ตอนที่ 7หลังจากที่ท่านสั่งให้บอดี้การ์ดเก็บกวาด บอดี้การ์ดก็เอาผ้านวมผืนหนามาห่อตัวผมจนเหมือนเค้กโรลก้อนใหญ่ๆ พี่เขาอุ้มผมมาวางที่เบาะหลังก่อนจะขับรถออกจากคลับ
ผมมองสองข้างทางที่รถขับผ่านด้วยจิตใจเหม่อลอย
เมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ มันคือความจริงหรือความฝัน
ผมรู้ว่าท่านคงโกรธที่ผม ‘ขาย’ ให้คนอื่น
แต่สิ่งที่ท่านทำมันโหดร้าย ทารุณ เกินกว่าที่ใจผมจะรับไหว
ชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะถูกข่มขืนต่อหน้าผู้ชายหลายคน
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดมันไม่เหลือแล้ว
ท่านทำลายมันป่นปี้ไปหมดแล้ว
ผมเหมือนคนใจสลาย ไม่ยอมรับรู้อะไรจากโลกภายนอกจนกระทั่งถูกอุ้มวางในอ่างน้ำขนาดใหญ่
ใจผมไม่ได้ใส่ใจว่าสถานที่นี้จะหรูหรา ดูดีมากแค่ไหน
ผมแค่อยากไปจากที่นี่ ออกไปจากที่ตรงนี้
ผมอยากหนีหายไปจากท่าน
ผมไม่ได้ใส่ใจฟังว่าพี่บอดี้การ์ดพูดอะไรก่อนจะเดินออกไป
หูผมดับไปชั่วขณะ
ผมนั่งแช่น้ำจนตัวเปื่อยอยู่ในอ่างน้ำวนขนาดใหญ่ เขาเรียกว่าอะไรนะ…จากุชชี่ใช่ไหม
ถึงสายน้ำวนจะช่วยนวดตัวเบาๆสร้างความผ่อนคลาย แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแบบนั้นเลย
ร่างกายของผมเครียด แข็งเกร็งไปหมด
ความทรมานของการถูก ‘ข่มขืน’ ยังฝังอยู่ทั่วทุกอณูของร่างกาย
ผมหลับตาลงช้าๆก่อนจะไถลตัวลงไปในอ่าง ให้น้ำมิดหัว
กลั้นหายใจตายๆไปเลยดีไหมนะ จะได้ปลดปล่อยตัวเองจากความทรมานนี้สักที
1
.
2
.
3
.
4ยังไม่ทันที่ผมจะนับในใจครบถึงสิบ
ร่างทั้งร่างของผมก็ถูกอุ้มขึ้นมาจากอ่างน้ำ
“เด็กโง่”ผมปรือตาขึ้นมามองท่าน ซบหน้าลงกับแผงอกแกร่ง
กลิ่นหอมเย้ายวน มีเสน่ห์ดึงดูดให้หลงใหลนี้เป็นกลิ่นของท่าน กลิ่นที่ตอนเจอกันครั้งแรก ทำให้ผมรู้สึกลุ่มหลงมัวเมาไปกับมัน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กลิ่นนี้ทำให้ผม…กลัว
ผมว่าตอนนี้ผมคงมีอาการหลอนนิดๆแบบที่คนใกล้ตายทุกคนคงเคยสัมผัส
ผมจ้องมองท่านที่อุ้มผมด้วยท่าทีถนุถนอม ค่อยๆประคองวางผมลงบนเตียงอย่างนิ่มนวล
คนใจร้ายแบบท่านคงไม่มาดูแลผมแบบนี้
ผมหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย
พิษไข้กับอาการปวดหัวเริ่มแสดงอาการ แผ่นหลังที่โดนทั้งแส้และเข็มขัดฝาดแสบจนชาไปหมด นี่ยังไม่รวมถึงอาการปวดแสบปวดร้อนที่ช่องทางรักด้านหลัง
“เด็กดื้อ”ท่านพูดขณะดึงตัวผมให้นั่งพิงอกท่านที่นั่งซ้อนตัวอยู่ทางด้านหลัง
ท่านใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ผม แต่งตัวให้ผม รวมทั้งเป่าผมให้
นี่ผมฝันอยู่รึเปล่านะ?
หรือว่าผมกำลังหลอน?
คนที่กำลังดูแลผมอยู่ตอนนี้ใช่คนเดียวกับคนที่ทำร้ายกันจนปางตายจริงๆเหรอ
“ชั้นขอโทษ”ผมได้ยินคำขอโทษแว่วเข้ามาในหูก่อนที่สติผมจะลานเลือง
นี่ต้องเป็นฝันแน่ๆ
คนแบบท่านไม่น่าจะขอโทษผมง่ายๆแบบนี้
.
.
.
ผมตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งตัว
ข้อมือด้านซ้ายรู้สึกเจ็บจี๊ดเป็นพิเศษเมื่อยกมือขึ้นมา
เข็มน้ำเกลืออันใหญ่ขนาดนี้แทงเข้ามาในร่างกายผมตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
ผมพยายามจะลุกจากเตียงแต่ก็ทำไม่สำเร็จ
สุดท้ายสายน้ำเกลือก็หลุดออกจากข้อมือ ที่แขวนน้ำเกลือคว่ำลงกับพื้นเสียงดังโครมคราม
“ซนแต่เช้าเลยนะ”ท่านยืนกอดอกพิงประตูอยู่
“ขอโทษครับ”วินาทีนี้ผมนึกคำอื่นไม่ออก นอกจากขอโทษไว้ก่อน
ผมไม่อยากให้ท่านโกรธอีก เพราะถ้าท่านโกรธ…ผมคงต้องเจ็บตัวอีก
“ลุกขึ้นสิ จะนั่งตรงนั้นอีกนานไหม?”
“ครับ”ผมพยายามเท้าแขนลงกับพื้นแล้วพยุงตัวลุกขึ้น ความเจ็บแผ่ซ่านไปทั้งร่างเมื่อผมก้าวเดิน
โดยเฉพาะความรู้สึกแสบขัดที่ช่องทางด้านหลัง
“ช้า”ท่านพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะสาวเท้าเร็วๆมาหาผม
ผมก้าวถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ สุดท้ายผมก็หล่นลงไปกองบนเตียง
ท่านปรับจังหวะการเดินให้ช้าลง เดินด้วยท่าทีสบายๆ แต่ผมกลับไม่รู้สึกแบบนั้น
ร่างกายของผมแข็งเกร็งด้วยความกลัว คราวนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นฝ่ามือหรือฝ่าเท้าที่ประทับลงมาบนร่างผม
ผมยกมือไหว้ท่านน้ำตาคลอ มือสั่น
“กลัวชั้นขนาดนั้นเลยเหรอหมาน้อย”
“…”ผมเม้มริมฝีปากแน่น
“รู้แล้วใช่ไหมว่าผลของการหักหลังชั้นมันเป็นยังไง?”ท่านลูบหัวผมเบาๆ แต่ผมไม่รู้สึกถึงความอ่อนโยนเลย
มันเหมือนการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของคนที่เหนือกว่า
“ครับ”
“รู้ไหมว่าชั้นเมตตานายแค่ไหน ถ้าเป็นคนอื่นชั้นส่งไปให้ลูกน้องรุมโทรมแล้ว”
“ไม่นะครับ ไม่เอานะครับ”
“ถ้าไม่อยากโดน ก็ทำตัวดีๆ เป็นหมาที่ซื่อสัตย์ต่อชั้นเพียงคนเดียว เข้าใจไหม?”
“ครับ”ท่านหยิบโช้คเกอร์หนังถักสีดำ ด้านหน้าห้อยจี้ทองคำขาวแผ่นกลมสลักตรงกลางเป็นรูปตัว R มาใส่ให้ผม
ผมไม่ต่างอะไรกับหมาจริงๆ…วันแรกก็ได้ปลอกคอแล้ว
“ทีนี้ก็รู้แล้วนะว่าใครคือเจ้าของนาย”ผมพยักหน้ารับรู้
คำว่า ‘หมาไม่มีเจ้าของ’ ที่หลุดออกจากปากผมเมื่อคืนคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ท่านโกรธ
“มองหน้าชั้นทำไม?”ท่านถามผมเมื่อเห็นผมจ้องหน้าท่านไม่วางตา
ผมชอบดวงตาของท่าน มันมีเสน่ห์เย้ายวนใจเหลือเกิน มองแล้วให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา
“จูบได้ไหม?”ผมตอบกลับไปเหมือนคนต้องมนต์
พอมีสติระลึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรไปก็แทบอยากตบปากตัวเอง
ไอ้คนใจไม่รักดี เขาทำร้ายกันขนาดนี้ยังจะอยากจูบเขาอีก
ดวงตาของผมเอาแต่จับจ้องริมฝีปากหนาสีชมพูซีดของท่าน
ที่ผ่านมา เรามีอะไรกันก็จริง แต่เราไม่เคยจูบกันเลย
หรือว่าท่านจะเก็บจูบไว้ให้คนที่ท่านรักแบบในนิยายที่พระเอกแบดๆชอบทำกัน
“อยากเหรอ”ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ผมไม่ได้อยากมีเซ็กส์ ผมแค่อยากจูบ
อยากให้ท่านมอบสัมผัสดีๆเพื่อลบภาพจำแสนโหดร้ายเมื่อคืน
อยากให้สัมผัสของท่านลบความรู้สึกขยักแขยงร่างกายตัวเองที่โดนผู้ชายคนอื่นสัมผัส
ถ้าท่านจูบผม แสดงว่าท่านคงอภัยให้ผมแล้ว
ถ้าท่านจูบผม อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าท่านไม่ได้รังเกียจผม ผมจะได้เลิกรังเกียจตัวเองสักที
“หึ”
“ผมคงขอมากไป ขอโทษครับ”ผมก้มหน้ารับในสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมมันก็แค่หมาตัวหนึ่งที่ท่านรับเลี้ยง ไม่เห็นจะต้องใส่ใจความรู้สึกหมาโง่น่ารังเกียจตัวนี้เลย
ถึงยังไงผมก็เป็นหมาของท่าน จะให้ไปผสมพันธุ์กับหมาตัวอื่นตามที่ท่านเลือกก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หมาอย่างผม ไม่มีสิทธิเลือกอนาคตตัวเองอยู่แล้ว
“ตัวก็ใหญ่ ทำไมใจเล็กใจน้อย น่ารำคาญจริงๆ”ท่านพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกไป
ผมนั่งชันเข่าขดตัวกอดเข่าร้องไห้ น้ำตาใสๆไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่เอาแล้ว…ไม่อยากเป็นหมาแล้ว
ไม่อยากเป็นหมาที่ไม่ถูกรัก
รับเลี้ยงผมแล้วก็ช่วยดูแลกันหน่อยได้ไหม
อย่าเอาแต่มองว่าผมเป็นวัตถุทางเพศ
จะข่มขืน จะทำร้ายจิตใจกันยังไงก็ได้
พอแล้วได้ไหม
ปลอกคอนี่ก็เหมือนกัน
ถอดออกได้ไหม
พันธนาการมันรัดแน่นจนผมหายใจแทบไม่ออกอยู่แล้ว
ผมนั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมจนแสบตาไปหมด
คุณบอดี้การ์ดที่พาผมขึ้นไปหาท่านวันนั้นเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับยื่นถุงเสื้อผ้าแบรนด์เดิมมาให้
“นี่เสื้อผ้าของคุณครับ รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย ท่านรอทานข้าวอยู่”
ผมค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นจากพื้น ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออก
ปกติเวลามีเรื่องอะไรผมก็เข้มแข็ง ผ่านมันไปได้ตลอด
ไม่รู้ทำไมกับเรื่องนี้ถึงได้ร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ
ผมเดินช้าๆออกมาจากห้องนอน สายตาสำรวจไปทั่ว
ห้องนี้คงเป็นคอนโดของท่าน ไม่ใช่โรงแรมแบบครั้งนั้น
ท่านนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเล็กๆในห้องกินข้าว
ตอนแรกที่เห็นผมก็อดประหลาดใจไม่ได้ ผมคิดว่าพวกคนรวยจะต้องนั่งโต๊ะยาวๆกินข้าวห่างๆกัน
“ข้าวต้มปลา ทานได้ไหม?”
“ได้ครับ”
“รีบๆกิน อย่าพิรี้พิไร เวลาเป็นเงินเป็นทอง เข้าใจไหม”ท่านดุเมื่อผมเอาแต่คนข้าวต้มให้หายร้อน ไม่ยอมกินสักที ความอยากอาหารของผมเป็นศูนย์เลยตอนนี้
“ครับ”
“ชัย ถ้าพริ้มทานข้าวเสร็จแล้วก็พาไปจัดการเรื่องเรียนให้เรียบร้อย อย่าลืมแวะซื้อเสื้อผ้าของใช้จำเป็นมาด้วยละ ส่วนเรื่องหอพักเน่าๆนั่นก็ยกเลิกเช่าไปเลย ข้าวของดีๆจำเป็นก็ขนมา แต่ของเน่าๆก็ทิ้งไว้ที่นั่น ส่วนเรื่องงานก็ไปลาออกให้หมด”
ตอนแรกที่ท่านพูดเรื่องเรียนผมดีใจแทบตาย
แต่พอพูดเรื่องอื่นต่อก็ทำเอาผมตามไม่ทัน
“มองหน้าชั้นมีปัญหาเหรอ?”ท่านเลิกคิ้วมองผม
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบอกให้ผมตอบว่า ‘ไม่มีปัญหา’ แต่ความสงสัยหลายๆอย่างมันยังค้างคาในใจ
“ไม่มีครับ แต่…”
“แต่อะไร?”
“ท่านจะให้ผมเรียนหนังสือเหรอครับ? ผมไม่เงินจ่ายค่าหน่วยกิตหรอกนะครับถ้าท่านให้ผมลาออกจากงานทั้งหมด”
“ชั้นพูดสักคำรึยังว่าให้นายจ่ายเอง ทำไม? ไม่อยากเรียน?”
“ไม่ครับ ผมอยากเรียน”
“ดี ชั้นไม่ชอบหมาโง่ การศึกษาต่ำ”
“เรื่องหอพักท่านอย่ายกเลิกเลยนะครับ ตอนนี้หอพักดีๆเต็มหมดแล้ว ถ้ายกเลิกหอนี้ไป ผมหาหอราคาถูกแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วแน่ๆ เงินประกันค่าห้องเพื่อเช่าใหม่ผมก็ไม่มี”
“นี่พริ้ม คิดว่าการเป็นเด็กเลี้ยงของผู้ชายสักคนมันหมายถึงอะไร?”ท่านถามผมก้วยน้ำเสียงเอือมระอา
“มันคือการตอบสนองความอยากของผู้ชายคนเดียวแลกเงิน เอากัน น้ำแตก แล้วก็แยกทาง”
“ชั้นเหนื่อยกับเธอจริงๆ ชัยจัดการด้วยนะ”ท่านถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างรำคาญ หยิบไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินออกไป
ผมเข้าใจผิดตรงไหน?
คิดยังไงก็คิดไม่ออก…
ผมวางช้อนลงในถ้วยข้าวต้มจ้องมองคุณชัยนิ่ง มีคำถามมากมายที่ผมอยากถาม
“อธิบายให้ผมฟังทีเถอะครับ เด็กเลี้ยงในอุดมคติของท่านเป็นแบบไหน”
“สิ่งแรกที่เด็กเลี้ยงของท่านควรมี คือ ‘สมอง’ ”คุณชัยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มเหมือนกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป แต่ถ้อยคำที่กล่าวออกมานี่เสียดแทงใจเหลือเกิน
ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกด่าว่า งี่เง่า ไม่มีสมอง คิดเองไม่เป็น เอาแต่ถามอย่างเดียว
“ปกติเด็กเลี้ยงทุกคนของท่านจะได้รับเงินเดือนทุกเดือน เดือนละ 100,000 บาทตามข้อตกลง ไม่ว่าท่านจะใช้บริการคุณหรือไม่ แต่ถ้าท่านไปใช้บริการ ท่านก็จะจ่ายเพิ่มให้ครั้งละ 50,000 บาท เด็กของท่านทุกคนมักจะได้บ้าน ได้รถเป็นชื่อตัวเองเมื่อดูแลท่านครบ 1 ปี แล้วสัญญาทุกอย่างก็จะจบลง ท่านไม่เคยเลี้ยงใครนาน นี่คือสิ่งแรกที่คุณควรเข้าใจ”
ท่านเป็นพวกรักสนุก แต่ไม่ผูกพันธ์สินะ
ไม่เลี้ยงใครนาน ก็เพราะไม่อยากสร้างความสัมพันธ์ผูกมัดตัวเอง
“สิ่งที่สองที่ควรทำความเข้าใจคือท่านไม่ชอบคนไม่ซื่อสัตย์ ในระหว่าง 1 ปีของการอยู่ในสัญญา คุณจะต้องไม่มีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น เว้นแต่ท่านจะเป็นคนอนุญาต”
“แต่ในกรณีของคุณ สัญญาอาจจะแตกต่างจากเด็กเลี้ยงคนอื่นตรงที่ คุณต้องพักอาศัยอยู่กับท่าน ทำงานทุกอย่างที่ท่านสั่ง รวมถึงทำงานบ้าน ทำอาหาร แทนแม่บ้านเพื่อชดใช้หนี้ 10 ล้านที่ท่านได้ชำระไปให้คุณแล้ว”
“ท่านจ่ายไปแล้วเหรอครับ?”ผมถามคุณชัยตาโต หนี้ 10 ล้านไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ
“ใช่ครับ”
“ทำไม?”ผมถามคุณชัยด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้ถ้าคุณอยากรู้ คุณควรจะสอบถามกับท่านเองโดยตรง”
ผมกำลังรู้สึกเหมือนถูกท่านเอาเงินฟาดหัว
เงิน 10 ล้านที่ท่านจ่ายให้คงเหมือนเงินค่า ‘ค่าทำขวัญ’ ล่วงหน้าสำหรับการทำ ‘ระยำ’ ยังไงกับผมก็ได้
“ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะอายุ 20 ปีบริบรูณ์แล้ว แต่ท่านก็จะทำหน้าที่ผู้ปกครอง ดูแลให้ทุนการศึกษาให้คุณได้เรียนสูงที่สุดเท่าที่คุณอยากเรียน โดยมีข้อแม้ว่าเกรดเฉลี่ยทุกเทอมต้องมากกว่า 3.5 ถ้าเทอมไหนเกรดคุณตก ข้อตกลงนี้จะถูกยกเลิกทันที และเมื่อคุณจบการศึกษา คุณต้องมาทำงานชดใช้ทุนในบริษัทของท่านเป็นเวลา 2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุน”
“หมายความว่า ผมจะอยู่ในสัญญาของการเป็นเด็กเลี้ยงแค่ 1 ปี หลังจากนั้นผมก็จะกลายเป็นแค่เด็กในปกครองที่มีพันธะผูกพันธ์กับท่านเพียงแค่การทำงานชดใช้หนี้ เท่านั้นใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ ส่วนเรื่องบ้านและรถที่เด็กเลี้ยงทุกคนของท่านมักจะได้ เรื่องนี้คุณคงต้องคุยกับท่านเอง เพราะท่านก็จ่ายให้คุณไปเยอะมากพอแล้วเหมือนกัน”คำพูดของคุณชัยเหมือนการด่าผมแบบอ้อมโลกว่าอย่าได้สะเออะขออะไรแบบนั้น เพราะเท่านี้ท่านก็ให้ผมมากเกินพอสำหรับสิ่งที่ผมควรจะได้แล้วด้วยซ้ำ
“สิ่งสุดท้ายที่คุณควรทราบก็คือที่นี่คือคอนโดส่วนตัวของท่าน คุณไม่ได้รับอนุญาตให้แจ้งกับใครว่าพักที่นี่ และไม่มีสิทธิพาใครมาที่นี่ทั้งนั้น ถ้าเมื่อใดเรื่องนี้หลุดรั่วออกไป คุณจะถูกไล่ออกจากที่นี่ทันทีโดยไม่มีการสอบสวนใดๆทั้งสิ้น”
“ข้อมูลทุกอย่างในห้องทำงานท่านเป็นความลับของบริษัท ถ้าท่านทราบว่าข้อมูลรั่วมาจากคุณ คุณคงไม่อยากรู้หรอกใช่ไหมครับว่าคุณจะถูกลงโทษลงยังไง”ผมพยักหน้า แค่เมื่อคืนท่านจับได้ว่าผมขาย online ยังโดนข่มขืนโชว์ซะขนาดนั้น เกิดผมขโมยข้อมูลลับของบริษัทท่านไปขาย มีหวังผมโดนแล่เนื้อ ควักอวัยะขายแล้วส่งซากไปค้ามนุษย์ที่ชายแดน
“คุณไม่ได้รับการอนุญาตให้ติดต่อกับท่านโดยตรง ยกเว้นมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้น ถ้าคุณต้องการติดต่อท่านให้ติดต่อผ่านผมเท่านั้น”ผมพยักหน้าแล้วยื่นโทรศัพท์ให้คุณชัยเมมเบอร์โทรให้
“ข้อตกลงตอนนี้ก็มีเพียงเท่านี้ คุณมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติมรึเปล่า?”
“ผมสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่ผมอยากเรียนได้ไหมครับ?”ผมเลือกถามในสิ่งที่ผมสงสัยและต้องการคำตอบมากที่สุด
การได้กลับไปเรียนในคณะที่ผมตั้งใจอ่านหนังสือจนสอบเข้ามหาลัยปิดของรัฐอันดับต้นๆของประเทศเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตอย่างหนึ่งของผม
โชคดีเหลือเกินที่ผมทำเรื่องดรอปไว้ และเสียเงินคงสภาพนักศึกษาทุกเทอม
“ได้ครับ เฉพาะปริญญาตรีที่คุณยังมีสถานภาพนักศึกษากับมหาลัยเท่านั้น แต่การศึกษาในระดับสูงต่อจากนี้ ท่านจะเป็นคนพิจารณาให้คุณเอง”
“ขอบคุณครับ”ผมยกมือไหว้คุณชัย แค่ได้กลับมาเรียนผมก็ดีใจมากๆอยู่แล้ว
ท่านหายไป 1 เดือนก็จริง แต่เหมือนท่านไม่ได้ปล่อยเวลานั้นให้สูญไปอย่างเปล่าประโยชน์
จริงๆระหว่างรอ ท่านคงให้คนคอยตามสืบประวัติผม เฝ้าดูพฤติกรรมว่าผมเหมาะสมที่จะมาอยู่ตรงนี้หรือไม่
ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมเมื่อวานท่านถึงโกรธขนาดนั้น
เป็นผม…ผมก็โกรธ
เด็กคนหนึ่งที่เราต้องการมอบชีวิตใหม่ให้ วางแผนอนาคตทุกอย่างไว้ให้
กลับหักหลังเราอย่างเลือดเย็น
ผมกุมสร้อยคอล็อคเก็ตที่ด้านในเป็นภาพพ่อกับแม่อย่างดีใจ
ถึงท่านจะมีพฤติกรรมป่าเถื่อน โหดร้าย รุนแรง แต่ท่านก็มอบชีวิตใหม่ให้กับผม
ดึงผมออกมาจากงานกลางคืน งานที่ผมไม่ชอบทำ
ถึงผมจะไม่ได้มีอะไรกับลูกค้า แต่ผมก็ไม่ชอบเวลาที่ต้องคอยดูแล ปรนนิบัติใคร
ทุกๆคืนเจอลูกค้าหมุนเวียนเปลี่ยนเข้ามา ไม่ซ้ำหน้ากันสักคืน
ลูกค้าบางคนถือว่าตัวเองจ่ายเงินแล้ว เลยคิดว่าการลูบไล้ตามร่างกายโฮสต์เป็นเรื่องที่ทำได้
บางครั้งผมก็ถูกบังคับให้จูบเหมือนวัตถุทางเพศไม่มีราคา
ลูกค้าบางคนยอมจ่ายค่าห้อง VIP เพื่อให้ผมจูบเธอตลอดทั้งคืน
จูบแล้วก็เธอก็ช่วยตัวเองจนเสร็จครั้งแล้วครั้งเล่า
เรื่องแบบนั้นผมไม่อยากทำอีกแล้ว
ผมอยากมีชีวิตเป็นคนกลางวัน
ทำงาน 8 ชั่วโมงเหมือนคนทั่วไป
ได้นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่ม
ไม่ต้องคอยพะว้าพะวงว่างานนี้เสร็จ ต้องไปทำงานนู้นต่อ
แค่นี้ก็พอแล้วจริงๆที่ผมต้องการ
ต่อให้ท่านร้ายยังไงกับผมในอนาคต
ทุกๆอย่างก็จะ ‘ไม่เป็นไร’
ท่านคือผู้ให้ชีวิตใหม่กับผม เป็นผู้มีพระคุณ
ผมจะ ‘อดทน’ และผ่านมันไปให้ได้
“ถ้าคุณทำความเข้าใจในข้อสัญญาทุกข้อแล้วก็เซ็นต์ด้วยครับ”ผมรับสัญญามาเปิดอ่านก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นต์ชื่อ
“ผมจะไปจัดการเรื่องเอกสารการเรียนให้ คุณจะออกไปกับผมเลยไหม จะได้ไปซื้อชุดนักศึกษาแล้วก็ไปจัดการเรื่องหอพักของคุณ”
“ไปด้วยกันเลยครับ”
คุณชัยขับรถพาผมมาที่มหาวิทยาลัย
เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนแจ้งว่า ผมไม่สามารถลงทะเบียนเรียนในเทอมนี้ได้แล้ว
เนื่องจากมาติดต่อขอลงทะเบียนล่าช้ากว่ากำหนดไปมาก
หลังจากรับทราบข้อมูล คุณชัยโทรศัพท์รายงานท่าน เพียงไม่นานเจ้าหน้าที่ทะเบียนก็ได้รับโทรศัพท์ให้จัดการกรณีของผมเป็นกรณีพิเศษ
ผมสามารถเริ่มมาเรียนได้เลยในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
มีเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้นที่ต้องตามงานและเรียนตามเพื่อนให้ทันเพราะใกล้จะสอบมิดเทอมแล้ว
เรื่องนี้สำเร็จไปด้วยดี ไม่รู้เพราะอำนาจเงินหรือบารมีของตระกูลท่านกันแน่
หลังจากจัดการเรื่องลงทะเบียนเรียบร้อย คุณชัยก็พาผมไปซื้อชุดนักศึกษา หนังสือเรียนที่จำเป็นและอุปกรณ์อื่นๆ
“ผมต้องจ่ายคืนท่านไหมครับ”ผมถามคุณชัยด้วยความสงสัย เงินที่จ่ายไปในวันนี้เป็นจำนวนไม่น้อยทีเดียว
ถ้าจะจ่ายคืนให้ครบ ผมคงต้องรับตุ๊กตาหมีมาเย็บหลายตัว
“ไม่ต้องครับ ค่าใช้จ่ายทางการศึกษาทั้งหมดท่านจะเป็นคนรับผิดชอบให้ เพียงแต่ทุกครั้งที่คุณจ่ายไปต้องมีใบเสร็จรับเงินมาเบิกทุกครั้ง”
“ครับ”ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับวิธีการจัดการของท่าน
หรือผมควรใช้วิธีนี้กับน้องชายตัวเองบ้างนะ
หลังจากซื้อเสื้อนักศึกษาเสร็จ
คุณชัยก็พาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย
คุณชัยเดินพุ่งตรงไปที่แบรนด์ดังซึ่งปกติมีแต่นักท่องเที่ยวจีนต่อแถวซื้อเหมือนแจกฟรี
“คุณชัยครับ แบรนด์นี้ผมจ่ายไม่ไหวหรอกครับ ไปซื้อที่ประตูน้ำดีไหมครับ เดินไปอีกหน่อย แต่ราคาน่ารักกว่ากันเยอะ”
“ไม่ได้ครับ ท่านสั่งมา”
“ผมช่วยท่านประหยัดเงิน ท่านไม่ว่าหรอกครับ”คุณชัยทำท่าคิดแล้วเหมือนจะคล้อยตามผม
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าใครรู้ว่าคุณเป็นเด็กเลี้ยงท่าน แล้วแต่งตัวเหมือนขอทานข้างถนนแบบที่คุณเคยแต่ง ท่านจะดูไม่ดี”
“ไม่มีใครรู้หรอกครับ ในสัญญาก็ระบุไว้ไม่ใช่เหรอครับว่าผมห้ามบอกใครเรื่องที่เป็นเด็กเลี้ยงของท่าน”
“คุณห้ามบอกแต่ใช่ว่าท่านจะบอกไม่ได้นี่ครับ”ผมอ้าปากหวอทันทีที่คุณชัยพูด จริงด้วยแหะ
แต่ถึงยังไงก็ยังมองไม่เห็นวันที่ท่านจะป่าวประกาศว่าผมเป็น ‘เด็กเลี้ยง’ อยู่ดี
“เข้าไปเลือกๆมาสัก 2-3 ตัวเถอะครับ คุณคงไม่อยากโดนท่านลงโทษที่ขัดคำสั่ง”หลังจากที่ได้ยินคำว่าลงโทษ ผมก็รีบเดินเร็วไปต่อแถวแต่คุณชัยดึงผมออกมาแล้วพาเข้าร้าน
ความ VIP ที่ผมเข้าไม่ถึงจริงๆ
ผมเดินไปเลือกเสื้อยืดกับเสื้อเชิ้ตมาอย่างละตัว สายตาเหลือบไปเห็นป้ายราคาแล้วก็ได้แต่สงสัยว่านี่ราคาหรือรหัสสินค้า นับจำนวนหลักตัวเลขไม่ถูกเลยทีเดียว
“แค่นี้?”
“ครับ”คุณชัยพยักหน้าแล้วเดินไป ‘กวาด’ ผมเน้นว่ากวาดเสื้อยืดและเสื้อเชิ้ตแบบที่คล้ายๆกับผมเลือกมาเพียงแต่คนละสีมาทั้งราว
“ผมว่ามันเยอะไปนะครับ ใช้เงินมากไปท่านจะโกรธได้”
“ใช้น้อยไปไม่ถูกใจก็ถูกโกรธได้เหมือนกันครับ คุณเชื่อผมเถอะ”ผมพยักหน้าอย่างปลงๆ
“เอากางเกงไปลองครับ”
“ครับ”
ผมเดินออกมาพร้อมกางเกงแสล็คทรงสวย เข้ารูปสีขาว คุณชัยพยักหน้าแล้วหันไปบอกพนักงาน “เอาแบบนี้อีก 5 ตัวคละสีมาเลยครับ”
หลังจากที่ซื้อเสื้อผ้าเหมือนจะไม่ได้ซื้ออีกแล้วทั้งชีวิต คุณชัยก็พาผมไปซื้อรองเท้า ชุดนอน กางเกงใน
ผมคิดไม่ทันเลยว่าวันนี้รูดบัตรท่านไปเท่าไหร่แล้ว
ขออย่างเดียวอย่าเรียกเก็บผมย้อนหลังเวลาบัตรเครดิตเรียกชำระหนี้แล้วกัน
เพราะถ้าเรียกเก็บทีหลัง ผมจะไม่ยอมตัดป้ายยี่ห้อออกเด็ดขาด ผมจะเอาของมาคืนแทน
หลังจากจัดการเก็บของทั้งหมดในรถ คุณชัยก็ขับรถพาผมมาที่หอพัก
คุณชัยดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อ คลุมมือไว้แล้วกดลิฟท์
เว่อวังไปอีกกกกกกกกกกก!
ผมไขกุญแจห้องแล้วเปิดเข้าไป
“แค่กๆ”เสียงไอของผู้ลากมากดีดังอย่างต่อเนื่อง
ได้ยินแล้วรำคาญจนอยากจะไล่ลงไปด้านล่าง
“อันนั้นคุณเอาไปไม่ได้”คุณชัยรีบตะโกนออกมา เสียงดังทะลุ mask ที่พึ่งหยิบมาใส่หลังจากไอจนเจ็บคอ
“ทำไม”
“เมื่อเช้าท่านสั่งว่าห้ามเอาของเน่าๆเข้าคอนโด คุณก็ได้ยิน”
“ผมไม่เห็นว่าเสื้อนอนของผมมันจะเน่าตรงไหน มันก็แค่ยืดและย้วยกว่าปกติเท่านั้น”
“ยังไงก็ไม่ได้”ผมขี้เกียจจะเถียงด้วย สุดท้ายก็โยนเสื้อยืดลงถุงดำที่เตรียมจะทิ้ง
เลือกของในห้องไปมา สุดท้ายเหลือสิ่งที่เอาไปได้แค่เอกสารระบุตัวตนว่าเป็นพลเมืองไทยเท่านั้น
เสื้อผ้าของใช้ถูกคุณชัยสั่งให้ทิ้งลงถุงดำทั้งหมด
ผมเถียงหน้าดำหน้าแดงอยู่นาน ต่างคนต่างไม่ยอมกัน
จนสุดท้ายท่านโทรมาบอกว่าให้คุณชัยรีบกลับ ท่านต้องการให้คุณชัยขับรถไปงานเลี้ยงคืนนี้
เราเลยได้ข้อสรุปกันว่าต้องทิ้งของทั้งหมด
ผมสอดโน๊ตบอกลาและขอบคุณเจ๊ซอนย่าไว้ที่ช่องใต้ประตูห้อง
ถึงเจ๊ซอนย่าจะเป็นสาวประเภทสอง ชอบเอางานแปลกๆมาแนะนำให้ผมทำ ทั้งการเป็นโฮสต์ที่โรสคลับ และเป็นเด็กขายออนไลน์ แต่ผมก็ต้องขอบคุณเจ๊แกที่ทำให้ผมมีเงินใช้มาถึงทุกวันนี้
ถ้าไม่ได้เจ๊แกป่านนี้ผมโดนพวกหนี้นอกระบบคว้านท้องขายตับ ขายไต ควักแก้วตาออกไปขายนานแล้ว
ผมบอกลาที่อยู่ที่อยู่มาตลอด 2 ปีอย่างใจหาย
วันไหนที่ท่านไม่ต้องการผมแล้ว ผมอาจจะต้องกลับมาอยู่ที่นี่อีก
“เร็วๆสิคุณพริ้ม ถ้าช้าแล้วผมโดนท่านว่า ผมจะบอกให้ท่านลงโทษคุณ”
“คุณชัยครับ คุณเองก็อายุมากแล้วยังทำตัวเป็นตาแก่ขี้ฟ้องอีกเหรอ”คุณชัยอายุน้อยกว่าท่าน ดูหน้าตาน่าจะประมาณ 30 แต่ผมก็ล้อเขาไปอย่างนั้นแหละ
ถึงท่าทาง คำพูดจะดูร้ายกาจ
แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนใจดี ขี้เม้าท์
เม้าท์ให้ผมฟังเรื่องการทานอาหารของท่านตั้งหลายเรื่อง
ตลกดี
คนอะไรกินเฉาก๊วยไม่เป็น ตอนเด็กๆท่านเคยสำลักจนเฉาก๊วยออกมาทางจมูก
คอยดูนะ ถ้าวันไหนผมโกรธท่าน ผมจะซื้อเฉาก๊วยมาแช่ให้เต็มตู้เย็นเลย
ผมใช้เวลานานมากกว่าจะกลับถึงคอนโดท่าน
ตอนแรกผมกะจะขอคุณชัยไปลาพี่ส้มโอเจ้าของร้านกาแฟหลังจากไลน์ไปขอลาออก
แต่คิดอีกทีผมค่อยมาวันหลังเองดีกว่า
เกิดไปถึงคอนโดช้า ผมได้โดนลงโทษอีก
.
.
.
“ช้า”ท่านนั่งไขว่ห้างกดไอแพดอยู่บนโซฟา พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“รถติดครับ”คุณชัยรีบตอบท่าน
“นายไม่รู้จักนวัตกรรมที่เรียกว่ารถไฟฟ้ารึยังไง?”หลังจากท่านถามผมก็คิดตาม
จริงด้วย…ถ้ามารถไฟฟ้าคงถึงนานแล้ว
แต่เดี๋ยวนะ
ถ้าคุณชัยมารถไฟฟ้าแล้วใครจะขับรถละ
“ผมขับรถไม่เป็น”ผมแทบจะตบปากตัวเองเมื่อหลุดพูดออกไป ท่านตวัดสายตาคมกริบมองผม ลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ใจผมอยากจะเดินถอยหลังหนี แต่ขามันก้าวไม่ออก
“ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เซ็กส์ก็ห่วย ทักษะการเอาตัวรอดและใช้ชีวิตก็ไม่มี”ท่านเดินมาพูดกับผมด้วยสายตาดุ
“อบรมเด็กนี่ด้วยนะชัย”
ท่านพูดทิ้งท้ายไว้กับคุณชัยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป
คุณชัยหันหลังกลับมามองผม และพูดว่า ‘เกือบตาย’
อืม…เกือบตายจริงๆนั่นละ เกือบตายเพราะความปากเปราะของตัวเอง
ถ้าเมื่อกี้ทำตัวนิ่งๆแล้วเอ่ยคำขอโทษให้จบๆไป ก็คงไม่ถูกด่าให้เจ็บใจแบบนี้
ใจมันเจ็บแปล๊บๆแปลกๆ
น้องงงงงงงงงงงงงงง
ดราม่าเกินไปใจไม่ดี
ฝาก #พริ้มกับdaddy ด้วยค่ะ
อย่าพึ่งหนีน้องไปไหน