ตอนที่ 91 ลูกไก่ในอ้อมกอด
“ไปห้องน้ำนะคะ” บอกด้วยสีหน้าที่ไม่ดีเลย เมื่อรีบเดินออกจากโต๊ะไปอย่างเร็วจี๋.......
ออกจากช่วงโต๊ะไปแล้ว หนูมองหาห้องน้ำ ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามมาเลยหันไปมอง พบว่าเป็นพี่เอ
“พี่จะตามมาทำไมอีก” หนูถามอย่างหวาดระแวงเมื่อรู้แน่ชัดว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นความตั้งใจ... ถ้าไม่มีพี่ซาอยู่ด้วย หนูคงอาละวาดไปแล้ว
“ที่ถามบนโต๊ะเมื่อกี้ อยากรู้จริงๆ หรือเปล่าว่าพี่ต้องการอะไร”
“เดินตามมาถึงนี่เพื่อจะบอกแค่นั้นเหรอคะ...”
“ที่จริงก็ไม่ขนาดนั้น เพราะถึงไม่บอก ก็คงเดาได้ แต่อยากเตือนไว้ เพราะคิดว่าเคยพูดไว้แล้วแต่ตอนนี้คงลืม”
“อยากบอกอะไรก็เชิญเลย เพราะหนูลืมไปหมดแล้วจริงๆ”
“อย่าทะนงตนให้มากนัก เพราะคิดว่าวันนี้ตัวเองได้รับความรัก เพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้กับความรักของผู้ชาย วันนี้รักได้พรุ่งนี้ก็เลิกรักได้ อะไรที่เคยเป็นของเรา ถ้าหากดูแลไว้ไม่ดี ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ใช่ของของเรา....”
“แล้วถ้าวันนึงเขาไม่ใช่ของหนูจริงๆ พี่คิดว่าจะกลายเป็นของๆ พี่ได้ง่ายๆ เหรอคะ?”
“เรื่องนั้นก็คงต้องรอดูกันต่อไป....”
“ก่อนจะทำอย่างที่สอง ทำอย่างแรกให้ได้ก่อนดีกว่ามั้งคะพี่...”
“คนเคยทำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่แน่อาจจะมีครั้งที่สองก็ได้นี่นา....”
หนูชะงัก กับคำพูดนั้น... รอยยิ้มของพี่เอช่างเจ้าเล่ห์นัก มันเหมือนกับมั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าสักวันต้องทำได้
พี่เขาพูดแค่นั้นแล้วหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะ หนูยืนนิ่งแล้วกำมือแน่น รู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมาจี๊ดๆ เจ็บปวด กังวลใจ ลามไปถึงเกลียดชัง...
เคยทำได้มาแล้วครั้งนึงเหรอ....
“ก็ตอนที่กูไปหามึงที่มอเมื่อตอนต้นเทอมหนึ่งไง เพราะมึงพากูไปเที่ยว มึงถึงได้ทะเลาะกับพี่โต้งจนถึงขั้นเลิกไป”
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? เล่าให้ฟังบ้างได้ไหม”
“ก็ไม่มีอะไรนี่ ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ตอนนั้นมีรุ่นน้องพี่โต้งมาลองใจมึงด้วยการชวนไปต่อ แต่มึงเลี่ยงด้วยการบอกว่ามากะผัวแล้วเดินมาหากู ทีนี้ผัวตัวจริงมึงดันเดินมาแล้วก็ไม่รู้นึกว่าเป็นไอ้คนที่มาจีบกูก็เลยยแกล้งทำเป็ฯยื่นหน้าไปใกล้มึงแบบนี้.... แล้วพี่ไก่แกก็มาอาละวาดด่ามึงเละ พอนึกอะไรออกไหม?”
รุ่นน้องที่โอ๋พูดถึงก็คือพี่เอ.....
“เราทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอคะ ถึงต้องเลิกกัน”
“เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” คนโกหก....ไม่ใช่แค่เรื่องเข้าใจผิด เพราะพี่เอตั้งใจต่างหาก เราสองคนถึงต้องเลิกกัน.....
.
.
.
หนูยืนเหม่อหน้ากระจกให้ห้องน้ำหลังจากเอาน้ำลูบๆ เสื้อเหม็นเหล้านั่นอย่างอารมณ์เสีย
“น้องฐา....” เสียงเรียกพร้อมกับมือที่วางบนไหล่ทำให้หนูสะดุ้ง ขยับตัวหมุนไปมอง
ผู้ชายที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นหน้า.... ขาว หล่อ.... รอยยิ้มกว้างนั่นไม่ได้ช่วยให้ความแปลกใจลดน้อยลง มีเพียงคำถามในใจ
ใครล่ะเนี่ย... หล่ออิ๊บอ๋าย....
“วันนี้ว่างไปเที่ยวกับพี่หรือยังจ๊ะ...”
“ฮะ....” หนูอุทานด้วยความประหลาดใจ เริ่มไม่เข้าใจว่า เดี๋ยวนี้คนหล่อๆ ก็เบี่ยงเบนกันไปหมดแล้วหรือนี่....
“เอ่อ....คงไม่ได้หรอกค่ะ พอดี....แฟนหนูดุแล้วก็ขี้หึงมาก...” หนูยิ้มเจื่อน ตอบกลับอย่างรักษาน้ำใจ...
“ไอ้โต้งเนี่ยนะ สนด้วยเหรอ ขนาดต่อหน้าเคยชวนสามพียังบอกอยากไปกับพี่สองคนอยู่เลย” คนตรงหน้าตอบกลับมายิ้มๆ แต่ทำเอาหนูสะอึกอึ้ง.... หมายความว่ายังไง.....
หนูจ้องเขม็งด้วยสายตาไม่พอใจ ไม่ไว้ใจเขาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่จริง.....ไม่มีทาง...
กะอีแค่คำพูดของคนไม่รู้จัก ไม่จะเป็นต้องเชื่อ หรือเก็บเอามาใส่ใจเลยสักนิด
หนูขยับตัวรีบเดินหนีออกมาจากห้องน้ำ....
“เดี๋ยว น้องฐา หยุดก่อนพี่แค่ล้อเล่น” เสียงนั้นไล่หลังมาจนหนูรีบเร่งฝีเท้า จนกลายป็นวิ่ง...
ตุ้บ!
ความรีบทำให้สะดุดล้มลง หนูรีบหันกลับไปมองคนที่ตามมาอย่างหวาดระแวง กลัวเขาจะทำอะไร ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเดินมาถึง มือคู่หนึ่งก็ยื่นมาจับไหล่ไว้เสียก่อน หนูรีบหันไปมอง พอเห็นเป็นพี่โต้งก็ค่อยใจชื้น
“น้องฐา เป็นอะไรหรือเปล่า...”
“พี่คะมีคนตามหนูมา...” หนูรีบบอกอย่างร้อนรน เมื่อนึกได้ว่ามีบุคคลหน้าตาดีกำลังเดินตามมา พี่โต้งเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองผู้ชายคนนั้นที่เดินมายืนอยู่ตรงหน้าพวกเรา
“มึงทำเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย ไม่เห็นเหรอว่าน้องกลัว....”
“ขอโทษ กูแค่หยอกเล่น ใครจะนึกว่าจะตกใจจนวิ่งหนีมาแบบนี้”
อะไรอ่ะ? หนูมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องกลัวนี่ไอ้ปอนด์ เพื่อนพี่เอง” แปว.... ปั้นหน้าไม่ถูกเลยแฮะที่หลงเข้าใจผิดว่าเพื่อนพี่โต้งแอบตามมาเพราะความพิศวาส ความจริง แค่หยอกเล่นเฉยๆ เหรอ หน้าแหกเลยเรา...
“น้องเค้าไม่ได้กลัวกูโว้ย เค้ากลัวมึงต่างหาก เห็นบอกแฟนดุแล้วก็ขี้หึงมาก หึหึ” พี่ปอนด์ หันไปเถียงแล้วหัวเราะ
พี่โต้งเลิกคิ้วแล้วหันมามองด้วยรอยยิ้มแปลก
“รู้ด้วยเหรอว่าพี่ขี้หึง ฮึ ” หนูก้มหน้าลงทันทีเมื่อเจอคำถามแทงใจดำ....เพราะความผิดติดหลัง... รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ เพื่อนคนไหนๆ ก็พูดทั้งนั้นแหละ แต่รู้ทั้งรู้ว่าพี่โต้งขี้หึงหนูก็ยังชอบทำอะไรให้แกหึงอยู่นั่นแหละ...
“แล้วเสื้อผ้าไปโดนอะไรมา ถึงเปียกแบบนี้ ฝนก็ไม่ตกนี่”
“เอ๊ะ นี่เหรอคะ....” หนูก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง....แล้วนึกขึ้นได้ว่าโดนพี่เอแกล้งเอาเมื่อกี้
โกรธก็โกรธอยู่นะ แต่หนูก็ขี้ขลาดมากกว่าจะใช้ความรุนแรง จำพวกตบตีแบบนั้น หนูไม่ทำแบบนั้นหรอก ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ แต่ก็ไม่ได้แสนดีถึงจะขนาดจะหุบปากไม่ฟ้องได้ลงอยู่ดี...
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีพี่เอเค้า....”
“เออีกแล้วเหรอ” เสียงพี่โต้งแสดงความเบื่อหน่าย ตามมาด้วยใบหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งยวด
“อย่าไปโกรธเค้าเลยนะคะ ก็แค่ความกรุณาจากพี่เอ ที่อยากจะช่วยให้หนูจำทุกอย่างได้เร็วๆ ก็เท่านั้นแหละค่ะ”
หนูจีบปากจีบคอบอก....ทั้งที่ความจริงนึกอยากให้แกโกรธมากๆ เหมือนกัน ถ้าหากพี่เออยากจะเป็นตัวร้ายมากนัก หนูจะเป็นอะไรได้ล่ะ? นอกจาก “นางเอก”
“แล้วมันช่วยได้จริงไหมล่ะ?” พี่โต้งขมวดคิ้วแล้วหันมาถาม
“ก็....นิดหน่อยมั้งคะ....” หนูตอบอ้อมแอ้ม ความจริงหนูเริ่มจำอะไรได้บ้างแล้ว แต่มันก็ยังน้อยมากอยู่ดีจนหนูไม่อยากจะบอกแกเท่านั้นเอง...
“มึงกลับไปที่โต๊ะก่อนไป กูจะพาน้องไปห้องน้ำ” พี่โต้งหันไปบอกพี่ปอนด์
“อือ....” เขารับคำง่ายๆ แล้วเดินออกไป ส่วนหนูก็ถูกพี่โต้งพยุงขึ้นมา แล้วเดินพาไปอีกทาง
.
.
.
ห้องน้ำที่ไหนล่ะ นี่มันห้องส้วมเลยเหอะ
“เอ่อ.... คือ.... พี่พาหนูเข้ามาทำไมอ่ะคะ...” หนูถามเสียงอ่อยติดๆ ขัดๆ เหมือนคนติดอ่าง
“ไหนๆ ข้างนอกฝนก็ตกไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว หาอะไรทำแก้เซ็งกันดีไหม” พี่โต้งถามยิ้มๆ สายตากรุ้มกริ่มจนหนูแอบเหวอ มองซ้ายมองขวาเลิกลั่ก
“ฝนตกที่ไหน ไม่เห็นตกเลย” เถียงสุดใจขาดดิ้น ฝนไม่ตก แห้งสนิท จะมีก็แต่เสื้อหนูนี่แหละที่เปียกโชก
แหมะ .....พี่โต้งจับมือหนูไปวางตรงหน้าอกแก....
“มาสนุกกันเหมือนกับวันแรกที่เราได้เจอกันไงคะ” สนุกอาร้ายยยยย อย่าบอกนะว่าพี่โต้งอยากเปลี่ยนสถานที่....
ใจเต้นตึ๊กตั๊ก แหม่ บ้าเนอะ ที่ยังอุตส่าห์ตื่นเต้นกับประสบการณ์อันแปลกใหม่... แต่ก็กะทันทันจนตั้งตัวไม่ทันเลยอ่ะ มันเลยเคอะๆ เขินๆ ทำตัวไม่ถูกเลย...
หน้ามันร้อนผ่าวๆ ประหลาดๆ เมื่อพี่โต้งยื่นหน้าเข้ามาแตะที่มุมปาก งงๆ ที่อยูดีๆ ก็ถูกจูบ เลยได้แต่นิ่งแบบนั้น ก็ยอมให้จูบดีๆ แล้วนะแค่ไม่ได้จูบตอบแค่นั้นเอง....
“ช้าอะไรอยู่ล่ะ รีบทำแบบนั้นสิ”
“คะ...ทำอะไรเหรอ....”
“ไหนบอกว่า
จะไม่ทำให้พี่ผิดหวังไง”
เอ๋อและเนี่ย พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นเข้าใจอ่ะ พี่โต้งต้องการอะไรจากหนูกันแน่
อยู่ดีๆ ก็ลากเข้าห้องน้ำมาแล้วก็พูดๆ อะไรก็ไม่รู้.... จะให้ทำอะไร...ก็ไม่บอกให้รู้เรื่อง
งงนะเนี่ย กะเทยงง
“เฮ่อ.... กลับโต๊ะกันดีกว่า คงนึกไม่ออกจริงๆ” พี่โต้งถอนใจเบาๆ แล้วเปิดประตูห้องน้ำ พาหนูเดินออกมา ดีนะไม่มีคน...ไม่งั้นอายเค้าตาย...
“เดี๋ยวสิคะพี่ หนูงงไปหมดแล้ว เมื่อกี้พี่ทำอะไรกันแน่”
“แค่รื้อฟื้นความจำไง แต่จำไม่ได้ก็ช่างเถอะ ไม่เป็นไร”
“ขอโทษนะ ที่หนูนึกอะไรไม่ออก”
“ไม่เป็นไร แค่พี่จำได้ก็พอแล้วว่าตอนนั้น น้องฐาเซ็กซี่แค่ไหน เร่าร้อนจนแทบคลั่งเลย”
เร่าร้อน เหอะๆ อย่างหนูเนี่ยมันเคยมีช่วงเวลาแบบนั้นด้วยเหรอ....
“หนูชักไม่แน่ใจซะแล้วสิว่าคนที่พี่พูดถึงนั่นเป็นหนูจริงๆ บางทีตอนนี้ หนูอาจจะทำให้พี่ผิดหวังมากๆ เลยก็ได้”
“เราไม่น่ากลับมาเจอกันอีกครั้งนึงเลยนะ เพราะมันทำให้พี่อดเสียใจไม่ได้ที่ตัดสินใจปล่อยน้องฐาไปในวันนั้น... เคยคิดว่าเลิกกันแล้วอะไรคงดีขึ้น แต่ไม่ใช่เลย จนถึงตอนนี้ ยังไงพี่ก็ยังคิดถึงน้องฐาอยู่ดี.............. ” คำพูดนี้....ทำไมรู้สึกเหมือน....เคยได้ยิน
“น้องฐาในตอนนั้น กับน้องฐาในตอนนี้ ยังไงก็เป็นคนๆ เดียวกันแน่ๆ ความรู้สึกอ้างว้างในตอนที่ไม่มีกัน แค่ตอนนั้นก็เพียงพอแล้ว ต่อจากนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะไม่ยอมปล่อยมือน้องฐาไปอีกแล้ว.... พี่รักน้องฐานะคะ”
แล้วพี่โต้งก็ดึงร่างหนูเข้าไปกอดไว้ ในตอนนั้นสมองมันว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออก มีแต่มือที่เอื้อมไปกอดตอบ แล้วน้ำตามันก็ไหลลงมาเอง
พี่โต้งชวนหนูกลับเลยเพราะเห็นว่าเสื้อผ้าหนูเปียกอยู่เกรงจะเป็นหวัด แต่ถ้าหนูกลับไปเฉยๆ หนูก็ไม่รู้น่ะสิ ว่าพี่ต้งจะจัดการกับพี่เอยังไง หนูเลยแสร้งทำเป็นนางเอก บอกเกรงใจเพื่อนพี่โต้งอ้อนให้พากลับไปที่โต๊ะ
“โหย..ไปซะนาน.... จนกูกินต้มยำหมดไปเป็นหม้อ “ เสียงพี่ปอนด์ เอ่ยแซวทันทีที่หนูกับพี่โต้งเดินจับมือกลับมาถึงโต๊ะ
“ตามสบายเหอะ หม้อนั้นกูสั่งให้มึง มีแต่หมู คนอื่นเค้ากินทะเลกัน”
“เหอะ.... แบ่งชั้นวรรณะ” มีบ่นเบาๆ
“เออ ขอบใจนะเอ....” พี่โต้งพูดขึ้นแล้วหันไปมองพี่เอ...
“ครับ?”
“ขอบใจนะที่ช่วยหาวิธีฟื้นความจำให้น้องฐา แต่คราวหลังไม่ต้อง....”
“เอ่อ.... ผมแค่เป็นห่วง....”
“เป็นห่วงตัวเองก็พอแล้ว”
หนูไม่รู้หรอกว่าพี่โต้งหันไปมองด้วยสายตาแบบไหน แต่รู้สึกว่าเสียงแกดุมากจนพี่เอหน้าจ๋อย ดวงตาเศร้าลงเหมือนคนอยากร้องไห้ เห็นแล้วแทนที่จะสะใจเหมือนอย่างที่คิดคราวแรก กลับรู้สึกสงสารขึ้นมาเฉยๆ
“ครับ งั้นผมกลับก่อนนะ” พี่เอบอกด้วยเสียงเครือเหมือนคนกลั้นสะอื้น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโต๊ะ พี่ซาลุกตาม
“ซา อยากไปก็ให้มันไปคนเดียว....มึงอยู่กินเหล้ากับกูก่อนสิ”
“มึงกินไปเถอะ กูกินไม่ลงแล้ว.... ถ้ามึงจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนของมึง... กูก็จะทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องคนของกูเหมือนกัน” พี่ซาบอกหน้าเครียดแล้วก็เดินตามพี่เอไป.....
ทำเอาเงียบทั้งโต๊ะ
“แม่ง..... ดราม่าเหี้ยๆ” เสียงพี่ปอนด์ดังขึ้นทำลายความเงียบ....
“ขอโทษนะคะ เพราะหนูเอง....” หนูเอ่ยขึ้นมา ไม่ได้อยากปั้นหน้านางเอกอย่างตอนที่ฟ้องเรื่องพี่เอแล้ว แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถ้าหนูไม่ขี้ฟ้องไม่บอกพี่โต้งเรื่องที่โดนแกล้ง บรรยากาศมันคงไม่อึมครึมแบบนี้...
สวบ.... พี่โต้งโน้มตัวมาโอบไหล่หนูแล้วลูบหัวเบาๆ
“อย่าคิดมากเลย ไม่เกี่ยวกับน้องฐาหรอก...มา ดื่มหน่อยดีกว่า อากาศร้อนๆ จิบเบียร์เย็นๆ คลายร้อนหน่อยดีไหม?”
หนูส่ายหน้าหวือทันที
“ขมอ่ะ ไม่ชอบ....”
“งั้น...เดี๋ยวชงเหล้าบางๆ ให้ กินได้ไหม?”
“เอ่อ............”
.
.
.
.
.
.
“โอ้เหล้าจ๋า.... หนายลองหันมายิ้มหน่อยซิ” หนูเริ่มร้องเพลงเบาๆ กับแก้วเหล้า.... หัวโยกไปโยกมาคอพับคออ่อน...
“ยิ้มซิยิ้มซิ ที่ร้ากกกยิ้มนานๆ” เสียงพี่ปอนด์ต่อเพลงมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
“อย่าด่วนใจดาม ทามรามคาน ฉานจะแต่งงานกาบเธอใต้แสงเดือน” หนูหันไปร้องจนจบท่อน
“ฉานมีฟ้าเปนมุ้ง ฉานมียุง....” อีกคนโชว์น้ำเสียงอันทรงพลัง ไปนิดนึงก่อนจะโดนพี่โต้งยกมือมาเบรคอย่างน่าขัดใจ
“พอแล้วๆ ทั้งสองคนเลย เกรงใจโต๊ะอื่นเค้าบ้าง” เสียงพี่โต้งร้องปรามอย่างระอาใจ หนูหันไปทำตาปรือใส่คนห้าม อะไรกันคนกำลังร้องเพลงสนุกๆ ห้ามทามมาย.....
“เกรงทำไม ไม่ได้ขอข้าวมันกินซะหน่อย” พี่ปอนด์ตอบกลับ แบบไม่กลัวอะไรเลย
“ห่าเอ๊ย... อย่าลืมว่าวันนี้ไม่ได้มากับผัวนักเลงของมึง มีอะไรกูไม่ช่วยนะโว้ย กูวิ่งอย่างเดียว....”
“ปั๋วที่หนายยย ม่ายมี กูโสด กูโสด”
“เออ กลับบ้านได้แล้วไอ้คนโฉด... เมาแล้วเรื้อน วอนหาตีนตลอดนะมึงอ่ะ”
“ไม่กลับๆ สั่งเหล้ามาอีก”
“ไม่สั่งแล้ว... น้องๆ เช็กบิล” พี่โต้งไม่ฟังเสียงคัดค้านของชาวคณะ ตั้งหน้าตั้งตาเรียกเด็กมาคิดเงินอย่างเดียวเลย ฮึกฮึก หนูยางไม่อิ่มเลย หนูจากินอีก.....
“เดินดีๆ สิคะ” เสียงพี่โต้งบอกขณะพยุงร่างโอนเอนของหนูทุลักทุเลมาจนถึงห้องหลังจากที่แวะไปส่งพี่ปอนด์เรียบร้อยแล้ว
หนูหลับหูหลับตาเดินจนถูกทิ้งให้หล่นแหมะลงกับโซฟา พลิกกายเล็กน้อยแล้วแน่นิ่ง...เมื่อพบโซฟานุ่มๆ ก็เพลียจนม่อยหลับ...
“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งหลับ ใจคอจะไม่อาบน้ำก่อนเหรอ....”
“ม่าย หนูอาบแล้ว”
“อย่างน้อย.... เปลี่ยนชุดซะหน่อยก็ยังดี เสื้อผ้ายังชื้นๆ อยู่เลย”
ม่ายอาวแว้วว หนูจานอนแว้ว
แต่พี่โต้งแกไม่ฟังเสียง...(ในใจ) ของหนูเลย แกจับตัวหนูพลิกๆ แล้วจับตั้งขึ้นเหมือนตุ๊กตา จับถอดเสิ้อเฉยเลย เด็กน้อยว่าง่ายอย่างหนูทำได้แค่สลึมสะลือยกแขนขึ้นแค่นั้นแหละ และไม่ได้ขัดขืนเลยเมื่อโดนถอดเสื้อผ้าออกชิ้นแล้วชิ้นเล่า....
อารามความง่วงและเมาทำให้ทรงสติไว้ไม่อยู่ สมองมันเลยเบลอๆ เหมือนโดนยาสั่ง พอพี่โต้งพูดอะไรทำอะไรมันก็เลยไม่รู้สึกรู้สา ไม่ว่าจะเป็นรสจูบ หรือรสสัมผัส ก็แค่ทำให้เคลิ้มๆ ไป... มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายถูกบุกรุกไปแล้ว ความเจ็บจนต้องขมวดคิ้วทำให้ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงเบื้องหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เนื้อตัวเปลือยเปล่าถูกทาบทับไว้ด้วยร่างของเขา ช่องทางเบื้องล่างรู้สึกได้ว่ากำลังถูกรุกล้ำ ความตกใจทำให้เผลอดิ้นหนี.. แต่ก็น่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมง่ายๆ
ทำอะไรไม่ถูก แวบหนึ่งเหมือนถูกข่มขืน บางอย่างมันแน่นในอก ขอบตาร้อนจนเกือบร้องไห้
“พี่ ปล่อย….. ไม่เอา....” หนูพยายามบอกเขาด้วยเสียงเหมือนสะอื้น...เหตุการณ์ระทึกขวัญทำเอาสร่างเมาในชั่วพริบตา
“ไม่...พี่จะไม่ทน...พี่จะไม่รออีกแล้วนะ”
พี่แกบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนหมดความอดทนกับหนูจริงๆ....
ไม่ต้องรอให้หนูตอบพี่แกก็ก้มลงมาไซร้ซอกคอ... หนูได้แต่นอนนิ่งเหมือนท่อนไม้... ไม่ได้ขัดขืนแค่ไม่ได้ตอบสนองก็แค่นั้น ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้ว หนูไม่มีสิทธิ์จะห้ามปรามหรือหนีไปไหนทั้งนั้น
ไม่มีอะไรเลวร้ายหรอกก็แค่อยู่เฉยๆ จนจบไป เหมือนที่เคยเป็นมา ไม่ได้ยากอะไรกับแค่เปลี่ยนคน....
ท้ายที่สุดทุกอย่างก็หยุดลงจนหนูลืมตาขึ้นมา พบดวงตาที่จ้องมองกลับมา แววตาแกเศร้ามากเหลือเกิน...
“ช่วยมีอารมณ์ร่วมหน่อยได้ไหม? พี่ไม่อยากรู้สึกเหมือนกำลังข่มขืนเราอยู่นะ”
“ไม่ต้องสนใจหนูหรอก ทำให้เสร็จๆไปเถอะ สำหรับกะเทยแล้วเซ็กมันไม่ได้หวือหวาแบบนั้น”
“ถ้าไม่มีความสุข แล้วจะทำไปทำไม ถ้าไม่รู้สึกอะไรบ้างเลย จะว้อนผู้ชายไปทำไม”
“หนูไม่รู้หรอกว่าคนอื่นเค้าคิดยังไง แต่จะมีอะไรที่สุขไปกว่า ได้เห็นความสุขของคนที่ตัวเองรัก”
เราสบตากันนิ่งนาน แล้วพี่โต้งโอบร่างหนูเข้าไปหา จนใบหน้าเราห่างกันแค่นิดเดียว..
“พี่รักน้องฐามากนะ... ขอร้อง... ช่วยรักพี่บ้างได้ไหม” คำพูดนั้นทำให้หนูชะงัก ฟังเสียงเศร้าๆ อ้อนๆ แล้วใจแกว่ง มันเหมือนจะสะกดให้ขยับตัวแทบไม่ได้..
หลังคำพูดนั้นพี่โต้งแกก็จูบหนู จูบซ้ำๆ ย้ำๆ อยู่แบบนั้นจนหนูเผยอรอมฝีปากรับจูบจนได้ แล้วพาลกลายเป็นจูบตอบ
จากที่สร่างเมาก็เริ่มจะกลับไปเมาอีกรอบ แต่อาจจะเป็นเมาจูบ เมามือ ลามไปเมามัน...
คงเพราะไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้นานหรือเปล่ามันเลยตื่นเต้น เคอะเขิน รู้สึกร้อนรุ่มไปทุกรูขุมขน
ริมฝีปากที่จูบกัน ร่างกายที่กอดก่าย มันเหมือนยาเสพติดที่เมื่อลองแล้วไม่อาจยั่งยั้งชั่งใจได้เลย
คงเพราะพี่แกไม่ใช่ว่าสักแต่จะเอาอย่างเดียวล่ะมั้ง กว่าจะถึงจุดๆ นั้นแกก็บิวท์จนหนูดิ้นพล่าน... อยู่กับการโลมเล้าจนรู้สึกว่า อยากให้ทำซะที มันจะขาดใจแล้วอะไรแบบนั้นเลย....
แล้วหลายๆ อย่างก็ดำเนินไปตามครรลองของมัน
จนถึงวินาทีนั้นหนูก็ยังไม่แน่ใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะคำพูดหวานๆ บรรยากาศและอารมณ์พาไป
หรือมันมาจากหัวใจลึกๆ ของหนูกันแน่..... .....................................................................
เฮ้อ
กว่าจะต้อนลูกไก่เข้ามาในอ้อมอกได้ พี่ไก่โต้งคงเหนื่อยน่าดู 5555