทำอะไรอ่ะ”

   “ทะ...ทำห่าอะไร กูไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมปฏิเสธทันที

   “กูหมายถึงแต่งเพลงอยู่หรือเปล่า ไม่ทำอะไรเลยของมึงนี่คือนั่งกรรมฐานเหรอ”

   “ก็แต่งเพลง ส่วนยุคเขียนนิยาย”

   “กูไม่ได้ถามถึงไอ้ยุคมัน มึงเป็นอะไรเนี่ยดูรนๆ นะ”

   “มึงจับผิดกูเกินไปละ สรุปมึงมาทำอะไรที่นี่” จะมาก็โผล่มาเลย ตั้งตัวไม่ทันครับ ต้องใช้สกิลขั้นสองของตัวเองเร่งเปลี่ยนประเด็นไป

   “แวะมาหาไอ้ยุค กูมาหามันเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่คิดว่าวันนี้มึงจะอยู่ด้วย” ถ้าไม่ติดว่าสนิทกันผมนึกว่าไอ้ท็อปจะเป็นเมียไอ้ยุคอีกคน ตัวติดกันจริงนะ มีอะไรออกหน้าแทนกันหมด

   “ก็ยุคพามาอ่ะ ความจริงก็ไม่อยากมาหรอก กูว่าตอนนี้เราออกไปข้างนอกมั้ย ดูหนังกัน” ผมรีบลุกพรวดจากเตียง ดันหลังคนตัวสูงกว่าออกไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าของห้องรื้อค้นของกินในตู้เย็นเสร็จพอดี

   ไอ้ท็อปหย่อนก้นบนโซฟาตัวนุ่ม ส่วนผมก็ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีด้วยการค้นหาแผ่นหนังมากมายมหาศาลในลิ้นชักก่อนจะหยิบออกมาเรื่องหนึ่ง

   “กูอยากดู Prisoner อ่ะ” ไอ้คอลัมนิสต์โพล่งขึ้น

   “ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่านะ”

   “มี”

   “รู้ได้ไง”

   “ในกองนั้นกูดูหมดละ”

   “มาบ่อยขนาดนั้นเลย”

   “กูจำใจนั่งดูเป็นเพื่อนไอ้ยุค ตอนมึงหนีไปเมื่อหลายวันก่อนอ่ะ” หลังได้ยินประโยคนั้นจบ ใจของผมก็อ่อนยวบลงทันที ยิ่งเมื่อหันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้วยแล้ว ความรู้สึกในอกยิ่งตีตื้นให้อยากร้องไห้ขึ้นมาเฉยเลย

   “อย่าไปฟังไอ้ท็อปมัน ตอนนี้คุณก็กลับมาแล้วแถมยังกินจุอีกต่างหาก” คำพูดของยุคผลักให้ผมโต้เถียงต่ออย่างไม่ยอมแพ้

   “ผมก็กินปกติอ่ะ มีแต่คุณที่ชอบเอาของกินมาล่อ”

   “ก็คุณเป็นเด็กอ่ะ”

   “ผมไม่เด็ก!”

   “ถามจริงมึงสองคนเถียงกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้เหรอวะ กูเพลีย...” ว่าแล้วไอ้ท็อปก็ล้มตัวลงนอนเหยียดตรง พลางหยิบมือถือขึ้นมากดเป็นการตัดรำคาญ

   หนัง Prisoner ถูกเปิดขณะคนตัวสูงเดินเอาน้ำดื่มและของกินเล่นสองสามอย่างมาวางไว้ตรงโต๊ะรับแขก ก่อนปลีกตัวไปนั่งหน้าคอมพ์ ทิ้งผมไว้กับอดีตเพื่อนสมัยมัธยมเพียงลำพัง

   ไอ้ท็อปแม่งโรคจิตครับ มันมองผมไม่วางตาแต่ไม่ยอมพูดอะไรจนรู้สึกอึดอัด สุดท้ายความอดทนก็หมดลงเลยถามออกไปตรงๆ

   “มองกูทำไม มีอะไรก็พูดมาสิวะ”

   “ชยิน ก่อนหน้าที่กูจะมามึงทำอะไร”

   “ไม่ได้ทำอะไร ก็ไปนั่งแต่งเพลงคนเดียว”

   “คนเดียวจริงดิ”

   “ก็เออสิวะ มึงสงสัยอะไร”

   คนตรงหน้าชี้นิ้วไปที่คอของตัวเอง ผมเลยขมวดคิ้วก่อนจะเห็นมันส่ายหัวแล้วเปลี่ยนมาชี้ที่ผม

   “คอมึงแดงเถือกเลย”

   จริงดิ! ได้ยินอย่างนั้นก็รีบยกมือขึ้นลูบลำคอของตัวเองทันที ว้อทเดอะฟ้าคคคคคค ในหัวพยายามคิดหาข้อแก้ตัวสารพัด ทว่าสิ่งที่พอคิดออกก็มีแค่เพียง...

   “สงสัยยุงกัดน่ะ”

   “เหรอ ในห้องมียุงด้วย”

   “ที่ไหนก็มียุงป่ะวะ นี่แน่ะมาอีกละ มึงเองก็ระวังด้วยนะ”

   “ระวังตัวเองเถอะ ผิวมึงแม่งแดงจนเหมือนคนโดนดูดมาเลยว่ะ เห้อออออ”

   ไอ้เพื่อนเหี้ย ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยยยยยยย

   ผมเหมือนเป็นบ้าอยู่คนเดียวเมื่อถูกจับผิด แถมประเด็นนี้ยังจบลงด้วยเสียงหัวเราะและใบหน้ากรุ้มกริ้มของไอ้ท็อปที่ทำเอาอยากร้องไห้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

   กูไม่ได้โดนดูดโว้ย กูแค่โดนหมีควายกัด โอเค๊ อย่าถามอีกรำคาญ!










   ชีวิตของผมกับยุควุ่นวายเล็กน้อยเรื่องที่หลับนอน บางวันเขาก็จะขนเสื้อผ้าไปนอนที่ห้องผม แต่บางวันก็พาผมมานอนที่ห้อง เป็นอย่างนี้เกือบสัปดาห์จนข้าวของเครื่องใช้บางส่วนของเราเริ่มกระจัดกระจายจนต้องหาซื้อของใหม่อย่างละสองชุด

   ที่ห้องผมชุดหนึ่ง ที่ห้องคนตัวสูงอีกหนึ่ง หลังจากนั้นความวุ่นวายก็กลับกลายเป็นความเคยชิน

   “อรุณสวัสดิ์เด็กน้อย” เช้าวันใหม่เริ่มต้น ผมได้ยินเสียงทุ้มที่เป็นเอกลักษณ์ดังก้องในหู เขาไม่ได้นอน แต่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ในมือถือแก้วน้ำอุ่นเอาไว้เหมือนทุกๆ เช้า

   “อรุณสวัสดิ์ครับ”

   “กินน้ำก่อน” เขาบอกว่าเพื่อสุขภาพ ไม่รู้ว่าจริงมั้ยแต่ผมก็ไม่เคยปฏิเสธคว้าเอาแก้วน้ำขึ้นมากระดกดื่มจนหมดแก้ว

   เราไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น มีบ้างที่ถูกดึงเข้าไปกอดหรือจูบแรงๆ แต่ก็ไม่เคยเกินเลย สถานะที่เป็นอยู่ก็ยังคงคลุมเครือ เขาไม่เคยขอคบผม ขณะที่ผมก็ปากหนักเกินกว่าจะถามเลยปล่อยให้มันเป็นไปโดยไม่เร่งเร้า

   “ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ผมเอ่ยถามคนเคียงข้าง

   “จะสิบโมงแล้วคุณ”

   “ฮะ! ทำไมไม่ปลุกผมอ่ะ”

   “เมื่อคืนคุณนอนเกือบเช้า ขืนนอนไม่เต็มอิ่มเดี๋ยวก็อาละวาดอีก” คนครับไม่ใช่หมาจะได้อาละวาดไปทั่ว

   “ก็ผมคิดงานไม่ออกอ่ะ หาอะไรอ่านไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็เกือบเช้าแล้ว”

   “อ่านอะไร”

   “ยะ...อยากรู้ไปทำไม”

   “ไม่ใช่ว่าคุณเข้าไปอ่านนิยายในแท็ก YukYinCouple เหรอ”

   “อย่ามามั่วนะ” ถึงผมจะอ่านไปบ้างก็ตาม ช่วงนี้สมองตื้อจริงครับเลยต้องเรียกหาแรงบันดาลใจสักหน่อย ซึ่งผมก็กรองมาก่อนแล้ว เลยไม่ค่อยเจอเรื่องที่ตัวเองท้องหรือเกิดเป็นกะหล่ำปลีให้พระเอกย่ำยีอีก โว้ย!

   “มั่วตรงไหน ผมแอบเห็นคุณเปิดอยู่”

   “ผมแค่อ่านเรื่องที่ตัวเองเท่มากๆ ต่างหาก แล้วก็โมโหด้วยที่คนเขียนไม่มาต่อสักที” ผ่านไปเป็นเดือนแล้วไม่รู้ตายหรือยัง ปล่อยให้ค้างคาอ่านตอนเก่าอยู่นานเชียว

   “เรื่องที่คุณท้องได้อ่ะนะ รอคอยอะไรขนาดนั้น”

   “ไม่ใช่โว้ย เรื่องที่ผมคือ AC118 ต่างหาก”

   “อ๋อ...” คนตัวสูงพยักหน้า แต่เหมือนจะไม่อินกับผมเท่าไหร่ แหงล่ะ เขาแค่เคยแนะนำนิยายเรื่องนี้ให้อ่าน ไม่ได้หมายความว่าจะตามต่อแล้วติดเป็นบ้าเป็นบอเหมือนผมตอนนี้

   “เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ จะรีบกลับมาเขียนเพลง”   

   “แต่งตัวหล่อๆ ล่ะ วันนี้ไปทำงานที่คาเฟ่พี่สาวผมกัน” ผมกะพริบตาปริบ ถามย้ำอีกฝ่ายให้แน่ใจ

   “คาเฟ่พี่แยมเหรอ”

   “อืม เห็นบ่นว่าคิดถึงคุณ อยากให้ไปกินเมนูใหม่ของร้าน”

   “ก็ถ้าพี่สาวคุณชวนผมก็คงต้องไป”

   “คุณเป็นน้องสะใภ้ ยังไงแยมก็ต้องชวนอยู่แล้ว”

   “โคตรมั่ว”

   “โอเคมั่วก็มั่ว” ผมส่งนิ้วกลางไปให้เป็นการปิดประเด็น ก่อนลากสังขารคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ

   แม้ร้านกาแฟจะวุ่นวายไปด้วยนักศึกษาจนบางครั้งก็ทำให้ปวดหัวอยู่บ้าง แต่มันคงดีกว่าอยู่เงียบๆ ในห้องแล้วปล่อยให้ยุคหาโอกาสลวนลามเหมือนทุกที คิดแล้วทำไมหน้าแดงขึ้นมาเฉยเลยวะ นับวันยิ่งทะลึ่งตามมันไปทุกที งงตัวเองฉิบหาย

   “น้องสะใภ้~~” เสียงแหลมเล็กของผู้หญิงผิวขาวดังขึ้นทันทีที่ผมกับยุคก้าวเข้ามาในร้าน บรรยากาศยังคงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน และผมไม่เคยชินสักครั้งตอนที่ถูกจ้องมองเป็นตาเดียว

   “สวัสดีครับพี่แยม” ว่าแล้วก็ไม่ลืมยกมือไหว้เป็นการทักทาย

   “ใครแยม ยุนอาจ้ะ”

   “ครับ ยุนอา” โทษๆ กูลืมว่าพี่เขาเป็นไอดอล โว๊ะ!

   “ไปนั่งตรงโน้นก่อน เดี๋ยวผมเอาขนมกับเครื่องดื่มไปให้” คนตัวสูงบอกหน้าตาย จากนั้นก็ดันหลังผมให้เดินไปยังโต๊ะมุมร้านที่ยังคงว่างอยู่ ท่ามกลางเสียงบ่นงึมงำของคนเป็นพี่สาว

   “อะไรกัน มาร้านพี่แต่ไม่ทักกันสักคำ นี่ก็ไล่น้องสะใภ้ไปนั่งตรงโน้นอีกแล้ว”

   “ผมไม่อยากให้พี่ยุ่งกับชยิน”

   “ว่าไงนะ แกกลัวอะไรไม่ทราบ”

   “กลัวพี่จะบังคับชยินให้ไปทำสีผมตามผู้ชายที่พี่ชอบไง”

   ปล่อยให้สองพี่น้องเถียงกันไปพักใหญ่ๆ คุณชายศตวรรษก็กลับมาพร้อมเมนูใหม่ของทางร้านและขนมอีกหลายอย่างที่วางจนล้นจาน คือต่อให้มีชยินสิบร่างกูก็แดกไม่หมด

   “เยอะขนาดนี้คุณต้องช่วยผมกินนะ”

   “ผมไม่กินของหวาน”

   “ได้ไงอ่ะ เมื่อก่อนยังกินน้ำสตรอเบอร์รี่ได้เลย อย่ามาเอาเปรียบกันดิ นั่งลงแล้วกินเป็นเพื่อนผมเดี๋ยวนี้เลย” ดูเหมือนคำขู่จะได้ผล เจ้าตัวเลยยอมนั่งกินขนมที่อยู่ตรงหน้าอย่างว่าง่าย

   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 27-07-2018 20:36:10


   “ยุค มานี่หน่อย” กินไปได้สักพักพี่แยมก็เรียกอีก

   ผมที่อยู่ในซอกหลืบจนมองไม่เห็นเคาน์เตอร์เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในส่วนของหน้าร้านบ้าง

   “เดี๋ยวผมมา”

   “อือ...” ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ เพราะพี่น้องเขาคงมีเรื่องคุยกันตามประสา แต่พอหายไปนานๆ เข้าก็รู้สึกเป็นห่วง ผมตั้งท่าจะลุกไปหน้าเคาน์เตอร์เผื่อจะช่วยเหลือหรือเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าได้บ้าง ทว่าไม่นานร่างบางของพี่แยมก็เดินฉีกยิ้มเข้ามาหาถึงโต๊ะ

   “เป็นไงบ้าง เมนูใหม่อร่อยมั้ย” เธอถามด้วยใบหน้าสดใสจนอดยิ้มตามไม่ได้

   “อร่อยมากครับ แล้ว...แล้วยุคล่ะครับ”

   “มีธุระนิดหน่อย พี่เลยวานให้ไปทำหลังร้าน ไหนน้องสะใภ้ตอนนี้กำลังแต่งเพลงอยู่ใช่มั้ย เห็นยุคบอกว่ากังวลมาก มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยน้า” เธอแทรกตัวเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ที่เคยเป็นของคนตัวสูง เหลือบตามองสมุดจดเพลงกับหน้าของผมสลับกันไปมา

   “ตอนนี้ก็แต่งไปได้เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ เมโลดี้เสร็จแล้วเหลือแต่พวกเนื้อเพลงน่ะครับ”

   “น่าสนใจ ถ้าเสร็จแล้วก็ส่งให้ค่ายใช่มั้ย”

   “ยังไม่แน่ใจเลยครับ”

   ในใจลึกๆ อยากเขียนเพลงนี้ให้ยุคคนเดียว ไม่อยากขายให้กับใครเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ ถึงแม้วันนึงอาจจะได้เงินเยอะขึ้นแต่มันก็คงไม่มีความหมายเท่ากับความรู้สึกที่ได้เขียนให้กับใครสักคน

   ไหนๆ ก็จนมานาน มาม่าก็กลายเป็นอาหารคู่ชีวิต ผมเลยไม่ค่อยกังวลว่าจะต้องอดอยากอีก

   “เป็นงานที่น่าสนใจมากเลย ชีวิตพี่นี่เจอแต่คนสายครีเอทีฟ วันก่อนก็เพิ่งได้คุยกับท็อป รายนั้นเป็นคอลัมนิสต์ใช่มั้ย” พี่แยมพยายามชวนคุย กลายเป็นเราเริ่มสนิทกันมาขึ้นโดยไม่รู้สึกเขินอายหรือเกร็งเวลาต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง

   “ใช่ครับ”

   “นี่พี่ติดสินบนท็อปไปแล้ว ให้เขียนคอลัมน์ร้านพี่ อิอิ”

   “ไอ้ท็อปมันเขียนอยู่แล้วครับ อีกอย่างพี่ก็เป็นพี่สาวยุค สองคนนั้นสนิทกันจะตาย”

   “ใช่มั้ย เพิ่งรู้จักกันไม่นานก็จริงแต่เหมือนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ล่าสุดพี่เอารูปสมัยยุคได้เป็นเดือนดาวองก์ให้ท็อปดู นั่งหัวเราะกันใหญ่เลย” ประโยคนั้นทำผมสตั๊น

   “ดะ...เดือนดาวองก์ ยุคเคยเป็น...ด้วยเหรอครับ” รู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที

   ดาวองก์รุ่นผมก็มีแค่คนเดียว ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ได้รับตำแหน่งหรือป๊อปแค่ไหนในกลุ่มเด็กมัธยมกวดวิชา เพียงแต่ว่า...

   “ได้เป็นแบบงงๆ ตอนถ่ายรูปยังทำหน้าบูดอยู่เลยดูนี่ๆ” ว่าแล้วพี่แยมก็เลื่อนมือถือ ก่อนยื่นรูปที่มีคนตัวสูงซึ่งดูเด็กกว่าปัจจุบันเล็กน้อยออกมาให้ดู เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม

   ยุคในรูปกำลังยืนหน้านิ่ง คาดสายสะพายเดือนเคียงข้างกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก แต่มองดูแล้วตลกฉิบหาย

   “ชยินเคยเรียนดาวองก์มั้ย”

   “เคยครับ แต่น่าจะคนละสาขากับยุค หรือไม่อาจจะเรียนด้วยกันแต่จำไม่ได้” สิ่งที่จำได้เลือนรางเลยก็คือการถูกแฟนคนแรกตอนมัธยมบอกเลิกเพื่อไปคบกับเดือนดาวองก์เนี่ยแหละ แต่ผมดันลืมไปแล้วว่าเป็นเดือนปีไหน

   นี่ถ้าเกิดหวยไปออกที่ไอ้นักฆ่าในคราบนักเขียนขึ้นมากูนี่หมาเลยนะ

   ได้กับคนที่เคยแย่งแฟนในอดีต สาธุขอให้ไม่ใช่เถอะ พอดีไม่อยากคิดบัญชีย้อนหลัง

   “อ้อ แต่ถ้าเคยเรียนด้วยกันโลกคงกลมมากเลย อ้าวลูกค้ามาใหม่แล้ว เดี๋ยวพี่ไปรับออเดอร์ก่อนนะ” ผมพยักหน้าหงึกหงัก มองดูร่างบางปรี่ออกไปจากโต๊ะ ในร้านมีเด็กเสิร์ฟอยู่แล้วคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังขยันขันแข็งเซอร์วิสทุกคนอย่างเต็มที่

   ผมนั่งเขียนเพลงพร้อมกับจิ้มเค้กกินไปพลางๆ แต่ดูเหมือนว่าคนตัวสูงจะยิ่งหายไปนานจนอดเป็นห่วงไม่ได้ เลยตัดสินใจเดินไปยังเคาน์เตอร์ ตรงนี้ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่ต้องการตามหา พอถามพี่แยมดูเธอก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาซะงั้น

   “ยุคไปไหนเหรอครับ”

   “เคลียร์งานนิดหน่อยจ้ะ”

   “เคลียร์ที่ไหนเหรอครับ พอดีว่า...เผื่อผมจะช่วยอะไรได้บ้าง”

   “น้องสะใภ้ไปนั่งรอก่อนก็ได้น้า เดี๋ยวยุคก็กลับมาแล้ว” ความรู้สึกหวาดหวั่นเกาะกุมหัวใจ ผมไม่ได้ถามอะไรเพิ่มแต่ยังคงปักหลักยืนอยู่ที่เดิมด้วยสายตาเว้าวอน

   พี่แยมพยายามก้มหน้าไม่สบตากับผม ทว่าไม่นานก็ต้องยอมแพ้พร้อมกับกระซิบเสียงแผ่ว

   “ยุคอยู่หลังร้าน มีเรื่องต้องคุยกับริวนิดหน่อยจ้ะ”

   ความเย็นวาบแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมไม่รอฟังคำอธิบายอะไรอีกนอกจากสาวเท้าไปยังหลังเคาน์เตอร์ เปิดประตูเพื่อเดินออกไปภายนอก ก่อนจะเห็นสภาพยุคที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดกำลังถูกริวเงื้อมือต่อยอีกรอบ

   “ยุค...” ชื่อแรกที่นึกถึงก็คือเขา

   คนทั้งคู่หันมามองทางผมแล้วรีบแยกจากกันโดยอัตโนมัติ

   “พี่แยมบอกเหรอ รีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” กายสูงปรี่เข้ามาหา และพยายามอย่างมากเพื่อเปิดประตูให้ผมกลับเข้าไป แต่ผมไม่ยอม

   “ทำอะไรกัน” แม่งรู้สึกเหมือนกำลังร้องไห้ขึ้นมาเฉย

   “พอดีมีเรื่องกันนิดหน่อย ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

   “ไม่เกี่ยวเหรอ จริงเหรอวะริว” ท้ายประโยคหันไปถามคนที่ยืนห่างไปไม่ไกลนัก เราต่างโตเกินกว่าจะใช้กำลังกันแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

   “เออมันเกี่ยวกับมึงก็ได้ ทำไมวะชยิน ทำไมมึงถึงชอบคนอย่างมันทั้งที่แม่งไม่เคยดีกับมึงเลย” เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยอารมณ์โมโห ผมมองคนตรงหน้าที่เป็นเหมือนเพื่อน ในใจรู้สึกเจ็บยอกเกินกว่าจะเอ่ยโต้ตอบกลับ “กูรับรู้ทุกอย่าง เรื่องที่มึงหนีไป เรื่องที่มึงโดนทิ้งเพราะไอ้ยุคแม่งมัวแต่สนใจแฟนเก่า แบบนี้มึงก็ยังจะรักมันอยู่เหรอ”

   “คนๆ นั้นเขาป่วย กูเข้าใจทั้งหมดแล้ว”

   “เออดีว่ะ เพราะป่วยมึงเลยต้องยอมใช่มั้ย กูบอกเลยนะว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านี้ และถ้าเป็นกูกูจะไม่ทำอย่างที่มันทำกับมึง” ราวกับถูกมีดล่องหนนับร้อยเล่มปลิวมาปัก ไม่ใช่ไม่เจ็บกับที่ผ่านมา แต่เพราะรักไปแล้วเลยยอมได้ทุกอย่าง

   ผมรับรู้ได้ถึงความสั่นเทาของร่างกาย ความรู้สึกที่ผ่านมาถาโถมเข้ามาไม่หยุด ผมพยายามก้าวผ่านมันไปให้ได้ ไม่คิดเลยว่าพอถูกสะกิดอีกครั้งความรู้สึกเจ็บจะยังหลั่งไหลเข้ามา

   “ชยิน...อย่าร้องไห้” น้ำเสียงที่อ่อนโยนเอ่ยปลอบ ดูเหมือนเจ้าของมือที่สัมผัสตัวผมตอนนี้จะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

   “มึงเจ็บใช่มั้ยชยิน มึงบอกมันสิว่ามึงรับได้ถ้าครั้งต่อไปเกิดปัญหาอีกมึงก็จะยอมไปเรื่อยๆ” ริวยังคงพูดต่อ ขณะที่ยุคเองก็ไม่ยอมโต้เถียงกลับไป นอกจากลูบหัวผมไปมาเป็นการปลอบ

   “มันจะไม่มีอีก”

   “แน่ใจเหรอชยิน กูให้โอกาสมึงพูดอีกที พูดออกมาอย่างที่ใจมึงคิด”

   ผมมองไปยังเจ้าของคำพูด คิดหาเหตุผลสารพัดเพื่อตอบคำถาม แต่มันคงไม่มีประโยคหรือคำตอบไหนที่ดีที่สุด มีแต่ประโยคที่ออกมาจากความรู้สึกลึกๆ ของผมเท่านั้น

   “กูเชื่อใจ ถ้าเกิดวันนึงยุคเลือกคนอื่นกูก็ทำได้แค่ยอมรับความจริง”

   “...”

   “อย่าทำยุคเลยนะกูขอร้อง ยุคเจ็บ...”

   ผมในตอนนี้เจ็บกว่าเขาเป็นร้อยเท่า

   คนเราโง่ได้ทุกเรื่องแหละ และผมก็ยอมรับว่าตัวเองโง่มากกับเรื่องความรัก แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วไม่ว่าวันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้น ผมอาจจะเจ็บปวด อาจจะเสียใจ ถึงตอนนั้นก็โทษใครไม่ได้อยู่ดี

   โทษความรักก็ไม่ได้ โทษเขาที่เลือกคนอื่นก็ไม่ได้ คงทำได้แค่โทษตัวเอง

   ที่รักมากเกินไป...










   ผมถูกพากลับมายังห้องในสภาพหน้าเหนียวเหนอะไปด้วยน้ำตา ขณะที่คนตัวสูงก็ไม่ต่างกันเพราะเลือดสีแดงข้นที่ติดอยู่บนใบหน้ายังคงไม่ได้รับการทำความสะอาดและทำแผลเท่าที่ควร ถึงพี่แยมจะหาผ้าขนหนูคอยเช็ดห้ามเลือดแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นเราเลยต้องกลับห้องกันก่อน

   เรื่องจบลงยังไงผมยังจำแทบไม่ได้เลย รู้แค่ว่ารอยยิ้มขื่นของริวกลายเป็นคำตอบที่ผมได้รับโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ อธิบายเพิ่มเติมอีก เรายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทว่าตอนนี้แค่ต้องรอให้ต่างฝ่ายต่างสงบสติอารมณ์กันก่อน

   “คุณเจ็บมากมั้ย เดี๋ยวผมทำแผลให้นะ” สองขาย่อเข่าตรงหน้าเขา ดวงตามีเสน่ห์คู่เดิมยังคงจ้องมองผม แต่ไม่ยอมพูดอะไรนอกจากกะพริบตาช้าๆ

   “ยุค ผมไม่ได้โกรธคุณ ผมเข้าใจที่คุณเลือกจะดูแลเขา”

   “คุณไม่โกรธแต่ผมโกรธตัวเอง”

   “มันผ่านมาแล้ว”

   “ในตอนนั้นผมคิดถึงคุณน้อยไป ยังจำได้ที่ไอ้ท็อปเตือนสติ ถ้าไม่มีมันผมคงเสียคุณไปแล้ว ถ้าวันหนึ่งไอ้ท็อปไม่อยู่แล้วผมพลาดทำเรื่องโง่ๆ อีก ไม่อยากจะคิดถึงวันนั้นเลย” น้ำเสียงคนพูดเจือไปด้วยความเศร้าหมอง เราต่างเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ และตอนนี้เราก็ควรก้าวผ่านมันเพื่อมีความสุขกันสักที

   “ผมบอกแล้วไงว่าเชื่อใจ”

   “ชยิน ผมไม่อยากอยากเสียคุณไป”

   “รู้แล้ว”

   “ลึกๆ ผมไม่ได้อยากเป็นคนดี ยังอยากเป็นคนเห็นแก่ตัว ได้เลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากเลือก ได้อยู่กับคุณโดยไม่ต้องแคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น ผมอยากทำมาตลอด” ไม่เป็นเขาคงไม่เข้าใจจริงๆ

   เห็นแก่มนุษยธรรมก็ถูกคนอื่นตำหนิที่ไม่ดูแลคนรัก แต่ถ้าทำตัวไม่สนอะไรเลยก็ถูกก่นด่าเรื่องแล้งน้ำใจไม่ต่างกัน อย่างไหนก็เจ็บทั้งนั้น ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ว่าเขาต้องทนกับอะไรบ้าง เลยไม่เคยถือโทษโกรธ นอกจากกักเก็บความรู้สึกที่เคยเจ็บปวดเอาไว้ยังส่วนลึก

   รอคอยว่าเมื่อไหร่แผลที่เกิดขึ้นในวันนั้นจะหายไป

   “ไม่หล่อเลยคุณอ่ะ สภาพแย่มาก” ผมพูดเป็นทีเล่นทีจริง แตะสำลีที่จุ่มด้วยแอลกอฮอล์ขึ้นมาประคบไปตามปากแผล

   ทั้งมุมปาก จมูก หรือแม้แต่หน้าผากเต็มไปด้วยเลือด ยังไม่นับรวมรอยหมัดที่ทิ้งสีเขียวแกมม่วงช้ำเอาไว้ที่ซีกหน้าด้านขวาอีก ต้องยอมรับว่าริวแม่งมือหนักจริง เข้าใจว่ามันคงโกรธแทนผมเลยไม่คิดถือโทษโกรธอะไร ขอบคุณด้วยซ้ำที่เป็นห่วง แต่ผมก็ห่วงยุคเหมือนกัน

   “ปกติคุณก็บอกว่าผมไม่หล่ออยู่แล้ว” มือซ้ายถูกอีกฝ่ายรวบไปกำไว้แน่น ซึ่งผมก็ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจ

   “หล่อ แต่น้อยกว่าผม”

   “โอเคยอมแพ้”

   “ทำไมวันนี้ยอมง่ายจัง”

   “เจ็บแผล” ได้ยินเท่านั้นถึงกับชะงักมือไป

   “อย่าโกรธริวเลยนะ มันแค่...หวังดี”

   “มันชอบคุณ มองตาก็รู้แล้ว เพราะงั้นมันเลยหวังว่าจะได้ดูแลคุณตอนที่เราไปกันไม่รอด แต่สาบานได้เลยว่ามันจะไม่มีวันนั้น” มั่นใจจริงพ่อคุณ ก่อนหน้านั้นทิ้งกูให้ฟุ้งซ่านอยู่ตั้งนาน

   “ทำให้ได้อย่างที่คุณพูดนะ”

   “ครับ ผมจะทำให้ได้อย่างที่ปากพูด”

   แปลกดี แค่ประโยคธรรมดาของคนๆ หนึ่งก็ทำให้เรื่องราวแย่ๆ ที่เกาะกุมความรู้สึกจางหายไปจนหมด ผมฉีกยิ้ม มองดูร่องรอยเปื้อนเลือดนั้นพร้อมกับทำแผลอย่างเบามือ

   คนชื่อศตวรรษที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ไม่ใช่แค่ความรัก แต่เขายังเป็นความสุขและความหวังของผมเช่นกัน







   ช่วงเย็นผมกับยุคทำอาหารเย็นง่ายๆ อยู่ที่ห้อง เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้ซื้อของสดมาตุนไว้เยอะเลยไม่กังวลว่าจะหาอะไรกินในแต่ละมื้อ ผมอยู่ห้องคนตัวสูงติดกันมาหลายวันแล้ว และช่วงนี้ก็คงอยู่ไปอีกพักใหญ่จนกว่าแผลที่หน้าจะหายดี

   ดึกหน่อยต่างคนต่างแยกย้ายทำงานของตัวเอง ผมแต่งเพลงต่อ ส่วนเขาก็ง่วนอยู่กับการเขียนต้นฉบับเรื่องใหม่ที่ปรากฏในแพลนถึงสี่เรื่อง กว่าจะได้พักเวลาก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว

   “ไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วอย่าให้แผลโดนน้ำ” ผมกำชับคนตัวสูง เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ถึงโต๊ะทำงาน

   “คุณช่วยผมอาบน้ำได้มั้ย”

   “เดี๋ยวนะ เป็นแผลที่หน้าไม่ใช่ทั้งตัว อย่ามาอ้อนหน่อยเลย”

   บอกตามตรงว่ายังไม่ชิน ยิ่งให้ผมมองยุคน้อยที่โผล่พ้นกางเกงออกมาด้วยแล้วยิ่งไม่ไหว มันอยากจะตายซะให้ได้ แค่คิดความเจ็บก็พุ่งกระแทกเข้ามาจนเสียวสันหลังวาบแล้วครับ

   “ทำไมใจร้าย”

   “ผมไม่ได้ใจร้าย คุณนั่นแหละทะลึ่ง รีบไปเลยจะได้นอนเร็วๆ” ช่วงหลังมานี้เราเริ่มปรับเวลานอนกันใหม่ นอนให้เร็วขึ้นเพื่อตื่นเช้า หนึ่งวันของเราจะได้ยาวนานพอที่จะทำอย่างอื่นอีกมากมาย ซึ่งมันค่อนข้างเวิร์ก

   กายสูงลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อย เขาเอื้อมมือมาขยี้หัวผมจนยุ่งจากนั้นก็เดินผิวปากเข้าไปยังห้องน้ำ   Rrr..!

   เสียงน้ำฝักบัวดังเล็ดลอดออกมาได้ไม่เท่าไหร่ โทรศัพท์เครื่องเดิมของคนตัวสูงก็สั่นครืด ผมมองไปยังหน้าจอ ใจหายวาบราวกับถูกฉุดลงไปยังหุบเหวลึก ‘แฟนเก่า’ ของเขาโทรมาอีกแล้ว

   ด้วยไม่มีความกล้าพอจะกดรับ เลยปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้นจนดับไป ทว่าไม่นานก็ส่งสัญญาณใหม่อย่างต่อเนื่องราวกับปลายสายมีเรื่องสำคัญที่อยากให้ยุคได้คุยจริงๆ

   ผมรวบรวมความกล้าด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดลึก คว้ามือถือของคนตัวสูงขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปยังประตูห้องน้ำซึ่งปิดสนิทเพื่อบอกกับคนที่อยู่ด้านใน

   “คุณ โทรศัพท์ดังน่ะ” เสียงทุ้มจะตอบกลับอย่างเร็วรี่

   “ใคร”

   “คนที่ชื่อดรีม”

   “อ่า...งั้นคุณกดรับและคุยแทนผมแล้วกัน”

   “มันไม่ดีหรอก”

   “เชื่อเถอะ คุณสมควรรับรู้ ไม่มีอะไรที่เป็นความลับระหว่างเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ฝักบัวถูกเปิดอีกครั้ง ปล่อยสายน้ำให้หล่นกระทบบนพื้นห้องเป็นการจบประเด็น คงเหลือแต่ผมที่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่เคยคุยกันแม้แต่ครั้งเดียว

   หนึ่ง...สอง...สาม ผมนับเลขในใจพร้อมกับรวบรวมความกล้า

   “สวัสดีครับ” พูดออกไปแล้ว หัวใจยังคงสั่นจนอาจตายได้ทุกเมื่อ

   [ขอสายยุคหน่อยค่ะ] ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานตอบกลับมา ผมก็รับรู้ได้ถึงความผิดที่ผิดเวลาของตัวเองมากๆ อยากเดินกลับไปเคาะประตูห้องน้ำอีกครั้ง แต่อีกใจหนึ่งก็อยากคุยด้วยตัวเอง

   “ยุคอาบน้ำอยู่ ถ้าเขาอาบน้ำเสร็จแล้วจะให้โทรกลับนะครับ”

   [อันนี้ชยินใช่มั้ย]

   “อะ...เอ่อ ใช่ครับ” คิดว่าทั้งคู่คงเคยคุยกันเรื่องผม เลยพอจะเดาออก

   [เราชื่อดรีมนะ ไม่เคยมีโอกาสคุยหรืออธิบายให้ฟังเลยทั้งที่รู้ว่ายุคกับชยินมีปัญหากัน อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ] พอได้ยินคำขอโทษจากอีกฝ่าย สมองและความรู้สึกเจ็บเบื้องลึกก็เหมือนได้รับการรักษา มันเบาโหวงไปหมด เป็นความเบาโหวงที่รู้สึกดี

   “ไม่เป็นไร ตอนนี้เราเคลียร์กันแล้ว ดรีมสบายใจได้”

   [ดีแล้ว]

   “มีอะไรอยากบอกยุคหรือเปล่าเผื่อเราบอกให้” ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนกรอกเสียงติดสั่นเล็กน้อยกลับมา

   [เรา...อยากบอกว่าแฟนเรากลับมา และตอนนี้เขาก็ไม่อยู่แล้วนะ]

   “...!!” ความกลัวแทรกซึมเข้ามาฉับพลัน มันเหมือนแอลกอฮอล์เพียวๆ ที่ถูกกรอกเข้าปากจนมึนเมาชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้เลยตั้งตัวไม่ติด หวาดหวั่นว่าทุกอย่างจะย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก

   ต้องกอดตัวเอง ต้องเหงา ต้องร้องไห้เพียงลำพัง

   ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีกแล้วแม้จะเผื่อใจเอาไว้บ้าง แต่มันเร็วเกินไป...

   [เราจบกันด้วยดี เป็นความพยายามที่จะต่อให้ติดแต่ก็ไม่ได้ผล ตอนนี้เราไม่ได้รู้สึกดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ยอมรับว่ามันแย่ แต่ก็อยากขอบคุณที่ยุคคอยดูแลตอนเราไม่เหลือใคร]

   “ตอนนี้ดรีม...อยากให้ยุคไปหามั้ย เราจะบอกให้” ถึงเจ็บก็คงต้องยอม

   ผมเกลียดตัวเองที่เผลอร้องไห้ออกมาเงียบๆ ไม่คิดว่าจะอ่อนแอได้มากขนาดนี้ ชยินที่สดใสร่าเริงและมองโลกในแง่ดีคนนั้นมันหายไปไหนแล้ว

   [ไม่ต้องหรอก เรามีคนที่คอยอยู่เป็นเพื่อนแล้วล่ะ]

   “...”

   [อีกอย่างยุคก็เคยคุยเรื่องนี้กับเราแล้ว เรายังพึ่งพิงกันได้แต่จะไม่รบกวนเกินกว่านั้น จะไม่ขอร้องให้มาอยู่เป็นเพื่อน จะไม่โทรหาหรือทำให้ลำบากใจอีก เพราะรู้ว่ายุคคงไม่ทำอยู่ดี เขาได้เลือกแล้ว]

   “แต่ถ้าต้องการ...ต้องการความช่วยเหลือก็บอกได้”

   [ยุคบอกว่าชยินเป็นคนใจดี เพิ่งรู้ก็วันนี้แหละ แต่ไม่ดีกว่า แค่อยากโทรมาขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่ทำให้ในช่วงเวลาที่ลำบากเท่านั้น]

   “จะบอกให้นะ”

   [อืม แค่นี้แหละ] ไม่มีใครวางสายไปก่อน ผมเลยได้ยินดรีมกรอกเสียงกลับมาอีกหน [ชยิน อย่าโกรธยุคนะ]

   “...”

   [ที่ผ่านมาเราเรียกร้องทุกอย่างเอง เขารักเธอมากเพราะงั้นไม่ต้องกังวลอะไรอีก]

   “ขอบคุณที่บอกนะ”

   [เธอยังเป็นทุกอย่างของเขาเหมือนเดิม...]

   สายถูกตัดไป ผมนั่งนิ่งอยู่บนเตียงโดยไม่คิดเช็ดน้ำตาออกจากหน้า เป็นเสี้ยวเล็กๆ ที่รู้สึกอิ่มเอมกับการได้คุยกับใครสักคน ปลดแอกความรู้สึกไม่สบายทุกอย่างออกไปจนหมด

   ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ผมก้มหน้าไม่สบตากับอีกฝ่ายเพราะกลัวเขารู้ว่าอาการขี้แยได้กำเริบอีก กลัวโดนเรียกว่าเด็กน้อยอ่ะ รู้สึกไม่เท่ อยากเท่บ้างเลยต้องคีพคูล

   “คุยแล้วเหรอ” คนตรงหน้าเอ่ยถาม เขาขยับเท้าไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดกับกางเกงนอนออกมาสวมอย่างไม่พิถีพิถันเท่าไหร่นัก

   “คุยแล้ว”

   “ดรีมว่าไงบ้าง”

   “เขาฝากขอบคุณที่คุณช่วยดูแล”

   “อืม”

   “คุณรู้เรื่องที่เขาเลิกกับแฟนไปแล้วหรือยัง คนที่กลับมา...ตอนนี้ไม่อยู่แล้วนะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งสั้นเลยกู กลัวครับว่ายุคจะรีบถ่อไปหาเขาถึงที่

   “รู้แล้ว”

   “แล้วคุณไม่อยากไปปลอบเขาเหรอ”

   “ปลอบคนอื่นแล้วทิ้งเด็กน้อยให้ร้องไห้ก็ไม่ไหวนะ” เขาพูดยิ้มๆ “นั่นไงร้องไห้อีกแล้วใช่มั้ย”

   “เปล่าซะหน่อย คุณตาฝาดแล้ว”

   “เหรอ” คนตัวสูงก้าวฉับๆ มาที่เตียง ก่อนโถมตัวกอดผมแนบแน่นจนล้มลงไปนอนด้วยกัน

   ซีนนี้ผู้กำกับควรติดต่อไปทำเอ็มวี เป็นอะไรที่ดูเหมือนจะโรแมนติกน้ำเน่าแต่ความจริงแล้วเจ็บสัด โถมมาได้ ตัวก็เท่าหมีควาย ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นจะไม่เจ็บวะ อยากจับมาตีแรงๆ ฉิบหายเลย

   “ดรีมจะต้องเรียนรู้ เราเป็นแค่เพื่อนกันเพราะงั้นมันเลยมีระยะห่างของคำว่าเพื่อนอยู่”

   “เข้าใจแล้ว”

   “วางใจแล้วนะ อย่าเจ็บปวดอีกเลยชยิน” จบคำพูดนั้นยุคก็กระชับอ้อมกอดของผมแน่นขึ้นจนหายใจแทบไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองปริบๆ ก่อนจมูกและริมฝีปากซุกซนจะเริ่มปัดป่ายไปบนใบหน้าของผม มันคือการแสดงความรักในรูปแบบของเขา และผมไม่เคยปฏิเสธ

   จูบที่แสนลุ่มลึก ลมหายใจสะอาดที่คุ้นเคย วงแขนหนาหนักที่ให้ความอบอุ่นเสมอ ผมเคยชินและเริ่มเสพติดมันทีละน้อย

   จวบจนกระทั่งเราผละออกจากกัน ริมฝีปากได้รูปก็ยังไม่หยุดจุมพิตไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายจนอ่อนระทวยในอ้อมกอด

   “ผมชอบคุณ” เราทำแบบนี้ทุกคืน เป็นการบอกรักทางร่างกายและคำพูด

   “ผมก็ชอบคุณเหมือนกัน”

   โคมไฟหัวเตียงถูกปิด ผมฝังตัวในอ้อมกอดคนเขาพร้อมกับปิดเปลือกตาลง และคงเข้าสู่ฝันดีเหมือนทุกคืนถ้าไม่บังเอิญสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป

   ความแข็งแกร่งกลางลำตัวของเขาดุนดันต้นขาผมจนรู้สึกได้ พอเริ่มขยับตัวก็เหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้ด้วยเลยรีบผละออกแล้วหันหลังให้พร้อมกับเอ่ยเสียงต่ำที่ติดแหบพร่าเล็กน้อย

   “ฝันดีชยิน”

   “ยุค เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมมองแผ่นหลังกว้างในความมืด เขายังคงไม่ขยับเขยื้อนแต่ก็ยังตอบกลับมา

   “เปล่า”

   “มีอะไรบอกผมได้ คุณรู้สึกไม่ดีตรงไหน”

   “ไม่มีอะไร คุณนอนเถอะ”

   “หันหน้ามามองผมหน่อยได้มั้ย” พอลองเอื้อมมือไปแตะไหล่แกร่งก็รับรู้ได้ถึงอาการสั่นน้อยๆ จนน่าใจหาย

   ไม่รู้ว่าเขาต้องอดกลั้นต่อความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหน ทุกคืนที่เราจูบกันก่อนล้มตัวลงนอน ผมหลับไปโดยไม่รับรู้อะไรเลยขณะที่เขากำลังกัดฟันเพื่อให้ผ่านพ้นไปในแต่ละคืน

   “ชยินคุณนอนก่อนนะ เดี๋ยวผมมา” เขาตั้งท่าจะลุกแต่ผมรั้งไว้

   “จะไปไหน”

   “เข้าห้องน้ำน่ะ คุณนอนไปก่อนเลย”

   “ให้ผมช่วยมั้ย ผม...ผมช่วยให้คุณดีขึ้นได้นะ”

   “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุณเจ็บ” คำตอบของเขาทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด

   “ยุค...”

   “ไม่ไปแล้วก็ได้ แต่คุณนอนนิ่งๆ ให้ผมกอดก็พอ”

   “คุณไม่หายหรอก”

   “หาย ผมทำได้...ทุกคืนเลย”

   “ผมใช้มือช่วยได้นะ”

   “เด็กน้อยนอนได้แล้ว ทำไมถึงได้ทะลึ่งขนาดนี้” สุดท้ายผมก็ถูกรวบเข้าไปกอดในวงแขนแกร่ง ฝังใบหน้าลงกับอกของเขาซึ่งรับรู้ได้ถึงอาการเต้นของหัวใจและลมหายใจที่ถี่กระชั้น

   ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา เราไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน มันเป็นคำถามที่ค้างคาใจมาตลอดว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเขารู้สึกกับมันทุกอย่างแต่ยังคงปิดปากเงียบ อดกลั้นไว้จนกว่าจะผ่านพ้นไป

   “คุณไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง” ผมพูดเสียงอู้อี้

   “คุณเจ็บ”

   “...”

   “คุณเจ็บมากในวันนั้น แล้วทำไมผมถึงต้องเห็นแก่ตัวร้องขอจากคุณอีก”

   “ไม่เลย ผมเต็มใจ”

   “เด็กน้อย รอให้ถึงวันที่คุณพร้อมแล้วจริงๆ ถึงค่อยให้มันเกิดขึ้นเถอะ” ริมฝีปากถูกจู่โจมจูบโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่นานก็ผละออกอย่างรวดเร็ว ทิ้งความอุ่นจางเอาไว้ให้รู้สึก

   “ถ้าคุณบอกก่อน...ผม...ผมก็พร้อม”

   “ผมรู้ ฝันดีครับเด็กน้อย หลับได้แล้ว”

   “อือ...”

   คิดมาตลอดว่าเขาแคร์ผมน้อยไป ตอนนี้เพิ่งเข้าใจ ยุคห่วงผมมากจริงๆ






อยากบอกว่าตอนหน้าจบแล้วค่ะ เห้อมมมม
อะไรมันจะสั้นขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วค่อนข้างยาวเหมือนกัน
ฝากเป็นกำลังใจให้ยุคยินต่อไปด้วยค่า เจอกันตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 27-07-2018 21:29:44
รู้สึกเทาๆ แต่ดีที่ทุกอย่างเคลียร์ไปหมดแล้ว มีความสุขกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 27-07-2018 21:31:22
โถ ชยิน เด็กน้อย อุตสาจะช่วยยุคซะหน่อย
แต่ด้วยความเป้นคนดีของยุคนั้น โอียเป็นผชที่ดีมากอ่ะ
แบบนี้สินะชยินถึงได้รักยุคมากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-07-2018 21:49:24
ใครจะว่ายังไงไม่รู้ระแต่เรารู้สึกขอบคุณริวมากที่มาต่อยยุคให้ เพราะไม่งั้นยุคจะไม่รู้เลยว่าชยินเจ็บแค่ไหน และยุคก็จะเหมือนลอยตัวไม่โดนอะไรเลยซึ่งมันไม่ถูก หมอริวเข้ามาในตอนนี้เพื่อลงโทษยุคจริงๆ ตอนหน้าจะจบแล้วนี่รู้สึกว่าเร็วจัง แต่ถ้าตามเนื้อเรื่องก็คิดว่ามันก็ถึงเวลาแล้วแหละ ก็หวังว่าจะมีตอนพิเศษหวานๆให้ได้อ่านบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 27-07-2018 21:53:49
……


Happy Happy นะ คู่กันยุคยิน

ถ้าเธอพร้อม ฉันจะพร้อมไปด้วยกัน. อิ อิ


 :z2:  :z2:  :z2:   :z2:  :z2:  :z2:


……
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-07-2018 22:06:41
ทำดีกับชยินให้มาก ๆ รักชยินให้มาก ๆ แคร์เขากว่าใครทั้งหมดชดเชยที่เคยทำแย่ ๆ กับเขา ไม่งั้นเราจะเชียร์ริวถึงจะไม่มีหวังก็ตาม ชยินใจดีเลยให้อภัยคุณได้ แต่เราไม่
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-07-2018 22:56:32
 :hao3:


มันจะหน่วงๆ มันไม่เต็มร้อย มันต้องใช้เวลา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-07-2018 23:44:21
เง้ออออ จะจบแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 28-07-2018 00:33:53
งื้อออไม่จริงงตอนหน้าจะจบแล้วหรอคะ :ling2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 28-07-2018 00:44:31
ไม่คิดว่าริวจะมีสิทธิมาต่อยยุคฝ่ายเดียว
เพราะริวเองก็มีส่วนโกหกยุยงให้เหตุการณ์ในช่วงนั้นแย่ลง
ดีที่คำยุวันนี้ของริวไม่มีผลให้ชยินเกิดการระเบิดแตกหัก  คือถ้าชยินเผลอไปคล้อยตามย้อนหลังอีก ว่ายุคแคร์แฟนเก่ามากกว่าชยิน  จะเกิดแผลระหว่างสองคน แล้วบักริวจะถือโอกาสเข้ามา  นิยายก็จะไม่จบ(นะจ๊ะ)
ยุคจะแย่จะห่วยกับชยินยังไง   ก็ไม่ใช่เรื่องของริว ไม่งั้นเกิดมีคนมาชอบชยิน10คน  ยุคต้องถูกพวกที่มาชอบชยินทั้ง10คนต่อยเอาเหรอ  บ้าแล้วเอ็งไอ้ริว  ส่วนยุคก็ทำตัวเป็นพระเอกเกินไป
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 28-07-2018 01:12:31
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 28-07-2018 01:14:23
ง่ะ จะจบแล้ว  ขอตอนหวานๆ สักตอนนะพลีสสสสสสสสสสส  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 28-07-2018 01:16:59
อีตาริวที่แกโวยวายมาต่อยยุค ตัวแกเองก็ผิด พาชยินไปดูหนังทั้งที่รู้ว่าชยินนัดกับยุคไว้แล้ว พอเค้าผิดใจกัน แกก็ตามไปต่อว่ายุคที่คอนโดให้เลิกยุ่งกับชยินอีก !!!! โชว์เหนือว่าชยินเลือกแกแล้ว แกควรต่อยหน้าตัวแกเองมากกว่านะ :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-07-2018 02:19:40
จะจบแล้วเหรอ  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-07-2018 03:27:03
น่าจะส่งริวไปดูแลดรีมนะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 28-07-2018 03:36:07
เห้อม ความรักทำให้คนตาบอด
ชยินบอกว่าโอเค แต่เราว่าชยินยังเศร้าอยู่เลย สัมผัสได้ถึงความซึมเศร้าอบอวล
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-07-2018 06:03:02
นั่นไง จะว่าไม่คิดมากก็ไม่ได้ ชยินก็มีแผลที่ต้องรักษา
แต่ตอนนี้ก็เคลียร์แล้วเนาะ ทุกคนต้องมีชีวิตของตัวเอง

ใช้ชีวิตครอบครัวขนาดนี้ ตามติดขนาดนี้
ยุคอาการหนัก แต่พอเข้าใจได้ ก็คนมันรัก
และไม่อยากให้ชยินเจ็บซ้ำไปอีก

อ้าวว ที่ผ่านไปแล้ว ทำให้เจ็บ ไม่ประทับใจ ก็แก้ไขให้มันดีสิยุค
ถ้ายังกลัว แล้วเมื่อไหร่จะได้เริ่ม ทำแบบนี้ชยินยิ่งนอยด์นะ

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-07-2018 08:51:19
หาคู่ให้ริวด่วนนนน สงสารง่าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 28-07-2018 10:08:45
 :pig4: ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 28-07-2018 16:25:39
เคลียร์กันซะที... #แอบสงสารริว
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 28-07-2018 19:15:26
น่าเอ็็็็นดู
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่14 [21/07/61] *หน้า31
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-07-2018 20:54:20
รวดเดียวจบ......น้ำตาแตกได้เปงช่วงๆตลอดสิน้า กับนักแต่งคนนี้

#รออ่านต่อไปน้า ขออีกเยอะๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 28-07-2018 21:03:43
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 29-07-2018 00:10:28
พอกลับมาหวานแล้วก็ไม่อยากให้จบเลยยยยยยยยยยยยยย
กลับมาซบน้องยุคอีกครั้งงงงง
รักอ่ะรักกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-07-2018 01:07:19
ทุกอย่างเคลียร์แล้ว โล่ง~
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 29-07-2018 06:44:15
น้ำตาจะไหลกับการเคลียร์ของทุกเรื่อง ดรีมดีขึ้นที่รู้จักที่ๆ ควรอยู่
เราบุ้นกับชยินมากจริงๆ เหมือนกลัวแก้วบางๆ จะแตก
ริวคงต่อยแทนคนอ่านมั้ง กับความคิดน้อยของยุคตอนนั้น เอาให้แตก เอาให้ยับ สบายใจ
ที่ยุคยอมอดทนนี่เป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นความใส่ใจที่ดี

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-07-2018 05:56:34
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 30-07-2018 07:20:45
ชยินนี้น่าเอ็นดูและควรทะนุถนอมสุดอะ :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 30-07-2018 09:04:46
คุณจิตติ.. เรารอเทออยู่นะจ๊ะ..
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: stikkies_naja ที่ 31-07-2018 08:33:07
 :hao5:อาาาใกล้จบแล้วเหรอ เหมือนมันยังไม่ได้เคลียชัดในมุมยุคเลยอ่าาาา ในความรู้สึกเรานะ
แต่ก็เข้าใจได้ เพราะจิตติเลือกให้ชยินเป็นคนที่ตัดสินใจเลือกที่จะทิ้งความเจ็บปวด
เลือกที่จะเอาความดีที่ยุคทำให้ตัวเองมาตลอด และเลือกเอาความสบายใจและความรักที่
ชยินมีต่อยุคมาตัดสินให้เรื่องมันผ่านไป เพื่อจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข

จริงๆ ในชีวิตจริงคนเราควรทำแบบชยิน เพราะเราเห็นคนรอบตัวยังชอบเอาความผิดพลาดในอดีตของแฟน
มาย้ำคิดตอกย้ำแถมยังมาแดกดัน ทั้งที่อีกฝ่ายพยายามปรับตัว จนทำให้ปัจจุบันไม่มีความสุข
บางคู่ก็เลิกลา แล้วมานั่งบ่นว่าตอนนั้นถ้าอภัยให้กัน ปรับจูนกันใหม่ก็คงดี

การกระทำการแสดงออกหรือบทของยุคมันอาจไม่สุดในความรู้สึกของเรา
แต่เราก็เข้าใจในความคิดของชยินที่จิตติตั้งใจเขียนมานะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่15 [27/07/61] *หน้า33
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 31-07-2018 10:56:41
ริวเป็นตัวแทนของชาวเรา! ต่อยให้ยับเลยเฮีย แต่ .. น้องเจ็บไปกับยุคอ่ะ .
เหมือนยุคก็พยายามแก้ตัวนะ ดูแล ใกล้ชิด เป็นห่วงเป็นใย แต่มันเป็นผู้ชายที่ไม่พูดในสิ่งที่ควรพูด!

ส่วนชยินพอรู้ว่ารักก็เข้าโหมดยอมรับได้ทุกอย่าง แต่รอยแผลมันไม่ได้หายอ่ะ น้องแค่กลบมันไว้
ในพาร์ทนี้ที่ทำให้แผลมันตื้นขึ้นก็ทั้งความใส่ใจของยุคในหลาย ๆ เรื่อง แต่เมนน่าจะเป็นคุณแฟนเก่า
ที่โทรมา รวมถึงท่าทีของยุคที่คราวนี้วางตัวได้ดี(ยกนิ้วให้)

คงต้องให้แผนนั้นมันตื้นขึ้นมาอีกนิดนะ อย่าไปสร้างรอยใหม่
อีพระเอกที่เราหมั่นไส้สุดก็คงยกให้อีค่าย ถัดมาก็อียุคนี่แหละ
ตอนหน้าจบแล้วเหรอออ  *กระซิบ* เรารอ E-book นะคะ *จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 02-08-2018 21:26:20


ตอนที่ 16
Musician . Solitude . Novelist



   “หงุดหงิดอะไร”

   “คนเขียน No name ไม่ยอมมาต่อนิยายอ่ะ”

   “แล้วต้องทำหน้ายุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “บทกำลังจะพีคน่ะ คุณไม่เข้าใจหรอก” ผมบ่นกระปอดกระแปด นั่งเลื่อนจอมือถือเพื่อเช็กความเคลื่อนไหว สุดท้ายก็พบว่าคนเขียนคนนั้นไม่เคยมาต่อนิยายอีกเลย

   “ผมก็เป็นคนเขียนนิยายทำไมจะไม่เข้าใจ แต่ช่วยกินข้าวให้หมดก่อนได้มั้ยค่อยทำอย่างอื่น” บ่นเป็นพ่อกูเลยครับ ถามว่ากล้าท้าทายมั้ย พูดได้เต็มปากเลยว่า...ไม่!

   วางมือถือลงแล้วจ้วงข้าวใส่ปากนี่งานถนัด จะไม่เถียงให้เสียเวลา นึกถึงตอนทะเลาะกันทีไรมันเจ็บหัวใจทุกที เพราะไม่ง่ายเลยที่ผมจะผ่านแต่ละวันมาได้ ดังนั้นจึงต้องยอมหักยอมงอบ้างเพื่อชีวิตจะได้ดีขึ้น เห้อม

   “วันนี้ออกไปทำงานข้างนอกด้วยกันมั้ย” คนตรงหน้าเอ่ยถาม

   “อ่า...ผมคิดว่าไม่ พอดีเพลงเสร็จแล้วน่ะเลยอยากเอาไปอัดที่สตู”

   “ไม่เห็นคุณเคยบอกเลยว่าแต่งเสร็จแล้ว”

   “ก็บอกนี่ไง”

   “งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”

   “นั่งรถไฟฟ้าไปได้น่า”

   “เดี๋ยวผมไปส่ง”

   “มันจะรบกวนคุณเปล่าๆ”

   “เดี๋ยวผมไปส่ง” จบกัน เถียงสู้ไม่ได้ก็จำเป็นต้องล่าถอย

   เรากินอาหารเช้าตัวด้วยเสร็จ ยุคล้างจาน ผมเช็ดโต๊ะ สายๆ หน่อยเขายัดแล็ปท็อปใส่กระเป๋า จากนั้นก็พาผมไปส่งถึงค่ายเพลง ส่วนตัวเองก็ปลีกวิเวกไปทำงานที่คาเฟ่สักแห่งเหมือนที่มักทำประจำ

   “ลมอะไรหอบมาวะเนี่ย จริงๆ ส่งงานทางเมลก็ได้มึงจะได้ไม่เหนื่อย” โปรดิวเซอร์หน้าประจำที่ร่วมงานมาตั้งแต่ยังแบเบาะอย่างพี่เกมทักขึ้น ผมยิ้มให้เขา วางกระเป๋าลงแล้วถามหน้าอ้อนนิดหน่อยเผื่อแกจะได้เห็นใจ

   “คือพอดีจะมาขอใช้ห้องอัดหน่อยอ่ะครับ”

   “ห้องอัด? เดี๋ยวนะ มึงจะเอาดีทางด้านนักร้องแล้วเหรอ เฮ้ยดีเลยแม่งปั้นง่าย หน้าอย่างมึงนี่ไม่นานก็ดัง แฟนคลับตรึมจนซื้อบ้านซื้อรถได้ตั้งแต่ปีแรกแน่” เอ่อ...พูดไปนิดเดียวแกรัวมาเป็นกลองยาวเลยครับ

   “ผมไม่ได้จะเป็นนักร้อง แค่เอาเดโม่มาให้พี่ฟังแล้วขออัดเสียงให้มันดีขึ้นนิดหน่อย”

   “อ้าว อะไรยังไงกูงงไปหมด”

   “คือเพลงนี้ผมไม่ได้กะขายให้ค่ายน่ะ”

   “ไอ้น้องเวร มึงจะเอาไปให้ค่ายอื่นเหรอวะ”

   “ไม่ใช่นะพี่ คือ...ผมแต่งเพลงให้คนๆ นึง เลยอยากให้เป็นของขวัญน่ะ”

   “อ๋อ เก็ตละ งั้นมึงเอาเดโม่มาให้กูฟังหน่อย อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง” ผมยื่นแผ่นซีดีที่อัดเสียงเอาไว้คร่าวๆ ให้กับเขา พี่เกมรับไปเปิดฟังเงียบๆ ก่อนจะเงยหน้ามองผมด้วยท่าทางที่ดูแปลกไปเล็กน้อย

   “โคตรเพราะเลยชยิน กูว่าเพลงนี้ดังชัวร์ ขายให้ค่ายเถอะ สาบานได้ว่าผู้บริหารเคาะแน่ๆ บางทีอาจได้เรทที่มากกว่าค่าตัวปกติของมึงก็ได้” เจ้าตัวพูดตาเป็นประกาย แต่ใจผมนี่สิที่เริ่มห่อเหี่ยวลงเรื่อยๆ

   เป็นคนขี้ใจอ่อนด้วยไง โดนใครยุหน่อยล่ะใจเหลวทันที ยิ่งเอาเงินมาล่อยิ่งไม่ต้องพูดถึง ปกติติดสปีดสี่คูณร้อยตอบตกลงไปทันที ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนกัน...

   “ผมคิดเอาไว้แล้วว่าจะไม่ขายครับ”

   “เหอะน่า มึงก็ขายให้ด้วย แล้วก็ส่งไปเป็นของขวัญให้คนพิเศษของมึงด้วยไง”

   “ผมไม่อยากได้เงินครับ” ถึงช่วงนี้จะอดอยากปากแห้งไปบ้าง เชื่อว่าในอนาคตผมจะสามารถเขียนเพลงได้อีกเป็นสิบเป็นร้อยเพลงเพื่อหาเงินประทังชีวิต แต่เพลงๆ นี้มันจะเขียนอีกเป็นครั้งที่สองหรือสามไม่ได้แล้ว ต่อให้หาเพลงใหม่ที่ตั้งใจยังไงมันก็แทนกันไม่ได้อยู่ดี

   มันอยู่ที่ความรู้สึก ณ ขณะนั้นมากกว่า

   “โคตรดื้อเลยมึงอ่ะ ปกติไม่เป็นแบบนี้ ถามหน่อยมึงแต่งให้ใคร” พี่เกมถามอย่างสงสัย ผมเองก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับอะไรเลยบอกไปตรงๆ

   “ให้คนรักครับ”

   “อ่า ใช่คนที่ทำมึงอกหักจนหนีงานหนีการป่ะ หรือว่านี่คนใหม่”

   “เปล่าครับ เป็นคนเดียวกัน พอดีว่าเข้าใจผิดนิดหน่อยเรื่องมันเลยบานปลาย”

   “แฟนมึงคงจะดีใจเนาะ เอาเถอะในเมื่อไม่อยากขายก็เรื่องของมึง” เขาลุกจากเก้าอี้ทำงาน เดินไปหยิบกุญแจห้องอัดเสียงแล้วโยนมาให้อย่างไม่ถนอมนัก “รีบอัดรีบไป”

   “ผมต้องจ่ายค่าห้องเท่าไหร่”

   “ประสาทน่า งานนี้ไม่มีเก็บตังค์ ถือว่ากูช่วยเป็นค่าพยานรักให้มึงทั้งสองคนแล้วกัน”

   “หูยยยยยย โคตรใจว่ะ”

   “ใจขนาดนี้ก็ขายเพลงให้ค่ายเถอะ”

   “เอ่อะ!” กูไม่น่าพูดเลย ผมรีบเดินดุ่มๆ โดยไม่หันกลับไปมองด้านหลัง ไม่คิดเลยว่าจะถูกเรียกเอาไว้ซะก่อน

   “ชยิน”

   “คะ...ครับ” บอกตามตรงว่ากลัวโดยตื๊อให้ลำบากใจฉิบหาย

   “กูอยากให้มึงอัพโหลดเพลงนี้ลง Youtube ดู อย่างน้อยคนจะได้ฟังในสิ่งที่กูได้ยิน มันไม่ใช่ธุรกิจแต่เพลงดีๆ ก็สมควรให้คนอื่นได้ฟังบ้าง”

   “จะลองกลับไปคิดดูครับ”

   ผมใช้เวลาทั้งวันในการอัดเสียง เริ่มตั้งแต่เล่นกีตาร์ จากนั้นก็มาร้องซ้ำซากวนเวียนอยู่ในท่อนเดิมๆ จนกว่าจะพอใจ สุดท้ายเพลง ‘ไม่เคยลืมเลือน’ ก็จบลง

   ไม่มีมิวสิกวิดีโอ ไม่มีการเผยแพร่โฆษณาหรือโปรโมท มีแต่เสียงของผมและกีตาร์ที่อยากสื่อให้ใครคนหนึ่งได้ฟังเท่านั้น โรแมนติกป่ะ ชีวิตไม่เคยทำอย่างนี้ให้ใครเลยนะเว้ย

   นายศตวรรษควรภูมิในตัวผม

   ช่วงเย็นคนตัวสูงถ่อมารับที่หน้าตึก ผมขอบคุณพี่เกมเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่แกก็ยังหาเรื่องมาส่งผมถึงรถเพื่อจะได้ดูหน้าสารถีที่ขับรถมารับอย่างเต็มตา

   “ฮั่นแน่! ฮั่นแน่! กิ๊กกับนักเขียนทำไมไม่บอกกู” แม่งรู้จักไอ้ยุคด้วย จะบ้าตาย

   “พี่เลิกล้อเถอะน่า ผมกลับแล้วนะ”

   “ฮั่นแน่ เขินเหรอ”

   “โว้ย ไม่เถียงกับพี่แล้ว กลับล่ะ!” ว่าแล้วก็โบกมือหยอยๆ แล้วสับเท้าเข้าไปในรถซึ่งมีกลิ่นอายเดิมๆ ที่แสนคุ้นเคย ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองเสี้ยวหนึ่ง เขายื่นถุงขนมมาให้แล้วบอกอย่างใส่ใจ

   “กินซะ ดูเหมือนจะไม่ได้กินอะไรทั้งวัน”

   “คุณรู้ได้ไง” แม่งนั่งทางในมาเสือกกูแน่ๆ

   “มองตาก็รู้แล้วคุณ ไม่เคยจะดูแลตัวเองอ่ะ”

   “คุณกลับไปทำของกินอร่อยๆ ให้ผมกินที่ห้องหน่อยสิ” ผมพูดเป็นเสียงอ้อนๆ   

   “เด็กน้อยนี่มันเด็กน้อยจริงๆ แต่ก่อนกลับห้องผมต้องแวะไปที่นึงก่อน”

   “ที่ไหนอ่ะ”

   “เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”

   แล้วผมก็ได้คำตอบในที่สุดเมื่อเราทั้งคู่กำลังเดินเข้ามาในร้านหนังสือมือสอง เป็นร้านเก่าๆ ที่ไม่มีคนเลยนอกจากเจ้าของร้านที่ดูจะสูงอายุมากแล้ว หนังสือมากมายมหาศาลกองทับกันเป็นตั้งๆ ไปจนถึงเพดาน ผมอดทึ่งกับภาพที่เห็นไม่ได้เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่จะก้าวเข้ามาในร้านหนังสือมือสองแบบนี้

   “คุณอยากได้อะไร” ผมตั้งคำถาม

   “หนังสือ”

   จ้า ใช่แล้วจ้า มาร้านหนังสือมึงคงมาถามซื้อลาบหมูไปแดกอยู่หรอก

   “หนังสืออะไร”

   “ของมูราคามิ” ถึงกับต้องชะงักเท้า คว้ามือคนตรงหน้าเอาไว้จนเจ้าตัวต้องหันกลับมามอง

   “ที่ห้องเรามีแล้ว”

   “ยังไม่มี Hear the wind sing นั่นเป็นเล่มแรกของเขา และเป็นเล่มสุดท้ายของคุณในปีนี้” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมา พาเอาความรู้สึกอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาเนิ่นนานให้หวนกลับมาอีกครั้ง

   ความจริงผมแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่ายังขาดหนังสือเล่มสุดท้ายของมูราคามิ นับตั้งแต่วันที่บากหน้าไร้ยางอายไปขอเขาถึงหน้าห้องจนได้รับการปฏิเสธ ผมก็ไม่นึกถึงมันอีกเลยจนกระทั่งวันนี้

   “ความจริงถ้ามันหายากคุณไม่ต้องเหนื่อยหามาให้ผมก็ได้”

   เขาเดินไปตามกองหนังสือมากมายมหาศาล เอื้อมมือแตะไปตามสันเหล่านั้นพร้อมกับตอบเสียงเอื่อย

   “ทุกครั้งก่อนผมแวะไปที่ห้องคุณ ผมจะตามหาหนังสือเล่มที่อยากได้มาเก็บไว้ก่อน เคยคิดเหมือนกันว่าคุณจะชอบมั้ย แต่มันคงดีถ้าเราได้มาเลือกด้วยกันสักครั้ง”

   “ผมชอบหนังสือทุกเล่มที่คุณให้”

   “ทั้งที่บางเล่มยังอ่านไม่จบอ่ะนะ” คำพูดที่เจือไปด้วยเสียงหัวเราะผลักให้ผมเกาหัวแกรก

   “ก็อ่านจบเดี๋ยวคงชอบเอง”

   อีกฝ่ายคว้าข้อมือให้เดินตามไปในซอกหลืบของหนังสือนับพันเล่ม ดูเหมือนเขาจะรู้ว่างานเขียนของใครอยู่มุมไหน จากนั้นก็ดึงเอาหนังสือหน้าปกสีดำ abstract เล่มหนึ่งออกมา

   มันเขียนว่า ‘Hear the wind sing : Haruki Murakami’

   “ได้แล้วเด็กน้อย มันเป็นของคุณ” เขายื่นให้กับมือ ผมถือไว้ก่อนเดินซอกแซกออกไปยังชั้นหนังสือโดยที่เรายังจับมือกันอยู่

   “ทำไมคุณถึงต้องเลือกงานของมูราคามิให้ผม” ครั้งหนึ่งเราเคยคุยกันนานแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะความเหงาที่ทำให้เราตกหลุมรักในงานของใครสักคน

   “ความจริงคุณอาจจะรู้คำตอบดี”

   “ผมแค่อยากฟังความคิดเห็นจากคุณ”

   “งานของเขาแปลกประหลาด ใช้คำนี้น่าจะถูก แต่มันก็คืออัตลักษณ์ที่ใครคงไม่เหมือน ตัวเอกในเรื่องส่วนใหญ่จะเหงา ไม่เหงาก็โดดเดี่ยว เป็นคนธรรมดาที่อยู่ในโลกวุ่นวาย ส่วนนางเอกของทุกเรื่องก็ไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ ทุกคนต่างมีข้อบกพร่อง จริงๆ มันเหมือนกับคุณ”

   “แน่นอนสิ ผมนี่ไกลจากคำนี้มากเลย จนมากด้วย”

   “แต่ในความไม่เฟอร์เฟ็กต์ของทุกคนบนโลก ผมชอบคุณที่สุด”

   “...”

   “วันที่เจอกัน เราต่างเคยชินกันความเหงาด้วยกันทั้งคู่เลยไม่อยากหนีจากมันเหมือนคนอื่นๆ คุณมีความสุขในโลกของตัวเอง ผมก็เหมือนกัน เพียงแต่ว่าวันนั้นคุณแค่ทำให้ผมอยากหนีออกมาจากโลกที่เป็นอยู่แค่นั้นเอง”

   “นี่เป็นคำบอกรักป่ะ” ทำไมถึงรู้สึกว่ามันหวานเกินกว่าจะเป็นคำอธิบายเหตุผล

   “ถ้านี่เป็นคำบอกรัก คุณคงนับมันไม่ได้แล้วเพราะผมบอกคุณไปเยอะมาก”

   “...”

   “หน้าแดง”

   “เปล่า”

   “หิวหรือยัง กลับไปกินข้าวเถอะ”

   หนังสือถูกวางลงบนเคาน์เตอร์สีขาวเก่ากลางใหม่ ธนบัตรแบงค์ร้อยสองใบถูกวางลงบนโต๊ะ เรากลับเข้ามาในรถ ผมกอดหนังสือเล่มสุดท้ายที่ได้รับจากเขาเอาไว้แนบแน่น

   ขณะรถเคลื่อนตัวออกไป ผมจดจำทุกคำพูดของเขาจนสลักเอาไว้ในความรู้สึก

   เพราะเขา...ผมถึงทิ้งความกลัวทุกอย่างแล้ววิ่งออกมาจากโลกของตัวเอง เพื่อลองใช้ชีวิตในโลกของเขา ไม่ว่าสุขหรือเศร้า ผมในตอนนี้ก็ผูกพันกับโลกใบใหม่

   จนไม่อยากกลับไปในโลกเดิมๆ ที่เคยอยู่อีกแล้ว...










   ข่าวดีแรกของวันนี้คือผมสามารถอัดเพลงที่แต่งได้จนเสร็จภายในวันเดียว

   ข่าวดีที่สองคือการที่ยุคพาผมไปซื้อหนังสือเล่มสุดท้ายของมูราคามิที่ยังขาดไป

   และข่าวดีที่สาม...นิยายเรื่อง No name ที่เขียนโดย No name กลับมาอัพเดตอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานจนรู้สึกหงุดหงิด

   ใครบอกว่า 25 คือปีชงกัน ตอนนี้ผมมองเห็นความโชคดีหลังผ่านเรื่องแย่ๆ มาทั้งหมดแล้ว

   “ยิ้มอะไร” คนตัวสูงถามขึ้น เขายืนอยู่ตรงปลายเตียง มือข้างหนึ่งถือผ้าขนหนูพยายามเช็ดหัวตัวเองไปมา ขณะที่ผมอยู่ในชุดนอนและพร้อมหลับได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่ติดว่าคนเขียนคนนั้นไม่โผล่มาซะก่อน

   “No name มาต่อแล้ว เนี่ยเพิ่งเห็น เพราะอัพไปเมื่อชั่วโมงก่อน”

   “เดี๋ยวนี้ต้องจริงจังขนาดนั้น”

   “คนกำลังติดน่าคุณ เห็นเขาบอกว่าอีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว ใจหายเลย”

   “มีเรื่องใหม่มาแนะนำ คุณกระต่ายน้อย Lovely Bunny เห็นคร่าวๆ ว่าคุณใส่ชุดเมด โคตรน่าหยิกก้นเลย”

   “แม่ม...”

   คนกำลังอารมณ์ดียังมาหลอกให้กูโมโหอีกนะ ผมไม่ชอบที่ตัวเองทำอะไรน่าอายแบบนั้น ไม่ว่าจะท้องได้ เป็นกะหล่ำปลี ใส่ชุดเมด หรือทาสเซ็กซ์สุดสยิว อีกอย่างก็กลัวว่าคนอื่นจะติดภาพนั้นจนพาลให้ไม่อยากฟังเพลงที่ผมแต่งเข้าไปอีก

   “โอเคไม่กวนละ คุณอ่านนิยายให้มีความสุขเถอะ”

   “ยุค มานี่” เขาหันมามองผมแบบงงๆ “จะเช็ดผมให้ เดี๋ยวคุณไม่สบาย”

   “รู้สึกดีเลยที่คุณเห็นผมสำคัญกว่านิยายที่กำลังรออ่าน” กูล่ะอยากเบะปากใส่ ตัวละครในจินตนาการมันจะสู้ตัวจริงได้ไง ถึงแม้ไอ้ตัวจริงมันจะกวนตีนฉิบหายก็ตาม

   “มันสนุกมากเหรอโนเนมเนี่ย” กายสูงคลานขึ้นมาบนเตียง ผมเอื้อมมือไปรับผ้าขนหนูสีขาวพร้อมกับเริ่มต้นเช็ดผมอีกฝ่ายอย่างเบามือพลางตอบคำถาม

   “สนุกนะ เท่มากๆ ด้วย ไม่มีฉากเซ็กซ์เลย”

   “เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

   “รอจบก่อนผมถึงค่อยเล่า”

   “แล้วถ้าเขาไม่มาต่อจนจบล่ะ”

   “คุณก็อย่าพูดสิ เดี๋ยวแม่งก็เป็นจริงหรอก” ยิ่งกลัวๆ อยู่ด้วย “แถมคนในแท็กยุคยินก็ยังติดกันงอมแงม ถ้าคนเขียนหายไป รับรองว่าต้องมีการสืบหาตัวเพื่อจะไปบึ้มระเบิดถึงหน้าบ้านแน่”

   “หวังว่าเขาจะมาต่อจนจบแล้วกัน”

   “ยุค”

   “หืม...”

   “คืนนี้...คืนนี้ถ้ารู้สึกไม่ดีบอกผมนะ” มีเรื่องหนึ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวมาหลายวันและไม่เคยสลัดออกได้สักที ผมครุ่นคิดจนแทบเอาตีนก่ายหน้าผาก บางคืนหรือตอนเช้าเวลาที่ต้องเห็นเขาทรมานแล้วมันก็เลยรู้สึกไม่ดีไปด้วย

   ไอ้นี่มันหื่นกามครับ แค่เห็นหน้าผมแม่งก็บอกว่าเกิดอารมณ์ละ บ้าบอคอแตก

   และทุกคืนเราก็ผ่านไปแบบทุลักทุเล ไม่เขาหนีเข้าห้องน้ำ ก็กอดผมไว้แน่นจนกว่าจะหลับไป ผมไม่เคยช่วยเขาเลยสักครั้ง อาจเพราะเจ้าตัวเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมท่าเดียวเรื่องถึงได้จบลงแค่นั้น

   “ยังไง” เขาเงยหน้าถาม ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอนบนตักอย่างเนียนๆ

   “คือว่า...ผะ...ผมใช้มือเก่งมาก”

   “รู้ได้ไงว่าตัวเองเก่ง”

   “ไม่รู้ล่ะ บางทีอาจทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น”

   “แค่ได้นอนกอดคุณมันก็รู้สึกดีแล้ว” ไม่ใช่ของขึ้นหนักกว่าเดิมเหรอวะ

   “ตอนนั้นที่เราปล่อยให้มันเกิดขึ้น มันไม่ได้แย่ซะทีเดียว ผม...ผมไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แล้วคือจริงๆ ก็รู้สึกดีด้วย” จู่ๆ หน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่พูดประโยคแสนทะลึ่งตึงตัง อาจเพราะอยู่ด้วยกันสองคนด้วยล่ะมั้งถึงได้เอาความกล้าทั้งหมดที่มีออกมาใช้

   “เด็กน้อย คุณอาจต้องใช้เวลา”

   “ผมไม่เข้าใจ”

   “เราต่างยินยอมให้มันเกิดขึ้นก็จริง แต่ความรู้สึกของคุณตอนนั้นมันไม่ดีเท่าไหร่ แถมผมก็เป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณ ผมอยากให้เซ็กซ์ของเราเกิดจากความรักและความพร้อมของคุณจริงๆ ไม่อยากให้คุณฝังใจและเจ็บกับความรู้สึกในวันนั้นอีก”

   “ผมไม่เป็นไร”

   “แน่นอนคุณจะไม่เป็นไร แต่วันนี้ผมขอนอนหนุนตักคุณสักชั่วโมงได้มั้ย”

   “อือ”

   “คุณอ่านนิยายต่อได้” เขาบอกอีก

   “ได้เหรอ กลัวทำมือถือตกใส่ดั้งคุณ ครั้งก่อนก็เขียวเลย”

   “อ่านไปเถอะ ตกอีกเดี๋ยวด่าเอง” เป็นแบบนี้ประจำแหละครับ รอยถูกต่อยจากไอ้ริวหายไป รอยใหม่จากผมก็เพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อยๆ

   พูดถึงริวช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เจอมันเท่าไหร่ เห็นบอกว่าเรียนหนัก คนไข้เยอะ ความจริงแล้วอาจเป็นข้ออ้างเพื่อไม่ต้องเผชิญหน้ากัน ผมยังอยากเก็บความสัมพันธ์แบบเพื่อนของเราเอาไว้ ทิ้งระยะห่างที่พอเหมาะแต่ก็ไม่เคยหายไปไหน ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็คงจะดี

   ทว่าตอนนี้คงอยู่ในช่วงทำใจ คิดว่าอีกหน่อยอะไรๆ ก็คงจะดีขึ้น

   ถึงแม้เขาจะพยายามหลบหน้าผม แต่แปลกดีที่ยุคกลับได้เคลียร์ปัญหากับริวจนหมด แถมจบลงอย่างสวยงามตามประสาลูกผู้ชายใจนักเลง แต่ทำไมกูถึงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เคลียร์วะ

   “คุณ พรุ่งนี้ผมกลับไปที่ห้องได้มั้ย” ไม่ได้กลับมาเป็นอาทิตย์ กลัวว่าจะมีโจรบุกปล้น แม้รู้ดีว่าในนั้นจะไม่มีของมีค่าอะไรเลยก็ตาม

   “ได้ เดี๋ยวไปส่ง ตอนเย็นจะกลับมานอนนี่หรือให้ผมไปนอนที่โน่น”

   แหมมมมมม ไม่มีชอยส์ให้กูเลือกอยู่คนเดียวเลยนะ

   “ถ้าคุณไม่ขี้เกียจเก็บของก็ไปนอนห้องผมได้”

   “โอเคตกลงตามนั้น แต่ช่วงกลางวันผมเข้าออฟฟิศแป๊บนึง มีเรื่องคุยกับ บ.ก.”

   “ผมก็มีเรื่องต้องจัดการเหมือนกัน”

   ช่วงเช้าไอ้คุณยุคยังทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่แสนดีด้วยการทำกับข้าว ส่วนผมมีหน้าที่หนักหนาสาหัสที่มักได้รับมอบหมายในทุกเช้านั่นคือการเทนมใส่แก้ว คิดแล้วก็จะร้อง มึงเห็นกูอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอวะ

   เขาขับรถมาส่งผมที่คอนโดก่อนจะแยกไปทำงาน ส่วนกูนั้นรีบวิ่งจ้ำเอ้าขึ้นห้อง เปิดคอมด้วยความไวแสง แล้วจัดการอัพโหลดไฟล์ที่อัดเสียงเรียบร้อยลงบนเครื่อง

   ใช้เวลาคิดมานานพอสมควรระหว่างที่แต่งเพลง ‘ไม่เคยลืมเลือน’ ว่าจะตัดสินใจมอบเพลงนี้ให้อีกฝ่ายตอนไหน และยิ่งปวดหัวหนักขึ้นเป็นเท่าตัวตอนถูกพี่เกมโปรดิวเซอร์สปอยด์ให้อัพโหลดเพลงลงยูทูบ

   เมื่อคืนนี้เลยนอนพลิกไปพลิกมาและใช้ความคิดอยู่นาน สุดท้ายผมตัดสินใจจะลงเพลงให้คนได้ฟัง แล้วทิ้งลิงก์เพลงเอาไว้ให้คุณชายศตวรรษตามไปร้องไห้น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งทีหลัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะซึ้งหรือเปล่านะ เกิดทำหน้าตายกลับมาก็จบเห่กันพอดี

   เนื่องจากเป็นห้องของฟรีแลนซ์จนๆ สายแลนทุกตัดขาด ไวไฟก็กากเป็นชีวิตจิตใจ เพราะฉะนั้นเพลงเดียวที่อัพโหลดลงไปจึงใช้เวลาปาไปเกือบห้าชั่วโมงทั้งที่ไม่มีวิดีโอหรือขนาดไฟล์ที่กินพื้นที่อะไรขนาดนั้นเลย ผมใช้ยูสเซอร์ ‘ChayinOfficial’ เป็นตัวกลางในการสื่อสาร

   ตั้งแต่สมัครและล็อกอินเข้ามาใช้ ผมก็ไม่ได้ลงไฟล์เพลงเป็นจริงเป็นจังสักครั้ง อาจเพราะแต่งเพลงให้คนอื่นเป็นซะส่วนใหญ่ เพลงเดี่ยวก็ไม่เคยมีมันจึงมีคนติดตามไม่มากนักถ้าเทียบกับแฟนเพจในเฟซบุ๊ก

   ผมมองดูคำบรรยายข้างใต้วิดีโออยู่เนิ่นนาน



   ChayinOfficial
   Song : ไม่เคยลืมเลือน
   Artist : Chayin (ชยิน)
   To : คนที่ทำให้โลกของผมไม่เหงาอีกต่อไป (0832/676)




   ยี่สิบนาทีหลังเพลงอัพโหลดเป็นสาธารณะ ผมก็ไม่ได้โปรโมทหรือวางลิงก์เพลงไว้ในแฟนเพจให้ใครตามไปดู เพราะหวังให้คนเข้ามาฟังให้น้อยที่สุดก่อนที่ใครคนนั้นจะเปิดเข้ามา

   ทว่าแผนการกลับคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ตรงที่คน Subscribe ชาแนลของผมเป็นฝ่ายนำเพลงไปแชร์ซะเอง รู้ตัวอีกทีคนก็เข้ามาฟังเป็นพันแล้ว แถมคอมเมนต์ยังหลั่งไหลเข้ามาแบบล้นหลาม



   ‘โคตรชอบ’
   ‘เจ๋งฉิบหาย รู้สึกว่าไม่ได้ฟังเพลงที่โดนขนาดนี้มานานแล้ว’
   ‘พี่ชยินที่แต่งเพลงรักที่เธอเคยมีหรือเปล่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่แต่งเพลงรักได้ซึ้งขนาดนี้’
   ‘เดอะนิวชยิน’
   ‘มีใครคนหนึ่งเคยบอกว่า เราไม่มีทางลืมคนที่รักเราไปได้แม้สุดท้ายเราจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ก็ตาม’
   ‘โมโลดี้โคตรสวย ฟังแล้วอิน’
   ‘A little bliss แม่งหนาวแล้ว เจอคนจริง’




   และอีกหลากหลายข้อความที่ปรากฏขึ้นเป็นวินาที ผมยิ้มจนแก้มแทบแตก ลืมหมดแล้วว่าอยากเซอร์ไพรส์ใครแถมตอนนี้ยังตอบคอมเมนต์ขอบคุณจนตัวแทบลอย

   หรือผมคิดผิดที่ไม่ขายเพลงนี้ให้ค่ายวะเนี่ย

   ไม่ดิ! ถ้าไอ้ยุครู้ว่าผมคิดแบบนี้กูโดนตีตายแน่เลย

   ข้อความที่ตอบกลับส่วนใหญ่ก็จะเป็นอะไรที่สั้นๆ กระชับเช่นประโยค ‘ขอบคุณมากครับ’ หรือ ‘ดีใจที่ชอบนะ’ อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าข้อความไหนโดนใจหน่อยก็กดถูกใจเพิ่มเข้าไป จนตอนนี้ระบบยูทูบก็ค่อยๆ คัดคอมเมนต์ที่มีคนกดถูกใจมากที่สุดขึ้นมาเป็นความเห็นด้านบนสุด

   สองชั่วโมงให้หลัง Top comment กลายเป็นของวง A little bliss ที่เข้ามาแสดงความยินดี

   

   ‘ชยิน แต่งเพลงแบบนี้ให้วงบ้าง ดีที่สุดในโลก
   ป.ล. แอบอิจฉาใครคนนั้นนะ เขาได้ฟังเพลงหรือยัง’




   ผมตอบกลับสั้นๆ



   ‘ยังเลย เขาคงกำลังทำงานอยู่’



   ห้าชั่วโมงแรกยอดคนดูมากกว่าหนึ่งหมื่นซึ่งเกินความคาดหมายไปเยอะมาก จากที่คิดว่าอาจจะมีคนหลงมาฟังสักร้อยหรือสองร้อยคน แต่การแชร์และกระจายข่าวสารมันโหดกว่านั้น

   ด้วยจมอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ค่อนข้างนานทำให้กระเพาะเริ่มส่งเสียงร้อง ผมพักสายตาครู่หนึ่ง เดินไปยังตู้เย็นเพื่อหาอะไรง่ายๆ มากิน พร้อมกับอ่านข้อความที่ยังคงฝุดขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งข้อความของใครคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า

   หัวใจที่เต้นรัวด้วยความสุขมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

   ผมมองอยู่นาน ขยี้ตาหลายครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ความฝัน



   0 8 3 2 / 6 7 6
   ตั้งแต่มีคุณผมก็ไม่เคยเหงาเหมือนกัน

   

   เป็นข้อความสั้นๆ ที่ไม่ได้หวาน ไม่โรแมนติก แต่รับรู้ได้ถึงความเรียบง่ายและจริงใจของเขา เป็นศตวรรษคนเดิมที่ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ภาพจำของเขาสำหรับผม ‘ไม่เคยลืมเลือน’ …

   










    เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน คนเขียนนิยายเรื่อง No name หายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทิ้งความสงสัยให้คนอ่านเอาไว้เพราะไม่ยอมมาต่อตอนสุดท้ายที่เป็นบทสรุปของตัวละครสักที

   ส่วนงานของผมตอนนี้มีคนกดเข้าไปฟังเพลงในยูทูบเกินสิบล้านแบบงงๆ ท็อปคอมเมนต์ที่มีคนกดถูกใจและแสดงความเห็นเพิ่มเติมมากที่สุดก็ยังคงเป็นของนาย 0832/676 ที่โผล่มาทีเล่นเอาแจ้งเตือนผมแทบแตก

   หลายค่ายยังพยายามติดต่อขอซื้อเพลงจนต้องปฏิเสธไปอย่างละมุนละม่อม

   บอกเลยว่าเงินซื้อผมไม่ได้หรอกถ้าไม่มากพอ นี่คิดว่าค่ายต่อไปถ้าจ่ายหนักหน่อยผมก็ขายแล้วนะ

   อ่ะล้อเล่น!

   ที่พีคสุดคือไม่เคยลืมเลือนดันขึ้นไปติดชาร์ตอันดับหนึ่งแฟตเรดิโอติดต่อกันถึงสองสัปดาห์แล้ว ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมายกับเพลงหนึ่งเพลงที่ตั้งใจแต่งให้คนที่รักที่สุด แถมประเด็นใหญ่ยังตกไปอยู่ที่ ‘ผมแต่งเพลงให้ใคร’ ซะนี่

   ทุกข้อความที่ถามเข้ามาในแฟนเพจล้วนเป็นคำถามซ้ำๆ เดิมๆ จนขี้เกียจตอบ ความจริงก็ไม่ได้อยากเล่นตัวอะไรหรอก แต่ผมกับยุคตกลงกันไว้แล้วว่าอยากใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องรู้จักตัวตนของเราให้มาก ซึ่งผมเห็นด้วยเพราะใช่ว่าชื่อเสียงจะทำให้เรารักกันยาวนาน

   Rrr..!

   ช่วงนี้มีสายเข้ามาบ่อยจนแทบไหม้ ส่วนใหญ่ก็มาจากโปรดิวเซอร์และพี่ๆ ที่เคยร่วมงานกัน ไอ้ชยินช่วงนี้เนื้อหอมมากครับ ใครๆ ก็อยากจีบ ผมก็เลยคอนเฟิร์มรับงานแม่งให้หมดเนื่องจากกระเป๋าสตางค์แบนมาหลายเดือนแล้ว

   ทว่าคราวนี้ไม่ได้มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนทุกครา เพราะชื่อที่เด่นหราอยู่บนหน้าจอเป็นชื่อเพื่อนสนิทซึ่งอยู่ไกลถึงอีกซีกโลกหนึ่ง ซูปเปอร์เนิร์ด…เมพเบิร์ดของชยิน

   “ว่าไง”

   [ช่วงนี้ดังแล้วลืมเพื่อนเลยนะมึง] ดูมันพูดเข้า ได้ข่าวว่าเพิ่งคุยกันไปเมื่อสามวันก่อน

   “ต่อไปมึงให้กูทำไวนิลเป็นหน้ามึงติดไว้ตรงประตูเลยมั้ย ถ้าไม่อยากให้ลืมขนาดนั้น” ผมพูดเป็นเชิงประชดประชัน กระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะขบขันตอบกลับมา

   [ตั้งแต่มีผัวนี่ขี้ประชดจังนะ]

   “มึงนั่งเครื่องมาเลย กูจะไปต่อยมึงถึงสุวรรณภูมิเดี๋ยวนี้แหละ”

   [โถ...คิดถึงกันก็บอก อยากให้กูกลับมาล่ะสิ] นอกจากขี้เสือกแล้วมันยังหลงตัวเองอีกครับ

   “เอาที่สบายใจนะ สรุปแล้วโทรมามีไร หรือจะแค่หาเรื่อง”

   [ก็ที่เคยบอกมึงไปเมื่ออาทิตย์ก่อนไง กูส่งแผ่นโปรแกรม MSN ฉบับปรับปรุงมาให้ สรุปมึงได้ยัง] ผมหันไปมองกองพัสดุมากมายมหาศาลที่วางอยู่บนเตียงพลางถอนหายใจ

   “คิดว่าน่าจะถึงแล้วล่ะ แต่ช่วงนี้กูแค่ไม่ได้ทยอยเอามาเช็ก”

   [ฮอตอะไรปานนั้น]

   “ชีวิตดีก็เงี้ยะ”

   ตั้งแต่เพลงไม่เคยลืมเลือนเริ่มเป็นกระแส ผมก็ได้รับพัสดุจากแฟนเพลงมาค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นของที่มาเป็นคู่ เช่นเสื้อคู่ บัตรแดกหมูกระทะฟรี หรือแม้กระทั่งเซ็กซ์ทอยแม่งก็ยังส่งมาให้ ถามจริ๊ง! คิดว่ากูจะใช้เหรอ แม่ม!

   [ลืมบอกไปอย่าง โปรแกรมนี้หลังจากลงแล้วจะอยู่ได้แค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นนะ]

   “ทำไมมันสั้นจังหวะ นี่เหรอฉบับปรับปรุงของมึง”

   [เออน่ะ มันสร้างมาเพื่อมึงก็แล้วกัน แล้วตอนนี้อยู่ไหนเนี่ย] ปลายสายถามกลับ

   “ห้อง”

   [ห้องใคร]

   “ห้องตัวเอง”

   [อ้าวแล้วไอ้คุณยุคอ่ะ ไม่อยู่ด้วยเหรอ แปลกว่ะ] คำว่าแปลกที่ไอ้เบิร์ดพูดถึงมันก็จริง คือปกติแล้วเวลาเกือบเที่ยงคืนอย่างนี้เราจะอยู่ด้วยกันตลอด หากแต่วันนี้แตกต่างออกไปตรงที่ยุคขอตัวไปนอนออฟฟิศในรอบหลายปี เห็นบอกว่ามีงานเร่งจากโรงพิมพ์นิดหน่อยเลยต้องอยู่เฝ้า

   ผมก็เลยเออออห่อหมกรับฟังแล้วกลับมานอนที่ห้องนี่แหละ

   “ยุคไม่อยู่ ติดงาน”

   [อ๋อ นึกว่าทะเลาะกัน จะได้เปิดแชมเปญฉลอง]

   “ตบปากตามอายุตัวเองเดี๋ยวนี้เลย”

   [กลัวอะไรขนาดนั้น ฮ่าๆ หลงเขามากนะมึง]

   “มันต่างหากที่หลงกู โด่...” วันไหนไม่ได้กอด ไม่ได้จูบ ไม่ได้กัดคอเป็นหมาบ้าคงนอนไม่หลับ ไม่รู้วันนี้จะเป็นยังไงบ้าง แอบห่วงเหมือนกันกลัวว่ามันจะนอนไม่สบาย

    [เอาล่ะ กูไม่อยากเถียงมึง เมียแม่งตามไปกินข้าวเที่ยงแล้วเนี่ย ยังไงอย่าลืมค้นโปรแกรมกูมาใช้ด้วยนะ รับรองว่ามึงจะชอบฉบับปรับปรุงอันนี้แน่]

   “เออๆ กินข้าวให้อิ่ม”

   [มึงก็ฝันดีนะเว้ย ไว้คุยกันใหม่]

   เวลาและความห่างไกลไม่ใช่อุปสรรคสำหรับผมกับเบิร์ด เราคุยกันแบบนี้ประจำ แล้ววันนี้หลังวางสายผมก็มีภารกิจอันยิ่งใหญ่นั่นคือการควานหากล่องพัสดุที่ส่งตรงจากอเมริกา ท่ามกลางกล่องพัสดุนับสิบที่กองอยู่บนเตียง

   แน่นอนว่านั่งเขี่ยไปเขี่ยมาไม่ถึงห้านาทีผมก็เจอจนได้

   ในกล่องไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าแผ่นโปรแกรมในตลับใส่หนึ่งแผ่น กับข้อความที่แปะผ่านโพสต์อิทสั้นๆ


   To…Ma best friend, Chayin


อ่านต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: Jittirain12 ที่ 02-08-2018 21:32:30


   ผมหยิบกระดาษแผ่นสีเหลืองไปแปะตรงหัวเตียง จากนั้นก็ดึงแผ่นโปรแกรมออกมาใส่ตรงช่องของ CPU ก่อนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะปรากฏข้อความเดิมๆ ที่ทำให้ผมหวนนึกถึงอีกครั้ง

   Welcome back to Windows live messenger.

   โปรแกรมฉบับปรับปรุงนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนัก นอกจากพื้นหลังที่เปลี่ยนสีไปมา กับเพลง Will you marry me? ซึ่งถูกเล่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

   อะไรของเมิ๊งงงงงงงงง ให้กูเล่นกับใคร พูด!

   คอนแท็กที่ผมมีในตอนนี้ล้วนออฟไลน์ไปแล้วทั้งสิ้น แหงล่ะ...ไม่มีใครเล่น MSN อีกแล้ว ที่สำคัญผมก็ไม่รู้ด้วยว่าไอ้เบิร์ดได้ส่งโปรแกรมนี้ไปให้ใครอีกบ้าง

   แต่ในเมื่อเปิดขึ้นมาแล้วเลยอดอ่านข้อความเดิมๆ ที่เคยพูดคุยกับคนในอดีตไม่ได้ ทุกข้อความที่อ่านพาผมย้อนกลับไปในความทรงจำอีกครั้ง ตั้งแต่สมัย ม.ต้น หลังเลิกเรียนต้องวิ่งกลับมาเปิดคอมพ์พร้อมกับแชตไปหาเพื่อนสนิททั้งที่เราเพิ่งแยกจากกันไม่ถึงชั่วโมง

   ช่วงเวลาที่ผมได้จีบสาวและมีแฟนคนแรก ผมจำหน้าโมเมไม่ได้แล้ว แต่ยังจำความรู้สึกตอนอกหักได้เป็นอย่างดี เธอเลิกกับผมเพราะหนีไปคบกับเดือนดาวองก์ ฮ่าๆ

   เดี๋ยวนะ!

   คุ้นๆ เหมือนมีอะไรทะแม่งๆ เกิดขึ้น

   ผมใช้เวลาอ่านข้อความที่เคยสนทนากับแฟนเก่าอีกครั้ง กวาดตามองย้ำๆ อยู่อย่างนั้นหลายตลบก่อนจะกดเข้าไปยังยูสเซอร์หนึ่งซึ่งกำลังออฟไลน์อยู่

   0 8 3 2 / 6 7 6

   หมีใหญ่...

   มันเป็นไปได้ยากมากที่คนไม่รู้จักกันจะมีอีเมลของกันและกัน หมายความว่าผมต้องได้คอนแท็กของเขาจากใครคนหนึ่งเพื่อสืบหาคนที่เป็นมารหัวใจระหว่างผมกับโมเม ไม่ผิดแน่!

   สมมติถ้าเป็นจริงขึ้นมากูควรรู้สึกยังไง อดีตแฟนเก่าดันเคยคบหากับแฟนคนปัจจุบันของผมมาก่อน   

   กูร้องไห้แล้ววววววว ขอให้ไม่จริงนะ

   เดือนดาวองก์มีตั้งหลายปี อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนอื่น ยุบหนอ พองหนอ ใจเย็นๆ นะชยิน

   ผมนั่งปลอบใจตัวเองอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์

   เนิ่นนานที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นเลยหนีไปหาของกินมื้อดึกเพื่อบำรุงกระเพาะ ก่อนแว๊บไปอาบน้ำให้สดชื่น กลับมาอีกทีหน้าจอที่เปิดโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นเอาไว้ก็มีผู้ใช้รายหนึ่งกำลังขึ้นสถานะ Available อยู่

   Mr.galaxy676@xxxmail.com

   ผมยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นชื่ออีเมลนี้อีกครั้ง นานมาแล้วที่บทสนทนาของเรายังต่อไม่จบ หลังได้อ่านประโยคบอกรักแล้วโปรแกรมก็หมดอายุไป คราวนี้มันอยู่ได้แค่ 24 ชั่วโมง แต่ผมดีใจจริงๆ ที่เขาคือหนึ่งในนั้นที่กลับมาออนไลน์

   0832/676 หมีใหญ่ คัลลิสโต ศตวรรษ

   ไม่ว่าจะชื่ออะไรผมก็ยังตกหลุมรักแค่เขา ตกหลุมรักตัวตนของคนเพียงคนเดียว

   

   Chayin says…      ไหนบอกว่าทำงานไง ทำไมถึงมาเล่นเอ็มได้



   สองมือพิมพ์ข้อความเริ่มต้นทักทาย ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาเมื่อเขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว



   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   เบิร์ดบอกให้เล่น
   Chayin says…      แล้วคุณก็เชื่อมัน
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ทีคุณยังเชื่อเลย ว่าผมได้เหรอ



   กวนตีนละพ่อ ถ้าอยู่ด้วยกันตรงนี้กูจะถีบเปรี้ยงให้ตกเก้าอี้



   Chayin says…      หมีใหญ่ ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมผมถึงมีคอนแท็กคุณใน MSN
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   จะไปรู้เหรอ
    Chayin says…      เดี๋ยวถามก่อน ที่คุณเคยบอกว่าเคยมีแฟนตอนมัธยมคนนึง คนนั้นชื่ออะไรนะ
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ถามทำไม
   Chayin says…      ถามก็ตอบสิ
    0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ชื่อโมเม



   เหยดดดดดดดดดดเข้!!!



   Chayin says…      นั่นแฟนผม คุณแย่งแฟนผม!
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   เดี๋ยวนะชยินใจเย็นๆ
    Chayin says…      คุณเป็นเดือนดาวองก์ที่แย่งโมเมไปจากผม คุณทำให้ผมอกหัก
   Chayin says…      ต้องใช่แน่ๆ ที่ผมมีเมลคุณเพราะต้องการจะสืบว่าใครมาแย่งโมเมไป
   Chayin says…      หมีใหญ่คุณมันคนนิสัยไม่ดี กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ผมจะต่อยให้ตายคามือ



   ข้อความมากมายมหาศาลถูกพิมพ์ระรัวจนแป้นพิมพ์แทบหัก ความรู้สึกเดิมๆ ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ไม่ใช่เพราะโกรธหรือเสียใจ แต่มันอึ้งจนเสียสติไปแล้วต่างหาก

   ตรงข้ามกับอีกฝ่ายที่เงียบไปนาน ปล่อยให้ผมได้โวยวายจนพอใจเขาถึงตอบกลับมา



   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   เหนื่อยหรือยังเด็กน้อย
   Chayin says…      อยากด่าอีก อย่าด่าเยอะๆ คุณทำให้ผมป่วยเพราะมัวแต่ร้องไห้แล้วตากฝน
   Chayin says…      แม่ตีผมแรงมากก็เพราะคุณ
    0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ผมไม่รู้ว่าทำให้คุณเสียใจ ขอโทษนะ
   Chayin says…      ไม่ต้องมาทำเป็นคนดี โกรธอ่ะ โกรธ!!
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   มองอีกแง่นึงมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   คุณเคยเจ็บปวดเพราะความรัก ผมเองก็เคยผิดหวังไม่ต่างกัน
   0 8 3 2 / 6 7 6 say…   เราผ่านอะไรมาเยอะกว่าจะได้รักกัน จริงๆ คุณควรขอบคุณอดีตที่ผ่านมาด้วยซ้ำ



   นั่งเอนตัวไปบนพนักเก้าอี้ จ้องมองตัวอักษรยาวพรืดที่พิมพ์กลับมาไม่นาน

   ในใจเริ่มสงบลงทีละน้อย หัวสมองเริ่มคิดถึงสิ่งต่างๆ ตามความคิดของเขา พอนึกย้อนไปตอนสมัยเด็กแล้วอดขำไม่ได้ ผมในตอนนั้นมีความรักเพราะอิจฉาที่คนอื่นเขามีเลยอยากมีตามบ้าง นั่นจึงเป็นความรักที่เกิดขึ้นเพียงผิวเผิน

   ต่อให้ร้องไห้เสียใจและเจ็บปวดแค่ไหน ตอนนี้ได้มองย้อนกลับไปมันช่างเล็กน้อยจนไม่ต้องเก็บมาใส่ใจด้วยซ้ำ เวลานี้ผมโตขึ้น เป็นชยินที่ไม่เหมือนวันก่อน มีความรัก ได้เริ่มต้นกับใครสักคนอย่างที่อยากเริ่มจริงๆ โดยไม่มีสังคมหรือปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง

   ผมไม่ควรคิดโมโหกับอดีตที่ผ่านมาแล้วด้วยซ้ำนอกจากเรียนรู้ ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ

   

   Chayin says…      โอเคผมโง่เองที่ด่าคุณ
    0 8 3 2 / 6 7 6 say…   ปกติคุณก็โง่อยู่แล้วหนิเด็กน้อย

   

   สัด!



   Chayin says…      ออกจากโรงพิมพ์เดี๋ยวนี้เลย จะเตรียมไม้หน้าสามรอฟาดอยู่ที่ห้อง
    0 8 3 2 / 6 7 6 say…   (ΘεΘ;)



   วอนตีนเก่ง

   หลังจากนั้นผมก็พิมพ์ข้อความกับเขาไปอีกยืดยาว ไม่คิดเลยว่าจะเจอเซอร์ไพรส์จากไอ้เบิร์ดที่เสือกฝังโค้ดส้นตีนอะไรไม่รู้มากับแผ่น

   หน้าต่างใหม่เปิดขึ้นมา มันเป็นวิดีโอหนังโป๊เกย์จาก Pornhub นับสิบเรื่อง ผมช็อกจนแทบตกเก้าอี้ แต่ที่น่าโมโหกว่าคือไอ้หมีใหญ่ดันกดเปิดแล้วส่งลิงก์มาให้กูดูด้วยนี่แหละ

   ผมอาละวาดไปเกือบชั่วโมง โทรไปด่าไอ้เบิร์ดอีกยาวเหยียดจนมันต้องยื่นมือถือให้เมียช่วยพูดแทนเรื่องถึงได้จบ ข้อดีอย่างเดียวที่ได้จากแผ่น MSN ในครั้งนี้ คงมีแค่การเติมเต็มความค้างคาใจในอดีตจนหมด ก่อนที่โปรแกรมจะหมดอายุลงในวันพรุ่งนี้

   ไม่มีคำถาม ไม่มีข้อสงสัย แม้แต่คำบอกรักในอดีตวันนั้นก็กระจ่างจนหมดแล้ว

   ผมปิดคอมพิวเตอร์ กระโดดขึ้นเตียงแล้วกอดหมอนข้างหลับไปด้วยความรู้สึกคิดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ผมไม่สามารถฝืนความง่วงงุนได้จริงๆ

   ใครจะคิดว่าหลังจากตื่นขึ้นมา ผมจะเห็นคนตัวสูงทำอาหารเช้ารอไว้ก่อนแล้ว

   “มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ความสงสัยจู่โจมฉับพลัน ดูเหมือนว่ายุคจะยังอยู่ในเสื้อผ้าตัวเดิมกับที่เจอเมื่อวาน เดาได้ว่านอกจากจะไม่ได้นอนแล้วคงไม่ได้อาบน้ำด้วย

   “ก่อนหน้าคุณตื่นชั่วโมงกว่าๆ”

   “ยังไม่ได้นอนใช่มั้ย เดี๋ยวกินข้าวแล้วค่อยอาบน้ำนอนนะ”

   “งั้นเราอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วค่อยออกมากินข้าว” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ไม่ได้คิดเลยว่าอาบน้ำของเขาจะหมายถึงการอาบพร้อมกัน ไอ้บ้า!

   หายทะลึ่งไปนานแม่งกลับมาหื่นอีกแล้ว

   กว่าจะพาสังขารระโหยแรงแรงออกมากินข้าวได้ตัวผมก็เกือบเปื่อยไปหมดเพราะแช่น้ำอยู่นาน ไม่รู้จะขัดอะไรนักหนา ดังนั้นหลังกลับมานั่งประจำที่โต๊ะกินข้าวผมเลยทำหน้างอคอหักตลอดเวลา

   “กินข้าว ทำหน้างอแบบนี้ไม่น่ารักเลย” เขาพูดไปตักข้าวใส่ปากไป

   “ใครอยากน่ารักกัน”

   “นี่ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ แค่ช่วยอาบน้ำ”

   “ต่อไปไม่ต้อง!”

   เราไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งก็จริง แต่ไอ้เรื่องถึงเนื้อถึงตัวภายนอกนี่ไม่เหลือ ผิวหนังไม่มีส่วนไหนไม่แดงเถือกจากการสัมผัส ถ้าไอ้ท็อปมาเห็นอีกคงโดนมันล้อไปทั้งวัน

   “หรือคุณอยากให้ทำอย่างอื่น”

   “คุณไม่ทำหรอก” พูดออกไปด้วยความมั่นใจ

   “บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ผมกล้าทำอะไรบางอย่างแล้วก็ได้”

   “อืมๆ”

   รับฟังไปงั้นแหละ ไม่ใส่ใจหรอกว่าเขาหมายถึงอะไรเพราะโง่เกินกว่าจะเข้าใจ เราต่างกินข้าวกันเงียบๆ ก่อนคนตัวสูงจะเอ่ยถามในเรื่องที่ไม่คาดว่าจะได้ยิน

   “คุณยังรอนิยายเรื่องนั้นจบอยู่มั้ย”

   “หมายถึงเรื่องไหน”

   “เห็นอ่านอยู่เรื่องเดียว”

   “อืม เขาไม่มาต่อ และผมคิดว่าเขาคงไม่มาแล้วล่ะ”

   หนังสือเล่มหนึ่งถูกวางไว้บนโต๊ะ ก่อนมือหนาจะออกแรงดันมันมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม หัวใจที่เคยเต้นอย่างสงบรัวกระหน่ำ เอาแต่จดจ้องมองใบหน้าหล่อเหลากับหนังสือที่มีชื่อ No name ปรากฏอยู่ไปมา

   “คุณ...”

   “อยากให้คุณได้อ่านตอนจบก่อนใคร”

   “คุณเขียนเหรอ”

   คราวนี้เจ้าตัวไม่ยอมตอบนอกจากเบี่ยงประเด็น

   “ลองอ่านดูสิ บทสุดท้ายที่คุณยังไม่ได้อ่าน” ด้วยความที่วันนี้เขาสวมเสื้อแขนยาวเลยไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งวินาทีที่อีกฝ่ายเอื้อมมือมา ผมถึงได้เห็นรอยสักบาร์โค้ดที่เคยสักไว้ก่อนหน้ามีตัวเลขและตัวอักษรสมบูรณ์แล้ว

   มันคือข้อความ A C 1 1 8

   รหัสเดียวกับนักล่าค่าหัว ซึ่งก็คือผมที่เป็นตัวละครในเรื่อง

   “ยุค”

   “ลองอ่านก่อน” ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร้องไห้ เปิดหนังสือไปยังบทสุดท้ายทั้งที่สายตาเต็มไปด้วยม่านน้ำจนมองไม่ชัด มือหนาเอื้อมมาเกลี่ยน้ำตาให้พร้อมกับปลอบอย่างอ่อนโยน

   “ทำไมเด็กน้อยขี้แย”

   “ผมเปล่านะ”

   No name ที่เขียนโดย No name จริงๆ แล้วไม่ใช่คนห่างไกลที่ไหน แต่กลับเป็นคนที่ล้มตัวลงนอนบนเตียงและบอกฝันดีทุกคืน เขาเก็บเรื่องนี้เอาไว้โดยไม่บอก กว่าจะรู้ความจริงนิยายก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้ว

   

   No name เล่าเรื่องราวของผู้ชายสองคนที่บังเอิญมาเจอกันในคุก เรื่องเริ่มต้นขึ้นในโลกดิสโทเปียแห่งหนึ่งที่ประชากรมีจำนวนล้นโลก รัฐบาลก่อตั้งองค์กรลับแห่งหนึ่งขึ้นมาเพื่อกำจัดคนชั่ว โดยมีนักล่าค่าหัวซึ่งทำงานใต้ดินมารับหน้าที่ร่วมกับรัฐบาล

   ประชาชนไม่เคยรับรู้ว่ามีเรื่องเลวทรามนี้เกิดขึ้น ทว่าในทุกวันจะมีคนชั่วที่เคยก่อคดีหนักๆ ตายลงวันละหลายพันคน ผมคือหนึ่งในคนที่ทำให้เกิดเรื่องเหล่านั้น

   AC118 เป็นรหัสที่ใช้เรียกผม เนื่องจากมีกฏเหล็กอย่างหนึ่งคือคนในองค์กรจะไม่ทำความรู้จักกันอย่างลึกซึ้ง เราไม่รู้ข้อมูลของกันและกันแม้กระทั่งชื่อจริง สิ่งที่ใช้เรียกแทนได้เลยมีแค่รหัสที่ถูกสักเอาไว้บนบนหลังคอและสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา

   ผมฆ่าคนเลวมาแล้วนับร้อยนับพันชีวิต แต่วันหนึ่งดันพลาดท่าเผลอฆ่าคนที่ไม่มีความผิดเข้าเลยถูกขับออกจากองค์กร และพาไปขังในคุกใต้ดิน ที่นี่ไม่มีกฎหมายรองรับ มันเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน ผมใช้ชีวิตในทุกๆ วันเพื่อหวังว่าจะได้ออกไปแก้ตัวเมื่อพ้นโทษ แต่โชคชะตาไม่เคยปรานี

   เมื่อได้รับรู้กฎเหล็กข้อหนึ่งที่ไม่เคยเปิดเผยให้นักล่าค่าหัวคนไหนได้ยิน นั่นคือถ้าพลาด เราจะเจอบทลงโทษที่แสนเจ็บปวดนั่นคือการลบความทรงจำแล้วถูกส่งกลับไปยังพื้นที่สีแดง ทำหน้าที่เป็นคนงานเหมืองจนกระทั่งตายไปในที่สุด

   ความจริงแล้วมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยก็แค่เรื่องลบความทรงจำ

   ชีวิตซึ่งเกิดมาจนถึงวันที่ได้รหัส AC118 ผมไม่เคยผูกพันกับใคร พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก ครอบครัวก็ไม่มี เติบโตและอาศัยอยู่กับหัวหน้ากองโจรจนกระทั่งเติบใหญ่ถึงได้เข้ามาทำงานลับให้กับรัฐบาล ผมไม่เคยมีความรัก จิตใจโหดเหี้ยม ไม่เคยอ่อนข้อหรืออ่อนโยนต่อใคร

   AC118 ไม่เคยอ่อนไหว ทว่าหัวใจกลับเย็นเยียบและโดดเดี่ยว

   ในวันที่ 20 เดือน 12 นักล่าค่าหัวคนหนึ่งถูกส่งเข้ามาในคุก

   ที่หลังคอของเขามีรหัส แต่กลับถูกเสื้อคลุมปิดเอาไว้ตลอดเวลาจนไม่สามารถรู้ได้ว่าควรเรียกเขาว่าอย่างไร ผมจึงแทนชื่ออีกฝ่ายด้วยคำว่า ‘No name’

   เขาสวมเสื้อฮู้ดสีดำสนิท คาดแมสก์สีเดียวกัน แล้วก็รู้ในวินาทีนั้นว่าชะตากรรมของตัวเองจะเป็นอย่างไรจึงยอมจำนนโดยไม่ขัดขืน ไม่คิดเลยว่าสุดท้าย No name จะพาผมหนีออกมา

   นั่นเป็นเรื่องราวตลอด 19 ตอนที่ผมได้อ่านผ่านเว็บ ช่วงเวลาที่คนสองคนทำเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกแม้ตัวเขาจะเล็กกระจ้อยร่อยแค่ไหนก็ตาม หนึ่งวันผ่านไปอย่างยากลำบาก AC118 และ No name ต้องหลบซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา นอนไม่เคยเต็มอิ่ม กินไม่เคยอิ่มท้อง แต่นับวันความสุขกลับยิ่งเพิ่มพูน

   ความสุขที่เกิดขึ้นจากความผูกพัน

   คนที่ไม่เคยมีความรักมาตลอดชีวิตรู้สึกมีค่าขึ้นเมื่อใครคนหนึ่งเดินเข้ามา No name ไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนที่เข้าใจเขาที่สุด ตอนที่ 19 จบลงเมื่อเดือนก่อน ผมอ่านถึงบรรทัดสุดท้าย เขาสองคนตัดสินใจที่จะเดินทางหนีไปสุดขอบฟ้าเพราะรัฐบาลส่งคนมาตามล่าตัวและคนทั้งคู่กำลังจนมุม

   ผมเปิดกระดาษพลิกไปยังบทที่ 20 เริ่มอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกอย่างตั้งใจ

   บรรยากาศของเรื่องยังเต็มไปด้วยความตึงเครียด No name ถูกยิงที่ต้นแขน แต่เขาก็ยังปกป้องผม เราหลบเข้าไปอยู่ในซากรถเก่าๆ คันหนึ่งที่อยู่ใกล้กับปากเหว เสื้อผ้าสีดำขาดหวิ่นจากการเกาะเกี่ยวทุกสรรพสิ่ง ตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นหลังคอซึ่งไม่มีสิ่งใดพันธนาการจนเต็มตา

   ไม่มีรหัสหรือรอยสักใดๆ ปรากฏอยู่บนนั้น ผิวของเขาสะอาด ไร้ซึ่งร่อยรอยขีดข่วน

   ผมสับสนไปหมด ตะโกนถามเขาด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะรู้ความจริงว่า No name ไม่ใช่นักล่าค่าหัว แต่เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่อยากช่วยเหลือผมโดยไม่บอกเหตุผลอื่นใด

   เขาบอกแค่ว่าอยากช่วย ทั้งที่รู้ดีว่าจุดจบต้องเป็นเช่นไร

   ถ้าถูกจับได้ ผมจะถูกลบความจำ ขณะที่ No name จะต้องถูกฆ่าทิ้งเพราะทำความผิดโทษฐานพานักโทษหลบหนี เรามีจุดจบที่ต่างกันแต่เจ็บปวดเท่าๆ กัน

   ในหน้าสุดท้ายที่ผมเปิดอ่าน ความรู้สึกต่างๆ ประเดประดังเข้ามา ความเจ็บปวด หวาดกลัว ความขลาดเขลา ผมพาตัวเองเข้าไปอยู่ในเรื่องทั้งหมด หากเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นจริงมันจะเป็นยังไงกัน จะตัดสินใจเหมือนกับตัวละครในเรื่องมั้ย

   ตัวหนังสือมากมายหลั่งไหลเข้ามาในความรู้สึก ผมสะกดกลั้นอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้และตั้งใจอ่านทุกตัวอักษร



   ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย การจากลาขยับเคลื่อนเข้ามาเฉียดลมหายใจของคนทั้งคู่

   “ด้านนอกมีคนของรัฐบาลล้อมไว้หมดแล้ว เรามีแค่สองทางให้เลือก” นั่นคือคำพูดของโนเนม

   “มีอะไรที่เราพอเลือกได้บ้าง” AC118 ถามกลับ

   หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนนั่งแทบไม่ติดเบาะ เขามองตามสายตาคมเข้มไปยังประตูฟากหนึ่งของรถ หากเปิดออกไปพวกเขาทั้งคู่จะตกลงไปยังก้นเหวลึก ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก

   AC118 รู้ทางเลือกในข้อแรก เขาส่ายหัวแล้วถามย้ำอีกครา

   “ทางเลือกที่สองล่ะ”

   ชายในชุดดำคลี่ยิ้มก่อนตอบด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก

   “ยอมให้พวกเขาจับเราไป”

   “ไม่นะ”

   “นี่คือทางออกที่ดีที่สุด 118 คุณเป็นคนฉลาด ถึงจะถูกลบความจำแต่ผมก็เชื่อว่าคุณจะสามารถหลบหนีและมีชีวิตรอดจากเหมืองนั่นไปได้ เพราะงั้นจงมีชีวิตอยู่”

   “แล้วคุณล่ะ”

   “ผมเลือกแล้ว เลือกตั้งแต่แรกที่จะมาเจอคุณ” เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อชิดกับประตูรถยนต์ ที่ซึ่งเป็นประตูเบิกทางสู่นรกโดยแท้จริง

   “ไม่ ผมไม่ปล่อยให้คุณไป โนเนมมันต้องมีทางออกสิ”

   “ความตายสำหรับผมไม่ได้น่ากลัว”

   “ผมก็เหมือนกัน”

   “ไม่เหมือน”

   “มันจะต่างอะไรกันหากต้องมีชีวิตอยู่โดยไร้ซึ่งความทรงจำ ในอดีตผมเกิดมามีชีวิตเหมือนหุ่นยนต์คอยทำตามคำสั่งเจ้านาย ไม่เคยหัวเราะ รักใครไม่เป็น” เขาพูดอย่างตัดพอ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาไม่ขาดสาย ขณะริมฝีปากแตกระแหงยังคงเอื้อนเอ่ยไม่หยุด

   “ผมมีช่วงเวลาที่ได้หัวเราะ ได้ร้องไห้ มีความสุขและความเศร้า ได้เป็นมนุษย์ที่เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ มันจะดีเหรอหากลืมทุกอย่างไปแล้วผมไร้ความรู้สึกเหมือนในอดีตอีก ไม่เลย...”

   ถึงตอนนี้เขาต้องเลือก ระหว่างจากไปทั้งที่ยังรู้สึก หรือมีชีวิตอยู่เพื่อหลงลืมทุกสิ่งอย่าง

   No name เปิดประตูเพื่อบ่งบอกการตัดสินใจที่แน่วแน่ของตัวเอง ภาพข้างล่างเต็มไปด้วยความน่ากลัว หุบเขาและน้ำลึกผลักดันให้ร่างกายของคนทั้งคู่สั่นเทาราวกับลูกนก

   “ผมต้องไปแล้ว คุณอยู่ต่อเถอะนะ” เจ้าของเสื้อคลุมสีดำเอ่ยย้ำ

   จากที่เกิดมาไม่เคยกลัว กลับหวาดหวั่นที่สุดเมื่อต้องจากคนที่รักไป

   “โนเนม” AC118 ร้องเรียก สองมือคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ในสภาพน้ำตานองหน้า เขาเค้นเสียงจากลำคออย่างยากลำบาก ทว่าในที่สุดก็เอ่ยถามออกมาด้วยเสียงสะอื้น “คุณชื่ออะไร”

   คนที่กำลังตกลงไปเบื้องล่างถูกร่างบอบบางกว่ายื้อไว้ ใบหน้าที่เปราะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดฉีกยิ้ม เขาตอบสั้นๆ สะท้านหัวใจทั้งดวงของคนฟัง

   “ผมรักคุณ”

   “No name ช่วยบอกชื่อคุณกับผมได้มั้ย”

   “ผมรักคุณ”

   จวบจนร่างสูงร่วงลงลงไปยังด้านล่าง เขาก็ไม่เคยได้คำตอบนอกจากประโยคบอกรักเพียงประโยคเดียว

   ชื่อไม่เคยสำคัญ ความรู้สึกต่างหากที่ยังคงอยู่




   น้ำตามากมายหยดลงบนกระดาษ

   ผมเงยหน้ามองไปยังคนตัวสูงที่กำลังจ้องมองด้วยสายตาอ่อนโยน

   “จะ...จบแล้วเหรอ” คราวนี้ยุคส่ายหัว ก่อนจะอธิบายอย่างกระจ่างอีกครั้ง

   “คุณเลือกตอนจบได้ เป็นฉากสุดท้ายที่ผมไม่ได้เขียน”

   “ทำไม”

   “เพราะมันคือการตัดสินใจของคุณ”

   ผมนั่งนิ่ง มองกระดาษเลอะน้ำตาพร้อมกับใช้ความคิด No name จากไปแล้ว ผมเหลือเพียงสองทางเลือกคือยอมให้เขาลบความทรงจำแล้วกลับไปเป็นคนเดิม กับสอง...

   “ยุค ผมเลือกตอนจบของเรื่องนี้ได้แล้ว”

   “อืม...”

   “ให้ AC118 ตามเขาไปได้มั้ย ไกลแค่ไหนก็ให้ตามไป”

   “ทำไมถึงเลือกแบบนั้น”

   “คนเราไม่ได้อยู่เพื่อหายใจไปวันๆ เราอยู่เพื่อเก็บความทรงจำและความหวังต่างหาก ผมคิดว่า 118 ได้รับมันทั้งหมดแล้ว เพราะงั้น...พอแล้วล่ะ ให้เขาได้อยู่กับคนที่รักเถอะ”

   “โอเค ผมจะเขียนตอนจบแบบนั้น”

   เป็นตอนจบที่สมบูรณ์และเรียกน้ำตาได้มากมายมหาศาล



   มันเหมือนกับชีวิตจริงที่ผมได้เลือกแล้วว่าจะอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย



   ไม่รู้ว่าคนตัวสูงลุกจากเก้าอี้อีกฝั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกกอดจากด้านหลังอย่างแนบแน่นแล้ว

   ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปบนซอกคอก่อนจะเลื่อนคนมาบนใบหน้า เสียงทุ้มนุ่มของเขากระซิบปลอบใจตรงข้างใบหูจนกว่าจะคลายจากอาการสะอื้น เขาเอ่ยประโยคเดิมๆ ที่แสนธรรมดาแต่กลับมีค่ากับคนฟังอย่างประเมินค่าไม่ได้

   “ผมรักคุณ”

   “...”

   “รักคุณ”

   “ครับ ผมก็รักคุณ อย่า...อย่าไปไหนเลยนะ”

   “ไม่ไปหรอก ผมจะทิ้งเด็กน้อยได้ไง”

   ในบรรทัดหนึ่งของมูราคามิระบุเอาไว้ว่า เราต่างก็อยากเป็นคนที่มีความหมายจริงๆ ในชีวิตของใครบางคน และขณะเดียวกันก็อยากมีคนที่มีความหมายจริงๆ ในชีวิตของเราเช่นกัน

   ผมเจอแล้ว เจอเขาในวันนั้น ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

   เขาสวมแมสก์สีดำ เสื้อผ้าและกางเกงคุมโทนในสไตล์นักฆ่า ผมได้คุยกับเขา มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาในระยะประชิด ผมไม่เคยใจเต้นแรงแบบนั้นมานานเท่าไหร่แล้ว แต่นั่นแหละความทรงจำ...

   ยุคอุ้มผมมานั่งตรงโซฟา สองแขนอบอุ่นโอบกอดผมไว้ทั้งตัว เราต่างปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ

   “ทำไมคุณถึงสักชื่อ AC118” ผมถามเสียงอู้อี้ ทั้งที่ในเรื่องมันหมายถึงผม

   “เพราะอยากสลักคุณเอาไว้ในร่างกายล่ะมั้ง”

   “แต่ผมไม่ได้ชื่อนี้สักหน่อย”

   “อยากรู้เหตุผลของมันมั้ย” เสี้ยววินาทีที่คำถามนั้นจบลง ผมพยักหน้าอย่างอยากรู้ “PC 0832/676 เป็นดวงดาวที่ห่างไกลที่สุดในระนาบดาราจักร และเพราะมันไกลจากโลกดังนั้นจึงห่างไกลจากผู้คน”

   “...”

   “ผมชอบความสันโดษ ที่ผ่านมาเลยอยู่ห่างจากคนบนโลกค่อนข้างมากเหมือนดาวดวงนี้ แต่ก็หวังว่าวันหนึ่งจะได้เจอดวงดาวที่คล้ายๆ กัน อยู่ห่างไกล โดดเดี่ยว แล้วรอวันที่เราจะได้โคจรมาเจอกันสักครั้ง”

   ผมรับฟังอย่างเงียบๆ ตื่นเต้นที่จะได้ยินสิ่งที่อยู่ในใจของเขา

   “ส่วน AC118 เป็นดาวฤกษ์ดวงเดี่ยวที่ห่างไกลที่สุดเท่าที่คนบนโลกได้ค้นพบ มันเหมือนความรักในใจผม หาได้ยาก และไม่แน่ใจว่าชั่วชีวิตนี้จะได้เจอหรือเปล่า แต่โชคดีจริงๆ ตอนนี้...ผมค้นพบแล้ว”

   “...”

   “นั่นคือคุณ”

   “...”

   “ชยิน”

   “หืม...” เกลียดตัวเองที่ร้องไห้อีกจนได้

   “เรา...คบกันเถอะนะ”

   “ครับ ผมจะคบกันคุณ”

   ความจริงเราคบกันนานแล้วแค่ไม่มีใครเอ่ยปากออกมาก่อน ทว่าในช่วงเวลาที่ดวงดาวโดดเดี่ยวสองดวงได้โคจรมาพบกัน เราก็ได้เอ่ยทักทายอีกครั้งด้วยการ...ขอเป็นแฟน



- END -




เรามักจะจดบันทึกวันเวลาเอาไว้ตอนที่เริ่มลงนิยายเรื่องใหม่
สำหรับ MSN มันถูกเขียนและเผยแพร่ในวันที่ 18 กันยายน 2560
นับดูแล้วก็เป็นเวลาเกือบปีเลยทีเดียว เนื้อเรื่องไม่ยาวมากแต่ทำไมเขียนนานหว่า สงสัยตัวเองมากๆ
คนอ่านหลายคนอาจจะยังไม่รู้ MSN ย่อมาจากคำว่า Musician, Solitude และ Novelist
ความหมายก็ตรงตัวคือคนสองอาชีพที่รักในความสันโดษแต่บังเอิญได้มาเจอกัน
จุดเริ่มต้นของเรื่องไม่มีอะไรซับซ้อนนัก เพราะมันมาจากคำว่า ‘เหงา’ ตัวโตๆ
เรียนจบใหม่ กลับมาอยู่บ้าน เพื่อนทุกคนแยกย้าย เราก้าวสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว
ถึงแม้ที่ผ่านมาจะแฮปปี้และใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้อย่างไม่มีปัญหา แต่มันไม่เหมือนกัน
นี่คงเป็นความรู้สึกของคนที่กำลังก้าวสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว
เราเลยเขียนมันขึ้นมา เป็นนิยายธรรมดาที่เรียบง่ายที่สุดเท่าที่เคยเขียน
อย่างน้อยก็เพื่อจดบันทึกและแชร์ความทรงจำระหว่างเรา
หวังอย่างยิ่งว่านิยายเรื่องนี้จะเป็นเพื่อนคลายเหงาให้กับคนอ่านในบางครั้ง
ใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง เพื่อที่วันหนึ่งเราจะได้สลัดความรู้สึกเหงาออกไปได้จริงๆ สักที
หรือไม่...ต่อให้สลัดมันออกไปไม่ได้ ก็ขอให้ทุกคนอยู่กับความเหงาอย่างมีความสุขที่สุดก็พอ

รักเสมอ...จิตติ




เพิ่มเติม : นิยายเรื่องนี้จะมีการตีพิมพ์เป็นหนังสือด้วยนะคะ แต่จะออกเมื่อไหร่หรือยังไงนั้นเราจะตามมาอัพเดตให้ทราบเรื่อยๆ ค่ะ

รายละเอียดในเล่ม
1. เนื้อหานิยายบทนำ – ตอนที่ 16 (ตอนจบ)
2. ตอนพิเศษ 3 ตอน
   1. Lovely Bunny
   (ยุคยินฟิคชั่น) นิยายจากแฮชแท็ก #YukYinCouple เรื่องราวของพี่ยุควิศวะที่บังเอิญมาเจอน้องกระต่ายตัวน้อยในร้านนม นั่นทำให้คนหน้านิ่งที่ไม่เคยรักใครเกิดอาการตกหลุมรักจนหัวใจแทบระเบิด

   2. ความพยายามของสามีและคุณภรรยา
   เบิร์ดบินกลับมาหาชยินอีกครั้ง แถมคราวนี้ยังทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักแนะนำให้เพื่อนเริ่มต้นอ่อยแฟนตัวเองเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น (18+)

   3. Cover by คนของชยิน
   วันเกิดปีที่ 27 ของชยินเต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์ หนึ่งในนั้นคือการที่ยุคติดงานจนไม่สามารถอยู่ฉลองด้วยได้ แง้

หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: wildride ที่ 02-08-2018 21:40:52
  :pig4:

 woooh you ‘ve always showed me (as a reader) just how important it is to change your style up for the right occasion/opportunity to a new level of a good relationship with a compatible partner!!!
 ohhh howi love it

  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 02-08-2018 22:19:12
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีอีกเรื่องค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 02-08-2018 22:40:28
ซึ้งมากกกกก จบแล้ว เซอไพรซกันได้ตลอดเลยทั้งคู่ :o8:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-08-2018 22:48:36
 :3123:


ขอบคุณมากๆ สำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: fun_la_ong ที่ 02-08-2018 22:54:01
นี่เราอยู่กับยุคยิน มาเกือบปีเลยหรอ เหมือนแปบเดียวเอง  ขอบคุณไรท์มากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 02-08-2018 23:01:52
เป็นนิยายดีๆอีกเรื่องที่ได้รับจากคุณจิตติ
ขอบคุณมากนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 02-08-2018 23:06:21
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 02-08-2018 23:08:17
ขอบคุณจิตติที่สร้างยุคยินขึ้นมา เป็นตอนจบที่ดีที่สุดสำหรับยุคยิน และขอบคุณที่ทำให้เรารักยุคยินได้มากขนาดนี้  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-08-2018 23:17:50
 :hao5:จบแล้ว
นิยายของยุคนี่ทำน้ำตาซึมเลย
รักกันมากๆดูแลกันดีๆนะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 02-08-2018 23:45:01
 :impress2: :impress2:  :impress2:
เป็นอีกเรื่องที่น่ารักมากกก.. ติดตามมาตลอด..ลืมเวลาไปเลยว่านานขนาดนี้หรือนี่.เหมือนเราเพิ่งเจอกันเลน..ชอบทั้งคู่เลย..รู้ึกเป็นธรรมชาติสัมผัสได้ง่าย..น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-08-2018 23:49:51
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: chisarachi ที่ 03-08-2018 00:06:38
ตรึงใจ และประทับใจที่สุด
จบอย่างสมบูรณ์แบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-08-2018 00:26:30
สุขกันเถอะเรา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 03-08-2018 00:58:54
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-08-2018 07:17:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-08-2018 07:24:58
งือออออ จบแล้วเหรอ  :ling3:
ตอนอ่านหัวร้อนกับยุคมาก :beat:  :beat:
แต่ตอนนี้ยุคอบอุ่นเหลือเกิน  :กอด1:

คนเหงากับคนเหงามาเจอกัน
คงไม่เหงากันอีกแล้วนะ ยุค&ชยิน  :mew1:
.
..
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 03-08-2018 07:49:28
ซึ้งงงงง
อยากเจอดาวฤกษ์แสนไกลแบบที่ยุคเจอบ้าง
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 03-08-2018 07:49:45
โอ้ยน่ารักกก ยุคเป็นคนโรแมนติกอะ ยอมค่าาา
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 03-08-2018 08:09:52
ขอบคุณครับ..
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 03-08-2018 08:16:47
คบกันแล้ว จบแล้วด้วย :กอด1: รักน้องชยิน ต่อไปไม่เหงาแล้วนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 03-08-2018 09:37:29
แฮปปี้ รักกันไปนานๆนะ
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: mtrain ที่ 03-08-2018 09:54:38
นิยายจบแล้วคนไม่ค่อยจบ งื้ออออ  นิยายเรื่องนี้มันพาเราขึ้นลงเหวี่ยงไปมาเป็นลูกข่างแล้วก็มาหมุนนิ่ง ๆ เหมือนฉากสุดท้ายในอินเซปชั่นเลย  ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ รสใหม่ ๆ ของจิตติ  รออีบุ๊คเลยค่ะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-08-2018 10:37:00
จบแล้ว ขอบคุณนะคะ เราอินไปกับทุกตอนมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 03-08-2018 11:36:25
THANK YOU  :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: NEPTUNE ที่ 03-08-2018 13:18:54
ขอบคุณค่ะ  :mew1: :mew1:

 สถานีต่อไปรอพี่อาร์คคค  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: kredkaew26 ที่ 03-08-2018 14:03:03
บันไซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ  เย้ เย้ เย้  เอ๋!! หรือจะร้องไห้ดี T T  มันจบแล้วอ่ะ  แล้วช้านจาอ่านอะไรต่อ
555 อ่ะเค้าล้อเล่นนนน  ^^  ขอบคุณคุณจิตตินะคะ ที่เขียนนิยายมาให้อ่าน ถึงแม้จะใช้เวลาเกือบปีถึงจะจบก็เถอะ เอิ้กกกกกกกก
จะรอเรื่องต่อๆ ไปนะคะ จุ๊บส์ จุ๊บส์  :mew1: :mew1:  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-08-2018 14:13:49
หง่าาา จบซะแล้วความรู้สึกของตอนต้นเรื่องกับท้ายเรื่องนี่คนละฟิลกันเลย แรกๆก็จะมีแต่อารมณ์คนเหงาขี้พาลกับขำความกวนของยุค แต่พอมาช่วงท้ายที่เป็นดราม่าก็เจอแค่ความหม่นและข้องใจในการกระทำของตัวละคร ถึงสุดท้ายเขาจะดีใจให้อภัยกันแต่ในความรู้สึกนักอ่านอย่างเรามันก็ยังมีความอึดอัดในใจอยู่ดี ง่ายๆคือเราสัมผัสความฟีลกู๊ดจากเรื่องนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ อาจเป็นเพราะเราเสียความรู้สึกไปกับการกระทำของตัวละครไปแล้วก็ได้ มันเลยยากจะดึงกลับ ในส่วนของตอนพิเศษนั้นอยากอ่านฟิคที่ยุคเขียนเหมือนกันนะ คิดว่าน่าจะสนุกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 03-08-2018 14:21:23
ขอบคุณค่ะ เราซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 03-08-2018 19:54:23
 :pig4: ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-08-2018 21:30:33
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: Lalinnovel ที่ 03-08-2018 22:45:58
รอซื้อหนังสือน้าา ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆนะคะคุณจิตติ ชอบนิยายของคุณทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 03-08-2018 22:51:43
โอ๊ยมันดีมาก มันดีมากจริงๆ
happy ซะทีนะชยิน
ชอบภาษาในการเขียนมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-08-2018 23:26:43
โอ้ยจบซะล้า คลอดเรื่องใหม่อีกไวๆน้า
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 04-08-2018 01:51:44
อ่านจบรวดเดียวพร้อมกับน้ำตาพรวดเดียวเช่นกันร้องไห้แบบไม่หยุดกับช่วงที่สองคนต่างหันหลังให้กันมันแบบอึดอัดแทนมากชยินคือคนน่าสงสารสำหรับเรามากจริงๆอยากให้หนีไปไกลๆยุคนานๆด้วยซ้ำแต่เห็นน้องเจ็บนานเราก็เจ็บนานเช่นกันท้ายสุดทั้งสองก็อยู่เคียงข้างกันในที่สุดเราก็ยังร้องไห้เพราะความดีใจเหมือนเติบโตไปพร้อมๆกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาตลอดขอบคุณมากๆสำหรับนิยายดีๆเรื่องราวดีๆมากค่ะเราประทับใจมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 04-08-2018 07:27:40
ขอบคุณสำหรับนิยายดีอีกเรื่อง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: nnoii2538 ที่ 04-08-2018 08:01:44
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆเรื่องนี้ให้เราได้อ่าน❤
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 04-08-2018 15:53:20
พึ่งได้มีโอกาสได้อ่านต่อจนจบค่ะ นิยายคุณจิตติไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้ผิดหวังเลย ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 04-08-2018 18:28:23
ชอบมาก
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: mameaw.omg ที่ 04-08-2018 21:52:20
ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ
จะติดตามผลงานต่อไปเรื่อยๆค่ะ❤️
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: PUN ที่ 04-08-2018 22:47:30
ชอบความนักเขียนของยุคคค  :o8:
หัวข้อ: Re: ★ MSN ★ (#mเอสn) ตอนที่16 - END [02/08/61] *หน้า34
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-08-2018 09:03:15
ลงตัวสักที แอบชอบมาสักพัก รุกกันมาสักพัก
สุดท้ายก็ได้ตอบรับและได้เริ่มต้น

555 สงสารชยิน ยุคเคยเป็นแฟนของแฟนเก่า

ยุคแอบหวานนะ ทุ่มเทถึงขั้นต้องหลบไปทำเล่มให้อะ
ชยินก็เพ้อหนักมาก อาการเด็กน้อยมาเต็ม
แต่มีคนให้อ้อนให้ง้อ ก็ต้องทำบ้างสิเนาะ

ตอนจบเลือกที่จะจากไปด้วยกัน เหลือไว้แต่ความรักที่งดงาม

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ สนุก น่าสนใจ น่าติดตาม
รอตลอด เห็นโพสว่าอัพ ก็ต้องรีบมาเปิด
แต่จะเฟลไปกับชยินตอนเศร้าน่ะ เลยเปิดช้า

รอติดตามเรื่องอื่นๆ อีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 05-08-2018 17:22:10
กลับมาอ่านช่วงท้ายๆอีกรอบก็ยังร้องไห้
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 05-08-2018 19:34:25
จบแล้ว
สนุกมาก
อยากอ่านตอนพิเศษจัง
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 06-08-2018 01:14:57
ตามเรื่องนี้แบบ real time มาแต่ต้น
ติดมากด้วยค่ะ คลิกส่องด้วยความหวังบ่อย ๆ

แต่พอเจอ "ดราม่า" แล้วคนเขียนหายไปนาน
เราก็ใจแป้ว ๆ นะคะ
คือมันค้างคา ...

พอกลับมาอ่านตอนที่มาต่อ ... หลังหายไปนาน
เราก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ... ว่า
เราไม่รู้สึก ไม่สัมผัสถึงความรักที่ นักเขียน มีให้กับ นักแต่งเพลง อีกเลย
ตอนนั้นคิดว่า เอ๊ะ หรือคนเขียนทิ้งช่วงไปนาน ... ความรู้สึกเราเลยแหว่งวิ่น
เราก็เลยไม่ได้ comment ทันทีที่อ่านจบ เพราะเรายังคิดว่า ...
เราอาจจะพลาดจุดใดจุดหนึ่ง ในการกลับมาอ่านแบบไม่ต่อเนื่อง

วันนี้ เราใช้เวลาทั้งวัน กลับมานั่ง "อ่านรวดเดียว" จบ

และพบว่า ... เรายังรู้สึกเหมือนเดิม คือ ... เหมือนเราอ่านหนังสือ
ที่คนเขียนเอานิยายคนละเรื่องมาฉีก...ประกบกันเป็นเรื่องเดียว

อารมณ์ ความรู้สึก ... มันไม่ใช่เลยค่ะ
แปลกมาก ... เพราะเราอ่านของคุณมาทุกเรื่อง
ถ้าเรื่องไหนดราม่าสาหัส เราก็หยุดอ่าน รอจนจบ
กลับมาอ่านใหม่รวดเดียวตอนจบแล้ว ทุกเรื่องก็...ผ่านโดยราบรื่นนะคะ

หากเรื่องนี้ ... ไม่เลยค่ะสำหรับเรา

แต่ก็ยังยืนยันว่า เรายังคงเชื่อมือคุณ...และจะติดตามอ่านเรื่องอื่นต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: stikkies_naja ที่ 06-08-2018 09:24:25
อาาา คห ด้านบน มีความคิดคล้ายกันเลย
ในเรื่องของการพออ่านใหม่อีกรอบทีเดียวจบ

มันเหมือน ขาดๆ อะไรซักอย่าง เหมือนคนละเรื่องเดียวกัน
เหมือนความเป็นยุคและชยินในตอนแรกเริ่ม ขาดขายไปในตอนดราม่า
และกลับมาเป็นคนเดิมในบทสรุปท้ายๆ

แต่เราชื่นชอบงานเขียนของจิตติมากกกก
รออ่านเล่ม รอตอนพิเศษ

จริงๆ อยากให้ตอนพิเศษ มีมุมของยุค ที่ละเอียดกว่านี้
ในเรื่องราวจากมุมยุคก่อนจบ มันเหมือนยังไม่มากพอในความรู้สึกเรา

รออ่านในเล่มต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Walkaduck ที่ 07-08-2018 23:59:49
นิยายเหงา ๆ ที่เล่าเรื่องของคนเหงา ๆ สองคนที่ได้มาเจอกัน กับตัวเราที่กำลังอยู่ในช่วงว่างเปล่า เลยได้มีนิยายเหงา ๆ มาเติมเต็ม
ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าการเขียนเรื่องนี้ดึงความรู้สึกธรรมชาติของความเหงาออกมาได้ชัดเจนมาก เรารู้สึกว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัวชยินมีความวุ่นวาย ทั้งเรื่องงาน การเงิน หรือสิ่งที่ต่าง ๆ รอบตัวมันมีความวุ่นวายมาก ๆ(โดยเฉพาะการเงิน 55555) แต่สิ่งที่เล่าผ่านความเป็นชยินคือมันนิ่ง เงียบเหงา และเรื่อยไป เหมือนเวลาที่มันค่อย ๆ ผ่านไปทีละวินาที ผ่านไปช้า ๆ แต่ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นมากมาย

อาจจะดูอัดอั้นหน่อย ๆ แต่รู้สึกหลงรักเรื่องนี้มาก ได้นั่งอ่านแล้วเหมือนได้พักผ่อนจากความวุ่นวาย แต่ช่วงที่ทะเลาะกันบอกเลยว่าอยากหาเพลย์ลิสต์ศาลาคนเศร้ามาอัดใส่หูเหลือเกิน อินจัดดดด

ติดตามผลงานต่อไปนะคะ แต่อย่าหายไปแบบงง ๆ เหมือน No name นะคะ 55555555555555  :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 08-08-2018 20:39:55
ตอนที่เริ่มอ่านไม่คิดว่าเนื้อเรื่องจะมาทางนี้เลย...แต่พอยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกได้ว่านี่คือช่วงเวลาหนึ่งที่แทบทุกคนต้องเจอ (ร่วมถึงเราเองด้วย) แต่พออ่านจบก็ยิ่งเห็นด้วยว่าเราคือคนที่เลือกตอนจบในนิยายของตัวเอง

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคนแต่งสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
ปล.ชอบสำนวนการเขียนมากและที่ชอบมากไปกว่านั้นคือการใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องสวยงาม

#หลงรักยุคยิน  :กอด1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 09-08-2018 20:46:19
ขอบคุณ​สำหรับ​นิยาย​ดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 10-08-2018 07:32:39
เป็นนิยายที่รวมทุกอารมณ์จริง ฮาก็ฮา บทจะเศน้าทีนี่แทบเป็นซึมเศร้าตามแล้ววว
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 11-08-2018 20:31:43
มันดีมากๆๆๆ ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ชอบอารมณ์ของเรื่องมากๆ รักชยินเด็กน้อย อินไปกับเพลงเหงาๆ นักเขียนที่เหมือนนักฆ่า ของที่ชยินเลือกตอนจบของโนเนมนะ อึ้งเลยที่คนแต่งคือยุค เมื่อไรชยินถึงจะได้ช่วยยุคก่อนนอนล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 11-08-2018 20:36:54
ฃโดนใจตลอดเลยค่ะชอบมากกกกกกก  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: loverosie ที่ 12-08-2018 03:08:31
ชอบการเล่าเรื่องมากค่าาากรี๊ด
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 12-08-2018 09:36:14
สนุกมากกก ชยินน่ารักอ่ะ
อ่านรวดเดียวจบเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 12-08-2018 15:07:20
ชอบนิยายของคุณจิตติมากกกกก เรืีองนี้ทั้งสนุก ตลก เศร้า หน่วง กวน หวานนิดๆ มาทุกรูปแบบ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 12-08-2018 21:16:49
สนุกมากๆ ค่ะ ชยินน่ารัก ยุคก็เท่ เข้ากั๊นเข้ากัน  :pig4:     :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: 14th-friedegg ที่ 13-08-2018 13:26:34
รักเรื่องนี้เลยคะพี่ จิตติ
ชอบฟืลชอบอารม ชอบอะไรหลายๆอย่างในเรื่องนี้
อาจเป็นเพราะเราเริ่มก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้วเช่นกัน อะไรหลายๆอย่าง ความสนุกตอนอยู่กับเพื่อนก็เริ่มจะลดลง กลายเป็นคำว่าเหงาตัวโตๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: nalovey ที่ 14-08-2018 19:22:24
มีคนที่กวนเบอร์นี้ในโลกจริงปะ 5555
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: nalovey ที่ 14-08-2018 20:54:20
กรี้ส ออกตัวแวร้งมากค่ะ ยุค :ruready
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: nalovey ที่ 15-08-2018 10:23:01
นิยายเรื่องนี้ทำไมสะท้อนชีวิตอะไรเบอร์นี้
แทงใจเรามาก พอโตขึ้น สิ่งที่อยู่กับเรา มันคือความเหงา
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 15-08-2018 16:41:10
ชอบมากๆ ^^
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: MooMiew ที่ 16-08-2018 01:34:22
โดนใจมากเพราะคนอ่านก็เหงา5555

ชอบตรงที่บอกว่าถ้ามีความสุขในโลกของตัวเองแล้ว แต่วันนึงได้เจอคนที่ทำให้อยากหนีออกจากโลกที่เป็นอยู่

มันทัชหัวใจมากจริง

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Jimin39 ที่ 19-08-2018 18:54:24
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: joko ที่ 20-08-2018 00:22:17
ลุ้นจนจบเลยค่ะสนุกมาก ขอบคุณมากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: dadt ที่ 20-08-2018 08:56:49
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่ชอบพระเอก เรารู้สึกว่ายุคค่อนข้างจะบีบบังคับชยิน อ่านช่วงแรกๆหงุดหงิดมาก พยายามอดทนคิดว่าเป็นพระเอกแนวแกล้งคนที่ชอบ พอมาเจอ climax ของเรื่อง อื้อหืออออ ถีบตกบัลลังก์พระเอกทันที เราคิดว่ายุคละเอียดอ่อนไม่พอที่จะคบกับคนอารมณ์ศิลปินแบบชยิน

ทำผิดครั้งแรก (ไล่ชยินกลับเพราะแฟนเก่า) ให้อภัยได้ ทำผิดครั้งที่สอง (ไม่ติดต่อกลับไป) ก็ยังพอให้อภัยได้  ทำผิดครั้งที่สาม (มีอะไรกันตอนชยินยังอารมณ์ไม่มั่นคง แล้วออกไปหาคนอื่นทันที) เอิ่ม ผิดซ้ำผิดซากขนาดนี้ โทษคนอื่นไม่ได้แล้วนะ

อีกอย่างคือบุคลิกของตัวละครแกว่งไปนิด ครึ่งแรกกับครึ่งหลังเหมือนคนละคน เราว่าชยินดูอาการหนักกว่าดรีมอีก (หรือแค่ติสก็ไม่รู้ ไม่แน่ใจ 555)

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ รอเรื่องต่อไปน้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 20-08-2018 12:36:06
บอกเลยว่าก่อนอ่านเรื่องนี้เราทำใจไว้ประมาณนึง
จากประสบการณ์+ความกังวล=เรื่องนี้ของจิตติตัวเอกจะเป็นโรคอะไรมั้ยหนอ เดาไปต่าง ๆ นา ๆ
แต่... ป่าวเลยจ้าาา ไม่มีเลยจ้าาาาา นี่เรากังวลอะไรอยู่  :katai1: 5555555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: JbBojit ที่ 26-08-2018 07:48:15
เป็นนิยายที่ดีมากกกก ไม่ได้อ่านนิยายดีๆที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างนี้นานมากแล้ว ขอบคุณมากจริงๆกับนิยายเรื่องนี้ เดี๋ยวจะมาอ่านใหม่อีกรอบ  o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: z9_0 ที่ 26-08-2018 20:39:25
จบแล้ว. รวดเดี่ยว ชอบมากกกกก ขอบความกวนตีนจองยุคมากเถอะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 26-08-2018 23:06:43
ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 00:30:10
 o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 08:59:36
ความกวนตีนนี้มันช่าง
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 10:13:10
นี่จะเนียนไปไหนคะเนี่ย เนียนจีบ เนียนด่า 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 11:05:57
โดนล่อลวงเต็มขั้น
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 12:22:53
โหอย่างนี้ก็ได้เหรอ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 20:12:32
ชยินน่ารัก และตอนนี้กำลังจะหน้าแหก 55555
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 21:16:01
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 22:03:49
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 27-08-2018 23:38:12
อย่างนี้ก็ได้เหรอ ไม่ขอแฟนแต่ขอกระเป๋าตัง 555555
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 28-08-2018 03:02:25
โง้ยยย อ่านรวดเดียวจบเลย นึกถึงเสียงเอ็มเด้งสมัยก่อนเลย
ชอบแฮชแท็ก ยุคยินคูปเปอร์มากกก น่ารัก
ตอนก่อนจขคือหน่วงมาก น้ำตานี่ไหลเชียว เอ็นดูน้องยิน
ชอบที่ยุคเรียกยินว่าเด็กน้อยอ่ะ มันดูละมุนมากเว่อร์
ยังไงๆ ก็ติดตามนิยายจิตติเสมอนะคะ เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 30-09-2018 12:33:32
สนุกมาก เป็นเนื่องราวดรียบๆ ที่สนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Tampopo ที่ 07-10-2018 18:42:26
ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆ จะรอติดตามเรื่องต่อๆไป







หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 08-10-2018 18:28:00
เสียใจที่มาอ่านช้า แต่ก็ดีใจที่ได้อ่าน เพราะมีครบทุกรสชาด ไม่ว่าจะหัวเราะจนไม่อาจเก็บเสียง เศร้าจนนั่งน้ำตาร่วง ยิ่งอ่านตอนจบยิ่งซึ้งมากเข้าไปอีก ทำไมถึงแต่งอะไรที่ดี ๆ ออกมาได้ขนาดนี้นะท่านนักแต่ง ขอบคุณมากที่สร้างผลงานดี ๆ มาให้พวกเราได้ชมเชย... :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 20-11-2018 11:04:31
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 01-12-2018 07:50:25
ขอบคุณคุณจิตติสำหรับนิยายดีๆ ค่า  :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: kamnary1160 ที่ 04-12-2018 16:49:31
ศตวรรษน่ารักมาก ไม่ไหวแล้ว :katai1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: basza2x ที่ 09-12-2018 14:30:41
 :hao5: มาตามอ่านย้อนหลัง คือดีมาก ดีมากจริงๆๆๆๆๆ ย้อนอดีตที่เราคิดถึง MSN/Ragnarok มันคือความทรงจำที่มีคุณค่าจริงๆนะ
มันเหมือนตัวเชื่อมเรื่องราวต่างๆในอดีตที่เราอาจจะเคยลืมเลือนให้ชัดเจนขึ้น

นึกถึงช่วงเวลานั้น มีความสุขจริงๆ ยิ่งมาได้อ่านเรื่องนี้ ยิ่งมีความสุขไปอีก คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่ไม่สามารถย้อนคืนมาได้แล้ว แตยังอยู่ในความทรงจำตลอดไป

ขอบคุณครับ :)  :o8:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 12-12-2018 09:52:35
อ่านละอินมากกกกกกกก มือสั่นมากตอนอ่านช่วงเหงามากๆ นี่มันชีวิตฉันนี่ ฮือออ บีบหัวใจ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 18-12-2018 11:12:27
อ่านจบแล้วจะบอกความในใจที่มีทั้งหมดยังไงดี
ถามว่าเนื้อเรื่องเรื่องนี้มันอยู่ในโซนเบาสมองมั้ย ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว แต่ถามว่าอยู่ในโซนดราม่าเลยมั้ยก็ยังไม่ใช่อีก
แต่ที่แน่ๆคืออ่านได้เรื่อยๆ และเรื่องนี้ยังแฝงอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกได้ว่ามันมีของดีอยู่ในเรื่อง
ไม่ว่าจะเรื่องรหัสเรียกดาวหรือการผูกเรื่องใดๆก็ตาม มันเป็นกิมมิคที่ทำให้ติดใจ ถือว่าดีมากจนเรารู้สึกอยากไหว้คุณจตร.สักสิบที
นับถืองานเขียนของจตร.ตั้งแต่เรื่องพิษรัก ตามอ่านตั้งแต่เรื่องนั้นที่อึดอัดสุดขีดชีวิต
และต่อๆมาก็อ่านนิยายของคุณตลอด
คุณสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดีมาก ในเรื่องนี้เป็นการแต่งนิยายซ้อนนิยาย คุณทำได้ดีมาก
แต่...ตอนดราม่าที่ยุคไปดูแลแฟนเก่า เราอินขนาดที่อยากจะปลดยุคออกจากการเป็นพระเอกเลยด้วยซ้ำ
ไม่โอเคอย่างรุนแรง สงสารชยินจนอยากจับหอมหัวปลอบ T^T

สุดท้าย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 24-01-2019 18:39:23
ดีๆๆๆๆๆ ไม่เคยผิดหวังกับนิยายจิตติ รักกกกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 21-02-2019 02:34:59
ชอบตอนช่วงหน่วงๆอ่ะค่ะ เขียนได้ดีจริงๆ  :ling1: :ling1: :ling1:  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 27-02-2019 00:44:23
ขอบคุณนะคะ  ❤️❤️
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: tong_x_zhi ที่ 02-03-2019 22:43:34
ชอบคุณนะครับ  อ่านแล้วตลกดีครับในช่วงแรก ดึงดราม่านิดหน่อยช่วงท้าย  สรุปคือสนุกดีครับ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: JJAY.K ที่ 28-03-2019 16:17:57
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
ขอบคุณสำหรับนิยายนะครับ อ่านได้ลื่นไหลเลยมีครบทุกอารมณ์จริง ๆ จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 04-04-2019 21:14:54
คือน่ารัก ทะเลาะกันเถียงกัน คนนึงแกล้งหยอกเพราะชอบ อีกคนโมโหแทบตาย
เรื่องนี้ถ้าไม่มี2เพื่อนรักนี่ คงจบดราม่าแน่ๆ ไม่สิ อาจจะไม่ได้เจอกันเลยด้วยซ้ำ

สนุกมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 11-04-2019 07:08:17
น่ารักมากกกก ขอบคุณนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 28-04-2019 22:44:46
อ่านเรื่องนี้ครบรสจริงๆ ทุกสนุก ทั้งเศร้า ทั้งอิ่มเอม ขอบคุณนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-06-2019 13:46:28
ต่างคนต่างก็เคยผิดพลาดกันบ้าง
แต่ทั้งคู่ก็รู้จักเรียนรู้และรับฟัง
ทำให้ได้ไปต่อแบบมีความสุข

ขอบคุณคุณจิตติสำหรับนิยายดีๆ น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: epochii_upfun ที่ 29-07-2019 03:11:10
อ่านไปคือขำทั้งเรืองง สุดท้ายน้ำตามาไหลจนได้  เกลียดความหน่วงงง เคืองยุคมาก ไม่ยอมตามคนที่รักไป อยากให้ชยินเล่นยุคให้หนักจริงๆ แต่ก้อใจอ่อนไวไปอีกกก
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Lynhan007 ที่ 04-08-2019 18:46:02
นั่งไล่อ่านนิยายที่คุณจิตติแต่ง เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด จบได้สมบูรณ์แบบมาก สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่
งนิยายคุณภาพดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ รักคุณยุคที่สุดดดดดด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: amkang12 ที่ 17-08-2019 22:46:57
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 04-10-2019 13:16:42
ฮื่อออออออ เขินมากตอนเขาจีบกัน  :-[
แต่ตอนมาม่า น้ำก็มาเต็มนาจา 55555

ปล.ไม่ลงตอนพิเศษในนี้บ้างหรอค่าาาา อยากอ่าน อิอิ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Areya ที่ 20-12-2019 09:19:11
เข้ามาอ่านรอบสองยังคงชื่นชมความคิดการเรียบเรียงการตีความที่มันเรียลจนน่าขนลุก คนเราไม่ได้ทำได้ดีทุกเรื่องไม่ได้เข้าใจทุกอย่าง ทำได้เลิศเลอไปเสียหมด คนเราคือคนธรรมดา มีชีวิตมีจิตใจ เสียใจได้ร้องไห้เป็น เห็นแก่ตัวในขณะที่อยากเป็นคนดี มีหมดทุกรสชาติจริงๆค่ะ ขอบคุณที่เขียนนิยายดีมาให้อ่านเสมอมานะคะ ขอบคุณค่ะ รักศตวรรษ+ชยิน จะติดตามผลงานนักเขียนคนนี้ต่อไปค่ะ รักคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 23-04-2020 05:53:25
ตอนแรกนึกว่าจะฟิลกูด ไป ๆ มา ๆ มีดราม่าซะงั้น สนุกมากเรื่องนี้ ชอบตรงมีดราม่านี่แหละทำให้มันมีสีสันดี

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: k2g ที่ 23-11-2020 21:31:31
 :katai2-1: ชอบมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: BoJit ที่ 23-02-2022 10:51:57
กลับมาอ่านอีกรอบหลังจากที่ไม่ได้อ่านมานาน ยังชอบเหมือนเดิมเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Goldenfishja ที่ 26-02-2022 08:12:15
มึนๆ กวนๆ ได้ใจไปเลย ^_______^
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 27-02-2022 17:47:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 27-07-2023 14:16:28
ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: brave on better ที่ 01-08-2023 13:01:13
เปนเรื่องราวที่ดีมากๆเรื่องนึงเลยค่ะ ตั้งแต่อ่านนิยายในเล้ามา
เปนการเล่าเรื่องราวความเหงาได้ดีเลย  ประทับใจมากๆ ขอบคุณนักเขียนที่แชร์เรื่องราวดีๆแบบนี้ให้ได้อ่านกัน

 :mew1: o13
หัวข้อ: Re: ★ MSN (#mเอสn) ★ THE END
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 03-08-2023 17:16:09
ชยิน น่ารักกกกก