-12-
“เท่าที่พี่ฟังเราเล่ามา...พูดความจริงอย่าโมโหล่ะ...เท่าที่ฟัง วินเองก็ยังไม่ได้ถามไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” ทยุตพูดแล้วส่งแก้วนมร้อนให้เด็กหนุ่มที่ใส่ชุดนอนของเขากลิ้งไปมาบนเตียงอย่างเกียจคร้าน
รวินยื่นมือมาจะรับแต่ทยุตดึงกลับ
“อย่านอนกิน เสียนิสัย” พูดดุแต่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กับรวิน...ทยุตรู้ดีว่าเวลาไหนควรใช้แส้เวลาไหนควรใช้ลูกกวาด รวินดื้อกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่ไม่ถูกใจแต่ก็อ่อนหวานน่ารักกับทุกสิ่งที่ชอบด้วยเช่นกัน
“วินจะไม่ให้โอกาสเอริคอธิบายเหรอ เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าวงการพวกนั้นมันต้องมีสังคม เขาเป็นนายแบบนะไม่ใช่เชฟที่วันๆอยู่แต่กับอาหาร”
“..........................” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเบือนหน้าหนี
“เอริคยังหาเรื่องวินได้เลยเวลาวินโทรหาพี่ยุต....” น้ำเสียงในช่วงสุดท้ายฟังดูบางเบาลง ร่างเพรียวดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองเอาไว้
“เวลาอยู่ด้วยกันก็มีแต่ผู้หญิงโทรมา...” ผ้าห่มถูกเลิกขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าเป็นพี่ยุตจะทำยังไงล่ะ? แค่วินโทรหาพี่ยุต ก็มาชวนทะเลาะแล้ว”
“ถ้าพี่ยุตมีแฟน แล้วแฟนพี่ยุตมีแต่ผู้หญิงมาวุ่นวาย โทรหาตลอดเวลา... พี่ยุตจะทำยังไง”
“ที่เขาหาเรื่องก็เพราะเรามันชอบทำตัวไม่ชัดเจนไง เอะอะอะไรทะเลาะกับเอริคทีก็โทรหาพี่หนีกลับมาหาพี่ ถ้าวินเป็นเอริควินเองก็ต้องสงสัยเหมือนกันล่ะน่า”
ทยุตอยากเอามือเคาะกะโหลกให้จำสักที มีอย่างที่ไหน...โทรหาแฟนเก่าได้เกือบทุกวี่ทุกวัน
ทั้งตนเองและรวินต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าไม่มีอะไรอย่างแน่นอน... แต่หากมองจากสายตาของคนอื่น ยืนยันให้ตายก็คงไม่มีใครเชื่อ
“ส่วนเรื่องแฟน... พูดยากนะ แต่พี่ว่าแฟนพี่คงไม่มีสาวโทรหาหรอก”
พอนึกถึงก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมา...ป่านนี้คงอยู่ที่บ้านแล้วมั้ง
จะให้ทิ้งรวินที่กำลังเฮิร์ทไปหาก็ไม่ได้ จะติดต่อก็ไม่ได้ ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว
“หือ? พี่ยุตมีแฟนแล้วเหรอ? เมื่อไหร่?? ทำไมไม่เห็นบอกกันเลย??” คราวนี้ร่างเล็กทำตาโตก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ซ้ำยังมีท่าทีตื่นเต้นตกใจ
“ยุ่งน่า” ทยุตยื่นนมอุ่นให้ “เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว”
รวินรับแก้วนมมายกขึ้นดื่มเพียงอึกเดียวก่อนจะจ้องมองนัยน์ตาสีเขียวของทยุต
“เกี่ยวสิ คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”
“ไม่บอก เนอะ ไส้กรอก ลูกชิ้น” เชฟหนุ่มดีดมือเรียกเจ้าสองตัวที่ยื่นกระดิกหางอยู่หน้าห้อง สองหมารีบแจ้นเข้ามาหาทำท่าเหมือนจะขอนมในแก้วของรวินกิน
“วินอย่าให้นะ พวกนี้อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ใจอ่อนกันหมด ให้ทุกราย”
“เรื่องอะไรจะต้องฟังล่ะ พี่ยุตยังไม่ยอมบอกเลย โกรธแล้ว ต่อไปนี้มีอะไรวินจะไม่บอกบ้าง” คนเป็นฝ่ายงอนไม่พูดเปล่า ซ้ำยังทำทีเป็นหันหลังให้เสียอีก
“ไส้กรอก ลูกชิ้น อย่าไปสนใจคนขี้โกงเลย”
“ก็ได้ๆ เออ มีแล้ว” ทยุตพูดอย่างเสียไม่ได้... ถึงจะเป็นการตู่เอาเองว่าเป็นแฟนก็เถอะ แต่เขาเชื่อว่าอย่างน้อย...ความรู้สึกคงไม่ต่างกัน
“แล้วนี่วินได้โทรไปหาเอริคหรือยัง เขายิ่งขี้หึงอยู่ เดี๋ยวก็งอนกันอีกไปงอนกันมา พี่ประสาทจะเสีย”
“ไม่โทร.... ไม่เอา พี่ยุตอยากให้โทรก็โทรเอง วินไม่อยากพูดด้วย” รวินพูดราวกับเป็นเด็กเล็กๆที่กำลังงอนผู้ใหญ่ มือยื่นส่งแก้วนมคืนให้กับทยุตก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหนี
“ง่วงแล้ว ฝันดีนะพี่ยุต”
“แล้วอย่ามาว่ากันทีหลังล่ะ ไอ้เด็กบ้า” รอมยิ้มระอาใจแย้มจางๆ เขามองแก้วนมอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั่งลงข้างเตียงลูบหัวที่โผล่แวบๆพ้นโปงผ้าเบาๆ
“ทีตอนมาล่ะร้องไห้นู่นนี่ พอชักดีขึ้นล่ะปากเก่ง เฮ้อ เหนื่อยใจแทนแฟนเราจริงๆ”
“... ก็วินไม่อยากยุ่งแล้ว จะอยู่กับพี่ยุต” ร่างบางที่แอบซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มบ่นอุบอิบออกมา มือออกแรงยึดเอาผ้าไว้ไม่ให้ทยุตได้ดึงออกหรือแย่งไป
“โกหก” ทยุตโถมร่างลงทับแล้วกอดไว้เบาๆเหมือนกอดเด็กชายแสนดื้อคนนึง
“ที่ๆวินอยากอยู่น่ะ ไม่ใช่ที่นี่หรอก....พี่รู้” มือใหญ่ดึงก้อนผ้าห่มให้หลุดออก หลังจากต่อสู้ยื้อกันไปมาพักใหญ่เจ้าตัวดีก็นอนแผ่หราหนุนแขนเขา
“ให้พี่โทรหาแทนนะ...บอกเขาให้มารับ”
รวินไม่ตอบอะไร แต่กลับเป็นฝ่ายซุกร่างกายเข้าหาร่างสูง ผิวแก้มที่เริ่มเย็นแนบเข้ากับแผ่นอกกว้างแล้วออกแรงกอดจนแน่น ถึงจะไม่ได้ตอบตกลง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือว่าร้องห้ามสิ่งที่ทยุตบอกว่าจะทำ
“งั้นขอเวลาแป๊บ” ทยุตขยี้หัวรวินเบาๆแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดหาปลายทางต่างประเทศ...ที่เขามีเบอร์เอริคเป็นเพราะไอ้คนที่นอนกอดเป็นปลาหมึกคนนี้แหละชอบแอบโทรมาหา...ซึ่งมันเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการหึงอย่างออกหน้าออกตาของนายแบบลูกครึ่งไทยฝรังเศสคนนั้น
“ฮัลโหลเอริค...นี่พี่ยุตพูด” ทยุตแทนตัวเหมือนที่รวินพูดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องท้าวความกันนาน
“วินอยู่บนเตียงพี่ จะมาเอาก็รีบมาซะ ถ้าไม่มาจะยึดคืน”
เสียงโวยวายทั้งภาษาไทย อังกฤษ และฝรั่งเศสดังลอดมาตามสายจนอดเบ้หน้าไม่ได้ เชฟหนุ่มรอให้อีกฝ่ายหยุดพูดเพราะความเหนื่อยแล้วสวนกลับ
“หัดรู้จักเชื่อใจวินซะมั่ง......วินน่ะรักนายนะ” คราวนี้อีกฝ่ายเงียบไปครู่ใหญ่ ทยุตเหลืองมองรวินแล้วยื่นโทรศัพท์ให้
“อ่ะ...พูดอะไรหน่อยสิ”
“......... ถ้าไม่มาฉันไม่กลับไปนะ” คนพูดจงใจทำเสียงห้วนๆใส่แล้วเบือนหน้าหนีจากโทรศัพท์ที่ร่างสูงยื่นมาให้ทั้งๆที่ในใจเริ่มรู้สึกอ่อนลงบ้าง
“เจ๋ง” ทยุตชมแล้วกดตัดทันที “เดี๋ยวนี้รู้จักมีลูกเล่นนะ ไปเอามาจากไหนเนี่ย..ถ้าไม่มาฉันไม่กลับ...ประโยคนี้ถ้าไม่เอาแต่ใจสุดๆพูดไม่ได้เลยนะ”
ทยุตยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆนั้นตูมขึ้นมาอย่างขัดใจ
....เด็กเอ๊ย....
...ถ้าญาณัชแสดงอารมณ์ออกมาได้ครึ่งของเจ้านี่ก็ดีสินะ...
/////////////////////////////////////////
ปลายนิ้วเรียวค่อยๆเคาะลงบนแป้นสีขาว ผ่อนน้ำหนักกดเพื่อสร้างสุ้มเสียงที่ดังค่อยต่างกัน ญาณัชกำลังบรรเลงเพลงโปรดที่พิชญ์ชอบฟังท่ามกลางความมืดอีกเช่นเคย นัยน์ตาโศกดูแดงช้ำขัดกับรอยยิ้มจางๆที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปาก
“เดี๋ยวอาพีทก็กลับมาแล้ว....” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยพูดกับตัวเองขึ้นมาลอยๆ ราวกับความฝันเมื่อครู่นั้นสมจริงเสียจนแยกแยะไม่ออก
ทุกครั้งที่เล่นเปียโนตอนเย็น พิชญ์มักจะเปิดประตูเข้ามาแล้วขอให้เล่นเพลงที่ตนชอบอีกครั้ง แต่เด็กหนุ่มก็มักจะแกล้งเล่นด้วยการไม่ยอมเล่นให้ฟัง
ประตูที่ไม่ได้ถูกล็อกเปิดออกเบาๆ ร่างสูงถูกความมืดของห้องทาบทับบนใบหน้าจนดวงตามืดไปขณะหนึ่ง ทยุตก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งอยู่กับแกรนด์เปียโนกลางห้อง
“นัท....พี่มาหา...”
“อาพี--?” ครั้นหันไปตามเสียงที่ได้ยิน คนที่เข้ามากลับไม่ใช่คนที่คิดไว้ ญาณัชกระพริบตามองร่างสูงที่ยืนนิ่งก่อนจะสะบัดศีรษะไปมาสองสามครั้ง แล้วจึงมองคนที่เดินเข้ามาอีกครั้ง
“..... พี่... ยุต?” ความรู้สึกคล้ายกับมีแรงดันบางอย่างจากภายในขึ้นมา ผลักให้ดวงตาที่ดูไร้ชีวิตชีวารื้นขึ้นด้วยน้ำตา
ทยุตเดินเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง ปลางคางสากดลงตรงกลางกระหม่อมเบาๆ ท่อนแขนเข็งแรงโอบรัดร่างบางแนบกาย
“......ขอโทษนะที่เพิ่งมา....”
เพียงเท่านั้นน้ำตาก็ไหลลงมาเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมเอาไว้ มือละจากแป้นเปียโนยกขึ้นจับแขนที่กอดรัดเอาไว้
“นึกว่า... จะไม่ได้เจออีกแล้ว...” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยบอกพลางนึกย้อนไปถึงความรู้สึกตัวเอง เพราะคิดว่าถ้ารวินที่มีปัญหามาอยู่กับทยุต ก็คงไม่มีที่ให้เขาเข้าไปแทรก พอนึกแบบนั้นก็เจ็บปวดเสียจนเกือบจะทำร้ายตัวเองอย่างที่เคยชิน
แต่เพราะสัญญากับทยุตไว้ว่าจะไม่ทำอีก เด็กหนุ่มจึงไม่ได้ทำลงไป...
ถ้าความรู้สึกที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเลือกใครก่อนตัวเองนั้นคือความรักอย่างที่ธัชเคยบอก เขาก็คงหลงรักทยุตเข้าไปแล้วอย่างถอนตัวไม่ขึ้น - - - เพียงเห็นทยุตมีสีหน้ากังวลกับรวินที่มาหา เพียงเห็นทยุตมีท่าทีว่าจะต้องดูแลรวิน ความคิดเอาแต่ใจก็ก่อตัวขึ้นมาไม่ยอมหยุด
“ที่เป็นแบบนี้... เพราะนัท... รักพี่ยุต... ใช่ไหม”
เชฟหนุ่มนิ่งงันไปชั่วขณะ ความรู้สึกทั้งหมดมวลถูกปิดกั้นด้วยคำว่า “รัก” ที่อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างชัดเจน
ในอกคล้ายถูกใครสูบลมเข้าไปจนเต็ม..ลมที่มีความอ่อนนุ่มและหอมหวลราวกับจะทำให้ตัวลอยขึ้นจากพื้นได้ เขาเคยได้ยินคำว่ารักครั้งแรกผ่านริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีหวานของสาวรุ่นพี่ยามที่ร่างกายเกาะเกี่ยวกัน และเคยได้ยินหลายต่อหลายครั้งจากใครหลายๆคน
...แต่ไม่มีครั้งไหนๆที่อิ่มเอมใจเท่านี้เลย...
“นัทรักพี่เหรอครับ....” ถ้อยคำโง่เง่าที่ถามซ้ำทำเอาแทบจะกัดปากตัวเอง ทยุตนั่งคุกเข่าลงช้าๆแล้วกอดเอาหน้าอกแนบชิดแผ่นหลังบอบบาง ฝากเสียงหัวใจเต้นส่งผ่านความรู้สึกลึกซึ้งโดยไร้คำพูด
ณ ตอนนี้...จากนี้ตลอดไป...
ผู้ชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้รู้แล้วว่าจะมีชีวิตอยู่...เพื่อใคร...
“ใช่ไหม..... นัท.... ไม่อยากอยู่คนเดียว..... อยากอยู่กับพี่ยุต...” ร่างบางขยับตัว ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดอบอุ่นที่โหยหา แล้วยกขาขึ้นข้ามเก้าอี้เปียโนเพื่อจะได้หันมามองหน้าร่างสูงตรงๆ
“.... นัทกลัว... ว่าพี่ยุตจะอยู่กับคุณวิน......”
“วิน?”ทยุตทวนคำพูด...ไอ้เด็กนั่นเนี่ยนะ
“พี่มีอะไรจะบอกนัท แต่นัทต้องสัญญาว่าจะช่วยพี่นะครับ” เชฟหนุ่มยิ้มบางเบาก่อนจะรั้งร่างบอบบางเข้ามาใกล้ ปลายฟันกดที่ใบหูเบาๆก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว
“พี่โกหกวินไปว่านัทเป็นแฟนพี่.....แต่นัทช่วยทำให้เป็นจริงได้ไหมครับ” สองมือประคองใบหน้าที่ดูซูบลง นัยน์ตาพราวระยับจับจ้องที่ดวงตาโศกรื้อน้ำตา
“พี่อยากให้นัทจำไว้..ว่ารวินเป็นน้องที่พี่รักก็จริง..แต่คนที่สำคัญและรักที่สุดคือนัทนะครับ..”
คำบอกรักที่แสนอ่อนโยนทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตื้นตันขึ้นมาจนเป็นฝ่ายโผเข้ากอดร่างสูง
“อือ... ได้สิ... ได้........”
“... รัก... เหมือนกันนะ.... พี่ยุต...”
คำรักที่ฟังดูไร้เดียงสาแต่เปี่ยมด้วยความเย้ายวดฉุดความทรงจำยามแนบชิดที่ทะเลราตรีขึ้นมา อ้อมกอดอบอุ่นค่อยๆกระชับเข้าช้าๆจมูกโด่งคลอเคลียข้างแก้มขาวนวล กลิ่นเมลอนหอมหวานที่โชยมาจากต้นคอถูกกักเก็บไว้อย่างดีผ่านสิ่งที่กำลังแตะแผ่วบนผิวกาย
“อาจจะเร็วไป...แต่ถ้าพี่ถามว่าตอนนี้นัท...พร้อมหรือยัง...นัทจะว่าพี่ไหมครับ”
ญาณัชส่ายศีรษะแรงๆก่อนจะยันร่างกายของตัวเองขึ้นเพื่อมองนัยน์ตาคมสีสวย
“ไม่ว่า....” ความทรงจำในอดีตที่นึกถึงทำให้เขาสามารถเอ่ยตอบได้อย่างมั่นใจกว่าคราวก่อน แม้จะยังรู้สึกหวั่นๆอยู่บ้าง
“แต่นัท... ไม่รู้...... จริงๆนะ...”
ทยุตลุกขึ้นนั่งแล้วโอบร่างเล็กไว้ จุมพิตหวานเมื่อครู่แปรเป็นจุมพิตปรารถนา ปลายลิ้นอุ่นร้อนรุกไล่รวดเร็วจนคนในอ้อมกอดตัวอ่อนยวบ เขาค่อยๆดึงญาณัชให้ลุกขึ้นยืนแต่แรงดึงดูดที่ท่วมท้นกลับปล่อยให้จิตใจนำพา มือใหญ่ไล่ปลดกระดุมจนแผ่นอกของคนตรงข้ามเผยออก ยอดอกสีอ่อนถูกหยอกเย้าช้าๆด้วยปลายนิ้วแต่อีกมือหนึ่งกลัวกระตุ้นผ่านกางเกงผ้าเนื้อเบาเบื้องล่าง
“อย่างนี้รังเกียจไหมครับ” เสียงแหบพร่าถามแผ่วเบา
สัมผัสร้อนจากทยุตเรียกความทรงจำค่ำคืนเมื่อตอนไปทะเลด้วยกันกลับมา มีหรือเขาจะนึกรังเกียจอีกฝ่ายได้
“นัท... จะรังเกียจพี่ยุตได้ยังไง” น้ำเสียงสั่นไหวเอ่ยถามผะแผ่วยามปล่อยร่างกายที่แทบไร้เรี่ยวแรงให้กับร่างสูง
“ขอโทษนะครับ” พูดจบร่างเล็กก็ถูกยกจนลอยขึ้นเหนือจากพื้น ท่อนแขนแข็งแรงอุ้มเดินข้าๆ ทยุตรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังจะไปที่ไหน...และมันจะเกิดอะไรขึ้น
ร่างสูงสืบเท้าไปยังประตูห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะเปิดออกช้าๆ เตียงหลังกว้างปูผ้าปูสีสะอาดตาเรียบตึง ในนั้นไม่มีสิ่งของที่เกินความจำเป็นเท่าไรยกเว้นพวกซีดีเพลงบรรเลงที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
ทยุตปล่อยญาณัชลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ร่างสูงทาบทับลงเนิบช้า...ปล่อยให้ร่างกายแทบทุกส่วนได้สัมผัสผ่านเนื้อผ้า จูบแผ่วเบาราวกับปีกผีเสื้อปัดผ่านริมฝีปากหยอกเย้าคนตัวเล็ก
“...ได้ไหมครับ.....”
คนตัวเล็กพยักหน้าช้าๆก่อนจะพูดลอยๆขึ้นมาที่ฟังดูคล้ายคำบ่นกับตัวเอง ดวงตาโศกสีเข้มเสมองไปทางอื่นก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
“ทำไมพี่ยุต... ต้องถามหลายรอบ... ด้วย”
“พี่ไม่อยากให้นัทเสียใจทีหลัง” คำพูดหนักแน่นเอ่ยตอบ...เพราะแคร์มากถึงต้องถาม
...แต่ก็เพราะรัก...ถึงต้องการมากมายขนาดนี้...
มือหยาบจับที่แก้มเบาๆ นัยน์ตาสีเขียวอมเทาจับจ้องด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี
ญาณัชยกมือของตัวเองขึ้นทาบทับฝ่ามือใหญ่ข้างนั้น นัยน์ตาสีนิลมองตอบก่อนจะเอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม
“นัท... จะเสียใจ... ถ้าพี่ยุตไม่อยู่กับนัทแล้ว......”
“พี่จะอยู่กับนัท...ไม่ว่าใครจะว่ายังไง..ตลอดไปของพี่ พี่ให้นัทแล้ว” เชฟหนุ่มโถมตัวทาบทับร่างบอบบางแล้วกอดเอาไว้ มือใหญ่ลากผ่านลงสู่เบื้องล่างเชื่องช้าราวกับจะปลุกอารมณ์ของญาณัชให้ลุกโชน ทยุตถอดกางเกงของเด็กหนุ่มออกแล้วแตะเบาๆด้วยปลายนิ้ว ก่อนจะใช้มือกระตุ้นจนส่วนอ่อนไหวลุกขึ้นในมือ
“........นัทหน้าแดงจัง....”กระซิบข้างหูหมายยั่วเย้าก่อนจะขบลงเบาๆที่ติ่งหูเย็นๆ
“ก.. ก็... นัทห้าม... ได้ที่ไหน” มือเรียวสวยที่เป็นอิสระถูกยกขึ้นมาปกปิดใบหน้าของตัวเองให้พ้นจากสายตาของร่างสูง แรงขบที่ริมใบหูส่งกระแสไฟฟ้าอ่อนๆให้แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย พอๆกับสัมผัสหนักหน่วงจากฝ่ามือร้อนที่หยาบกร้าน
ทยุตยิ้มเอ็นดู เขาก้มลงจูบมือที่งสองข้างแล้วรั้งเอาไว้ “ปิดหน้าทำไมล่ะครับ...นัทเขินเหรอ”
ทยุตเล้าโลมช้าๆเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เคยชินกับการสัมผัส ปลายนิ้วแข็งแตะแผ่วเบาลงบนช่องทางด้านหลังซึ่งปิดสนิท ทยุตกอดร่างเล็กที่แข็งเกร็งก่อนจะลูบหลังปลอบประโลม จากที่แตะอยู่เฉยๆปลายนิ้วแข็งก็เริ่มเคลื่อนไหวขยับเข้าสู่ภายในทีละนิด
“ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะ...”
นัยน์ตาคู่สวยปิดแน่นแม้จะพยายามขืนแขนเอาไว้ ไม่อยากเปิดเผยสีหน้าของตัวเองให้ทยุตเห็น ความรู้สึกหวาดหวั่นเริ่มก่อตัวขึ้นพร้อมๆกับความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัส
“.... อือ” แม้จะรู้ดีว่าห้องนั้นแทบไม่มีแสงเลย ก็ยังอดรู้สึกเขินอายไม่ได้
“จ... จะเจ็บ... เหรอ”
“..........................” ริมฝีปากที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มอ่อนโยน ทยุตดันนิ้วเข้าไปจนสุดแล้วขยับเชื่องช้า ร่างเล็กที่ขยับไหวในอ้อมกอดทำให้ความรู้สึกในตัวค่อยๆถูกปลุกขึ้นทีละนิด เขารู้ถึงร่างกายท่อนล่างของตัวเองว่ามันกำลังเป็นเช่นไร
“อื๊อ....” เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากจนแน่น กลั้นเสียงครางที่แม้แต่ตัวเองยังไม่คุ้นเคยไม่ให้หลุดรอดผ่านออกมาได้ ร่างกายรับรู้ถึงปลายนิ้วชัดเจนเสียจนเผลอร่นกายหนีโดยไม่รู้ตัว
“ส่งเสียงออกมาได้นะครับ...พี่ไม่ว่า” เสียงทุ้มพูดเย้า ปลายนิ้วที่สองถูกสอดเข้าพร้อมๆกับมืออีกข้างที่หยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวเต็มที่ ทยุตใช้ริมฝีปากครอบครองยอดอกที่กลายเป็นสีแดงจัด แนวฟันขาวสะอาดแทะเล็มพร้อมกับปลายลิ้นที่ไล้วน
“อึดอัดไหม?” เสียงอู้อี้ถามแผ่ว
ถามว่าอึดอัดไหม ตอนนี้เขาไม่อยากแม้แต่จะอ้าปากตอบเสียด้วยซ้ำ ทำได้เพียงปล่อยให้ลมหายใจถูกปล่อยผ่านฝ่ามือของตัวเอง ญาณัชตอบคำถามของร่างสูงด้วยการผงกศีรษะเร็วๆ จุดที่ไวต่อสัมผัสของร่างกายกำลังถูกทยุตรุกราน จนเด็กหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป
ปลายนิ้วใหญ่ถูกขยับอีกพักหนึ่งก่อนจะถอนออกมา ทยุตพลิกตัวละจากร่างเล็กนอนหงายแหงนมองเพดาน มือใหญ่กอบกุมเรียวนิ้วยาวสวยเอาไว้ เขานอนนิ่งสักพักเฝ้ารอดูร่างเล็กกระสับกระส่ายและดวงตาคลอหยาดน้ำที่ลอบมองมาทางเขา
“ต้องการรึเปล่าครับ” ทยุตถามแล้วลุกนอนตะแคง มือซุกซนลูบตามผิวกายสะอาดตา
...อยากได้คำยืนยัน...ว่าญาณัชต้องการเขาจริงๆ...
...ไม่ใช่เพียงบรรยากาศพาไป...
“...” ความอึดอัดทรมานแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย
“พี่... ยุต....” น้ำเสียงที่หลุดออกมาฟังดูแปร่งหูจนตัวเองยังแปลกใจ น้ำใสๆที่คลออยู่เต็มดวงตาทำให้มองสีหน้าของทยุตไม่ชัด แต่ถ้าถามว่าต้องการไหม คำตอบที่ตามหาก็มีเพียงหนึ่งเดียว
“..... ทำไม... ถึงคิดว่า... นัท... ไม่ต้องการ....”
ทยุตตอบรับด้วยริมฝีปากอ่อนโยน ร่างสูงปลดกางเกงของตัวเองออกแล้วแนบร่างกายที่รุ่มร้อนลงบนช่องทางปิดสนิท เจลเย็นๆถูกป้ายลงแล้วนวดเฟ้นช้าๆ...เขาอยากให้ครั้งแรกของญาณัชเป็นประสบการณ์ที่ดี ไม่อยากให้เจ็บปวดเกินความจำเป็นและอยากให้จดจำความอิ่มเอมให้เต็มที่
“อ้าขาอีกนิดนะนัท...หายใจช้าๆ...อย่าเกร็งนะครับ”
แม้จะรู้สึกอายจนอยากมุดหนี แต่เรียวขาที่อ่อนแรงก็ค่อยๆแยกออกจากกันตามที่ทยุตพูดราวกับต้องมนตร์
“... พี่ยุต................” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ท่อนแขนบอบบางก็ยกขึ้นโอบรอบลำคอหนาเอาไว้ ดึงเอาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองให้รับไออุ่นจากทยุตมากขึ้น
“รัก..... นะ” ถ้อยคำรักหวานหูถูกกระซิบแผ่วเบาจากริมฝีปากสีอ่อนก่อนที่ญาณัชจะกอดร่างสูงให้แน่นขึ้น
ท่อนแขนเล็กๆที่กอดตัวเขาจนแน่นเป็นคำยืนยันที่ดีกว่าคำพูดที่เปล่งออกมา ร่างสูงซุกใบหน้าแนบลงตรงลำคอเรียวก่อนจะเคลื่อนกายขยับส่วนรุ่มร้อนเข้าไปทางเบื้องหลังทีละนิด ปลายเล็บที่จิกลงกลางหลังสร้างบรรยากาศที่แปลกประหลาดเล็กน้อยแต่เขารู้ดีว่ามันคงไม่เจ็บเท่าร่างเล็กที่ดวงตาปิดสนิทแต่น้ำตาไหลริย
ทยุตจูบซับที่หัวตาแผ่วเบา “ขอโทษนะ....เจ็บมากใช่ไหม?”
“อึก... อือ...” ความร้อนผ่าวที่แผ่กระจายมาจากภายในจากร่างกายที่เชื่อมต่อกันก่อความรู้สึกประหลาดปะปนกับความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่าง
“.... เจ็บ.........” นัยน์ตาคู่สวยเปิดมองคนที่แนบจุมพิตลงบนใบหน้า
“แต่... ไม่เป็น... ไรนะ.........”
ทยุตรุกรานเชื่องช้า ร่างกายที่ขยับเป็นจังหวะแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ลมหายใจร้อนรุ่มเป่ารดกันและกันจนแทบหลอมละลาย ร่างสูงขยับเร็วขึ้นตามแรงเร้าอารมณ์แต่ก็ไม่ลืมจุมพิตปลอบขวัญกับริมฝีปากแดงจัด
“นัท...ไหวไหม...” เสียงครางที่หลุดรอดบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของคำพูดกำลังอยู่ในความรู้สึกแบบใด ทยุตจูบริมฝีปากแดงช้ำพลางกระซิบคำรักนับครั้งไม่ถ้วน
“อ.. อื๊อ-- ว... อา..” ถึงญาณัชจะพยายามเอ่ยตอบ แต่สิ่งที่รอดพ้นริมฝีปากของเขากลับมีเพียงเสียงครางหวานหู ปลายนิ้วยังคงกดเล็บจิกลงกลางแผ่นหลังกว้างอย่างไม่รู้ตัว
เด็กหนุ่มรับรู้รสสัมผัสหวามไหวอย่างชัดเจน และไม่อาจปฎิเสธถึงความสุขที่เริ่มแทรกแซงขึ้นมา
ร่างที่ทาบทับขยับตัวต่อเนื่อง ทยุตขยับมือที่จับส่วนอ่อนไหวอย่างรวดเร็ว อารมณ์ปรารถนาถูกดึงขึ้นสูง....มือหนารู้สึกถึงแรงกระตุกเล็กๆและหยาดน้ำอุ่นจัดที่ไหลเปรอะ มือที่เลอะด้วยหยาดอารมณ์ลูบที่ต้นขาขาวช้าๆก่อนที่ตนเองจะขยับกายเร็วขึ้น ความร้อนที่พุ่งสูงถึงขีดสุดไหลพล่านออกมาอย่างท่วมท้น ส่วนร้อนเร่าที่ยังค้างคารู้สึกถึงความอุ่นจัดที่เพิ่งปลดปล่อยเข้าสู่ภายใน
ทยุตปล่อยตัวเองลงนอนกับผ้าปูยับย่น ท่อนแขนแข็งแรงโอบญาณัชขึ้นมานอนบนตัวทั้งที่ร่างกายยังเชื่อมต่อ
“นัทน่ารัก....”
ร่างบางไม่ได้เอ่ยตอบอะไรนอกจากหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ภายในหัวยังรู้สึกคล้ายมึนเมากับสิ่งที่เกิดขึ้น ความสุขทางกายที่ได้สัมผัสแตกต่างจากครั้งที่ทะเล
“... น่ารัก... อะไร...” นัยน์ตาคู่สวยยังคงไม่ยอมเปิดขึ้น นอกจากเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนเกือบจะเป็นจังหวะเดียวกันแล้ว ญาณัชยังคงรู้สึกถึงตัวตนของเชฟหนุ่มที่ยังคงค้างอยู่ในร่างกายของเขา
“นัท...... ไม่ใช่... เด็กผู้...หญิง.... นะ”
ครั้นลองขยับกายเพียงเล็กน้อยก็ไม่เห็นว่าทยุตมีท่าทีจะขยับออกไปไหน สุดท้าย ริมฝีปากสีอ่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเข้มก็ค่อยขยับเอ่ยถาม
“พี่ยุต... เอาออก... ได้หรือยัง...”
“ยัง....” ใบหน้าเล็กๆที่ดูเหมือนกำลังงงนั้นน่ารักจนอดโน้มคอลงมาจูบไม่ได้ ทยุตจุ๊บแตะทั่วใบหน้าก่อนจะถอยเป็นคลอเคลียเบาๆ
“นัทอยากเอาออก...ก็เอาออกเองสิ” เชฟหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์...ดูสิว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“อึด... อัด....... นะ” ญาณัชเอ่ยเสียงเบา ร่างบางค่อยๆขยับเรียวขาที่อ่อนแรงให้มั่นก่อนจะพยายามยันตัวขึ้น มือยึดเอาไหล่กว้างไว้ ก่อนจะขยับร่นตัวขึ้นมาเพื่อให้ส่วนนั้นค่อยๆหลุดออกมาจากร่างกายพร้อมกับหยาดขุ่นข้นสีขาวที่ไหลออกมาตามต้นขา
“อึก...”
ภาพตรงหน้าทำให้ทยุตแทบจะ'ถึง'อีกรอบ พอรู้สึกว่าสิ่งที่ไหลออกมาจากช่องทางอ่อนนุ่มตรงนั้นคือของตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกว่าได้ผูกพันกับญาณัชอย่างลึกซึ้งแล้ว ความหวงแหนที่ก่อตัวขึ้นทำให้มือใหญ่ต้องรีบคว้าร่างบอบบางลงมากอด
เชฟหนุ่มไล้มืออย่างนุ่มนวลบนสะโพกเพรียว หยาดขุ่นข้นถูทาบางๆบนผิวอ่อนนุ่ม ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้าไปทางด้านหลังอีกครั้งอย่างระมัดระวัง แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นแล้วจับญาณัชให้หันหลังให้และสำรวจด้วยตาอีกครั้ง
ช่องทางด้านหลังดูชุ่มชื่น รอยบวมแดงชัดเจนจนอดรู้สึกสงสารไม่ได้ ปลายนิ้วหยาบได้แต่แตะเบาๆไล้ปลายนิ้วบรรเทาความเจ็บให้ ดวงตาสีแปลกจับจ้องที่หยาดน้ำที่ควรจะมีเพียงสีขาว...แต่กลับมีสีของเลือดปะปนมาไม่น้อย
“นัทเลือดออก...เจ็บใช่ไหมครับ” ร่างสูงรวบอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น
“เจ็บมากหรือเปล่า...พี่...ขอโทษ..”
ในตอนที่ยังไม่ได้เรี่ยวแรงกลับคืนมา ญาณัชตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยการส่ายศีรษะช้าๆ
“.... นัท... ทำให้พี่ยุต... รู้สึกดีใช่ไหม” น้ำเสียงหวานหูเอ่ยคำถามพาซื่อแผ่วเบา แม้ในตอนแรกจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าความสุขทางกายที่จิตใจเชื่อมต่อกันแล้วนั้นเป็นอย่างไร และมันทำให้มีความสุขเสียจนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
คำพูดตรงไปตรงมาไร้การเสแสร้งต่างจากคู่นอนคนอื่นๆที่ผ่านมา...แต่สำเนียงบางอย่างบ่งบอกเขาว่าคนตัวเล็กกำลังนึกเปรียบเทียบกับอดีตของเขา ใช่ว่าคนพวกนั้นไม่ดี ทยุตไม่เคยนึกรังเกียจความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเลิกที่ป้องกันอย่างดี แต่ความรู้สึกของ'รัก'ที่ไม่เคยได้สัมผัสอย่างชัดเจน...รักแบบที่ได้จากญาณัชมันรู้สึกอบอุ่นและเติมเต็มยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ลงรักเข้าแล้ว....ต่อให้อีกฝ่ายแค่จับมือกันก็มีความสุข
“นัททำให้พี่มีความสุข...มากเท่าที่ในชีวิตพี่เคยมีมา...” ทยุตยืนยันคำพูดอีกครั้งด้วยจุมพิตหวานแผ่วบนเปลือกตา
“นัท...พี่ขอบคุณมากนะครับ...ที่นัทรักพี่ ที่ทำให้พี่ได้รู้จักรักใครสักคน”
“... ดีใจ... นะ.... ที่พี่ยุต... มีความสุข” นัยน์ตาโศกสบมองคนที่บอกรักอย่างอบอุ่นอีกครั้ง มือเรียวบางยกขึ้นแนบกับผิวแก้มของเชฟหนุ่มแล้วจึงเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“เพิ่งรู้นะ... ว่าเวลามีคนรัก... มันมีความสุขขนาดนี้เลย....”
รอยยิ้มอ่อนโยนยกขึ้นอย่างเอ็นดูด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นในหัวใจ มันไม่ใช่รักครั้งแรกที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดตื่นเต้นเร้าใจ ไม่ใช่เหมือนทุกครั้ง..ที่ไม่ต้องมีรักก็มีเซ็กส์ได้
...แต่นี่จะเป็นรัก...ครั้งสุดท้าย...
ทยุตรู้ดีว่าในโลกนี้มีคำกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดแน่นอน แต่มันคงจะมีบางอย่างที่ก้าวเส้นที่ขีดไว้...
...รัก...
ญาณัชคนนี้..คงเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงคำว่า”รัก”แน่นอน
“บอกรักพี่เยอะๆนะครับ”
“อือ... ได้สิ” เขาเอนตัวซบกับร่างสูงอีกครั้ง รับรู้ถึงความอบอุ่นและหัวใจที่อิ่มเอม
“รักพี่ยุต...” ญาณัชเอ่ยคำรักหวานซึ้งแผ่วเบา
“อื้ม...” ทยุตไม่ได้เอ่ยตอบเพราะรู้ว่าดวงตาและอ้อมกอดได้สื่อหมดทุกสิ่งแล้ว อ้อมแขนที่กระชับมั่นคงแทนคำสัญญาจากนี้ไปสู่อนาคต
เชฟหนุ่มรับรู้ได้ด้วยสัมผัส...หัวใจ...และวิญญาณ
ว่าความรักที่เขาเคยสงสัยว่ามีอยู่ที่ใดในโลกใบนี้....ได้อยู่ในอ้อมกอดแล้ว
To Be Continued......
Talk :
หุงข้าวแดงให้น้องนัท 555555
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ หมีกับดอกไม้ดีใจที่ทุกคนชอบนิยายนะคะ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ