(ต่อจากด้านบน)
นับตังค์อุ้มด้วงออกมาเล่นกับพายพัดโดยไม่สนใจมีคุณเลย มีคุณอยากจะคุยกับนับตังค์เป็นการส่วนตัวก็ไม่มีโอกาส ยิ่งเห็นนับตังค์หัวเราะต่อกระซิกกับพายพัดมีคุณก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง จนกระทั่งขมิ้นขับมาถึงที่บ้านพร้อมกับสาลี่ รัญญรีและหม่อง ทุกคนถึงได้เดินออกมาสมทบกันที่หน้าบ้าน
“รถใครเหรอ” มีคุณถามเมื่อเห็นว่าขมิ้นไม่ได้ขับรถกระบะคันเดิมมาแต่เป็นรถโฟร์วีลคันใหญ่ที่ยังดูใหม่เอี่ยมแทน
“รถนายปู่ครับ นายปู่เอาไปฝากไว้ที่รีสอร์ทของคุณขจี ไม่ค่อยได้ใช้จนหมิ้นลืมไปเลย พอนึกได้ก็เลยจะไปเอามาให้นายหัวใช้ หมิ้นเลยไปเจอคุณรันกับคุณหม่องที่นั่น” ขมิ้นบอกเล่า
“อ้าว สรุปพวกแกพักที่รีสอร์ทของคุณขจีเหรอ” นับตังค์ถามเพราะนึกว่ารัญญรีจะไปพักอยู่ทางฝั่งของนายหัวพยนต์
“ใช่ ป้าขจีเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ฉันเอง ฉันก็ไม่คิดว่าจะอยู่ใกล้กับบ้านของคุณ” รัญญรีพูดกับนับตังค์ก่อนจะหันไปพูดกับมีคุณ
“โลกกลมจังเลยนะครับ” มีคุณยิ้มตอบก่อนจะมองไปที่นับตังค์ เมื่อเห็นนับตังค์ทำเป็นไม่สนใจก็เลยขยับไปยืนจนชิด
“ไปกันเถอะ” นับตังค์รีบเดินหนีไปขึ้นรถทันทีจนรัญญรีจับอาการได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนรักแน่ๆ
รถโฟร์วีลคันใหญ่บรรทุกทุกคนมาได้หมด เมื่อมาถึงชายหาดก็เห็นว่ามีผู้คนทยอยมากันเยอะพอสมควร บนเวทีเริ่มมีนักดนตรีมาทดสอบเครื่องเสียงกันแล้ว เก้าอี้ผ้าใบถูกนักท่องเที่ยวจับจองจนเกือบเต็ม แต่ก็ยังพอมีเหลือให้กลุ่มของมีคุณไปนั่งได้ มีคุณชวนนับตังค์ให้ไปเลือกซื้ออาหารทะเลด้วยกัน ทีแรกนับตังค์จะไม่ยอมไป อ้างว่าต้องดูแลด้วง แต่เมื่อรัญญรีอาสาจะอุ้มด้วงให้ ด้วงก็ยอมอยู่กับรัญญรี นับตังค์จึงจำต้องไปช่วยมีคุณเลือกซื้ออาหารทะเลที่พ่อค้าแม่ค้ามาปิ้งย่างและปรุงกันสดๆ ฝ่ายใบเมี่ยงกับพายพัดอาสาไปเลือกเครื่องดื่มมาให้ ส่วนขมิ้นกับสาลี่ก็กำลังจัดแจงปูเสื่อข้างๆ กับเก้าอี้ผ้าใบ เผื่อว่าใครอยากยืดแข้งยืดขาสบายๆ ก็ลงมานั่งตรงนี้ได้
ลมทะเลที่พัดมาในช่วงหัวค่ำแบบนี้ช่วยคลายความร้อนให้กับผู้คนที่มานั่งรอฟังดนตรีและมากินอาหารทะเลได้มาก ผิดกับเมื่อตอนเที่ยงวันที่แสงแดดแทบจะแผดเผาจนแสบผิวไปหมด มีคุณเดินตามนับตังค์ที่กำลังเลือกดูอาหารตามซุ้มต่างๆ ทุกครั้งที่มีคุณจะเริ่มพูดบางสิ่งที่ตั้งใจ นับตังค์ก็จะชิงพูดโน้นพูดนี้ขึ้นมาก่อน สุดท้ายมีคุณก็ยังไม่ได้พูดอะไรทั้งที่มีโอกาสอยู่กันแค่สองคน เมื่อนับตังค์เลือกของกินจนถือกันแทบไม่ไหว ทั้งสองคนจึงต้องเดินกลับมาที่กลุ่มเพื่อนเพื่อเอาอาหารที่ซื้อมาวางเอาไว้ นับตังค์เลือกเดินมานั่งข้างรัญญรี มีคุณแอบถอนหายใจเมื่อเริ่มรู้สึกว่านับตังค์กำลังหนีเขาอยู่ ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่อยากจะพูดกับนับตังค์นั้นมันเหมาะที่จะพูดไปในตอนนี้หรือเปล่า
“พายเมี่ยงคำอร่อยมากนะเชฟ” พายพัดยกนิ้วให้นับตังค์หลังจากที่ได้ชิมพายเมี่ยงคำที่นับตังค์ทำมา
“จริง อร่อยมากเลยแก ทีแรกยังคิดว่าจะเข้ากันไหม พอได้กินนะ แป้งพายออกเค็มนิดๆ หอมเนยหน่อยๆ ตัดรสชาติหวานของน้ำจิ้มเมี่ยงคำ แล้วพวกเครื่องทอดก็กรุบกรอบดี ไม่แข็งเป็นกาก เครื่องเคียงอื่นก็อร่อยมาก สุดยอดเลยไอ้ตัง แม่ฉันต้องอยากกินแน่ๆ ฉันถ่ายรูปไปอวดแล้ว” รัญญรีชมฝีมือเพื่อนรักเสียยืดยาว
“ชมจนน้ำลายแทบไหลเลย ขอพี่บ่าวกินด้วยคนนิ ตังรู้ได้ไงว่าพี่อยากกินเมี่ยงคำ” ขมิ้นทำท่ากลืนน้ำลาย ใบเมี่ยงเลยจัดการห่อเมี่ยงคำแล้ววางลงในถ้วยพายให้ขมิ้น
“ก็ตังเอาของที่พี่บ่าวซื้อมาทำให้กินนี่ไง เมี่ยงทำเผื่อพี่สาลี่ด้วยนะ” นับตังค์บอก
“อืม หรอยแรง เข้ากันจริงนิ” ขมิ้นได้กินแล้วก็ยกนิ้วให้นับตังค์เหมือนพายพัด
“อร่อยจริงๆ ด้วยค่ะเชฟ ถ้าร้านเปิดเมื่อไหร่พี่จะช่วยโฆษณาให้เลยค่ะ ลูกค้าต้องแน่นร้านแน่ๆ” สาลี่ชมจากใจ
“แล้วบอสแกไปไหนแล้ว เมื่อกี้ยังอยู่เลย” หม่องหันมาถามนับตังค์ นับตังค์ไม่ทันสังเกตว่ามีคุณหายไป เมื่อมองหาไม่เจอก็แอบใจหาย
“จะไปรู้เหรอ ขาไม่ได้ติดกันซะหน่อย” นับตังค์ทำเป็นปากดีบอกกับเพื่อนไปทั้งที่ในใจก็หวั่นๆ นับตังค์ไม่ได้อยากจะเล่นตัว แต่มันเขินจนไม่รู้ต้องทำตัวยังไงเวลามีคุณจ้องมองมา
“ปี้จ๋า ไม่จินอันนี้” ด้วงส่งใบชะพลูคืนนับตังค์พร้อมกับทำหน้าเหยเก
“เอ้า ไปหยิบมากินตั้งแต่เมื่อไหร่” นับตังค์ขำด้วงที่เอามือถูลิ้นยกใหญ่ คงไม่ชินกับรสชาติของใบชะพลู
“ไม่อาหย่อย” ด้วงส่ายหน้าจนผมปลิวเมื่อนับตังค์แกล้งส่งใบชะพลูให้อีก
“มากินข้าวดีกว่า มานั่งกับพี่พายมา” พายพัดเรียกด้วง ด้วงยอมเดินไปหาแต่โดยดีเพราะกลัวนับตังค์ให้กินใบชะพลู
“แกบอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกันเหรอ” รัญญรีกระซิบถามนับตังค์
“เดี๋ยว แก อยากรู้ด้วย ขอเปลี่ยนที่ก่อน” หม่องรีบลุกมานั่งกับพื้นเสื่อข้างๆ เพื่อนสนิททั้งสองคน
“ว่าไง เล่ามาเลย” เมื่อหม่องมานั่งสุมหัวกันเรียบร้อยแล้ว รัญญรีก็เร่งถาม
“ไม่มีอะไร ก็ทะเลาะกันเป็นปกติ” นับตังค์พยายามจะไม่แสดงพิรุธอะไรออกไป
“เดี๋ยว แกโกหกพวกเราไม่ได้หรอกตัง” หม่องบอกเพราะดูก็รู้ว่านับตังค์ไม่ปกติ
“ยังไม่อยากเล่าตอนนี้” นับตังค์รู้ว่าปิดเพื่อนไม่ได้ก็เลยตัดบทเอาดื้อๆ
“ด้วง ทำอะไร” พายพัดร้องถามเมื่อเห็นด้วงจับหน้าเมี่ยงมาแล้วเอาปากไปจุ๊บปากเมี่ยงย้ำๆ หลายที
“กัดกัน กัดกันเยยแบบปี้จ๋า” ด้วงชี้มาที่นับตังค์
“ดะ...ด้วง มั่วแล้ว” นับตังค์ตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูก
“อ๋อ...” รัญญรีกับหม่องครางออกมาพร้อมกันก่อนจะส่งยิ้มกว้างไปให้นับตังค์
“กุ้งเผาหมดแล้วเหรอ เดี๋ยวไปซื้อให้ใหม่นะ” นับตังค์เห็นทุกสายตามองมาก็รีบลุกออกไป นึกโมโหตัวต้นเรื่องที่ทำให้ด้วงเห็นแล้วหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ อย่างน้อยถ้ามีคุรอยู่ก็ยังมีเพื่อนให้อายด้วยกัน นี่ปล่อยให้นับตังค์อายขายหน้าอยู่คนเดียว มันน่าให้โมโหไหมล่ะ
“ตัง จะไปไหน” มีคุณที่กำลังเดินกลับมาจากรถ เห็นนับตังค์เดินออกมาจากริมหาดเลยถาม
“ไปไหนมา” นับตังค์ถามห้วนๆ
“ไปที่รถ พี่ลืมโทรศัพท์” มีคุณตอบ
“มานี่เลย” นับตังค์คว้าข้อมือของมีคุณแล้วพาเดินกลับไปที่รถ
แม้มีคุณจะไม่เข้าใจว่านับตังค์หงุดหงิดอะไรมา แต่เมื่อโดนนับตังค์จับข้อมือพาเดินผ่านผู้คนโดยไม่สนใจอะไรก็เลยได้แต่อมยิ้มแล้วยอมเดินตามไป เมื่อมาถึงรถ นับตังค์ก็ปล่อยข้อมือของมีคุณแล้วก็กอดอกพร้อมกับจ้องหน้ามีคุณเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ยอมพูด เอาแต่ถอนหายใจแล้วทำท่าหงุดหงิด มีคุณเลยตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน
“เป็นแฟนกันไหม” มีคุณถาม คราวนี้คนที่ทำท่ากระฟัดกระเฟียดถึงกับยืนนิ่งเป็นหุ่น
“หัวไปกระแทกหินโสโครกมารึเปล่า” นับตังค์อ้อมแอ้มถามและไม่กล้ามองหน้าคนถาม ใจนึกอยากจะโวยวายที่พูดเพ้อเจ้อแต่ทำไมดันพูดเสียงอ่อนกลับไปแทนก็ไม่รู้
“อายเหรอ” มีคุณถามเมื่อเห็นว่าแก้มของนับตังค์แดงระเรื่อขึ้นลามไปถึงใบหู
“ใครจะไปหน้าด้านเหมือนบอสล่ะ”
“โตๆ กันแล้ว ไม่ต้องอ้อมค้อม ไม่ดีเหรอ จะได้เข้าใจง่ายๆ”
“ถ้าจะมาขอเป็นแฟนเพราะแค่จูบ ไม่ต้องก็ได้”
“ได้เหรอ” มีคุณเลิกคิ้วถาม นับตังค์อึ้งไปไม่คิดว่ามีคุณจะขอเป็นแฟนเพราะแค่จูบจริงๆ
“เออ” นับตังค์กระแทกเสียงตอบกลับไป จนมีคุณหัวเราะออกมา นับตังค์ถึงได้ขมวดคิ้ว
“ต่อไปอยากจูบก็จูบได้เลยใช่ไหม ไม่ต้องเป็นแฟน”
“อยากโดนต่อยรึไง” นับตังค์ชักเคือง
“อ้าว ก็ตังบอกเองว่าถ้าแค่จูบไม่ต้องเป็นแฟนก็ได้”
“หมายถึงถ้าคิดจะรับผิดชอบเพราะแค่เผลอมาจูบก็ไม่ต้องโว้ย” นับตังค์นึกเสียใจที่ไปเผลอใจให้คนที่เห็นคนอื่นเป็นของเล่นอย่างมีคุณ
“คนที่เขาอยากรับผิดชอบใครบางคนเพราะเขาเห็นคนๆ นั้นมีค่านะ ทำไมถึงไม่อยากเป็นคนมีค่าของพี่” คราวนี้มีคุณถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง
“ก็...” นับตังค์อ้ำอึ้ง ความรู้สึกกลัวมันทำให้สับสน หากตอบรับไป แล้ววันหนึ่งมันไปกันไม่ได้แล้วจะทำงานด้วยกันได้ยังไง
“ก็อะไร” มีคุณอยากรู้ว่านับตังค์คิดอะไรอยู่
“บอกมาก่อน ว่าถ้าเราเป็นแฟนกันจะมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง” นับตังค์ถามก่อนจะตัดสินใจ
“ข้อดีก็คง...” มีคุณทำท่าคิด
“เฮ้ย บอส คิดนานอะ” นับตังค์ตีแขนมีคุณเมื่อเห็นว่าคิดนานเหลือเกิน
“สำหรับพี่นะ ข้อดีก็คือ พี่มีความสุข พี่หัวเราะได้”
“ไปเลือกตลกมาเป็นแฟนไหม”
“ตังนี่ไงที่ตลก ถ้าไม่ได้เป็นเชฟ ไปเป็นตลกได้เลยนะ”
“เร็ว เอาดีๆ บอกมา”
“ก็พูดจริง พี่มีความสุขเวลาอยู่กับตัง เหตุผลแค่นี้ไม่พอเหรอ คนเราจะมีอะไรดีไปกว่ามีความสุข” มีคุณตอบไปตามที่คิด
“แล้วข้อเสีย”
“มีแฟนเป็นเชฟคงจะอ้วนน่าดู ได้กินทั้งอาหาร ได้กินทั้งแฟน” มีคุณตอบโดยไม่ลังเล
“ตกลง เป็นแฟนกันก็ได้” นับตังค์ตอบกลับทันทีเหมือนกัน
“เอาจริงดิ” มีคุณถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ นึกว่านับตังค์จะใช้เวลาคิดนานกว่านี้ มีคุณตั้งใจตอบคำถามกวนประสาทไป นึกว่าจะถูกด่าก่อนด้วยซ้ำ แต่นับตังค์กลับตอบรับเฉยเลย
“ก็จริงดิ”
“ทำไม อยากให้พี่อ้วนเหรอ” มีคุณถามด้วยความสงสัย
“เปล่า”
“แล้วทำไมล่ะ”
“อยากโดนกิน” นับตังค์ตอบจบก็ยักคิ้วให้ มีคุณถึงกับอ้าปากค้างไปต่อไม่ถูก
“เอาจริงดิ” มีคุณถามซ้ำ
“เคยพูดเล่นเหรอ แต่ถ้าไม่มีน้ำยา พรุ่งนี้เลิกกัน” นับตังค์พูดจบก็จะเดินออกไป แต่โดนมีคุณดึงเอาไว้ก่อน
“จะให้กินคืนนี้เลยเหรอ” มีคุณยังคิดว่านับตังค์พูดเล่น
“โตๆ กันแล้ว จะรออะไร” นับตังค์ยังคงตอบแบบท้าทาย
“งั้นกลับบ้านเลย หิว” มีคุณดึงนับตังค์จะให้กลับไปขึ้นรถ เพียงแค่นั้นนับตังค์ก็ร้องโวยวายทันที
“ตังล้อเล่น ไม่ไป ตังจะไปหาเพื่อน วันนี้จะไปนอนกับเพื่อนด้วย ปล่อยดิบอส บอกว่าล้อเล่นไง” นับตังค์โวยวายไม่หยุด แต่สู้แรงมีคุณไม่ได้เลยโดนจับมานั่งอยู่ในรถเรียบร้อย
มีคุณปรับเบาะที่นับตังค์นั่งให้เอนลงเล็กน้อยก่อนจะคร่อมตัวและจ้องหน้าของนับตังค์ คนที่ถูกจ้องหน้าใจเต้นตึกตักจนหัวใจแทบจะหลุดออกมานอกอก นึกในใจว่าไม่น่าหาเรื่องทำเป็นอวดดีท้าทายมีคุณไปเลย เมื่อตอนบ่ายที่ถูกขโมยจูบไปยังจำสัมผัสและความรู้สึกมาจนถึงตอนนี้ แต่กลับปากดีจนจะถูกจูบอีกรอบ คราวนี้ไม่ควรยอมแต่โดยดี ควรจะต้องเล่นตัวบ้าง
“ไม่เอา ห้ามจูบ” นับตังค์เอามือดันอกของมีคุณ
“ใครบอกพี่จะจูบ” มีคุณถาม
“ก็....ทำท่าแบบนี้จะให้คิดว่าโม่แป้งทำเปียกปูนรึไง” นับตังค์เถียง
“ไม่ได้จูบ แค่จะหอม” มีคุณพูดจบก็หอมแก้มนับตังค์ดังฟอด
“บอส!!” นับตังค์เรียกมีคุณเสียงดัง มีคุณก้มลงหอมแก้มอีกข้างทันที
“พี่ขี้ตกใจ” มีคุณแสร้งทำหน้าตกใจ นับตังค์ทำหน้าเอือมระอากับมุกตลกหื่นของมีคุณ
“บอส ถามจริงๆ อยากเป็นแฟนกันจริงๆ เหรอ ถ้าเราไปกันไม่ได้ เราจะทำงานด้วยกันลำบากนะ” นับตังค์เลิกโวยวายก่อนจะถามมีคุณอีกครั้ง ยอมรับว่าตัวเองมีใจให้มีคุณและต่อไปอาจจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เอาง่ายๆ ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย นั่นยิ่งทำให้นับตังค์รู้สึกหวั่นใจกลัวตัวเองจะต้องเสียใจ
“พี่ก็คิดแบบนั้นในตอนแรกที่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกกับตังเกินเพื่อน พี่ก็ถามตัวเองว่าถ้าเราไปกันไม่ได้จะทำยังไง แต่พี่ตอบตัวเองไม่ได้ รู้อีกทีก็ชอบแล้ว อยากจริงจังถึงได้ขอเป็นแฟน พี่ให้ตังตัดสินใจก็แล้วกัน”
“มันจะดีใช่ไหม” แววตาของนับตังค์ดูกังวลจนมีคุณต้องโน้มตัวลงไปจูบที่เปลือกตาของนับตังค์เบาๆ
“ด้วงคงอยากได้ตังเป็นแม่”
“เราเลิกกันดีกว่า” นับตังค์เปลี่ยนใจ แต่ไม่ทันแล้ว คราวนี้มีคุณก้มลงไปจูบปากของนับตังค์แบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
“มันดีใช่ไหม” มีคุณถามหลังจากที่ถอนจูบออก
“ก็...งั้นๆ” นับตังค์ยักไหล่
“หลับตาพริ้มแบบนี้ไม่งั้นๆ หรอกมั๊ง”
“ไม่อยากเห็นคนขี้เหร่ต่างหาก ถ้าลืมตาเดี๋ยวจะพาลหมดอารมณ์” นับตังค์เบ้ปากใส่ มีคุณอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้เลยก้มลงไปจูบอีกครั้ง
...ก็อกๆ..
เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นจนมีคุณกับนับตังค์ต้องหยุดจุมพิตที่กำลังดื่มด่ำแล้วหันไปมอง เมื่อเห็นว่าขมิ้นกำลังทำท่าส่องเข้ามาในรถทั้งคู่ก็ตกใจ มีคุณเปิดประตูออกโดยที่ยังคงคร่อมตัวนับตังค์อยู่ ขมิ้นเห็นแล้วก็ยิ้มจนเกือบเห็นฟันครบสามสิบสองซี่
“คุณรันให้มาตาม ฝากถามตังว่าไปย่างกุ้งถึงพม่าเลยรึเปล่าถึงช้าขนาดนี้นิ”
“ใช่ บอกรันมันด้วยว่าติดอยู่ที่ด่านคนเข้าเมือง ตอมอให้ผ่านแล้วจะรีบไป ปิดประตูให้ด้วย อาย” นับตังค์พูดจบก็หันหน้าหนีขมิ้น มีคุณหัวเราะชอบใจกับการเขินแบบมีสไตล์ของนับตังค์
“น่ารักดีนะเรา” มีคุณอดไม่ได้หอมแก้มนับตังค์โชว์ขมิ้น นับตังค์เลยทุบอกของมีคุณดังอั๊กที่หน้าด้านเกินจะทน
“สงสัยด้วงจะมีน้องเร็วๆ นี้นิ” ขมิ้นส่ายหน้าไปยิ้มไป
“พี่บ่าว ฉ็องด็องนิ!!!” นับตังค์ทนไม่ได้เอื้อมมือไปปิดประตูรถเอง แต่ก็ได้ยินเสียงขมิ้นหัวเราะดังลั่นเข้ามาให้ได้ยิน มีคุณจึงโอบกอดนับตังค์เอาไว้แล้วหอมแก้มอีกครั้ง
นับตังค์ซบหน้ากับอกของมีคุณ ใบหน้าที่ร้อนผ่าวกับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะมันทำให้นับตังค์เข้าใจคำพูดของรัญญรีแล้ว เวลาเราได้เจอคนที่ใช่ ความรู้สึกดีๆ มันเกิดขึ้นได้รวดเร็วและง่ายดายจนแทบไม่ต้องหาเหตุผลอะไรเลยจริงๆ
หลังจากที่ใช้เวลาใกล้ชิดกันอยู่ในรถตามลำพังและสรุปความสัมพันธ์กันจนเป็นที่ชัดเจนแล้ว มีคุณก็ชวนนับตังค์ออกไปหากลุ่มเพื่อน นับตังค์รู้สึกทำตัวไม่ถูกหลังจากที่ได้รับตำแหน่งสถานะแฟนของมีคุณแล้ว อีกทั้งยังอายเพราะคิดว่าขมิ้นอาจจะไปบอกทุกคนถึงสิ่งที่ได้มาเห็น แต่ถึงยังไงทุกคนก็ต้องได้รู้ นับตังค์จึงรวบรวมความกล้าแล้วปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติก่อนจะเดินตามมีคุณไป ระหว่างทางนับตังค์ขอแวะซื้อกุ้งเผากลับไปด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนรัญญรีค่อนขอดเอาได้
“คุณ!! คิวว่าแล้วว่าไม่ได้ตาฝาดไป เมื่อกลางวันเห็นคุณนั่งอยู่ที่ท้ายรถกระบะแต่ก็เรียกไม่ทัน ดีใจจังเลย” คีตะรู้สึกดีใจมากที่ได้เจอกับคนที่อยากเจอที่สุด เขาเดินเข้าไปคล้องแขนมีคุณด้วยความดีใจ คีตะตามหามีคุณไม่เจอ ไม่มีใครบอกว่ามีคุณหายไปไหน ถามสุดเขตก็ไม่ยอมบอก โทรมาหามีคุณก็ไม่ยอมรับสาย แถมยังไม่โทรกลับอีก ไม่อยากจะเชื่อว่าบทจะเจอก็มาเจอเอาได้ง่ายๆ โชคดีที่คีตะตัดสินใจรับคำเชิญจากเพื่อนรุ่นน้องซึ่งเป็นลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ของเกาะนี้ให้มาเที่ยวในวันสงกรานต์ คีตะถึงได้มาเจอกับอดีตคนรักจนได้
นับตังค์มองคีตะแล้วพิจารณาในใจ ท่าทางของคีตะดูแล้วไม่น่าจะเป็นแค่เพื่อนของมีคุณ สายตาของคีตะที่มองนับตังค์ก็ดูจะพิจารณารูปลักษณ์ของนับตังค์ตั้งแต่หัวจรดเท้า นับตังค์ใส่แค่เสื้อยืดหลวมๆ กับกางเกงเลสีฟ้าสด ผมก็ปล่อยเป็นธรรมชาติไม่ได้รวบไปด้านหลังเหมือนทุกที ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่นับตังค์เห็นรอยยิ้มที่ดูแล้วคิดว่าไม่ใช่สายตาของคนที่อยากผูกมิตรกับตนสักเท่าไหร่ จึงไม่ได้ยิ้มให้แต่มองไปที่มีคุณแทน
“บอสคุยกับเพื่อนไปก่อนแล้วกัน ตังจะเอากุ้งไปให้ทุกคน เดี๋ยวหายร้อนแล้วจะไม่อร่อย” นับตังค์พูดจบก็เดินไปเลย
มีคุณมองตามนับตังค์เดินไปก่อนจะมองมาที่คีตะแล้วถอนหายใจ รู้สึกเบื่อที่โลกลมเกินไป ไม่รู้จะพูดยังไงให้คีตะเข้าใจว่าทุกอย่างมันจบไปแล้วอย่างที่เขาเคยบอกไปหลายครั้ง มีคุณแกะมือของคีตะออกจากแขนของตัวเองแล้วเดินตามนับตังค์ไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของคีตะและไม่สนใจด้วยว่าคีตะกำลังรู้สึกอย่างไร
“ก็รู้นิสัยคิวอยู่แล้วว่าคิวเป็นคนชอบเอาชนะ อย่าหวังจะให้คิวเป็นคนแพ้เลยคุณ ไม่มีวัน” คีตะข่มความหงุดหงิดก่อนจะบอกกับตัวเองว่าจะทำให้มีคุณกลับมาอ้อนวอนขอความรักอย่างที่แล้วมาให้ได้อีกครั้ง
***โปรดติดตามตอนต่อไป***
ว้าว ว้าว เขาเป็นแฟนกันแล้ว คู่รองก็หวานจนครัวจะระเบิด คู่หลักก็หวานแบบพริกกับเกลือ 555
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ดีใจที่ผู้อ่านชอบ อาจจะมีสลับชื่อด้วงกับเมี่ยงไปบ้าง เพราะคนแต่งเบลอตัวหนังสือ
ช่วยเตือนกันได้นะคะ พยายามดูแล้ว แต่บางทีก็หลุดรอดไปจริงๆ T_T เครดิตรูปจาก Google
[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]