ตอนที่ 9 บาบีคิวเสี่ยงทาย
หลังจากที่ใบเมี่ยงและพายพัดเก็บของใช้และเคลียร์ค่าเช่าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ขมิ้นพาทั้งคู่มาที่ตลาด ใบเมี่ยงอาสาขอเป็นคนซื้อของไปทำอาหารเย็นเอง ใบเมี่ยงอยากทำอาหารเหนือให้ทุกคนได้ทาน ขมิ้นจึงปล่อยให้ทั้งสองคนลงที่ตลาดสด ส่วนตัวเองขอไปแวะสั่งของให้มีคุณก่อน เมื่อทำธุระให้มีคุณเสร็จจึงแวะกลับมารับใบเมี่ยงและพายพัดที่ตลาด ซึ่งทั้งคู่ก็ซื้อของเสร็จพอดี ขมิ้นจึงบอกทั้งสองคนว่าก่อนกลับขอแวะไปรับแฟนของตนด้วยเลยเพราะได้เวลาที่สาลี่เลิกงานพอดี
เมื่อมาถึงที่โรงแรมภูมิเทพ โรงแรมของนายหัวพยนต์ ซึ่งเป็นที่ทำงานของสาลี่ ใบเมี่ยงและพายพัดก็ย้ายไปนั่งที่ท้ายกระบะเพื่อให้สาลี่ได้นั่งคู่กับไปขมิ้น จังหวะนั้นพญาที่กำลังเดินออกมาจากโรงแรมพอดีก็เห็นขมิ้นกำลังมองหาใครอยู่ พญาเดินแอบดูอยู่ห่างๆ เพราะว่านับตังค์อาจจะมากับขมิ้นด้วยก็ได้ แต่เมื่อเดินมาจวนจะถึงรถที่ขมิ้นขับมากลับเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีถึงสองคนนั่งอยู่ท้ายกระบะแทน พญานึกชื่นชมหน้าตาของทั้งคู่ในใจ พลางคิดว่าถ้าสองคนนี้เกี่ยวข้องกับร้านอาหารของตาแก่หัวดื้อคู่ปรับของพ่อ พญาก็ชักจะสนใจอยากได้ร้านอาหารนั้นเอาไว้ในครอบครอง การมีคนหน้าตาดีรายล้อมรอบข้างนั้นคงจะทำให้พญามีความสุขไม่น้อย และจะมีความสุขมากยิ่งขึ้นหากข้างกายเป็นหนุ่มผมหยักศกตาหวานแต่ฤทธิ์เยอะที่ชื่อนับตังค์มาเคียงข้าง
“คุณพญามาหานายหัวพยนต์เหรอครับ” ผู้จัดการโรงแรมรีบเข้ามาถามด้วยความนอบน้อม
“นี่ ผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายคนนั้นเป็นพนักงานของโรงแรมเราใช่ไหม” พญาชี้ไปที่หญิงสาวที่สวมชุดพนักงานและกำลังเดินไปหาขมิ้น
“ใช่ครับ เธอชื่อสาลินี เป็นหัวหน้าแม่บ้าน เธอทำอะไรไม่ถูกใจคุณพญารึเปล่าครับ” ผู้จัดการมองไปที่สาลินีหรือสาลี่ก่อนจะตอบคำถาม
“พรุ่งนี้เช้าให้สาลินีมาพบฉันหน่อยนะ” พญาสั่งก่อนจะยกยิ้มเพราะถ้าสาลี่สนิทกับขมิ้น เขาก็คงจะล้วงข้อมูลของนับตังค์ได้ไม่ยาก
“ได้ครับนาย” ผู้จัดการโรงแรมค่อนข้างรู้สึกกังวลใจเพราะไม่รู้ว่าสาลี่ไปทำเอาไว้ นายพญาถึงกับสั่งให้ไปพบเป็นการส่วนตัวแบบนี้
เมื่อขมิ้นขับรถกลับมาถึงบ้าน สาลี่กับขมิ้นก็ขนของสดไปเก็บในครัว ส่วนใบเมี่ยงกับพายพัดแยกตัวเอาของใช้ส่วนตัวขึ้นไปเก็บบนห้อง
มีคุณได้ยินเสียงกุกกักจากด้านนอกก็เดาว่าใบเมี่ยงกับพายพัดคงกลับมาแล้วจึงลุกขึ้นมานั่งมองดูด้วงกับนับตังค์ที่หลับสนิทด้วยกันทั้งคู่ มีคุณคิดทบทวนอยู่หลายรอบว่าเขาต้องการอะไรจากผู้ชายที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองเมื่อครู่นี้ นับตังค์อาจจะไม่ใช่คนที่เขาถูกใจเมื่อแรกเห็น เขาเคยคิดว่านับตังค์ไม่ใช่แนวที่เขาชอบ นับตังค์ไม่ใช่คนขี้อ้อน ไม่ใช่คนอ่อนโยน แถมยังอวดดี แต่ยิ่งได้มาอยู่ใกล้กันมุมมองที่เขามีต่อนับตังค์มันเปลี่ยนไป นับตังค์มีมุมอ้อนในแบบของตัวเอง เป็นการอ้อนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่ากำลังอ้อน แต่มันทำให้มีคุณยอมตามใจง่ายๆ อยู่หลายครั้ง ความอ่อนโยนของนับตังค์จะแสดงให้กับคนที่ดูอ่อนแอกว่าตัวเอง ความอวดดีอยากเอาชนะที่มีมันเป็นแค่เปลือก ถ้าสามารถกะเทาะเปลือกบางๆ นั้นออกมาได้จะเห็นว่านับตังค์มีความอยากเอาชนะก็จริง แต่ก็น้อมรับความพ่ายแพ้ได้โดยงอแงงี่เง่าเลยหากการพ่ายแพ้นั่นมันโปร่งใสและยุติธรรม ที่สำคัญนับตังค์เป็นคนมีน้ำใจให้กับทุกคนรอบตัว มีเหตุผลมากกว่าที่มีคุณคิดอคติในตอนแรกเห็น
...ถ้าเปรียบนับตังค์เป็นอาหาร เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่านับตังค์เป็นอาหารประเภทไหน รู้แต่ว่าคงจะเป็นอาหารที่ครบรส แต่จะอร่อยไหมนั้นก็คงต้องได้ชิมก่อนถึงจะประเมินได้...
“หึหึ...” มีคุณเผลอหลุดหัวเราะออกมาเมื่อนึกว่าการจะได้ชิมอาหารอย่างนับตังค์ได้ เขาคงจะปากแตกก่อนจะได้ชิม
มีคุณนั่งมองนับตังค์อยู่นานเห็นว่ายังนอนหลับสบายจึงปล่อยให้นับตังค์กับด้วงนอนต่อ ส่วนตัวเขาออกไปดูความเรียบร้อยให้ใบเมี่ยงกับพายพัด ก่อนหน้าที่ขมิ้นจะออกไปข้างนอก มีคุณให้ขมิ้นไปสั่งซื้อเครื่องนอนมาเพิ่มให้กับผู้ช่วยเชฟทั้งสองคน ตอนที่ขมิ้นถามว่าจะสั่งซื้อเตียงให้ด้วงเพิ่มไหมเพราะขมิ้นกลัวว่าเตียงเดียวนอนถึงสามคนคงจะอึดอัด แต่มีคุณกลับปฏิเสธโดยบอกกับขมิ้นไปว่า ไม่เห็นจะอึดอัดเลยสักนิด
“ทำอะไรกัน” มีคุณได้กลิ่นหอมๆ มาจากในครัวเลยเดินเข้ามา เห็นใบเมี่ยงกับพายพัดกำลังลงมือทำอาหารกันแล้ว มิน่าเขาเดินขึ้นไปหาที่ห้องใต้หลังคาก็ไม่พบทั้งสองคนแล้ว
“เมี่ยงขอโชว์ฝีมืออาหารเหนือสูตรของแม่หน่อยนะครับบอส”
“เอาเลย ว่าแต่ที่เมี่ยงบอกว่าพายถนัดเรื่องเครื่องดื่ม ถ้าผมจะให้พายดูแลส่วนของเครื่องดื่มจะสะดวกไหม” มีคุณเอ่ยถาม
“แล้ว...ในครัวจะยุ่งไหมถ้ามีแค่เชฟตังกับเมี่ยง” พายพัดถามมีคุณ
“ยังมีขมิ้นช่วยอยู่อีกคน แต่ถ้าร้านเราไปด้วยดี ผมรับคนช่วยเพิ่มได้” มีคุณเห็นว่าลำพังฝีมือของนับตังค์กับใบเมี่ยงก็คงเอาอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าจะรับคนช่วยในครัวเพิ่มก็เอาคนที่เป็นลูกมือในการจัดเตรียมของก็พอ
“ผมจะช่วยอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มก็ได้ แต่ถ้าบอสจะรับผู้ช่วยในครัว ผมขอให้เป็นผู้หญิงได้ไหม” พายพัดถาม
“สิทธิขาดในครัวเป็นเชฟนับตังค์ ไปถามเขาเอาเองก็แล้วกัน” มีคุณเดาว่าพายพัดไม่อยากให้มีผู้ชายคนอื่นมาอยู่ใกล้กับใบเมี่ยงแน่ๆ
“ถ้างั้นก็คงไม่มีปัญหา” พายพัดตอบเพราะคิดว่านับตังค์จะเข้าใจ
“พาย เราเป็นแค่ลูกจ้างนะ” ใบเมี่ยงปรามคนรัก แม้จะรู้ว่าพายพัดคิดอะไร แต่ไม่อยากให้ทำความลำบากใจให้กับนับตังค์
“เชฟบอกว่าเราเป็นครอบครัวต่างหากอุ๋งอุ๋ง” พายพัดเดินมาใกล้ๆ ใบเมี่ยงก่อนจะย่อตัวเอาหน้าผากของตัวเองมาชนกับหน้าผากของใบเมี่ยงเบาๆ
“เอ่อ...ผมขอตัวก่อนนะ ตามสบายเลย” มีคุณบอกกับทั้งสองคนก่อนจะรีบเดินออกมาเพราะกลัวว่าจะสำลักความหวานไปเสียก่อน
นับตังค์ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่มีคุณตื่นแล้วออกไปจากห้องแล้ว นับตังค์ยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกของตัวเองว่าหัวใจยังเต้นดีอยู่ไหม ยังไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองเลย ตอนที่ถูกเพื่อนสนิทแซวสมัยเรียน เวลาที่มีคนมาจีบ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นับตังค์ว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะมันไม่เคยมีผลต่อหัวใจของนับตังค์ได้เลย นับตังค์จึงได้มั่นใจบอกกับรันและหม่องไปว่าไม่มีอะไรจะมาทำให้หัวใจเต้นแรงได้เท่ากับเวลาคิดสูตรอาหารสูตรใหม่ได้ จนมาเจอกับตัวเองในวันนี้ นับตังค์ไม่เคยคาดคิดว่าไอ้ความรู้สึกชอบใครสักคนมันจะเกิดง่ายๆ ได้ขนาดนี้ ยังทบทวนอยู่เลยว่ามันเกิดในตอนไหน ยังเถียงยังกัดกับมีคุณอยู่ตลอดเวลา ตั้งแง่ใส่มีคุณตั้งแต่แรกเจอ แค่คำหยอดนิดๆ หน่อยๆ ของมีคุณไม่น่าจะมาทำให้หวั่นไหวได้ นับตังค์ก็เจอคนจีบมาตั้งมากมาย ไม่ใช่ว่าจะไม่ประสาในเรื่องนี้เสียทีเดียว
“หรือจะถามไปเลยว่าคิดยังไง” นับตังค์พึมพำกับตัวเอง เริ่มลังเลและสับสน สุดท้ายก็เกาหัวตัวเองจนยุ่งแล้วก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ คิดในใจว่าถ้าลองนั่งเงียบๆ ในห้องน้ำอาจจะปลดความฟุ้งซ่านออกไปด้วยเลยก็เป็นได้ นับตังค์เข้าไปนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องน้ำพักใหญ่ จนมีเสียงของมีคุณทักมาจากหน้าประตูห้องน้ำ นับตังค์ถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“ตัง พี่ปลุกด้วงนะ เดี๋ยวคืนนี้ไม่ยอมนอน”
“อื้อ ปลุกเลย”
“ทำอะไรนานจัง พี่ขึ้นมาตั้งนานก็ไม่เห็นจะออกมาสักที ท้องผูกเหรอ” มีคุณเริ่มกวนประสาท
“นี่บอส ต้องให้รายงานละเอียดเลยไหมว่าอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว” นับตังค์ถามกลับก่อนจะลุกขึ้นยืน
“พี่แค่เป็นห่วง” มีคุณตอบกลับไป ยืนรออยู่นานแต่ไม่ได้ยินเสียงนับตังค์ตอบกลับมาก็เลยมาปลุกด้วงที่เตียง ส่วนคนที่ได้ยินคำว่าเป็นห่วงจากอีกฝ่ายก็ได้แต่ยืนวนไปมาอยู่ในห้องน้ำ จนได้ยินเสียงด้วงร้องไห้ถึงได้รีบเปิดประตูออกมา
“แอบหยิกด้วงเปล่าบอส” นับตังค์รีบเดินมาอุ้มด้วงที่กำลังร้องไห้จ้า
“พี่แค่ปลุก พอลืมตามาเห็นหน้าพี่ก็ร้องเลย” มีคุณหน้าเสียเพราะว่าตกใจ
“โอ๋ๆ ด้วง คนไม่ใช่ผีนะ ไม่ต้องตกใจ โอ๋ๆ” นับตังค์ปลอบด้วง มีคุณได้ยินนับตังค์แขวะก็เลยยกมือขึ้นไปเขกหัวนับตังค์เบาๆ
“ด้วงคงไม่ชอบพี่ สงสัยต้องให้อยู่กับตังตลอด” มีคุณทำท่ากังวลว่าตัวเองจะเลี้ยงด้วงไม่ได้
“บอสก็ต้องทำให้ด้วงรักให้ได้ บอสเป็นพ่อนะ อีกหน่อยตังก็ต้องไป จะมาอยู่ตลอดได้ไง” นับตังค์พูดตามความจริงโดยไม่ทันมองว่ามีคุณมีสีหน้ายังไง
“นั่นสิ ต้องทำให้รักให้ได้” มีคุณย้อนคำพูดของนับตังค์ แล้วทุกอย่างในห้องก็เงียบสนิทรวมไปถึงเสียงร้องไห้ของด้วงด้วย
“ยักกัน ยักกัน” ด้วงพูดไปสะอื้นไป นับตังค์แอบหันไปมองมีคุณ เห็นมีคุณจ้องอยู่เลยรีบหันกลับ
“ตังพาด้วงไปล้างหน้าก่อน เดี๋ยวจะลงไปทำอาหารเย็นแล้ว” นับตังค์ลุกขึ้นเพราะอยากหนีบรรยากาศที่ชวนประดักประเดิด
“เมี่ยงกับพายทำอยู่ เขาอยากโชว์ฝีมือ แต่คงใกล้เสร็จแล้ว” มีคุณเองก็รู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างนั้น
“งั้นเดี๋ยวเจอกันข้างล่างเลยก็ได้” นับตังค์บอกก่อนจะอุ้มด้วงเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อได้ยินเสียงมีคุณออกจากห้องไปแล้วถึงได้ถอนหายใจออกมา
ขมิ้นกับสาลี่มาช่วยใบเมี่ยงจัดโต๊ะอาหาร ไม่นานนับตังค์ก็อุ้มด้วงลงมา สาลี่เข้ามาทักทายนับตังค์แล้วเอ่ยปากชมกับข้าวที่นับตังค์ฝากขมิ้นไปให้กินบ่อยๆ ว่าอร่อยจนดันพุงเลย ขมิ้นต้องมาแปลให้ว่าสาลี่กินจนท้องอืดเดินแทบไม่ไหว
“พี่ช่วยอุ้มหนูด้วงให้นะคะ” สาลี่ลองชูมือขออุ้ม ด้วงโผตัวไปให้สาลี่อุ้มแต่โดยดี นับตังดีใจที่ด้วงยอมให้สาลี่อุ้ม
“น่ากินทั้งนั้นเลยเมี่ยง” นับตังค์เห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วท้องร้องประท้วงทันที
“อาหารพร้อมแล้วนะครับ เดี๋ยวเมี่ยงไปเอาข้าวเหนียวมาให้ กำลังร้อนๆ ทุกคนเชิญนั่งรอเลยครับ” ใบเมี่ยงบอกกับทุกคน
ไส้อั่วที่เพิ่งย่างเสร็จใหม่ๆ ถูกหั่นวางเรียงมาในจาน มันยังคงมีไอร้อนลอยอยู่ให้เห็น ผักสดจัดใส่ตะกร้าเล็กๆ มาตั้งให้ทุกคน คนละหนึ่งตะกร้า บนโต๊ะยังมีตำขนุน แกงอ่อมสันคอหมู น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ปีกไก่ทอดกรอบและข้าวผัดรวมมิตรทะเลหนึ่งจานใหญ่สำหรับคนที่ไม่ทานเผ็ด ใบเมี่ยงนำกระติบข้าวเหนียวขนาดเล็กมาแจกให้ทุกคน ส่วนพายพัดก็นำน้ำพั้นซ์แบบไม่ใส่แอลกอฮอล์มารินใส่แก้วให้ทุกคน รวมถึงเจ้าด้วงน้อยที่กำลังหยิบไก่ทอดที่สาลี่แกะวางให้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“พี่สาลี่เคยเจอด้วงมาก่อนใช่ไหม ด้วงถึงดูคุ้นเคยกับพี่จัง” นับตังค์ถาม รู้สึกถูกชะตากับสาลี่
สาลี่เป็นผู้หญิงหน้าตาคมคาย ตัวเล็ก ผิวเข้มแต่ก็ไม่เท่าพี่ขมิ้นแต่ดูสะอาดสะอ้าน ท่าทางใจดีและพูดจานุ่มนวลไพเราะน่าฟัง
“ค่ะ พี่เคยมาช่วยนายปู่เลี้ยงหนูด้วงตอนที่ร้านยุ่งๆ” สาลี่ลูบผมด้วงด้วยความเอ็นดู
“อร่อยใช่ไหมด้วง” มีคุณถาม
“อาหย่อยฉุดๆ ปี้จ๋าหนูจาเอาน้ำฉีฉ้ม” ด้วงชี้ไปที่แก้วน้ำพั้นซ์
“พูดให้ชัดๆ น้ำพั้นซ์” นับตังค์สอน
“น้ำปั๊น”
“น้ำพั้นซ์” นับตังค์ออกเสียงซอโซ่ปิดท้ายด้วย
“น้ำปั๊นซี่” ด้วงลากเสียงซี่ยาวจนทุกคนพากันหัวเราะ
“เฮ้อ เจ้าด้วงเอ้ย” นับตังค์ห่อไหล่พรูลมหายใจเมื่อดูแล้วว่าด้วงติดพูดไม่ชัดไปแล้ว
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ด้วงเพิ่งจะสองขวบกว่าเอง ยังถือว่าเป็นการพูดไม่ชัดแบบปกติ แต่เราช่วยได้ด้วยการพูดคำที่ถูกให้เขาฟังบ่อยๆ เมี่ยงว่าพัฒนาการของด้วงถือว่าเร็วด้วยซ้ำ” ใบเมี่ยงอธิบายจากวิชาที่ได้เรียนรู้มา
“จริงสิ เมี่ยงจบจิตวิทยาพัฒนาการมา” นับตังค์นึกขึ้นได้ ใบเมี่ยงยิ้มตอบแทนการตอบรับ
“หรอยจังหู ต้องบอกว่าไงนะ ลำขนาด ลำแต้ๆ สาลี่เอ้ย มื้อนี้ดันพุงอีกแน่นิ” ขมิ้นได้ชิมแล้วรู้สึกว่าอาหารเหนือก็อร่อยไม่แพ้อาหารใต้เลยจึงยกนิ้วโป้งชื่นชมใบเมี่ยงก่อนจะหันไปพูดกับสาลี่
“คราวนี้นอกจากพูดไม่ชัดแล้ว ด้วงคงได้ถึงสามภาษา” นับตังค์พูดพลางหัวเราะ
“เดี๋ยวผมสอนภาษาอื่นให้ด้วงด้วย เด็กช่วงนี้กำลังจดจำใช่ไหมอุ๋งอุ๋ง” พายพัดพูดกับทุกคนแล้วหันไปถามใบเมี่ยง เมื่อเห็นว่ามีเศษแป้งติดที่ปลายผมของใบเมี่ยงก็เขี่ยออกให้ ช่างเป็นภาพที่ดูละมุนละไมจนนับตังค์อดยิ้มตามออกมาไม่ได้
“มีผมหงอกติดด้วยนะเอ๋งเอ๋ง พี่เอาออกให้” มีคุณกระซิบที่ข้างหูของนับตังค์แล้วทำท่าจะปัดผมของนับตังค์เลียนแบบพายพัด เพราะเห็นนับตังค์มองพายพัดแล้วทำหน้าเคลิ้มก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
“กินไก่ไปเลยบอส” นับตังค์หยิบปีกไก่มายัดใส่ปากของมีคุณเมื่อโดนกวนประสาท คนกำลังฟินกับบรรยากาศหวานๆ ของใบเมี่ยงและพายพัดอยู่ก็มาขัด
“จินไจ่ไปเลย” หนูด้วงเห็นแล้วก็หยิบปีกไก่มาใส่ปากให้สาลี่บ้างจนนับตังค์ต้องร้องห้ามยกใหญ่
“เชฟคงเป็นเหมือนแม่ของหนูด้วงไปแล้ว หนูด้วงถึงได้เลียนแบบแทบทุกอย่าง เหมือนลูกไก่ที่คอยเดินตามแม่ไก่ แม่ไก่จิกอาหารที่พื้นก็ทำตามตลอด” ใบเมี่ยงแสดงความคิดเห็น
“ใช่ ต้องระวังกิริยาอาการด้วยนะคุณแม่” มีคุณรีบเสริม
“หึ อยากให้เป็นแม่ใช่ไหม เพิ่มค่าแรงมาเลยสองเท่า” นับตังค์ทำตัวไม่ถูกที่โดนเมี่ยงเปรียบให้ตัวเองเหมือนแม่ของด้วง แถมมีคุณยังจะตีเนียนอีก เลยหาทางออกด้วยการทำเป็นตีเนียนตามไป
“ไม่มีปัญหา แต่ต้องสอนให้เรียกแม่จ๋าแทนปี้จ๋าแล้วสิ ใช่ไหมด้วง แม่จ๋า เรียกสิ แม่จ๋า” มีคุณยักไหล่ให้นับตังค์ก่อนจะหันไปพูดกับด้วง
“แม่จ๋า แม่จ๋า” ด้วงพูดตามทั้งที่มีข้าวเหนียวเต็มปาก
“สอนดีนักนะ นี่ กินข้าวเหนียวกับน้ำพริกหนุ่มนะบอส ตังจะป้อนให้” นับตังค์จ้วงน้ำพริกหนุ่มคำโตแล้วให้บอสกิน เน้นเนื้อพริกเต็มๆ มีคุณถึงกับแทบสำลักน้ำพริกหนุ่ม
“น่าฮักกันแต้ก๊ะ” ใบเมี่ยงมองนับตังค์กับมีคุณแล้วยิ้ม ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้พายพัดแล้วป้อนไส้อั่วให้พายพัดบ้าง
บรรยากาศมื้อค่ำวันนี้ดูจะครื้นเครงกว่าทุกๆ วัน โดยส่วนใหญ่จะมีเสียงของนับตังค์กับมีคุณกวนประสาทกันไปมาเป็นระยะ สลับกับเสียงหัวเราะของทุกคนเวลาที่ด้วงพยายามจะพูดตามแต่พูดไม่ชัด ขมิ้นเห็นแล้วอดคิดถึงนายปู่ไม่ได้ ถ้านายปู่ยังอยู่ก็คงจะมีความสุขไม่น้อย ขมิ้นรู้ว่านายปู่เหงา คิดถึงลูกหลาน ขมิ้นไม่เคยเห็นญาติคนไหนมาเยี่ยมนายปู่บ้างเลย จนกระทั่งพ่อกับแม่ของหนูด้วงมาอาศัยอยู่ด้วย นายปู่ดูจะมีความสุขมาก แต่แล้วพ่อกับแม่ของหนูด้วงก็มาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางเรือ หนูด้วงจึงเป็นเหมือนความสุขเดียวที่เหลืออยู่สำหรับนายปู่ ทีแรกขมิ้นก็แอบมีอคติกับมีคุณ หลานคนเดียวที่นายปู่ยกทุกอย่างให้แต่ไม่เคยมาดูแลนายปู่ แต่มาในวันนี้อคติในใจของขมิ้นก็ค่อยๆ ลดลง นั่นคงเป็นเพราะมีคุณยอมรับดูแลหนูด้วงและหนูด้วงดูมีความสุขมาก ขมิ้นเลยคิดเอาเองว่านายปู่มองดูอยู่ข้างบนสวรรค์ก็คงจะมีความสุขไม่ต่างกัน ขมิ้นจึงเริ่มเปิดใจให้เจ้านายคนใหม่และหวังว่าเจ้านายคนใหม่นี้จะเป็นคนดีเหมือนนายปู่ของขมิ้น ขมิ้นจะยอมทุ่มเทแรงกายแรงใจและซื่อสัตย์กับมีคุณด้วยชีวิต ให้เหมือนกับที่เคยมีให้นายปู่เช่นกัน
….
แล้ววันสงกรานต์ก็มาถึง งานสงกรานต์ประจำปีของเกาะใบไม้ครามถูกจัดขึ้นที่ริมหาด เป็นการร่วมมือกันกับทางจังหวัดและกลุ่มเจ้าของกิจการต่างๆ เพื่อเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยงของเกาะไปในตัว ขณะนี้มีนักท่องเที่ยงมาจับจองที่พักจนเต็มไปทุกที่แล้ว กิจกรรมที่จัดขึ้นในช่วงกลางวันจะเป็นกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ให้แขกที่มาพักได้ร่วมเล่นชิงรางวัล ไม่ว่าจะเป็นแข่งชักกะเย่อ เก้าอี้ดนตรี หลับตาตีแตงโม และอื่นๆ อีกมากมาย มีโซนขายอาหารทะเล อาหารพื้นเมืองให้เลือกซื้อกินได้หลากหลาย ส่วนงานในตอนกลางคืนก็คงจะเป็นปาร์ตี้ริมทะเล มีการจ้างนักร้องดังมาแสดงโชว์ ขมิ้นบอกว่างานปีนี้ดูจะใหญ่กว่าปีที่ผ่านมาเยอะเลย
ทีมของมีคุณจัดทำบาบีคิวมาจำนวนมาก นอกจากจะแจกลูกหลานชาวประมงแล้ว มีคุณคิดทำการตลาดโดยการแจกให้นักท่องเที่ยวได้ชิมด้วย นับตังค์และใบเมี่ยงจึงลงแรงลงใจทำบาบีคิวให้มีรสชาติที่ดีที่สุดออกมาเพื่อให้ลูกค้าชิมแล้วติดใจอยากกลับมาชิมอีก ส่วนพายพัดก็ทำเครื่องดื่มง่ายๆ อย่างเช่น น้ำใบเตยเกล็ดหิมะ น้ำมะพร้าวเผาเกล็ดหิมะไปร่วมแจกด้วย ขมิ้นจัดสถานที่สำหรับแจกบาบีคิวจนเสร็จแล้ว ซึ่งบูธของมีคุณจะแยกออกมาจากโซนขายอาหาร ขมิ้นจัดการขนของในรถมาวางเอาไว้โดยมีเบิ้มมาคอยช่วยด้วย
“เดี๋ยวเริ่มปิ้งเลยดีกว่าพี่บ่าว คนมากันเยอะแล้ว ตังแบ่งเป็นสองส่วน สำหรับเด็กๆ ส่วนหนึ่ง แล้วก็ที่จะให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง แล้วตังกับเมี่ยงแยกประเภทเนื้อสัตว์เอาไว้ ลังนี้เป็นเนื้อ ลังนี้เป็นหมู ลังนี้ไก่ ส่วนอันนี้เป็นบาบีคิวทะเล” นับตังค์บอกกับขมิ้นและเบิ้มที่จะเป็นคนช่วยปิ้งบาบีคิวให้ ซึ่งนับตังค์สอนเทคนิคการปิ้งบาบีคิวให้สุกกำลังดีและไม่แห้งจนเกินไปกับทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว
ขมิ้นหยิบเอาเนยสดมาทาบนตะแกรงบางๆ ก่อนจะหยิบบาบีคิวขึ้นมาวางบนตะแกรงที่กำลังร้อนได้ที่ ไฟไม่แรงจนเกินไป เนื้ออาจจะติดตะแกรงและไหม้ได้ เนื้อชิ้นโตที่หมักมาอย่างดีเมื่อโดนความร้อนก็เริ่มส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่วบริเวณ ใบเมี่ยงเป็นคนช่วยเอาน้ำซอสที่ปรุงมาเป็นพิเศษมาปะพรมจนเนื้อดูชุ่มช่ำน่ากินเป็นอย่างมาก เบิ้มพาเพื่อนมาช่วยกันปิ้งบาบีคิวแจกนักท่องเที่ยวอยู่อีกเตาหนึ่ง เด็กในพื้นที่หลายคนที่คุ้นเคยดีเพราะรู้ว่าคุณอนันต์มาแจกแบบนี้ทุกปีก็เริ่มมาต่อแถวรอกินกันจนแถวยาวเหยียด
“เซอร์ไพรส์!!!”
“เฮ้ย ไอ้รัน ไอ้หม่อง มากันได้ยังไง” นับตังค์หันไปตามเสียงก็พบว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว
“หยุดยาวทั้งทีก็มาหาเพื่อนหน่อย” รัญญรีโผเข้ากอดนับตังค์ด้วยความคิดถึง
“โอ้ย ฉันดีใจมากเลย แล้วแกไปพักกันที่ไหน” นับตังค์ถามเพื่อน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ว่าแต่สองคนนั้นใคร หน้าตาดีจัง” รัญญรีชี้ไปที่พายพัดและใบเมี่ยง
“ผู้ช่วยฉันเอง เขาเป็นแฟนกัน ไม่ต้องทำตาหวานเยิ้มเลยไอ้รัน” นับตังค์รีบขัด
“ว้าว ร้านอาหารของบอสแกนี่มีแต่คนหน้าตาน่ากินทั้งนั้นเลย ฉันขอมาอยู่ด้วยคนดีกว่า” รัญญรีส่งยิ้มให้ใบเมี่ยงกับพายพัด ทั้งสองคนก็ยิ้มตอบกลับมาให้รัญญรีและหม่อง
“เดี๋ยว แล้วแฟนแกล่ะ” หม่องถามแทรกขึ้นมา
“แฟนอะไร ไม่มีเว้ย ฉันโสด” นับตังค์ค้อนใส่รัญญรีเพราะรู้ว่ารัญญรีคงจะไปเล่าให้หม่องฟังเรื่องที่นับตังค์กำลังสับสนอยู่
“แฟนแกอยู่นั่นไง” รัญญรีชี้ไปที่มีคุณซึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง นับตังค์หันไปมองเห็นมีคุณคุยอยู่กับทนายเคารพก็รีบหันกลับ
“ไม่ใช่แฟน อย่ามามั่ว” นับตังค์รีบปฏิเสธเพื่อน
“เดี๋ยว แต่แกยิ้ม” หม่องเถียง
“ไม่ได้ยิ้ม” นับตังค์ปฏิเสธอีก
“แกยิ้มไอ้ตัง ยิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่เลย” รัญญรีจิ้มไปที่ปากของนับตังค์ นับตังค์รีบหุบยิ้มแล้วทำเป็นจัดถาดใส่บาบีคิวส่งให้เบิ้ม
“แฟนแกเดินมาแล้วไอ้ตัง” รัญญรีร้องบอกด้วยความตื่นเต้น
“เขาไม่ได้มาหาฉันหรอก” นับตังค์ทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ก็รู้สึกตื่นเต้นตามรัญญรีไปด้วย
“มาหาแกแน่ๆ” รัญญรียังยืนยัน
“ทำไมแกมั่นใจว่ะไอ้รันว่าเขาเดินมาหาฉัน” นับตังค์ขมวดคิ้วก่อนจะถาม
“ก็ไอ้หม่องขยันเดี๋ยวมันกวักมือเรียกเขาอยู่เนี่ย” รัญญรีชี้ไปที่หม่อง
“เฮ้ยไอ้หม่อง หยุดเลย” นับตังค์ตกใจหันไปฟาดแขนของหม่องที่กำลังกวักมือเรียกมีคุณ
“สวัสดีครับคุณรัน” มีคุณเดินมาถึงจุดที่นับตังค์กับเพื่อนยืนอยู่ก็เอ่ยทัก
“สวัสดีค่ะคุณ ดูหล่อขึ้นนะคะ” รัญญรีทักมีคุณอย่างเป็นกันเอง
“สายตาสั้นแล้วไอ้รัน” นับตังค์รีบแย้ง
“เดี๋ยว ไม่คิดจะแนะนำกันเหรอ” หม่องอยากร่วมวงสนทนาด้วย
“บอส นี่เพื่อนสนิทอีกคนของตัง ชื่อหม่อง หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือไอ้หม่องขยันเดี๋ยว” นับตังค์เป็นคนแนะนำ
“เดี๋ยว...” หม่องจะพูดต่อ แต่เห็นมีคุณหลุดขำเสียก่อนเลยหยุดพูด
“ขอโทษทีครับที่เสียมารยาท ทีแรกผมไม่เข้าใจหม่องขยันเดี๋ยวคืออะไร” มีคุณเพิ่งเข้าใจว่าเพื่อนของนับตังค์คนนี้ชอบพูดว่าเดี๋ยวนั่นเอง
“ไม่ว่ากันครับ ผมชื่อพนัส เรียกหม่องก็ได้ครับ ยินดีที่รู้จักแฟ..เอ้ย เจ้านายของไอ้ตังนะครับ” หม่องเกือบหลุดคำว่าแฟนออกไปแล้ว ดีที่เห็นสายตาอาฆาตของนับตังค์เสียก่อน
“เราสองคนแวะมาเยี่ยมตังค่ะ กลัวบอสเลี้ยงไม่ดี เราจะได้พาเพื่อนกลับ” รัญญรีพูดกับมีคุณทีเล่นทีจริง
“ลิ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะครับ” มีคุณตอบกลับก่อนจะหันไปยิ้มให้นับตังค์
“ดีค่ะ เพราะแค่ห้าล้านรันจ่ายให้ได้ค่ะ หวังว่าคุณคงไม่ทำให้เพื่อนของรันต้องขอให้รันมาพามันกลับบ้านนะคะ” รัญญรียังคงยิ้มหวาน แต่สายตาที่ดูจริงจังทำให้มีคุณรู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริง
“สวัสดีครับตัง” เสียงที่แทรกเข้ามาทำให้ทุกคนต้องหยุดการสนทนาแล้วหันไปมอง
(มีต่อด้านล่างค่ะ)V
V