"ฉันจะเตือนสตินาย..ไว้อย่าง" ผมพูดขึ้น
"ตอนนี้..ทั้งลุง ทั้งคนในค่ายจะเป็นยังไง..นายก็เลือกได้" ผมพูดบอกอย่างเตือนสติ ผมมองเขาและคิดว่าอีกฝ่ายก็คงรู้ว่าผมหมายความว่าอย่างไร สมุทรเหสายตาไปทางอื่น
"แต่นายไม่เลือก เพราะว่านายน่ะ..เลือกในสิ่งที่เป็นความต้องการของตัวนายเองต่างหากล่ะ" ผมยิ้มมุมปาก อีกฝ่ายตาเบิกโตแน่นิ่งไปแล้ว ผมหัวเราะขึ้นจมูกอย่างสะใจ สนุกดีเป็นบ้า..คนแบบนี้นี่มันอะไรกันครับ
"คนดีเหรอ ชีวิตสงบสุขงั้นเหรอ" ผมเบะปก ลุกขึ้นยืนพร้อมทำท่าเย้ยหยันยิ้ม ๆ
"เฉพาะนายคนเดียวน่ะสิ" ผมต้อนไม่หยุด
"คุณหุบปากนะ!" สมุทรกระแทกเสียงว่า
"หึ..พูดความจริงก็ทนไม่ได้ซะแล้ว" ผมแสยะยิ้มกว้างแล้วหัวเราะออกมาเสียงค่อนข้างดัง
"ตกต่ำ แย่กว่านี้ผมก็เคยผ่านมาแล้ว..รู้ไว้ซะด้วย" สมุทรแสยะปากยิ้มย้อน
"อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องสูญเสีย" สมุทรถลึงตาใส่อย่างโมโห
"แต่นายควบคุมมันไม่ได้ทุกอย่างหรอกสมุทร ทุกอย่าง..ไม่มีคำว่าตลอดไป" ผมย้ำเตือนสติ สมุทรนิ่งไป
"ครอบครัวคุณน่ะ มีแต่จะนำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัวผม" สมุทรว่ากลับ คำพูดนี้ที่คงอยู่ในใจของเขามานานแล้วละมัง ผมนิ่งมองไปที่เขาอย่างใช้สติคิด สมุทรไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองผมอีก คำพูดที่เหมือนจะต้องการต่อว่าผมให้เจ็บแสบ แต่อีกฝ่ายกลับมีสีหน้าที่ดูเหมือนกำลังรู้สึกผิดซะอย่างนั้น
"เรื่องง่ายแค่นี้ ทำไมคุณทำให้มันยากเย็นไปหมด"
"เฮ้อ!" ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เอื้อมนำมือไปบีบหน้าสมุทรที่นั่งก้มหน้าอยู่ให้หันกลับขึ้นมามองผมตรง ๆ อย่างแรง อีกฝ่ายร้องหน้านิ่วคงเพราะเจ็บแผลที่มุมปากที่ผมบีบเข้าอย่างจัง แรงของนิ้วมือเน้นหนักกว่าเดิม
"ไม่เข้าใจ" ผมพูดใส่หน้าเขาเสียงเรียบเย็น สมุทรขมวดคิ้วมองกลับอย่างโกรธ ๆ เขานำมือปัดมือผมออกอย่างแรงทำท่าไม่พอใจเตรียมพร้อมตั้งตัวรบอีกครั้ง
"หึหึหึ" ผมก้มหน้าหัวเราะชอบใจและปล่อยมือออก พอหันกลับมามองเขาอีกครั้งยังคงเห็นสายตาเกรี้ยวโกรธอย่างที่อยากจะเห็น ทั้งที่ก่อนหน้ากว่าจะได้เห็นก็ยากเย็นแท้ ๆ
"หนึ่ง..ไปทำงานกับฉัน" ผมเข้าไปใกล้สมุทรที่นั่งนิ่งไป พร้อมกับเท้าแขนลงบนโต๊ะและพูดบอกอย่างต้องการยุติสงครามนี้ลง
"สอง..ไปทำงานกับฉัน" ผมย้ำพร้อมกับอมยิ้มออกมาทีละนิด สมุทรถอนหายใจเบา ๆ มันเบามากแต่ผมก็ยังสังเกตเห็นได้
"สาม.. ไปทำงาน..กับ ฉัน" ผมทิ้งน้ำเสียงเบาลงอีกครั้ง สายตาจับจ้องมองอย่างทะลึ่ง เขาส่ายหัวนิดหน่อยคล้ายกับเซ็งกับการกระทำของผมและดูเหมือนจะหาทางออกไม่เจออีกด้วย
"บอกตามตรง ฉันชอบด้านมืดนายแฮะ" ผมแสยะยิ้ม สมุทรหันมามองผมตาขวางที่ผมดันรู้ไต๋เขาทั้งที่เราเจอกันได้ไม่เท่าไหร่
"..มีใช่ไหมล่ะ ด้านมืดที่พยายามปิดหลอกตาคนอื่นเอาไว้น่ะ" ผมส่งสายตาสำรวจต้อนมองอย่างกะล่อน พอสมใจแล้วก็เลยเลิกทัพ
"เก่งแฮะ ฉันทำไม่ค่อยได้เท่าไหร่" ผมนั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง ครั้งนี้ขยับเข้าไปใกล้สมุทรมากขึ้นและเท้าแขนด้วยอย่างสบายอารมณ์
"มีแฟนรึยัง" ผมถามโต้ง ๆ สมุทรเบนหน้าไปทางอย่างไม่ขอตอบ
"ฉันถามว่ามีแฟนรึยัง" ผมย้ำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเพราะเขาทำท่าเมินเฉย
"ถามทำไม" สมุทรหันหน้ากลับมาถามกลับด้วยใบหน้าเรียบขรึมตามเคย
"แสดงว่ายังไม่มี" ผมอมยิ้มกวน
"หึ..ก็ดีแล้ว ง่ายดี!" ผมสบถด้วยน้ำเสียงสำรอก ๆ
"ฉันไม่ค่อยชอบพวกที่จนแต่ไม่เจียมกะลาหัวน่ะ อยากมีเมียมีลูกจนตัวสั่นทั้งที่ตัวเองก็กระเสือกกระสนอดอยากใกล้ตาย" ผมพูดเสียงเย็นอย่างดูถูก สมุทรเหล่มองมาที่ผม ผมจ้องตากลับและไม่ยิ้มให้ อีกฝ่ายก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมเช่นเดียวกัน ผมเท้าแขนลงบนโต๊ะและเท้าคางตัวเองเอาไว้ทำให้หน้าของเราเสมอใกล้กันมากขึ้น สมุทรถอนหายใจ เหล่มองต่ำลงเหมือนเอือมผมเต็มทน ท่าทางและใบหน้าแบบนี้ก็ดูตลกดีนะครับ ผมว่าผมน่าจะชอบดูน่ะ
"แต่ที่จริง..คนเราก็คงอยากจับใครสักคนแหกขาออกแล้วแสดงความเป็นชาย ปล่อยสิ่งที่มีอยู่ในตัวสาดเข้าอีกฝ่ายทั้งนั้นแหละนะ..จะสัตว์กี่ขามันก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นก็คงอึดอัดน่าดู" ผมเบะปากว่า
"คุณนี่มัน ..ต่ำจริง ๆ" สมุทรกัดกรามพูดว่าด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ สายตาดูเหยียดผมพอสมควร
"ฮี่ ๆ ๆ ๆ" ผมเอนตัวหัวเราะชอบใจ เสียงหัวเราะที่น่าจะทำให้อีกฝ่ายคงกระโดดถีบผมอยู่ในใจไปแล้วแน่
"หึ..เอาเป็นว่า สาย ๆ วันนี้ ฉันจะให้คนมารับแล้วกัน" ผมลุกขึ้น ถอนหายใจตัดบทสรุปเองเอาดื้อ ๆ สมุทรหันควับมามองด้วยความตกใจ
"ไม่ต้องไปเสียเวลาลาออกที่ทำงานเก่าล่ะ..ฉันจะให้คนไปลาออกให้นายเอง" ผมพูด
"คุณจะบ้ารึไง" สมุทรขึ้นเสียงว่า รีบลุกขึ้นยืนเสมอผม
"งั้นขอคำตอบหน่อยสิ" ผมพูด
"นายคิดว่า..ลุงเสือของนาย จะเอาเงินที่ไหนไปซ่อมแซมค่ายมวยในระหว่างที่ตัวเองก็เป็นหนี้อยู่สามแสน" ผมเม้มปากพูด เบิกตาโตมองเขาอย่างเหนือกว่าทำเอาสมุทรเงียบลงทันที
"นายอยากจะเริ่มปรับปรุงค่ายมวยนั่นใหม่เมื่อไหร่เลยก็ได้ จะเอาให้มันดีกว่าเดิมแค่ไหนก็ได้..ตามที่นายต้องการ เอาแผนงานมา ฉันจะรับผิดชอบจ่ายให้ทั้งหมด..แต่ก็ไม่ได้จะให้เงินก้อนไปทีเดียวหรอกนะ ฉันคงไม่ได้ไว้ใจอะไรนายขนาดนั้น" ผมเบะปากพูดบอก
"ส่วนเรื่องหนี้สินของเจ้าของค่าย ฉันจะใช้ให้ทั้งหมด..ค่าเทอมของน้องนายทั้งสองคนก็ด้วย" อีกอย่างหนึ่งที่ผมติดใจผู้ชายคนนี้ คือ..น้องสาวของตัวเองหัวดีจนสอบติดมหาวิทยาลัยดี ๆ ได้และดูท่าว่าเขาก็ยังพร้อมที่จะส่งเสียทั้งที่ค่าเทอมน่าจะแพงเกินกำลัง
"แต่ผมไม่.." สมุทรทำท่าจะเอ่ยท้วงอะไรสักอย่าง
"ฉันจะให้น้องชายนายเปลี่ยนที่เรียน" ผมพูดแทรก
"..นายคิดว่านั่นเป็นที่ ๆ ดีเหรอ เห็นว่าตอนที่แม่นายยังมีชีวิตอยู่ น้องนายได้เรียนที่ ๆ ดีกว่านี่ ๆ นา" ผมย้อนถามและอดไม่ได้ที่จะสะกิดต่อม สมุทรหลบสายตาเหมือนยอมรับความจริง โรงเรียนที่น้องชายตัวเองเรียนอยู่นั้นมันทั้งห่วยและอยู่ในพื้นที่เสี่ยงบรม
"ค่ารักษาพยาบาลของคนในครอบครัวนายทั้งหมด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..ฉันจะดูแลเอง แค่นี้..พอรึยังล่ะ" ผมถาม สมุทรที่นิ่งไปคล้ายกับกำลังใช้สมองต้านกับความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก ผมบอกปัดไม่ได้ว่า ถ้าเกิดในกรณีที่ว่าสมุทรจะไม่ใช่ลูกของลุงยอด และถ้าผมได้รู้จักกับเขานอกเหนือจากในกรณีที่เกิดขึ้นนี้ สมุทรยังคงจะเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกท้าทายความสามารถที่จะนำตัวเขานี้ให้ไปทำงานอยู่ด้วยได้ไม่น้อยทีเดียว
"ถือว่าตกลงตามนี้แล้วกัน" ผมสรุป
"ค่าตัวแพงเอาเรื่องเลยนะ" ผมอมยิ้มแซว ความเงียบของเขาดูแล้วความคิดน่าจะเอนเอียงมาทางฝั่งผมซะมาก ผมชิงเดินออกมาเลย
"แล้วคุณจะให้ผมไปทำงานอะไร" สมุทรรั้งถามด้วยเสียงค่อนข้างดัง คำถามที่เหมือนกลัวว่าผมจะหนีจนเขาไม่ได้คำตอบ ผมหันกลับไปมอง สีหน้าของเขาดูลังเล ไม่แน่ว่าถ้าผมตอบเขาไปดี ๆ เขาอาจหายกังวลและเต็มใจมาทำงานกับผมอย่างเต็มที่ก็ได้
"คู่นอนมั้ง" ผมยิ้มกวนตอบ สมุทรเหสายตาไปทางอื่นอย่างเหนื่อยใจ ผมยืนมองอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายหันกลับมามองผมด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับคำพูดหยอกล้อแปลก ๆ แบบนี้จากผม
"ฮึ..คุณจะเป็นฝ่ายแหกขางั้นเหรอครับ" อีกฝ่ายย้อนว่าด้วยทีท่านิ่ง ๆ ผมแสยะยิ้มมุมปากออกมาในทันทีอย่างเหลือเชื่อกับคำพูดทำนองนี้ที่หลุดออกมาจากปากของเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันเหนือคาดกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก
"อืม..ยังไม่เคยลองเหมือนกันแฮะ แต่ถ้านายพูดถึงขนาดนี้ สงสัยคงจะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่น่าดู" ผมตอบอย่างเจ้าเล่ห์จนอีกฝ่ายเงียบปากไปสนิท ผมเบะปากยิ้ม ๆ ยักคิ้วให้เป็นการส่งท้ายก่อนเดินจากมา ระหว่างทางก็อดหัวเราะไม่ได้กับปฏิกิริยาที่พยายามตั้งรับผมเมื่อครู่นี้
"มีความสุขพอดูเลยนะครับ" พี่ธานแซวทันทีที่ผมเดินมาถึง พี่เขาเปิดประตูรถให้
"สุด ๆ ไปเลย" ผมยักคิ้วตอบ พี่ธานหัวเราะ พวกเราเดินทางกลับมาที่บ้าน ผมบอกให้พี่ธานกับไอ้เด่นไปพักผ่อนได้ตามสบาย สงสัยรุ่งเช้าวันนี้คงจะต้องงดการฝึก หรือไม่คงจะต้องบอกให้พายุมันเบา ๆ มือกับลูกน้องผมหน่อยเพราะทุกคนคงเพิ่งได้หลับสนิทกันไปเมื่อครู่ ผมกลับขึ้นห้องไปล้างเนื้อล้างตัวและเข้านอนต่อ ตื่นมาอีกทีก็ปาไปเกือบเก้าโมงเช้าแล้ว
"อ่าว เฮีย! ไปเล่นมวยปล้ำกับใครมาน่ะ" พายุทักเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น รอยช้ำบนใบหน้าคงจะชัดกว่าเมื่อตอนเช้ามืดแน่ ๆ
"นายใหญ่อีกคนของบ้านน่ะครับ" พี่ธานที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่กับพายุชิงตอบยิ้ม ๆ ก่อนที่ผมจะนั่งลงจึงหยิบหมอนขว้างใส่พี่ธานปราม ๆ พี่เขาหันมาหัวเราะ พายุมองหน้าผมอย่างจับผิดทันที
"ดูโคนันอีกละ นี่มึงเป็นเมียคนเขียนเหรอ" ผมว่าทำท่าจะเอื้อมมือหยิบรีโมทโทรทัศน์เพื่อเปลี่ยนเป็นช่องกีฬาแต่พายุเข้ามาตะครุบไปครอบครองไว้ก่อนอย่างหวง ๆ ผมถอนหายใจยอมแพ้มัน
"ใคร" พายุยังไม่ลืมเรื่องเมื่อครู่ มันจ้องหน้าผมอย่างต้องการคำตอบยิ้ม ๆ
"พี่ธานก็ปากมากไปเรื่อย" ผมว่า
"หึ..ทำแผลไหมครับ" พี่ธานหันมาถาม
"ยังอ่ะ..ช่างมันเถอะ" ผมบอกปัด ปล่อยมันไว้อย่างนี้นี่แหละ..ชอบ
"ซ้อมกันเสร็จแล้วเหรอ" ผมเปลี่ยนเรื่องถามพายุ
"ยุให้พักน่ะ เห็นว่าเมื่อคืนกลับดึกกัน" พายุตอบ ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะขนาดผมยังตื่นไม่ทันเลย พวกมันจะตื่นทันกันก็แปลก หรือไม่พวกมันอาจจะตื่นก่อนผมแบบจำใจลากสังขารเพราะกลัวโดนผมด่าอะไรทำนองนั้นก็ได้
"ตกลงใคร" พายุวกกลับมาเรื่องเดิมจนได้
"ใครอะไร ก็แค่มีเรื่องนิดหน่อยเมื่อคืน" ผมตอบปัดไปที
"อ่าว" พายุอุทานเซ็ง ๆ เหมือนกับหมดเรื่องตื่นเต้นแล้วอย่างนั้น
"ยุก็นึกว่าจะมีใครมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับย่าแทนเราซะอีก หึหึ" พายุทำหน้าเจ้าเล่ห์บอก พี่ธานยิ้ม
"ไอ้ดินล่ะ" ผมถาม
"ซ้อม BMX อยู่ข้างนอก" พายุตอบ ผมพยักหน้า
"คุณไฟคะ จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ" ป้าอิ่มเดินเข้ามา
"ผมขอซีเรียลกับกล้วยแล้วกัน" ผมหันไป
"ได้ค่ะ" ป้ายิ้มรับ
"เอ๊ะ แล้วนั่น.." ป้าอิ่มมองหน้าผมตาโตด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรหรอกครับ" ผมยิ้มบอกเธอ
"เดี๋ยวป้าเอายามาให้นะคะ" เธอบอกก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบไม่ทันให้ผมได้พูดห้าม
"วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ" ผมถามพายุ
"มีสอนตอนบ่ายสาม แล้วก็มีซ้อมปิงปองที่มหาลัยตอนเย็นน่ะ..มีแข่งใหญ่เดือนหน้า โคตรเหนื่อย" มันเริ่มบ่น
"ก็มึงเลือกเอง" ผมว่าประชด
"ไม่ได้ให้กำลังใจกันบ้างเลย" มันว่าค้อน
"ทำไมกูต้องให้อะไรอีก แปดหมื่นที่เพิ่งให้ไปมันไม่พอรึไง" ผมย้อนมัน พายุทำปากจู๋เข้าหากันหน้าตายอย่างเถียงไม่ออกและเลือกที่จะเป็นฝ่ายเงียบไปก่อน
"พี่ธาน..เดี๋ยวให้คนไปรับหมอนั่นด้วยนะ สักสิบเอ็ดโมงครึ่ง" ผมสั่ง พี่ธานชะงักไปด้วยสีหน้าสงสัยเพราะผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่ตกลงกับสมุทรเรียบร้อยให้พี่ธานได้ฟัง
"ได้ครับ" พี่ธานพยักหน้า
"ใครเหรอ" พายุหันมาถาม มองหน้าผมกับพี่ธานเหมือนอยากรู้ พี่ธานอมยิ้มก่อนลุกออกจากห้องไป ผมหันไปมองหน้าพายุ สงสัยคงได้เวลาที่จะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟังซะแล้วละมั้งครับ..
"กูว่าจะคุยเรื่องนี้กับมึงอยู่พอดี" ผมเกริ่น พายุหันมามองอย่างตั้งใจ
"คือว่านะ..." ผมเอ่ยและเริ่มเล่าเรื่องอย่างคร่าว ๆ ให้พายุฟัง แม้บางเรื่องอย่างเรื่องของลุงยอดพายุจะรู้ข้อมูลมาบ้างเมื่อนานมานานแล้วแต่มันก็ไม่รู้รายละเอียดลงลึกว่าที่ผ่านมาผมตกลงกับพ่อไว้อย่างไร กำลังทำอะไรและจัดการใครอยู่บ้าง ผมไม่ค่อยบอกถ้าบางเรื่องผมยังไม่แน่ใจ ซึ่งตอนนี้ผมแน่ใจแล้วผมจึงอยากให้พายุรับรู้ไว้ อีกอย่างทั้งคนในบ้านของสมุทรและคนในบ้านของผมคงจะได้พบเจอกันอีกเรื่อย ๆ แน่ ผมคิดว่าน่ะนะ
เมื่อพายุได้ฟังเรื่องทั้งหมด ถึงแม้จะไม่ลงรายละเอียดในการที่ผมได้ไปนำตัวสมุทรมาอย่างไรก็เถอะ พายุยังคงมีสีหน้าเข้าใจและดูเหมือนไม่ได้ตกใจอะไรอย่างที่ควรเท่าไหร่ ใบหน้าที่ไม่ตกใจมากของมันแสดงว่าเนื้อเรื่องนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
"เฮียคิดดีแล้วเหรอ ให้เงินเยอะง่าย ๆ ขนาดนั้น แล้วเอาเข้ามาในบ้านอีก" พายุถามด้วยสีหน้าค่อนข้างวิตก มันเองก็คงระแวงเหมือนผมก่อนหน้านี้
"อืม ถ้ากูจะมองคนไม่ผิดน่ะนะ..คงต้องลองเสี่ยงดู" ผมตอบ
"งั้นก็แล้วแต่เฮีย ก็ป๋าสั่งไว้แบบนั้นนี่" พายุพูดด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ตามเคย ไม่นานแม่บ้านก็นำอาหารและยาแก้อักเสบมาให้ผมที่ห้องนั่งเล่น พายุขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกจากบ้าน ส่วนผมก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อย กินไปดูโทรทัศน์ไป
"คุณไฟครับ" พี่ธานเดินกลับเข้ามา
"ใบโทรมาบอกว่า ถ้าคืนนี้คุณว่างป๋าจงจะนัดเจอที่ผับของป๋าน่ะครับ" พี่ธานบอก ผมพยักหน้าตอบ
"สามทุ่ม" ผมพูดแกมสั่ง ตาไม่ได้มองหน้าพี่ธานเพราะกำลังดูโปรแกรมแข่งสนุกเกอร์อยู่
"ครับ" พี่ธานรับปากก่อนเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง
"หึ" ผมคิดว่าผมกำลังนึกอะไรสนุก ๆ ออก รู้สึกเหมือนกับว่ามีเรื่องตื่นเต้นมาให้ทำอีกแล้ว เมื่อผมกินเสร็จผมจึงกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ทำตัวสบาย ๆ ออกไปพูดคุยกับพวกลูกน้องที่โรงฝึก พวกมันมักจะรวมตัวกันอยู่ที่นั่นถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฝึกก็ตาม นั่งคุยกันบ้าง ดูโทรทัศน์บ้าง เล่นสนุกเกอร์บ้าง ระหว่างที่ผมอยู่ที่นั่นก็มองนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา สงสัยว่าพี่ธานคงจะออกไปรับสมุทรด้วยตัวเองเพราะไม่เห็นเงาตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ๆ
"โอ๊ะ โกงฉิบหาย" ไอ้เด่นส่ายหัวบ่นถึงมวยที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ ผมอมยิ้มเพราะก็เห็นแบบเดียวกันกับไอ้เด่นแต่ขี้เกียจพูด
"กรรมการบอกว่า ศักดิ์ศรีจ่ายแทนเงินไม่ได้" ไอ้เข้มพูดเสียงเบาอย่างสอดเสียด การชกมวยไทยในระดับเวทีใหญ่สากลที่จัดขึ้นโดยชาวไทย โดยให้นักมวยไทยเป็นฝ่ายชนะทั้งที่ต่อยอย่างกับมวยปาหี่ ค้านสายตาคนดู แม้กระทั่งเด็กน้อยก็คงจะดูออก นอกจากจะน่าอับอายขายขี้หน้าต่อประเทศแล้ว ดูเหมือนจะหมิ่นศักดิ์ศรีวงการกีฬามวยอย่างเรา ๆ พวกผมอีกด้วย แต่จะทำอะไรได้นอกจากบ่นด่าไปทีอย่างที่เห็น..
ปี๊ม! ...ผมหันไปมองเห็นรถยนต์ของพายุกำลังจะเคลื่อนตัวออกจากบ้าน มันบีบแตรรถให้ผมเหมือนเป็นการบอกลา
"มึงตะโกนซิ..บอกว่า เดินทางปลอดภัยนะครับคุณหนู" ผมเข้าไปกระซิบสั่งไอ้หินที่เป็นลูกรักของพายุมากที่สุดในบรรดาลูกน้องของผม เนื่องจากว่าคุยกันถูกคอ อีกทั้งไอ้หินยังรู้จักทางหลบหลีกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับพายุอีกด้วย
"แต่ว่า.." ไอ้หินยิ้มแหยเหมือนไม่อยากทำตามคำสั่ง
"เร็ว" ผมขู่ใส่ด้วยสายตาและน้ำเสียง พวกลูกน้องผมอมยิ้มมองอย่างสนใจ พวกมันคงอยากจะดูว่าไอ้หินจะกล้าทำไหมเพราะปกติไม่มีใครกล้าเรียกพายุแบบนี้นอกจากพี่ธานคนเดียว ไอ้หินหลบสายตาผมด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม
"เดินทางปลอดภัยนะครับคุณหนู!" ไอ้หินตะโกนบอกออกไปเสียงดังลั่น ลูกน้องผมพากันโบกมือให้พายุเพื่อเป็นแบ็คอัพให้ไอ้หินอีกแรง ผมยิ้มกว้างยืนมองพายุที่เลื่อนกระจกรถทันทีพร้อมกับชูนิ้วกลางขึ้นมาให้พวกเรากลางอากาศ
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ" ผมหัวเราะอย่างพอใจ ยกมือขึ้นโบกกลับให้น้องชายจนมันขับรถออกไปจากบ้าน
"ไอ้หิน มึงเจ๋งว่ะ" ไอ้เด่นหัวเราะชมใหญ่
"ฝึกรอบหน้ามึงโดนเล่นแน่ ฮ่า ๆ ๆ" พวกมันว่า ไอ้หินยืนหน้าเสียที่ทุกคนในที่นี้ดันพากันพูดเป็นเสียงเดียวกัน ผมตบไหล่ให้กำลังใจมันเบา ๆ อย่างไม่รู้จะช่วยเหลือยังไงเพราะพายุเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครไปจี้จุดในส่วนที่มันไม่ชอบ ขณะเดียวกันที่ประตูรั้วไฟฟ้ากำลังจะปิด รถของพี่ธานก็สวนกลับเข้ามาพอดี
"พี่ใหญ่พาใครมา" ไอ้รุ่งเงยหน้าจากโต๊ะสนุ๊กถาม ไม่มีใครตอบคำถามได้ ทุกคนเงียบมองกันเป็นตาเดียวอย่างสนใจ สมุทรเดินลงมาจากรถพร้อมกับพี่ธาน อีกฝ่ายมองมาทางโรงฝึกนี้เป็นอันดับแรก
"อ่าว" ไอ้เด่นอุทานงง ๆ เมื่อเห็นสมุทร
"เด็กใหม่พี่ธานเหรอ รอบนี้แมนแปลกตาดีนะ" ไอ้หินวิเคราะห์คิ้วขมวดคล้ายไม่เชื่อสายตา
"นั่นดิ พี่ใหญ่แกเปลี่ยนแนวตั้งแต่เมื่อไหร่" ไอ้รุ่งบ่นด้วยสีหน้าจริงจัง
"หึหึ" ผมหลุดหัวเราะเพราะหน้าตาพวกมันดูเดากันได้จริงจังอย่างกับไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผมเดินตรงออกไปหาพี่ธานที่ยืนอยู่กับสมุทร สมุทรมองมาที่ผมไม่วางตาเหมือนทำตัวไม่ถูก
"เชิญ" ผมบอกห้วน ๆ แล้วเดินนำมาก่อน สมุทรกับพี่ธานเดินตามหลังเข้าบ้านมาด้วยกัน
"ถอดรองเท้าตรงไหนครับ" น้ำเสียงสุภาพนั่นถามขึ้นเบา ๆ
"ถอดไว้ตรงนี้เลยครับ" พี่ธานตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพกลับเช่นกัน ผมหันกลับไปมองพี่ธานกับสมุทรที่ดูจะสนิทกันดีแบบคาดไม่ถึง ทั้งสองคนหันมามองผมที่ยืนมองอยู่
"คลานเข่าเข้ามาก็ได้นะ" ผมจ้องหน้าสมุทร อีกฝ่ายนิ่งไปอย่างกับถูกสต๊าฟ ผมหัวเราะแล้วเดินต่อไปที่ห้องรับแขก
"คุณไฟแค่ล้อเล่นน่ะครับ" ผมได้ยินเสียงพี่ธานพูดปลอบแว่ว ๆ
"ปกติเค้าก็ไม่ใช่คนพูดอะไรน่าฟังอยู่แล้วนะครับ อย่าถือสาเลย" พี่ธานรีบแก้ตัวเหมือนกลัวว่าสมุทรจะคิดมาก ผมแอบอมยิ้ม แม่บ้านที่เห็นว่ามีแขกเข้ามาในบ้าน เธอรีบเดินไปรินน้ำเปล่ามาเตรียมไว้ในทันที พอหมดหน้าที่แล้วจึงออกไป ผมนั่งลงที่โซฟาตัวกลาง พี่ธานยืนอยู่ข้าง ๆ ส่วนสมุทรก็ยืนมองไม่ยอมนั่ง
"จะยืนคุยกันรึไง" ผมพูดไม่ได้มองหน้าเขา สมุทรเดินมานั่งที่โซฟาช้า ๆ
"คนที่ทำงานกับฉัน ต้องย้ายมาอยู่บ้านฉัน" ผมพูดก่อนจะนิ่งอยู่กับตัวเองเพราะนี่ไม่น่าจะใช่คำพูดและความคิดที่ตระเตรียมไว้ พอพูดออกไปแบบนั้นก็อดหันไปมองไปที่คนที่กำลังนั่งอยู่ด้วยไม่ได้ แล้วแอบคิดว่า..กูพูดไปทำไมเนี้ย
"ไม่ครับ" สมุทรตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
"ทำไม" ผมถาม
"ผมปล่อยให้น้องกับยายอยู่กันเองไม่ได้" สมุทรตอบ ผมเงียบและไม่คิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้อีก
"ขอสมุดเช็คให้ผมหน่อย" ผมบอกพี่ธาน พี่ธานเดินไปที่ชั้นเก็บเอกสารก่อนเดินกลับมาพร้อมกับวางเช็คและปากกาให้บนโต๊ะตรงหน้าผม ผมเซ็นเช็คหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทยื่นให้สมุทร เขานั่งนิ่งมอง ท่าทีเหมือนไม่พร้อมรับถ้าไม่ได้ข้อมูลเสียก่อน
"อันนี้เป็นส่วนที่ฉันให้นายเอาไปให้เจ้าของค่าย ให้เค้าไปใช้หนี้ซะ..ฉันจะให้อีกครึ่งนึง ถ้าปรับปรุงค่ายเสร็จ และนั่นก็หมายถึงว่า..นายทำงานคุ้มค่าจ้าง" ผมบอก ถ้าไม่เสนอเรื่องการทำงานให้กับเขา ดูท่าแล้วสมุทรคงจะไม่ยอมรับไปง่าย ๆ สมุทรพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรับเช็คไปไม่พูดอะไร ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน ก้มลงกดตู้เซฟที่อยู่ในห้องนี้ ซึ่งเป็นตู้เซฟที่นำไว้เก็บของมีค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ส่วนหนึ่งเท่านั้น เผื่อให้หยิบจับใช้ได้ง่ายสะดวก ไม่ต้องลำบากเดินถ่อไปถึงที่ห้องทำงาน ผมหยิบเงินออกมาห้าหมื่นบาทแล้วนำใส่ซองสีน้ำตาลให้ก่อนจะนำซองเงินนั่นไปวางไว้ตรงหน้าสมุทร
"ห้าหมื่นนี่..ฉันให้นายเอาไปบริหารเอาเอง เป็นค่าอยู่ค่ากินของคนในค่ายระหว่างนี้ไปก่อน นายก็พิจารณาเอาเองแล้วกันว่าเบื้องต้นควรจะช่วยเหลือคนพวกนั้นยังไง บริหารดี ๆ แล้วกันเพราะฉันยังไม่แน่ใจว่าจะให้อีกครั้งเมื่อไหร่" ผมพูดไม่มองหน้าเขา
"..ฉลาดแบ่งหน่อยล่ะ ดูพฤติกรรมคนที่ถูกช่วยซะด้วย" ผมเตือนอย่างอดไม่ได้ สมุทรนั่งเงียบไม่พูดไม่จา เขาจ้องซองสีน้ำตาลนั่นไม่วางตาก่อนเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมตรง ๆ
"นายจะไปบอกคนพวกนั้นว่าเงินนี่มาจากไหนก็ได้ แต่ห้ามบอกว่ามาจากฉัน" ผมพูด
"ทำไม" สมุทรถาม
"ฉันสั่ง..ไม่ได้เสนอนาย" ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างเอาเรื่อง สมุทรเหลือบสายตาหนีต่ำลง
"แล้วเรื่องซ่อมแซมค่ายล่ะ งบเท่าไหร่" ผมเปลี่ยนเรื่อง สมุทรไม่ตอบแต่เปิดกระเป๋าเป้ที่สะพายมาออกแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งนำมาวางตรงหน้าผม เหมือนว่าเขาไม่ต้องการตอบผมด้วยปากเขาตรง ๆ ผมหยิบกระดาษมาอ่านก็พบรายละเอียดต่าง ๆ ในนั้น ในห้องเงียบลง ผมอ่านมันทีละบรรทัดอย่างรอบคอบ
"หึ..อุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด" ผมพูดขึ้น น้ำเสียงขึ้นจมูก
"ซ่อมส่วนของค่ายใหม่ทั้งหมด" ผมอ่าน เลิกคิ้วเบะปากไปมา
"ต่อเติมส่วนของบ้าน รั้วใหม่..ปูพื้น กระสอบทราย ห้องน้ำ"
"สรุปคือใหม่หมด" ผมเหลือบเฉพาะหางตาไปมอง อีกฝ่ายอมยิ้มด้วยท่าทางยโสไม่แพ้กัน
"ก็ต้องให้คุ้มหน่อยละมั้งครับ" สมุทรกวนตอบ
"หึ..ก็ดี" ผมแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ดี..แบบนี้ละ โคตรรู้สึกดีมากเลยจริง ๆ
"ถ้านายจะจัดการเอง ก็เอาค่าใช้จ่ายมา..หรือว่าจะให้ฉันติดต่อบริษัทให้" ผมถาม
"คุณจัดการเองแล้วกัน จะได้ไม่หาว่าผมโกงด้วย" สมุทรตอบ
"ส่วนเรื่องปรับปรุงที่ค่ายน่ะ ผมจะบอกกับลุงเองว่าจะมีคนงานมาทำให้ แต่ถ้าคุณอยากจะดูว่างานไปถึงไหนยังไง.." สมุทรพูด
"ฉันดูแน่" ผมพูดแทรกทันที สมุทรเงียบลง
"เงินไม่ใช่น้อย ๆ" ผมยิ้มกวน
"เอาเป็นว่า เดี๋ยวเรื่องติดต่อบริษัทฉันจะจัดการเอง..นายก็ไปบอกคนของนายไว้แล้วกันจะได้ไม่ตกใจ" ผมบอก สมุทรพยักหน้ารับ
"ส่วนนี่" ผมเอื้อมไปหยิบเอกสารที่พอมีอยู่คร่าว ๆ แล้วโยนไปตรงหน้าเขา
"อะไร" สมุทรก้มลงมองคิ้วขมวด
"เรียนต่อซะ เลือกเอาว่าที่ไหน..ของน้องชายนายก็ด้วย" ผมพูดแกมสั่ง
"แต่ว่าผมต้องทำงานให้คุณ" สมุทรเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้างุนงง
"นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน" ผมบอก
"..แต่ว่า"
"ลูกน้องฉันทุกคน จบอย่างต่ำก็เท่ากับนายตอนนี้"
"นายคิดว่าพี่ธานจบอะไรล่ะ" ผมมองหน้าเขา สมุทรเงยหน้ามองพี่ธานเล็กน้อย พี่ธานก้มหน้ายิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนที่สมุทรจะนิ่งไปคล้ายใช้ความคิดอย่างหนัก
"ฉันก็ไม่ได้จะดูถูกอะไรหรอกนะ ดูนายก็ไม่ใช่คนโง่ แต่ถ้านายไม่คิดว่ามันสำคัญ..ก็คงต้องแล้วแต่นาย" ผมลองใจ ผมมองดูคนอย่างสมุทรแล้ว ถ้าเขาไม่ได้เรียนจบสูง ๆ ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรแย่ ๆ ขึ้นก็ตาม ผมคิดว่าคนที่มีลักษณะอย่างเขาน่าจะเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดีไม่ต้องห่วงอะไร แต่ถ้ามองอีกนัยหนึ่งแล้ว มีวุฒิเพิ่มไว้ก็คงไม่เสียหาย ส่วนถ้าเขาเรียนจบแล้วจะเอายังไงก็แล้วแต่เขา
"..ก็ถ้าอยากได้งานที่มันฉลาดกว่าพวกมัน ก็ไปเรียนต่อซะ" ผมว่าเพราะเขาใช้เวลาคิดนานเกินไปแล้ว
"แล้วผมจะมาทำงานให้คุณยังไง" สมุทรขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
"อย่าไปคิดอะไรน่ารำคาญ แค่เลือกมาก่อนว่าจะเรียนที่ไหนก็พอ..เอาตามที่อยาก แล้วค่อยมาคุยกัน" ผมตัดบทอย่างรำคาญใจ สมุทรนั่งเฉยมองเอกสารอีกครั้ง การที่เขาไม่เอ่ยปากปฏิเสธทันทีทันใดอย่างทุกครั้งผมคิดว่าเขาก็สองจิตสองใจอยากจะเรียนอยู่บ้างเหมือนกัน
"แต่..เอาที่เรียนที่มันใกล้ ๆ บ้านฉันหน่อยก็ดี" ผมดักคอพร้อมเมินหน้าหนีไปอีกทาง ครั้งนี้สมุทรนั่งเงียบไปเลย เหมือนกับว่ามีอะไรที่เขากำลังคิดอยู่มากมาย ผมเองก็เงียบมองปฏิกิริยาของเขาที่ก่อนหน้านี้ผมคาดเอาไว้ว่าเขาควรจะดีใจกว่านี้ซะอีก
"ไม่อยากเรียนต่อรึไง" ผมพูดเชิงถามและไม่ได้มองหน้าเขาเพื่อรอคำตอบ แค่..พูดไปงั้น
"เปล่า" สมุทรตอบทันที
"ผมแค่ไม่เข้าใจ.." สมุทรพูด เราเงียบมองหน้ากัน สมุทรมองหน้าผมเหมือนกับกำลังอ่านหาอะไรในตัวผมสักอย่างอย่างไม่วางตา
"ใช่สิ" ผมเอ่ยขึ้น กะเปลี่ยนเรื่อง
"..ลืมบอกกฎสำคัญไปอย่าง" ผมว่าและทิ้งน้ำเสียงลงพร้อมกับยิ้มให้เขา
"ตั้งแต่นี้ต่อไป..นาย ไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งของฉัน" ผมแสยะยิ้มมุมปากขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาสมุทรนั่งจ้องหน้าผมและนิ่งไปสนิท เขาคงไม่สงสัยอะไรในตัวของผมแล้วละมัง ผมเองก็ไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาฉงนและควานหาอะไรในตัวของผมด้วยน่ะนะ
............ไฟ............
ปล. จากผู้เขียนการลงนิยายของเบบี้ตั้งแต่ตอนที่ 1 - 10 ที่ผ่านมา เป็นการลงในระยะเวลาที่สามารถสะดวกมาลงให้ได้ ตามข้อมูลของการทำงานที่ได้เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้าที่ลงนิยาย-ในหน้าที่ 1 ของกระทู้นี้นั้นยังคงดำรงอยู่ จึงขอความเข้าใจต่อผู้รอ เนื่องจากคนอ่านเองก็คงไม่ทราบได้ว่าผู้เขียนมีชีวิตอย่างไรบ้าง เข้าใจค่ะ..ไม่ได้ว่าอะไร ผู้เขียนเองก็รู้สึกดีที่ติดตาม สามารถทวงถามกันได้แต่ขอความกรุณาให้การทวงอยู่ในความเข้าใจการทำงานซึ่งกันและกันนะคะ (ตอนต่อ ๆ ไป คงจะลงให้ได้อ่านแต่ละตอนช้าแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่ง จึงขอย้ำให้ทราบไว้ก่อนล่วงหน้า ขอโทษด้วยค่ะ)
ขอบคุณมากค่ะ
เบบี้