#ญอผู้หญิงโศกา
ตอนที่ 20
ไปข้างนอกไม่ได้เรียกเดท (PART 1/2)
เท็นสะดุ้งตื่นหลังจากจิตใต้สำนึกมันทะลุเข้ามาแม้ว่าจะเป็นตอนนอน ชายหนุ่มตัวสูงเบิกตากว้างรีบหันไปมองข้างตัวก่อนความว่างเปล่าจะทำให้เขาหลอนจนต้องนั่งระลึกชาติว่าไอ้ที่ทำให้มีความสุขล้นใจเมื่อคืนนี้นั้นเกิดขึ้นเพียงในฝันหรือว่าเป็นเรื่องจริง
เขากลืนน้ำลายเอื้อก พอตั้งสติได้ก็ลุกลี้ลุกลนวิ่งลงไปด้านล่างจนหมากับแมวสะดุ้งมองเจ้านายเป็นตาเดียวกัน ผู้ชายคนนั้นกำลังกวาดสายตามองหาใครสักคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ และสีหน้าหล่อ ๆ เริ่มดูจะไม่ดีแล้วกระทั่งเสียงเปิดประตูดังขึ้น
“อะไร?”
“หะ?” คนเพิ่งตื่นอ้าปากค้างมองเพื่อนสนิทที่เข้ามาในบ้านพร้อมถุงพลาสติกใสที่ทำให้มองเห็นวัตถุดิบทำอาหารพร้อมซันกับมูนที่ตรงเข้าไปออดอ้อนราวกับว่าไอ้แจ็คเป็นพ่อที่แท้จริงอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นอะไร ท้องเสียหรือไง?”
“หะ... เปล่า”
“หิวไหม?” ปากบอกไม่ได้รักสัตว์แต่ลงทุนวางข้าวของเพื่อนั่งยอง ๆ ไปลูบหัวพี่ซันกับอีมูน พอเห็นว่าเขาไม่ตอบ ไอ้แจ็คจึงเงยหน้าขึ้นเป็นเชิงย้ำว่าเมื่อครู่นี้ไม่ได้ถามหมากับแมว
“หิว” อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนใบ้ เท็นเอาแต่มองไอ้คนผมยาวที่กำลังยิ้มบาง ๆ ขณะสบตากับเขาเหมือนอยากยืนยันอีกครั้งว่ามันอยู่ที่นี่จริง ๆ
“กินน้ำเต้าหู้รองท้องก่อน ขอครึ่งชั่วโมง”
เห็นเป็นเด็กห้าขวบหรือไงไอ้แจ็คถึงตรงเข้ามายีผมเขาเบา ๆ ก่อนจะเข้าไปในครัวเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ บ้าไปแล้ว... จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริง ทั้งเรื่องจูบ เรื่องการสารภาพความในใจแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ซึ่งค่อนไปทางอ้อมโลกนั่น แต่เขากลับรับรู้และเข้าใจมันได้ง่าย ๆ
บอกตามตรงว่ากว่าจะหลับได้ก็ฟาดไปไม่รู้ตีไหน หลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูกตอนถูกกอดนาน ๆ มันไม่เหมือนคืนที่เขาโกหกว่าหมอนเลอะน้ำลายเลยสักนิดแม้ว่าจะเขินเหมือนกันแต่ก็แตกต่าง
พอไอ้แจ็คหลับเขาถึงได้มีโอกาสได้หายใจหายคอได้กอดคืนบ้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะมีเมียให้กอดบ่อย ๆ เสียที่ไหน หลังจากนี้ไอ้แจ็คต้องเป็นหมอนข้างมีชีวิตซึ่งเขาก็แพลนแล้วว่าจะเอาหมอนข้างไปเผาทิ้ง และมันต้องรับผิดชอบด้วย
“วันนี้จะไม่ไปหาพวกไอ้ธีร์จริง ๆ เหรอ เผื่อมึงอยากไปเยี่ยมโซ่” เท็นเกาะวงกบทางเข้าครัวพลางโผล่หน้าออกไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เคยเกรงใจใครเป็นที่ไหน ไอ้แจ็คจะรู้บ้างไหมว่าเขาเสียหลักเพราะมันฉิบหายเลย
พ่อครัวของบ้านหันมาเลิกคิ้วมองเหมือนอยากถามว่า ‘ถามเชี่ยไรนัก เมื่อคืนก็ตอบไปแล้วไงโว้ย’
“กูมั่นใจว่าไอ้ธีร์คงดูแลไอ้โซ่ดีอยู่แล้ว”
“มึงกับไอ้ธีร์ไม่เหมือนกันเปล่า เอาจริงกูกลัวมึงเซ็งถ้าต้องอยู่กับกูทั้งวัน” คนเพิ่งตื่นผมเผ้าชี้โด่เด่ทำเก๊กยืนกอดอกพิงกับวงกบทางเข้าครัว
“ถ้าเซ็งเมื่อไหร่เดี๋ยวบอก แต่ตอนนี้ไม่ สบายใจยัง?”
“ไม่สบายดิวะ ใครเขาจะรับได้ถ้ามีคนเดินมาบอกว่า ‘กูเซ็งมึงนะ’”
“อีหรอบนี้แสดงว่าอยากได้ยินอะไรที่ทำให้กูต้องอายตัวเองหลังจากพูดจบ”
“ไม่อายหรอก ลองก่อน” พอรู้ตัวว่าไม่ได้ฝันอยู่ก็เริ่มได้ใจ เท็นอมยิ้มขณะมองกดดันอีกคนที่ดูจะเลิ่กลั่กเสียอาการ ก่อนจะหันไปทำกับข้าวต่อ “แจ็ค”
“กูอยากอยู่กับมึงทั้งวันทั้งคืนเลยไอ้เหี้ย ไม่ต้องถามลงลึกกว่านี้แล้วนะ โอเค?”
“โดนไปดิครับ” คนฟังหัวใจพองโต เบ่งบานแข่งกับดอกไม้ไปแล้ว เท็นอมยิ้มชอบใจ เดินเข้าไปสวมกอดเพื่อนสนิทจากด้านหลังแล้วจุ๊บท้ายทอยที่ชอบมองนักหนาก่อนมันจะสะดุ้งจนเขาหลุดขำ
“...”
“ไม่แกล้งละ ๆ”
เท็นหัวเราะร่าอย่างพอใจขณะเดินถอยหลังเตรียมไปแปรงฟัน เขาอยากทำให้ไอ้แจ็คหลุดมาดเยอะ ๆ จะได้รู้สึกว่าไม่ใช่มีแค่ผู้ชายคนนี้คนเดียวที่ใจเต้นแรงอยู่ตลอดเวลา
ขณะคิดอะไรไปเพลิน ๆ นั้นเท็นไม่รู้เลยว่าเพราะจูบท้ายทอยเมื่อครู่ทำให้แจ็คต้องก้มลงมองเป้ากางเกงตนเองที่อยู่ ๆ มันพองตัวขึ้นอย่างน่าอาย
*
ตอนแรกคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไอ้แจ็คก็คงไม่ต่างไปจากเดิม เพราะเพิ่มเติมแค่ความรู้สึกที่เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเมื่อได้เห็นความแปลกใหม่หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการบีบยาสีฟันใส่แปรงให้ ไหนจะพับผ้าห่ม กวาดบ้าน ถูบ้าน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เท็นรู้สึกว่าถ้ามีเมียสักคนก็คงตื่นมาเจออะไรแบบนี้
วันนี้เป็นวันที่เท็นมีความสุขที่สุดอีกวันหนึ่ง เขารีบล้างหน้า-แปรงฟันให้ไว ก่อนจะออกไปหาเรื่องเป็นลูกมือให้พ่อครัวที่คงถนัดการทำคนเดียวมากกว่า แต่อีกฝ่ายกลับยอมให้เขาช่วยหยิบจับอุปกรณ์ให้กระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
มื้อเช้าตอนเก้าโมงอร่อยไปกว่าทุกวัน แต่กินไปได้สักพักก็เริ่มเคี้ยวยานคางเพราะทั้งคู่เอาแต่ผลัดกันจ้องชนิดว่าพออีกฝ่ายรู้ตัวก็เนียนก้มหน้าลงไปกินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำสีผมไหม?”
ไอ้แจ็คถามอย่างนั้น และคนที่รักการมีสีผมจัดจ้านก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย เหมือนว่าถ้าไอ้เวรนี่อยากให้ทำอะไรเขาก็พร้อมที่จะคล้อยตามโดยไม่ขัดใจสักคำ
ขณะที่ใครหลายคนกำลังเล่นน้ำปะแป้งกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มสองคนได้อาบน้ำแต่งตัวออกไปข้างนอกเพื่อเลือกสีย้อมผมให้เข้ากับหน้าหล่อ ๆ ของ TEN1O ซึ่งเชื่อว่าถ้าอัปโหลดรูปลงโซเชียลคงมีใครหลายคนฮือฮา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทำแต่สีเทา แดง บลอนด์ทองมากกว่าจะทำสีเข้ม และสุดท้ายเท็นก็เลือกสีน้ำตาลที่เพื่อนสนิทบอกว่าถ้าเขาทำคงดูโอเคดี
ระหว่างเดินทอดน่องก็เจอร้านตัดผม ไอ้แจ็คหันมาถามความเห็นว่า ‘กูตัดผมสั้นดีไหมวะ?’ ตอนนั้นคิดว่าอีกฝ่ายคงมีคำตอบในใจอยู่แล้วแต่แค่ถามเพราะอยากยืนยันให้มั่นใจ
‘ถ้ากูบอกว่าไม่มึงก็จะไม่ตัด?’
‘อืม ถ้ามึงพูดว่าชอบกูก็จะไว้ต่อไปเรื่อย ๆ’
ไอ้ห่า พักกันบ้างเถอะไอ้ฉิบหาย ใจคอก็จะทำให้รู้สึกดีไปจนชาติหน้าเลยไหมคำพูดคำจาเนี่ย
‘งั้นตัดอันเดอร์คัทเลยเป็นไง กูอยากเห็น’
มันมองหน้าเขาแค่ครู่เดียว ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านแล้วคุยกับช่างเหมือนเอาจริงซึ่งก็ใช่ เท็นมองผมยาว ๆ ที่ถูกตัดไปกองบนพื้น ไม่นานนักไอ้แจ็คก็เดินลูบหัวตัวเองออกมาเหมือนคนยังไม่ชินกับผมทรงใหม่
‘ปะ กลับไปย้อมสีผมกัน’
ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนลืมตาอีกครั้งเวลาก็วาร์ปไปตอนบ่ายแก่ ๆ เสียแล้ว เท็นไม่เคยรู้ตัวว่าใจเต้นแรงกับความหล่อไอ้แจ็คได้ กระทั่งตอนทำสีเสร็จเข้าขั้นตอนล้างผม ทั้งคู่สบตากันขณะสีน้ำตาลไหลลงไปตามกระแสน้ำ และเขาก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวโน้มตัวไปจูบไอ้แจ็คเพื่อบอกโดยไม่ต้องพูดว่าเขารู้สึกอย่างไร
ซึ่งไอ้แจ็คก็จูบตอบเหมือนอยากย้ำอีกครั้งว่าคิดเหมือนกัน
*
“เป็นห่วงพี่แจ็คใช่ไหมครับ?”
ธีร์หันไปหาเจ้าของคำพูด คงเป็นเพราะเขาเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมแบบ Speedrun เพื่อให้ความสนใจอยู่กับตรงนี้ทุกวินาทีมากกว่าจะเอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นล่ะมั้งโซ่ถึงได้ถามอย่างนั้น
“เป็นเพราะอาการพี่ชัดหรือเพราะเรารักพี่มากก็เลยสังเกตความเป็นไปทุกอย่าง?”
“ข้อหลังก็ได้ครับพี่ธีร์จะได้ฟิน”
“แหม่ เขินก็บอก”
“ต้องได้ World Record แน่เลยครับ โซ่เห็นพี่ธีร์เล่นจบเกือบยี่สิบรอบแล้ว” หลังจากโซ่พูดจบธีร์ก็เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้พร้อมถอนหายใจจนอีกฝ่ายคงได้ยินชัดเจน
“จะให้ทำไง พี่เก็บอาการไม่เก่งเราก็รู้”
“หลังจากเห็นรูปพี่แจ็คในเฟซพี่ธีร์ก็ดูหัวเสียแปลก ๆ ไม่ชอบพี่แจ็คตอนผมสั้นเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ไม่ชอบเพราะเรื่องนั้น แต่ไม่ชอบเพราะมันไปตัดอะไรเอาตอนที่อยู่กับไอ้เท็น”
“เนี่ย มาแล้ว”
“อะไร?”
“อาการหวงเพื่อนไงครับ”
“หวง? พี่เนี่ยนะหวง? เลอะเทอะน่าเด็กน้อย แฟนเราเป็นคนใจกว้างดุจแม่น้ำขนาดนี้ให้คิดอย่างนั้นก็แย่แล้ว” ธีร์หมุนเก้าอี้หันเข้าหาแฟนเด็กที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก
“พี่ธีร์กำลังสะกดจิตตัวเองว่าไม่ได้หวงเพื่อนอยู่นะครับ พี่ธีร์คิดว่าตัวเองต้องใจกว้าง ซึ่งมันก็จริงส่วนนึง แต่เป็นเพราะพี่เท็นคือคนที่พี่ธีร์ไม่ชอบ ระบบความรู้สึกก็เลยขัดแย้งไม่อยากให้พี่แจ็คไปอยู่กับพี่เท็นนาน ๆ”
“แล้วมันผิดเหรอที่พี่จะขัดแย้งกับคนที่เคยชัดเจนว่าเคยทำเรื่องแย่ ๆ อะไรไว้ พี่เป็นห่วงไอ้แจ็ค กลัวมันเจ็บซ้ำร้อยอีกรอบ”
“ไม่ผิดเลยครับ ที่พูดไปทั้งหมดก็เพราะว่าโซ่เป็นห่วงพี่ธีร์คนเดียวเลย -- แถมพี่แจ็คนิดนึงด้วยก็ได้” เด็กเด๋อจีบนิ้วมือขึ้นมา ทำหน้าทำตาน่ารักเป็นท่าประกอบ “ถ้าโซ่เป็นพี่ธีร์โซ่ก็คงกลัวเพื่อนเจ็บเหมือนกัน แต่โซ่ไม่อยากให้พี่ธีร์ลืมคำพูดนึงของพี่แจ็คเลย”
“...”
“จำคืนที่เราเครียดตอนซ้อมจนพี่ธีร์เผลอพาลใส่ทุกคนได้ไหมครับ ก่อนที่เราจะแข่งรอบชิงครั้งแรกนู่นน่ะ ตอนนั้นพี่แจ็คพูดกับพี่ธีร์ว่ายังไง?”
“บอกว่าอย่าหลงไปกับชัยชนะจนลืมความสนุกเหมือนไอ้เท็น”
“ไม่ใช่อันนั้นสิครับปัดโธ่” เด็กเด๋อส่ายหน้าหน่าย ๆ
เออก็รู้ว่าไอ้ส้นตีนนั่นมันไม่หลงระเริงเหมือนตอนนั้นแล้ว แต่ขอตอดสักนิดก็ไม่ได้เลยหรา
“พี่แจ็คพูดว่ายังไงอีก ติ๊กต่อก ๆ”
‘ถ้าตอนนี้ข้างหน้ามีกำแพงสูงขวางอยู่แล้วเราต้องข้ามมันไป ทีมอื่นจะทำไงไม่รู้ แต่กูจะเป็นฐานอยู่ด้านล่างให้มึงปีนขึ้นไปก่อน พอขึ้นไปได้แล้วค่อยก้มลงมาดึงพวกกูนะ’
“พี่แจ็คก็คงอยากให้พี่ธีร์อยู่เป็นฐานที่มั่นคงเหมือนกันถ้าวันหนึ่งพี่แจ็คจะตกลงมาจากกำแพงนั้นอีกครั้ง”
“ไม่รู้ว่ะโซ่ พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พี่รู้ว่าพี่นิสัยแม่งโคตรเด็ก แต่พี่ต้องเป็นผู้ใหญ่ไม่ว่าจะกับเรื่องอะไรก็ตาม พี่พยายามใจกว้างแล้วว่าโอเค ไอ้แจ็คกับไอ้เท็นสนิทกันมานาน มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ถึงจะหายไปสิบปีแต่กลับมาอีกครั้งมันยังไปไหนมาไหนด้วยกันได้โดยไม่มีท่าทีว่าจะมีช่องว่างให้กันนั่นน่ะ” ธีร์ถอนหายใจ “ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าไอ้เท็นจะไม่ทำร้ายไอ้แจ็คอีก”
“พี่ธีร์พยายามแล้วแต่เรื่องความกลัวมันห้ามกันยากใช่ไหมล่ะครับ?” โซ่เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ มาตลอดแม้ว่าจะไม่ได้พูด ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองซึ่งโซ่คงเข้าไปยุ่งไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่พี่ ๆ ทั้งสามคนต้องหาทางออกให้เรื่องนี้เอง และเขาหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี
“เคยเห็นไอ้แจ็คติดใครขนาดนี้ไหม เคยเห็นมันปล่อยออร่าความสุขออกมาบ่อยขนาดนี้หรือเปล่า?”
“ไม่เคยครับ โซ่ก็เลยทึ่งมาก เพราะคนที่ทำให้พี่แจ็คสดใสขึ้นก็คือคนที่เคยทำให้พี่แจ็คเสียใจมาก่อน แต่โซ่ก็อยากเลือกมองข้อดีมากกว่านะ”
“นั่นแหละที่น่ากลัว” พี่ธีร์เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกประตูระเบียงพร้อมทอดสายตาออกไปด้านนอก “เพราะตอนนี้ไอ้แจ็คมีความสุขแล้วก็คงพร้อมจะเสียใจได้เพราะมันคนเดียว”
“พี่ธีร์ครับ”
“...” เจ้าของชื่อถอนหายใจ เขาห้ามความประสาทแดกที่เป็นอยู่ไม่ได้ แต่การไม่ขัดขวางเพื่อนหรือแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่พอใจนั่นก็เป็นเรื่องที่เขาทำให้ไอ้แจ็คสุด ๆ แล้ว
ธีร์รักเพื่อนคนนี้มากแค่ไหนไอ้เท็นจะรู้บ้างหรือเปล่า เขาขอสาบานเลยว่าถ้ามันคิดจะทำเรื่องโง่ ๆ อีกคราวนี้จะต้องมีคนต้องเจ็บตัว
“ถึงจะผ่านไปนานแล้วแต่โซ่ก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่นึกถึงตอนที่พี่ธีร์เล่าให้ฟังว่าเริ่มโดนด่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมใครหลายคนถึงเกลียดธีร์เกมเมอร์ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นก็แค่เล่นเกมไปวัน ๆ ไม่ได้ไปทำร้ายใคร อาจมีบางครั้งที่พูดจาไม่น่ารักไม่เข้าหูคน แต่พี่ธีร์ก็รู้ข้อเสียของตัวเองแล้วก็เอามาปรับปรุง ซึ่งมันทำให้ใครหลายคนยอมเปิดใจแล้วพี่ธีร์ก็ได้แฟนคลับเพิ่ม โซ่รู้สึกดีมากเลยครับที่พี่ธีร์ผ่านตรงนั้นมาได้”
เขามองรอยยิ้มของเด็กเด๋อที่ยังคงเต็มไปด้วยความจริงใจ โซ่ยังคงเป็นโซ่ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่น้องก็อยู่กับเขาด้วยความเข้าใจ และพร้อมจะทำให้หมาบ้าสงบได้ทุกเมื่อด้วยเหตุผล
“ตอนนี้พี่เท็นอาจจะเป็นเหมือนพี่ธีร์ตอนนั้นก็ได้นะครับ แต่คงหนักหน่อยตรงที่เขาทำตัวไม่น่ารักมานานคนก็เลยฝังใจ พอจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นก็ไม่รู้ว่ามีใครพร้อมจะให้โอกาสเขาไหม?”
เรื่องนี้ธีร์พร้อมจะเข้าใจคนทั้งโลก แต่พอเป็นไอ้เท็นแล้วการหาตรงกลางก็แทบไม่มี ใจมันพาลแต่จะเอนข้างไปที่ ‘เดี๋ยวสันดานมันก็ออก’ เพียงเพราะความฝังใจในอดีต ของแบบนี้ไม่เจอกับตัวคงเข้าใจยาก
“ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ ถ้าวันนี้พี่ธีร์ไม่โอเคก็ไม่เป็นไร แต่โซ่คิดว่าพี่แจ็คคงดีใจถ้าพี่ธีร์จะยินดีกับการที่เขาได้เพื่อนเก่าคืนมา”
“บทเรียนมันจะได้ผลกับทุกคนไหม นั่นคือสิ่งที่พี่คิด”
“จริงด้วยครับ น่าคิดเลย” เด็กเด๋ออมยิ้มพร้อมตบเบาะเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้เขาไปนั่งตรงนั้นด้วยกัน “พี่ธีร์อยากมารอดูพี่เท็นกับโซ่ไหมครับ ตรงนี้เลยตรงนี้”
ธีร์หันไปมองแฟนเด็กอย่างอ่อนใจ อ้อนแบบนี้ใครจะเป็นหมาบ้าต่อไหว การเล่นเกมแบบสปีดรันคงไม่ใช่เรื่องน่าสนอีกต่อไปแล้วเมื่อตอนนี้การตรงเข้าไปนอนตักน้องเด๋อแล้วง้องแง้งขอความรักนั่นคือสิ่งเดียวที่ฮีลเขาได้ดียิ่งกว่าอะไร
ธีร์ยังเป็นห่วงไอ้แจ็คและหงุดหงิดความเป็นไอ้เท็น แต่ถ้าเพื่อนมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาจะยอมกำหมัดกัดฟันเงียบ ๆ แล้วรอรับตัวเพื่อนตอนตกลงมาจากกำแพงก็ได้วะ
*
“วันนี้ทำไรกินแม่?”
“แม่เพิ่งกลับจากวัดยังไม่ได้ทำอะไรเลย เท็นหิวหรือยังล่ะ เดี๋ยวแม่ทำให้เอาไหม?”
“เดี๋ยวเท็นขึ้นไปถามไอ้แจ็คก่อนว่ามันอยากกินอะไร” พูดจบก็หลุดยิ้มเมื่อแม่เอาน้ำมนต์จากวัดมาพรมตัวกับศีรษะเขาพร้อมพึมพำเหมือนกำลังให้พร
“ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะลูกนะ เล่นเกมก็ชนะทุกตา”
“เดี๋ยว ๆ นี่แม่เล่นไศยศาสตร์เลยเหรอ?” อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ต่อให้เล่นเกมแพ้ก็ต้องบอกว่าชนะแล้วล่ะอย่างนี้
“ฝีมือเท็นดีอยู่แล้ว ได้พรแม่เพิ่มไปด้วยนี่แหละขลัง”
“งมงาย”
“เอ้าคิง ไปขัดแม่” เขาหันไปเลิกคิ้วมองน้องเล็กของบ้านที่นอนเล่นโทรศัพท์ทำหน้าตาเฉย ไอ้เด็กนั่นถอดแบบไอ้แจ็คตอนมอต้นมาชัด ๆ ต่างกันแค่ไม่ได้ตัดผมสกินเฮด
ขายาวเดินขึ้นไปบนห้องคุ้นเคยด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิมเพราะเพิ่มเติมความตื่นเต้นมาด้วย ก่อนหน้าเคยเป็นธรรมชาติอย่างไรวันนี้ติดลบไปอีกร้อย ไม่เจอหน้ากันแค่สามวันเองทำไมคิดถึงมากขนาดนี้ พูดแบบเอาแต่ใจเลยก็ได้ว่าเขาอยากตื่นมาเจอหน้าไอ้แจ็คทุกวันไม่เว้นนักขัตฤกษ์
“หยุด นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ!”
“อะไรครับคุณตำหนวด เก๋าเหรอ?”
อยู่ในจุดที่ได้ยินเสียงก็มีความสุขแล้วว่ะ อาการหนักแล้ว
“ทำอะไรอยู่วะ กินข้าวกัน” เท็นปิดประตูแล้วตรงเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่กำลังเก็บของใส่ลังกระดาษอย่างเป็นระเบียบพร้อมเขียนกำกับว่าข้างในนั้นมีอะไร จากห้องที่มีของเยอะอยู่ ๆ ก็โล่งจนชวนให้สงสัย และคำตอบของไอ้แจ็คก็ทำให้เขาอยากจับมันมาฟัดแรง ๆ
“เคลียร์ของให้ลูกมึงอยู่” ไอ้แจ็คนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน “วันไหนมาค้างที่นี่หมากับแมวจะได้ไม่เหงา”
คนเราสามารถน่ารักได้แม้กระทั่งตอนทำหน้านิ่งเหรอวะ?
“เอาหมาแมวเข้าบ้านได้เหรอ?”
“ข้างล่างไม่ได้เดี๋ยวขนติดเสื้อผ้าลูกค้า ถ้ามาถึงก็อุ้มลูกขึ้นห้องกูเลย ตรงนี้ให้พี่ซันนอน ส่วนมูนน่าจะชอบหลังตู้เสื้อผ้าไม่ก็ชั้นเก็บหนังสือ”
“แจ็ค”
“อืม?”
“เมื่อกี้มึงเรียกซันกับมูนว่าลูก”
คนถูกท้วงถึงกับสตันท์ไปหลายวิ และทันทีที่ตั้งสติได้แจ็คก็หันไปชี้โบ้จี้เบ๊ก่อนจะลูบท้ายทอยแก้เขิน และการเนียนก้มลงไปจัดของเหมือนในทีแรกก็เป็นทางออกเดียวที่จะช่วยกู้หน้าได้ในเวลานี้
“พ่อหมายเลขสองใจดีกับพี่ซันน้องมูนจังเลยอะครับ” ทนไม่ไหวแล้ว เท็นสวมกอดอีกฝ่ายที่ก้มโก้งโค้งพร้อมแนบหน้ากับแผ่นหลังพลางหลับตาพริ้มโดยไม่สนว่าจะมีใครเขินหรือไม่
“ก็ไม่อยากเป็นพ่อใจร้ายที่ชอบหอบข้าวของมานอนบ้านคนอื่นอะครับ”
“ก็กูคิดถึงมึงนี่หว่า คืนนี้ก็อยากนอนด้วย เอาไงดีวะ โทรเรียกแม่บ้านเข้าไปให้อาหารลูกหรือว่าจะขับรถไปรับลูกเป็นเพื่อนกู”
“ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยไหมล่ะจะได้จบ ๆ”
“อย่าท้า มึงก็รู้ว่ากูทำได้ถ้ากูอยากทำ” เท็นกระชับกอด ก่อนไอ้แจ็คจะยืนขึ้นพร้อมหันมามองเขา
“รอกูมีบ้านใหม่ก่อน”
“หะ?”
“อืม ตามนั้นแหละ” ไอ้คนหน้านิ่งกระแอมไอแก้เขินหลังจากพูดให้เขาช็อก ยังไงวะ หมายความว่าจะให้เขาไปอยู่ด้วยถ้ามันซื้อบ้านใหม่งี้เหรอ?
“แจ็ค ลูก!”
“ว่าไงแม่?!” เสียงสวรรค์ทำให้ต้องคลายมือออกจากอ้อมกอด เท็นเนียนกระโดดขึ้นเตียงพร้อมควานเอามือถือมากดเล่นก่อนเสียงเคาะประตูตามมารยาทจะดังตามด้วยแม่ที่หมุนลูกบิดเข้ามา
“พาเพื่อนออกไปกินข้าวไปลูกมันสายแล้ว เดี๋ยวแม่จะพาคิงไปส่งบ้านเพื่อน”
“เดี๋ยวแจ็คทำกินเองก็ได้”
“ตู้เย็นโล่งเหลือแต่ไข่แจ็คจะทำอะไรให้เพื่อนกินล่ะ ไปลูก ชาบูหมูกระทะอะไรก็กินไปเถอะ กินของอร่อยบ้าง” นอกจากจะพรมน้ำมนต์ให้เขาแล้วแม่ยังลามมาถึงไอ้แจ็คด้วย ทั้งพรมทั้งคุยเรื่องปากท้อง เห็นแล้วก็เอ็นดู
“แม่จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวเท็นซื้อมาให้”
“ไม่ต้องห่วงแม่หรอกลูก เราสองคนไปกินกันเถอะ”
“...”
เดี๋ยว แม่พูดถึงข้าวแต่ทำไมเขากับไอ้แจ็คถึงสตันท์แดกกลางอากาศแบบนี้วะ?
“โอเค งั้นถ้ามีอะไรก็โทรมานะ”
“ยำปูม้าก็ได้”
“นั่นไงแม่คุณ พอไอ้เท็นถามก็ไม่บอกไม่เอา” สองแม่ลูกหยอกล้อจี้เอวกันจนคนมองยิ้มขำตามไปด้วย
แม่ลงไปแล้วไอ้แจ็คจึงหันมามองเขาที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะยื่นมือมาให้จับพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้รู้ว่าวันนี้คงมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นตามคำอวยพรของแม่แน่ ๆ
*
“ประเทศกรุงเทพ ชีวิตดี ๆ ที่ลงตัว”
“ไม่มีร้านไหนว่างเลยว่ะ ร้านอร่อย ๆ ไม่คิวยาวก็หาที่จอดรถยาก กินอะไรดีวะ?” เท็นมองข้อมูลร้านอาหารในมือถือแล้วก็อยากถอนหายใจแรง ๆ พอเงยหน้าขึ้นก็เจอถนนที่แออัดไปด้วยรถอีก
ทั้งที่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีตามคำอวยพรแต่ไหงมาติดแหงกกลางถนนได้ โคตรเซ็ง เสียเวลาทิ้งไปเปล่า ๆ เลย
“งั้นกินอย่างอื่นได้ไหม หรือว่าอยากกินแซลมอนกับปิ้งย่าง?”
“กูกินอะไรก็ได้ เตี๋ยวข้างทางยังได้เลย ขอแค่หลุดออกจากตรงนี้ได้ก็พอ” เท็นรีบตอบ เขาไม่ได้อยากเป็นคนเรื่องเยอะต้องกินของแพง ตอนแรกที่ชวนก็เพราะอยากพาไอ้แจ็คไปกินของดี ๆ บ้างก็เท่านั้น
“โอเค งั้นก๋วยเตี๋ยวนะ”
นาน ๆ ทีถึงจะได้เป็นคนนั่ง ที่จะพูดก็คือปกติขับเองตลอดเพราะไม่มีเพื่อนคอยขับให้ แต่ก็แปลกใจดีที่วันนี้ไอ้แจ็คยอมทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ที่บ้านแล้วเลือกขับรถเขา พอคิดอย่างนั้นแล้วก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องหงุดหงิดหัวเสียเพราะเสียงบ่นฟ้าบ่นอากาศ เท็นหันซ้ายทีขวาที ก่อนจะเจออูคูเลเล่ตรงเบาะหลังซึ่งตั้งใจเอามาด้วย
“...”
แจ็คมองคนข้างตัวซึ่งกำลังเกาอูคูเลเล่เพลงคุ้นหู อีกทั้งยังทำหน้าทะเล้นแต่ต่างจากไอ้แหลมตรงที่รายนั้นเห็นแล้วอยากลงไม้ลงมือ ไอ้เท็นทำให้การรถติดบนถนนเส้นนี้ไม่น่าเบื่ออีกต่อไปด้วยเสียงดนตรีจากปลายนิ้วของมัน
“When your legs don’t work like they used to before... And I can’t sweep you off of your feet...”
อย่างที่รู้ว่าเท็นมักจะเล่นกีต้าร์มากกว่าร้องเพลง เขายอมให้อีกฝ่ายแซวว่าเสียงเหมือนหมาหอนตอนเดือนเก้าก็ได้ถ้ามันทำให้บรรยากาศดีขึ้น ไอ้แจ็คเคาะปลายนิ้วชี้กับพวงมาลัย ก่อนจะทำให้เขาพลาดเล่นเสียงเพี้ยนไปเพราะท่อนร้องจากเสียงทุ้มนุ่มของมัน
“Will your mouth still remember the taste of my love?”
เลือกเพลงได้ดีมากเท็น เลือกได้ดี
คิดว่าคงโดนฮุคตายคาที่แล้ว กระทั่งไอ้แจ็คกำมือป้องปากตนเองเพื่อกลบอาการขลาดอายเขาถึงรู้สึกว่าไม่มีใครเสียเปรียบให้กับหมัดนี้ที่เขาเป็นคนเริ่ม
กระอักกระอ่วนเหมือนเด็กเพิ่งเป็นหนุ่ม เสียงดนตรีเงียบหายไปกลางอากาศและเท็นคิดว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ใครสักคนต้องตายเพราะไม่ชินกับความเขิน
“มึงทาครีมไรเนี่ย แก้มสากโคตร ๆ” เขาเอาหลังมือถูกับแก้มไอ้แจ็ค ก่อนมันจะจับแก้มตัวเองเหมือนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“ก็ For Men ธรรมดา”
“เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ทาครีมดี ๆ ได้ เราผู้ชายก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันเข้าใจเปล่า?” ไอ้เท็นดูไม่ทัน มันขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอาหลังมือทาบแก้มเขาบ้าง ซึ่งเอาจริง ๆ เรียกว่าตบหน้าอาจจะเข้ากว่า หัวนี่โยกเชียว
“...”
“ไงล่ะ เห็นความต่างยังว่าหล่อแบบธรรมชาติลงโทษอย่างคุณมันสู้หล่ออย่างคนดูแลตัวเองแบบผมไม่ได้”
เท็นยกยิ้มพอใจขณะที่อีกฝ่ายนั่งนิ่งไปเหมือนกำลังประมวลผลว่าแก้มมันกับแก้มเขาแตกต่างกันมากแค่ไหน
“อะไร?” เขาเลิกคิ้วถามเพื่อนที่เอาแต่จ้องมองมาเหมือนอยากพูดอะไร แล้วไอ้แจ็คก็ให้คำตอบเป็นหลังมือที่พลิกลงพร้อมนิ้วที่หยิกแก้มเขาเบา ๆ
“...”
ข้างนอกอาจจะร้อนทะลุสามสิบหกองศา แต่เท็นคิดว่านั่นอาจจะน้อยกว่าอุณหภูมิบนหน้าเขากับไอ้ซื่อบื้อที่เพิ่งทำสิ่งที่ชวนให้เขินกว่าการกอดกันแล้ว หยิกแก้มงั้นเหรอ เท็นไม่เคยทำกับใครแล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครทำแบบนี้กับเขาด้วย ความรู้สึกมันเหมือนถูกสั่งให้กลั้นหายใจนาน ๆ ก่อนจะได้รับการอนุญาตให้หายใจอีกครั้งตอนมันชักมือกลับ
ไอ้แจ็คเหงื่อออกแล้ว และเท็นก็เพิ่งรู้ตัวว่าไม่ต่างกัน แต่มันก็บ้าเหลือเกินตรงที่เขายังอยากดำดิ่งลงไปอีกเหมือนจะเอาให้ตัวเองสำลักความสุขนี้ตาย ๆ ไปเสีย
“แจ็ค”
“อืม...”
“รถยังไม่ขยับ” หัวใจยังคงเต้นแรงและหน้าเขาเองก็คงแดงไม่แพ้กับคนข้างตัว แต่เท็นก็ยังอยากทำอย่างนี้ในช่วงเวลาที่มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ด้วยกันในรถ “...อยากจับมือ”
“...”
เขาแบมือออกมาก่อน ถ้าไอ้แจ็คเหนื่อยกับเรื่องเขิน ๆ แล้วมันคงหักหน้าเขาด้วยการจับพวงมาลัยรถแล้วทอดสายตาออกไปด้านหน้า แต่ใครจะสนวะ ถ้ามันไม่ยอมจับก็จะจับเอง เขามันคนเอาแต่ใจอยู่แล้ว
แต่ไอ้คนหน้านิ่งคงไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะสุดท้ายมันก็วางมือลงมาก่อนจะสอดประสานนิ้วกันจนได้
“มือกูสากกว่าแก้มอีกนะ จับได้เหรอ?”
“ไม่เป็นไร แค่ปากนุ่มก็พอแล้ว”
“อ้อ... อืม”
“เหี้ยเอ๊ย... กูนี่ก็หาเรื่องไม่หยุด”
เท็นตบหน้าผากตัวเองทั้งที่มืออีกข้างยังคงสอดประสานกับมืออีกคน เมื่อก่อนเคยคิดว่าคงมีแค่พวกเด็กมอต้นเท่านั้นที่จะเขินตอนหันไปสบตากันกระทั่งเจอกรณีไอ้แจ็ค ทั้งคู่เดี๋ยวมองเดี๋ยวหลบสายตาไป ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมากับสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น
ไม่มีใครร้องเพลง Thinking Out Loud ต่อ
เมื่อเขาทั้งคู่ต่างก็คิดออกมาดัง ๆ ผ่านทางสายตาและเรียวนิ้วที่สอดประสานกันแล้ว
(จบครึ่งแรก)ครึ่งหลังก็ยังไม่ได้กลับบ้าน หนูบอกแค่นี้
ช่วงนี้พายุเข้าเปล่าวะพี่ หนูว่าฝนใกล้จะตกแล้ว ใครตากผ้าไว้ก็เตรียมเก็บผ้าด้วยนะ
#ใส่ถุงมือล้างจานแล้วดีดนิ้วท่าเดียวกับธานอส