สวัสดีคร้าบบบบ FC ทุกท่าน ตอนล่าสุดที่ลงไปมีคนส่งข้อความมาหลังไมค์เต็มเลยคร้าบบบ ขอบคุณมากๆ นะครัาบบบ สำหรับคนที่ถามว่า หลวงตาอยู่วัดไหน ยังไง อย่างไร ลองติดตามอ่านไปเรื่อยๆ ก็จะมีคำตอบคร้าบบบ สำหรับตอนนี้เป็นชีวิตหลังอุบัติเหตุแล้วละคร้าบบบ เป๊บน่ารักมากอะ ดูแลผมเป็นอย่างดีเลย แต่ยังไงก็สไตล์เป๊บอะ แอบปนหื่นด้วย ลองติดตามอ่านค้าบบบ
Chapter 24 การฟื้นตัวที่ดีขึ้น การดูแลแบบทะลึ่งที่น่ารักของเป๊บ “อือ.....อื้อ.....จะ....เจ็บ.....” ผมรู้สึกตัวค่อยๆ ลืมตาขึ้น พร้อมกับรู้สึกเจ็บไปทั่วตัวเลยครับ อะไรกันเนี่ย ติ๊ดๆๆๆๆๆ......เสียงอะไรเนี่ย ผมหันไปทางขวามือเห็นเป๊บกำลังลืมตาขึ้นมามอง
“เฮ้ย....โจจจจจจจจจจจจจจจ้...โจจจจจจจจจจจจจจจจจ้ฟื้นแล้วววววววววว..หมอคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ แฟนผมฟื้นแล้ววววววววว” ผมตะโกนออกมาสีหน้าตกใจและดีใจมากๆ ครับ วิ่งออกไปที่หน้าประตูและตะโกนเรียกหมอ ผมละงง จะดีใจอะไรขนาดนั้นเนี่ย เว่อร์แล้ววววว
เป๊บตะโกนเรียกหมอเสร็จ ก็รีบวิ่งกลับมาที่เตียง
“ที่รัก....ที่รักฟื้นแล้ว....ฮือๆๆๆ..ฮึกๆ.....” ผมละตกใจที่เป๊บร้องไห้ นี่อาการผมหนักขนาดนี้เลยหรือ ผมอยากจะตอบและปลอบเป๊บเหลือเกิน แต่คอมันแห้งมากอะครับ จะเปล่งเสียงก็ทำไม่ได้
“ปะ...เป๊บบบ...นะ.....น้ำ.....” ผมพยายามบอกเป๊บว่าหิวน้ำอะครับ
“อะไรนะครับที่รัก” เป๊บคงได้ยินไม่ถนัดครับ เลยเอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ปากผม
“นะ.....น้ำ.....”
“อ๋อออ..ครับๆๆ...เดี๋ยวเป๊บเอาน้ำให้นะ” พอเป๊บรู้ว่าผมหิวน้ำครับ รีบวิ่งไปตู้เย็นหยิบน้ำและแก้ว เสียงดังโคร้งเคร้งไปหมด เห็นเป๊บรินน้ำใส่แก้วแบบมือสั่นเลยอะครับ ฮ่าๆๆๆ อยากจะบอกว่าไม่ต้องรีบขนาดนั้นคร้าบบบบ
“ที่รักๆๆๆ....น้ำครับน้ำ...ได้แล้วครับ” เป๊บวิ่งกลับมาที่เตียงเร็วมากครับ พร้อมเอาหลอดมาจ่อที่ปากผม ผมก็เลยได้ดูดน้ำสมใจอะ อิอิ ดื่มน้ำไปเยอะมากเลยละครับ
ประมาณไม่ถึงนาที คณะแพทย์กับพยาบาลที่รับผิดชอบดูแลรักษาผมก็เดินเข้ามาในห้องครับ
“สวัสดีครับหลานโจ้ ไหนๆ ของลุงหมอตรวจร่างกายนะ” มีลุงหมอคนนึงในทีมคณะแพทย์ น่าจะเป็นหัวหน้าทีมมั้งครับ ยิ้มแย้มเป็นมิตรมากเลย ขอตรวจร่างกายผมครับ
“อ้าปากซิครับ....ดีมาก....ยกแขนได้มั้ย....ยังเจ็บหรือครับ....ดีมาก...ลุงหมอขอดูม่านตาหน่อยนะ....โอเคใช้ได้...ฯลฯ แล้วก็ตรวจนั่นนี่อีกเพียบครับ”
“โทรไปบอกทางคุณพ่อคุณแม่หรือยังคะ” มีหมอผู้หญิงคนนึงหันไปถามเป๊บครับ
“อ๊ะ..อ๋อ...ยังเลยครับ มัวดีใจที่โจ้เค้าฟื้นนะครับ เดี๋ยวผมจะโทรไปบอกก่อนนะครับ” เป๊บหันมายิ้มให้ผมทีนึงแล้วก็ขอตัวออกไปนอกห้องครับ
“หนูโจ้ อาหมอขอตรวจช่วงหน้าอกหน่อยนะครับ” มีหมออีกคนครับ หนุ่มกว่า แอบหล่อ อิอิ เอามือมากดกระดูกช่วงหน้าอก
“ถ้าอาหมอกดแล้วเจ็บ ส่งเสียงนะครับ....ตรงนี้เจ็บมั้ย...โอเคไม่เจ็บนะ....ตรงนี้เจ็บมั้ย....โอเคไม่เจ็บนะ....ตรงนี้เจ็บมั้ย...”
“อื้อ...โอ้ยยย..” ผมเผลอส่งเสียงออกมา มันเจ็บนี่ครับ
“โอเคๆ ครับ...เจ็บตรงนี้นะ” แล้วอาหมอก็จดอะไรในกระดาษยุกยิกๆ อะครับ
“อาหมอขอตรวจต้นคอหน่อยนะคะ” หมอหญิงคนที่ถามเป๊บว่าโทรบอกคุณพ่อคุณแม่หรือยัง ขอตรวจต้นคอผมครับ
“อาหมอจะลองหันคอช้าๆ นะคะ ถ้าเจ็บช่วงไหน ส่งเสียงด้วยนะ...เจ็บมั้ยคะ...ไม่เจ็บนะ....เจ็บมั้ยคะ....ไม่เจ็บนะ..โอเคคะ” อาหมอหญิงตรวจเสร็จก็จดยุกยิกๆ เหมือนกันครับ
สำหรับพยาบาลที่ตามเข้ามาก็เข้ามาตรวจความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ นั่นนี่โน่นนู้น สารพัดเลยละครับ จนกระทั่งเป๊บเดินเข้ามาในห้อง
“โทรบอกทางบ้านหมดแล้วครับคุณหมอ..ตกลงแฟนผมเป็นยังไงบ้างครับ” เป๊บเข้ามาก็โพล่งถาม ผมตกใจมากกกก เฮ้ยยยยย ไปบอกว่าแฟนได้ไงเนี่ยยยยย เขินนนนนนนง่า บ้าแล้ววววว
“อาการโดยรวมเป็นที่น่าพอใจเลยละครับ นี่หมอก็แปลกใจว่าเมื่อวานตอนเย็นยังอาการวิกฤติ ทำไมเช้าวันนี้อาการดีขึ้นมากๆ ถือว่าโชคดีจริงๆ นะครับ” ลุงหมอตอบยาวเลยครับ
“แต่เพื่อความมั่นใจ ทางคณะแพทย์จะพาไปตรวจสแกนคลื่นแม่เหล็กอีกทีนะคะ” อาหมอหญิงบอกเป๊บครับ แล้วหันไปสั่งให้พยาบาลเคลื่อนย้ายผมไปตรวจคลื่นแม่เหล็กอะไรนั่นอะ
ผมทำหน้าเหรอหรา ตกใจอะครับ แม่ลงแม่เหล็กอะไรง่า กลัวอะ หันหน้าไปมองเป๊บ เป๊บเหมือนรู้เลยครับ เลยตอบคณะแพทย์ไปว่า
“ได้ครับคุณหมอ เริ่มดำเนินการได้เลยครับ” อ้าวไอ้เป๊บ คือ กรูไม่อยากสแกนโว้ยยยย ไม่ได้เข้าใจกรูเล้ยยยย แฟนใครเนี่ยยยยย อ๊ากกกกก
พยาบาลก็เริ่มเคลื่อนย้ายผมไปยังห้องแม่เหล็กอะไรนั่นละครับ เป๊บก็น่ารักนะ พูดให้กำลังใจผมตลอดทางเลยว่า ไม่ต้องกลัวนะ จะได้หายเร็วๆ แถมเดินจับมือผมไปตลอดทางจนถึงหน้าห้องสแกนเลยละครับ
จนกระทั่งคุณพ่อคุณแม่ของผม รวมถึงจิมและกลุ่มเพื่อนๆ (เป๊บบอกว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านจะมาช่วงเย็นอะครับ) เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ต่างก็มาคอยที่หน้าห้องตรวจคลื่นแม่เหล็ก การตรวจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พยาบาลเข็นเตียงผมออกมาจากห้องตรวจพร้อมกับคณะแพทย์ทั้งหมดเดินออกมาด้วยครับ เตียงของผมพ้นห้องตรวจมา ผมเห็นคุณพ่อคุณแม่และจิมวิ่งเข้ามาถึงขอบเตียงเลย
“โจ้ลูกกกกก.....เป็นยังไงบ้างเจ็บมั้ยลูก” แม่ผมเข้ามาจับแขน ลูบหน้า เสียงเครือๆ สั่นๆเลยละครับ
“เดี๋ยวก็หายแล้วนะลูก...พ่อดีใจมากที่ลูกปลอดภัยนะ” พ่อผมเข้ามาจับแขนด้วย ตาพ่อแดงๆ เหมือนจะร้องไห้เลยครับ
“พี่ๆๆ ดีใจจังที่อาการดีขึ้น” เจ้าจิมวิ่งเข้ามากอดบนเตียงเลย น้ำตาไหลเป็นทางเลยครับ
ผมดีใจน้ำตาไหลเหมือนกัน แต่ด้วยอาการที่ไม่มีแรง เลยขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้มากครับ พยาบาลเข็นเตียงของผมกลับไปยังห้องพักฟื้นเดิม ทุกคนรวมถึงคณะแพทย์ต่างก็เดินตามไปที่ห้องด้วยครับ
พยาบาลจัดเตียงของผมเข้าประจำที่เดิม อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เคยรุงรัง เหลือเพียงแค่ขวดน้ำเกลือเพียงขวดเดียวแล้วครับ
“คุณหมอครับ ลูกผมอาการเป็นยังไงบ้าง” คุณพ่อผมเริ่มประเด็นก่อนเลยครับ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องรวมทั้งผมเองหันหน้ามาฟังคำตอบจากปากคุณหมอเลยครับ
“อาการโดยรวมดีขึ้นมากเลยครับ จนทางคณะแพทย์แปลกใจมากๆ ว่าอาการเมื่อวานตอนเย็นกับวันนี้ตอนเช้าทำไมแตกต่างกันมาก เท่าที่ดูผลจากการสแกนด้วยคลื่นแม่เหล็ก พบว่าก้อนเลือดคั่งในสมองลดลงจนเหลือเพียงแค่จุดดำเล็กๆ ครับ ซึ่งถ้าถามหมอว่าลดลงได้ยังไง หมอตอบไม่ได้จริงๆ ครับ อาจจะเป็นความโชคดีหนึ่งในแสนเลยก็ได้ ส่วนอาการกระดูกซี่โครงร้าว พบว่ากระดูกประสานตัวได้ค่อนข้างดี แต่ถ้ากดตรงจุดสำคัญอาจจะมีการเจ็บบ้าง กระดูกต้นคอปกติ ระบบการไหลเวียนเลือดปกติ ระบบการหายใจปกติ ทางคณะแพทย์ให้ผลสรุปว่า พักฟื้นอีกประมาณห้าวันน่าจะหายเป็นปกติครับ”
“จริงหรือคะคุณหมอ เป็นความโชคดีของลูกดิชั้นจริงๆ นะคะ” คุณแม่ผมหน้าตาสดใสขึ้นมาทันทีครับ
“เฮียๆๆ จะหายแล้ววววว ดีใจจัง” เจ้าจิมกระโดดมากอดบนเตียง
“ว๊ากกกกกกก....เจ็บๆๆๆ..ไอ้น้องบ้า” เจ้าจิมกระโดดมาแรงกระแทกซี่โครงผมอะ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” คนในห้องทั้งหมดขำพร้อมกันเลยครับ
“เห็นมั้ยคะ ร้องดังได้ขนาดนี้ หมอว่าคงจะหายเป็นปกติเร็วๆนี้แน่นอนคะ” อาหมอหญิงแซวผมงะ
หลังจากนั้นทางคณะแพทย์ก็พูดคุยพอสมควร คุณพ่อคุณแม่และทุกๆ คนต่างไหว้ขอบคุณทางคณะแพทย์ที่ช่วยเหลือผมอย่างเต็มที่ครับ ทางคณะแพทย์ก็ขอตัวไปทำงานต่อ ในห้องก็เหลือคุณพ่อคุณแม่ เจ้าจิม เป๊บ ฉัตร เบิด ทราย ครับ
เป๊บลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงด้านขวามือผม เป๊บเอามือมากุมมือผมไว้
“ที่รัก เป๊บดีใจมากเลยนะครับ ที่อาการเจ็บดีขึ้น...รู้ตัวมั้ยว่าสลบไปตั้งสองคืนเต็มๆ”
“จริงหรือเป๊บ โหยยย ทำไมสลบนานขนาดนั้นอะ โจ้ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยอะคับ”
“จริงซิครับ...เป๊บตกใจ..เป็นห่วง..สารพัดเลยนะ..แต่ช่างมันเถอะตอนนี้ที่รักหายแล้วละ” เป๊บยิ้มให้ผมครับ เป็นยิ้มที่มาจากใจจริงเลยนะ รักเป๊บจังเลยอะ
“ต้ายยยยยยยย....ตายยยยยยยยยยยย.....จะหวานกันไปถึงสวรรค์วิมานไหนยะ นี่อีโจ้ววว เมิงช่วยหันพระเนตรมาคุยกะกรู อีเบิด อีทรายมั่งเห้ออออออ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” พ่อ แม่ เจ้าจิม ขำพร้อมกันเลยอะ อีฉัตรนี่มันตัวทำลายบรรยากาศเจงๆ แง่ง
“อีนี่นิ กรูนอนเจ็บอยู่นะ เมิงก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ กรูเนี่ย” ผมแขวะฉัตรไป
“ฮ่าๆๆๆ คร่าคุณชายยยย” ฉัตรก็ลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างๆ ครับ แล้วก็เริ่มแหกปากทันที
“อีโจ้ว ตอนเมิงสลบนะ ไอ้เป๊บมันจะตายวันละสามรอบ ร้องไห้น้ำตาแทบท่วมโรงพยาบาล มันเป็นห่วงเมิงโคตรๆ เมิงหายแล้วก็อย่าซ่ามาก นึกถึงเป๊บมันบ้าง” ฉัตรจิกผมเลยอะครับ
“ที่ฉัตรพูดมา จริงป่าวคับเป๊บ” ผมหันไปถามเป๊บ เป๊บไม่ตอบแต่พยักหน้าเขินๆ
“ยิ่งกว่าจริงอีกยะ ชั้นอยู่ในเหตุการณ์ร้องโฮกๆๆ ฮ่าๆๆ” ทรายพูดยืนยันขึ้นมา
“ส่วนกรูกอดปลอบมันเนี่ย กอดจนแทบได้เสียเป็นผัวเมียกัน ฮ่าๆๆๆ” เบิดเสริมด้วยอีกคนครับ
“ฮ่าๆๆๆ เมิงก็เกินไปไอ้เบิด” เป๊บขำพร้อมแขวะเบิดครับ
“นี่จ๊ะผลไม้ ทานกันก่อนนะลูก” แม่ผมไปปอกผลไม้มาจานใหญ่เลยครับ ส่งให้พวกเพื่อนๆ ได้ทานกัน
“แม่ค้าบบบ อยากหม่ำบ้างง่า” ผมเริ่มอ้อนแม่แล้วครับ
“ไม่ได้จ๊ะลูก ป้ายเขียนนี่ว่าอาหารอ่อนทางการแพทย์ ดังนั้นรอข้าวของโรงพยาบาลจ๊ะ” แม่พูดจบก็เดินไปห้องครัวเลยอะ
“ฮ่าๆๆๆ อีหอย อดแดก มามะกรูแดกแทน” อีฉัตรมันก็งาบๆ ผลไม้ต่อหน้าผมเลยอะ ว๊ากกก หมั่นไส้
“ที่รักอย่าเพิ่งทานเลยนะครับ ทำตามที่คุณหมอสั่งดีกว่านะ” เป๊บปลอบผมครับ แต่ตัวเองเอาผลไม้มานั่งเคี้ยวงับๆๆๆ ต่อหน้าอะนะ แฟนใครเนี่ยยยย เช้อออออออ
ผมก็นั่งเฮฮาไปขำไป จนเข้าสู่ช่วงเที่ยง เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนำอาหารมาส่งครับ ผมก็เริ่มหิวๆ แล้วอะ อยากหม่ำๆ แล้ว
อาหารมาส่งเบิดก็รีบไปหยิบโต๊ะอาหารที่มันหมุนๆ ปรับระดับได้อะครับ(คงพอนึกออกนะครับ) แต่โรงพยาบาลที่ผมนอนรักษามันทันสมัยมากๆ เป็นแบบกดไฟฟ้าเลยครับ เบิดก็เอามาเสียบไว้ที่เตียง เป๊บยกถาดอาหารมาวาง ฉัตรกดสวิตช์ปรับเตียงส่วนศรีษะให้ยกขึ้น จะได้ทานอาหารได้ง่ายครับ ส่วนทรายเธอก็รีบไปรินน้ำมาประเคนผม โหยยยย มีแต่คนเอาใจ ดีจังง่า คิคิ
“อาหารมาแล้วละลูก กินเยอะๆ ละ เดี๋ยวพ่อ แม่ กับเจ้าจิมจะลงไปทานข้าวข้างล่าง”
“อ้าวววว พ่อค้าบแม่ค้าบ ทำไมไม่อยู่ป้อนผมก่อนอะ” โหมดอ้อนมาแล้วครับบบบ ฮิฮิ
“ถามอะไรแปลกๆ ลูกคนนี้ ลูกเป๊บอยู่ทั้งคน ก็ให้แฟนป้อนซิจ๊ะ” แม่ผมพูดหน้าตาเฉยเลยอะ โห แม่ใครเนี่ยยยย เช้ออออ ฮ่าๆๆ
“ฮ่าๆๆๆ” ฉัตร ทราย เบิด หัวเราะพร้อมกันครับ
“ได้ครับ คุณพ่อคุณแม่ไปทานข้าวก่อน ทางนี้ผมจัดการเองครับ” เป๊บรับปากดูแลผมแทนอะ
“มามะที่รัก ดูซิว่ามีอะไรกินบ้าง” เป๊บเปิดชามแต่ละชาม
“อีหอย มีของเด็ดๆ ทั้งนั้นเลย แกงจืดตำลึง เต้าหู้ไข่หมูสับ ไข่ตุ๋น ปลากะพงนึ่งซีอิ้ว น่าแดกทั้งนั้น”
“โหยยยย ไม่เอาอะ อยากกินพิซซ่า” ผมงอแงครับ
“อ้าวอีนี่ แหกตาดูสังขารนิดนึง จะแดกพิซซ่าหาห่าอะไร เดี๋ยวได้ตายคาเตียง กับข้าวโรงพยาบาลนี่แหละแดกๆ ไป เมิงจะให้กรูยัดเข้าปากหรือให้เป๊บป้อน” ฉัตรแอบด่าผมเลยอะ
“ฮ่าๆๆๆๆๆ” เบิดกับทรายขำพร้อมกันเลยอะ
“โหยยยย กินก็ได้ อีโหดดดดดด” ผมแลบลิ้นใส่ฉัตร
“งั้นก็มามะที่รัก เป๊บป้อนให้นะครับบบ อะ..อ้ามมม..อ้าปาก...” เป๊บป้อนให้จริงๆ ด้วยละ อิอิ
“อ้ามมมม...อร่อยดีจังอะเป๊บ” ผมเคี้ยวไปชมไป รสชาติดีอะครับ
“ต้ายยยยย...หวานจริงๆ นะยะ” ฉัตรแซวครับ
“นิดนึงโว้ย...เมียกรูอุตส่าหายเจ็บ” เป๊บตอบแซวฉัตร
“ฮ่าๆๆๆ...เอองั้นไอ้เป๊บ อีโจ้ว พวกกรูกลับก่อนนะเว้ย”
“อ้าวทำไมรีบกลับจังอะ...” ผมถามฉัตรครับ
“เมิงจะได้พักผ่อนด้วย...เดี๋ยวค่ำๆ พวกกรูมาอีกนะ” ฉัตรตอบผมครับ
“ได้ๆๆ ขอบใจมากนะเมิง ขอบใจทุกๆ คนด้วยนะ” ผมขอบคุณฉัตรและเพื่อนๆ ครับ
“ไม่เป็นไรเว้ย หายเร็วๆ นะเมิง ทริปเสม็ดดีเลย์แต่ไม่แคนเซิ่ลนะ” เบิดตอบผมครับ
“โอเคๆ ไว้เมียกรูหายดีค่อยว่ากัน” เป๊บตอบเบิดครับ คำก็เมียสองคำก็เมีย กำลังสงสัยว่า กรูได้เสียกับคิงคองตอนไหนเนี่ย ชิ เชอะ แชะ
เพื่อนๆ ก็กลับบ้านกันหมด ในห้องก็เหลือผมกับเป๊บสองคนครับ เป๊บก็ป้อนข้าวผมไปเรื่อย จนข้าวหมดผมก็อิ่มพอดีครับ
“ที่รักดื่มน้ำส้มมั้ยครับ..คุณแม่น่าจะซื้อมาเห็นแช่ในตู้เย็น”
“ก็ดีค้าบเป๊บ เย็นๆ ชื่นใจดี”
เป๊บเอาน้ำส้มใส่แก้ว เดินมาที่เตียง เอาหลอดจ่อที่ปากผมครับ ผมก็ดูดๆๆ จนหมดแก้วเลยละ
“ที่รักทานเก่งจัง เป๊บรู้สึกดีครับ จะได้หายเร็วๆ แปลกใจมากๆ ตรงที่อาการเจ็บของที่รักช่วงฟื้นตอนเช้ากับตอนเที่ยงมันผิดกันเลยนะ อาการฟื้นตัวเร็วมากๆ”
“นั่นซิเป๊บโจ้ยังแปลกใจเลยว่าทำไมตัวเองถึงฟื้นตัวเร็วมาก..แถมยังอยากกินเยอะแยะเลย เหมือนกับว่าไม่ได้กินอะไรหลายวันอะครับ” ผมตอบเป๊บไป แต่ในใจพลางคิดว่า คงเป็นเพราะอำนาจพุทธบารมีของหลวงตาแน่เลยครับ ที่ทำให้ผมฟื้นตัวเร็วมาก
นอนคุยกับเป๊บไปสักพักจนเริ่มรู้สึกปวดฉี่ อยากเข้าห้องน้ำครับ
“เป๊บคร้าบบบ ปวดฉี่อะ อยากเข้าห้องน้ำ”
“ครับๆ ที่รักค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงนะ” เป๊บรีบพยุงผมลงจากเตียง รู้สึกขายังอ่อนแรงเลยครับ แต่พอเดินได้เพราะเป๊บออกแรงพยุงตัวผมไว้ เป๊บนี่แข็งแรงจริงๆ เลยน้า คิคิ
ผมค่อยๆ เดินโดยมีเป๊บพยุงและลากเสาที่แขวนขวดน้ำเกลือไปเดินตามไปด้วยครับ จนเข้าไปในห้องน้ำ ยืนอยู่หน้าโถฉี่ จนผมนึกขึ้นได้
“แอะ เป๊บ ออกไปคอยข้างนอกซิ” ผมไล่เป๊บออกไป เพราะอะไรนะหรือครับ มันต้องควักมังกรออกมาฉี่นะเซ่ แล้วเป๊บมายืนมันต้องเห็นอะ อายค้าบบบบบ
“อ้าวที่รัก ถ้าเป๊บออกไปแล้วใครจะพยุงละครับ ที่รักยังยืนไม่แข็งแรงเลยนะ” เป๊บถามด้วยสีหน้าอินโนเซ้นมาก
“ก็...โจ้จะฉี่อะ...เป๊บยืนข้างๆ อายนี่ค้าบบ”
“อ๋อ...ฮ่าๆๆ อายอะไรครับที่รัก มังกรที่รักเป๊บก็เอาเข้าปากแล้ว เห็นหมดทั้งตัวแล้ว จะอายไปทำไมเนี่ย” เป๊บตอบมาผมเหวอเลยอะ พูดอ้อมๆ บ้างก็ได้ เข้าปงเข้าปากอะไรกันเนี่ย ทะลึ่งงงงง
ด้วยความที่ปวดฉี่มากครับ ผมเลยตัดความอายออก ถ้าคิดให้ดีๆ มันก็จริงเหมือนที่เป๊บพูดอะนะ เห็นกันหมดแล้วจะอายอะไรกัน ดังนั้นผมก็ดึงกางเกงลงนิดนึง แล้วงัดมังกรน้อยออกมาฉี่
“มังกรที่รักตอนฉี่ดูใหญ่เหมือนกันนะ” เป๊บแซวครับ
“บ้าแล้ว..ทะลึ่งงงง ใหญ่ยังไงก็เล็กกว่าของเป๊บอะ” ผมตอบยิ้มๆ ไปครับ หน้าแดงโคตรรรรร
“ฮ่าๆๆๆ จริงหรือครับ งั้นเป๊บควักออกมาวัดดีกว่าว่าใครใหญ่กว่า” เป๊บพูดจบทำท่าควัก
“บ้าแล้วววววว ไม่ต้องมาทะลึ่งเลยนะ จะมาวัดอะไรกันอะ ทะลึ่งงงงง” ผมหน้าแดงแปร๊ดดด แฟนใครเนี่ย หื่นได้ทั้งวันนนนน ชิ
ต่อตอนหน้าคร้าบบบบบบ